[ฟิครับสมัคร] รักสวภัทร : บทที่ 3-1.5 ตอนพิเศษ

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย Aki, 19 กันยายน 2011.

  1. kolonel

    kolonel Demon Daughter of the Light

    EXP:
    380
    ถูกใจที่ได้รับ:
    36
    คะแนน Trophy:
    48
    (กำลังคอมเมนต์นะคะ รอหน่อย >w<)

    แหม แต่ละคนมีนิยามความรักที่ต่างกัน แถมไม่ใช่แค่ความรักของหนุ่มสาวในแง่เดียวซะด้วยซิ ฉะนั้นต่อให้แมวน้อยน่ารักกลายเป็นหนุ่มใหญ่ พวกผู้คนที่สุดแสนมืดมนในหอคงอาจไม่เชื่อแน่ๆเลยค่ะ 555+ (ก็ดูคนในหอแต่ละคนซิ แนวเรียลิตี้กันทั้งนั้น)

    เอาล่ะๆ มาเข้าเรื่องคอมเมนต์กันต่อ :cool:

    ขอเอ่ยก่อนเลย คือ ปกติไม่ใช่คนที่นิยมนิยายหรืออะไรแนวโรแมนติคดราม่า (ในความหมายว่าเรื่องเศร้า) เท่าใดนัก ฉะนั้นอาจคอมเมนต์ไม่เข้มข้นเท่าแนวแฟนตาซีหรืออะไรเถือกๆนั้น ต้องขออภัยด้วยนะคะ m(_ _)m

    อย่างแรกที่จะคอมเมนต์ คงเป็นเรื่องภาษา การบรรยาย... ช่างเป็นภาษาที่ลื่นไหล ต่อเนื่อง นำพาคนไปรับชนเรื่องราวต่างๆได้เป็นอย่างดี หากแต่ว่า มันก็มีจุดบกพร่องอยู่เหมือนกัน ขอลองเปรียบฟิคของพี่อากิเป็นลานสเก็ตน้ำแข็งขนาดใหญ่ รอบด้านประดับประดาด้วยฉากสวยงาม ลงรายละเอียดเป็นอย่างดี น้ำแข็งขัดเงาให้เคลื่อนไหวสะดวก ทุกคนสามารถเข้าถึงมันได้

    แน่นอนว่าผู้อ่านก็เปรียบดังคนที่มาเล่นสเก็ตที่ลานน้ำแข็งแห่งนี้ น้ำแข็งลื่นไหล ทุกคนแล่นไปตามสิ่งและหนทางที่พี่อากิวางไว้ ทันใดนั้น ปัญหา "ลื่นหัวแตก" ก็เกิดขึ้น

    บางช่วงของลานที่เป็นจุดสนใจ น้ำแข็งกลับลื่นจนต้องผ่านเลยไปอย่างน่าเสียดาย ครั้นกลับไปหยุดดูก็ไม่ได้เพราะมันยืนลำบาก คงล้มหัวแตกแหง ถึงหยุดได้ ภาพบางส่วนก็มีความเป็นเซอร์เรียลจนต้องถามผู้ออกแบบ ว่าตรงนี้มันสื่อแบบนั้นหรือเปล่าอยู่ดี?

    แต่มันก็มีข้อดีนะคะ มันให้อารมณ์เหมือนดูหนัง ดูละครซักเรื่องนึง มากกว่าอ่านนิยาย ที่มีดราม่าเข้มข้น ดูในชนิดรวดเดียวจบ แล้วค่อยๆมาคิดก็ได้ว่าเมื่อครู่มีประเด็นน่าสนใจใดๆบ้าง

    ตรงที่ชอบก็คือคำเกริ่นนำก่อนจะเปลี่ยนไปในแต่ละช่วง ยกตัวอย่างเช่น

  2. soulmaster

    soulmaster Endorphinlism

    EXP:
    403
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    18
    อยากรู้จังว่าชื่อ นามสกุลของแต่ละท่านมีที่มาที่ไปอย่างไร และแปลว่าอะไร

    เจ้ายุ่ง ก็ตั้งมาจากลักษณะของแมวจรจัด และreactionของคน
  3. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    ชื่อ - นามสกุล และประวัติจริงครับ

    ชื่อแปลความหมายได้ว่า : ตระกูลที่สืบเชื้อสายกันมาอย่างยาวนาน
  4. kolonel

    kolonel Demon Daughter of the Light

    EXP:
    380
    ถูกใจที่ได้รับ:
    36
    คะแนน Trophy:
    48
    ชื่อนามสกุลสำหรับตัวละครของเราเป็นของเมคใหม่เพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะค่ะ

    อัยย์แปลว่าผู้เป็นใหญ่ เข้ากับที่เธอเป็นลูกคนโต ที่มาก็มาจากเว็บตั้งชื่อเล่นที่เผอิญไปเจอพอดี เลยเกิดชอบขึ้นมา ประมาณว่ามันดูมีพลังดี ( *`ω´) อัยกรมั่วๆมาจากอัยการค่ะ XD ความจริงคือเราคิดตั้งให้เข้ากับชื่อเล่นว่าอัยย์ไปงั้นๆแหละ ไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ ส่วนอัครอัสนี เป็นการเล่นคำกับบริษัทพ่อแม่ของอัยย์ที่มีชื่อว่า Archlighting เฉยๆ ฉะนั้นชื่อและนามสกุลของอัยย์จึ่งเกิดมาจากความมั่วๆของเราเอง เท่านั้นล่ะค่ะ (ฮา)
  5. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    ชื่อ - นามสกุล และประวัติจริงครับ (ยกเว้นส่วนที่เกี่ยวกับหอครับ)

    ชื่อแปลว่า ผู้ที่เป็นเกียรติของตระกูล (แต่ตัวมันเกรียนขาดใจฮาาา)
  6. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    กวีนิพนธ์ ไม่ใช่ชื่อจริง แต่คาแรคเตอร์ผม Evan Yzac มีชื่อไทยว่า กวีนิพนธ์ครับ
    ความหมายก็ คำประพันธ์แบบบทกลอน (ผมเป็นคนชอบโคลงกลอน)

    สุริยะสกุล ก็มาจากOriginal คาแรคเตอร์ของผมอีกเหมือนกัน
  7. soulmaster

    soulmaster Endorphinlism

    EXP:
    403
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    18
    งั้นว่างๆมาต่อกลอนกัน :)
  8. Aki

    Aki Paradox Observer

    EXP:
    485
    ถูกใจที่ได้รับ:
    41
    คะแนน Trophy:
    48
    หลังหน้ากระดาษ

    ขอบอกก่อนเลยว่า... จริง ๆ แล้วมันยังไม่จบตอน 2 แต่ที่ผมลงก่อนเพราะฉากในตอนนี้มันแยกกันพอสมควร แล้วถ้าจะเชื่อมกันมันก็ดูลำบาก เลยขอเล่าแยกเฉพาะตัวละครละกันครับ

    ปล1. ขอบคุณสำหรับตัวละครที่สมัครใหม่อย่างน้อยฝุ่นและโจโกะนะครับ ได้อ่านใบสมัครเรียบร้อยแล้วครับ กำลังหาบทจับให้อยู่ครับ
    ปล2. ตัวละครในบทนี้ยังมีอีกนะครับ อย่างที่บอกว่า มันยังไม่จบบท ฮาาาา

    ยังไงก็ตามขอมาตอบคอมเม้นท์ของสมาชิกแต่ละท่านก่อนลงตอน 2(1) นะครับ



    ก็คิดว่าตัวละครออกเยอะไปเหมือนกันครับ... น่าจะเป็นเพราะผมติดอารมณ์มาจากการดูหนังซีรี่ย์ด้วย ภาพมันก็เลยจะกลายเป็นแบบนั้นมากกว่าลักษณะการเขียนปกติ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ ต่อ ๆ ไปก็จะพยายามปรับออกมากับตัวละครแต่ละตัวครับ


    อยากบอกว่าตอนนี้ปมอีกปมมันก็เพิ่มมาอีก ฮาาาา ของเก่ายังไม่ได้แก้เลย... เหมือนแอบทิ้งภาระให้คนอ่านค้างคากับเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วก็ตัดมาอีกปมหนึ่งแทน

    แหล่งวัตถุดิบน่ะ ก็พวกนายนั่นหล่ะ กร๊ากกก

    ขอบใจมากสำหรับคำผิด แก้ในไฟล์ต้นฉบับเรียบร้อยแล้ววววว


    ดีใจที่ท่านสุมิโยะชอบครับ เสียดายที่ตอนนี้มันออกมาหลายอารมณ์ไม่ได้ เพราะว่าฉากมันเป็นฉากแยก ก็เลยต้องเล่นไปที่ตัวละครเดียว แต่หวังว่าจะยังคงกระตุกอารมณ์ให้ดราม่าได้อยู่นะครับ ฮาาาาา

    เนื้อเรื่องคงไปได้ไกลมากเลยครับ ตอนนี้ผมยังเชื่อมความสัมพันธ์ตัวละครได้ไม่หมดเลย แต่ก็จะพยายามทำไปเรื่อย ๆ ครับ


    อกหักมันดราม่าน้อยไปครับ... แต่มันยังไม่ใช่เร็ว ๆ นี้หรอก

    เอาจริง ๆ แล้ว ผมคิดว่า นภา เป็นตัวละครที่จะโรแมนติคที่สุดในเรื่องนี้แล้วนะครับ (ต้องติดตามใน ตอน 2(2) ครับ ฮาาา มาทิ้งให้อยากตามต่อ)


