[ฟิครับสมัคร] White Knight : Gywnfor Guardian *Update 28/11/10*

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย derick, 4 พฤษภาคม 2010.

  1. derick

    derick Member

    EXP:
    339
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    18
    บทเรียนที่ 2 : ว่าด้วยเรื่องของความจริง ความคิดเห็น และข่าวลือ







    เด็กหนุ่มเจ้าของผมสีขาวนวลกำลังนั่งขบคิดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับภาพซึ่งปรากฏอยู่บนดวงตาสีแดงอมชมพูที่กวาดไปมารอบ ๆ มือข้างหนึ่งค้ำยันปลายคาง ศอกตั้งฉากเหนือพื้นโต๊ะม้าหินใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ หูสดับฟังเสียงพูดคุยโดยรอบ หากแต่ใบหน้ากลับนิ่งเฉยคล้ายไม่ใส่ใจอะไรเท่าไหร่นัก

    พลางนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่นาน....

    พอผ่านประตูหน้าสูงเท่ายักษ์เปิดอ้าต้อนรับเข้าสู่โรงเรียนกวินฟอร์แสนมีชื่อ ก็ต้องมาเจอกับทางเดินกว้างยาวราวกับอยู่ในพระราชวัง สองข้างเป็นสวนสีเขียวสวยถูกจัดตกแต่งเป็นระเบียบตระการตา ร่วมสองร้อยเมตรต่อมาจะพบอาคารสูงสามชั้นยาวตั้งแต่กำแพงอีกฝั่งจรดกำแพงอีกฝั่ง ให้อารมณ์เหมือนปราการปิดกั้นเขตแดนสำคัญยังไงยังงั้น

    ใช่แล้วล่ะ...เป็นปราการที่เขาเคยเห็นมาเมื่อตอนมายื่นใบสมัครครั้งแรก

    ว่ากันตามจริงแล้วเมื่อได้ยินชื่อคงไม่มีใครคาดคิดหรอกว่าการเข้าที่นี่นั้นง่ายแสนง่าย ง่ายชนิดที่เรียกได้ว่าสร้างความไม่พอใจให้กับใครหลาย ๆ คนมาแล้ว

    สามขั้นตอนไม่ต้องท่องจำก็ทำได้…

    หนึ่ง ผู้ต้องการสมัครเข้าโรงเรียนกวินฟอร์ทุกคนจะต้องนำใบสมัครมายื่นภายในระยะเวลาที่กำหนด พร้อมหลักฐานเอกสารสำคัญต่าง ๆ ซึ่งทางโรงเรียนได้ชี้แจงไปในแบบฟอร์มการรับสมัคร
    สอง หลังจากวันรับสมัครวันสุดท้ายถัดมาอีกสามวัน ผู้ลงชื่อสมัครทุกคนจะต้องเข้ารับการทดสอบด้วยการ ‘จับฉลาก’ ง่าย ๆ ว่องไว เห็นผลทันทีไม่ต้องรอ ดวงใครดวงมัน
    สาม เมื่อได้ผู้เข้าเรียนแล้ว เหล่านักเรียนใหม่จะต้อง ‘จับฉลาก’ อีกครั้งเพื่อเลือกห้องเรียนตามแต่ดวงของตนเอง

    เพราะไอ้ ‘จับฉลาก’ นี่แหละ ที่ทำให้ใครต่อใครไม่พอใจมานักต่อนัก....

    มีหลายคนตั้งข้อสงสัยที่ไม่ได้ต่างจากอดีตเสียเท่าไหร่ คือ ‘ทำไมต้องจับฉลาก?’ หรือไม่ ‘ทำไมไม่ใช้ความสามารถล่ะ?’ หรือไม่ก็ ‘ทำไมถึงไม่ใช่มาตรฐานการคัดเลือกนักเรียนเหมือนกับโรงเรียนอื่น ๆ?’

    และคำตอบที่ได้รับก็ง่าย ๆ เช่นการสมัครเข้าเรียน....

    ‘เพราะเป็นโรงเรียนน่ะสิ’

    เขาคิดว่าเขาเข้าใจในคำพูดนั้น ซึ่งมันเป็นไปในทิศทางเดียวกับที่คิดจริง ๆ เมื่อมีชายคนหนึ่งมาอธิบายตอบคำถามนั้นให้กระจ่างว่า

    ‘ในเมื่อความหมายของโรงเรียนคือสถานที่ให้ความรู้ สถานที่สั่งสอนอบรม ปลูกฝังเหล่าผู้เรียนให้เติบโตออกไปอย่างมีประสิทธิภาพ ฉะนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องรับผู้ที่ชำนาญหรือเก่งอยู่แล้วมาเข้าเรียน และก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ให้คนที่ไม่เป็นอะไรเลยมาเข้าเรียน’

    “มันก็จริงนี่นะ...” เด็กหนุ่มพึมพำ รู้สึกอยากเจอคนกล่าวประโยคนี้ขึ้นมาเสียจริง

    ความคิดที่กำลังไหลไปเรื่อย ๆ ตามกาลเวลากลับชะงักนิ่งเมื่อได้ยินประโยคบางอย่างน่าสนใจ เสียงเจื้อแจ้วของเด็กสาวสามคนซึ่งกำลังรอคอยการคัดเลือกเช่นเดียวกับเขาดังต่อเนื่องไม่หยุด

    “ได้ยินข่าวรึเปล่า?”

    “ข่าวอะไร??”

    “ก็เมื่อวานน่ะ เห็นว่ามีรุ่นพี่ในโรงเรียนพาเด็กสาวคนหนึ่งมาเข้าสมัครทั้งที่หมดเวลารับสมัครมาแล้วล่ะ”

    “จริงเหรอ?! ไหนว่าโรงเรียนนี้สะอาด ยุติธรรมยังไงล่ะ???”

    แม้จะไม่เคยได้ยินข่าวมาก่อนแต่ถ้อยคำของพวกเธอเหล่านั้นก็ทำเอาเด็กหนุ่มไม่อาจอยู่เฉย ความจริงไอ้เรื่องเส้นสายอะไรนั่นเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา หรือจะเรียกให้ถูกคือไม่ใส่ใจมากกว่า แต่ที่ทนไม่ได้คือการกล่าวหาผู้อื่นโดยไม่มีหลักฐานนั่น

    “ขอโทษนะ พวกเธอไปได้ยินมาจากไหนหรอ?” เขาหันหน้าเข้าหา

    เด็กสาวเหล่านั้นหันมองต้นเสียงเป็นตาเดียว ก่อนพวกเธอจะนิ่งไปพักจนเด็กหนุ่มต้องเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “พวกเธอไปได้ยินเรื่องที่พูดเมื่อครู่จากไหนหรือครับ?”

    เมื่อได้ยินถ้อยคำเน้นย้ำคนฟังก็ส่งเสียงกระแอมไอแก้ขัดเขิน “เรื่องนี้ใคร ๆ เขาก็พูดกันทั้งนั้นแหละ”

    “แค่ข่าวลือ?” คนเปิดประเด็นเอ่ยต่อ

    “แหม! แต่ถ้าไม่มีมูลเหตุเรื่องมันจะเกิดขึ้นได้รึไงกันล่ะ! จริงไหมพวกเรา??” เสียงแหลมสูงเปล่งด้วยความไม่พอใจ ใบหน้าเล็กสมวัยหันมองเพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยกันเหมือนต้องการหาพวกร่วมความคิด

    เด็กหนุ่มผมสีขาวยกมือขึ้นกอดอก “ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีผมก็ไม่เห็นว่ามันแปลกตรงไหน ที่สำคัญเด็กคนนั้นก็แค่มาลงรับสมัครหลังช่วงเวลาที่กำหนด ไม่ได้หมายความว่าเด็กคนนั้นเข้าโรงเรียนได้แล้วเสียหน่อย” เขาพูดออกไปตามที่ตนคิด

    มันก็จริงไม่ใช่หรือไง? ไอ้การที่ใครสักคนหรืออาจมากกว่านั้นจะเกิดเหตุสุดวิสัยทำให้มาลงสมัครล่าช้า แล้วจากนั้นก็เผอิญว่ามีรุ่นพี่ใจดีพามาสมัคร มันก็คือเป็นการสมัครในช่วงเวลาที่ยังพอะลุ่มอล่วยได้ ไม่ใช่ว่าเปิดรับสมัครแล้ว คัดเลือกแล้ว เลือกห้องแล้ว แต่จู่ ๆ เธอคนนั้นก็มาปรากฏกายด้วยเหตุเพราะมีใครคนหนึ่งมาฝากฝังไว้

    แบบนั้นสิถึงจะเรียกว่าไม่บริสุทธิ์และไม่ยุติธรรมต่อผู้อื่น....

    เด็กสาวที่ได้ยินถึงกับนิ่งอึ้งอีกครั้ง “นะ....นั่นสินะ....” ไม่ใช่แค่พวกเธอหรอก คนที่ฟังอยู่โดยรอบต่างก็คิดเห็นไปในทิศทางไม่ต่างกัน

    ตราบใดที่ผลประโยชน์ยังคงไม่สูญเสียไป มนุษย์ก็ไม่มีทางเห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเดือดร้อนจนไม่น่าให้อภัยหรอก....

    แกร็ง....แกร็ง....

    เสียงระฆังจากหอคอยสูงตระหง่านบอกเวลาที่รอคอย เป็นช่วงเดียวกับบานประตูไม้สวยกว้างสูงพอกับประตูห้องโถงในพระราชวังซึ่งอยู่ตรงกลางอาคารปราการที่ปิดกั้นเริ่มเปิดออกต้อนรับ เชื้อเชิญให้เหล่าผู้เข้าสมัครทั้งหลายย่างเท้าสู่อาณาเขตแท้จริงภายใน

    ผู้คนมากมายใหญ่น้อยร่างกายและอายุต่างทยอยผ่านช่องทางนั้น ขนาดที่ใหญ่โตของมันดูคับแคบลงถนัดตาเมื่อเทียบกับจำนวนคนเป็นร้อยเป็นพัน ดวงตาสีแดงยังคงมองนิ่ง ไม่ขยับไปจากโต๊ะม้าหินที่นั่งอยู่

    “คนเยอะแหะ....” เขาพึมพำเบา

    เมื่อเห็นว่าจำนวนหนาตาเริ่มเบาบางจึงลุกขึ้นยืนบ้าง “ก็ไม่แปลกล่ะนะ....” เขายักไหล่เล็กน้อย แอบคิดว่าถ้าน้อยกว่านี้สิน่าแปลก....

    อย่างที่รู้กันดีว่าโรงเรียนวินฟอร์ กาเดี้ยน เป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกเธียอาร์ ไม่ว่าจะเรื่องการเรียนรู้ กิจกรรมต่าง ๆ แม้กระทั่งผลการแข่งขันซึ่งไม่เคยยิ่งหย่อนไปกว่าโรงเรียนไหน

    และเหตุผลสำคัญที่อาจจะเป็นของใครหลาย ๆ คน นั่นก็คือ ไวท์ไนท์หรืออัศวินศักดิ์สิทธิ์ขององค์สังฆราชนั้น เกินกว่าครึ่งล้วนจบจากโรงเรียนนี้

    มันไม่ใช่เหตุผลสำคัญสำหรับเขานักหรอก เขาก็แค่อยากได้ที่เรียนดี ๆ ทำให้ตนมีความน่าเชื่อถือ แล้วจะได้มีงานดี ๆ เงินงาม ๆ เรียงแถวต่อคิวเข้ามา “ใช่แล้วล่ะ....” เด็กหนุ่มยิ้มกับตน

    ฝีเท้าที่กำลังก้าวย่างกลับชะงักนิ่งเมื่อได้กลิ่นหอมบางอย่างลอยออกมาผ่านช่องทางเบื้องหน้า ดวงตาคู่เดิมเหลือบมองภายใน แม้ยังเห็นได้ไม่ชัดเจน แต่กลับรับรู้ได้ถึงความยิ่งใหญ่ มนต์ขลัง และความตื่นเต้นท้าทายที่ทำเอาขนถึงกับลุกเกรียวทั้งตัว

    จู่ ๆ มือของใครบางคนก็แตะลงบนบ่าแข็งนิ่ง ทำเอาผู้ถูกสัมผัสสะดุ้งสุดตัว “เหวอ!”

