Grand Gaia Online บทที่ 45 [ UPDATE ]

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย Azemag, 10 ตุลาคม 2012.

  1. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    Grand Gaia Online 16 – Duo Explorers




    “จะออกไปสำรวจหุบเขาทางเหนืองั้นรึ?” หัวหน้าหมู่บ้านถามขึ้นขณะร่วมรับประทานอาหารเช้ากับเทียร์ เอเดลไรย์ นักสำรวจสาวเจ้าหน้าที่จากสมาคมนักสำรวจ และซารุวาตาริ ทากะซึ่งเดินทางมาที่หมู่บ้านแห่งนี้เพื่อหาแร่เหล็กไปใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับสร้างดาบเล่มใหม่ โชคร้ายตรงที่หมู่บ้านแห่งนี้กำลังเผชิญวิกฤตหลายอย่าง และเขาจำเป็นต้องช่วยแก้ปัญหาเหล่านั้นด้วย

    “ใช่ค่ะ เหลือแต่ทางนั้นที่ยังไม่ได้สำรวจให้ละเอียด พอดีได้เพื่อนร่วมอาชีพคนนี้เป็นคนคุ้มกันให้ก็คิดว่าน่าจะพอไหว”

    “แล้วจะปล่อยเจ้าวิลเลียมไว้อย่างนั้นหรือ? เกิดมันยกพวกมาบุกหมู่บ้านอีกครั้งพวกเราคงต้านไว้ไม่ไหว ถึงตอนนั้น...”

    สีหน้าของชายชราเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความกังวล

    “เรื่องนั้นยังไม่น่าเป็นกังวลเท่าไรค่ะ ตอนนี้รอบๆหมู่บ้านได้เสริมแนวป้องกันไว้แข็งแรงแล้วคงพอต้านอยู่ได้สักระยะหนึ่ง ส่วนเรื่องเสบียงอาหารถ้าทำตามที่เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้แล้วก็ไม่น่ามีปัญหาเช่นกัน ต้องขออภัยด้วยที่ช่วยเหลือได้แค่นี้เพราะภารกิจของสมาคมนักสำรวจต้องมาก่อน แต่รับรองได้ว่าหากงานของฉันเสร็จสิ้นเมื่อไรจะรีบกลับมาช่วยทันทีค่ะ”

    หญิงสาวยื่นหนังสือที่เธอเพิ่งทำเสร็จให้กับหัวหน้าหมู่บ้าน เขารับไปอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจ แววตาส่องประกายแห่งความหวัง

    “ข้าจะรีบดำเนินการเลย”









    ทานข้าวเช้ากันอิ่มแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านรีบเรียกลูกบ้านที่ไว้ใจได้มาสั่งงานทันที เฟรเทียร์และทากะจึงขอตัวไปเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางของพวกเขาบ้าง ทั้งคู่จึงมุ่งหน้ากลับสู่โรงแรม

    หุบเขาที่เฟรเทียร์ต้องการไปสำรวจอยู่ทางเหนือค่อนไปทางตะวันตกของหมู่บ้าน ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งวันครึ่ง ไปกลับรวมสามวัน และถ้ารวมกับเวลาที่ต้องสำรวจพื้นที่แล้วคงใช้เวลาห้าถึงเจ็ดวัน ของใช้ที่ต้องเตรียมให้พร้อมและขาดไม่ได้จึงมีมากมาย ห้องสองศูนย์เก้าตรงข้ามกับห้องสองหนึ่งศูนย์ที่เฟร์เทียร์ใช้เป็นห้องพักคืออีกห้องหนึ่งที่เธอเช่าไว้เพื่อไว้ใช้เก็บของต่างๆ

    สภาพห้องสองศูนย์เก้าตอนแรกยังเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่พอเฟร์เทียร์เข้าไปไม่เกินห้านาทีทุกอย่างก็กระจัดกระจายกลายเป็นห้องรกๆห้องหนึ่งทันที

    “นี่ตาทึ่มอย่ามัวแต่ยืนอยู่เฉยๆ ยกกล่องตรงนั้นไปวางไว้หน้าห้องโน้นแล้วกลับมายกตะกร้านี่ไปด้วย”

    ทากะหันซ้ายหันขวาพบว่าไม่มีใครแล้วก็เอามือชี้ตัวเอง เฟรเทียร์ยืนเท้าสะเอวจ้องปานจะกินเลือดกินเนื้อ เขาเลยต้องยอมเป็นลูกมือให้เธอชี้นิ้วสั่งชั่วคราว

    “ตอนแรกมันก็ไม่เยอะอย่างนี้หรอก พอทำงานไปแล้วเจอปัญหาหลายอย่างก็ต้องหาเครื่องไม้เครื่องมือมาเพิ่ม พอบอกสมาคมไปว่าอยากได้ของเพิ่มพวกเขาก็เลยเปิดเป็นภารกิจให้ผู้เล่นเอาของมาส่งให้ที่นี่ แต่หลังๆไม่ค่อยมีใครอยากทำภารกิจนี้แล้วเพราะว่าเดินทางไกลไม่คุ้มค่าแถมยังเสี่ยงเจอกริฟฟินกลางทางเหมือนนายอีกต่างหาก”

    นักสำรวจสาวผมดำนัยน์ตาสีเขียวเป็นฝ่ายชวนคุย

    “แล้วคุณเฟรเทียร์ผ่านเจ้ากริฟฟินนั่นมาได้ยังกันละ?”

    “ก็เหมือนนายนั่นแหละ” หญิงสาวตอบพลางค้นลังเหล็กใบใหญ่จนแทบจะมุดเข้าไปอยู่ด้านในแทน “ไม่รู้ใช่ไหมละว่าถ้าใช้คริสตัลครบห้าครั้งแล้วไปทำภารกิจกับสมาคมแล้วจะได้ก้อนใหม่มาใช้น่ะ”

    “อ้อ! แบบนี้นี่เอง”

    ทากะประชดด้วยประโยคเดิมแต่ไม่ทันจะเอากำปั้นขวาทุบฝ่ามือซ้ายเพราะต้องใช้มือทั้งสองรับรองเท้าคู่หนึ่งที่ลอยเข้ามาแทน

    “นั่นของนาย” เฟรเทียร์บอกแล้วก้มหน้าขุดหาของในลังต่อไป

    ชั่วโมงกว่าๆเธอก็ได้ของที่ต้องการครบทั้งหมด มีรองเท้าบูทกันหิมะ เป้ใบใหญ่แบบมีฮู้ดคลุมกันน้ำกันฝน รอกขนาดต่างๆจำนวนมากและเชือกอีกหลายม้วน แว่นตากันลม กล่องพลาสติกขนาดฝ่ามืออีกหลายสิบใบ ถุงผ้าร่มสีเขียวเข้ม ผ้าใบผืนใหญ่ เต็นท์และถุงนอน กระบอกเก็บความร้อน หม้อสนามพร้อมเครื่องครัวและของใช้อื่นๆที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต

    ของทุกอย่างมีสองชุด หนึ่งชุดคือของเธอ อีกหนึ่งคือของทากะ

    “นายต้องใช้พวกโพชั่นด้วยใช่ไหม? เดี๋ยวค่อยลงไปซื้อที่ร้านละกัน จะได้แวะไปหาวัตถุดิบมาซ่อมดาบให้นายด้วย”

    ชายหนุ่มกระพริบตาปริบๆดูเสื้อแจ็กเก็ตแขนยาวสีส้มบาดตาในมือ “ขอตัวอื่นที่ไม่ใช่สีนี้ได้ไหมครับ?”

    “เรื่องมากจริงเลย”

    เฟรเทียร์ยัดแจ็กเก็ตสีชมพูของตัวเองให้เขาและหยิบตัวสีส้มมาถือไว้เอง ทากะมองเสื้อสีชมพูตาปริบๆอีกครั้งแล้วคืนให้เธอ จากนั้นลงมือคุ้ยลังเสื้อผ้าด้วยตัวเอง

    “เอ้า! ไม่อยากได้สีส้มก็นึกอยากได้สีชมพูซะอีก” หญิงสาวพูดติดขำอย่างสะใจ

    หลังจากจัดข้าวของเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ปาร์ตี้ชั่วคราวของสองนักสำรวจก็ออกจากโรงแรมมุ่งหน้าไปที่กลางหมู่บ้านตามที่หัวหน้าหมู่บ้านส่งคนมาบอก เดิมกลางหมู่บ้านเป็นลานกว้างสำหรับให้พ่อค้าจากเมืองไวท์พิลลามาตั้งแคมป์รับซื้อแร่ไปขายต่อแต่ตอนนี้กลายเป็นอาคารหลังใหญ่ไปแล้ว ด้านในอาคารคือโรงเรือนอีกหลังหนึ่ง เฟรเทียร์บอกว่านี่คือหลักสำคัญของการปลูกพืชในพื้นที่ที่หิมะตกหนัก อาคารสองชั้นจะช่วยป้องกันอากาศเย็นจากภายนอกและรักษาอุณหภูมิภายในไว้ได้

    และภายในโรงเรือนคือสิ่งที่นักสำรวจสาวภูมิใจนำเสนอ

    หลุมขนาดใหญ่เกือบเท่าตัวโรงเรือน ลึกประมาณสองเมตรครึ่ง ที่ก้นหลุมมีท่อเหล็กวางพาดกันเป็นสัญลักษณ์เวทมนต์ที่ทุกคนรู้จักเป็นอย่างดี --- สัญลักษณ์ดาวเดวิด ปกติดาวเดวิดจะอยู่ภายในวงกลมและล้อมรอบด้วยสัญลักษณ์จักรราศีทั้งสิบสอง แต่ครั้งนี้กลับอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม ถ้ามองจากจุดที่พวกเขายืนอยู่จะกลายเป็นดาวเดวิดอยู่ในสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด

    “ท่อเหล็กพวกนี้เชื่อมกับเตาเผาทำให้พื้นดินอุ่นตลอดเวลาและช่วยให้อุณหภูมิของทั้งโรงเรือนเหมาะสมสำหรับปลูกพืช” เฟรเทียร์เริ่มต้นอธิบาย “วันไหนที่อากาศแจ่มใสไม่มีหิมะตกหลังคาด้านบนสามารถเปิดออกรับแสงได้โดยตรงและช่วยถ่ายเทอากาศเก่าออกไปด้วย”

    “แล้วสัญลักษณ์พวกนี้ละ?” ชายหนุ่มร่างกำยำข้างกายหัวหน้าหมู่บ้านถามขึ้น เขาน่าจะเป็นนายช่างใหญ่รับผิดชอบควบคุมการก่อสร้าง

    “ดาวเดวิดคือสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ เป็นสัญลักษณ์เวทที่เก่าแก่มากสัญลักษณ์หนึ่ง ที่ให้จัดวางท่อเหล็กเป็นรูปนี้ไม่ใช่แค่ความสวยงามเท่านั้น หลังจากนี้ฉันจะผนึกศิลาเวทไว้ที่มุมทั้งสี่ของสี่เหลี่ยมด้านนอก สร้างเป็นอาณาเขตเวทมนต์ขนาดเล็กช่วยเพิ่มพลังให้แก่พื้นดินช่วยให้พืชที่ปลูกโตเร็วและได้ผลสำหรับเก็บเกี่ยวมากขึ้น”

    “ทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ!?” นายช่างใหญ่ถามอย่างตื่นเต้น

    “ถึงเวลาก็จะรู้เอง เชื่อมือได้เลยค่ะ” เฟรเทียร์ฉีกยิ้มกว้างให้เขา

    นักสำรวจสาวยืนปรึกษาเรื่องการก่อสร้างกับหัวหน้าหมู่บ้านและช่างใหญ่ ทากะไม่ค่อยสนใจเรื่องแบบนี้เท่าไรจึงถอยออกมานั่งทำหน้ามึนๆดูชาวบ้านก่อสร้างอยู่เงียบๆที่มุมโรงเรือน

    “ว่าไงตาทึ่ม ฟังเรื่องยากๆไม่ได้เลยต้องหนีมานั่งเอ๋อตรงนี้เลยเหรอ?” เฟรเทียร์ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเขา ส่งขวดน้ำแร่ให้ด้วย

    “ก็แค่...ทึ่งนิดหน่อยที่คุณเฟรเทียร์ทำอะไรแบบนั้นได้ด้วย”

    “นายนี่ไม่จำอะไรเลยนะ ฉันบอกแล้วไงว่าอาชีพนักสำรวจทำอะไรได้มากกว่าที่นายคิด เรื่องพื้นๆพวกนี้นายควรจะใส่ใจบ้างนะ”

    “อ้อ” ทากะทุบมือซ้ายตัวเอง “ที่แท้ก็เพราะสกิลนี่เอง”

    เฟรเทียร์คิดตามแล้วก็โกรธจนหน้าแดง ผลักทากะกระแทกกับข้างฝาเสียงดังจนทุกคนหันมองเป็นตาเดียว “ก็ยังดีกว่านายที่เอาแต้มไปขึ้นสกิลต่อสู้จนหมดนั่นแหละ ถ้าอยากได้สกิลต่อสู้ขนาดนั้นทำไมไม่ไปเล่นอาชีพนักดาบหรือซามูไรไปเลยละ?”

    “ขี้เกียจใช้สกิล”

    “หา!?” นักสำรวจสาวขมวดคิ้วเพราะไม่เข้าใจจริงๆ

    “สกิลสุดทางของอาวุธประเภทดาบคาตะนะถ้าเล่นอาชีพซามูไรต้องขึ้นท่าโจมตีหลายท่า ผมมันพวกขี้เกียจใช้สกิล ชักดาบฟันเอาเร็วกว่าเยอะ แล้วจะให้ไปเล่นอาชีพอื่นที่มีเวทมนต์ผมก็ไม่ถนัดเหมือนกัน”

    “ก็จริงอยู่...ถ้าเล่นอาชีพนักสำรวจแล้วเลือกเซ็ตอาวุธหลักเป็นดาบคาตะนะจะสามารถเรียนสกิลที่เกี่ยวข้องได้ยกเว้นสกิลโจมตีประจำอาชีพ แต่ฟังแล้วกลับรู้สึกแปลกๆกับเหตุผลของนายแฮะ”

    “แล้วทำไมคุณเฟรเทียถึงเลือกเล่นอาชีพนักสำรวจละ?”

    ทากะรู้สึกแปลกใจตัวเอง ปกติเขาเป็นคนพูดน้อยและแทบไม่พูดกับคนที่ไม่สนิท แต่กับ ‘เฟรเทียร์ เอเดลไรย์’ เขากลับพูดคุยอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนสนิทสนมกันมานานทั้งที่เพิ่งจะรู้จักกันไม่นานและเป็นการรู้จักกันในเกมออนไลน์เสมือนจริงอีกด้วย เขาเผลอคิดไปว่าถ้าเอเซกับอากิรอสมาเห็นเขาตอนนี้จะทำหน้าแบบไหนกัน

    หนุ่มสาวนั่งคุยกันเพลินจนนายช่างใหญ่มาบอกว่าการก่อสร้างเสร็จแล้ว เฟรเทียร์ลุกขึ้นไปตรวจสอบขั้นตอนสุดท้ายจนแน่ใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่เธอคิด หญิงสาวหยิบศิลาเวทออกมาสี่ก้อน ใช้แทนธาตุทั้งสี่ ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ เมื่อศิลาเวททั้งสี่อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง กระแสพลังเวทไหลเวียนไปตลอดท่อเหล็กสี่เส้นที่วางอยู่รอบนอกและกระจายเข้าสู่สัญลักษณ์ดาวเดวิดที่อยู่ภายใน

    การสร้างอาณาเขตเวทมนต์เสร็จสิ้น ขั้นตอนที่เหลือคือกลบดินลงไปและปรับผิวดินให้เหมาะแก่การเพาะปลูก ส่วนจะปลูกอะไรนั้นอยู่นอกเหนือหน้าที่ของเธอแล้ว

    หลังจากแก้ปัญหาปากท้องของทั้งหมู่บ้านได้แล้ว นักสำรวจสาวก็มุ่งสมาธิไปที่ภารกิจของเธอได้อย่างเต็มที่ สิ่งแรกที่เธอทำคือไปร้านขายไอเทมประจำหมู่บ้านหาซื้อโพชั่น ยารักษาสถานะผิดปกติ และ [Heat-up Potion] หรือที่ทากะชอบเรียกติดปากว่ายาร้อน

    สิ่งที่สองก็คือหาเหล็กและโลหะไปซ่อมดาบคาตะนะให้ทากะ

    สิ่งที่สามก็คือเตรียมเสบียงสำหรับการเดินทาง สำหรับเฟรเทียร์แล้วอย่างอื่นขาดได้ไม่เป็นไรแต่ห้ามขาดกาแฟเด็ดขาด เธอใช้เวลาจับจ่ายซื้ออาหารนานกว่าซื้อของอย่างอื่น และทากะก็กลายสภาพเป็นลูกมือช่วยหิ้วของให้เธออีกครั้ง





    หญิงสาวไขกุญแจห้องให้ชายหนุ่มแบกของหลายถุงเข้าไปก่อน

    “เอากาแฟแก้หนาวหน่อยไหม?” เฟรเทียร์ถอดถุงมือแขวนไว้ข้างประตูพร้อมกับเสื้อโค้ท

    “ขอเป็นชาแทนได้รึเปล่า”

    “มีแต่กาแฟ”

    “ขอชาแก่ๆ น้ำเดือดประมาณแปดสิบองศา”

    หญิงสาวขมึงตาจ้อง “ฉันไม่เคยบอกนะว่าห้องฉันมีชา”

    ทากะวางของเสร็จก็ย้ายตัวเองไปนั่งที่โซฟาตรงข้ามกับเตียงนอน “ก็เพราะคุณเฟรเทียร์ไม่เคยบอก ผมถึงมั่นใจได้ว่าต้องมีอย่างแน่นอน”

    เฟรเทียร์เบ้ปากแล้วหายไปในห้องครัวเล็กๆ เสียงช้อนคนแก้วดังก๊องแก๊งอยู่พักหนึ่ง เธอเดินออกมาพร้อมกาแฟดำหอมกรุ่นในมือขวาและชาสีน้ำตาลเข้มร้อนๆในมือซ้าย

    “ถ้าอย่างนั้นก็มาเริ่มกันเลย”

    นักสำรวจสาวเรียกหน้าต่างและแป้นพิมพ์ขึ้นมา เธอพิมพ์ข้อความลงไปอย่างรวดเร็ว ทางฝั่งทากะก็มีหน้าต่างภารกิจขึ้นให้เลือกกดตกลงหรือปฏิเสธ ถ้าเป็นปกติเขาคงกดปุ่มตกลงไปแล้วแต่ครั้งนี้เขาแกล้งจิบชาทำเป็นมองไม่เห็นหน้าต่างภารกิจเสียอย่างนั้น

    “เอ้า! ตกลงจะทำหรือไม่ทำ ถ้าไม่ทำจะได้เนรเทศออกนอกหมู่บ้านซะเลย” เฟรเทียร์แยกเขี้ยวขู่ นี่ถ้าเธออยู่ใกล้ๆคงกระโดดกัดคอเขาไปแล้ว

    “รอชาหมดแก้วแล้วค่อยตอบตกลงก็ยังทันนี่นา”

    “ดูนายใจเย็นเหลือเกินนะ”

    “คุณเฟรเทียร์รีบร้อนเกินไปต่างหาก ต่อให้กดรับภารกิจตอนนี้ก็ยังออกเดินทางไปทำภารกิจไม่ได้อยู่ดี”

    “นี่ตกลงนายต้องการจะบอกอะไรกันแน่?”

    “ลองเช็คสถานะออนไลน์ของผมดูก็รู้เองแหละ”

    เฟรเทียร์เปิดหน้าต่างขึ้นมาตรวจสอบตามที่เขาบอก สถานะออนไลน์ของทากะผ่านมาห้าวันแล้ว คืนนี้จะเป็นคืนที่หกที่เขาอยู่ในแกรนด์ไกอาออนไลน์ ถ้าเขารับทำภารกิจคุ้มครองตอนนี้คงต้องถูกบังคับล็อกเอาท์ระหว่างทางอย่างแน่นอน และตอนนั้นปัญหาก็จะตกไปอยู่กับเฟรเทียร์

    “ยังไงซะพอพ้นเที่ยงคืนในเกมผมก็ต้องล็อกเอาท์ออกละ พรุ่งนี้ผมก็ต้องทำงานด้วย กว่าจะกลับมาทำนั่นโน่นนี่เสร็จก็นานอยู่นะ คงเล่นได้ประมาณสี่ทุ่มโน่นแหละ”

    “...ฉันต้องรอนายอีกสิบแปดวันเลยนะ แบบนั้นก็ตายพอดี สงสัยคงต้องหาคนอื่นมาคุ้มกันให้ก่อนแล้วสิ ลองติดต่อทางสมาคมดูก่อนดีกว่า”

    ยังไม่ทันที่เฟรเทียร์จะติดต่อสมาคมนักสำรวจอย่างที่พูด ทากะก็กดปุ่มตกลงรับทำภารกิจเอาดื้อๆ

    “ชาหมดแก้วพอดี”

    หญิงสาวจ้องเขา ถอนหายใจเหนื่อยๆ “ฉันละไม่เข้าใจจริงๆว่านายคิดอะไรอยู่กันแน่”

    ทากะยิ้มมุมปากเล็กๆ “เป็นหลักประกันว่า...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมจะกลับมาคุ้มครองคุณเฟรเทียร์ให้ได้ยังไงละ”

    ทากะบอกความตั้งใจของตัวเองว่าอยากทำภารกิจนี้ แต่เพราะคำพูดคลุมเครือของเขาทำให้เฟรเทียร์คิดไปในทางโรแมนติค หัวใจเริ่มเต้นโครมคราม ผู้หญิงที่พูดจาฉะฉานและเชื่อมั่นใจตัวเองอย่างเธอตอนนี้กลับไม่รู้จะพูดตอบอะไรดี ในหัวขาวโพลนไปหมด ถ้ามีกระจกตั้งอยู่ตรงหน้าละก็เธอคงเห็นสีแดงก่ำบนใบหน้าตัวเองตั้งแต่แก้มไปถึงใบหูแน่นอน

    “นะ...แน่อยู่แล้ว ถ้านายมาช้าวินาทีเดียวละก็ฉันไม่จ่ายค่าแรงแม้แต่แดงเดียวแน่ๆ”

    นักสำรวจสาวพูดเสียงดังกลบเกลื่อนอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตัวเอง ลุกขึ้นคว้าแก้วชาในมือทากะเดินหนีเข้าครัวไป









    เช้าของอีกสิบแปดวันต่อมา

    เฟรเทียร์ เอเดลไรย์ยืนกอดอกอยู่หน้าโรงแรงในชุดแจ็กเก็ตกันหนาวสีส้ม สวมหมวกไหมพรมสีน้ำตาลเข้ม ห้อยแว่นตากันลมอยู่ที่คอ เป้ใบใหญ่อยู่ข้างตัว ชำเลืองดูนาฬิกาที่ข้อมือซ้าย “ฉันกำลังจะส่งชื่อนายไปที่สมาคมให้ขึ้นบัญชีดำแบนนายตลอดชีวิตอยู่แล้วนะถ้านายมาช้ากว่านี้อีกสิบสองวินาที”

    ซารุวาตาริ ทากะ ยืนสะพายเป้ทำหน้ามึนๆไม่สะทกสะท้านกับคำขู่ของนายจ้างสาว อุปกรณ์ป้องกันความหนาวมีเพียงแจ็กเก็ตบางสีดำเพิ่มมาอีกหนึ่งตัวเท่านั้น

    “ไปกันได้แล้ว”

    เมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบโต้ เฟรเทียร์กลับเป็นฝ่ายหงุดหงิดเอง จ้ำเดินนำไปไกล ทากะกระชับเป้บนบ่าซ้ายแล้วเดินหลังไปห่างๆ ตลอดทางที่จะออกจากหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างมาอวยพรให้เธอเดินทางปลอดภัย ตอนนี้เธอกลายเป็นขวัญใจมหาชนไปแล้ว

    พอออกมานอกหมู่บ้าน หิมะก็โปรยปรายลงมาต้อนรับทั้งสองคน เมฆสีเทาดำจับกลุ่มรวมตัวกันทางทิศวันตก อีกไม่นานกระแสลมคงหอบพวกมันมาถึงบริเวณนี้ เฟรเทียร์มองดูอุปสรรคแรกของการเดินทางด้วยสายตาคิดคำนวณ

    “เส้นทางแรกคืออ้อมภูเขาลูกนั้นไปทางตะวันตก” นักสำรวจสาวชี้มือประกอบ “เดี๋ยวฉันจะแชร์ข้อมูลแผนที่ให้ละกัน”

    การเดินทางไกลเริ่มต้นด้วยการปีนภูเขา ทากะขอเป็นคนนำเพื่อตรวจหาศัตรูด้านหน้าและตอกหมุดคล้องเชือกให้เฟรเทียร์ไต่ตามขึ้นมา

    ผ่านด่านแรกมาได้ไม่นาน [ Snow Leopard ] เสือดาวหิมะยอดนักล่าแห่งภูเขาหิมะก็ปรากฏตัวขึ้นในเส้นทางที่พวกเขาต้องผ่านไป เฟรเทียร์คว้ากล้องออกมาเตรียมถ่ายรูปแต่ทากะกระชากดาบวิ่งสวนเข้าหามันทันที เธอเลยต้องเก็บภาพการต่อสู้ระหว่างทากะกับเสือดาวหิมะแทน

    “ทำไมถึงไม่เลี่ยงมันละ? ตะกี๊กะว่าถ้าถ่ายรูปเสร็จแล้วอ้อมไปอีกทางก็ไม่ต้องสู้กับมันแล้ว”

    ทากะให้เหตุผลว่าเสือดาวหิมะเห็นพวกเขาและกำลังอ้อมไปด้านหลัง ถ้าปล่อยมันไว้อาจถูกมันย่องตามหลังและเล่นงานตอนลงจากเขาช่วงที่ลาดชันซึ่งเป็นเรื่องอันตรายมาก

    ตอนที่จะข้ามภูเขาลูกที่สอง หิมะตกหนักขึ้น กระแสลมแรงและปั่นป่วน ทัศนวิสัยเกือบจะเป็นศูนย์ ทากะเสนอให้หยุดรอให้พายุเบาลงก่อน แต่เฟรเทียร์แย้งว่าพายุแค่นี้ยังพอฝ่าไปได้และมีแผนที่อยู่แล้วจึงไม่ต้องห่วงว่าจะหลงทาง

    พอขึ้นมาได้ครึ่งทาง เสียงหอนของฝูงหมาป่าดังแข่งกับพายุหิมะ เฟรเทียร์ใช้งานสกิลค้นหาตำแหน่งศัตรูแล้วก็หน้าซีด จุดสีแดงในขอบเขตแผนที่มีมากกว่ายี่สิบจุดนั่นหมายความว่าเธอและเขากำลังถูกล้อมด้วยหมาป่ามากกว่ายี่สิบตัว

    ทากะกระตุกเชือกเตือนให้เธอรีบตามขึ้นไป เขาเปลี่ยนทิศทางไปที่ป่าสนทางซ้ายมือ ตัดเข้าป่าด้านที่หนาทึบที่สุด เฟรเทียร์วิ่งไล่ตามหลังมาเรื่อยๆถึงจะไม่เข้าใจว่าเขากำลังนำทางไปที่ไหนก็มีแต่ต้องตามเขาไป จุดแดงบนแผนที่ไล่หลังเข้ามาใกล้ หิมะก็ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ นักสำรวจชายมองเห็นสิ่งที่เขาตามหา เขาฉุดแขนเฟรเทียร์ให้ขึ้นไปอยู่บนเนินสูงแห่งหนึ่ง ตัวเองกระโดดกลับลงมา ดาบคาตะนะถูกดึงออกจากฝักและสะบัดโจมตีทันที

    สิ่งที่หัวหน้าแคลนมัลดิโตโจมตีคือต้นสนรอบตัว เมื่อต้นสนถูกตัดจากแกนกลางซึ่งยึดรั้งผืนดิน ความสูงและน้ำหนักทำให้มันเอนเอียงตามองศาการตัด ต้นแล้วต้นเล่าล้มลงเข้าหาเนินดินส่งเสียงดังกึกก้องไปทั่วภูเขา

    ทากะกวักมือให้เฟรเทียร์ลงมา พอเธอมาถึงก็ดันตัวเธอเข้าไปอยู่ด้านในกำแพงสน

    “เดี๋ยวๆ ฉันช่วยนายสู้ได้นะ”

    “งานของผมคือปกป้องคุณ ถ้าคุณออกไปลุยแล้วถูกกัดจนเป็นโรคกลัวน้ำขึ้นมาผมก็ลำบากแย่สิ”

    “ฉันไมได้อ่อนแอขนาดนั้นนะ นายคนเดียวจะสู้กับหมาป่าทั้งฝูงได้ยังไงกัน เอ๊ะ! นี่ฉันไม่ใช่หมานะยะ”

    เฟรเทียร์ตวาด โมโหที่สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้เขายังทำเป็นเล่นได้อีก

    เพราะมัวแต่เถียงกันทำให้หมาป่าทั้งฝูงเข้ามาล้อมไว้แล้ว หมาป่าขาวหางเทาตัวใหญ่เกือบสองเมตร และเพราะพวกมันมีหางถึงสองหางจึงได้ชื่อว่า [ Twin Tails ]

    จำนวนหมาป่าที่ล้อมทั้งสองคนไว้ตอนนี้คือสี่สิบเจ็ดตัว

    “นายคนเดียวไม่ไหวหรอก ฉันจะช่วยอีก...”

    ยังไม่ทันที่เฟรเทียร์จะพูดจบ หมาป่าสองหางกระโดดพรวดเข้ามาทันที ในขณะที่เธอยืนนิ่งทำอะไรไม่ได้แม้แต่ขยับนิ้ว ลำแสงสีเงินตวัดวูบสองครั้งผ่านดวงตาสีเขียว หัวของหมาป่าสองตัวที่กระโดดเข้ามาขาดกระเด็นลงพื้นแล้วแตกสลายไปพร้อมกับร่างกายที่เหลือแต่คอ

    “ถ้าอยากช่วยผมก็เข้าไปนั่งนิ่งๆข้างในซะนะ”

    หมาป่าอีกสามตัวแยกเขี้ยววิ่งกวดเข้ามา แต่ยังไม่ทันถึงตัวทากะก็หัวขาดกระเด็นไปเหมือนกับสองตัวแรก

    เป็นอีกครั้งที่เฟรเทียร์มองไม่ทันว่าทากะโจมตีแบบไหน โจมตีด้วยกระบวนท่าอะไร

    ซารุวาตาริ ทากะ พลิกดาบหันปลายลากลอยเหนือหิมะบนพื้น เดินเข้าหาหมาป่าหางคู่ทั้งฝูง เสียงขู่คำรามฮื่อแฮ่ดังขรม ดวงตาสีเหลืองอ่อนส่อเค้าดุร้ายรุนแรง แต่ดวงตาสีดำเปี่ยมล้นด้วยความมั่นใจ ทากะพุ่งตัวออกไปเหมือนลูกธนูที่ถูกปล่อยจากปลายนิ้ว ท่วงท่าของเขาไม่สวยงาม อาจจะเรียกได้ว่าหยาบกร้านหากเทียบกับกระบวนท่าของศิลปะการต่อสู้ที่พลิ้วไหว แต่ทุกครั้งที่เขาสะบัดดาบญี่ปุ่น หนึ่งชีวิตของมอนสเตอร์ต้องดับลง และนั่นคือจุดมุ่งหมายสูงสุดของการต่อสู้ในความคิดของทากะ --- การมีชีวิตรอด

    ในขณะที่หมาป่าล้อมรุมทากะ ลูกดอกเหล็กฝ่าอากาศปักข้างคอของหมาป่าที่วิ่งหาจังหวะอยู่ด้านหลังเขา เฟรเทียร์ใช้หน้าไม้คันเล็กยิงสนับสนุนจากด้านในกำแพงสน พอยิงลูกดอกแรกแล้วเธอขึ้นหน้าไม้อีกครั้งด้วยรอก วางลูกดอกเหล็กบนราง ประทับเล็งเป้าแล้วยิงเป้าหมายที่สองทันที ทากะหันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อได้ยินเสียงแตกสลายของมอนสเตอร์จากด้านหลัง

    พอรู้ว่าเป็นฝีมือของเฟรเทียร์เขาก็ยิ้ม ยิ้มเพียงพริบตาแล้วเดินหน้าลุยต่อ

    เมื่อมีกองหลังยิงหน้าไม้สนับสนุนอีกแรง การเก็บกวาดฝูงหมาป่าสองหางก็ไม่ใช่เรื่องเกินกำลังฝีมือของทากะอีกต่อไป

    เฟรเทียร์ออกมาจากด้านใน ก้าวเท้าฉับๆตรงดิ่งไปหาทากะทันที

    “ขอพูดให้ชัดๆหน่อยนะ ที่ฉันให้นายมาคุ้มกันไม่ได้หมายความว่าฉันสู้ไม่เป็นไม่มีฝีมือ แต่ฉันไม่อยากเสียเวลาอันมีค่าไปกับการซุ่มยิงมอนสเตอร์ไปเรื่อยๆ ถ้าทำแบบนั้นฉันคงไม่มีทางทำงานเสร็จสักที แล้วก็นะ...ถ้านายคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงแล้วต้องให้ผู้ชายคอยปกป้องตลอดเวลาละก็ขอบอกไว้เลยนะว่านายคิดผิดมหันต์เลยละ”

    ทากะค่อยๆเก็บดาบลงฝักช้าๆจนเสร็จ ถอนหายใจเบาๆ “ผมไม่เคยคิดดูถูกคุณเฟรเทียร์เลยแม้แต่น้อย ที่ทำไปก็เพราะคำนึงถึงความปลอดภัยของคุณเป็นหลัก ถ้าคำพูดเจตนาจะทำให้ผ่อนคลายของผมทำให้คุณเฟรเทียร์โกรธก็ต้องขอโทษด้วยละกัน”

    หญิงสาวมองเขา ดวงตาสีดำจริงจังหนักแน่นไม่มีเค้าคำโกหก

    “ช่างมันเถอะ ถ้านายไม่ได้คิดแบบนั้นก็แล้วไป ทีหลังจะทำอะไรก็บอกกันล่วงหน้าบ้างอย่างน้อยเราสองคนก็เป็นทีมเดียวกัน”

    “คุณเฟรเทียร์มีคริสตัลล่องหนกี่ก้อนกัน?”

    “หกก้อน ทำไม?”

    “ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบเมื่อครู่อีก หนีได้ให้หนีไปเลย ถึงตอนนั้นค่อยเอาดอกไม้ไปเยี่ยมผมที่โรงพยาบาลก็แล้วกัน”

    “เสียใจด้วยนะ ผู้เล่นถ้าตายระหว่างทำภารกิจให้สมาคมใดๆก็ตามไม่ต้องถูกส่งไปโรงพยาบาล แต่จะกลับไปที่เมืองที่ใกล้ที่สุด กรณีของนายก็คงกลับไปที่หมู่บ้านนั่นแหละ และถ้านายตายกลับไปที่หมู่บ้านแล้วปล่อยให้ฉันลุยต่อคนเดียวละก็ ฉันจะให้นายเจอกับนรกที่น่ากลัวยิ่งกว่าโรงพยาบาลอย่างแน่นอน”

    “อ้อ! เป็นแบบนี้นี่เอง” ทากะทุบกำปั้นขวากับฝ่ามือซ้าย ทำหน้าเหมือนบรรลุสัจธรรม

    “นี่! เลิกทำท่าแบบนี้สักทีได้ไหม”

    หญิงสาวยกมือจะตบไหล่ทากะแต่เขาเอี้ยวตัวหลบ เฟรเทียร์หวดลมจนลื่นล้มเซเข้าหาทากะ กลายเป็นเธอถูกเขากึ่งประคองกึ่งกอด นักสำรวจสาวฮึดฮัดผลักเขาออกแล้วรีบเดินหนีทันทีเพราะไม่อยากให้เขาเห็นเธอในสภาพอายจนหน้าแดงไปทั้งหน้า









    ทั้งสองคนออกเดินทางอีกครั้งกลางพายุแรงจัด หิมะตกหนักจนเดินได้ลำบากและยังบั่นทอนพลังกายให้ลดลงอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้เฟรเทียร์ยอมเห็นด้วยกับข้อเสนอของทากะที่ให้หยุดพักชั่วคราวรอให้พายุสงบลงก่อน เธอกางเต็นท์หลังใหญ่อย่างคล่องแคล่วแล้วทั้งสองก็มุดเข้าไปอยู่ด้านใน และถือโอกาสกินมื้อเที่ยงล่วงหน้าไว้ก่อน

    ทั้งสองนั่งอยู่เงียบๆกลางเสียงคำรามของพายุ เฟรเทียร์ไม่รู้จะเริ่มต้นคุยอะไรกับอีกฝ่ายก่อน ทุกครั้งที่คุยกันมักจะจบลงที่เธอเป็นฝ่ายถูกยั่วโมโหเสียเอง พอนึกถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่เธอพลาดสะดุดไปซบกับเขาก็ทำให้เธอฟุ้งซ่านจนต้องคว้าหนังสือขึ้นมาแกล้งอ่าน แต่จริงๆเพื่อปิดบังสายตากระวนกระวายของตัวเองที่เหลือบมองทากะเป็นระยะ ส่วนทากะเองก็ไม่ได้สนใจจะคุยอะไรมากได้แต่นั่งมองออกไปนอกเต็นท์ตามนิสัยเดิม

    เมื่อพายุอ่อนแรงลงบ้าง สองนักสำรวจออกเดินทางอีกครั้ง ข้ามภูเขาอีกสามลูกรวดโดยที่ไม่มีมอนสเตอร์โผล่ออกมาก่อกวนเหมือนช่วงแรกทำให้พวกเขาเดินทางได้เร็วกว่าที่คิด แต่ถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็ต้องหยุดเดินทางในวันแรก ณ ตำแหน่งที่กำหนดไว้ในแผนที่ เพราะข้างหน้ามีเหวลึกขวางอยู่ หากจะข้ามเหวแห่งนี้ไปต้องเดินทางอ้อมไปอีกไกลซึ่งคงจะมืดค่ำก่อน จุดพักของเฟรเทียร์คือถ้ำเล็กๆที่บังเอิญเจอตอนมาสำรวจก่อนหน้านี้

    ความมืดมาเยือนภูเขาลูกนี้อย่างรวดเร็ว พายุหิมะกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง อากาศยิ่งเหน็บหนาวมากขึ้นเป็นเท่าทวี เฟรเทียร์ง่วนอยู่กับการเขียนบันทึกและจัดระเบียบรูปถ่ายที่ถ่ายได้ระหว่างทาง พอเธอตั้งสมาธิทำงานก็ลืมสิ่งรอบตัวไปทั้งหมด ลืมไปว่าทากะก็อยู่ไม่ห่างนักและกำลังมองเธออยู่เงียบๆ คอยเติมไม้ฟืนลงในกองไฟให้เธออบอุ่นอยู่ตลอดเวลา

    พายุจากไปหมดแล้ว ท้องฟ้าปลอดโปร่งจนเห็นดวงดาวทอประกายระยิบระยับ ขอบฟ้าทิศเหนือมีแสงออโรร่าสีเขียวพาดผ่านพลิ้วไหวไปมาช้าๆ ทากะออกมานั่งชมทิวทัศน์ที่ไม่มีโอกาสได้เห็นในชีวิตจริง ในขณะที่เขาเหม่อมองท้องฟ้าที่มากมายด้วยสีสัน แก้วร้อนๆแตะกระทบต้นแขนเขา

    พอหันไปมอง เฟรเทียร์ยื่นแก้วชาร้อนๆส่งให้ “เขียนงานเสร็จแล้ว?”

    หญิงสาวหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ สูดกลิ่นกาแฟหอมๆมองดูแสงดาวสีเงินแต่งแต้มท้องฟ้า “ยังไม่เสร็จหรอก ถ้ามัวทำงานงกๆจนพลาดโอกาสดูอะไรที่สวยงามแบบนี้ก็น่าเสียดายนะ”

    เธอยิ้มอย่างมีความสุข ยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ “ใช่ไหมละ?”





    เป็นครั้งแรกที่ทากะเห็นเธอยิ้มแบบนี้ เขาไม่ได้ถามอะไรอีก นั่งดูความงามที่ไม่ต้องบรรยายเป็นคำพูดอยู่ข้างๆเธอจนแสงแห่งรุ่งอรุณหวนคืนสู่โลกนี้อีกครั้ง
    soulmaster, joi100 และ taleoftrue ถูกใจสิ่งนี้
  2. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    ตอนนี้รู้สึกเหมือนเรื่องจะไปไว แต่ก็ไม่ตัดตอนห้วนๆดูกระทัดรัดกำลังดีแฮะ แต่นึกไม่ถึงว่าเหล่ามัลดิโต้จะมีอีเวนท์โรแมนติกกะเขาด้วยนะเนี่ย

    แต่น่าเสียดายอย่างสำหรับตอนนี้คือฉากบรรยายบรรยากาศธรรมชาติช่วงท้ายสุด ถ้าใช้การพรรณาเสริมให้คนอ่านรู้สึกมีอารมณ์ร่วมกับอีเวนท์ตรงนั้นมากขึ้นหน่อยน่าจะดีกว่านี้น่ะนะฮะ
    swanton ถูกใจสิ่งนี้
  3. soulmaster

    soulmaster Endorphinlism

    EXP:
    403
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    18
    สำหรับผมฉากบรรยายธรรมชาติมันดูเหมือนเรามองจากที่ห่างๆ ไม่ใด้เข้าไปร่วมหนาวด้วยยังไงก็ไม่รู้

    ปล. อยากเห็นสายคราฟล้วนๆบ้างแฮะ อย่าง uo ก็พวกสกิลที่เกี่ยวเนื่องกัน เช่นช่างไม้ก็ต้องเรียนเย็บผ้า ตีเหล็ก ทำเครื่องมือ บลาๆ
  4. Ryuto

    Ryuto 終わる道、始まる夢

    EXP:
    964
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    88
    มาลงชื่ออ่านไว้ก่อนนะฮ้าฟ (ไล่อ่าน รัวๆ)

    ทำงานอยู่แต่ต้องมีพัีกบ้างไรบ้างlol
  5. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    จุดอ่อนของผมคือถ้าเขียนจากจินตนาการจะเป็นแบบนี้แหละครับ บรรยายได้ไม่หมดเพราะไม่เคยเห็นมาก่อน
    ถ้าเป็นอะไรที่เคยเห็นจริง เคยไปสัมผัสมาจริงๆจะเขียนได้ดีกว่านี้

    คราวหน้าจะเขียนให้เนียนกว่านี้ครับ

    สายคราฟอาจจะต้องรอนานหน่อยนะครับ คิดไว้แล้วแต่ยังไม่มีบท

    เออ! จดชื่อว่าอ่าน
  6. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    Grand Gaia Online 17 – Welcome Back





    แม้จะเป็นเวลาเที่ยงเศษๆแต่บรรยากาศอึมครึม อากาศเย็นเฉียบจนริมฝีปากแห้งแตก ถ่านแดงร้อนระอุอยู่ในหม้อเหล็กริมกำแพงไว้คอยผิงมือ มองไปรอบตัวเห็นแต่สีขาวโพลนของหิมะและน้ำแข็ง ท้องฟ้ามืดครึ้มเมฆดำลอยต่ำคล้ายโลกใบนี้ถูกห่อด้วยผ้าสีเทาดำผืนใหญ่ ชายสามคนยืนตัวสั่นเพราะความหนาวแม้จะสวมเสื้อผ้าหนาๆหลายชั้นก็ตาม ถึงจะหนาวแค่ไหนพวกเขาก็ต้องยืนเฝ้ายามตามหน้าที่อย่างเลี่ยงไม่ได้

    ชายคนหนึ่งกวาดสายตาผ่านกล้องส่องทางไกล จู่ๆเขาตกใจผงะล้มลง กล้องกระเด็นหลุดจากมือ หน้าตาตื่นกลัวราวกับเห็นภูตผีปีศาจ

    “วะ...วิลเลียม!”

    เขาตะโกนชื่อนั้นออกจากปากอย่างลำบาก เพื่อนร่วมเฝ้ายามอีกสองคนรีบคว้ากล้องส่องไปที่ทุ่งหิมะ เมื่อเห็นมนุษย์หนูตัวใหญ่ยักษ์วิ่งนำหน้าฝูงของมันตรงมาที่หมู่บ้าน เขารีบวิ่งไปเคาะระฆังรัวเร็ว ต้องการแค่ให้เกิดเสียงดังไปให้ไกลที่สุดเท่านั้น

    จากนั้นศึกระหว่างมนุษย์และมนุษย์หนูก็ปะทุขึ้น

    ถึงจำนวนคนที่จับดาบจับหอกจะสูสีกับจำนวนมนุษย์หนู แต่พวกเขาเป็นแค่ชาวเหมืองเคยแต่จับพลั่วขุดดินหาสินแร่ย่อมไม่มีทักษะต่อสู้ สถานการณ์ฝั่งผู้ปกป้องหมู่บ้านจึงตกเป็นรองในเวลาไม่นาน กำแพงไม้ที่ทำจากต้นสนถึงจะแข็งแรงแต่ไม้ก็ยังคงเป็นไม้ ย่อมไม่อาจทนการทุบถูกสับจากขวานเหล็กได้ตลอด กำแพงที่เป็นปราการและความหวังสุดท้ายเริ่มพังทลาย เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ถูกเรียกให้มาช่วยต่อสู้ปกป้องหมู่บ้านพลัดตกจากด้านบนเพราะมีมนุษย์หนูตัวหนึ่งวิ่งชนกำแพง พอเด็กหนุ่มได้สติเงยหน้าขึ้นมา ดาบเหล็กเล่มหนึ่งกำลังจะผ่าร่างของเขาในเวลาแค่กระพริบตา

    ลูกดอกเหล็กพุ่งปักข้อมือมนุษย์หนูตัวนั้นอย่างแม่นยำ มันเผลอปล่อยดาบหลุดจากมือ ความตายถูกปัดพ้นออกไปแต่ก็แค่ชั่วคราว มนุษย์หนูอีกตัวแทรกมาจากด้านหลังกวาดดาบโจมตีตามสัญชาตญาณดุร้าย ก่อนที่ดาบเล่มนั้นจะคร่าหนึ่งชีวิตเล็กๆ ชายผมดำปราดเข้าคั่นกลางอย่างรวดเร็วราวกับลมพายุ ดาบคาตะนะปัดดาบในมือมนุษย์หนูกระเด็นไป พริบตานั้นการโจมตีอย่างรวดเร็วดุจมัจจุราชสะบัดเคียวปลิดชีวิตอุบัติขึ้น มนุษย์หนูสองตัวสิ้นใจตายไปในก่อนที่ดาบเหล็กจะตกถึงพื้น เขาปราดไปจัดการกับมนุษย์หนูอีกตัวที่กำลังใช้ขวานเหล็กโค่นกำแพงสน พุ่งต่อไปเล่นงานอีกตัวที่อยู่ไม่ห่างนัก ตัวที่สามและตัวที่สี่ถูกฆ่าในดาบเดียวแตกสลายหลอมละลายไปกับหิมะในสายลม

    เสียงตะโกนเรียกชื่อคนทั้งสองที่มาช่วย “เฟรเทียร์! ทากะ!”

    ดาบใหญ่เล่มหนึ่งโจมตีทากะจากด้านหลัง เขากระโจนหลบวูบออกห่าง มนุษย์หนูที่โจมตีเขาคือคือวิลเลียม จ่าฝูงมนุษย์หนูผู้น่าเกรงขาม ร่างสูงเป็นสองเท่าของทากะ ขนสีเงินเป็นเงามัน ตรงกลางหัวมีขนสีน้ำตาลดูคล้ายเป็นทรงผม

    “หือ?”

    ทากะอุทานขึ้นหนึ่งคำ ร่างของเขาหายวับไป พุ่งเข้าโจมตีวิลเลียมจากด้านข้าง แต่ความเร็วที่รวดเร็วราวกับลมพายุของเขายังไม่พ้นสายตาของวิลเลียมไปได้ มันเหวี่ยงดาบเล่มโตด้วยมือข้างเดียวสกัดทากะ เขายกดาบป้องกันได้แต่ต้องกระเด็นถอยออกมา

    ลูกธนูจากหน้าไม้ที่ชาวบ้านช่วยกันยิงสนับสนุนทำให้ผลการต่อสู้เปลี่ยนไป พวกมนุษย์หนูเจออาวุธตีไกลสู้ไม่ได้ก็ต้องถอยร่นหนีออกห่าง

    วิลเลียมกับทากะยืนเผชิญหน้าดูเชิงคุมจังหวะกันอยู่นาน และเป็นฝ่ายหัวหน้ามนุษย์หนูที่ยอมลดดาบถอยกลับไป

    หมู่บ้านกลับสู่ความสงบอีกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าจะยาวนานแค่ไหนเพราะวิลเลียมยังไม่ถูกกำจัด พอเฟรเทียร์และทากะกลับขึ้นห้องพักได้ไม่นานก็มีคนมาบอกว่าหัวหน้าหมู่บ้านขอปรึกษาด้วย









    “เราจะทำยังไงกับเจ้าวิลเลียมดี?” ชายชราหัวหน้าหมู่บ้านพูดเข้าประเด็นทันที

    เฟรเทียร์และทากะสบตากันแวบหนึ่ง หญิงสาวพยักหน้าให้ทากะเป็นคนตอบ

    “ก็มีทางเลือกเดียวตั้งแต่แรกนี่นา ผมจะลงไปจัดการกับเจ้าวิลเลียมนั่นเอง”

    “แต่เมื่อครู่...” หัวหน้าหมู่บ้านลังเลที่จะพูดต่อ แต่ก็ยอมพูดในที่สุด “เมื่อกี๊เจ้าถูกมันซัดกระเด็นเลยนี่นา เจ้าจะสู้มันไหวรึ?”

    “อ้อ! นั่นผมกระโดดถอยหลังออกห่างเองครับ”

    “ถ้าเรื่องฝีมือของเขาฉันรับประกันให้ได้ค่ะ” เฟรเทียร์ช่วยยืนยันอีกแรง “ก่อนจะกลับมาพวกเราก็เพิ่งกำจัดมังกรไปตัวหนึ่ง ยังไงซะเจ้าวิลเลียมก็คงไม่เก่งไปกว่ามังกรแน่ๆ”

    เสียงฮือฮาดังขึ้นทั้งห้อง ชาวบ้านต่างรุมซักถามว่าพวกเขาทำยังไงถึงจัดการกับมังกรได้

    “เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังนะจ๊ะ” นักสำรวจสาวยิ้มตอบเด็กชายตัวน้อยวัยเจ็ดแปดขวบปีที่ตื่นเต้นกระโดดไปมา

    “ตอนนี้ฉันเสร็จธุระของสมาคมนักสำรวจแล้ว จะให้ความช่วยเหลือในการปราบวิลเลียมอย่างเต็มที่ตามที่ได้สัญญาไว้ค่ะ”

    ความหวังปรากฏในหัวใจ รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของชาวบ้านทุกคน

    “แต่ก่อนอื่นฉันขอเล่าตำนานหนึ่งของดินแดนแถบเหนือนี้สักหน่อย ก่อนที่จะมาที่หมู่บ้านนี้ฉันได้ไปสำรวจพื้นที่ทางเหนือสุดของทวีปเลยได้ยินเรื่องนี้มา”

    “เมื่อสองร้อยปีก่อนมีอาณาจักรเล็กๆปกครองดินแดนและท้องทะเลทางเหนือ อยู่มาปีหนึ่งอากาศเหน็บหนาวรุนแรง พืชผลเสียหายไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้ เกิดสถานการณ์อดอยากไปทั่วทั้งอาณาจักร สภานักบวชเสนอให้ทำพิธีบวงสรวงเทพเพื่อให้เทพบันดาลให้อาณาจักรรุ่งเรืองตามเดิม แต่ราชาของอาณาจักรกลับเห็นเป็นเรื่องงมงาย ส่งกองเรือออกไปค้าขายและขอความช่วยเหลือจากต่างแดนแทน”

    “ผ่านไปสองปีกองเรือยังไม่กลับมา สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายมากขึ้น ประชาชนอดตายเป็นใบไม้ร่วงแต่ราชาก็ยังไม่ยอมเชื่อในคำแนะนำของสภานักบวช สุดท้ายอาณาจักรล่มสลาย ราชาและองครักษ์ถูกประชาชนของพระองค์ฆ่าตายด้วยคำยุยงของพวกนักบวช ความแค้นและคำสาปแช่งทำให้วิญญาณของราชาและองครักษ์ไม่อาจไปสู่สุคติ กลายเป็นมนุษย์หนูผู้หิวโหยออกเร่ร่อนอดอยากในดินแดนแห่งน้ำแข็งไปตลอดกาล”

    ทุกคนนั่งเงียบฟังเรื่องเล่าเก่าแก่จนเกือบจะเป็นตำนานที่สูญหายของดินแดนแห่งหิมะ

    “วิลเลียมคือราชาต้องสาปในตำนาน” ทากะถามกึ่งสรุป เฟรเทียร์พยักหน้ายืนยัน

    “คำสาปงั้นเหรอ? ถ้าเป็นคำสาปก็อาจเป็นเรื่องยุ่งยากนิดหน่อยนะ ถ้าคิดไม่ผิดละก็...เจ้าวิลเลียมนั่นต่อให้ฆ่าตายไปก็ฟื้นกลับมาได้สินะ”

    เฟรเทียร์เงียบไปครู่หนึ่ง “อีกสามปีมันจะคืนชีพกลับมาจากโลกแห่งความตายเพราะคำสาปเหมือนที่นายคิดนั่นแหละ”

    ทุกคนซุบซิบคุยกันด้วยความกังวล แต่หัวหน้าหมู่บ้านยกมือขึ้นบอกให้ทุกคนเงียบก่อน

    “สามปี...แค่สามปีก็ยังดี ดีกว่าปล่อยให้พวกมันบุกมาทำลายหมู่บ้านในวันนี้หรือพรุ่งนี้ พ่อหนุ่มชีวิตของพวกเราทุกคนในหมู่บ้านฝากไว้ในมือเจ้าแล้วละนะ”

    หน้าต่างภารกิจปรากฏขึ้นตรงหน้าทากะ หัวหน้าแคลนมัลดิโตยิ้มมุมปากกดปุ่มตอบตกลงรับภารกิจด้วยสายตามั่นคง หัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้าอย่างพอใจและประกาศให้ทุกคนในหมู่บ้านให้ความช่วยเหลือทั้งสองคนอย่างเต็มที่

    ทากะและเฟรเทียร์จะขอตัวออกมาปรึกษาแผนรับมือเจ้าวิลเลียม เด็กน้อยที่นั่งอยู่ด้านหลังนักสำรวจสาวร้องเสียงดังบอกว่าเธอยังไม่ได้เล่าเรื่องของมังกรให้ฟังเลย ทากะตบบ่าเฟรเทียร์เบาๆแล้วจะเดินออกไปก่อน แต่เฟรเทียร์คว้าข้อมือเขาไว้แล้วยิ้มให้ด้วยสายตารู้ทันไม่ให้เขาเอาตัวรอดหนีกลับไปก่อน

    ชายหนุ่มแกะมือเธอออก “เดี๋ยวไปชงกาแฟมาให้ละกัน”

    เฟรเทียร์เบ้ปากไล่หลังเขาไป









    หลังจากหยุดพักหนึ่งคืนในถ้ำเล็กๆ รุ่งเช้าทั้งสองคนเร่งเดินทางข้ามหน้าผาไปอีกฟากหนึ่ง วันนี้ไม่มีหิมะตก อากาศปลอดโปร่ง ฟ้าเปิดโล่ง ดวงอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้าตั้งแต่เช้า หุบเขาที่เฟรเทียร์ต้องการสำรวจอยู่อีกไม่ไกล แต่ระหว่างทางพวกเขาดันไปเจอกับ [ Ice Titan ] มอนสเตอร์เผ่าโกเล็ม ศัตรูเป็นโกเล็มจึงมีพลังป้องกันสูงและยังเป็นน้ำแข็งทั้งตัวจึงยิ่งต่อสู้ด้วยยากขึ้นไปอีกขั้น ลูกดอกของเฟรเทียร์ลดพลังชีวิตของศัตรูไม่ได้เลย นอกจากหน้าไม้แล้วเธอก็ไม่มีอาวุธอย่างอื่นอีก

    ทากะต้องรับหน้าที่ปราบเจ้าโกเล็มน้ำแข็งด้วยตัวคนเดียว แต่ไม่ว่าจะฟันไปเท่าไร แผลดาบบนผิวน้ำแข็งค่อยๆสมานตัวกลับเป็นเหมือนเดิม

    “ไอซ์ไททันสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ ต้องฆ่าด้วยการโจมตีครั้งเดียวที่จุดตาย หรือโจมตีด้วยเวทแห่งไฟให้มันฟื้นฟูพลังไม่ได้” เฟรเทียร์ตรวจสอบข้อมูลมอนสเตอร์แล้วบอกกับทากะ แต่ถึงจะรู้ข้อมูลก็ไม่ช่วยให้การต่อสู้ง่ายขึ้นเลย ศัตรูมีเกราะหนา พลังชีวิตมหาศาล โจมตีหนักหน่วงในระยะประชิดและใช้เวทสายน้ำแข็งโจมตีในระยะไกลได้ด้วย จุดอ่อนเดียวคือแพ้เวทมนต์อย่างรุนแรง

    มอนสเตอร์แบบนี้เรียกได้ว่าเป็นคู่มือตัวฉกาจของทากะที่ใช้เวทมนต์ไม่ได้สักบท ปกติถ้ามีเอเซและอากิรอสอยู่ด้วย เขาจะยืนดูอยู่เฉยๆปล่อยให้ทั้งสองคนระดมยิงเวทมนต์กวาดล้างจัดการศัตรูไปจนหมด แต่ตอนนี้เขาต้องคิดหาวิธีล้มศัตรูให้ได้ด้วยตัวคนเดียว หรืออย่างมากก็แค่หนีเท่านั้น

    “ไฟ! ไฟ! จะทำยังไงดีนะ เราเองก็ใช้เวทมนต์ไม่ได้ด้วยสิ รู้งี้ไปเรียนเวทมนต์พื้นฐานมาด้วยก็ดีหรอก” เฟรเทียร์กระวนกระวายใจ คิดหาทางออกจนหัวแทบระเบิด

    “ไฟ! อ๊ะ...” นักสำรวจสาวฉุกใจคิดบางอย่างออก คว้าเป้ออกมาควานหาไอเท็มทันที

    ทากะคอยหลบหมัดและหอกน้ำแข็งที่โจมตีมาเป็นชุดจนแทบหาโอกาสโจมตีกลับไม่ได้ พลังชีวิตของเขาลดลงทีละนิดเพราะหลบหอกน้ำแข็งไม่ได้ทุกครั้ง ในขณะที่เขาตัดสินใจว่าจะถอยหนีก็เห็นเฟรเทียร์วิ่งอ้อมไปด้านหลังไอซ์ไททัน นักสำรวจสาวค่อยๆย่องเข้าใกล้เรื่อยๆ ทากะเลยต้องเป็นตัวล่อศัตรูจากด้านหน้าไม่ให้มันหันไปเล่นงานเธอได้

    พอเข้าใกล้จนพอใจ เฟรเทียร์โยนขวดแก้วใบใหญ่ใส่โกเล็มน้ำแข็ง ขวดแก้วแตกกระจาย ของเหลวสีเหลืองใสเปียกรดตัวมัน แต่เพราะแบบนั้นมอนสเตอร์ยักษ์จึงเปลี่ยนเป้าหมายไปเล่นงานเธอ หอกน้ำแข็งก่อตัวขึ้นกลางอากาศและพุ่งออกไปเหมือนมีคนจับขว้าง

    เฟรเทียร์รู้สึกว่าตัวเองถูกกดให้นอนลงกับพื้นด้วยแรงมหาศาล หน้าจมหิมะจนแทบหายใจไม่ได้ พอแรงกดหายไปจนลุกขึ้นมาได้จึงได้รู้ว่าเมื่อครู่ทากะกระโดดเข้ามาบังเธอไว้ และเขาก็โดนหอกน้ำแข็งถากกลางหลังเป็นแผลเหวอะ

    “เอาไงต่อ?” ทากะถามขั้นต่อไปของแผน แต่เฟรเทียร์ยังเบลอจากการถูกกระแทกเลยยืนงงๆอยู่

    “เฟรเทียร์!” เขาตะคอกซ้ำ เธอจึงได้สติคืนมา

    “นายล่อมันไปห่างๆที ฉันเอาน้ำมันราดตัวมันได้แล้วจะหาทางจุดไฟเผามันเอง”

    ทากะถอนหายใจเหนื่อยๆแต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถ้าต้องการรอดชีวิตไปจากตรงนี้มีแต่ต้องทำตามที่เธอบอก เขาวิ่งไปโจมตีแล้วถอยล่อโกเล็มออกห่าง นักสำรวจสาวหยิบน้ำมันขวดเล็กออกมาราดลูกดอกเหล็กแล้ววางบนรางหน้าไม้ ล้วงไม้ขีดไฟจุดกับเข็มขัดแล้วต่อไฟที่ลูกดอก ประกายไฟลุกไหม้ ณ ใจกลางศูนย์หน้าคือแผ่นหลังของโกเล็ม

    ลูกดอกพุ่งออกไปตามแรงดีด แต่ว่า...เปลวไฟน้อยนิดดับวูบลงกลางทาง ลูกดอกที่เหลือแต่ควันสะท้อนน้ำแข็งเปลือกนอกตกลงบนพื้น โกเล็มหันไปหาคนที่โจมตีมันจากด้านหลัง แต่ทากะเข้าไปขวางล่อให้มันไปอีกทาง เฟรเทียร์โมโหจนแทบจะโยนหน้าไม้ทิ้ง ความคิดตื้นเขินของเธอเกือบทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก เธอรีบคิดหาทางที่จะจุดไฟบนตัวโกเล็มให้ได้อีกครั้ง

    นักสำรวจสาวเปลี่ยนไปใช้ลูกดอกยาว พันด้วยผ้าชุบน้ำมัน จุดไฟแล้วรีบประทับเล็งยิงทันที คราวนี้ลูกดอกพันผ้าชุบน้ำมันติดไฟพุ่งไปจนถึงตัวโกเล็ม เมื่อน้ำมันสัมผัสไฟไฟก็ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวโกเล็มน้ำแข็งไฟลุกท่วมกลายเป็นโกเล็มไฟทันที

    “ทากะ! จุดอ่อนของมันอยู่ที่กลางอก”

    จุดอ่อนของไอซ์ไททันปรากฏขึ้นเมื่อถูกโจมตีด้วยไฟแม้จะเป็นทางอ้อมไม่ใช่ทางตรงด้วยเวทมนต์ก็ตาม

    หัวหน้าแคลนมัลดิโตจิกปลายเท้าเพื่อเตรียมพุ่งทะยาน พลิกข้อมือหันปลายดาบขึ้นมา สูดลมหายใจลึกๆรวบรวมสมาธิให้เป็นหนึ่ง พุ่งไปประชิดตัวโกเล็มน้ำแข็งในพริบตา ดาบคาตะนะทะลวงกลางอกที่ตำแหน่งจุดตายอย่างแม่นยำ ร่างน้ำแข็งของไอซ์ไททันปริแตกออกจากกลางอก พังทลายเหมือนน้ำแข็งถูกบดทุบ

    จบการต่อสู้ ทากะก็ต้องคุยกับเฟรเทียร์อีกครั้ง

    “ผมยินดีนะที่คุณเฟรเทียร์คิดจะช่วย แต่ลืมไปรึเปล่าว่าอยู่ในปาร์ตี้เดียวกันแบบนี้ถึงจะอยู่ห่างกันแค่ไหนก็ส่งเสียงพูดคุยถึงกันได้ ถ้าคุณคิดแผนได้แล้วก็บอกผมก่อนจะได้ไม่พะวักพะวนทำอะไรไม่ถูกแบบเมื่อกี๊อีก”

    “แหะๆ” เฟรเทียร์หัวเราะแห้งๆ ยิ้มเจื่อนๆ “ขอโทษทีละกันนะ ไม่เคยจับคู่สู้ก็เลยไม่รู้น่ะ”

    ครั้งนี้เธอยอมรับความผิดและขอโทษเขาแต่โดยดี เมื่อเข้าใจตรงกันแล้วทั้งสองคนออกเดินต่อ เหลือเพียงช่องเขาแคบๆก็จะถึงที่หมายถ้าไม่มีมอนเสตอร์ดักโจมตีหรือเดินสวนมา หนทางไม่เลวร้ายเท่าที่คิด มีเพียงหมาป่าหางคู่ไม่กี่ตัวในเส้นทางเท่านั้นซึ่งทากะจัดการปราบลงได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย









    ในที่สุดเฟรเทียร์ก็มาถึงหุบเขาที่เธอต้องการสำรวจสักที ทากะมองสถานที่แห่งนี้อย่างทึ่งๆ หุบเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยสีสันมากมายจากดอกไม้นานาพันธุ์ สีแดงเหลืองส้มม่วงเขียวชมพูตัดกับสีขาวปลอดของหิมะดูราวกับเป็นผลงานภาพวาดชั้นเยี่ยมจากจิตรกรมือหนึ่ง

    เฟรเทียร์บอกว่าดอกไม้พวกนี้เป็นพันธุ์พิเศษ ยิ่งอากาศหนาวเท่าไรสีสันยิ่งสดใสเข้มข้นมากเท่านั้น และนี่คืองานของเธอ เธอต้องนำตัวอย่างดอกไม้เหล่านี้กลับไปวิจัยว่าทำไมถึงเบ่งบานกลางอากาศหนาวเกือบจะแตะจุดเยือกแข็งได้

    เธอจัดแจงกางเต็นท์ริมป่าและให้ทากะหากิ่งไม้และใบไม้มาตกแต่งอำพรางสายตามอนสเตอร์ คราวก่อนเธอไม่ได้พรางเต็นท์ไว้ ตอนกลางคืนเจอหมีขาวบุกมารื้อเต็นท์หนีตายแทบไม่ทัน พอกลับไปตั้งหลักหาข้อมูลถึงได้รู้ว่าต้องอำพรางเต็นท์ด้วย สั่งเสร็จเธอก็คว้ากล่องพลาสติกสำหรับเก็บตัวอย่างใส่กระเป๋าใบเล็กวิ่งออกไปด้วยอารมณ์เบิกบานไม่น้อยไปกว่าดอกไม้ทั้งปวง

    หัวหน้าแคลนมัลดิโตไปหักกิ่งไม้ที่มีใบติดมาสุมรอบเต็นท์จนกลายเป็นพุ่มไม้ ทำเสร็จก็ปีนขึ้นไปนั่งบนกิ่งสน สังเกตการณ์รอบๆจากที่สูง ปล่อยให้นายจ้างสาวก้มหน้าเก็บตัวอย่างดอกไม้ลงกล่องดอกแล้วดอกเล่าจนตะวันตกดิน

    นักสำรวจสาวเข้าไปทำงานต่อในเต็นท์ เขียนบันทึกประจำวัน วิเคราะห์และจำแนกพันธุ์ดอกไม้ ทากะนั่งอยู่ด้วยเงียบๆคอยจิบชาให้ร่างกายอบอุ่นและช่วยเธอหยิบกล่องเก็บตัวอย่างส่งให้เธอบ้าง เวลาผ่านไปจนพ้นเที่ยงคืนอากาศเริ่มแปรปรวนอีกครั้ง เสียงฟ้าคำรามบอกว่าพายุใกล้เข้ามาแล้ว

    ในขณะที่เฟรเทียร์ขะมักเขม้นกับการวาดรูปดอกไม้ลงในบันทึก เสียงเตือนจากสกิลตรวจจับดังขึ้นพร้อมกับเปิดแผนที่ขึ้นมาอัตโนมัติ เธอคว้ากล้องส่องทางไกลแง้มๆหน้าต่างเต็นท์ส่องออกไปตามทิศทางที่สกิลแจ้งเตือน

    “หมีขาวน่ะ น่าจะเป็นตัวเดียวกับคราวก่อนด้วย นายออกไปจัดการมันหน่อยสิ”

    “ถ้ามันไม่มาพังเต็นท์ก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรมันนี่นา” ทากะยังนั่งจิบชาอย่างใจเย็น

    “แล้วนายจะรอให้มันบุกมาพังเต็นท์แล้วลากฉันไปแหวกท้องกินเครื่องในก่อนรึไงกัน!?”

    “ถ้าเป็นหมีควายละก็มันจะควักสมองกินเป็นอย่างแรกสุดเพราะว่าเป็นของโปรด ก็น่าสงสัยเหมือนกันว่าหมีขาวจะชอบกินสมองเหมือนหมีควายรึเปล่า ถ้าเจ้าตัวนี้ได้กินสมองของคุณเฟรเทียร์อาจจะฉลาดขึ้นอีกสามเท่า ก็ เป็น ได้”

    หญิงสาวโดนพูดแหย่ก็โกรธ คลานเร็วไปทุบทากะรัวๆ เขาไม่ยอมเจ็บตัวเลยคว้ามือสองข้างของนายจ้างสาวไว้แน่น เฟรเทียร์พยายามดึงมือกลับแต่ก็สู้แรงไม่ได้ “ปล่อยนะ!”

    “อยู่นิ่งๆเงียบๆสิ เสียงดังแบบนี้เดี๋ยวหมีก็มาลากไปแหวกท้องกินเครื่องในหรอก”

    เธอโดนล้ออีกจนได้ แต่ถึงจะโกรธเธอก็ต้องจำใจอยู่นิ่งๆ ผ่านไปอึดใจใหญ่ หมีขาวปริศนาที่มาเยือนกลางดึกก็เดินหายไปกลางพายุหิมะ

    เฟรเทียร์จ้องทากะสลับกับมือตัวเองเป็นนัยว่า ‘เมื่อไรจะปล่อย’

    “ขอโทษที เชิญคุณเฟรเทียร์ทำงานต่อได้เลยครับ” ทากะผายมือไปทางกองหนังสือ นักสำรวจสาวเบ้ปากใส่เขาหนึ่งทีแล้วกลับไปทำงานต่อแต่ก็ไม่วายชำเลืองมองเขา พอทากะยิ้มให้ก็ทำเบ้ปากใส่เขาอีกทีหนึ่ง

    รุ่งเช้ามาเยือน แสงสีส้มอ่อนของดวงตะวันย้อมหิมะบนยอดเขาให้เป็นสีเดียวกัน อากาศแจ่มใสแต่หนาวยะเยือก ทุ่งดอกไม้ยังคงเฉิดฉายท่ามกลางหิมะและน้ำแข็ง หัวหน้าแคลนมัลดิโตออกมายืนบิดขี้เกียจอยู่หน้าเต็นท์รอน้ำในกาสนามบนกองไฟหินสามเส้าเดือดเพื่อชงกาแฟให้เฟรเทียร์

    หิมะปั้นกลมก้อนหนึ่งหลุดลอยจากปลายนิ้วเฟรเทียร์ เป้าหมายคือหลังหัวของทากะ แต่คนที่มีประสาทสัมผัสไวอย่างเขาย่อมรู้ว่าถูกปาหิมะใส่เลยแกล้งจามหลบแบบเนียนๆไป แต่เฟรเทียร์ยังไม่ละความพยายามที่จะใช้เขาเป็นที่ระบายความเครียดจากการทำงานมาตลอดคืน รีบก้มเก็บหิมะปั้นเป็นลูกอีกครั้ง

    พอเงยหน้าขึ้นไปมองทากะก็ยืนทำหน้ามึนๆอยู่ข้างๆตัวแล้ว

    “กำลังทำอะไรอยู่เหรอครับ?”

    “อะ เอ่อ อ๋อ! กำลังจะทำตุ๊กตาหิมะน่ะ นายก็มาช่วยกันด้วยสิ”

    ทากะยิ้มอย่างรู้ทันแต่ไม่ว่าอะไร ช่วยเธอกลิ้งก้อนหิมะแล้วปั้นเป็นตุ๊กตาหิมะตั้งไว้ไม่ไกลจากเต็นท์ที่พัก

    เฟรเทียร์ตั้งสมาธิไปทำงานอีกครั้ง ทากะปีนขึ้นไปนั่งบนกิ่งต้นสนคุ้มกันจากที่สูงเหมือนเดิม สิ่งหนึ่งที่ทากะชื่นชมเฟรเทียร์คือเธอทำงานตลอดกลางอากาศหนาวไม่หยุดให้เวลาเสียเปล่าแม้แต่วินาทีเดียว

    ผ่านไปอีกหนึ่งวัน ตลอดวันนี้ไม่มีมอนสเตอร์มากวนให้เฟรเทียร์เสียเวลาทำงาน ทากะเลยไม่ต้องเหนื่อยแรงลงไปต่อสู้กับตัวอะไร ค่ำคืนที่สองมาเยือนอย่างรวดเร็วพร้อมกับดวงดาวนับไม่ถ้วน เฟรเทียร์ยิ้มหน้าบานดีใจสุดขีดเมื่อรู้ว่าเก็บพันธุ์ดอกไม้ครบทุกชนิดแล้ว ค่ำคืนนี้งานที่ของเฟรเทียร์มีแค่เขียนบันทึกประจำวันเท่านั้น และงานที่เหลือของทากะคือคุ้มกันเธอกลับไปให้ถึงหมู่บ้านเท่านั้น พรุ่งนี้เช้าเดินทางกลับได้ทันทีที่ฟ้าสว่าง

    เจ็ดนาฬิกาตรง ในขณะที่ทากะกำลังรื้อสิ่งตกแต่งอำพรางออกจากเต็นท์ เฟรเทียร์ที่ขอตัวออกไปถ่ายรูปดอกไม้เก็บไว้เป็นที่ระลึกวิ่งกระหืดกระหอบกลับมา

    “มะ...มังกรน่ะ” เธอหอบตัวโยนแต่ยังกัดฟันเปล่งเสียงออกมา “เห็นมันนอนอยู่ริมผาเลยย่องเข้าไปถ่ายรูป ถ่ายเสร็จปุ๊ปมันหันมาเห็นก็เลยรีบวิ่งหนีมา”

    สีหน้าของทากะยังไม่เปลี่ยนแม้จะได้ยินชื่อของ ‘สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุด’ ก็ตาม บอกด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นหนักแน่น

    “เรารีบเก็บของแล้วไปให้ไวที่สุดดีกว่า”

    ทั้งสองรีบเก็บสัมภาระลงกระเป๋าอย่างรวดเร็ว พอเสียงคำรามของมังกรดังขึ้นทั้งคู่ก็วิ่งถึงช่องเขาแล้ว









    เงาของมังกรบินขึ้นจากหลังยอดเขา ทากะหันกลับไปมองก็พอคะเนขนาดและความเก่งกาจของมังกรตัวนี้ได้จากประสบการณ์ในสมัยเทสต์เบต้า

    มังกรที่เห็นได้ตามหนังสือนิยายแฟนตาซีทั่วไป ปีกคู่ทรงพลังงอกจากกลางหลัง กรงเล็บขนาดใหญ่ หางอวบใหญ่เต็มไปด้วยหนามแหลมนับไม่ถ้วน ตั้งแต่หัวยันหางปกคลุมด้วยเกล็ดสีฟ้าใสเหมือนก้อนน้ำแข็ง กระทั่งดวงตายังเป็นสีฟ้าไปด้วย

    [ Ice Dragon ] มอนสเตอร์เผ่ามังกร เจ้าถิ่นประจำภูเขาหิมะ ถึงจะไม่ใช่มอนสเตอร์ระดับบอสแต่เก่งกาจไม่แพ้กัน

    เงาทะมึนบินผ่านพวกเขาไป ทิศทางนั้นคือทางออกของช่องเขาแห่งนี้ เฟรเทียร์เกิดลังเลชะงักความเร็วลงแต่ทากะฉุดข้อมือเธอให้วิ่งต่อ “ออกไปจากตรงนี้ก่อนค่อยหาทางหนี”

    พอวิ่งพ้นออกมาจากช่องเขาขาด มังกรตัวนั้นก็บินวกอ้อมกลับมาพอดี ทากะตัดสินใจฉับไวเปลี่ยนทิศทางวิ่งเข้าป่าสนทางซ้ายมือ มือซ้ายฉุดเฟรเทียร์ตามหลังมา เธอเกือบจะล้มหลายทีแต่แข็งใจวิ่งตามเขามาตลอด

    มังกรน้ำแข็งโฉบบินต่ำไล่หลังมา ต้นสนหักโค่นระเนระนาด และด้านหลังคือหน้าผาไม่มีทางให้ไปต่อ!