    ตอนนี้การตัดอารมณ์น่าจะยังประหลาดอยู่บ้าง แต่คิดว่าเพราะฉากมันเป็นฉากต่อกัน ก็เลยไม่น่าแปลกเหมือนตอนแรกแล้วนะ

    ไอ้ตัวทำคนอื่นดราม่า ก็ต้องรอไปดราม่าหลังคนอื่นนะจ๊ะ


    พี่อีวานเม้นท์ยาวจุใจมากเลยครับ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับพี่ ผมเองก็อย่างที่บอกคือเห็นด้วยตามนั้น อารมณ์ของคนเขียนมันออกแนวเล่าเรื่องไปในแนวซีรี่ย์หอพักความรักมากกว่า เพราะงั้นบทนำที่มันเป็นฉากสั้น ๆ จึงดูเหมือนจะกระชับความสัมพันธ์และความรู้สึกของตัวละครให้ออกมาในทางเดียวกันได้ดีกว่า

    (คาดว่า อาจจะกลับไปเล่นมุขนั้นอีกเป็นบางครั้ง)

    แต่คงทำบ่อยไม่ได้ เพราะว่าเนื้อเรื่องของตัวละครที่มีปฏิสัมพันธ์กันเยอะจะไม่เดิน ผมยังติดปัญหาอยู่ที่ว่า การเขียนเล่าเรื่องยาว ๆ เป็นบท ๆ โดยจะวางธีมให้มีประเด็นในตอนหลักเป็นประเด็นเดียวยังเป็นเรื่องลำบากมาก เพราะฉากในการเล่ามันเป็นแพทเทิร์นแบบละครและการแพนกล้อง (อย่างที่พี่อีวานแนะนำไว้) ซึ่งการบรรยายมันจะกระตุกที่อารมณ์ของตัวละครแต่ละตัว

    เพราะงั้นก็ขอฝึกไปเรื่อย ๆ แล้วก็รอฟังคำชี้แนะจากทุกคนนั่นหล่ะครับ

    นอกจากเรื่องการตัดอารมณ์ ปัญหาเรื่องลักษณะตัวละครก็ต้องค่อย ๆ แก้กันไป

    สำหรับฉากในตอนนี้น่าจะมีปัญหาสองอย่างนี้น้อยลง(มั้ง)ครับ ฮา ๆ ๆ


    ผมมันเป็นพวกเสพติดความทะมึนครับ ถ้าดราม่าเกินไปก็ขออภัยไว้ด้วยครับผม... ตอนนี้ผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันจะทะมึนรึเปล่า มันอารมณ์แบบแปลก ๆ (ฮา)


    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำในด้านต่าง ๆ ครับ จะพยายามปรับปรุงเรื่อย ๆ ครับผม ส่วนเรื่องนิยามความรัก ผมก็จะลองพยายามเขียนกว้าง ๆ ในมุมมองของแต่ละคนดูครับ


    ตอนนี้ปมมันก็เพิ่มมาอีกปมซะแล้วสิ กร๊ากกกก
    แถมมันยังไม่มีฉากฮาเลยด้วย

    มุขคิดออกนะ แต่มันเป็นที่ฉากอ่ะ ตัวละครมันไม่อยู่ในอารมณ์ฮาเท่าไหร่

    ไว้นายจัดไซด์สตอรี่แบบฮาๆละกัน กร๊ากๆ


    ขอบคุณมากสำหรับคอมเม้นท์และคำแนะนำจ้า
    พี่คิดว่าแต่ละคนมีแนวที่ถนัดอยู่แล้ว แต่การเขียนงานให้คนอ่านทั่วไปเข้าใจก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะฉะนั้นคำแนะนำของแบมก็เป็นสิ่งสำคัญมาก และพี่ก็เห็นด้วย บางอย่างที่เราสามารถเล่นหรือให้ความสนใจกว่านั้นได้ก็ผ่านไปง่าย ๆ พอจะกลับไปอ่านมันก็เลยกลายเป็นสะดุดอารมณ์ทั้งเรื่อง

    อย่างที่อธิบายไปและแบมก็แนะนำมา ภาพของการเล่ามันเป็นฉากสั้น ๆ และความรู้สึกของตัวละครแบบมุมมองที่สามมันก็ค่อนข้างหลากหลาย เพราะฉะนั้นยังไงก็ต้องฝากติดตามเพื่อแนะนำในตอนต่อ ๆ ไปด้วยจ้าว่าสามารถปรับออกมาได้มากน้อยแค่ไหน

    ปล. ตอนนี้ (หมายถึงตอน 2(1) อัยกรฉายเดี่ยวจริง ๆ อันที่จริงอยากโยงกับคนอื่น แต่ฉากมันไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่ เพราะว่าฉากต่อไปมันจะเป็นหอพัก กลัวอารมณ์มันกระชากแบบน่าตกใจ ฮา ๆ ยังไงก็ฝากติชมอัยกรด้วยจ้า)

    ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์นะครับ

    จะรีบเอาตอน 2(2) มาลงให้เร็วที่สุด เพราะกลัวเรื่องกระตุก จริง ๆ พล๊อตตอนสองทั้งตอนมันเป็นภาพกว้างกว่าตอน 2(1) นะ ถ้าไม่อ่านไล่เลี่ยกันมันจะแปลก ๆ ฮา แต่ฉากมันให้อารมณ์คนละแบบเลยขอลงตอน 2(1) ก่อนละกันครับ
  9. Aki

    Aki Paradox Observer

    EXP:
    485
    ถูกใจที่ได้รับ:
    41
    คะแนน Trophy:
    48
    บทที่ 2 - ห่วง (1)


    “ในระบบนิเวศน์ ทุกอย่างเริ่มต้นที่พืช แล้วสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่กว่าก็คุกคามมันเพื่อความอยู่รอด

    ผู้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของลำดับขั้น คือสัตว์ร้ายซึ่งแข็งแกร่งที่สุด และโหดเหี้ยมที่สุด -- มนุษย์



    บางคนบอกว่า อย่างไรเสียมันก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับสังขาร
    แต่ฉันไม่คิดเช่นนั้น...

    มันพ่ายแพ้ให้ความแข็งแกร่งของตัวมันเอง



    ทุกคนอาจสงสารเจ้าเพื่อนใบเขียว เพราะแม้มันไม่เคยทำลายใคร มันก็ตกเป็นเป้าหมายของสิ่งอื่นเสมอ
    แต่ฉันไม่คิดเช่นนั้น...

    คนต่างหากที่น่าสงสารที่สุด


    ทุกอย่างและทุกสิ่งรู้ว่าตัวเองมีเป้าหมาย เป็นพลังงานให้กับสิ่งอื่น เป็นกำลังให้กับผู้อื่น

    เกิดมาเพื่อถูกฆ่า-- เกิดมาเพื่อมีค่า



    นอกจากฆ่าคนอื่นแล้ว เราทำอะไรไม่เป็น
    ...ไม่มีใครฆ่าเรา...
    .....ไม่มีค่าสำหรับใคร.....


    และนี่คงเป็นภารกิจที่แท้จริงของมนุษย์ การเรียนรู้ที่จะให้...

    เพื่อเติมเต็มช่องว่างซึ่งเราไม่อาจทำได้ ‘ในฐานะผู้อยู่บนยอดพีรามิด’



    ขอบคุณค่ะ”


    ภายใต้กรอบแว่นดำนั้นคือความพิศวง แม้เป็นเลนส์ใสบางก็ยังขุ่นทึบ นัยน์ตาเงาลึกเป็นโลกลับ ความน่าค้นหานี้คือของขวัญที่อัยกร อัครอัสนีย์มอบให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนและอาจารย์ประจำวิชาก่อนหมดคาบ

    แล้วเสียงปรบมือก็กระพือขึ้นราวนักพูดชื่อดังปาฐกถาใหญ่ในงานแถลงสุนทรพจน์

    ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์ความคิดประหลาด

    แต่ไม่มีใครรู้ว่าหญิงสาวผู้นี้ประหม่า

    เธอโค้งตัวเบา รวบกระโปรงพีชดำยาวใต้เข่า แล้วนั่งนิ่งสงบ


    “ท่าทางเราจะเจอนักพูดคนใหม่เสียแล้ว และนี่คือสิ่งที่เพื่อนน้อยต่างสาขาของเราคิดกับ ‘มนุษย์’”

    ชายหนุ่มร่างบางในเชิ้ตฟ้าลายทางขาวปิดหนังสือปกหนาดัง ‘ปึง’ ปลายขาสแลกดำเรียบเข้ารูปโผล่พ้นขอบโต๊ะ

    “...แล้วเราจะมาคุยกันต่อในศุกร์หน้า ว่านอกเหนือจากการให้แล้ว ชีวิตเรายังเหลืออะไรที่มีค่าอีก”

    เขากวาดสายตาขณะพูดต่อนักศึกษาร่วมสามสิบคน แล้วเบนมาสบตาเธอ


    อัยกรแสร้งไม่เห็น

    เธอมีข้อความนอกเหนือจากที่พูดไปอีกเล็กน้อย แต่หมึกในหลอดปลายปากกาเหล็กไม่พอจะเขียนมันได้ต่อ ความก้าวก่ายอุดอยู่ตามซีกเกลียวของหัวเครื่องเขียน

    เป็นข้อความถึงเพื่อนของเธอ -- กวินทราซึ่งนั่งอยู่ด้านข้าง


    “กวินทรา... ไปพบครูที่ห้องด้วย”

