[GSD]HBD Caga, Everytings for Cagalli อัพซะดีหลังจากดองนาน

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย identity, 13 พฤศจิกายน 2007.

  1. identity

    identity Active Member

    EXP:
    580
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    นับเป็นฟิกเรื่องแรกที่ผมเขียนเอ่อ แนวหวานแหวน นอกจากนั้นจะเป็นแนว (กังฟู) มากกว่า ที่สำคัญ ผมค่อนข้างที่จะอ่านนิยายจีนมามากหน่อย (80%ของนิยายที่อ่าน) ดังนั้นนิยายเรื่องนี้จึงเป็นการเขียนที่ค่อนข้างใช้รูปแบบของนิยายจีนอย่าโทษกันเลยนะครับ

    *******************************ตอนที่1************************************
    ------------------------- ห้องแต่งตัวของคางาริ กับการเขียนคิ้วของอัสรัน-------------------------------


    ณ มุมหนึ่งของบ้านของคางาริ


    "มันจะดีเหรอครับ!!!!!!" นี่คือคำอุทานด้วยความแตกตื่นพร้อมๆกับสีหน้าอันตกใจของคิระ

    สตรีสาวที่อยู่บ้างหน้าเขาสมควรเป็นลักซ์ ไคลน์(ที่จริงก็เป็นลักซ์นั่นแหละ)


    ลักซ์ยิ้มเล็กน้อย พร้อมๆกับบอกว่า
    "นี่มันวันเกิดเธอนะคะ ที่สำคัญมันก็วันเกิดคุณด้วยเหมือนกันคุณไม่คิดที่จะทำอะไรที่มันสร้างสรรค์หรือสนุกๆ เลยเหรอคะ"
    "ไอ้อยากมันก็อยากอยู่หรอกครับ แต่ว่ามันจะดีเหรอ ตอนนี้คางาริยังไม่ออกมาจากห้องเลย"



    ลักซ์กล่าวอย่างมีเหตุผลว่า
    "ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ยังไงซะทุกอย่างก็อยู่ในแผนการของชั้นตั้งแต่แรก"

    ขณะว่ากล่าวก็ชูกำปั้นข้างขวาขึ้นแสดงความมั่นใจว่าคิดอ่านวางแผนไว้มั่นเหมาะ

    คิระลอบปาดเหงื่อบนหน้าผากนิดหนึ่ง ใช่ว่าเขาจะไม่ทราบความร้ายกาจของลักซ์ แต่เขายังไม่กล้าเอาคอของตนไปขึ้นแท่นประหารที่เรียกว่า ส้นเท้าของคางาริ กับกำปั้นดุ้นๆ ของอัสรัน



    เมื่อครุ่นคิดได้เพียงแค่ไม่กี่อึดใจชายหนุ่มก็ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวในบัดดล
    "เอาวะ ยังไงๆ ถือซะว่าเอาใจลักซ์จะเป็นไร เสียเพื่อนแต่อินเลิฟมากขึ้นคุ้มหวะ"

    (นิสัยไม่ดีอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง)

    ว่าแล้วด้านมืดในจิตใจก็กลืนกินภาพอันเลอเลิศที่ผู้คนย่งย่องเป็นเทพ(เป็นเทศน์มากกว่า) แต่แล้วพลันบังเกิดมโนสำนึกอยู่บ้าง เลยถามลักซ์พร้อมๆกับยกซองเล็กๆสีฟ้าในมือว่า
    "แล้วไอ้ผงนี่มันผงอะไรครับ"


    ลักซ์ใช้มือขวากวักคิระให้เอาหูมาใกล้ๆ ริมฝีปากจากนั้นใช้มือขวาป้องปากกระซิบด้วยสุ้มเสียงที่แผ่วเบาแต่กลับได้ยินชัดกระจ่างน่าฟังปานนั้นว่า
    "ก็แค่ "ยาลดน้ำมูกตำให้แหลกแปดเม็ด"เท่านั้นเองค่ะ"

    กล่าวจบเอาใบหน้าออกห่างคิระเล็กน้อยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม แต่ดูเหมือนมีความสุขวาบหวามในใจ

    แต่คิระถึงกับหลั่งเหงื่อเย็นเยียบเม็ดเท่าถั่วเหลือง หลายสิบเม็ดบนใบหน้าห้วงสมองกลับครุ่นคิดว่า
    " "เก้าเม็ดเท่านั้นเอง" เหรอ ยาลดน้ำมูกหนะมันทำให้คนง่วงนอนนะถึงจะเป็นคนแข็งแรงขนาดไหนแต่ถ้าเจอหนักแบบนั้นเข้าก็มีหวังสลบแหละ"


    ครุ่นคิดได้เพียงเท่านี้ก็บังเกิดความคิดใหม่ขึ้นมา
    "ถ้างานนี้ความแตกเข้า มีหวังโดนบาทาไร้เงาของคางาริ กับหมัดฟันชั่งของอัสรันแน่ๆ"


