Grand Gaia Online บทที่ 45 [ UPDATE ]

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย Azemag, 10 ตุลาคม 2012.

  1. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    Grand Gaia Online 11 – Goodbye Silver Wolf




    สี่สิบแปดนาทีสิบสองวินาที การต่อสู้มาถึงช่วงสุดท้าย บอสเหลือ HP ต่ำกว่าครึ่งและอ่อนแอลงอย่างมาก ทว่าในใจของเอเซ แมคโดเวลกลับรู้สึกอึดอัด สังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องบางอย่าง ทุกครั้งที่เขารู้สึกเช่นนี้ไม่เคยเกิดเรื่องดีๆแม้แต่ครั้งเดียว

    มิยูสู้กับราชาหมาป่าที่อ่อนแรง โหมบุกจนมันได้แต่ตั้งรับ ดาบเหล็กโค้งแทงลอดผ่านช่องว่างการป้องกันเสียบสีข้างบอส มันคำรามพร้อมตอบโต้กลับแต่ช้ากว่าปฏิกิริยาตอบสนองของนักดาบสาว เธอก้มหลบกระชากดาบกลับคืนและฟันสวนเข้าที่แขนซ้ายที่มีกรงเล็บสีเงิน ลูกธนูเงินพุ่งแหวกอากาศจนเกิดเสียงแหลมเล็กปักเข้าหัวไหล่ของเฟนริลอย่างแม่นยำ ไนซ์คอยโจมตีสนับสนุนจากระยะไกลช่วยเบี่ยงเบนการรับรู้ของศัตรู เปิดโอกาสให้มิยูบุกได้อย่างต่อเนื่อง

    พลังชีวิตของบอสลดลงเรื่อยๆแต่ความกังวลใจของเอเซทวีเพิ่มขึ้นสวนทาง ชายหนุ่มตัดสินใจเปิดช่องสนทนาเฉพาะภายในแคลนเท่านั้น

    “กุห์ฟาน พี่ขอสัญญาณเปลี่ยนตัวหน่อย”

    “ใจเย็นก่อนพี่ ผมจะสลับคนต่อสู้ต่อเมื่อเสียเปรียบบอสแต่ตอนนี้เราได้เปรียบอยู่นะ”

    “...ก็รู้ แต่ส่งสัญญาณให้มิยูถอยมาเปลี่ยนตอนนี้ไม่ได้รึไง”

    “มันยังไม่จำเป็นนี่นา หรือว่านายอยากโชว์เท่เป็นคนปราบบอสให้เธอเห็นรึไง” อากิรอสพูดแทรกเข้ามา แถมแหย่เย้าเพื่อนตามประสาคนชอบกวน

    เอเซเงียบไป ทากะฟังอยู่เงียบๆพูดขึ้นบ้าง “สหายมีอะไรไม่สบายใจก็พูดออกมา”

    “สถานการณ์ตอนนี้มันง่ายไป เหมือนคลื่นลมสงบก่อนพายุจะมา”

    ทั้งสามคนเงียบไปบ้าง เพราะอยู่ด้วยกันมานานจึงเข้าใจสิ่งที่เอเซต้องการสื่อสารทันที

    “เอาเป็นว่าไม่ประมาท พวกพี่เตรียมตัวไว้ละกัน”

    นักดาบสาวรุกไล่จนเฟนริลล่าถอย เธอชะล่าใจบุกโดยไม่ทันสังเกตว่าขนสีเงินที่หน้าอกเรืองแสงขึ้นทีละนิดทุกครั้งที่มันถูกโจมตี บอสเหวี่ยงดาบสวนกลับเหมือนไม่มีเรี่ยวแรง มิยูจับดาบสองมือปัดดาบดำเล่มใหญ่กระแทกพื้นใช้เป็นฐานเหยียบกระโดดลอยตัวตวัดดาบวูบหนึ่ง

    เลือดสีแดงสาดกระจายจากคอเฟลริล นักดาบสาวลงสู่พื้นอย่างงดงาม แต่ดวงตาสีแดงกลับยิ่งแวววาวดุร้ายมากขึ้น

    ราชาหมาป่าคำรามกึกก้อง คำรามดังยิ่งกว่าครั้งใด

    สถานการณ์พลิกกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือ ความเร็วของเฟนริลเพิ่มขึ้นอย่างมาก มันพุ่งเข้าหามิยูอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่โจมตีด้วยดาบ ไม่ได้ใช้กรงเล็บทำร้าย แต่แยกเขี้ยวกัดอย่างบ้าคลั่งและดิบเถื่อน เธอกรีดร้องเจ็ดปวด แขนซ้ายที่ยกขึ้นปกป้องตัวเองเป็นแผลเหวอะ พลังกัดรุนแรงถึงขนาดทำให้เกราะมือบิดเบี้ยวจนไม่เหลือสภาพเดิม ลูกธนูเงินที่ไนซ์ปล่อยมาโจมตีหยุดมันไม่ได้ ราชาหมาป่าที่ใกล้ตายขบกรามแน่น หญิงยิ่งกรีดร้องดังขึ้น

    ร่างหนึ่งพุ่งเข้าหาบอสรวดเร็วดุจลมพายุ ดาบเคลยร์มอร์คมกริบแทงทะลวงท้อง เขาออกแรงดันดาบผลักเฟนริลให้ถอยออก มันยอมปล่อยเหยื่อสาวหันไปเล่นงานเอเซ

    ไนซ์วิ่งมาประคองร่างมิยูและใช้โพชั่นราดแผลบรรเทาความเจ็บให้เธอ อากิรอสตามมาสมทบพร้อมกับทากะ กุห์ฟานรักษาสีหน้าสงบนิ่งกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาเป็นคนสุดท้าย

    “ไนซ์พามิยูออกห่างไปก่อนดีกว่า ตรงนี้พวกพี่จัดการเอง”

    “พี่อากิ...ระวังตัวด้วยนะคะ” มิยูบาดเจ็บแต่ยังเป็นห่วงคนอื่น นักเวทผมเทาส่งยิ้มกลับคืนให้เธอแทนคำขอบคุณ









    “เอาไงต่อดี?”

    “มาถึงขั้นนี้แล้วจะต้องคิดอะไรให้มากความละ” หัวหน้าแคลนมัลดิโตถามก่อนจะตบบ่ารุ่นน้อง “มีแผนการมันก็ดีอยู่หรอก ว่าแต่ว่านายเปลี่ยนเป็นคนละเอียดรอบคอบจนกลายเป็นคิดมากตั้งแต่เมื่อไรกัน?”

    อากิรอสตบบ่าอีกข้างที่ว่างอยู่ “มันเป็นคนรอบคอบก็ดีแล้ว เพียงแต่รอบคอบมากจนเกินไปเท่านั้นเอง”

    “นายลืมไปรึเปล่าว่าทุกครั้งที่นัดกันรวมตัวจะไปเที่ยวหรือทำธุระมันเป็นยังไง”

    กุห์ฟานคิดแวบหนึ่งแล้วถอนหายใจ “นั่นสินะ วางแผนดิบดีทีไรต้องไปแก้ปัญหาหน้างานตลอด ไอ้ที่คิดเตรียมคิดเผื่อไว้ก็ไม่ได้ใช้ทุกที”

    “ตามนั้นแหละไอ้น้อง” ทากะและอากิรอสตบบ่ารุ่นน้องพร้อมกัน

    ตอนนี้กลายเป็นเฟนริลไล่ถลุงเอเซ ถึงจะเปลี่ยนพลังเวทเกือบทั้งหมดเป็นพลังต่อสู้ผ่านสกิล [ Magic Exchange ] ก็ยังเทียบกับพลังและความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติของศัตรูไม่ได้

    “กุห์ฟาน! ทำไมจู่ๆไอ้หมาบ้านี่มันถึงเก่งขึ้นมาขนาดนี้วะ แล้วไอ้สองตัวนั่นก็อย่าอู้เนียน มาช่วยกันซะดีๆ”

    รุ่นน้องยังใจเย็นเปิดหน้าต่างขึ้นมาตรวจสอบข้อมูล “แปปนะพี่”

    ทากะสลับเข้าไปสู้ให้เอเซถอยออกมาฟื้นฟูพลัง ส่วนอากิรอสถอยออกห่างชาร์จพลังเวทเตรียมหาจังหวะโจมตีจากระยะไกล

    “เมื่อบอสเหลือ HP 50% มันจะเอาความเสียหายที่ได้รับหลังจากนั้นเปลี่ยนเป็นพลังต่อสู้ พูดง่ายๆว่ายิ่งเจ็บก็ยิ่งเก่งน่ะแหละ” กุห์ฟานอ่านข้อมูลให้ฟัง

    “โวะ! คนสร้างบอสตัวนี้มันต้องโรคจิตแน่ๆ” อากิรอสบ่นอุบ

    “วิธีจัดการละ” นักดาบมนตราถาม ดื่มโพชั่นรวดเดียวสองขวด

    “ตีๆไปเดี๋ยวมันก็ตาย”

    ขวดโพชั่นเปล่าลอยละลิ่วเฉียดหัวกุห์ฟานไปสองนิ้ว

    “ศัตรูแบบนี้ปล่อยให้พี่ทากะจัดการน่าจะเหมาะที่สุด”

    หัวหน้าแคลนมัลดิโตเป็นสายต่อสู้แบบไม่ปะทะตรงๆ อาศัยความเร็วหลบหลีกหาจังหวะโจมตีสวนกลับ แต่ตอนนี้เขาทำได้เพียงหลบหลีกอย่างเดียว ความเร็วของเฟนริลเพิ่มขึ้นอย่างน้อยหนึ่งเท่า ในการต่อสู้ทุกรูปแบบความเร็วที่แตกต่างสามารถตัดสินผลแพ้ชนะได้ในเสี้ยววินาที

    ราชาหมาป่าใช้ท่า [ Vertical Slash ] โจมตี หากเป็นเอเซคงทุ่มน้ำหนักปัดดาบทิ้งได้ แต่ทากะใช้วิธีนั้นไม่ได้ เขายืนปลายเท้าย่อเข่าลงเล็กน้อย ขวางดาบเหนือหัวใช้มือซ้ายประคอง เมื่อดาบดำฟาดลงมาเขาไม่ออกแรงปะทะกลับแต่เปลี่ยนทิศทางพลังที่โจมตีให้เบี่ยงออก ดาบของบอสแฉลบไหลไปกับคมดาบคาตะนะเกิดเสียงแสบแก้วหู สะเก็ดไฟสีส้มสว่างวาบ ดาบดำฟันพื้นดินขาดเป็นรอยแยกขนาดใหญ่

    หัวหน้าแคลนมัลดิโตบิดข้อมือพลิกดาบตั้งตรง กระบวนท่าสี่ดาบสังหารสำแดงอานุภาพอีกครั้ง

    แต่ยิ่งทำให้มันบาดเจ็บเท่าไรก็เท่ากับว่ามันยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น

    เฟนริลวิ่งเข้าใส่ทากะด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นอีก ดาบดำเฉี่ยวปลายไหล่ไปหวุดหวิด เป็นครั้งแรกที่ทากะได้รับบาดเจ็บ บอสกลับตัวพุ่งเข้าโจมตีซ้ำความเร็วเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งขั้น ทากะพยายามหลบพลางถอยแต่ไม่พ้นทั้งหมดได้แผลเพิ่มอีกเจ็ดแปดแห่งในพริบตา บอสหมาป่าจิกเท้าพุ่งทะลวงแทง เขายกดาบขึ้นป้องกันไว้ทันก่อนจะถูกเสียบทะลุท้อง แรงปะทะผลักเขาถอยกระเด็นไกลหลายเมตร และถึงจะป้องกันได้แต่ HP ของเขาก็ลดลงไปมากกว่า 15%

    บอสไม่ปล่อยโอกาสสังหารหลุดลอยจับดาบสองมือฟาดใส่สุดแรง ทากะไม่มีทางเลือกต้องกระโจนสุดตัวหลบออกจากรัศมีโจมตี บอสไล่ตามจนทันและโจมตีอีกครั้ง นักสำรวจผมดำจำเป็นต้องรับการโจมตีตรงๆ แรงกระแทกทำให้เขาเจ็บแปลบทั่วแผ่นหลัง วินาทีคับขันทากะยกขาทั้งสองข้างถีบข้อมือบอสและกลิ้งหลบออกมา ราชาหมาป่าคว้าได้เพียงเศษเสื้อนอกดำเท่านั้น

    ลำแสงเพลิงสว่างวาบวิ่งเป็นเส้นตรงจู่โจมเฟนริล เกิดระเบิดต่อเนื่องเจ็ดครั้งซ้อน เพลิงไฟโหมรุนแรงเผาบอสไว้ที่ใจกลาง ในที่สุดเวทมนต์ที่อากิรอสอุตส่าห์ฝึกฝนมาได้ใช้ให้เกิดประโยชน์เสียที ทากะอาศัยช่วงเวลานี้ถอยหนีออกมา

    นักดาบมนตราฟื้นฟูพลังเสร็จแล้วเตรียมเข้าไปต่อสู้อีกรอบ แต่กุห์ฟานรั้งเขาไว้

    “พี่เอเซใจเย็นก่อน ดูเหมือนว่าตอนนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกับบอสแล้วละ”









    นักล่าสมบัติชี้ไปที่เฟนริล แสงจันทร์สาดส่องทะลุชั้นเมฆลงมาอย่างพอเหมาะพอเจาะ เฟนริลมีปฏิกิริยากับแสงจันทร์ ร่างกายขยายใหญ่ขึ้น มันกู่ร้องโหยหวนครั้งแล้วครั้งเล่าฟังแล้วหนาวยะเยือกจนขนลุก

    “เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเกิด ‘อีเวนต์’ เร็วกว่าที่คิดไว้ คืนนี้เป็นคืนเดือนเพ็ญนี่เอง”

    หมู่เมฆครึ้มที่ปกคลุมทั้งเมืองตั้งแต่ช่วงเย็นอยู่สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย พระจันทร์สีเงินกลมโตราวไข่มุกโคจรมาอยู่ตำแหน่งกลางท้องฟ้าแผ่รัศมีสีรุ้งกระจายออก เป็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ‘จันทร์ทรงกลด’

    “ปกติจันทร์ทรงกลดนี่เขาถือเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ?” อากิรอสเดินมาสมทบจากด้านหลัง เขายังอารมณ์ดีตีหน้าทะเล้นได้เหมือนปรกติ

    “ลางดี? สหายเชื่อว่าบนโลกนี้ยังจะมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นกับพวกเราอีกหรือ?”

    เสียงหอนดังอีกครั้ง จากร่างมนุษย์หมาป่ากลับคืนเป็นหมาป่ายืนสี่ขาตามเดิม ขนาดของมันเรียกว่าใหญ่เฉยๆไม่ได้แต่ต้องเรียกว่าใหญ่มาก สูงเกือบห้าเมตรหรือมากกว่า ลำขาใหญ่เท่าต้นไม้ขนาดสามคนโอบ กรงเล็บสีเงินวาววับขนาดใกล้เคียงกับใบมีดกิโยติน ปากใหญ่กว้างคำรามกึกก้อง ขนสีเงินทั้งตัวเรืองแสงจางๆ ดวงตาสีแดงที่เคยสดใสเหมือนโกเมนกลายเป็นขุ่นทึบเหมือนก้อนเลือด

    “เมื่อ HP ต่ำกว่า 50% เฟนริลจะสะสมพลังงานจากการบาดเจ็บ และเมื่อ HP เหลือ 10% จะกลับสู่ร่างที่แท้จริงและ HP จะฟื้นฟูเป็น 30%” รุ่นน้องอ่านคำอธิบายจากแว่นขยายให้พวกรุ่นพี่ฟัง

    “เสือตัวใหญ่มนุษย์ฆ่าได้ หมีขั้วโลกตัวใหญ่มนุษย์ฆ่าได้ ปลาวาฬในมหาสมุทรมนุษย์ยังตามไปฆ่าได้ ประสาอะไรกับแค่หมาป่าตัวใหญ่?” นักเวทผมเทาพูดเลียนเสียงพวกนักพรตนักปราชญ์จีนแถมทำท่าลูบเคราประกอบ

    ทากะมองลอดผ่านกรอบนิ้ว “ตัวใหญ่แบบนี้หากรงใส่ลำบากนะเนี่ย”

    “ใหญ่ๆแบบนี้สิเวลาล้มเสียงดังดี” เอเซหักนิ้ว เสียงกระดูกลั่นรัว

    “ในที่สุดก็รู้สึกน่าสนุกนิดๆแล้วสิ” กุห์ฟานยักคิ้วให้รุ่นพี่ทั้งสามคน หน้าต่างที่เคยเปิดไว้ประจำปิดไปแล้ว มือสองข้างควงมีดสลับไปมาอย่างชำนาญ

    ผู้เล่นบนกำแพงเมืองต่างหน้าซีดขาสั่นเมื่อเห็นร่างที่แท้จริงของเฟนริล แต่สมาชิกแคลนมัลดิโตสี่คนกลับเห็นมันเป็นลูกหมาตัวหนึ่ง

    “ไม่ต้องกั๊กไม่ต้องออมอะไรอีกแล้ว ลุยกันให้สะใจ ลุยกันให้ตายไปข้างนึงนั่นแหละ!”

    นักดาบมนตราเปลี่ยน MP ทั้งหมดเป็นพลังต่อสู้ วิ่งทะยานดุจสายลม เงื้อดาบใส่เฟนริลในร่างที่แท้จริงซึ่งๆหน้า ราชาหมาป่าแยกเขี้ยวขู่ยกขาหน้าขวากางเล็บตะปบเป้าหมาย กรงเล็บสีเงินทำร้ายศัตรูแต่หยุดยั้งไม่ได้ เอเซฟาดดาบใส่บริเวณกึ่งปากกึ่งจมูกของบอสเลือดสาดทะลัก

    เขาลงถึงพื้นพร้อมกับกรงเล็บที่โจมตีเข้ามา เอเซไม่หลบแต่งัดดาบโจมตีสวนขึ้นไป ดาบเคลย์มอร์แทงเข้ากลางอุ้งเท้าเกือบมิดด้าม เขาตะโกนสุดเสียงกระชากดาบกลับสุดหวดดาบใส่หน้าแข้งซ้ำอีกสามที จ้าวแห่งหมาป่าอ้าปากแยกเขี้ยวจะขย้ำนักดาบมนตรา แต่ลูกบอลเพลิงพุ่งจากไม้เท้าของอากิรอสเข้าปากอย่างแม่นยำ เกิดระเบิดดังสนั่น ควันโขมงพวยพุ่งจากปากและจมูกของเฟนริล

    กุห์ฟานวิ่งปราดเดียวลอดใต้ท้องบอสไป มีดดำในมือขวาและมีดแดงในมือซ้ายปักขาหลังทั้งคู่ที่ตำแหน่งข้อศอกขาหลัง พลังโจมตีของมีดถึงจะต่ำแต่มักมีคุณสมบัติพิเศษอื่นๆด้วย ซึ่งมีดคู่ดำแดงคืออาวุธสุดโปรดปรานของนักล่าสมบัติแห่งแคลนมัลดิโตด้วยคุณสมบัติเมื่อโจมตีจะทำให้ศัตรูเคลื่อนไหวช้าลง

    ทากะขึ้นไปอยู่บนยอดไม้ตั้งแต่เมื่อไรไม่มีใครรู้ ประสานดาบที่แกนกลางลำตัวใช้กระบวนท่าสี่ดาบสังหาร คมดาบสุญญากาศสี่สายกรีดลำตัวซีกซ้ายของราชหมาป่าเพียงแห่งเดียวเป็นแผลฉกรรจ์เหวอะหวะ เส้นขนสีเงินปลิวฟุ้งตามสายลม

    ดวงตาสีแดงของเฟนริลสว่างวาบ มวลพลังเวทไหลไปควบแน่นที่ปากและถูกปลดปล่อยออกมาเป็นลำแสงสีเงิน ไม่ว่าต้นหญ้า ผืนดิน หรืออากาศ สิ่งใดที่สัมผัสกับลำแสงนี้ล้วนลุกไหม้ด้วยไฟสีเงินสูญสลายไปในพริบตา

    เส้นทางของลำแสงหายนะคือเอเซและอากิรอส

    นักเวทผมเทาย่อตัวลงทาบมือขวาไว้กับพื้นก่อกำเนิดแท่งน้ำแข็งผุดขึ้นมากมายนับไม่ถ้วนกลายเป็นกำแพงน้ำแข็งหนาทึบ ส่วนนักดาบมนตราปักดาบลงตรงหน้าสร้างบาเรียเวทมนต์ห่อหุ้มกำแพงน้ำแข็งไว้อีกชั้นหนึ่ง

    ลำแสงสีเงินปะทะกับกำแพงน้ำแข็งมนตรา เกิดระเบิดรุนแรงถึงขนาดทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนราวเกิดแผ่นดินไหว เปลวเพลิงสีเงินกลืนกินทุกสิ่งเป็นวงกว้าง ทุกคนบนกำแพงเมืองต่างคิดเหมือนกันว่าไม่มีทางที่สองคนนั้นจะมีชีวิตรอดได้

    ทว่า...ทุกคนคิดผิด

    คมดาบวายุและลูกบอลเพลิงทะลวงไฟสีเงินออกมาโจมตีคืนใส่เฟนริล ตามด้วยเอเซและอากิรอสกระโดดออกจากกองไฟได้

    “โชคดีที่ใช้ศิลามนตราทันนะเนี่ย นายเอาไปอีกสามก้อนเลย” เอเซโยนศิลามนตราที่ว่าให้เพื่อนนักเวท

    “ไม่เก็บไว้ใช้เองละ”

    “ให้นายใช้น่าจะมีประโยชน์มากกว่า” นักดาบมนตราพูดจบก็พุ่งออกสู้กับบอสอีกรอบ

    เมื่อครู่อากิรอสสร้างบาเรียเวทมนต์จากศิลามนตราไว้อีกชั้นหนึ่ง เป็นศิลามนตราที่ได้จาก Crazy Black Boar ซึ่งเป็นศิลามนตราระดับสูง ส่วนกำแพงน้ำแข็งมีเป้าหมายเพียงลดทอนพลังทำลายของลำแสงสีเงินเท่านั้น พวกเขาสองคนจึงรอดมาได้

    อากิรอสตั้งใจจะวิ่งไปร่วมวงต่อสู้แต่ชะงักเท้าไว้ มองศิลามนตราในมือคิดอะไรได้บ้างอย่าง









    “เมื่อไรมันจะตายวะ!? เริ่มเบื่อหน้ามันแล้วนะ” เอเซแหกปากไปพร้อมกับหลบกรงเล็บ

    “สหายไม่ถามมันบ้างละว่าเบื่อพวกเราแล้วรึยัง?”

    “พูดภาษาหมาไม่ได้เว้ย!” เขาหันไปชูนิ้วกลางให้คนตอบที่อยู่บนยอดไม้

    เฟนริลถูกรุมโจมตีจากสามด้านจนเหลือ HP อีกไม่มากแล้วจึงงัดไม้ตายออกมาใช้อีกครั้ง พลังเวทสีเงินไหลรวมและควบแน่นเป็นก้อนพลังงานและปลดปล่อยเป็นลำแสงสีเงิน

    “เอาวะ! มาลองกันสักตั้ง คิดว่ายิงเป็นตัวเดียวรึไง!”

    นักดาบมนตราเร่งพลังเวทให้สูงขึ้น สายลมก่อตัวขึ้นกลายเป็นพายุขนาดเล็ก ดาบเคลย์มอร์เปล่งแสงสีฟ้าสว่างขึ้นเรื่อยๆ สายลมบิดม้วนรวมกันเป็นกลุ่มก้อนที่ปลายดาบ เกิดประกายแสงเล็กๆถี่ยิบ เสียงไฟฟ้าสถิตดังระรัว

    Bursting Wind

    สายลมระเบิดออกกลายเป็นพายุและสายฟ้า พลังสองสายปะทะกันเกิดประกายแสงเจิดจ้า

    ห้าวินาทีผ่านไปพลังทั้งสองสายยังเท่าเทียมกัน

    สิบวินาทีผ่านไปพลังทั้งสอยสายยังคงเท่าเทียม

    สิบห้าวินาทีผ่านไปสมดุลเริ่มสั่นคลอน สายลมอ่อนแรงลงเพราะพลังเวทมนต์ของเอเซถึงขีดจำกัด

    “บ้าฉิบ!”

    เอเซกัดฟันกรอดเมื่อพลังเวทแต้มสุดท้ายหมดลง สายลมสูญสลาย ลำแสงสีเงินพุ่งวาบผ่านร่างไป เพลิงสีเงินแผดเผากัดกร่อนพลังชีวิตหมดในพริบตา เขาล้มลงกลางกองไฟ เสียงจากระบบดังขึ้นโดยมีเขาได้ยินเพียงคนเดียว

    เมื่อผู้เล่นเหลือ HP 0% มีเวลาสามร้อยวินาทีสำหรับใช้ไอเทมหรือสกิลชุบชีวิต เริ่มนับเวลาถอยหลัง

    มิยูกรีดร้องสุดเสียง ผวาวิ่งลงจากเนินจะไปหาเอเซแต่ไนซ์คว้าแขนเธอได้ทัน “มิยูใจเย็นๆก่อน เข้าไปตอนนี้มีแต่เป็นภาระเกะกะพวกพี่เขาเปล่าๆ”

    หญิงสาวน้ำเสียงสั่นเครือจนเกือบจะร้องไห้ “แต่...แต่ว่าเอเซ”

    “เชื่อมือพวกพี่ๆสิ”

    กุห์ฟานวิ่งอ้อมจะไปชุบชีวิตให้รุ่นพี่แต่เฟนริลกระโจนทีเดียวขวางทางไว้ก่อน ดวงตาสีแดงเรืองแสงชั่วร้าย ลำแสงสีเงินยิงใส่ศัตรูอย่างไร้ปรานี กุห์ฟานไม่มีทางเลือกต้องหลบออกนอกเส้นทางช่วยชีวิต บอสยิงท่าไม้ตายตามหลังเขาอีกหลายครั้ง

    คมดาบสุญญากาศโจมตีโดนกลางหลังบอส มันหันเหความสนใจตามทิศทางที่ถูกโจมตี เมื่อเห็นเป้าหมายอยู่บนยอดไม้ห่างออกไปก็ยิงลำแสงใส่ทันที หัวหน้าแคลนมัลดิโตจำเป็นต้องกระโดดหนี ต้นไม้สูงใหญ่ถูเผาเป็นจุลในพริบตา ทุ่งหญ้ากลายเป็นทะเลเพลิงสีเงินร้อนระอุ

    “ไฟสีเงินพวกนั้นช่วยฟื้นพลังให้บอสแน่ะ ส่วนพวกเราอย่าว่าแต่ฝ่าเข้าไปเลยแค่เฉียดๆเลือดก็ลดฮวบแล้ว” กุห์ฟานคุยผ่านช่องสื่อสารของปาร์ตี้

    “ชักจะยุ่งยากแฮะ แล้วนี่สหายอากิหายไปอยู่ไหนเนี่ย”

    “อยู่ไม่ไกลหรอก” เสียงของคนที่ถูกเอ่ยถึงตอบกลับ “อยากจะลองอะไรนิดหน่อยแต่กลายเป็นเอเซตายซะงั้น”

    “จะใช้ Life Crystal ต้องอยู่ในระยะสองเมตรด้วยสิ ต้องตัดสินใจแล้วละว่าใครจะเป็นนักผจญเพลิง”

    “ตอนนี้เหลืออีกสี่นาทีนิดๆแล้วนะเว้ย”

    เสียงของเอเซดังแทรกขึ้น แม้ว่าเขาอยู่ในสถานะ [ Dead ] แต่ยังสามารถพูดคุยได้ตามปกติ ยังไม่ทันได้มีใครตัดสินใจหรือเสนอแผนใดๆ มิยูกลับเป็นคนที่ตอบสนองต่อเวลาที่เหลืออยู่อย่างน้อยนิดของเอเซ เธอวิ่งเข้าหาทะเลไฟอย่างไม่คิดชีวิต

    แต่เฟนริลกระโดดข้ามไฟออกมาขวางหน้าไว้ มิยูกระชากดาบจากฝักตรงเข้าหาราชาหมาป่าอย่างไม่เกรงกลัว แต่สิ่งที่ตอบแทนความกล้าหาญของเธอคือกรงเล็บที่เลือดเย็นและคมกริบ

    ความตายอยู่ห่างจากเธอเพียงแค่ก้าวเดียว

    เสียงหนึ่งดังขึ้นฟังคล้ายเสียงแก้วแตก มิยูสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่เย็นลงอย่างกะทันหัน รอบตัวเธอมีแต่น้ำแข็งขาวโพลน เฟนริลถูกหยุดการเคลื่อนไหวด้วยน้ำแข็ง ขาทั้งสี่ข้างมีน้ำแข็งเกาะกุมแน่นหนา กระทั่งเพลิงสีเงินยังถูกน้ำแข็งแหวกเป็นทางไม่อาจละลายน้ำแข็งนี้ได้ ถนนสีขาวทอดยาวไปถึงร่างของนักดาบผู้มีเส้นผมสีน้ำตาล

    “วิ่งไปเลยมิยู! ไปให้ถึงตัวเอเซเลย!”