    เขาสะพายกระเป๋าพาดไหล่ อีกมือหนึ่งคว้าหนังสือเล่มใหญ่แนบตัว แล้วผลุนผลันเดินออกจากชั้นเรียน ดูท่าเขาจะรู้จักกวินทรา

    สาวหมวยพยักหน้าให้คนสั่งรับรู้ แล้วหันมาทางอัยกร

    “เมื่อกี้พูดได้ดีมากเลยนะอัยย์... ทุกคนทึ่งกันหมดเลย ดูท่าตานั่นจะชอบซะด้วย”

    ความสนิทสนมของสรรพนามจุกต้นคอ แต่ความลังเลเปลี่ยนถ้อยคำเป็นเรื่องอื่น

    “เราแค่พูดตามที่เขียนน่ะวิน ตื่นเต้นจะตาย”

    อัยกรยกนิ้วบางสะกิดขาแว่น “...ขอบคุณมากที่ชวนเรามาลงเรียนวิชานี้ เรายังกล้า ๆ กลัว ๆ จะแสดงความเห็นอยู่เลย”



    ใช่... เธอกลัว

    คนอื่น ๆ อยากฟังสิ่งที่พวกเขาเป็นคนพูด

    และเมื่อเธอไม่ทำตาม

    ใครจะใคร่ฟังเธอ


    แล้วรอยแหว่งวิ่นก็ขยายตัวเบียดบังความกล้าหาญจนหดมิด

    รูอากาศแคบเล็กเกินจะหายใจได้ทั่วปอด

    ฮึด... ฮัด...

    ฮึด... ฮัด...

    ไม่มีช่องว่างให้ความคิดของเธอระเริงบนงานวรรณกรรมสมัยใหม่อีก


    “เดี๋ยวเราไปพบอาจารย์ แล้วต้องรีบไปทำงานต่อเลยนะ”

    เสียงใสของกวินทรากระตุกสัมปชัญญะนักเขียนสาวจากเฮือกสุดท้ายในห้วงพะว้าภวังค์ อัยกรขมวดคิ้วเล็กแต่ไม่ตั้งคำถาม

    กวินทรายกมุมปากลึกเป็นรอยลักยิ้ม

    “ขอโทษด้วยนะที่กลับหอด้วยไม่ได้ ช่วงนี้ที่บริษัทค่อนข้างยุ่งน่ะ มีทัวร์รายสำคัญกำลังติดต่อมา...”

    เพื่อนสนิทพยักหน้าหงึกหงึก รอยยิ้มบางแต้มเหนือคางนวลมน อัยกรเข้าใจความจำเป็นของกวินทราดี

    “ได้จ๊ะ”


    กวินทราดันตัวขึ้นจากโต๊ะเรียนสีครีมขาว เอี้ยวตัวมาส่งยิ้มให้หนึ่งที แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งจนถึงทางออกด้านหน้า เป้ขนาดกลางคลอนดังกับหลังโค้งเว้า ของน้อยใหญ่ตีกันกุกกัก มือเรียวคว้าที่จับเหล็กแล้วผลักออก เมื่อขาเล็กพ้นขอบประตู กวินทราหยุดยืน มองลอดผ่านกระจกพร่า โบกมือลาสองสามรอบ แล้วหายลับไป

    อัยกรนั่งนิ่ง มือล้วงลงในกระเป๋าผ้าลายทางอ่อน

    กองกระดาษเก่าเหลืองนอนราบบนโต๊ะ

    แผ่นแรกยับย่นเป็นร่องบาง ตัวอักษรหมึกดำเด่น

    “...รอยมนตรา (searching for a witch)...”

    .

    .

    .

    .​




    ในสังสารวัฏแห่งรัก... ฉันไม่เคยรู้เลยว่าควรจะสงสารใครกันแน่ ?

    เกมงูกินหางนี้ ไม่มีใครปลอดภัยทั้งนั้น

    ทุกคนตกอยู่ในโซ่ตรวนของความคาดหวัง

    เราปัดป้องความรู้สึกอันมีค่าของตนเอง

    และหาทางฉกฉวยมันมาจากคนอื่น


    สรารินทร์ดูเป็นผู้หญิงเห็นแก่ตัว... แต่ถ้าเธอไม่เหลือเศษรักต่อกวีนิพนธ์ เธอจะเอาเกียรติและศักดิ์ศรีของสตรีมาลู่ให้ทื่อทำไม ?

    กวีนิพนธ์ราววัยรุ่น -- อ่อนต่อโลก สับสน และโลเล... แต่ถ้าเพียงเขาไม่เป็นผู้ใหญ่ เขาคงตกลงใจอะไรได้ง่ายกว่านี้ ทำแบบที่ชายหนุ่มทุกคนทำ ปล่อยให้ความรักเป็นสิ่งเดียวที่จะเลือก

    กวินทรามีเหตุผลที่สุด -- เธอรู้ว่าที่ว่างบางอย่างไม่อาจเติมเต็มได้ด้วยแค่ความรู้สึกหรือความพยายาม... แต่เหตุผลไม่ใช่พลังงานซึ่งมากพอจะสะกดกลั้นอารามรัก และเธอติดขัดอยู่กับความไม่เข้ารูปเข้ารอยของชีวิต


    หรือบางที คนที่น่าสงสารที่สุด... อาจเป็นฉัน
    ผู้มองเห็นความสัปดนนี้จากด้านนอก

    ฉัน... ผู้ไม่เคยมีใครเชื้อเชิญให้เข้าร่วมเยื่อใยความสัมพันธ์แบบนั้น

    แล้วถูกทิ้งขว้างไว้... เหมือน ‘เด็กกำพร้า’


    ความอึดอัดรวนจนมวนท้อง กระดานไวท์บอร์ดขาวเคลอะเลอะคราบหมึกเคมีสีแดงสว่างเป็นฉากรับตะกอนอดีตซึ่งตีรื้นขึ้นมาในความคิด เสียงโวยวายของสองสามีภรรยาแล่นอยู่ในหัว ดังก้องทั่วห้องว่าง

    มีแค่อัยกรที่ได้ยิน

    เธอถือเป็นคนนอกในเรื่องนี้ และแม้มองแบบผู้ไม่มีส่วนร่วม เธอก็ตัดสินใจไม่ได้ว่าใครคือเหยื่อของความรัก
    อย่างไรเสีย ความลำเอียงบางอย่างโน้มน้าวให้เธอเข้าข้างเพื่อนสาวมากกว่า


    นักศึกษาการละครคลอนหัวเบา จัดการสัมภาระส่วนตัวลงกระเป๋าแล้วยกขึ้นเทียบไหล่ ส่วนเอกสารปึกนั้นยังอยู่ในมือ

    ความพะวงเต้นตุบ ๆ ตามชีพจร แต่อัยกรไม่ใส่ใจ เธอถัดตัวเองจากที่นั่งสู่ทางเดินกลาง แล้วซอยเท้ายาวก้าวลงทีละขั้น ชั้นบันไดในห้องโถงใหญ่ชันแบบสโลปเป็นพื้นครีมอ่อนเปื้อนรอยกระดำกระด่างจากฝ่าเท้าหนัก


    ครืดดดดด

    “กวินทรา!”

    อัยกรชะงักปลายผ้าใบขาวก่อนถึงโต๊ะไม้ด้านหน้า ชายหนุ่มร่างสูงสันทัดพรวดเข้ามาจากประตูใสขวามือของเธอ เสียงหอบเบาลอยเคล้าเม็ดเหงื่อชุ่มพราวโครงหน้าเข้ม

    อัยกรผินตัวไปมองตาม ผู้ชายคนนี้รูปหน้าเรียบเกลา หล่อเหลาราวกับถอดมาจากนิตยสารแฟชั่น เรือนผมสั้นจัดทรงไล่น้ำหนักตามสมัย ปลายผมเปิดหน้าผากมน เนินจมูกโด่งเป็นสันกั้นปลายคิ้วยาวพอดีนัยน์ตาน้ำตาลคม ริมฝีปากเล็กบางนวลอ่อนรับผิวขาวเนียนระเรื่อแก้มตึง ช่วงขาสูงสมส่วนกับหุ่นแน่น ร่างกายเขาไม่ได้กำยำใหญ่ดั่งนักกีฬา แต่ก็ไม่ผอมบางจนเกินไป ร่องอกกระชับพอดีกับเชิ้ตสีเทาแบบนิยม ปล่อยชายเสื้อลู่เลยขอบเข็มขัดขาวคาดทับยีนส์เนื้อสากเข้ารูป

    ผมดำซอยสั้นระต้นคอเคลียเหงื่อเพราะแรงวิ่ง เขารีบ -- เพื่อมาหากวินทรา

    สาวร่างสูงยังคงวาดสีหน้านิ่ง แม้จะรู้จักกับคนที่เขาเรียก

    ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น หันซ้ายหันขวาจนทั่ว ก่อนหยุดจ้องลึกเข้าไปใต้แว่นตากรอบดำ

    “ชั้นเรียนเลิกแล้วหรือครับ ?”

    “ค่ะ... สักพักแล้ว”

    เธอคุ้นหน้าเขา แต่ไม่มีเหตุให้ถาม อัยกรเดินตรงหมายจะออกจากห้อง

    เขามุ่ยหน้าลงเหมือนผิดหวัง ก่อนเอ่ยปากอย่างตะกุกตะกัก

    “อะ... เออ... กวินทรา”

    คงเป็นเจ้าของชื่อที่ทำให้เขาลำบากใจจะถาม “...คุณรู้จักไหมครับ ?”