    ขณะเพียงครุ่นคิดคิระก็หวาดผวาเสียววาบในจิตใจถึงเพียงนั้น จากนั้นลอบสาบาญในใจว่า"จะไม่มีวันให้พวกนั้นรู้ความจริงเลย"



    คิระถามลักซ์ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนักว่า
    "ยาลดน้ำมูกเก้าเม็ด อัสรันจะไม่หลับไปสามวันเลยเหรอครับ"
    "ไม่ต้องกลัวค่ะ อย่างอัสรันหนะกระบือ(ความจริงอยากจะพูดว่าควายแต่กลัวเสียภาพลักษณ์(ลักซ์))เรียกพี่เรียกพ่ออยู่แล้วค่ะ"



    คิระกล่าวถามด้วยความหวาดกลัวอยู่บ้างว่า
    "ลักซ์รับประกันมั้ยว่าผมจะมีชีวิตรอดถึงวันพรุ่งนี้"
    "นี่คือคำตอบเป็นไงคะ"


    กล่าวจบยืดตัวขึ้นโน้มใบหน้าไปหอมแก็คิระคราหนึ่ง มาตรแม้นว่าเป็นการสัมผัสเพียงแผ่วเบาและเพียงเสี้ยววินาทีแต่ก็ให้ความวาบหวามดื่มด่ำจนหัวใจของคิระติดปีกโบยบิน ล่องลอยไปยังหุบเขาวิเศษณ์ แดนสุขาวดีนกวิเศษณ์ร้องรับขับขานเป็นท่วงทำนองแห่งความปีติ



    คิระตั้งสติได้เพียงชั่วครู่ ห้วงสมองก็ปรากฎความคิดประการหนึ่ง
    "ขอโทษนะอัสรัน แต่ถ้านายไม่เป็นชั้นนายก็คงไม่รู้ความสุขในตอนนี้หรอก"




    (นิสัยไม่ดีอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง(รอบ 2 ))



    -------------------------------------------------------------------------------------------


    อัสรันกำลังยืนอยู่หน้าห้องแต่งตัวของคางาริ ซึ่งน้อยครั้งที่มันจะถูกเจ้าของของมันใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพโดยสมบูรณ์ สำหรับคางาริแล้วห้องแต่งตัวคงเป็นห้องที่เธอให้ความสนใจน้อยที่สุดกระมัง


    นั่นคือความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัวของอัสรัน


    แน่นอนมีหลายคนที่ไม่พอใจนักกับการแต่งตัวของเธอ แต่สำหรับอัสรันแล้วเขายกเว้นเป็นกรณีพิเศษ เพราะหากคางาริแต่งตัวที่มันผิดเพี้ยนไปเช่นทุกวัน และแต่งตัวแบบนั้นไปทุกเมื่อเชื่อวัน อัสรันคง"รับมือ"ต่อเรื่องราวนั้นไม่ถูก

    แต่นั่นไม่สำคัญเพราะมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว



    นี่นับเป็นเวลาร่วมสองชั่วโมงเศษ มาน่าปลุกคางาริมาแต่งตัวตั้งแต่ตีสี่แต่แล้ว ตอนนี้ ตอนนี้ ยังไม่มีวี่แววและเค้าลางแห่งความคืบหน้าเลย




    ขนาดคนที่ซื้อเสื้อให้เธอไม่ใช่ใครอื่น แต่หากทว่าเป็นลักซ์ ไคลน์ เพื่อนสาวของหล่อนเอง แล้วเครื่องประดับที่ใช้ก็ไม่ใช่ของคนอื่นอีกเหมือนกันแต่เป็นของคิระ สายเลือดเดียวกันกับเธอแท้ๆ แล้วทำไมจนถึงป่านนี้"เธอ"ยังถึงไม่ออกมา

    นี่เป็นคำถาม มิหนำซ้ำยังเป็น"คำถาม"ที่อัสรันต้องการ"คำตอบ"มากเสียยิ่งกว่าใคร

    เธอหายเข้าไปในห้องนานแบบนี้ทำให้เขา"คิด"ไปไกลถึงหลายประการ




    ประการแรก คางาริพล้อยหลับไปแล้ว นี่มีความเป็นไปได้และยังเป็นความคิดแรกที่โผล่ขึ้นในสมองของอัสรัน คางาริอาจจะนอนไม่อิ่มเลยหลับไปแล้วก็ได้

    ประการที่สอง คางาริไม่กล้าที่จะแต่งตัวเพราะเธอไม่ชอบ"กระโปรง" นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่จะให้เธอทำแบบนั้น "ด้วยตัวเอง"

    ประการที่สามกลับน่ากลัวอยู่บ้าง คางาริน้อยใจพวกลักซ์จนถึงขนาดฆ่าตัวตาย แต่นั่นจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่ออัสรันยังได้ยินเสียงกุกกักๆ ภายในห้องอยู่ไม่ส่าง