    อากิรอสตะโกนจากด้านหลัง เขาใช้ศิลามนตราเพิ่มพลังเวทมนต์ให้ตนเองและผนึกบอสไว้ด้วยมนตราเยือกแข็ง สิ่งที่เขาคิดเป็นผลสำเร็จ ยิ่งถ่ายทอดพลังเวทมนต์ให้ศิลามนตรามากเท่าไร เวทมนต์จะยิ่งทรงพลังและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวเหมือนตอนสร้างบาเรียเวทมนต์

    หญิงสาววิ่งไปถึงชายหนุ่มในอึดใจ ประคองร่างเขาขึ้นอย่างนุ่มนวลและบรรจงวางคริสตัลสีขาวพิสุทธิ์ไว้กลางอก คริสตัลเปล่งแสงสว่างหนึ่งครั้งและแตกสลายไป

    เอเซอ้าปากจะพูดแต่ถูกนิ้วมือเรียวงามแตะหยุดไว้

    “ยังไม่ใช่เวลาขอบคุณหรอกนะ”

    มิยูฉุดมือเอเซให้ลุกยืน ทั้งสองยิ้มให้กันและกัน วิ่งเคียงคู่กันกลับสู่สมรภูมิร่วมต่อสู้พร้อมกับทุกคนอีกครั้ง

    เฟนริลทำลายน้ำแข็งและเป็นอิสระอีกครั้งหนึ่ง ทากะ กุห์ฟานและไนซ์ประสานโจมตีรับมือจ้าวหมาป่า นักดาบมนตราดื่มโพชั่นฟื้นฟู MP เสร็จแล้วก็ชาร์จพลังเตรียมยิงท่า Bursting Wind อีกครั้ง เฟนริลรู้ตัวว่าตกเป็นเป้าหมายโจมตี พยายามสลัดหนีกลุ่มของทากะเพื่อหันกลับมาเผชิญหน้ากับเอเซ มันสร้างเพลิงสีเงินขึ้นรอบตัวเพื่อปกป้องตัวเองไม่ให้ผู้เล่นเข้าใกล้ได้

    พลังเวทมนต์เริ่มรวมกันเป็นกลุ่มก้อนพลังงาน สถานการณ์แบบเมื่อครู่กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง

    แต่คนที่ขัดขวางจังหวะของเฟนริลคือมิยู เธอกระโดดข้ามกำแพงไฟสีเงินปักดาบโค้งลงกลางหลังเท้าซึ่งเป็นจุดอ่อนอย่างแม่นยำ หญิงสาวปลิวข้ามกำแพงไฟกลับมาเมื่อบอสสะบัดขาเพราะความเจ็บ

    วินาทีนั้นคือโอกาสทองของเอเซ แมคโดเวล

    สายลมระเบิดออกเป็นพายุหมุนและสายฟ้าตรงเข้าหาราชันย์แห่งฝูงหมาป่า กระแสลมปั่นป่วนหอบเอาไฟสีเงินหมุนควงพลิ้วขึ้นสู่ท้องฟ้าสีดำเป็นพายุหมุนสีเงิน สะเก็ดไฟสีเงินบางส่วนโปรยปรายส่องประกายระยิบระยับคล้ายหิมะ

    “สำเร็จแล้ว!” มิยูลุกขึ้นและวิ่งกลับมาหาเอเซพร้อมรอยยิ้มฉาบใบหน้า แต่สีหน้าของชายหนุ่มปราศจากความยินดีแม้แต่น้อยนิด

    “หมาบ้าตัวนี้ตายยากจริงแฮะ” อากิรอสเดินมาสมทบ ตามด้วยกลุ่มของทากะ

    “พี่อากิอย่าบอกนะว่า...”

    นักเวทผมเทาพยักพเยิดหน้า “หันไปดูสิ”

    ลมสงบแล้วแต่ไฟสีเงินยังไม่หายไป ยังคงลุกไหม้อยู่รอบตัวเฟนริลกลายเป็นเกราะเพลิงสีเงิน มันคำรามดังสะท้านความมืดวิ่งทะยานเข้าหาทั้งหกคนทันที สี่ชายสองหญิงแยกย้ายวิ่งหนีเอาตัวรอดคนละทิศคนละทาง แต่เหยื่อที่แท้จริงคือเอเซ แมคโดเวล

    ระยะทางแค่สิบเมตร หมาป่าไซส์ยักษ์อย่างเฟนริลกระโจนทีเดียวก็ถึงแล้ว นักดาบมนตราแห่งแคลนมัลดิโตหลบเขี้ยวที่ขย้ำเข้าหาได้อย่างหวุดหวิด พื้นดินถูกกัดแหว่งเป็นหลุมลึก

    ลูกบอลเพลิงฝ่าอากาศโดนเต็มขมับบอสหมาป่า แต่มันไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆตราบที่ยังมีเกราะเพลิงสีเงินห่อหุ้มกาย เฟนริลเปลี่ยนเป้าหมายเป็นคนที่โจมตีใส่มันด้วยลูกบอลเพลิง สถานการณ์นี้คือสิ่งที่อากิรอส ต้องการให้เป็นแบบนี้อยู่แล้ว นักเวทผมเทาออกตัววิ่งหนีด้วยความเร็วสูงล่อให้บอสออกห่างจากเพื่อนๆมากที่สุด

    “เอเซกับกุห์ฟานช่วยกันหาทางทำลายเกราะเวท ส่วนทากะ...หน้าที่ของนายคือทำยังไงก็ได้ให้มันมีแผล เดี๋ยวที่เหลือเราจัดการเอง”

    “พูดง่ายนี่หว่า!” ทากะกับเอเซตอบกลับพร้อมกัน

    “โวะ! นี่เราเชื่อว่าพวกนายจะทำได้ต่างหาก... อ้อ! ส่วนไนซ์กับมิยูช่วยอยู่ห่างๆหน่อยนะเผื่อพลาดยังไงจะได้เหลือคนไว้ชุบชีวิต”

    เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ทุกคนจึงได้แต่ทำตามที่อากิรอสบอก กุห์ฟานเปิดหน้าต่างขึ้นมาเปิดหาข้อมูลอย่างรวดเร็ว เรียกเอเซและทากะมาบอกวิธีการอย่างรวบรัด

    “ผมพอจะเดาออกว่าพี่อากิตั้งใจจะทำอะไร ถ้าสิ่งที่ผมคิดเป็นแบบเดียวกับพี่อากิก็เหลือแต่วิธีนี้เท่านั้น”

    “ก็ไม่มีทางเลือกตั้งแต่แรกแล้วนี่นา” เอเซเลิกคิ้วให้กุห์ฟาน “รีบๆจัดการให้จบจะได้กลับไปหามื้อดึกดีกว่า ขอเป็นไก่งวงอบทั้งตัวนะไนซ์”

    “สหายยังมีกะใจจะกินมื้อดึกอีกเหรอ?” คราวนี้ทากะเลิกคิ้วถามเอเซบ้าง

    “เออน่ะ! คนเรามันต้องมีความหวังสิ”

    “อย่ามัวแต่ลัลลาสิเว้ย! วิ่งวนรอบทุ่งหญ้าแล้วนะ กำลังกลับไปเนี่ยแหละ” อากิรอสโหวกเหวกผ่านช่องทางสื่อสารภายในปาร์ตี้ เฟนริลไล่หลังมาติดๆแต่ไม่ว่ามันจะกระโจนเข้าใส่เท่าไรนักเวทผมเทาก็เร่งความเร็วหนีได้แบบฉิวเฉียดทุกครั้ง

    เอเซวิ่งคู่ไปกับรุ่นน้องที่เปลี่ยนจากมีดคู่ดำแดงเป็นมีดดำอีกเล่มหนึ่ง ทากะวิ่งตามหลังมาไม่ห่างมาก เมื่อเข้าระยะสิบเมตรอากิรอสเร่งความเร็ววิ่งสวนคนอื่นๆ เขาสไลด์เบรกตัวและกลับหลังวิ่งต่อท้ายทากะ หากมองจากด้านบนจะเห็นทั้งสี่คนวิ่งเป็นรูปลูกศรเข้าหาจ้าวหมาป่า

    เฟนริลแยกเขี้ยวกระโจนใส่

    กุห์ฟานกระโดดนำ เอเซกระโดดตาม

    มีดสั้นสีดำยาวแปดนิ้วกรีดไฟสีเงินแหวกเป็นทางยาวเฉียงๆ เอเซแทงดาบเคลย์มอร์ซึ่งชาร์จพลังเวทไว้เต็มเปี่ยม ใช้ท่า Bursting Wind ในระยะประชิด พลังเวทปะทะกันเกิดแสงเจิดจ้าแสบตา เปลวไฟสีเงินถูกลบล้างสลายไป แต่กุห์ฟานถูกตะปบจมดินและเอเซถูกขย้ำด้วยคมเขี้ยว

    ตายคาที่ทั้งสองคน

    ทากะฉวยจังหวะที่บอสฆ่าแนวหน้าสองคนกระโดดแทงดาบคาตะนะเสียบตำแหน่งจุดตายที่หัวใจอย่างแม่นยำ หัวหน้าแคลนมัลดิโตออกแรงแทงดาบให้ลึกเข้าไปอีก เฟนริลผงะยืนด้วยขาหลังทั้งสองใช้ขาหน้าตะกุยข่วนให้ทากะหลุดออกให้ได้ แต่เขาไม่ยอมปล่อยมือจากดาบเด็ดขาดแม้ความเจ็บจะเล่นงานจน HP ใกล้จะหมดก็ตาม

    พอขาหน้าตะกุยโจมตีอีกครั้ง ทากะออกแรงลากดาบตามแรงโน้มถ่วงเปิดปากแผลให้กว้างยิ่งขึ้น

    ร่างของอากิรอสลอยละลิ่วมาเป็นคนสุดท้าย ทว่า...คนที่เล่นอาชีพนักเวทอย่างเขากลับไม่โจมตีด้วยเวทมนต์แต่ต่อยด้วยกำปั้นเปล่าๆแหวกเข้าไปในแผลจนสุดแขน เขาถูกตะกุยกระเด็นไปตกห่างออกไป ส่วนเฟนริลดิ้นสะบัดพราดๆอยู่กับพื้น เลือดไหลชโลมขนสีเงินจนแดงฉาน

    ชายผมเทายกมือขวาขึ้นอย่างยากลำบาก ไนซ์และมิยูรีบวิ่งไปช่วยอากิรอสเพราะเฟนริลลุกขึ้นยืนได้ก่อน ระยะทางยังอีกไกลแต่จ้าวหมาป่าแยกเขี้ยวกระโจนแล้ว คมเขี้ยวกำลังจะฉีกร่างเขาเป็นเศษเนื้อ

    อากิรอส คีฟ ยิ้มอย่างผู้ชนะ ยกมือขวาขึ้นดีดนิ้วเสียงดังชัดเจน เฟนริลกระตุกเหมือนถูกล่ามคอด้วยเชือกแล้วดึงกระชากกลับ เกิดระเบิดเพลิงแหวกออกจากปากแผล

    “Goodbye! Silver Wolf”

    เขาดีดนิ้วซ้ำสามครั้งติด เฟนริลกระตุกบิดสะบัดกลางอากาศ เพลิงไฟทะลักออกมาแผดเผาราชาหมาป่าในวาระสุดท้าย ร่างมหึมาสว่างวาบและแตกสลายเป็นเศษคริสตัลระยิบระยับล่องลอยขึ้นสู่ดวงจันทร์และสลายไปในที่สุด









    ปิดฉากการต่อสู้สุดหฤโหดด้วยเวลาหนึ่งชั่วโมงยี่สิบสองนาทีหกวินาที
    Ryuto, joi100 และ Aki ถูกใจสิ่งนี้
  2. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    เป็นศึกที่ดูแล้วทุ่มสุดตัวดีแฮะ เขียนให้พวกตัวเอกดูเก่งได้แต่ก็ไม่เก่งเกินจนบอสหมดค่าแบบนี้กำลังดีเลย >_<

    ปล. ชอบฉากมิยูกระโดดข้ามกำแพงไฟเอาดาบเสียบเท้าบอสแฮะ
    Azemag ถูกใจสิ่งนี้
  3. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    โฮ้ยยย เหนื่อยมาก อ่านไปลุ้นไปเมื่อไรบอสจะตาย มันส์ๆ /*ปรบมือๆ

    ขนาดแคลนระดับนี้ยังต้องรุมกันตีผลัดกันตีแทบเป็นแทบตาย บอสจะตากย็ไม่ตายซะที ทำให้เห็นว่าบอสเก่งมากๆ ตอนขยายร่างนี่เหมือนฝูงมดช่วยกันรุมตีเลย (ฮา) แต่ก็เป็นภาพที่ดีนะสำหรับแคลนเริ่มต้น ไม่เว่อร์เกินไปด้วย

    พูดถึงแล้ว ตอนนี้มีอะไรเม้นท์เยอะเลย
    ถือว่าเป็นบทที่อ่านแล้วสนุก เอาจริงๆ คือลุ้นมาก ลุ้นตลอด เวลาคนนั้นคนนี้โดดเข้าวงทีนี่ ลุ้นตลอดว่าใครจะล้มมันไหว เพราะไอ้บอสนี่โดนกี่ดาบๆก็ไม่ล้มซะที แถมยิ่งเจ็บยิ่งแกร่ง (แอบเห็นด้วยแล้วว่าคนครีเอทบอสแม่งโรคจิต)

    ในอีกด้าน ไอ้ทำ event ต่อสู้ยาวๆแบบนี้ ก็ทำให้เรื่องบางตอนเยิ่นเย้อไปเหมือนกัน คือผมก็ไม่รู้จะเม้นท์ยังไงดี เพราะถ้าทำสั้นๆก็ดูเหมือนบอสกาก ไม่มีความหมายอะไรเลย แต่เขียนยาวไปแม่งก็เสี่ยงต่อการเยิ่นเย้ออีก ยากมากๆ

    จริงๆการสับเปลี่ยนการเข้าชาร์จทำได้ดีขึ้นมากๆ มองเห็นบทบาทและตำแหน่งแต่ละคนแล้วว่าใครแนวหน้า ใครแนวหลัง ใครสลับรุกรับ แต่ปัญหาคือ บางทีเห็นตัวละครหลุดออกนอกฉากไปเลย อย่างตอนมิยูเจ็บ ไนซ์เข้ามารับไป แล้วสองคนนี้ก็เหมือนหายไปจากฉากเลย เข้าใจว่าอยู่นอกวงต่อสู้ แต่มันหายไปเลยจริงๆนะ (ลองอ่านดูจิ)
    และบทสนทนาที่หนุ่มๆตบบ่ากัน มันรู้สึกขัดๆ เพราะสถานการณ์คับขันมาก แต่พวกเฮียคุยกันยาวชิบ แถมตบบ่าปุๆสบายใจเฉิบ มันน่าจะเป็นอิริยาบถที่เร่งร้อนกว่านี้

    ในช่วงการต่อสู้ ที่ชอบมากคือการโจมตีของมิยู ที่สับสนมากคืออาเซ เพราะเป็นคนที่ใช้ทั้งดาบและมนต์ผสมกัน เวลายิงเวทย์ออกมาจะงงๆว่าเป็นอากิหรือเปล่าที่ร่าย

    บทที่มิยูหวีดร้องสุดเสียงนี่ กระชากใจมากๆ ประสบความสำเร็จในการดึงคู่พระนางนะจ๊ะ (อิอิ)

    มาเม้นท์การต่อสู้รายตัวดีกว่า

    มิยู - บทนี้ส่งมิยูออกมาได้ดีมากๆ ดูเป็นนักดาบหญิงสายคล่องแคล่ว เก่งก็เก่ง แต่ยังประมาทอยู่มากเพราะด้อย exp. ให้เธอบาดเจ็บหน่อยเป็นบทที่ดีของการดึงอารมณ์คน แต่ตอนหมาป่าขย้ำนี่ บทบรรยายยืดไปนิด ถ้าตัดประโยคให้สั้นลงจะดูฉับไวกว่ามาก
    ไนซ์ - หลังจากเม้นท์ไปในตอนล่าสุด เห็นได้ว่ามีการเพิ่มบทบาทให้ไนซ์เป็นพี่เทคของมิยูชัดเจนขึ้น คนนี้ OK. เลย แถมการยิงธนูโจมตีเสริมก็เข้ามาในจังหวะที่ถูกต้องแล้ว
    อาเซ - อาเซนี่ผมจะมึนๆกับทากะและอากิ การโจมตีพลิกแพลง ยังเห็นภาพไม่ชัดเท่าใดนัก แต่ก็แอบเห็นใจที่โดนบอสกระซวกท้องอยู่เหมือนกัน...
    ทากะ - คนนี้ผมชอบๆ มานิ่งๆ แล้วบทที่ทากะโดนดาบฟัน ทำให้เห็นภาพว่าบอสเก่ง เพราะปกติทากะค่อนข้างเมพในสายตาผม
    กุห์ฟาน - คนนี้อยู่ในตำแหน่งที่ OK. สุด บทบาทดีมาก ชัดเจน คำพูดก็น่ารัก เข้าวงโจมตีในจังหวะที่พอเหมาะ เสริมทัพได้อย่างไม่เกนิบทบาทสายไอเท็ม สงสารจังที๋โดนบอสกระซวกตาย เพราะมันตามอาเซไปแท้ๆเลย ;^;
    อากิรอส - คนนี้บทบาทหายไปจากฉากในช่วงกลางเรื่องที่รุมตี ก็เป็นปัญหาของการเขียนฟิคที่สื่อปาร์ตี้ใหญ่อีกนั่นแหละ แต่การยิงเวทย์ใช้ได้ทีเดียว แต่แอบหวังว่าจะเห็นเวทย์ใหญ่กว่านี้เพราะมันร่ายนานจังเลย

    ขอโทษที่เม้นท์ยาวไป รายละเอียดมันเยอะมากๆ ถ้าอยากให้ปรับตอนนี้จะแนะให้ตัดบทพูดยาวๆระหว่างต่อสู้ออกเสียก่อน เพราะมันทำให้การต่อสู้ชะงักเน้อ
    Ryuto, Aki และ Azemag ถูกใจสิ่งนี้
  4. Aki

    Aki Paradox Observer

    EXP:
    485
    ถูกใจที่ได้รับ:
    41
    คะแนน Trophy:
    48
    คือมาเม้นท์เล็กน้อยก่อนจะอ่านตอน 11 จบ

    พบว่า เราเจอเอเซคนใหม่ แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเหมือนกัน
    แว่บนึงที่อ่านรู้สึกว่า "ถ้าพรูฟเสร็จ ก็ตีพิมพ์ขายได้เลย" จริง ๆ นะ

    ค่อนข้างประหลาดใจกับการเปลี่ยนแปลงสไตล์การเขียนอยู่มากพอสมควร ถ้าจะมานั่งตีเป็นประเด็นก็คงนานอยู่ (ถึงนานมากที่สุด)

    หลาย ๆ อย่างพี่อีวานคอมเม้นท์ได้โดนใจไปแล้ว และก็เห็นด้วย

    มีอีกหลายส่วนที่ถ้าจะให้คอมเม้นท์ ก็คงได้ เพียงแต่อารมณ์ส่วนตัวตอนนี้ มีไฟจะเขียน แต่ยังไม่เขียน (เอ๊ะ ยังไง)

    แต่ที่มาเม้นท์ คืออยากชมด้วยใจจริง ๆ ว่า ภาษาบรรยายมันไม่ตลาดเหมือนก่อนเท่าไหร่

    ถึงจะเคยบอกไปว่า การบรรยายที่ผ่านมาทำได้ดีแล้ว สำนวนการเขียนก็ช่วยให้อ่านลื่นขึ้น มีการเล่นคำกับเล่นสัมผัสเยอะพอดู
    แต่เอาจริง ๆ นะ ภาษาเมื่อก่อนสำหรับเรา "มันยังคงตลาดอยู่"

    หมายความว่า... มันมีรูปแบบที่ทั่วไปมาก (แน่นอนว่ามันทำให้อ่านง่าย)
    แต่ในแง่มุมมองทางภาษาของตัวเราเอง... เราว่ามันดูไม่ใหม่ และมันดูจืดไปสำหรับสำนวน เพราะการเรียบเรียงภาษาแบบนี้ "ใคร ๆ ก็ทำได้"

    ผิดกับตอน 9 และ 10 มากเลยแหละ

    ประหลาดใจมากถึงมากที่สุด (ยอมรับเลยว่าพึ่งได้อ่าน แต่ทำให้ตามอ่านสองตอนติดได้ไม่เบื่อ)

    ก็กำลังจะอ่านตอน 11 แอบดูสปอยล์คอมเม้นท์พี่อีวานแล้วก็หวังว่าจะมีอะไรมันส์ ๆ สมใจเหมือนกัน

    ส่วนเรื่องภาษาแบบละเอียด ขอเว้นไว้ก่อนนะ อันนี้มาคอมเม้นท์ตามอารมณ์ ว่าอยากเม้นท์ อยากชม เฉย ๆ
    Azemag ถูกใจสิ่งนี้
  5. Aki

    Aki Paradox Observer

    EXP:
    485
    ถูกใจที่ได้รับ:
    41
    คะแนน Trophy:
    48
    หลังจากอ่านตอนที่ 11 จบ ก็พบว่า ที่เม้นท์ไปเมื่อกี้ไม่ผิดหวังเลยจริง ๆ นะ

    นายช่างเป็นคนที่มีพัฒนาการทางวรรณกรรมได้ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว

    สำนวนและการบรรยายยังชวนให้ตื่นตา และฉุดให้ลุ้นตามได้เหมือนตอนที่ 10 ไม่เปลี่ยน
    แต่มีประโยคนึงที่ชอบมาก และบอกว่ามันเป็น "Unique" สุด ๆ ที่ทำให้เรากลับอ่านซ้ำหลายสิบรอบ และพยายามดึงสำนวนส่วนนั้นมาเป็นข้อมูล (เพื่อเอาไปใช้บ้าง)

    ตรงที่...

    สำหรับเรา เป็นประโยคที่เด่นสุดแล้วในบทนี้... ดูไม่มีการใช้คำอะไรที่วุ่นวายนัก แต่มันเหมือนหมัดฮุกสำหรับคนชอบการใช้ภาษาอย่างเราเลยนะ

    นี่สินะที่เขาเรียกว่า Practice is perfect ยิ่งฝึก ยิ่งสมบูรณ์

    ส่วนการคอมเมนท์สำนวนและภาษา ก็รอต่อไปก่อนนะจ๊ะ ยังขี้เกียจอยู่ (ฮา)

    แต่นี่ยอจนไม่รู้จะยอยังไงแล้วนะเนี่ย
    Azemag ถูกใจสิ่งนี้
  6. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    กว่าจะเข็นออกมาได้นี่ เขียน-ลบ-เขียนใหม่ ไม่ต่ำกว่า 20 รอบ
    ผลลัพธ์ออกมาถูกใจคนอ่านก็ชื่นใจละครับ

    น้อมรับคำติชมแนะนำครับ

    นานๆประธานอากิจะจัดเต็มสักที ขอบใจมากเว้ย มีกำลังใจเขียนอีกเยอะเลย
  7. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    Grand Gaia Online 12 – Aftermath

    แดดอ่อนๆตอนเช้าลอดผ่านผ้าม่านสีฟ้าส่องกระทบใบหน้าเอเซ แมคโดเวล เขาสวมชุดคนไข้สีฟ้านอนอยู่บนเตียง ผ้าห่มเป็นสีเดียวกับผ้าปูที่นอนขาวสะอาด หัวเตียงมีโต๊ะเล็กตัวหนึ่งใบวางด้วยแจกันประดับด้วยดอกลิลลี่ ชายหนุ่มค่อยๆลืมตาให้ชินแสง ขยับตัวลุกขึ้นนั่งพิงกำแพงมองทุ่งหญ้าและสวนดอกไม้ด้านนอก

    เขาหวนนึกถึงเรื่องราวในคืนที่ผ่านมา

    ความทรงจำสุดท้ายคือตอนสู้กับราชาหมาป่า เขาทะยานเข้าหาศัตรู แสงสว่างเจิดจ้าห่อหุ้มตัวเขาไว้จนมองไม่เห็นอะไรหลังใช้ท่าไม้ตายทำลายเกราะแห่งไฟสีเงิน พริบตานั้นความเจ็บปวดแสนสาหัสวิ่งแล่นไปทั้งร่างกาย สติสัมปชัญญะดับวูบลง

    หลังจากนั้นเขารู้สึกว่าตัวเองนอนอยู่บนพื้นไม่ไกลจากเต็นท์ผ้าใบสีเขียวหลังหนึ่ง ตรงทางเข้ามีสัญลักษณ์กางเขนแดงบนพื้นขาวเหมือนเครื่องหมายกาชาด คนมากมายทั้งชายและหญิงกรูออกมาจากในเต็นท์ เขาถูกยกขึ้นเปลสนามและหามวิ่งฝ่าทุ่งหญ้าไปยังอาคารใหญ่เบื้องหน้า

    เขาถูกยกเปลี่ยนขึ้นเตียงรถเข็น ห้อมล้อมด้วยพยาบาลในชุดสีขาววิ่งพร้อมกันเข้าไปในห้องผ่าตัด พอถูกหามขึ้นไปนอนหงายท้องบนเตียงผ่าตัดได้ ไฟดวงใหญ่เปิดสาดจากบนเพดานจนตาพร่าและร้อนไปทั้งตัว ชายคนหนึ่งที่น่าจะเป็นหมอผ่าตัดในชุดสีเขียวเดินเข้ามาในห้อง ดวงตาสีฟ้าเย็นชาไร้อารมณ์ยังติดตรึงในความทรงจำของเอเซอย่างชัดเจน เป็นดวงตาที่ไม่สนใจต่อสิ่งใดกระทั่งความเป็นตายตรงหน้า

    กลิ่นยาฉุนๆคลุ้งทั่วห้อง สติของเขาเลือนรางแต่ยังพอรู้สึกตัวบางขณะคล้ายคนสะลึมสะลือ บางครั้งที่หน้าท้องรู้สึกได้ถึงปลายเข็มแทงผ่านไปพร้อมแรงกระตุกของไหม บางจังหวะรู้สึกอย่างชัดเจนว่าก้อนเนื้อตรงท้องถูกคีมจับบีบไว้แน่น

    เสียงสุดท้ายที่ได้ยินคือน้ำเสียงเฉยชาของหมอผ่าตัดผู้มีดวงตาไร้อารมณ์ “เรียบร้อย เย็บปิดปากแผลได้”

    ชายหนุ่มเลิกชายเสื้อขึ้นหาแผลผ่าตัดทันที

    น่าประหลาด...ไม่มีร่องรอยบาดแผลสักแห่งบนร่างกาย ไม่ว่าตรงไหนก็ไม่มี

    เอเซหยุดความคิดไว้แค่นั้น ลุกขึ้นเดินขยับแข้งขยับขาออกหมัดชกลมทดสอบว่าร่างกายไม่มีปัญหาจนพอใจแล้ว
    เดินไปที่หน้าต่าง ม้วนผ้าม่านสีฟ้าขึ้นพาดเชือกด้านบน สายลมหอบกลิ่นหอมของดอกไม้เข้าสู่ห้องเล็กๆจนหอมกรุ่นไปทั่ว

    เขาประหลาดใจอีกครั้ง นอกจากอาคารแห่งนี้แล้วไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดๆอีก มีแต่ทุ่งหญ้าและสวนดอกไม้กว้างสุดลูกหูลูกตาไปบรรจบกับเส้นขอบฟ้า เขาพอจะนึกออกว่าที่นี่น่าจะเป็นโรงพยาบาลตามที่พวกทากะบอก แต่พยายามไม่คิดว่ามันตั้งอยู่ตรงไหนหรือทำไมต้องมาอยู่ในสถานที่ประหลาดคล้ายมิติปิดแบบนี้

    แต่จนแล้วจนรอดก็หยุดคิดไม่ได้ คิดเรื่อยเปื่อยเลยเถิดไปถึงความเป็นไปได้ที่เขาอาจจะติดบัคของเกมเลยต้องมานอนแกร่วอยู่แถวนี้

    เสียงรองเท้าดังแว่วเข้ามาในโสตประสาท เสียงฝีเท้าเดินมาเป็นหมู่คณะไม่ต่ำกว่าห้าคนและมุ่งหน้ามาที่ห้องนี้

    ความรู้สึกแห่งสังหรณ์ร้ายแบบเดียวกับตอนต่อสู้กับเฟนริลเกิดขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ความรู้สึกนั้นชัดเจนยิ่งกว่า เข้มข้นยิ่งกว่า น่าหวาดหวั่นยิ่งกว่า แรงกดดันหนักหน่วงยิ่งกว่าเผชิญหน้าราชาแห่งหมาป่าเสียอีก

    บานประตูเลื่อนเปิดช้าๆจนสุด เหล่านางพยาบาลในชุดขาวยืนเรียงแถวซ้อนกันยิ้มให้เขาอย่างอ่อนหวาน แต่ละคนทั้งสวยทั้งน่ารักแถมหุ่นดีหยั่งกับหลุดออกมาจากแคทวอล์คเวทีไทยซุปเปอร์โมเดล แต่รอยยิ้มของนางฟ้าในชุดขาวที่ชายหนุ่มทุกคนบนโลกถวิลหากลับทำให้เอเซ แมคโดเวลขนพองสยองเกล้าราวกับเห็นนางมารจากนรกขุมที่ลึกที่สุด








    เมืองอารันด์ ร้านขายของ Nice’s Shop

    กุห์ฟานเปิดประตูหน้าร้านเข้ามา ตามหลังมาคืออากิรอส คีฟ

    “ยินดีต้อนรับกลับมาจ้า” สาวสวยเจ้าของร้านส่งเสียงทักทายจากในครัว

    “แปปนึงนะทุกคน” มิยูรับหน้าที่ผู้ช่วยแม่ครัวยกอาหารว่างวางบนโต๊ะแล้วรีบวิ่งกลับเข้าครัว

    “เสร็จเรื่องแล้วสินะ?”