    อัยกรไม่ตอบ เธอไม่สนิทกับเขาพอจะพูดเรื่องของเพื่อน

    และเขาพยายามให้เหตุผลเพื่อตื๊อให้เธอยอมคุย

    “ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ผมคิดว่าวิชานี้เป็นวิชาบังคับเฉพาะสาขา คุณก็น่าจะเป็นเพื่อนของกวินทราใช่ไหมครับ ?”

    “ค่ะ...”

    มีท้ายประโยคที่อัยกรคิดต่อในใจ ‘แต่ดิฉันไม่ได้เป็นเพื่อนของคุณ’

    เหมือนเขาฉลาดพอจะมองริ้วรอยกังวลบนใบหน้าเรียวมนของอัยกรออก ชายหนุ่มเอ่ยแม้หญิงสาวใช้ทีท่าปฏิเสธการเสวนา

    “ผมชื่อ นรันดร์ ครับ... เป็นคนรู้จักของกวินทรา และก็เป็นเพื่อนของอาจารย์ที่สอนวิชานี้ด้วย”

    คนทั้งสองไม่ได้อยู่ที่นี่ เธอไม่ใช่คู่สนทนาของเขา


    “ค่ะ...”

    อัยกรไม่เล่นตามเกม หญิงสาวโคลงหน้าแบบไม่เข้าใจจุดประสงค์และความหมาย

    นรันดร์เริ่มตระหนักทีละนิด ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา ไม่บ่อยนักที่เขาจะเจอคนแบบเธอ แม้แต่ในผู้ชายด้วยกันเอง -- สมแล้วที่เป็นเพื่อนของกวินทรา

    และนั่นเหมือนจะทำให้เขาสนใจเธอ แบบที่สนใจเพื่อนของเธอ


    “ผมมาที่นี่ครั้งที่แล้ว แต่ก็ไม่เห็นคุณ... คุณมาจากสาขาอื่นหรือครับ ?”

    อัยกรลอบเดาะลิ้น เขาเป็นคนช่างสังเกต... แต่ยังไม่มากพอให้เธอตกหลุมพราง

    “ค่ะ...”

    เล่ห์กลของผู้ชายคนนี้ร้ายกาจ ใช้เสน่ห์ของความเป็นคนละเอียดอ่อนตะล่อมให้หลงใหลในคารม


    “ถ้าคุณไม่ใช่เพื่อนในสาขา ก็คงต้องเป็นเพื่อนที่หอพักของเธอ... เพราะนอกจากที่มหา’ลัย และที่ทำงาน เธอก็เหลือเวลาแค่พักผ่อนที่อพาร์ทเมนต์เท่านั้น”

    อัยกรไม่มีทางหลุด ‘ค่ะ’ ออกไปเด็ดขาด นั่นคือสิ่งที่นรันดร์ต้องการในตอนนี้ เขาเปลี่ยนเป้าหมายจากเรื่องของเพื่อนเป็นเรื่องของเธอแล้ว


    “ด้วยการให้เหตุผลแบบนั้น... ดิฉันว่าคุณด่วนสรุปเกินไปนะคะ กวินทราเข้ากับคนอื่นง่าย เพื่อนของเธอไม่ได้อยู่แค่ในสาขา ในที่ทำงาน หรือในหอพักเท่านั้นหรอกค่ะ”

    “ด้วยการให้เหตุผลแบบนั้น... คุณก็ไม่ได้ด่วนสรุปหรือครับ ?”

    นรันดร์ยกริมฝีปากข้างหนึ่งเบา ๆ เขาอยากรู้ว่าเธอจะแก้ทางตัวเองอย่างไร ?


    แต่คำตอบของสาวนักเขียนทำให้ชายผู้เต็มไปด้วยความมั่นใจผงะ

    “ไม่หรอกค่ะ... เช่น ‘คุณ’ เป็นตัวอย่าง”


    ‘เสียท่า!’

    นรันดร์เผลอชักสีหน้าจนอีกฝ่ายจับความตระหนกได้


    “ข้อที่หนึ่ง... คุณบอกว่าคุณเป็นเพื่อนของอาจารย์ นั่นทำให้ดิฉันทราบว่าคุณไม่ใช่นักศึกษาในสาขา”

    อัยกรใช้หลังมือกระดกปลายผมหยักศกคลอท้ายทอย เธอกำลังตอกเจ้าหนุ่มขี้หลีคนนี้ให้เจ็บแสบ

    “ข้อที่สอง... ดูไม่สมเหตุสมผลที่เพื่อนจากที่ทำงานของกวินทราจะรุดมาหาถึงชั้นเรียนก่อนเวลาเข้างานของเธอไม่นาน นั่นทำให้ดิฉันทราบว่าคุณไม่ใช่เพื่อนในที่ทำงานของกวินทรา...

    “ข้อที่สาม... แทนที่คุณจะโทรศัพท์ไปหา คุณกลับถามคนแปลกหน้าว่ารู้จักกวินทราไหม ? นั่นทำให้ดิฉันทราบว่าคุณไม่ได้สนิทกับกวินทราพอ...

    “ด้วยเหตุผลง่าย ๆ สามข้อ คุณก็ไม่ใช่เพื่อนของกวินทราในสาขา ในที่ทำงาน หรือในหอพัก... ดิฉันจึงคิดว่าคุณด่วนสรุปเกินไปค่ะว่าดิฉันเป็นเพื่อนที่หอพักของกวินทรา”


    แทนที่นรันดร์จะหน้าเสีย เขากลับทึ่ง

    ภายนอกผู้หญิงคนนี้ดูเป็นเด็กไม่ประสีประสา ผมเผ้าเรียบร้อย แต่งกายตามระเบียบ และนั่นบดบังความเป็นสาวสะพรั่งของเธอ

    ความคิดแบบที่... เท่าทันผู้ชายกำลังกระชากความสนใจของนรันดร์ซึ่งเคยมีให้กับหญิงอื่น


    ใบหน้าเขาเปื้อนยิ้มหล่อ

    “มีความรู้สึกสามอย่างที่ทำให้ผมคิดว่าคุณเป็นเพื่อนกวินทราที่อพาร์ทเมนต์ครับ”

    อัยกรเลิกคิ้วกลับ บางทีเธอก็คงต่อล้อต่อเถียงเพราะสนใจในตัวนรันดร์เหมือนกัน

    “หนึ่ง... ผมรู้สึกว่าคุณมั่นใจเกินไปว่าผมไม่ใช่เพื่อนที่หอพัก คุณไม่น่ามั่นใจแบบนั้นถ้าคุณเองก็ไม่ได้อยู่ที่นั่น”

    อัยกรยกมือขึ้นอังปาก กลายเป็นฝ่ายเธอเสียเองที่บอกเรื่องราวส่วนตัวให้นรันดร์รับรู้

    “สอง... ผมรู้สึกว่า ผมคุ้นหน้าคุณ”

    กลายเป็นฝ่ายเธอเสียเองที่หวั่นไหวกับคำว่า ‘คุ้นหน้า’

    “สาม...”

    นรันดร์ไม่พูด ชายหนุ่มมองลึกลงไปในนัยน์ตาดำเงาของหญิงสาวตรงหน้า แล้วคลี่ยิ้มบางอีกครั้ง

    ทั้งที่บทสนทนามีเพียงชื่อกวินทรา แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ที่มันกลายเป็นของนรันดร์และอัยกร

    แม้เธอเคยใช้ถ้อยคำสละสลวยถ่ายทอดเรื่องราวในงานเขียน แต่ไม่มีคำใดเลยจะอธิบายความรู้สึกนี้ได้ แว่บหนึ่งไอร้อนผ่าวก็วูบผ่านเบ้าหน้า แล้วทิ้งไว้เพียงรอยเรื่อแดงฝาดสองข้างแก้ม

    มือเล็กคลายจนเศษกระดาษร่วงกรู


    ‘ถูกแล้วที่ฉันสงสารตนเองที่สุด... ฉันเผลอไผลให้ตัวเองตกมาอยู่ในห่วงโซ่นี้ แล้วกลายเป็นเหยื่อของความรัก’

    .

    .

    .

    .


