Grand Gaia Online บทที่ 45 [ UPDATE ]

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย Azemag, 10 ตุลาคม 2012.

  1. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    before log in

    ก่อนอื่นก็ขอสวัสดีเพื่อนๆชาวบอร์ด AF ทุกท่าน

    นิยายเรื่อง Grand Gaia Online เป็นนิยายเกรียนๆเขียนเอาฮามากกว่าจะมีสาระใดๆนอกจากความบันเทิง เป็นนิยายเรื่องที่สามที่ผมเขียนขึ้นจากใจ แม้จะด้อยค่าด้อยราคาแต่ก็อยากให้ทุกท่านได้สนุกไปกับมัน

    และก็ต้องขอฝากข้อความถึงเพื่อนสมาชิกที่ติดตามอ่านเรื่อง Eliminate Chaos ไว้ด้วยว่า
    นิยายเรื่องดังกล่าวมีอันเป็นไปต้องแก้ไขโครงเรื่องใหม่หมด ซึ่งสารภาพตามตรงว่าคนเขียนแก้มาหลายครั้งแล้วจนเริ่มหมดกำลังใจจะเขียน เพราะฉะนั้นเรื่อง Eliminate Chaos ก็ต้องขอพับไว้ยาวๆ มีโอกาสจะกลับมาเขียนอีกครั้งครับ ขออภัยไว้ ณ ที่แห่งนี้ด้วย

    ส่วน GGO - Grand Gaia Online เป็นนิยายสไตล์เกมส์ออนไลน์ที่ลองเขียนเป็นเรื่องแรก หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ลืมๆมันไปเถอะครับ (ฮา)



    ด้วยจิตคารวะ
    Azemag A.C. McDowell
    pentita ถูกใจสิ่งนี้
  2. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    Grand Gaia Online 01 : Log in

    ตี๊ด!

    เสียงจากแผงวงจรที่ประตูหอพักดังขึ้นพร้อมกับไฟสีเขียวสว่างวาบ ประตูถูกผลักเปิดกว้าง ชายคนหนึ่งก้าวหายเข้าไปในตึก สืบเท้าไปที่ตู้ไม้ตู้ใหญ่ติดริมกำแพง หยิบกล่องกระดาษขนาดฟุตคูณฟุตที่มีตัวอักษร GGO พิมพ์ไว้บนกล่องในช่องหมายเลขห้อง 501 มาหนีบไว้ข้างตัว หยิบซองจดหมายกับบิลค่าน้ำค่าไฟติดมือมาด้วย

    เขาโยนซองจดหมายลงบนเตียง วางกล่องใบนั้นไว้ด้วยกัน มองนาฬิกาบนโต๊ะบอกเวลาว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงกับอีกสี่สิบสองนาที

    “ยังทันแฮะ อาบน้ำก่อนดีกว่า”

    หลังจากอาบน้ำและกินข้าวกลางวันที่ซื้อใส่กล่องมาจากร้านแถวหน้าปากซอย ชายหนุ่มเดินไปเปิดคอมพิวเตอร์ หยิบกล่องกระดาษมาเปิดออก ด้านในเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าพร้อมคู่มือการใช้งานและอุปกรณ์เชื่อมต่อแบบไร้สายอีกหนึ่งชุด เขาอ่านคู่มือรอคอมพิวเตอร์เปิดโปรแกรมที่เขาตั้งค่าไว้จนเสร็จจากนั้นก็เริ่มเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่เขาสั่งซื้อมาอย่างรวดเร็ว

    อุปกรณ์ชิ้นนั้นคล้ายแว่นตาสามมิติประกอบกับหูฟังแบบเฮดโฟน ชายหนุ่มลองสวมไว้และปรับระดับให้เข้ากับใบหน้าจนพอใจแล้วก็หันไปเปิดโปรแกรมบนหน้าจอที่ชื่อว่า GGO เขาได้ยินเสียงมอเตอร์หมุนเบาๆแล้วทุกสิ่งก็เหมือนจะดับวูบลง

    สติสัมปชัญญะของเขากลับมาอีกครั้งและพบว่าตัวเองนั่งอยู่บนขอบปูนของน้ำพุขนาดใหญ่ สวมชุดผ้าฝ้ายสีน้ำตาลอ่อนกับกางเกงขายาวสีเดียวกันมีเกราะเหล็กปิดช่วงอก คนอื่นๆรอบตัวก็อยู่ในชุดเดียวกันต่างก็เฉพาะผู้หญิงจะใส่เสื้อแขนกุดกับกางเกงขาสั้นเท่านั้น

    บ่อน้ำพุเป็นจุดศูนย์กลางของลานกว้างที่ปูพื้นด้วยแผ่นหินหลากสี ถัดไปคืออาคารสามชั้นเรียงรายอยู่โดยรอบ เสียงพูดคุยจากบรรดา ‘บีกินเนอร์’ หรือผู้เล่นมือใหม่ของเกมส์ Grand Gaia Online เกมส์ออนไลน์ใหม่ที่เปิดให้เล่นเต็มรูปแบบตั้งแต่เมื่อคืนวานดังระงมจนฟังแทบไม่รู้เรื่องว่าใครกำลังคุยกับใครในเรื่องไหน

    กลิ่นหอมจางๆของดอกไม้ สายลมเย็นที่กระทบผิวกายหรือกระทั่งแสงสว่างจ้าและไอร้อนจากแดดยามบ่ายล้วนสมจริงราวกับว่าที่แห่งนี้คือโลกอีกใบหนึ่ง สมกับที่บริษัทนำเข้าเกมส์นี้ได้โฆษณาไว้ว่า GGO เป็นสุดยอด MMORPG แห่งศตวรรษที่ 21 ที่ทุกคนรอคอย

    ชายหนุ่มสังเกตเห็นหน้าต่างสีฟ้ากระพริบอยู่ตรงหน้า เขายิ้มและเลือกจะปล่อยให้มันกระพริบต่อไป นั่งมองความจอแจวุ่นวายของลานน้ำพุอย่างเย็นใจไปอีกสิบกว่านาทีจนกระทั่งเขารู้สึกว่ามีคนสามคนมายืนอยู่ด้านหลัง

    “ไอ้เกมส์ อุตส่าห์ส่งข้อความหาตั้งนานทำไมไม่รู้จักตอบวะ?” ชายผมสีเทาแทบจะตะโกนกรอกหูแล้วก็จับหัวเขาหมุนมาทางกรอบสีเหลี่ยมสีฟ้าที่กำลังกระพริบถี่ๆ

    “ไอ้นี่คือระบบส่งข้อความงั้นเหรอ? นึกว่าพวกนายจะส่งมาเป็นระบบเสียงซะอีก” เอเซลองเอาเอานิ้วจิ้มหน้าต่างสีฟ้า ข้อความโผล่ออกมาหลายสิบบรรทัด

    “ว้าว! โผล่หน้ามาก็กวนตีนเลยนะฮะ”

    ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่า ‘ไอ้เกมส์’ ตอบหน้าตายหันไปมองอีกสองคนที่เหลือ คนหนึ่งผมสีดำสนิทยุ่งเหยิงพอๆกับรังนกและอีกคนหนึ่งผมสีแดง เพียงเท่านั้นเขาก็แยกแยะออกได้ว่าใครเป็นใครทันที

    “ระบบเสียงจะส่งถึงกันได้ต่อเมื่อเป็นเจอหน้ากันเรียบร้อยแล้วต่างหากพี่” เจ้าหัวแดงที่อยู่หลังสุดตอบมา

    “พนันสิบเอาหนึ่ง หัวเทาคือไอ้กิฟท์ หัวดำคือพี่จ้อย หัวแดงคือไอ้ต้อม”

    “โวะ! แค่นี้ก็ต้องพนันด้วยเหรอฮะ” ชายผมสีเงินหรือก็คืออากิรอสที่เขาเรียกโวยวายดังลั่น

    ชายผมดำที่เขาคาดการณ์ไว้ว่าคือพี่จ้อยสวนกลับทันที “พูดไม่ดูตัวเองเลยนะขอรับ หัวน้ำตาลทุกงานไม่มีเปลี่ยน”

    “เอาน่ะ! มันเป็นสีประจำตัวนี่หว่า เอ้า! จะพาไปเก็บเลเวลที่ไหนก็ไปกันเลย”

    ทั้งหมดเดินจับกลุ่มมุ่งหน้าไปตามทางที่บอกว่าประตูทิศเหนือประกอบไปด้วย ‘เกม’ ใช้ชื่อในเกมส์ว่า ‘เอเซ แมคโดเวล’ กับผมสีน้ำตาลเข้ม ตามด้วย ‘จ้อย’ ซึ่งใช้ชื่อญี่ปุ่นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวว่า ‘ซารุวาตาริ ทากะ’ กับผมสีดำสนิทยุ่งเหยิงแถมยังสูงที่สุดในกลุ่มขนาบข้างด้วย ‘กิฟท์’ หรือ ‘อากิรอส คีฟ’ ที่เดินเหล่ผู้เล่นหญิงไปตลอดทางกับผมสีเทาซึ่งทุกคนมักจะเรียกเขาสั้นๆว่าอากิ ปิดท้ายด้วยน้องเล็กสุดของกลุ่ม ‘ต้อม’ ‘กุห์ฟาน รีส ริยาส’ กับผมสีแดงโดดเด่นเห็นแต่ไกล

    ทั้งสี่คนรู้จักกันในโลกแห่งความเป็นจริงและตกลงที่จะเล่นเกมส์ Grand Gaia Online ด้วยกัน ซึ่งอากิรอส ทากะและกุห์ฟานล็อกอินเข้าเล่นเกมส์ตั้งแต่เมื่อวานแล้วยกเว้นเอเซคนเดียวเพราะติดทำงานข้ามวันข้ามคืนเพิ่งจะได้กลับหอพักก็เข้าช่วงบ่ายของวันเสาร์ไปแล้ว

    มือใหม่ทั้งสี่ของเกมส์ Grand Gaia Online เดินมาตามถนนที่ปูด้วยหินขนาดใหญ่จนถึงประตูเมืองทิศเหนือที่หรูหราโอ่อ่าใหญ่โตสมจริงทั้งลายแกะสลักบนบานประตู พอก้าวพ้นประตูเมืองออกไปคือทุ่งหญ้ากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาจรดเส้นขอบฟ้ามีต้นไม้ขนาดใหญ่ยืนต้นอยู่อย่างโดดเดี่ยวให้เห็นเป็นระยะ มีผู้เล่นหน้าใหม่ต่างกำลังต่อสู้กับมอนสเตอร์ประจำทุ่งหญ้าแห่งนี้ซึ่งก็คือกระต่ายหลากสีหลายขนาด

    “พวกนายได้เล่น test beta เมื่อสองเดือนก่อนนี่นา มีอะไรจะแนะนำไหมเพื่อนฝูง?” เอเซถามทันทีเมื่อก้าวเท้าเข้าสู่ทุ่งหญ้า

    “เปิดคู่มืออ่านนะฮะ” อากิรอสตอบด้วยน้ำเสียงสีหน้ายียวนกวนบาทา

    “ถ้าอ่านแล้วจะถามทำแมวน้ำอะไรละครับ? คุณ-อา-กิ-รอส” เอเซก็ไม่ลดราวาศอกเช่นกัน

    “แล้วทำไมตอนนั้นพี่ไม่มาเล่นละ?” กุห์ฟานถามพลางเปิดหน้าจอขึ้นมาตรวจสอบบางอย่าง

    “ทำงานน่ะสิ วันนี้กว่าจะได้กลับก็เกือบบ่ายแล้ว พออาบน้ำกินข้าวแล้วก็เข้าเกมส์เลย”

    “ข้าน้อยว่าระบบของ GGO คงไม่ยากเกินไปสำหรับสหายเอเซนะ” ทากะเริ่มต้นอธิบายอย่างเป็นการเป็นงาน

    “กฎข้อแรก เลเวลไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ส่งผลแพ้ชนะแต่เป็นไหวพริบในการใช้ทักษะและอาวุธต่างๆให้เกิดผลลัพธ์สูงสุด ศัตรูทุกตัวรวมไปถึงผู้เล่นต่างอิงหลักกายวิภาคจริงๆ มอนสเตอร์ที่รูปร่างใกล้เคียงมนุษย์ถ้าโดนโจมตีที่จุดตาย เช่น กกหู ก้านคอ ต่อให้ศัตรูเลเวลร้อยถ้าโดนจังๆก็มีล้มขอรับ”

    “กฎข้อที่สอง นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความหิว สภาพผิดปกติของร่างกายหรือความเหนื่อยล้าเข้ามาประกอบด้วย ไม่ใช่สู้ศัตรูหกชั่วโมงติดก็ไม่เหนื่อยไม่หิว ซึ่งมันไม่ใช่ในเกมส์นี้ ฉะนั้นน้ำดื่มและเสบียงต้องพร้อมเสมอ”

    “กฎข้อที่สาม ถ้าเป็นไปได้อย่าตายโดยเด็ดขาด เดี๋ยวจะหาว่าสหายอย่างพวกเราไม่เตือนขอรับ”

    “มันโหดร้ายมากเลยเรอะไอ้ระบบรักษาตัวในโรงพยาบาลเนี่ย?” เอเซถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ เพราะถึงเขาไม่มีโอกาสได้เล่นเกมส์นี้ตอน test beta แต่ก็ติดตามข้อมูลข่าวสารจากอินเตอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลา

    ทั้งสามตบบ่าเอเซพร้อมกันด้วยสีหน้าหนักอกหนักใจ อากิรอสเป็นตัวแทนบอกกับเอเซ “ถึงเวลานายก็จะรู้เอง”

    “ว่าแต่...ตอนนี้พวกนายเลเวลอะไรกันแล้ว? เห็นในเน็ตบอกว่ามีคนใกล้จะถึงเลเวลสิบแล้วนี่นา”

    “พวกผมสามคนเพิ่งจะเลเวลห้ากันเพราะมัวแต่ลองโน่นลองนี่” กุห์ฟานเป็นคนตอบคำถาม จากนั้นก็มีหน้าต่างปรากฏขึ้นตรงหน้าเอเซ

    [ มีผู้เล่นต้องการแลกเปลี่ยนกับท่าน ]

    เอเซกดตอบตกลงทันที ดาบเคลย์มอร์เล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือ เขาลองเหวี่ยงสองสามที “เบาไปหน่อยแต่ความยาวกำลังดีเลย”

    “ผมจะอธิบายเรื่องไอเทมกับเงินให้ฟัง เดี๋ยวให้พี่อากิอธิบายเรื่องระบบเวทมนต์ก็แล้วกัน ใน GGO ไอเทมคือวัตถุดิบที่ใช้งานได้ทุกอย่าง เพราะฉะนั้นไม่ควรเอาไปขายแต่เอาไปแลกเปลี่ยนกับผู้เล่นด้วยกันจะคุ้มค่าที่สุด ส่วนเงินของเกมส์นี้จะได้จากการทำภารกิจเพียงอย่างเดียว ยิ่งภารกิจยากเท่าไรผลตอบแทนก็ยิ่งสูง”

    มือใหม่อย่างเอเซพยักหน้าว่าเข้าใจ “ถ้าเดาไม่ผิดนายคงเล่นสายพ่อค้าเหมือนเกมส์อื่นๆสินะ”

    “ครั้งนี้พี่เอเซผิดแล้วละ เกมส์นี้ไม่มีอาชีพพ่อค้าครับ”

    “หา? เป็นไปได้ยังไงไม่มีอาชีพพ่อค้า”

    “ถ้าพูดให้ถูกก็คือไม่มีทักษะประเภทซื้อถูกขายแพงเหมือนเกมส์อื่นๆขอรับ สหายต้องติดต่อซื้อขายกับ NPC คนเดิมจนกว่าเขาจะมอบส่วนลดหรือขายไอเทมพิเศษให้เองเท่านั้น”

    ทากะช่วยเสริมข้อมูลซึ่งเอเซก็เข้าใจทันที พอดีมีกระต่ายตัวหนึ่งขนสีขาวปุกปุยน่ารักน่ากอดกระโดดมาใกล้ๆพวกเขา ไม่รู้ว่าเอเซนึกครึ้มอะไรวิ่งเข้าไปหวดมันลอยหวือกระเด็นไปไกลร่วมสิบเมตร มันหันมาทางเอเซพร้อมกับแสดงอีโมติค่อนว่ากำลังโกรธอยู่เหนือศีรษะ

    “ไอ้บ้าเอเซ กระต่ายนั่นเลเวลเจ็ดเลยนะเว้ย” อากิรอสตะโกนลั่น

    “เอาน่ะ กำลังอยากลองดาบพอดี” เอเซแสยะยิ้ม ตั้งดาบเคลย์มอร์ไว้ตรงหน้าแล้วค่อยๆลดลงจรดปลายดาบลงกับพื้น สายตาจับจ้องไปที่กระต่ายสีขาวที่วิ่งห้อมาด้วยความเร็วสูงสุดเหมือนกระทิงวิ่งเข้าใส่ผ้าแดงก็ไม่ผิด

    ทากะส่ายหน้าช้าๆ “นิสัยไม่ดีเลยนะขอรับ”

    พอถึงระยะสองเมตรห่างจากเป้าหมาย มอนสเตอร์กระต่ายขาวก็กระโดดเข้าใส่โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ช่วงท้องของเอเซ แต่พริบตานั้นเขาก็ก้าวขาฉากหลบไปด้านข้างตวัดดาบเป็นวงโค้งตัดคอเจ้ากระต่ายขาดกระเด็น ร่างสมมติของมอนสเตอร์เรืองแสงแล้วก็จางหายไป

    [ EXP + 48 ]

    “ฆ่าได้สวยขอรับ” ทากะผิวปากชม

    “ว้าว! เก่งแบบนี้คงไม่ต้องสอนอะไรแล้วละฮะ” อากิรอสม้วนผมเล่นลอยหน้าลอยตา

    “นายยังต้องสอนเราเรื่องการใช้เวทมนต์ตะหาก” เอเซเอาดาบเคลย์มอร์แทงเข้าใส่จนเขาต้องกระโดดหลบพร้อมๆกับมีหน้าต่างแสดงขึ้นมาทันที

    [ ยืนยันจะต่อสู้กับผู้เล่น Akiros หรือไม่ ]

    “เห? ไอ้ปุ่มตกลงนี่น่ากดซะจริงๆเลย” เอเซ แมคโดเวลทำท่าจะจิ้มปุ่มตกลง แต่อากิรอสรีบกดปฏิเสธไปก่อน

    “โวะ! นี่นายจะเรียนเรื่องเวทมนต์หรือว่าเรื่อง PVP กันแน่?”

    เอเซแสยะยิ้มเหี้ยม “เรียนพร้อมกันทั้งสองอย่างไม่ได้เหรอ?”