    ทากะนั่งอยู่บนโซฟาจิบชาจีนแกล้มถั่วลิสงทอดเกลือทักทายเพื่อนร่วมแคลน อากิรอสทิ้งตัวลงนั่งกางแขนกางขาเต็มเหยียดพยักหน้าแทนคำตอบเพราะขี้เกียจพูด กุห์ฟานยื่นสร้อยโลหะหนึ่งเส้นประดับด้วยคริสตัลรูปดาวห้าแฉกให้รุ่นพี่หัวหน้าแคลน สร้อยแบบนี้สวมอยู่ที่คอของกุห์ฟานและอากิรอสเช่นกัน เขาวางสร้อยอีกสองเส้นไว้บนโต๊ะ เก็บอีกหนึ่งเส้นที่เหลือไว้ในกระเป๋าเสื้อนอก กลับไปร่วมวงจิบชาตอนสายรอสองสาวทำอาหารเที่ยงสำหรับไปเยี่ยมผู้ป่วย

    “ดูท่าทางพวกนายเหนื่อยๆนะ”

    “จะไม่เหนื่อยได้ยังไงกัน เดินผ่านตรงไหนก็มีแต่คนจ้อง คนที่เข้ามาถามก็เยอะ บางคนมาดีหน่อยถามว่าปราบบอสยังไงใช้อาวุธอะไรบอสมีท่าไม้ตายกี่ท่า แต่พวกผู้เล่นสายนักข่าวนี่ถามยังกับสัมภาษณ์ทำวิทยานิพนธ์ แถมยังไม่วายเจอพวกเกรียนมาขอเงินกับขอไอเทมอีกแน่ะ”

    “ว้าว! สหายอากิกลายเป็นเซเลบไปแล้ว”

    นักเวทผมเทามองค้อนใส่เพื่อนทันที “เหอะ! เซเลบแบบนี้ไม่อยากเป็นหรอกนะ”

    “แล้วนายละ? พวก ‘เน็ตเวิร์ค’ อะไรนั่นว่ายังไงบ้าง”

    คนถูกถามยกชาขึ้นจิบ “ขี้เกียจพูดหลายที ขอเล่าตอนเจอพี่เอเซทีเดียวเลยละกัน”

    ทากะยักไหล่โยนแล้วถั่วเข้าปาก “แล้วแต่นาย”

    “พี่ไม่ต้องรีบหรอก ตอนนี้ปล่อยให้พี่เอเซมีความสุขไปก่อนก็ได้”

    กุห์ฟานยิ้มมีเลศนัย ทั้งทากะและอากิรอสก็ยิ้มแบบเดียวกัน ทั้งสามคนยกจอกชาขึ้นทำท่าคารวะเลียนแบบยอดฝีมือตัวร้ายในนิยายกำลังภายในวางแผนร้ายเพื่อยึดครองยุทธจักร








    สองสาวจัดอาหารลงตะกร้าปิกนิกเสร็จแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางไปยังโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมเอเซ

    ในเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์ หากผู้เล่นตายและไม่สามารถชุบชีวิตได้จะถูกส่งไปที่โรงพยาบาลโดยอัตโนมัติและต้องพักอยู่ภายในโรงพยาบาลเป็นเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง มีคำร่ำลือกึ่งจริงกึ่งขำในหมู่ผู้เล่นว่าการไปนอนโรงพยาบาลสักครั้งถือว่าเป็นเรื่องแย่มากๆแล้ว หากต้องไปซ้ำอีกครั้งละก็ขอยอมโดนลดเลเวลหรือเสียทรัพย์สินจากการตายยังจะดีกว่าเสียอีก

    มิยูเคยหาข้อมูลก่อนเล่นเกมนี้เลยพอจะรู้เรื่องของโรงพยาบาลมาบ้าง แต่ไม่ว่าจะถามยังไงทั้งกุห์ฟานและคนอื่นกลับไม่ยอมตอบ บอกให้รอถามเอเซดีที่สุด

    กุห์ฟานนำทางทุกคนเดินไปทางประตูเมืองทิศใต้แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยแห่งหนึ่งตัดไปทางตะวันตก ทั้งสองด้านเป็นอาคารบ้านเรือนและร้านขายของเหมือนเช่นปกติ มองไปด้านหน้าก็ไม่เห็นวี่แววของอาคารที่น่าจะเป็นโรงพยาบาลแม้แต่น้อย

    มิยูยิ่งงงหนักเมื่อกุห์ฟานหยุดเดินเมื่อถึงลานกว้างเล็กๆแห่งหนึ่งริมกำแพงเมือง ล้อมรอบด้วยแปลงดอกไม้เล็กๆเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีชายกลางคนนั่งอ่านพ็อกเก็ตบุคอยู่ใต้ร่มสนามที่มีสัญลักษณ์กางเขนแดงบนพื้นขาวซึ่งเป็นเครื่องหมายของสถานพยาบาลเท่านั้น

    น้องเล็กแคลนมัลดิโตเดินไปคุยกับชายกลางคนสักพักแล้วกวักมือเรียกทุกคนให้เข้าไปยืนที่ลานกว้าง ชายกลางคนพับปิดหนังสือ กระเบื้องในลานกว้างเปล่งแสงและเปลี่ยนเป็นวงเวทขนาดใหญ่เทเลพอร์ตพาทุกคนไปที่โรงพยาบาล

    ชายกลางคนเปิดพ็อคเก็ตบุคอ่านอีกครั้งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    “ถึงแล้วละ”

    อากิรอสสะกิดไหล่มิยู เธอค่อยๆลืมตาขึ้น ทุกคนยืนอยู่บนแท่นหินกลางทุ่งดอกไม้หลากสีงดงามเกินบรรยาย ด้านหน้าเป็นอาคารทรงสถาปัตยกรรมเรอเนซองค์ตั้งตระหง่านอยู่กลางทุ่งดอกไม้เพียงหนึ่งเดียว สัญลักษณ์กางเขนแดงบนพื้นขาวบอกให้รู้ว่าที่นี่คือโรงพยาบาล

    ทั้งห้าคนเดินเข้าตัวอาคาร ได้กลิ่นยาฆ่าเชื้อจางๆตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามา ที่เคาเตอร์มีป้าย ‘ประชาสัมพันธ์’ ติดไว้และมีพยาบาลสาวสวยสองคนหน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบนั่งประจำตำแหน่งอยู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ทันทีว่าพวกเธอเป็นฝาแฝดอย่างแน่นอน

    “มาติดต่อขอเยี่ยมผู้เล่นเอเซ แมคโดเวลใช่ไหมคะ?”

    “เชิญลงชื่อเข้าเยี่ยมทางนี้ค่ะ”

    พยาบาลทางซ้ายมือกล่าวขึ้นก่อน พยาบาลทางขวามือวางสมุดสำหรับลงชื่อไว้บนเคาเตอร์พร้อมปากกา ทุกคนได้รับบัตรติดหน้าอกเมื่อลงชื่อเสร็จแล้ว

    “ผู้เล่นเอเซ แมคโดเวลอยู่ห้องสามศูนย์หนึ่ง ชั้นสาม ขึ้นบันไดกลางตรงนั้นเลี้ยวซ้ายตรงไปจนสุดค่ะ”

    สองหญิงสามชายเดินทางทิศทางที่ได้รับคำแนะนำ บรรยากาศในอาคารเงียบเชียบวังเวงผิดกับโรงพยาบาลในโลกแห่งความเป็นจริงที่พลุกพล่านด้วยหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ไหนจะจำนวนคนไข้ปริมาณมหาศาลและญาติคนไข้ที่มากกว่าอีกสามเท่าตัว

    บานประตูเลื่อนออกกระแทกกับเหล็กกั้นปลายรางส่งเสียงดังสะท้านไปทั้งชั้นสาม

    เอเซสะดุ้งเฮือกลุกขึ้นมาหน้าตื่นตกใจสุดขีด พอเห็นว่าเป็นพวกกุห์ฟานก็ทิ้งตัวลงนอนถอนหายใจโล่งอก

    “เพื่อนเป็นยังไงบ้างละ? ท่าทางสบายดีมีความสุขนะ” อากิรอสจงใจเน้นย้ำคำว่า ‘ความสุข’

    “เออ! มีความสุขโคตรๆเลยละ”

    “งั้นพี่จะอยู่ต่ออีกคืนสินะ เดี๋ยวผมไปทำเรื่องอยู่ต่อให้”

    กุห์ฟานทำท่าจะกลับตัวเดินออกห้องไปจริงๆ เอเซกระโดดล็อกคอรุ่นน้องเอาไว้ อากิรอสหลุดฮาออกมาดังๆ ทากะยืนยิ้มไร้ความหมาย ไนซ์หันหน้าหนีเข้ากำแพงกลั้นหัวเราะ มีเพียงมิยูที่เข้าใจสถานการณ์เพียงครึ่งเดียว

    “ที่นี่แย่ขนาดนั้นเลย? เจออะไรบ้างเล่าให้มิยูฟังบ้างสิ เจอผีรึเปล่า?”

    เอเซถึงกับกระอักกระอ่วนเมื่อเจอสายตาบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเปี่ยมด้วยความคาดหวังจากหญิงสาวตรงหน้า เขาไม่รู้จะตอบยังไงแถมในใจลึกๆก็ไม่กล้าโกหกอีกด้วย อากิรอสยิ่งเห็นเพื่อนลำบากใจเท่าไรยิ่งสะใจหัวเราะออกมาดังเท่านั้น เอเซหันไปจะเล่นงานเพื่อนตัวแสบแต่มิยูดึงแขนไว้ก่อน

    “ยังไม่ได้ตอบคำถามเลยนะ”

    ตอนแรกเธอไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งเขาแต่พอเห็นปฏิกิริยาของเขาแล้วก็อดเปลี่ยนใจไม่ได้

    “เอ้อ...ว่าแต่เมื่อคืนพวกแคลนเซเลสเทียลได้มารึเปล่าน่ะ? กลอเรียสมาด้วยปะ?” เอเซหันไปถามกุห์ฟาน พยายามบ่ายเบี่ยงประเด็นสุดชีวิต

    “เอเซกล้าเมินมิยูเหรอ!?” เธอตีหน้าบึ้ง สองมือเท้าสะเอว จ้องเขาด้วยสายตาดุๆ

    เจอไม้ตายนี้เข้าไป นักดาบมนตราหมดจึงหมดทางถอยหนี ทำได้เพียงยกมือสองข้างตบบ่าหญิงสาว

    “ถ้ายังอยากให้ผมเป็นผู้เป็นคนอยู่ละก็...อย่าถามถึงเรื่องนี้อีกเลยนะ”

    เห็นเขาสีหน้าจริงจังขนาดนั้นมิยูยอมใจอ่อน

    “ว่าจะแกล้งให้หนักกว่านี้นะเนี่ย เอาไว้แกล้งต่อวันหลังดีกว่าเนอะ”

    เธอหันไปพยักเพยิดกับไนซ์ ยกมือตบประสานกัน สาวสวยในชุดเมดยกตะกร้าให้เอเซ กลิ่นอาหารหอมกรุ่นชวนหิวโชยออกมา เขารับตะกร้าไปทันที กุห์ฟานเล่าเหตุการณ์ต่อสู้หลังจากที่เขาตายคาคมเขี้ยวเฟนริลให้ฟังเป็นน้ำจิ้มประกอบอาหารเที่ยง

    “พอเฟนริลสลายไป สักพักแคลนเซเลสเทียลก็มาถึง”








    ราชาหมาป่าถูกระเบิดจากภายในร่างจนตายในที่สุดพร้อมข้อความประกาศชัยชนะของฝ่ายผู้เล่น หัวหน้าทหารยามบนกำแพงเมืองสั่งการบางอย่างกับทหารใต้บังคับบัญชา นายทหารคนนั้นทำความเคารพรับคำสั่งและรีบลงจากกำแพงเมืองควบหน้ามุ่งสู่ใจกลางเมือง บรรดาผู้เล่นบนกำแพงเมืองต่างที่สังเกตการณ์อยู่ตั้งแต่ต้นต่างเปิดช่องสนทนาเพื่อกระจายข่าวสารทันที

    การต่อสู้จบลงแล้ว อากิรอสนอนยังนอนแผ่อยู่กลางทุ่งหญ้า ไนซ์และมิยูวิ่งมาถึงตัวนักเวทผมเทาจะฟื้นฟูพลังให้แต่เขาบอกว่าให้รีบไปชุบชีวิตคนที่ตายก่อนดีกว่า ทากะนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด กุห์ฟานในสภาพไม่ต่างกันกันนอนอยู่ไม่ห่าง

    แต่เอเซหายไปจากตำแหน่งที่ควรจะอยู่

    กุห์ฟานเปิดหน้าต่างเช็คสถานะของนักดาบรุ่นพี่ “ถูกส่งไปโรงพยาบาลแล้วละ”

    “มิยูมาช้าไปงั้นเหรอ?” เธอถามเสียงเศร้า

    “ไม่หรอก พี่เอเซตายไปหนึ่งรอบก่อนหน้านี้ยังไม่ถึงห้านาทีก็ตายซ้ำ ต่อให้ยังอยู่ก็ชุบชีวิตไม่ได้หรอก”

    ไนซ์ตบบ่าปลอบใจเพื่อนสาว เธอยิ้มตอบแต่ยังเหลือความเศร้าในรอยยิ้มนั้น

    “พรุ่งนี้บ่ายๆค่อยไปเยี่ยมละกัน” อากิรอสช่วยปลอบเธออีกแรง

    ประตูเมืองเปิดออก ทหารแปดนายควบม้ามาถึงพวกเขาในอึดใจ แปรขบวนเป็นแถวหน้ากระดานเรียงสี่ นายทหารทางขวามือแถวแรกสุดยกมือขึ้นแตะหมวกทำความเคารพและพูดเสียงดังฟังชัด

    “ท่านเจ้าเมืองอารันด์ขอขอบคุณที่พวกท่านช่วยปกป้องเมือง พรุ่งนี้เช้าขอเชิญพวกท่านไปรับรางวัล ณ ที่ทำการเจ้าเมืองด้วยครับ และถ้าท่านต้องการที่พักกรุณาแจ้งกับพวกเราได้ทันที”

    “ขอบคุณมากครับ พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะเข้าไปพบท่านเจ้าเมืองตามคำเชิญครับ และพวกเรามีที่พักสำหรับคืนนี้แล้วครับ” กุห์ฟานเข้าไปรับม้วนเอกสาร ‘คำเชิญของเจ้าเมืองอารันด์’ จากหัวหน้าทหารม้า นายทหารอีกเจ็ดนายทำความเคารพพร้อมกันก่อนจะชักแถววิ่งคู่กลับเข้าเมืองไป

    “นี่คือ ‘อีเวนต์’ ที่คนในเน็ตเวิร์คพูดถึงสินะ” ทากะถามยืนยันความเข้าใจของตัวเอง

    กุห์ฟานพยักหน้ารับ

    “เป็นอีเวนต์บอสหมาป่าบุกเมือง ตอนแรกคาดว่าน่าจะเกิดหลังจากปิดปรับปรุงและอัพเดทเซิฟเวอร์รอบแรก แต่เอาจริงกลับเกิดในคืนนี้ซะงั้น พวกเกมมาสเตอร์คงวางแผนเซอร์ไพรส์ผู้เล่นนั่นหละ”

    “อีเวนต์นี้เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่อง หากปราบเฟนริลได้แล้วจะทำให้เกิดบอสอีกสามตัวรอบเมืองอารันด์ในทุกทิศ และใครก็ตามที่อยู่ในกลุ่มที่ล้มบอสทั้งสี่ตัวจะได้รับ ‘สิทธิ์พิเศษ’ จากเมืองอารันด์หลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือสิทธิ์ลงดันเจียนประจำเมืองอารันด์ที่แคลนเซเลสเทียลต้องการ”

    หน้าต่างสนทนาจาก ‘กุห์ฟานเน็ตเวิร์ค’ เปิดขึ้นอีกครั้ง กุห์ฟานอ่านข้อความที่ได้รับแล้วปิดหน้าต่างไป

    “ไนซ์...ช่วยเตรียมมื้อดึกให้หน่อย เดี๋ยวจะตามกลับไปทีหลัง”

    เธอเข้าใจได้ทันทีว่าความต้องการที่แท้จริงของกุห์ฟานคืออะไร ลุกขึ้นและชวนมิยูให้กลับไปพร้อมกันด้วย

    มิยูอยู่กับทุกคนจนพอจะเข้าใจบุคลิกและนิสัยพื้นฐาน โดยเฉพาะกุห์ฟาน...เขาจะบอกอธิบายทุกอย่างเมื่ออยู่ในสถานการณ์และเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องถามอะไรให้มากความในตอนนี้
    เมื่อสองสาวเดินหายเข้าไปในประตูเมือง อีกชั่วอึดใจคนกลุ่มใหญ่เดินออกมาแทน

    แคลนยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์และเกมออนไลน์ชั้นนำอีกหลายเกมของประเทศ – แคลนเซเลสเทียล

    “น้ำชาก็ไม่มี ขนมก็ไม่มี อาหารว่างก็ไม่มี แล้วจะเอาอะไรเลี้ยงแขกเป็นมื้อดึกดีละ?”

    “ปกติสหายอากิก็ใช้น้ำลายรับแขกกลุ่มนี้อยู่เป็นประจำไม่ใช่รึไง”

    ทากะตอบแบบรู้ทัน อากิรอสยิ้มรับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เช่นกัน

    สามนาทีไม่ขาดไม่เกิน สมาชิกแคลนเซเลสเทียลร่วมสี่สิบคนเดินมาถึงตรงหน้าสมาชิกแคลนมัลดิโตทั้งสามคน เว้นระยะห่างไว้ห้าเมตรตามที่กลอเรียส อัลติมัส รองหัวหน้าแคลนสั่งไว้

    ผู้เล่นที่ได้รับขนานนามว่าเก่งกาจที่สุดในเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์เดินเข้าไปนั่งร่วมวงกับทากะ กุห์ฟานและอากิรอสด้วยท่าทีเรียบง่าย

    “ไม่ได้เจอกันนานนะครับ” อากิรอสเปิดฉากทักทายก่อน

    “ก็ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าจะเจอคุณอากิรอสที่นี่” คู่สนทนาตอบกลับด้วยรอยยิ้มเฉพาะตัว รอยยิ้มที่อ่านความหมายและเจตนาไม่ได้ “นี่ผมคงมาช้าไปหนึ่งก้าวสินะ”

    นักเวทผมเทายิ้มยวนคืนให้ “ช้าไปหลายก้าวเลยละครับ”

    “ไม่น่าแปลกใจถ้าบอสจะตายด้วยฝีมือแคลนมัลดิโต แต่ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าคือสมาชิกคนสำคัญหายตัวไปไหนในเวลานี้นี่สิครับ”

    ทั้งสามคนเข้าใจได้โดยไม่ต้องเสียเวลาคิดว่า ‘สมาชิกคนสำคัญ’ ที่เขาเอ่ยถึงคือ เอเซ แมคโดเวล

    “ประเมินเพื่อนผมไว้สูงหรือว่าประเมินพวกผมไว้ต่ำกันแน่ครับ คิดว่าพวกผมสามคนไม่มีความสามารถเพียงพอจะล้มบอสหมาป่าได้อย่างนั้นรึเปล่า”

    ทากะถามตรงๆ สีหน้าและอากัปกิริยานิ่งสงบดุจผิวน้ำแข็งในทะเลสาบ

    “ต้องขออภัยหัวหน้าแคลนมัลดิโตคุณทากะด้วยครับถ้าคำพูดของผมส่อเจตนาแบบนั้น ทว่าผมไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นแม้แต่น้อย” กลอเรียสก้มหัวให้ทากะเล็กน้อย “ที่ผมถามแบบนี้ก็เพราะว่าสายข่าวรายงานว่ากลุ่มที่สู้กับเฟนริลมีด้วยกันถึงหกคน แต่ตอนนี้เหลือแค่สามก็เลยสงสัยเท่านั้นเองครับ”

    “แบบนี้นี่เอง” ทากะกำมือขวาทุบลงบนมือซ้ายตัวเอง

    “พี่เอเซไปนอนเล่นที่โรงพยาบาลแล้ว ส่วนอีกสองคนนั้นพอดีมีธุระก็เลยต้องกลับไปก่อน พวกผมไม่รีบร้อนก็เลยนั่งกินลมชมจันทร์หลังสู้เสร็จ ขาดก็แต่ของคาวของหวานกับเครื่องดื่มกระแทกปากเท่านั้นละครับ”

    กลอเรียสเปิดหน้าต่างเรียกชุดอาหารของตัวเองออกมา “ถ้าไม่รังเกียจละก็ เชิญครับ”

    “งั้นขอเป็นไม่รังเกียจละกันนะครับ” นักเวทผมเทาคว้าแซนด์วิชไปแกะกิน

    กุห์ฟานหยิบกระติกชาไปเปิดเติมใส่ถ้วยยื่นให้กลอเรียสเป็นคนแรก รินแจกให้รุ่นพี่ทั้งสองคนและรินให้ตัวเองเป็นคนสุดท้าย

    “เหตุผลที่คุณกลอเรียสมาที่นี่ก็คือมาปราบเฟนริลถูกต้องรึเปล่าครับ?”

    “ใช่ครับ ตอนแรกคิดว่าถ้ามาช้าไปก็ยังไม่เสียเที่ยวเปล่าแต่ตอนนี้กลายเป็นเสียเที่ยวเปล่าแล้วละครับ”

    “ถ้าอยากเจอพี่เอเซขนาดนั้นก็ต้องเข้าไปในโรงพยาบาลแล้วละครับ”

    “ฮะๆๆ ผมว่าผมรอคุณเอเซออกมาดีกว่านะครับ”

    “ว้าว! ไม่น่าเชื่อว่าระดับคุณกลอเรียสยังกลัวโรงพยาบาลนะเนี่ย” อากิรอสได้โอกาสแซวก็แซวทันที

    “เข็ดขยาดตั้งแต่สมัยเทสต์เบต้าแล้วละครับ” กลอเรียสยักไหล่

    “เหตุผลข้อแรกคือปราบบอสแต่บอสก็ตายแล้ว เหตุผลข้อสองคือสู้กับพี่เอเซแต่พี่เอเซก็ตายไปแล้วเหมือนกัน แล้วเหตุผลข้อสามละครับ?” นักล่าสมบัติจอมวางแผนแห่งแคลนมัลดิโตเปลี่ยนหัวข้อสนทนาให้กลับมาอยู่ในเรื่องสำคัญ

    กลอเรียสยิ้มจางๆ เป็นรอยยิ้มเพื่อทดสอบใจคน “ทำไมถึงคิดว่ามีเหตุผลข้อสามละครับ?”

    กุห์ฟานยิ้มเรียบๆ “ง่ายมากครับ คุณกลอเรียสมีสายข่าวรายงานอย่างถูกต้องว่าปาร์ตี้สู้บอสมีหกคน ย่อมรู้แล้วว่าใครเป็นใครบ้าง แล้วมีหรือจะไม่รู้ว่าพี่เอเซตายถึงสองครั้งในระหว่างต่อสู้และถูกส่งไปโรงพยาบาลตั้งนานแล้ว”

    “ถ้าให้ผมเดาความคิดของรองหัวหน้าแคลนเซเลสเทียลละก็...คงเป็นเรื่องสิทธิ์พิเศษที่จะได้รับหลังจากปราบบอส บอสมีทั้งหมดสี่ตัวและทั้งสี่ตัวให้สิทธิ์พิเศษร่วมกันหนึ่งอย่างคือสิทธิ์ลงดันเจียนประจำเมือง แต่สิทธิ์อื่นๆนั้นแตกต่างกันไป เป็นไปได้ถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ว่าเฟนริลที่พวกเราเพิ่งจะปราบไปมีสิทธิ์พิเศษในเรื่องภาษีเมืองซึ่งทางเซเลสเทียลคงต้องการสิทธิ์นั้นเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาสิทธิ์ทั้งหมด”

    “สมแล้วที่เป็น ‘มันสมอง’ ของแคลนมัลดิโต มองทุกอย่างทะลุปรุโปร่งเลยครับ”

    “กล่าวเกินไปแล้ว” กุห์ฟานยกถ้วยชาคารวะกลอเรียส อีกฝ่ายก็รับมุขยกถ้วยรับคารวะเหมือนกัน

    “เป็นกฎของทุกเมืองว่าการค้าขายระหว่างผู้เล่นด้วยกันจะต้องเสียภาษี ทางเรามีไอเทมแต่ไม่มีสิทธิ์กลับกันทางคุณมีสิทธิ์แต่ไม่มีไอเทม มีความเห็นว่าอย่างไรครับ”

    “ข้อเสนอเข้าท่า” ทากะซึ่งนั่งเงียบฟังมานานแทรกขึ้น

    “ค่อยๆคิดก็ได้นะครับ”

    “ผมก็ยังไม่ได้พูดว่าตกลงสักหน่อย” หัวหน้าแคลนมัลดิโตยกชาขึ้นจิบช้าๆ “ถ้าผมตอบตกลง ไม่ทราบว่าทางผมจะได้ประโยชน์อะไรหรือครับ?”

    “ผลกำไรแบ่งกันเจ็ดต่อสาม แน่นอนว่าแคลนเราขอแค่สามส่วนเท่านั้น”

    “นอนกินส่วนแบ่งแถมเยอะไม่เบา จับเสือมือเปล่าแบบนี้ฟังแล้วยิ่งเข้าท่า” คำพูดของทากะคล้ายจะคล้อยตามข้อเสนอ แต่กลอเรียสฟังยังไงก็มั่นใจว่าเขาต้องถูกปฏิเสธแน่นอน

    “ผมยังไม่ได้ถามคำถามสำคัญ ซึ่งเป็นคำตอบของคุณกลอเรียสจะทำให้ผมตัดสินใจว่าตกลงหรือไม่ตกลง”

    รองหัวหน้าแคลนเซเลสเทียลผายมือให้

    “ผลเสียที่พวกเราต้องเป็นนายหน้าขายของให้ทางเซเลสเทียลในความคิดของคุณคือเรื่องไหนครับ?”

    คนถูกถามเปลี่ยนสีหน้าแต่รีบปรับอารมณ์กลับมาเป็นปรกติโดยเร็ว “คงเป็นเรื่องที่พวกคุณต้องใช้เวลาเกือบทั้งหมดมาเป็นนายหน้าให้พวกเรา เสียโอกาสในการเข้าร่วมอีเวนต์หรือภารกิจต่างๆที่อาจะเป็นประโยชน์มากกว่านี้”

    ทากะยิ้มให้กลอเรียส ยกถ้วยชาดื่มรวดเดียวจนหมด

    “นี่เป็นเพียงความคิดของผมเท่านั้นนะ เกมนี้ไม่มีอาชีพสายค้าขาย ไม่มีสกิลซื้อถูกขายแพงกับเอ็นพีซี ไอเทมที่ได้มาจากการล้มมอนสเตอร์เอาไปขายก็ไม่คุ้มเท่าแลกเปลี่ยนกับผู้เล่นด้วยกัน ดังนั้นระบบตลาดจึงถูกออกแบบมาให้ผู้เล่นต่างช่วยเหลือพึ่งพากันมากกว่าหากำไร หากลองมองย้อนไปดูเกมออนไลน์ในยุคก่อนๆที่มีปัญหาเงินเฟ้อ ของแพงแบบไร้เหตุผลเพราะการผูกขาดของกลุ่มผู้เล่นที่ทุนหนา กำหนดราคาซื้อราคาขายฟันกำไรส่วนต่างมหาศาล และกำไรทำให้เกิดช่องว่างทางความสามารถของผู้เล่นในทางอ้อม กลายเป็นผูกขาดทั้งการตลาดและการต่อสู้ไปโดยปริยาย”

    สายตาคมปลาบดุจเหยี่ยวสมกับความหมายของคำว่าทากะในภาษาญี่ปุ่นจับจ้องรองหัวหน้าแคลนเซเลสเทียลราวกับจ้องเหยื่อ “ไม่ทราบว่า คุณกลอเรียสคิดยังไงกับเรื่องแบบนี้ครับ”

    “เป็นทฤษฎีการตลาดที่น่าสนใจครับ” รองหัวหน้าแคลนเซเลสเทียลไม่สะทกสะท้านกับสายตาคู่นั้น

    “สมัยเทสต์เบต้ามีแคลนหนึ่งผูกขาดสิทธิ์ลงดันเจียนประจำเมืองด้วยการออกล่าบอสทุกตัว ผู้เล่นที่ต้องการลงดันเจียนต้องจ่ายค่าผ่านทางซึ่งค่อนข้างแพงจนสุดท้ายก็ไม่มีใครเลือกเก็บเลเวลที่ดันเจียนนั้น แคลนนั้นเลยได้ครองดันเจียนเก็บเลเวลเก็บไอเทมสบายไปเลย และไอเทมพวกนั้นดันเป็นไอเทมปลดล็อกอาวุธระดับ S ด้วยสิ และถ้าสมมติว่าคืนนี้แคลนที่ล้มเฟนริลได้คือเซเลสเทียลแต่ไม่ได้สิทธิ์ด้านภาษี ทางคุณก็คงออกล่าบอสที่เหลืออีกสามตัวทั้งหมดเพื่อให้ได้สิทธิ์นั้น ผมคิดถูกรึเปล่าครับ?”