    ทากะหันตัวกลับกะทันหัน เฟรเทียร์เบรกไม่ทันวิ่งชนเขาเต็มๆ ทากะกอดเธอไว้แล้วกระโดดหันหลังลงจากหน้าผา เธอหลับตากรีดร้องสุดเสียง ปีกน้ำแข็งเฉียดผ่านพวกเขาไป แรงลมกระชากดึงพวกเขาสองคนผงะกลางอากาศ โชคดีที่ใต้หน้าผาไม่ใช่เหวลึกแต่เป็นทางลาดไหล่เขา ทั้งสองกลิ้งลงมาไกลเกือบสองร้อยเมตร พลังชีวิตของทากะหายไปเกือบครึ่ง ความเจ็บปวดลุกลามไปทั้งตัวทำให้ขยับไม่ได้ไปชั่วครู่ เฟรเทียร์ค่อยๆคลานไปหาเขา

    จุกไม้ปากขวดโพชั่นถูกดึงออก ของเหลวสีแดงถูกกรอกเข้าปากทากะช้าๆทีละอึกจนหมด ความเจ็บเลือนหายไปช้าๆ ทากะขยับลุกขึ้นนั่ง แหงนคอมองท้องฟ้า ไม่มีเงาของมังกรน้ำแข็ง แต่รับประกันไม่ได้ว่ามันจะย้อนกลับมาอีกตอนไหน

    “ไหวรึเปล่า?”

    ทากะพอขยับไหวแล้ว ลุกขึ้นประคองเฟรเทียร์ให้ลุกขึ้นตาม เธอยกมือขึ้นเป็นสัญญาณว่าขอเวลาอีกนิด เปิดโพชั่นดื่มคำใหญ่ๆหมดไปสองขวดรวด

    “เป็นกึ่งเอ็นพีซีก็ต้องดื่มโพชั่นเหมือนกันเหรอ?”

    “ฉันเป็นผู้เล่นเหมือนนายนั่นแหละ” เฟรเทียร์โยนขวดเปล่าทิ้งไป มองหน้าทากะ แม้เขาจะไม่ถามออกมาแต่ดวงตาสีดำบอกว่ามีคำถามอย่างชัดเจน

    เสียงมังกรคำรามดังขึ้นอีก แต่มองไม่เห็นว่ามันอยู่ตรงไหน

    “ไว้คุยทีหลัง ไปจากตรงนี้ก่อน”

    เธอลุกขึ้นยืน ทากะพยักหน้าเห็นด้วย ทั้งสองคนวิ่งเคียงกันไป ตีนเขาด้านล่างเป็นลานกว้างเต็มไปด้วยหินภูเขาก้อนใหญ่สูงท่วมหัว มังกรน้ำแข็งบินผ่านเหนือหัวพวกเขาไปแล้ววกกลับ มันอ้าปากกว้างพ่นเกล็ดน้ำแข็งออกมามากมาย ทากะดึงเฟรเทียร์ไปหลบหลังก้อนหินกดหัวเธอให้ก้มต่ำที่สุด

    ขนาดหินก้อนใหญ่มหึมายังถูกเกล็ดน้ำแข็งจากลมหายใจมังกรกระแทกจนสั่นสะเทือน ถ้าทากะและเฟรเทียร์โดนเข้าไปมีสิทธิ์ตายคาที่ได้ง่ายๆ

    มังกรน้ำแข็งตามล่าไม่เลิกรา บินวกกลับมาอย่างรวดเร็ว คราวนี้โฉบต่ำเรียดพื้นใช้หางสะบัดฟาดใส่ก้อนหินแตกกระจายไล่มาทีละก้อน ทากะคว้ามือเฟรเทียร์วิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ สะเก็ดหินขนาดเขื่องๆโดนเข้ากลางหลังทากะจนเขาทรุดลง

    “รีบไป! อย่าหยุดวิ่ง ไป!”

    หัวหน้าแคลนมัลดิโตตะโกนไล่ให้เฟรเทียร์ไปต่อเมื่อเธอหันกลับมาจะประคองเขา นักสำรวจสาวลังเล แต่พอเห็นสายตาดุๆของเขาที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็ต้องยอมวิ่งไปและทิ้งเขาไว้ด้านหลัง

    ทากะค่อยๆดึงดาบคาตะนะคู่ใจออกจากฝัก

    มังกรน้ำแข็งจับการเคลื่อนไหวของเฟรเทียร์ได้และเปลี่ยนทิศบินไล่ตามไป ทว่า...ทากะกระโดดขึ้นมาตรงหน้ามันกะทันหัน สองมือเงื้อดาบคาตะนะเหนือหัวฟาดใส่ตรงสันจมูกพอดิบพอดี แรงปะทะทำให้มันผงะพร้อมเสียงคำรามเจ็บปวด เขาหมุนตัวกลางอากาศลงบนก้อนหินแล้วดีดตัวเข้าหามังกรน้ำแข็งอีกที คราวนี้มีเป้าหมายที่โคนปีกซ้าย

    มังกรน้ำแข็งไม่ยอมโดนเล่นงานฝ่ายเดียว กรงเล็บตวัดโจมตีสวนใส่ทากะที่พุ่งขึ้นมา หัวหน้าแคลนมัลดิโตเหมือนรู้อยู่แล้วมันจะโจมตีอย่างไร บิดตัวทั้งที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ แทงดาบใส่กลางกรงเล็บและใช้มันเป็นฐานกระโดดขึ้นสูงไปอีก คราวนี้มังกรน้ำแข็งผงกหัวขึ้นแล้วฟาดลงมา ทากะโดนฟาดเต็มๆร่วงลงมากระแทกพื้นเต็มแรงแต่ก็ฝากแผลไว้ใต้คางศัตรูถึงสามดาบ

    มังกรน้ำแข็งกระพือปีกลงสู่พื้นช้าๆประจันหน้ากับทากะ

    การสู้หนึ่งต่อหนึ่งระหว่างผู้เล่นกับมังกรยังมีโอกาสชนะ เพียงแต่ต้องเปลืองแรงและเปลืองไอเท็มบ้าง แต่สไตล์ต่อสู้ของทากะเป็นพวกสู้สุดตัวไม่ถอยออกมาฟื้นพลัง โอกาสชนะของทากะจึงขึ้นอยู่กับสามปัจจัย หนึ่งคือหลบการโจมตีให้ได้มากที่สุด สองคือเน้นโจมตีตรงตำแหน่งจุดอ่อนหรือจุดตาย สามคือรีบฆ่าศัตรูก่อนที่มันจะมีโอกาสใช้ท่าไม้ตายโดยเฉพาะมอนสเตอร์เผ่ามังกร


    ตอนนี้พลังชีวิตของทากะเหลือ 82% ส่วนมังกรน้ำแข็งยังเป็นปริศนา ฉากจบยังอยู่อีกไกล บอกไม่ได้ว่าคนจะพ่ายหรือมังกรจะล้ม
  7. soulmaster

    soulmaster Endorphinlism

    EXP:
    403
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    18
    อูว ตอนนี้บรรยายฉากใด้อารมณ์ดีมาก ชอบๆ ส่วนอิมเมจตัวละครอย่าง เสื้อผ้า หน้าตา ทรงผม อยากให้มีทุกตอน
    เพราะถ้าคนอ่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวละครบางทีก็มานั่งนึก ว่าใส่ชุดอะไรอยู่หนอ หรืออาจลืมเพราะไม่ใด้อ่านติดต่อกัน
    ผงกหัวขึ้น >> ลองใช้คำว่าง้าง เหวี่ยง หรือยก
    ถ้าเข้าใจไม่ผิด npcนี่จะอยู่เป็นที่รึเปล่านะ หรือไม่ก็มีwaypointตายตัว

    wish list
    -ผู้เล่นสายคราฟ
    -animal tamer (or monster)
    -GM

    ปล.ปูทางผู้เล่นหญิงมาขนาดนี้ จะมีงานแต่งในเกมรึเปล่านะ
    Azemag ถูกใจสิ่งนี้
  8. soulmaster

    soulmaster Endorphinlism

    EXP:
    403
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    18
    -delete-
  9. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    เรื่องเสื้อผ้าหน้าผมเนี่ยเป็นจุดบอดของนิยายรายอาทิตย์เลยสินะ เพราะมันอ่านไม่ต่อเนื่องรวดเดียว (ไม่มีภาพประกอบด้วย)
    ต่อไปจะพยายามเขียนใส่ให้นะครับ

    npc นี่อยู่ประจำที่ครับ แต่ก็พาเดินไปไหนมาไหนได้ด้วยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละตัว

    wish list จะพยายามเขียนให้บ้างนะครับ
  10. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    Grand Gaia Online 18 – Misunderstood Love





    ทากะและมังกรน้ำแข็งขยับเข้าหาอีกฝ่ายพร้อมกัน เสียงดาบคาตะนะปะทะกรงเล็บมังกรดังสะท้อนภูเขาแบบเสียงเอคโค่ มังกรน้ำแข็งตัวใหญ่อุ้ยอ้ายเคลื่อนไหวช้ากว่าทากะ พริบตาเดียวมันถูกฟันไปหลายครั้ง ไอซ์ดราก้อนตวัดหัวลงมาจะกัดทากะ แต่เขาฉากหลบออกด้านข้างแทงดาบตรงโคนใบหู มันน้ำแข็งคำรามลั่นด้วยความเจ็บขยุ้มกรงเล็บโจมตีแต่พลาดไป

    ทากะวิ่งวนรอบตัวมังกรด้วยความเร็วสูง เล็งฟันซ้ำที่เกล็ดน้ำแข็งบางๆตรงข้อเท้าซ้ำๆย้ำๆ พอเกล็ดมังกรแตกร้าว เขาเร่งความเร็วขึ้นจนถึงระดับสูงสุด บิดข้อมือเปลี่ยนจากฟันเป็นแทง ปลายดาบคาตะนะคมกริบทะลุเกล็ดน้ำแข็งแทงลึกเข้าไปถึงเนื้อใน เขาหวังไว้ให้มังกรล้มลงจะได้กระโดดขึ้นไปเล่นงานมันได้

    แต่ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาด มังกรน้ำแข็งไม่ล้ม นอกจากไม่ล้มยังใช้หางที่เต็มไปด้วยหนามแหลมหวดกวาดทำลายทุกสิ่งรอบตัว ทากะลอยละลิ่วพร้อมก้อนหินเล็กใหญ่ตกลงกระแทกพื้นจังๆ แรงกระแทกทำให้เขาขยับตัวไม่ได้ชั่วขณะ มังกรน้ำแข็งตีปีกพรึบพับขยับเดินเข้าหา

    ก่อนที่เขาจะถูกมังกรกัดเป็นเศษเนื้อ ลูกดอกเหล็กพุ่งฝ่าลมหนาวโดนคอมังกรน้ำแข็ง มันหันไปตามทิศทางที่ถูกโจมตี เฟรเทียร์ยืนอยู่บนก้อนหินกำลังหมุนรอกขึ้นสายหน้าไม้อีกครั้ง มังกรน้ำแข็งกระพือปีกสร้างกระแสลมรุนแรงขัดขวางและเปลี่ยนเป้าหันไปเล่นงานเธอแทน

    ทากะขยับพอขยับตัวได้แล้วแข็งใจพุ่งไปแทงซ้ำที่ข้อเท้ามังกรน้ำแข็งอีกครั้ง บรรจงแทงลงไปในแผลเดิม มันทนความเจ็บไม่ได้ ร่างมหึมหาเซล้มหงายท้อง ทากะวิ่งไปหาเฟรเทียร์ดึงข้อมือเธอให้วิ่งหนี แต่เธอสะบัดมือเขาออก ล้วงเป้หยิบเอาของสิ่งหนึ่งออกมา

    ระเบิดไดนาไมท์!

    เธอจุดไฟจ่อสายชนวนแล้วขว้างไปที่มังกรทันที ไม่กี่วินาทีมีเสียงระเบิดตูมใหญ่ดังขึ้น มังกรน้ำแข็งคำรามภายในเปลวไฟสีแดงสด มันกางปีกสะบัดพรึบเดียวบินขึ้นไปบนฟ้า มองหาเหยื่อทั้งสองของมันจากที่สูง แต่ไม่ว่ามองไปตรงไหนก็ไม่เห็นเป้าหมายไม่มีแม้แต่เงา

    ทั้งสองคนใช้คริสตัลล่องหนหนีไปไกลลิบแล้ว

    เมื่อไม่มีวี่แววว่ามังกรน้ำแข็งจะตามมา ทั้งสองหยุดพักเอาแรงหลังจากวิ่งรวดเดียวเกือบชั่วโมง เฟรเทียร์พิงต้นไม้ทรุดตัวลงนั่งอย่างเหนื่อยอ่อน ขวดน้ำเย็นๆในมือทากะแตะหน้าผากทำให้เธอสะดุ้ง

    “อุตส่าห์ช่วยแล้วยังมาแกล้งกันอีก น่าปล่อยให้มังกรมันแหวกหัวกินสมองให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย”

    ทากะหรี่ตามองนายจ้างของตัวเอง “นั่นมังกรไม่ใช่หมีควาย”

    “เหมือนกันนั่นแหละ” นักสำรวจสาวโยนขวดน้ำคืนให้ แถมยาฟื้นพลังให้อีกสองขวด “ว่าแต่นายก็เก่งเหมือนกันนะ เพิ่งจะเคยเห็นคนซัดกับมังกรตัวต่อตัวก็คราวนี้แหละ”

    “ถ้าเพื่อนในแคลนอยู่กันครบจะได้เห็นอภินิหารมากกว่านี้อีกนะ”

    “อ๋อเหรอ? สมาชิกแคลนนายเก่งรึเปล่าไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆหัวหน้าแคลนนี่กวนประสาทเป็นอันดับหนึ่งเลย”

    “ผิดแล้ว ผมเป็นคนสุภาพที่สุดในแคลนแล้วนะ”

    เธอเบ้ปาก “ถ้าเชื่อนายฉันยอมให้หมีควายควักสมองกินดีกว่า!”

    ทั้งสองคนเจอปัญหาใหม่คือตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน เฟรเทียร์เปิดแผนที่ตรวจสอบข้อมูล พวกเขาออกห่างจากเส้นทางเดิมมาไกลพอควร แต่ตรงจุดนี้ยังสามารถกลับถึงหมู่บ้านได้แถมใกล้กว่าเดิมอีก กลายเป็นเรื่องดีในความโชคร้าย

    “ตอนแรกฉันก็งงๆตอนพวกผู้เล่นเอาไอเทมมาส่งให้แล้วถามหาเงินตอบแทนภารกิจ”

    เธอตอบคำถามของทากะที่ว่าทำไมเธอถึงมีฐานะเป็นผู้เล่นไม่ใช่กึ่งเอ็นพีซี

    “พอติดต่อกลับไปที่สมาคม พวกเขาบอกว่าฉันเป็นผู้เล่นคนเดียวที่ทำภารกิจกับทางสมาคมมากขนาดนี้เลยแต่งตั้งให้ฉันเป็นตัวแทนสมาคมในต่างเมือง แล้วก็ให้สิทธิ์บางอย่างของเอ็นพีซีไว้สำหรับมอบหมายภารกิจหรือตอบแทนผู้เล่น บอกด้วยนะว่าให้ใช้งานพวกผู้เล่นให้เต็มที่เลย”

    “ตอนแรกก็อยากจะเลิกอยู่หรอก แต่ไหนๆก็ทำมาถึงขนาดนี้แล้วก็ปล่อยเลยตามเลยไป ได้แกล้งคนสนุกดีด้วยแหละ”

    “นิสัยไม่ดีเลย” ทากะแกล้งกระแอมเบาๆ เลยโดนเธอทุบไหล่หนึ่งที

    “แต่ตอนนี้ฉันชักอยากกลับเป็นผู้เล่นปกติแล้วละ อยากออกไปผจญภัยที่ใหม่ๆ เจอเพื่อนใหม่ๆ สนุกสนานเฮฮากับการเอาชีวิตรอดเหมือนคนอื่นบ้าง ไม่ใช่วันๆขลุกอยู่แต่ในห้องเขียนหนังสืออย่างเดียวแบบนี้”

    “กลัวจะไม่มีใบลาออกให้เขียนนี่สิ” ทากะตบบ่าปลอบใจ เธอยิ้มเศร้าๆตอบเขา

    “เฮ้อ! ก็คงเป็นอย่างนายว่านั่นแหละ”

    เสียงเตือนจากสกิลตรวจจับศัตรูของเฟรเทียร์ดังถี่ยิบ เสียงต้นไม้หักโค่นจากด้านหน้าไล่เข้ามาหาพวกเขา ทากะกดเฟรเทียร์หมอบติดพื้น บางอย่างที่มีมวลมหาศาลพุ่งผ่านแผ่นหลังพวกเขาทั้งสองคนไปพร้อมกับแรงลมกระชาก เสียงคำรามที่คุ้นหูตอบข้อสงสัยได้ทันทีว่าตัวอะไรจ้องเล่นงานพวกเขา

    ไอซ์ดราก้อนเจ้าเก่าตัวเดิม

    ทากะประคองเฟรเทียร์ยืนขึ้น พอดีกับมังกรน้ำแข็งพ่นเกล็ดน้ำแข็งกระหน่ำลงมายิ่งกว่าห่าฝน ต่างคนต่างแยกหนีไปคนละทางหาต้นไม้ใหญ่ใช้เป็นที่กำบังตัว

    “หนีหรือสู้?” ทากะตะโกนถาม การคุ้มครองเฟรเทียร์คือเป้าหมายหลักของภารกิจ แต่ถ้าเธอต้องการสู้เขาก็พร้อมสู้เช่นกัน

    “นายคิดว่าจะชนะมันได้ไหมละ?”

    “ก็คงชนะ” ทากะตอบเหมือนมังกรเป็นมอนสเตอร์ระดับเดียวกับกระต่ายน้อยในทุ่งหญ้า

    เธอยิ้มมุมปาก “งั้นนายนำ ฉันจะซัพพอร์ตให้เอง!”

    เมื่อตัดสินใจได้ ดวงตาสีเขียวดูเข้มแข็งห้าวหาญไม่น้อยไปกว่าตอนที่ทากะต่อสู้ เธอจัดแจงเปลี่ยนอาวุธใหม่เป็นหน้าไม้ตัวใหญ่ แต่รางใส่ลูกดอกเปลี่ยนเป็นท่อเหล็ก สิ่งที่ยิงออกไปไม่ใช่ลูกดอกเหล็กแต่เป็นระเบิดไดนาไมท์!

    แต่ก่อนที่เธอจะยิงไดนาไมท์ถล่มมังกร เธอหยิบคริสตัลสีฟ้าออกมาหนึ่งก้อน ไม่ได้ใช้กับตัวเองแต่เป็นทากะที่ต่อสู้เป็นแนวหน้า

    “เดี๋ยวจะใช้คริสตัลให้นะ ถ้าไม่ชนะมังกรนั่นฉันจะเก็บเงินกับนาย แพงด้วยนะขอบอก”

    คริสตัลที่เธอใช้คือ [ แบทเทิลคริสตัล ] สามารถเลือกเพิ่มพลังให้ค่าสถานะสองอย่างยี่สิบหน่วย อีกสองค่าสถานะเพิ่มสิบหน่วยและช่วยเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ คริสตัลก้อนนี้เป็นไอเทมหายากราคาแพง ราคารับซื้อในตลาดอย่างต่ำก้อนละสองหมื่นกิล ถ้าไม่ใช่สมาคมนักสำรวจให้ไว้เฟรเทียร์คงไม่มีเงินไปซื้อมาใช้แน่ๆ

    ผลของคริสตัลทำให้ทากะเร็วยิ่งขึ้นไปอีก เขาหลบกรงเล็บที่มังกรน้ำแข็งโจมตีได้ทุกครั้งแล้วยังสามารถหลบท่ากวาดหางที่ครั้งก่อนทำเขาปางตายได้ด้วย และพลังโจมตีที่เพิ่มขึ้นทำให้เขาฟันเกล็ดมังกรแตกไปแล้วหลายแห่ง ขาของไอซ์ดราก้อนมีแต่แผลคมดาบ เลือดสีแดงเข้มย้อมเกล็ดน้ำแข็งสีฟ้าให้กลายเป็นสีเดียวกัน ไอซ์ดราก้อนกางปีกเตรียมจะบินเพราะถูกเล่นงานอยู่ข้างเดียว เฟรเทียร์กะจังหวะไว้แล้วยิงไดนาไมท์ขึ้นไปสกัด เกิดระเบิดห่างจากหัวของมันค่อนข้างไกลแต่แรงระเบิดก็ทำให้มันชะงักไปชั่วขณะ

    ทากะตั้งดาบจรดกลางลำตัว ทะยานออกไปดุจลมกรด ฟันดาบสี่ครั้งรวดในกระบวนท่าเดียว ณ ตำแหน่งกลางหน้าอกของศัตรู พลังทำลายทะลุทะลวงผ่านเกล็ดป้องกันเข้าไปถึงเนื้อใน

    มังกรน้ำแข็งโดนฟันสี่ครั้งซ้อนที่ตำแหน่งกึ่งอกกึ่งคออย่างจัง ความเจ็บปวดเป็นแรงกระตุ้นให้มันตอบโต้เอาคืน ปีกทั้งสองเปล่งแสงสว่าง ไอซ์ดราก้อนอ้าปากพ่นลมหายใจเยือกแข็ง ทุกสิ่งที่สัมผัสกับไอเย็นสีขาวกลายเป็นน้ำแข็งในพริบตาจากนั้นแตกสลายไม่เหลือให้เห็นแม้แต่สักเศษเสี้ยวหนึ่ง

    ทากะหลบท่าไม้ตายของไอซ์ดราก้อนได้ฉิวเฉียด ปลายผ้าคลุมโดนไอเย็นกลายเป็นน้ำแข็งไปเกือบครึ่ง ถ้าความเร็วของเขาไม่เพิ่มขึ้นเพราะคริสตัลเขาคงถูกแช่แข็งไปตั้งแต่แรกแล้ว เฟรเทียร์เองก็ต้องวิ่งหนีออกห่างจากใจกลางพื้นที่ต่อสู้ พอทากะตั้งท่าจะเข้าไปลุยอีกรอบ ไอซ์ดราก้อนก็ยิงท่าไม้ตายใส่อีกบีบให้เขาต้องหลบออกห่างไม่สามารถเข้าประชิดตัวได้ สุดท้ายต้องถอยไปอยู่ข้างๆเฟรเทียร์

    หญิงสาวโมโหจนหลุดสบถออกมา “บ้าเอ๊ย! มันจะเก่งเกินไปแล้วนะ แบบนี้จะชนะมันได้ยังไงเนี่ย!?”

    หัวหน้าแคลนมัลดิโตคิดอะไรบางอย่างออก ตบบ่าคู่หูชั่วคราวของตัวเอง “ตัดชนวนให้สั้นลง ไปหาที่ดีๆตั้งหลัก ได้โอกาสเมื่อไรยิงยัดปากมันทันที”

    “เอางั้นเลยนะ?”

    “ตามนั้นแหละ!”

    ทากะวิ่งเข้าหาไอซ์ดราก้อนตรงๆ มันรวบรวมพลังแล้วพ่นไอเย็นมรณะใส่เขาทันที ทากะฉากหลบตีโค้งอ้อมเป็นวงกลมวนซ้ายมือตัวเอง เร่งความเร็วขึ้นทุกฝีก้าว มังกรตัวใหญ่เทอะทะไม่สามารถหันตามความเร็วถึงขีดสุดของทากะได้ทัน กลายเป็นทากะอ้อมเข้าประชิดด้านหลังของศัตรู

    หัวหน้าแคลนมัลดิโตกระโดดทิ้งตัวแทงดาบปักทะลุรอยต่อเกล็ดน้ำแข็งตรงโคนหาง ออกแรงกดลึกลงไปในเนื้อ ไอซ์ดราก้อนคำรามลั่นด้วยความเจ็บ สะบัดหางไปมา ต้นไม้หักโค่นพังพินาศเป็นวงกว้าง แต่มันต่อต้านเท่าไรก็ไม่เป็นผล เขายิ่งย่อตัวออกแรงกดดาบจมลึกลงในเนื้อมากขึ้น

    และด้วยการคำนวณระดับสุดยอดจากมันสมองของเฟรเทียร์ ไดนาไมท์ที่จุดชนวนแล้วลอยละลิ่วเข้าปากไอซ์ดราก้อน หายลงไปคอของมันทิ้งไว้เพียงควันจางๆ เสียงระเบิดดังสนั่นและเปลวเพลิงมหาศาลทะลักออกจากปากของมังกร

    การระเบิดในที่แคบยิ่งทำให้อานุภาพการทำลายล้างเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า ต่อให้เป็นมอนสเตอร์ที่เก่งกาจอย่างมังกรก็ไม่อาจทนการระเบิดจากภายในร่างกายได้ ทากะคิดวิธีนี้ได้เพราะนึกออกได้ว่าเพื่อนนักเวทจอมกวนล้มเฟนริลบอสหมาป่าสุดแกร่งได้อย่างไร

    มังกรน้ำแข็งล้มลงนอนตะแคงบนพื้น ปีกทั้งสองขยับกระพืออย่างอ่อนแรง ส่วนหัวเหลือติดกับลำคอเพียงแค่ก้อนเนื้อเละๆ เนื้อส่วนใหญ่แหว่งหายไปเพราะแรงระเบิด เกล็ดน้ำแข็งสีฟ้ารอบๆแตกละเอียดเหมือนโดนค้อนทุบ มันอยู่ในสภาพร่อแร่ใกล้ตายเต็มที

    “เป็นแบบนี้แล้วก็สงสารมันนะ แต่ไม่ฆ่ามัน มันก็ฆ่าเราอยู่ดี”

    เฟรเทียร์บอกเสียงเศร้าๆ ทากะไม่แสดงความเห็นอะไรกับคำพูดของเธอ เดินไปหยุดอยู่ข้างๆหัวของมังกรน้ำแข็ง จรดดาบฟันตัดหัวของมันขาดออกจากคอ ร่างของไอซ์ดราก้อนเปล่งแสงแล้วแตกสลายไป









    กาแฟหมดไปสองแก้ว เรื่องราวการผจญภัยของทั้งคู่จบลงเช่นกัน หัวหน้าหมู่บ้านชวนเฟรเทียร์ไปตรวจโรงเรือนด้วยกัน หญิงสาวเลยให้ทากะกลับไปรอที่ห้อง อีกเกือบชั่วโมงสาวสวยเจ้าหน้าที่สมาคมนักสำรวจก็กลับมา

    “หัวหน้าหมู่บ้านอยากได้โรงเรือนเพิ่มอีกสองหลัง” เธอชิงอธิบายก่อนที่ทากะจะถาม

    “ก็ดีแล้วนี่นา”

    เฟรเทียร์ถอนหายใจ “แบบนี้แผนจะออกเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกของฉันก็ต้องช้าออกไปอีกน่ะสิ เอ๊ะนี่! อย่าทำหน้าอย่างนั้นนะ”

    “หือ? ผมทำหน้าแบบไหนเหรอ?”

    “ยังจะมาเถียงอีก นายทำเหมือนความฝันของฉันเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างงั้นแหละ”

    ทากะไม่ตอบ มองออกไปนอกหน้าต่างแต่มุมปากยิ้มนิดๆ เฟรเทียร์คว้าอะไรที่อยู่ใกล้มือโยนใส่ทันที เขายกมือรับไว้ทันก็เห็นเป็นหนังสือคู่มือการใช้ชีวิตในภูเขาหิมะเล่มเดิม

    “จะให้รางวัลภารกิจก็ไม่บอกดีๆนะ”

    “อยากได้ก็เอาไปเลย”

    เฟรเทียร์เบ้ปาก เรียกหน้าต่างประจำตัวขึ้นมากดๆจิ้มๆอยู่พักใหญ่ มีหน้าต่าง ‘ภารกิจเสร็จสิ้น’ ปรากฏขึ้นตรงหน้าทากะสามวินาทีแล้วก็หายไป หน้าต่างใหม่เด้งขึ้นมาแทนที่

    ผู้เล่นทากะได้รับรางวัลดังนี้

    ปลดล็อกสกิล ‘วิเคราะห์ไอเทม’ ระดับเริ่มต้น

    ปลดล็อกสกิล ‘ซ่อมแซม’ ระดับเริ่มต้น

    ปลดล็อกสกิล ‘อำพราง’ ระดับเริ่มต้น

    ได้รับไอเทม ‘คู่มือการใช้ชีวิตในภูเขาหิมะ’ หนึ่งเล่ม

    ได้รับเงินสองพันห้าร้อยกิล

    “ขอบคุณ” ทากะตอบเฟรเทียร์ด้วยเสียงหนักแน่นจริงจัง

    “ฉันก็ต้องขอบคุณนายเหมือนกันแหละ ถ้าไม่มีนายชาตินี้ฉันคงทำงานไม่เสร็จสักที”

    “เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นชาร้อนสักแก้วได้ไหม?”

    เฟรเทียร์แยกเขี้ยวใส่แต่ก็ลุกเข้าครัวไปอยู่ดี สักพักก็ออกมาพร้อมกาแฟสองแก้ว “ชาหมด เอากาแฟดำไปก่อนละกันนะ”

    ทากะยักไหล่ว่าจะชาหรือกาแฟก็ไม่มีปัญหา

    “เอาดาบออกมาสิเดี๋ยวจะซ่อมให้”

    หัวหน้าแคลนมัลดิโตค่อยๆดึงดาบออกจากฝักไม้ วางไว้บนโต๊ะเล็กที่เฟรเทียร์ยกมา เธอหยิบเหล็กออกมาก้อนหนึ่งวางข้างดาบและเปิดหน้าต่างสกิลซ่อมแซมขึ้นมา

    “เล่นเอาดาบพื้นฐานแรงค์ต่ำสุดไปซัดกับมังกรนี่นะ ดูสิ! อัตราความเสียหายขึ้นมาถึงหกสิบสี่เปอเซ็นต์แล้ว” นักสำรวจสาวถอนหายใจเบาๆ

    “ไม่รู้ว่าทำได้รึเปล่า ลองตรวจประวัติใช้งานดูสิ”

    เฟรเทียร์หรี่ตามองเจ้าของดาบ ลองใช้คำสั่งของเอ็นพีซีตรวจสอบดาบตามที่เขาเสนอ “โอ้โห! มังกรหกเขาบอสระดับกลางแรงค์ดี แล้วยังบอสหมาป่าแรงค์อี ถ้ามันไม่พังก็เวอร์แล้วพ่อคุณเอ๊ย”

    เธอปิดหน้าต่างตรวจสอบ หยิบค้อนทองเหลืองออกมาเคาะก้อนเหล็ก เสียงกังวานใสเหมือนเสียงระฆังดังก้องไปทั่วห้อง ก้อนเหล็กเปล่งแสงและหดขนาดลงเล็กน้อย จากนั้นก็ใช้ค้อนเคาะลงบนใบดาบไล่ตั้งแต่โคนดาบไปจนถึงปลายดาบนับเป็นหนึ่งรอบ ทำซ้ำจนเหล็กทั้งก้อนหายไป อัตราความเสียหายของดาบกลับไปเริ่มต้นที่ศูนย์อีกครั้ง

    “เสร็จแล้ว เห็นวิธีซ่อมแล้วคราวหน้าก็หัดทำเองบ้างนะ”

    “อยากได้ค้อนนั่นจัง”

    เฟรเทียร์ตีมือทากะที่ยื่นมาจะจับค้อน “อยากได้ก็ไปซื้อที่สมาคมเองสิ!”

    “ต้องทำภารกิจก่อนถึงจะซื้อได้สินะ”

    “แหงอยู่แล้ว ในฐานะตัวแทนสมาคมขอบอกไว้เลยนะว่านายต้องทำภารกิจกับสมาคมให้เยอะๆ รับรองได้เลยว่ามีแต่คุ้มกับคุ้มเท่านั้น”

    “ถ้าคุณว่าดีก็ดี ว่างๆแล้วผมจะไปทำละกัน”

    เจ้าหน้าที่สาวจากสมาคมนักสำรวจเบ้ปากใส่คู่สนทนา “งั้นก็มาคุยกันเรื่องปราบเจ้าวิลเลียมต่อเลย นายต้องการอะไรเพิ่มรึเปล่าฉันจะได้ไปบอกหัวหน้าหมู่บ้านให้เขาหาให้ทีเดียวเลย”

    “คราวนี้คุณรออยู่ที่หมู่บ้านได้ไหม?”

    “อ้าว! ก็บอกแล้วนี่นาว่าฉันจะช่วยเต็มที่ แล้วอยู่ดีๆนายจะไม่ให้ฉันลงไปช่วยสู้ได้ยังไง เราเป็นทีมเดียวกันนะ”

    ทากะมองหญิงสาวตรงหน้ารู้ดีว่าเธอดื้อและหัวแข็งแค่ไหน ถ้าไม่มีเหตุผลที่ดีพอคงไม่สามารถล้มความตั้งใจของเธอได้ “เหตุผลข้อแรกภูมิประเทศครั้งนี้เป็นถ้ำ แสงสว่างมีน้อย โอกาสที่คุณจะยิงหน้าไม้โดนหลังผมมีค่อนข้างมาก”

    “ขอค้าน! สกิลมองในที่มืดของฉันอยู่ในระดับสูง ไม่มีทางที่ฉันจะยิงพลาดเด็ดขาด ถ้าฉันยิงไปโดนหัวนายก็ขอให้รู้ไว้เลยว่านั่นคือจงใจ! เหตุผลข้อแรกไม่ผ่าน”

    ชายหนุ่มถอนหายใจ “ข้อที่สองถ้าเจอศัตรูเยอะๆไม่สามารถใช้ระเบิดจัดการได้เหมือนตอนสู้กับมังกรน้ำแข็ง พวกเราสองคนจะโดนถ้ำถล่มมาทับเอง”

    “ขอค้านอีกครั้ง! นี่เรากำลังอยู่ในเกมไม่ใช่โลกแห่งความเป็นจริง ถ้ำเป็นเพียงออพเจ็กต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาไม่มีทางถล่มเพราะระเบิดของผู้เล่น เหตุผลข้อนี้ก็ไม่ผ่าน”

    “เกมนี้สมจริงกว่าที่คุณคิดนะ สมัยเทสต์เบต้าผมเคยคุ้มกันคณะนักสำรวจไปหาคริสตัลที่ภูเขา พวกเขาใช้หน้าไม้กับระเบิดเหมือนคุณเปี๊ยบ ช่วงท้ายของการค้นหาต้องเข้าไปสำรวจในถ้ำ พอเจอศัตรูปุ๊ปพวกเขาก็จุดชนวนโยนระเบิดใส่ปั๊ป ผลก็คือทุกคนถูกฝังทั้งเป็นตายยกคณะ”

    “ง่ะ...จริงดิ?” หญิงสาวหน้าเจื่อน ทากะยักไหล่เป็นทำนองว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ

    “งั้นเหตุผลข้อนี้ให้ผ่านก็ได้”

    “เหตุผลข้อที่สามเป็นคำถาม ถ้าวิลเลียมตลบหลังยกพวกมาบุกหมู่บ้านตอนที่พวกเราลงไปในถ้ำใครจะอยู่ช่วยพวกชาวบ้าน?”

    เฟรเทียร์หรี่ตามองเขา “ชิ! ไม่นึกเลยว่านายจะเป็นพวกรอบคอบขนาดนี้”

    “ขอบคุณสำหรับคำชม”

    “ฉันประชดต่างหากล่ะ!”

    เธอสะบัดหน้าหนี ทากะจับอารมณ์ได้ว่าเธอยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ “ไม่มีอะไรคัดค้านแล้วใช่ไหม?”

    “มีสิ! ใครบอกว่าไม่มี ครั้งนี้นายไม่ได้ทำภารกิจของสมาคมนักสำรวจ ถ้านายถูกพวกหนูรุมยำจนตายเป็นผีเฝ้าถ้ำก็ต้องถูกส่งไปโรงพยาบาล แล้วนายก็ต้องไปเริ่มต้นเดินทางใหม่จากเมืองอารันด์เพราะนายไม่ได้บันทึกตำแหน่งเซฟไว้ที่เมืองไวท์พิลลา ถ้ามีฉันไปด้วยตอนที่นายตายก็ยังมีคนช่วยชุบชีวิตยังไงละ”

    ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก ยกชาร้อนๆจิบหนึ่งคำ “แล้วถ้าผมตายกลายเป็นผีเฝ้าถ้ำ คุณเฟรเทียร์จะรอดเหรอ? แล้วที่สำคัญคุณจะชุบชีวิตผมหรือผมต้องชุบชีวิตคุณกันแน่?”

    เฟรเทียร์จนแต้ม เถียงไม่ได้ สุดท้ายก็พูดเสียงอ่อนลง “งื่อ...ก็ฉันอยากช่วยนี่นา”

    “ผมเป็นห่วงถึงได้หวังดีเตือนก่อน แต่สุดท้ายแล้วคนที่ตัดสินใจก็คือคุณ”

    หญิงสาวสะดุ้งเมื่อได้ยินคำว่า ‘ผมเป็นห่วง’ ส่วนคำพูดอื่นหลังจากนั้นถึงได้ยินก็ไม่เข้าหัวอยู่ดีเพราะเผลอคิดไปไกลกับคำว่า ‘เป็นห่วง’ ของเขาเสียแล้ว เธอก้มหน้าลงซ่อนสีหน้าและอารมณ์ไว้

    “...เข้าใจละ งั้นฉันจะคอยนายพร้อมกับดูแลหมู่บ้านก็แล้วกัน”

    เพราะเขาไม่ได้มีเจตนาไปในทางที่เฟรเทียร์คิดจึงไม่ได้สังเกตและใส่ใจท่าทีของเธอ และเขาคงไม่มีทางรู้ด้วยว่าคำพูดของเขาได้ทำให้หญิงสาวหวั่นไหวและคิดมากไปถึงไหนต่อไหน

    ทากะล็อกเอาท์ออกจากเกมเมื่อครบกำหนดเจ็ดชั่วโมงต่อการเล่นหนึ่งรอบ ก่อนจะล็อกเอาท์ไปได้ฝากรายการไอเทมที่ต้องใช้ไว้กับเฟรเทียร์วานให้เธอส่งต่อถึงมือหัวหน้าหมู่บ้าน เธอก็ช่วยเป็นธุระจัดการให้ตามที่เขาต้องการ









    เฟรเทียร์ เอเดลไรย์ทำหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นซารุวาตาริ ทากะ มายืนอยู่หน้าห้องของเธอในเช้าวันถัดไปอีกสองวัน นั่นคือเขาล็อกเอาท์ออกตามกำหนดหนึ่งชั่วโมงแล้วล็อกอินเข้าเกมใหม่อีกครั้ง

    “เข้างานสิบโมงครึ่ง ที่ทำงานใกล้บ้าน ตื่นเก้าโมงยังทันเลย” ทากะให้เหตุผล

    “นายเลยตั้งค่าล็อกอินอัตโนมัติหลังจากล็อกเอาท์ไปหนึ่งชั่วโมง...สินะ” หญิงสาวถาม เขาพยักหน้ารับ

    “แล้วทำไมนายไม่บอกตั้งแต่แรก! ทีตอนไปทำภารกิจกับฉันยังปล่อยให้ฉันรอสิบแปดชั่วโมงข้ามวันข้ามคืนเลย หา!? ทำไม!? ทำไม!? ทำไม!?” เฟรเทียร์ระเบิดอารมณ์หยิบหมอนข้างฟาดเขารัวๆ

    ทากะตีหน้ามึนโยกหัวเอี้ยวตัวหลบ “ตอนนั้นนึกว่าคุณเป็นกึ่งเอ็นพีซีไม่ต้องล็อกเอาท์นี่นา”

    นักสำรวจสาวโมโหกระฟัดกระเฟียดเพราะจำนนต่อเหตุผล ยิ่งเห็นเขาทำท่าเหมือนปกติคือหน้าไร้อารมณ์หันมองไปที่อื่นก็ยิ่งโมโห สุดท้ายก็ใช้หมอนข้างในมือวิ่งไล่ตีเขารอบห้อง

    ทุกคนมารวมตัวที่หน้าประตูหมู่บ้านรอส่งและอวยพรทากะ หัวหน้าหมู่บ้านประสานมือปิดตาเงยหน้าขึ้นฟ้าขอให้พระเจ้าคุ้มครองเขา

    เฟรเทียร์ถูกวานให้นำช่อมะกอกสัญลักษณ์แห่งชัยชนะและโชคดีไปมอบให้ทากะ เธอขัดไม่ได้เลยเดินไปหาเขาแบบเมินๆ ทากะก็ยื่นมือรับช่อมะกอกแบบมึนๆเหมือนกัน “ไปแล้วไม่ต้องกลับมาให้เห็นหน้าเลยนะ!”

