. เรื่องย่อ . จักรวาลนี้มีมิติคู่ขนานอยู่มากมาย แต่ละมิติคู่ขนานต่างมีชีวิตจิตวิญญาณหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันไป เชื่อมโยงด้วยธุลีแห่งอวกาศ โลกของ Golden Compass นี้มนุษย์จะมีวิญญาณเป็นสัตว์ภูติอยู่ข้างกาย มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า สัตว์ภูตของเด็กอาจมีการเปลี่ยนรูปร่างไปมาแต่สัตว์ภูติของผู้ใหญ่จะมีรูปร่างคงที่ และดูดซับสิ่งไม่พึงประสงค์จากธุลีแห่งอวกาศ เหล่าคณะปกครอง (ค.ป.ค.) จึงมองว่า นี่เป็นความชั่วร้าย คปค. จึงทำลายสิ่งประดิษฐ์ที่ใช้พลังธุลีอวกาศพร้อมกับปิดบังข้อมูลไม่ให้ประชาชนทราบเพื่อความมั่นคง แต่อลิธีโอมิเตอร์ สิ่งประดิษฐ์ที่ใช้บอกความจริงชิ้นสุดท้ายที่รอดพ้นจากรถถัง เอ้ย การกวาดล้างของ คปค. ตกอยู่ในกำมือของเด็กสาวคนหนึ่ง ทำให้คุณธรรมความดีที่ คปค. อุปโลกน์ขึ้นมาถึงกับสั่นคลอนเลยทีเดียว เมื่อความดีถูกปรุงแต่งให้เลิศเลอเกินกว่าที่เป็นจริง เพื่อปกปิดความชั่วร้าย, ที่ถูกใส่ไข่ให้มันดูเลวร้ายยิ่งขึ้น ...ชนชั้นปกครองย่อมไม่สามารถหลีกเลี่ยงการต่อต้านจากชนชั้นรากหญ้าไปได้... . ข้อดี - เทคนิคพิเศษซึ่งทำให้องค์ประกอบฉากและตัวละคร CG จำนวนมากดูงดงามดึงดูดสายตา น่าประทับใจ - เนื้อเรื่องน่าสนใจ สอดคล้องกับสถานการณ์บ้านเมืองของบางประเทศในปัจจุบัน มีอะไรให้วิเคราะห์เพียบ - ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครหลากหลาย การพบปะครั้งแรก การคลี่คลายปมปัญหาหลายอย่างน่าสนใจ - ตัวละครหลักที่เป็นเพศหญิง มีบทบาทเด่นมากมาย สะใจ Feminist . ข้อเสีย - เนื้อเรื่องที่ทึมๆ อยู่แล้วมาเจอกับฉากในช่วงหลังๆ ที่เป็นขั้วโลกครึ้มๆ ยิ่งทำให้ดูทึมๆ เบลอๆ ไปกันใหญ่ - การดำเนินเรื่องรวดเร็วมาก บทจะมาจะไปของตัวละครต่างๆ โผล่ออกมาดื้อๆ ไม่ค่อยมีชั้นเชิงเท่าที่ควร - ผู้ที่ไม่เคยอ่านฉบับนิยาย หรือ ไม่ทราบมาก่อนว่ามันเป็นนวนิยายไตรภาค อาจเกิดอาการเซ็งแด่วได้ง่ายๆ - ตัวละครที่เป็นเพศชาย (ยกเว้นหมีคอมมานโด) โครตตัวประกอบจริงๆ . สรุป Golden Compass ประสบปัญหาเดิมๆ ของภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากนวนิยาย แม้เนื้อหาน่าสนใจมาก แต่ข้อบกพร่องก็มากตามไปด้วย ความประทับใจในภายแรกเวลาเห็นของใหม่จึงลดลงอย่างแรงในภายหลัง ดูไปยิ่งเห็นได้ชัดว่า เน้นตัวละครกับฉากมากเกินไป จนความสมจริงของการดำเนินเรื่องอยู่ในระดับก๋องแก๋ง และโดยส่วนตัว ผมไม่ค่อยชอบภาพยนตร์ภาคต่อที่ไม่สามารถจบอารมณ์ในแต่ภาคให้ลงตัวได้สักเท่าไรนัก . .