    ############### (end) รักสวภัทร : บทที่ 2(1) (ห่วง) ###############​


    ขอขอบคุณตัวละคร
    กวินทรา จันทรกานต์ (tokichan หรือ น้องแน็ก)​
    อัยกร อัครอัสนีย์ (kolonel หรือ น้องแบม)​
    นรันดร์ สิทธณปกรณ์ (Original ของผมเอง)


    หลังหน้ากระดาษ : ตอนนี้เป็นบทที่ 2(1) ครับ บทที่ 2(2) จะตามออกมาในไม่ช้า ขอชี้แจงสาเหตุการแยกตอน เพราะฉากและอารมณ์ของตัวละครในสองตอนย่อยนี้ค่อนข้างจะขัดกันมาก แล้วเชื่อมอารมณ์ยากครับ ถ้าเขียนเป็นตอนเดียว อารมณ์ของตัวละครและฉากคงจะกระโดดแน่นอน เลยขอเขียนแยกครับ แต่ธีมของตอนนี้ทั้ง 2(1) และ 2(2) เป็นธีมแบบเดียวกันครับ แต่คนละมุมมอง

    เหตุผลที่ต้องเขียน 2(1) เพราะว่า เรื่องราวระหว่างนรันดร์กำลังจะเชื่อมกับหลาย ๆ คนในหอพักให้ชัดเจนขึ้น ซึ่งจะเข้าไปก้าวก่ายความสัมพันธ์ระหว่างของกวินทรา และพิชามญธุ์ ความสัมพันธ์ของสามสาวในหอพักนี้ก็จะตกอยู่กับบทบาทของนรันดร์ครับ

    ยังไงก็ตามหวังว่าตอนนี้ยังให้อารมณ์มืดมนและดราม่าอยู่นะครับ จริง ๆ แล้วแอบแฝงเสน่ห์ของความรักไว้นิดนึงด้วย แต่ท่าทางกลิ่นไอดราม่าจะกลบซะหมด ฮาาาา

    ขอบคุณที่ติดตามฟิคเรื่องนี้เป็นอย่างดีครับ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ที่เป็นประโยชน์ของทุกท่านด้วย :)

  10. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    อูอาาตอนใหม่มาและ ในบทนี้ทำให้ฟิคเรื่องนี้เด่นชัดในความ"คม"ของตัวละครที่เอามาใช้ และเชือดเฉือนกัน แต่ภาพโดยรวมมันก็ยังคงอึมครึมและมืดมน แต่ก็น่าติดตาม;)
  11. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    ตอนแรกตื่นมาเพราะหิวจนนอนไม่ค่อยจะหลับไม่นึกว่าจะได้อ่านตอนใหม่ พอเปิดดูเล่นๆปุ๊บกลับเจอกระทู้อัพเดตซะนี่แฮะ >_<

    ตอนนี้อ่านแล้วรู้สึกชอบบุคลิกของอัยกรขึ้นมา ดูเป็นคนช่างคิดช่างสังเกตดี เผลอๆถ้าจับแยกไปเป็นอีกซีรี่นึงคงกลายเป็นตัวละครในนิยายแนวสืบสวนไปได้ด้วยเลย

    คิดว่าได้รับสารที่ตั้งใจจะสื่อออกมาในตอนนี้เรียบร้อยแล้วนะฮะ สองคนนี้ถามตอบจับผิดกันได้รสได้ชาติเลยทีเดียว >_<
  12. Aki

    Aki Paradox Observer

    EXP:
    485
    ถูกใจที่ได้รับ:
    41
    คะแนน Trophy:
    48
    จริง ๆ มีตัวละครออกอีกตัวนะครับ ลืมบอกไป เพราะไม่ได้ใส่ชื่อไว้ในฟิค
    (อยากไปอีดิต แต่อีดิตไม่ได้ รูปหน้าเสียอ่ะ ขี้เกียจปรับใหม่)

    ขอขอบคุณตัวละคร
    กวินทรา จันทรกานต์ (tokichan หรือ น้องแน็ก)​
    อัยกร อัครอัสนีย์ (kolonel หรือ น้องแบม)​
    นรันดร์ สิทธณปกรณ์ (Original ของผมเอง)
    กณิกนันต์ ศรีวัลลภ (aki หรือ ผมนั่นเอง ฮาๆๆ) ไม่ต้องเดาก็รู้เลยใช่ไหมครับว่าเป็นใคร กร๊ากกกก

    (คอมเม้นท์ขอตอบในตอนหน้านะคร้าบ)
  13. soulmaster

    soulmaster Endorphinlism

    EXP:
    403
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    18
    แต่เหตุผลไม่ใช่พลังงานซึ่งมากพอจะสะกดกลั้นอารามรัก - น่าจะเป็นอารมณ์รัก

    เสียงใสของกวินทรากระตุกสัมปชัญญะนักเขียนสาวจากเฮือกสุดท้ายในห้วงพะว้าภวังค์ - น่าจะเป็นห้วงภวังค์ ถ้าตามหลักแล้วพะว้าพะวังหมายถึงห่วงหน้าพะวงหลัง แต่ถ้า -พะวัง +กับภวังค์แล้ว ก็คือกำลังคิดเป็นห่วงอะไรอยู่ แต่ผมว่าอย่าไปสนราชบัณฑิตเลย แหะๆ

  14. Ryuto

    Ryuto 終わる道、始まる夢

    EXP:
    964
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    88
    เข้ามาชาบู กลับบ้านมาได้อ่านพอดี-3-

    อ่านไปอ่านมา....สั้นมาก ฮ่าๆๆๆๆ สงสัยอ่านข้างบนมาแล้วบางส่วนด้วย สงสัย 2-2 จะมาในเร็ววันนี้....5 5 5 5+

    เรื่องการแต่งมันก็เล่นกันเหมือนเดิม แต่เรื่องฉากบรรยายก็ลื่นแล้วนะนายไม่ขัดตาเหมือนตอนที่แล้ว ก็ศาสดานี่นะ 5 5 5 5+

    /ต้มมาม่ารอตอนต่อไป
  15. sumiyo

    sumiyo Vincent4ever!!!

    EXP:
    267
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    18
    นรันดร์โผล่มาแล้วว~~~~!!
    จะได้รู้ซะทีว่าหมอนี่เป็นใคร รู้สึกว่าจะเกี่ยวข้องกับน้องวินของเราซะจริง! >3

    รออ่านต่อไปอยู่นะค้า~ กำลังเข้มข้นเชียว!

    ชื่อตัวละครเราสมมติเอาน่ะค่ะ (ถ้าใช้ชื่อ-นามสกุลจริงเลยออกจะน่ากลัวไปน้า... ^^")
    แต่นิสัยตัวละครมาจากตัวจริงล้วนๆเลยค่ะ! เหะๆ...
  16. shinkyoto

    shinkyoto Well-Known Member

    EXP:
    580
    ถูกใจที่ได้รับ:
    3
    คะแนน Trophy:
    88
    ถ้าต้องการปืนสั้นราคาถูก แวะมาซื้อที่ห้องได้นะ (หรือสเปรย์พริกไทยถ้าใจไม่มืดมนพอ)
  17. derick

    derick Member

    EXP:
    339
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    18
    เอิ่ม..........นี่มันหอดราม่าสินะ 55555555555 แลดูชีวิตรักจะรันทดกันเหลือเกิน อารมณ์รักมันก็สลับ ๆ กันปาย~

    ไม่รู้จะเมนท์อะไรแหะ พออ่านมันก็ให้ความรู้สึกแบบ อยากยุ่ง แต่เข้าไปยุ่งไม่ได้ เรื่องของใครเรื่องของมัน ยังไงไม่รู้

    รอตามต่อไป
  18. kolonel

    kolonel Demon Daughter of the Light

    EXP:
    380
    ถูกใจที่ได้รับ:
    36
    คะแนน Trophy:
    48
    นี่เป็นตอนที่เราอ่านไปมากกว่าสิบรอบแล้ว...

    สนุก สนุกแบบไม่รู้สาเหตุ จะว่าลำเอียงเพราะตัวละครของเราออกคนเดียวแล้วอวยนอกหน้าก็ได้นะ (ฮา) แต่แบบ ตอนนี้มันสั้นๆ อารมณ์คงที่ อ่านง่าย ภาษาไม่หนักหน่วง หรือโฟลว์ยากแบบตอนที่แล้ว ถึงต้องอ่านหลายๆรอบเพื่อเก็บบรรยากาศหน่อย แล้วต้องไปนั่งคิด ทำอะไรก่อนจะอ่านอีกรอบบ้าง เพราะแม้จะสั้น มันก็ละเอียดอ่อนกว่าตอนอื่น ซึ่งพอเข้าใจรายละเอียดแล้ว จะสามารถจินตนาการเป็นภาพได้เหมือนหนังเลยค่ะ มันชัดเจนดีมาก (อย่างเช่นคำบรรยายห้องเรียนน้องพี่สีชมพู ฮุๆ) อ่านแล้วอยากลองเขียนภาพประกอบตอนนี้ขึ้นมาด้วยซ้ำ เพราะรู้สึกชอบแบบแปลกๆ

    ให้พูดถึงฟิคตอนนี้ คงจะยาวล่ะนะ (ยิ้ม) เพราะมันเป็นเรื่องราวของคนๆเดียว ฉะนั้นคงวิจารณ์เป็นส่วนเนื้อเรื่องผสมตัวละครไปเลย ถ้าคอมเมนท์อ่านยากยังไง ก็ขออภัยด้วยนะคะ

    <- จัดไปค่ะพี่ชาย

    คือ... ตอนนี้มันจะอารมณ์ต่างจากที่แล้วๆมา ปกติเวลาพวกตัวเอียงก่อนเปลี่ยนตัวละครไปในแต่ละช่วง เราจะรู้สึกเหมือน มี 'ใครสักคน' มา 'อธิบายความรู้สึกของตัวละคร' มากกว่าตัวละครนั้นกำลังคิดถึง ไม่ก็บรรยายความรู้สึกถึงตัวเองในจิตใจ แต่บทนี้ เรา'เห็น' อัยกร 'บรรยายความรู้สึกของตนเอง'ชัดมากๆ มากกว่าตัวอื่น ทั้งความมืดมนในส่วนลึกของตัวเอง ความกลัว ความประหม่าในความคิดผู้อื่น หรือความคิดในฐานะคนนอกที่สนิทกับคนใน(ฟังดูย้อนแย้งพิกล)

    แบบถ้าดูๆภายนอกแล้ว ถ้าเป็นตัวละครในการ์ตูนญี่ปุ่นก็จะเป็นสาวแว่นที่เลนส์เป็นสีขุ่นๆอยู่ตลอดเวลา มองนัยน์ตาไม่เห็น ทำท่าทางอายๆ อินโนเซนต์ แบบที่นรันดร์คิด...