    ทากะก้าวเข้ามาถามหน้าตาย “น่าสนุก จะลองระบบ PVP แบบสามคนดูไหมขอรับ?”

    “น่าสนใจๆ” เอเซยกดาบพาดบ่าหันไปขยิบตากับทากะแล้วทั้งสองก็มองไปที่อากิรอส คีฟ พร้อมกัน เจ้าหนุ่มผมเงินต้องยกมือขึ้นยอมแพ้

    “พอเลยพวกนายทั้งสองคน รีบๆสอนแล้วจะได้ไปรับภารกิจหาเงินหาทองใช้กันสักที”

    เขาหันซ้ายหันขวามองหามอนสเตอร์ที่จะใช้เป็นหนูลองยาจนกระทั่งเห็นกระต่ายตัวหนึ่ง จากนั้นเรียกคทาเวทประจำตัวมาควงแล้วชี้ไปที่กระต่ายตัวนั้น คทาไม้เรืองแสงสีแดงอ่อนๆ

    “Fire Strike”

    อากิรอสประกาศเวทมนต์ ลูกไฟสามลูกพุ่งออกจากปลายคทาไปที่กระต่ายโชคร้ายตัวนั้น เสียงระเบิดดังสนั่นพร้อมกับเปลวไฟแดงฉานวูบวาบ ผู้เล่นมือใหม่ที่อยู่ในทุ่งหญ้าแห่งนี้หันมองพวกเขาเป็นสายตาเดียวกันเพราะเกือบทุกคนใช้เวทมนต์ไม่เป็น

    “หลักการง่ายๆนะฮะ หนึ่งเล็ง สองชาร์จ สามยิง”

    “พูดเป็นภาษาคนหน่อยได้ไหมฮะอาจารย์อากิรอส แล้วต้องตะโกนชื่อท่าน่าอายๆทุกครั้งเลยรึ?” เอเซทำหน้าเอือมระอาใส่สหายผมเทา

    “โวะ! งั้นนายลองเองเลยดีกว่า เปิดหน้าต่างคำสั่งขึ้นมาแล้วก็เลือกเอาว่านายอยากใช้เวทอะไร”

    เอเซหยุดต่อล้อต่อเถียงแล้วลองทำตามคำแนะนำ ในหน้าต่างทักษะเวทมนต์มีเวทมนต์พื้นฐานให้ใช้ได้สี่ชนิด คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ พร้อมกับคำอธิบาย

    “พนันสิบเอาหนึ่งว่าต้องใช้เวทสายฟ้าขอรับ”

    ทากะเอ่ยขึ้นมาทั้งๆที่ยังเหม่อมองท้องฟ้าดูฝูงนกบินผ่านไป เอเซเขม่นมองสหายผมดำเพราะถูกอ่านทางออกแต่อีกฝ่ายก็ปั้นหน้าเอ๋อไม่สนใจ ชายหนุ่มผมน้ำตาลมองหาเป้าหมายแล้วก็มองเห็นกระต่ายสีน้ำตาลขนาดพอๆกับสุนัขบ้านกระโดดไปมาอยู่ไม่ไกลก็แสยะยิ้มตามสไตล์ของเขา

    “เล่นของใหญ่อีกแล้วพี่เอเซ รู้ไหมว่าไอ้ตัวนั้นน่ะเลเวลสิบสองเลยนะ” กุห์ฟานยกแว่นขยายส่องไปที่กระต่ายสีน้ำตาลตัวนั้น

    “กระต่ายมันก็คือกระต่าย เหมือนเมล็ดกับต้นไม้ที่พวกนายศิษย์อาจารย์ชอบพูดกันบ่อยๆไง”

    “มันเหมือนกันซะเมื่อไรละพี่” รุ่นน้องผมแดงถอนหายใจ “เอาเถอะ! ถ้าพี่อยากนอนโรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกมันก็เป็นวิถีของพี่ละนะ”

    “เอาน่ะ หึหึหึ” เอเซจรดดาบขนานกับพื้นเล็งปลายไปที่กระต่ายสีน้ำตาลตัวใหญ่ ใบดาบเคลย์มอร์เรืองแสงสีฟ้าอ่อนขึ้นมาจนสว่างเต็มที่

    “Thunder Strike”

    สายฟ้าวิ่งจากปลายดาบเป็นเส้นตรงไปที่กระต่ายสีน้ำตาล เสียงฟ้าผ่าดังลั่นทุ่งอีกครั้ง พื้นดินตรงนั้นกระจุยกระจายคลุ้งไปด้วยฝุ่นควัน กระต่ายสีน้ำตาลกลิ้งไปไกลแต่ยังไม่ตาย มันลุกขึ้นมาแล้วก็ปรี่มาทางเอเซอย่างรวดเร็วซึ่งเขาก็ตั้งท่ารอรับมืออยู่แล้ว ดาบเรืองแสงสีฟ้าจนสว่างแต่เขายังไม่ปล่อยสายฟ้าออกไป จนกระทั่งกระต่ายยักษ์กระโดดชาร์จ ชายหนุ่มสะบัดดาบที่ยังชาร์จเวทสายฟ้าไว้ตัดตัวมันขาดเป็นสองส่วนในเสี้ยววินาทีที่พุ่งสวนทางกัน

    [ EXP + 92 ]
    [ ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้รับอนุญาตให้เดินทางไปยัง Grand Gaia แล้ว ]

    “ว้าว! สมกับเป็นเอเซ ไม่ต้องสอนก็หน่วงเวทมนต์เป็นแล้ว” อากิรอสตบมือเบาๆ เอเซไม่ได้ตอบโต้อะไรเพียงแค่เก็บดาบลงฝักเท่านั้น

    “เท่านี้ทุกคนก็พร้อมแล้ว จะได้เริ่มต้นผจญภัยกันจริงจังๆสักทีนะขอรับ”

    ทากะกล่าวขึ้นมาในจังหวะที่เหมาะเจาะที่สุด กุห์ฟานน้องเล็กสุดยื่นมือออกมาข้างหน้าซึ่งทุกคนรู้ดีว่ามีความหมายว่าอย่างไร ทั้งสี่คนประสานมือเข้าด้วยกันและก็เหวี่ยงขึ้นสุดแขนพร้อมกับตะโกนอย่างยินดี
    Ryuto ถูกใจสิ่งนี้
  3. Aki

    Aki Paradox Observer

    EXP:
    485
    ถูกใจที่ได้รับ:
    41
    คะแนน Trophy:
    48
    ฟิคเรื่องใหม่ เกรียนไทยไปบอลโลก ฮ่าาาา

    และแล้วก็ตามอ่านต่อไป ตอนสองอ่ะให้ไว ๆ
  4. yoshiki

    yoshiki FATE

    EXP:
    862
    ถูกใจที่ได้รับ:
    17
    คะแนน Trophy:
    38
    สงสารกระต่าย

    มันทำอะไรผิด = =
  5. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    แต่รู้สึกว่าเกมมันจะใจป้ำไปหน่อยแฮะ เริ่มมาก็ให้เวทที่ยิงมอนทีจุกเจียนตายมาให้คนเล่นเลเวล 1 เลยเนี่ย >_<"

    ปล. ตกลงว่าแกงค์ 4 คนนี้เริ่มมาอยู่ด้วยกันตลอดเกือบทุกเรื่องเลยสินะ
  6. soulmaster

    soulmaster Endorphinlism

    EXP:
    403
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    18
    ณ.โลกแห่ง FIO มีผู้คนกลุ่มหนึ่งยืนไว้อาลัยให้กับสี่สหาย ผู้หนีไปเล่นเกมอื่น

    +__+
    joi100 ถูกใจสิ่งนี้
  7. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    ณ.โลกแห่ง FIO มีผู้คนกลุ่มหนึ่งสาปแช่งสี่สหายที่สร้างความชิบหายให้แก่เมืองเวลเจ แล้วหนีไปดื้อๆ

    กระทั่งคอมเม้นยังลอกเขา //ยืดอกภูมิใจ
  8. Ryuto

    Ryuto 終わる道、始まる夢

    EXP:
    964
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    88
    เกรียนไทยไปบอลโลกจริงๆ พี่เกมสงสัยจะเป็นอะไรกับกระต่ายมาก ตายตั้งแต่เข้ายันจบ ฮ่าๆๆๆ

    ป.ล.หนี FIO มาเล่น GGO กันหมดเบยสินะ
  9. pentita

    pentita Aqouze

    EXP:
    642
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    38
    5555555555+ สอนการเล่นได้เกรียนดีจริงๆ
  10. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    ในแง่ความเป็นนิยายเกมส์ออนไลน์ ผมว่าการบรรยายโอเคเลยทีเดียว ผสมผสานการบรรยายทางภาษาเขียนกับภาษาปัจจุบันเข้าด้วยกันได้ดี แน่นอนว่ามันต้องเกรียนๆหน่อย แต่ก็บริบทท้องเรื่องมันเป็นกลุ่มชายหนุ่มนี่หว่า (ฮา)

    การบรรยายการโจมตีสำหรับนักอ่านที่เพิ่งอ่านครั้งแรก ถือว่าทำได้ดี ไม่มั่วซั่วยิงเวทย์เอะอะ ใช้ตัวอักษรสีทำสกิลกับดาเมจ ทำให้เห็นชัด สั้น ได้ใจคาม ไม่ต้องบรรยายมาก แถมใช้อาเซที่เพิ่งเข้าเกมดำเนินเรื่อง ทำให้มีการเรียนรู้ใหม่ไปพร้อมๆกับคนอ่านตอนแรก

    ฉากสุดท้ายก็น่ารัก ดูเป็นมิตรภาพลูกผู้ชายดี

    พูดถึงความประทับใจ ตอนนี้ยังไม่มี เอาจริงๆก็เพราะตอนนี้นิยายแฟนตาซีเกมส์ออนไลน์มันเยอะ และมันจะสนุกก็ต่อเมื่อเดินเรื่องแล้วสร้างความแตกต่างทางเนื้อเรื่องขึ้นมามากๆ ให้มันรู้สึกว่าต่างจากเรื่องอื่นๆตรงไหน ถ้าจะเอาจริงๆนะ... แต่ถ้าแค่เขียนระบายเกรียนไปวันๆ ก็โอเค ข้ามๆตรงนี้ไป ฮา

    ปาร์ตี้นี้ยังมีแต่สายบู๊นะ ขาดตัวยิงไกลกับตัวฮีล :p
    Azemag ถูกใจสิ่งนี้
  11. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    กว่าจะมาลงตอนสอง ก็ผ่านไปนานแล้วละ ฮ่าๆๆๆๆๆ

    ผิดที่มันเป็นกระต่ายนั้นแหละ กร๊ากกกกก

    ก็แค่สกิลทดลองใช้เท่านั้นแหละครับ

    ทำเมืองพังไปเกือบครึ่งเมือง อยู่ต่อให้เขาประชาทัณฑ์ทำไมละคร้าบ >___<

    หัดคิดคอมเมนต์เองบ้างก็ได้นะ

    FIO มันปิดเซิร์ฟไปแล้ว ไม่เชื่อลองถามคอมเมนต์บนดูดิ

    สำหรับสี่คนนี้ โปรดอย่าถามหาหลักการหรือสาระใดๆครับ

    แหม~ มายาว จัดเต็ม มีสาระ แบบนี้ชอบครับ
    เรื่องนี้ก็อย่างที่บอก เขียนเอาเกรียนเอาฮาไปเรื่อย อย่าหาสาระหรือประเด็นอะไรเลย
  12. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    Grand Gaia Online 02 – Clan Maldito

    “พวกพี่จะเอายังไงต่อ นี่ก็ผ่านมาสามชั่วโมงแล้วนะยังไม่ได้ไปทำอะไรที่ไหนกันเลยนะ” กุห์ฟาน รีส ริยาส อดรนทนไม่ไหวต้องเอ่ยปากถามเมื่อเห็นสภาพของรุ่นพี่แต่ละคน

    อากิรอส คีฟ ไปยืนคุยกับเอ็นพีซีสาวสวยอยู่หน้าร้านขายของ

    ซารุวาตาริ ทากะนั่งพิงเสาไฟเหม่อมองท้องฟ้าอย่างไร้จุดหมาย

    ส่วนเอเซ แมคโดเวล นอนเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้ยาวอย่างสบายอารมณ์

    “นายไปตามเจ้านั่นกลับมาก่อนดีกว่ามั้ง” เอเซตอบแบบขอไปที แต่รุ่นน้องหัวแดงก็เดินไปลากคออากิรอสกลับมาจริงๆโดยที่เจ้าตัวโวยวายลั่นถนน

    “ใจคอพวกพี่ๆจะล็อกอินเข้าเกมส์มาจีบสาว เข้ามานอนเล่นกับนั่งดูท้องฟ้าใช่ไหมครับ?”

    “แล้วมีอะไรให้ทำมั่งละฮะ?” อากิรอสยักคิ้วถามกลับทำให้รุ่นน้องผมแดงต้องถอนหายใจอย่างหน่ายๆแล้วก็เปิดหน้าต่างของเกมส์เพื่อดูข้อมูล

    “ถ้าเปลี่ยนอาชีพเสร็จจะไปวัดดวงกับบอสดูไหม มีข่าวว่าจะสุ่มปล่อยบอสที่ทุ่งหญ้าซักทิศนึง”

    “ตามกระแสแบบนั้นจะไปสนุกอะไร” เอเซดีดตัวขึ้นนั่งยักคิ้วให้อากิรอสบ้าง

    “สหายมีความเห็นว่ายังไงก็พูดออกมาเลยไม่ต้องกั๊กหรอกขอรับ”

    “ก็ดีกว่านายที่นั่งอู้ไม่ออกความเห็นก็แล้วกัน” เอเซแขวะกลับแต่อีกฝ่ายแทนที่จะโกรธกลับยิ้มรับ

    “เปลี่ยนอาชีพเสร็จก็แยกย้ายกันไป ให้เวลายี่สิบสี่ชั่วโมงใครเลเวลน้อยสุดต้องออกเลี้ยงข้าวอีกสามคน โอเคปะ?”

    “เอะอะก็ลากเข้าเรื่องพนันนะ” ทากะลุกขึ้นยืนบิดตัว “เรายินดีรับพนัน แต่สหายอากิจะรับพนันด้วยรึเปล่าละ”

    “ยังไงก็ได้ฮะเพราะเราได้กินฟรีแน่นอนอยู่แล้ว” คนถูกถามตอบกลับอย่างมั่นใจยักไหล่ตีหน้ากวนประสาทจนเอเซต้องลุกขึ้นถีบ

    “เหลือแต่นายแล้วนะ” ทากะหันไปถามกุห์ฟานที่ยังไม่ได้ตอบว่าตกลงหรือไม่

    “ถ้าจะพนันกันแบบนี้ผมก็เสียเปรียบดิ พวกพี่แต่ละคนจะเป็นนักเวทกับนักดาบ ส่วนผมจะเป็นนักประดิษฐ์ คำตอบมันก็ออกมาชัดเจนอยู่แล้วละนะ” กุห์ฟานยิ้มยวนกวนประสาทไม่แพ้อากิรอส “ถ้าต้องเลี้ยงจริงๆผมก็ไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว อย่าลืมสิว่าเงินเดือนผมเยอะกว่าพวกพี่ๆอีก”

    “บ๊ะ! พูดอย่างนี้ต้องทำให้มันเลี้ยงให้ได้เลย” เอเซแสยะยิ้มใส่เจ้ารุ่นน้องผมแดงซึ่งเจ้านั่นก็ยักไหล่คืนให้

    “ว่าแต่นายแน่ใจกับเงื่อนไขแล้วเหรอเอเซ? ตอนนี้พวกเราน่ะเลเวลห้าส่วนนายเลเวลหนึ่งนะ”

    เอเซยักคิ้วให้อย่างมั่นใจ “ก็เป็นแต้มต่อที่ไม่เลวไม่ใช่เหรอ?”

    “ว้าว! ถ้านายต้องการแบบนั้นก็ย่อมได้ ถ้านายเลเวลเท่ากับเราละก็ถือว่าเราแพ้เลยละกัน”

    “จัดไป”




    และแล้วทั้งหมดก็เคลื่อนขบวนจากจัตุรัสน้ำพุซึ่งเป็นสถานที่ล็อกอินแห่งแรกของผู้เล่นมือใหม่ไปตามถนนทางทิศตะวันออก เบื้องหน้าคือปราสาทสีขาวหลังใหญ่เห็นอยู่ไกลลิบๆซึ่งเป็นสถานที่เปลี่ยนอาชีพสำหรับผู้เล่นที่ผ่านเกณฑ์ขั้นต้น ตลอดทางที่พวกเขาเดินทอดน่องดูร้านรวงสองข้างทางมีผู้เล่นมือใหม่วิ่งแซงไปที่ปราสาทสีขาวแห่งนั้นไม่รู้กี่สิบคนแล้ว

    “ถามหน่อยดิ เกมส์นี้ไม่มีแต้มให้อัพสเตตัสอย่างเช่น str หรือ agi บ้างรึไง?” เอเซอดสงสัยไม่ได้หลังจากเปิดดูหน้าต่างสถานะของตนแล้วหาคำสั่งเพิ่มค่าพลังของตัวละครไม่เจอสักที

    อากิรอสกับทากะมองหน้ากันทันใด แล้วก็เป็นทากะที่ผายมือให้อากิรอสเป็นผู้อธิบาย

    “ในจีจีโอ นายจะอัพสเตตัสหรือสกิลได้ก็ต่อเมื่อครบเงื่อนไข”

    “อยากได้เพิ่มพลังโจมตีก็ต้องออกแรงหวดกับมอนสเตอร์ อยากโจมตีด้วยเวทมนต์แรงๆก็ต้องใช้เวทมนต์บ่อยๆ พูดง่ายๆว่ายิ่งใช้ยิ่งชำนาญ หรืออีกทางเลือกหนึ่งก็คือยอมใช้ค่าประสบการณ์ที่ได้จากการต่อสู้มาเพิ่มสเตตัสหรือสกิลต่างๆแลกกับการไม่ได้อัพเลเวล นายลองเปิดหน้าต่างสกิลดูก็ได้”

    “สกิลการใช้ดาบระดับหนึ่ง เพิ่มพลังโจมตีเมื่อใช้อาวุธประเภทดาบยี่สิบหน่วย ใช้ค่าประสบการณ์แปดร้อยแต้ม หรือสร้างความเสียหายกับศัตรูด้วยดาบครบพันสองร้อยแต้ม” เอเซอ่านคำอธิบายให้ทุกคนได้ยิน

    “แปดร้อยแต้มที่ว่าถ้าเอาไปอัพเลเวลช่วงต้นๆได้หลายเลเวลเลยนะพี่” กุห์ฟานช่วยอธิบายเพิ่ม