    อากิรอสรินชาเติมให้กลอเรียสเต็มปริ่มจนเกือบล้น บอกเป็นนัยว่าพวกเขาควรจะพอและเผื่อแผ่ผู้เล่นคนอื่นบ้าง
    รองหัวหน้าแคลนเซเลสเทียลยกชาแก้วนั้นดื่มอย่างเข้าใจสิ่งที่พวกเขาต้องการสื่อ เมื่อรู้ว่าการเจรจาไม่ประสบผลสำเร็จเขาจึงได้แต่กล่าวลาและกลับไปแต่โดยดี








    “หลังจากนั้นตอนเช้าผมกับพี่อากิก็ไปที่ทำการเจ้าเมืองตามคำเชิญแล้วก็แวะมาเยี่ยมพี่นี่แหละ” กุห์ฟานสรุปก่อนโยนแครกเกอร์จิ้มนมข้นหวานเข้าปากเคี้ยวกินอย่างสบายใจ

    “ไม่น่าเชื่อ” เอเซอุทานออกมาหลังจากฟังเรื่องทั้งหมดจบ

    “มีอะไรไม่น่าเชื่อเหรอ?” มิยูเป็นผู้ถาม

    “ก็ที่ทากะพูดน่ะสิ ไม่น่าเชื่อว่าหมอนี่จะพูดประโยคยาวๆเต็มไปด้วยสาระแบบนั้นได้ด้วย”

    เสียงหัวเราะดังสนั่นห้องโดยอากิรอส คีฟ

    ทากะยืนกอดอกพิงกำแพงขยับยืนตัวตรงเมื่อถูกพาดพิง “สามวันหลังจากนี้สหายจะไม่ได้ยินเราพูดอะไรอีกสักคำเพราะเราจะเข้าโหมดขี้เกียจแล้ว”

    “เฮ่ย! เราไม่ได้หมายความแบบนั้น ที่นายพูดน่ะดีแล้วแถมเป็นเรื่องที่ถูกต้องอีกตะหาก ไม่น่าเชื่อเลยว่านิยายเรื่อง ‘Maoyuu Maou Yuusha’ จะทำให้นายเข้าใจเรื่องเศรษฐศาสตร์มากขึ้นแบบนี้”

    อากิรอสยิ่งฟังยิ่งขำตบเข่าฉาดถูกอกถูกใจจนต้องโดนด้านดาบคาตะนะเคาะหัวถึงยอมหยุดหัวเราะ

    “นี่น่ะเหรอข้อตกลงแลกเปลี่ยนของนายกับเน็ตเวิร์คน่ะ” นักดาบผมดำหัวหน้าแคลนพาทุกคนกลับเข้าเรื่อง

    “เน็ตเวิร์คออกทุนสำหรับต่อสู้บอสให้พวกเราเพื่อป้องกันไม่ให้แคลนโน้นผูกขาดสิทธิ์ลงดันเจียนแต่เพียงแคลนเดียว และข้อแลกเปลี่ยนอีกอย่างก็คือช่วยสำรวจข้อมูลมอนสเตอร์ภายในดันเจียนออกมาเผยแพร่แลกเปลี่ยนในกลุ่มผู้เล่น เพราะเชื่อเลยว่ายังไงทางโน้นก็ต้องล่าบอสตัวใดตัวหนึ่งเพื่อเอาสิทธิ์ลงดันเจียนเหมือนกัน”

    “หมายความว่า...ให้แคลนของกุห์ฟานช่วยคานอำนาจกับอีกแคลน” มิยูสรุปประเด็น

    “ประมาณนั้นแหละ”

    “จริงๆแล้วไนซ์ก็เป็นสมาชิกของเน็ตเวิร์คนะเพียงแต่ว่ารับผิดชอบคนละด้านกัน กุห์ฟานชวนมาตั้งแต่สมัยเทสต์เบต้าแล้ว” เมดสาวยอมเปิดเผยข้อมูลของตัวเองให้ทุกคนรับรู้

    “แคลนเราจะคานอำนาจกับแคลนอันดับหนึ่งของประเทศที่มีผู้เล่นทรงคุณค่าอันดับหนึ่งของประเทศ ฟังแล้วก็รู้สึกแปลกๆแฮะ” เอเซกินอิ่มก็ทิ้งตัวลงนอนแผ่อย่างสบายอกสบายใจ

    “ไม่น่าใช่คำพูดจากปากของผู้เล่นที่สู้เสมอกับผู้เล่นอันดับหนึ่งของประเทศเลยนะ” อากิรอสแขวะเพื่อน

    “ก็หมอนั่นไม่ยอมเอาจริงนี่นา”

    “สหายก็ไม่ได้เอาจริงเหมือนกันนั่นแหละ” ทากะพูดแทรกอย่างรู้ทัน

    “เออน่ะ!” นักดาบมนตราตัดบทดื้อๆ




    ประตูบานเลื่อนเปิดออกจนสุด นางพยาบาลในชุดขาวก้าวเข้ามาในห้อง เอเซสะดุ้งสุดตัวเหมือนเด็กทำผิดแล้วผู้ใหญ่เข้ามาเห็น

    “อีกสักพักขอเชิญผู้เล่นเอเซ แมคโดเวลไปพบคุณหมอที่ห้องทำงานชั้นห้า หมายเลขห้องห้าศูนย์ห้าด้วยนะคะ คุณหมอต้องการพบเพื่อคุยเรื่องให้ออกจากโรงพยาบาลก่อนกำหนดค่ะ”

    พยาบาลสาวแจ้งข้อมูลเสร็จแล้วก็ออกไปและประตูกลับเหมือนเดิม เอเซกับเพื่อนร่วมแคลนอีกสามคนสุมหัวกันกันทันที

    “มีออกจากโรงพยาบาลก่อนกำหนดด้วยเหรอวะ?” นักเวทผมเทาแสดงสีหน้าสงสัยสุดขีด

    “ไม่รู้เหมือนกันอะพี่ เดี๋ยวขอเช็คข้อมูลแปปนะ”

    “สหาย...งานนี้เราว่ามันทะแม่งๆนะ”

    “ไม่ต้องให้นายบอกเราก็รู้อยู่แล้วละ งานนี้ไม่ได้เดินกลับออกไปเฉยๆชัวร์”

    “ทุกคนบอกอย่างเดียวกันหมดอะพี่ ไม่เคยมีเรื่องออกจากโรงพยาบาลก่อนกำหนด”

    นักดาบผมสีน้ำตาลมองหน้าเพื่อนทั้งสามคน ทุกคนต่างมีเครื่องหมายคำถามผุดขึ้นบนหน้าเหมือนกัน หันไปมองสองสาวพวกเธอก็ส่ายหน้าว่าไม่รู้ ดูท่าสาเหตุที่ได้ออกจากโรงพยาบาลก่อนกำหนดคงไม่ใช่เพราะความใจดีของเกมมาสเตอร์แน่ๆ




    ลางสังหรณ์ของเอเซ แมคโดเวลบอกกับตัวเองเช่นนี้
    swanton ถูกใจสิ่งนี้
  8. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    ชักสงสัยซะแล้วสิว่าเจออะไรกันใน รพ กันแน่ >_<

    แต่เรื่องระบบเควสต์ปราบบอสบุกเมืองนี่ค่อนข้างจะบีบการเล่นของผู้เล่นธรรมดาไปหน่อยแฮะ หรือยังพอมีพื้นที่อื่นให้ผู้เล่นออกไปกันได้ล่ะมั้ง

    ปล. สงสัยจะเควสต์ลับใน รพ ล่ะมั้งเนี่ย
  9. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    จริงๆแล้ว...ลืมโพสหลังลงตอน 12 ไปว่า

    ผ่านมาก็ 12 ตอนแล้ว สำหรับคนเขียนถือว่าผ่านเนื้อเรื่องช่วงแรก ผูกปมไว้และก็คลายปมบางส่วนเพื่อเปิดสู่เนื้อเรื่องถัดไป
    คล้ายๆกับจบภาคแรก

    อยากจะขอความคิดเห็นจากเพื่อนๆนักอ่านสักหน่อยว่า
    นิยาย Grand Gaia Online ในสายตาของทุกคนเป็นอย่างไร

    สนุก - เกรียน - มันส์ ฯลฯ
    หรือ ห่วยแตก - อ่านแล้วงง - งั้นๆ


    เพื่อที่จะผมจะได้นำไปพัฒนางานเขียนตอนต่อๆไปให้ดีขึ้นครับ

    ด้วยจิตคารวะ
    Aze McDowell
  10. mogca

    mogca モーグリ:零式

    EXP:
    3,681
    ถูกใจที่ได้รับ:
    44
    คะแนน Trophy:
    98
    เพิ่งได้อ่านตอนแรก หนุกดีคับ เป็นกำลังจัยให้คับ~
    joi100 และ swanton ถูกใจสิ่งนี้
  11. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    เหมือนเม้นท์บนครับ

    มาต่อเร็วๆน้า
  12. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    Grand Gaia Online ในสายตาผม สนุกดีกั๊บเป็นกำลังจัยให้กั๊บ (เหมือนคนข้างบนเบยย)
  13. Aki

    Aki Paradox Observer

    EXP:
    485
    ถูกใจที่ได้รับ:
    41
    คะแนน Trophy:
    48
    พยายามเข้า... รอตอนใหม่อยู่นะ
  14. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    คุณประธานกรุณาอ่านและคอมเมนต์ตอนที่ 12 ก่อนนะครับ
  15. near

    near Member

    EXP:
    334
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    18
    นานเหมือนกันนะเนี้ยกว่าผมจะได้ตอบ comment ต้องขอโทษด้วยนะครับ

    หลังไล่อ่านตอนที่ยังไม่ได้อ่านมาจนถึงตอนอยู่ในโรงบาลเสร็จแล้ว

    ถ้าให้วิจารณ์งานนะครับ ผมคิดว่ามันโอเคขึ้นมากเป็นลำดับ ทั้งในด้านภาษาที่ดูเป็นตัวเองมากขึ้น แต่ที่ชอบและโดดเด่นใช่ช่วงที่ผ่าน เห็นจะเป็นส่วนของตอนบอสหมาป่าออกมาแล้วสู้กันได้ลุ้นไรแบบนั้น ก็จบสวยตามสูตร (ฝั่งพระเอกชนะ มีอวยคู่พระนางบ้าง) เป็นที่แน่นอนสำหรับนิยายประเภทนี้ ซึ่งต้องมี ถ้าไม่มีสิแปลก ซึ่งถ้าคนเล่นเกมส์ประเภทแนวนี้เยอะๆก็จะอินได้ง่าย แต่บทต่อสู้น่าจะลองบรรยายพวก บรรยากาศรอบข้างบ้างนะครับ เช่น กระเด็นออกไปไกล ผ่านสิ่งปลูกสร้าง อะไรบ้าง ชนตรงไหน ผ่านน้ำพุอะไรแบบนี้น่ะครับ เพราะมันเหมือนที่สู้ๆกันอยู่มันโฟกัสที่ตัวละครกับบอสอยู่อย่างเดียว พวกคำพูดก็ลองตัดๆดูบ้างก็ดีนะครับ บางคำพูดที่ดูเหมือนคนปกติจะพูดแบบนี้ไหม

    เช่น “เสือตัวใหญ่มนุษย์ฆ่าได้ หมีขั้วโลกตัวใหญ่มนุษย์ฆ่าได้ ปลาวาฬในมหาสมุทรมนุษย์ยังตามไปฆ่าได้ ประสาอะไรกับแค่หมาป่าตัวใหญ่?”

    ถ้าเราลองปรับรูปประโยคใหม่ดูเล็กน้อย

    "ไม่ว่าจะเป็นพยัคฆ์ หมี หรือวาฬยักษ์คาบสมุทรทวีปใด มนุษย์ล้วนปราบพิชิตมาแล้วทั้งนั้น นับประสาอะไรกับสัตว์ป่ากระหายเลือดสี่ขาเพียงตัวเดียว" (อะไรประมาณนี้พยายามรวบคำ ที่ความหมายซ้ำๆ และอยู่ในแบบของคนปกติธรรมดาน่าจะพูดกัน และดูเหมาะสมกับคาแรคเตอร์ เช่นครั้งนี้เป็นคนแก่พูดก็น่าจะดูแตกต่างจากวัยรุ่นบ้าง)

    ในส่วนที่ผมอยากเห็นในช่วงหลังๆของเรื่องนี้ ผมอยากเห็นอะไรที่แตกต่างไปจากตีมอน ตีบอส อะไรแบบนี้บ้างน่ะครับ เพราะถ้าเอาตามที่ผมอ่านแล้วรู้สึก ผมว่าตัวละครเหมือนจะลืมความเป็นมนุษย์ในโลกความเป็นจริงไปเสียหมด เหมือนว่าตอนนี้ทุกคนกำลังอยู่ในโลก Dragon Quest ที่สามารถคุยกันผ่านทาง chatbox ได่เฉยๆ

    เรื่องลางสังหรณ์ของตัวละครก็เป็นอีกอย่างหนึ่งครับ เหมือนพวกอาเซจะเป็นอามุโร่ เรย์ไปหน่อย ผมว่าลองให้ไม่เอะใจแปลกใจอะไรบ้างก้ดีครับ จะได้ใส่พวกความรู้สึกประหลาดใจ ตื่นเต้นเข้าไปได้อินๆหน่อย เวลาที่เจอเข้าจังๆแล้ว

    ก็ต้องรอดูนิยาย part หลังที่กำลังเหมือนจะก่อปมอะไรใหม่ๆเข้ามาบ้าง ที่น่าสนใจตอนนี้ก็มีพวกสาเหตุที่ปล่อย event แปลกๆ สาเหตุที่ระบบรักษาผิดปกติไปในโรงบาล

    ถ้าถามว่าส่วนตัวผมอยากเห็นอะไรหลังจากนี้ก็คงเป็นพวกความลึกของตัวละครเอก ที่อยากให้เจาะลึกลงดูบ้างครับ ซึ่งก็อาจไปจบลงในส่วนของการใส่ดราม่าลงไปบ้างในเรื่องครับ

    ท้ายสุดอย่าไปเชื่อคนอ่านมากครับ เชื่อตัวเองเยอะๆ ถ้าอ่านแล้วคิดว่าชอบเหมาะสมแล้ว ที่เหลือก็นานาจิตตังแล้วล่ะครับ (เขียนมายาวได้ขนาดนี้คนปกติก็ใช่ว่าจะทำได้แล้วล่ะ) ;)
    joi100 และ Azemag ถูกใจสิ่งนี้
  16. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    เดาเกือบถูกแล้วครับ

    น้อมรับคำชี้แนะครับ จะพยายามเขียนให้ดีขึ้นเรื่อยๆครับ
  17. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    Grand Gaia Online 13 – Doctor Request





    นักดาบมนตราเดินขึ้นบันไดทีละก้าวขึ้นชั้นห้าเพื่อไปห้องห้าศูนย์ห้า ห้องทำงานของแพทย์เพียงคนเดียวของโรงพยาบาลประจำเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์ นึกสงสัยว่าหมอเพียงคนเดียวนี้น่าจะเป็นคนเดียวกับหมอที่ผ่าตัดให้เขาเมื่อคืนก่อน เขาไม่มีทางลืมดวงตาสีฟ้าเย็นชา ถ้าได้เห็นหน้าคงบอกได้ว่าใช่คนเดียวกันหรือไม่

    เท้าขวาเหยียบถึงพื้นชั้นห้า เท้าซ้ายก้าวตามมา ห้องหับเรียงรายอยู่ตรงหน้าจากซ้ายไปขวาตามความยาวของตึก ตรงหน้าคือห้องหมายเลขห้าศูนย์เจ็ดถัดไปทางขวาคือห้าศูนย์แปด ห้องที่เขาตามหาจึงอยู่ทางซ้ายถัดไปสองห้อง ชายหนุ่มได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาชั้นห้าเพียงคนเดียว เพื่อนร่วมแคลนกับสองสาวเลยลงไปรอที่ชั้นหนึ่ง

    “ประหยัดงบประมาณสร้างเอ็นพีซีรึไงถึงได้มีหมอแค่คนเดียว”

    เอเซพึมพำกับตัวเอง สูดลมหายใจลึกๆและผ่อนระบายออกช้าๆ ความกังวลใจเรื่องออกจากโรงพยาบาลก่อนกำหนดกลายเป็นถุงทรายเหล็กถ่วงขา จะเดินก้าวต่อไปลำบากยากเข็ญเหมือนเดินเข้าไปพบผู้จัดการเพื่อขอลาพักร้อนยังไงยังงั้น แต่พอคิดว่าต้องอยู่โรงพยาบาลต่ออีกหนึ่งคืน เอเซ แมคโดเวลก็มายืนอยู่หน้าห้องห้าศูนย์ห้าแล้ว เขาสูดลมหายใจลึกๆ เคาะประตูห้องเบาๆ

    เงียบ... ไม่มีสัญญาณตอบรับจากด้านใน

    เอเซกำหมัดให้แน่น บรรจงเคาะประตูช้าๆ ชัดๆ

    “ก็บอกให้เข้ามาได้ไงโว๊ย!”

    เสียงโวยวายดังจากในห้องอย่างหงุดหงิด เอเซเอื้อมมือหมุนลูกบิดจะเปิดประตู มีดผ่าตัดสามเล่มทะลวงประตูออกมาโชว์ปลายแหลมคมสะท้อนแสงอยู่ในระดับสายตาพอดี ถ้าไม่มีประตูขวางไว้มีดผ่าตัดทั้งสามเล่มคงปักคาอยู่ในเบ้าตาและกลางหน้าผากไปแล้ว

    ประตูเปิดออก ด้านในเป็นห้องขนาดกว้างสามเมตร ลึกประมาณห้าเมตร ประตูอยู่ติดผนังฝั่งขวา ถัดไปคือโต๊ะทำงานที่โคตรรก เต็มไปด้วยแฟ้ม เอกสาร และหนังสือปนกันมั่วไปหมด พอกวาดตาดูในห้องตรงไหนก็ไม่ต่างกัน แฟ้มขนาดต่างๆกระจัดกระจายวางอยู่ตรงโน้นตรงนี้ สุดหลังห้องเป็นโต๊ะไม้ยาวสำหรับวางกระติกน้ำร้อนและพวกถ้วยแก้วจานชามยังมีเอกสารวางเป็นตั้งสูง ชั้นหนังสือที่ผนังซ้ายมือห้องยิ่งดูไม่จืด

    เจ้าของห้องคือชายหนุ่มร่างผอมบางสูงโปร่งวัยยี่สิบปลายๆในชุดเสื้อกาวน์ไม่เคยซัก ผมสีน้ำตาลโทนเดียวกับเอเซรุงรังเหมือนรังนก ดวงตาสีฟ้าเย็นชาเฉยเมยต่อทุกสิ่งจับจ้องเอกสารในมืออยู่เบื้องหลังเลนส์สีชา กาแฟดำในแก้วขาวอยู่ท่ามกลางกองกระดาษสูงท่วมหัว

    ดวงตาสีฟ้าคู่นั้น...เขาคือหมอที่ผ่าตัดให้เมื่อคืนอย่างที่เอเซคิดจริงๆด้วย

    “บอกให้เข้ามาตั้งแต่แรกแล้วจะเคาะประตูอีกทำพระแสงของ้าวอะไรวะ คนยิ่งยุ่งๆอยู่ โว๊ะ! ฝ่ายบัญชีคิดงบผิดแต่ทำไมต้องตามแก้ให้มันด้วยเนี่ย”

    นายแพทย์หนุ่มโยนกระดาษในมือทิ้ง คว้าแฟ้มมาเปิดดู

    “ฝ่ายพัฒนาบุคลากรขอเชิญเข้าร่วมประชุมเชิงบูรณาการ...ว๊ากกกกกกก!” เอกสารปลิวว่อนกลางอากาศ แฟ้มสีดำกระแทกชั้นหนังสือดังโครม ชายหนุ่มในชุดเสื้อกาวน์เอาหัวโขกกับโต๊ะ สองแขนปัดกองเอกสารกระจายเต็มพื้น เขาสติแตกหมดความอดทนกับงานที่กองสุมเป็นภูเขา

    เอเซยืนนิ่งแข็งทื่ออยู่หน้าประตูมองดูหมอระเบิดตัวเองตาย “...ท่าทางคุณหมอจะยุ่งๆนะครับ”

    “แล้วแกเห็นว่าข้าว่างเรอะ? แล้วจะยืนบื้ออยู่ทำไม มานั่งตรงนี้จะได้คุยให้จบๆเรื่องไปสักที ตั้งแต่แกเข้ามาเนี่ยรู้ไหมว่าความสงบหายไปจากชีวิตข้าทันทีเลย”

    “เอ็นพีซีทุกคนเป็นแบบนี้ป่าววะเนี่ย ตอนเปลี่ยนอาชีพก็ทีนึงแล้ว” เอเซคิดในใจ

    “เป็นแบบนี้แหละ”

    เอเซสะดุ้งเล็กน้อย ลืมไปว่าเอ็นพีซีพวกนี้อ่านความคิดผู้เล่นได้ แพทย์หนุ่มปัดกองกระดาษลงบนพื้นอย่างไม่แยแสสักนิดว่าจะมีเอกสารสำคัญรวมอยู่ด้วยรึเปล่า หยิบป้ายชื่อขึ้นวางไว้ทางซ้ายมือ – Dr.Evan Yzac

    “ก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้หรอกนะแต่มันเป็นความสามารถติดตัวน่ะ”

    “นายแพทย์อีวาน...อีวาน ไอแซค?”

    “เก่งนี่อ่านออกเสียงถูกด้วย สงสัยโรงเรียนสอนมาดี”

    “อะแฮ่ม! แล้วคุณหมอเรียกผมมาพบมีธุระอะไรรึเปล่า?”

    “ตะกี๊ฉลาดตอนนี้ดันโง่ ถ้าไม่มีธุระจะเรียกมาทำไมเนี่ยเสียเวลาทำงานทำการเปล่าๆ แล้วตายสภาพไหนไม่ตายดันท้องทะลุแผลเหวอะมาเชียว ลำบากข้าต้องผ่าตัดด่วนอีก ทีหน้าทีหลังเวลาตายหัดตายศพสวยๆหน่อยข้าจะได้ไม่ลำบาก แถมจะมอบเหรียญเกียรติคุณให้ด้วยในฐานะที่เป็นคนไข้คนแรกของโรงพยาบาล”

    “พูดอย่างกับผมเลือกตายได้งั้นแหละ”

    “เพิ่งสมัครไอดีเล่นเกมส์ได้สามวันดันสดไปฟัดกับเฟนริลก็งี้แหละ ดีนะแค่ท้องทะลุ ถ้าขาขาดแขนขาดมาข้าจะปล่อยให้พิการไปเลย”

    นักดาบมนตราอึ้งไปนิดๆแต่ก็ไม่แปลกใจถ้าคู่สนทนาที่เป็นเอ็นพีซีจะรู้สาเหตุที่เขาตาย “เข้าเรื่องดีกว่าคุณหมอ ถ้าผมจะออกจากโรงพยาบาลก่อนกำหนดต้องทำอะไรมั่ง”

    ดวงตาสีฟ้ามองทะลุเลนส์สีชาอย่างเฉื่อยชา เขาก้มหยิบกล่องพลาสติกสีขาวทึบใบหนึ่งขึ้นมา เมื่อเปิดฝาออกจะเห็นว่าภายในถูกแบ่งเป็นสี่ส่วนเท่ากัน “ได้ยินมาว่าเนื้อมังกรในเกมนี้อร่อยนัก พวกเนื้อแพะก็ไม่เลว”

    เอเซเผลอเอียงคอมองเอ็นพีซีท่าทางไม่ค่อยเต็มเหมือนถูกตั้งค่ามาผิดพลาด

    “ข้าอุดอู้อยู่ในโรงพยาบาลนี้มาตั้งแต่เปิดให้เล่นเกม กินแต่แซนด์วิชทูน่ากับกาแฟจนหน้าจะเป็นปลาแมคคาเรลแล้ว ข้าอยากกินเนื้อย่างบ้างอะไรบ้างแต่ติดปัญหาอย่างเดียวตรงที่ข้าไปไหนไม่ได้ งานประจำก็กองสุมเต็มโต๊ะ ไหนจะต้องคอยดูแลโรงพยาบาลอีก แค่ทำรายงานประจำวันก็ยุ่งตายชักแล้วเมื่อคืนแกยังอาการสาหัสปางตายต้องผ่าตัดฉุกเฉินอีก พวกเกมมาสเตอร์ก็ทวงรายงานการรักษายิกๆคิดว่าทุกอย่างเขียนได้ในสามนาทีเหมือนต้มมาม่ารึไงวะ”

    ว่าแล้วนายแพทย์อีวานก็ทิ้งตัวลงเอาหัวโขกกับโต๊ะทำงานอีกที

    นักดาบมนตราชี้กล่องตรงหน้า “สรุปว่าจะให้ผมไปหาเนื้อมาให้คุณหมอทำเนื้อย่างเกาหลี...ต้องการบอกอย่างนี้รึเปล่า”

    “ใช่! มีเนื้อเป็นของหลักหมักกับพริกไทยดำ พริกสด กระเทียมและขิงไว้ทำน้ำจิ้ม ผักกาดขาวกินแก้เลี่ยน แล้วพอดีใบชากับกาแฟก็ใกล้หมดแล้วฝากหามาเผื่อด้วยละกัน”

    เอเซเบิกตากว้าง ในใจเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “เอาจริงดิ”

    “จริงดิเว้ยเฮ้ย คิดว่าพูดเล่นรึไง”

    นักดาบแคลนมัลดิโตไม่ตกใจแล้วที่ถูกอ่านความคิด แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยกมือซ้ายกุมขมับ

    “ไอ้ของพวกนี้...สร้างขึ้นมาเองก็ไม่น่ายากเกินความสามารถของเอ็นพีซีไม่ใช่รึไง”

    “ข้าเป็นคนเหมือนแกนั่นแหละ”

    “หา? คุณหมอพูดว่าอะไรนะ?”

    “พูดให้ชัดๆก็คือเป็นเอ็นพีซีประเภทมีผู้เล่นควบคุม เอ็นพีซีตอนเลือกแกอาชีพนักดาบมนตรานั่นก็ใช่ ถึงเกมนี้จะใช้เอนจิ้นระดับสุดยอดสร้างขึ้นมา แต่การตอบสนองต่อความคิดและอารมณ์ของผู้เล่นยังเป็นเรื่องซับซ้อนเกินกว่าซุปเปอร์คอมพิวเตอร์จะคิดเองได้ เพราะฉะนั้นจึงต้องมีคนคอยควบคุมและตรวจสอบอยู่ภายในด้วย นั่นแหละคือหน้าที่ของพวกข้าละ”

    เอเซมองหน้าอีวานประมาณว่าเชื่อก็ได้ หันมองรอบห้องก็พอจะเข้าใจอะไรบางอย่าง “เป็นเอ็นพีซีแต่ก็ต้องทำงานประจำด้วยสินะ ได้เงินเดือนเป็นสองเท่าด้วยรึเปล่าเนี่ย”

    อีวาน ไอแซค เอาหัวโขกโต๊ะอีกครั้ง ท่าทางสลดอย่างหนัก “อย่าพูดเรื่องเงินสิเว้ย”

    เขาหลุดขำออกมา แต่พอถูกมองค้อนก็ต้องรีบกลั้นหัวเราะทันที “สรุปก็คือคุณหมออยากกินเนื้อย่างแต่ออกไปเดินช็อปปิ้งในเมืองไม่ได้เลยจะฝากผมไปซื้อไปหามาให้ แถมติดหรูอยากกินเนื้อมังกรด้วย?”

    “เนื้อแพะก็ดีเนื้อสันวัวก็ได้ แต่ถ้าได้เนื้อมังกรแดงจะยิ่งแจ่ม” อีวานฝันไปถึงเนื้อย่างหอมกรุ่นกินกับน้ำจิ้มเผ็ดเปรี้ยวถึงกับเคลิ้มโดยไม่รู้ตัว

    “นี่เป็นภารกิจประเภทรวบรวมไอเทมให้เอ็นพีซี แต่ถ้าผมไปหาของพวกนั้นมาได้ ผมจะเอาของมาส่งคุณหมอยังไง?”