เห็นด้วยค่ะ =[]=/!!! [action]วิ่งเข้าไปจับมือพี่ชับบี้ เขย่า~![/action] พูดได้อย่างที่คุมิคิดเปี๊ยบเลยค่ะ ตอนแรกที่ดู หลังจากฉายไปได้สักชั่วโมง ความรู้สึกแรกคือ..."เฉยๆ...." ทำไมเฉยๆ งี้ฟะเนี่ย = =""""??? เนื้อเรื่องดูเรียบง่ายไปหน่อย ไม่หวือหวาเลย จะว่าเพราะมันเป็นแฟนตาซีเดิมๆ ก็ไม่น่าใช่ เพราะคุมิว่าพล็อตเรื่องมันก็ดูเข้าท่าดีออก แต่คงเป็นเพราะบทภาพยนตร์ไม่ค่อยดีมากกว่า = =" นางเอกดูดวงดีแปลกๆ .... ทุกอย่างโผล่มาได้จังหวะไปหมด ไม่ได้ผจญชะตาเลวร้ายเท่าไหร่ แม้เหมือนจะพยายามแสดงบทให้ใช้ไหวพริบก็เถอะ...แต่ดูรวมๆ เหมือนจะพยายามแสดงนิสัยขี้โกหกของเจ้าตัวว่าแถเก่งซะมากกว่านะ ^^"" ถ้าใช้มาตรฐานส่วนตัว โดยรวมแล้วก็ยังไม่ค่อยอยากจะแนะนำให้ไปดูโรง เหอๆ... แต่ถ้าคนรักนิโคล คิดแมนไปดูเถอะค่ะ....เธอสวยจริงๆ =[]=b!!! P.S. Legend น่าดูกว่าเยอะเลยอ่ะ.....วิล สมิธการันตี =[]=~ ต้องดูให้ได้~~
ก็ดูได้เรื่อยๆค่ะ แต่สำหรับสิ่งที่ทำให้เรารักเรื่องนี้ก็อย่างว่าล่ะนะ...... ฉากและตัวละคร...... (หวังว่าภาคหน้าแกจะแก้มือได้...และขอร้อง!!!โปรดสร้างภาคต่อด้วย!!!~)
เท่าที่ฟังๆจากคนที่ไปดูแล้วมา รู้สึกคำวิจารณ์แง่ลบจะเยอะกว่า(โดยเฉพาะคนที่บอกว่าเรื่องน่าเบื่อ) จะไปดูดีมั้ยเนี่ย - -"
ดูๆไปแล้วมันเรียบเกินจริงๆด้วยแฮะ แบบว่าไมรู้สึก "อยากดูอีกรอบ" แบบนาร์เีนีย โดยรวมยูว่าเรื่องมันเรียบเฉยชอบกล -*-
ก็เรียบๆอย่างนี้ค่ะ ไม่หวือหวาเท่าไหร่ The Golden Compass เป็นหนังประเภท สร้างง่าย(ในแง่ของการตัดรายละเอียด)แต่สื่อความหมายออกมายาก (รวมทั้งCharacterแต่ละตัวนิสัยไม่ใช่พิมพ์นิยมอย่างที่ "ต้อง" เป็นกัน ถ้าต่อไปจะเห็นน้องไลรานิสัยเสียยิ่งกว่านี้อีก) ดังนั้นไปอ่านหนังสือก่อนและจะเข้าใจทุกอย่างน่าจะโอนะ หรือถ้าไม่อ่านหนังสือก่อน แนะนำว่าเข้าไปดูโดยทำใจให้ว่างอย่าคาดหวังว่าตัวละครและเนื้อเรื่องจะเป็นอย่างที่คุณนึกค่ะ ในแง่ของคนที่อ่านหนังสือมาแล้วอย่างเราเห็นว่าทำออกมาได้เสมอตัวค่ะ ปล.ไม่ได้ว่าหรอกนะ แต่เราว่าเค้าทำดีกว่าแฮร์รี่ภาค 1-2 ที่คริส โคลัมบัสกำกับอีกค่ะ ปล.2 ไม่เข้าใจทำไมคนส่วนใหญ่มักเปรียบเทียบกับนาร์เนียด้วยล่ะเนี่ย ถ้าว่ากันเรื่องสัตว์พูดได้ก็มีแค่หมีเท่านั้นนะคะในเรื่อง แถมเรื่องนี้ยังมีความเป็นแฟนตาซีที่ "ต่าง" กันอีก แก้นิดหน่อยๆ คือเรามองในแง่มุมเราค่ะ ว่าส่วนที่คล้ายก็แค่เรื่องสัตว์พูดได้เท่านั้น แต่ถ้าประเด็นอื่นๆมันค่อนข้างต่างนะ(แต่ถ้าอ่านจนจบจะเห็นได้ว่าสองเรื่องนี้มันอาจคล้ายๆด้านมืดและด้านสว่างเหมือนเหรียญสองด้านเลยอ่ะค่ะ<<ในแง่ของการตีความศาสนา) เอาไว้ภาคหน้าอารมณ์แบบนี้ก็ไม่ค่อยจะมีแล้วล่ะค่ะ