    “ค่าประสบการณ์ที่ได้จากการต่อสู้จะถูกแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกนำไปอัพเลเวลตามปกติ และส่วนที่สองคือเก็บไว้เพื่ออัพสเตตัสหรือสกิล ซึ่งพี่เอเซสามารถเลือกได้จะว่าจะเก็บเป็นสัดส่วนเท่าไร เช่น อัพเลเวลห้าสิบเก็บห้าสิบหรืออัพเลเวลสามสิบเก็บเจ็ดสิบ”

    “สกิลในเกมส์นี้มีนับไม่ถ้วน แต่แบ่งกว้างๆก็จะมีสกิลที่เพิ่มความสามารถต่างๆ เช่น สกิลเขียนแผนที่ สกิลวาดรูปมอนสเตอร์ สกิลมองในความมืดหรือพวกสกิลว่ายน้ำปีนเขาก็มี ประเภทที่สองก็คือสกิลต่อสู้ที่ต้องเรียกใช้งานจำพวกสกิลเพิ่มความเร็วหรือเวทมนต์ที่ใช้โจมตี แล้วสุดท้ายคือสกิลดำรงชีวิต เช่น สกิลก่อไฟหรือสกิลปรุงอาหารที่มีความสำคัญในการทำภารกิจระยะยาวแต่ผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่สนใจจะเรียนรู้เอาไว้”

    “พนันกันได้เลยว่าผู้เล่นส่วนใหญ่เลือกที่จะอัพเลเวลให้สูงแล้วก็ขึ้นสกิลสายต่อสู้ไว้เพียบแหงๆ” เอเซบอกพลางเปิดดูหน้าต่างสกิลต่างๆไปเรื่อยเปื่อย

    “ก็อย่างที่สหายคิดนั่นแหละ ตอนเล่นเทสต์เบต้าก็มีพวกที่เลเวลใกล้จะแตะหลักร้อย มีแต่สกิลต่อสู้เต็มเหยียดในขณะที่พวกเราสามคนเพิ่งจะเลเวลสี่สิบเท่านั้น”

    “เอาล่ะพี่ๆ เรามาถึงที่หมายกันแล้วนะ”




    ทั้งสามหยุดเดินทันทีแล้วก็ต้องแหงนหน้ามองสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่คล้ายกับพระราชวังบัคกิ้งแฮมในประเทศอังกฤษ คูน้ำกว้างเกือบร้อยเมตร มีสะพานไม้แบบชักเก็บได้พาดเป็นถนนมุ่งสู่ประตูปราสาท ตลอดคูน้ำมีร้านรวงมาเปิดขายของเต็มไปหมด ตรงกลางสะพานมีพวกผู้เล่นใหม่จับกลุ่มคุยแลกเปลี่ยนข้อมูล บ้างก็หันซ้ายหันขวาเลือกไม่ถูกว่าจะเข้าไปเปลี่ยนอาชีพดีหรือเปล่า

    “เอาละ ได้เวลาอันเป็นมงคลฤกษ์แล้ว” อากิรอสก้าวออกไปยืนนำหน้าพูดจาเป็นการเป็นงานชนิดว่าผิดปกติจนเอเซต้องเอ่ยปากแขวะ “ได้ฤกษ์ฌาปนกิจตัวเองเรอะ?”

    “โวะ! นานๆทีขอพูดเป็นการเป็นงานหน่อยไม่ได้รึไง” อากิรอสเปิดหน้าต่างไอเทม ในมือขวาปรากฏผลึกหินสีเขียวอ่อนในกรอบโลหะสีเงิน

    “นั่นมันคริสตัลสำหรับสร้างแคลนนี่นา” ผู้เชี่ยวชาญด้านไอเทมอย่างกุห์ฟานไม่มีทางมองไอเทมในมืออากิรอสผิดไปอย่างแน่นอน

    “ถูกต้อง! วันสุดท้ายของเทสต์เบต้าที่พวกนายไม่ว่างเล่นกันแต่เราว่าง ครึ่งชั่วโมงก่อนที่เกมส์จะปิดตัวลงมีคำถามว่าต้องการเก็บไอเทมชิ้นไหนไว้ใช้ตอนโอเพ่นเบต้าซึ่งเราก็เลือกผลึกคริสตัลนี้มายังไงละ”

    “นานๆทีก็มีความคิดเข้าท่าเข้าทางนะ” ทากะทำท่าชื่นชมคริสตัล แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าเขาแกล้งทำ อากิรอสก็แกล้งทำเมินท่าทีของทากะไปดื้อๆ

    “ถ้าอย่างนั้นเราจะตั้งชื่อแคลนว่าอะไรดีละ?” กุห์ฟานขอความคิดเห็นจากทุกคน

    “ก่อนอื่นก็ต้องถามก่อนสิว่าใครจะเป็นหัวหน้าแคลน”

    ทุกคนเงียบ เงียบจนน่าอึดอัดทั้งที่รอบข้างวุ่นวายไปด้วยบรรดาเอ็นพีซีที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าและผู้เล่นมือใหม่ที่จอแจเสียงดัง

    “นี่แหละที่เขาว่าหน้าที่อันยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง” น้องเล็กสุดกุห์ฟานพูดทำลายบรรยากาศที่เงียบสงัดสำหรับทั้งสี่คน เปิดหน้าต่างเรียกไอเทมชิ้นหนึ่งออกมาถือไว้

    ไพ่หนึ่งสำรับ

    “ตัดสินกันง่ายๆ ใบเดียวรู้ผลนี่แหละ” เจ้าหัวแดงเริ่มสับไพ่ในมือ ที่เหลืออีกสามคนมองหน้ากันแล้วก็ล้อมวงเป็นสี่ทิศนั่งลงพร้อมกัน บรรดาผู้เล่นที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างหันมองทั้งสี่คนที่หาญกล้าเปิดวงไพ่หน้าปราสาทกันเลยทีเดียว แต่ละคนได้รับแจกไพ่แค่คนละใบ ตัดสินชะตาชีวิตในเสี้ยววินาที

    ในมือกุห์ฟานคือควีนข้าวหลามตัด แต่ก็ยังไม่ใหญ่พอที่จะสู้ไพ่คิงดอกจิก ในมือของอากิรอสได้ ส่วนเอเซยิ้มกริ่มเมื่อไพ่ในมือคือเอซโพธิ์ดำซึ่งเป็นไพ่ที่ทรงพลังที่สุดในสำรับ ส่วนทากะเปิดดูไพ่ของตัวเองแล้วก็ก้มหน้าเงียบเพราะได้เพียงห้าโพธิ์แดงเท่านั้น

    “...ห้าโพธิ์แดง?” ทากะพูดราวกับโลกทั้งใบพังทลาย กุห์ฟานเดินเข้ามาดึงไพ่ไปเก็บในสำรับ เอเซและอากิรอสเดินเข้ามาตบบ่าสองข้างของเขา

    “ถึงยังไงนายก็เป็นสหายของพวกเราไม่เปลี่ยนแปลง...นะ”

    คริสตัลถูกยัดเยียดเข้ามาอยู่ในมือของซารุวาตาริ ทากะอย่างรวดเร็ว

    “บอกไว้ก่อนว่าเราเป็นหัวหน้าแคลนแค่ในนาม ไม่ขอรับผิดชอบความผิดของลูกแคลนในทุกๆกรณีและห้ามโยนการตัดสินใจมาให้เราคนเดียว” ทากะพูดออกตัวไว้ก่อนเพราะรู้ดีว่าเพื่อนๆแต่ละคนถ้าไปก่อปัญหาไว้คงไม่สามารถจบเรื่องง่ายๆเพียงแค่ยกมือขอโทษคู่กรณีอย่างแน่นอน

    “เอาน่ะ” เอเซตัดบททันทีพร้อมกันจิ้มที่คริสตัล หน้าต่างถูกเปิดขึ้นมาเพื่อให้ใส่ชื่อของแคลน

    “เชิญท่านหัวหน้าแคลนครับ” เขายิ้มลอยหน้าลอยตาใส่หัวหน้าแคลนใหม่หมาดๆ

    “หึหึ งั้นก็ขอใช้สิทธิ์หัวหน้าแคลนให้เต็มที่เลยนะ”

    ตัวอักษร Maldito ถูกกรอกลงไปในหน้าต่างแล้วกดยืนยันทันที จากนั้นหน้าต่างเชิญเข้าแคลนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคนพร้อมกัน

    “พร้อมจะล่มจมด้วยกันแล้วรึยังขอรับ”

    เอเซกดปุ่มตอบรับเป็นคนแรก ตามด้วยกุห์ฟานและอากิรอส




    หลังจากคุยกันต่ออีกนิดหน่อยทั้งสี่คนก็เดินข้ามสะพานไปด้านในของปราสาท มีแผ่นหินใหญ่ตั้งอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าอธิบายถึงการเปลี่ยนอาชีพ ผู้เล่นต่างไปต่อแถวเพื่ออ่านรายละเอียดจนแถวยาวเป็นหางว่าว พอเอเซและอากิทำท่าจะไปต่อแถว กุห์ฟานก็ร้องห้ามขึ้นก่อนพร้อมกับชูแว่นขยายในมือให้ดู

    “พวกพี่จะไปต่อแถวให้เสียเสียเวลาทำไมกัน”

    “โวะ! ฉลาดสมกับเป็นลูกศิษย์ของข้าจริงๆ”

    ทากะพูดสวนทันที “คราวหน้าคราวหลังก็ทำตัวให้ฉลาดสมกับเป็นอาจารย์หน่อยนะ”

    เอเซหัวเราะดังลั่นแล้วทั้งสามก็เริ่มแขวะกันไปมา กุห์ฟานเลิกสนใจกับรุ่นพี่ทั้งสามคน มองผ่านแว่นขยายเพื่อดูรายละเอียดจากบนแผ่นหินนั้น

    “ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนอาชีพให้ไปที่ชั้นสอง หากต้องการไปยัง ‘แกรนด์ไกอา’ โดยไม่เปลี่ยนอาชีพให้คุยกับเจ้าหน้าที่ที่ชั้นหนึ่งได้เลย เอาไงละพี่? จะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนอาชีพก็ได้”

    “บ๊ะ! จะถามทำไม เปลี่ยนอาชีพไปแล้วก็ไปลุย ใครเลเวลน้อยสุดเลี้ยงข้าว” เอเซยังคงยืนยันตามเดิม

    ทุกคนเข้าไปด้านในปราสาทที่ตกแต่งอย่างหรูหราไฮโซปูพรมแดงยาวไปถึงตรงกลางห้องโถงใหญ่ โคมระย้าบนเพดานให้ความรู้สึกว่าถ้าร่วงลงมาทับก็คงต้องไปนอนที่โรงพยาบาลอย่างแน่นอนเพราะขนาดใหญ่เหลือเกิน กระจกแก้วหลากสีเรียงต่อกันบานแล้วบานเล่า รูปแกะสลักหินอ่อนตรงหัวมุมบันไดโค้งทั้งสองฝั่งให้ความรู้สึกสมจริง

    กุห์ฟานลองคุยกับเอ็นพีซีหลายๆคนเพื่อเก็บข้อมูลเพิ่มแล้วนำมาบอกกับรุ่นพี่ทั้งสาม ไม่ว่าจะเลือกเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนอาชีพก็จะถูกส่งไปที่เมือง ‘อารันด์’ ทั้งสี่คนนัดแนะกันว่าถ้าถูกส่งไปคนละจุดให้ไปเจอกันก่อนที่ประตูเมืองทิศเหนือแล้วก็เดินดุ่มๆขึ้นไปชั้นสองซึ่งผู้เล่นมือใหม่ส่วนใหญ่เลือกที่จะต่อแถวไม่เปลี่ยนอาชีพมากกว่า

    เอเซ กุห์ฟาน ทากะและอากิรอสแยกย้ายเข้าห้องที่ถูกระบุชื่อไว้ราวกับรู้ล่วงหน้าว่าพวกเขาจะขึ้นมาบนชั้นสอง ด้านในเป็นห้องขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ มีเพียงเก้าอี้หนึ่งตัวอยู่กลางห้องเท่านั้น

    “น่าสนุกนี่” เอเซแสยะยิ้มแล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้ หน้าต่างสีฟ้าปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา มีคำถามว่าเขาต้องการเลือกเปลี่ยนอาชีพใด เป็นคำถามง่ายๆทว่ากลับไม่มีตัวเลือกให้เลือกมีเพียงช่องว่างให้เติมข้อความลงไปเท่านั้น

    ชายหนุ่มยิ้มมุมปากเล็กๆแล้วใส่ข้อความลงไปว่า ‘นักดาบมนตรา’ จากนั้นกดปุ่มตกลงทันที

    วงเวทสีฟ้าอ่อนปรากฏขึ้นโดยมีเก้าอี้ที่เขานั่งเป็นจุดศูนย์กลาง พริบตาเดียวเขาถูกเทเลพอร์ตมายังอีกห้องหนึ่งซึ่งไม่แตกต่างกันมาก เพียงแต่มีเสียงตะโกน ‘เวลคัม’ อย่างยินดีปรีดาดังลากยาวมาจากด้านหลัง พอหันไปมองก็พบชายรูปร่างอ้อนแอ้นในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวปล่อยชาย กางเกงสีดำรัดรูป หน้าตาทรงผมจัดว่าธรรมดาๆเพียงแต่เวลาเดินออกจะดูตุ้งติ้งไปนิดหน่อย

    “ขอแสดงความยินดีด้วยนะ เจ้าเป็นคนแรกเลยที่เลือกอาชีพนักดาบมนตรา จะว่าไปแล้วก็นั่งแหง่วรอมาตั้งหลายชั่วโมงจนคิดว่าจะไม่มีใครอยากเลือกอาชีพนี้แล้วซะอีกแน่ะ” เอ็นพีซีหนุ่มพูดรัวเป็นปืนกลไม่ยั้งเหมือนไม่ได้คุยกับคนอื่นมาหลายปี

    เอเซเรียกหน้าต่างออกมาดูแล้วก็ปิดไป “ไม่ยักมีปุ่มให้กดข้ามบทสนทนาแฮะ”

    “ต๊าย! เสียมารยาทที่สุด อย่าเอาข้าไปเทียบกับเอ็นพีซีในเกมส์อื่นสิจ๊ะ”

    เอเซถอนหายใจอย่างหน่ายๆทันทีเอ็นพีซีรายนี้แสดงออกอย่างชัดเจน ชัดเจนมากเกินความจำเป็นเลยละ “เข้าเรื่องเลยละกัน ผมต้องรับการทดสอบหรือทำภารกิจอะไรไหมเพื่อเปลี่ยนอาชีพ?”

    “อายุอานามก็ไม่น้อยแต่ยังใจร้อนเหมือนวัยรุ่นเลยนะ คุณเอเซ แมคโดเวล” เอ็นพีซีตอบกลับหัวเราะคิกคักในลำคออย่างมีความสุข

    “เอาดาบแทงเอ็นพีซีตายจะกลายเป็นฆาตกรติดหัวแดงไหมเนี่ย?” เขาถอนหายใจหนักกว่าเก่าพลางนึกไปถึงเพื่อนๆอีกสามคนว่าจะเจอชะตากรรมแบบเดียวกันรึเปล่า

    “อย่าโหดร้ายป่าเถื่อนไปหน่อยเลยนะจ๊ะ ข้าก็แค่มีหน้าที่อธิบายหลักพื้นฐานของอาชีพนี้ให้ผู้เล่นมือใหม่ฟัง แต่เท่าที่เห็นคงไม่จำเป็นต้องอธิบายให้มือเก๋าอย่างคุณเอเซ แมคโดเวลาฟังหรอกใช่ไหมล่ะ” เอเซตะลึงนิดหน่อยเมื่อรู้ว่าตัวเองถูกอ่านความคิดแต่ก็ไม่ได้ผิดไปจากที่เขาคาดมากเพราะตอนนี้เขาอยู่ในเกมส์จีจีโอ เชื่อมต่อคลื่นสมองผ่านอุปกรณ์พิเศษผ่านระบบเครือข่ายมาจนถึงระบบประมวลผลของเครื่องซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ถูกโปรแกรมไว้อย่างดี สิ่งที่เขาคิดก็คงไม่ต่างอะไรกับกระแสไฟฟ้าที่สามารถถอดรหัสเป็นข้อมูลได้

    “ถ้าอย่างนั้นก็จบหลักสูตรนี้แล้วก็รบกวนส่งผมไปที่เมืองอารันด์ทีละกันครับ”

    “จ้าๆ ถ้าต้องการแบบนั้นก็ไม่มีปัญหายังไงซะก็เปิดอ่านจากคู่มือได้ตลอดเวลาอยู่แล้วละนะ อ้อ!แล้วนี่ก็ของฝาก อยากได้แบบไหนสีอะไรก็เลือกได้ตามใจชอบเลยนะ”

    หน้าต่างสีส้มปรากฏหน้าเขา มีรายการเสื้อผ้าให้เลือกนับร้อยชุด เอเซก็เย็นใจเลือกชุดที่เขาขอบจริงๆแล้วก็กดปุ่มตกลง

    “ขอให้มีความสุขกับการเล่นเกมส์แกรนด์ไกอาออนไลน์นะจ๊ะ” เสียงห้าวๆดังสะท้อนเป็นเสียงเอคโค่ตามมาเมื่อเอเซกำลังจะถูกเทเลพอร์ตออกจากห้องไปสู่เมืองอารันด์




    แสงสว่างจ้าทำให้เอเซ แมคโดเวลต้องยกมือป้องหน้า เมื่อดวงตาเริ่มชินกับแสงแล้วเขาก็เปิดหน้าต่างขึ้นมา ตรงแผนที่บอกว่าตอนนี้เขาอยู่ในเมืองอารันด์แล้ว ชายหนุ่มหันมองรอบๆแล้วก็พบว่าเมืองนี้ต่างจากเมืองแรกที่เขาล็อกอินเข้ามาไม่มากนัก รูปแบบสถาปัตยกรรมโดยทั่วไปคืออาคารสองหรือสามชั้นเรียงต่อกันมีระเบียงยื่นออกมาด้านนอก ปูหลังคาด้วยกระเบื้องสีน้ำตาลแดง กำแพงทาสีขาวนวลหรือไม่ก็สีเหลืองอ่อน พื้นถนนปูด้วยหินสี่เหลี่ยม

    บรรยากาศค่อนข้างคึกคัก ผู้เล่นจำนวนมากยืนคุยเต็มลานกว้างโดยสามารถแยกผู้เล่นที่เปลี่ยนอาชีพและยังไม่เปลี่ยนอาชีพได้จากชุดที่ใส่ บางจังหวะมีรถม้าผ่านมาบ้างซึ่งก็ได้รับความสนอกสนใจจากบรรดาผู้เล่นที่เป็นผู้หญิงเพราะคนคุมรถหน้าตาค่อนไปทางหล่อ

