[ฟิครับสมัคร] White Knight : Gywnfor Guardian *Update 28/11/10*

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย derick, 4 พฤษภาคม 2010.

  1. derick

    derick Member

    EXP:
    339
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    18
    White Knight : Gywnfor Guardian



    บทนำ : บทเพลงแห่งความจริงหรือลวงหลอก





    ‘ท่วงทำนองไพเราะถูกขับขาน
    เอ่ยผสานเสียงดนตรีร้อยบรรเลง
    บอกกล่าวเล่าเรื่องราวมิหวั่นเกรง
    ด้วยบทเพลงแห่งความจริงให้ได้ฟัง

    อันกาลก่อนเมื่อนานนมมีเรื่องเล่า
    ถึงหนุ่มชาวมนุษย์ผู้พลัดถิ่น
    เฝ้าเดินทางค้นหาความเป็นจริง
    ถึงทุกสิ่ง ถึงตัวตนของตนเอง

    จนค้นพบแสงหนึ่งช่วยนำทาง
    แสงสว่างเลอล้ำค่ากว่าแสงไหน
    เขาคือผู้ดำรงตนอยู่เหนือใคร
    ด้วยหัวใจบริสุทธิ์และศรัทธา

    ผู้ถูกล้อมรอบด้วยผู้เหนือมนุษย์
    เป็นที่สุดในโลกกว้างอันไพศาล
    เหล่าบุคคลซึ่งถูกขนานนาม
    ‘ผู้เฝ้ายาม’ แห่งพระเจ้าในโลกันตร์

    แต่ทว่าโชคชะตายังคงหมุน
    ความสมดุลย์ในโลกไม่จางหาย
    เมื่อมีสุขความทุกข์จึงย่ำกราย
    เริ่มหมาดหมายมองเห็นความมืดดำ

    เกิดสงครามเพียงเพราะหนึ่งหยดเลือด
    สีแดงเดือดร้อนระอุทุกหย่อมหญ้า
    ด้วย ‘พระเจ้า’ ที่เล่าขานกำเนิดมา
    บนแผ่นดินเธียอาร์อันสมบูรณ์

    ต่างมุ่งหวังแย่งชิงเพื่อประสงค์
    เพื่อมั่นคงในยศศักดิ์ ในอำนาจ
    เพื่อเก่งกาจ เพื่อรุ่งโรจน์ สมปรารถนา
    เพื่อค้ำฟ้า เพื่อนิรันดร์ เพื่อตนเอง

    ผู้ถูกเปรยเป็นพระเจ้าต้องหม่นหมอง
    เมื่อถูกมองเป็นสิ่งของแทนมนุษย์
    เฝ้าร่ำร้องอ้อนวอนเพียงอยากหยุด
    กิเลสหนาของมนุษย์ให้เบาลง

    จนเรื่องราวลุกลามดั่งเปลวเพลิง
    ดั่งน้ำเติ่งเจิ่งนองไม่ขาดสาย
    ยิ่งมากคนมากชีวิตมากความตาย
    แล้วสุดท้ายก็พ่ายพังผิดหวังลง

    ถึงกาลหนึ่งตัดสินใจอย่างแน่วแน่
    ยุติแท้ความโลภโมและโทสัน
    ยอมลบล้างชีวิตเพื่อปิดกั้น
    ทางเส้นนั้นอันนำพาสู่เรื่องราว

    ปิดหูลบล้างเสียงเคยได้ยิน
    ปืดตาลบล้างภาพเคยได้เห็น
    ปิดสมองล้างความจำเมื่อยามเป็น
    ปิดทุกสิ่งให้ซ่อนเร้นตลอดกาล

    ผ่านเวลาล่วงเลยมานานนับ
    มีเพียงเสียงกับถ้อยคำที่ขับขาน
    บอกกล่าวเล่าเรื่องราวในนิฬกาล
    อันมิอาจพบพานได้ในบัดดล’





    ทุกคืนวันแรมสิบห้าค่ำของปี เสียงร้องอันไพเราะของชายหนุ่มวณิพกผู้หนึ่งมักจะดังก้องทั่วลานกว้างในตัวเมืองหลวงของนครแห่งแสงสว่างและศาสนา บอกเล่าเรื่องราวที่ไม่มีในตำนานให้รับรู้ คล้ายกับต้องการสร้างสรรค์นิทานเรื่องใหม่ขึ้น

    เคยมีคนเอ่ยถามเขาถึงที่มาที่ไปของบทกลอนอันหาความจริงไม่ได้นั่น แต่คำตอบที่ได้รับกลับทำเอาคนถามต้องเงียบฟัง

    เขาเอ่ยตอบผู้ถามด้วยรอบยิ้มที่แต้มบนริมฝีปากว่า

    ‘เราคือวณิพก มีหน้าที่เพียงบอกเล่าเรื่องราวเท่านั้น’
    ‘เราคือวณิพก ผู้มีหน้าที่เรียงร้อยเรื่องราวให้เป็นบทเพลงเท่านั้น’
    ‘เราคือวณิพก ผู้ขับร้องแต่บทเพลงแห่งความจริงเท่านั้น’​


    หากนี่คือความจริงของโลกที่ถูกลืมเลือนไป แล้วสิ่งที่พวกเขายึดถือกันมาตลอด สิ่งที่กราบไหว้บูชาราวพระเจ้าผู้ให้กำเนิดตนนั่นล่ะคืออะไร?

    เป็นบทเพลงแห่งความจริง
    หรือ
    เป็นบทเพลงแห่งการลวงหลอก​



    ‘มนุษย์มักงมงายในสิ่งที่ตนเชื่อ และเพราะแบบนั้นมนุษย์จึงได้โง่เขลา’​






    ======================================​








    Talk : บทนำมาแล้ววววววววววววววว~ 5555 มาเป็นกลอนอีกแล้ว หลายคนอาจคิดว่าผมชอบ ซึ่งจริง ๆ แล้วผมชอบครับ [action]โดนคนอ่านเตะ[/action]
    มาพูดถึงส่วนของเรื่องราวกันบ้าง บทเพลงนี้เกี่ยวข้องกับตัวนิยายหลักอย่างไรไม่รู้ ไม่บอก เดี๋ยวเฉลย กร๊ากกกก!! ตอนนี้เจอปัญหาหนักอกมากมายมหาศาล คือไม่รู้จะเอาใครมาเป็นตัวเอกดีล่ะ เหอ ๆ พลิกพลอตเรื่องไปมาสามล้านสี่แสนตลบ เอาเป็นว่าจะรีบคิดแล้วรีบออกมาให้ว่องที่สุดนะครับ (ไม่เชิงว่าเป็นตัวเอกหรอกครับ แค่เป็นตัวที่เอาไว้ใช้สอยได้บ่้อย ๆ น่ะ 555)