    ประการที่สี่ยังน่ากลัวกว่าประการที่สาม "คางาริถูกจับตัวไป" ขณะแค่คิดนี่ก็ทำให้อัสรันถึงกับแทบจะอยู่ไม่สุข แต่นั่นก็เป็นไปไม่ได้อีก ถ้าหาก"เธอ" ถูกลักพาตัวไป เวรยามที่ด้านนอกก็คงจะส่งเสียงเอะอะบ้าง



    ถ้าอย่างนั้นอัสรันยังคิดอะไรอยู่ แม้แต่ตัวของเขาเองเกรงว่ายังไม่ทราบแน่ชัด



    แต่แล้วโสตประสาทกับได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้คนทำลายห้วงความ"คิด"ไป อัสรันหันไปมองผู้มาเยือนที่เพิ่งจากไปเมื่อครู่



    ลักซ์กับคิระเดินมาหาเขา ในมือของคิระถือ"แก้วน้ำ" แก้วหนึ่ง

    คิระส่งแก้วน้ำให้กับอัสรันแล้วพูดว่า
    "คางาริยังไม่ออกมาอีกเหรอ ทำอะไรของเค้านะ"
    "ไม่รู้สิ"


    ลักซ์เอ่ยถามอัสรันบ้าง
    "ไม่เข้าไปดูเธอหน่อยเหรอคะ"
    "ถึงจะอยากเข้าไปดู แต่ก็คงทำไม่ได้กุญแจห้องมันล๊อกเอาไว้ อีกอย่างหนึ่งคุณเองก็ลองเข้าไปคุยกับเธอแล้วเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ให้ผมเข้าไปคงไม่ได้เรื่องอะไรมากขึ้นหรอก"



    คิระจ้องมองสีหน้าท่าทีของอัสรันเมื่อดื่ม"น้ำ"เข้าไปแล้วแต่ยังมีอาการ"ปกติ"อยู่เขาจึงค่อนข้างโล่งใจ

    ลักซ์ตอบว่า
    "ก็ไม่แน่นะคะ ถ้าหากว่าอัสรันเข้าไปคุณคางาริอาจจะแต่งตัวเสร็จแล้วก็ได้ หรือบางทีเธออาจจะรอให้คุณเข้าไป"จูงมือ"เธอออกมาก็ได้"

    อัสรันรับฟังจนถึงขนาดนึกวาดภาพออกมาในหัว หากว่าสามารถ"จูงมือ"น้อยๆของคางาริพร้อมๆกับชุดฟินนาเร่สุดสวยได้เขายังต้องการสิ่งใด


    ความคิดพอเสร็จสิ้นมือขวาก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าคล้ายหยิบอะไรออกมาเสร็จแล้วยัดเยียดมันเข้าไปในลูกบิดประตูบิดมันคราหนึ่งจากนั้นผลักประตูก้าวเท้าเข้าไป




    คิระที่เห็นการกระทำเมื่อครู่โดยชัดตาถึงกับตะลึงงันแน่นิ่งไม่ไหวติง ชั่วขณะหนึ่งแทบลืมเลือนไปว่าตนอยู่ที่ใด
    "อัสรัน นายมีกุญแจห้องของคางาริได้ไง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"





    -------------------------------------------------------------------


    อัสรันพอเข้าไปในห้อง"แต่งตัว"ของคางาริภาพที่ปรากฎยับเบื้องหน้าคือ คางาริกำลังนั่งอยู่กับเก้าอี้กลมตัวหนึ่งข้างหลังมีพัดลมคอยพัดให้ผมของเธอแห้งลง

    "แม้แต่ไดเป่าผมก็ไม่มี อะไรจะปานนั้น" นั่นคือความคิดของอัสรัน ทั้งนี้เพราะแม้แต่เขาก็ยังมีไดเป่าผม


    คางาริพอได้ยินสุ้มเสียงผิดปกติก็หันไปมองยังต้นเสียง พอเห็นอัสรันเข้ามาก็อุทานอย่างแตกตื่นว่า
    "อัสรัน น นาย นายเข้ามาได้ไง"


    แต่อัสรันในวันนี้คล้ายกับ"หน้าหนา" เป็นพิเศษสีหน้าปรากฏแนวครุ่นคิดพร้อมกับกล่าวว่า
    "นั่นสิชั้นเข้ามาได้ไง นี่คางาริเธอไม่ได้ล็อกประตูเหรอ"
    "อะไรนะ ช้าน ชั้นไม่ได้ล็อกประตูเหรอ"
    "เอ๋ นี่เธอก็ไม่รู้เหรอ ถ้าอย่างนั้นชั้นเข้ามาได้ไง"
    "ใครจะไปรู้กับนายหละยะ แล้วอีกอย่างถึงประตูไม่ล็อกถ้าไม่มีใครจงใจ"เปิด"มัน ก็คงเข้ามาไม่ได้หรอก"