    เอเซมองรอบตัวแล้วก็เริ่มสำรวจตัวเอง เขาใส่เสื้อเนื้อหนาสีน้ำตาลเข้มสวมทับด้วยเสื้อโค้ทยาวสีเดียวกันกระทั่งกางเกงยีนส์ยังสีน้ำตาล มีเกราะมือทำจากโลหะ ดาบเคลย์มอร์คาดไว้ที่เอวซ้าย รองเท้าเป็นรองเท้าคอมแบทสีดำ


    “ว้าว! หล่อสมกับเป็นเอเซ แมคโดเวล” ชายหนุ่มแทบไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยว่าใครทักเขา พอหันกลับไปก็พบว่าทุกคนเปลี่ยนเครื่องแต่งกายหมดแล้ว

    ซารุวาตาริ ทากะอยู่ในชุดเสื้อธรรมดาสีดำ กางเกงผ้าหนาสีน้ำเงินเข้ม เสื้อนอกสีเดียวกับกางเกงแต่พับแขนเสื้อขึ้นเหนือศอก มีกระเป๋าผ้าสีดำขนาดกะทัดรัดอีกใบหนึ่งคาดติด ใส่หมวกเดินป่าสีดำ

    อากิรอส คีฟ แปลงกายเป็นนักเรียนไฮโซของโรงเรียนนานาชาติสักแห่งเพราะสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว ผูกไทด์สีฟ้าอ่อนทับด้วยเสื้อไหมพรมคอวีแขนสั้นสีเทา กางเกงขาวยาวสีดำสนิทกับรองเท้าหนังเงาวับ มีผ้าคลุมสีดำที่พวกนักเวทชอบใส่สวมทับไว้อีกตัวหนึ่ง

    กุห์ฟาน รีส ริยาสเป็นอีกคนที่แต่งตัวธรรมดา ประกอบไปด้วยเสื้อคอกลมสีขาวทับด้วยแจ็กเก็ตยีนส์สีน้ำเงินเข้ม กางเกงยีนส์สีดำกับรองเท้าผ้าใบและเป้สะพายพาดบ่าอีกหนึ่งใบดูทะมัดทะแมง

    “กุห์ฟานดูเป็นผู้เป็นคนที่สุด ส่วนนายหลุดมาจากโลกไหนวะเนี่ยอากิ? ตอนเด็กๆไม่ได้เรียนโรงเรียนนานาชาติเลยเก็บกดมาถึงตอนนี้รึไง?” เอเซเลิกคิ้วถามตีหน้าเบื่อโลกใส่เพื่อนผมเทา

    “ชุดนักเวทมันซ้ำซากจำเจไปฮะ” เขาตอบกลับอย่างไม่ยี่หระ “แล้วนี่แต่ละคนเล่นอาชีพอะไรกันบ้างล่ะฮะ”

    กุห์ฟานส่งแว่นขยายให้อากิรอส เขารับไปส่องเพื่อนๆทีละคน

    “นักดาบมนตรา? เล่นมากี่เกมส์ๆก็อาชีพนี้ยันเตไม่คิดจะเปลี่ยนบ้างเหรอฮะ? ส่วนทากะนี่ผิดคาดแฮะดันผ่าไปเล่นอาชีพนักสำรวจ ส่วนกุห์ฟานเป็นนักล่าสมบัติ อ้าว!ตอนแรกว่าจะเป็นนักประดิษฐ์ไม่ใช่เรอะ”

    “เออน่ะ! นี่แหละเหมาะที่สุดแล้ว” เอเซตัดบทตามสไตล์ของเขา

    “ฟังคำอธิบายเรื่องนักประดิษฐ์แล้วคิดว่าไม่ไหวต้องใช้ทุนเยอะพอควรเลยเปลี่ยนมาเป็นนักล่าสมบัติแทน แถม เอ็นพีซี พอรู้ว่ามีไพ่ก็ให้สกิลที่ใช้ไพ่มาให้ด้วยก็ถือว่าไม่เลวหรอกนะ” นักล่าสมบัติมือใหม่หมาดๆอธิบาย

    “งั้นก็แยกย้ายทางใครทางมันเป็นเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วค่อยมาเจอกันตรงนี้อีกครั้ง”

    “ผมไปทางตะวันตกก็แล้วกันเห็นว่าที่นั่นมีหีบสมบัติซ่อนอยู่ในแผนที่ ส่วนพี่ทากะผมว่าไปทางเหนือน่าจะดีเพราะยังไม่มีใครไปบุกเบิกเลย ที่เหลือพี่เอเซกับพี่อากิก็ตกลงกันเองนะ”

    “เอาไง?” อากิรอส คีฟหันไปถามอีกฝ่ายด้วยสีหน้ากวนประสาท เอเซไม่ตอบแต่ล้วงเหรียญขึ้นมาหนึ่งเหรียญ ดีดขึ้นไปหมุนติ้วๆในอากาศ

    “ถ้าออกหัวเราไปตะวันออก” เหรียญสีทองแดงอมเทาตกลงมาบนพื้นหิน หมุนช้าลงๆจนกระทั่งหยุดสนิท รูปนูนต่ำของหัวนกอินทรีย์พลิกขึ้นมาอวดโฉมให้ทุกคนเห็น

    เมื่อตกลงกันเรียบร้อย ทุกคนจัดแจงตรวจสอบไอเทมที่ได้รับมาก็พบว่ามีสมุดคู่มือประจำอาชีพ น้ำยาเพิ่มพลังชีวิตสิบขวด น้ำยาเพิ่มพลังเวทมนต์อีกห้าขวด เสบียงอีกสามชุดซึ่งพอดีกับสามมื้อในเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงข้างหน้าและคริสตัลที่ใช้เทเลพอร์ตกลับมาได้เฉพาะที่เมืองอารันด์เท่านั้น

    “ตอนนี้เวลาบ่ายโมงกว่า งั้นบ่ายสองพรุ่งนี้กลับมาเจอกันที่นี่”

    อากิรอสเป็นผู้กำหนดเวลาให้กับทุกคนซึ่งก็ไม่มีใครคัดค้าน หลังจากแยกย้ายกับเพื่อนๆทั้งสามของเขา เอเซก็มุ่งหน้าไปตามถนนสายหลักที่จะพาไปที่ประตูเมืองฝั่งตะวันออก เขาเดินทอดหุ่ยดูความเป็นไปในเกมส์อย่างไม่รีบร้อนแล้ว เข้าไปคุยกับเอ็นพีซีดูการตอบโต้ของระบบอาติแฟคอินเทเลเจนซ์ที่พัฒนาจนถึงขีดสุด สามารถพูดคุยแสดงอารมณ์และท่าทางได้ไม่ต่างจากมนุษย์เลยแม้แต่น้อย




    กำแพงหินขนาดใหญ่สูงราวสามเมตรคั่นเมืองและทุ่งหญ้าไว้คนละฟาก ถนนมาสุดทางแค่ตรงนี้ จากนี้ไปคือการต่อสู้ของ เอเซ แมคโดเวล ในแกรนด์ไกอาออนไลน์
    Ryuto, joi100 และ taleoftrue ถูกใจสิ่งนี้
  13. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    เสียดายบท npc น้อยไปหน่อยแฮะ ท่าทางจะเป็นตัวละครที่มีชีวิตชีวาดี
  14. yoshiki

    yoshiki FATE

    EXP:
    862
    ถูกใจที่ได้รับ:
    17
    คะแนน Trophy:
    38
    NPC แนวๆนี้เหมือนเคยเจอจากเกมไหนสักเกม ตอบกวนๆแนวนี้เลย ตอนอ่าน text นี่แทบอยากกระโดดถีบไรเดอร์คิก
  15. Aki

    Aki Paradox Observer

    EXP:
    485
    ถูกใจที่ได้รับ:
    41
    คะแนน Trophy:
    48
    เมื่อไหร่จะลงถึงตอน 5 ฮะ!?
  16. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    โอย.. ขำอากิรอสเก็บกด 555555555555

    เข้าใจคิดดีนี่ NPC กระเทย ชอบการออกแบบ แต่ไม่ชอบรูปลักษณ์ของมันนะ

    อ่านพล็อตแล้วบอกได้คำเดียว พวกนี้ผีพนัน... ไม่เคยพึ่งสัญชาตญาณเลยใช่ไหมเนี่ย กะจะพึ่งดวงอย่างเดียว
    เอ้า ขอให้โชคดี
    joi100 ถูกใจสิ่งนี้
  17. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    อนาคตอาจจะมีบทให้นะครับ ยังไม่แน่

    ฮ่าๆๆๆๆๆ คิดเหมือนกันเลย

    อ่านตอน 3 ก่อนดีกว่าไหมฮะ ?

    วันไหนดวงดีก็เฮงๆไป วันไหนดวงแตกก็แยกย้ายทางใครทางมันละนะ
  18. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    Grand Gaia Online 03 – Mission Start




    เอเซ แมคโดเวลก้าวเท้าพ้นประตูเมืองทิศตะวันออก สายลมหอบไอร้อนตอนบ่ายเข้าปะทะจนผ้าคลุมสีน้ำตาลสะบัดไปมา เขามองทุ่งหญ้าเขียวขจีกว้างใหญ่ที่ทอดยาวไปจนถึงภูเขาลูกใหญ่ที่ตั้งตระหง่านขวางตัวจากเหนือลงสู่ใต้ เห็นผู้เล่นคนอื่นแค่หกเจ็ดคนในระยะสายตาเท่านั้น

    ชายหนุ่มเห็นศัตรูแค่สองประเภท คือ ลูกหมาป่าขนสีเทากับหมาป่าขนสีฟ้า ไม่ลืมหยิบแว่นขยายส่องศัตรูเพื่อตรวจสอบข้อมูลตามที่กุห์ฟานแนะนำก่อนแยกทางกัน

    “ตัวใหญ่เลเวลห้าไม่โจมตีก่อนแต่ถ้าเข้าใกล้มากๆมีโอกาสที่จะโจมตีก่อน ส่วนเจ้าตัวเล็กเลเวลสามแต่ช่วยกันรุม แบบนี้ไม่ยาก”

    ถึงจะเป็นผู้เล่นมือใหม่ในแกรนด์ไกอาออนไลน์ แต่เอเซเคยเล่นเกมส์ออนไลน์เสมือนจริงมาหลายเกมส์แล้ว เขาดึงดาบออกจากฝักเดินเข้าหาหมาป่าขนสีฟ้าที่อยู่ใกล้ที่สุด มันตอบสนองการเคลื่อนไหวของเขาทันที ครั้งแรกมันวิ่งหนีออกห่างไปก่อนพอเอเซเดินตามเข้าไปอีกครั้งมันก็แยกเขี้ยวขู่คำราม ชายหนุ่มลองกระทืบเท้าใส่มันก็ตอบสนองด้วยการย่อตัวลง พอกระทืบเท้าอีกครั้งมันก็พุ่งเข้าใส่เขาทันที

    เขาหลบอย่างไม่ลำบาก หมาป่าตัวนั้นหมุนตัวกลับแล้วโจมตีซ้ำด้วยการพุ่งเข้าใส่แบบเดิมซึ่งเขาก็หลบได้อีก พอครั้งที่สามนักดาบมนตราก็ตวัดดาบเข้าที่คอของมันตอนที่มันพุ่งเข้าใส่ เพียงดาบเดียวก็จัดการมันลงได้

    [ ได้รับค่าประสบการณ์ 22 แต้ม ]
    เอเซกดปิดหน้าต่าง ตั้งค่าไว้ว่าไม่ต้องแจ้งเตือนอีกต่อไป

    เขาเดินหน้าเข้าหาหมาป่าตัวที่สองเพื่อทดสอบว่าศัตรูมีรูปแบบการโจมตีกี่ชนิด หลังจากจัดการหมาป่าไปห้าตัวก็พบว่าการโจมตีของศัตรูมีเพียงรูปแบบเดียวคือกระโดดเข้ามากัดตรงๆ

    “หวานหมูสิ”

    เอเซแสยะยิ้มเปลี่ยนเป้าหมายไปที่หมาป่าตัวเล็กบ้าง พอเดินเข้าไปใกล้มันก็หันมาดมรองเท้าของเขาเหมือนลูกหมาในโลกจริงไม่ผิดเพี้ยน ชายหนุ่มยกขาเหยียบกดไว้ มันก็ร้องเสียงดังและพยายามดิ้นให้หลุด ลูกหมาป่าที่อยู่ใกล้ๆวิ่งกรูมาหาเขาทันที

    นักดาบมนตราอาศัยความยาวของดาบค่อยๆฆ่าลูกหมาป่าทีละตัว สุดท้ายก็สะบัดดาบจัดการลูกหมาป่าตัวที่เหยียบไว้เป็นตัวสุดท้าย

    “แหม ทำแบบนี้ก็ได้ด้วยแฮะ”

    เอเซมองหาเป้าหมายใหม่เป็นหมาป่าสีฟ้าที่อยู่ใกล้ๆ ครั้งนี้เขาต่อสู้แบบจริงจัง โจมตีด้วยดาบไม่ว่าจะเป็นการฟันการแทง ทดลองเคลื่อนไหวร่างกายในเกมส์ให้เหมือนเป็นร่างกายจริงๆของเขา

    เกือบสองชั่วโมงที่เขาลุยกับหมาป่าในทุ่งหญ้าเกือบทั้งฝูง นักดาบมนตรามือใหม่ก็ก้าวขึ้นสู่เลเวลสอง เขาพาตัวเองมานั่งหลบแดดใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่แล้วก็ออกไปลุยต่อจนถึงเวลาเย็น ดวงอาทิตย์กำลังจะลับหายไปทางเมืองอารันด์

    “เออแฮะ คืนนี้ยังไม่มีที่พักเลยนี่หว่า”



    [ อากิรอส : มีอะไรวะ? ]

    [ เอเซ : แค่จะถามให้แน่ใจว่าคืนนี้พวกนายคงไม่กลับมานอนโรงแรมในเมืองสินะ ]

    [ ทากะ : ทางนี้ก็กำลังสำรวจแผนที่ไปเรื่อยๆ คงไม่กลับเช่นกัน ]

    [ กุห์ฟาน : เกมส์นี้ไม่มีระบบความง่วงครับพี่เอเซ มีแต่ระบบเหนื่อยกับระบบหิวเพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องง่วงนอน ระบบโรงแรมจะช่วยฟื้นฟูความเหนื่อยได้เร็วขึ้นสองเท่าแต่แพงมาก อ้อ! ผมแนะนำให้พี่อัพสกิล ‘อนาไลซิส’ ไว้ด้วยนะ ทำให้เราเห็นแถบพลังชีวิตของศัตรู ใช้แต้มแค่สามร้อยห้าสิบเอง และถ้าพี่อยากเร้าใจให้รอตอนกลางคืนพวกหมาป่าจะกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าเลเวลสิบห้า เป็นอีเวนท์ประจำแผนที่ที่เกิดเฉพาะตอนกลางคืน ]

    [ เอเซ : เออ น่าสนใจนี่หว่า ]

    [ กุห์ฟาน : ตามนั้นแหละพี่ ผมไปก่อนละกำลังมันส์เลย ]



    หน้าต่างสนทนาปิดลง เอเซถอนหายใจส่ายหัวเพราะรู้นิสัยของเพื่อนแต่ละคนเป็นอย่างดี พอได้ตัดสินใจว่าจะทำอะไรแล้วก็ต้องทำให้สุดไม่มีทางหยุดกลางคันอย่างแน่นอน เขาเดินย้อนกลับไปที่ทุ่งหญ้าแทนที่จะเป็นประตูเมืองที่ตั้งใจไว้แต่แรก บ่ายหน้าไปทางต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นอยู่กลางทุ่ง รอบตัวเริ่มมืดลงเรื่อยๆ เขาปีนขึ้นไปบนต้นไม้เลือกกิ่งที่แข็งแรงเป็นที่พักแล้วก็หยิบเสบียงออกมา

    “รสชาติไม่ได้เรื่องเลยแฮะ มิน่าถึงต้องมีสกิลปรุงอาหาร”

    ถึงปากจะบ่นแต่ก็เขาก็ต้องกินอย่างเลี่ยงไม่ได้ ท้องฟ้ามืดสนิทเหมือนมีใครเอาผ้าสีดำผืนใหญ่ขึ้นไปกาง มีเพียงแสงสว่างจากพระจันทร์เต็มดวงที่ลอยอยู่เหนือศีรษะพอให้มองเห็นสภาพรอบตัว

    เสียงคำรามดังขึ้นทำลายความสงบ เขาตรวจสอบความพร้อมของตัวเองอีกครั้งแล้วกระโดดลงจากต้นไม้ วิ่งฝ่าความมืดไปยังทิศที่เสียงคำรามดังมา พอขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของเนินลูกหนึ่ง เอเซก็แสยะยิ้มดีใจออกมา

    มนุษย์หมาป่าตัวใหญ่สูงประมาณสองเมตรถึงสองเมตรครึ่ง ดวงตาสีฟ้าสว่างอยู่ในความมืดนับสิบคู่

    เขาหมอบคลานต่ำไปเรื่อยๆ มองหาศัตรูที่อยู่ตัวเดียวแยกออกมาจากกลุ่ม พอเจอเป้าหมายเขาก็กระชากดาบพุ่งเข้าใส่ทันที

    มนุษย์หมาป่าคำรามลั่นเมื่อถูกโจมตี มันเหวี่ยงมือที่มีกรงเล็บแหลมคมตอบโต้กลับ เอเซก้มหลบได้ฉิวเฉียดแล้วถอยมาตั้งหลัก มอนสเตอร์ในรูปลักษณ์มนุษย์หมาป่าแยกเขี้ยวพุ่งเข้าใส่ ความเร็วที่เกินคาดทำให้เอเซหลบไม่พ้นถูกชาร์จจนกระเด็นแต่ยังไวพอที่จะยกดาบขึ้นป้องกันกรงเล็บที่จะแหวกอกไว้ได้

    การโจมตีครั้งนี้ของมนุษย์หมาป่าทำให้พลังชีวิตของเอเซลดไปถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์

    “ต้องแบบนี้สิถึงจะเร้าใจ!!”





    แสงสีทองค่อยๆทอแสงข้ามแนวเทือกเขาเป็นสัญญาณบอกวันใหม่ ในทุ่งหญ้าเงียบสงบมีเพียงสายลมพัดอย่างแผ่วเบา เอเซนอนอยู่บนกิ่งไม้ที่ต้นไม้ต้นเดิมอย่างสบายอารมณ์ พอเริ่มสายเขาก็ลงจากต้นไม้บ่ายหน้ากลับเมืองอารันด์

    ระหว่างทางที่มุ่งหน้ากลับเมือง เสียงเห่าและขู่กรรโชกดังมาเข้าหูเขา เมื่อหันไปตามเสียงก็พบผู้เล่นคนหนึ่งอยู่กลางวงล้อมของลูกหมาป่าขนเทาร่วมสิบตัว

    “ผู้หญิง? มือใหม่?”