    “ไม่เข้าไปหรือไง?” เสียงนั้นเอ่ยด้วยความเป็นกันเอง

    เด็กหนุ่มเงยมองผู้สูงกว่าตนเล็กน้อย ดวงตาสีดำกับเส้นผมสีดำสั้นนั่นทำเอาเขารู้สึกถึงความพิเศษบางอย่าง “ครับ กำลังจะเข้าไป” เขาค้อมศีรษะลงให้เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสูงวัยกว่า

    “ขอให้โชคดีนะ” ชายคนเดิมยิ้ม “แล้วก็เมื่อครู่น่ะ พูดได้ดีมากเลย”

    คนได้ยินเลิกคิ้วสูง รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “อะ....” ยังไม่ทันเอ่ยเสียงระฆังก็ดังขึ้นอีกครั้ง เสมือนต้องการย้ำเตือนถึงเวลาสำคัญที่ใกล้จะมาถึงเต็มทน

    ดวงตาสีแดงทัวร์มาลีนหันมองยังภายใน แล้วหันกลับมาหวังจะเอ่ยขอบคุณคำชมที่ได้รับ “อ้าวไปไหนแล้ว?” เขาเหลียวซ้ายแลขวา “ช่างมันแล้วกัน!” หันหลังวิ่งเข้าสู่บานประตูที่กำลังจะปิดลง

    กลิ่นหอมที่ได้รับจากภายนอกเริ่มเด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ สายตาซึ่งไล่ไปตามพื้นเบื้องล่างสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ใบไม้....ไม่ใช่สิ กลีบดอกไม้สีชมพูอ่อนกำลังปลิดปลิวร่วงหล่นลงมาจากที่ใดสักแห่ง ก่อนต้นตอนั้นจะปรากฏอยู่เบื้องหน้าในวินาทีที่เขาย่ำเท้าข้ามผ่านธรณีประตูมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

    ดวงตาเบิกกว้าง ริมฝีปากอ้าค้างนิ่งด้วยความตื่นตะลึง ต้นไม้ใหญ่ขนาดร่วมสามสิบคนโอบตระหง่านอยู่ใจกลางลานกว้าง ดอกสีชมพูคล้ายเล็กประดับด้วยกลีบห้ากลีบกำลังบานสะพรั่งอยู่เต็ม บดบังใบสีเขียวซึ่งงอกอยู่ตามกิ่งก้านจนมิด มันใหญ่โตมาก ใหญ่โตจนเขาสงสัย “ทำไมอยู่ด้านนอกถึงมองไม่เห็น.....” ความฉงนนั้นถูกเอ่ยมาทันทีดั่งใจ

    ไม่ได้มีเพียงเขาหรอกที่เกิดอาการหรือข้อคำถามแบบนั้น เด็กหนุ่มมองโดยรอบ คนอื่น ๆ เองก็เช่นเดียวกัน

    “เฮ้! นายน่ะ!!”

    เสียงหนึ่งดังแทรกเข้าในห้วงความคิด หากเขาไม่ได้ให้ความสนใจมันเลยสักนิด กลับยังคงก้าวเดินต่อไปเบื้องหน้าเช่นเดิม

    “เฮ้ย!!!” ฉับพลันมือหนึ่งก็คว้าไหล่เขาไว้แน่น

    ดวงตาสีแดงหันมอง แล้วพบว่าเจ้าของเสียงห้าวนั้นมีเส้นผมสีขาวสั้นกับดวงตาที่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคาดตาสีดำ แถมยังตัวไล่เลี่ยกับตนผิดจากที่คิดจริง ๆ “ตัวเล็ก”

    “อยากตายรึไงวะ?!!” อีกฝ่ายกระชากคอเสื้อของเขาอย่างแรง เห็นตัวเล็กแบบนั้นใช่ว่าแรงจะน้อยตาม “เรียกทำไมไม่หัน?! หยิ่งรึไง?!”

    คนถูกว่าทำหน้างง “เรียกฉัน?”

    “เรียกหมามั้ง!!”

    “แต่หมามันพูดไม่ได้นะ นายจะพูดกับมันรู้เรื่องเหรอ?”

    พอได้ยินแบบนั้นคนทักก่อนถึงกับทำท่าจะกระโดดกัดคอเสียให้ได้ เขาทั้งคู่เหมือนจ้องมองกันอยู่พัก แล้วจู่ ๆ คนเลือดร้อนก็สงบลงเฉย ๆ ไม่ต่อว่าหรือกระทำการใดอีก “นายชื่อไร ฉันกุฟาน คูกลัส”

    “รีเวลล์ เดอร์คัส” ตอบพร้อมกับใบหน้าที่ฉายแววฉงนเต็มที่

    เมื่อได้รับสิ่งที่ต้องการหนุ่มนามกุฟานจึงถอยตัวออก พร้อมผลักไหล่ของรีเวลล์ให้ห่างคล้ายเป็นการทักทาย “ก็แค่นี้...พอดีถูกใจคำพูดที่นายตอบสาว ๆ พวกนั้นไปว่ะ” ว่าแล้วก็หันหลังกลับเดินจากไป ยังไม่ลืมยกมือโบกไปมาเป็นการอำลาด้วย

    “อะไรของเขา....” เด็กหนุ่มยกมือเกาแก้มเบา ๆ ดวงตากรอกตามไปมาด้วยความงุนงง

    ชักคิดเสียแล้วว่าโรงเรียนนี้จะมีแต่คนประหลาดรึเปล่า?

    ผ่านเจ้าต้นไม้สีชมพูที่ตั้งเด่นอยู่ใจกลางสายตาเข้ามาจะพบกับหอประชุมขนาดใหญ่ หลังจากต้องใช้เวลาต่อแถวร่วมครึ่งชั่วโมงเพื่อต่อแถวเรียงตามลำดับหมายเลขผู้สมัครสอบ รีเวลล์ก็มีโอกาสได้เหยียบย่ำเข้ามาภายใน

    มันเป็นห้องทรงสีเหลี่ยมผืนผ้า คะเนแล้วน่าจะสามารถจุคนได้ร่วมพันคน บนพื้นปูด้วยพรมสีแดงหนาทำให้เสียงฝีเท้าที่เหยียบย่ำแผ่วเบาจนแทบเงียบกริบ บริเวณที่นั่งเป็นแถวยาวตอนไล่ลงไปเหมือนขั้นบันได ตรงกลางเบื้องหน้าหลังผ้าม่านผืนยาวคงเป็นเวทีตามแบบของหอประชุมโดยทั่วไป

    แต่ที่ทำให้รีเวลล์คิดว่ามันแตกต่างจากหอประชุมอื่นคงเป็นกระจกใสซึ่งเปรียบเสมือนหลังคาอยู่ด้านบนของช่วงเวที แสงสว่างจ้าจากภายนอกส่องผ่านลงตกกระทบผืนผ้าม่านปิดกั้นจนเป็นสีสันชัดเจนขึ้น และมันจะไม่งดงามเลยหากบนผืนกระจกนั้นไม่ได้มีลวดลายอะไรบางอย่างอยู่

    เด็กหนุ่มเดาจากระยะที่มองเห็นว่ามันคือสัตว์ภูติโบราณในตำนาน เคยได้ยินเรื่องเล่าเหมือนกันว่าในสวนปริศนาต้องห้ามของกวินฟอร์กาเดี้ยนนั้นมีภูติโบราณหลายตัวสถิตย์อยู่ หากไม่มีใครยืนยันได้ถึงความจริงชัดจากเรื่องเล่าเหล่านั้น

    “อยากเห็นสักครั้งเหมือนกันนะไอ้สวนนั่น....”

    “สวนอะไรเหรอ??” เสียงหวานเล็กหนึ่งแทรกขึ้นทันควัน

    คนที่นั่งอยู่ค่อย ๆ หันมองคนข้างกาย เด็กสาวตัวเล็กดูแก่นแก้วยิ้มกว้าง ดวงตาสีฟ้าของเธอส่องประกายระยับ “ว่าไง ๆ สวนอะไรเหรอ??”

    “ผมว่าเราไม่เคยรู้จักกันนะ” รีเวลล์ตอบกลับ

    “ฉันฟารันต์ นาการัช!” เธอยกแขนขึ้นกอดอก “เอาล่ะ!! ทีนี้เราก็รู้จักกันแล้วสินะ??”

    “รีเวลล์....”

    “ฉันรู้จักนาย!” ฟารันต์สวน “ฉันได้ยินชื่อนายตอนนายพูดกับเจ้าหัวขาวที่ดูนักเลง ๆ นั่นล่ะ”

    ดวงตาสีแดงอ่อนหรี่มอง “แอบฟังคนอื่นคุยมันไม่ดีนะครับ”

    “ก็แค่เผอิญได้ยินน่า” เด็กสาวยกมือขึ้นโบกไปมา “ฉันต้องขอบใจนายต่างหากที่ช่วยแก้ต่างแทน มันเจ๋งมากเลยนะรู้ไหม!”

    “แก้ต่างแทน??”

    เธอพยักหน้า “ใช่แล้ว!! จริง ๆ โรงเรียนหรือพวกรุ่นพี่น่ะไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยหรอกนะ เขาแค่สงสารฉันก็เท่านั้น แล้วมันซวยสุด ๆ เลยรู้ไหม ไอ้โอโทปอะไรนั่นมันดันมางาบเรือที่ฉันกำลังจะนั่งมาเกาะ! ทำเรือพังจนไปต่อไม่ได้ ซวยสุดหยั่งถึง!!”

    รีเวลล์ได้แต่นั่งฟังเด็กสาวข้างกายพร่ำบ่นไม่หยุดปาก ดวงตาของเด็กหนุ่มพยายามเบนมองไปโดยรอบกาย เหมือนคนอื่นเองจะสนใจในคำพูดของเธออยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ก็แน่ล่ะนะ....ตัวต้นเหตุข่าวความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นดันมานั่งฉอด ๆ ไม่เกรงใจผู้คนอยู่ตรงนี้นี่ไง

    “แต่รุ่นพี่เท่มากเลยล่ะ ! ว่าแต่โรงเรียนนี้เขาไม่สวมเครื่องแบบสีขาวกันเหรอ?? พวกไวท์กาเดี้ยนน่ะ???”