    อัสรันทราบว่าเธอพูดแดกดันเหน็บแนมใส่ตนแต่ก็ไม่ถือสา ยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยปากว่า
    "ก็ใช่หนะสิ นี่ทั้งลักซ์และก็คิระ รวมทั้งตัวชั้นด้วยนะที่รอเธอนานแล้ว แล้วนี่เธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จเหรอ"


    คำ"อาบน้ำ" พอกล่าวจากปากคางาริก็หน้าแดงซ่าน ท่วงท่าที่อุทัจเอียงอายแบบนี้แม้แต่เป็นคนใจหินผายังต้องเกิดความหวั่นไหวใจอยู่บ้าง อย่าว่าแต่อัสรันเป็นคนจิตใจอ่อนปวกเปียกราวกับน้ำเมื่อเผชิญภาพเบื้องหน้าหัวใจถึงกับเต้นตูมตามไปมา

    คางาริเบือนหน้าหนีไปอีกทางเล็กน้อยแล็วบอกว่า
    "ก็ชั้นไม่กล้านี่นา"
    "นี่อะไรกันแต่งตัวแค่นี้ก็ไม่กล้าเหรอ ทีจำปืนผาหน้าไม้ยังไม่เห็นบ่นซักคำ"



    คางาริกล่าวด้วยความขุ่นเคืองคล้ายกับว่าโกรธแต่ก็เหมือนกับแง่งอนว่า
    "ก็มันไม่เหมือนกันหนิ แล้วอีกอย่างมันคนละเรื่องกันด้วย แล้วนายก็รู้เรื่องแบบนี้ชั้นไม่คุ้นเลยจริงๆ"
    "นี่คางาริเสื้อเป็นเพื่อนของเธอซื้อให้แท้นะ เครื่องประดับก็เป็นคนที่เธอบอกว่า"อาจจะเป็นน้องชาย"ซื้อให้ทำไมเธอถึงไม่ใส่มันหละ"






    ทำไมเธอถึงไม่ใส่มันหละ ประโยคนี้คล้ายกับจี้ใจดำของเธอน้อยนิด มีของสิ่งหนึ่งเป็นของสำคัญสิ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่ทั้งสำคัญทั้งพิเศษของเธอให้เอาไว้ ที่เมื่อก่อนนี้เธอใส่มันไว้ตลอด แต่ตอนนี้"เธอ"ไม่ได้ใส่มันแล้ว


    คางาริหันมาจ้องมองถลึงตาใส่อัสรัน ดวงตาคล้ายกับเอ่อคลอหน่วยปากร้องเสียงดังว่า
    "นายหนะจะไปรู้อะไรหละ มีบางอย่างที่ชั้นเองอยากทำแต่ก็ทำไม่ได้เหมือนกันนะ"


    อัสรันงุนงงถึงกับแทบจะเสียสติ เขาไม่ทราบว่าคำพูดใดที่ไปทำร้ายเธอเอาเข้าจนถึงขนาดนี้
    "นี่ขอโทษนะ ชั้นไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่ชั้นก็แค่ต้องการที่จะช่วยเธอเท่านั้น"


    จากนั้นหยุดเล็กน้อยแล้วยิ้มแย้มอย่างนุ่มนวลว่า
    "เอานั่นมาให้ชั้นสิ" นิ้วของเขาชี้ไปยังชุดยาวสีเขียว
    "เอ๋ นายคง นายคงไม่ใส่มันนะ"


    อัสรันหยิบชุดยาวสีเขียวนั่นจากมือของเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า
    "ก็ไม่เห็นตัดเย็บแปลกตรงไหนเลย พอดีกับคางาริ ไม่ยาวไม่สั้นไม่หลวมเกินไป ชุดก็ไม่โป๊ แต่ก็ไม่ได้ปิดจนเชย นี่ติดตรงไหนให้ชั้นใส่ช่วยก็ได้นะ"


    คางาริความจริงโกรธอัสรันเมื่อครู่นี้อยู่บ้างแต่พอได้ยินดังกล่าว ความอายก็เข้ามาแทรกแทน ใบหน้าที่ทั้งโกรธทั้งอายเป็นที่จับจิตของอัสรันถึงขณะตาตั้งค้าง ปากอ้า

    คางาริบอกว่า
    "ให้นายใส่ให้เหรอ ฝันไปเถอะ เรื่องอะไรชั้นใส่เองได้นี่"