    “ก็ตายมาสิวะ”

    “ไม่บอกให้ผมกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตายมาเลยละคร้าบ!”
    “พูดเล่นเว้ย! พูดเล่น” อีวาน ไอแซคล้วงบางอย่างในลิ้นชักออกมาวางบนกล่อง เป็นบัตรพร้อมสายห้อยคอแบบยาว “มีไอ้นี่ก็ไม่ต้องกระโดดหน้าผาเอาของมาส่งแล้ว วิธีใช้ก็ไปถามคนในแคลนละกัน ไอ้หัวแดงนั่นแหละมันรู้เยอะ”

    อีวานหยิบกระดาษกับปากกากำลังจะเขียนรายการไอเทมแต่ชะงักเหมือนเพิ่งนึกบางอย่างได้ คุณหมอขอให้คนไข้ช่วยตามหาไอเทมอีกสามสี่อย่างที่จำเป็นสำหรับใช้ในโรงพยาบาลให้ด้วยในทีเดียว เอเซยักไหล่ตอบว่าไม่มีปัญหา อีวานเรียกหน้าต่างคำสั่งประจำตัวเอ็นพีซีขึ้นมา กรอกข้อมูลลงไปพักใหญ่ ตรงหน้าเอเซมีหน้าต่างเปิดขึ้นมาเช่นกัน เป็นหน้าต่างภารกิจ ‘คำขอร้องของนายแพทย์’ เขากดปุ่มตกลงโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา

    “จะบอกว่าไม่ต้องรีบก็ได้นะ อีกไม่นานจะปิดปรับปรุงเซิร์ฟเวอร์กับอัพเดทแพทซ์นิดหน่อย ไว้หลังจากนั้นค่อยไปหาไอเทมก็ได้” อีวานบอกไล่หลังเอเซที่กำลังจะก้าวออกจากห้อง ชายหนุ่มยกมือขึ้นทำสัญลักษณ์โอเค ปิดประตูห้องเดินลงบันได ปล่อยให้หมอหนุ่มผู้หิวกระหายต้องเผชิญหน้ากับโรงงานนรกต่อไป

    นักดาบมนตราลงมาถึงชั้นหนึ่งออกไปสมทบกับเพื่อนๆที่รออยู่ด้านนอกริมแปลงดอกไม้ ทั้งหกคนเดินขึ้นไปยืนบนแท่นหิน มีหน้าต่างเปิดขึ้นมาถามว่าต้องการกลับสู่เมืองใด กุห์ฟานเลือกตอบว่าเมืองอารันด์ แท่นเปล่งแสงสว่างและเทเลพอร์ตส่งผู้เล่นทั้งหกคนไปยังปลายทางทันที








    บ่ายสี่โมงกว่าๆ เวลาภายในเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์

    สมาชิกแคลนมัลดิโตทั้งสี่คนและเพื่อนสาวอีกสองคนกลับถึงร้าน Nice’ Shop สองสาวชวนกันเข้าครัวทำฟูลคอร์สเลี้ยงฉลองเอเซออกจากโรงพยาบาล พอไนซ์บอกว่ามิยูเริ่มทำอาหารได้หลายแล้วแถมอร่อยด้วยและเอเซเอ่ยปากอยากชิมก็ยิ่งกระตุ้นให้เธอกระตือรือร้นมากขึ้นอีก
    ระหว่างรอสองแม่ครัวแสดงฝีมือ สี่ชายหนุ่มก็ล้อมวงสุมหัวอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ได้ล้อมวงเล่นไพ่แต่คุยกันเรื่องภารกิจของเอเซและควันหลงจากการต่อสู้กับเฟนริล

    “นี่ส่วนแบ่งของพี่”

    กุห์ฟานวางถุงใส่เงินสองใบไว้บนโต๊ะ เอเซหยิบแว่นขยายขึ้นตรวจสอบ เป็นถุงใส่เหรียญเงินจำนวนสองพันเหรียญและหนึ่งพันเหรียญ ถุงเงินสองพันเหรียญเป็นไอเทมดรอปจากเฟนริลโดยได้เท่ากันทั้งหกคน อีกหนึ่งพันเป็นรางวัลจากเจ้าเมืองอารันด์

    ไอเทมอีกหลายอย่างถูกวางกองตรงหน้าเขา ประกอบด้วย

    [ Potion Plus ] Item Rank E มีคุณสมบัติฟื้นฟูพลังพื้นชีวิตและพลังเวท จำนวน 8 ขวด
    [ Magical Gemstone] Item Rank D หินรูปร่างประหลาดแฝงพลังธรรมชาติ ใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับสร้างอุปกรณ์เวทมนต์ จำนวน 5 ก้อน
    [ Life Crystal ] Item Rank E สำหรับชุบชีวิตผู้เล่นและฟื้นฟูพลังชีวิตและพลังเวท 5% จำนวน 1 ก้อน
    [ Power Crystal ] Item Rank D ใช้สำหรับเพิ่มพลังให้อาวุธและเครื่องป้องกัน หรือใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับสร้างอาวุธหรือเครื่องป้องกันระดับ Rank D-E-F จำนวน 2 ก้อน
    [ Wolf Fur ] Item Rank D ขนสีเงินของหมาป่า มีคุณสมบัติป้องกันอันตรายจากเวทมนต์ ใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับสร้างเครื่องสวมใส่ จำวน 1 ผืน

    เอเซทึ่งกับไอเทมปริมาณมหาศาลถามกุห์ฟานว่าทั้งหมดขายได้เท่าไร รุ่นน้องเลยบอกว่าขายหมดก็คงได้ถึงเงินหมื่น เขาไม่แนะนำให้ขายแต่ให้เก็บไว้ใช้เองจะดีกว่า

    “ที่รอดตายกันมาได้ก็เพราะศิลามนตราจากหมูป่าดำนี่แหละ พี่รู้ป่าวว่าก้อนนึงราคาเท่าไร?”

    ทั้งอากิรอสและเอเซส่ายหน้าพร้อมกัน

    “ก้อนละหมื่น พี่อากิใช้ไปหมดหกก้อนก็หกหมื่น”

    “หกหมื่น!?” อากิรอสอุทานเสียงดังลั่นร้าน เอเซหัวเราะสะใจเสียงดัง

    “เงินหกหมื่นกิลแลกกับการไม่ต้องไปนอนโรงพยาบาลนับว่าคุ้มค่าแล้วนะสหายอากิ” ทากะพูดแทรกขึ้น เอเซเงียบทันทีและคนหัวเราะกลายเป็นอากิรอส

    “ข่าวร้ายอีกอย่างก็คือดาบของพี่ทากะพังหมดสภาพไปแล้ว ก่อนหน้านี้ใช้สู้กับมังกรหกเขาก็ใกล้จะพังเต็มทีพอสู้กับเฟนริลอีกก็ไม่เหลือ พวกเพื่อนผมในกุห์ฟานเน็ตเวิร์คจะให้ดาบอีกเล่มมาใช้แต่พี่ทากะไม่เอา”

    “ดาบเริ่มต้นแบบนั้นใช้ไปเดี๋ยวก็พังอีก สู้สร้างดาบดีๆใช้ไปเลยดีกว่า”

    “พูดถึงดาบ เอาเงินสองพันนี่จ่ายค่าดาบให้พี่ด้วยเลยนะ ฝากบอกด้วยว่าขอบคุณมากที่ให้ยืมดาบใช้ก่อน”

    กุห์ฟานรับถุงเงินจากเอเซ เดินไปบอกไนซ์ในครัวแล้วกลับมานั่งที่เดิม

    “แล้วจะทำอะไรต่อดีละ? ลงดันเก็บเวลหาเงินงั้นเหรอ?”

    “พี่อากิจะให้พี่ทากะเอาหมัดเปล่าๆไปต่อยกับมอนสเตอร์เหรอ เพิ่งพูดไปแหมบๆว่าดาบพังต้องหาดาบใหม่ก่อน พี่เอเซก็ต้องไปทำภารกิจให้โรงพยาบาลอีก”

    “งั้นก็ไปหาดาบใหม่ให้ทากะมันก่อนแล้วก็ไปช่วยกันทำภารกิจกับเอเซ”

    ทั้งทากะและเอเซตอบพร้อมกัน “เสียใจ”

    หัวหน้าแคลนผายมือให้ลูกแคลนพูดก่อน “ภารกิจของเราเป็นภารกิจระดับบุคคล มีข้อห้ามร่วมมือกับคนอื่นแม้จะเป็นคนในแคลนเดียวกันก็ตาม งานนี้เราต้องลุยเดี่ยว”

    “เรื่องดาบเราก็ว่าเราพูดชัดเจนแล้วนะว่าจะตีดาบใหม่เอง คงต้องไปเมืองเหนือทำภารกิจรวบรวมแร่ตีดาบแล้วก็ข้ามไปเกาะตะวันออกหาช่างตีดาบอีก และเราก็คิดว่าเราจะไปคนเดียวเหมือนกัน”

    “ว๊า! วัยรุ่นเซ็ง แล้วจะมีอะไรให้เราทำบ้างเนี่ย”

    “พี่อากิลืมไปแล้วอะดิว่ารับปากอะไรผมไว้ พี่ต้องไปหาไอเทมปลดล็อกเงื่อนไขเข้าดันเจียน ‘สุสานที่สูญหาย’ ให้ผมนะ ตอนไปทำภารกิจให้สมาคมพ่อค้าเมืองแบล็กแซนด์พวกพี่ไปกันผิดที่นี่นา”

    “โวะ! ไม่ใช่ความผิดของเราสักหน่อย”

    “หนุ่มๆคุยอะไรกันเสียงดังเชียว”

    สองสาวในชุดเมดสวมผ้ากันเปื้อนยกอาหารออกมาวางเรียงบนโต๊ะ ชายหนุ่มทั้งสี่หยุดการพุดคุยต่างคนต่างลุกเข้าครัวไปช่วยยกกับข้าวในครัวออกมาอีกแรง มื้อเย็นสุดหรูประกอบด้วยไก่งวงอบสองตัวล่าโดยทากะ สตูเนื้อกระต่ายฝีมือการล่าของกุห์ฟาน ซุปหางวัวแดงฝีมือมาทาร์ดอชื่อว่าอากิรอส มันฝรั่งผัดเนยฝีมือมิยูโดยมีแม่ครัวใหญ่อย่างไนซ์คอยกำกับดูแลขั้นตอนการปรุง ทั้งหมดทานกับขนมปังกระเทียมหอมฉุย เครื่องดื่มหลักเป็นน้ำองุ่นคั้นกับโซดาสำหรับผสมตามใจชอบ มีสตอเบอรี่และแคนตาลูปแช่เย็นเป็นของหวานปิดท้าย

    ทั้งหกคนรับประทานอาหารอย่างอิ่มเอม มีแต่ในเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์เท่านั้นที่พวกเขาจะได้กินอาหารหรูหราเช่นนี้ได้เกือบทุกมื้อ การพุดคุยอย่างสนุกสนานด้วยบรรยากาศเป็นกันเองยิ่งเสริมให้ทุกอย่างลงตัว ตัวชูโรงเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนคือนักเวทผมเทา มีหัวหน้าแคลนผู้เงียบขรึมช่วยตัดมุขตบมุขเป็นบางครั้ง

    หนังท้องตึงแต่หนังตาไม่หย่อนเหมือนโลกแห่งความเป็นจริง กิจกรรมกระชับความสัมพันธ์จึงถูกจัดขึ้นมาเล่นตลอดคืนไม่ว่าจะเป็นเกมกระดานสุดคลาสลิคอย่างโมโนโพลี รวมไปถึงโอเทลโล่ หมากรุกฝรั่ง ไพ่จับคู่ ไพ่เซอคัส และอีกสารพัดเกมการ์ดและเกมกระดานซึ่งไนซ์ได้มาจากผู้เล่นคนอื่นที่นำมาแลกกับอาหารสุดอร่อยของเธอ

    เอเซบอกเธอว่าถ้ามีชุดหมากล้อมหรือไม่ก็ไพ่นกกระจอกบ้างก็คงดี เมดสาวเจ้าของร้านและแม่ครัวฝีมือเยี่ยมรับปากว่าจะลองหาดูให้




    รุ่งเช้า ทั้งเมืองสว่างไสวอีกครั้ง เหล่าผู้เล่นทยอยออกจากห้องพักในโรงแรมเตรียมตัวผจญภัยในโลกเสมือนจริง และเป็นอีกครั้งที่มิยูต้องแยกกับไนซ์และสี่หนุ่มแคลนมัลดิโตเพราะต้องไปหาเพื่อนๆที่มาเล่นเกมนี้ด้วยกัน เอเซขออาสาไปส่งเธอที่ประตูเมือง

    ก่อนเธอจะไปอากิรอสยังไม่ลืมทวงสัญญาว่าให้เธอพาเพื่อนแนะนำให้เขารู้จักบ้าง

    “มิยู พรุ่งนี้ว่างรึเปล่า” เอเซเป็นฝ่ายชวนเธอคุยด้วยคำถาม

    “พรุ่งนี้เหรอ? ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าวันนี้พวกเพื่อนๆจะไปเก็บเลเวลที่ไหนกันน่ะสิ เห็นบอกว่าลุยไปเมืองทางเหนือกันอาจจะไม่ได้กลับมาที่เมืองนี้นะ”

    “อ่า...ขอโทษที พรุ่งนี้หมายถึงวันพรุ่งนี้ในโลกจริงน่ะ วันอาทิตย์ไม่มีเรียนใช่ไหม”

    “อ๋อ...พรุ่งนี้ไม่มีเรียน มิยูว่างค่ะ” หญิงสาวมองเขาด้วยสายตาที่อ่านความคิดออกว่าเขากำลังจะพูดอะไรต่อไป

    “พรุ่งนี้ผมกับพวกอากินัดทานข้าวกันไว้เลยอยากชวนมิยูไปด้วย”

    เธอยิ้มมุมปากเพราะสิ่งที่เธอคาดไว้เป็นจริง “ที่พนันกันว่าใครเลเวลน้อยกว่าต้องเลี้ยงข้าวน่ะเหรอ?”

    “รู้ด้วยเหรอ?”

    “พี่อากิชวนแล้วค่ะ”

    มิยูตอบเพียงแค่นั้นและเดินต่อไปเงียบๆ เอเซเข้าใจความหมายได้ว่าเธอตอบปฏิเสธอากิรอสไปแล้วและตอนนี้ก็ปฏิเสธคำชวนของเขาเช่นกัน ไม่กี่อึดใจก็ถึงประตูเมืองทิศเหนือ ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่ก่อนถึงป้อมทหารยามเล็กน้อย หญิงสาวเดินเลยไปและหันกลับมาสบตาเขาพร้อมรอยยิ้ม

    “ไว้เจอกันใหม่นะ”

    “ค่ะ! ไว้โอกาสหน้าถ้ามิยูสะดวกไปด้วยแล้วจะบอกนะคะ”

    เอเซผงกหัวรับคำตอบของเธอไว้ หนุ่มสาวโบกมือลา เขายืนมองตามจนกระทั่งเธอรวมกลุ่มกับเพื่อนๆแล้วจึงถอนเท้าเดินกลับร้าน Nice’s Shop พอเขาเปิดประตูก้าวเท้าเข้าร้านก็เจออากิรอสรอต้อนรับอยู่ นักเวทผมเทาเห็นสีหน้าของเพื่อนก็เดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

    “ไม่ต้องมายิ้มเลย”

    อากิรอสยิ่งฉีกยิ้มกว้าง ตอนแรกเอเซว่าจะเดินผ่านไปเฉยๆแต่เพื่อนตัวแสบไม่ยอมหยุดยั่ว เขาเลยสะบัดมือขวาใช้สันมือกระแทกคางเพื่อนนักเวทไปเบาๆหนึ่งที คนถูกทำร้ายวิ่งไปฟ้องหัวหน้าแคลนแต่แทนที่จะได้รับความช่วยเหลือกลับถูกปลอกดาบฟาดกระหม่อมซ้ำอีกที

    “เห็นๆอยู่ว่าสหายเอเซกำลังหงุดหงิดก็ไปแหย่ พอโดนลงไม้ลงมือก็มาบีบน้ำตาขอความสงสาร ทำตัวเป็นนางร้ายละครหลังข่าวไปได้”

    นักดาบเวทเดินไปหากุห์ฟานเพื่อปรึกษาเรื่องภารกิจ

    “ต้องเหนื่อยหน่อยนะพี่เอเซ ป่าที่พี่ต้องไปหาไอเทมอยู่ไกลกันดารสุดๆแถมอันตรายขั้นสุดอีกต่างหาก” รุ่นน้องนักล่าสมบัติชี้ให้ดูในแผนที่ ป่ากว้างใหญ่กินพื้นที่เป็นวงกว้างตั้งแต่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองอารันด์ไปจนถึงแนวเทือกเขาใหญ่หลายลูกทับซ้อนกัน

    “ป่าดิบชื้นกลางทวีป ขึ้นชื่อว่าหาแหล่งน้ำยากมาก สัตว์ป่าดุร้ายทั้งกลางวันกลางคืน นอกจากนั้นยังเต็มไปด้วยแมลงพิษแถมเส้นทางยังซับซ้อนวกวน ถ้าสหายหลงทางละก็ได้กลับไปนอนโรงพยาบาลแน่ๆ” ทากะพูดเสริมขึ้นพร้อมกับโยนหนังสือเล่มหนึ่งให้ เป็นหนังสือปกแข็งหนาประมาณสามร้อยหน้าขึ้นไป บนปกสีน้ำตาลเขียนไว้ว่า ‘คู่มือการใช้ชีวิตในป่าสำหรับอาชีพนักสำรวจ’

    อากิรอสมาร่วมวงดูแผนที่แล้วนึกขึ้นได้ “ป่านี้นายเคยเข้าไปสำรวจตอนเทสต์เบต้านี่นา ตอนนั้นที่สมาคมนักสำรวจมาจ้างนายให้ช่วยคุ้มกันให้ไง”

    “ไปสามสิบ รอดกลับมาได้คนเดียวคือเราเอง” ทากะบอกด้วยสีหน้าเรียบๆ เอเซถึงกับขมวดคิ้วทันที

    “ป่านี้ทำได้สมจริงทุกประการไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ ภูมิประเทศและภูมิอากาศเหมือนต้นฉบับมากจนเผลอคิดว่าเป็นสถานที่จริงเลยละ”

    “ต้นฉบับ?”

    นักสำรวจผมดำยิ้มมุมปากคล้ายรอพูดหัวข้อที่สนุกที่สุด

    “เราว่าสหายต้องเคยเคยอ่านนิยายเดินป่าที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นวรรณกรรมเอกของประเทศ มีตัวเอกชื่อ รพินทร์ ไพรวัลย์ อย่างแน่นอน”

    เอเซขมวดคิ้วหนักกว่าเก่า “อย่าบอกนะว่าป่าที่เรากำลังจะไปคือ...”

    “ใช่แล้วสหาย ป่าที่นายกำลังจะไปชื่อว่าแบล็คฟอเรสหรือป่าดำยังไงละ และมีข่าวลือตั้งแต่สมัยเทสต์เบต้าแล้วว่าทีมโปรแกรมเมอร์และเกมมาสเตอร์ได้ขออนุญาตผู้ประพันธ์นิยายเพื่อสร้างป่าแห่งนี้ให้สมจริงที่สุดเลยนะสหาย”

    นักดาบเวทยกมือตบหน้าผากตัวเองเสียงดัง “ฉิบหายแล้วไง มีเอ็นพีซีคนไหนขายปืนไรเฟิลจุดสี่ห้าแปดแอฟริกันแม็คนั่มพร้อมกระสุนไม่จำกัดจำนวนมั่งวะเนี่ย”

    “ก่อนจะพูดถึงอาวุธแบบนั้น ผมว่าพี่ควรสนใจเรื่องเสบียงและของที่จะติดตัวไปเพื่อเอาชีวิตให้รอดมากกว่านะ”

    กุห์ฟานเริ่มอธิบายเรื่องการการแบกน้ำหนักและปริมาณไอเทมในเกมให้รุ่นพี่ฟัง




    ในเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์ผู้เล่นหนึ่งคนสามารถแบกน้ำหนักได้สูงสุดสิบห้ากิโลกรัมในจำนวนช่องเก็บไอเทมห้าสิบช่องโดยไม่มีกระเป๋าเสริมใดๆ

    ไอเทมแบ่งเป็นสองชนิด ชนิดแรกคือไอเทมไม่คิดน้ำหนัก ได้แก่โพชั่นต่างๆ ยารักษาอาการผิดปกติ ศิลามนตรา น้ำยาเวทมนต์ ลูกธนูสำหรับผู้ใช้อาวุธประเภทธนูหรือหน้าไม้ อาวุธขว้างบางชนิด เป็นต้น แต่ไอเทมเหล่านี้ถูกจำกัดปริมาณการเก็บต่อหนึ่งช่องว่างและจำกัดปริมาณช่องว่างสูงสุดด้วย ยกตัวอย่างโพชั่นสามารถเก็บได้สูงสุดแปดสิบขวดต่อหนึ่งช่องว่างและมากสุดไม่เกินสองช่องว่าง เท่ากับผู้เล่นหนึ่งคนพกโพชั่นหนึ่งชนิดได้มากสุดหนึ่งร้อยหกสิบขวด

    ชนิดที่สองคือไอเทมที่คิดน้ำหนัก ได้แก่ไอเทมที่ได้จากมอนสเตอร์ ได้จากเอ็นพีซีหรือได้มาเพราะใช้สกิลรวบรวมของสายอาชีพค้นหาสำรวจ ไอเทมชนิดนี้ไม่จำกัดปริมาณต่อหนึ่งช่องว่างแต่จำกัดน้ำหนักรวมทั้งหมดที่ผู้เล่นหนึ่งคนสามารถแบกได้ ไอเทมบางอย่างจะถูกลดน้ำหนักลงเหลือหนึ่งในสอง หนึ่งในสี่ หรือหนึ่งในสิบของน้ำหนักจริงแล้วแต่ประเภท และไอเทมบางอย่างใช้ที่ว่างมากกว่าหนึ่งช่องขึ้นไป

    ส่วนอาหารและน้ำดื่ม รวมไปถึงวัตถุดิบที่ใช้ปรุงอาหารเป็นไอเทมพิเศษ ทั้งคิดน้ำหนักและจำกัดปริมาณต่อหนึ่งคน

    ถ้าผู้เล่นแบกน้ำหนักเกินกว่าขั้นต่ำสิบห้ากิโลกรัมจะส่งผลให้ลดความเร็วในการเคลื่อนที่ของผู้เล่น 20% ลดความสามารถในการต่อสู้โดยรวม 10% พลังชีวิตและพลังเวทฟื้นฟูช้ากว่าปรกติห้าเท่า ผลของไอเทมและสกิลฟื้นฟูทุกชนิดลดลง 30% และค่าพลังกายลดลงเรื่อยๆจนกระทั่งต่อสู้ไม่ได้

    ถ้าแบกน้ำแบบหนักโอเวอร์โหลดมากกว่ายี่สิบกิโลกรัมขึ้นไป ความเร็วในการเคลื่อนที่ลดลง 50% ความสามารถในการต่อสู้เหลือ 1 ใน 3 พลังชีวิตและพลังเวทไม่ฟื้นฟู ผลของไอเทมและสกิลฟื้นฟูทุกชนิดทุกชนิดลดลง 50% และค่าพลังกายลดลงในระดับรวดเร็วจนเข้าสู่สถานะต่อสู้ไม่ได้





    “ไอเทมที่พี่ต้องหาเอาใส่กล่องที่เอ็นพีซีให้ก็หมดห่วง ที่เหลือพี่ต้องแบกน้ำดื่มกับอาหารแห้งจำพวกข้าวโอ๊ตข้าวสาลีไปให้เยอะที่สุด ส่วนพวกเนื้อทั้งหลายก็ไปหาเอาดาบหน้า พวกโพชั่นทั้งเพิ่ม HP และ MP ยารักษาพิษและยาอื่นๆเอาไปเต็มจำนวน ผมลองคำนวณแล้วคงหนักประมาณสามในแปดส่วน ใช้พื้นที่ยี่สิบถึงยี่สิบห้าช่อง ที่เหลือเป็นของใช้ที่จำเป็นพวกเชือก ถุงนอน อุปกรณ์ทำอาหาร ถ้าพี่อยากดื่มชากาแฟก็ต้องใช้พื้นที่เพิ่มด้วย”

    เอเซ แมคโดเวลสมองเออเร่อทันที ทิ้งตัวเอาหัวโขกโต๊ะดังตึง ยกมือโบกไหวๆ “เรื่องพวกนี้พี่ยกให้แกจัดการเลย พี่เกลียดการตัวเลขและการคำนวณที่สุด คณิตศาสตร์ได้เกรดสองตั้งแต่มัธยมหนึ่งยันจบมหา’ลัย”

    “งั้นสหายเอานี่ไปอีกเล่ม”

    ทากะวางหนังสือแบบเดียวกับเล่มแรก เล่มนี้เขียนว่า ‘ตำราสมุนไพรสำหรับอาชีพนักสำรวจ’

    “สองเล่มนี้หาซื้อไม่ได้แต่เรายืมใช้ก่อนรับรองไม่ผิดหวัง ถึงสหายจะเคยเดินป่ามาก่อนแต่เราคิดว่าหนังสือพวกนี้ก็ยังจำเป็นอยู่ดี”

    “พรานใหญ่มีอะไรจะให้อีกปะ?”

    เอเซแกล้งแหย่เพื่อนด้วยสรรพนาม ‘พรานใหญ่’ สมญานามของรพินทร์ ไพรวัลย์ ตัวเอกผู้เกรียงไกรในนิยายเรื่อง ‘เพชรพระอุมา’ ซึ่งทากะเป็นแฟนพันธุ์แท้นิยายเรื่องนี้

    คนถูกเรียกว่าพรานใหญ่ถอนหายใจเบาๆ หยิบคริสตัลสีฟ้าวางให้เพื่อนร่วมแคลนอีกหนึ่งก้อน “ก่อนเข้าเขตป่าดำแนะนำให้สหายบันทึกจุดวาร์ปของคริสตัลนี้ ถ้าคิดว่าไม่ไหวเมื่อไรให้ถอยกลับทันที ในพื้นที่นั้นใช้คริสตัลกลับเมืองไม่ได้นอกจากไอเทมเฉพาะอาชีพนักสำรวจเท่านั้น เพียงแต่ว่าสหายต้องจ่าย exp หนึ่งแสนแต้มเพื่อมีสิทธิ์ใช้คริสตัลนี้”

    “แสนแต้ม!” เอเซแหกปากลั่น ทากะวางมีดอีกเล่มแถมให้

    “ถ้าใช้สกิลชำแหละต้องรอสามสิบนาทีถึงจะได้เนื้อ ระหว่างนั้นเสือทั้งป่าจะได้มารุมชำแหละสหายแทน แต่ถ้าใช้มีดเล่มนี้ชำแหละจะใช้เวลาแค่ห้านาที แต่ก็ต้องจ่ายอีกแสนแต้มเพราะเป็นไอเทมเฉพาะอาชีพนักสำรวจเหมือนกัน”

    เอเซยกมือปิดหน้าด้วยท่าดับเบิลเฟสปาล์ม “เพิ่มอีกแสนเป็นสองแสน! บ้าไปแล้ว!”

    “รับรองว่าคุ้มค่าและสหายจะเข้าใจว่าทำไมเราถึงเลือกเล่นอาชีพนักสำรวจไม่ใช่นักดาบ” ทากะตบบ่าสหาย ลากเก้าอี้นั่งลงข้างๆเขา

    “พรานหย่ายไม่มีอะไรให้ผมบ้างเหรอ? ผมต้องไปทะเลทรายเพราะความผิดพลาดของพรานหย่ายเหมือนกันนะ” นักเวทผมเทาพูดเสียงยานคางลากเก้าอี้มานั่งรวมวงสี่คน

    ทากะยื่นกระดาษเปล่าหนึ่งแผ่นคล้ายกระดาษไขให้อากิรอส

    “นี่ใช้ทำอะไร”

    “เป็นกระดาษใช้ทำแผนที่ ไหนๆพวกสหายต้องเดินทางไกลก็ช่วยเราทำแผนที่ สำรวจภูมิประเทศ เก็บข้อมูลมอนสเตอร์มาด้วยเลย ง่ายๆไม่ต้องทำอะไรแค่มีกระดาษแผ่นนี้ติดตัวไว้พอแล้ว”

    อากิรอสหรี่ตาจ้องหัวหน้าแคลนแต่อีกฝ่ายไม่สนใจเลยหันไปหากุห์ฟาน “งั้นนายไปกับเราแล้วก็ช่วยเตรียมของให้ด้วยละกัน”

    “ของน่ะผมเตรียมให้ได้แต่พี่ต้องไปคนเดียวเพราะผมจะลงดันเจียนเมืองอารันด์เหมือนกัน”

    “โวะ! นี่เราต้องเดินฝ่าทะเลทรายคนเดียวเหรอเนี่ย”

    เอเซตบบ่าเพื่อนนักเวท “หรือนายจะไปลุยป่าดำกับเรา?”