    คนถูกถามเบนหน้าหนี “ไม่ทราบครับ”

    “งั้นหรอ.....” เธอทำหน้าเสียดาย

    เสียงปรบมือดังขึ้นเสมือนเป็นการต้อนรับแขกคนสำคัญทันทีที่ผ้าม่านผืนสีเขียวนั้นเลื่อนเปิดออก ชายหญิงแต่งตัวแปลกตาหลายคนค่อย ๆ ก้าวขึ้นมาบนเวทีจากทางด้านหลัง แล้วนั่งเรียงกันบนเก้าอี้พนักสูงที่ถูกจัดเตรียมไว้ ตรงกลางมีเก้าอี้โซฟาผ้ากำมะหยี่ขนาดสี่คนนั่งตั้งอยู่

    ในหอประชุมทั้งผู้สมัคร คณาจารย์ และเจ้าหน้าที่พนักงานที่คอยมาดูแลความเรียบร้อยต่างพร้อมใจกันเงียบลง เมื่อใครบางคนในชุดเครื่องแบบสีขาวสะอ้านก้าวเดินขึ้นมาบนพื้นเวที ผ้าคลุมสีขาวคาดแถบทองยาวสะบัดตามการเคลื่อนไหวของร่างกาย

    รูปร่างสูงสง่าสมส่วนปราดเปรียว เส้นผมสีดำสนิทกับดวงตาสีเงินที่สะกดให้ผู้พบเห็นต้องตกอยู่ในภวังค์ รอยยิ้มบนใบหน้าคมคายคลี่บาง เท้ายาวก้าวเดินขึ้นบนแท่นพิธีที่จัดเตรียมไว้ด้วยท่วงท่าผ่าเผยองอาจ ก่อนค้อมคำนับลงด้วยเต็มใจให้กับผู้มีเกียรติทุกคนเบื้องหน้า

    “ขอต้อนรับผู้สมัครทุกท่านสู่กวินฟอร์ กาเดี้ยน” น้ำเสียงทุ้มหากแต่สุภาพฟังสบายดังก้องขึ้น “ผมวาทรัน ซอร์เดส ผู้รักษาการแทนตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”

    เขาเว้นช่วง “ในทุกปีทางโรงเรียนของเราจะได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่ทางเราไม่สามารถตอบรับความต้องการนั้นได้ทั้งหมด ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ทำให้จำเป็นต้องมีการคัดเลือกผู้มี ‘ดวงสมพงศ์’ กับโรงเรียนของเราขึ้นมา....” ชายหนุ่มเน้นย้ำช่วงสำคัญ

    “ผมในฐานะประธานพิธีจะขอเริ่มการคัดเลือกนักเรียนของโรงเรียนกวินฟอร์กาเดี้ยนประจำปีการศึกษา...ณ บัดนี้ ขอให้ทุกคนโชคดี” วาทรันค้อมคำนับอีกครั้งก่อนก้าวลงจากแท่นพิธี

    ชายหนุ่มในชุดสีขาวอีกคนเดินขึ้นมาหยุดรออยู่บริเวณทางขึ้นลงด้านหลังเวที ผ้าคลุมสีแดงยาวบ่งบอกถึงฐานะสำคัญบางอย่าง ศีรษะที่เต็มไปด้วยเส้นผมสีน้ำตาลเข้มค้อมคำนับให้เกียรติผู้ก้าวลง ก่อนจะเดินเลี่ยงขึ้นไปอยู่บนแท่นพิธีเมื่อครู่แทน

    “อ้า!!!!!!!” ฟารันต์เปล่งเสียงร้องทันทีที่เห็นใบหน้าของผู้อยู่ใจกลางเวที

    คนแทบทั้งหอประชุมหันมองเธอเป็นตาเดียว รีเวลล์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เองก็เช่นกัน จนผู้ดูแลความเรียบร้อยบริเวณนั้นต้องเดินมาปรามให้เธอนั่งลงกับที่

    “นั่นไง ๆ รุ่นพี่ที่ช่วยฉันไว้น่ะ!! สุดยอดไปเลยนะ เขามีภูติตัวใหญ่มากด้วยล่ะ!!” หญิงสาวเขย่าขาของเด็กหนุ่มไปมา

    ดวงตาสีแดงกรอกรอบ “ช่วยนิ่ง ๆ จะได้ไหมครับ?”

    ดูเหมือนคนถูกตะโกนร้องทักเมื่อครู่ไม่ได้สนอกสนใจอะไรเธอนัก ใบหน้าเรียบเฉยยังคงตั้งมั่น ริมฝีปากได้รูปขยับทำตามหน้าที่ของตน

    “ขอต้อนรับทุกท่านสู่การคัดเลือกเข้าเรียนในโรงเรียนกวินฟอร์กาเดี้ยน ผมอาร์นีล ซัลซาลัธ หัวหน้านักเรียนแผนกนักรบ ตัวแทนของเหล่ารุ่นพี่ในโรงเรียนแห่งนี้ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับทุกคน”

    “ไม่ว่าจะเป็นพี่ น้อง อายุมากหรือน้อยกว่า ขอให้พึงตั้งมั่นไว้เสมอ และโปรดจำไว้เถิดว่า โรงเรียนแห่งนี้ไม่ได้คัดเลือกพวกท่านด้วยฝีมือ ไม่ได้คัดเลือกพวกท่านด้วยความปราดเปรื่อง หากแต่เราคัดเลือกพวกท่านทุกคนด้วยความเหมาะสม ในฐานะผู้มีดวงชะตาสมพงศ์กับ ‘สีขาว’ ของพวกเรา”

    “นับจากนี้พวกท่านบางส่วนจะถูกคัดออกจากการจับสลากเลือกหมายเลขตามลำดับการเข้าสมัคร จากนั้นคนที่เหลือจะได้รับลูกบอลเวทมนตร์คนละหนึ่งลูก” เขาเริ่มอธิบายถึงวิธีการ “ลูกบอลนั้นจะมีจิตวิญญาณแห่งสายน้ำอยู่ พวกท่านต้องเอ่ยถ้อยคำจากจิตสำนึกลงไปเป็นชื่อของตน หากลูกบอลใดแตกออก....”

    “ถือว่าท่านไม่ผ่านการคัดเลือก และไม่ได้รับสิทธิให้เข้าเรียนยังกวินฟอร์กาเดี้ยนแห่งนี้”

    ราวกับคำพูดที่ทุกคนภายในหอประชุมได้ยินเป็นคำพูดชี้ชะตาชีวิต ประหนึ่งว่าหากพลาดหวังไปลมหายใจที่มีต้องจบสิ้นเป็นแน่แท้ ดวงตาสีแดงของรีเวลล์กวาดมองผู้ร่วมสมัครโดยรอบ แม้เขาอยากเข้าโรงเรียนกวินฟอร์สักแค่ไหน แต่กลับไม่เคยคิดว่าการพลาดโอกาสมันจะทำให้ตนถึงกับเป็นตาย

    “ไม่เห็นต้องเป็นกันถึงขนาดนี้” เขาพึมพำเบา

    “เป็นสิ! รู้ไหมว่ากวินฟอร์น่ะเจ๋งแค่ไหน??!!” ฟารันต์ชี้หน้าของผู้ที่อยู่ห่างกับตนไปเล็กน้อย “ทั้งการสอน ทั้งกิจกรรม ทั้งการงานที่รองรับ แล้วไหนโอกาสการเป็นไวท์ไนท์อีกล่ะ!!!”

    ฟัง ๆ แล้วดูเธอจะยึดติดกับไวท์ไนท์จริง ๆ ... “แต่โรงเรียนอื่นก็ใช่จะไม่ดีนี่” รีเวลล์ว่า ถึงกวินฟอร์จะเป็นโรงเรียนอันดับหนึ่งที่เลือกก็เถอะ แต่ใช่ว่ามันจะแย่มากถ้าหากพลาดไปเสียหน่อย

    “ถ้าไม่ดีแล้วนายมาเข้าที่นี่ทำไมยะ?!”

    เด็กหนุ่มนิ่งเงียบ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นคำถามที่ใครหลายคนรอบข้างเขาก็อยากได้คำตอบเหมือนกัน

    “ครับ” เขาตอบรับไม่ปฏิเสธ ก็จริงล่ะนะ....อย่างน้อยมันก็ดีพอให้เขายอมขวนขวายได้ถึงขนาดนี้

    กว่าครึ่ง....ไม่! เกินสองในสามส่วน รีเวลล์มองผู้คนค่อย ๆ ลุกเดินไปอย่างผิดหวังในวินาทีที่หมายเลขของตนถูกประกาศดัง จากคนเป็นพัน ๆ เหลือเพียงไม่ถึงสามร้อย ที่นั่งโดยรอบว่างเปล่าราวจงใจ มีเพียงผู้สมัครที่เหลือซึ่งยังคงกระจัดจาย บ้างกลุ่มก้อน บ้างสามคน บ้างเหลือแค่คนเดียว...

    และเหมือนเรื่องตลก ‘เธอ’ ผู้เป็นที่กล่าวขวัญกลับยังคงนั่งข้าง ๆ เขาไม่ขยับไปไหน

    “อ้า!! ฉันต้องได้เข้าแน่นอน!!!” ฟารันต์ว่าด้วยน้ำเสียงมั่นใจสุด ๆ

    “ทำไมเธอถึงมั่นใจขนาดนั้น?” เด็กหนุ่มอดถามไม่ได้

    “ก็เพราะฉันจะเป็นไวท์ไนท์ให้ได้น่ะสิ!!”

    ดวงตาสีแดงกรอกไปมาด้วยความหน่าย ไม่เข้าใจว่าคำตอบของเธอมันเกี่ยวเนื่องกับคำถามของเขาตรงไหนกัน แล้วไอ้การอยากเป็นไวท์ไนท์เนี่ยมันจะทำให้เธอเข้าโรงเรียนนี้ได้อย่างงั้นรึ?

    ถ้าแบบนั้นคนอื่น ๆ ที่อยู่ที่นี่คงรอดมาได้เพราะการอยากเป็นไวท์ไนท์น่ะสิ....แล้วเขาล่ะ??

    “ตัวแค่นี้อยากจะเป็นไวท์ไนท์ เธอคิดว่าไวท์ไนท์คือคนขายลูกชิ้นรึไงกันหา?!” เสียงที่รีเวลล์เพิ่งได้ยินมาไม่นานดังขึ้นด้านหลัง ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่กุฟานมานั่งอยู่

    “อ่า.....นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

    “ก็พักและ จริง ๆ ไม่อยากมาหรอกนะ รำคาญแม่นี่โวยวาย” เขายื่นหน้ามาใกล้ ศอกทั้งสองวางเท้าอยู่บนพนักพิงของเก้าอี้รีเวลล์ในลำดับขั้นก่อนหน้า “ถามหน่อยเถอะ เธอไม่อายเรอะ??”

    เด็กสาวยกมือขึ้นท้าวสะเอวด้วยความโมโห “ทำไมฉันต้องอาย?! นายน่ะแหละที่ต้องอาย!!”

    “ทำไม?”

    “ก็เพราะนายมัน.....!!!”