    “ถ้างั้นจะรีบกลับมาละกัน” ทากะตอบหน้าตาย


    เฟรเทียร์มินหน้าหนีดื้อๆ แต่พอเขาเดินจากไปก็อดมองอย่างเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี แม้ทุกคนในหมู่บ้านจะทยอยเดินกลับกันแล้ว แต่เธอยังยืนอยู่ตรงนั้น ยืนมองจนสีดำจากชุดของทากะหายลับไปท่ามกลางหิมะสีขาวบริสุทธิ์
    taleoftrue ถูกใจสิ่งนี้
  11. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    หา นี่เราดองหรือนี่!!! ไม่จริงมั้ง ;x;

    เห็นด้วยกับซาล มัลดิโต้มันมีบทปั๊ปปี้เลิฟกับเขาด้วยวุ้ย แถมเป็นอาเฮียทากะแดกถั่วด้วย 55555

    พูดถึงความน่าตื่นเต้นของการผขญภัย ส่วนนึงที่เราอาจจะมองข้าม คือการสร้างศัตรูที่น่าสนใจ รอบนี้ได้มังกรน้ำแข็งมา ถือว่าทำให้มีอรรถรสมากขึ้นเยอะ ดูเป็นศัตรูที่สมน้ำสมเนื้อ และล้มยากพอตัว ถึงแม้การใช้ดาบคาตานะจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างตรงข้ามกับการต่อสู้ทั่วๆไป (สายคาตานะค่อนข้างเน้นฟันครั้งเดียว ไม่เน้นฟาดรัวๆ) ทำให้การต่อสู้ออกมาทะแม่งๆ แต่ทากะก็ยังคงบุคลิกของนักดาบตะวันออกได้ดี การจับคู่กับสาย tactic อย่างเฟรเทียร์ก็ลงตัวมาก

    เฟรเทียร์เองก็ไม่ใช่บุคลิกตัวละครที่แปลก แต่พอมาอยู่กับทากะก็ดูลงตัวดี สาวซึนเดเระ ปากหนัก ชอบบทเลิฟคอมเมดี้เหมือนกันนะ (ละลายใจทากะได้ บร๊ะ)
    เรื่องของการใช้ภาษา เห็นว่าให้ดูเป็นพิเศษ แต่บทสนทนาลื่นไหลดีนะ เพราะช่วงนี้ได้คุยกับผู้หญิงมากขึ้น(ในชีวิตจริง) เลยสามารถสื่อความเป็นผู้หญิงได้ real รึเปล่า (ฮาาา) บทจากกันของทากะก็ทิ้งอารมณ์ได้ดีนะ ส่วนที่ต้องแก้น่าจะเป็นเรื่องของการใช้ดาบคาตานะต่อสู้มากกว่า

    ลองถามทากะตัวจริงดูว่าอ่านแล้วคิดอย่างไร แต่ส่วนตัวคิดว่ามันน่าจะสื่อท่วงท่าที่เป็นตะวันออกมากกว่านี้
    Azemag ถูกใจสิ่งนี้
  12. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    เรื่องบทต่อสู้ของดาบญี่ปุ่นจะพยายามเขียนให้สมจริงกว่านี้ครับ พอเป็นเกมออนไลน์เลยเขียนสไตล์ real fight ดาบเดียวฟันฉับตลอดไปไม่ได้ เดี๋ยวเวอร์เกินถึงจะมีกฎเรื่อง one hit kill อยู่ก็เถอะ =___=

    ส่วนบทหวาน...ก็อย่าไปคิดว่ามันหวานสิ! ทากะมันออกจะเกรียนขนาดนั้น
  13. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    Grand Gaia Online 19 – Mine Survival





    เหมืองอยู่ที่ภูเขาทางตะวันออกของหมู่บ้าน ทากะเดินทางอย่างเย็นใจเกือบชั่วโมงก็มาถึงทางเข้าตรงตามข้อมูลที่ได้มา หน้าผาเล็กๆถูกเจาะลึกเป็นอุโมงค์สูงประมาณสี่เมตร กว้างหกเมตร มีรางรถไฟคู่สำหรับใช้ขนส่งสินแร่จากภายในออกมา

    นักสำรวจหนุ่มผมดำจัดแจงจุดคบไฟให้แสงสว่าง ก้าวเท้าเดินเข้าสู่ดินแดนอันตราย บรรยากาศเงียบเชียบวังเวง ทางเดินมืดสนิท กลิ่นอับโชยมาแตะจมูกเป็นระยะ หน้าตาของเขายังเฉยชาไม่แสดงอารมณ์ใด เข้ามาเกือบร้อยเมตรเส้นทางจากหนึ่งแยกเป็นสอง ทางหนึ่งเลี้ยวไปซ้ายและอีกหนึ่งทางแยกไปขวา ทากะยืนทำหน้างงๆมองซ้ายทีขวาที มองซ้ายอีกทีแล้วก็มองขวาอีกที

    เขานึกถึงเอเซ แมคโดเวล ในสถานการณ์อย่างนี้เพื่อนของเขามักตัดสินใจด้วยวิธีโยนเหรียญ

    ทากะตัดสินใจก้าวไปทางซ้ายมือเอาดื้อๆ ไม่มีหลักการใดๆเลยสักนิดนอกจากใช้สัญชาตญาณล้วนๆ เดินเข้าอุโมงค์ทางซ้ายมาไม่นานเท่าไรมีมอนสเตอร์ปรากฏตัวขึ้น มนุษย์ตุ่นถือพลั่วตัวสูงแค่เอวยื่นจมูกดมกลิ่นในอากาศ พอทากะทำเมินจะเดินผ่านมันก็เอาพลั่วไล่ตีเขา ทากะยกขาเหยียบมันไว้กับพื้นยืนมองมันอยู่อย่างนั้น ตุ่นน้อยส่งเสียงร้องต่ำๆเอามือสั้นๆขุดดินแล้วก็หายวับไปทั้งตัว

    ทากะกำลังตะลึงว่ามันขุดดินท่าไหนถึงได้หายตัวไปดื้อๆ พลั่วด้ามหนึ่งก็ตีโดนที่ขาของเขา

    ตุ่นตัวนั้นโผล่ครึ่งตัวขึ้นมาจากพื้น ทากะยะขาเตะใส่มันก็มุดดินหลบลงไปแล้วโผล่ขึ้นมาใหม่ เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเหมือนไม่มีพื้นดินขวางไว้ คราวนี้มันโผล่ออกมาจากกำแพงอุโมงค์แทงพลั่วใส่ทากะ เขาเอี้ยวหลบ เอามือจับพลั่ว ออกแรงดึงให้มันหลุดออกมาจากกำแพง ตุ่นน้อยทำท่าฮึดฮัดกระฟัดกระเฟียด ใช้พลั่วเคาะพื้นสามครั้ง มีเสียงเคาะตอบมาจากด้านหลังทากะสามครั้งเช่น เขาหันกลับไปดู ตุ่นอีกตัวกำลังจะเอาพลั่วฟาดเขา เขาใช้ดาบทั้งปลอกรับการโจมตีไว้ได้แต่ตุ่นตัวแรกก็ถือโอกาสเล่นงานเขาจากด้านหลัง

    ตุ่นตัวที่สองใช้พลั่วเคาะพื้นอีกสามที มีเสียงเคาะตอบอีกสามทีจากส่วนลึกด้านในอุโมงค์ ทากะรู้แล้วว่าการเคาะพลั่วเป็นสัญญาณเรียกพวกเดียวกันของตุ่นพวกนี้ ขืนอยู่ต่อไปก็มีแต่แย่กับแย่เลยเลือกวิ่งหนีทิ้งตุ่นทั้งสองตัวไว้ข้างหลัง

    หัวหน้าแคลนมัลดิโตวิ่งมาถึงทางแยกตัดสินใจเลี้ยวขวาทันที แต่เขาคงลืมไปว่าพวกตุ่นสามารถเคลื่อนไหวในพื้นดินได้อย่างอิสระ วิ่งมาไกลขนาดนี้ตุ่นทั้งสองตัวยังโผล่มาขวางทางเขา ตัวหนึ่งโผล่มาจากเพดาน อีกตัวโผล่มาจากพื้น เขาถอนหายใจเหนื่อยๆดึงดาบออกจากฝัก

    ตั้งแต่แรกเขาไม่อยากต่อสู้กับมอนสเตอร์ตามทางให้เสียเวลา แต่ตอนนี้เห็นทีจะเลี่ยงไม่ได้

    ทากะชะงักดาบที่กำลังดึงออกจากฝัก เดินถอยหลังช้าๆ ดวงตาสีแดงแวววาวในความมืดหลายสิบคู่และอยู่ในสภาพกลับหัว สิ่งมีชีวิตที่ใช้ขาเกาะเพดานห้อยหัวลงมาเป็นมอนสเตอร์ชนิดอื่นไม่ได้นอกจากค้างคาว และเป็นค้างคาวที่ตัวใหญ่พอๆกับแมวเสียด้วย ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ทากะหันหลังวิ่งกลับทางเดิม ค้างคาวนับสิบตัวส่งเสียงแหลมสูงกระพือปีกบินไล่หลังมาติดๆ พอถึงทางแยกทากะเลี้ยวขวาไปอีกทางหนึ่งที่ไม่ได้เลือกตั้งแต่แรก ฝูงค้างคาวบินไล่หลังมาติดๆชนิดกัดไม่ปล่อย

    ท่าทางวันนี้สัญชาตญาณจะเชื่อไม่ได้แล้ว หรือไม่ก็เป็นวันฤกษ์มหาวินาศสำหรับเขา

    จู่ๆเขารู้สึกว่าพื้นดินหายไป ร่างกายถูกฉุดลงสู่เบื้องล่าง แสงสว่างน้อยนิดจากคบไฟในมือซ้ายบอกให้รู้ว่าอุโมงค์ตรงนี้แยกขาดจากกันเพราะเหวลึก มีเพียงรางรถไฟเท่านั้นที่เชื่อมต่อระหว่างสองฝั่ง เขาหลับตาปล่อยให้ตัวเองดำดิ่งลงสู่ความมืดเบื้องล่าง

    บางที...ถ้าเขาลืมตาอีกครั้งอาจพบว่าตัวเองนอนอยู่ในโรงพยาบาลก็เป็นได้

    เสียงผืนน้ำแตกระเบิด คลื่นเสียงสะท้อนผนังหินดังซ้ำไปมาหลายครั้ง ทากะตีขาถีบตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ โชคดีที่ ด้านล่างเป็นพื้นน้ำไม่ใช่พื้นหินไม่อย่างนั้นเขาคงตายและเกมโอเวอร์ไปแล้ว แต่สถานการณ์ของทากะยังไม่สู้ดีเท่าไร น้ำเย็นเฉียบเหมือนมีน้ำแข็งก้อนใหญ่แช่อยู่ รอบตัวมืดสนิทมองอะไรไม่เห็นแม้แต่มือของตัวเอง แหล่งน้ำนี้กว้างใหญ่เท่าไรมีขอบเขตแค่ไหนก็ยังไม่รู้ สุดท้ายแล้วถ้าหาทางขึ้นจากน้ำไม่ได้เขาก็ตายอยู่ดี

    ชายหนุ่มสุ่มว่ายน้ำไปในความมืดดีกว่านิ่งรอความตาย โชคดีที่เขาว่ายไปถึงช่วงน้ำตื้นในไม่กี่อึดใจ ขึ้นจากน้ำมาเจอหาดเล็กๆ ทากะเปิดหยิบคบเพลิงออกมาจุดไฟ ถ้าเป็นคนทั่วไปคงทึ่งกับถ้ำหินงอกหินย้อยสุดงดงามเหนือบ่อน้ำใต้ภูเขาหิมะแห่งนี้ แต่ทากะไม่แสดงออกว่าชื่นชมใดๆ สิ่งที่เขากำลังคิดคือจะออกจากที่นี่อย่างไร เขาเดินค้นหาจนเจอถ้ำเล็กๆที่เชื่อมต่อกับโพรงแห่งนี้แต่ปากถ้ำอยู่สูงมาก

    “เฮ้อ”

    เขาเปิดกระเป๋าตรวจสอบว่ามีอะไรพอจะช่วยเขาในสถานการณ์นี้ได้บ้าง สิ่งแรกที่ล้วงออกมาคือไดนาไมท์ ขนาดเล็กครึ่งหนึ่งของที่เฟรเทียร์ใช้ นอกจากนั้นยังมีระเบิดมือขนาดเล็ก ระเบิดควันและระเบิดแสงอีกด้วย ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก เป็นคนอื่นไม่ได้นอกจากเฟรเทียร์ที่ยัดไอเท็มพวกนี้มาพร้อมกับของที่ฝากให้หัวหน้าหมู่บ้านจัดเตรียมให้

    อีกเรื่องที่น่าเป็นห่วงคือคบไฟ คบไฟหนึ่งอันใช้งานได้ประมาณสองชั่วโมง แต่ถ้าตกหายระหว่างต่อสู้หรือเหมือนตอนร่วงลงมาจากอุโมงค์เท่ากับทิ้งไปหนึ่งอันฟรีๆ จำนวนที่เหลืออยู่จึงไม่พอใช้งาน จะทำใหม่ก็ไม่ได้เพราะไม่มีวัตถุดิบ

    ชายหนุ่มคิดไปพลางหมุนลูกระเบิดขนาดเหมาะมือไปพลาง พอนึกถึงเจ้าของระเบิดก็เหมือนจะนึกอะไรได้ เขารีบเปิดหน้าต่างสกิลขึ้นมาหาสิ่งที่ต้องการ

    ไนท์อายส์’ เพิ่มขีดความสามารถการมองเห็นในเวลากลางคืนหรือสถานที่ซึ่งไม่มีแสงสว่างให้ผู้เล่น ใช้ค่าประสบการณ์สองพันแต้มเพื่อเรียนรู้ และเพิ่มหนึ่งพันแต้มสำหรับพัฒนาระดับสกิลในทุกระดับ (เรียนรู้ระดับเริ่มต้นสองพันแต้ม พัฒนาระดับสองสามพันแต้ม พัฒนาระดับสามสี่พันแต้ม ฯลฯ)

    ทากะใช้ค่าประสบการณ์ที่มีอยู่เรียนรู้สกิลนี้ในระดับเริ่มต้น เมื่อข้อความแจ้งว่าเขาได้เรียนรู้สกิลปิดไปแล้ว เขาดับคบไฟตาม ความมืดรุกเข้าหาจากทุกด้าน เขาหลับตาลงและลืมตาช้าๆให้คุ้นชินกับความมืด คราวนี้เขาเห็นนิ้วมือตัวเองครบทั้งสิบนิ้ว ระยะที่มองเห็นอย่างชัดเจนอยู่ที่ประมาณหนึ่งเมตรถึงหนึ่งเมตรครึ่งรอบตัว

    เขากลับไปที่ริมน้ำ เลือกหินก้อนกลมเกลี้ยงผิวเรียบขนาดพอจะกำไว้ในมือได้ โยนไปกองรวมกันไว้ยี่สิบสามสิบก้อน หยิบค้อนและสิ่วออกมาตอกรูปกากบาทไว้บนผิวก้อนหิน ทำไปเรื่อยๆจนครบหมดทุกก้อน นำหินที่ตอกสัญลักษณ์แล้วใส่ลงในย่าม เอาย่ามขึ้นสะพายบ่าแล้วเริ่มปีนขึ้นปากถ้ำ

    ทากะเดินไปในถ้ำแคบและขรุขระ ถึงจะมองเห็นแต่ก็ต้องค่อยๆคลำทางไป เขาหยิบก้อนหินที่ตอกรูปกากบาทวางทิ้งไว้ทุกๆทางแยกที่ผ่าน ใช้เป็นเครื่องหมายบอกว่าทางแยกนี้เคยผ่านมาแล้วป้องกันการเดินวนหลงทาง หัวหน้าแคลนมัลดิโตใช้เวลาทั้งวันเดินสำรวจถ้ำในช่วงต้นจนหมด ย้อนกลับมาที่ชายหาดริมบ่อน้ำใต้ภูเขาหิมะ ตรวจเวลาผ่านระบบของเกม ตอนนี้ในโลกแห่งความเป็นจริงใกล้จะเจ็ดโมงเช้าแล้ว เขาตัดสินใจล็อกเอาท์ออกเพื่อไปทำงานแล้วคืนนี้ค่อยกลับมาลุยยาวรวดเดียว











    ทากะล็อกอินเข้าเกมอีกครั้งก่อนสี่ทุ่มเล็กน้อยเมื่อกลับถึงบ้านและทำธุระส่วนตัวเสร็จ

    เขายังอยู่ที่เดิม ริมบ่อน้ำใต้ภูเขาหิมะท่ามกลางความมืด ความเงียบและความหนาวเย็น สิ่งที่เขาต้องทำให้สำเร็จภายในเวลาเจ็ดวันในเกมคือหาทางออกไปจากถ้ำแห่งนี้ให้ได้ ถ้าอาหารและน้ำดื่มหมดเมื่อไรเขาตายและเกมโอเวอร์แน่นอน

    ชายหนุ่มปีนขึ้นไปที่ปากถ้ำ เริ่มต้นคลำทางไปในความมืด ไปในเส้นทางที่ไม่เคยผ่านมาก่อน เจอทางตันหรือผ่านไปไม่ได้ก็ย้อนกลับมา บางช่วงของถ้ำแคบจนต้องตะแคงเดิน บางจุดเพดานต่ำต้องย่อตัวคลานเข่าไป ถึงจะลำบากแต่ก็ต้องฝ่าไปให้ได้เท่านั้น เขาปีนถ้ำมุดถ้ำสลับไปมาไม่รู้กี่ครั้ง หยุดพักบ้างตอนเหนื่อยและหิว พอหายเหนื่อยหายหิวก็เริ่มปีนถ้ำอีกครั้ง

    ทากะปีนถ้ำขึ้นมาตลอดสามวันสามคืนพาตัวเองขึ้นมาถึงบริเวณที่เป็นโพรงขนาดใหญ่ จุดคบเพลิงเพื่อตรวจภูมิศาสตร์โดยรอบ ผาหินสองข้างทำมุมหกสิบองศาขึ้นไปบรรจบกันด้านบนสูงประมาณสิบเมตร ด้านล่างเป็นพื้นหินกรวดกว้างประมาณยี่สิบเมตรทอดยาวไม่เห็นจุดจบ

    เสียงปีกกระพือบินดังแว่วเข้าหูเขา เป็นศัตรูตัวอื่นไม่ได้นอกจากค้างคาว ทากะก้มตัวหลบการบินโฉบโจมตีของมัน คราวนี้มีเพียงค้างคาวตัวเดียวและสถานที่ต่อสู้เปิดโล่งมากกว่าทำให้เขาตัดสินใจสู้ เขาหันไปเผชิญหน้าศัตรูพอดีกับมันหันหัวบินย้อนกลับมา มือซ้ายถือคบเพลิง มือขวาจับด้ามดาบหลวมๆ ค้างคาวพุ่งโฉบลงมาจากตำแหน่งสูงเข้ามามากแต่ทากะยังไม่ยอมขยับทำอะไร

    เกิดเสียงดาบกระชากออกจากฝักด้วยความเร็วสูง ค้างคาวในสภาพหัวขาดร่อนถลาไปตกด้านหลังทากะส่วนหัวของมันตกอยู่ห่างจากปลายเท้าไม่เกินหนึ่งฟุต เขาเก็บดาบกลับเข้าฝักแล้วเดินทางต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ระหว่างทางมีค้างคาวลอบบินโฉบโจมตีอีกสี่ตัว และทั้งสี่ตัวเผชิญชะตากรรมเดียวกับค้างคาวตัวแรก

    ทากะลอดผ่านรอยแตกเล็กๆของหน้าผาที่ปลายทาง ออกไปอีกฝั่งหนึ่ง เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติมีหินงอกหินย้อยอยู่ด้านบนเหมือนบ่อน้ำแรกที่เขาตกลงไป เขากวาดตามองไปรอบๆเพื่อหาเส้นทางเชื่อมต่อไปยังถ้ำหรือโพรงแห่งอื่น ทางเดียวที่เห็นคือปากถ้ำเล็กๆที่ต้องลุยน้ำไป

    เมื่อไม่มีทางอื่นให้เลือก เขาลุยน้ำไปทีละก้าว น้ำลึกจากข้อเท้าในก้าวแรก พอก้าวที่สองลึกถึงสะโพก เดินต่อไปอีกหน่อยระดับน้ำขึ้นมาถึงหน้าอก สองมือยกไว้เหนือหัวถือทั้งดาบและคบไฟเผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ค่อยๆเดินคืบเท้าไปจนถึงปากถ้ำในที่สุด ระดับน้ำห่างกับเพดานถ้ำแค่สองฟุต สุดท้ายทากะต้องดับคบไฟไปแล้วยอมเดินไประยะมองเห็นสั้นๆด้วยสกิลมองในที่มืด บางจุดเพดานต่ำจนทากะต้องเงยหน้าให้จมูกพ้นน้ำ บางจังหวะต้องดำน้ำผ่านไปแบบจำใจ

    ถึงในเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์ไม่ต้องใช้ออกซิเจนเพื่อหายใจจริงๆ แต่เรื่องสมจริงทางกายภาพอย่างการจมน้ำนานๆก็ทำให้ผู้เล่นตายและเกมโอเวอร์ได้เช่นกัน หากผู้เล่นไม่มีสกิลหรือไอเท็มช่วยดำน้ำจะมีเวลาให้หนึ่งนาทีเพื่อขึ้นจากน้ำ หากขึ้นจากน้ำภายในเวลาที่กำหนดไม่ได้เกมมาสเตอร์ยังใจดีมีเวลาแถมให้อีกสิบห้าวินาทีก่อนจะถูกส่งไปโรงพยาบาลด้วยสาเหตุจมน้ำตาย

    โชคดียังเป็นของทากะเพราะปลายทางของถ้ำใต้น้ำสายนี้คือบ่อน้ำที่ขุดไว้ใช้ภายในเหมือง เขาปีนขึ้นไปถึงปากบ่อ เปิดแผนที่ตรวจสอบว่าตัวเองอยู่ตรงจุดไหน

    ตำแหน่งปัจจุบันคือทางตะวันตกของเหมือง ลึกลงมาจากทางเข้ายี่สิบเมตร จากบ่อน้ำนี้ออกไปคือเส้นทางรอบนอกที่สามารถเข้าสู่เส้นทางหลักที่มุ่งเข้าสู่ใจกลางพื้นที่ขุดแร่ ซึ่งวิลเลียมและพรรคพวกมนุษย์หนูได้ยึดครองเป็นรังหนูไปแล้ว

    ในขณะที่ทากะกำลังจะเดินตัดเข้าสู่เส้นทางหลัก มนุษย์หนูตัวหนึ่งเดินสวนมาทางซ้ายมือ มันร้องเสียงดัง ใช้ดาบเล่มโตในมือโจมตีใส่ผู้บุกรุก แต่การเคลื่อนไหวของมันยังช้ากว่าทากะ มือขวาจับด้ามดาบแล้วกระชากด้วยความเร็วสูงสุด ปลายดาบญี่ปุ่นทะลวงจุดตายที่กลางอก ส่งมันไปสู่ความตายเพียงการโจมตีครั้งเดียว แต่เพราะการต่อสู้เลยทำให้พวกมนุษย์หนูรู้ตัวว่ามีคนบุกเข้ามา เสียงจี๊ดๆดังระงมไปทั่วทั้งเหมือง ทากะแค่ฟังเสียงก็รู้แล้วว่าศัตรูมีเยอะแค่ไหน เขารีบวิ่งอ้อมขึ้นไปทางเหนือ เสียงฝีเท้าจำนวนมากวิ่งไล่กวดตามหลังมาติดๆ เขาเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาซอกซอนไปเรื่อย จะถูกทางหรือผิดทางไม่สำคัญเท่ากับตอนนี้มีศัตรูสิบตัวขึ้นไปไล่ฆ่าเขาอยู่

    ทากะวิ่งมาถึงสามแยกมีมนุษย์หนูดักรออยู่ข้างหน้าบังคับให้เขาต้องเลี้ยวขวา พอถึงสี่แยกอีกแห่งก็มีมนุษย์หนูขนาบรอทั้งสองด้านบังคับให้วิ่งตรงไป จงใจให้ไปในเส้นทางที่ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรก

    มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ทากะชะลอฝีเท้าวิ่งช้าลงเพราะด้านหลังไม่มีตัวอะไรไล่ตามมาอีกแล้ว ตรงหน้าเขาคือหลุมขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นด้วยน้ำมือของมนุษย์ ปากหลุมกว้างพอๆกับสนามฟุตบอล ลึกประมาณตึกหกหรือเจ็ดชั้นได้ ณ ใจกลางหลุมมีบัลลังก์หินนั่งไว้ด้วยมนุษย์หนูร่างใหญ่สวมเกราะเงิน สะพายดาบข้างเอวและสวมมงกุฎอย่างกษัตริย์ มีองครักษ์เป็นมนุษย์หนูสิบสองตัวสวมเกราะอัศวินสวมเฮลเม็ตยืนรายล้อมเป็นรูปครึ่งวงกลม ตามช่องอุโมงค์เหนือปากหลุมมีมนุษย์หนูร่างยักษ์อีกนับไม่ถ้วน ราวกับที่นี่เป็นอาณาจักรของมนุษย์หนูไปแล้วจริงๆ

    กลายเป็นว่าที่เขาพลัดตกจากอุโมงค์เหมืองลงไปถ้ำด้านล่าง ต้องลำบากลำบนกระเสือกกระสนปีนขึ้นมาสามวันสามคืนเป็นเรื่องโชคดีไป เพราะถ้าต้องต่อสู้กับมนุษย์หนูทั้งหมดตั้งแต่ตัวแรกยันตัวสุดท้ายเพื่อฝ่ามาถึงตัววิลเลียมคงต้องเปลืองแรงเปลืองเวลาจนคำนวณไม่ได้

    ทากะกระโดดพรวดเดียวจากขอบหลุมลงมาด้านล่างอย่างง่ายๆ

    เสียงทุ้มต่ำแต่ทรงพลังน่าเกรงขามดังก้องทั่วบริเวณ

    “เรารู้ว่าเจ้ามาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ใด แต่ว่าผลลัพธ์นั้นย่อมเหมือนกับที่ผ่านมาคือเจ้าต้องตายอยู่ที่นี่ วิญญาณของเจ้าจะถูกสาปด้วยตราแห่งความแค้นไม่ได้ผุดไม่เกิดตลอดกาล แต่ถ้าเจ้ายังรักชีวิตอยู่ข้าจะให้โอกาสเจ้าเดินกลับออกไปอย่างปลอดภัย”

    ออกไป! ออกไป! ออกไป! ออกไป! ออกไป!

    เสียงของมนุษย์หนูนับร้อยนับพันตัวประสานดังกึกก้องพร้อมเพรียงขับไล่ศัตรู

    ทากะถอนหายใจยิ้มๆกับบทพูดตามสคริปเป๊ะๆของวิลเลียม ถ้าวิลเลียมเป็นตัวร้ายที่คิดจะครองโลกเขาคงได้ข้อเสนอแบ่งโลกให้ครองครึ่งหนึ่งด้วยแหงๆ “เสียใจด้วยนะ เจ้าต่างหากที่ต้องออกไป”

    วิลเลียมหัวเราะในลำคอ ดวงตาสีแดงเปล่งประกาย ลุกขึ้นขึ้นยืนประจันหน้ากับทากะ

    กษัตริย์ต้องสาปในร่างมนุษย์หนูดึงดาบออกจากฝัก สองมือจับดาบตั้งประสานที่กลางอกหันปลายขึ้นฟ้าตามแบบฉบับอัศวินตั้งท่าปฏิญาณตนก่อนจะออกศึก “เห็นแก่ความกล้าหาญของเจ้าเราจะสู้ตัดสินกันหนึ่งต่อหนึ่ง ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งนักรบผู้ตั่งมั่นในสัตย์และ...”

    ยังไม่ทันที่วิลเลียมจะพูดเสร็จ สายลมวูบหนุ่งพัดเข้าหามันพร้อมเสียงโลหะปะทะกันเต็มแรง เป็นทากะเปิดฉากบุกเข้าใส่ก่อน ถึงเขาจะเล่นทีเผลอขนาดนี้ก็ยังถูกวิลเลียมป้องกันไว้ได้ด้วยดาบของมัน

    “เฮ่! ข้ายังกล่าวคำพูดศักดิ์สิทธิ์ของการต่อสู้ไม่จบเลย!” วิลเลียมโวยวายประท้วง

    “อ้าว? ไม่ใช่การต่อสู้เริ่มขึ้นตั้งแต่เจ้าชักดาบออกมาแล้วรึ?” ทากะแกล้งตีหน้าเซ่อถาม

    เสียงโห่จากบรรดามนุษย์หนูดังขึ้นอย่างไม่พอใจ เสียงตะโกน ‘ฆ่ามันๆ’ ดังลั่น

    “จะฆ่ากันไม่ต้องมากพิธีหรอกน่า”

    ดวงตาสีดำเปล่งประกายแรงกล้าคมกริบไม่แพ้คมดาบ สายตานั้นส่งคำท้าไปยังวิลเลียมอย่าตรงไปตรงมา จ้าวแห่งมนุษย์หนูหัวเราะเสียงดังถูกอกถูกใจท่าทีของทากะ สิ้นเสียงหัวเราะร่าทั้งคนและมนุษย์หนูพุ่งเข้าห้ำหั่น สะเก็ดไฟจากการปะทะครั้งแรกยังไม่ทันเลือนหาย เสียงของการปะทะครั้งที่สองและสามก็ดังขึ้นต่อท้ายทันที

    ทากะรู้ดีว่าการต่อสู้ยืดเยื้อไม่เป็นผลดีแน่จึงรีบหาทางปิดเกมให้เร็วที่สุด เขาเร่งความเร็วขึ้นอีก ใช้ความเร็วเข้ากดดันเพื่อฉกฉวยช่วงเวลาที่ศัตรูพลาดเปิดช่องโหว่บุกเข้าไปสังหารในการโจมตีครั้งเดียว

    ถึงวิลเลียมจะมีร่างกายใหญ่โต สูงถึงสองเมตรครึ่ง ใช้ดาบสองมือเล่มยักษ์เป็นอาวุธสังหารแต่ไม่ได้เชื่องช้าแม้แต่นิด มันตามความเร็วของคู่ต่อสู้ทันทุกย่างก้าว ป้องกันการโจมตีไว้ได้ทุกครั้งอย่างสมบูรณ์แบบ และเมื่อร่างกายใหญ่โตก็หมายถึงขอบเขตการโจมตีกว้างไกลกว่า มันรุกแค่ก้าวเดียวก็บีบให้ทากะต้องถอยออกห่าง การปะทะซึ่งหน้ากับวิลเลียมไม่ต่างอะไรกับการขับรถจักรยานยนต์ไปชนกับรถสิบล้อ ทากะมือชาเมื่อตั้งรับการฟันแนวตั้ง แทบจะปลิวกระเด็นเมื่อตั้งรับการฟันแนวขวาง ถึงไม่โดนโจมตีจังๆพลังชีวิตก็ยังลดลงทีละเล็กทีละน้อย

    ในการศึกเมื่อยุทธ์เสียเปรียบต้องใช้กลเข้าช่วย ทากะโยนระเบิดควันที่เฟรเทียร์ยัดเยียดมาให้ไปตกใกล้ๆวิลเลียม กลุ่มควันสีเทาจำนวนมากพวยพุ่งออกมาลอยคลุ้งไปทั่วบดบังสายตาของมันได้ชั่วขณะ พอวิลเลียมฝ่าม่านควันออกมาก็ต้องหยุดชะงักเพราะทากะใช้ระเบิดควันอีกหลายลูกทำให้ทั้งหลุมมีแต่ควันหนาทึบ นอกจากควันจะใช้บดบังสายตาแล้ว กลิ่นฉุนๆของกำมะถันยังทำให้จมูกของหัวหน้ามนุษย์หนูชาด้านไปด้วย ประสาทสัมผัสที่เหลืออยู่คือหูที่ว่องไวต่อเสียง หูทั้งสองกระดิกไปมาเบาๆจับเสียงฝีเท้าของทากะจากด้านหลังได้ วิลเลียมกระชับดาบเตรียมหันไปเล่นงาน

    จู่ๆเสียงโห่ก็ดังขึ้นรอบด้าน มนุษย์หนูทั้งหมดเห็นทากะเล่นโกงด้วยระเบิดควันก็แสดงความไม่พอใจออกมา

    ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ทากะคาดการณ์ไว้แล้ว

    หัวหน้าแคลนมัลดิโตจู่โจมวิลเลียมจากมุมอับครั้งแล้วครั้งเล่า แม้จะมีชุดเกราะป้องกันไว้แต่พลังชีวิตของก็ค่อยๆลดลงด้วยหลักการเดียวกัน เสียงโห่ของมนุษย์หนูยิ่งดังสนั่นเมื่อรู้ว่าผู้นำของมันตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบศัตรู แต่พวกมันคงไม่รู้หรอกว่าพวกมันเองได้กลายเป็นเบี้ยให้ทากะยืมใช้เล่นงานผู้นำของมันเอง

    วิลเลียมไม่มีทางตอบโต้การโจมตีที่ไม่รู้ทิศทาง แต่ระดับปัญญาของมันอยู่เหนือมนุษย์หนูทั้งปวง เมื่อทากะโจมตีอีกครั้งมันจึงยอมโดนโจมตีก่อนและไล่ตามไปในทิศทางที่เขาหนี ระหว่างที่วิ่งไล่หลังไปมันสัมผัสได้ถึงวัตถุทรงกลมที่ลอยอยู่ในระดับอก พอวัตถุนั้นสัมผัสกับผิวเหล็กเย็นเฉียบของชุดเกราะก็กลายเป็นวัตถุสังหาร เสียงระเบิดดังสนั่นและเปลวไฟสีแดงทะลักทลายออกมาแผดเผาทุกอย่างรอบด้าน แรงระเบิดกระแทกวิลเลียมล้มกลิ้งลงไปคลุกฝุ่นจนได้

    แรงระเบิดได้ทำให้กลุ่มควันหนาทึบกระจายออก วิลเลียมลุกขึ้นยืนหันไปเห็นทากะยืนพิงผนังเดาะลูกระเบิดในมืออย่างอารมณ์ดี มันกัดฟันแยกเขี้ยวด้วยโทสะบันดาล ดวงตาสีแดงเปล่งประกายแห่งความแค้น ร่างมหึมาสูงสองเมตรครึ่งทะยานออกไปด้วยกำลังทั้งหมดปรารถนาจะสังหารให้เขาดับดิ้นอย่างทรมานที่สุด

    มุมปากของทากะยกตัวขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กๆ

    เกิดระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวอีกครั้งอย่างไม่รู้ที่มาที่ไป จุดเกิดเหตุคือตรงหน้าวิลเลียมแค่ไม่กี่เมตร และระเบิดครั้งนี้รุนแรงมากกว่าครั้งก่อนหลายเท่าตัวส่งผลให้ร่างใหญ่ยักษ์ในชุดเกราะกระเด็นไปไกลกว่าเดิม คำตอบของการเบิดครั้งนี้คือระเบิดไดนาไมท์ ทากะฝังระเบิดซึ่งต่อสายชนวนให้ยาวแล้วจุดชนวนรอไว้กะเวลาให้พอดีกับที่วิลเลียมจะโกรธจนเลือดขึ้นหน้าและพุ่งเข้ามาในพื้นที่สังหารด้วยตัวเอง

    เสียงคำรามดังสะท้านไปทั้งเหมือง เกรี้ยวกราดรุนแรงและยาวนาน วิลเลียมยันตัวลุกขึ้นยืนจ้องทากะด้วยสายตาเปี่ยมด้วยจิตสังหาร ทว่าทากะตอบรับด้วยรอยยิ้มไม่รู้ร้อนรู้หนาว

    เกราะสีเงินของกษัตริย์ต้องสาปเรืองแสงขึ้น ร่างกายของสิบสององครักษ์และมนุษย์หนูทั้งพันตัวเรืองแสงขึ้นด้วยเช่นกันและกลายเป็นก้อนแสงลอยเข้าหาผสานเป็นร่างเดียวกับผู้นำของมัน เมื่อการรวมวิญญาณของมนุษย์หนูเสร็จสิ้น วิลเลียมสูงขึ้นเล็กน้อยจากเดิมประมาณสองเมตรครึ่งเป็นสามเมตร เกราะสีเงินเปลี่ยนเป็นเกราะสีทองกระทั่งดาบในมือยังกลายเป็นดาบสีทองไปด้วย ดวงตาสีแดงยิ่งเปล่งแสงคล้ายประกายของโกเมน ขนทั่วทั้งตัวเรืองประกายสีเงินจางๆ

    “ทำไมถึงไม่ขัดขวาง?” วิลเลียมเป็นฝ่ายถามขึ้นก่อนหลังจากทากะไม่มีทีท่าจะโจมตีหรือใช้ระเบิดควันก่อกวน

    “อ้าว? ชอบโดนระเบิดก็ไม่บอกกันก่อนจะได้เตรียมมาเยอะกว่านี้”

    “หึหึ” ราชันย์มนุษย์หนูหัวเราะในลำคอ “น่าสนใจ เจ้าเป็นมนุษย์ที่น่าสนใจจริงๆ”

    “ขอบคุณ” ทากะผงกศีรษะให้เล็กน้อย

    “ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งนักรบผู้ตั่งมั่นในสัตย์และ...”