    อากิรอสหุบยิ้มทันที “เชิญไปผจญภัยตามรอยนิยายที่พวกนายสองคนชอบอ่านเถอะ ชาตินี้ทั้งชาติเราไม่มีวันเข้าป่าเด็ดขาด”

    “พี่ทากะจะให้ผมคิดแผนแบกน้ำหนักให้ด้วยเลยเปล่า จะได้ทำพร้อมกันทีเดียวเลย”

    “ได้แบบนั้นก็ดี พี่จะได้ไปหาข้อมูลเรื่องวัตถุดิบกับภารกิจตีดาบ เห็นว่าก่อนจะเข้าเหมืองแร่ประจำเมืองเหนือได้ต้องทำภารกิจบางอย่างให้ผ่านก่อนด้วยสิ”

    “โอเคเลย ผมอยู่ทางนี้มีอะไรให้ช่วยก็ส่งข้อความมา แต่ลงดันเจียนประจำเมืองคนเดียวก็เสียวๆอยู่เหมือนกันนะ”

    “ดูเหมือนนายจะสบายสุดเลยนะไอ้น้องรัก”

    “หรือพี่จะสลับหน้าที่กับผม ลงดันเจียนไปจนถึงชั้นที่ลึกที่สุด ตามหาห้องที่มีหีบสมบัติลับแล้วเลือกเปิดสี่หีบที่น่าจะได้ไอเทมดีที่สุดจากทั้งหมดสิบหีบ ระหว่างทางมีมอนสเตอร์ในดันเจียนยั้วเยี้ยอย่างกับแมลงวันตอมขี้แถมมีกับดักอีกสิบไม่รู้กี่ร้อยแห่ง”

    กุห์ฟานร่ายยาวสวนกลับ อากิรอสแกล้งยกมืออุดหูหลับตาปี๋ เอเซทนอาการดีดดิ้นของเพื่อนสุดที่รักไม่ได้ลงทุนบรรจงสับสันมือเข้ากกหูส่งเจ้าตัวลงไปนอนวัดพื้นจนได้

    เจ้าของร้านยกน้ำชาและของว่างมาให้ทั้งสี่คนและร่วมวงสนทนาด้วย

    “ดูเหมือนรอบนี้แต่ละคนจะต้องเดินทางไกลกันน่าดู ถ้ายังไงไนซ์ช่วยเตรียมพวกข้าวสาลี ผลไม้อบแห้งกับทำพวกเนื้อรมควันให้ได้นะคะ”

    “ถ้าไม่มีไนซ์ป่านนี้พวกเราคงหิวโหยอดอยาก หลบไปอยู่มุมป่านั่งแทะซากกระต่ายย่างทั้งน้ำตาเพราะไม่อยากให้คนอื่นเห็นก็เป็นได้นะ” เอเซพูดชมเธอจากใจจริง

    “เล็กน้อยๆค่ะ รอบนี้สกิลหลักของไนซ์คือสายเทรดดิ้งไม่ใช่สายต่อสู้ รอให้ไนซ์มีสกิลเทรดไอเทมระยะไกลก่อนพวกพี่ก็ไม่ประสบปัญหาขาดเสบียงกลางทางแน่นอนค่ะ”

    “ขาด exp อีกเท่าไรจ๊ะ เดี๋ยวพี่โอนของพี่ให้ทั้งหมดเลย” อากิรอสลุกขึ้นมาเท้าคางส่งสายตาหวานเยิ้มให้เมดสาวทันที

    ประมาณหกล้านเจ็ดแสนค่ะ ต้องเรียนรู้สกิลทางผ่านหลายสกิลและต้องเชี่ยวชาญในระดับสูงด้วย”

    เมดสาวบอกจำนวน exp ที่ต้องใช้เหมือนเป็นจำนวนเล็กน้อยที่หาได้ในสามวัน อากิรอสได้ฟังแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนฟุบกับพื้นเหมือนเดิม

    “ว่าแต่ทุกคนจะกลับมาเมื่อไรคะ เพราะหลังจากนี้ไนซ์มีรายงานกลุ่มแล้วกับสอบย่อยแล้วก็ต้องหาข้อมูลลงภาคสนามวิชามัคคุเทศก์ด้วย คงไม่ได้เข้ามาเล่นเกมสักพักนึงนะ”








    กลับมาเมื่อไร?

    ทั้งสี่หนุ่มนิ่งอึ้งมองหน้ากันไปมาไม่รู้จะตอบคำถามนี้อย่างไรเหมือนกัน สถานที่ที่จะไปไม่ใช่ตลาดน้ำอัมพวาที่ไปเช้าเย็นกลับด้วยอารมณ์ชิลๆหิ้วของฝากกลับมาได้ ลำพังแค่คิดว่าจะมีอะไรรออยู่ระหว่างทางบ้างก็ทำให้สมาชิกแคลนมัลดิโตทั้งสี่หน่อกุมขมับนั่งหน้าเครียดไปอีกนาน
    Ryuto, taleoftrue และ joi100 ถูกใจสิ่งนี้
  18. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    งานนี้ได้แยกเนื้อเรื่องกันไปหลายทางเลยเชียว แต่สงสัยอยู่หน่อยว่าไหงทำไมอาเซถึงได้กลายเป็นคนไข้คนแรกของ รพ. ได้เพราะก่อนหน้านั้นน่าจะมีผู้เล่นเคยตายอยู่บ้างนะ
  19. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    ผู้เล่นส่วนใหญ่ตายแล้วชุบทันแล้วก็ไม่สดตายซ้ำครับ(เพราะกลัวรพ.) ตายแล้วอยู่รอดเกินห้านาที ถ้าตายอีกก็ชุบได้อีก
    แต่เอเซตาย-ชุบ-ตายซ้ำภายในห้านาที ชุบซ้ำไม่ได้เลยต้องไปรพ.ครับ
  20. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    Grand Gaia Online 14 – Go Forward



    ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาทั้งที่ยังมีหูฟังสำหรับเชื่อมต่อเกมไกอาออนไลน์คาดคาหัว เสียงเตือนจากโทรศัพท์มือถือดังต่อเนื่องพร้อมแรงสั่นสะเทือนระดับสูงสุด เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ Sumsung Galaxy มาปิดเสียงเตือน ตัวเลขบนแผงทัชสกรีนบอกเวลาแปดโมงตรงตามที่ตั้งใจตื่น เขาถอดหูฟังออกไปวางไว้บนโต๊ะ เปิดคอมพิวเตอร์ไว้ระหว่างเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา

    พอออกจากห้องน้ำคอมพิวเตอร์ก็เปิดเรียบร้อย เวลานัดหมายคือสิบเอ็ดโมงจึงไม่ต้องรีบ ยิ่งรู้นิสัยของบรรดาเพื่อนที่ไม่เคยมาตรงเวลาแล้วยิ่งไม่ต้องกลัวว่าจะไปถึงเป็นคนสุดท้าย ชายหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดเปิดเว็บไซต์จากบุ๊คมาร์ค เปิดเพลงฟัง นั่งอ่านข่าวและบทความที่สนใจไปเรื่อยเปื่อย สักพักร่างกายส่งสัญญาณให้หาของกินใส่ท้อง ขนมปังและขนมขบเคี้ยวที่ซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อคืนยังเหลืออยู่ อย่างน้อยก็ประทังความหิวในตอนเช้าได้

    ‘ป่านนี้ในเกมคงไม่เหลือผู้เล่นแล้วมั้ง?’ คือแวบแรกที่เขาคิดเมื่อเปิดหน้าเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์ ตอนที่ยังอยู่ในเกมมีประกาศจากทีมงานแจ้งเตือนให้ผู้เล่นทุกคนล็อกเอาท์ออกจากเกมก่อนเก้าโมงเช้าเพื่อปิดปรับปรุงเซิร์ฟเวอร์และอัพเดทแพทซ์ครั้งแรก ข่าวสารในจอมอนิเตอร์ก็ไม่ต่างกัน แต่เพิ่มเวลาคาดการณ์สำหรับเปิดบริการครั้งต่อไปคือประมาณบ่ายสามโมงของวันนี้

    เขาล็อกเอาท์ออกตอนประมาณตีห้า ระบบล็อกเอาท์ของเกมนี้ออกแบบมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน สามารถเลือกได้ว่าต้องการตื่นหรือหลับไปเลย เหมาะสำหรับคนทำงานที่เล่นเกมตอนกลางคืนแล้วค่อยตื่นตอนเช้าไปทำงาน ที่สำคัญคือไม่ต้องอดหลับอดนอนเล่นเกมเหมือนในสมัยก่อน ข้อดีเช่นนี้ทำให้เกมออนไลน์เสมือนจริงเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัดด้วยจำนวนผู้เล่นมหาศาลที่เพิ่มขึ้นทุกวันและมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ ถ้าแสดงค่าเป็นกราฟก็คงเป็นกราฟที่พุ่งหัวขึ้นจนทะลุเพดานไปแล้ว

    ชายหนุ่มอ่านข่าวสารไปเรื่อยๆ ในเว็บบอร์ดเต็มไปด้วยกระทู้ที่ผู้เล่นนำข้อมูลและประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนกันเต็มพรืดไปหมด ในหนึ่งวันมีกระทู้เกิดใหม่มากกว่าสามร้อยกระทู้และทุกกระทู้มีคนเข้าไปตอบมากกว่าพันคน
    หัวข้อที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในตอนนี้มีสองเรื่อง หนึ่งคือการปิดปรับปรุงเซิร์ฟเวอร์ครั้งแรก ว่ากันว่าอีเวนต์ในเกมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเกินกว่าคาดการณ์ ทีมผู้สร้างและเกมมาสเตอร์จึงตัดสินใจอัพเดทแพทซ์เพื่อให้เกมดำเนินเข้าสู่เฟสที่สองทันที มีแหล่งข่าวบอกว่าทีมผู้สร้างตั้งใจรอให้เวลาในเกมผ่านเก้าสิบวันแรกไปก่อนแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะดำเนินเกมไปในทิศทางใด แต่แค่สามสิบหกชั่วโมงหรือสามสิบหกวันในเกมเหล่าผู้เล่นก็โหมกรูทำลายกำแพงอุปสรรคแรกลงได้อย่างงดงาม

    “เกมเมอร์ไทยนี่สุดยอดจริงๆแฮะ” ชายหนุ่มที่ใช้ชื่อในเกมว่า เอเซ แมคโดเวล อ่านข้อมูลในกระทู้อย่างทึ่งๆ

    เรื่องที่สองคืออีเวนต์ปราบบอสเฟนริล ในกระทู้มีคลิปการต่อสู้ที่บันทึกโดยผู้เล่นสายอาชีพนักข่าวให้ดูด้วย ชายหนุ่มเปิดดูคลิปที่ใส่คำบรรยายลงไปแล้วก็ยิ้ม การต่อสู้ครั้งนั้นยังอยู่ในความทรงจำของเขาเหมือนเป็นหนึ่งในความฝันของเมื่อคืน พอนึกถึงเหตุการณ์หลังจากนั้นคือต้องไปรักษาตัวในโรงพยาบาลเขากลับระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง หัวเราะจนน้ำตาเล็ด

    พอบังคับตัวเองให้หยุดหัวเราะได้ เขาก็พบชื่อแคลนของตัวเอง ‘แคลนมัลดิโต’ ถูกบันทึกว่าเป็นแกนหลักในปาร์ตี้ปราบบอส หลายคอมเมนต์ในกระทู้สงสัยว่าทำไมไม่ใช่ ‘แคลนเซเลสเทียล’ พอมีผู้มายืนยันว่าเป็นมัลดิโตก็มีคนเรียกร้องให้สมาชิกแคลนมัลดิโตออกมาพูดคุยกันบ้าง บางคนขอข้อมูลไอเทมดรอปจากบอส มีคอมเมนต์บอกว่าเก่งแล้วอย่ากั๊กด้วย

    “มีคนอยากเข้าแคลนด้วย?” ชายหนุ่มกลับไปหัวเราะงอหงายอีกครั้ง

    เก้าโมงกว่าๆ ชายหนุ่มขยำถุงขนมเปล่าลงถังขยะ ลุกไปอาบน้ำเตรียมออกไปกินมื้อเที่ยงที่มีเจ้ามือชื่ออากิรอส คีฟ พอแต่งตัวปิดไฟทุกดวงถอดปลั๊กทุกเส้นเพื่อความปลอดภัยก็เกือบสิบโมง เผื่อเวลาเดินทางอีกหนึ่งชั่วโมงโดยประมาณ

    สิบเอ็ดโมงนิดหน่อย เขามาถึงหน้าร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังย่านสีลมที่เป็นสถานที่นัดหมาย หยิบหูฟังเสียบกับโทรศัพท์มือถือเปิดฟังฆ่าเวลาระหว่างรอ

    ชายหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆ สูงประมาณร้อยเจ็ดสิบเซ็นติเมตร สถานะจบการศึกษาหมาดๆเพิ่งทำงานใหม่ๆเดินทางมาถึงเป็นคนที่สอง ทักทายกันเล็กน้อยเจ้าของไอดีกุห์ฟาน รีส ริยาสก็หยิบเครื่องเล่นเครื่องเกมพีเอสพีออกมาเล่นรอบ้าง

    พ้นสิบเอ็ดโมงครึ่งไปนิดหน่อย ชายร่างโปร่ง สูงประมาณร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตรในชุดสีดำสนิททั้งเสื้อ กางเกง หมวกและรองเท้า แม้แต่นาฬิกาที่ข้อมือขวายังเป็นสีดำ มีเพียงเสื้อนอกสีน้ำตาลอ่อนพับแขนขึ้นเหนือศอก ทักทายกันเล็กน้อยหัวหน้าแคลนมัลดิโตก็หยิบเครื่องเกมพีเอสพีออกมาเล่น Everybody’s Tennis กับรุ่นน้องอย่างเมามัน

    เที่ยงครึ่ง...เจ้ามือถึงปรากฏตัว ชายหนุ่มร่างบางหน้าตาดีในชุดเสื้อคอกลมสีขาว กางเกงยีนส์ทรงเดฟสีน้ำเงินเข้ม รองเท้าหนังหุ้มส้น ตอนเดินเข้ามายังคุยโทรศัพท์หน้าตาเบิกบานสำราญใจไม่สำนึกแม้แต่นิดว่ามาช้ากว่าเวลานัดไปหนึ่งชั่วโมงครึ่งพอดี

    ไม่ต้องพูดอะไรเพราะรู้นิสัยกันดีอยู่แล้ว สี่หนุ่มเดินขึ้นไปที่ร้านซึ่งอยู่ชั้นสอง นั่งโต๊ะเสร็จสรรพ สั่งอาหารต่อเนื่องไม่มีขาดตอนและไม่ต้องเกรงใจเจ้ามือเพราะเป็นบุฟเฟต์กินเท่าไรจ่ายเท่าเดิม

    ผ่านไปชั่วโมงกว่ายังไม่หมดเวลาที่ร้านกำหนดไว้ แต่ทั้งสี่ต่างอิ่มกันถ้วนหน้าเอนหลังพิงพนักเก้าอี้คุยกันจนเกือบใกล้หมดเวลา ปล่อยให้อากิรอสรับหน้าที่เช็คบิลจ่ายเงินแล้วลงข้างล่างเรียกแท็กซี่ไปห้องของเพื่อนอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยของเอเซ นั่งเล่นเฮฮาตามประสาชายโสดจนมืดค่ำก็แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน พรุ่งนี้ทั้งกุห์ฟาน อากิรอสและทากะต่างต้องทำงาน มีเพียงเอเซที่หยุดเพราะวันเสาร์ทำงานไปแล้ว

    ชายหนุ่มกลับมาถึงหน้าปากซอย แวะเซเวนอีเลฟเว่นซื้อขนมนมเนยขึ้นไปตุนไว้ที่ห้อง พอถึงห้องก็เปิดคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้ ไปเก็บเสื้อผ้าที่ระเบียงเข้าตู้ อาบน้ำให้สบายตัวแล้วออกมาตามข่าวสารที่อัพเดทระหว่างออกไปเที่ยวเล่นทั้งวัน

    เสร็จเรื่องที่ต้องทำทั้งหมดแล้วเขาก็ล็อกอินเชื่อมต่อเข้าสู่เซิร์ฟเวอร์ ให้เอเซ แมคโดเวลกลับไปโลดแล่นในแกรนด์ไกอาออนไลน์อีกครั้ง







    หลังจากผ่านแสงสว่างเจิดจ้า เขารู้สึกตัวยืนอยู่กลางลานน้ำพุเมืองอารันด์ บรรยากาศรอบตัวยังเหมือนเดิม ลานกว้างแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้เล่นจำนวนมากจับกลุ่มคุยกันเสียงดังจอแจ สิ่งที่ต่างไปจากทุกทีคือมีป้ายประกาศขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นมาตรงหัวมุมถนนทิศเหนือ แน่นอนว่ามีผู้เล่นล้อมมุงอยู่ตรงนั้นอยู่พอสมควร

    เอเซเรียนรู้ว่าเขาควรต้องทำเช่นใดในสถานการณ์เช่นนี้ เขาหยิบแว่นขยายขึ้นมาส่องป้ายประกาศจากระยะไกล แต่ครั้งนี้กลับไม่มีข้อมูลปรากฏออกมา

    มือข้างหนึ่งตบลงบนบ่าเขา หันกลับไปก็เจอกุห์ฟาน ทากะและใบหน้าแป้นแล้นของอากิรอส

    “อันนี้พี่ต้องไปโหลดข้อมูลที่บอร์ดด้วยตัวเอง แต่ผมโหลดมาแล้วละเดี๋ยวแชร์ให้ละกัน”

    “มากันนานยัง?”

    “สักพักละ แวะไปที่ร้านแต่ไนซ์ไม่ยังไม่มาเลยเข้าร้านไม่ได้ ออกมาเจอทากะพอดีเลยนั่งเล่นอยู่แถวนี้” นักเวทผมเทาตอบคำถามพลางส่งสายตาตามหลังผู้เล่นหญิงที่เดินผ่านไปในระยะสามเมตร

    “สหายกุห์ฟานเปิดร้านได้ไม่ใช่เหรอ?”

    “ก็เปิดได้อะนะพี่แต่ทำอะไรให้พี่กินแบบเจ้าของร้านไม่ได้” กุห์ฟานบอก ข้อมูลแชร์ให้เอเซเสร็จพอดี

    “เอาแค่ที่นั่งคุยกันก็พอมั้ง”

    สี่หนุ่มแคลนมัลดิโตย้ายตัวเองจากลานกว้างที่คลาคล่ำด้วยผู้เล่นจำนวนมหาศาลตัดตรอกเล็กๆไปจนถึงประตูหลังร้าน Nice’s Shop กุห์ฟานเรียกหน้าต่างขึ้นมาใส่พาสเวิร์ดแล้วเปิดประตูเข้าไป ห้องทุกห้องสว่างด้วยระบบไฟอัตโนมัติ ให้รุ่นพี่สามคนไปนั่งที่ห้องโถงส่วนตัวเองเดินไปที่ห้องครัวหากาต้มน้ำร้อน ถึงไม่มีอะไรให้กินแต่อย่างน้อยมีชาให้ดื่มก็ถือว่าดีแล้ว

    ไม่เกินสองนาที กุห์ฟานเดินไปร่วมวงพร้อมชาหอมกรุ่นกาใหญ่

    เอเซกำลังอ่านข้อมูลที่รุ่นน้องแชร์มาให้




    ประกาศจากทีมงาน ฉบับที่ 1

    ทางทีมงานขอขอบคุณผู้เล่นทุกท่านที่ให้การสนับสนุนเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์ และขออภัยในความไม่สะดวกที่ต้องหยุดให้บริการชั่วคราวเพื่ออัพเดทแพทซ์เป็นเวลานาน เพื่อให้ความสนุกและอรรถรสภายในเกมเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ทางทีมงานจึงตัดสินใจอัพเดทแพทซ์เพื่อให้เกมดำเนินไปอย่างสมดุลที่สุด โดยทางทีมงานได้ดำเนินการดังต่อไปนี้

    X ปรับระดับความยากและค่าตอบแทนของภารกิจบางภารกิจ เพิ่ม NPC ภารกิจให้มากขึ้น
    X ปรับสมดุลมอนสเตอร์ให้หลากหลายและเพิ่มมอนสเตอร์ในบางแผนที่
    X ปรับการฟื้นฟูค่า HP MP SP ขณะอยู่ในเมืองและฟิลด์ให้มีความแตกต่างมากขึ้น
    X ปรับสมดุลสกิลและไอเทมบางประเภท เพิ่มไอเทมใหม่เข้าสู่ระบบ
    X ปรับจำนวนรายชื่อเพื่อนเป็นไม่จำกัดจำนวน
    X เปิดใช้งานไอเทมถึงระดับ A สามารถหาข้อมูลและรายละเอียดได้จาก NPC ภายในเกม
    X เปิดใช้งานบอร์ดสาธารณะให้ผู้เล่นแลกเปลี่ยนข้อมูลภายในเกม
    X เปิดพื้นที่เฉพาะสำหรับค้าขายระหว่างผู้เล่นด้วยกัน
    X เปิดใช้งานระบบฝึกซ้อมระหว่างผู้เล่นด้วยกัน
    X เปิดใช้งานระบบกลุ่มนอกเหนือจากระบบแคลน
    X เปิดใช้งานระบบความเหนื่อยล้าของร่างกาย
    X ขยายขอบเขตแผนที่เพื่อรองรับจำนวนผู้เล่นที่เพิ่มขึ้น

    ทางทีมงานหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้เล่นจะได้รับความพึงพอใจในระดับสูงสุดและมีความสุขในการเล่นเกม หากมีข้อผิดพลาดใดๆภายหลังอัพเดทแพทซ์กรุณาติดต่อทีมงานทันที และขอขอบคุณอีกครั้งที่ให้การสนับสนุนเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์

    ทีมพัฒนาและวางแผนเกม
    วันที่ X เดือน XX พ.ศ. XXXX



    เอเซอ่านข้อมูลซ้ำหลายรอบ อ่านจนคิ้วขมวดชนกัน

    “พี่มีอะไรไม่เข้าใจก็ถามมาซะตอนนี้”

    นักดาบมนตรารุ่นพี่ย้อนอ่านเฉพาะข้อความส่วนที่เป็นข้อมูลอัพเดทแพทซ์ “สรุปสั้นๆก็คือเพิ่มไอเทมใหม่ เพิ่มมอนสเตอร์ใหม่ ทำให้มันเก่งขึ้น แถมต่อไปนี้พวกเราจะรู้สึกถึงความเหนื่อยจะหอบแฮ่กๆเหมือนหมาหอบแดดแล้ว...ประมาณนี้สินะ”

    “ได้ยินว่าสมจริงถึงขนาดมีเหงื่อออกเป็นเม็ดๆด้วยเลยนะ” อากิรอสพูดแล้วก็ยักไหล่ “แค่ได้ยินมานะ”

    “สมจริงแค่ไหนเดี๋ยวก็ได้รู้เองแหละ”

    นกล่าสมบัติจอมรู้มากอันดับหนึ่งเขียนแผนเดินทางอย่างขะมักเขม้น ปล่อยให้รุ่นพี่ทั้งสามคนใช้เวลาว่างนี้ให้เต็มที่ เพราะหลังจากนี้เส้นทางที่แต่ละคนต้องไปนั้นบรรดาอาชีพสายนักสำรวจและนักค้นหาต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าโหดหินเกินกว่าจะจินตนาการได้ โดยเฉพาะแบล็คฟอเรสหรือป่าดำที่เอเซต้องเข้าไปหาวัตถุดิบให้เอ็นพีซีโรคจิตประจำโรงพยาบาลเอาไปทำเนื้อย่างยังไม่มีทีมสำรวจทีมใดบุกป่าฝ่าดงเข้าไปได้เกินสิบกิโลเมตรแรกเลย

    พอใกล้เที่ยงสาวสวยเจ้าของร้านก็ยังไม่ล็อกอินเข้ามา สี่หนุ่มเลยออกไปพึ่งบริการร้านอาหารภายในเมือง รสชาติไม่ได้แย่อย่างที่คิดแต่ถ้าเทียบกับฝีมือเพื่อนสาวของกุห์ฟานยังนับว่าห่างไกล กินอิ่มแล้วก็แวะไปมุมค้าขายที่เพิ่งเปิดใช้งานซึ่งอยู่ริมกำแพงเมืองฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ

    การค้าขายยังไม่คึกคักเท่าที่ควร ส่วนใหญ่เป็นผู้เล่นสายคราฟไอเทมเอาอาวุธและเครื่องป้องกันสารพัดชนิดที่สร้างเองมาวางขาย มีผู้เล่นเดินดูค่อนข้างบางตา ไปมาๆเลยกลายเป็นคนขายจับกลุ่มคุยกันเอง กุห์ฟานซึ่งอยากเล่นอาชีพนักประดิษฐ์เป็นทุนเดิมแยกไปคุยกับคนโน้นคนนี้ ส่วนพวกหัวทึบสามคนที่ดีแต่ใช้กำลังเข้าว่าก็เดินดูพวกอาวุธหน้าตาประหลาดไปเรื่อยๆ

    ทากะถามหาผู้เล่นที่สามารถสร้างดาบคาตะนะได้เผื่อว่าเขาไม่ต้องเดินทางไปถึงเมืองเหนือสุด แต่ช่างสร้างอาวุธทุกคนตอบเหมือนกันว่าสกิลตีดาบคาตะนะเป็นสกิลขั้นสูงและตอนนี้ยังไม่มีใครตีดาบชนิดนี้ได้ แต่เขาก็ได้ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับทำภารกิจมาทดแทน นอกจากนี้หลายคนยังแนะนำให้เอเซไปที่บาร์แห่งหนึ่งถ้าต้องการข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับแบล็กฟอเรส

    บ่ายโมง อากาศร้อนขึ้นเรื่อยๆ พ่อค้าหลายคนถอดใจเก็บร้านถอยออกจากลานกว้างโล่งแจ้งแล้วค่อยกลับมาขายใหม่ช่วงกลางคืนน่าจะดีกว่า แคลนมัลดิโตสี่คนก็ยกธงขาวต่อความร้อนเช่นกันโดยเฉพาะคนขี้ร้อนอย่างเอเซที่ถอยไปนั่งพัดโบกอยู่ใต้ต้นไม้ตั้งแต่เดินครบรอบตลาด

    จะด้วยความสงสาร ความสมเพชเวทนาหรืออะไรก็ตามแต่ ในที่สุดกุห์ฟานก็ยอมออกจากพื้นที่ตลาดเดินนำรุ่นพี่สามคนไปยังบาร์ตามที่ได้ข้อมูลมา บาร์แห่งนี้อยู่ริมถนนรองถัดจากถนนหลักฝั่งตะวันตก หน้าร้านไม่มีกระทั่งป้ายบอกชื่อร้าน พอเปิดประตูเข้าไปก็เจอกับการจัดตกแต่งร้านที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน ต้นไม้เขียวครึ้มแทบทุกตารางนิ้ว ไม้เลื้อยสารพัดพันธุ์หย่อนตัวลงจากเพดานกลายเป็นม่านมู่ลี่ ตอไม้เล็กล้อมตอไม้ใหญ่ตรงกลางกลายเป็นเก้าอี้และโต๊ะ

    มาสเตอร์ผู้เป็นเจ้าของร้านแต่งตัวในชุดเดินป่าคล้ายกับชุดที่ทากะใส่ เสื้อยืดคอกลมสีน้ำตาลแก่กระชับตัวภายใต้เสื้อนอกสีดำ คาดกระเป๋าสีเขียวลายพราง หนวดเคราครึ้มหนากับแว่นกันแดดสีดำที่ทำให้เขาดูคล้ายนายพรานผู้ชำนาญการเดินป่าและล่าสัตว์มากกว่าจะเป็นเจ้าของบาร์กลางเมืองเช่นนี้

    “จะเข้าป่าดำ?” มาสเตอร์ถามเมื่อทุกคนสั่งเครื่องดื่มเสร็จแล้ว เอเซพยักหน้าแทนคำตอบ เจ้าของบาร์วัยกลางคนนั่งลงร่วมวงด้วย

    “มันเป็นเรื่องเล่า...เป็นตำนาน” เขาเริ่มด้วยประโยคสุดคลาสลิค “ป่าดำอันตรายสุดหยั่ง เสือยักษ์ตัวใหญ่กว่าวัว จงอางดำจ้าวแห่งอสรพิษ โขลงช้างป่าดุร้ายที่ถล่มทุกอย่างให้ราบเป็นหน้ากลอง ฝูงลิงพันตัวที่ฉีกทุกชีวิตให้กลายเป็นเศษเนื้อด้วยคมเขี้ยวและกรงเล็บ ยิ่งลึกเข้าไปสภาพป่ายิ่งแห้งแล้งกันดารหลงทางสามวันก็อดน้ำตายแล้ว และ ณ ใจกลางป่าดำยังเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริง มีงูดำยักษ์ขนาดห้าคนโอบหรือตะขาบยักษ์ที่มีพิษร้ายแรงเพ่นพ่านไปทั่ว”

    “นอกจากนั้นก็ยังมีเสือดาว เสือดำ นอกจากงูจงอางแล้วพวกงูเห่าก็ชุกชุมเหมือนกัน อ้อ! มีมหิงสาอีกด้วย” ทากะช่วยพูดเสริมข้อมูล

    “รู้ดีเหมือนกันนี่ไอ้หนู”

    “มาสเตอร์ครับ ถ้าจะหาสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘มังกรบรรพกาล’ จะต้องไปถึงตรงไหนของป่าดำครับ” เอเซเอ่ยปากถามอย่างสุภาพ ชายวัยกลางคนเบิกตากว้าง ถลึงตามองคนถาม

    “มีกี่ชีวิตก็ไม่พอหรอก มันอันตรายเกินกว่าที่นักผจญภัยมือใหม่อย่างพวกเจ้าจะบุกบั่นเข้าไปได้”

    “หมอนี่ไปคนเดียวฮะ มันคนเดียวเลย” อากิรอสชี้นิ้วใส่หน้าเอเซทันที

    “เอาจริงรึไอ้หนู?”