    จะตีสาม....ไปนอนก่อนดีกว่าผม OTL

    ปล.ช่วงนี้เวิ่นเว้อจริง ๆ งานก็ยังไม่เสร็จเลยนะเนี่ย 5555
  2. train

    train Member

    EXP:
    498
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    มาแล้ว!? เหลือเชื่อจริงๆที่บทนำมาไวว่องขนาดนี้ =[]=!?
    กลอนก็ดีนะมี๊ =v=b
    สู้ต่อไปเน้อ *-*/
  3. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    วณิพกดีดกีต้าร์ ! ชอบฉากเปิดแบบนี้แฮะ

    บทนำออกมาแล้ว เป็นสัญญาณการตามมาของบทจริงที่ดีใช่มะ /me ถูกนุ๊กกี้บีบคอ
  4. aquafay

    aquafay Member

    EXP:
    97
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    บทนำสุดยอดมากครับ ป้านุ๊ก มาเป็นกลอนเลยทีเดียว
  5. Randolp

    Randolp Member

    EXP:
    56
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    กลอน ไพเราะมากครับ

    รออ่านตอนต่อไปครับ

    ยิ่งที่วณิพก พูดนะครับ เท่มากเลย อุอุ*.*
  6. herarn9999

    herarn9999 New Member

    EXP:
    237
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    หืมมมม ไม่ได้อ่านฟิคป้านาน ป้าบรรยายดีขึ้นมากกกกกก เลยอ่ะ
    แต่ก่อนจะห้วนๆไงไม่รู้ เดี๋ยวนี้ลื่นมากเลยแฮะ

    สุดยอดๆ O_Ob
  7. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    /me นอนกลิ้งไปกลิ้งมารอตอนแรก

    :pend:
  8. Ryuto

    Ryuto 終わる道、始まる夢

    EXP:
    964
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    88
    ผมอ่านแล้วชอบประโยคสุดท้ายแฮะพี่นุ๊ก

    ‘มนุษย์มักงมงาย ในสิ่งที่ตนเชื่อ และเพราะแบบนั้นมนุษย์จึงได้โง่เขลา’

    ประโยคนี้โดนๆไงไม่รู้ 5555555+

    บรรยายได้เทพมากอ่ะีพี่(จริงๆนะ) ผมเป็นพวกอ่อนกลอนแต่ชอบอ่าน

    รอติดตามอยู่นะพี่ >w<

    ป.ล.กำลังหาไฟแต่ง OTL
  9. PaiaAznable

    PaiaAznable มนุษย์ตู้ปลาช้ำรัก

    EXP:
    744
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    บทกลอนสุดยิดครับพี่(รุ้สึกได้ว่าตัวเองอ่อนด้อย ฮาา) จะรอตอนแรกต่อไปด้วยใจระทึกต่อไปนะขอรับ >w<
  10. shinkyoto

    shinkyoto Well-Known Member

    EXP:
    580
    ถูกใจที่ได้รับ:
    3
    คะแนน Trophy:
    88
    ถ้าตามสายตาของนักการทหาร

    บทกลอนที่ไร้การชี้นำ และ เสริมกำลังใจ หากเป็นคนขวัญอ่อน หรือ คนคล้อยตามได้ง่าย ก็จะถูกชักจูงให้คล้อยตามไปกับบทกลอนโดยง่าย

    "นักการทหารย่อมคิดถึงความเสี่ยงเป็นอันดับแรก"


    เป็นบทนำที่ชวนให้คล้อยตาม แต่ก็รู้สึกขัดแย้งกับตัวกลอนด้วย :penhappy:
  11. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    เป็นบทนำที่ไม่ธรรมดาชวนให้ติดตามตอนที่ 1 มากๆ เรื่องเล่าจากวณิพก มักจะไม่ธรรมดา อยู่เสมอ แต่ขอซูฮก ในฐานะนักเขียนสมัครเล่นคนหนึ่ง กับ ความสามารถในด้านการร้อยเรียงบทกวียิ่งนัก (ซึ่งผมเองก็คงทำไม่ได้เช่นกัน)
  12. derick

    derick Member

    EXP:
    339
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    18
    บทเรียนที่ 1 : ว่าด้วยเรื่องของความบังเอิญ









    เสียงอันไพเราะของท้องทะเลที่สร้างคลื่นให้สาดซัดไปตามกระแสลมอันไม่เคยหยุดนิ่งช่างฟังดูเสนาะหูเสียนี่กระไร กลิ่นเค็มจากน้ำสีครามใสเบื้องล่างราวกับกลิ่นแห่งอิสรภาพ มันหอมหวานจนทำเอาเด็กสาวเจ้าของผมสีน้ำเงินเข้มยามออกสู่แสงแดดเคลิบเคลิ้มหนัก

    “อ้า~ในที่สุดก็ได้ไปสักที รอฉันก่อนนะ!!” เธอเปล่งเสียงร้องท่ามกลางพื้นที่ของดาดฟ้าเรือโดยสารลำใหญ่ ดวงตาสีฟ้าสดกวาดมองโดยรอบ “ว่าแต่คนน้อยกว่าที่คิดมากเลยนะเนี่ย”

    ถ้าจำไม่ผิดทุกช่วงฤดูกาลนี้ของปี เรือโดยสารขนาดยักษ์ที่นำพาผู้โดยสารข้ามสู่เขตดินแดนโดยรอบโลกเธียอาร์อันกว้างใหญ่จะมีจำนวนผู้มาใช้บริการมากมายจนแน่นขนัด ขนาดเธอที่มักได้แต่ยืนมองอยู่ริมท่ายังรู้สึกอึดอัดแทน

    ก็เพราะมันเป็นฤดูกาลแห่งการเข้าโรงเรียนนี่นา!!