^ ^ เหตุผลที่เปรียบเทียบกับนาร์เนียส่วนตัวคุมิว่าไม่เกี่ยวกับหมีพูดได้สักกะติ๊ดเลยนะ = =""?? มันเป็นเพราะอารมณ์รอดูแล้วผิดหวังกับหนังเหมือนกันมากกว่าค่ะ แล้วสองเรื่องนี้ก็เสนอมาในรูปแบบหนังเด็กทั้งสองเรื่องเลยด้วย ครั้นจะยกไปเปรียบกับเรื่องอื่นก็ไม่ค่อยเวิร์ก เพราะภาพที่แล่นมาเรื่องแรกก็คือนาร์เนียนี่แหละค่ะ = A ="
เราว่าสนุกออกนะคะ คุ้มค่ากับการรอคอย แล้วก็อึ้งกับคนคิดฉาก ไม่เหมือนที่เราจินตนาการจากในหนังสือเลย ตอนอ่านนี่ให้ความรู้สึกว่าโลกนั้นน่าจะล้าหลังโลกเราประมาณศตวรรษหนึ่ง แต่พอเห็นรถยนต์กับเรือเหาะแล้วก็บอลลูนก็อึ้งทึ่งไปเลย ทีนี้ก็หายสงสัยสักทีว่าทำไมบอลลูนอันเดียวถึงแบกหมีกับเด็กแล้วก็ตาแก่ไปด้วยกันได้โดยไม่เบียดกันตายเสียก่อนนะ... ส่วนฉากสำคัญๆ เราก็ว่าเค้าเก็บครบนะ แต่รวบโน่นรวบนี่ไปหน่อย ฟิวชั่นตัวละครอีกตะหาก ทำเอาเราสงสารเจ้าหนูยิปซีไปเลย แล้วที่เซ็งก็ฉากที่ไปประชุมกับหัวหน้ายิปซี ในหนังสือเขียนว่าเรือยิปซีทุกลำมารวมกัน เราก็จิ้นเป็นภาพRaftfleetในเกมไว้เรียบร้อย ในหนังกลายเป็นเรือโดดๆ ลำเดียวเอง ส่วนนิโคลนี่สุดยอดมาก เล่นร้ายได้เฉียบขาด เครกก็เล่นเป็นแอสเรียลได้ดิบเถื่อนดี ถ้าใครอ่านหนังสือครบสามเล่มจะรู้สึกเลยว่าสองคนนี้เหมาะกับบท "หญิงร้ายชายเลว" มาก หึๆๆ เสียดายนิดๆ ที่มันทำไม่จบเล่มหนึ่ง ให้ส่วนท้ายไปต่อเล่มสองซะงั้น แล้วก็พอดูจบถึงเพิ่งนึกออกว่าแม่มดในเรื่องไม่ได้ขี่ไม้กวาด เราก็ว่าอะไรมันหายไป เพราะท่าเหาะคุณเธอยังกะนางเมขลาบ้านเรา="= ว่าแต่แม่มดในหนังนอกจากใช้ธนูแล้วยังใช้มีดบินลี้กิมฮวงเป็นด้วยแฮะ สุดยอดจริงๆ=v=b ส่วนไลร่าเราว่าเลือกเอาเด็กโตไปหน่อย หรือเด็กสิบสองบ้านเค้ามันตัวเท่านี้จริงๆ...เราว่าโตกว่าแฮรี่ภาคแรกอีกนะนั่น สงสัยกะให้ถึงภาคสามก็โตพอเล่นฉากlove sceneได้พอดี /me รอดูหน้าพระเอกภาคสองต่อไป ใครจะได้เล่นน้า><
เออ...มันไตรภาคหรอคะ งั้นคงต้องเตรียมหลับหน่อยอาจจะเหมือนลอร์ดภาคแรก ทำได้หลับสุดๆ... เรื่องนี้จริงๆกะไปดูฉาก นิโคล กะลุงเครก.....