    สายตมคมปลาบห้าวหาญของเอเซได้ตอบแทนคำพูดแล้ว มาสเตอร์รินเบียร์สดเย็นๆจากเหยือกสูงใส่แก้วแล้วดื่มอึกเดียวหมดรวด

    “มังกรบรรพกาลอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เรียกว่าป่าโลกล้านปี เรื่องเล่าเก่าๆได้กล่าวไว้ว่าในป่านั้นมีแต่สิ่งมีชีวิตหลงยุคอย่างพวกไดโนเสาร์เต็มไปหมด มังกรบรรพกาลที่ตามหาก็อยู่ที่นั่น แต่เรื่องไปให้ถึงตรงนั้นแทบเป็นไปไม่ได้”

    “แทบเป็นไปไม่ได้...แสดงว่ายังมีความเป็นไปได้อยู่นี่ครับ”

    ชายวัยกลางคนผู้ช่ำชองการเดินป่าหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดี “นี่ถ้าข้าอายุน้อยกว่านี้สักสามสิบปีก็อยากปิดร้านตามเจ้าไปด้วยละนะ”

    “มาสเตอร์ยังหนุ่มยังแน่นอยู่เลยครับ ส่วนพวกผมก็เป็นแค่เด็กตัวน้อยๆเท่านั้นเอง”

    เจ้าของบาร์ยิ่งหัวเราะชอบอกชอบใจ หัวเราะต่อเนื่องเนิ่นนานจนกระทั่งเบาเสียงลง แม้ใบหน้าที่เริ่มมีรอยแห่งวัยจะมีความสุขแต่ดวงตาสีฟ้าอ่อนยังคงวิตกกังวล “ข้ามีข้อแลกเปลี่ยนให้หนึ่งอย่าง ข้ายังไม่อยากให้พวกเจ้าไปตายอย่างไร้ค่า ถ้ายอมตัดใจไม่ไปตามหามังกรบรรพกาลข้าก็จะมอบภารกิจให้พวกเจ้าหนึ่งอย่าง รับรองว่าคุ้มค่าและตื่นเต้นไม่แพ้เข้าป่าดำแน่นอน”

    ทากะ กุห์ฟานและอากิรอสเหลือบตามองเอเซซึ่งเป็นผู้รับภารกิจ ทุกการตัดสินใจเป็นของเขา

    “มีหนึ่งคำถามอยากจะถามมาสเตอร์ให้แน่ใจก่อนครับ” เอเซวางแก้วในมือลง ถูมือไปมาคล้ายกำลังเรียบเรียงความคิด

    “มาสเตอร์เป็นเอ็นพีซีปกติหรือว่าเป็นกึ่งเอ็นพีซีมีผู้เล่นควบคุมครับ”

    ผู้ถูกถามตบเข่าฉาดหัวเราะชอบอกชอบใจอีกครั้ง “เพราะอะไรถึงคิดอย่างนั้น?”

    นักดาบมนตรายิ้มเล็กน้อย “ถ้าเป็นเอ็นพีซีของระบบคงไม่มีทางให้เงื่อนไขภารกิจแบบนี้แน่นอน”

    “ถ้ามาสเตอร์เป็นกึ่งเอ็นพีซีจริงย่อมรู้ว่าผมมีภารกิจใดที่ต้องทำ การเสนอภารกิจที่ง่ายกว่าและมีค่าตอบแทนดีกว่าเป็นแค่เหยื่อล่อให้ผมยกเลิกภารกิจเดิม ซึ่งผมเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าถ้ายกเลิกภารกิจเดิมไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น”

    “ก็ไม่มีอะไรหรอก ไม่มีทางยกเลิกได้ด้วย แต่ก็ไม่แน่นะ...ถ้าเจ้ายกเลิกภารกิจของโรงพยาบาลกลางคันละก็ ครั้งหน้าเข้าโรงพยาบาลก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลย ฮ่าๆๆ”

    “ไปๆมาๆผมชักไม่อยากคุยกับพวกกึ่งเอ็นพีซีแล้วสิ รู้สึกจะโดนอ่านความคิดทุกครั้งเลย”

    มาสเตอร์ในฐานะกึ่งเอ็นพีซียิ่งหัวเราะชอบใจ เอื้อมมือตบบ่าเอเซแรงๆสองสามที “จริงๆไม่อยากพูดออกไปหรอกนะ แต่รู้สึกได้ว่าพวกเจ้าคงไม่เอาความลับนี้ไปเผยแพร่ให้คนอื่นรู้แน่ๆ”

    สิ่งเดียวที่แคลนมัลดิโตยึดถือและให้ความสำคัญเทียบเท่าชีวิตและเกียรติของตนเองคือความสัตย์ พวกเราไม่ว่าคนใดหากออกปากรับคำแล้วจะไม่มีทางยอมเสียสัตย์อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นมาสเตอร์วางใจได้เลยครับว่าจะไม่มีใครรู้ความลับนี้อีกนอกจากพวกเราสี่คน” ซารุวาตาริ ทากะ หัวหน้าแคลนมัลดิโตบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นคง ดวงตาไม่สั่นไหวแสดงออกถึงความจริงในใจ

    “เสียชีพไม่เสียสัตย์ ขอสาบานด้วยเกียรติของลูกเสือสำรองเลยครับ” อากิรอสยกมือขึ้นทำสัญลักษณ์สาบานตนของลูกเสือประกอบ

    “ฮ่าๆๆ พวกเจ้านี่น่าสนใจจริงๆ สมแล้วที่พิชิตเฟนริลลงได้ งั้นข้าเองก็มีของดีจะให้เหมือนกัน เปิดแผนที่ขึ้นมาสิ”

    เอเซเปิดแผนที่ของตัวเองขึ้นมา มีหน้าต่างแจ้งว่าอยู่ระหว่างได้รับโอนข้อมูล พอข้อมูลโอนมาครบถ้วนแล้ว ในแผนที่แบล็กฟอเรสมีสัญลักษณ์กากบาทสีดำกระพริบจางๆปรากฏขึ้นมา

    “เป็นเซฟตี้แอเรียน่ะ ถ้ามีชีวิตรอดไปถึงตรงนั้นได้นะ”

    นักดาบมนตราได้รับข้อมูลสำคัญสุดยอดที่จำเป็นต่อการเอาชีวิตรอด เขาจึงก้มหัวคำนับมาสเตอร์

    “ไม่ต้องเกรงใจไปไอ้หนู ยังไงหน้าที่ของข้าก็คือการให้ข้อมูลและภารกิจที่เหมาะสมสำหรับพวกใจกล้าบ้าบิ่นอยากไปลองของในป่าดำอยู่แล้ว แล้วถ้าเจ้ารอดตายกลับมาได้ละก็ข้าเองก็มีรางวัลจะให้เป็นพิเศษเหมือนกัน”

    “ถ้ามาสเตอร์มีภารกิจอะไรจะให้ทำก็ว่ามาเลยครับ ผมขี้เกียจเข้าออกๆหลายครั้ง”

    “ร้านข้ามีแต่ต้นไม้ใบหญ้า ยังขาดของหลายอย่างที่ทำให้ดูเป็นป่าอย่างสมจริง คิดว่าคืออะไรละ?”

    “กะโหลกเสือ เขากวาง งาช้า นอแรด เขี้ยวหมูป่า หนังเม่น เขาวัวแดง เขาควายป่า หนังงูทั้งตัว ...”

    ทากะยังสาธยายรายชื่อไอเทมไม่หมดก็โดนเอเซเอามืออุดปากทันที “ถ้าให้หาขนาดนั้นละก็ขออยู่ในป่าไปตลอดชีวิตเลยดีกว่านะ”

    “เอามาแค่สองสามอย่างพอแล้ว อะไรก็ได้ข้าไม่เกี่ยงขอแค่รอดตายกลับมาก็พอ ฮ่าๆๆ”

    ทั้งสี่คนนั่งคุยกับมาสเตอร์จนเกือบห้าโมงเย็น ไนซ์ส่งข้อความมาบอกกุห์ฟานว่าล็อกอินเข้าเกมมาแล้ว เด็กน้อยในสายตาของมาสเตอร์ทั้งสี่คนจึงเอ่ยปากบอกลา ก่อนจากมาสเตอร์ยังแถมเบียร์สูตรเฉพาะให้อีกคนละสองขวดด้วย








    บัดนี้ร้าน Nice’ Shop ที่กว้างขวางแลดูแคบไปถนัดตา กล่องไม้ ลังกระดาษและถุงกระสอบจำนวนมากยึดพื้นที่เกือบทั้งหมดของร้านเหลือเพียงทางเดินแคบๆไปที่โซฟา โต๊ะทานอาหารและเคาท์เตอร์ของร้านเท่านั้น ไนซ์กำลังวุ่นวายกับการแยกประเภทไอเทมจนลืมหันมาทักทายทุกคนเหมือนเช่นปกติ

    “กลับมาแล้ว”

    “อ๊ะ! กลับมาแล้วเหรอ พวกพี่ๆหิวกันรึเปล่าคะเดี๋ยวไนซ์ทำอะไรให้ทานรองท้องก่อนเอาไหม?”

    สี่หนุ่มโบกไม้โบกมือเพราะยังอิ่มจากบาร์ไร้นามอยู่เลย กุห์ฟานหิ้วเบียร์หายไปในห้องครัวแต่กลับมาพร้อมน้ำเปล่าหนึ่งเหยือก

    “อ้าว!?” อากิรอสอุทานลั่นนึกว่าจะได้ละเลียดเบียร์เย็นๆให้ชุ่มคอ

    “ขี้เมาจริงๆเลย ของดีต้องเก็บไว้ทีหลังดิ”

    “อะไรเยอะแยะขนาดนี้เนี่ยไนซ์” เอเซหันไปถามสาวเมดเจ้าของร้าน

    “ก็มีวัตถุดิบของร้าน ของขายปกติ ของคนฝากซื้อกับฝากขาย ของพวกพี่ด้วยส่วนนึงค่ะ”

    เอเซถามต่อ “หมดนี่...สักเท่าไรกันเนี่ย”

    ถ้านับเฉพาะของที่ซื้อมาขายก็สักหกแสน ขายหมดก็น่าจะได้กำไรสักสามสิบสี่สิบเปอร์เซ็นต์ค่ะ”

    ชายหนุ่มเหลือบหางตามองกัน เงินหกแสนเป็นเงินปริมาณที่พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะมีได้เลย เล่นเกมอื่นๆก่อนหน้าทั้งที่กุห์ฟานช่วยเล่นอาชีพสายพ่อค้ามีสกิลซื้อถูกขายแพงยังมีเงินก่อนเลิกเล่นไม่ถึงหลักแสนเลยด้วยซ้ำ

    “แล้วของพวกพี่นี่สักเท่าไรกันล่ะ?”

    “ประมาณสองแสนค่ะ”

    เอเซได้ยินคำตอบแล้วรู้สึกว่าน้ำในแก้วดื่มยากขึ้นทันที

    “พวกพี่ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้นะคะ ใบเรียกเก็บเงินทั้งหมดสั่งเก็บในชื่อกุห์ฟานค่ะ” ไนซ์หันมายิ้มหวานแต่ไม่รู้ทำไมกุห์ฟานถึงสะดุ้งเฮือกกับรอยยิ้มนั้น

    ทากะ อากิรอสและเอเซพูดพร้อมกันโดยทันที “ฝากด้วยละไอ้น้องชาย”

    คนถูกฝากความหวังหรี่ตามองรุ่นพี่สามคน “ผมก็รู้อยู่แล้วอะนะว่ามันต้องลงเอยอีหรอบนี้”

    “ไปหาเงินมาจากไหนได้ตั้งเยอะแยะแบบนี้นะ”

    “สกิลของสายอาชีพค่ะพี่เอเซ” ไนซ์ช่วยตอบข้อสงสัยของเขา “หนึ่งในสกิลของสายเทรดดิ้งคือรับของมาก่อนแล้วจ่ายเงินทีหลังแบบเดียวกับบัตรเครดิต ไนซ์รับของจากเอ็นพีซีมาขายหักกำไรไว้แล้วก็จ่ายทุนคืน ของชิ้นไหนขายไม่ได้ก็ส่งคืนได้เลยไม่มีปัญหาอะไรค่ะ”

    “ยิ่งสนิทกับเอ็นพีซีวงเงินก็ยิ่งสูง ระยะเวลาจ่ายเงินคืนก็นานขึ้นแถมไม่มีดอกเบี้ยเหมือนบัตรเครดิตจริงๆด้วยละนะ” กุห์ฟานบอกข้อมูลเพิ่มเติม

    ไนซ์นับนิ้วคำนวณไปมา “ระดับสกิลตอนนี้ประมาณสี่ร้อยเต็มพันส่วน ค้าขายอีกสักสองสามเดือนหรือไม่ก็ทำเพดานซื้อถึงสามล้านก็น่าจะเต็มละมั้ง”

    “เงินกำลังจะหมุนไป ๆ ๆ” อากิรอสฮัมเพลงประกอบโฆษณาของธนาคารแห่งหนึ่งพร้อมกับดีดเหรียญทองแดงให้หมุนอยู่บนโต๊ะ

    “พี่ขอเปิดดาวน์ไลน์ต่อท้ายไนซ์ได้ไหมเนี่ย ท่าทางจะกำไรดีน่าดู”

    ไนซ์หัวเราะเบาๆแล้วยิ้มหวานละไม “อย่างพี่เอเซคงไม่เหมาะกับการค้าขายหรอกมั้งคะ สไตล์พี่น่าจะเหมาะกับการเสี่ยงดวงในบ่อนหรือคาสิโน ถ้าว่างก็ลองแวะไปเมืองท่าชายทะเลทางตะวันออกนะคะ น่าจะถูกใจพี่มากกว่าไปเจรจาต่อรองราคากับเอ็นพีซีแน่นอน”

    พอได้ยินคำว่า ‘คาสิโน’ เท่านั้นแหละ ทั้งอากิรอสและเอเซต่างหูผึ่งทันที แต่ก่อนที่ทั้งสองจะได้ทันขยับตัวหรือถามอะไรเพิ่ม มือแข็งๆของทากะตะปบลงบนบ่าของผีพนันทั้งสองทันที “ถือว่าเราขอร้องนะสหาย จะเล่นก็เพลาๆมือบ้างอย่าให้เดือดร้อนถึงขนาดถูกขึ้นประกาศจับทุกเมืองเหมือนทุกทีเลยนะ”

    ทั้งสองส่งสัญญาณผ่านสายตา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าทันที

    “พี่ทากะ...ฝนจะตก แดดจะออก คนจะคลอดลูกห้ามได้ไหมละ?”

    หัวหน้าแคลนมัลดิโตยกมือขึ้นนวดขมับทันที

    หลังจากพักผ่อนเล็กน้อยแล้วชายหนุ่มทั้งสี่ก็กลายสภาพเป็นลูกมือชั่วคราวของไนซ์ ช่วยเธอยกกล่องหนักๆไปวางให้เป็นระเบียบหลังเคาท์เตอร์ พริบตาเดียวร้านก็โล่งขึ้นทันตา พวกกระสอบถูกวางซ้อนสุมริมกำแพง ลังกระดาษถูกส่งต่อขึ้นชั้นไม้ใหญ่จนหมดเกลี้ยง

    ไนซ์เข้าครัวทำอาหารสุดวิเศษตอบแทนแรงงานทั้งสี่

    พวกเขาจัดเตรียมไอเทมลงกระเป๋าเพื่อออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า เอเซและอากิรอสได้เป้สะพายหลังเพิ่มคนละใบ เป้สะพายมีคุณสมบัติเพิ่มน้ำหนักอีกห้ากิโลกรัมและเพิ่มช่องว่างอีกสิบช่อง ส่วนทากะมีกระเป๋าของอาชีพนักสำรวจอยู่แล้ว อุปกรณ์ช่วยเพิ่มน้ำหนักเป็นไอเทมที่สำคัญที่สุดสำหรับการเดินทางไกล ของใช้จำเป็นที่ผ่านกระบวนการคิดอย่างถี่ถ้วนของกุห์ฟานทยอยลงกระเป๋าทีละชิ้นจนหมด

    เหลือบมองเวลาก็เพิ่งห้าทุ่ม ไนซ์ชวนทุกคนไปเดินตลาดที่เพิ่งเปิดใหม่ บรรยากาศคึกคักผิดกับตอนกลางวันลิบลับ แผงลอยร้านค้าเต็มทุกบล็อก มีการแบ่งโซนขายของออกเป็นของใช้จำเป็นสำหรับการเก็บเลเวลอย่างพวกโพชั่นและของฟื้นพลังต่างๆ ถัดมาเป็นโซนอาวุธและเครื่องป้องกันของผู้เล่นสายคราฟไอเทม โซนของผู้เล่นทั่วไปที่นำของที่ได้จากมอนสเตอร์มาประกาศขายหรือแลกเปลี่ยนกัน ด้านรอบนอกตลาดกลายเป็นพื้นที่ประกาศหาปาร์ตี้ออกเก็บเลเวลช่วงกลางคืน

    ไนซ์เดินดูทุกร้านอย่างสนอกสนใจโดยมีกุห์ฟานเดินตามห่างๆ เอเซและอากิรอสไปร่วมวงแทงเสียที่ริมกำแพงและกลายสภาพเป็นเจ้าบ่อนไปโดยปริยายหลังจากผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมง ทากะเดินตลาดเผื่อจะเจอดาบคาตะนะบ้างแต่ก็ไม่มีเลยต้องไปหาข้อมูลภารกิจของเมืองเหนือและภารกิจตีดาบแทน








    งานเลี้ยงย่อมต้องเลิกรา ค่ำคืนสนุกสนานยาวนานดำเนินมาถึงรุ่งเช้า ขอบฟ้าทิศตะวันออกสว่างรำไรด้วยแสงสีแสดส้มเข้มเป็นสัญญาณของวันใหม่ บรรดาผู้เล่นที่ค้าขายร่วมกันมาทั้งคืนรวมกลุ่มเป็นปาร์ตี้ใหญ่ตั้งใจจะไปบุกเบิกพื้นที่ฝั่งตะวันตกด้วยกัน

    อากิรอสและเอเซเลิกกิจการบ่อนพนันด้วยกำไรมหาศาลจากบรรดาผู้เล่นที่ชื่นชอบเสี่ยงดวงชะตาและนิยมความเร้าใจ ทั้งสองคนเดินออกมาสมทบกับทากะ กุห์ฟานและไนซ์ที่ยืนรออยู่ด้านนอกก่อนแล้ว

    “สหายได้มาเยอะสิท่า”

    “เดินทางไกลต้องใช้ทุนเยอะ อย่างน้อยก็เอาไว้เป็นค่าเช่าโรงแรมระหว่างทางได้” เอเซโยนถุงเงินหนักๆให้ทากะ เขาเปิดมองจำนวนเหรียญในถุงอย่างทึ่งๆ

    “ไม่นึกเลยว่าจะมีเวลาที่สหายทั้งสองจะดวงมือขึ้นขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นเราก็ขอรับไว้ด้วยความเต็มใจละกัน”

    “พวกพี่จะไปกันเลยเหรอคะ?”

    ทั้งสามคนพยักหน้าพร้อมกัน

    “หวังว่าคงไม่ต้องไปเยี่ยมพี่ๆที่โรงพยาบาลพร้อมกันทั้งสามคนหรอกนะ”

    กุห์ฟานโดนรุ่นพี่ประเคนหมัดและเท้าเข้าใส่ด้วยข้อหาอวยพรได้เป็นมงคลอย่างที่สุด

    “นายนั่นแหละอย่าให้พวกเราต้องรีบกลับมาเพราะว่าหลงทางอยู่ข้างล่างจนต้องร้องไห้ขี้มูกโป่งหรอกนะ” อากิรอสตบบ่าน้องชายตัวแสบหนักแน่น ทากะตบบ่าซ้ายที่ว่างอยู่ เอเซไม่รู้จะตบมือลงตรงไหนเลยขยี้ผมสีแดงจนยุ่งไปหมด

    “ฝากดูแลน้องชายพี่ด้วยนะไนซ์”

    “จะดูแลอย่างดีชนิดยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม แต่ถ้าระดับบอสมาเองไนซ์ก็ช่วยอะไรไม่ได้นะคะ”




    เอเซยื่นกำปั้นออกมาสุดแขน สมาชิกร่วมแคลนอีกสามคนยกกำปั้นขึ้นประสานกันและแยกกันไปคนละทาง ทากะมุ่งหน้าขึ้นเหนือ อากิรอสวกลงใต้ลุยทะเลทรายและเอเซตัดออกทิศตะวันตกเพื่อท้าทายกับป่าดำ ไม่ว่าเบื้องหน้าจะมีอุปสรรคใดๆขวางอยู่ พวกเขาจะตะลุยฝ่าจนกว่าจะบรรลุวัตถุประสงค์ของตนเพื่อกลับมารวมกันเป็นหนึ่งอีกครั้ง
    soulmaster และ taleoftrue ถูกใจสิ่งนี้
  21. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    พอลุยกันเสร็จก็เตรียมไปผจญกับบอสคาสิโนทางตะวันออกสินะ >_<"
    Azemag ถูกใจสิ่งนี้
  22. soulmaster

    soulmaster Endorphinlism

    EXP:
    403
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    18
    งานนี้มีเหนื่อย

    ว่าแต่แคลนเซเลสที่รวมตัวกันใด้อย่างรวดเร็วและมีผู้เล่นมากมาย เป็นเพราะเล่นเกมอื่นมาก่อนหลายๆเกม หรือว่าประธานบริษัท บัญชาให้คนในบริษัทมาเล่นกันแน่นะ

    ระหว่างที่แยกกันลุย ไม่รู้ว่าจะไปจ๊ะเอ๋กันป่าว ^^
    Azemag ถูกใจสิ่งนี้
  23. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    เม้นท์สองตอนรวดเบย

    ตอน 13

    มันไม่ใช่หมออีวานแล้ว นี่มัน inner อีวาน เดอะ ซาลารี่แมนชัดๆ!! จริงๆรู้สึกว่า ฮีออกจะน่ามีความสุขที่อยู่ใน รพ.สาวๆรายล้อม แต่ดูจะไม่มีความสุขนะ...
    เป็นหมอที่ไม่รู้ว่าเก่งหรือไม่เก่ง เพราะฮีโวยวายแต่เรื่องงาน (ฮา)
    แต่ภารกิจไม่โหดไปหน่อยเหรอ ....... ไอ้มังกรนี่มัน ส่งอาเซไปตายชัดๆเลย

    เป็นตอนที่การบรรยายเป็นธรรมชาติมากๆ นั่นเพราะเขียนจากประสบการณ์จริงสินะ...

    ตอน 14

    ถ้าไปเล่นของจริง ผมไม่เอาด้วยหรอกนะไอ้วิ่งไปเหงื่อออกก็รู้สึกเหนื่อยเนี่ย (ฮา) แคลนมัลดิโต้สมพงศ์กับเรื่องคาสิโนเหรอครับ 5555

    สรุปคือ อาเซต้องไปตายคนเดียว การบรรยายถึงความน่ากลัวของป่าดำทำให้รู้สึกตลอดเวลาว่า อาเซมันจะกลับออกมาได้ยังไง(วะ)

    ว่าแต่หมดภารกิจนี้มีค่าตอบแทนจากหมอไหมเนี่ย

    ไนซ์ขายของเก่งมากกกกก นี่มันสายแม่ค้าชัดๆ กุห์ฟานด้อยไปเลยยย
    Azemag ถูกใจสิ่งนี้
  24. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    การพนันอยู่ในสายเลือดและจิตวิญญาณของมัลดิโตครับ

    ไม่ใช่แคลนของประธานหรอกครับ แต่เป็นแคลนใหญ่มาตั้งแต่สมัยเทสต์เบต้าแล้วก็เท่านั้นเอง

    ช่วยไม่ได้นี่ฮะ คุณหมอแกอดอยากปากแห้งมานานแล้ว เอเซซวยมากเข้ารพ.มาเป็นคนแรกเลยต้องรับหน้าที่ไปหาเนื้อมาให้ตาหมอแกทำเนื้อย่าง (ฮา)
  25. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    Grand Gaia Online 15 – Meeting





    ซารุวาตาริ ทากะ ย่ำเท้าลงบนหิมะ ลมหายใจกลายเป็นกลุ่มควันสีขาว ยอดเขายังอยู่อีกไกลและสูงอีกหลายพันฟุต องศาความชันเพิ่มขึ้นทุกฝีก้าว สายลมม้วนตัวลงมาพร้อมความเย็นยะเยือกระดับศูนย์องศาเซลเซียส ชายผ้าคลุมสีหม่นพลิ้วสะบัดส่งเสียงแข่งกับเสียงสายลมหวีดหวิว สี่วันตลอดการเดินทางเขาต้องผจญกับมอนสเตอร์สารพัดประเภทตั้งแต่ฝูงหมาป่าในทุ่งหญ้า ฝูงลิงเกือบร้อยตัวบนภูเขาแถมด้วยหมีดำคอยรังควานตลอดทาง สุดท้ายก็หลงทางต้องนอนกลางป่าหนึ่งคืนอย่างทุลักทุเล โชคดีที่มีหมู่บ้านเล็กๆกลางทางให้เขาพักเอาแรงหนึ่งคืนก่อนตะลุยภูเขาหิมะ

    นักสำรวจมือใหม่เรียกใช้งานสกิลแผนที่สามมิติเพื่อค้นหาตำแหน่งที่สามารถหยุดพักชั่วคราวได้ มีถ้ำเล็กๆแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นบนแผนที่ เยื้องขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ เขาแข็งใจเดินไปจนถึงปากถ้ำ ทรุดตัวลงนั่งเพราะความเหนื่อย หยิบชุดเสบียงพื้นฐานออกมากินเป็นมื้อเที่ยงชดเชยพลังกายที่เสียไป การเดินทางหรือต่อสู้ในภูมิอากาศผิดปกติอย่างหนาวจัดร้อนจัด ทำให้พลังกายลดลงเร็วขึ้นและฟื้นฟูช้ากว่าปกติ

    อีกเกือบสองชั่วโมง เขาขึ้นสู่ความสูงที่ระดับสามพันสองร้อยหกสิบสี่เมตรน้อยกว่าภูเขาไฟฟูจิอยู่เล็กน้อย เบื้องหลังความสูงนี้คือหุบเขาขนาดใหญ่โอบล้อมด้วยยอดเขาสีขาวอีกหลายลูก ใจกลางหุบเขาคือเมืองขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า ‘ไวท์พิลลา’ มองไปตรงไหนก็เห็นแต่สีขาวของหิมะขาวโพลนไปหมดยกเว้นปล่องควันสีแสดของบ้านทุกหลัง

    ผู้เล่นส่วนใหญ่ที่ดั้นด้นมาถึงที่นี่ส่วนมากเป็นผู้เล่นสายคราฟไอเทม เพราะเมืองนี้เป็นเมืองแห่งแร่ธาตุและวัตถุดิบ ในบรรดาภูเขาที่รายล้อมอยู่เป็นคือเหมืองแร่สารพัดชนิด มอนสเตอร์ในดินแดนแถบนี้ก็ให้ไอเทมเป็นสินแร่เช่นเดียวกัน

    ทากะหยุดอยู่หน้าร้านขายแร่แห่งหนึ่ง ประตูร้านเปิดออก กระดิ่งที่ประตูดังเตือนเมื่อมีลูกค้ามาเยือน ชายวัยกลางคนร่างท้วมเอนกายสูบซิการ์อยู่บนเก้าอี้โยกริมกำแพงส่งเสียงทักทายต้อนรับ

    “น้องชายมีอะไรจะซื้อหรือเอาอะไรมาขายละ?”

    “ขอดูแร่เหล็กสำหรับใช้ตีดาบหน่อยครับ”

    ชายวัยกลางคนวางซิการ์ไว้บนจานรอง ลุกขึ้นมายืนหน้าเคาท์เตอร์ “ดาบแบบไหนละ?”