    เธอไม่มีท่าทีจะต่อสู้หรือหนีแม้แต่น้อยได้แต่นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น เอเซถอนหายใจแล้วเปลี่ยนทิศทางการเดินไปที่ผู้เล่นคนนั้น ลูกหมาป่าตัวหนึ่งกระโดดจะเข้ากัดเธอแต่ก็ช้ากว่าดาบเคลย์มอร์ในมือเขา พริบตาเดียวลูกหมาป่าขนเทานับสิบตัวก็ถูกฆ่าตายเรียบ

    “ไม่ได้อยากแจมหรอกนะ ว่าแต่ไปนั่งให้มันกัดอยู่ทำไมกัน?” ชายหนุ่มส่งมือให้หญิงสาวเป็นหลักพยุงตัวขึ้นยืน

    “อ๊ะ...ขอบคุณค่ะ”

    “ทำไมปล่อยให้มันกัดจนเกือบจะตายแบบนี้ละ?” เขาถามอีกครั้งลดโทนเสียงให้นุ่มลง หญิงสาวอ้ำอึ้งแถมยังหน้าแดงหน่อยๆ

    เธอมีดวงตาสีเขียวอ่อนตัดกับผมสีดำสนิทยาวประบ่า สวมเสื้อสีชมพูอ่อนแขนสั้นมีเครื่องป้องกันเป็นเกราะไหล่ กระโปรงสีส้มอ่อนมีระบายลูกไม้ยาวถึงเข่าแต่สวมกางเกงเลกกิ้งสีดำอีกตัวหนึ่ง ใส่รองเท้าบูทขนสัตว์สีน้ำตาลเหลือง

    หญิงสาวหลบตา เอานิ้วชี้ขวาจิ้มนิ้วชี้ซ้าย “คือ...เอ่อ ลูกหมามันน่ารักอ่ะ แล้วก็ไม่ได้ตั้งใจจะโจมตีมันแต่เผลอไปเหยียบเข้ามันก็หันมากัดเลย แล้วที่เหลือก็โผล่มาจากไหนไม่รู้เยอะแยะเลย”

    “ก็ไม่ได้อยากขัดหรอกนะแต่นี่มันมอนสเตอร์ ถ้าช้ากว่านี้อีกนิดเธอคงได้ไปนอนโรงพยาบาลแน่ๆ” ชายหนุ่มแอบส่ายหน้าเล็กๆ

    “ขอโทษค่ะ แล้วก็ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”

    “ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนละกัน โชคดีนะ...”

    “ช่วยสอนการต่อสู้ให้หน่อยได้ไหมคะ” ยังไม่ทันจะพูดจบประโยคเธอก็ถามแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

    “เท่าที่เห็นเมื่อครู่คุณคงจะเล่นเก่งแน่ๆ ช่วยสอนให้หน่อยได้ไหมคะ?” เธอส่งยิ้มให้ เป็นยิ้มที่ละลายหัวใจผู้ชายทุกคนทีได้เห็น เอเซเป็นฝ่ายชะงักและหลบตาไปเอง

    [ ผู้เล่น เอเซ แมคโดเวล ต้องการร่วมปาร์ตี้กับคุณ ]

    [ ผู้เล่น มิยู ตอบรับคำเชิญ ]

    “บอกไว้ก่อนว่าผมสอนโหดนะ”

    “ยินดีค่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงยินดีปรีดา



    เอเซพาเธอเดินหามอนสเตอร์ซึ่งก็คือหมาป่าขนสีฟ้า อธิบายการเรื่องการต่อสู้และทำให้ดูเป็นตัวอย่างจากนั้นให้เธอลองต่อสู้เองซึ่งเธอก็ทำได้ค่อนข้างดีจนเอเซชักไม่แน่ใจแล้วว่าเธอเป็นมือใหม่อย่างที่คิดตอนแรก โดยเฉพาะความเร็วในการตัดสินใจว่าจะรุกหรือถอยและความแม่นยำในการโจมตีสวนกลับศัตรูที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม

    “ใช้ดาบโค้งเป็นอาวุธ ถือโล่มือซ้าย คงจะเล่นสายนักดาบละมั้ง”

    ชายหนุ่มคิดในใจพลางยืนดูเธอต่อสู้ห่างๆ ซากหมาป่าสีฟ้าสว่างวาบแล้วหายไป เธอเดินมาหาเขาพร้อมกับรอยยิ้มดีอกดีใจบนใบหน้าพลางชี้ให้ดูว่าตอนนี้เธอเลเวลห้าแล้ว

    ทั้งสองมานั่งพักหลบแดดร้อนตอนเที่ยงที่ใต้เงาต้นไม้ใหญ่

    “ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าคุณมิยูเล่นจีจีโอเป็นเกมส์แรก”

    “กว่าจะได้เล่นเกมส์นี้ต้องอ้อนวอนขอร้องคุณพ่อคุณแม่ไม่รู้ตั้งกี่วัน พวกท่านค่อนข้างเป็นห่วงว่าอาจจะเกิดอันตราย ถึงจะมีหนังสือรับรองความปลอดภัยจากบริษัทแล้วก็เถอะแต่คุณแม่ก็ยังกลัวอยู่ดี ตอนที่เกมส์เอฟไอโอเปิดก็อดไปเล่นกับเพื่อนๆเหมือนกัน”

    “แต่ดูการเคลื่อนไหวตอนต่อสู้ไม่เหมือนคุณมิยูเป็นมือใหม่สำหรับเกมส์ประเภทนี้เลยนะครับ”

    หญิงสาวอมยิ้ม “มิยูอยู่ชมรมศิลปะการต่อสู้ที่มหาวิทยาลัย อยู่กลุ่มย่อยฟันดาบค่ะ”

    “แล้วคุณมิยูไม่ชวนเพื่อนๆมาเล่นเกมส์นี้บ้างเหรอครับ ตอนนี้เกมส์เอฟไอโอก็ปิดตัวไปแล้วด้วย”

    “จริงๆแล้วเพื่อนๆต่างหากที่ชวนมิยูมาเล่น วันนี้ก็นัดไว้ว่าจะเล่นพร้อมกันแต่มิยูเข้าเกมส์มาก่อนก็เลยมาเดินเล่นจนไปเหยียบเจ้าหมาป่าตัวน้อยก็เลยเกิดเรื่องน่ะค่ะ”

    “อ๋อ” ชายหนุ่มตอบกลับสั้นๆ “ตอนแรกนึกว่าคุณมิยูเป็น...”

    ยังไม่ทันจะพูดจบ หญิงสาวก็ยกนิ้วขึ้นมาแตะริมฝีปากเขาไว้เป็นเชิงให้หยุดพูด “อย่าเรียกว่าคุณมิยูเลยค่ะ เอเซเรียกมิยูเฉยๆก็พอ แล้วก็ไม่ต้องลงท้ายด้วยครับทุกประโยคด้วย”

    ชายหนุ่มยิ้มตอบเธอ “ตอนแรกนึกว่ามิยูเป็นซิงเกิลเพลย์เยอร์ซะอีก”

    “เอเซดูเหมือนกว่าอีกนะ” เธอตอบกลับ ทั้งสองมองตากันแล้วก็หัวเราะออกมา

    “จริงๆก็นัดเพื่อนเอาไว้ตอนบ่ายสองนะ แข่งกันว่าใครจะเลเวลสูงกว่ากัน”

    “อ้าว! มิยูทำให้เอเซเสียเวลารึเปล่า?” หญิงสาวทำท่าตกใจแต่ชายหนุ่มส่ายหัวปฏิเสธ

    “ก็แค่แข่งกันสนุกๆไม่ได้จริงจังอะไร ผมรู้นิสัยเพื่อนๆแต่ละคนดี ถ้ามีโอกาสก็จะแนะนำให้รู้จักนะ”

    “ก็ดีสิ อ๊ะ...” หน้าต่างสีฟ้ากระพริบอยู่ตรงหน้าหญิงสาว เธอปลีกตัวไปคุยกับคนที่ส่งข้อความมาอยู่ครู่ใหญ่ “เพื่อนๆมิยูมากันแล้วรออยู่ที่ประตูตะวันออก จะไปด้วยกันไหม”

    “คงไม่ละ ทางนี้ก็ใกล้เวลานัดแล้วเหมือนกัน” เอเซหยิบผลึกเทเลพอร์ตออกมาเดาะเล่น

    [ ผู้เล่น มิยู ต้องการเป็นเพื่อนกับคุณ ]

    “ยังไงก็ขอบคุณเอเซมากเลยนะที่ช่วยสอนเล่นแล้วก็อยู่เป็นเพื่อนตลอดทั้งเช้านี้” เธอโบกมือและยิ้มหวานให้เขาอีกครั้ง เอเซก็ยิ้มตอบและโบกมือให้เธอเช่นกัน ใต้เท้าของชายหนุ่มปรากฏวงเวทย์สีส้มแล้วแสงสว่างก็ห่อหุ้มร่างของเขาไว้ทั้งหมด




    เมื่อเอเซลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเองมายืนอยู่กลางเมืองอารันด์แล้ว เสียงพูดคุยดังระงมเหมือนเช่นเคย ทั้งเมืองมีชีวิตชีวาเต็ม เขาเดินไปนั่งที่เก้าอี้ยาวริมถนนเปิดหน้าต่างดูเวลา ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายโมงกับอีกสี่นาที เขาเอนกายลงนอนไม่สนใจสายตาจากผู้เล่นคนอื่นที่มองมา

    เมื่อรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกใครกระชากจากเก้าอี้ลงมานอนที่พื้น พอเงยหน้ามองดูก็เจอกับสีหน้ายียวนของอากิรอส คีฟ ใบหน้าเฉยเมยเป็นนิจของซารุวาตาริ ทากะ ส่วนกุห์ฟานกำลังสนใจกับหน้าต่างของเกมส์มากกว่าจะสนใจรุ่นพี่อย่างเขา

    “ว่าไงฮะท่านเอเซ แมคโดเวล ไม่มีที่ซุกหัวนอนจนต้องนอนข้างถนนเลยหรือ?”

    “จะขอบใจเลยถ้าคราวหน้านายปลุกเราดีกว่านี้” เอเซลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้แต่ทากะก็พูดขัดขึ้นมา

    “สหายควรจะยกที่นั่งนั้นให้เราในฐานะที่เราได้ที่หนึ่ง”

    “ที่หนึ่ง?” เอเซทวนคำแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าพวกเขาสี่คนแข่งกันว่าภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงใครเลเวลน้อยที่สุดต้องเลี้ยงคนอื่นๆ

    “งั้นใครเลเวลอะไรบ้างละ?”

    “พี่ทากะเลเวลสิบเก้า ผมเลเวลสิบแปด ส่วนพี่สองคนได้เท่ากันที่เลเวลสิบสี่” กุห์ฟานเป็นคนตอบ เปิดหน้าต่างแคลนให้ดูเพื่อยืนยันข้อมูล เอเซหันไปยักคิ้วเหล่ตาให้สหายผมเทา

    “นายคงยินดีควักกระเป๋าเลี้ยงพวกเราสามคนสินะ”

    “แน่นอน ไม่มีปัญหาอยู่แล้วแค่ออกเงินเลี้ยงข้าวเพื่อนสักมื้อน่ะ” อากิรอสยักไหล่ตอบ

    “ว่าแต่ทำไมพี่อากิแค่เลเวลสิบสี่เอง น่าจะได้เท่าผมหรือพี่ทากะแท้ๆ” กุห์ฟานสงสัยจนต้องถามออกมา

    “นายก็ลองไปทิศใต้ดูสิ ตกกลางคืนมีแต่บอสที่จีเอ็มปล่อยมาทั้งนั้น! แค่นี้ก็วิ่งหนีบอสทั้งคืนจนไม่ได้ทำอะไรแล้ว” ทั้งสามคนหัวเราะเสียงดังสนั่นลานกลางเมืองอารันด์

    “แล้วจะเอายังไงต่อ?” เมื่อทากะถามทุกคนก็หันหน้ามองไปที่กุห์ฟานอย่างพร้อมเพรียงเพราะรู้ว่ารุ่นน้องหัวแดงคนนี้มีข้อมูลดีๆอยู่ในมือเสมอ

    “พวกพี่อยากหาเงินใช้หรือว่าจะไป...”

    “หาเงินใช้!” ยังไม่ทันที่กุห์ฟานจะบอกทางเลือกให้ฟัง ทั้งสามประสานเสียงตอบอย่างเดียวกันทำเอาเขาส่ายหน้าอย่างระอาใจ

    “ก่อนอื่นนายช่วยตรวจสอบมอนสเตอร์นี้ให้ทีสิ นายน่าจะมีข้อมูลจากเทสต์เบต้าอยู่บ้าง” เอเซเปิดหน้าต่างที่บันทึกภาพมอนสเตอร์ไว้แล้วพลิกให้กุห์ฟานดู อากิรอสขยับเข้ามาดูด้วยเช่นกัน

    ภาพที่บันทึกไว้คือมนุษย์หมาป่าขนสีเงิน ดวงตาสีแดงก่ำเหมือนโกเมน แผงขนที่หน้าอกเรืองแสงสีนวลจางๆ

    “นี่มัน...เฟนริล บอสของพวกหมาป่านี่นา พี่ไปเจอมันมาเหรอ?”

    “เจอตอนกำลังกัดกับพวกมนุษย์หมาป่าตามที่นายแนะนำนั่นแหละ แค่เห็นรูปร่างของมันก็รู้แล้วว่าไม่ใช่มอนสเตอร์ธรรมดาแน่ๆก็เลยไม่เสี่ยงลุย ว่าแต่ไอ้ตัวนี้มันให้ไอเทมอะไรดีๆบ้างไหมละ ถ้าให้ของดีจะได้จัดทัพไปลุยให้รู้ดำรู้แดงไปเลย”

    “เจ้าตัวนี้ถ้าเป็นตอนเทสต์เบต้าก็เลเวลยี่สิบ ขนสีเงินของมันเอาไปทำเสื้อคลุมหรือถ้าโชคดีหน่อยจะได้มีดสั้นมา ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ผมว่าค่อนข้างโอเคเลย ว่าแต่พี่ได้ตรวจสอบเลเวลของมันรึยัง?”

    สามสิบแปด ส่องมากับมือ” คำตอบของรุ่นพี่หัวน้ำตาลทำให้กุห์ฟานต้องขมวดคิ้วคิด

    “ถ้างั้นก็คงต้องเตรียมตัวกันเยอะละพี่ เข้าไปฟัดตรงๆกับมันคงไม่ไหวแน่ๆ”

    “เราว่าพวกเราควรจะทำภารกิจหาเงินไว้เป็นทุนสำหรับใช้จ่ายและก็เตรียมตัวลุยบอสไปพลางๆ”

    “ก็เข้าท่า” อากิรอสเห็นด้วยกับความคิดของทากะ “ถ้าอย่างนั้นนายพาพวกเราไปทำภารกิจได้เลย”

    กุห์ฟานยิ้มอย่างมีเลศนัยให้กับพี่ๆทั้งสาม “ถ้าอย่างนั้นผมขอแนะนำภารกิจเริ่มต้น เรื่องง่ายๆก็แค่นำของจากเมืองนี้ไปส่งอีกเมือง พวกเรามีหน้าที่คุ้มกันไปตลอดทางเท่านั้นเอง”

    “ฟังดูก็ง่ายๆ แต่อะไรที่นายบอกว่าง่ายๆมักจะมีเรื่องยุ่งยากปวดหัวตามมาเสมอเลยนะ” นักเวทผมเทาตบบ่ารุ่นน้องอย่างรู้ทัน

    “ถึงผมจะบอกว่าโคตรยากแต่ถ้าพวกพี่จะทำแล้วผมจะห้ามได้ไหมละ” กุห์ฟานก็สวนกลับอย่างรู้เท่าทันเช่นกัน

    “เอาน่ะ! ก็ลุยกันไปจนกว่าไอ้เรื่องยุ่งยากปวดหัวมันจะหายไปเองหรือจนกว่าพวกเราจะนั่งกุมขมับปวดหัวกันหมดนั่นแหละ”




    คำพูดของเอเซ แมคโดเวล ทำให้เพื่อนๆอีกสามคนยิ้มมุมปาก ภารกิจแรกของแคลนมัลดิโต้กำลังจะเริ่มต้นพร้อมกับเรื่องยุ่งยากปวดหัวอีกเป็นภูเขาเลากา
    Ryuto ถูกใจสิ่งนี้
  19. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    ทำไมรู้สึกว่าเพื่อนๆของมิยูคงเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาสี่สหายแหงๆเลยแฮะ
  20. near

    near Member

    EXP:
    334
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    18
    ไม่ได้เข้าบอร์ดนานมาก แล้วพี่อาเซก็ tag แสดงความขยันในการเขียนให้อยู่เรื่อยๆ เลยนึกครึ้มใจเข้ามาดูซะหน่อย

    ผมคิดว่าภาษาก็ยังเป็นสำนวนของแบบพี่อาเซ เหมือนเคยแหละครับ (ไม่ขอคอมเม้นว่าต้องแก้อะไร เพราะก็ถือว่าอ่านง่ายดีครับ แต่ผมคิดว่าน่าจะลองเขียนรูปแบบคำที่มันดูโดดๆดูบ้าง) สองบทแรก จะหนักไปทางคำพูดกับความสัมพันธ์ของตัวละครซะมาก ส่วนบทที่สามล่าสุด เริ่มฉีกมาแนวโรแมนติกเล็กๆ ให้พอได้เปลี่ยนจากอารมณ์เฮฮาเล่นหัวกับเพื่อนในกลุ่มบ้าง น่าจะเล่นบทแนวรักๆเยอะๆหน่อยนะครับ ผมว่าตรงช่วงนั้นสื่ออารมณ์ได้ดี (อ่านแล้วแอบสงสัยเอ๊ะหรือว่ามิยู จะมีตัวตนจริงๆ :D ) บวกกับเบื่ออารมณ์เหงื่อไคลตีมอนเก็บเวลกับเพื่อนฝูงด้วยล่ะ 55+

    ถ้าคนที่ได้ดู SAO มาก่อนจะรู้เลยว่า เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาเต็มๆ ซึ่งตอนนี้ผมว่าไอบรรยากาศมันยังกึ่งๆ FAN FIC เรื่องนี้อยู่บ้าง น่าจะลองใส่เนื้อหาอื่นๆที่มันไม่มีภาพจำของ SAO ดูบ้างครับ