    จากนั้นเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำไม่นานก็ออกมา


    ถึงแม้ว่าหน้าไม่ตกแต่งผมไม่ได้หวีสางยังน่าดูปานนั้น จากนั้นคางาริก็มานั่งลงที่ก้าวอี้ตัวเดิมอัสรันยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า
    "เห็นมั้ยแค่นี้ก็ใส่ได้แล้ว แต่เดี๋ยวนะหน้ายังทันได้แต่งเลย"
    "ไม่ต้อง"
    "ไม่ต้องได้ยังไง คางาริทำงานหนักตาหมองคล้ำนิดหน่อย งานนี้เป็นงานวันเกิดเธอนะ ยังไงก็ต้องให้มันดูดีหน่อยสิ"
    "แต่ชั้นแต่งไม่เป็น"
    "เธอแต่งไม่ได้ แต่ชั้นแต่งเป็นนี่นา ตอนฝึกทหารให้ฝึกพลางหน้าชั้นได้คะแนนA+นะ"


    คางาริครุ่นคิดว่า
    -แต่แต่งหน้าพรางตัวกับแต่งหน้าออกงานมันแตกต่างกันหนิ"


    จากนั้นอัสรันก็จัดการลงรองพื้น ทาแป้งต่างๆให้ จนถึงกระทั่งการ"เขียนคิ้ว"

    อัสรันหวนนึกถึงชั้นเรียนสังคมอาจารย์บอกเขาว่า
    "ประเพณีเขียนคิ้ว เป็นประเพณีของชาวจีนนับตั้งแต่โบราณมาเป็นการแสดงถึงความรักของสามีภรรยาที่จะขอรักใคร่กันตลอดไป"

    **จะรักกันตลอดไป*
    **ชั้นอยากจะรักคางาริตลอดไป**
  2. identity

    identity Active Member

    EXP:
    580
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    ************************ตอนที่(อาจจะเป็นตอนจบ) 2 รักที่แสนหวาน คืนที่แสนหวาน และสัมผัสมือจากคนรัก*****************************

    จำเนียรกาลผ่านไปเนิ่นนานเท่าใด คางาริก็ไม่ทราบ ในที่สุดมือทั้งสองข้างของอัสรันก็ห่างจากการสัมผัสใบหน้าเธอ


    ช่วงเวลาเมื่อครู่ความจริงไม่เนิ่นนานเท่าใดนัก แต่สำหรับกับคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นกลับไม่สามารถบอกออกมาได้


    อันสภาพความเป็นจริงนั้นมีหลายเรื่องราวมากมายหลายหลากที่มนุษย์ไม่สามารถบ่งบอกได้ ทั้งไม่สามารถรับรู้ได้ อันที่จริงนี่ก็เป็นเรื่องที่อับจนปัญญาทั้งนี้เพราะเรื่องราวของความสัมพันธ์ของคนๆหนึ่งกับคนๆหนึ่ง เป็นเรื่องราวละเอียดอ่อน ยิ่งเป็นเรื่องราวอันลึกซึ้ง คล้ายไร้ความหมายแต่ที่จริงสลักสำคัญ

    อัสรันใช้มือถือกระจกบานไม่เล็กไม่ใหญ่บานหนึ่งลุกขึ้นอยู่ด้านหลังคางาริ โน้มตัวลงถือกระจกส่องให้เธอเห็น"ใบหน้า" ที่ถูกเสกสรรค์ปั้นแต่งโดย"ผู้ชาย"คนหนึ่ง อัสรันถามเธอ
    "เป็นไงบ้าง พอใจมั้ย?"

    สิ่งที่คางาริอธิบายรูปโฉมที่ถูกอัสรันปู้ยี่ปู้ยำได้เพียงสิ่งเดียวก็คือ "หวาน" สิ่งที่เธอครุ่นคิดในหัวใจออกจากน่าขบขันอยู่บ้าง
    "หมอนี่แต่งหน้าหวานซะขนาดนี้ สงสัยตอนเด็กเคยเล่นแต่งงานกับคิระแหง(แอบหึงหรือไงกันนะ) ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้น่ากลัวเป็นบ้าเลยทั้งหน้าตา ทั้งผิวพรรณ ทั้งเรื่องแต่งหน้าอีก ไม่อยากคิดแล้ว"


    คางาริแหงนหน้ามาด้านหลังถามอัสรันว่า
    "นายหนะ เคยแต่งหน้ามาให้ผู้หญิงกี่คนแล้ว"
    "หากนับคางาริด้วยก็คงสามคนหละมั้ง"
    "เอ๋ แล้วใครเป็นผู้เคราะห์ร้ายของนายอีกสองคนหละ"
    "คนแรกคือคุณแม่ของชั้น อีกคนก็คือลักซ์"


    คางาริเอี้ยวบิดตัวมาด้านหลังกลายเป็นนั่งเผชิญหน้ากับอัสรัน สายตาเหลือบมองไปข้างบน กล่าวถามอย่างระแวดระวังอยู่บ้างว่า
    "คุณแม่นายชั้นไม่แปลกในหรอกนะ แต่ลักซ์นี่สิชั้นไม่เคยเห็นเธอแต่งหน้ามาก่อน นายโกหกชั้นใช่มั้ย?"
    "ที่จริงก็ไม่ได้แต่งหน้าให้หรอกนะก็แค่เคยหวีผมให้แค่ครั้งเดียวเอง"
    "งั้นเหรอ" .....................................'ก็อัสรันหนะยังไม่เคยหวีผมให้ชั้นแม้แต่สักครั้งเลย'.......................................................