    สิ่งที่ถูกบดบัง ใช้คำว่าสาวสะพรั่งมันดูแปลกๆในความคิดเรา (ฮา)

    ในตอนที่กล่าวกับทั้งชั้นเรียน (ไม่รวมตอนกล่าวเสร็จแล้วนั่งนะเออ) และตอนที่เธอหยิบนิยายของตัวเองออกมา ยันต่อปากต่อคำกับนรันดร์ ...จะรู้สึกเหมือนเห็นผ่านเลนส์ที่กลายเป็นสีใส สังเกตได้ถึงนัยน์ตาของเธอ ที่คม... อาจถึงขั้นแข็งกร้าว (ตอนที่กล่าวเหตุผลกับนรันดร์) ท่าทีเรียบเฉย แต่เต็มไปด้วยพลังบางอย่างที่บอกไม่ถูก เหมือนมีอะไรอยู่ข้างในเยอะมากๆ (ซึ่งดูจากทั้งบทแล้ว จะพบว่าฟีลลิ่ง ความคิดของอัยย์นั้น'เยอะ'จริงๆ) ซึ่งนั่นคงเป็น 'สิ่งที่ถูกบดบัง' จากภายนอกอันแสนเรียบของผู้หญิงที่ชื่ออัยกรล่ะนะ

    โดยเฉพาะความคิดที่เหมือนผู้ใหญ่ แบบท่อนนี้...

    เธอก็คิดได้อ่ะน้า

    ก่อนจะโยงไปถึงตอนจบบท ก็ต้องพูดเรื่องโต้วาทีของอัยกรกับนรันดร์ให้ล่วงเสียก่อน มันเป็นท่อนที่อ่านเยอะมากๆ สนุก เฉือนคมและเชือดนิ่มในตอนท้าย แต่ก็อ่านแล้วอ่านอีก เพราะ Reaction ของอัยย์ที่เจออีกฝ่ายครั้งแรกมันกระแทกใจเราดีมาก ออกแนวสะใจตามด้วย กับไอ้คำตอบที่ว่า "ค่ะ..." ทุกคำตอบที่นรันดร์ถาม มันแบบ... มีครั้งนึงถึงเราอ่านแล้วหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง ไม่รู้ทำไม แต่ขอพูดแบบเด็กๆเลยนะ สะใจอ่ะ! ประมาณว่าหล่อนแน่ขริงๆ

    ยิ่งความคิดที่อยู่ข้างในแต่ไม่พูด ยิ่งทำเราขำอยู่ในใจจริง ยกตัวอย่างเช่น

    นรันดร์เองก็ร้ายใช่ย่อย ใช้เสน่ห์เป็นอาวุธ ผู้หญิงทั่วไปที่เจ้าตัวพูดถึงคงจบตั้งแต่เห็นหน้าแล้วซินะ เป็นตัวละครแนวเพลย์บอย แล้วฉลาดอีกต่างหาก ตัวอันตรายพันธุ์แท้เลย แต่เหมือนอะไรๆของหมอนี่ พี่อากิรอคอยเผยในบทถัดไป จึงขอกล่าวไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะคะ m(_ _)m

    แต่ยังไงก็ตาม พี่ดึงคาแรคเตอร์ของสองคนนี้ออกมาได้ดี เชือดเฉือนกันแบบไม่มีใครยอมใครจริงๆ แต่สุดท้ายอัยกรก็เสียท่าไปอย่างง่ายๆ แบบที่ยอมรับได้(?) ก็ยังไงผู้หญิงก็เป็นผู้หญิงล่ะนะ ยังไงก็ต้องมีส่วนอ่อนไหวที่ปิดไม่มิดอยู่เหมือนกัน แล้วผู้ชายประเภทนรันดร์ ก็เป็นฝ่ายรู้ดีซะด้วยเนี่ยซิ

    ท่าทีเธอในตอนสุดท้ายจึงดูเหมือนถูกทำลายความมั่นใจที่ตัวเองพยายามสร้างมาหมดเสียสิ้น และกลับสู่ตัวเธอที่หวาดกลัว แบบท่อนที่พี่เขียนว่าว่า "แล้วรอยแหว่งวิ่นก็ขยายตัวเบียดบังความกล้าหาญจนหดมิด" นั่นแหละ

    ...

    ถ้าให้คิดล่ะก็ จิตใจอัยย์อาจทำจากเหล็กหนา แต่กลับมีรอยร้าวที่สมานไม่ลง ซึ่งพี่อากิคงดึงรอยนี้มาเล่นอีกเรื่อยๆ เป็นดราม่าให้เสพย์กันต่อไป ไป ไป... (เอคโค่)

    ป.ล. มีตรงหนึ่งที่เขียนชื่อ "อัยกร" เป็น "อัยการ" นะจ๊ะ ลองหาดูละกัน <3
  19. onikuro13

    onikuro13 Sadistic Queen

    EXP:
    299
    ถูกใจที่ได้รับ:
    7
    คะแนน Trophy:
    38
    ชอบการใช้ภาษานะ อ่านแล้วติดเลย รู้สึกว่ามันสละสลวยปนติดเรทแบบแปลกๆ (หรือเรารู้สึกคนเดียวเนี่ย?)
  20. Aki

    Aki Paradox Observer

    EXP:
    485
    ถูกใจที่ได้รับ:
    41
    คะแนน Trophy:
    48
    หลังหน้ากระดาษ

    มาแบบแอบช้าไปหน่อย ๆ แต่ก็อาทิตย์ละตอนพอดีเป๊ะ ฮาาาา จริง ๆ ไม่คิดว่าจะเสร็จวันนี้ แต่ก็เขียนมาจนจบอารมณ์พอดี ก็เลยขอเอามาลงเลยละกันครับ มาแล้วครับกับบทท้ายของตอนที่ 2 - ห่วง
    คิดว่าอารมณ์แหวกจากตอนต้นอยู่ จริง ๆ คิดว่าตอนนี้เป็นตอนที่น้อยเหมือนกัน (ทำไมยิ่งแต่งยิ่งน้อยลง ฮา) อยากทำให้ยาวกว่านี้ แต่เหมือนอารมณ์ของเรื่องมันมาสุดแค่นี้ครับ ก็เลยแต่งได้แค่นี้ ตอนนี้ปริศนาบางเรื่องก็เริ่มคลายแล้ว แต่ยังคลายไม่สุด แถมเหมือนยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นชิ้นเป็นอันด้วย เอาซะว่าเป็นตอนต่อที่เหมือนจะทำให้เรื่องคืบไปได้มั้งครับ

    อารมณ์ของตอนนี้ ก็อยากให้มีทั้งสองแบบ คือ ดราม่า กับ โรแมนติก... แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้ดีไหม... เพราะจริง ๆ มันควรจะเริ่มโรแมนติกบ้างได้แล้ว ไม่งั้นเรื่องก็คงไม่เดิน ฮาาาา

    ถ้าสังเกต... ผมพยายามจะตัดดราม่าแยกมาเป็นคน ๆ เพราะฉะนั้น ตอนสามน่าจะเริ่มเคลียร์บางอย่างของตัวละครหลัก ๆ ที่ออกมาตั้งแต่โหมโรงครับ แต่ก็ไม่ได้เคลียร์หมด เป็นติ่งไว้อยู่ คงจะหยุดไว้หรือชะลอดราม่าให้ดูเข้ารูปเข้ารอยแล้วเริ่มเปิดดราม่าใหม่ในตอนที่สี่กับตัวละครอีกตัวสองตัวครับ :)

    หวังว่าทุกคนจะเชียร์ตัวละครในตอนนี้กันต่อไปนะครับ

    ปล. คิดว่า ทุกคนคงจะเกลียดนรันดร์ขึ้นอีกนิด กร๊ากกกก (สะใจออริตัวเอง)

  21. Aki

    Aki Paradox Observer

    EXP:
    485
    ถูกใจที่ได้รับ:
    41
    คะแนน Trophy:
    48
    บทที่ 2 - ห่วง (2)


    คืนหนึ่งเจ้ายุ่งไม่สบาย... มันนอนซม ไม่แตะข้าวแตะปลา
    ซึม... เศร้า...
    ไม่หยอกล้อ หรือยั่วเย้า... มันกลายเป็นเจ้าเหมียวตัวอื่นที่ไม่ใช่ไอ้ยุ่งซึ่งผมรู้จัก


    เวลาหมาแมวป่วย... มันคงไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเป็นอะไร
    แต่หมอจะเป็นคนบอกแทน...

    เหมือนกับคนติดในห่วงรัก
    เขาหรือเธอไม่เคยรู้
    เสียดายที่ผมเป็นเพียงสถาปนิก ไม่ใช่แพทย์

    หรือถึงผมจะเป็น... ก็คงรักษาเธอไม่ได้

    ... น้ำมนต์กำลังไม่สบาย ...
    เธอไม่บอก
    แต่รอยยิ้มเฝื่อนนั่นทำให้ผมปวดใจยิ่งกว่า

    บ้าเอ้ย!