ก็...เป็นหนังแนวแฟนตาซีที่มีตัวเอกเป็นเด็กๆ ส่วนตัวแล้วผมว่าน่าเบื่อมากๆ ผมดูไปได้ซักแปปก็เซ็งแล้ว - -" แต่ถ้าใครที่ชอบนาเนีย ก็น่าจะชอบเรื่องนี้นะ ผมรู้สึกว่าอารมณ์ของหนังมันออกจะเหมือนกันพอสมควร
ไปดูกับน้อง น้องยังว่าเลยว่า นางเอกดูโตแปลกๆไม่สมอายุ จุดเด่นของเรื่องนี้ที่ดูแล้วติดใจคงเป็นเรื่องฉาก ชอบบรรยากาศของเมือง สรุปได้คะแนนในด้านนี้ทั้งคนแต่งเรื่องทั้งคนสร้าง เพราะถ้าคนแต่งเรื่องไม่คิดลักษณะเมืองต่างๆของโลกออกมาเป็นแบบนี้ คนสร้างหนังก็คงวาดออกมาเป็นภาพอย่างนี้ไม่ได้ แต่จริงๆแล้วก็ยังไม่เคยอ่านเรื่องนี้เลย สุดท้าย ใครๆเขาไปดูเพราะชอบหมี แต่ทางนี้กลับออกมาแล้วรู้สึกหมั่นไส้หมียังไงชอบกล หมีฝ่ายดีนี่แบบรู้สึกแย่มาก อะไรนะสู้แพ้แล้วเศร้ามาโดนคนมอมเหล้า? ไม่มีเกราะใส่แล้วรู้สึกไม่มั่นใจเลยต้องมาเป็นทาสรับใช้คนเมาไปวันๆ แบบนี้จะแพ้เขาก็ไม่แปลกล่ะ ใจสู้ไม่มีเลย หมีฝ่ายร้ายนี่ก็ออกมาในอาการโรคจิต ฉากที่โผล่ออกมาในมือมีตุ๊กตาอยู่ นึกถึงฆาตกรโรคจิตเลยทีเดียว แต่กับเรื่องนาร์เนียนี่ไปดูโดยที่รู้เรื่องดั้งเดิมอยู่แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เพราะประทับใจตัวละครในเรื่องถึงได้ไปดู อย่างบางฉากที่ออกมา ก็ทำให้รู้สึกขนลุกซู่ได้เลย เพราะเขาแสดงออกมาได้เป็นตามที่เคยอ่านมาจริงๆ
ดูแล้วติดลม จบค้างแบบว่าคนไม่เคยอ่านหนังสือมาสุดยอดแห่งความตื้อ. . . แต่ด้วยความชอบส่วนตัวแล้วแนว fantasy นี่ใช่เลย ชอบคะ ถึงนางเอกจะดวงดีแค่ไหนก็ตามก็ยังบ้าดูต่อไปคะ : P