    แต่แล้วอัสรันก็เปลี่ยนกิริยาบทเป็นคุกเข่า ใช้สายตามองเธอจากด้านล่าง จากนั้นยิ้มน้อย พร้อมกับใช้มือข้างขวาลูบไรผมของเธอจากแผ่วเบา คล้ายเกิดขึ้นจริงแต่ก็คล้ายนึกฝัน บังเกิดเป็นความรู้สึกอันวาบหวามดื่มด่ำอย่างประหลาด อัสรันขยับริมฝีปากเล็กน้อย ยังคงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ชื่นช้าตามปกติ
    "แต่สำหรับเธอคงไม่ต้องหรอกมั้ง เพราะชั้นชอบแบบนี้"

    คางาริถูกคำเยินยอจนขวยเขินเอียงอายหน้าแดงซ่าน จนไม่อาจเผชิญสายตาของคนที่อยู่เบื้องหน้าได้
    "ขอบคุณนะที่ชม........." จากนั้นกุ้มหน้าลงเล็กน้อยคล้ายกับบังเกิดความน้อยใจแล้วพึมพัมอีกว่า
    "เพราะว่าไม่เคยมีใครตามใจชั้นเรื่องนี้มาก่อน"
    น้ำเสียงตอนสุดท้ายเปลี่ยนเป็นเศร้าโศกน้อยเนื้อต่ำใจอยู่บ้าง จนแม้แต่อัสรันเองยังอดที่จะให้กำลังเธอไม่ได้
    "ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ชั้นเองก็ตามใจเธอตลอดมาไม่ใช่เหรอ"

    คางาริยิ้มให้เขาเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มที่เหมือนเมื่อวันวาน ในใจก็ครุ่นคิดด้วยความสุขสมใจอยู่บ้างว่า
    "ตามใจชั้นงั้นเหรอ รวมทั้งเรื่อง"แหวนนั่นด้วย" หากอัสรันเข้าใจชั้นและก็ตามใจชั้นแบบนั้นจริงๆก็ดีสินะ เหมือนกับที่ชั้นเคยตามใจนาย"



    อัสรันจ้องมองเธออยู่ชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นเห็นว่าตนเข้ามาในห้องกับเธอสองต่อสองนานแล้ว ไม่ควรทำให้ใครบางคนที่อยู่นอกห้องต้องคิดมากอีก(เพิ่งรู้ตัวเหรอแก)
    "นี่เดี๋ยวก่อนนะ แต่งหน้าเสร็จแล้วผมไม่ต้องหวีเพราะดูดีอยู่แล้ว เหลืออะไรที่น๊า.............. อ้อเครื่องประดับ ใช่สิคางาริจะใส่อันไหนเหรอ"
    "เรื่องแบบนี้ชั้นไม่รู้หรอก นายน่าจะรู้มากกว่าชั้นนะ ยังไงๆ ก็ช่วยเลือกให้หน่อยแล้วกัน"


    ช่วยเลือกให้หน่อยแล้วกัน ถ้าหากว่าเขาเลือกให้แล้วเธอใส่ก็ดีสินะ ไม่ใช่ใส่เป็นแค่ครั้งคราว หรือใส่เมื่อไม่มีคนเห็น แต่อยากจะขอให้เธอใส่มันตลอดไป เหมือนกับชั้นที่ยังคง"ใส่"ของเธอ



    ถึงแม้จะครุ่นคิดไปก็อาจจะทำให้เขาบังเกิดความท้อแท้ใจสิ้นหวังต่อเรื่องราวของความรักเสียเปล่าๆ อัสรันได้แต่ทิ้งมัน ถมมันลงไปในทะเลใจครั้งแล้วครั้งเล่าหลายครั้งครา จากนั้นหยิบกล่องเครื่องประดับที่ลักซ์เป็นคน"ซื้อให้คางาริ"ขึ้นมา


    แต่แล้วพอเขาเปิดกล่องขึ้นมาเขาก็อดแปลกใจอยู่บ้างไม่ได้ เพราะในกล่องมีกระดาษใบหนึ่ง อัสรันอ่านมันเล็กน้อย แต่ไม่ทำอะไรเป็นที่ผิดสังเกตให้แก่สายตาของคางาริได้เห็น