    ปลายพู่กันเปียกชะงัก หยดสีฟ้าอ่อนกระเด็นเบาเป็นจุดเล็ก รอยสีเลอะผสมจางจนด่าง ความหงุดหงิดของนภาแต้มภาพเสียบกพร่อง คมตาน้ำตาลสะดุด เขารุดออกจากความเหม่อแล้วรีบคว้าพู่กันหัวเล็กกว่าชุบน้ำหมาด ป้ายทับคราบเปรอะจนส่วนเสียอ่อนลงชัดก่อนกดแผ่นทิชชู่ขาวหนักซับและยกออกให้เห็นเป็นช่องสะอาด

    ‘ความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ บนภาพวาดไม่ได้ทำให้มันเสีย ศิลปะที่ดีมีรอยตำหนิเสมอ’

    สายลมจุ่มพู่กันขนอ่อนเลียดถาดสี ลิ่มเขียวเข้มติดตามปลายมนนุ่ม เขาหย่อนแท่งพู่กันลงในแก้วน้ำใสข้าง ๆ ลู่ปลายขนนกจนสีเจือกับน้ำสะอ้าน ละอองเขียวฟุ้งเป็นตะกอนขุ่น

    ‘เพราะเราบรรจงลงความรักในภาพ’

    ก่อนจะเกลี่ยรอยด่าง เขาใช้พู่กันเล็กชุ่มน้ำซึ่งหนีบอยู่ในซอกมือเรียวแตะรอบวงขาว แล้วช้อนระบายสีเขียวทับจนกลืนเรี่ยม

    ‘แต่ในความรัก... เราจะใช้อะไรแก้ไขหัวใจซึ่งบุบสลาย ?’

    นภาแต่งตวัดภาพวาดสีน้ำอย่างชำนาญ เขาเริ่มเก็บรายละเอียดที่เหลือจนเห็นเป็นวิวทิวทัศน์ในทุ่งดอกไม้กว้างรับท้องฟ้าสีครามประดับปุยเมฆขาว หญิงสาวผมยาวยืนอ้าแขนบางออก ลำตัวปะทะสายลมอุ่นซึ่งพัดมาจากทางตอนใต้ เรือนผมน้ำตาลเข้มพลิ้วไสวคู่เคียงไปกับใบไม้สีอ่อนและกลีบดอกสีสด กลุ่มเกสรปลิวโอบรอบเธอราวอ้อมกอดจากชายหนุ่มที่ยืนอยู่ห่าง ๆ ใต้ต้นไม้เล็ก ๆ มุมภาพ มุมที่พิชามญธุ์อาจมองไม่เห็น

    ‘บางที... คงต้องเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่กว่า’

    สิ่งเดียวซึ่งนภาคิดมาตลอดตั้งแต่ตัดสินใจวาดภาพนี้ได้ คือ... ‘เขาจะดูแลน้ำมนต์ด้วยฐานะอะไร ?’


    หนึ่งปีก่อนหน้านี้ เมื่อเขาย้ายเข้ามาพักที่นี่ใหม่ ๆ เธอเป็นเพื่อนบ้านคนแรก

    เย็นวันหนึ่งซึ่งร้อนระอุในต้นฤดูฝน พิชามญธุ์เห็นเขานั่งวาดภาพตรงโต๊ะม้าหิน นัยน์ตาคมใสจ้องมองอย่างสนอกสนใจ เธอย่อตัวลงแล้วพิศภาพนิ่ง ชั่วครู่ที่ใบหน้าเรียวเผยอยกขึ้น ภาพสะท้อนบนดวงตาน้ำตาลกลมก็ฉุดสติจนเขาสะดุดให้แก้มแดงผ่าว -- นภาอนุมานว่ามันเกิดขึ้นเช่นเดียวกับเหงื่อที่ซึมตามซอกคอและไรผม


    ด้วยทีท่าประหม่าของสายลม เธออึกอักแล้วผินหน้าออก ความอัธยาศัยดีทำให้เขาแนะนำตัวกับเธอในตอนนั้น

    แต่เมื่อเจอกันครั้งต่อมาบนระเบียงชั้นสี่ เขาก็ต้องบอกชื่อตนเองอีกรอบ

    และเช่นเดียวกับ... เมื่อพบกันเป็นครั้งที่สาม


    ตลอดระยะเวลาหลายเดือนหลังจากนั้น นภาไม่เคยต้องการอะไรเลยนอกจากน้ำ ขนม และรอยยิ้มนั่น

    ‘เมื่อต่างคนก็สุขใจที่เป็นแบบนี้ เราจะปรารถนาสิ่งใดอีก ?’

    การเป็นเพื่อนกับพิชามญธุ์คือเรื่องดีดีในชีวิต และเขาจะไม่ทำลายมันลงเพราะแค่ความเห็นแก่ตัวของตนเอง นภาไม่มีทางปล่อยให้ความรักกัดกินความสัมพันธ์แบบนี้เด็ดขาด

    แต่บางทีเขาคงคิดผิด...

    ตอนนี้การเป็นแค่ ‘เพื่อน’ ไม่สามารถทำให้เธอหัวเราะได้แล้ว

    ‘แค่ภาพวาดคงไม่เพียงพอ’

    สองสามเดือนที่ผ่านมา... สายลมจับริ้วรอยของความเจ็บช้ำได้จากแววหม่นบนกระจกตา -- คนเราอาจโป้ปดได้ด้วยริมฝีปากและคำพูด แต่ไม่อาจทำได้ด้วยแสงและเงาซึ่งเรื่อผ่านดวงแก้วใสใต้คิ้ว

    แม้เขาไม่เคยเห็น แต่ความรู้สึกบางอย่างบอกเขาว่า ก่อนรอยแสร้งยิ้มนั้น พิชามญธุ์ผ่านการร้องไห้อย่างหนัก

    สองสามเดือนที่ผ่านมา... ผู้ชายคนหนึ่งขับรถมารับและไปส่งเธอ

    หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้... นภาไม่เห็นเขาอีก


    บัดนี้พิชามญธุ์เดินกลับมากับชายอีกคน... เหมือนที่กำลังเกิดขึ้น

    พิชามญธุ์ในเชิ้ตน้ำตาลอ่อนตัดกับกระโปรงผ้าขาวและชายคนใหม่เดินตรงเข้ามาทางโต๊ะม้าหิน ผู้ชายกำมือเล็กบางของอีกฝ่าย น้ำมนต์บีบตอบเบา ๆ นภาละพู่กันวางทาบขอบถาดสีแล้วโบกมือทักแบบคนรู้จัก

    “วันนี้น้องมิตรก็กลับกับพี่มนอีกแล้วเหรอครับ ?”

    นภาถามเด็กน้อย แต่ความห่วงใยอยู่ในชื่อที่สองของบทสนทนา เขายิ้มน้อย ๆ ให้ทั้งพฤกษมิตรและพิชามญธุ์

    “ครับ”

    พฤกษมิตรใช้น้ำเสียงเรียบเจือมารยาท นักเรียนตัวจ้อยไม่แสดงออกแบบเด็กคราวเดียวกัน เขารู้ว่าตัวเองเป็นประเด็นรองต่อจากพิชามญธุ์ นภาอยากคุยกับพิชามญธุ์ตั้งแต่เมื่อเช้า

    สายตาที่สถาปนิกหนุ่มใช้จ้องพี่เลี้ยงสาว เป็นสายตาเดียวกับที่พ่อของเขาใช้จ้องรูปของแม่

    แว่บหนึ่งความเจ็บแปลบก็ทำให้พฤกษมิตรเอ่ยปาก

    “พี่มนครับ... เดี๋ยวผมขอถุงกับข้าวหน่อยครับ อยากรีบขึ้นไปเตรียมของกับจัดห้องก่อนคุณพ่อกลับมา”

    พิชามญธุ์สะดุ้ง แววกังวลยับย่นปลายคิ้วเรียว เธอกระตุกถุงพลาสติกในมือแทนที่จะส่งให้เด็กชาย

    “อ... อ่า... ไม่เป็นไรจ๊ะ เดี๋ยวพี่ขึ้นไปช่วย”

    แต่รอบมือเล็กของพฤกษมิตรคว้าหูถุงกับข้าวเสียแล้ว หญิงสาวยิ้มแหยแล้วคลี่นิ้วบาง

    พฤกษมิตรโค้งหัวเบา แล้วยกถุงหนักขึ้นห้อง

    ‘ในความรัก... เขาเกิดมาเพื่อเป็นอุปสรรคเท่านั้น เหมือนที่แยกพ่อออกจากแม่

    .

    .

    .

    .




    ถูกอย่างที่นราพจน์ว่า... ‘เรากลายเป็นคนที่เราไม่เคยอยากเป็น’
    บนความรู้สึก... ความตั้งใจไม่มีประโยชน์

    เราคล้อยตามความรักราวกับโดนฤทธิ์ยา
    แต่แทนที่จะรักษา... มันทำให้เสพติด

    แล้วหมอคนที่จะฝากชีวิตไว้ ก็กลับกลายเป็นฆาตรกรที่ฉุดคร่าความไร้เดียงสา
    ย่ำยี... ข่มขืน... และเชือดทิ้ง

    ฉันไม่ต้องการหมอและยาอีกแล้ว... ไม่อยากถูกมอมเมาให้ลุ่มหลง
    ในห่วงรักนี้ ฉันต้องการคนที่ห่วงฉัน
    และยอมปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ เหมือนศิลปะของเขา


    พิชามญธุ์เจอนรันดร์ครั้งแรกที่สถานรับเลี้ยงเด็กอ่อนกลางกรุงขณะที่ตัวเองมีบทบาทเป็นพี่เลี้ยงมือใหม่ แม้เธอไม่คุ้นชินกับผู้ปกครองคนอื่นมากนัก แต่เค้าความคิดบอกเธอว่านรันดร์ยังไม่ใช่พ่อคน ชายหนุ่มผู้นี้พิถีพิถันและใส่ใจตัวเองเป็นพิเศษ เขาดูหล่อเหลาและเรียบเนี๊ยบกว่าพนักงานเงินเดือนหาเช้ากินค่ำปกติ -- นั่นคือความอคติ พิชามญธุ์รู้ดี


    สาวร่างสวยไม่ใส่ใจนัก เธอแค่รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตากว่าที่เคย
    คนที่เข้าหากลับเป็นฝ่ายชาย
    และสิ่งที่เธอแสร้งไม่เข้าใจก็คือ ‘อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้นรันดร์เดินตรงมาถามเธอ แทนพนักงานคนอื่น ?’