    เคร้ง!

    เสียงดาบปะทะกันด้วยความเร็วสูง เป็นอีกครั้งที่ทากะขัดขวางการปฏิญาณของวิลเลียมเหมือนจงใจแกล้ง

    “ดี! ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ไว้ฆ่าเจ้าก่อนแล้วค่อยปฏิญาณต่อหน้าศพของเจ้า!!”

    ดาบเล่มใหญ่ฟาดฟันเกรี้ยวกราด ทากะหลบอย่างว่องไวพยายามรักษาระยะห่างไว้ วิลเลียมก็ยิ่งรุกไล่พยายามต้อนให้เขาไปจนมุมที่ผนังด้านใดด้านหนึ่ง แต่ไม่ว่ากี่ครั้งที่ไล่ต้อนไปเกือบจะจนมุมทากะก็หายวับไปก่อนได้ทุกที วิลเลียมงุนงงเพราะความเร็วของตัวมันถูกโปรแกรมไว้ให้มีความเร็วมากกว่าผู้เล่นที่ต่อสู้ด้วยเล็กน้อย

    ยิ่งเห็นทากะยิ้มด้วยรอยยิ้มสบายๆยิ่งทำให้วิลเลียมโหมโจมตีเพื่อฆ่าเขาให้ได้ ดาบฟาดลงมาสุดแรงแต่ไม่โดนเป้าหมายผ่าผืนดินเป็นร่องลึกนับจำนวนไม่ได้ ถึงทากะหลบได้แต่ก็โจมตีไม่ได้เช่นกันเพราะวิลเลียมไม่เปิดช่องว่างให้แม้แต่นิดเดียว กลายเป็นเกมวิ่งไล่จับไปทันที

    ราชาแห่งมนุษย์หนูฝืนเร่งความเร็วขึ้นไปเหนือความเร็วสูงสุด ดาบเล่มโตเหวี่ยงขนานไปกับพื้นเข้าคอทากะ

    และนี่เป็นจังหวะที่เขารอคอย ทากะหยุดสองขาที่วิ่งหนีมาตลอดเพื่อตั้งหลักให้มั่นคง ใช้ดาบปัดดาบของจากล่านขึ้นบน แม้มีโอกาสที่เขาจะปัดดาบศัตรูไม่พ้นวิถีอันตรายเพราะแพ้ด้านกำลังแถมมีโอกาสที่อาวุธของเขาจะเสียหายจนใช้งานต่อไม่ได้ ทุกอย่างทุกทางเต็มไปด้วยความเสี่ยง

    เขาทุ่มเดิมพันทุกอย่างไว้ที่การตัดสินใจครั้งนี้

    ดาบเล่มโตถูกปัดหลุดกระเด็นและฉุดดึงให้แขนทั้งสองข้างของวิลเลียมชูขึ้นเหนือหัว เปิดช่องว่างช่วงอกให้ทากะเข้าประชิดฟาดฟันกระหน่ำมากกว่าสิบครั้งในพริบตาเดียว ถ้าไม่ติดว่าวิลเลียมใส่ชุดเกราะอยู่การโจมตีครั้งคงฆ่ามันได้และปิดฉากการต่อสู้ไปแล้ว

    ทากะคงรีบร้อนเกินไปจนลืมคิดไปว่าถึงจะบุกเข้าไปโจมตีได้แล้ว ศัตรูก็ยังสามารถตอบโต้ได้อยู่ดี

    วิลเลียมประสานสองมือทุบใส่ทากะเต็มแรง ทันทีที่เขาชะงักก็โดนขาที่ใหญ่พอๆท่อนซุงถีบกระเด็นไปหลายเมตร พอเขายันตัวลุกขึ้นนั่งชันเข่าวิลเลียมก็วิ่งสี่ขาพุ่งเข้ามาเต็มกำลัง เขาพยายามหลบแต่เพราะความเจ็บทำให้ปฏิกิริยาช้าลงเลยโดนการพุ่งชนของวิลเลียมเข้าเต็มรักกระเด็นกระดอนกลิ้งไปไกลอีกครั้งหนึ่ง

    ทากะค่อยๆลุกขึ้นอย่างยากลำบาก กษัตริย์ต้องสาปในร่างมนุษย์หนูเดินย่างเท้าเข้าหาเขาอย่างไม่เร่งร้อนจะสังหารเหยื่อให้ตายในทันทีแต่ต้องการทรมานให้ตายอย่างช้าๆ

    พอวิลเลียมโจมตีด้วยกรงเล็บแหลมคม ทากะในสภาพปางตายก็หายวับหนีออกห่างไปไกลหลายเมตร เขาฉวยโอกาสนี้หยิบโพชั่นออกมาดื่มอย่างรวดเร็ว ปกติเขาเป็นพวกไม่ดื่มโพชั่นระหว่างการต่อสู้ ยอมสู้แลกเป็นแลกตายให้จบในครั้งเดียว ครั้งนี้เขาจำเป็นต้องแหกกฎของตัวเอง ไม่ใช่เพราะกลัวตายและเกมโอเวอร์แต่กลัวไม่ได้แร่เหล็กไปตีดาบเล่มใหม่มากกว่า ที่สำคัญคือเมื่อรับปากทุกคนไว้แล้วเขาจะไม่ยอมเสียสัจจะอย่างเด็ดขาด

    เมื่อสถานการณ์บีบบังคับ ทากะจึงตัดสินใจใช้เทคนิคลับที่เก็บไว้มานาน

    เขาวิ่งเข้าหาศัตรูตรงๆ หักหลบกรงเล็บที่โจมตีเข้ามาล่อให้วิลเลียมวิ่งไล่ตามมาด้านหลัง จู่ๆเขาวิ่งสวนทางกลับมากะทันหันโดยไม่ได้เบรคเท้าชะงักความเร็วแม้แต่นิด วิลเลียมปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของทากะไม่ทันถูกโจมตีเข้าที่ต้นขาด้านในเหนือหัวเข่าอย่างจังจนทรุดลงนั่งชันเข่า มันลุกขึ้นมองหาทากะแต่ไม่เห็นแม้แต่เงา และทันทีที่มันลุกขึ้นทากะก็พุ่งเข้ามาโจมตีตำแหน่งเหนือหัวเข่าด้านในของขาอีกข้างจากด้านหลัง ป่านนี้วิลเลียมได้กลายเป็นกษัติรย์ต้องสาปและพิการขาด้วนไปแล้วถ้าไม่มีเกราะป้องกันส่วนขา

    วิลเลียมคำรามวิ่งไล่ตามหลังทากะไปจนเกือบจะไล่ทัน จู่ๆทากะก็เพิ่มความเร็วฉีกหนีออกห่างไปแล้ววิ่งสวนกลับเข้ามาโดยไม่ต้องกลับตัว และการโจมตีของทากะก็เข้าซ้ำตำแหน่งเดิมอย่างแม่นยำที่ข้อพับด้านในเหนือเข่า วิลเลียมฝืนยันตัวไม่ให้แต่ล้ม แต่เพราะทำแบบนี้เท่ากับเปิดโอกาสให้ทากะโจมตีซ้ำที่ขาอีกข้าง ณ ตำแหน่งเดิมเป๊ะๆ

    ทากะลงเดิมพันอีกครั้ง เขาใช้สกิล ‘แดช’ ซึ่งมีจุดเด่นคือเร่งความเร็วฉับพลันและใช้ ‘รีเวิร์สแดช’ กลับตัวในทิศทางเดิมได้โดยไม่ต้องเบรกสลับไปมา สองสกิลนี้เขายอมใช้ค่าประสบการณ์เกือบทั้งหมดที่หามาได้พัฒนาจนอยู่ในระดับสูง แต่ผลเสียของสองสกิลนี้คือสิ้นเปลืองพลังกายอย่างมาก ถ้าเขาไม่สามารถจัดการวิลเลียมได้ในคราวนี้ก็เตรียมตัวแพ้ได้เลย แต่วิลเลียมก็ทนทายาดขนาดถูกเล่นงานไปหลายครั้งก็ยังไม่ยอมล้มอีกเป็นครั้งที่สอง แถมยังไล่กวดทากะด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นอีก เป็นการแข่งความอึดและพลังใจของทั้งสองคนอย่างแท้จริง











    ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ในที่สุดวิลเลียมก็ล้มลงนอนคว่ำไม่สามารถลุกยืนได้อีกแล้วเพราะเกราะอ่อนที่ปกป้องขาถูกฟันขาดในที่สุด เลือดสีแดงคล้ำปริมาณมากไหลออกจากรอยขาดของเกราะบ่งบอกถึงความลึกของแผลได้ดี ทากะก็แย่พอกันแต่ไม่ถึงกับหมดแรง เขาไปหยุดยืนพักเหนื่อยอยู่ข้างๆคู่ต่อสู้แล้วนั่งลงบนตัวของมันแทนเก้าอี้

    “เจ้าชนะแล้ว ฆ่าข้าซะสิ”

    ทากะยิ้มให้กับคำพูดตามสคริปของวิลเลียมอีกแล้ว “ต่อให้ฆ่าเจ้าตอนนี้เดี๋ยวเจ้าก็ฟื้นกลับมาใหม่อยู่ดี”

    “นี่เจ้ารู้ด้วยรึว่าข้าคืนชีพได้?”

    “รู้สิ แถมรู้ด้วยว่าพวกเจ้ารวมร่างกันได้ไม่อย่างงั้นจะใช้ระเบิดบีบให้พวกเจ้ารวมร่างกันทำไม?” ข้อมูลพวกนี้ทากะรับฟังมาจากเฟรเทียร์ทั้งหมด

    “ข้าขอให้เจ้ากับลูกน้องทั้งหมดออกไปจากเหมืองแค่นั้นเอง ไม่ยากใช่ไหมละ?”

    “ขอปฏิเสธ ด้วยเกียรติของนักรบข้ายอมตายมากกว่ารอดตายเพราะศัตรูเมตตา”

    โป๊ก! ทากะเอาปลอกดาบเคาะหัวมัน

    “ทำแบบนี้หยามข้าชัดๆ แน่จริงก็ฆ่าข้าสิ!”

    ปลอกดาบฟาดลงบันหัวของวิลเลียมเป็นครั้งที่สอง “ถ้าไม่ยอมข้าก็จะเคาะอยู่อย่างนี้แหละ”

    ทากะเคาะหัวมนุษย์หนูยักษ์อีกทีและเคาะไปอีกหลายทีตลอดชั่วโมง วิลเลียมหัวปูดหัวโนไปหลายแห่งแต่ก็ใจแข็งไม่ยอมรับข้อเสนอของอีกฝ่าย ส่วนที่ทากะไม่ต้องการฆ่าวิลเลียมก็เพราะในช่วงเทสต์เบต้าเขาและอากิรอสเคยรับภารกิจที่มีรายละเอียดใกล้เคียงกันคือสังหารมอนสเตอร์ที่กำหนด แต่ผลลัพธ์สุดท้ายสามารถเจรจากับมอนสเตอร์ตัวนั้นได้หลังจากชนะการต่อสู้ทำให้ไม่ต้องฆ่ามันก็ได้

    แต่ไม่ว่าทำยังไงวิลเลียมก็ไม่ยอมเจรจาด้วย ร้องแต่ให้ฆ่ามันท่าเดียว

    “เฮ้อ” ทากะถอนหายใจ เอื้อมมือไปดึงหนวดแข็งๆของวิลเลียมเล่นแก้เซ็ง

    “ทำอะไรเนี่ย หยุดนะ!”

    วิลเลียมโวยวายประท้วงแถมพยายามเอี้ยวคอมากัดมือทากะให้ได้ แต่ยิ่งออกอาการต่อต้านทากะก็ยิ่งแกล้งหนักขึ้น ทั้งดึงทั้งดีดทั้งกระตุกหนวดหนูอย่างมันส์มือ

    “เป็นอะไรไป? เคาะหัวไปร้อยทีไม่เห็นโวยวายแบบนี้” ปากพูดไป แต่มือไม่ยอมหยุดดึงหนวดแถมดึงแรงขึ้นอีกตะหาก

    “เจ้าไม่รู้เรอะ!? หนวดคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของหนูเลยนะ ทั้งใช้สัมผัสกลิ่น ตรวจจับแรงสั่นสะเทือน วัดระยะทางและอีกมากมาย ถ้าไม่มีหนวดหนูอย่างพวกเราก็อยู่ไม่ได้หรอก”

    กว่าวิลเลียมจะรู้ตัวว่าโดนหลอกถามความลับ ความลับก็กลายเป็นสิ่งไม่ลับอีกต่อไป

    สีหน้าของทากะยังคงไว้ซึ่งความนิ่ง แต่มุมปากยิ้มยกสูงเต็มเหยียด

    “เห? แบบนี้นี่เอง ถ้าลองตัดออกไปสักสองสามเส้นจะเป็นยังไงน๊า? อาจจะคงหล่อขึ้นก็ได้นะ”

    พูดไม่พูดเปล่า มือซ้ายล้วงหยิบมีดเดินป่ายาวแปดนิ้วออกมาควงเล่น

    “เฮ้ยๆๆ!? อย่านะ อย่าทำแบบนั้นนะ!”

    วิลเลียมพยายามขัดขืนเต็มที่แต่ไร้ผล ทากะยิ่งขยับมีดเข้าใกล้หนวดมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งแสยะยิ้มโหดมากขึ้น





    “ยอมแล้วๆๆ ให้ทำอะไรก็ทำทั้งนั้น อย่าตัดหนวดเป็นพอแล้ว!”
    taleoftrue และ soulmaster ถูกใจสิ่งนี้
  14. soulmaster

    soulmaster Endorphinlism

    EXP:
    403
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    18
    แล่เนื้อวิลเลียมทีนึงสงสัยจะใด้spin leather จำนวนมหาศาล :E

    ตอนลุยบอสหนูนึกถึงฉากในหนังเรื่อง the hobbitยังไงไม่รู้ ลูกน้องยั้วเยี้ยมาก

    คำผิด - ใช้ดาบปัดดาบของจากล่านขึ้นบน
    Azemag ถูกใจสิ่งนี้
  15. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    ตอนนี้เท่าที่อ่านช่วงต้นๆตอนรู้สึกว่าบทบรรยายแต่ละท่อนจะไม่ค่อยปะติดปะต่อกันเท่าไหร่เวลาอ่านเลยรู้สึกสะดุดๆเป็นระยะ กว่าจะเริ่มอ่านลื่นก็ช่วงที่เจอวิลเลียมนั่นแล้วล่ะฮะ

    ยังไม่ทันที่วิลเลียมจะพูดเสร็จ สายลมวูบหนุ่ง <--- พิมพ์ผิดจุดนึงครับ
    Azemag ถูกใจสิ่งนี้
  16. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    ยังไม่มีโอกาสได้ดู the hobbit เลย สงสัยต้องไปหา(โหลด)มาดูบ้างละ
    ขอบคุณสำหรับช่วยตรวจคำผิดครับ

    สงสัยช่วงแรกเขียนแล้วทิ้งไว้ย่อหน้านึงแล้วก็มาข้ามวันมาเขียนต่อการบรรยายเลยไม่ดี ส่วนตอนสู้กับวิลเลียมนี่เขียนรวดเดียวจบน่ะ
    ขอบคุณสำหรับช่วยตรวจคำผิดครับ
  17. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    Grand Gaia Online 20 – Lucky in Love





    “อีตาทึ่มเอ๊ย! โง่ๆๆๆที่สุดเลย!”

    หลายคนซึ่งกำลังเดินผ่านโรงแรมประจำหมู่บ้านสะดุ้งโหยงกับเสียงดังทะลุบานกระจกจากห้องริมซ้ายสุดบนชั้นสองลงมาถึงถนนข้างล่างได้อย่างง่ายดาย

    คนด่าเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเฟรเทียร์ เอเดลไรย์ และคนถูกด่าคือซารุวาตาริ ทากะ

    จุดเริ่มต้นอยู่ที่...เมื่อทากะกลับมาหลังจาก ‘ขอคืนพื้นที่’ เขตเหมืองจากวิลเลียมและเหล่ามนุษย์หนูได้แล้ว การต่อสู้จบลงด้วยการเจรจาอย่างราบรื่น มีเหตุการณ์ชาวบ้านแตกตื่นเล็กน้อยเมื่อวิลเลียมเดินตามหลังทากะเข้ามาในหมู่บ้านจนเกือบจะเกิดการต่อสู้ขึ้น โชคดีที่เฟรเทียร์เข้ามาระงับเหตุไว้ได้ทันท่วงทีก่อนจะเกิดศึกนองเลือด

    ทากะไปพบหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อแจ้งผลภารกิจ หัวหน้าหมู่บ้านเองยังตกใจจนเป็นลมไปหนึ่งรอบเมื่อได้พบเจอวิลเลียมในระยะประชิดรวมถึงพวกคนแก่อีกหลายคนในหมู่บ้านจนต้องวุ่นวายปฐมพยาบาลเป็นการใหญ่ เด็กเล็กเด็กโตกลัวจนร้องไห้กระจองอแงวิ่งกันให้วุ่นไปหมด เฟรเทียร์ต้องบอกทากะให้พาวิลเลียมออกไปนอกหมู่บ้านก่อนที่จะมีใครหัวใจวายตาย

    รอจนหัวหน้าหมู่บ้านฟื้นขึ้นมา ทากะจึงแจ้งให้ทราบว่าได้เจรจาให้วิลเลียมมาทำงานเป็นลูกมือช่วยทำเหมืองให้คนหมู่บ้านแลกกับอาหารเพื่อดำรงชีวิต โดยพวกมนุษย์หนูจะไปสร้างหมู่บ้านแห่งใหม่อยู่ไม่ห่างจากเหมืองมากนัก หัวหน้าหมู่บ้านกลัวว่าจะควบคุมวิลเลียมไม่ได้เมื่อได้รับฟังในครั้งแรก แต่เมื่อทากะยืนยันว่าเขาได้ทำสัญญากับวิลเลียมไว้แล้วซึ่งมีผลให้มันต้องเชื่อฟังและไม่อาจขัดขืนหัวหน้าหมู่บ้านได้เช่นกัน ชายชราวัยใกล้ร้อยถึงสบายใจและผ่อนคลายความวิตกกังวลลงได้

    ผลจากภารกิจนี้ทำให้วิลเลียมกลายสภาพเป็น NPC ผู้เล่นทั่วไปสามารถทำภารกิจนำอาหารมาแลกกับแร่เหล็กหรือแร่ชนิดอื่นๆได้ รวมถึงให้พวกมนุษย์หนูช่วยนำทางและคุ้มกันเพื่อสำรวจพื้นที่ของภูเขาหิมะได้ด้วย

    เมื่อภารกิจลุล่วงเหมืองสามารถเปิดใช้งานได้อีกครั้ง ทากะเลยถูกรุมล้อมขอบคุณจากชาวบ้านแทบทุกคน ส่วนรางวัลของภารกิจต้องรออีกสักพัก เพราะแร่เหล็กที่เขาต้องการต้องลงไปขุดในพื้นที่ที่ลึกที่สุดและนำมาหลอมรวมซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนาน

    เมื่อกลับมาถึงโรงแรม เฟรเทียร์เริ่มถามรายละเอียดการเดินทางและการต่อสู้อย่างสนอกสนใจเต็มที่ แต่ทากะเป็นมนุษย์ประเภทถามมาหลายคำแต่ตอบคำเดียวเลยทำให้หญิงสาวหงุดหงิดเพราะสิ่งที่เขาเล่าให้ฟังนั้นแสนจืดชืดไม่มีอรรถรสใดๆทั้งสิ้น เธอเลยซักไซ้ให้ละเอียดขึ้นอีก ทากะก็ยิ่งแกล้งด้วยการตอบน้อยคำลงอีก ถามตอบเรื่องของวิลเลียมเสร็จแล้ว เธอถามต่อถึงสกิลของทากะเพราะเขาเล่าเรื่องปีนถ้ำด้วย พอรู้ว่าเขาปีนถ้ำสามวันสามคืนโดยที่ไม่ได้เรียนรู้สกิล ‘ปีนป่าย’ ซึ่งเป็นสกิลพื้นฐานของอาชีพนักสำรวจ ความหงุดหงิดของเฟรเทียร์ก็พุ่งขึ้นถึงขีดสุดแล้วระเบิดออกเหมือนปรอทแตก

    หากทากะเรียนสกิลปีนป่ายก่อนจะเริ่มปีนถ้ำ ป่านนี้สกิลปีนป่ายคงพัฒนาขึ้นถึงระดับห้าเหมือนสกิลไนท์อายไปแล้ว

    “ถ้านายไม่รู้ว่าสกิลนี้มีอยู่บนโลกฉันจะไม่ว่าสักคำ! นี่มันอยู่ข้างๆสกิลไนท์อายชัดๆ! อยู่ข้างๆกันเลยทำไมนายถึงไม่เรียนรู้มันละ หาาาาา!?”

    หัวหน้าแคลนมัลดิโตเปิดหน้าต่างสกิลขึ้นมาแล้วจ่ายค่าประสบการณ์สองพันแต้มเรียนรู้สกิล ‘ปีนป่าย’ ต่อหน้าต่อตาเฟรเทียร์

    “อีตาทึ่มเอ๊ย! โง่ๆๆๆที่สุดเลย!”

    “ถ้าไม่โง่ก่อนแล้วจะฉลาดได้ยังไงละ” ทากะตอบแบบทองไม่รู้ร้อน ยกแก้วชาขึ้นจิบด้วยท่าทางอารมณ์ดี

    “เออ! อยากจะทำอะไรก็ทำไปเถอะพ่อคุณ ต่อไปนี้ฉันจะไม่ยุ่งไม่สนใจไม่บอกอะไรให้แล้ว หนอยแน่ะ! โปรดสัตว์ได้บาปแท้ๆเลย”

    เฟรเทียร์สะบัดหน้าหนีเข้ากำแพงยังแสดงอาการฮึดฮัดกระฟัดกระเฟียดออกมาให้เห็น ในใจหวังว่าอีตาทึ่มสุดบื้อจะลุกขึ้นมาง้อหรือพูดขอโทษบ้าง แต่ผ่านไปห้านาทีก็ยังไม่มีแม้แต่เสียงสักแอะให้ได้ยินเธอเลยกลายเป็นฝ่ายตบะแตกหันไปมองเขาเอง

    รอยยิ้มผู้ชนะบนหน้าทากะยิ่งทำให้เฟรเทียร์ทั้งอายทั้งโกรธมากขึ้นไปอีก

    “ไม่มีอะไรจะพูดกับผมจริงๆเหรอ?”

    “ไม่มี!” หญิงสาวสะบัดหน้าหนีอีกครั้ง ชายหนุ่มนั่งเงียบๆมองเธอด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิม ถ้าเรื่องเถียงเขาสู้เธอไม่ได้แน่ๆแต่ถ้าแข่งเงียบเธอก็สู้เขาไม่ได้เช่นกัน

    “โธ่เอ๊ย! อีตาทึ่ม! คนงี่เง่า! คนหัวทึบ! ฉันบอกให้ก็ได้”

    “ตอนนี้สถานภาพของนายเป็นแค่ ‘นักสำรวจฝึกหัด’ เท่านั้นทำให้บางสกิลใช้งานไม่ได้ บางสกิลจะถูกจำกัดระดับสูงสุดที่จะพัฒนาได้ แล้วถ้านายไม่ได้ทำให้อาชีพนักสำรวจเป็นระดับมาสเตอร์ นายก็ไม่มีทางเปลี่ยนไปเล่นอาชีพที่สองหรือใช้งานทักษะของอาชีพรองด้วย เข้าใจแล้วรึยังละอีตาทึ่ม!”

    “เป็นข่าวสารที่มีค่าอย่างมาก ไม่ทราบว่าคุณเฟรเทียร์จะให้ผมตอบแทนยังไงดี” หัวหน้าแคลนมัลดิโตส่งทั้งคำพูดและสายตารู้ทันกลับไปที่นักสำรวจสาวตัวแทนสมาคมนักสำรวจในต่างเมือง

    “นายก็ต้องทำภารกิจกับสมาคมเยอะๆยังไงละ แค่นี้ยังไม่เข้าใจอีก”

    ทากะเอียงคอมอง “แล้ว...?”

    “ก็...ก็ฉันเป็นตัวแทนสมาคมไงเล่า! ถ้านายรับภารกิจกับฉันก็เหมือนรับกับสมาคม ตอนนี้ฉันอยากไปเมืองอารันด์กับเมืองอื่นๆบ้าง นายคุ้มครองฉันไปตลอดทาง ฉันช่วยให้นายผ่านเงื่อนไขของนักสำรวจฝึกหัด เรื่องง่ายๆแค่นี้เอง”

    “ขอปฏิเสธ” นักสำรวจหนุ่มหัวหน้าแคลนมัลดิโตตอบสวนทันควันสร้างความประหลาดให้เฟรเทีย์อย่างมาก

    “ทำไมละ? มีอะไรไม่ดีตรงไหนรึไง? ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ วินวินทั้งคู่นี่นา”

    ทากะถอนหายใจ “งั้นผมขอพูดตรงๆเลยนะ คุณเฟรเทียร์มีหน้าที่และความรับผิดชอบในฐานะตัวแทนสมาคมควรจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้เล่นทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ใช่ทำอะไรตามใจอยากให้ผมไปส่งหรือร่วมทางไปด้วยเพียงแค่ใช้ผลประโยชน์เรื่องอาชีพเป็นข้ออ้าง”

    เฟรเทียร์สะอึกกับคำพูดของทากะ เริ่มโกรธตัวเองที่เอาแต่ใจเกินไปใช้ประโยชน์บังหน้าอย่างที่เขาว่าจริงๆ

    “อย่างที่สอง ปลายทางที่ผมต้องไปต่อคือเมืองท่าชายทะเลไม่ใช่เมืองอารันด์ ผมมีเรื่องสำคัญที่จำเป็นต้องทำให้สำเร็จให้ได้”

    หญิงสาวมองดาบคาตะนะที่คาดอยู่ข้างตัวเขา ยังไม่ละความพยายามโน้มน้าวใจเขา “อย่าลืมสิว่าฉันซ่อมดาบให้นายได้”

    เขายิ้ม ส่ายหน้าเบาๆ “ต่อให้มันซ่อมได้แต่ก็มีขีดจำกัดสูงสุดของการซ่อมอยู่ และยิ่งซ่อมบ่อยครั้งก็ทำให้ความทนทานของดาบลดลงจนสุดท้ายก็ใช้งานไม่ได้อยู่ดี ข้อนี้คุณเองย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจนะ และผมบอกแล้วว่าผมมีเรื่องที่ต้องทำให้สำเร็จ คราวก่อนที่ผมยอมคุ้มกันให้คุณเพราะจำเป็นต้องทำ เหมือนเขียนลำดับหนึ่งสองสามสี่ ถ้าไม่ทำหนึ่งสองก่อนข้ามไปทำสามสี่ไม่ได้”

    เมื่อเฟรเทียร์เห็นแววตามุ่งมั่นแรงกล้าของทากะก็รู้ตัวแล้วว่าคงไม่มีทางเปลี่ยนใจเขาได้อีกแล้ว

    “แล้วเมื่อไรนายจะสร้างดาบเล่มใหม่เสร็จ?”

    “ข้อนี้ผมตอบไม่ได้ อาจจะมีภารกิจยากๆจากช่างตีดาบก่อนที่จะยอมตีดาบให้ผมก็เป็นได้”

    เธอไหล่ตกก้มหน้ามองพื้น แต่ครู่เดียวก็ปรับอารมณ์กลับมาเป็นปรกติ “งั้น...ถ้านายสร้างดาบเล่มใหม่เสร็จแล้วติดต่อมาหาฉันได้ไหม?”

    หน้าต่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าทากะ [ ผู้เล่นเฟรเทียร์ เอเดลไรย์ต้องการเป็นเพื่อนกับคุณ ]

    เขากดตอบตกลงเพิ่มเธอลงในรายชื่อเพื่อน

    “นายรับปากแล้วนะ! สัญญาสิว่าจะติดต่อมา” เธอเองก็พอจะรู้นิสัยของเขาบ้าง เรื่องหนึ่งคือถ้าเขาจะไม่ผิดสัญญาเด็ดขาด

    ทากะมองหน้าหญิงสาวแล้วต้องยอมแพ้ให้ความตั้งของเธอบ้าง “ได้! ผมรับปาก”

    ใบหน้างดงามของเฟรเทียร์ เอเดลไรย์ปรากฏรอยยิ้มขึ้นได้ในที่สุด











    อีกสามวันถัดมา ทากะได้รับแร่เหล็กที่ต้องการเป็นรางวัลตอบแทนภารกิจจากหัวหน้าหมู่บ้าน เมื่อไม่มีอะไรให้ทำอีกแล้วเขาจึงเตรียมตัวออกเดินทางไปจุดหมายถัดไปทันที เฟรเทียร์ก็ยัดเยียดระเบิดมาให้อีกครั้งจนได้ด้วยเหตุผลว่าเผื่อใช้ประโยชน์ได้ ก่อนออกจากหมู่บ้านทากะแวะไปเล่นกับวิลเลียมซึ่งกลายสภาพเป็นหนูขาวตัวใหญ่นอนอยู่ในคอกม้าชั่วคราว

    ทากะต้องกลับไปที่เมืองไวท์พิลลาเสียก่อน อย่างน้อยก็เพื่อบันทึกตำแหน่งเซฟไว้ก่อน เผื่อจับพลัดจับผลูตายและเกมโอเวอร์กลางทางจะได้ไม่ต้องไปเริ่มเดินทางจากเมืองอารันด์ให้เสียเวลา แต่ก่อนอื่นก็ต้องผ่านด่านเจ้ากริฟฟินน้ำแข็งที่ทำตัวเป็นสุนัขเฝ้าบ้านไปให้ได้ก่อน แน่นอนว่าเขาไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่จะชักดาบออกมาดวลเดี่ยวสู้กับมอนสเตอร์ในเทพนิยาย โชคดีที่วันนี้อากาศปลอดโปร่งไม่มีหิมะตกหรือหมอกลงหนาเลยทำให้เขาเห็นมันแต่ไกลและเดินวกอ้อมหลบมาได้ในที่สุด

    วันนี้เมืองไวท์พิลลาครึกครื้นไปด้วยผู้เล่นที่เพิ่มขึ้นจนหนาตาอย่างเห็นได้ชัด บวกกับ NPC ที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าสินแร่อีกหลายเจ้าช่วยทำให้บรรยากาศการค้าขายแลกเปลี่ยนคึกคักขึ้นอีกเยอะ ทากะไปที่บาร์อีกครั้งเพื่อสอบถามว่าตำแหน่งเซฟจุดเกิดอยู่ตรงไหนของเมือง เสียเงินห้าสิบกิลค่าเครื่องดื่มเพื่อเริ่มต้นคุยกับบาร์เทนเดอร์ หลังจากสอบถามจนได้ข้อมูลแล้วเขาก็ตรงดิ่งไปที่โรงแรมประจำเมืองทางตะวันตกทันที

    เขาสังเกตได้แต่แรกแล้วว่ามีผู้เล่นสองสามกลุ่มวนเวียนติดตามเขามาคลอดตั้งแต่เข้าเมืองมา แต่เนื่องจากผู้เล่นกลุ่มนั้นไม่มีท่าทีอื่นนอกจากติดตามห่างๆจึงปล่อยไว้แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

    หัวหน้าแคลนมัลดิโตเลือกใช้บริการรถม้าขนส่งจากเมืองไวท์พิลลาสู่เมืองท่าชายทะเล ‘เมืองบลูเพิร์ล’ ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกค่อนไปทางเหนือของทวีป เป็นเมืองท่าเชื่อมต่อไปยังอาณาจักรโดดเดี่ยวกลางทะเล สถานที่เพียงแห่งเดียวในเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์ที่สามารถสร้างดาบคาตะนะได้ ขบวนรถม้าประกอบด้วยรถขนสินค้าห้าคันและรถขนส่งผู้เล่นอีกห้าคนรวมเป็นสิบคัน ทากะขึ้นไปนั่งรอบนรถม้าคันสุดท้ายของขบวนเพื่อดัดหลังกลุ่มผู้เล่นที่ลอบติดตามมา เมื่อเป้าหมายกลายเป็นฝ่ายสังเกตการณ์ ผู้เล่นกลุ่มนั้นจึงยอมล่าถอยกลับเข้าเมืองไวท์พิลลาไปเอง

    เที่ยงตรง ไม่ว่าจะมีผู้เล่นใช้บริการขนส่งครบเต็มจำนวนหรือไม่ เมื่อถึงเวลาเดินทางรถม้าทุกคันก็ถูกปล่อยให้วิ่งแล่นจากไป และเมื่อในขบวนมีรถสินค้าอยู่ด้วย อีเวนต์ที่ขาดไม่ได้คือต้องมีกลุ่มโจรดักปล้นอยู่กลางทาง จะมีหน้าต่างภารกิจให้ผู้เล่นที่เดินทางร่วมกับขบวนได้เป็นกองกำลังพิทักษ์คาราวานสินค้าชั่วคราวร่วมกับผู้เล่นที่รับภารกิจคุ้มกันมาตั้งแต่แรก ผู้เล่นคนไหนเข้าร่วมภารกิจด้วยจะได้ส่วนลดค่าบริการขนส่งลงเล็กน้อย ส่วนกลุ่มโจรนั้นกระจอกสิ้นดีสู้ไม่ทันไรก็แตกพ่ายหนีไป เป็นอีเวนต์สร้างสีสันและเสริมบรรยากาศการผจญภัยเสียมากกว่า

    ขบวนรถม้าสิบคันผจญกับการดักปล้นสามครั้งตลอดเส้นทางแต่ก็ผ่านพ้นมาได้อย่างราบรื่น มาถึงเมืองบลูเพิร์ลตอนทุ่มครึ่งซึ่งทั้งเมืองสว่างไสวด้วยแสงจากโคมไฟริมทางและบ้านเรือนร้านค้าทุกหลัง กระทั่งเรือลำเล็กลำใหญ่ในปากอ่าวยังจุดโคมไฟให้ท้องทะเลสุกสว่างไปด้วย

    ขบวนรถม้าสินค้าแยกไปที่ท่าเรือ กลุ่มผู้เล่นที่รับภารกิจคุ้มกันจับกลุ่มไปเลี้ยงฉลองที่ร้านอาหาร ผู้เล่นคนอื่นที่ติดมากับขบวนแยกย้ายไปตามทางของแต่ละคน ส่วนทากะรีบมุ่งหน้าไปที่โรงแรมประจำเมือง ใช้บริการบันทึกจุดเซฟแล้วเช่าห้องพัก เรียกใช้บริการรูมเซอร์วิสสำหรับมื้อค่ำ

    กุห์ฟานติดต่อมาพอดีตอนที่เขาจัดการมื้อค่ำเสร็จแล้ว

    “ว่าไงพี่ ตอนนี้ถึงไหนแล้ว?”

    “เพิ่งได้แร่เหล็กจากเมืองเหนือ ตอนนี้พักอยู่ในโรงแรมพรุ่งนี้เช้าคงข้ามไปที่เกาะ แล้วนายละ?”

    “อีกสองสามวันก็คงจะเคลียร์ดันเจียนได้แล้ว เปลืองแรงเปลืองไอเท็มอยู่เหมือนกัน”

    “แล้วมีข่าวไอ้สองตัวนั้นปะ?” ทากะหมายถึงเอเซและอากิรอส

    “พี่อากิได้ไอเท็มแล้วกำลังเดินทางกลับ ส่วนพี่เอเซล่าสุดเห็นว่ากำลังตามรอยมังกรดึกดำบรรพ์อยู่แล้วก็ติดต่อไม่ได้อีกเลยแต่คงยังไม่ตายหรอกมั้ง วันนี้ก็ออฟไลน์ด้วยสิ”

    พูดคุยอีกเล็กน้อยกุห์ฟานก็ตัดการติดต่อไปเพราะมีมอนสเตอร์มาป้วนเปี้ยนใกล้ๆที่เขาหลบอยู่











    แสงอรุณสีทองส่องข้ามพ้นแนวเขาสะท้อนผืนน้ำสีครามทอประกายระยิบระยับคล้ายเพชรล่องลอยอยู่ในทะเล เหตุที่เมืองนี้ได้ชื่อว่า ‘บลูเพิร์ล’ ก็เพราะเมื่อมองจากตัวเมืองซึ่งอยู่ด้านบนเทือกเขาลงไปยังอ่าวเบื้องล่างที่ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาเป็นวงกลมขนาดใหญ่ ทำให้อ่าวแห่งนี้กลายเป็นไข่มุกสีน้ำเงินเม็ดใหญ่

    ทากะรู้สึกได้ถึงสายตาสังเกตการณ์จากผู้เล่นที่แกล้งยืนกินลมชมวิวอยู่รอบๆด้านหน้าโรงแรมตั้งแต่ก้าวแรกที่ก้าวออกมา แต่ต่อให้พยายามปิดบังแค่ไหนสัญลักษณ์มังกรสามเขาบนเครื่องแต่งกายก็ประจานว่าพวกเขาเป็นสมาชิกแคลนเซเลสเทียล แคลนใหญ่อันดับหนึ่งตลอดการของวงการเกมออนไลน์ แคลนที่ผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดในเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์สังกัดอยู่ เมื่อไม่มีเจตนาอื่นนอกจากเฝ้ามอง ทากะก็ปล่อยให้พวกเขาเฝ้ามองอย่างที่ต้องการ ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนย่อมพบเห็นสมาชิกแคลนเซเลสเทียลอยู่ตลอดทาง นับคร่าวๆได้มากกว่าห้าสิบคน ไม่นับรวมกับกลุ่มที่ติดตามมาด้านหลังอีกเกือบสิบคน

    พอลงจากทางลาดไหล่เขามาถึงพื้นราบริมท่าเรือ คำตอบของการติดตามและสังเกตการณ์ก็ถูกเฉลย

    หญิงสาวในชุดโกธิคโลลิต้าสีม่วงอ่อนสวมทับเสื้อแขนยาวสีขาว ปลายกระโปรงประดับระบายลูกไม้และถุงน่องสีขาวสูงพ้นเข่าทำให้เกิด ‘พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์’ ที่แสนงดงามและวาบหวิว รองเท้าส้นสูงสีดำขัดเงาวับ เส้นผมสีดำสนิทปลิวสยายตามลมทะเล ดวงตาสีม่วงเข้มสดใสราวกับอัญมณีล้ำค่า

    เธอคือ ‘ไวโอเล็ตแซฟไฟร์’ หญิงสาวซึ่งดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าแคลนเซเลสเทียลเช่นเดียวกับกลอเรียส อัลติมัส ชื่อเสียงของเธอเองก็ไม่ด้อยไปกว่าเขาแม้แต่น้อย เป็นที่รู้กันดีในหมู่ผู้เล่นที่เล่นเกมนี้ในสมัยเทสต์เบต้าว่าเธอคือผู้เล่นอันดับหนึ่งของอาชีพนักฆ่าผู้ใช้เคียวคู่พิฆาตทุกสิ่ง สามารถปราบราชันย์มังกรมอนสเตอร์ระดับแรงค์เอได้เพียงตัวคนเดียว

    ทากะย่อมรู้จักชื่อเสียงของเธอเป็นอย่างดี เพียงแต่ไม่เคยเจอหน้ากันโดยตรงเท่านั้น

    “ยินดีที่ได้พบนะคะ คุณซารุวาตาริ ทากะ หัวหน้าแคลนมัลดิโต”

    ทากะก้มหัวเล็กน้อยตอบรับคำทักทายของเธอ “ไม่ทราบว่าท่านหญิงไวโอเล็ตแซฟไฟร์มีสิ่งใดให้รับใช้หรือครับ?”