    บนกระดาษมีข้อความจำนวนหนึ่งเป็นลายมือของลักซ์ มีใจความว่า
    เครื่องประดับพวกนี้ความจริงเป็นของคุณเคยให้ชั้นเอาไว้ แต่ชั้นขอคืนมันให้แก่คุณ เพราะชั้นคิดว่าคุณคงมีใครสักคนหรือว่าพบใครสักคนที่คุณอยากจะสิ่งของเหล่านี้แก่เธอ ชั้นอยากให้คุณแน่ใจในสิ่งที่คุณรับรู้ ไม่ใช่เอาแต่ดูท่าทีหรือลังเลในการตัดสินใจ อยากให้คุณทำอะไรด้วยความต้องการของคุณเอง ไม่ใช่คบหากับใครเพราะว่า"ความเหมาะสมหรือสมควร"

    อัสรันไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น เพราะสำหรับเขาแล้วเรื่องเกี่ยวกับลักซ์ ไคล์นถือเป็นเรื่องราวอันมัศจรรย์เหนือความคาดหมายเสมอ


    แต่สิ่งที่ไม่เหนือความคาดหมายของเขาคือสตรีสาวที่อยู่เบื้องหน้า

    เขารักเธอ

    ที่สำคัญคือเธอรักเขา และดีต่อเขาไม่น้อยตลอดมา

    นั่นเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอนเขาไม่สามารถบ่งบอกเป็นอย่างอื่นได้อีกนอกเสียจาก....................................

    สัมผัสรักอันวาบหวาบจากริมฝีปาก



    -------------------------------------------------------------


    --------ยัง ยังไม่จบนะครับ ยังมีต่อ ผมขอตัวไปท่องบทอาขยานก่อนเพราะเปิดเทอมแล้ว เปิดไวเสียเหลือเกิน (เปิดเมื่อวันที่แปด)----------------------
  3. identity

    identity Active Member

    EXP:
    580
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    ทั้งสองเดินออกมาจากห้อง แต่ก็ไม่ปรากฎแววของคนอีกคู่หนึ่งแล้ว

    คางาริหันซ้ายแลขวาแต่ไม่เห็นแม้แต่เงา

    จากนั้นหันมามองหน้าคนด้านข้าง
    อัสรันก็มองตอบแต่สายตาคล้ายคนปัญญาอ่อนพูดไม่ออกบอกไม่ถูกที่จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ หรือว่าเขาถูกกลั่นแกล้ง




    จากนั้นขบคิดคู่หนึ่งเห็นว่าบางทีตนอาจเข้าไปนานทั้งลักซ์กับคิระต่างเกิดอารมส์เบื่อหน่ายเดินทางล่วงหน้าแล้วก็ได้

    "พวกนั้นคงไปรอเราอยู่ข้างนอกมั้ง.............." อัสรันพูดออกมา
    ยังไม่ทันจะได้กล่าววาจาต่ออีกฝ่ายก็บ่นออกมาว่า "เพราะนายนั่นแหละที่ทำให้ชั้นช้า"

    "ขอโทษนะ" อัสรันพูดออกมาในทันที
    "แต่จะทำยังไงได้ ออกไปรอข้างนอกกันเถอะ" พูดจบเดินออกไปนอกประตูแต่เดินไปได้ไม่ถึงสิบก้าวก็ต้องหันหนังมา คางาริกลับไม่เดินตามเขามาแล้ว

    อัสรันหันหลังกลับไปมองหน้าเธอ จากนั้นลดสายตาลงไปที่ข้อเท้าเห็นข้อเท้าสั่นกรึกๆไม่หยุดยั้ง ที่แท้เป็นเธอก้าวขาไม่ออกนี่เอง

    ดังนั้นจึงเดินไปใกล้กระซิบที่ข้างหูแม้แผ่วเบาแต่ชัดเจนยิ่ง ฟังแล้วให้ความรู้สึกวาบหวามดื่มด่ำอย่างประหลาด

    "ให้ชั้นอุ้มเธอมั้ย"
    แต่อีกฝ่ายไหนเลยยอมถูกกระทำโดยง่ายดังนั้นจึงรีบเอ็ดขึ้นมา
    "ไม่ต้องชั้นเดินเองได้"
    "ทำอย่างนั้นได้ยังไง เห็นอยู่ชัดๆว่าแม้แต่ยกขาเธอก็ยังยกไม่ได้"
    "ก็ทีตอนนั้นยังทำได้"
    อัสรันทำสีหน้าสงสัยพร้อมกับเปรยออกมา
    "ตอนนั้น ตอนไหนเหรอ?"
    "ก็ตอนงาน แต่................. "

    คำพูดพอออกจากปากค่อยรู้ตัวว่าไม่สมควร เหตุการณ์ที่คิดกล่าวออกไปเป็นหนึ่งในเรื่องที่กระทบต่อความสัมพันธุ์ของทั้งสองอยู่ไม่น้อย


    อัสรันหลับตาลงเล็กน้อยแล้วถอนหายใจออกมาอย่างเฉยชา
    จากนั้นบอกว่า
    "ก็ตอนนั้นคนเหม่อลอย ขาดสติไม่ว่าอะไรก็ทำได้"