    แน่ล่ะว่าปีนี้เธอก็ดั้นด้นขวนขวายออกจากแดนตะวันตกอันแสนเคร่งครัดได้ด้วยความช่วยเหลือจากเหล่าทหารรับจ้างผู้ใจดี ซึ่งการที่จะหลุดพ้นจากกฎเหล็กอันหนาชั้นเสียยิ่งกว่าปราการรบเนี่ยมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ หรอกนะ

    เธอไม่เข้าใจว่าทำไมแดนตะวันตกถึงได้พยายามห้ามนักห้ามหนาไม่ให้ผู้คนภายในออกสู่โลกภายนอก ยิ่งการติดต่อกับแดนเหนือหรือการเข้าโรงเรียนที่แดนตะวันออกยิ่งแล้วใหญ่

    ถ้าไม่ติดว่ามีกฎพันธะซึ่งร่างไว้เมื่อหลายสิบปีก่อนสมัยเกิดเหตุการณ์ ‘สงครามเลือด’ แล้วล่ะก็มีหวังเธอได้จมปลักอุดอู้กลายเป็นนักโทษในรั้วกำแพงเหล็กสูงเสียดฟ้านั่นแน่ ๆ

    คิดแล้วรู้สึกดีเป็นที่สุด แขนเรียวยาวสมรูปร่างเหยียดขึ้นสุดกำลัง บิดไปมาไล่ความเมื่อยล้าออกจากร่าง “อยากให้ถึงเร็ว ๆ จังน้า~”

    พลันดวงตาสีฟ้าแลเห็นบุคคลสองคนสวมชุดคลุมสีเข้มจนเกือบดำปกปิดร่างกายและใบหน้า เดินตรงไปยังลูกเรือคนหนึ่งซึ่งกำลังทำความสะอาดอยู่อย่างมีเป้าหมาย แล้วพูดคุยอะไรบางอย่างที่เรียกให้คนฟังแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาให้เห็น

    “มันอะไรกันน่ะ??” เธอพึมพำกับตนเองเบา ๆ ก่อนมองซ้ายมองขวาโดยรอบ

    จำนวนคนที่น้อยนิดบนเรือนั่นแทบไม่มีปฏิกริยาหรือสนใจอะไรรอบกายนอกจากเรื่องของตัวเองเลยสักนิด “ไร้น้ำใจกันจริง ๆ!” น้ำเสียงสดใสเอ่ยด้วยความหงุดหงิด

    ไม่รู้ว่าเสียงของเธอที่ร้องออกมามันดังไปหรืออย่างไร ทำให้หนึ่งในชายผู้น่าสงสัยนั้นหันหน้ามองและย่างเท้าเข้าหา ร่างเล็กเมื่อเทียบกับความสูงร่วมหกฟุตของอีกฝ่ายค่อย ๆ ขยับกายถอยเพื่อตั้งหลัก

    ยิ่งเงาร่างอันสูงใหญ่ทาบทับบดบังรัศมีของดวงอาทิตย์มากเท่าไหร่ เธอยิ่งรู้สึกว่าลมหายใจของเธอยิ่งติดขัดมากขึ้นเท่านั้น

    จนเมื่อชายผู้นั้นหยุดยืนห่างจากเธอไปเพียงก้าวเศษ ๆ เด็กสาวจึงรวบรวมความกล้าเกือบทำหล่นหายไปขึ้นมาอีกครั้ง “มีอะไรหรือคะ?”

    หลังจากคำถามไม่นานคนฟังก็เปล่งเสียงหัวเราะขึ้น เขาค้อมกายลงอย่างให้เกียรติแล้วปลดหมวกคลุมด้านบนออกพอให้เห็นใบหน้าและสีผมได้ชัดเจน “ขออภัยที่เสียมารยาทสาวน้อย” น้ำเสียงฟังดูอารมณ์ดีเอ่ย

    ดวงตาสีฟ้าเงยสบกับดวงตาสีดำสนิท ทรงผมชี้ตั้งสีแดงเข้มยิ่งทำให้รู้สึกไม่น่าไว้ใจ “มีอะไรกับฉันหรือคะ?”

    “นั่นสินะ....จริง ๆ ฉันอยากจะถามเธอเหมือนกันว่ามีอะไรกับเรารึเปล่า เพราะเห็นเธอเอาแต่จ้องพวกเราไม่เลิก แถมยังบ่นว่าไร้น้ำใจอีก” ชายคนนั้นเหยียดยิ้มจนตาเรียวเล็กนั่นแทบปิดลง

    เด็กสาวถึงกับอ้าปากค้างให้กับคำเอ่ยย้อนถามนั่น เริ่มรู้สึกว่าตนเองเป็นฝ่ายเสียมารยาทก่อนจริง ๆ สินะ?? “เอ่อ....คือ...ขอ....”

    พลั่ก!!

    เสียงบางอย่างดังลั่นเรียกให้คนจะเอ่ยขอโทษเหลือบมอง ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ชายน่าสงสัยอีกคนหนึ่งมายืนอยู่เบื้องหลังคู่สนทนาของเธอ และไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มือเรียว ๆ นั้นจงใจฟาดลงไปบนกะโหลกศีรษะที่เต็มไปด้วยเส้นผมตั้งสีแดงเข้ม

    ดูเหมือนว่าคนที่ตัวเล็กกว่าจะไม่ได้เกรงกลัวรัศมีบางอย่างซึ่งแผ่ออกมาจากคนถูกทำร้ายทีเผลอเลยสักนิด “ทำอะไรของนายวะนิล!!”

    พลั่ก!!

    คนถูกเรียก นิล ยกมือขึ้นตบกะโหลกเดิมอีกที ดวงตาสีน้ำตาลทองบนใบหน้าแสนจริงจังตวัดมอง “ฉันจำได้ว่าบอกให้นายมาบอกกับเธอ ไม่ใช่ให้มายืนทำไร้สาระนะซิน” เขาก้าวเลยร่างสูงกว่าออกมาเล็กน้อย “ที่สำคัญฉันบอกนายกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกฉันด้วยชื่อนั้น”

    ดวงตาที่ไม่แม้แต่จะจ้องมองคู่สนทนากลับมองมาที่เด็กสาวเบื้องหน้าแทน “รบกวนเธอช่วยเข้าไปยังห้องโดยสารด้านในที”

    “อะ....คะ???” ผู้ฟังทำหน้าเป๋อเหลอ งงงวยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและพฤติกรรมของคนทั้งสอง

    หากดูเหมือนอะไรบางอย่างไม่ได้รอคอยให้พวกเขาทั้งสามสนทนากันให้เสร็จสิ้นตาม เรือขนาดใหญ่ที่ไม่สะเทือนแม้โดนคลื่นลมแรงกลับโคลงไปมาอย่างหนักจนเรือแทบเอียงล่ม น้ำทะเลภายนอกกระเซ็นซัดเข้ามาอย่างกับกาบเรือด้านใดด้านหนึ่งพังลงไม่อาจกั้นกระแสน้ำจากเบื้องนอกได้