    ปัญหาสำคัญอีกเรื่องที่ผมกังวลคือเรื่องของ เส้นเรื่องของ plot ว่าจะไปในทิศทางไหน หากเรื่องมันไปยาวๆจริงๆ เพราะที่ผ่านมาเนื้อเรื่องยังคงยุ่งอยู่กับการแนะนำระบบ การเก็บเวล การใช้สกิล แนะนำตัวละคร นางเอก เพื่อนพระเอกอยู่ ซึ่งในตอนล่าสุดเหมือนกำลังเปิดปลายสู่เรื่องภารกิจ หรือเควส ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มของเรื่องราวอะไรบางอย่าง แต่ถ้ามองถึงเส้นเรื่องหลักผมยังมองไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่ ว่าGGOจะมุ่งไปในทิศทางใด

    คิดว่าเรื่องนี้ถ้าทำเป็นโปรเจคสั้นๆสัก 10 กว่าตอนจบ ก็น่าจะดูไม่เลวสำหรับคนเขียนเรื่องที่จะหาเรืองมาเขียนนะครับ เพราะสไตล์นิยายเกมส์ออนไลน์ผมว่าเขียนยาวๆจะยากมาก ที่จะหาเรื่องมาต่อยอดเขียน (ถ้าเขียนเอาสนุกสุขสันต์ไม่เน้น plot มาก ผมว่าเขียนแบบไม่สั้นไม่ยาวน่าจะกำลังดีครับ)

    สุดท้ายส่วนตัว ผมคิดว่าน่าจะลองตัดบทตัวละครให้ไปเล่นเรื่องโลกความเป็นจริงบ้างก็น่าจะสนุกดีไปอีกแบบนะครับ ^^
    Azemag ถูกใจสิ่งนี้
  21. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    อาจจะใช่ และอาจจะไม่ใช่ก็ได้ครับ

    เนียร์คุงเป็นคนเดียวและคนแรกที่รู้ได้ว่าเรื่องนี้มีแรงบันดาลใจมาจาก SAO
    แสดงว่าดูเยอะเหมือนกันสินะ ^ ^

    มิยู...มีตัวตนจริงๆครับ เป็นเพื่อนนักศึกษาแลกเปลี่ยนสมัยที่ผมยังเรียนอยู่ ในโลกจริงการพบเจอก็ใกล้เคียงประมาณนี้แหละครับ (ปล่อยจิ้นเอง ฮ่าๆๆ)

    ส่วนเนื้อเรื่อง...ก็ยังไม่ได้คิดว่าจะเป็นเรื่องสั้น เรื่องกลาง หรือเรื่องยาว
    คิดไว้แค่ว่าเขียนเกรียนๆเปลี่ยนอารมณ์ เปลี่ยวแนวเขียนตัวเองหาประสบการณ์ไปเรื่อยครับ ส่วนตัวไม่เคยอ่านนิยายแนวเกมส์ออนไลน์ด้วบเลยไม่รู้ว่าปกตินักเขียนท่านอื่นเดินเรื่องหรือผูกเรื่องไว้ยังไงบ้าง

    ถ้าอ่านตอนที่กำลังจะลงเพิ่ม(4)และตอนถัดไป(5) ก็จะรู้ได้ทันทีเลยละครับว่าผมผูกเรื่องไว้ยังไงบ้าง หุหุ
    อนาคตก็มีสลับไปโลกจริงบ้างเพราะมีพล็อตอยู่แล้ว แต่เป็นแบบไหนก็ต้องติดตามกันต่อไป ฮ่าๆๆๆ
  22. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    Grand Gaia Online 04 – Battle Start



    “เฮ่ย! ไปรับมือด้านหลังหน่อยเด๊ะ”

    เอเซ แมคโดเวลดังตะโกนบอกเพื่อนนักเวทและปัดดาบที่โจมตีเข้ามาโดยกลุ่มโจรชุดดำที่ดักปล้นขบวนสินค้าที่พวกเขารับภารกิจคุ้มกันจากเมืองอารันด์ไปส่งที่เมืองแบล็กแซนด์

    “แค่ทางนี้ก็จะรับมือไม่ไหวแล้วเฟ้ย”

    “ก็เอาเวทยัดหัวมันแล้วก็รีบไปสิเว้ย”

    ขบวนรถเทียมม้าลากบรรทุกสินค้าหกคันหยุดชะงักกลางทุ่งหญ้าเพราะถูกพวกโจรดักปล้น เป็นเหตุการณ์ปกติที่หาได้ตามเกมส์อาร์พีจีแฟนตาซีทั่วไป หากแต่ตอนนี้ผู้คุ้มกันแค่สี่คนต้องปะทะกับศัตรูที่เป็นกองโจรชุดดำร่วมสี่สิบคน

    ก็คือพวกเขาต้องสู้แบบหนึ่งต่อสิบ

    “ชิ! ช่วยไม่ได้แฮะ พลังเวทหมดเกลี้ยงยังดีกว่าภารกิจล้มเหลวละวะ” เอเซเริ่มประจุพลังเวทลงในดาบ อาศัยหลังคารถม้าเป็นฐานกระโดด

    “หาที่หลบกันให้ดีๆละพี่น้องทั้งหลาย”

    “เฮ้ย! เดี๋ยวก่อนเด้”

    Wind Cutter

    เมื่อเอเซวาดดาบ สายลมม้วนตัวรวมกันและเปลี่ยนเป็นคมดาบพุ่งลงมาโจมตี เขาอาศัยแรงสะท้อนจากสายลมดีดตัวสูงขึ้นไปและโจมตีซ้ำอีกสี่ชุดซ้อน โจรชุดดำแตกกระเจิงไปคนละทิศละทางรวมถึงนักเวทผมเทาที่อยู่ในรัศมีการโจมตีของคมดาบสายลมจนต้องกระโจนสุดตัวลงคูน้ำข้างทาง

    ทากะและกุห์ฟานที่หลบไปก่อนตั้งแต่เอเซจะใช้ท่าไม้ตายย้อนกลับมาจัดการโจรชุดดำที่บาดเจ็บทีละคนจนหมด อากิรอสลากสังขารขึ้นมาจากคูน้ำเปียกโชกเหมือนลูกหมาตกน้ำ

    “ตะกี๊นี่กะให้เราตายด้วยเลยรึเปล่าเนี่ย

    “ก็ไม่แน่” เอเซลอยหน้าลอยตาตอบ เปิดขวดน้ำยาเติมพลังเวทขึ้นดื่ม

    ทากะโยนขวดน้ำยาเติมพลังชีวิตและน้ำยาเติมพลังเวทให้นักเวทผมเทาอย่างละขวด “ใครว่าสหายอากิเป็นผู้ใช้เวทมนต์ธรรมดาๆ เมื่อกี๊ตอนวิ่งหนีพวกโจรแม้แต่ยูเซน โบลท์ แชมป์โลกวิ่งร้อยเมตรยังอายเลย”

    “หนอย! ได้ทีเอาใหญ่เลยนะพวกนาย” ทั้งสามหัวเราะครื้นเครงหลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤติมาได้

    “ไปกันต่อเหอะ ขบวนไปไกลโน่นแล้ว”




    เกือบครึ่งค่อนวันขบวนเกวียนสินค้าก็มาถึงอาณาเขตของทะเลทรายโกรอธ ผืนทรายสีทองไร้ที่สิ้นสุด อากาศร้อนจัดและแห้งแล้ง ยิ่งมีแดดตอนเที่ยงวันเข้ามาผสมโรงยิ่งทำให้ร้อนมากขึ้นอีก เดินฝ่าทะเลทรายอีกเกือบสองชั่วโมงก็ถึงที่หมาย

    แบล็กแซนด์เป็นเมืองรูปสี่เหลี่ยมโอบล้อมโอเอซิสขนาดใหญ่ มีปราสาทหินซึ่งเป็นที่พักของเจ้าเมืองและที่ตั้งสมาคมพ่อค้าของเมืองนี้อยู่ทางเหนือ ภายในเมืองมีกระโจมผ้าขนาดใหญ่เรียงรายเป็นทิวแถว ส่วนใหญ่เป็นพวกร้านขายสินค้าต่างๆ ต้นปาล์มขึ้นอยู่ประปรายสลับกับพุ่มกระบองเพชรเตี้ยๆ เหตุที่เมืองนี้ได้ชื่อว่าแบล็กแซนด์ก็เพราะทรายรอบๆโอเอซิสเป็นสีดำสนิทเพียงตำแหน่งเดียวเท่านั้น

    “ร้อนชิบเป๋งเลยเว้ย” เอเซบ่นเป็นหมีกินผึ้งเพราะเขาเป็นพวกขี้ร้อน

    “แก้ผ้ากระโดดลงบ่อน้ำกลางเมืองเลยเป็นไง” อากิรอสเหน็บตามประสาคนชอบกวน แต่ดูเหมือนคราวนี้เอเซจะไม่รับมุขด้วย

    “พับผ่าสิ! ยิ่งร้อนๆอยู่ดันมากวนประสาท จะได้ฆ่าคนหมกทะเลทรายก็วันนี้แหละวะ”

    “ว้าว! น่ากลัวจังเลย” นักเวทผมเทาไม่ยอมหยุดกวนจนคนที่ถูกกวนทำท่าจะลุกเอาดาบมาฟาด

    “ใจเย็นๆน่าพี่เอเซ พอแดดร่มลมตกเราค่อยเดินทางกลับหรือคืนนี้จะพักที่นี่ก็ไม่เลวหรอกนะ ว่ากันว่าเมืองนี้พอตกกลางคืนนี่หนาวจับใจเลยละ” กุห์ฟานบอกพลางแจกจ่ายถุงเงินค่าตอบแทนภารกิจให้ทุกคน ทากะเปิดออกดูก็พบว่าเป็นเหรียญเงินวาววับ ด้านหนึ่งเป็นรูปหัวนกอินทรีย์ส่วนอีกด้านเป็นช่อมะกอกล้อมรอบเลขโรมัน ‘V’

    “ทำหน้าแบบนี้ผมคงต้องอธิบายอีกแล้วสินะ” กุห์ฟานทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามกับอากิรอส

    “รู้หน้าที่ก็ดีนะไอ้น้องชาย”

    “นายก็เล่นเทสต์เบต้าไม่ใช่เรอะ ทำไมข้อมูลไม่แน่นปึ้กเหมือนกุห์ฟานมั่งวะ” เอเซได้โอกาสแขวะหัวหน้ากิลด์

    “จะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ก็ไม่ต่างกันหรอกสหายเอเซ”

    “ถามอย่างเดียวว่างั้นเถอะ” เอเซถอนหายใจหน่ายๆ ทากะยิ้มรับตามแบบฉบับของตัวเอง

    กุห์ฟานเอามีดเคาะกับขวดแก้วรัวๆ “สนใจฟังกันหน่อย หน่วยเงินในเกมส์นี้คือ ‘กิล’ พวกพี่นับเลขโรมันเป็นใช่ปะ เพราะฉะนั้นในมือพวกพี่คือเงินห้ากิลหกสิบเหรียญ...เท่ากับสามร้อยกิลพอดี”

    “ทีนี้ตั้งใจฟังสิ่งที่ผมจะบอกให้ดีๆ น้ำยาฟื้นพลังชีวิตขวดละสี่สิบกิล น้ำยาฟื้นพลังเวทมนต์ขวดละร้อยยี่สิบกิล ยาแก้สถานะผิดปกติขวดละแปดสิบกิลเท่ากันทุกชนิด เสบียงหนึ่งชุดร้อยห้าสิบกิล และทุกอย่างที่ผมพูดไปคือราคาของไอเทมระดับต่ำสุด”

    “นั่นคือแต่ละคนมีเงินแค่พอซื้อน้ำยาฟื้นพลังชีวิตแค่เจ็ดขวดหรือซื้อเสบียงได้แค่สองชุดเท่านั้น” อากิรอสสรุป

    “หนทางไปล่าบอสของสหายคงอีกยาวไกลหลายร้อยกิโลเมตรเลยละ” ทากะตบบ่าให้กำลังใจเอเซที่จ้องเงินในถุงอย่างหมดอาลัยตายอยาก

    “ไหนๆก็ไหนๆ ผมขออธิบายเรื่องระดับของไอเทมเลยละกัน คิดซะว่าเหมือนเกรดตอนเรียนมหา’ลัยนั่นแหละ ระดับต่ำสุดคือเอฟและสูงสุดคือเอ แต่เกมส์นี้มีระดับสูงกว่านั้นอีกสองขั้นคือเอสและดับเบิลเอส รวมทั้งหมดก็แปดระดับ” กุห์ฟานหยุดเว้นจังหวะหายใจ

    “ของที่ได้จากการต่อสู้ ซื้อจากเอ็นพีซี หรือสร้างจากผู้เล่นมีระดับสูงสุดไม่เกินระดับเอ เหนือกว่านี้ขึ้นไปต้องทำภารกิจเท่านั้นซึ่งผมบอกได้คำเดียวเลยว่าโคตรยาก”

    “แต่สมัยเทสต์เบต้าก็ได้ข่าวว่ามีผู้เล่นกลุ่มนึงปลดล็อกหอกระดับเอสมาใช้ช่วงท้ายๆนี่นา” อากิรอสพูดทบทวนความจำ

    “ก็พวกเลเวลสูงสุดในเกมส์เกือบจะถึงเลเวลร้อยยังไงละ” ทากะช่วยเสริมข้อมูล

    “เอาน่ะ! อย่างพวกเราอย่าเพิ่งไปหวังอะไรระดับนั้นเลย แค่เอาตัวรอดไม่ต้องไปนอนโรงพยาบาลบ่อยๆก็พอแล้ว” เอเซ แมคโดเวลพูดตัดบทเหมือนเดิม “ว่าแต่ว่าแถวหนี้มีตัวอะไรให้เล่นฆ่าเวลามั่งไหมละ”

    “ใครกันวะปากบ่นว่าร้อนแต่ก็ไม่วายจะออกไปตีมอนสเตอร์กลางทะเลทราย อ๊ะ! ไม่ได้ว่าใครนะ แค่พูดลอยๆ”

    “เออ! เราเองแหละพูดลอยๆ” เอเซขบกรามแล้วก็ยกขาถีบเจ้านักเวทผมเทาลงไปคลุกทราย ทั้งกุห์ฟานและทากะนอกจากไม่ช่วยแถมยังหัวเราะซ้ำอีก

    “งั้นไปลองกับมอนสเตอร์ที่ขึ้นชื่อเป็นที่นิยมของแผนที่ทะเลทรายกันดีกว่า”




    รอจนบ่ายแก่ๆแดดเริ่มอ่อนกำลัง ทั้งสี่ก็เดินลุยทะเลทรายไปทางเหนือซึ่งเป็นแหล่งที่หนอนทะเลทรายชุกชุมที่สุด พอเดินตัดสันทรายสูงเป็นภูเขาขนาดย่อมๆไปก็พบกับที่ราบกว้างใหญ่ซึ่งถูกล้อมด้วยกำแพงทรายสี่ด้าน เป็นป้อมปราการที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้น

    เอเซอาสาลงไปสำรวจเป็นคนแรก ทันทีที่เขาลงไปถึงด้านล่างพื้นดินก็เริ่มสั่นสะเทือนและแรงขึ้นเรื่อยๆ พื้นทรายยกตัวนูนสูงเกือบสองเมตรแล้วพุ่งปราดมาที่นักดาบมนตราอย่างรวดเร็ว แค่นี้ก็รู้ได้ว่ามอนสเตอร์แถบนี้ดุร้ายมากขนาดไหน

    ชายหนุ่มรอจนศัตรูพุ่งเข้ามาจนถึงระยะอันตรายจึงพุ่งตัวหลบ ฝุ่นทรายฟุ้งกระจายจนทำให้เขามองลักษณะศัตรูไม่ชัดเจนจนไม่สามารถโจมตีกลับได้

    “มอนสเตอร์เลเวลยี่สิบหก มีจุดอ่อนอยู่ใต้คอ ระวังท่าโจมตีด้วยพายุทรายที่ทำให้ตาบอดด้วยนะ” กุห์ฟานทำหน้าที่กองหนุนที่ดีเยี่ยม ทากะวิ่งลงไปช่วยรุมเจ้ามอนสเตอร์ยักษ์ด้วยเช่นกันเพราะคำนวณแล้วว่าเอเซคนเดียวคงรับมือลำบาก

    อากิรอสสะสมพลังเวทไว้ที่มือทั้งสองเตรียมพร้อมร่ายเวท “ช่วยถ่วงเวลายี่สิบวินาทีแล้วทำให้มันหยุดเคลื่อนไหวเดี๋ยวที่เราเหลือจัดการเอง”

    “พูดง่ายนี่หว่า แน่จริงลงมาวิ่งล่อมันเองเด้” คนด้านล่างตะโกนตอบแถมด้วยนิ้วกลางมือซ้ายให้เพื่อนตัวแสบ

    “อย่าชวนคุยเด้ เดี๋ยวเสียสมาธิยิงผิดโดนคนแทนมอนสเตอร์ก็อย่าว่ากันนะเว้ย”

    เอเซไม่มีเวลาต่อล้อต่อเถียงเพราะหนอนยักษ์มุดดินเข้าหาเขาอีกครั้งแถมเพิ่มความเร็วขึ้นอีกจนเขาต้องกระโดดหนีสุดตัว ในเสี้ยววินาทีที่มอนสเตอร์แห่งทะเลทรายโผล่ส่วนหัวขึ้นมาจากใต้ดิน ทากะพุ่งเข้าไปประชิดในพริบตากระชากดาบออกจากฝักโจมตีด้วยความเร็ว

    สัตว์ร้ายร้องด้วยความเจ็บปวด ของเหลวสีเหลืองทะลักออกจากปากแผล มันโผล่ลำตัวดิ้นไปมาครู่หนึ่งแล้วก็มุดทรายหนีไป

    “พลาดจุดตายไปหน่อย มันเคลื่อนไหวเร็วมาก” ทากะตะโกนบอกขณะถอยออกมา

    หนอนยักษ์เปลี่ยนเป้าหมายไปที่ทากะทันที เอเซอ่านรูปแบบการโจมตีออกแล้วพุ่งเข้าไปสลับตำแหน่งกับนักดาบผมดำที่ถอยฉากออกมาในวินาทีที่มอนสเตอร์จะโผล่ขึ้นมาโจมตี

    “ทำตัวโง่ๆมันต้องโดนลงโทษ!”