    ทากะวางดาบคาตะนะไว้บนบาร์ เจ้าของร้านขายแร่เปิดหน้าต่างขึ้นมาตรวจสอบสถานะและคุณสมบัติของดาบ “เสียใจด้วยนะน้องชาย แร่สำหรับสร้างดาบชนิดนี้ตอนนี้ขาดตลาดอยู่น่ะ”

    ชายหนุ่มถอนหายใจ ร้านนี้เป็นร้านที่ห้าแล้วแต่ไม่มีสิ่งที่เขาตามหา

    “ลองไปหาที่เหมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือดูสิ แร่เหล็กที่น้องชายตามหาอยู่น่าจะหาได้ที่นั่น” เจ้าของร้านพูดขึ้นขณะที่ทากะกำลังจะออกจากร้าน

    ทากะก้มหัวให้ชายวัยกลางคนเล็กน้อย เสียงกระดิ่งดังเบาๆเมื่อประตูปิดสนิท เขาเปิดแผนที่ของเมืองนี้เพื่อมองหาตำแหน่งของผับ บาร์หรือร้านเหล้า สถานที่พื้นฐานในเกมอาร์พีจีสำหรับหาข่าวสารหรือรับภารกิจเพื่อแลกเปลี่ยนกับไอเทมที่ต้องการ หัวหน้าแคลนมัลดิโตเลือกไปที่ร้านเหล้าทางใต้ของเมือง สั่งเครื่องดื่มหนึ่งอย่างเพื่อเปิดเงื่อนไขพูดคุยกับเอ็นพีซี เขาถามหาตำแหน่งเหมืองแร่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ เอ็นพีซีให้ข้อมูลมาว่ามีเหมืองอยู่สามแห่งแต่มีเพียงแห่งเดียวที่เป็นเหมืองแร่เหล็กและโลหะ มีหมูบ้านเล็กๆของครอบครัวชาวเหมืองอยู่ใกล้ๆ

    เขาจ่ายค่าเครื่องดื่มและออกจากร้านเหล้าทันทีเมื่อได้ข้อมูลครบ หยิบเสื้อโค้ทสีน้ำตาลออกมาสวม

    “ท่าทางพายุจะมาแฮะ”

    กลุ่มเมฆสีเทาครึ้มจับกลุ่มให้เห็นแต่ไกล สายลมพัดผมสีดำปลิวสะบัด เกล็ดน้ำแข็งลอยละลิ่ว ทากะกระชับปกเสื้อโค้ทแล้วรีบออกเดินทางทันที











    ออกจากเมืองยังไม่ถึงห้านาที หมีขาวเจ้าถิ่นก็ออกมาต้อนรับเขา ทากะวิ่งหนีหน้าตั้งหลีกเลี่ยงการต่อสู้ที่ไม่จำเป็น แต่ยิ่งหนีหมีขาวกลับยิ่งรวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆไล่ล่าเขาไปตลอดทาง หุบเขาแคบและสูงชันขึ้นเรื่อยๆทุกฝีก้าว หมีขาวไล่กวดกระชั้นเข้ามาติดๆ

    “ให้มันได้อย่างนี้สิ”

    เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ทากะกระโดดขึ้นบนชะง่อนหินใกล้กับหน้าผา ดึงดาบคาตะนะออกมาตั้งพาดเฉียงๆ สูดลมหายใจตั้งสมาธิ ดาบคาตะนะสะบัดตัวเป็นวงโค้งในอากาศ น้ำแข็งที่เกิดจากหิมะทับถมบนหน้าผาถูกกรีดเป็นทางยาว เสียงน้ำแข็งร้าวฟังเหมือนเสียงแก้วถูกบดแตกละเอียด พอทากะเก็บดาบลงฝัก กำแพงน้ำแข็งและหิมะปริมาณมหาศาลพังทลายถาโถมถล่มลงสู่เบื้องล่างอย่างบ้าคลั่ง

    ทากะมองหุบเขาที่กลายเป็นลานสกีขนาดใหญ่ฝังทุกอย่างให้จมอยู่ใต้หิมะ

    อีกด้านของยอดเขาคือเหวลึก สายลมส่งเสียงอื้ออึงอยู่ในความมืดเบื้องล่าง หนทางไปต่อของหัวหน้าแคลนมัลดิโตคือไต่เลาะขอบหน้าผา ฝากชีวิตไว้กับทางเดินแคบๆลงสู่ก้นเหว สายลมกรรโชกรุนแรงเกือบจะพัดเขาตกลงสู่ความตายตั้งแต่วินาทีแรกที่เข้าสู่เส้นทางมรณะ ยิ่งเดินลึกลงไปกระแสลมยิ่งปั่นป่วนรุนแรง ทางเดินทั้งลาดชันคับแคบและลื่นท้าทายทุกย่างก้าวโดยมีชีวิตเป็นเดิมพัน

    เขากลับขึ้นมาจากโลกเบื้องล่างเมื่อสองผาบรรจบเป็นแผ่นดินผืนเดียว ด้านบนเป็นแอ่งกระทะขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยยอดเขาหลายลูกขึ้นเบียดซ้อนกัน ต้นสนสูงใหญ่แยกย้ายยืนท้าลมหนาว พายุหิมะเริ่มพัดกระหน่ำ เมฆครึ้มบดบังแสงอาทิตย์ ลมแรงหอบม้วนเกล็ดน้ำแข็งฟุ้งกระจายเป็นหมอกขาว ความหนาวเหน็บทิ้งตัวลงสู่พื้นพร้อมกับหิมะมากมาย

    ทากะขยับเสื้อโค้ทกระชับตัว หยิบผ้าคลุมออกมาสวมไว้อีกชั้นหนึ่ง ใช้ผ้าผืนใหญ่พันรอบหัวและคอ สวมแว่นตากันลมสีดำ เดินฝ่าพายุที่แรงขึ้นเรื่อยๆ พอเดินลงเนินได้ประมาณยี่สิบเมตร เขารู้สึกได้ว่ามีตัวอะไรบางอย่างตามหลังมา มันซ่อนตัวในหิมะและกระแสลมเมื่อเขาหยุด ขยับตามมาช้าๆเมื่อเขาเริ่มเดินอีกครั้ง ทากะทดลองเดินๆหยุดๆอยู่หลายทีจนมั่นใจว่าเขาไม่ได้คิดมากไปเอง มือขวาขยับข้ามมาจับด้ามดาบเตรียมพร้อมรับมือเหตุการณ์ฉุกเฉิน

    ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!

    เสียงวัตถุพุ่งแหวกอากาศมาจากด้านหลัง ทากะทิ้งตัวลงกับพื้นกลิ้งออกจากจุดเดินที่เคยยืนอยู่ หางตาเหลือบเห็นแท่งน้ำแข็งสามแท่งพุ่งหายไปในหมอกขาว

    เสียงตีปีกของมอนสเตอร์ที่มุ่งร้ายทากะดังแข่งกับเสียงพายุ

    “มังกรน้ำแข็ง?”

    เสียงแท่งน้ำแข็งแหวกอากาศดังแว่วมาอีกครั้ง คราวนี้มาพร้อมกันถึงห้าแท่ง ทากะโผตัวหลบออกห่าง พื้นหิมะโดนแท่งน้ำแข็งเจาะเป็นหลุมลึก เขาเปิดใช้สกิลเพิ่มความสามารถการมองเห็นของอาชีพนักสำรวจเพื่อตรวจสอบศัตรู

    ครั้งนี้เขาเดาผิด มอนสเตอร์ตัวนั้นไม่ใช่มังกรน้ำแข็งอย่างที่คิด

    สัตว์ขนาดใหญ่มีหัวเป็นอินทรีย์แต่มีร่างกายเป็นราชสีห์ เท้าหน้าคือกรงเล็บแหลมคมหนึ่งคู่ หางเป็นพญาอสรพิษ ทุกส่วนเป็นน้ำแข็งสีขาวมันวาวราวกับถูกแกะสลักมาอย่างประณีต สัตว์ประหลาดในตำนานปกรณัม ‘Gryphon’ เพียงแต่เจ้าตัวนี้มีร่างกายเป็นน้ำแข็ง ดังนั้นจึงได้ชื่อว่า ‘Icing Gryphon’ มอนสเตอร์บอสระดับเดียวกับ Fenrir

    แต่ครั้งสู้บอสหมาป่ายังต้องช่วยกันรุมถึงหกคนกว่าจะล้มได้ ตอนนี้มีแค่เขาคนเดียวทากะจึงตัดสินใช้กลยุทธ์สุดท้ายของสามสิบหกประการรบของซุนวู - หนีคือยอดกลยุทธ์

    แต่กริฟฟอนไม่ยอมให้เหยื่อของมันหลบหนีง่ายๆ มันกระพือปีกบินเข้าหาด้วยความเร็วเกินคาดจากขนาดร่างกายที่ใหญ่โต พริบตาเดียวทากะก็อยู่ในระยะสังหารของมัน กรงเล็บน้ำโฉบคว้าเฉียดไหล่ซ้ายของชายหนุ่มไป ทากะตอบโต้ดีกว่ารอความตายแทงดาบเข้ากลางอกตรงตำแหน่งหัวใจของศัตรู ทว่าดาบคาตะนะที่ขึ้นชื่อเรื่องความคมเป็นเลิศกลับทำได้เพียงกะเทาะเกราะน้ำแข็งบางๆเท่านั้น หางซึ่งเป็นอสรพิษตวัดโค้งฝังเขี้ยวลงในแขนซ้ายของทากะ เขาฝืนความเจ็บกระชากแขนออก เลือดหยดย้อมหิมะสีขาวจนแดงเป็นหย่อม

    ครึ่งสิงโตครึ่งอินทรีย์บินอ้อมเป็นวงกว้างจู่โจมด้วยแท่งน้ำแข็งจากระยะไกล ทากะวิ่งหลบและปัดแท่งน้ำแข็งที่หลบไม่ทันด้วยดาบ พร้อมกับกวาดตามองหาเส้นทางที่จะหนี พอละสมาธินิดเดียวกริฟฟอนก็โฉบเข้ามาโจมตีอีกครั้ง เขากระโดดหลบออกนอกรัศมีกรงเล็บเพราะรู้ดีว่าจะถูกหางโจมตีจากมุมอับ ทากะจะยันตัวลุกขึ้นแต่ทำไม่ได้

    “ให้มันได้อย่างนี้สิ” ทากะมองดูแขนซ้ายของตัวเอง ต่ำกว่าข้อศอกลงไปกลายเป็นก้อนน้ำแข็งใสปิ๊งไปแล้ว

    หัวหน้าแคลนมัลดิโตหยิบยาออกมาขวดหนึ่ง เทราดของเหลวสีแดงลงบนแขนซ้าย เขาเรียกไอเทมชนิดนี้ว่า ‘ยาร้อน’ เป็นไอเทมที่ขาดไม่ได้สำหรับการตะลุยพื้นที่เมืองหนาว สรรพคุณช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นลดการเสียพลังกายและรักษาอาการบาดเจ็บจากน้ำแข็งกัดได้ ถึงครั้งนี้จะแก้พิษจากหางกริฟฟอนไม่ได้แต่ก็ช่วยชะลอการกลายเป็นน้ำแข็งได้ก็ยังดี

    พอขวดเปล่าตกถึงพื้นและสลายไปทากะก็ออกตัววิ่งหน้าตั้งทันที กริฟฟอนบินไล่ตามมาติดๆแต่เขาก็มีทีเด็ดก้นหีบเพื่อใช้เอาตัวรอดในสถานการณ์แบบนี้เหลืออยู่ คริสตัลในมือขวาเรืองแสงขึ้นตอบสนองความตั้งใจของผู้ใช้ เกิดแสงสว่างจ้ารบกวนการมองเห็นของกริฟฟอน ทากะหายตัวไปเมื่อแสงดับลง กระทั่งรอยเท้าก็ไม่มีให้เห็น บอสบินวนเวียนอยู่แถวนั้นสักพักหนึ่ง เมื่อแน่ใจว่าเป้าหมายหายไปแล้วก็บินย้อนกลับไปที่ทางยอดเขาที่ทากะใช้เดินทางเข้ามา ส่วนตัวนักสำรวจผมดำยืนมองกริฟฟอนจากไปจากยอดเขาอีกแห่งหนึ่ง

    ไอเทมที่เขาใช้คือ ‘คริสตัลล่องหน’ เป็นไอเทมที่ได้มาตั้งแต่ตอนเลือกอาชีพนักสำรวจ ใช้ได้เพียงห้าครั้งเท่านั้น

    ทากะรีบเดินทางต่อก่อนที่ผลของยาร้อนจะหมด ถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ











    เดินฝ่าพายุหิมะที่กระหน่ำลงมาไม่ขาดสายอีกเกือบสองชั่วโมง มาถึงบริเวณที่น่าจะเคยเป็นไร่หรือแปลงพืช เพียงแต่ตอนนี้พื้นที่ทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยหิมะไม่อาจปลูกอะไรได้ทั้งนั้น เขามองหมูบ้านที่สร้างขึ้นอย่างโดดเดี่ยวกลางหุบเขา รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่รั้วไม้รอบหมูบ้านทำจากสนสูงใหญ่แข็งแรงดูไปคล้ายป้อมปราการ

    ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพย่ำแย่ น้ำแข็งลามขึ้นมาถึงเกือบไหล่ยังฝืนทำหน้านิ่งแม้ว่าจะเจ็บปวดด้วยความรู้สึกคล้ายถูกลวดเหล็กรัดไปทั้งแขน ชาวบ้านที่เฝ้ายามอยู่หน้าประตูวิ่งออกมารับเขาไปรักษาตัวทันที หัวหน้าแคลนมัลดิโตเจอทั้งรมยา ทั้งประคบร้อน แถมด้วยยาต้มขมๆอีกถ้วยใหญ่ถึงจะแก้พิษน้ำแข็งจากกริฟฟอนได้

    หลังจากนั้นเขาก็ถูกพาไปพบหัวหน้าหมู่บ้าน...เพื่อรับฟังคำขอร้องบางอย่าง

    “มีเรื่องอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ?”

    ชายชราหัวหน้าหมู่บ้าน อายุเก้าสิบกว่าปี ทั้งผมและหนวดเคราต่างเป็นสีขาวปลอด ไม่ตอบคำถามแต่ถามกลับด้วยคำถามพื้นฐาน “พ่อหนุ่มเดินทางมาจากที่ไหนกัน?”

    นักสำรวจผมดำตอบว่ามาจากเมืองอารันด์

    “เดินทางมาไกลอย่างนี้แสดงว่ามาตามหาของบางอย่างใช่ไหมละ?”

    “ครับ...มาตามหาแร่เหล็กไปสร้างอาวุธ เจ้าของร้านเหล้าในเมืองไวท์พิลลาแนะนำให้มาที่หมู่บ้านนี้”

    ชายชราถอนหายใจ “เจ้ามาช้าไปหน่อยนะ”

    หัวหน้าหมู่บ้านเล่าให้ทากะฟังว่า เมื่อหนึ่งเดือนก่อนหลังจากเก็บเกี่ยวพืชผลเพื่อเป็นเสบียงสำหรับทำเหมืองตลอดฤดูหนาว มีมนุษย์หนู ‘วิลเลียม’ พาลูกน้องนับร้อยบุกเข้ามาขโมยเสบียงและยึดถ้ำทางลงเหมืองเป็นรังหนูไปแล้ว ตอนนี้ชาวบ้านกำลังเจอปัญหาขาดแคลนเสบียงและไม่สามารถลงไปขุดแร่ออกมาขายได้เป็นเงินไปซ้ำสอง

    “พวกเราทำมาหากินด้วยการขุดดินขุดหิน เรื่องการต่อสู้คงทำไม่ได้ ถ้าหากพ่อหนุ่มต้องการแร่เหล็กละก็คงต้องช่วยพวกเราขับไล่วิลเลียมกับลูกสมุนไปให้ได้เท่านั้น”

    “มีทางเลือกนี้เพียงทางเดียว...สินะครับ”

    ชายชราหัวหน้าหมู่บ้านชาวเหมืองพยักหน้าเล็กน้อย

    “ตกลงครับ ผมจะหาทางไล่วิลเลียมออกไปให้เอง” ทากะตอบรับภารกิจทันที ที่เขามาที่หมู่บ้านนี้ก็เพราะแร่เหล็ก หากขาดแร่เหล็กเขาก็ไม่สามารถสร้างดาบเล่มใหม่ได้ เขาเลือกจะเดินหน้าต่อโดยไม่ยอมถอยหลังหนีปัญหา

    นี่คือคติประจำใจของซารุวาตาริ ทากะ

    “นี่ก็เย็นมากแล้ว ช่วยจัดหาที่พักให้พ่อหนุ่มนักเดินทางคนนี้หน่อยละกัน พรุ่งนี้ค่อยมาคุยกันว่าจะเอายังไงต่อ” ชายชราบอกกับลูกบ้านแล้วสะดุ้งเหมือนนึกอะไรออกอีก “พ่อหนุ่มเป็นนักสำรวจสินะ?”

    “ใช่ครับ”

    “ถ้าอย่างนั้นลองไปที่โรงแรมดูสิ ได้ยินว่ามีคนของสมาคมนักสำรวจมาสำรวจภูเขาแถวนี้ตั้งเกือบปีแล้ว เขาน่าจะช่วยอะไรได้ไม่มากก็น้อยละนะ”

    “ขอบคุณมากครับ”











    ชาวบ้านจะพาทากะไปพักที่บ้างหลังหนึ่งซึ่งว่างอยู่แต่เขาปฏิเสธและขอให้พาไปที่โรงแรงเพื่อพบกับคนของสมาคมนักสำรวจ โรงแรมเป็นอาคารสองชั้นเก่าๆแต่ไม่ถึงกับทรุดโทรม สีน้ำเงินบนฝาผนังซีดจางไปบ้างเพราะแดดฝนลมและน้ำแข็ง

    รายชื่อแขกมีอยู่คนเดียว ‘เฟรเทียร์ เอเดลไรย์’ ห้องสุดท้ายหมายเลขสองหนึ่งศูนย์

    มีเสียงตอบรับแบบงัวเงียๆเหมือนคนเพิ่งตื่นนอนหลังจากทากะเคาะประตู หญิงสาววัยยี่สิบต้นๆไม่เกินยี่สิบห้าปี สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่กับกางเกงขาสั้น ผมสีดำยุ่งเหยิงยาวประบ่า เปิดประตูออกมาต้อนรับแขกยามเย็นอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

    “มีไร?” เฟรเทียร์ถามพร้อมสะลึมสะลือขยี้ตาให้มองเห็นชัดๆ ชาวบ้านที่นำทางทางกะมาบอกข้อมูลให้เธอรู้ เธอพยักหน้าว่าเข้าใจในบางจังหวะผสมกับหาวง่วงนอน ส่วนทากะก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับท่าทีของหญิงสาวเพราะปกติก็ทำหน้ามึนไร้ความรู้สึกเป็นปกติอยู่แล้ว

    พอชาวบ้านขอตัวกลับไปแล้วจึงเหลือทากะและเฟรเทียร์อยู่ในห้องสองคน คนหนึ่งนั่งง่วงอีกคนนั่งมึนดูหิมะตก และก็เป็นหญิงสาวที่ทนไม่ได้ต้องพูดขึ้นมาเบาๆ

    “ต้องการอะไรละ?”

    ทากะไม่ได้สนใจจะฟังตั้งแต่แรกจนโดนขว้างกระป๋องเปล่าเข้าใส่ เขาขยับตัวหลบก่อนที่กระป๋องเปล่าจะกระทบหน้าผากแล้วเอนกลับมานั่งตรงเหมือนเดิมในพริบตา

    “หือ? ตะกี๊คุณเฟรเทียร์พูดอะไรรึเปล่า?”

    “ฉันถามว่านายต้องการอะไร? ข้อมูล แผนที่หรือว่าอะไรกันแน่ ตาทึ่มเอ๊ย!”

    “อ๋อ...มีอะไรก็เอาอันนั้นแหละ”

    เฟรเทียร์ตั้งใจจะหยิบขวดเปล่าใกล้มือขว้างใส่เขาอีกทีแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เดินไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำครู่ใหญ่และกลับออกมาด้วยท่วงท่ากำลังมัดผมสีดำเป็นทรงหางม้า เปลี่ยนกางเกงขาสั้นเป็นกางเกงขายาวสีน้ำตาลเข้ม หน้าตาสดใสขึ้นมาบ้าง หากมองอย่างพิจารณาแล้วก็ถือว่าเธอเป็นผู้หญิงที่หน้าตาสะสวยรูปร่างได้สัดส่วนพองามน่ามองคนหนึ่ง

    แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับการเปลี่ยนแปลงของเธอมากนัก

    เฟรเทียร์เปิดหน้าต่างขึ้นมาหนึ่งช่อง ดวงตาสีเขียวไล่อ่านข้อมูลอย่างรวดเร็ว “เป็นนักสำรวจแต่ยังไม่เคยทำภารกิจอะไรกับทางสมาคมเลย แบบนี้แย่หน่อยนะ”

    “แล้วต้องทำแบบไหนถึงจะไม่แย่ละ”

    “ก็ต้องทำภารกิจในนามของสมาคมนักสำรวจน่ะสิ” เฟรเทียร์ตอบคำถามยิ้มมุมปากมีเลศนัย ดวงตาสีเขียวซ่อนความซุกซนในใจไม่ได้

    “ฉันมาที่นี่เพื่อทำแผนที่ภูเขาแถบนี้กับสำรวจพันธุ์พืชเมืองหนาว แต่เผอิญว่าภูเขาที่ฉันต้องการสำรวจมีพวกตัวกวนอยู่ค่อนข้างเยอะ เท่าที่เห็นข้อมูลนายก็มีทักษะต่อสู้อยู่บ้างขอแค่ช่วยคุ้มกันฉันระหว่างเดินทางก็พอ แค่นี้คงไม่ยากใช่ไหมละ?”

    “ยากรึเปล่าไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ใจคือไม่ง่ายแน่ๆ” ทากะตอบกลับหน้ามึนๆ ปลดดาบคาตะนะออกจากเอวส่งให้เฟรเทียร์ “ให้ผมสู้แทนไม่มีปัญหา แต่ปัญหาคือดาบเล่มนี้จะพังเสียก่อนภารกิจคุ้มครองคุณเฟรเทียร์จะเสร็จสิ้นน่ะสิ”

    เฟรเทียร์จุ๊ปาก “ก็มัวแต่เอาค่าประสบการณ์ทั้งหมดไปขึ้นสกิลต่อสู้จนเกินหน้าเกินตาสกิลประจำอาชีพน่ะสิ สกิลวิเคราะห์ไอเทมกับสกิลซ่อมแซมเบื้องต้นถึงไม่มียังไงละ ถามจริงๆเหอะนี่นายรู้อะไรเกี่ยวกับอาชีพนักสำรวจบ้างเนี่ย”

    “ที่เลือกเล่นก็เพราะมีสกิลแผนที่ สกิลติดตัวอย่างแดชแล้วก็สกิลปรุงอาหารเท่านั้นแหละ” ทากะตอบไปตามจริงและก็ยิ่งสร้างความระอาให้กับนักสำรวจสาวอย่างเฟรเทียร์

    “ฉันจะบอกอะไรเอาบุญให้นะพ่อมือใหม่สุดทึ่ม อาชีพนักสำรวจเป็นพื้นฐานของอาชีพระดับสูงที่หลากหลายทั้งบีสมาสเตอร์ เกรทฮันเตอร์ จีโอกราฟเฟอร์หรือจะสวิทซ์ไปสายอาชีพสร้างไอเทมอย่างอัลเคมิสต์ยังได้เลยขอเพียงแค่นายเรียนรู้สกิลพื้นฐานให้ครบก็พอ”

    ชายหนุ่มลืมตากว้างขึ้นเล็กน้อย กำมือขวาทุบกับฝ่ามือซ้าย พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นนิดๆ “อ้อ เป็นแบบนี้นี่เอง”

    เจอการประชดแบบนี้เข้าเฟรเทียร์ก็ฟิวส์ขาด ขาซ้ายงัดหนังสือเล่มโตที่อยู่บนพื้นใส่หน้าทากะ เขาคว้าหนังสือเล่มนั้นไว้ง่ายๆ พลิกมาปัดฝุ่นบนหน้าปกแล้วอ่านชื่อหนังสือออกเสียงดังๆ “คู่มือการใช้ชีวิตในภูเขาหิมะ...ขอบคุณนะครับที่ยกหนังสือเล่มนี้ให้”

    “ใครบอกว่าฉันยกให้นายกัน!?”

    เฟรเทียร์เดินเข้ามาจะคว้าหนังสือคืนไปแต่ก็พลาดเป้าเพราะชายหนุ่มเลื่อนมือออก หญิงสาวเท้าสะเอวถลึงตามอง ทากะจึงยอมคืนหนังสือให้พร้อมกับรอยยิ้มอย่างผู้เหนือกว่า

    “ถ้าอยากได้หนังสือก็ต้องทำงานให้ฉัน ถ้าผลงานดีก็อาจช่วยปลดล็อกสกิลซ่อมแซมไอเทมให้นายด้วยก็ได้นะ”

    “…ไปล่าเจ้าวิลเลียมคงจะดีกว่าแฮะ”

    ทากะขยับจะลุกยืนแต่เฟรเทียร์กดไหล่ทั้งสองข้างของเขาให้กลับไปนั่งและยิ้มอย่างผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่าบ้าง “นายก็รู้ดีนี่นา สภาพดาบของนายตอนนี้อย่าว่าแต่จะไปตีเจ้าวิลเลียมเลย แค่พวกลูกกระจ๊อกหน้าถ้ำก็ไม่รอดแล้ว แต่ถ้ายอมทำงานให้ฉันก่อน ฉันจะซ่อมดาบเล่มนี้ให้อยู่ในสภาพใช้งานได้จนกว่านายจะออกจากหมู่บ้าน โอเครึเปล่า?”

    “นอกจากนี้ฉันยังมีข้อมูลเด็ดๆของเจ้าวิลเลียมซึ่งอาจเป็นประโยชน์กับนายก็เป็นได้นะ”

    ทากะนั่งทำหน้ามึนมองหญิงสาวฉีกยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้ม “ตกลง”

    “ก็แค่นั้นเอง” เฟรเทียร์โยนหนังสือใส่อกทากะ “คืนนี้เอาไปอ่านให้ขึ้นใจ พรุ่งนี้เช้าเจอกันที่ล็อบบี้ตอนเจ็ดโมงแล้วค่อยไปหาหัวหน้าหมู่บ้านด้วยกัน”

    ทากะยังไม่ทันจะตอบอะไรก็ถูกผลักหลังออกมายืนนอกห้องแล้ว

    “เจ็ดโมงเช้า ห้ามสายแม้แต่วินาทีเดียว โอเคนะ?”

    ประตูห้องสองหนึ่งศูนย์ปิดสนิทตบท้ายด้วยเสียงล็อกกลอน ทากะถอนหายใจเบาๆมองหนังสือในมือแล้วเดินลงไปที่ล็อบบี้ชั้นหนึ่งเพื่อเช่าห้องพักเป็นที่ซุกหัวนอน เขาใช้เวลาทั้งคืนอ่านหนังสือคู่มือการใช้ชีวิตในภูเขาหิมะที่ได้รับมาชั่วคราว











    หกโมงสี่สิบเขาลุกจากเตียง คว้าเป้คู่ใจสะพายบ่าลงไปชั้นหนึ่งตั้งใจจะไปรอเฟรเทียร์ที่ล็อบบี้ แต่พอเดินเลี้ยวบันไดลงไปก็เจอนักสำรวจสาวนั่งดื่มกาแฟรออยู่ก่อนแล้ว ทากะเดินไปสั่งกาแฟและยกมานั่งร่วมโต๊ะกับเธอ บนโต๊ะเต็มไปด้วยกระดาษโน้ตมากมาย เขาคว้าขึ้นมาอ่านแผ่นหนึ่ง

    “นี่ตาทึ่ม มานั่งโดยที่ฉันยังไม่เชิญก็เสียมารยาทมากพอแล้วยังมีหน้ามาหยิบงานของฉันไปอ่านโดยไม่ขอก่อนอีกนะ” เฟรเทียร์คว้ากระดาษกลับมาและสะดุดกับรอยยิ้มมุมปากของทากะ

    “มีอะไรน่าขำรึไง จะบอกว่าลายมือของฉันมันห่วยสินะ?”

    ทากะไม่ตอบคำถาม ยกกาแฟขึ้นมาละเลียดจิบ “กาแฟของที่นี่หอมดีนะครับ”

    หญิงสาวเบ้ปากใส่เขาทีหนึ่งแล้วสงบใจจัดเรียงเอกสารเป็นสามกอง หยิบเข็มเล่มใหญ่ออกมาร้อยเชือกหนังวัวเย็บสันกระดาษอย่างรวดเร็ว กระดาษสามกองกลายเป็นหนังสือทำมือง่ายๆสามเล่ม

    “นักสำรวจมีโอกาสสวิทซ์เป็นนักเขียนหรือผู้ประพันธ์ได้ด้วยสินะ”

    “สมองทึ่มๆอย่างนายคงเป็นไม่ได้หรอก” เฟรเทียร์ประชดกลับ จัดของลงกระเป๋าถือใบกะทัดรัดจนหมด

    “ไปกันได้แล้ว ตาทึ่ม!”




    ทากะยักไหล่ ยกแก้วกาแฟดื่มรวดเดียวหมด หยิบเสื้อโค้ทขึ้นมาสวมแล้วเดินตามเธอไป
    Ryuto, soulmaster และ joi100 ถูกใจสิ่งนี้

Share This Page