    เจ้าของผมสีแดงตั้งผิวปากเบา “ท่าทางแขกจะมาเร็วกว่าที่นัดไว้นะเนี่ย” รอยยิ้มแสยะจนเห็นเขี้ยวขาวซีกเล็ก

    เด็กสาวผู้ตื่นตระหนกพยายามหาหลักยึดให้มั่น เหตุการณ์ชั่วเสี้ยววินาทีที่เกิดขึ้นทำเอาเธอเกือบไหลลงทะเล “มันอะไรกันเนี่ย?!!” เสียงใสร้องลั่น ดวงตาสีฟ้ากวาดมองผู้โดยสารเพียงน้อยนิดซึ่งเคยนั่งอยู่บนดาดฟ้า

    ความตกใจเรียกให้อารมณ์ของเธอเริ่มไม่สงบนิ่ง “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?? คนอื่น ๆ ไปไหนหมด?? หรือว่าตกทะเลไปแล้ว??? ไม่นะ!!!” คนร่ายยาวชะเง้อคอมองทั้งที่มือยังคงกอดเสากระโดงเรือแน่น

    ดวงตาสีน้ำตาลทองสบมองท่าทีลนลานนั้นอย่างเชื่องช้า ดูเหมือนว่าคนทั้งสองจะสามารถยืนได้มั่นคงโดยไม่จำเป็นต้องอาศัยหลักยึดใด ๆ “ซิน....นายพาเธอไปหลบในห้องพักผู้โดยสารด้านในก่อน แล้วคอยดูแลพวกเขาให้ดีด้วย”

    “เรื่องดิ งานสนุก ๆ แบบนี้จะให้พลาดได้ไง อยู่แต่ในโรงเรียนอุดอู้จะตาย มีโอกาสทั้งทีมันต้องใช้ให้เต็มที่หน่อย” เจ้าของเสียงยังคงไม่คลายรอยยิ้มจากริมฝีปาก

    ฉับพลันดาบขนาดยาวเกือบสี่ศอกก็ปรากฏขึ้นในมือทั้งสองข้างของผู้เตรียมพร้อม มันมีสีเงินเหลือบดำยาวเรียวตั้งแต่หัวจรดปลายดาบ กั่นสั้นเหมือนถูกสร้างขึ้นมาเพียงเพื่อแบ่งแยกสัดส่วนของดาบให้ชัดเจน

    คนออกคำสั่งตอนแรกได้แต่หายใจทิ้ง แล้วมองไปยังเด็กสาว “เธอเข้าไปด้านในเองได้ไหม?” ประโยคคำถามที่ดูไร้มนุษย์สัมพันธ์เอ่ยแผ่วพอให้ได้ยิน

    ผู้ถูกถามเหลือบมองไปยังประตูห้องโดยสารที่อยู่ห่างออกไปหลายช่วงตัว ก่อนพยักหน้ารับคำ “อืม!”

    แต่เพียงแค่จะละจากเสากระโดงเรือที่ยึดเกาะอยู่แล้วก้าวเดินยังทิศทางเป้าหมายนั้น เรือยักษ์เจ้ากรรมมันก็โคลงเอนไปอีกฝั่งเสียจนกาบเรือด้านหนึ่งแทบจะลงไปแนบบนน้ำทะเล “หวา!!!”

    เด็กสาวรู้สึกว่าร่างของตนกำลังไหลไปตามการเคลื่อนไหวของตัวเรือ มันรุนแรงเสียจนทำเอาเธอเริ่มเกิดอาการผิดสำแดง ท้องปั่นป่วนคลื่นไส้หนักจนอยากอาเจียน “อุ....” มือเล็กรีบยกขึ้นอุดปาก

    เรี่ยวแรงที่เหนี่ยวรั้งหลักยึดเริ่มอ่อนลงตามอาการที่หนักขึ้น “จะ....ไม่ไหว....แล้ว....”

    ในวินาทีที่ราวกับร่างกายหลุดลอยออกจากตัวเรือนั่นเอง ใครบางคนก็คว้าเธอขึ้นมาได้ทันท่วงที สัมผัสเย็นจากลมเบื้องบนทำให้ร่างที่เปียกปอนด้วยน้ำทะเลทั้งตัวต้องขนลุก

    พอเห็นว่าร่างของตนกำลังถูกอุ้มด้วยมือเพียงข้างเดียว และกำลังลอยอยู่เหนือลำเรือพร้อมคนทั้งสอง เธอก็ร้องโวยวายหนัก “อ๋า!! ปล่อยนะ!!!!!!!!...”

    ผู้ช่วยเหลือไม่ได้สนใจฟังเลยสักนิด เหมือนกับว่ากำลังอุ้มอะไรบางอย่างที่ไม่ได้เป็นมากไปกว่ากล่องใส่ของใบใหญ่สักใบ ที่น่าสนใจกว่าคงเป็นดวงตาของคนทั้งคู่ที่เอาแต่จับจ้องบางสิ่งบางอย่าง เรียกให้เธอต้องก้มลงมองตาม

    และลมหายใจของคนโวยวายกลับต้องชะงักเมื่อเห็นภาพที่ปรากฏเบื้องล่าง....

    มันเป็นสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ที่มีหนวดยาวคล้ายปลาหมึก กำลังพยายามจะจมเรือโดยสารซึ่งดูเล็กไปถนัดตาหากเปรียบเทียบกับตัวมันลง เสียงกรีดร้องแห่งความหวาดกลัวและคำสวดภาวนาอ้อนวอนต่าง ๆ ดังขึ้นมาจากภายในห้องโดยสารบนเรือ

    “ทำอะไรสักอย่างสิ!” เธอแหงนหน้ามองคนทั้งคู่

    ชายเจ้าของดวงตาสีน้ำตาลทองซึ่งยังคงปกปิดตัวเองอยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีเข้มโยนร่างของเด็กสาวส่งให้กับผู้ที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย เธอสะดุ้งพลางส่งเสียงกรีดร้องดังด้วยความตกใจ “อ๊า!!!!!!!!!!!” ดวงตาสีฟ้าปิดลงแน่น

    “อ้าวเฮ้ย!!” คนอ้าแขนรับด้วยปฏิกริยาของร่างกายร้องขึ้น “อะไรของนายวะ??!!”