    “หยุดทั้งคู่นั่นแหละครับ” เสียงใครบางคนเอ่ยดังพอให้พวกเขาได้ยิน ทั้งสามต่างจ้องมองยังผู้ห้ามทัพเป็นตาเดียว

    ร่างสูงชะลูดยืนบดบังแสงสว่างเบื้องหน้า ดวงตาสีเงินหม่นภายใต้กรอบแว่นหรี่ลงเล็กน้อยตามรอยหยักของใบหน้าที่กำลังแย้มยิ้ม “หากไม่หยุดจะเชิญพวกคุณออกจากหอประชุมนะครับ” คนพูดก้าวห่างออกไปเล็กน้อย “และนั่นถือเป็นการ ‘สละสิทธิ์’

    คนฟังกลืนน้ำลายฝืดคอ ต่างพร้อมใจกันเงียบในทันที มีเพียงเสียงบ่นอุบอิบเบา ๆ ดังมาจากคนข้างตัวของรีเวลล์อยู่บ้าง แต่นั่นก็ดีมากแล้ว....อย่างน้อยเขาก็รู้สึกปวดประสาทน้อยลงเยอะเชียว

    หลังจากพื้นที่โล่งว่างถูกจัดการเรียบร้อย เหล่าผู้สมัครที่เหลือต่างก็ต้องมานั่งอยู่บริเวณแถวหน้าสุดห่างจากตัวเวทีประมาณเกือบสิบเมตร ลูกบอลเวทมนตร์ถูกแจกให้คนละลูก มันมีขนาดเท่าอุ้งมือหนึ่งกำ เป็นลักษณะใส น้ำหนักเบา

    มือที่ถืออยู่ลองเขย่ามันเบา ๆ แต่กลับไม่รู้สึกถึงปฏิกริยาอะไรจากภายใน ไม่รู้ว่ามันถูกอัดด้วยน้ำจนแน่นหรือว่าเพราะมีเพียงอากาศเปล่า ๆ กันแน่ “แต่มันเบาจนเหมือนไม่มีน้ำอยู่เลยนี่นะ”

    “เอาล่ะครับ....” ชายสวมแว่นคนเดิมก้าวออกมายืนเบื้องหน้าผู้สมัคร ผมสีม่วงเข้มซอยสั้นดูเป็นระเบียบกว่าเมื่อครู่ที่เห็น “ต่อจากนี้ผมจะสอนวิธีการใช้ลูกบอลเวทย์ในมือของพวกคุณ”

    ชายคนนั้นหงายฝ่ามือขึ้น ชั่วเสี้ยวนาทีต่อจากนั้นเจ้าลูกบอลที่เหมือน ๆ กับในมือของพวกเขาก็ปรากฏขึ้นมา “นี่คือเวทย์น้ำแขนงหนึ่ง ถูกเรียกติดปากว่าลูกบอลอธิษฐาน” เขาหัวเราะเบาด้วยท่าทีเป็นมิตร “จริง ๆ แล้วมันคือของเล่นชนิดหนึ่งเสียมากกว่า เพราะมันถูกสร้างขึ้นจากพลังเวทย์ที่มีอยู่เพียงน้อยนิดในร่างกายของเรา”

    “ให้ทุกท่านประคองลูกบอลน้ำนั้นไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง” เขาว่าพลางหงายมือทั้งสองขึ้นประคองสิ่งนั้นไว้ “จากนั้นก้มหน้าลงจรดหน้าผากลงไปบนผิวของมัน แล้วหลับตาอธิษฐาน จากนั้นเปล่งเสียงเรียกชื่อของตนกับลูกบอลเวทย์นั้นหนึ่งครั้ง”

    เมื่ออธิบายจบเขาก็บีบมันทิ้ง ลูกบอลน้ำที่น่าจะแตกออกกลับมลายหายไปราวเกิดการระเหยในอากาศ “ลองทำดูนะครับ ขอให้ทุกคนโชคดี” เขายิ้ม

    สายตาของผู้สมัครทุกคนจับจ้องยังลูกบอลน้ำในมือ รีเวลล์รู้สึกว่าเป็นครั้งแรกที่ตนได้ยินเสียงหัวใจของตนเองและคนอื่นชัดเจน ความเงียบงันครอบคลุมทั่ว จนเมื่อเสียงสัญญาณบางอย่างดังร้องบอกให้พวกเขาเริ่มลงมือกระทำตามสิ่งที่ได้ถูกสอนไว้เมื่อครู่

    “ฟารันต์ นาการัช !! ฝากตัวด้วยค่ะ!!!” เสียงของเธอดังชัดขึ้นมาจนทำเอาสมาธิของรีเวลล์กระเจิดกระเจิง เขาหันมองเธอ ละจากลูกบอลในมือของตน

    “กรี้ด!!!!!” ฟารันต์กรีดร้องอย่างยินดีเมื่อลูกบอลในมือของเธอยังคงนิ่งสนิท ก่อนผู้ดูแลจะมาแสดงความยินดีกับเธอและนำพาเธอไปยังส่วนอื่น ดวงตาสดใสสบประสานกับเด็กหนุ่มพอดิบพอดี เธอส่งยิ้มกว้างพร้อมชูสองนิ้วให้

    รีเวลล์ส่ายศีรษะไปมาเบา ๆ ชักไม่อยากเข้าที่นี่เสียแล้วสิ.... “รีเวลล์ เดอร์คัส...”

    ดวงตาสีแดงจ้องมองลูกบอลเวทย์ทันทีที่กล่าวจบ ในใจแอบนึกภาวนาให้มันเกิดปฏิกริยาอะไรบางอย่างขึ้น หากแต่ความหวังนั้นต้องมอดดับลงเมื่อชายผู้สาธิตวิธีการใช้เดินมาคว้ามันไปจากมือของเขา

    “ยินดีด้วย คุณสอบผ่าน” เขายิ้มบาง

    ดวงตาสีแดงเงยมองอย่างงุนงงเล็กน้อย “อะ....ครับ...” เข้าใจว่ามันง่าย...และก็รู้ดีมากด้วย แต่ทำไมถึงรู้สึกผิดหวังแปลก ๆ นะ...

    พอออกมาถึงด้านนอกก็พบเห็นผู้สมัครส่วนหนึ่งมารออยู่แล้ว หลายคนกำลังรุมล้อมพูดคุยกับชายผู้เป็นประธานสายนักรบอยู่ ดวงตาสีทองมองมายังเขาแล้วก้มศีรษะลงเหมือนรับรู้ได้ว่าตนกำลังถูกมองอยู่

    รีเวลล์ผงกศีรษะกลับ แล้วละความสนใจเบนมองรอบ ๆ แทน “ตกลงรับกี่คนกันแน่...”

    “ประมาณ 120 คนล่ะมั้ง มันมีแค่ 4 ห้องนี่...” เสียงเดิมดังขึ้น

    กุฟานเดินออกมาด้วยท่าทีที่ไม่ดีใจอะไรนัก เหมือนเจ้าตัววางท่าแสร้งไม่สนใจมากกว่า เด็กหนุ่มผมสีขาวเผลอยกมือขึ้นกุมขมับ รู้สึกว่าตนได้คำตอบของความผิดหวังที่เกิดขึ้นมาตงิด ๆ เสียแล้วล่ะ.....












    ===================================​









    Talk : คิดว่ามีที่ผิดชัวร์!! 555 อย่าว่างั้นว่างี้เลยนะครับ ผมไม่ได้ให้ใครพรูฟน่ะ เหอ ๆ ถ้ายังไงมีที่ผิดก็ต้องขออภัยอย่างยิ่ง

    แต่งฟารันสนุกมาก!! กร๊ากกก นิสัยเธอเป็นอะไรที่เล่นง่ายมากครับ ลัลล้าง่ายมาก คาร์ของกุฟานก็ด้วย ดูมันนักเลงได้ใจดีจริง ๆ คาร์สองตัวนี้เป็นอะไรที่เล่นได้เล่นดี อุอุ...

    แอบกลัวคาร์รีเวลล์เปลี่ยน เหอ ๆ ถ้าเปลี่ยนไปยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ เพื่อเดินไปตามเนื้อเรื่องจริง ๆ OTL

    ไม่อยากจะบอก(แต่บอกมาแล้ว)ว่าคาร์ที่ได้ออกก่อนส่วนใหญ่เป็นคาร์ที่มีมิติเพียงด้านเดียวครับ ผมชอบคาร์แบบนี้เพราะมันเล่นง่าย และสามารถลื่นไหลไปตามสถานการณ์ได้มากกว่าคาร์ที่มีมิติซับซ้อน ที่สำคัญคาร์ที่มีมิติซับซ้อนมักหาสถานการณ์ที่เข้ากับคาร์ได้ยากกว่า

    แต่ไม่ต้องห่วงนะครับได้ออกทุกคนแน่นอน

    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและเป็นกำลังใจให้ครับ และขอบคุณเจ้าของคาร์ที่ออกในตอนนี้ด้วยจ้า


    :medance.:
  2. Ryuto

    Ryuto 終わる道、始まる夢

    EXP:
    964
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    88
    เจ้าฟานฟานมันเกรียนได้ใจจริงๆไม่ติงนังส่วนคาร์พี่อีวานออกจะใสซื่อมากเลยทีเดียว

    เหมือนได้เห็นนิสัยพี่อีวานในร่างหญิง กร๊ากกกกก /me โดนทุบ

    การแต่งยังลื่นไหลเหมือนเดิมครับอ่านเพลินๆจนตี 5 ซะงั้น

    บรรยากาศเริ่มเข้าโรงเรียนแล้ว แต่การรับเข้าจะเหมือนกับที่ผมคิดไหมนั้น

    รออ่านต่อไปครับ ฮ่าๆๆๆ :pendin2: :pendin2: :pendin2:
  3. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    ท่าทางรีเวลล์จะต้องปวดหัวกับฟารันต์ไปอีกนาน :penyes:
  4. Jelphyr

    Jelphyr แมวจรจัด

    EXP:
    443
    ถูกใจที่ได้รับ:
    5
    คะแนน Trophy:
    38
    บ่เป็นหยังเน่อ แบบนี้แหละดีแล้ว ไม่ได้ผิดจากที่คิดมาก : D จะว่าไปก็ปรับไปตามสถานการณ์นั่นแหละ การรับสมัครก็เหมือนการบริจาคไอเดีย เอาไปต่อยอดให้เข้ากับฟิคเถอะเน่อ

    ปวดหัวแทนรีเวลล์.... แต่ช่วยไม่ได้ มันเป็นกฎที่ว่าจะต้องมีคนปกติที่สุดไว้เป็นคนตบมุข ( ก๊าก )


    แอบอยากถามฟารันต์ ไม่เหนื่อยบ้างเรอะ... โวยวายไม่หยุดเนี่ย

    ถึงจะดูเป็นการจับฉลากที่แฝงไปด้วยการทดสอบอะไรบางอย่างจริงๆ.........แต่โรงเรียนนี้มันก็จะเน้นเรื่องดวงเกินไปมั้ย ก๊าก

    ถ้าเกิดตอนที่ถามว่ามาเข้าที่นี่ทำไม แล้วรีเวลล์ตอบว่ามันใกล้บ้านที่สุด คงฮาแตกพิลึก... ( ถึงจะไม่ได้ใกล้จริงก็เถอะ ฮา ) มีตรงนี้ล่ะมั้งที่ว่าตัดบทแล้วอ่านสะดุดนิดๆ แต่ก็พอเข้าใจว่าถ้าไม่ตัดบทเดี๋ยวจะเถียงกันยาว... เป็นตัวละครแนวพูดไม่หยุดทั้งคู่ซะด้วย =x="



    อะ ลืมบอกนิดนึง "กลอกตา" ใช้ ล เน้อ "กรอก" นี่มันออกแนว "กรอกปาก" หรือ "ไส้กรอก" ( ไม่ก็ "ลูกกรอก"... )






    ไม่ได้เก็กซะหน่อย เบื่อคนข้างๆก็แสดงออกอย่างชัดเจนโดยทำหน้านิ่งๆใส่ไง กร๊ากกก
    ( /me วิ่งหนีอีวาน )
    v
  5. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    ชอบกุฟานมากๆ นิสัยแบบนี้แหละทำให้เรื่องราวมีรสชาติ ขอบอก! ชอบตอนที่โผล่มากระชากคอรีเวลล์ พอเจอคำพูดถูกใจก็เป็นมิตรทันที กร๊ากกกกกกก
    ฟารันต์ขี้โวยวายจิ๊บเป๋ง =[]=!! ดูเป็นคนมีพลังมุ่งมั่นได้ตลอดเวลา แต่ก็นั่นแหละนิสัยมัน 555 ขอบคุณนุ๊กกี้ที่ตีแผ่ฟารันต์ออกมาได้น่ารักมากๆ จนเจ้าของคาแรคเตอร์อย่างผมยังอดชอบไม่ได้ (แต่งเองยังอาจจะไม่ได้ดีเท่านุ๊กกี้เลย)