    หญิงสาวในชุดโกธิคโลลิต้าฉีกยิ้มกว้าง “ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ ดิฉันแค่อยากมาพบหน้ากับผู้เล่นที่ได้ตำแหน่งเอ็มวีพีในการต่อสู้กับเฟนริลเท่านั้นเองค่ะ”

    “เอ็มวีพี?” ทากะเอียงคอทวนคำอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “เข้าใจผิดแล้วละครับ คนที่ได้ตำแหน่งเอ็มวีพีน่าจะเป็นเพื่อนผมคนใดคนหนึ่งมากกว่า”

    “เป็นอย่างที่ได้ยินมาจริงๆว่าคุณทากะเป็นคนถ่อมตัว แต่ดิฉันไม่ได้เข้าใจผิดหรอกค่ะในเมื่อสมาชิกแคลนมัลดิโตเป็นคนให้ข้อมูลเองนี่คะ”

    หัวหน้าแคลนมัลดิโตยิ่งเอียงคอหนักเข้าไปอีก รองหัวหน้าแคลนเซเลสเทียลจึงให้คนติดตามนำหนังสือพิมพ์ภายในเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์ไปส่งให้เขา

    เฟนริลล้ม! แคลนโนเนมสร้างชื่อกระหึ่มข้ามคืน
    เผยความลับ! หัวหน้าแคลนเป็นหนึ่งในเจ็ดคาตะนะมาสเตอร์ยุคเทสต์เบต้า

    พาดหัวข่าวตัวใหญ่ลอยเด่นอยู่กลางหนังสือพิมพ์ ทากะพลิกอ่านเนื้อในกวาดตาอ่านรายละเอียด มีเนื้อความระบุว่าผู้เล่นที่ได้รับตำแหน่งเอ็มวีพีคือเขา – ซารุวาตาริ ทากะ และคนให้สัมภาษณ์คือกุห์ฟาน รีส ริยาส

    ทากะถอนหายใจแล้วก็ยิ้ม นึกในใจ “กูว่าแล้ว”

    “นั่นคือสาเหตุแรกค่ะ สาเหตุที่สองคือดิฉันสงสัยว่าคุณทากะว่าทำอย่างไรถึงได้เคลียร์ภารกิจ ‘ขับไล่วิลเลียม’ สำเร็จในเวลารวดเร็วแถมยังจบภารกิจด้วยการเจรจาซึ่งเป็นตัวเลือกที่ยากที่สุดด้วย” รอยยิ้มหวานใสดังกังวานพร้อมรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์

    “ข่าวสารกว้างไกลสมเป็นแคลนเซเลสเทียล จริงๆแล้วผมไม่ได้ทำอะไรมาก หลังจากรับภารกิจแล้วก็ลงไปในเหมือง พลาดตกลงไปในถ้ำเสียเวลาสามวันสามคืนปีนกลับขึ้นมา เข้าไปสู้กับวิลเลียมแล้วชนะได้อย่างหวุดหวิดแล้วก็ขู่ว่าจะตัดหนวดมันทิ้ง มันกลัวจนลนลานเลยยอมเจรจาด้วยเท่านั้นเอง”

    หญิงสาวหัวเราะเสียงดังแต่ยังรักษาทีท่าของกุลสตรีอยู่ “ถ่อมตัวเกินไปแล้วนะคะ”

    เขายักไหล่เป็นทำนองว่าจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจเธอ

    “คุณทากะทราบข่าวประกาศล่าสุดจากทางทีมงานรึเปล่าคะ?”

    เขาส่ายหน้าตอบ ไวโอเล็ตแซฟไฟร์จึงพูดต่อ

    “ตอนนี้ข้อมูลหลักของเกมแกรนด์ไกอาได้เปิดเผยออกมาทั้งหมดแล้ว แผ่นดินถูกแบ่งเป็นสามทวีป ผู้เล่นจะต้องสำรวจ ผจญภัยและทำภารกิจในทวีปต่างๆให้ครบถ้วนเพื่อให้ครบเงื่อนไขการเคลียร์เกม”

    “สำหรับเงื่อนไขการเคลียร์ทวีปแรก หนึ่งคือสำรวจทุกพื้นที่ในทวีปให้ครบถ้วน สองคือทำภารกิจสร้างทางรถไฟเชื่อมต่อระหว่างเมืองบลูเพิร์ลและเมืองไวท์พิลลาให้แล้วเสร็จ ซึ่งภารกิจนี้เป็นภารกิจใหญ่สำหรับทำเป็นแคลน แน่นอนว่าทางแคลนเซเลสเทียลของเราได้รับภารกิจนี้ไว้แล้ว เมื่อบรรลุเงื่อนไขทั้งสองอย่างเกมมาสเตอร์จะปรากฏตัวขึ้นเพื่อแจ้งภารกิจสุดท้าย”

    “เมื่อต้องสร้างทางรถไฟก็ต้องนึกถึงรางรถไฟเป็นสิ่งแรก สิ่งที่พวกเราตามหาจึงเป็นแร่เหล็กปริมาณมหาศาลเพื่อมาสร้างราง แต่แหล่งแร่เหล็กที่ใหญ่ที่สุดกลับถูกมนุษย์หนูยึดครอง ฉะนั้นภารกิจขับไล่วิลเลียมจึงเป็นภารกิจย่อยของภารกิจสร้างทางรถไฟ พวกเราได้ทุ่มเทอย่างมากเพื่อกำจัดวิลเลียมแต่ไม่ว่าทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จสักที”

    “คุณทากะคิดว่าคำตอบของคุณจะทำให้รองหัวหน้าท่านอื่นและสมาชิกทุกคนของแคลนเซเลสเทียลยอมรับได้หรือคะ?”

    น้ำเสียงสุภาพแต่แฝงด้วยแรงกดดันคุกคาม แววตาสดใสเปล่งรังสีสังหารออกมาแทนที่ความสดใส หากเป็นผู้เล่นทั่วไปคงเกิดความรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่สำหรับทากะสิ่งเหล่านี้ไม่มีความหมายอะไรแถมเขายังยิ้มตอบรังสีสังหารอย่างไม่สะทกสะท้านใดๆ

    “แล้วไม่ดีหรือครับที่วิลเลียมถูกขับไล่ออกจากเหมืองแล้ว ตอนนี้พวกคุณมีแหล่งแร่เหล็กให้สร้างรางรถไฟแล้วนี่นา”

    เขารู้สึกได้ว่าไวโอเล็ตแซฟไฟร์ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด จึงย้อนศรด้วยการเปลี่ยนไปพูดผลประโยชน์ที่พวกเธอต้องการแทน ส่วนเรื่องความลับนั่นไว้ค่อยไปถามกุห์ฟานตอนหลังก็ได้ ดีไม่มีเจ้ารุ่นน้องนั่นอาจจะรู้ลึกรู้จริงยิ่งกว่าที่แคลนเซเลสเทียลรู้ด้วยซ้ำ

    สาวสวยรองหัวหน้าแคลนเซเลสเทียลเองก็รู้เช่นกันว่าทากะคงไม่ยอมพูดอะไรมากไปกว่านี้แล้ว ทั้งสองยืนจ้องตากันเป็นเวลานาน เกิดบรรยากาศอึดอัดแผ่ขยายไปสู่บรรดาผู้เล่นที่มารอดูสถานการณ์อยู่รอบๆเพราะได้ข่าวว่าเซเลสเทียลจะปะทะกับมัลดิโตอีกแล้ว ต่างคนต่างลุ้นว่าเมื่อไรจะถึงจะเกิดการต่อสู้ขึ้นสักทีจนกลายเป็นเกร็งกันไปหมด

    “ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมคงต้องขอลาท่านหญิงตรงนี้เลยนะครับ” ทากะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบรอบๆตัวออกไป

    “คุณทากะไม่ต้องรีบร้อนหรอกค่ะ แคลนเซเลสเทียลเป็นผู้ควบคุมท่าเรือทั้งหมด ต่อให้คุณขึ้นเรือตอนนี้แต่ถ้าทางเราไม่อนุญาตก็ออกเรือไม่ได้อยู่ดี จริงๆแล้วต้องพูดว่าแคลนของเราได้ทำภารกิจจนได้กลายเป็นผู้บริหารเมืองไปแล้วไม่ใช่แค่ท่าเรือเท่านั้น” รอยยิ้มอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่าส่งแรงกดดันมาหาเขาอีกครั้ง

    “ดิฉันใฝ่ฝันจะสู้กับคุณทากะที่เป็นหนึ่งในคาตะนะมาสเตอร์มาตั้งนานแล้ว น่าเสียดายที่ไม่ได้เจอกับคุณทากะตอนเทสต์เบต้านะคะ”

    “ไม่เจอกันน่ะดีแล้วครับ” ทากะตอบหน้าตาย

    “ตอนนี้ผมเล่นอาชีพนักสำรวจไม่ใช่นักดาบ เรื่องที่จะสู้กับสุดยอดผู้เล่นในระดับแนวหน้าของเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์คงจะเป็นไปไม่ได้หรอกครับท่านหญิง”

    “ไม่เห็นเป็นไรนี่คะ แค่ได้เห็นบันทึกการต่อสู้ของตอนที่คุณสู้กับเฟนริลก็รู้แล้วว่าฝีมือของคุณไม่ธรรมดา”

    เธอชูกระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งเปล่งประกายสีทองออกมา ดูก็รู้ว่าเป็นตั๋วโดยสารระดับสูง

    “อย่าหาว่าดิฉันบีบบังคับเลยนะคะ แต่ตอนนี้ชื่อของคุณน่ะถูกสั่งห้ามขึ้นเรือตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วยกเว้นแต่มีตั๋วใบนี้ นี่คือตั๋วเฟิร์สคลาสของเรือโดยสารที่หรูหราที่สุดของเมืองบลูเพิร์ล ดิฉันรับประกันได้ว่าเมื่อจบการต่อสู้แล้วตั๋วใบนี้จะถูกส่งถึงมือคุณอย่างแน่นอน”

    หน้าต่างท้าสู้ปรากฏตรงหน้าทากะ [ ผู้เล่นไวโอเล็ตแซฟไฟร์ต้องการต่อสู้กับท่าน ]

    “ถ้านี่คือความปรารถนาของท่านหญิง”

    ทากะกดปุ่มตอบรับการต่อสู้ เวลาเริ่มนับถอยหลังที่สามสิบวินาที

    เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันทางไวโอเล็ตแซฟไฟร์ เธอเปลี่ยนเป็นคนละคน ใบหน้าที่งดงามเหมือนตุ๊กตาบัดนี้แสยะยิ้มบิดเบี้ยว ขบฟันกรามเหมือนกำลังอดกลั้นต่ออะไรบางอย่าง แววตาเลื่อนลอยเหมือนตกอยู่ในภวังค์คล้ายคนกำลังเคลิบเคลิ้มมัวเมาในความสุข เธอครางเสียงกระเส่า ริมฝีปากกระตุกสั่นเทิ้ม ยกมือขึ้นลูบลำคอลากไล้ลงมาถึงกลางอก

    “หวังว่าคุณทากะจะทำให้ดิฉันสัมผัสถึง ‘จุดสุดยอด’ ได้เหมือนอย่างที่คิดนะคะ”

    ผู้เล่นชายทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก หญิงสาวที่แสนงดงามน่าทะนุถนอมเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง กลายเป็นผู้หญิงโรคจิตคลั่งการต่อสู้แถมยังแสดงสีหน้าท่าทางเหมือนนางเอกในหนังสำหรับผู้ใหญ่ก็ไม่ผิด!

    เธอผายมือเดินเข้าหาทากะเหมือนจะเข้าไปโอบกอดคนรัก ถ้าเป็นผู้เล่นชายคนอื่นคงยินดีโถมเข้าสู่อ้อมกอดนั้นด้วยความเต็มใจเป็นแน่แท้ แต่สัญชาตญาณระวังภัยของทากะเตือนให้เขาถอยออกห่างให้เร็วที่สุด เสียงลมกระชากวูบหนึ่งดังห่างจากปลายลูกกระเดือกของเขาไม่กี่เซนติเมตร เคียวดำคู่หนึ่งก็เพิ่งเฉียดผ่านชีวิตเขาไปเช่นกัน

    “สุดยอด!” หญิงสาวยิ่งครางเสียงกระเส่าเร่าร้อนมากขึ้น “เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนหลบท่านี้ได้”

    “ไม่ไหวแล้ว! ทนไม่ไหวแล้ว!”

    ปลายผมสีดำสะบัดพลิ้ว วูบเดียวไวโอเล็ตแซฟไฟร์ก็พุ่งเข้าประชิดตัวทากะในทันที เคียวในมือขวาตวัดจากล่างขึ้นบนเฉียดผ่านปลายคางทากะ เคียวซ้ายเกี่ยวกระหวัดตัดกลางลำตัวซ้ำสองแต่พลาดเป้าหมายไปเพียงนิดเดียว

    การจู่โจมแสนร้อนแรงของเธอไม่จบเพียงกระบวนท่าเดียว

    นักฆ่าสาวบิดมือส่งปลายเคียมแหลมคมเข้าหาตาซ้ายของทากะ เคียวอีกด้ามพลิกวนลงล่างที่ข้อเท้า แต่ละท่าเป็นกระบวนท่าสังหารอย่างแท้จริง ทากะพลิกตัวหลบการจู่โจมระลอกแรกได้แล้วกระโดดเบาๆลอยตัวหลบการโจมตีที่ข้อเท้าด้วยท่วงท่าเป็นธรรมชาติลื่นไหลไม่ติดขัดเช่นกัน

    กระบวนท่าที่สามถูกหลบได้ กระบวนท่าที่สี่ห้าหกเจ็ดก็ถูกหลบได้ แต่ไวโอเล็ตแซฟไฟร์กลับยิ่งดีใจฉีกยิ้มกว้างมีความสุขสุดพรรณนา ตรงข้ามกับทากะที่หน้าตายไร้อารมณ์เฉยสนิท

    หญิงสาวรองหัวหน้าแคลนเซเลสเทียลเพิ่มความเร็วขึ้นอีกระดับ ปลายเคียวอยู่ห่างจากขมับซ้ายทากะไม่ถึงคืบ ผู้เล่นที่มุงดูการต่อสู้อยู่ต่างคิดเหมือนๆกันว่า ‘จบการต่อสู้แล้ว’

    จู่ๆปลายเคียวที่ใครต่อใครคิดว่าต้องเจาะกะโหลกของทากะได้แน่ๆพลันเบี่ยงเบนออกพร้อมกับเสียงวัตถุกระทบกันเบาๆ ปลายด้ามดาบคาตะนะส่งให้เคียวในมือขวาของไวโอเล็ตแซฟไฟร์ลอยสูงขึ้นพ้นเป้าหมาย ทำได้เพียงตัดปลายผมสีดำของทากะเท่านั้น

    รุกรับพลิกผันในพริบตา ทากะควงดาบให้หมุนพลิกส่งด้ามดาบตกมาอยู่ในมือขวาพอดิบพอดี สะบัดข้อมือส่งปลายดาบแทงถูกตำแหน่งหัวใจของคู่ต่อสู้อย่างตรงเผงแม่นยำ แรงกระแทกผลักให้ไวโอเล็ตแซฟไฟร์ถอยหลังไปครึ่งก้าว เธอเบิกตากว้างตกใจที่ถูกจู่โจมกะทันหันแถมยังเป็นตำแหน่งจุดตาย ถ้าทากะไม่ออมมือถอดปลอกดาบออกก่อนโจมตี ป่านนี้ดาบคาตะนะคงตัดขั้นหัวใจของเธอขาดสะบั้นไปแล้ว

    หญิงสาวลดเคียวทั้งสองด้ามลงแตะพื้น “ฝีมือยอดเยี่ยมสมคำร่ำลือจริงๆ ดิฉันแพ้แล้วค่ะ”

    เสียงฮือฮาดังทั่วทุกสารทิศ แค่เอเซสู้เสมอกับกลอเรียส อัลติมัส ผู้เล่นที่แข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่งของเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์ได้ก็นับว่าเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของหลายคนแล้ว ยังไม่รวมเรื่องที่แคลนมัลดิโตแค่สี่คนกับคนนอกอีกสองเอาชนะเฟนริลได้ และวันนี้หัวหน้าแคลนมัลดิโตก็ทำให้ทุกคนตกตะลึงซ้ำหลังจากดวลเดี่ยวเอาชนะไวโอเล็ตแซฟไฟร์นักฆ่าในตำนานที่ล้มมังกรได้ด้วยตัวเดียวอีก

    แคลนมัลดิโตทำให้ผู้คนสงสัยว่าพวกเขาเป็นใครกันแน่มากขึ้นไปอีก

    หลังจากรับตั๋วเรือโดยสารชั้นเฟิร์สคลาสตามคำสัญญาและสมาชิกแคลนเซเลสเทียลแยกย้ายกันไปหมดแล้ว กว่าทากะจะแหวกบรรดานักข่าวที่แห่มาขอสัมภาษณ์ก็เกือบทำให้เขาขึ้นเรือไม่ทันเวลา เมืองบลูเพิร์ลเป็นศูนย์กลางของผู้เล่นอาชีพสายข่าวสารและยังเป็นแหล่งผลิตหนังสือพิมพ์ภายในเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์อีกด้วย

    เรือสำราญลำใหญ่จอดเทียบท่าอยู่อย่างโดดเดี่ยวแต่เด่นตระหง่าน ทากะมองเรือลำนี้อย่างทึ่งๆพร้อมกับคิดในใจว่าคงไม่เกิดอีเวนต์ชนก้อนน้ำแข็งแล้วอับปางกลางทะเลหรอกนะ เพราะเรือลำนี้ถูกสร้างขึ้นมาตามแบบเรือไททานิคแทบทุกกระเบียดนิ้ว ปล่องควันสี่ปล่องตรงกลางลำเรือปล่อยควันสีดำขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นสัญญาณบอกว่ามันพร้อมออกเดินทางในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า

    ทากะยื่นตั๋วทองส่งให้พนักงาน หลังจากนั้นพนักงานบนเรือทุกคนแทบจะแห่แหนทากะไปที่ห้องรับรอง นี่ถ้ามีเกี้ยวทองบนเรือด้วยเขาคงถูกเชิญขึ้นไปนั่งเป็นแน่แท้

    เมื่อมาถึงห้องพักที่ถูกจัดเตรียมไว้ ทากะก็ได้แต่ยืนค้างไปห้าวินาที

    “อ้าว!? ดิฉันลืมบอกไปหรือคะว่าตั๋วที่ให้ไปเป็นแบบห้องสวีทน่ะ” รอยยิ้มหวานฉ่ำของไวโอเล็ตแซฟไฟร์บนโซฟายาวกลางห้องแบบเดียวที่โรสขึ้นไปนอนเปลือยเป็นนางแบบให้แจ็ควาดรูปให้ทำให้ทากะต้องรีบปิดประตูเดินกลับไปทางดาดฟ้าเรืออย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้









    ซารุวาตาริ ทากะ คงได้แต่นึกสงสัยในใจว่าทำไมช่วงนี้ดวงนารีอุปถัมภ์ถึงได้แรงขนาดนี้กันแน่ละเนี่ย
  18. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    (ฮา) ดวงแบบนี้ท่าทางกลางทางจะไม่ชนก้อนน้ำแข็งแต่โดนฝูงไซเรนโจตีแทนซะล่ะมั้งเนี่ย >_<

    แต่อ่านตอนนี้เสร็จเริ่มรู้สึกหมั่นไส้กิลด์เซเลสเทียลชอบกลแฮะ ถ้าเล่นเกมนี้สงสัยได้แกล้งป่วนกิลด์นี้เล่นแหงๆ
  19. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    ไวโอเล็ตแซฟไฟร์ในสายตาทากะน่ากลัวกว่าพวกนั้นเยอะครับ (ฮา)
  20. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    Grand Gaia Online 21 – Katana





    ซารุวาตาริ ทากะ ข้ามผ่านแสงสว่างจ้าหลายวินาทีตอนล็อกอินเข้าเกม

    เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง เขาได้สัมผัสถึงบรรยากาศสดใสของยามเช้า ลมทะเลหอบกลิ่นเกลือแตะจมูก แสงแดดอ่อนๆต้องผิวกายให้รู้สึกอบอุ่น นกนางนวลจับกลุ่มบินโฉบจับปลา เรือประมงลำน้อยทยอยกลับเข้าฝั่ง เบื้องหน้าคือเมืองเล็กๆบนเชิงเขา บ้านไม้สองชั้นมุงหลังตาด้วยกระเบื้องดินเผาเคลือบสีน้ำเงินเทาหรือไม่ก็สีน้ำตาลเข้มเรียงรายจากที่ราบขึ้นสู่ไหล่เขา ประตูไม้ไผ่สานเป็นตารางบุด้วยกระดาษสีขาว เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ไม่ว่าใครมองแล้วก็บอกได้ว่าที่นี่คือ ‘ญี่ปุ่น’

    เพียงแต่เกมแกรนด์ไกอาออนไลน์ตั้งชื่อสถานที่แห่งนี้ไว้ว่า ‘อาณาจักรนิฮงโกะกุ’

    หัวหน้าแคลนมัลดิโตดื่มด่ำกับธรรมชาติที่แสนงดงาม เงยหน้ามองฟ้า กำมือขวาแน่นแอ็คท่าอย่างผู้ชนะ

    จะไม่ให้เขารู้สึกสะใจได้อย่างไร ในเมื่ออุตส่าห์ลงทุนล็อกเอาท์ออกจากเกมตอนอยู่บนเรือสำราญเพราะไม่อยากอยู่ร่วมห้องไวโอเล็ตแซฟไฟร์เพียงลำพังสองต่อสอง ยอมตัดใจไม่ล็อกอินซ้ำรอจนเช้าไปทำงานกลับมาล็อกอินตอนห้าทุ่ม ช้ากว่าเวลาเล่นเกมปกติไปอีกหนึ่งชั่วโมง ถ้าลงทุนทำขนาดนี้แล้วล็อกอินเข้ามาเจอผู้หญิงโรคจิตคลั่งการต่อสู้คนนั้นมายืนรอที่ท่าเรือเขาคงได้แต่ร้องไห้เท่านั้น

    หากผู้เล่นล็อกเอาท์ขณะเดินทางอยู่บนพาหนะขนส่ง เช่น เรือ รถม้า จะมาปรากฏตัวที่ปลายทางได้ทันทีที่ล็อกอินอีกครั้งหากครบกำหนดเวลาเดินทาง แต่อาจพลาดอีเวนต์หรือภารกิจบางอย่างระหว่างเดินทางได้ แต่ถ้าเป็นการเดินทางด้วยเรือ หากเรือลำนั้นอับปางกลางทางผู้เล่นจะถูกส่งกลับไปท่าเรือที่ออกเดินทางแทนที่

    เมืองท่าเล็กๆแห่งนี้เป็นเพียงเมืองหน้าด่านของอาณาจักรนิฮงโกะกุ หากต้องการเข้าไปภายในอาณาจักรย่อมต้องทำภารกิจจาก NPC ภายในเมืองท่าแห่งนี้ก่อน และสถานที่ที่จะรับภารกิจได้ย่อมไม่พ้นร้านอาหารหรืออย่างน้อยหากได้รับข่าวสารบางอย่างก็ยังดี สองขาจึงพาทากะมาหยุดอยู่หน้าร้านในเวลาไม่นาน เขาเปิดประตู เดินไปนั่งที่บาร์ไม้ พ่อครัวเป็นชายวัยกลางคนในชุดฮากามะสีดำยกชาเขียวร้อนๆในแก้วดินเผามาส่งให้ถึงมือแล้วยืนรอรายการอาหารที่แขกผู้มาใหม่จะสั่ง

    ปลาซาบะย่างเกลือ ข้าวเปล่าหนึ่งถ้วยและซุปมิโสะ คือรายการอาหารเช้าของหัวหน้าแคลนมัลดิโต

    ทากะกินเสร็จแล้วจึงได้รับคำตอบว่าไม่ใช่เรื่องยากหากต้องการเข้าเมือง เพียงแค่ไปทำภารกิจขนส่งสินค้าจากท่าเรือให้ลุล่วงก็สามารถเข้าเมืองได้ตลอดเวลา แต่เมื่อถามถึงช่างตีดาบประจำเมืองชายชราเจ้าของร้านอาหารกลับบอกว่าไม่รู้จักและไม่มีข้อมูลใดๆ

    จ่ายเงินค่าอาหาร ออกจากร้าน ย้อนกลับไปที่ท่าเรือ รับภารกิจส่งปลามากุโร่ไปส่งที่ปราสาทของจักรพรรดิจากไต้ก๋งเรือประมง เดินตัดป่าเล็กๆด้านข้างท่าเรือวนอ้อมภูเขาเล็กๆกินเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงเศษ ทากะก็มาถึงอาณาจักรนิฮงโกะกุอย่างแท้จริง











    บรรยากาศคึกคักมีชีวิตชีวาทำให้ที่นี่กลายเป็น ‘เอโดะ’ เมืองหลวงของญี่ปุ่นในยุคโตกุงาวะ บรรดาหญิงชาวเมืองสวมกิโมโนหลากสีสันหลายลวดลายมีให้เห็นตลอดทาง ผู้ชายสวมฮากะมะคาดดาบอยู่ที่เอวแทบทุกคน กลีบดอกซากุระปลิวล่องลอยตามลม ปลายทางของถนนหลักมุ่งสู่ปราสาทหินหรูหราโอ่อ่ากลางสระน้ำขนาดใหญ่ ด้านหลังปราสาทคือภูเขาลูกใหญ่ที่มีหิมะปกคลุมยอดดูไปใกล้เคียงกับภูเขาไฟฟูจิอยู่ไม่น้อย

    เดินอีกเกือบครึ่งชั่วโมงจึงไปถึงปราสาทกลางน้ำ ถูกทหารยามตรวจค้นตามหน้าที่แล้วพาไปที่โรงครัวด้านหลัง ได้รับบัตรผ่านประตูเมืองหลังส่งมอบไอเท็มภารกิจแล้วก็ถูกเชิญออกมาด้านหน้าปราสาทในทันที ดูเหมือนว่าหากต้องการเข้าไปในปราสาทจะต้องได้รับความเชื่อใจจากทหารยามพวกนี้ก่อน นั่นคือต้องทำภารกิจส่งของหรือภารกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับปราสาทแห่งนี้หลายต่อหลายครั้ง

    ลำดับต่อไปคือหาข่าวสารของช่างตีดาบ

    ทากะเปิดประตูเข้าไปในร้านขายอาวุธ ด้านในร้านเปรียบเหมือนสวรรค์ของเขาเพราะเต็มไปด้วยดาบคาตะนะนับร้อยเล่ม บางเล่มอยู่ในฝักไม้ บางเล่มอวดโฉมเผยความคมอยู่บนชั้นวาง นอกจากดาบแล้วยังมีอาวุธจำพวกหอก ง้าว ธนูยูมิ ดาวกระจาย มีดสั้น กรงเล็บนินจา เคียวโซ่ สารพัดอาวุธของทั้งนินจาและซามูไรหลับใหลอยู่ที่นี่รอให้ผู้เล่นมาเลือกซื้อไปใช้งาน

    “ไม่ทราบว่านายท่านต้องการอาวุธประเภทใดขอรับ?” เจ้าของร้านพูดจาสุภาพนอบน้อมผิดกับร่างสูงใหญ่บึกบึน

    “ข้าน้อยสนใจดาบคาตะนะดีๆสักเล่มหนึ่ง”

    เจ้าของร้ายยิ้มอย่างพอใจ หันกลับไปเลือกดาบที่คาดว่าเหมาะกับทากะมาวางไว้สามเล่มพร้อมและเริ่มบรรยายสรรพคุณ “เล่มแรกนี้อาจจะสั้นไปหน่อยแต่น้ำหนักเบาเหมาะกับการฟันจู่โจมที่เน้นความเร็วเป็นหลัก เล่มที่สองใบดาบหนาสันโค้งน้อยกว่าปรกติเน้นการจู่โจมแบบปะทะซึ่งหน้า เล่มที่สามเป็นดาบมาตรฐานเหมาะสำหรับการต่อสู้ทั่วไป”

    “ถ้าหากสนใจจะทดลองใช้ดาบก่อนก็ได้นะขอรับ”

    ทากะถูกวาร์ปไปที่โรงฝึกดาบ ดาบทั้งสามเล่มที่ถูกแนะนำมาจัดวางอยู่บนหิ้งดาบด้านซ้ายมือ ทากะเลือกหยิบดาบเล่มที่สามขึ้นมาก่อน มีเสื่อตาตามิหนึ่งมัดปรากฏขึ้นมาเพื่อใช้สำหรับฟันทดสอบดาบ เขาจรดดาบกลางลำตัว หลับตารวมสมาธิให้ร่างกายและจิตใจผสานเป็นหนึ่งเดียวกับดาบ

    ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!

    มัดเสื่อตาตามิขาดเป็นสามท่อนในพริบตา รอยตัดของฟางแต่ละท่อนเรียบสนิท แต่ดูเหมือนทากะยังไม่พอใจเท่าไร ทดลองฟันอากาศซ้ำๆอีกสองสามครั้งแล้ววางดาบเล่มนี้ไว้ที่เดิม ดาบเล่มที่สองซึ่งถูกแนะนำว่าเป็นดาบสำหรับจู่โจมปะทะซึ่งหน้าถูกเลือกขึ้นมาแทนที่ คราวนี้อุปกรณ์สำหรับฟันทดสอบไม่ใช่เสื่อตาตามิแต่เป็นซามูไรในชุดเกราะโบราณปรากฏตัวขึ้นมาแทน

    ทากะปราดเข้าจู่โจมด้วยความเร็ว เสียงดาบปะทะดาบดังต่อเนื่องไม่ขาดสาย ซามูไรในชุดเกราะไม่ได้จู่โจมกลับเพียงแค่ตั้งรับเพื่อให้ผู้เล่นทดสอบดาบเท่านั้น ชายหนุ่มผู้หลงใหลในดาบคาตะนะบุกจนหนำใจแล้วนำดาบกลับมาวางที่เดิม

    ดาบเล่มสุดท้ายที่รอการทดสอบคือดาบเล่มแรกสุด ทันทีที่เขาหยิบดาบขึ้นมา เสื่อตาตามิห้ามัดปรากฏขึ้นมาอยู่ในลักษณะโอบล้อมเขาไว้ห่างๆ แต่คราวนี้ไม่ได้โผล่ออกมาตั้งไว้เฉยๆแต่หมุนวนขยับเปลี่ยนตำแหน่งตลอดเวลา พอสืบเท้าเข้าใกล้ด้านไหนด้านนั้นก็ถอยออกห่างเหมือนรู้ว่าจะถูกโจมตี พอหยุดอยู่นิ่งๆเสื่อทั้งสี่ด้านจะหมุนไปหมุนมาอยู่นอกระยะดาบเล็กน้อย

    ดูเหมือนทากะถูกใจการทดสอบนี้ที่สุด

    ชายหนุ่มขยายฐานออกกว้าง ย่อเอวลงต่ำ ทิ้งน้ำหนักตัวไว้ที่ปลายเท้าให้พร้อมออกตัวทุกขณะ ปรับจังหวะร่างกายให้เข้ากับจังหวะของเป้าหมาย อดทนรออย่างใจเย็นให้เป้าหมายเข้ามาใกล้ที่สุด

    ฟุบ! ฟุบ! เสื่อมัดที่สองทางซ้ายมือถูกฟันตัดจากล่างขึ้นบน และเสื่อมัดตรงกลางถูกฟันสะพายแล่งจากบนลงล่าง

    ฟุบ! เสื่อมัดที่สองจากทางขวาโดนตัดขวางขนานพื้น

    ฉึบ! แทงทะลุกลางลำเสื่อมัดแรกแล้วตวัดผ่าขึ้นบน

    หมุนตัวกลับร้อยแปดสิบองศา ฟันผ่าเสื่อมัดสุดท้ายจากบนจรดล่างแบะเป็นสองส่วน

    ทากะถูกวาร์ปกลับมายืนอยู่ในร้าน ณ ตำแหน่งเดิม ชายร่างกำยำเจ้าของร้านอาวุธยิ้มแย้มปรบมือให้เขา “ทักษะดาบของนายท่านยอดเยี่ยมมากขอรับ ไม่ทราบว่าดาบเล่มใดกันที่จะได้รับใช้นายท่าน”

    หัวหน้าแคลนมัลดิโตคลี่ยิ้มมุมปาก ถามกลับด้วยความสุภาพ “ดาบเหล่านี้มาสเตอร์เป็นผู้ให้ชีวิตรึเปล่าครับ”

    “ไม่ใช่ขอรับนายท่าน” เจ้าของร้านที่ถูกเรียกว่ามาสเตอร์ตอบกลับ “ดาบทุกเล่มในร้านล้วนเป็นผลติผลจากหยาดเหงื่อของช่างตีดาบนามกัสสัน ซาดาโตชิขอรับ”

    “ไม่ทราบว่ากัสสันเซนเซย์พักอาศัยอยู่ที่ใดและรับตีดาบตามสั่งด้วยรึเปล่าครับ”

    “ที่แท้นายท่านอยากตีดาบเล่มใหม่นี่เอง” เจ้าของร้านอาวุธทำหน้าผิดหวังเล็กน้อยเพราะขายของไม่ออก แต่ก็ยังตอบคำถามของทากะจนครบถ้วน “ช่างตีดาบย่อมรับตีดาบเป็นแน่ เพียงแต่ว่าตระกูลของท่านเป็นช่างตีดาบมาอย่างยาวนานถึงเจ็ดร้อยปี หากมีผู้ใดต้องการให้ท่านตีดาบให้ผู้นั้นย่อมต้องรับการทดสอบทักษะดาบและจิตใจเสียก่อน นี่คือกฎที่ท่านตั้งไว้ขอรับ”

    “ผมขอรับการทดสอบครับ”











    ทากะเดินทางมาถึงหมู่บ้านเล็กๆทางตะวันออกเฉียงเหนือของนครหลวง ที่นี่เป็นหมู่บ้านเกษตรกร มีบ้านเรือนแค่ยี่สิบกว่าหลังปลูกสร้างเกาะกลุ่มกันกลางที่ราบเชิงเขา ล้อมรอบด้วยแปลงนาเขียวขจี ผืนป่ากว้างใหญ่และภูเขาสูงตระหง่าน เขาไปรายงานตัวกับผู้ใหญ่บ้าน แจ้งว่าเจ้าของร้านขายอาวุธแนะนำให้มาทำภารกิจขับไล่อสูรที่รบกวนการเพาะปลูกของชาวบ้าน ชายชราที่ทั้งตัวห่อเหี่ยวงองุ้มเป็นกุ้งเผากระทั่งเปลือกตายังเหี่ยวย่นพูดขอบอกขอบใจทากะยกใหญ่ สั่งคนยกข้าวปลาอาหารมาเลี้ยงแขกให้อิ่มหนำก่อน

    มอนสเตอร์ที่ทากะต้องช่วยกำจัดคือสุนัขจิ้งจอกซึ่งมาจากป่าลึกในภูเขาลงมาล่าวัวควายและสัตว์เลี้ยงของชาวนาจนพวกเขาแทบไม่เหลือแรงงานสัตว์ไว้ช่วยเพาะปลูก และช่วงหลังมาจิ้งจอกตัวนั้นยังหันมาเล่นงานมนุษย์อีกด้วย เมื่อปราบจิ้งจอกได้แล้วจะต้องตัดหางของมันนำไปส่งเจ้าของร้านอาวุธพร้อมจดหมายขอบคุณจากผู้ใหญ่บ้าน

    พลบค่ำแสงตะวันลางเรือน ความมืดแผ่เข้าปกคลุมทุกสิ่งทีละนิดทีละน้อย มีเพียงแสงเพลิงสีแสดส่องสว่างจากคบไฟรอบหมู่บ้านเท่านั้นที่ช่วยให้ทุกคนรู้สึกปลอดภัย ชายฉกรรจ์วัยหนุ่มหลายคนอยู่โยงเฝ้ายามลาดตระเวนรอบๆหมู่บ้านอย่างแข็งขันแม้ในใจจะหวาดกลัวสุดขีดก็ตาม ท่ามกลางความเงียบมีเพียงเสียงใบไม้กระทบสายลมและเสียงแมลงกลางคืน จู่ๆวัวควายในคอกต่างลุกขึ้นสะบัดตัวส่งเสียงร้องอย่างตื่นตระหนก สุนัขในหมู่บ้านโก่งคอหอนเกรียวกราว ทุกคนต่างรู้ดีว่าสัญญาณจากเหล่าสัตว์หมายถึงสิ่งใด

    ทากะลุกขึ้นยืนมองไปทางภูเขา ดูท่าคราวนี้เขาคงประเมินระดับของภารกิจผิดไปถนัด เมื่อดูจากยอดไม้ที่ขยับไหวไปมาเพราะมีสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่แหวกทางลงมาก็ทำให้รู้ว่าสุนัขจิ้งจอกตัวนี้ตัวใหญ่ไม่แพ้บอสหมาป่าอย่างเฟนริลแม้แต่นิด

    เงาร่างสูงใหญ่เดินลงมาถึงกลางทุ่งนา ณ ที่นั้นเองก็มีเงาร่างของชายคนหนึ่งยืนขวางอยู่แล้ว

    แสงจันทร์ลอดผ่านเมฆส่องลงมาทำให้ทากะเห็นจิ้งจอกตัวนั้นชัดขึ้น ขนสีทองอร่าม ขนที่ปลายขาทั้งสี่ข้างดำสนิทเหมือนใส่ถุงเท้า ดวงตาสีเหลืองอำพันสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกาย แต่สิ่งที่ทำให้จิ้งจอกทองตัวนี้โดดเด่นคือหางทั้งสามบิดม้วนเป็นพวงสวยงาม

    สุนัขจิ้งจอกขนทองสามหาง!