    “ถ้าเป็นแบบนี้เรือล่มแน่......” อีกฝ่ายพูดเสียงเบาจนกระแสลมแรงเบื้องบนกลบมันลงจนหมด

    “หา?? ว่าไงนะ???!!” ชายหนุ่มผมแดงตะโกนดัง

    “อยู่เฉย ๆ แล้วดูแลเธอให้ดี” คราวนี้เป็นน้ำเสียงเรียบเฉยที่ดังชัดถ้อยชัดคำ ปลายนิ้วของผู้พูดชี้ไปยังผู้ถาม

    เสี้ยววินาทีวงเวทย์ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นบนผืนน้ำทะเล มันเป็นสีขาวสว่างจ้าราวกับแสงแรกของดวงอาทิตย์ ไล่เรื่อยไปตามอักขระโบราณที่ปรากฏคล้ายกับมีผู้จับปากกาเขียนหมึกสีขาวสว่างเช่นแสงแรกนั้นลงไป

    ตูม!!

    เด็กสาวเห็นเพียงน้ำทะเลที่บีบอัดแน่นแล้วระเบิดออกโดยรอบวงเวทย์นั้น ภายใต้ธารน้ำจากปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติเธอรู้สึกเหมือนมีเงาร่างของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่บางอย่างกำลังเคลื่อนไหว

    ม่านน้ำแหวกออกทีละน้อย พร้อมกับเสียงลมหายใจดังราวฟ้าผ่า “นะ....นั่นมัน......”

    “หึ....เอาจนได้สินะ....” ชายผู้อุ้มเธออยู่หัวเราะในลำคอเบา ๆ ดวงตาสีดำสนิทของเขากำลังเบิกกว้างด้วยความพึงพอใจบางอย่าง

    เธอมองไปยังม่านน้ำนั้นอีกครั้ง ตอนนี้สิ่งที่เห็นคือร่างของสัตว์ขนาดยักษ์ มีใบหน้าคล้ายกับมังกร ใบหูเป็นครีบเหมือนพวกเงือก ลำตัวยาวมีเกล็ดคล้ายมังกรทะเล เล็บทั้งห้าบนมือและเท้าทั้งสองโก่งยาวดูแข็งแกร่ง

    รู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน..... “เอ....”

    “ฝากด้วยนะดาร์ย่า....” ริมฝีปากของผู้อยู่ภายใต้ชุดคลุมว่าให้ได้ยิน

    ดาร์ย่า?.....ชื่อของเจ้าสัตว์ตัวนั้นอย่างงั้นหรือ??

    ดวงตาใสราวท้องทะเลสีครามของมันหันมองผู้กล่าว แล้วมุ่งหน้าร่อนลงยังเจ้าอสูรกายยักษ์ที่พยายามจะกลืนกินเรือทั้งลำลงด้วยความรวดเร็วปานสายลม

    เจ้าอสูรกายยักษ์พอเห็นศัตรูเข้ามาใกล้ก็ละทิ้งลำเรือ แล้วมุดตัวลงยังใต้ท้องทะเลคล้ายกับต้องการหลบหลีกการโจมตีด้วยคิดว่าไม่มีผู้ใดอีกแล้วที่จะมีชัยเหนือไปกว่ามันภายในห้วงมหรรณพแห่งนี้

    หากว่าคิดผิด...สัตว์ยักษ์ตนนั้นพุ่งลงสู่ท้องทะเลแล้วดำดิ่งตามลงไปเหมือนรู้จุดหมายปลายทางที่แน่นอน ก่อนเสียงกรีดร้องเบื้องล่างซึ่งลึกอย่างไม่อาจหยั่งถึงจะดังรุนแรงจนทำเอากระแสคลื่นบนท้องทะเลปั่นป่วนหนัก

    คล้ายกับมหาสมุทรกำลังพิโรธหนัก เด็กสาวมองท้องทะเลกับเรือโดยสารลำยักษ์สลับไปมาอย่างเป็นกังวล “นี่! ถ้าปล่อยไว้แบบนี้เรือต้องล่มแน่ ๆ ทำอะไรเข้าสักอย่างสิ!!”

    คนฟังแสยะยิ้ม “ไม่ต้องห่วงหรอก อีกเดี๋ยวก็จบ” กล่าวจบดาบในมือทั้งสองข้างก็พลันหายไปเหมือนน้ำแข็งที่ระเหิดเพราะความร้อน

    แค่เพียงพักเดียว....พักเดียวจริง ๆ ท้องทะเลที่เคยปั่นป่วนหนักก็สงบลงเป็นปรกติเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น เรือที่โคลงเคลงไปมาจะร่มแหล่มิล่มแหล่ก็ตั้งตรงเหมือนเก่า คล้ายกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงแค่ความฝัน หากไม่ติดว่าสภาพเรือเหมือนเพิ่งผ่านสนามรบมาล่ะก็นะ.....

    “อะ....อะไรน่ะ???”

    ผู้เอ่ยนาม ‘ดาร์ย่า’ ค่อย ๆ เคลื่อนกายตนลงบนดาดฟ้าของตัวเรือที่หักพังไม่สมประกอบ ตามด้วยชายที่อุ้มเธอและร่างของเธอที่ถูกโยนลงบนพื้นไม้บริเวณนั้น

    “น่าแปลกที่นายใช้เธอ” ซินเอ่ยถาม

    คนถูกถามไม่ได้มองตอบ หากแต่ยังคงจ้องไปยังผืนทะเลสีครามที่นิ่งสงบลง “ชักช้าไปรังแต่จะยิ่งสูญเสีย” เขาตอบ

    “ดะ....เดี๋ยวก่อน นี่มันอะไรกัน??” เด็กสาวหยัดกายยืนอย่างยากลำบาก รู้สึกว่าขาทั้งสองข้างของตนอ่อนแรงมากจนแทบทรุดลงอีกครั้ง

    ไม่ทันจะได้ตอบคำถามบางสิ่งบางอย่างก็ปรากฏเหนือท้องทะเล ประกายดวงตาสีน้ำตาลทองที่บ่งบอกถึงความยินดีเผยพร้อมกับการก้าวย่างสู่ขอบเรือที่หักพังลงเป็นระยะ

    ร่างของหญิงสาวสวยผมยาวสีครามจรดปลายเท้าลอยเหนือผืนน้ำเข้ามาใกล้ เธอมีผิวสีขาวจนแทบซีด ดวงตาคมกริบสีเดียวกับเส้นผม รูปร่างอรชนงดงามภายใต้ผืนผ้าสีขาวขุ่นโอบพันโดยรอบ บนหน้าผากของเธอมีสัญลักษณ์บางอย่างชัดเจนราวกับถูกเขียนด้วยน้ำหมึกสีฟ้าเข้ม

    “อาร์นีล นายแห่งข้า....” เธอคุกเข่าลงแล้วค้อมคำนับแสดงถึงความจงรักภักดี

    ชายหนุ่มยิ้มรับ ปลดฮูดด้านบนลงเปิดเผยใบหน้าแสดงความจริงใจกลับ “ขอบคุณมากดาร์ย่า” เขากล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง

    เด็กสาวมองภาพตรงหน้านิ่ง ก่อนค่อย ๆ เบือนสายตาไปจ้องมองเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลสั้นดูยุ่งนั่น “นี่มัน....อะไรกัน.....เนี่ย?...”