    ส่วนตัวรู้สึกเนือยๆไปกับอารมณ์รีเวลล์ทีเดียว ดูเป็นคนที่ตรงข้ามกับกุฟานและฟารันต์อย่างแรง แอบอยากถามรีเวลล์เหมือนกันว่า ไม่เหนื่อยบ้างเหรอนั่งเก๊กหน้าอยู่ได้ตลอด กร๊าก (*ถูกเจ้าของคาร์บดตับ)

    ตอนนี้มีหลายจุดที่นุ๊กกี้พิมพ์ประโยคแปลกๆ คาดว่าเกิดจากการที่กลับมาแก้ใหม่ ลองๆดูละกันนะครับ
    ภาพของ ร.ร.กวินฟอร์ต่างจากที่ผมคิดไว้พอสมควร แต่ชอบ concept ต้นไม้ใหญ่ กับลูกบอลน้ำ

    ตอนต่อไปจะเป็นตอนของใครเน้อ นั่งรออ่านต่อไป
  6. aquafay

    aquafay Member

    EXP:
    97
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    อ่านแล้วก็รู้สึกแบบเด็กนักเรียนหลายๆ คนแฮะว่ากวินฟอร์มีกติการับเด็กแบบแปลกๆ ดี แต่ค่อนข้างแน่ใจว่า มีเบื้องหลังลึกลับซับซ้อนมากกว่าที่เห็นภายนอกแน่นอน จะรออ่านต่อไป เพื่อดูว่าสมมติฐานที่ตัวเองคิดไว้ราวๆ สองสามอย่างถูกหรือเปล่า (นุ๊ก - สมมติฐานอะไรของเอ็งฟระ!)

    อ่านแล้วเนือยๆ ไปกับรีเวลล์ตามอีวานเลย กร๊ากก หนุ่มตบมุกเก่งแบบรีเวลล์ ก็เหมาะจะอยู่คู่กับสาวไฮเปอร์แบบฟารันต์ดีนะเนี่ย มันน่ารักดีอะ ทนรำคาญเพื่อคนอ่านหน่อยนะ เดี๋ยวก็ชิน จนสุดท้ายก็ขาดอีกฝ่ายไปไม่ได้เองแหละ รีเวลล์ 555+

    นุ๊กเขียนอ่านง่ายดีครับผม ถึงผมจะยังไม่ค่อยเห็นด้วยกับการบรรยายที่จดจ่อกับแต่อวัยวะใดอวัยวะหนึ่งของตัวละครเท่าไหร่ (อย่างดวงตา) ไงก็สู้ๆ เน้ จะรอตอนต่อไป
  7. train

    train Member

    EXP:
    498
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    โรงเรียนค่อดอลังการ!!!!
    ชอบโรงเรียนนี้ตรงที่มันจับฉลากเนี่ยล่ะ ฮา

    เหมือนจะเห็นซีซีโผล่มา (ก๊าก)
    เอ่ เท่าที่อ่านดูผมยังไม่สะดุดกับคำผิดนะครับมี๊
    ก็ลื่นดี ออกเรื่อยๆแต่ว่านะ...กุฟานกับรีเวลล์มันสีผมสีตาเหมือนกันเรอะ orz
    ส่วนฟารันต์นี่ช่าง...พูดมากจริงๆเธอว์!!!!
  8. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    แหมๆ ซุ่ม เข็นตอนที่ 2 ออกมาไว อย่างเหลือเชื่อ ทีเดียว [action]โดนนุ๊กกี้ฟาด ลงไปนอนจมกองเลือด[/action]

    เปิดตัวได้ อลังการงานสร้างทีเดียว ส่วนตัวชอบคำอธิบายของการจับฉลากขิงๆ
  9. PaiaAznable

    PaiaAznable มนุษย์ตู้ปลาช้ำรัก

    EXP:
    744
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    วิธีคัดเลือกเข้าโรงเรียน... สุดติ่งมาก OTL

    ฟารันต์นี่หนวกหูดีจริงๆ....งืมๆ เข้าใจแล้วว่าทำไมเรายังไม่โผล่(สมัครคาร์ซับซ้อนไปสินะ ซิกๆ) รอชมต่อไปกั๊บ TTwTT
  10. Randolp

    Randolp Member

    EXP:
    56
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    ปลื้มกับห้องคัดเลือกจริงๆครับ

    ให้อามรมณ์ยิ่งใหญ่อลังการ แถมสวยมากซะด้วยครับ

    อยากอ่านตอนต่อไปใจจะขาดแล้วคร้าบ เอิ้กๆ

    รอต่อไป~
  11. aurora

    aurora คาตะโอโม่ย

    EXP:
    1,631
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    เพิ่งมาไล่อ่าน สองตอนรวด ชอบบุคลิกตัวเอกสาวอย่างฟารันต์มากๆ แก่นแก้วและตรงไปตรงมาดีมาก ผมเป็นคนชอบตัวเอกหญิงแบบนี้อยู่แล้วด้วย การบรรยายอ่านแล้วลื่นไหลดีครับ และด้วยบุคลิกของตัวละครอย่างฟารันต์ยิ่งทำให้อ่านแล้ว อดอมยิ้มไปกับความน่ารักของเธอไม่ได้

    ชื่อโรงเรียนนี่ทำเอาผมอ่านผิดเป็น กะ-วิน การฺ์เดี้ยน ตลอดเลย = = แถมระบบการรับนักเรียนก็ครีเอทสุดๆ... ชอบตรงประโยคที่ว่า "ในเมื่อความหมายของโรงเรียนคือสถานที่ให้ความรู้ สถานที่สั่งสอนอบรม ปลูกฝังเหล่าผู้เรียนให้เติบโตออกไปอย่างมีประสิทธิภาพ ฉะนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องรับผู้ที่ชำนาญหรือ เก่งอยู่แล้วมาเข้าเรียน และก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ให้คนที่ไม่เป็นอะไรเลยมาเข้าเรียน" อ่านแล้วชวนให้นึกถึงโรงเรียนเด่นๆดังๆหลายโรงเรียน ที่มีระบบการคัดเลือกที่ยุ่งยากมาก โดยลืมไปว่าแท้จริงแล้วโรงเรียนคืออะไร จนเด็กต่างจังหวัดหลายคนขาดโอกาสในการเรียน

    เอาเป็นว่าจะรออ่านตอนต่อไปนะครับ

    แอบมาอ่านดูแนวก่อนสมัคร ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด พรุ่งนี้คงสมัครเสร็จนะฮะ อุหุหุ :medance.:
  12. soulmaster

    soulmaster Endorphinlism

    EXP:
    403
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    18
    Gwynfor รึเปล่า

    ชื่อชวนให้นึกถึง Gwyndor แฮะ
  13. derick

    derick Member

    EXP:
    339
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    18
    บทเรียนที่ 3 : ว่าด้วยเรื่องของมิตรสหาย





    ดวงตาสองสีชวนพิศวงประดับชัดอยู่บนดวงหน้างดงามภายใต้เรือนผมสีดำของเด็กสาวผู้หนึ่ง กำลังจ้องมองภาพซึ่งปรากฏเบื้องหน้าด้วยความตื่นตะลึงไม่ต่างอะไรกับกลุ่ม ‘ผู้ดวงดี’ คนอื่น ๆ ที่สามารถผ่านการคัดเลือกแบบแปลกประหลาดเข้ามาได้

    จะให้เธอบรรยายว่าอย่างไรดีล่ะ? อลังการ? มโหฬาร? หรือว่าอย่างไรดี??

    ในตอนแรกนั้นเธอไม่คิดหรอกว่าต้องมาเจอะเจออะไรแบบนี้ ไม่สิ....ไม่ได้จินตนการถึงเสียมากกว่า เพราะหลังจากที่ดวงดีอย่างสุด ๆ สามารถจับฉลากผ่านและไม่โดนลูกบอลน้ำนั่นแตกกระจายใส่เอา เธอก็ถูกนำไปยังทางออกด้านหลังหอประชุม มาหยุดรอคอยอะไรสักอย่างอยู่หน้าบานประตูเหล็กทึบลวดลายวิจิตรอีกบาน

    “ยังไม่ทันไรก็เจอเข้า 3 บานและ โรงเรียนนี้มันมีประตูกี่บานกันแน่เนี่ย!”

    เสียงเจื้อแจ้วหนึ่งดังขึ้นไม่ไกลจากเธอนัก ดวงตาสองสีเหลียวมอง รู้สึกว่าผู้พูดเองคงมีความคิดไม่ต่างจากเธอในตอนนี้เสียเท่าไหร่ “นั่นสินะ...” น้ำเสียงแผ่วเอ่ยกับตน

    เพียงแค่อีกฝ่ายหันหน้ามาพร้อมรอยยิ้มภาพความทรงจำที่เพิ่งผ่านมาไม่นานก็แล่นวาบขึ้นทันที “เธอคือคนที่โวยวายในหอประชุมนี่...”

    “อ๋า!! ฉันไม่ได้โวยวายนะ!!” เจ้าตัวตอบกลับ

    คนเปิดประเด็นชวนโมโหหัวเราะเบา “ขอโทษที่เสียมารยาท ฉันกราเซียร์ส เอเลแกรนท์ เรียก เกล ก็ได้” รอยยิ้มเป็นมิตรแต้ม คำขอโทษจากใจจริงออกมาจากริมฝีปากบาง

    “ฟารันต์ นาการัช...ฉันไม่ได้โวยวายจริง ๆ นะ!” ฟารันต์ย้ำคำอีกครั้ง ดวงตาสดใสของเธอส่องประกายบ่งบอกอะไรบางอย่าง คล้ายกับการอ้อนวอนให้อีกฝ่ายเชื่อตามคำที่เธอพูดออกมา

    กราเซียร์สพยักหน้ารับ เมื่อเห็นว่าเด็กสาวร่างเล็กตรงหน้าไม่ได้มีท่าทีเลวร้ายอะไรซ่อนอยู่ ฉะนั้นเธอเองจึงไม่จำเป็นต้องสร้างกรอบหรือกำแพงใดมาขวางกั้นเช่นกัน ที่สำคัญ...เธอรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างจงใจชักจูงให้เธอมาพบกับคน ๆ นี้

    “ค่ะ”

    ฟารันต์มองการตอบรับนั่นแล้วนิ่งไปพัก ราวกับต้องการตรวจดูผู้พูดให้ชัดเจน ตั้งแต่หัวจรดเท้า กริยาท่าทาง ใบหน้ารูปร่าง น้ำเสียงและคำพูด.... “สวยจัง....” เด็กสาวเอ่ยออกมาตามตรง

    คนได้ยินเลิกคิ้วเล็กน้อย “คะ?”