    เอเซประกาศกร้าว กระโดดเงื้อดาบตั้งใจจะฟันศัตรูสุดแรง แต่ยังไม่ทันไรก็มีเงาดำบดบังแสงอาทิตย์จนหมด ลูกไฟขนาดมหึมาร่วงลงจากท้องฟ้าสามลูกติดกัน เกิดการระเบิดครั้งใหญ่พร้อมด้วยเปลวไฟลุกโพลงเป็นเสาเพลิงขนาดใหญ่

    “นี่จงใจเล็งพี่เอเซไว้ด้วยสินะ?” กุห์ฟานเอียงคอเหล่มองรุ่นพี่อย่างมีนัยยะ

    นักเวทผมเทาไม่ตอบแต่อมยิ้มจนแก้มแทบปริ เดินลงไปดูผลงานชิ้นโบว์แดงของตัวเอง หนอนยักษ์โผล่ขึ้นมาตายเกือบครึ่งตัว ส่วนหัวไหม้เกรียมดำเป็นตอตะโกแถมเนื้อบางส่วนยังละลายส่งกลิ่นเหม็นไหม้ แต่ไม่เห็นนักดาบมนตราแม้แต่เงา

    “หลับให้สบายนะ เดี๋ยวเราจะสวดภาวนาให้นายเอง ฮ่าๆๆ” อากิรอส คีฟยกมือทำรูปไม้กางเขนอาเมนแล้วก็หัวเราะเสียงดัง

    จู่ๆคนที่เขาจะสวดภาวนาให้ก็โผล่พรวดขึ้นมาจากใต้ทราย ผลักนักเวทจอมกวนกระเด็นหวือไปกระแทกกับซากมอนสเตอร์ “สวดให้หนอนเน่าตัวนี้แทนดีกว่ามั้ง”

    “โวะ! นี่เราหวังดีกลัวนายตกนรกนะฮะ”

    “เราก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองตายแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์หรอกนะ”

    “ว้าว!” ทากะอุทานคำที่อากิรอสชอบใช้ขึ้นมาดื้อๆแล้วก็เงียบไป ทั้งสามหัวเราะลั่นโดยเฉพาะกุห์ฟาน

    “เฮ้ย! พวกแกเป็นใครวะ” ใครคนหนึ่งตะโกนถามด้วยเสียงห้าวๆเจือด้วยความไม่พอใจ สมาชิกแคลนมัลดิโต้ทั้งสี่หันไปมองตามเสียง คนกลุ่มหนึ่งประมาณเจ็ดแปดคนยืนอยู่บนสันทราย เจ้าคนที่น่าจะตะโกนถามและเป็นหัวหน้ากลุ่มวิ่งลงมาอย่างรวดเร็ว หมอนี่ผมสีฟ้าสั้นแต่งตัวเหมือนนักดาบทั่วไป

    “ทำไมไม่ตอบ พวกแกเป็นใครถึงมาเก็บเลเวลตรงนี้”

    “แล้วนายละเป็นใคร? ทำไมถึงห้ามพวกเรามาเก็บเลเวลตรงนี้” อากิรอสตอบโต้ไปด้วยคำถามเดียวกัน

    “ชะ! ไอ้พวกมือใหม่พวกนี้ไม่รู้เรื่องแล้วยังปากดีอีก ที่ตรงนี้ทุกคนในเมืองแบล็คแซนด์รู้ดีว่าเป็นอาณาเขตของพวกเรา เฉพาะสมาชิกในแคลนเท่านั้นถึงมีสิทธิ์มาเก็บเลเวลที่นี่”

    อีกฝ่ายปั้นหน้ายักษ์หน้ามารเข้าใส่แต่อากิรอสก็ยิ้มรับแต่คงเหมือนรอยยิ้มกวนประสาทในสายตาอีกฝ่ายมากกว่า ทางด้านกุห์ฟานกับเอเซกำลังสาละวนกับการลอกหนังหนอนทะเลทรายเพราะหมายถึงเงินทองทั้งนั้นโดยไม่สนใจการปะทะคารมที่แสนจะดุเดือด ส่วนทากะก็นั่งเหม่อมองท้องฟ้าเหมือนเดิม

    “เท่าที่เราเห็นก็มีแค่ทะเลทรายกับท้องฟ้า ไม่เห็นขอบเขตขัณฑสีมาบอกว่าที่ตรงนี้เป็นของพวกนายสักนิด”

    “ก็ถึงได้บอกไงว่าพวกนายมันเป็นแค่มือใหม่หัดเล่น กะอีแค่กฎที่ประกาศไว้ในเมืองยังไม่รู้เรื่องเลย” อีกฝ่ายยังแสดงความเป็นเจ้าของดินแดน

    “กฎ? กฎของใคร กฎของเอ็นพีซี กฎของเกมส์มาสเตอร์ กฎของเกมส์จีจีโอ? หรือกฎของนาย?”

    อีกฝ่ายยิ่งขมึงตาใส่ “ปากดีนักนะ พูดอย่างนี้มันจงใจหาเรื่องกันนี่หว่า”

    “อ้าว! เราถามดีๆทำไมนายไม่ตอบละ ทีนายถามเรายังตอบเลย” อากิรอสยักไหล่อย่างไม่แยแส อีกฝ่ายโกรธจนตัวสั่นปากสั่นได้แต่จ้องปานจะกินเลือดกินเนื้อยอมเป็นฝ่ายหันหลังเดินกลับขึ้นไปบนสันทราย

    “ปากดีให้ได้อย่างนี้ให้ตลอดรอดฝั่งละกัน” นักดาบผมสีฟ้าทิ้งคำขู่อาฆาตไว้แล้วก็พากันกลับไปจนหมด

    อากิรอส เอเซ กุห์ฟาน ทากะมองกันไปมาด้วยสีหน้ามึนๆ

    “ตะกี๊พวกไหนวะ?” เอเซหันไปถามเจ้าพ่อข้อมูลข่าวสาร กุห์ฟานเปิดรูปที่แอบถ่ายเอาไว้ตอนที่อากิรอสคุยดึงความสนใจของคนอื่นๆ

    “สัญลักษณ์หัวมังกรสามเขา พวกแคลนเซเลสเทียลน่ะพี่”

    “แคลนไรวะชื่อเรียกยากชิบเป๋ง”

    “ก็พวกที่เราบอกสหายไว้ แคลนที่มีแต่พวกเลเวลใกล้ร้อย มีแต่ทักษะต่อสู้เต็มเหยียดและก็ปลดล็อกอาวุธระดับเอสออกมาใช้ได้เป็นครั้งแรก” ทากะช่วยเตือนความจำให้เอเซ

    “อ่อ ไอ้พวกนี้เองน่ะเรอะ? มิน่าถึงกร่างไม่เบา”

    “อ๋อ!” กุห์ฟานจู่ๆก็ร้องขึ้นมา “แคลนพวกนี้ทำภารกิจกับเจ้าเมืองแบล็คแซนด์เลยได้สิทธิ์เลือกพื้นที่ส่วนตัวได้ซึ่งก็คือตรงที่พวกเรากำลังยืนคุยกันนี่แหละ ที่พวกนั้นโกรธก็คงเพราะเรื่องนี้แหละ”

    “เอ็งนี่รู้มากจริงเลยเว้ย ไหนบอกไหนซิไอ้หน้าต่างข้อมูลนั่นเปิดปิดจากตรงไหน?” เอเซเกาหัวหรี่ตามองรุ่นน้องผมแดงอย่างสงสัยเต็มแก่

    “โทษทีนะพี่เอเซ สิ่งนี้เป็นความลับที่แพร่งพรายไม่ได้แม้แต่กับพวกพี่ๆเอง คิดซะว่ามันคือกุห์ฟานเน็ตเวิร์คก็แล้วกัน” กุห์ฟานยักไหล่ยิ้มเล็กๆ เอเซก็รู้นิสัยรุ่นน้องดีว่าถ้าหมอนี่เลือกที่จะไม่พูดแล้วละก็ต่อให้โลกแตกก็คงไม่มีทางได้รู้จึงยอมยกมือโบกให้ผ่านประเด็นนี้

    “งั้นก็กลับเมืองเลยละกันอีกไม่นานก็มืดแล้ว จะได้หาที่พักสำหรับคืนนี้ไว้ด้วย”

    อากิรอสตั้งท่าจะออกเดินแต่มือของทากะก็ตบลงที่บ่าของเขา “ที่นอน? คืนนี้? คงต้องขึ้นกับว่าเย็นนี้จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก่อนรึเปล่านะ”

    ทั้งสองส่ายหน้าหัวเราะในลำคอพร้อมกัน




    เมื่อสมาชิกแคลนมัลดิโต้กลับมาถึงเมืองก็รู้สึกถึงสายตาของผู้เล่นทุกคนที่มองมาเป็นสิ่งที่ทุกคนคาดไว้แล้วจึงไม่ใส่ใจอะไรตราบใดที่ไม่มีสิ่งใดกระตุ้นให้พวกเขาต้องเคลื่อนไหว ทั้งสี่คนนี้ก็เหมือนไนโตรกลีเซอรีนในขวดแก้วบางๆที่พร้อมระเบิดได้ทุกที่ทุกเวลา

    “หาซื้อเสบียงอาหารก่อนแล้วค่อยหาที่พัก”

    กุห์ฟานเสนอความคิดซึ่งก็ไม่มีใครคัดค้าน แต่พอไปถึงร้านกระโจมของพวกพ่อค้ากลับไม่มีใครรับซื้อสินค้าหรือขายไอเทมให้พวกเขาแม้แต่รายเดียว พอออกจากกระโจมหลังที่ห้าทากะก็ส่งสัญญาณผ่านทางสายตาให้ทุกคนรู้ว่าพวกเขาถูกสะกดรอยมาตั้งแต่เข้าเมืองแล้ว

    เอเซเดินนำหัวขบวนไปที่ลานกว้างกลางตลาดแล้วหยุดยืนอยู่ตรงนั้น ทากะ อากิรอสและกุห์ฟานเดินไปนั่งอยู่บนเกวียนเปล่าใกล้ๆเพื่อรอดูเรื่องสนุกที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น

    เป็นไปตามคาด...คนที่สะกดรอยมาไม่ยอมปรากฏตัว แต่คนที่ปรากฏตัวก็ไม่ผิดไปจากที่คาดเช่นกัน

    นักดาบผมสีฟ้าที่ปะทะคารมกับอากิรอสกลางทะเลทรายและสมาชิกที่ตามมาสมทบเพิ่มอีกเกือบสามสิบคน ไม่ต้องคิดให้ปวดหัวก็รู้ว่าทั้งหมดไม่ได้มาดีอย่างแน่นอน

    “นับว่าใจกล้าที่ไม่ได้หนีไปก่อน แต่ก็โง่ที่ไม่ได้หนีไปก่อนอีกน่ะแหละ”

    “จะเอายังไงก็บอกมา อย่าพูดมากเสียเวลาน่ารำคาญ” เอเซยกดาบขึ้นพาดบ่าบอกเป็นนัยว่าเขาไม่ได้กลัวอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

    ผู้เล่นจำนวนมากเริ่มเข้ามามุงมากขึ้นเรื่อยๆเพราะแคลนเซเลสเทียลประกาศไว้แล้วว่าจะดำเนินการกับผู้เล่นที่ทำผิดกฎและได้แจกจ่ายรูปสมาชิกของแคลนมัลดิโต้ทั้งสี่คนไปทั้งเมืองแล้ว จนสุดท้ายผู้เล่นทั้งเมืองก็มารวมกันอยู่ที่นี่จนหมด

    “อย่าดีแต่ปากก็แล้วกัน”

    [ ผู้เล่นดับเบิลฮาร์ท แคลนเซเลสเทียล เลเวล 25 ต้องการต่อสู้กับท่าน ]

    เอเซ แมคโดเวลกดปุ่มตกลงโดยไม่ต้องไตร่ตรองให้เสียเวลา ตรงกลางระหว่างทั้งสองคนมีหน้าปัดนาฬิกานับเวลาถอยหลังจากหกสิบวินาที เสียงฮือฮาดังจากรอบด้านเพราะเอเซแค่เลเวลสิบสี่เท่านั้น น้อยกว่าอีกฝ่ายเกือบเท่าตัว ทุกคนคิดเหมือนกันว่าเอเซต้องแพ้อย่างแน่นอน

    รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นที่มุมปากของอากิรอส คีฟ “สองมือล้วงกระเป๋าสองเท้าก้าวเข้ามา แทงได้แทงเสีย เอ้า! เหลือห้าสิบวินาทีแล้ว”

    นักเวทแห่งแคลนมัลดิโต้ถอดผ้าคลุมออกมาปูเป็นผ้ารองพื้นแทนโต๊ะพนัน ผู้เล่นที่มุงอยู่ต่างมองหน้ากันด้วยความสงสัยว่าเจ้าหมอนั่นท่าจะบ้าไปแล้ว สถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายแบบนี้ยังเปิดบ่อนได้หน้าตาเฉยทั้งที่ตัวเองอาจจะเป็นรายต่อไปที่จะถูกยำจากฝั่งเซเลสเทียลก็ได้

    “แทงน้อยไม่ว่าแทงมากจ่ายเต็ม เอ้า! สี่สิบห้าวินาทีแล้ว”

    “โถ! ช่วยก็ไม่ช่วยดันเปิดบ่อนซะอีกแน่ะ”

    “ว้าว! เพราะเรามั่นใจว่านายจะชนะต่างหากละ” นักเวทจอมเจ้าเล่ห์หันไปทางแคลนเซเลสเทียล “พวกนายล่ะ? ไม่สนใจหรือว่าไม่มั่นใจว่าลูกพี่ของพวกนายจะชนะกันแน่?”

    เจอคำพูดสบประมาทซึ่งหน้าแบบนี้สมาชิกแคลนเซเลสเทียลก็เลือดขึ้นหน้าเลือกพนันฝ่ายดับเบิลฮาร์ทกันหมด ผู้เล่นคนอื่นก็ควักเงินแทงข้างดับเบิลฮาร์ทเช่นกัน ไม่มีใครแทงข้างเอเซแม้แต่คนเดียว

    เวลานับถอยหลังมาถึงสิบวินาทีสุดท้าย

    นักดาบผมฟ้าแห่งแคลนเซเลสเทียลนามดับเบิลฮาร์ทชักดาบออกมาตั้งท่าสีหน้าเครียด แต่เอเซกลับอยู่ในท่าพาดดาบที่บ่ายกมือปิดปากหาวหวอดๆยิ่งกระตุ้นความโกรธของอีกฝ่ายให้มากขึ้น

    ห้า

    สี่

    สาม

    สอง

    หนึ่ง



    Battle Start!
    Ryuto และ taleoftrue ถูกใจสิ่งนี้
  23. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    อ่านจบเรียบร้อย แต่ตอนนี้ค้างไปหน่อยแฮะหยุดตรงฉากสู้พอดีเนี่ย
  24. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    ตอนต่อไปจะได้จัดเต็มยังไงละครับ
  25. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    Grand Gaia Online 05 – The Great Battle at Blacksand




    Battle Start

    การต่อสู้ของเอเซ แมคโดเวลแห่งแคลนมัลดิโต้กับดับเบิลฮาร์ทแห่งแคลนเซเลสเทียลเริ่มต้นทันทีเมื่อเวลานับถอยหลังจนหมด นักดาบผมสีฟ้าเป็นฝ่ายบุกก่อน ออกตัวรวดเร็วเหมือนลูกธนูที่ปล่อยจากคันศร ปลายดาบอยู่ห่างจากลูกกระเดือกของเอเซไม่ถึงหนึ่งฟุตโดยที่เขาไม่ทันขยับตัวแม้แต่น้อย

    ผู้เล่นที่ดูอยู่ต่างคิดว่าการต่อสู้คงจบลงเพียงแค่การโจมตีนี้อย่างแน่นอน

    ในวินาทีนั้นทุกคนได้ยินเสียงดาบแหวกลมดังวูบ เอเซแค่ขยับออกทางขวามือเพียงเล็กน้อยก็หลบการโจมตีที่รวดเร็วดุจลมพายุได้อย่างง่ายดายแถมยังเป็นฝ่ายเตะสวนเข้าสีข้างที่เปิดโล่งเต็มแข้ง ดับเบิลฮาร์ทผงะเสียหลักกระเด็นไปแต่ก็ยังมีสติและไวพอที่จะหลบดาบที่เอเซฟันใส่ได้

    นักดาบมนตราแห่งแคลนมัลดิโต้ไม่ได้ตามโจมตีซ้ำ ยกดาบพาดบ่าปักหลักยืนนิ่งเป็นรูปปั้น ดับเบิลฮาร์ทกัดฟันแน่นขมึงตามองอย่างโกรธแค้นแล้วก็พุ่งเข้าใส่เอเซหมายจะกู้หน้าคืน

    เคร้ง!

    เอเซตวัดดาบฟาดจากด้านบนลงไป เพียงเท่านั้นดาบในมือของอีกฝ่ายก็หลุดกระเด็นไปไกล และเป็นอีกครั้งที่เขาไม่ได้โจมตีใส่คู่ต่อสู้แถมเก็บดาบกลับใส่ฝักยกขึ้นพาดบ่ายืนนิ่งอยู่ที่เดิม เมื่อผ่านไปสองกระบวนท่าผู้เล่นหลายคนเปลี่ยนความคิดที่ว่าเอเซเป็นหมูให้อีกฝ่ายเคี้ยวทันที

    “มันจะมากไปแล้วว้อย!”

    ดับเบิลฮาร์ทก้มเก็บดาบ ตวาดลั่นด้วยโทสะ เรียกใช้ทักษะทั้งหมดเพิ่มพลังต่อสู้อีกสามเท่าตัว ในสมองคิดแต่จะบดขยี้เอเซให้เละจมดินเท่านั้น เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเอเซเป็นฝ่ายยกมือกระดิกนิ้วเรียกให้คู่ต่อสู้รีบเข้ามาเร็วๆ

    นักดาบแห่งแคลนเซเลสเทียลถูกหยามซึ่งหน้ายิ่งทวีความโกรธแต่ก็ไม่สามารถโจมตีถูกเอเซแม้แต่ครั้งเดียว ทำได้แค่หวดลมวืดไปวืดมาเท่านั้น

    จังหวะที่ดับเบิลฮาร์ทเงื้อสองขึ้นเหนือหัว เอเซเป็นฝ่ายก้าวเท้ารุกเข้าหาฟาดดาบทั้งปลอกใส่ต้นแขนด้านในตรงรักแร้ซ้ายพอดิบพอดี ทุกคนได้ยินเสียงบางอย่างแตกหักดังลั่นพร้อมกับร่างของดับเบิลฮาร์ททิ้งตัวลงพื้นแหกปากลั่นไม่เป็นภาษา ทิ้งดาบลงไปนอนดิ้นทุรนทุราย ไม่มีใครคาดคิดว่าการต่อสู้จะจบลงเพียงแค่การโจมตีครั้งเดียวของผู้เล่นที่เลเวลน้อยกว่า

    เอเซ แมคโดเวลกระชากดาบฟาดใส่ต้นคอคู่ต่อสู้ที่หมดทางสู้เพื่อปิดฉากการต่อสู้

    เคร้ง!