    บัดนี้เธอรู้สึกว่าตนเองอยู่นอกสายตาไปเสียแล้ว หันมองทางหนึ่งก็เป็นชายหนุ่มนามอาร์นิลคุยกับคนลักษณะประหลาด พอหันมองอีกทางหนึ่งก็เป็นชายหนุ่มซึ่งถูกเรียกว่าซินกำลังคุยกับพวกผู้โดยสารและคนเรืออยู่

    “ไม่เป็นไรใช่ไหมแม่หนู?” แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงชราหนึ่งดังขึ้นถาม เธอแทบรู้สึกอยากเข้าไปกอดรัดอีกฝ่ายให้แน่นจนขาดใจตายไปข้างหนึ่งจริง ๆ

    “มันเกิดอะไรขึ้นกันคะ??” เมื่อถามด้วยมิตรมาเธอก็ตอบด้วยมิตรกลับ

    “อ่อ....ท่าทางจะไม่เคยขึ้นเรือสินะ?”

    หญิงชราถาม เธอพยักหน้าตอบ

    “ช่วงนี้ของทุกปีมักจะมีเจ้าโอโทปออกอาละวาดตลอด สองวันก่อนก็จมเรือไปตั้งหลายลำ พวกสมาคมนักเดินเรือเขาก็เลยจ้างวานให้พวกไวท์กาเดี้ยนมากำจัดน่ะ”

    โอโทป....? คงเป็นเจ้าสัตว์ประหลาดตัวยักษ์เมื่อครู่สินะ?? แล้ว....ไวท์กาเดี้ยน.... “เอ๋!!! ไวท์กาเดี้ยนยังงั้นหรือคะ??!!!”

    “ดูเหมือนจะแบบนั้นนะ....แต่แปลกที่ไม่เห็นใส่เครื่องแบบกันมา ปรกติจะเห็นเป็นชุดสีขาวตลอด” หญิงชราคนเดิมกอดอกพลางขบคิดตาม

    เด็กสาวหันมอง จากที่เคยได้ยินมาพวกไวท์กาเดี้ยนถือเป็นนักเรียนที่มีความสามารถในระดับสูง ซึ่งทุกคนจะได้รับการคัดเลือกจากโรงเรียนที่ตนสังกัดอยู่ให้รับมอบตำแหน่งพิเศษ นอกจากสิทธิในการเข้าออกดินแดนได้อย่างเสรีแล้ว ยังสามารถทำงานจากภารกิจที่ได้รับการจ้างวานโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการที่ยุ่งยากเหมือนพวกทหารรับจ้างโดยทั่วไปด้วย

    ใช่แล้ว....และนี่คือจุดประสงค์ ด่านแรกที่จะก้าวสู่ความฝันของการเป็น ‘ไวท์ไนท์’ ของเธอ!!

    “.....หนู....แม่หนู....” หญิงชราร้องทักเมื่อเห็นว่าเธอไม่ตอบรับคำ

    “อะ..คะ???”

    “เรือคงไปต่อไม่ไหวแล้วล่ะ เราคงต้องลงเรือลำเล็กเพื่อไปยังที่ที่ใกล้ที่สุดก่อน”

    “เอ๋!!! ที่ ๆ ใกล้ที่สุด....มันยก็แดนตะวันตกไม่ใช่หรือคะ??!!!” เธอถึงกับทะลึ่งพรวดลุกขึ้นด้วยความตกใจ

    หญิงชราพยักหน้ารับด้วยความงงงวย “ก็ใช่น่ะสิจ๊ะ....นี่เรายังไม่พ้นน่านน้ำของแดนตะวันตกเลยนะ”

    “แต่หนูต้องรีบไปสมัครเข้าโรงเรียนนะคะ!!!”

    “ไปอยู่ไหนมาสาวน้อย โรงเรียนเขาปิดรับสมัครไปตั้งแต่เมื่อ 3 วันก่อนแล้ว” เสียงหนึ่งที่เพิ่งได้ยินไปเมื่อไม่นานดังขึ้นอีกครั้ง

    คนถูกทักหันขวับมอง ใบหน้าของเธอดูซีดเผือดด้วยความตกใจหนัก “เอ๋??!!!” ร่างเล็กแทบจะกระโดดเข้าคว้าคอเสื้อคนที่สูงกว่าตน “ปิดไปแล้ว??!! ได้ยังไงกัน??!!”

    “จะกลับกันรึยังซิน?” อาร์นิลเดินมาถามเพื่อนเมื่อจัดการทุกอย่างบนเรือเรียบร้อยแล้ว

    “เอาสิ” ซินตอบรับ

    กลับ....กลับงั้นหรือ?? เด็กสาวกระโจนเข้าหาคนเอ่ยปากชวนกลับทันที “กลับ?? กลับไปไหนคะ???”