    “คือ...เธอสวยจัง อ๊ะ!! ฉันชมจริง ๆ นะ ไม่ได้แกล้งชม” เส้นผมสีน้ำเงินเข้มสั่นไหวไปมารวดเร็ว

    เห็นกริยาแบบนั้นกราเซียร์สก็ส่งเสียงหัวเราะเบาอีกครั้ง “ขอบคุณค่ะ”

    “นี่...เราเป็นเพื่อนกันได้รึเปล่า??” ฟารันต์ถามออกมาเบา ๆ น้ำเสียงของเธอดูลังเลผิดจากเมื่อตอนที่เห็นในหอประชุมใหญ่แทบจะเป็นคนละคน

    “ได้สิคะ” ผู้ถูกชักชวนตอบรับด้วยรอยยิ้ม

    หลังจากนั้นไม่นานผู้ผ่านการคัดเลือกทั้งหมดก็มีโอกาสข้ามผ่านบานประตูตรงหน้าพร้อม ๆ กัน สิ่งที่ปรากฏแก่สายตานับร้อยคู่เป็นทางเดินแยกสี่ทาง กลางจัตุรัสคือหอระฆังสีขาวสูงเสียดฟ้า ขนาดแหงนคอจนสุดยังไม่อาจมองเห็นปลายเหนือของยอดได้

    ช่วงเวลานั้นกราเซียร์สเหลือบเห็นกลุ่มคนหนึ่งเดินออกมายังเส้นทางด้านซ้าย พวกเขาค้อมคำนับให้กับอานิลผู้เป็นประธานสายนักรบและตัวแทนนักเรียนในวันนี้ ก่อนจะเดินตรงมายังเหล่า ‘น้องใหม่’ ที่ยืนนิ่งรออยู่

    เส้นผมสีเงินกับนัยน์ตาสีเทาอ่อนที่แทบจะกลืนหายไปกับลูกตาขาวดูเป็นจุดเด่นอย่างแปลกประหลาด หากแต่ร่างกายกำยำนั้นกลับดูผิดเพี้ยนจากส่วนสูงซึ่งไม่ได้มีมากไปกว่าผู้ชายคนอื่น อาจน้อยกว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ

    เพราะหากคะเนด้วยสายตาเปล่าแล้ว เธอและชายคนนั้นน่าจะมีความสูงไล่เลี่ยกัน

    “นั่นรุ่นพี่เหรอ??” คนตัวเล็กกว่าหรือเพื่อนใหม่ข้างกายร้องถามขึ้น

    “คงแบบนั้นแหละค่ะ” กราเซียร์สเดาเอาจากท่าทางที่รู้จักอานิลเป็นอย่างดี

    การปรากฏกายนี้ไม่ได้มีแต่เธอและฟารันต์ที่นึกตั้งข้อคำถาม ผู้สอบผ่านคนอื่นรอบตัวก็ด้วยเช่นกัน เสียงซุบซิบพูดคุยยังคงดังประปรายเป็นระยะ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นเพราะสงสัยในท่าทาง รูปโฉม หรือแม้กระทั่ง....

    “ช่วยเงียบหน่อย!!” เจ้าของผมสีเงินตะโกนดัง

    อานิลก้าวเดินเข้ามาเบื้องหน้าเล็กน้อย “นี่คือ เรนเซ่ คาเวเซีย เป็นหัวหน้าหอพักตะวันออก เป็นรุ่นพี่ของพวกคุณ 1 ปี เขาจะมาทำหน้าที่ดูแลพวกคุณต่อจากผม”

    “พวกคุณจะต้องพักที่หอพักรับรองก่อนที่การจัดสรรห้องเรียนและหอพักจะเสร็จสมบูรณ์”

    คนพูดจบหันไปกระซิบบางอย่างกับชายหนุ่มนามเรนเซ่อีกเล็กน้อย แล้วหันมาค้อมศีรษะคำนับให้กับกลุ่มนักเรียนใหม่เบื้องหน้าตามมารยาท ก่อนเดินจากออกไปพร้อมกับคนอีกสองคนซึ่งติดตามประธานหอตะวันออกมาเมื่อครู่

    “ท่าทีรีบร้อนจังนะคะ....” ฟารันต์เอ่ยเมื่อสังเกตเห็นสิ่งนั้นจากอานิล

    “แล้วไปยุ่งอะไรกับเขาหายัยเปี้ยก!”

    น้ำเสียงที่ได้ยินอยู่ใกล้ ๆ ทำเอาฟารันต์หันขวับมองด้วยความไม่พอใจ พอเห็นว่าเป็นใครเท่านั้นเธอก็ก้าวเดินดุ่ม ๆ เข้าไปประจันหน้าอย่างไม่สนใจสายตาของคนรอบข้างซึ่งกำลังมองดูเหตุการณ์เป็นตาเดียว

    “เตี้ยอย่างนายมีสิทธิอะไรมาเรียกคนอื่นเขายัยเปี้ยกยะ!!”

    กุฟานที่ยืนกอดอกนิ่งเริ่มเกิดความไม่พอใจขึ้นบ้าง “แต่อย่างน้อยฉันก็สูงกว่าเธอ!”

    ฟารันต์เปล่งเสียงแหลมสูง “โหย....ภูมิใจตายเลยสูงกว่าฉันเนี่ย!!” ว่าแล้วดวงตากลมโตก็เหลือบเห็นเพื่อนคนใหม่ซึ่งกำลังจะเดินเข้ามาห้ามทัพ เธอคว้าข้อมือของกราเซียร์สไว้แล้วลากอีกฝ่ายมาประจันหน้ากับคนปากไม่ดีช่างหาเรื่อง

    “ดูสิ! เกลยังสูงกว่านายเลย!!”

    เมื่อทุกสายตามองแล้วเห็นพ้องต้องกันว่ามันเป็นความจริง เสียงหัวเราะจากคนรอบข้างก็พากันดังครืนเสียยิ่งกว่าฟ้าถล่ม กุฟานกวาดสายตามองด้วยความอาย

    “หัวเราะอะไรกันวะ!! พวกแกสูงกันตายเลยนี่!!!”

    “ก็นายมันเตี้ยจริง ๆ นี่” รีเวลล์ที่ยืนนิ่งอยู่ไม่ห่างกันนักเอ่ย ยิ่งเรียกความขบขันให้ผู้ฟังเข้าไปอีก

    “เฮ้ย! จะคุยกันอีกนานไหม?!”

    แล้วเสียงตะโกนขัดจากใครบางคนก็ทำให้ทุกอย่างเงียบลงราวกับนัดหมาย สายตานักเรียนใหม่ทุกคนจับจ้องไปยังรุ่นพี่ผมเงินที่ยืนกอดอกนิ่งทำสีหน้าไม่ค่อยพอใจนักอยู่ จริง ๆ ที่อารมณ์แบบนี้ไม่ใช่เพราะรุ่นน้องหรอกนะ แต่เพราะโดนบังคับแบบไม่เต็มใจต่างหากล่ะ

    “บอกไว้ก่อนเลยว่าฉันไม่ใช่คนดีอะไร และจะยิ่งเลวร้ายมากขึ้นหากพวกนายทุกคนไม่ทำตามที่ฉันพูด” เรนเซ่ตวัดสายตากวาดมอง

    “อย่าดุนักสิเร็กซ์ รุ่นน้องเขากลัวกันหมดแล้ว” น้ำเสียงหนึ่งเรียกความสนใจให้ใครหลายคนหันมอง

    กราเซียร์สจำได้ คน ๆ นี้คือคนที่มาแนะนำวิธีใช้ไอ้เจ้าลูกบอลน้ำนั่น และพอเห็นชัด ๆ ได้เปรียบเทียบแบบนี้แล้วมันทำให้เธอมั่นใจได้อย่างหนึ่งว่า.... ‘ผู้ชายหลายคนที่นี่ดูจะเตี้ยกันเสียจริง’

    รูปร่างสูงหากสมส่วนพอเหมาะก้าวย่างพร้อมใบหน้าที่เปื้อนด้วยรอยยิ้มขี้เล่น ดวงตาสีเงินเข้มดูด้านชากระพริบปริบให้กับคนที่ตนร้องทัก “นายมันก็ใจร้อนไม่เคยเปลี่ยน”

    เรนเซ่ฟึดฟัด “แล้วนายมาทำไรที่นี่ไซโค ได้ข่าวว่าเขาเรียกรวม ‘แสงขาว’ ไม่ใช่รึไง?”

    “วันนี้หน้าที่ของฉันคือการดูแลนักเรียนใหม่ ฉะนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องทำนอกเหนือคำสั่ง” เขาเดินมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าไม่ห่างจากประธานหอตะวันออกนัก “แล้วรุ่นพี่อานิลก็ขอให้ฉันคอยช่วยนายด้วย”

    บทสนทนาของคนทั้งสองเรียกความสนใจให้เกิดขึ้นพร้อมคำถามบางอย่าง ‘แสงขาว’ ที่เรนเซ่ว่านั้นคืออะไร และจะเป็นเหตุผลที่ทำให้อานิลมีท่าทีรีบร้อนจากไปรึเปล่า...

    “ขอโทษนะคะรุ่นพี่!” ฟารันต์ยกมือขึ้นสุดแขน “แสงขาวที่ว่าคืออะไรหรือคะ??” โดยไม่รอให้ได้รับอนุญาต เจอลั่นคำถามตามที่สงสัยออกมาทันที

    ไซโคหันหน้าเข้าหาผู้ถาม “แสงขาวก็คือ...”

    “ไวท์กาเดี้ยนยังไงล่ะ!” เรนเซ่โพล่ง “ทีนี้ก็ตามฉันมา เราเสียเวลากันมามากแล้วนะ” ว่าแล้วก็หันหลังเดินดุ่ม ๆ ไปโดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะตามมาหรือไม่

    คนถูกขัดเปล่งเสียงหัวเราะเบาพร้อมยักไหล่ “เอาล่ะ ไปกันเถอะครับ” รอยยิ้มเชิญชวนแต้มบนใบหน้าคมอย่างเป็นมิตร

    ฟารันต์ที่ได้รับคำตอบกลับยืนนิ่ง ใบหน้าน่ารักก้มลงต่ำ เนื้อตัวสั่นไหวพร้อมมือที่กำแน่น กราเซียร์สเห็นแบบนั้นก็รู้สึกเป็นห่วง เธอเดินเข้าใกล้ มือหนึ่งยกขึ้นวางบนแผ่นหลังเบา ๆ

    “ไม่เป็นไรนะฟารันต์?”

    “....กาเดี้ยน....”

    เสียงพึมพำดังลอดมาทำให้คนได้ยินสงสัย คิ้วเรียวเลิกสูง “หืม?”

    “ไวท์กาเดี้ยน....” เธอหันขวับดึงมือทั้งสองของเพื่อนขึ้นมากอบกุมไว้แน่น “ไวท์กาเดี้ยนแหละเกล!! แสงขาวคือไวท์กาเดี้ยน!!!”

    กราเซียร์สรู้สึกตกใจกับท่าทีของฟารันต์ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว “คะ....แล้ว??”