    มันจ้องทากะเขม็งคล้ายจะเตือนให้เขาหลีกทางให้แก่มันเสียดีๆ แต่นักดาบหนุ่มนอกจากจะไม่หลีกทางแล้วยังปลดดาบคาตะนะออกจากฝักมาถือไว้ สุนัขจิ้งจอกยักษ์แยกเขี้ยวขู่คำราม ทากะแสยะยิ้มคล้ายแยกเขี้ยวตอบรับกลับไป ทั้งสองฝ่ายปราดเข้าหากันอย่างรวดเร็วดุจพายุคลั่ง











    แสงอรุณสีทองสาดส่องปลุกทุกสรรพชีวิตให้ตื่นขึ้นรับวันใหม่และเตรียมพร้อมออกไปทำงาน แต่ดวงอาทิตย์คงไม่รู้หรอกว่าคนทั้งหมู่บ้านไม่ได้นอนมาทั้งคืนอยู่แล้ว ทว่าหลังจากเช้านี้เป็นต้นไปพวกเขาจะนอนหลับเต็มอิ่ม ตื่นขึ้นมาอย่างเบิกบานเป็นสุข ทำไร่ไถนาอย่างไร้กังวลอีกต่อไป เพราะนักดาบนามซารุวาตาริ ทากะกำลังลากหางสีทองเป็นพวงของจิ้งจอกตรงกลับมาที่หมู่บ้าน

    ทั้งหมู่บ้านจัดงานเฉลิมฉลองยกใหญ่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ทากะไม่ชินที่ถูกห้อมล้อมพูดคุยเยอะๆก็ได้แต่ทนไปตลอดวัน เหล้าสาเกจอกแล้วจอกเล่าที่ต้องดื่มล่อลวงให้เขามึนเมาและไร้สติมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ถึงจะเมาขนาดไหนเกมนี้ก็ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้มีการนอนหลับ เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องนั่งมึนๆทำตัวเมาๆไปตลอดคืน ชาวหมู่บ้านเลี้ยงข้าวเช้าชายหนุ่มผู้เป็นดั่งวีรบุรุษของพวกเขาอีกหนึ่งมื้อ กว่าทากะจะออกจากหมู่บ้านก็สายโด่งแล้ว พอมาถึงร้านขายอาวุธเจ้าของร้านทำหน้าตะลึงตกใจเหมือนไม่เชื่อว่าเขาจะกลับมาเร็วถึงเพียงนี้ ตอนทากะเอาหางจิ้งจอกสามเส้นออกมาวางไว้พร้อมกับจดหมายจากผู้ใหญ่บ้านยิ่งมองจ้องจนตาแทบถลน

    “ไม่คิดว่าแค่สองคืนนายท่านก็ปราบจิ้งจอกนั่นได้แล้ว!”

    “ที่จริงแล้วแค่คืนเดียวเดียว คืนที่สองเพราะต้องอยู่เลี้ยงฉลองถึงได้เพิ่งกลับมานี่แหละครับ”

    “คืนเดียว!? ผู้เล่นแค่คนเดียวปราบจิ้งจอกสามหางในคืนเดียว!? ทั้งที่เคยมีผู้เล่นสิบกว่าคนไปช่วยกันล้อมโจมตีถึงสามวันสามคืนยังปราบไม่ได้!” ชายเจ้าของร้านอาวุธยิ่งทำหน้าไม่เชื่อเข้าไปใหญ่ แต่หลักฐานทุกชิ้นตรงหน้าก็ยืนยันว่าทากะปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้นแล้วทุกประการ เขาเชิญทากะเข้ามาด้านในร้านแล้วรีบร่างจดหมายแนะนำให้กับกัสสันเซนเซย์ทันที ก่อนออกจากร้าน เจ้าของร้านยังยินดีซ่อมดาบให้ทากะโดยไม่คิดค่าบริการอีกด้วย

    ตามแผนที่ที่เจ้าของร้านขายอาวุธมอบให้ ทากะต้องเดินทางไปทางตะวันตกเฉียงใต้ เข้าไปในหุบเขาลึกจนกว่าจะถึง ‘เขาจันทรา’ ยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ตระกูลกัสสันปลูกสร้างโรงตีดาบและบ้านพักแยกตัวออกจากวิถีชีวิตแสนวุ่นวายในเมือง อุทิศและทุ่มเททุกอย่างรวมถึงชีวิตให้กับการตีดาบเพียงสิ่งเดียว

    กว่าหัวหน้าแคลนมัลดิโตจะลากสังขารขึ้นมาถึงยอดเขาจันทราก็อยู่ในสภาพโทรมสุดๆ ระหว่างทางต้องสู้กับตัวทานุกิที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนเยอะแยะ ถึงจะหนีพวกมันก็ตามเล่นงานเขาอยู่ดีจนเขาต้องฆ่าพวกมันไปกว่าสามสิบตัว ส่วนที่เหลือถึงแตกหนีเข้าป่าลึกไปจนหมด หมดเรื่องต่อสู้ก็ต้องปีนขึ้นภูเขาที่สูงชันและป่ารกครึ้มติดต่อกันอีกหลายชั่วโมง เนื้อตัวมีแต่แผลหนามเกี่ยว ผมสีดำที่ยุ่งเหยิงอยู่แล้วยิ่งยุ่งเหยิงเข้าไปใหญ่

    ขนาดคนอึดถึกอย่างทากะยังหมดแรงล้มลงกลางลานก่อนจะถึงตัวบ้านที่ปลูกอย่างสง่างามแวดล้อมด้วยสวนญี่ปุ่นอีกไม่กี่สิบเมตร โชคดีที่ลูกศิษย์ของกัสสันเซนเซย์ออกมารดน้ำต้นไม้ถึงได้พบเขาเข้าเสียก่อน ทากะถูกหามขึ้นบ้านและให้นอนพักในห้องเล็กๆริมสวน กลิ่นดอกบานเย็นโชยตามลมผสมกับกลิ่นกำยานช่วยให้ทากะฟื้นฟูกำลังจนลุกขึ้นนั่งได้

    “ฝืนเดินทางจนร่างกายอ่อนเพลียแล้วก็ขาดน้ำขอรับ” ลูกศิษย์ของช่างตีดาบยกถาดใส่กาใส่น้ำชาและถ้วยชาส่งให้แขกผู้มาเยือน

    “เหตุผลที่ดั้นด้นมาถึงที่นี่ก็เพื่อตีดาบสินะขอรับ”

    “ใช่ครับ” ทากะยื่นจดหมายแนะนำจากเจ้าของร้านขายอาวุธให้ ลูกศิษย์ของช่างตีดาบรับจดหมายมาอ่านแล้วส่งคืนให้

    “อาจารย์ออกไปล่าสัตว์น่ะครับ อีกสักพักคงกลับมา”

    พูดจบประโยคไม่ทันไรก็มีเสียงทักทายจากหน้าประตูดังเข้ามาก่อน “พูดยังไม่ทันขาดคำเลย ถ้าอย่างนั้นขอเชิญไปรอที่ห้องรับแขกขอรับ กระผมจะไปเรียนให้อาจารย์ทราบก่อน”

    ทากะเดินตามลูกศิษย์ของช่างตีดาบไปนั่งรอในห้องรับแขก สักพักก็มีเด็กสาวยกชามาวางให้พร้อมของว่างทากะเดาว่าเธอคงอายุสักสิบหกสิบเจ็ด พอเธอออกไปไม่กี่อึดใจ ‘กัสสัน ซาดาโตชิ’ ช่างตีดาบและเจ้าบ้านแห่งนี้ก็เข้ามาในห้อง เขาเป็นชายวัยกลางคนอายุน่าจะสี่สิบต้นๆ ผมตรงหน้าผากล้านเว้าลึก มือทั้งสองข้างซึ่งกรำงานหนักมาตลอดชีวิตเห็นเส้นเอ็นปูดโปนอย่างเด่นชัด

    “ยินดีที่ได้พบครับ” ทากะส่งจดหมายให้กับเขา

    เจ้าบ้านรับจดหมายแนะนำมาอ่านครู่หนึ่งแล้วพับเก็บใส่ซองอย่างดี “กระผมยินดีที่จะตีดาบเล่มใหม่ท่านนักผจญโชค เพียงแต่ว่าท่านได้นำแร่เหล็กบริสุทธิ์มาด้วยหรือไม่”

    หัวหน้าแคลนมัลดิโตนำแร่เหล็กที่ได้มาอย่างยากลำบากส่งให้ช่างตีดาบ แค่พิจารณาความเหมาะสมของแร่เหล็กก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมง “เหล็กบริสุทธิ์ เหล็กดี ถึงจะไม่เทียบเท่าแร่เหล็กชั้นยอดอย่างฮามะทากาเน่แต่ก็เพียงพอสำหรับสร้างดาบชั้นยอด”

    ทากะก้มหัวตอบรับคำขอบคุณและนำของอีกสองสิ่งออกมาวางด้วย “ไม่ทราบสิ่งเหล่านี้พอจะใช้ในการตีดาบด้วยหรือไม่ครับ”

    พาวเวอร์คริสตัลสำหรับเป็นวัตถุดิบสร้างอาวุธระดับแรงค์ดีลงไปจำนวนสองก้อนซึ่งได้มาจากเฟนริล และเกล็ดมังกรสีฟ้าใสขนาดสองเท่าของฝ่ามือได้จากการปราบมังกรน้ำแข็งอีกห้าเกล็ด

    กัสสัน ซาดาโตชิ ใช้เวลาพิจารณาทุกอย่างอีกเกือบชั่วโมง “ทั้งหมดใช้งานได้ เพียงแต่ว่าเกล็ดมังกรต้องตีสกัดเป็นแร่บริสุทธิ์เสียก่อนจึงจะใช้งานได้ อาจจะใช้เวลานานหน่อย”

    ทากะตอบกลับว่าเขาไม่รีบร้อนและให้กระบวนการตีดาบทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของช่างตีดาบ เจ้าบ้านจึงเชิญให้เขาพักอยู่ที่บ้านและช่วยงานบ้านเล็กน้อยๆเป็นการตอบแทน ระหว่างอาหารเย็น ทากะได้รู้ว่าช่างตีดาบมีลูกสาวเพียงคนเดียวอายุเพียงสิบห้าปีแต่ก็ยินดีให้เธอสืบทอดวิชาตีดาบ และเธอเองเต็มใจสืบทอดเช่นกันเพียงแต่ต้องรอให้โตกว่านี้เสียก่อน ส่วนเด็กผู้ชายอีกสองคนคนแรกอายุสิบเก้าปีและอีกคนอายุสิบเจ็ดปีเป็นพี่น้องกันเข้ามาลูกศิษย์ของกัสสัน ซาดาโตชิได้ห้าปีแล้ว เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในฐานะช่างตีดาบฝึกหัดอีกไม่นานจะได้เป็นช่างตีดาบอย่างเต็มภาคภูมิแล้ว

    พรุ่งนี้เช้ากัสสันและลูกศิษย์ทั้งสองจะเริ่มขั้นตอนการตีดาบทันที ปกติแล้วการตีดาบคาตะนะในโลกแห่งความเป็นจริงใช้เวลานานถึงสามเดือนเป็นอย่างน้อย แต่เมื่ออยู่ในเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์จะใช้เวลาเพียงแค่เจ็ดวันเท่านั้น

    ห้านาฬิกาตรง หนึ่งอาจารย์และสองลูกศิษย์เริ่มลงมือทำงานทันที ทากะถูกไหว้วานจากสาวน้อยวัยแรกแย้มให้ช่วยผ่าฟืนระหว่างเธอเตรียมวัตถุดิบทำอาหารเช้า เสียงค้อนเหล็กกระหน่ำฟาดหนักหน่วงดังต่อเนื่องร่วมสิบนาที เงียบหายไปชั่วอึดใจแล้วดังระงมขึ้นอีกครั้ง วนเวียนอยู่อย่างนี้ตลอดจนแสงอาทิตย์ยามเช้าส่องสว่างทั่วผืนฟ้าทั้งสามจึงออกมาพักรับประทานอาหารเช้าเติมแรงกันก่อน

    งานช่วงเช้าของทากะเป็นงานง่ายๆ ลูกสาวของกัสสันนำคราดและจอบมาให้ ชี้ไปทางแปลงผักด้านหลังบ้านซึ่งมีต้นหญ้ารกครึ้มเขียวไปหมด ตกบ่ายหลังทานมื้อเที่ยงทากะยังคงสวมวิญญาณเกษตรกรขุดหญ้าพรวนดินอย่างขยันขันแข็งแข่งกับเสียงค้อนเหล็กจากด้านในโรงตีดาบจวบจนท้องฟ้าด้านตะวันตกถูกย้อมแดงฉานด้วยแสงอาทิตย์อัสดง

    หลังมื้อเย็น ศิษย์อาจารย์จิบเหล้าแกล้มบรรยากาศในคืนข้างขึ้นอย่างเงียบเชียบ ดื่มด่ำความงดงามของบุปผาและจันทรา แม้แต่คนอย่างทากะยังสัมผัสถึงความสุขุมนุ่มลึกซึ่งทำให้จิตใจสงบเยือกเย็นอย่างน่าประหลาด

    “หายากนะที่เรียวโกะมีอารมณ์จะเดินหมาก” กัสสัน ซาดาโตชิเอ่ยปากทักเมื่อเห็นลูกสาวยกกระดานไม้และโถใส่หมากมาวางเตรียมพร้อม

    “หนูไม่เล่นกับคุณพ่อหรอกเล่นทีไรก็แพ้ เล่นกับทากะโอนี่ซังดีกว่า”

    ทากะมองเด็กสาวผู้มีใบหน้ารูปไข่ ตัดผมหน้าตรงขนานคิ้วปล่อยผมสีดำสยายเต็มไหล่ “ไม่ถามสักหน่อยหรือว่าโอนี่ซังเล่นเป็นหรือเปล่า?”

    เสียงหัวเราะของกัสสันและลูกศิษย์ทั้งสองดังก้องในความมืดอย่างอารมณ์ดี แต่ที่หน้ามุ่ยหงิกงอคือสาวน้อยวัยใสสิบห้าปี แต่เสียงเม็ดหมากที่ทำจากเปลือกหอยกระทบกระดานไม้สิบเก้าเส้นได้เรียกรอยยิ้มกลับคืนมาบนใบหน้าของเธอ

    “พอเล่นได้บ้างแต่ไม่เก่งหรอกนะ ไว้จะลากเพื่อนอีกคนที่เก่งกว่านี้มาเล่นด้วย”

    เพื่อนคนที่ว่าคือเอเซ แมคโดเวล ที่ทากะเล่นหมากล้อมเป็นก็เพราะถูกเอเซบังคับให้เล่นด้วยมาตลอดแต่ใจจริงแล้วเขาชอบเล่นหมากรุกไทยมากกว่า สาวน้อยเดินหมากโต้ตอบอย่างรวดเร็วส่วนทากะใช้เวลาเดินหมากแต่ละตาค่อนข้างช้าเพราะไม่ถนัดเรื่องคิดเยอะๆ กัสสันและลูกศิษย์ทั้งสองล้อมวงดูการสัประยุทธ์ระหว่างหมากดำและหมากขาวอย่างสนอกสนใจ และทากะก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนผิดหวังเพราะพ่ายแพ้อย่างหมดท่าในไม่กี่กระบวนหมาก

    เสียงหัวเราะครื้นเครงดังอยู่ตลอดค่ำคืนที่แจ่มจ้า











    เจ็ดวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว กระบวนการตีดาบตอนนี้เหลือเพียงแค่กระบวนการสุดท้าย – การทดสอบความคมดาบ หากเป็นในสมัยญี่ปุ่นโบราณ การทดสอบดาบที่ตีเสร็จใหม่ย่อมหมายถึงความพิการแขนขาของนักโทษต้องคดี หรือในกรณีที่แย่ที่สุดคือแม้แต่ชีวิตของนักโทษคนนั้นต้องสังเวยให้กับการทดสอบดาบ แต่นี่เป็นเพียงเกมออนไลน์จึงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น

    ภายในห้องริมสวนมีโต๊ะเตี้ยหนึ่งตัวและคนสองคน หนึ่งคือช่างตีดาบผู้สรรสร้างผลงานเป็นดาบเล่มใหม่ อีกหนึ่งคือซารุวาตาริ ทากะ หัวหน้าแคลนมัลดิโตผู้สั่งตีดาบเล่มใหม่ บนโต๊ะคือดาบเล่มใหม่ในห่อผ้าสีดำสนิท ผู้เป็นนายช่างตีดาบพยักหน้าด้วยแววตาและสีหน้าหนักแน่นมั่งคนดุจภูผา ชายหนุ่มจึงรับเปิดถุงผ้าออก ดาบคาตะนะหลับใหลในฝักไม้สีดำลงรักขัดจนเป็นมันเงา กั่นดาบทรงกลมรีมาตรฐานทำจากโลหะสีดำ กระทั่งเชือกพันดาบยังเป็นสีดำด้วยเช่นกัน ปลายด้ามแกะสลักเป็นรูปเหยี่ยว ทุกอย่างเป็นไปตามที่ทากะต้องการให้เครื่องเคราของดาบเป็นไปอย่างเรียบง่ายและเป็นสีดำซึ่งเป็นสีโปรดของเขา

    เมื่อเลื่อนดาบออกจากฝัก ความงดงามได้ดึงดูดให้ทากะมองดาบเล่มนี้อย่างเบิกบานใจ ลวดลายฮามอนเป็นลายระลอกน้ำคล้ายคลื่นเล็กๆทับซ้อนกัน เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของสำนักกัสสัน ใบดาบถูกขัดจนเงาและเปล่งประกายสีฟ้าออกมาจางๆซึ่งกัสสันบอกว่าเป็นเพราะเกล็ดมังกรที่ตีผสมลงไปทำให้เกิดประกายเช่นนี้

    กัสสัน ซาดาโตชิ ผายมือไปทางตะเกียงหินซึ่งตั้งตระหง่านรอรับการทดสอบดาบอยู่อย่างห้าวหาญ ทากะก้าวลงจากเรือนไปหยุดยืนห่างจากตะเกียงหินเพียงครึ่งก้าว ตั้งดาบให้ระดับสายตาตรงกับกั่นดาบ ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกายและจิตใจเพื่อหลอมรวมให้เป็นหนึ่งเดียวกับคมดาบ พริบตาที่ขาซ้ายของเขาเลื่อนไปด้านหลังพร้อมกับลำตัวที่ย่อลง ดาบคาตะนะในมือได้สำแดงอานุภาพให้ประจักษ์ในเสี้ยววินาทีต่อมา ตะเกียงหินขนาดใหญ่ถูกตัดเฉียงๆขาดออกจากกันอย่างง่ายดายเหมือนผลไม้ถูกผ่าเฉือน อย่าว่าแต่คมจะบิ่นงอแม้แต่รอยถลอกสักนิดยังไม่มี ดาบกลับยิ่งเปล่งประกายเจิดจ้ามากขึ้นด้วยซ้ำ

    “หากคนและดาบผสานเป็นหนึ่ง ต่อให้เป็นภูผาก็สามารถตัดขาดได้อย่างง่ายดาย ต่อจากนี้ไปดาบเล่มนี้จะติดตามรับใช้คุณทากะสืบไป ในฐานะช่างตีดาบไม่มีปีติยินดีใดยิ่งไปกว่าได้เห็นดาบของตนได้ทำหน้าที่อย่างยอดเยี่ยมอีกแล้ว” กัสสัน ซาดาโตชิ กล่าวต่อทากะด้วยความชื่นชมจากใจจริง

    ทากะเก็บดาบลงฝัก ก้มหัวคำนับกัสสันเซนเซย์อย่างเคารพนบนอบเปี่ยมไปด้วยสำนึกขอบคุณ

    “ผมได้สั่งให้เรียวโกะหุงข้าวแดงเตรียมฉลองไว้แล้ว คืนนี้คงต้องลำบากคุณทากะอยู่เป็นเพื่อนเล่นกับเด็กคนนั้นต่ออีกคืนแล้วละครับ”

    นักดาบผู้มีอาชีพเป็นนักสำรวจยิ้มตอบ “ด้วยความยินดีครับ”

    แต่ดูเหมือนว่าคืนนี้ทากะคงอดกินข้าวแดงฉลองดาบใหม่เมื่อสัญญาณติดต่อฉุกเฉินจากกุห์ฟานดังถี่ยิบยิ่งกว่าเสียงนาฬิกาปลุก

    “พี่ทากะตีดาบเสร็จแล้วใช่ปะ? รีบกลับมาที่เมืองบลูเพิร์ลด่วนเลย ใช้บริการเทเลพอร์ตข้ามกลับมาเลยนะนั่งเรือมันใช้เวลานาน”

    “นายรู้ได้ไงว่าตีดาบเสร็จแล้ว? แล้วเกิดอะไรขึ้นที่นั่น แล้วนายกลับขึ้นมาจากดันเจียนแล้วเหรอ?” ทากะไม่ตอบแต่ถามสวนกลับไป

    “ถ้าพี่ยังใจเย็นอยู่ละก็...ผมว่าจุดจบของแคลนเราคงไม่แคล้วเหมือนตอนเล่นเกมฟิโอออนไลน์แหงๆเลย” เสียงฟ้าร้องคำรามดังแทรกเข้ามาระหว่างที่กุห์ฟานพูดยืดยาว ตามด้วยเสียงระเบิดรุนแรงและเสียงกรีดร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดเจียนตายของใครหลายคน ซึ่งต้นเสียงที่ทำให้เกิดเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าคงเป็นคนอื่นไม่ได้ถ้าไม่ใช่นักดาบมนตราจอมทำลายล้างอย่างเอเซ แมคโดเวล หรือนักเวทโรคจิตอย่างอากิรอส คีฟ





    หรือไม่ก็อาจเป็นทั้งสองที่กำลังช่วยกันถล่มเมืองบลูเพิร์ลให้ราบเป็นหน้ากลองอย่างเมามัน และความซวยทั้งหมดก็คงตกทับเขาในฐานะหัวหน้าแคลนอีกแล้วแหงๆ
    joi100 ถูกใจสิ่งนี้
  21. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    งานเข้ากันอีกแล้วแฮะ >_<"
  22. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    ซวยกันถ้วนหน้าครับ



    ปล.แก้ไขข้อมูลในตอน 20 เล็กน้อย
    เปลี่ยนจากห้าทวีป เป็นสามทวีปครับ
  23. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    Grand Gaia Online 22 – The Path We Choose





    ซารุวาตาริ ทากะ กลับมาที่หน้าโรงแรมในเมืองบลูเพิร์ลภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงจากเกาะกลางทะเล เริ่มต้นที่เขาใช้เทเลพอร์ตคริสตัลกลับมาที่นครหลวงของอาณาจักรนิฮงโกกุ วิ่งห้อเต็มเหยียดอ้อมภูเขาหนึ่งลูกเต็มๆไปที่เมืองท่าริมทะเล จ่ายเงินเพื่อใช้บริการวาร์ปด้วยค่าบริการโคตรแพงถึงสามพันกิล

    ที่ต้องรีบถึงขนาดนี้เพราะว่าเมืองบลูเพิร์ลกำลังจะราบเป็นหน้ากลอง!

    โรงแรมอยู่บนเนินเขามองเห็นทั้งเมืองได้จากมุมสูง จากตรงนี้มองเห็นกลุ่มควันดำพวยพุ่งจากโกดังเก็บของที่ท่าเรือได้อย่างชัดเจน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเพื่อนๆของเขากำลังอาละวาดอยู่ตรงนั้น เขาวิ่งฝ่ากลุ่มคนที่ไม่รู้ว่าเป็นผู้เล่นหรือเอ็นพีซีรวดเดียวจากหน้าโรงแรมลงไปที่ท่าเรือทันที

    ผู้เล่นหลายร้อยคนแปลงสภาพเป็นไทยมุงล้อมท่าเรือเล็กๆส่งเสียงโหวกเหวกอย่างสะใจเหมือนกำลังเชียร์มวยไทยไฟท์ ไม่มีทางแหวกกำแพงมนุษย์เข้าไปได้แน่ๆ ทากะมองหาเส้นทางอื่นแล้วก็ส่ายหน้าถอนหายใจ กล่องสินค้าก่อตัวสูงริมกำแพงโกดังขึ้นไปถึงหลังคา หลังคาเชื่อมต่อกันไปเรื่อยๆจนถึงโกดังที่เกิดเพลิงไหม้ ดูท่าหัวหน้าแคลนมัลดิโตคงต้องสวมวิญญาณนักกายกรรมชั่วคราวเสียแล้ว

    ณ ใจกลางกำแพงมนุษย์มีการต่อสู้อยู่จริงแต่ไม่ใช่รายการมวยไทยไฟท์ มีนักดาบคนหนึ่งกำลังต่อสู้กับผู้เล่นหลายสิบคนในคราวเดียว นักดาบคนนั้นมีเส้นผมและดวงตาเป็นสีน้ำตาลเข้ม สวมเสื้อโค้ทยาวสีเดียวกับเส้นผมของเขา มือขวาถือดาบเคลย์มอร์ยาวเกือบหนึ่งเมตรครึ่งซึ่งมีคลื่นพลังเวทสีแดงปะทุออกมาคล้ายดาบเล่มนั้นถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิง กลุ่มผู้เล่นที่ต่อสู้กับเขาอยู่ในสภาพบาดเจ็บกันถ้วนหน้าแต่เขากลับไม่มีรอยแผลแม้แต่แห่งเดียว

    ผู้เล่นกลุ่มนั้นล้วนมีสัญลักษณ์หนึ่งที่เหมือนกันบนเครื่องแต่งกาย – สัญลักษณ์มังกรสามเขาสีแดง สัญลักษณ์ของแคลนเซเลสเทียล แคลนที่ผู้เล่นในโลกของเกมออนไลน์พร้อมใจยกให้เป็นแคลนที่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่งตลอดกาล

    นักดาบที่ขวัญกล้าไม่กลัวตายท้าสู้หนึ่งต่อสิบกับสมาชิกของแคลนที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นใครไม่ได้นอกจาก เอเซ แมคโดเวล

    แต่ก่อนที่การต่อสู้ตะลุมบอนจะรู้ผล เงาร่างหนึ่งกระโจนลงมาจากหลังคาลงมากลางวงต่อสู้ เป็นชายผมดำในชุดสีดำมีผ้าเก่าๆสีหม่นผืนหนึ่งพันรอบคอแทนผ้าคลุม คาดดาบเล่มหนึ่งซึ่งมีลักษณะบางเรียวอยู่ในฝักสีดำที่เอวซ้าย ดวงตาสีดำเหม่อมองออกไปที่ทะเลกว้างฟ้าครามแสนไกลอย่างไร้อารมณ์ ยกมือขวาขยี้ผมที่ยุ่งจนไม่เป็นทรงอยู่แล้วให้ยุ่งเหยิงยิ่งขึ้นเหมือนสถานการณ์ตอนนี้ การปรากฏตัวของเขาทำให้ผู้เล่นที่มุงอยู่รอบๆส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาเพราะไม่นานมานี้เขาก็เพิ่งต่อสู้กับผู้เล่นในระดับรองหัวหน้าแคลนเซเลสเทียลที่ท่าเรือแห่งนี้มาแล้วเหมือนกัน – ซารุวาตาริ ทากะ หัวหน้าแคลนมัลดิโต

    “กลับมาช้านะเว้ย” เอเซยกดาบพาดบ่าทักทายอย่างอารมณ์ดี

    “สหายอยากลองวิ่งหน้าตั้งกลับมาจากเกาะโพ้นทะเลบ้างไหม? เงินค่าวาร์ปสามพันเราขอเก็บกับนายก็แล้วกันนะ”

    “อยากได้เงินก็ไปหาเพื่อนนายคนโน้นดีกว่า วันนี้มันคงรวยน่าดู”

    เอเซยกดาบชี้ไปที่ อากิรอส คีฟ ซึ่งกำลังนั่งนั่งเหรียญเงินกองเป็นภูเขาบนผ้าผืนหนึ่งที่ปูไว้บนพื้น เขามีเส้นผมเป็นสีเงิน สวมชุดนักเรียนนานาชาติซึ่งประกอบด้วยกางเกงสีดำ เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวผูกไทร์สีฟ้าอ่อนสวมเสื้อไหมพรมแขนสั้นสีเทาอีกตัวหนึ่ง ผ้าคลุมสีดำที่คลุมทับร่างไว้ทำให้รู้ว่าเขามีอาชีพเป็นนักเวท

    ข้างกายเขาเป็นผู้เล่นชายอีกคนที่ไม่สนใจสิ่งรอบตัวนอกจากหน้าต่างสนทนาและหน้าต่างข้อมูลนับสิบ ทำตัวเป็นนักธุรกิจที่กำลังหลอกปั่นหุ้นเพิ่มกำไรให้ตัวเอง เขามีเส้นผมสีแดงเพลิงแต่กลับแต่งตัวธรรมดาเกินคาด เสื้อคอกลมสีขาวสวมทับด้วยแจ็กเก็ตยีนส์สีน้ำเงินเข้ม ท่อนล่างเป็นกางเกงสีดำและรองเท้าผ้าใบ มีเป้ใบหนึ่งวางอยู่ข้างตัว – จอมวางแผนแห่งแคลนมัลดิโต กุห์ฟาน รีส ริยาส

    “ท่าทางจะรวยไม่เบานี่หว่า”

    “ไปช่วยมันนับเงินก่อนไป จบรอบนี้คงมีให้นับอีกเยอะ”

    นักดาบผมดำแหวกวงล้อมของผู้เล่นที่ต่อสู้กับสหายของเขาออกไปอย่างง่ายๆ แต่ถึงจะมีใครขัดขวางก็คงทำได้ยากเพราะแม้แต่ ‘ไวโอเล็ตแซฟไฟร์’ รองหัวหน้าแคลนสาวสวยยังพ่ายด้วยฝีมือของเขามาแล้ว

    “จะเอายังไงต่อ? จะยอมแพ้หรือว่าอยากเจ็บตัวอีก?” เอเซยกดาบพาดบ่าทำท่าว่าขี้เกียจสู้แล้ว แน่นอนว่าคำพูดของเขาย่อมไปกระตุ้นโทสะของผู้เล่นทั้งสิบคนให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก มีผู้เล่นสามคนโกรธจนลืมตัวไม่กลัวตายพุ่งเข้าใส่เขา

    เอเซแสยะยิ้ม ดาบเคลยร์มอร์เปล่งแสงสีแดงตามที่ผู้เป็นนายปรารถนา เขาพุ่งเข้าประชิดผู้เล่นที่อยู่ใกล้สุดด้วยความเร็วที่มากกว่า ทันทีที่ดาบปะทะกันก็เกิดระเบิดเสียงดังสนั่น ผู้เล่นคนนั้นถูกแรงระเบิดผลักออกแถมมีไฟคลอกท่วมทั้งตัว จากนั้นเอี้ยวตัวหลบหอกที่แทงเข้ามาจากด้านข้าง ยกมือซ้ายไปทางผู้เล่นที่โจมตีเข้ามา สายฟ้าเส้นหนึ่งพุ่งออกจากฝ่ามือโดนเข้ากลางลำตัวของผู้เล่นที่ใช้หอกในระยะประชิด เกิดแรงผลักดีดร่างนั้นลอยไปไกลหลายเมตร ทั่วร่างถูกไฟฟ้าช็อตสั่นกระตุกนอนบิดพล่านอยู่กับพื้น แล้วใช้ดาบปัดขวานเหล็กที่กำลังจะสับหัวเขาจากด้านหลัง บิดตัวเตะชายโครงผู้เล่นโชคร้ายคนที่สามจนจุกเสียดหมดแรงแม้แต่จะถือขวาน แต่เอเซไม่เคยปราณีใครในการต่อสู้ หวดแข้งขวาขึ้นสูงโดนเต็มขมับส่งให้ผู้เล่นคนนั้นหมดสติฟุบลงแทบเท้าเขา

    “ที่เหลืออีกเจ็ดคนน่ะ เข้ามาพร้อมกันเลยจะได้ไม่เสียเวลา” เอเซแสยะปากแยกเขี้ยวใช้สองนิ้วกวักเรียกผู้เล่นที่ยังเหลืออยู่ด้วย ทุกคนกระหน่ำอาวุธเข้าใส่ตามที่เขาเอ่ยปากท้าอย่างบ้าคลั่ง การต่อสู้ตะลุมบอนเกิดขึ้นอีกครั้งท่ามกลางเสียงโห่ร้องตะโกนเชียร์ของบรรดาไทยมุงผู้ชมชอบดูคนอื่นทะเลาะวิวาท

    “บ๊ะ! มันไปกินดีหมีใจเสือมาจากไหนถึงได้คึกขนาดนี้วะเนี่ย?”

    “แล้วนายละ? ได้ข่าวว่าได้ดาบเล่มใหม่แล้วไม่อยากลงไปสู้มั่งเหรอ” อากิรอสยักคิ้วหลิ่วตาให้เพื่อนด้วยท่าทางที่ใครเห็นก็ต้องคิดเหมือนกันว่าโคตรจะกวนอวัยวะเบื้องล่างอย่างที่สุด

    “ดาบมีไว้ปกป้องสิ่งที่ควรปกป้อง มิใช่ใช้เกะกะระรานรังแกผู้ใด”

    นักเวทผมเทาแกล้งลืมตากว้างตกตะลึง “ว้าว! หัวใจนายหล่อมากๆ”

    “จะว่าพี่เอเซไปรังแกคนอื่นก็ไม่ถูกนักนะพี่ทากะ เพราะฝ่ายที่ยื่นคำท้ามาก่อนคือฝั่งโน้น”

    “เรื่องมันเป็นยังไงมายังไงกันแน่”

    อากิรอส คีฟ ตั้งท่าจะเล่าแทนกุห์ฟานแต่โดนฝ่าเท้าของทากะยันกระเด็นออกไปก่อนเพราะรู้ว่าเพื่อนคนนี้ไม่เคยพูดมีสาระในเวลาต้องการสาระ แถมจะยิ่งกวนประสาทให้ปวดหัวมากขึ้นอีกด้วย

    “หลังจากผมติดต่อพี่ทากะคืนนั้นอีกสองวันพี่อากิกลับมาก่อนเป็นคนแรก ผมเคลียร์ดันเจียนเสร็จตามกลับมาอีกวันหนึ่งพอดีพี่เอเซติดต่อมาว่ากำลังจะออกจากป่าดำ พวกผมสองคนก็เลยรอพี่เอเซไปส่งไอเท็มภารกิจจนเสร็จ พี่เอเซกับพี่อากิวางแผนกันว่าไหนๆพี่ทากะอยู่ที่เกาะก็เลยจะมารอที่เมืองบลูเพิร์ลไปพลางๆจะได้ไม่ย้อนไปย้อนมาให้เสียเวลา พอมาถึงประตูเมืองปุ๊บดันจ๊ะเอ๋กับคู่รักคู่แค้นของพี่เอเซเข้าก็เลยเกิดเรื่อง”

    “กลอเรียส?” ทากะถามแทรกเข้ามา กุห์ฟานส่ายหน้า

    “ถ้าเป็นรายนั้นทุกอย่างคงดีกว่านี้เยอะ เจอใครไม่เจอดันไปเจอดับเบิลฮาร์ท ทีนี้เลยเกิดศึกล้างตาขึ้นตรงประตูเมืองนั่นแหละ พี่เอเซชนะแล้วก็ออกมาแต่อีกฝั่งไม่ยอมรามือทยอยมาท้าสู้ทีละคนๆแต่ก็แพ้หมด ดับเบิลฮาร์ทยิ่งแค้นหนักประกาศกร้าวว่าถ้าใครล้มพี่เอเซได้จะจ่ายค่าหัวให้สองหมื่นกิลคนเลยแห่มายิ่งกว่าฝูงตั๊กแตน พี่เอเซของขึ้นเลยเปิดโหมดท้าประลองแบบหนึ่งต่อกลุ่ม จนป่านนี้สามชั่วโมงแล้วยังไม่มีใครโค่นพี่เอเซลง ส่วนดับเบิลฮาร์ทตัวต้นเหตุก็หายหัวไปเลย”

    “อ้อ! แบบนี้นี่เอง” ทากะทุบกำปั้นซ้ายลงบนฝ่ามือขวา “ที่จริงสหายแค่อยากเข้าคาสิโนเลยเอาเรื่องของเรามาอ้าง ใช่ปะ?”