    “ก็กวินฟอร์น่ะสิ” เจ้าของผมสีแดงกอดอกมอง

    “ไปด้วยนะคะ! นะคะ ๆ!! ให้ฉันไปด้วยนะคะ!!!” เธอแทบจะลงไปคุกเข่าขอร้องบนพื้นเรือที่ชุ่มไปด้วยน้ำทะเล ดวงตาสีฟ้าใสเริ่มคลอหน่วยอย่างหมดหวัง

    อาร์นิลมอง “เธอจะไปทำอะไร? ในเมื่อเขาปิดรับสมัครไปแล้ว”

    เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมอง “ไม่เป็นไรค่ะ!! ฉันจะไปลองขอท่านอาจารย์ดู ก็แค่รับสมัครยังไม่ได้รับเข้าโรงเรียนเสียหน่อย”

    คนเริ่มถามมองดวงตาที่เป็นประกายนั่นด้วยท่าทีนิ่งเงียบเช่นเดิม “เรื่องสำคัญอย่างหนึ่งของผู้เป็นนักเรียนคือการตรงต่อเวลา”

    คำพูดที่สวนมาเล่นเอาคนฟังจุกอก ได้แต่ก้มหน้าเงียบ ทำหน้าจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เล่นเอาซินปล่อยเสียงหัวเราะก๊ากออกมาอย่างสุดจะทานทน “ฮ่า ๆ ใจเย็น ๆ อย่าไปกลัวขนาดน้าน นิล! แกก็ไปขู่น้องเขาเสียน่ากลัวเชียว”

    คนโดนเรียกนิลเหลียวมองด้วยสายตาไม่พอใจ แต่ดูท่าว่าคนเรียกจะไม่สะท้านสะเทือน “มากับพวกเราแล้วกัน ที่เหลือก็ให้เป็นเรื่องของเธอ บางทีนะ....การที่เธอมาอยู่บนเรือลำนี้แล้วพบกับพวกเราอาจเป็นเรื่องบังเอิญที่โชคดีสุด ๆ เลยก็ได้”

    เด็กสาวแอบเห็นด้วยนิด ๆ เหมือนกัน เพราะไม่อย่างนั้นโอกาสที่เธอจะสามารถไปอ้อนวอนขอความเห้ฯใจอาจเหลือเพียงแค่ศูนย์แทน “ขอบคุณมากค่ะรุ่นพี่!!”

    “อะไรกัน ๆ ยังไม่ทันจะเข้าเรียนได้เลยนะ” ซินหัวเราะ

    ใบหน้าน่ารักแย้มยิ้มอย่างมั่นใจ “ไม่ต้องห่วงค่ะ!! ฉันต้องเข้าได้แน่นอน!!!”

    “โอ้....แจ๋วไปเลย พี่ชื่อ ซินเกล เฮอร์อาร์น ยังไงก็ฝากตัวด้วยนะคุณรุ่นน้อง”

    “ฟารันต์ นาการัช ค่ะ!! ฝากตัวด้วยเช่นกันนะคะ” เธอค้อมศีรษะ

    ดวงตาสีน้ำตาลทองจ้องมองคนทั้งคู่ “งั้นนายก็กลับไปกับเธอก็แล้วกันซิน....” พูดจบก็เดินหันหลังกลับไปหาดาร์ย่าที่ยืนรออย่างสงบเสงี่ยมหากออกไปจากผู้เป็นนายเล็กน้อย

    “เฮ้ย!! ได้ยังไงวะ!! นายก็รู้ว่าภูติของฉันมันบินไม่ได้นะเว้ย!!”

    เมื่อแหกปากโวยวายไปอีกฝ่ายไม่ยอมตอบก็รีบฉุดมือเด็กสาวที่ยืนมองอยู่ให้วิ่งตามไปด้วยกัน “อย่ายืนเฉยสิ! เดี๋ยวก็ตกรถกันพอดี”

    “อะ...เอ๋??!” แม้เธอจะไม่พอใจกับการถูกจับมือนัก แต่ในสถานการณ์แบบนี้คงได้แต่ยอมตามน้ำไปก่อน อย่างน้อยคงเป็นวิธีการที่จะทำให้เธอไปถึงที่หมายได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย

    “เฮ้ย!! ไอ้นิล!!!” ซินเกลแทบจะกระโดดคว้าดาร์ย่าที่กลับคืนร่างเดิม

    “ชักช้า...”

    “โอ้ย!!ไอ้จอมเผด็จการเอ้ย!!!”

    ฟารันต์มองการพูดคุยของคนทั้งสองด้วยรอยยิ้ม ดวงตาสีฟ้าของเธอสะท้อนประกายของดวงอาทิตย์ที่กำลังค่อย ๆ จมลงสู่ท้องทะเลที่ปลายของเส้นขอบฟ้า มันดูงดงามและเปี่ยมด้วยความหวังกว่าทุกครั้งที่เธอเคยเห็น

    “รอก่อนนะ....กวินฟอร์!”





    .

    .

    .

    .

    .

    .




    ‘ขอต้อนรับสู่โรงเรียน กวินฟอร์ กาเดี้ยน’



    ===================================​











    Talk : เห็นท่านจ้อยลงแล้วมีไฟแต่งกร๊ากกกกกกก อยากจะบอกว่าพอมาแต่งจริง ๆ แล้วยากมากเลยอ่ะเธอ!! เหอ ๆ รู้สึกว่ารายละเอียดปลีกย่อยในการบรรยายมันยากจริง ๆ โอย....ไม่อยากคิดถึงตอนต่อ ๆ ไป ฮ่า ๆ

    ถ้ามีคำผิดหรือแต่งไม่ดียังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ กร๊ากกกกกกก ไม่รู้ว่าฝีมือตัวเองจะดรอปลงไปขนาดไหน รู้สึกเหมือนกันว่าพักนี้เริ่มมั่ว ๆ ปนเปแปลก เอิ๊ก ๆ

    ขอบคุณตัวละครที่ออกในตอนนี้ด้วยนะครับ


    :hbow:
  13. train

    train Member

    EXP:
    498
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    ชอบภูติ อะไรนะ ดรายหญ้า? (โดนตบ!?)
    ก๊ากก ล้อเล่นๆ ดาร์ย่า *-*b

    การแต่งก็โอเคนะมี๊ไหลลื่นดี วันนี้ไฟแรงขริงๆ
    แต่งจนจบได้ไวชะมัด!?
    รอตอนต่อไปอย่างใจระทึก (แอบกดดัน 55+)
  14. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    ตัวเอกเป็นสาวน้อยแก่นแก้วอย่างนี้ก็แนว shoujo ได้เลยสินะ >_<
  15. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    โฮกก เสพอย่างรวดเร็ว ไปเร็วมาเร็วดีแท้ ยังเห็นปั่นอยู่แหมบๆแท้ๆ

    ไหลลื่นดีนะครับ อ่านได้เพลินๆ นึกภาพตามได้ไม่ยากนัก แอบชอบสาวน้อย "ฟารันต์ นาการัช" เลยแฮะ เป็นสาวน้อยที่น่ารักขิงๆ :penhappy:
  16. Jelphyr