    “ฉันจะเป็นไวท์กาเดี้ยนให้ได้! แล้วต่อไปก็จะเป็นไวท์ไนท์!!” ฟารันต์สูดหายใจลึก ยืดอกเต็มเหยียดพร้อมชูมือที่กำแน่นขึ้นสุดแขน

    รู้ทั้งรู้ว่าการเป็นไวท์ไนท์นั้นมีกฎเช่นไร แต่ด้วยความตั้งใจจริงของฟารันต์ก็ทำเอาคนเห็นไม่อยากเอ่ยห้าม ได้เพียงให้กำลังใจไปเท่านั้น “สู้นะคะ”

    “ไวท์ไนท์เขามีแต่ผู้ชายโว้ยยัยเปี้ยก!!” เสียงที่ดังมาจากทิศทางเบื้องหน้าเรียกให้ฟารันต์หันหลังขวับเปลี่ยนเป้าสายตา

    กุฟานที่เดินนำออกไปหากแต่ยังคงทิ้งท้ายขบวนนักเรียนใหม่ร้องบอก “ฝันกลางวันจริง ๆ คนเรา”

    “หนอย!! อีตาบ้า!!!” คนถูกว่าก้าวเท้าพรวด ๆ จนแทบจะวิ่งเข้าใส่ โชคดีที่กราเซียร์สวิ่งเข้าไปรั้งไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นมีหวังเพื่อนใหม่ของเธอต้องได้ไปนอนตากลมนอกหอพักเพราะหาเรื่องตั้งแต่วันแรกแน่ ๆ

    นักเรียนใหม่ทั้งหมดเดินตามเรนเซ่มาจนถึงช่วงตรงกลางจัตุรัส ดวงตานับสิบนับร้อยจ้องมองทางแยกที่ทอดยาวออกไปทางฝั่งซ้ายและขวา ไล่สายตาเรื่อยไปจนเห็นกำแพงหินดูเย็นเยียบที่ทำหน้าที่เหมือนปราการปิดกั้นอะไรสักอย่างไว้ภายใน

    “เหมือนกับหน้าทางเข้าเลย....” ฟารันต์พึมพำ

    กราเซียร์สมอง “ประตูอีกสองฝั่ง”

    แม้มันดูไม่ใหญ่โตมากหากเทียบกับประตูสองบานที่ผ่านเข้ามาในตอนแรก แต่ลวดลายและสีสันชวนเปี่ยมด้วยมนต์ขลังของมันก็ทำให้คนมองรู้สึกขนลุกได้ไม่ยาก ชวนให้อยากสัมผัสเพื่อซึมซับเอาบางสิ่งบางอย่างซึ่งแฝงไว้ในความสงบนิ่งนั้น

    “นั่นคือประตูแห่งไอร์ฟาน” ไซโคเอ่ยไขข้อข้องใจให้กับน้องใหม่ “เป็นประตูที่เชื่อมต่อยังเขตพื้นที่ที่ใช้ในการเรียน” เขายิ้มแล้วก้าวเดินจากหลังแถวมาส่วนกลาง

    “ทางด้านซ้ายคือที่ตั้งของอาคารเรียน ด้านขวาคือส่วนของกิจกรรม”

    เรนเซ่ยืนกอดอกพิงหอระฆัง ใบหน้ายังคงแสดงความไม่สบอารมณ์เช่นเดิม “พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ ฝั่งซ้ายทฤษฎี ฝั่งขวาปฏิบัติ”

    ผู้อธิบายคนแรกพยักหน้ารับ “แต่ไม่ต้องห่วง ทั้งสองฝั่งจะเชื่อมต่อกัน ไม่จำเป็นต้องเดินผ่านจัตุรัสกลางให้ยุ่งยาก” ไซโคเอ่ยต่อราวรู้เท่าทันความคิด

    เมื่อเสร็จสิ้นการถามคำถามตามสงสัยของพวกเด็กใหม่เรียบร้อย เรนเซ่ก็ออกเดินหน้าต่อ เขานำทางทุกคนไปทางทิศเหนือ ด้านตรงข้ามกับประตูที่เข้ามาในตอนแรก จนมาถึงสิ่งก่อสร้างทรงกลมขนาดมหึมาซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างตัวอาคารงดงามแปลกตาสองหลัง

    “นี่มัน.....” กุฟานร้องขึ้น ความตื่นตะลึงของเขาไม่ได้มีมากไปกว่าคนอื่นเสียเท่าไหร่

    ขนาดรีเวลล์ที่ดูมีสติที่สุดยังอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างมองสิ่งก่อสร้างตรงหน้า “ลานประลอง??”

    “ถูกแล้ว นี่คือลานประลองกลางของกวินฟอร์” ไซโคหัวเราะเบาเมื่อเห็นท่าทีของพวกรุ่นน้อง “เพื่อให้สะดวกในการต้อนรับแขกและไม่ให้เกิดความวุ่นวายภายใน มันจึงถูกสร้างขึ้นไว้ส่วนหน้าของโรงเรียน” สองขายาวก้าวตามประธานหอตะวันออกที่ไม่ใส่ใจที่จะหยุดฝีเท้าไป

    เป็นเหตุให้คนที่เหลือจำต้องก้าวเท้าตามด้วย “นี่มันใหญ่ขนาดไหนเนี่ย....” ฟารันต์ยังคงจ้องมอง ดวงตาของเธอสังเกตเห็นเงาของลานประลองซึ่งทอดลงตามทิศทางของดวงอาทิตย์ ตกกระทบบดบังอาคารฝั่งหนึ่งจนมันถูกกลืนหายเข้าไปในร่มเงานั้น

    กราเซียร์สเองก็สนใจไม่แพ้กัน แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะทำอะไรได้มากไปกว่าการเดินตามรุ่นพี่อย่าให้คลาดกัน “รีบไปเถอะค่ะ” เธอจับมือเพื่อนเบา ๆ เรียกสติให้อีกฝ่ายหันมอง

    “อ่ะ....ขอโทษที ๆ” ฟารันต์ขอโทษในความเหม่อลอยของตน

    ทั้งหมดได้รับรู้ว่าอาคารสองอาคารที่ขนาบข้างอยู่นั้นเป็นอาคารที่ไว้สำหรับให้ผู้เข้าแข่งขันได้พักผ่อนเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมในการทำกิจกรรมนั้น ๆ เป็นสัดส่วนเฉพาะซึ่งทางโรงเรียนได้จัดแยกไว้ รูปทรงของมันจึงไม่ได้ต่างอะไรกับหอพักขนาดใหญ่ทั่วไปนัก

    ถึงจะบอกว่าไม่แตกต่างมากแต่ความงดงามของมันกลับทำให้รู้สึกเหมือนตนเองได้เข้าสู่ขอบเขตพระราชวัง ตัวอาคารสร้างจากหินแกร่งสีอ่อนเย็นสบาย มีรั้วระเบียงยื่นออกมาพอเป็นสัดส่วน บานหน้าต่างไม้สีเข้มจากช่างฝีมือปราณีตเรียงรายกันเป็นทิวแถว ติดกับบานประตูลักษณะคล้ายกันซึ่งแบ่งแยกสัดส่วนของห้องนั้น ๆ ออกมาได้อย่างชัดเจน

    เรียกว่าอาคารหรือ....ไม่ เรียกว่าปราสาทยังดูเหมาะเสียกว่า....

    บันไดเชื่อมต่อยังพื้นที่ยกสูงทำให้คนมองต้องชะงักฝีเท้า เพ่งมองไปยังผืนพรมแดงและสวนหย่อมเล็กตรงหน้าด้วยความชอบใจ ดวงตาสีฟ้าใสกลมโตกวาดมองทุกกระเบียดนิ้วอีกครั้ง

    “สวยจัง...ว่างั้นไหมเกล?” เธอส่งเสียงร้องถามเพื่อนข้างกาย

    กราเซียร์สนิ่งมองแล้วพยักหน้ายอมรับ “ค่ะ สวยมาก”

    “ที่ ๆ เราจะไปพักมันจะสวยแบบนี้รึเปล่านะ....” เด็กสาวทำท่าฝันหวานในสิ่งที่ยังไม่ได้เห็น

    ผ่านพ้นช่วงนั้นมาจะเห็นสวนหย่อมขนาดกลางขวางกั้นอะไรบางอย่างอยู่ ต้นไม้ด้านหลังแม้ไม่ได้สูงมากหากแต่ก็บดบังสายตาของผู้มองได้ พวกเขาเห็นเพียงหลังคาสีน้ำตาลยาว เทียบจากอาคารที่เพิ่งเดินผ่านมาแล้วมันน่าจะมีขนาดยาวเป็นสองเท่าเลยทีเดียว

    เรนเซ่เดินนำไปตามทางเดินที่ปูด้วยก้อนหินหยาบ บนพื้นดินมีต้นหญ้าเตี้ยสีเขียวอ่อนสวยประดับแซมไปกับดอกหญ้าสีเหลืองนวล ถัดไปแค่พอสี่คนเดินมีรั้วสีขาวกั้นเป็นกิจจะลักษณะ จงใจแบ่งเขตให้เห็นชัดเป็นสัดส่วนอย่างลงตัว

    เดินต่อไปอีกประมาณเกือบสิบเมตรก็จะพ้นสวนออกมา เข้าสู่ลานโล่งกว้างซึ่งอยู่เบื้องหน้าเจ้าตัวสิ่งก่อสร้างหลังคาสีน้ำตาลที่เห็นภายนอก มันไม่สูงจนน่ากลัว และไม่ใหญ่จนเกินหยั่ง หากแต่ความยาวของมันนั้นสามารถทดแทนจำนวนชั้นที่ถูกทอนลงไปได้

    พวกเขาเข้าสู่ใจกลางของทางเข้าซึ่งมีลักษณะคล้ายกับตัวที่พักด้านนอก ชานครึ่งวงกลมยื่นออกมาจากตัวอาคารไม้สีขาวสะอาดพร้อมกับขั้นบันไดประมาณสิบขั้น ตัดผ่านด้วยไม้พุ่มที่ถูกตัดแต่งและดูแลเป็นอย่างดี สร้างบรรยากาศชวนผ่อนคลายให้กับผู้พบเห็น

    ร่างสูงงดงามในชุดสีฟ้าอ่อนยาวยืนรอท่าอยู่ ใบหน้าได้รูปแต้มรอยยิ้มอ่อนโยน เส้นผมสีทองยาวมัดรวบเป็นระเบียบ ดวงตาสีเขียวสวยฉายแววเป็นมิตร เหนืออื่นใดคือใบหูแหลมเรียว สิ่งที่ไม่ใช่ลักษณะของมนุษย์โดยทั่วไป

    “เอลฟ์!!!” ฟารันต์แหกปากลั่น นิ้วเรียวชี้ไปยังเบื้องหน้าด้วยความตกใจสุดกลั้น

    “อย่าเสียมารยาท!!” เรนเซ่เอ่ยต่อว่ารุ่นน้อง ก่อนเดินก้าวเข้าไปหยุดยืนเบื้องหน้าผู้ถูกเรียกขานว่า ‘เอลฟ์’ พร้อมค้อมคำนับให้เล็กน้อย “ต้องขอโทษท่านเอเรียสด้วย”

    “ไม่เป็นไร” เสียงไพเราะตอบรับกลั้วหัวเราะ “ไม่แปลกหรอกที่ใครเห็นเราแล้วจะกล่าวเรียกแบบนั้น”

    ไซโคเดินมาเบื้องหน้าเอเรียสแล้วค้อมศีรษะให้ “ท่านเอเรียสคือผู้ที่คอยดูแลหอพักทั้งหกของโรงเรียนเรา”

    ฟารันต์จ้องมอง เธออยากรู้จริง ๆ ว่าคนตรงหน้านี่ใช่ ‘เอลฟ์’ ที่เคยได้เห็นเพียงในหนังสือจริงหรือเปล่า...