    ดาบเคลย์มอร์ของเขาถูกดาบอีกเล่มหนึ่งเข้ามาขวางก่อนที่จะสับสะบั้นคอของดับเบิลฮาร์ท เอเซหันไปมองเจ้าของดาบที่เข้ามาประชิดตัวตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้

    ผู้ที่เข้ามาขัดขวางการต่อสู้คือชายในชุดอัศวินสวมเกราะสีเงินมีสัญลักษณ์หัวมังกรสามเขาอยู่กลางอกอันเป็นสัญลักษณ์แห่งแคลนเซเลสเทียล ปลายผ้าคลุมกำมะหยี่สีแดงสดพลิ้วไหวเล็กน้อย เส้นผมและดวงตาเป็นสีน้ำเงินเข้มดูลึกลับและน่าเกรงขาม

    “ยอมรับความพ่ายแพ้ได้แล้ว ดับเบิลฮาร์ท”

    คนถูกสั่งรีบทำตามทั้งที่เจ็บเจียนตาย เอเซยอมถอนดาบออกซึ่งอีกฝ่ายก็ถอนดาบออกเช่นกัน สมาชิกแคลนเซเลสเทียลวิ่งเข้ามาประคองเขาออกไปทันที

    “นายเป็นใคร?” เสียงถามของเอเซห้าวดังจนเกือบจะเป็นเสียงขู่

    “กลอเรียส อัลติมัสแห่งเซเลสเทียล ตำแหน่งรองหัวหน้า”

    เสียงฮือฮาจากผู้เล่นที่อยู่รอบๆดังเซ็งแซ่ไปหมด เพราะมีข่าวลือว่าอัศวินที่ชื่อกลอเรียส อัลติมัสคนนี้เป็นผู้เล่นที่มีเลเวลสูงที่สุดในปัจจุบัน คาดว่าน่าจะอยู่ที่เลเวลสามสิบต้นๆไม่เกินสามสิบสี่ และเป็นคนเพียงเดียวในเทสต์เบต้าที่ปลดล็อกหอกระดับเอสมาใช้ นอกจากนี้ยังเป็นผู้เล่นที่ทรงคุณค่าของเกมส์เอฟไอโอในฐานะที่สามารถพิชิตบอสตัวสุดท้ายที่แข็งแกร่งที่สุดได้ด้วยตัวคนเดียว

    “ผมทราบเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้วและต้องขอโทษแทนสมาชิกที่ทำเรื่องเสียมารยาทกับทุกคน”

    “ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนักหรอกครับคุณรองหัวหน้า ใครๆก็รู้กันดีว่าเซเลสเทียลคือชื่อของแชมป์ไร้พ่ายที่ครองความยิ่งใหญ่ในทุกๆเกมส์ พวกเราก็แค่แคลนเล็กๆไม่รู้ประสีประสาที่บังอาจล่วงละเมิดพื้นที่เก็บเลเวลของพวกคุณ ฝ่ายที่ต้องขอโทษคือพวกเราต่างหาก” เสียงของอากิรอสแทรกขึ้นมา

    “ไม่เกี่ยวกับว่าเป็นแคลนเล็กแคลนใหญ่ มีหรือไม่มีชื่อเสียงหรอก” อีกฝ่ายตอบกลับอย่างรู้เท่าทันเจตนาในคำพูดของอีกฝ่ายเช่นกัน

    “ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ถ้ามันเสียมารยาทก็ต้องขออภัยล่วงหน้านะครับ”

    “เชิญครับ” อัศวินเกราะขาวรองหัวหน้าแคลนเซเลสเทียลผายมือให้

    “อันดับแรกเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจผิดแทนที่ให้ข้อมูลที่ถูกต้องแต่กลับพูดจาวางอำนาจเป็นสิ่งไม่สมควรกระทำ อันดับที่สองการไม่ให้ผู้เล่นคนอื่นค้าขายกับเราเป็นสิ่งไม่สมควรกระทำ อันดับที่สามการสะกดรอยตามพวกเราเป็นสิ่งไม่สมควรกระทำ หวังว่าท่านรองหัวหน้าจะรับเรื่องทั้งหมดไปพิจารณาปรับปรุงระเบียบวินัยของสมาชิกแคลนด้วยนะครับ”

    “เป็นคำแนะนำที่ดีแต่ต้องขอโทษไว้ตรงนี้เช่นกัน เรื่องที่คุณกล่าวมาเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการภายในแคลน ผมคงทำได้แค่รับทราบและนำเข้าที่ประชุมของแคลนอีกครั้งหนึ่งครับ”

    อากิรอส คีฟแห่งมัลดิโต้ยิ้มมุมปาก “ผมก็คาดไว้แล้วว่าคำตอบคงจะประมาณนี้เพราะถ้าคุณยอมรับตรงๆก็เท่ากับพวกคุณเป็นฝ่ายผิดเต็มๆ”

    “คุณพูดเหมือนพวกคุณไม่ใช่ฝ่ายผิดเลยนะครับ” กลอเรียส อัลติมัสแห่งเซเลสเทียลตอบกลับด้วยสีหน้าแช่มชื่นและรอยยิ้มที่ไม่อาจอ่านประสงค์ออก

    “ผมบอกว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากความเข้าใจผิดแต่ไม่ได้หมายความว่าพวกผมไม่ผิดนี่ครับ” นักเวทผมเทายิ้มยวนกลับเช่นกัน

    “ถ้าอย่างนั้นผมก็ว่าผมได้ขอโทษแล้วนะ ส่วนเรื่องที่คุณเสนอมาผมก็แค่รับทราบแต่ไม่ได้รับปาก”

    แม้บทสนทนาและน้ำเสียงของทั้งสองคนจะดำเนินไปอย่างสุภาพแต่ผู้เล่นคนอื่นที่ได้ฟังกลับหน้าซีดเหงื่อตกเพราะเจตนาในแต่ละประโยคคือการคุกคามข่มขู่อย่างแท้จริง แม้กระทั่งทากะที่นั่งอยู่เงียบๆมาตลอดก็ยิ้มบางๆบนใบหน้า ส่วนกุห์ฟานตอนนี้กำลังตั้งหน้าตั้งตานับเงินอย่างขะมักเขม้น

    “ถ้าอย่างนั้นถือว่าเราไม่มีสิ่งใดติดค้างกันแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ”

    “อันดับที่สี่ สอดมือในการต่อสู้แบบตัวต่อตัวเป็นสิ่งไม่สมควรกระทำ”

    เอเซพูดขึ้นเมื่อรองหัวหน้าแคลนเซเลสเทียลหันหลังเดินกลับได้สี่ก้าวพอดิบพอดี ผู้เล่นที่อยู่ในสถานะสูงสุดของเกมส์จีจีโอชะงักฝีเท้าอย่างเข้าใจในเจตนาของผู้พูดเป็นอย่างดี รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากกของกลอเรียส อัลติมัสแล้วก็หายไปเมื่อเขาหันกลับไปเผชิญหน้ากับเอเซ แมคโดเวล

    “ไม่ทราบว่าต้องการให้เราชดใช้ด้วยสิ่งใดท่านถึงจะพอใจ”




    [ ผู้เล่นเอเซ แมคโดเวล แคลนมัลดิโต้ เลเวล 14 ต้องการต่อสู้กับท่าน ]

    “กดตกลงซะ” คือคำตอบของเอเซ

    ผู้เล่นที่อยู่โดยรอบต่างอ้าปากค้างไม่เชื่อสายตาว่าผู้เล่นเลเวลเพียงแค่สิบสี่จะหาญกล้าท้าสู้ ‘กลอเรียส อัลติมัส’ ที่คาดว่าน่าจะเลเวลสูงที่สุดในเกมส์แถมพ่วงด้วยคุณสมบัติอีกมากมายที่บอกว่าเขาไม่ได้จัดอยู่ในระดับผู้เล่นทั่วไปอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าใครก็ต้องคิดว่าเอเซ แมคโดเวลบ้าไปแล้วอย่างแน่นอน

    ยกเว้นไว้สามคน – อากิรอส คีฟ ซารุวาตาริ ทากะ และกุห์ฟาน รีส ริยาส

    “แน่ใจแล้วหรือครับ?”

    “ถ้ากลัวจะแพ้กดปฏิเสธก็ได้นะ” คำตอบของเอเซยิ่งทำให้ทุกคนคิดว่าเขาไม่ได้บ้าธรรมดาแต่เข้าขั้นบ้ามากๆด้วยซ้ำ

    “ถ้าอย่างนั้นคงต้องขอให้รอสักครู่หนึ่ง” กลอเรียสเปิดหน้าต่างขึ้นมาปลดชุดเกราะสีขาวออก เปลี่ยนเป็นใส่เสื้อสีแดงสวมแจ็กเก็ตสีน้ำตาลกางเกงขายาวสีดำและรองเท้าบูทเท่านั้น อาวุธคือดาบเคลย์มอร์ส่วนเครื่องป้องกันมีเพียงแค่เกราะแขน เรียกได้ว่าเหมือนกับเอเซแทบจะทุกอย่าง

    “ถึงกับต้องปลดเกราะหนักออก เลยไม่แน่ใจว่าท่านรองหัวหน้าประเมินความเร็วของเพื่อนผมไว้สูงในระดับใดกันแน่” ทากะที่นั่งเงียบมานานพูดแทรกขึ้น ทุกสายตาจับจ้องไปที่เขาเป็นจุดเดียว

    “แค่อยากให้เสมอภาคกันเท่านั้นครับ”

    อีกฝ่ายตอบกลับด้วยถ้อยคำสุภาพแต่ก็แฝงเจตนาว่าต่อให้เงื่อนไขเท่ากันก็มั่นใจว่าเอาชนะได้ซึ่งเอเซก็เข้าใจเจตนานี้ได้เช่นกัน นิ้วชี้มือขวาของกลอเรียสกดลงบนปุ่ม ‘ตกลง’

    หน้าปัดนาฬิกาเริ่มนับถอยหลังที่ร้อยยี่สิบวินาที

    “เหมอๆ แทงหนึ่งจ่ายหนึ่ง แทงสิบจ่ายสิบไม่มีอั้น”

    อากิรอส คีฟยังแปลงกายเป็นเจ้าบ่อนอีกครั้ง ทุกคนต่างคิดเหมือนกันว่าแคลนมัลติโต้คงมีแต่พวกสติไม่สมประกอบทั้งนั้น

    เหลือเพียงสิบวินาทีสุดท้าย เอเซกระชากฝักดาบออกโยนขึ้นไปหมุนบนอากาศ ทุกสายตาถูกปลอกดาบสีดำดึงดูดไปจนหมดจนลืมไปว่าเวลากลายเป็นศูนย์ไปตั้งแต่เมื่อไร เสียงดาบปะทะดาบด้วยความเร็วสูงเรียกสติของทุกคนกลับมา ประกายไฟสีส้มแวบหนึ่งเลือนหายไปในอากาศ ทั้งเอเซและกลอเรียสสลับตำแหน่งยืนคนละฝั่งหันหลังให้กัน

    พริบตานั้นเกิดเสียงดาบปะทะกันดังลั่นนับครั้งไม่ถ้วนพร้อมกับสะเก็ดไฟวูบวาบคั่นกลางคนทั้งสอง ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่มองออกว่าทั้งคู่จู่โจมและตั้งรับแบบไหน เสียงปะทะดังขึ้นอีกครั้งที่ทั้งสองพุ่งสวนทางกัน แต่ครั้งนี้ต่างออกไปเพราะนอกจากประกายไฟแล้วยังมีเลือดหยดลงบนพื้นทรายด้วย

    เอเซถูกฟันที่กลางอก ทางด้านกลอเรียสถูกฟันที่บ่าใกล้กับต้นคอ ทว่าอาการบาดเจ็บเพียงเท่านี้ไม่สามารถหยุดยั้งการต่อสู้ที่เผ็ดร้อนให้จบลงได้ ทั้งสองยังคงพุ่งเข้าหากันและกันเหมือนวัวชนไม่มีผิด สองคนยันดาบประลองกำลังกัน นักดาบมนตราโถมทั้งตัวเข้าหา ทางฝั่งรองหัวหน้าแคลนเซเลสเทียลก็ไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว

    ท่ามกลางวงล้อมของผู้เล่นนับร้อยคนเสมือนมีแค่พวกเขาสองคน ต่างฝ่ายต่างถอยออกและพุ่งเข้าหากันซ้ำแล้วซ้ำเล่า บาดแผลเพิ่มขึ้นแห่งแล้วแห่งเล่า เลือดสีแดงกระเซ็นลงบนพื้นทรายแล้วก็ซึมหายไปครั้งแล้วครั้งเล่า

    เคร้ง!

    เสียงปะทะกันครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่าครั้งใดและทั้งสองต่างหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว





    วัตถุหนึ่งตกจากเบื้องบนลงมาปักบนพื้นทรายระหว่างเอเซ แมคโดเวลแห่งแคลนมัลดิโตและกลอเรียส อัลติมัสแห่งแคลนเซเลสเทียลที่ยืนหันหลังให้แก่กัน

    สิ่งนั้นคือครึ่งบนของดาบเคลย์มอร์ ในมือของเอเซคือดาบที่หักเหลือเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น

    สมาชิกแคลนเซเลสเทียลโห่ร้องกึกก้อง ผู้เล่นคนอื่นก็พากันเป่าปากถอนหายใจที่การต่อสู้จบลงพร้อมกับบรรยากาศอึดอัดระหว่างการต่อสู้ที่ค่อยๆจางหายไป

    ดับเบิลฮาร์ทเดินตรงมาที่สมาชิกแคลนมัลดิโตอีกสามคนที่นั่งอยู่บนเกวียน “หาเรื่องคนอื่นแล้วแพ้แบบนี้แล้วพวกนายจะรับผิดชอบยังไงละ?”

    “พวกนายแน่ใจแล้วเหรอ?” อากิรอสตอบกลับด้วยสีหน้ายียวนเหมือนเช่นเคย

    “แพ้แล้วไม่ยอมรับรึไงวะ? ดาบหักแบบนั้นสู้ต่อก็มีแต่แพ้เท่านั้นแหละ พวกนายควรจะแนะนำให้หมอนั่นกดยอมแพ้ไปเลยจะดีกว่านะ”

    “พวกนายลองดูดาบของรองหัวหน้าให้ดีๆสิ”

    ทากะพูดเสียงดังฟังชัดเจนทำให้ผู้เล่นทุกคนรวมถึงสมาชิกแคลนเซเลสเทียลมองไปที่กลอเรียสพร้อมกัน เขาค่อยๆยกดาบในมือขึ้นเหนือศีรษะ เสียงลั่นเปรียะดังขึ้นพร้อมกับดาบครึ่งบนที่หักออกร่วงหล่นลงที่ปลายเท้าของเขา เสียงครางฮือจากผู้เล่นโดยรอบดังขึ้นพร้อมกันทันที

    “จะเอายังไงต่อละ? จะลุยต่อทั้งๆที่ดาบหักแบบนี้ก็ไม่เลวหรอกนะ”

    เอเซหันหลังกลับมาเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ของตน กลอเรียสเปิดหน้าต่างของเกมส์ขึ้นมา จากนั้นมีข้อความปรากฏขึ้นระหว่างทั้งสองโดยแจ้งว่าต้องการยุติการต่อสู้ด้วยผล ‘เสมอ’

    “แบบนี้คงไม่ใช่เรื่องเสียหาย ใช่ไหมครับ?” รองหัวหน้าแคลนเซเลสเทียลยิ้มเรียบๆ เป็นรอยยิ้มที่อ่านเจตนาไม่ออกเหมือนเช่นทุกครั้ง

    เอเซกดปุ่มตกลงทันที

    เสียงฮือฮาจากผู้เล่นที่เฝ้าดูเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นดังขึ้นอีกครั้งเพราะไม่คาดคิดว่าการต่อสู้จะจบลงในรูปแบบนี้ ทางด้านสมาชิกแคลนเซเลสเทียลหน้าถอดสีกันทุกคนโดยเฉพาะดับเบิลฮาร์ท

    “นี่ถ้ารองหัวหน้าสู้เต็มกำลังตั้งแต่แรกละก็แกแพ้ไปตั้งแต่สามวินาทีแรกแล้ว!” สมาชิกแคลนเซเลสเทียลคนหนึ่งตะโกนกร้าวพร้อมชี้หน้าเอเซ แต่กลอเรียสก็ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้หยุด

    “ไม่ว่าผลจะมาแบบไหนนี่เป็นการต่อสู้ที่เสมอภาคและสมศักดิ์ศรีทั้งสองฝ่ายแล้ว” รองหัวหน้าแคลนยื่นมือขวาออกมาเพื่อขอจับมือกับคู่ต่อสู้

    นักดาบมนตราเก็บดาบที่หักลงในฝัก ยื่นมือขวาไปจับมือด้วย “หวังว่าต่อไปคงได้สู้กับนายแบบเต็มกำลังและไม่จบลงที่ผลเสมอหรอกนะ”

    กลอเรียส อัลติมัส ยิ้มไร้ความหมายอีกครั้ง “ต่อไป?”

    “เพื่อนผมมันสันดานเสียน่ะ” อากิรอสพูดแทรกขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมองที่เขาอย่างพร้อมเพรียงกัน “ผลการต่อสู้แบบนี้ไม่ว่าจะเป็นใครก็ย่อมรู้สึกคาใจโดยเฉพาะผู้ที่ต่อสู้เอง ความหมายที่เพื่อนของผมอยากจะพูดก็คือต้องการท้าสู้อีกครั้ง”

    “นายพูดถูกแค่ครึ่งเดียว” คำพูดของเอเซทำให้เพื่อนนักเวทผมเทามีสีหน้าประหลาดใจเช่นเดียวกับอีกหลายคน

    “จากนี้ไปไม่ว่าที่ไหนและเวลาใด หากเจอหน้ากันต้องต่อสู้ให้รู้ผลลัพธ์ทุกครั้ง นี่คือความหมายของคำว่า ‘ต่อไป’ ที่เราพูด” สายตาท้าทายถูกส่งไปถึงกลอเรียส อัลติมัสโดยทันที

    “ตกลงตามนั้น!”

    เสียงฮือฮาดังยิ่งกว่าทุกครั้ง แค่ต่อสู้เสมอกับผู้เล่นที่ได้รับการยกย่องว่าเก่งที่สุดก็เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของทุกคนแล้ว แถมยังยื่นคำขอต่อสู้ทุกครั้งที่เจอกันอีก ไม่ว่าใครต่างก็คิดเหมือนๆกันว่า เอเซ แมคโดเวลแห่งแคลนมัลดิโตต้องเป็นคนเสียสติอย่างแน่แท้ ไหนจะสมาชิกแคลนอีกสามคนที่มีพฤติกรรมสุดประหลาดไม่แพ้กันอีก




    เหตุการณ์ครั้งนี้ได้รับการขนานนามโดยผู้เล่นที่อยู่ในเหตุการณ์ว่า ‘สุดยอดการต่อสู้ที่แบล็กแซนด์’
    Ryuto ถูกใจสิ่งนี้

Share This Page