    โดนทากะเอียงคอจ้องใส่อากิรอสก็แต่หัวเราะแห้งๆ พูดเปลี่ยนหัวข้อเรื่องเอาดื้อๆ

    “ตอนนี้โกดังไฟไหม้เพราะฟ้าผ่าจากพลังเวทของเอเซไปหนึ่งหลังยังดับไม่ได้ โกดังหลังที่สองกำลังโดนไฟลามเข้าหา ศาลาริมท่าเรือพังไปสามหลัง เรือประมงขนาดเล็กจมไปแล้วสอง ถ้าหยุดการต่อสู้ไม่ได้มีหวังพวกเราเป็นหนี้หัวบานอีกแหงๆ”

    ทากะยกมือซ้ายกุมหน้าเหมือนจะบอกว่า ‘กูนึกแล้วไม่มีผิด’

    “พี่ทากะรู้อยู่แล้วใช่ปะว่าแคลนเซเลสเทียลเป็นผู้บริหารเมืองนี้ ถ้าพวกเราไม่ชดใช้ค่าเสียหายละก็มีหวังถูกพวกนั้นโขกสับตามใจชอบ ดีไม่ดีอาจจะโดนบังคับยุบแคลนแล้วให้ไปเป็นสมาชิกของทางโน้น”

    “ก็ดี! อยากทำอะไรก็ทำ เต็มที่เลย”

    ทากะยักไหล่ไม่ยี่หระต่อสถานการณ์เลวร้ายที่กุห์ฟานคาดการณ์ไว้ พอดีกับการต่อสู้แบบหนึ่งต่อสิบจบลงเช่นกัน ผู้เล่นโชคร้ายทั้งสิบที่หวังเงินค่าหัวของเอเซถูกเอเซจัดการลงไปนอนหมอบกระแตหมดทุกคน ผู้เล่นหลายคนเริ่มเปลี่ยนความคิดว่าถ้ามีการต่อสู้อีกครั้งหากเปลี่ยนไปเดิมพันฝั่งเอเซต้องได้เงินแน่นอน นักดาบมนตรายืนอยู่กลางลานกว้างที่เกิดจากวงล้อมของผู้เล่น รอคำท้าต่อสู้อย่างตรงไปตรงมา จะมาหนึ่งหรือมากลุ่มเขาก็พร้อมสู้ทั้งนั้น

    ผู้เล่นของแคลนเซเลสเทียลอีกห้าคนเตรียมตัวจะลงสู้ล้างอาย ดูจากอาวุธและเครื่องป้องกันของพวกเขาก็รู้แล้วว่าเป็นของระดับสูงที่หาซื้อไม่ได้จากร้านค้าทั่วไป แต่เป็นของที่ดรอปจากมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งเท่านั้น เรื่องฝีไม้ลายมือจึงเชื่อได้ว่าเก่งกาจในระดับหนึ่งแน่นอน













    แต่ก่อนที่การประลองแบบหนึ่งต่อห้าระหว่างนักดาบมนตราแคลนมัลดิโตกับกลุ่มผู้เล่นห้าคนของแคลนเซเลสเทียลจะระเบิดขึ้นตามที่หลายคนรอคอยและคาดหวัง เสียงตะโกนขอให้เปิดทางดังมาจากทางตะวันตกของกลุ่มคนที่ล้อมวงอยู่ ผู้เล่นที่เดินนำหน้าแหวกทางมาก่อนคือดับเบิลฮาร์ท ตามหลังมาด้วยผู้เล่นที่คาดว่าน่าจะเป็นลูกน้องในทีมของเขาอีกเจ็ดคน

    แต่คนสุดท้ายของขบวนกลับเรียกเสียงฮือฮาจากบรรดาผู้เล่นทุกคน

    ผู้เล่นหญิงที่มีผมสีดำยาวสยายถึงกลางหลัง ดวงตาสีม่วงสดใสรับรูปกับใบหน้าเรียวยาว สามารถพูดได้เต็มปากว่าเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง ยิ่งใส่ชุดโกธิคโลลิตาสีม่วงอ่อนแบบกระโปรงสั้นเผยให้เห็นช่วงต้นขาวับแวมๆยิ่งทำให้เธอดูเซ็กซี่มากยิ่งขึ้น ผู้เล่นชายหลายคนเหลือบสายตาตามปลายกระโปรงลูกไม้ที่พลิ้วตามจังหวะก้าวเดินอย่างสง่างามมั่นคงจนลืมตัว

    ‘ไวโอเล็ตแซฟไฟร์’ รองหัวหน้าแคลนเซเลสเทียล ผู้เล่นหญิงผู้มีทั้งความแกร่งและความงามเป็นลำดับต้นของเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์

    มีหลายคนแอบลุ้นในใจให้เอเซสู้กับเธออยู่เหมือนกัน แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อเธอรีบสั่งการให้สมาชิกแคลนเซเลสเทียลทุกคนช่วยกันระดมดับไฟที่กำลังลุกโหมแผดเผาทุกอย่างให้พินาศซึ่งไม่มีใครสนใจไยดีแม้แต่น้อย แบ่งกำลังส่วนหนึ่งไปช่วยกันกู้ซากเรือประมงที่อับปางทั้งสองลำ ส่วนตัวเธอก้าวออกมายืนประจันหน้ากับสี่หนุ่มแห่งแคลนมัลดิโต ไม่ใช่เพื่อท้าประลองแต่เพื่อระงับการประลองไม่ให้ทุกอย่างวุ่นวายมากกว่านี้

    เอเซรู้ดีว่าในสายตาของเธอสะท้อนภาพของใครจึงยอมถอยออกมา ยกนิ้วโป้งชี้ข้ามไหล่ให้ทากะออกไปรับหน้าแทน นักสำรวจหัวหน้าแคลนมัลดิโตยกนิ้วชี้ชี้ตัวเองแทนคำถามว่าทำไมเขาต้องออกไปคุยด้วยเลยยกมือแตะไหล่กุห์ฟาน แต่เจ้ารุ่นน้องผมแดงกลับโบกไม้โบกมือเป็นเชิงปฏิเสธ พอหันไปหาอากิรอสเจ้าตัวก็ฉีกยิ้มกว้างส่ายหน้าว่าไม่ไปเหมือนกัน

    ทากะยกนิ้วชี้ตัวเองแล้วก็ชี้ไปทางไวโอเล็ตแซฟไฟร์ ชูสองนิ้วแล้วโบกไม้โบกมือ หมายความว่าให้เขาไม่มีทางยอมออกไปคุยสองต่อสองแน่ๆ แต่สมาชิกทั้งสามกลับยกนิ้วโป้งขึ้นมาพร้อมกันบอกว่าดีแล้ว ทากะยิ่งส่ายหน้าปฏิเสธจะลากกุห์ฟานออกไปด้วยให้ได้

    “ว่าแต่แม่เสือสาวที่แกกลัวนักกลัวหนานี่ชื่ออะไรวะ?” เอเซหมดความอดทนกับฉากละครใบ้แบบชาลี แชปปลินส์เอ่ยถามออกมาจนได้

    “ชื่อจริงไม่รู้หรอก รู้แต่ชื่อในเกม” กุห์ฟานตอบแบบกวนๆ

    “ก็ถามชื่อในเกมนั่นแหละ” เอเซแหกปากตะโกนเสียงดังสวนไป

    “ไวโอเล็ตแซฟไฟร์”

    “ว้าว! ชื่อก็ไพเราะ หน้าตาก็น่ารัก ถ้าเพื่อนไม่จีบละก็คนนี้เราขอนะ” นักเวทหน้าหม้อประกาศอย่างออกหน้าออกตา

    “ไวโอเล็ตแซฟไฟร์งั้นเหรอ? แถมยังทำให้ไอ้เอ๋อกลัวได้ขนาดนี้ก็ต้องเป็น ‘ม่วงมหากาฬ’ แหงๆ”

    “งั้นแคลนเซเลสเทียลยังขาดปีศาจแดงดำ อินทรีย์ฟ้าขาว กับหมาป่าเหลืองแดงน่ะสิ” ทากะตามมุขฉายาทีมฟุตบอลกัลโชซีรีย์เอที่เอเซตั้งใจเล่นอย่างคนรู้ทันกัน

    “พวกพี่เป็นแฟนผีแดงกับบอลอังกฤษไม่ใช่เรอะ ไหงรู้เรื่องบอลอิตาลีเยอะขนาดนี้ละ” ขนาดกุห์ฟานยังอุตส่าห์ตามน้ำกับพวกเขาด้วย ยกเว้นคนเดียวที่หุบปากเงียบทุกครั้งที่พูดเรื่องฟุตบอลเพราะเป็นพวกไม่ดูไม่ติดตามทีมบอลใดๆ






    เกิดเสียงกระแทกดังสนั่นตรงจุดที่สมาชิกแคลนมัลดิโตสุมหัวคุยกัน ตรงนั้นมีเคียวเล่มหนึ่งปักเข้ากับพื้นใบมีดจมหายลงไปเกือบหมด แรงปะทะทำให้พื้นหินตรงนั้นเกิดรอยร้าวเป็นวงกว้าง ที่สำคัญเคียวนั้นเฉียดผ่านหน้าเอเซไปไม่ถึงคืบ แต่ทั้งสี่คนไม่แสดงท่าทีตื่นตระหนกใดๆเมื่อมีสมาชิกคนที่ห้าอย่างไวโอเล็ตแซฟไฟร์เพิ่มขึ้นมากะทันหัน อากิรอสยังทำท่าตื่นเต้นเข้าไปลูบคลำเคียวเล่มนั้นอย่างสนอกสนใจอีกด้วย

    “ดิฉันไม่ได้โกรธที่ปล่อยให้ยืนรอเพราะเข้าใจดีว่าพวกคุณต้องปรึกษากันก่อน แต่ถ้าคิดจะตั้งนิคเนมดิฉันว่า ‘ม่วงมหากาฬ’ อะไรนั่นให้เหมือนกับพวกผู้ชายห่วยๆที่สนใจแต่ฟุตบอลละก็คงต้องขอเสียมารยาทขัดคอสักหน่อยนะคะ”

    “สงสัยแฟนคงเป็นพวกสนใจฟุตบอลคู่ดึกมากกว่าเรื่องบนเตียงแหงๆ”

    เอเซแกล้งพูดออกมาดังๆ สาวสวยรองหัวหน้าแคลนเซเลสเทียลฉีกยิ้มกว้าง แขนขวาออกแรงดึงเคียวคืนแต่เจตนาบิดข้อมือให้คมเคียวหันเข้าใส่เอเซที่ทำตัวเป็นผู้ชายปากเน่าๆซึ่งเธอเกลียดที่สุด

    ตึง!

    เกิดเสียงดังอีกครั้ง เคียวเล่มนั้นถูกเท้าขวาของเอเซเหยียบกดไว้กับพื้น ลำแสงสีเงินวูบหนึ่งแทงขึ้นใสจากด้านล่างซึ่งเป็นมุมอับสายตา ปลายดาบเคลยร์มอร์หยุดอย่างฉิวเฉียดที่ปลายคางของสาวสวย เตือนเป็นนัยว่าเขาไม่ใช่ชนชั้นด้อยฝีมือที่จะให้เธอรุกไล่ได้ตามใจชอบ แม้แต่ทากะเองยังมองเห็นไม่ถนัดว่าเพื่อนของเขาเปลี่ยนไปถือดาบที่มือซ้ายตั้งแต่ตอนไหนกัน

    “สมแล้วที่คุณกลอเรียสเตือนให้ระวัง ฝีมือจะเก่งกาจแต่มารยาททรามไปหน่อยนะคะ” ดวงตาสีม่วงจ้องดวงตาสีน้ำตาลอย่างไม่กลัวเกรง เอเซคลี่ยิ้มก้มหัวรับคำด่าไว้โดยไม่พูดตอบโต้ ลดดาบลงแล้วยกขึ้นพาดบ่า ยกขาออกจากด้ามเคียว

    “จะมาคุยเรื่องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นสินะ งั้นก็ว่ามาเลยครับ”

    กุห์ฟานเป็นฝ่ายพูดให้เกิดการเจรจาขึ้นจนได้ท่ามกลางอาการใจหายใจคว่ำลุ้นกันจนน้ำลายเหนียวคอของผู้เล่นที่มุงกันอยู่รอบๆว่าจะเกิดการต่อสู้ขึ้นหรือไม่

    “ดิฉันตั้งใจมาเจรจาการค้าต่างหากค่ะ ส่วนเรื่องค่าเสียหายจากการต่อสู้ไว้คุยกันทีหลังก็ได้”

    “เรื่องแร่เหล็กสินะ งั้นคงต้องคุยกับพี่ทากะโดยตรงแล้วละครับ”

    “เฮ่ยๆ เดี๋ยว! แร่เหล็กอะไรวะไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

    กุห์ฟานและไวโอเล็ตแซฟไฟร์มองหน้าทากะพร้อมกัน เจ้าตัวต้องพยักหน้าย้ำว่าไม่รู้เรื่องจริงๆ หญิงสาวถึงได้หันไปมองให้ชายหนุ่มผมแดงเป็นฝ่ายอธิบาย

    “พี่ทากะเคลียร์ภารกิจขับไล่วิลเลียมได้แล้วใช่ปะ ผลตอบแทนนอกเหนือจากแร่เหล็กที่พี่เอาตีดาบเล่มใหม่แล้วยังได้ส่วนลดการซื้อแร่เหล็กจากหมู่บ้านนั้นอีกสามสิบเปอร์เซ็นต์อีกด้วย นอกจากพี่แล้วแม้แต่พวกผมเองก็ไม่มีสิทธิ์ได้ส่วนลด ทางแคลนเซเลสเทียลอยากได้แร่เหล็กปริมาณมหาศาลมาสร้างรางรถไฟอยู่แล้ว ถ้าซื้อราคาเต็มต้องใช้เงินเยอะเลยอยากให้พี่ช่วยซื้อให้หน่อย”

    “ดิฉันตั้งใจจะคุยเรื่องนี้กับคุณทากะบนเรือแต่เผอิญว่าคุณล็อกเอาท์ไปก่อน” เธอส่งสายตาตำหนิเล็กๆไปถึงเขา แต่ทากะไม่ใส่กับสายตาแบบนี้อยู่แล้ว

    “ทางเราขอเสนอราคาซื้อที่แปดสิบห้าเปอร์เซ็นต์ของราคาซื้อจากเอ็นพีซี ให้พวกคุณได้กำไรสิบห้าเปอร์เซ็นต์ ถ้าแร่เหล็กหนึ่งตันราคาซื้อปกติอยู่ที่สองล้านกิลเท่ากับพวกคุณได้กำไรโดยไม่ต้องลงทุนอะไรเป็นเงินสามแสนกิล แน่นอนว่าทางเราไม่ได้ซื้อเพียงแค่หนึ่งตันแน่นอน”

    “พูดออกมาให้หมดเถอะครับ ผมจะได้ตัดสินใจทีเดียว”

    ทากะเป็นฝ่ายเปิดฉากพูดทะลวงม่านกั้นความลับของการเจรจา แม้แต่กุห์ฟานเองยังไม่คาดคิดว่ารุ่นพี่ของเขาจะรู้เท่าทันกลเกมของอีกฝ่าย กลายเป็นไวโอเล็ตแซฟไฟร์เป็นฝ่ายตีสีหน้าหนักใจแทน ความลับนั่นจะเป็นสิ่งที่ทำให้แคลนเซเลสเทียลกุมความได้เปรียบในการเป็นผู้นำการเคลียร์เกมเหมือนเกมออนไลน์อื่นๆ แต่ถ้าหากพูดออกไปตรงนี้ย่อมทำให้ความได้เปรียบนั้นหมดสิ้นไปทันที

    ความได้เปรียบที่ว่าก็คือวิลเลียม หรือพูดให้ถูกต้องก็คือสถานภาพเอ็นพีซีของมัน ผู้เล่นสามารถนำอาหารไปแลกกับสินแร่ต่างๆหรือให้มันช่วยคุ้มกันภายในเขตภูเขาหิมะได้ แต่ถ้าต้องการให้พวกมันออกจากเขตภูเขาหิมะต้องได้รับสิทธิ์จากผู้เล่นที่ทำสัญญาเป็นคนแรกสุดซึ่งก็คือทากะ

    สิ่งที่แคลนเซเลสเทียลปรารถนาคือกองทัพมนุษย์หนูในฐานะแรงงานไร้ขีดจำกัดที่จะช่วยย่นเวลาและทุ่นค่าใช้จ่ายในการสร้างทางรถไฟลงได้เป็นอย่างมาก ภารกิจนี้เป็นภารกิจใหญ่ที่สมาคมพ่อค้าเมืองแบล็กแซนด์และสมาคมผู้เดินเรือแห่งเมืองบลูเพิร์ลร่วมกันเป็นพ่องาน การก่อสร้างทางรถไฟย่อมต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล และเงินตอบแทนส่วนหนึ่งก็คือส่วนต่างของงบประมาณที่ทั้งสองสมาคมจัดสรรให้ พูดให้เข้าใจง่ายคือหากลดต้นทุนได้มากเท่าไร เงินตอบแทนที่จะได้รับจะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

    ไวโอเล็ตแซฟไฟร์ต้องการคุยหัวข้อนี้ในสถานที่ซึ่งจัดเตรียมไว้หลังจากทากะยอมตกลงเป็นนายหน้าซื้อแร่เหล็กให้ก่อน หากแต่ตอนนี้เธอกำลังถูกกดดันด้วยนัยน์ตาสีดำหนักแน่นปราศจากความโลเลใดๆ เป็นขอบเขตที่ไม่สามารถอ่านความคิดได้







    “ถ้าไม่มีอะไรจะพูดแล้ว...”

    “เดี๋ยวก่อน!”

    หญิงสาวพูดแทรกขึ้นมาอย่างร้อนใจ กลายเป็นเธอที่ตกหลุมพรางของทากะเสียแล้ว เขาพอจะรู้ตัวตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรกแล้วว่าเธอปกปิดซ่อนเร้นเจตนาบางอย่างไว้ ถ้าไม่บีบให้จนมุมคงไม่มีทางยอมคายออกมาโดยง่ายแน่ๆ เอเซและอากิรอสยืนอยู่ด้านหลังหญิงสาวยิ้มออกมาอย่างสะใจ นึกไม่ถึงว่าเพื่อนของเขาที่ไม่ชอบเรื่องยุ่งยากวุ่นวายและซับซ้อนจนต้องให้กุห์ฟานเป็นปากพูดแทนในหลายๆครั้งจะพัฒนาขึ้นมาได้ถึงระดับนี้ในเวลาสั้นๆ

    ไวโอเล็ตแซฟไฟร์ตัดสินใจได้ในที่สุด “ทางเราจะขอสิทธิ์ในการทำสัญญากับวิลเลียมเพื่อใช้เป็นแรงงานสร้างทางรถไฟด้วยค่ะ”

    ทากะทำหน้างงอีกครั้ง กุห์ฟานทำหน้าที่อธิบายอีกครั้ง และความลับก็ไม่เป็นความลับอีกต่อไปเพราะผู้เล่นที่อยู่ตรงนั้นได้ยินกันหมดทุกคน

    “รบกวนพิจารณาทั้งสองเรื่องนี้ด้วยนะคะคุณซารุวาตาริ ทากะ หัวหน้าแคลนมัลดิโต” เธอก้มหัวลงต่ำให้ทากะ เผาไหม้ทุกความปรารถนาส่วนตัวในจิตใจให้สูญสลายไป มีเพียงหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาและไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้ลุล่วงให้ได้

    “ครั้งที่แล้วกลอเรียส อัลติมัสเป็นฝ่ายมาขอร้องให้แคลนเล็กๆของเราเป็นนายหน้าค้าขายไอเท็มให้หากว่าได้สิทธิ์ประโยชน์ด้านภาษี ครั้งนี้คุณถึงกับยอมก้มหัวให้ผมเพียงเพื่อผลกำไรจากภารกิจ ผมขอบังอาจถามถึงแนวทางของแคลนเซเลสเทียลด้วยคำถามง่ายๆว่า...พวกคุณเล่นเกมนี้เพื่ออะไร?”

    คำถามของเขาทำให้บรรยากาศหนักอึ้ง คำถามง่ายๆแต่การหาคำตอบนั้นยาก ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องตายตัวตั้งแต่แรก ต่างคนต่างจิตใจ ผู้เล่นแต่ละคนย่อมตอบไม่เหมือนกัน แล้วจะให้ผู้หญิงเพียงคนเดียวตอบคำถามแทนคนนับพันในแคลนได้อย่างไรกันแม้เธอจะมีฐานะสูงส่งเป็นถึงรองหัวหน้าแคลนก็ตาม

    เพียงหนึ่งเดียว...ที่รวมพวกเราทุกคนเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันภายใต้ชื่อแคลนเซเลสเทียลคือความเชื่อมั่น ความเชื่อมั่นว่าพวกเราจะเป็นที่หนึ่ง เป็นผู้ก้าวนำหน้าผู้อื่นอยู่เสมอ เป็นผู้แข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้แข็งแกร่ง เก่งกาจจนไม่มีใครต่อต้านได้ นั่นคือปณิธานของพวกเรา ปณิธานของแคลนเซเลสเทียล

    ดวงตาสีม่วงเปล่งประกายอย่างแรงกล้าท้าทายทุกสิ่ง ลุกโชนราวกับเปลวเพลิงนิรันดร

    ความเงียบผ่านไปเนิ่นนาน นานจนเหมือนเวลาจะหยุดลงอย่างกะทันหัน ทากะค่อยคลี่ยิ้มมุมปากตอบเรื่องที่หญิงสาวร้องขอ

    “ผมขอปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือไม่ว่าเรื่องแร่เหล็กหรือวิลเลียมก็ตาม”






    ‘บ้าไปแล้ว!’ ผู้เล่นหลายร้อยคนที่รอดูฉากจบของเหตุการณ์นี้ต่างคิดเหมือนๆกันเมื่อได้ยินคำพูดของทากะ หลายคนงุนงงสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องปฏิเสธข้อเสนอที่มีแต่ได้กับได้ จะว่าพวกแคลนมัลดิโตมีเทคนิคอื่นๆหรือรู้ความลับมากกว่าผู้เล่นทั่วไปซึ่งทำให้พวกเขาได้เปรียบในการเล่นเกมก็น่าใช่เพราะสิ่งเป็นความลับหลายต่อหลายอย่างพวกเขาพูดออกมาเหมือนมันไม่ใช่ความลับที่สำคัญอะไรเลย

    นอกจากความสงสัยแล้ว ยังมีความโกรธแค้นของผู้เล่นอีกนับร้อยที่อยู่ใต้สังกัดตรามังกรสามหัวที่แสดงออกทางสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด บรรยากาศหนักอึ้งจนไม่มีใครคาดเดาได้ว่าสถานการณ์จะดำเนินไปในทิศทางใด

    ในระหว่างที่ทุกคนกำลังคิด ทากะได้เอ่ยปากพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำให้ได้ยินกันทุกคน

    “ที่ผมปฏิเสธก็เพราะแนวทางการเล่นเกมระหว่างแคลนของเราและแคลนของคุณไม่ตรงกัน พวกเราแสวงหาความสุข ความสบายใจและเสียงหัวเราะ ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามจังหวะของเกม พวกเราไม่อยากถูกกลืนหายไปกับกระแสอำนาจและเงินตราของแคลนเซเลสเทียล...ก็เท่านั้นเอง”

    “สิทธิ์ในการตัดสินใจเป็นของผม และเหตุผลย่อมเป็นของผมเช่นกัน หวังว่าท่านหญิงคงเข้าใจ”

    ดวงตาสีม่วงแสดงความผิดหวังออกมาแล้วถูกทำให้กลับเป็นปรกติในพริบตา ที่จริงเธอก็พอคาดเดาผลลัพธ์ได้อยู่แล้วจากรายงายการเจรจาครั้งก่อนที่กลอเรียส อัลติมัส ไปเป็นผู้เจรจาด้วยตัวเอง ดูท่าพวกเธอคงประเมินแคลนมัลดิโตต่ำไป พวกเขาไม่ใช่ผู้เล่นประเภทถูกผลประโยชน์ล่อลวงให้เปลี่ยนใจได้โดยง่าย

    หากใช้ผลประโยชนเป็นแกนหลักในการเจรจาไม่สำเร็จยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่สามารถใช้ต่อรองได้ เป็นลูกไม้ที่เธอไม่อยากใช้แต่เมื่อถึงเวลาก็จำเป็นต้องใช้ “ดิฉันไม่ต่อว่าคุณทากะหรอกค่ะ เป็นเรื่องปกติทางธุรกิจสำหรับการเจรจาที่ไม่ประสบความสำเร็จ ถ้าอย่างนั้นเราเปลี่ยนหัวข้อสนทนาดีกว่านะคะ”

    หญิงสาวยิ้มหวานแต่สำหรับสี่ชายแคลนมัลดิโตรู้ดีว่านั่นไม่ใช่รอยยิ้มที่ดีเท่าไร ยาพิษสังหารมักถูกอาบด้วยสิ่งหวานลวงรสอยู่แล้ว

    “ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์เป็นเกมที่ละเอียดสมจริงขนาดไหน ออปเจ็กต์ในเกมทุกชิ้นเป็นวัตถุที่สัมผัส เคลื่อนย้ายและทำลายได้ ดังที่เห็นจากผลลัพธ์ของการต่อสู้ระหว่าง...คุณเอเซและผู้เล่นท่านอื่นๆ มีโกดังสินค้าและเรือประมงที่เป็นทรัพย์สินของเมืองได้รับกระทบไปด้วย ในฐานะที่แคลนเซเลสเทียลเป็นหนึ่งในผู้บริหารเมืองแห่งนี้ มูลค่าความเสียหายทั้งหมดจึงต้องขอให้ทางแคลนมัลดิโตเป็นผู้ชดใช้ค่ะ”

    ทากะยิ้มมุมปากเช่นเดียวกับเพื่อนทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านหลัง เป็นเรื่องที่ไม่อยู่เหนือความคาดหมายสักนิด

    “แล้วยังไงครับ? เรื่องชดใช้ค่าเสียหายน่ะพวกเรารู้ดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่พวกเราอยากรู้ก็คือทางคุณต้องการให้พวกเราชดใช้ในรูปแบบไหนมากกว่า” อากิรอส คีฟ นักเวทผมเทาซึ่งหุบปากมาตลอดการเจรจาเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาแทนทากะ

    “ถ้าเข้าใจจุดประสงค์ร่วมกันก็ดีแล้วค่ะ ทางเราอยากให้พวกคุณชดใช้ด้วยข้อเสนอสองประการที่ดิฉันเพิ่งจะถูกปฏิเสธไป”

    เสียงระเบิดหัวเราะของเอเซทำลายความตึงเครียดของการเจรจาจนหมดสิ้น “ก๊ากๆๆ ซื้อหวยทำไมไม่ถูกแบบนี้บ้างวะเนี่ย!”

    สายตาของไวโอเล็ตแซฟไฟร์ที่มองเอเซยิ่งทอแสงแห่งความโกรธและความเกลียดมากขึ้น

    “ก่อนจะข้ามไปพูดเรื่องตกลงหรือไม่ตกลงผมก็อยากให้ทำความเข้าใจบางอย่างร่วมกันก่อน ข้อแรกผู้เล่นดับเบิลฮาร์ทเป็นผู้ก่อเหตุหาเรื่องด่าทอพวกเราตั้งแต่หน้าประตูเมืองและท้าประลองก่อน เมื่อประลองแพ้แล้วยังผูกใจเจ็บให้ผู้เล่นคนอื่นตามระรานพวกผมอย่างต่อเนื่อง เรื่องนี้ผมได้ขอให้คุณกลอเรียสช่วยนำไปปรึกษาภายในแคลนเพื่อปรับปรุงนิสัยของสมาชิกแล้ว ไม่ทราบว่าทำไมเขาถึงยังจงใจหาเรื่องพวกเราอยู่อีก”

    “ข้อที่สอง หากยืนกรานจะให้พวกเราชดใช้ค่าเสียหาย ผู้เล่นคนอื่นและสมาชิกแคลนเซเลสเทียลที่เข้าร่วมการต่อสู้ย่อมต้องชดใช้เช่นกัน เท่ากับว่าแคลนเซเลสเทียลก็ต้องร่วมรับผิดชอบกับแคลนมัลดิโตด้วย”

    อากิรอส คีฟ ได้แสดงความเหนือชั้นของการเจรจาให้ผู้เล่นทุกคนได้เห็น ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าแคลนมัลดิโตที่เคยเห็นเป็นเพียงสมันน้อยสามารถกำราบราชสีห์จอมจองหองให้สิ้นฤทธิ์ลงได้อย่างไร ไวโอเล็ตแซฟไฟร์แทบจะจนมุมต่อคำพูดของอีกฝ่ายทุกประการ เรื่องฝีมือเธออาจะติดทำเนียบยอดฝีมือ แต่เรื่องการเจรจายังเป็นรองอากิรอสอยู่หลายขั้น










    ก่อนที่จะถูกอากิรอสไล่ต้อนจนสุดขอบกระดาน ชายผู้หนึ่งได้เข้ามาพลิกสถานการณ์เป็นตายให้กับเธอ

    “ข้อแรกการท้าประลองไปตามข้อกำหนดในเกม ดับเบิลฮาร์ทมีสิทธิ์ท้าประลองกับผู้เล่นคนใดก็ได้ ผู้เล่นคนอื่นก็เช่นกัน หากพวกคุณไม่ชอบการประลองย่อมปฏิเสธได้ตามสิทธิ์ที่มีเช่นกัน และข้อที่สองในฐานะที่แคลนเซเลสเทียลเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารเมืองบลูเพิร์ล ทางเรายินดีจ่ายค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการประลองของผู้เล่นในสังกัดและผู้เล่นคนอื่น เช่นนั้นแล้วแคลนมัลดิโตจะยอมชดใช้ด้วยหรือไม่”

    ชายผู้มีเส้นผมเป็นสีน้ำเงินเข้ม แต่วันนี้ไม่ได้สวมชุดอัศวินติดผ้าคลุมแดง แต่กลับสวมชุดสูทสีเทาเข้มตั้งแต่หัวจรดเท้า ผูกเนคไทร์สีกรมท่า ใส่รองเท้าหนังสีดำขัดเป็นเงาเหมือนเป็นซีอีโอของบริษัทใหญ่มากกว่านักดาบผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดในเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์ – กลอเรียส อัลติมัส

    คำพูดของอากิรอสไม่ไร้เหตุผล คำพูดของกลอเรียสก็ไม่ใช่สิ่งไร้เหตุผลเช่นกัน สถานการณ์การเจรจาพลิกกลับมาเป็นแคลนมัลดิโตถูกกดดันกลับเล็กน้อยแทน

    อากิรอสยิ้มกว้างอยู่ในใจ ได้เจอคู่เจราจาที่สมน้ำสมเนื้อคือสิ่งที่เขาปรารถนา

    “ไม่เจอกันนานนะครับคุณกลอเรียส ผู้เล่นที่เก่งกาจที่สุดและผู้เล่นทรงคุณค่าตั้งแต่สมัยเทสต์เบต้าและรองหัวหน้าแคลนเซเลสเทียลที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของประเทศ” นักเวทผมเทาร่ายสรรพคุณของอีกฝั่งเสียยืดยาวเต็มที่ เริ่มต้นสงครามจิตวิทยาตั้งแต่วินาทีแรกที่กล่าวทักทาย

    “ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งเช่นกัน แต่ผมขอคุยธุระกับคุณเอเซสักครู่ได้ไหมครับ”

    อากิรอสเบี่ยงตัวหลบให้เอเซเดินออกมาตามคำเชิญของอีกฝ่าย

    “ยังจำสัญญาที่ว่าพวกเราสองคนต้องต่อสู้กันทุกครั้งที่พบกันได้ไหมครับ ผมเพิ่งแวบออกมาจากที่ประชุมคณะกรรมการบริหารเมืองเพราะเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น อีกเดี๋ยวต้องกลับไปประชุมต่อ ไม่ทราบว่าคุณเอเซขัดข้องหรือไม่ครับ”

    นักดาบมนตราพยักหน้ายักไหล่แล้วตอบกลับ “ถ้านายมีความจำเป็นก็ไม่เห็นเป็นไร เอาไว้คราวหน้าก็ได้”

    “ขอบคุณครับ”

    กลอเรียสโค้งคำนับเล็กน้อยแล้วหันไปคุยกับอากิรอสต่อท่ามกลางความเสียดายของผู้เล่นที่มุงอยู่รอบๆ หลายคนเคยเห็นสองคนนี้สู้กันมาแล้วเลยอยากดูอีก คนที่พลาดการต่อสู้ที่เมืองแบล็กแซนด์ก็อยากเห็นการต่อสู้ระดับสุดยอดของพวกเขาเช่นกัน

    “ต่อนะครับ ทางผมยินดีชดใช้ค่าเสียหายแล้วทางคุณอากิรอสและเพื่อนๆละครับ”

    “ไม่คิดจะพิสูจน์ข่าวลือเรื่องผู้เล่นดับเบิลฮาร์ทประกาศว่าถ้าใครชนะเอเซเพื่อนผมได้จะจ่ายเงินตอบแทนให้สองหมื่นกิลก่อนหรือครับ? เอ๊ะแล้วนี่คุณดับเบิลฮาร์ทหายไปไหนแล้วเนี่ย” อากิรอสสังเกตตั้งแต่แรกแล้วว่ากลอเรียสเรียกดับเบิลฮาร์ทมากระซิบบอกบางอย่างก่อนจะปรากฏตัว

    “ผมเป็นผู้สั่งให้เขาไปแจ้งที่ประชุมว่าผมขอตัวมาดูความเสียหายที่ท่าเรือเองครับ” กลอเรียสตอบกลับอย่างเท่าทันความคิดคู่สนทนา “เรื่องที่เขาประกาศให้เงินรางวัลเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ต่อให้พิสูจน์ได้ว่าจริงหรือไม่ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ไม่ถูกรีเซ็ตกลับหรอกนะครับ”

    “ค่าเสียหายเท่าไรละครับ”

    “ตอนนี้ตัวเลขประมาณการอยู่ที่เจ็ดล้านกิล แยกออกเป็นเฉพาะที่แคลนมัลดิโตต้องชดใช้ก็ประมาณสองล้านห้าแสนกิล

    หลายคนได้ยินตัวเลขแล้วทำท่าจะเป็นลม เงินเยอะขนาดนี้ไม่รู้ว่าชาตินี้จะมีปัญญาหาได้ถึงครึ่งรึเปล่า

    “ตอนนี้ทั้งแคลนมีเงินรวมกันอยู่สี่หมื่นนิดๆ ไม่ทราบว่าทางคณะกรรมการบริหารเมืองยินดีให้ผ่อนชำระหรือไม่ หากผ่อนชำระได้จะมีการคิดดอกเบี้ยด้วยหรือไม่ แล้วถ้าไม่จ่ายจะมีมาตรการลงโทษใดๆบ้างครับ” อากิรอสตอบกลับเป็นเชิงบอกกล่าวว่าอย่างไรก็ไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างให้อีกฝ่ายใช้ผลประโยชน์จากสิ่งที่พวกเขามีอยู่อย่างแน่นอน

    “ผ่อนชำระไม่ได้อยู่แล้วครับ แต่ว่าผมก็มีทางออกที่น่าจะดีที่สุดสำหรับสถานการณ์เช่นนี้อยู่ ไม่ทราบว่าสนใจจะรับฟังรึเปล่าครับ”

    “แคลนเซเลสเทียลจะออกเงินชดใช้ค่าเสียหายให้ก่อนแลกเปลี่ยนกับให้แคลนของเรายอมรับเงื่อนไขที่เสนอมาทั้งสองข้อก่อนหน้านี้...ใช่ไหมเอ่ย” อากิรอสยิ้มตอบอย่างรู้ทันเจตนาอีกฝ่าย

    กลอเรียสก็ยิ้ม เป็นยิ้มที่อ่านความรู้สึกไม่ออกเช่นเดิม “คิดว่าเข้าท่ารึเปล่าครับ”

    “ตอบคำถามของผมให้ครบก่อนนะครับว่าถ้าแคลนมัลดิโตไม่จ่ายค่าเสียหายจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”

    เมื่อติดค้างหนี้สินต่อเมืองใดๆก็ตาม จะส่งผลให้ค่าบริการต่างๆและราคาไอเท็มเพิ่มเป็นสิบเท่า ไอเท็มบางอย่างไม่สามารถซื้อได้ เสียค่าผ่านเมืองในอัตราสูงสุด เสียภาษีในอัตราสูงสุด ไม่ได้รับสิทธิ์ประโยชน์ต่างๆจากเอ็นพีซีภายในเมือง ไม่สามารถรับภารกิจระดับสูงบางอย่างได้และมีผลบังคับใช้ทุกเมืองจนกว่าจำนวนที่จ่ายให้กับแต่ละเมืองจะครบตามจำนวนหนี้สิน และโปรดอย่าเข้าใจผิดนี่เป็นกฎที่มีอยู่ภายในเกมอยู่แล้วไม่ใช่สิ่งที่แคลนเซเลสเทียลบังคับต่อพวกคุณ

    อากิรอสหันไปมองเพื่อนอีกสามคน ต่างได้รับคำตอบจากรอยยิ้มและแววตาของทุกคนให้ตอบไปว่า

    “พวกผมปฏิเสธที่จะจ่ายค่าเสียหายเพราะยังไงก็ไม่มีเงินพอที่จะจ่ายอยู่แล้ว และไม่รับข้อเสนอของทางแคลนเซเลสเทียลเช่นกัน ทุกคนจะหาวิธีชำระหนี้ตามกำลังความสามารถของพวกเราเอง”

    เป็นคำตอบที่ทำให้ผู้เล่นที่มุงดูอยู่อ้าปากค้างไปตามๆกัน ไม่มีใครคิดว่าพวกเขาทั้งสี่จะปฏิเสธทางออกที่แสนสบายและกระโดดลงสู่นรกที่ก้นเหวแทน ไม่ว่าจะคิดด้วยเหตุผลหรือตรรกะแบบใดก็ไม่สามารถทำความเข้าใจต่อความคิดของพวกเขาได้แม้แต่เสี้ยวหนึ่ง

    รองหัวหน้าแคลนเซเลสเทียลลอบมองกันด้วยหางตา ต่างคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะตอบแบบนี้ ที่ผ่านมาไม่ว่าเกมไหนๆไม่มีเคยมีผู้เล่นกลุ่มใดกล้าขัดแย้งและต่อต้านหากได้ยินชื่อเซเลสเทียล ไม่ว่าจะเพราะกลัว เกรงใจหรือเพื่อผลประโยชน์แอบแฝงของพวกเขาเองก็ตาม

    “คิดดี...แล้วนะคะ” ไวโอเล็ตแซฟไฟร์ถามขึ้นเบาๆ แต่เฉพาะสายตาแห่งความห่วงใยเท่านั้นที่ส่งตรงไปถึงทากะ

    หัวหน้าแคลนมัลดิโตปฏิเสธความหวังดีที่ส่งมาด้วยการก้าวออกไปพูดด้วยตัวเอง

    “วันนี้มีโอกาสได้ฟังปณิธานของแคลนเซเลสเทียลไปแล้ว ในฐานะหัวหน้าแคลนมัลดิโตก็ขอพูดปณิธานของพวกเราให้ฟังบ้าง”

    พวกเรายึดถือสัจจะเหนือสิ่งใด คำสัตย์คือเกียรติยศ วิถีที่พวกเราทั้งสี่เลือกเดินคือสิ่งที่คิดดีแล้ว เมื่อเลือกแล้วจะไม่ย้อนกลับไม่ว่าเส้นทางนั้นจะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม และไม่นึกเสียใจภายหลังในวิถีที่ตนเองเป็นผู้เลือก นี่คือปณิธานของแคลนมัลดิโต เพราะฉะนั้นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นตามระบบเพราะติดหนี้สิน พวกเราทั้งสี่คนยืนยันที่จะรับไว้ด้วยความยินดี




    ความมุ่งมั่นแรงกล้าที่แสดงออกผ่านดวงตาของชายหนุ่มทั้งสี่คนเป็นสิ่งยืนยันว่าหากพวกเขาเลือกที่จะลงนรก พวกเขาไม่เคยนึกเสียใจที่เลือกเส้นทางนี้แม้แต่นิดเดียว
    taleoftrue ถูกใจสิ่งนี้
  24. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    ชักอยากรู้แฮะว่าดับเบิลฮาร์ทจะโดนลงโทษยังไงมั่ง (คงไม่ใช่ว่าที่มาท้าสู้นี่เป็นแผนของเซเลสเทียลอยู่แล้วหรอกนะ)

    แต่ถึงงั้นถ้าเป็นไอเท็มหรือภารกิจที่คนอื่นรับมาก่อนแล้วก็อีกเรื่องนึงล่ะนะ >_<
  25. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    ดับเบิลฮาร์ทไม่ได้วางแผนครับ แต่พอสถานการณ์ไหลไปถึงจุดนั้นทางผู้มีอำนาจในแคลนเซเลสเทียลเลยตามน้ำใช้วิกฤติให้เป็นประโยชน์ครับ

Share This Page