    Jelphyr แมวจรจัด

    EXP:
    443
    ถูกใจที่ได้รับ:
    5
    คะแนน Trophy:
    38
    สาวน้อย... สาวน้อยสุดๆเลยฟารันต์.... อ่านแล้วเห็นภาพเรื่องนี้เป็นการ์ตูนผู้หญิงเส้นพลิ้วๆบางๆหวานๆแต่แอคชั่นดุเดือดเลย.. ( ก๊ากกกก )
    แล้วอาร์นิลกับซินเกลก็เป็นตัวเอกหลักในการจีบสินะๆ...
  17. Ryuto

    Ryuto 終わる道、始まる夢

    EXP:
    964
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    88
    ฟารันต์ ความจำสั้นสินะ 555555555+

    เขาสมัครไปสามวันแล้วน้องงงงง /me โดนทุบ

    แอบชอบ ดรายย่าอีกคน 5555555555555+ /me โดนถีบ

    อ่านลื่นดีอ่ะพี่นุ๊กเพลินๆดี อ่านแบบนี้ไฟการแต่งเริ่มลุกโชน >w<

    รออ่านตอนต่อไปปป!!!
  18. aquafay

    aquafay Member

    EXP:
    97
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    ป้านุ๊ก... ไฟแรงนะ ตอนเห็นอัพเดตนี่ดีใจมาก ฮา มีฟิคดีๆ ให้อ่านซักที
    ตอนอ่าน แอบงงตัวละครนิดหน่อยครับ ใครเป็นใครบ้าง คงเพราะช่วงแรกๆ ไม่ใช้ชื่อแทนตัวละครด้วย แต่ใช้ลักษณะบรรยายเอา ^^"
    อ่านแล้วชอบหนูฟารันต์ ความมุ่งมั่นจะเข้าโรงเรียนสูงเป็นเลิศ แถมน่ารักด้วย

    “ไปอยู่ไหนมาสาวน้อย โรงเรียนเขาเปิดรับสมัครไปตั้งแต่เมื่อ 3 วันก่อนแล้ว” << "ปิด" หรือ "เปิด" น่ะครับ ตอนอ่านแอบงงนิดๆ
  19. Siegfried

    Siegfried Member

    EXP:
    69
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    เฮ้ย มุขใช้ได้นะ ฮ่าๆๆๆๆ

    ป๊าดดด กว่าชื่อของฟารันต์จะออก ตอนท้ายๆ เลย ฮ่าๆๆๆ

    ในที่สุดก็มาซักที รอมาตั้งนาน ;P
  20. PaiaAznable

    PaiaAznable มนุษย์ตู้ปลาช้ำรัก

    EXP:
    744
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    น...นี่มัน....... โทคิเมคิ Girl's Side ชัดๆ OTL

    [action]โดนท่านนุ๊กเจ้าของฟิกโดดถีบข้อหาแฉความจริง... ไม่ใช่ละ[/action]
  21. shinkyoto

    shinkyoto Well-Known Member

    EXP:
    580
    ถูกใจที่ได้รับ:
    3
    คะแนน Trophy:
    88
    อืมๆ

    เด็กสาวผู้ไม่ประสาโลกภายนอก กับ สองหนุ่มหัวไฟสองหน่อ

    ฟันธง ต้องมี สามหรือสองเส้าเป็นแน่ (ถ้าแนวไม่เปลี่ยนสะก่อนนะ)

    ปิดรับไปแล้วสามวัน แล้วจะไปทันรับสมัครเร้อ? :penkanom:
  22. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113

    เสนอให้ฟารันต์เปิดฮาเรมไปเล้ย =o=/

    /me เผ่น
  23. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    เฮ้ย (ตกใจ) ฟารันต์ออกบทแรกเลยเหรอเนี่ย กร๊าซซ ผิดความคาดหมายรุนแรงมาก =[]=
    ยังไงก็ขอบคุณนุ๊กกี้ ที่ผลักดันมันให้เข้า ร.ร.ได้นะครับ :hbow:
    (ติ๊งต๊องน่าดูเลยนะฟารันต์เอ๊ย... สมกับเป็นคาร์เราจริงๆ OTL)

    นุ๊กกี้ยิ่งแต่ง ฝีมือยิ่งขึ้นแฮะ ชอบความสัมพันธ์ของซินกับนิล ฮาๆดี สมเป็นรุ่นพี่ไวท์การ์เดี้ยน (แต่เราจำได้ว่าเจ้านิล ไม่ชอบให้เรียกแบบนั้นนี่ 555)
    แต่นิลใจร้ายอ่ะ เย็นชาหน้านิ่งตลอดกาล =A=

    ชอบตอนเรียกภูตเหมือนกัน เท่ซร้า โดยเฉพาะ "ดรายหญ้า" ชอบเป็นพิเศษ (มุขเทรนเจ๋งจริงๆ ก๊าก)

    มาต่อเร็วๆนะคร้าบ
  24. herarn9999

    herarn9999 New Member

    EXP:
    237
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    โว้ววววว! มาไวแท้! เอาให้ไวงี้ทุกช่วงเลยนะป้า - -+ ห้ามดอง! [action]โดนใส่บทตายทันที[/action]

    การบรรยายลื่นขึ้นจริงๆด้วย เจ๋งครับเจ๋ง แต่ยังงงช่วงบรรยายตัวละครนิดๆ อย่างอควาเฟย์ว่า (ต่อไปเป็นชื่อนี้แล้วใช่เปล่า?)

    ตัวละครตัวหลัก ฟารันต์ บรรยายแล้วเหมาะกับการดำเนินเรื่องจริงๆ มีต๊องๆจริงจังๆสลับไปมา ฮาดีๆ 555
    ซินเกลโผล่มาดูไม่เกเรเท่าไหร่ ดูเป็นรุ่นพี่อารมณ์ดีแฮะ 555 คู่กับใครไม่คู่ ได้คู่กับนิล - -+ ฮาแน่ๆ

    ติดตามอ่านฟิคป้าต่อ! เผื่ออ่านแล้วมีแรงแต่งฟิคตัวเองมั่ง XD !! [action]แถ+อ้าง...[/action]
  25. Randolp

    Randolp Member

    EXP:
    56
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    แต่งได้อลังการดีจังครับ

    โดยเฉพาะ ดาร์ย่า ให้ความรู้สึกว่า

    สูงส่ง สง่างงามแท้ๆ เลยครับ รอชมตอนต่อไป

Share This Page