    คางาริคล้ายกับว่าซึมเศร้าก้มหน้าก้มตาอยู่ครู่หนึ่งค่อยเงยหน้าขึ้นมา แก้มสองข้างปรากฎรอยแดงซ่านเล็กน้อย
    "งั้นก็ได้แต่ไม่ให้นายอุ้มนะ"

    อัสรันยิ้มเล็กน้อยเผยมือขวาไปยังเบื้องหน้า

    *******มาหาชั้นสิคางาริ**********
    **********หา ชั้นสิ ช้นสิ*******************

    เสียงนี้คล้ายเสียงกระซิบกระซาบ บรรดาลให้เกิดแรงในการก้าวเดินต่อไปอย่างประหลาด

    ในที่สุดทั้งสองเดินมาถึงเบื้องนอกพอก้าวพ้นออกจากประตู ก็เห็นเงาของคนคู่หนึ่ง เป็นลักซ์กับคิระนั่นเอง

    "ช้าจังเลยนะคะ" ลักซ์พูดออกมาทันทีที่เห็นเงาของคางาริ
    "เอ่อ ช้าเหรอ"
    "ค่ะ"
    "แย่จัง ทำไมเธอไม่รีบบอกชั้น"
    "ชั้นเคาะห้องคุณเกือบ สิบรอบนะคะ อีกอย่างมันก็นานตั้งแต่ก่อนที่อัสรันจะเข้าไปแล้วด้วย"
    "ขอโทษแล้วกันงั้นรีบไปกันเถอะ"


    ขณะที่อัสรันจะเปิดรถของเขาก็ถูกคิระลากตัวออกมาเสียก่อน
    "บอกมานะนานได้กุญแจห้องคางาริมาได้ยังไง" คิระถามออกมาทันที
    "อ๋อง่ายมาก" อัสรันพูดออกมาด้วยความสบายใจ
    "ง่ายยังไงหละ" คิระรีบถามต่อทันที
    อัสรันพูดพร้อมกับรอยยิ้มท่าทีภาคภูมิใจยิ่ง
    "ก็แค่คุกเข่าขอต่อหน้ามาน่าเกือบหนึ่งวันเต็มๆ"


    คิระถอนหายใจออกมาคล้ายรู้เหมือนก้างที่คอเพิ่งหลุดออกไปพรางบ่นเบาว่า
    "ค่อยยังชั่วหน่วย"



    แต่พอก้นอัสรันถึงเบาะรถก็ได้ยินลักซ์ถามออกมาทันที
    "อัสรันให้คิระขับไม่ดีกว่าเหรอคะ"

    คิระที่นัดแนะมากับลักซ์ก็ให้การสนับสนุนว่า
    "ใช่สิหน้านายดูซีดๆนะ"
    "ไม่เป็นไร"

    ลักซ์รีบลุกไล่ต่อทันที
    "ไม่ง่วงเหรอค่ะ"
    "ไม่หนิชั้นสบายดี ชั้นโอเค"
    "แน่ใจนะคะ"
    "แน่ใจสิชั้นขับเองได้ พวกเธอไม่ต้องห่วงหรอก"


    คิระหันไปสบตากับลักซ์ทีอยู่เบาะหลัง
    "ถึกกว่ากระบือจริงๆด้วย" ทั้งสองต่างคิดออกมาเช่นนั้นนี่ซาร่าตั้งเก้าเม็ดยังโค่นเขาไปลงแม้แต่น้อย




    ทั้งสองมาถึง สโมสร "ทหารผ่านศึก" อัสรันจอดรถเข้าไป ผ่านหน้ารปภ. พร้อมกับรายงานว่า
    " ครูฝึกซาล่า ขอพอท่านผู้แทนอัธฮาเข้าไปงานครับ"

    หน้าที่ของอัสรันเป็นครูฝึก เขาเลือกหน้าที่นี้เพราะมันง่ายดีอีกอย่างเขาชอบที่จะอยู่กับพวกนักเรียนเพราะเมื่อใช้ชีวิตกับนักเรียนทำให้เกิดความรู้สึกฮึกเหอมไม่มีวันแก่

    อาจจะฟังดูแล้วเหมือนเรื่องโกหก แต่ตอนนี้อัสรันรู้สึกว่าเขาแก่แล้วจริงๆ

    เมื่อจอดรถแล้ว ทั้งสีต่างต้องไปตามทางของตน อัสรันต้องไปเตรียมขบวนสวนสนาม ส่วนทั้งสามนั้นเดินเข้าไปในฮอลเตรียมเปิดงาน "ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม พัฒนาเศรษฐกิจ" ซึ่งเป็นงานที่กระทบมาจากผลสงครามทั้งสิ้น
















    --------------------------------------------------------


    ติดตามตอนต่อไปไม่ได้แต่งนาน

    แต่งทีรู้สึกเหนื่อยๆยังไงก็ไม่รู้ว่ามั้ยครับ

Share This Page