    พวกเอลฟ์เป็นเผ่าพันธุ์ที่เกิดมาพร้อมกับภูติ มีหน้าที่คอยดูแลรักษาธรรมชาติภายในโลกเธียอาร์ใบนี้ โดยปรกติแล้วพวกเขาจะอาศัยอยู่ที่เกาะแห่งภูติใจกลางของแผ่นดินเท่านั้น ไม่เคยมีใครได้เห็นหรือสัมผัสตัวตนที่แท้จริง และยังว่ากันว่าอายุรวมถึงพลังของพวกเอลฟ์นั้นมีมากมายมหาศาลจนมนุษย์ธรรมดาทั่วไปไม่อาจเทียบได้

    “ข้าคือเอลฟ์” จู่ ๆ ผู้รอต้อนรับก็เอ่ยขึ้น เรียกเสียงฮือจากเหล่านักเรียนใหม่ให้ดังกลบทั่วบริเวณ

    “นี่ ๆ” กุฟานซึ่งยืนห่างออกไปพยายามแทรกตัวเข้ามาใกล้ “เขาว่ากันว่าพวกเอลฟ์อยู่แต่ในเวียลีสท์ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงออกมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”

    เอเรียสแย้มยิ้มให้กับผู้ถาม “พวกเราส่วนมากอาศัยอยู่ที่นั่นก็จริง แต่ใช่ว่าจะไม่สามารถออกมาด้านนอกได้” เขาเว้นจังหวะด้วยการหันหลังไปเรียกใครบางคนภายในหอพักออกมา “พวกเรานับถือคำสัญญา และคำสัญญานั่นทำให้พวกเราต้องออกมา”

    ชายสูงวัยคนหนึ่งปรากฏ เขาอยู่ในชุดสูทดูภูมิฐาน ใบหน้าเคร่งขรึมสวมแว่นตากรอบกลม หนวดสีขาวยาวปกปิดริมฝีปากสีอ่อนซีดจนแทบมิด

    “อีธานคือพ่อบ้านของหอพักแห่งนี้ หากมีอะไรก็สามารถสอบถามเขาได้” เอเรียสหงายมือเบื้องหน้าผู้ถูกแนะนำ “เวลาก็ล่วงเลยมามากแล้ว เชิญพวกท่านเข้าสู่ด้านในก่อนเถิด” เขาผายมืออีกครั้งเพื่อเชื้อเชิญให้แขกหน้าใหม่เข้าสู่สถานที่รองรับอย่างพร้อมเพรียง

    “ขอต้อนรับสู่ปราสาทมาเคน่า”





    ====================================​




    แจ้งข่าว

    - จะทำการจัดห้องใหม่ครับ ด้วยวิธีไหนนั้นยังไม่รู้...
    - จะทำการจับฉลากหาคู่ เอิ้ก ๆ
    - จัดสรรหอพักจ้า (หอพักมีทั้งหมด 4 หอสำหรับนักเรียนทั่วไป และไม่จำเป็นว่าจะต้องอยู่ห้องเดียวกันถึงได้อยู่หอเดียวกันครับ)
    - ทราบผลทุกอย่างในตอนหน้าจ้า



    Talk

    มีที่ผิดน่าจะชัวร์ กร๊ากกกกกกกก ตอนแรกนึกว่าจะไม่เสร็จ เอาจนเสร็จจนได้ ตอนนี้ออกจะสั้นกว่าตอนอื่น ๆ เพราะมันถูกตัดตอนมาจากตอนหลักที่วางโครงไว้ครับ จะว่าไงดีล่ะ กว่าจะเข้าเรื่องได้ก็ล่อไปเสียตอนเลยทีเดียวเชียว 555 จุดประสงค์จริง ๆ เพื่อเอาตัวละครออกมาล่ะนะ ส่วนคนอื่น ๆ ไม่ต้องรีบร้อนนะครับ ได้ออกแน่นอน

    ขอบคุณสำหรับกำลังใจและคำติชมจ้า (ไม่ขอตอบคอมเมนท์แล้วกันนะ เพราะจะหลับแล้ว 555)


    :hbow:
  14. train

    train Member

    EXP:
    498
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    กำเนิดคู่หูใหม่ ขรึมกับไฮเปอร์ (ฮา)
    โรงเรียนอลังการมวากกกกกก ชอบ ฮ่าๆ
    ส่วนคำผิด....รอคนอื่นท้วงละกัน ส่วนตัวผมไม่ยักกะเห็น = =" (เพราะเช้าอยู่?)
  15. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    ดูๆไปแล้วเรื่องนี้ตัวละครเตี้ยๆท่าจะไม่น้อย สงสัยเอามารวมกลุ่มตั้งสมาคมคนเตี้ยได้เลยนะเนี่ย :pen?:
  16. aurora

    aurora คาตะโอโม่ย

    EXP:
    1,631
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    โรงเรียนอลังกาลงานสร้างมาก กุฟานกับฟารันต์นี่คู่กัดกันแน่ๆ แต่หวังว่าจะไม่กลายเป็นคู่รักกันตอนท้ายนะ

    ไม่อย่างนั้น....คง....

    รออ่านต่อไป
  17. maxlancer

    maxlancer ประธานรุ่น2ตุรกีเชียงใหม่

    EXP:
    1,183
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    88
    เชื่อขนมกินว่า ที่เรนเซ่ ตะคอกไม่ใช่รำคาญ แต่เพราะ ไอ้ที่เถียงกันเรีื่องส่วนสูง 5555+ เป็นรุ่นพี่ขี้วีนดีจริงๆ


    อ่านๆไป ฟารันต์ให้อารมณ์เหมือน รอน วิสลี่ใน แฮรรี่ ไงไม่รู้ เหอะๆๆ
  18. Ryuto

    Ryuto 終わる道、始まる夢

    EXP:
    964
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    88
    5555555555+ กุฟาน ไอร์ฟาน อีธาน มากันครบ >_<

    พี่้นุ๊กแต่งลื่นเหมือนเคย /me กลับไปมองฟิคตัวเอง ต้องเก็บ exp อีกเยอะ

    ฟาัรันต์กับกุฟาน คงกัดกันตายกันไปข้าง

    ป.ล.ใช่สิ ผมมันเตี้ยT-T
  19. Randolp

    Randolp Member

    EXP:
    56
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    *0* ตอนที่3 ก็ยังคงให้ความ

    รู้สึกอลังการ กลิ่นอาย โรงเรียนจริงๆครับ

    แถมหอพักยังดู น่าน๊อน น่านอนอีกด้วยนะครับ

    รออ่านต่อไปครับผม
  20. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    ผมนั่งฮาแตกตอนฟารันต์ตอกกุฟานคืนว่า "เกลเขายังสูงกว่านายเลย!"
    เป็นการตอกหน้าหงายที่เจ็บปวดมาก กร๊ากกกกก น่าสงสารกุฟาน
    เกลตกกระไดพลอยโจรซะแล้ว OTL

    ตอนนี้มีการบรรยายช่วงสนามประลอง ที่ผมรู้สึกว่า อลังการมาก บอกตรงๆผมนึกภาพตามและเห็นถึงความยิ่งใหญ่ของโรงเรียนกวินฟอร์ทันทีเลย โดยเฉพาะท่อนที่ว่า "เงาของลานประลองซึ่งทอดลงตามทิศทางของดวงอาทิตย์ ตกกระทบบดบังอาคารฝั่งหนึ่งจนมันถูกกลืนหายเข้าไปในร่มเงานั้น" ยิ่งใหญ่มากๆครับ TwTb

    ตัวละครค่อยๆทยอยออกมาแล้ว อยากอ่านการจัดหอพักเร็วๆ

    มัน...ไม่ใช่หนังเกาหลีนะครับนิว = ="
  21. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    บรรยายได้ดูอลังการ มีฉากกัดกันเอาฮา พอครึ้มอกครึ้มใจ ดูท่าทาง รุ่นน้องและรุ่นพี่แต่ละคนไม่ธรรมดาขิงๆ งานนี้สนุกแน่ๆ

    ไม่แน่นา อาจจะ Nice Boat ก็ได้ฮาๆ
  22. alladiya

    alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

    EXP:
    1,207
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    88
    //me เกาหัว....สองตอนแรกไม่ได้เมนท์เรอะเนี่ยงงตัวเองอย่างแรง - -



    เลื่อนๆลงมา รู้สึกเห็นด้วยกับแม๊กกี้ยังไงไม่รู้ ที่ว่าเหมือนรอน

    แล้วก็ ยังไงก็ขอขำคำว่าเตี้ยกันเสียจริงด้วย 1 เสียงค่ะ ก๊าก



    เกลออกตอนนี้ก็แสดงว่าที่แก้ไปใช้ได้ เฮ้อ โล่งอก ขอบคุณที่ให้โอกาสแก้ไขค่า :D
  23. onikuro13

    onikuro13 Sadistic Queen

    EXP:
    299
    ถูกใจที่ได้รับ:
    7
    คะแนน Trophy:
    38
    ...ชอบเรนเซ่ขิงๆ!!!!!!!! แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยส์♥
    ...ฮว๊ากกกกกกก อยากคู่กับเรนเซ่!!! ;w;
  24. PaiaAznable

    PaiaAznable มนุษย์ตู้ปลาช้ำรัก

    EXP:
    744
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    ฮาาาาาา กุฟาน....ไอ้เตี้ย กร๊ากกกกกก

    กราเซียร์สกับเรนเซ่สูงเท่ากันไม่ใช่เรอะ... - -"

    ขอท้วงนิดนึงว่า ถ้าใส่ไปว่าตัวละครตัวไหนออกมามั่งจะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ มึนไปหมดแล้ววววว @_@
  25. derick

    derick Member

    EXP:
    339
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    18
    จ๊ะเอ๋!!!

    งงล่ะสิ ๆ 5 5 5 :medance.:

    ไม่ได้มาอัพฟิคครับ แต่มาทำอะไรบางอย่าง หึหึ~*

    จริง ๆ ในฟิคไวท์ไนท์ตอนนี้มีทั้ง 'ตัวละครที่ขาด' และ 'ตัวละครที่เกิน' ครับ ฉะนั้นไอ้ Reply นี้มันมาเพื่อจัดการอะไรบางอย่าง และอย่างที่บอกไปว่าจะมีการจัดผังอะไรต่าง ๆ ใหม่ ก็เลยจะใช้โอกาสนี้ในการจัด

    มันก็แค่คำถามง่าย ๆ มีกฎสั้น ๆ ก็แค่ "หลังจากที่เห็นคำถามแล้ว คำตอบแรกที่คุณคิดคืออะไร ก็จงตอบไปแบบนั้น"

    ขอให้คนที่สมัครฟิคเรื่องนี้ตอบทุกคนนะครับ ทั้งที่ยังมีบทและไม่มีบท จริง ๆ ถ้าเป็นไปได้ผมไม่อยากให้ดูคำตอบของคนอื่นครับ เพราะคำตอบมันไม่มีทั้งผิดและถูก มันคือคำตอบที่มีจากความคิดของคุณเอง

    ตอบคำถามใน Tag สปอยนะครับ พิมพ์แบบนี้ >> [.spoiler][./spoiler] (ลบจุดทิ้งก่อนนะครับ)

    คำถาม
    1.คุณคิดว่าอะไรคือศัตรูของคุณ? เพราะเหตุใด?
    2.คุณคิดว่าเลือดแต่ละสีมีจุดเด่นอย่างไร ตามความคิดของคุณ (ทุกสี)
    3.คุณคิดว่าเวทย์มนตร์ึคืออะไร?(ในฟิคเรื่องนี้)

    ตอบตามคาร์แรคเตอร์ของตัวเองนะครับ ตอบลงในกระทู้นี้โลด


    ตอบมานะจ๊ะ หมดเขตวันศุกร์หน้า ตอบก่อนมีสิทธิก่อน บอกไว้เลยว่า คนมีบทแล้วอย่าชะล่าใจ :meelov.:

Share This Page