    เธอเกลียดผู้ชายแบบนี้

    แต่หน้าที่ทำให้ต้องคบหาปราศรัย


    แรกเริ่มเดิมที นรันดร์ดูเหมือนจะสนใจธุระที่คนอื่นฝากไว้ -- เขามารับลูกของเพื่อน
    แต่สุดท้าย... เขาก็แค่ชายเจ้าชู้

    พิชามญธุ์ไม่ใช่ผู้หญิงใจง่าย และใหลหลงในคารมคมหวาน เธอมีความรักที่สวยงามกว่านั้น
    แต่เพราะความรู้สึกไม่อยู่ในอำนาจการตัดสินใจ
    เธอจึงไม่อาจเลือกความรักซึ่งสวยดั่งฝัน

    แล้วเธอก็รัก... คนที่เธอคิดว่าควรจะเกลียด


    หลังจากวันนั้นนรันดร์ทะนุถนอมและดูแลเธออย่างดี ก่อนทั้งสองปลงใจจะผูกสัมพันธ์แบบคนรัก พิชามญธุ์ก็หาคำตอบให้กับ ‘ความคุ้นเคย’ ในตอนแรกได้

    นรันดร์เป็นดารา

    เขาอยู่ตามปกนิตยสารและโทรทัศน์

    เรื่องนั้นอยู่นอกเหนือขอบเขตที่พิชามญธุ์จะใฝ่รู้ สิ่งที่เธอรู้มีแค่ ‘นรันดร์ก็รักเธอ’

    และ...
    นั่นคือสิ่งที่มีแค่นรันดร์กับพิชามญธุ์เท่านั้นที่รู้


    “พี่มนครับ... เดี๋ยวผมขอถุงกับข้าวหน่อยครับ อยากรีบขึ้นไปเตรียมของกับจัดห้องก่อนคุณพ่อกลับมา”

    พฤกษมิตรกระชากพิชามญธุ์จากตะกอนความคิด นักเรียนชั้นประถมห้าฉวยกับข้าวขวับ เมื่อเทียบกันตอนนี้ พฤกษมิตรรู้กาลเทศะดีกว่าเธอเสียอีก

    สาวนัยน์ตาน้ำตาลเข้มฝืนยิ้มบาง ก่อนคลี่นิ้วออกจากถุงพลาสติก

    พฤกษมิตรก้าวขึ้นหอพักอย่างทุลักทุเล

    แต่คนที่กระอักกระอ่วนกลับเป็นพิชามญธุ์


    “นั่งพักก่อนไหม... เหงื่อออกเต็มหน้าหมดแล้วนะ”

    นภาควานมือหนาในกระเป๋าเสื้อขาว แล้วล้วงผ้าเช็ดหน้าสีครีมยื่นให้หญิงสาว

    น้ำมนต์ช้อนตัวนั่งลงข้าง ๆ แล้วชะลอยรับเศษผ้าที่นภาส่งให้

    “.........”

    เธอไม่รู้จะพูดอะไร น้ำมนต์ถนัดที่จะรับมือกับเสียงร้องลั่นของเด็กมากกว่า

    นภาเข้าใจความลำบากใจนั้น เขาไม่เหมือนนรันดร์ที่ชอบผลักดันให้อีกฝ่ายแสดงความคับข้องใจออกมา

    มีเพียงพิชามญธุ์เท่านั้นที่ต้องแบกรับความเสียใจนี้

    การกดดันเธอไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น


    “ผมมานั่งเฝ้าหอแทนพี่จ้อยหล่ะ... วันนี้มีคนมาดูห้องใหม่ด้วย”

    เขาจะคอยพัด -- เพื่อให้เธออุ่นใจ


    “ท่าทางเราจะมีเพื่อนบ้านใหม่แล้ว เห็นเขาว่าเล็ง ๆ ชั้นสี่ไว้...

    “ถ้าอยู่สี่ศูนย์หนึ่งก็ติดกับห้องคุณเลยนะมน...

    “หวังว่าจะไม่ใช่คนแปลก ๆ เหมือนอย่างคุณธานิทร์นะ...”

    เขาจะเป็นเสียง -- เพื่อให้เธอรู้ว่าน้ำมนต์ไม่ได้ไม่เหลือใคร


    “แต่ถึงจะดูโหด ๆ คุณธานิทร์ก็มีแววใจดีนะ ผมรู้สึกได้...

    “นี่... เพื่อนข้างห้องคนใหม่เป็นผู้ชายหล่ะ แต่ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาต้องปิดตาขวาด้วย... แม้จะดูท่าทางมึน ๆ เหมือนพี่จ้อย ก็คงพึ่งพาได้อยู่”

    เขาจะเป็นสายลม -- ที่โอบกอดเธอไว้


    “คุณจะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียวไง”

    นภาไม่ได้หมายถึงเพื่อนบ้าน ทั้งหมดที่พูดมา มีเพียงแค่นี้ที่เขาอยากให้เธอรับรู้

    แล้วหยดน้ำตาก็ปรอยทั้งสองข้างแก้ม พิชามญธุ์สะอื้นจนตัวสั่น เสียงของนรันดร์แว่วซ้อนความหวังดีของนภา

    ‘คุณ... อยู่คนเดียวได้นะ’

    สายลมกุมมือเล็กของน้ำมนต์ เขาบีบเบา ๆ ให้พิชามญธุ์ผ่อนคลาย

    แต่แขนเธอยังเหยียดเกร็ง ไหล่สองข้างลู่จนตัวงอ

    นภาเอื้อมวงแขนหนาโอบไหล่บางแล้วดันเข้าหาตัว

    “ผมชอบคุณนะ พิชามญธุ์”

    ที่เหลือคือเสียงสะอื้นดัง

    ฮือ ฮือ ฮือออออ


    ... ในรอยผิดพลาดของภาพวาด ...
    นภาเกลี่ยมันทับด้วยความรักจนหมดแล้ว

    ความรักของพิชามญธุ์ไม่ใช่งานศิลปะที่บกพร่องอีก
    ... เมื่อมีนรันดร์อยู่ข้าง ๆ ...

    .

    .

    .

    .



    ############### (end) รักสวภัทร : บทที่ 2(2) (ห่วง) ###############​


    ขอขอบคุณตัวละคร
    พิชามญธุ์ ตั้งตระกูล (sumiyo หรือ ท่านสุมิโยะ)​
    นภา พัฒนวงศ์ไพศาล (ท่าน ManaswinPipatponglert)​
    พฤกษมิตร วจีรังสรรค์ (taleoftrue หรือ ท่านซาล)​
    เจ้ายุ่ง (ท่าน soulmaster)​
    นราพจน์ นพศิลป์ (Ryuto หรือ ไอ้ต้อม)​
    ธานิทร์ หวังธรรม (ท่าน shinkyoto)​
    นพชัย รัตนชัยวานิช (derick หรือ นุ๊กกี้)​
    นรันดร์ สิทธณปกรณ์ (Original ของผมเอง)

    ปล. ข่าวแจ้งเตือน... สำหรับคนที่สมัครฟิคนี้คนอื่น ๆ ซึ่งไม่มีเฟสบุ๊คผม รบกวนส่งเฟสบุ๊คของท่านให้ผมด้วยครับ เวลาผมมีอะไรอัพเดทเกี่ยวกับฟิค ผมจะอัพเดทแล้วแท็กผ่านเฟสบุ๊คครับบบบบ ขอบคุณที่ติดตามครับ
    ManaswinPipatponglert และ Ryuto ถูกใจสิ่งนี้
  22. ManaswinPipatponglert

    ManaswinPipatponglert Crazy in games

    EXP:
    35
    ถูกใจที่ได้รับ:
    2
    คะแนน Trophy:
    8
    พอเปิดช่วงแรกมาแบบนี้ ผมเริ่มมองออกแล้วละว่า พอจะดราม่า มันจะดราม่ามืดมนหนักเลย นี่มันจะขนาดไหนดี

    ชอบการเปรียบเปรยของสัตวแพทย์ หมอ แล้วก็ยา แฮะ
  23. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    ตอนใหม่ไม่ยาวนั้งแต่เต็มไปด้วยซีนคั้นอารมณ์ นับว่ากระชับและเต็มไปด้วยเนื้อหาจริงๆอูอาา
  24. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    เชื่อมฉากเหตุการณ์ได้ไหลลื่นเชียวล่ะ >_<

    อยากให้นภากับมนสมหวังกันจริงหนอ แต่ตามเรื่องก็คงต้องผ่านอะไรอีกหลายๆอย่างล่ะนะ
  25. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    ตอนนี้ทำได้ดีทีเดียว ภาพบรรยากาศชัดขึ้น อารมณ์ของตัวละครชัดเจนกระจ่างแต่ดันอยู่ในโทนมืดๆแทนเสียนี่

    คำโปรยตัวเอียงช่วยทำให้ทิศทางของเรื่องไหลไปพร้อมๆกับความคิดและบทสนทนา ยอดเยี่ยมมาก

    เรารออ่านตอนต่อไปอยู่นะ อูอาาาา

Share This Page