[ฟิครับสมัคร] White Knight : Gywnfor Guardian *Update 28/11/10*

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย derick, 4 พฤษภาคม 2010.

  1. Ryuto

    Ryuto 終わる道、始まる夢

    EXP:
    964
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    88
    ตามนี้เลยพี่นุ๊ก ขอโทษด้วยครับไม่ได้เปิดคอมหลายวัน T-T

    คำถาม
    1.คุณคิดว่าอะไรคือศัตรูของคุณ? เพราะเหตุใด?
    - ยัยฟารันต์ ขัดหูขัดตา
    2.คุณคิดว่าเลือดแต่ละสีมีจุดเด่นอย่างไร ตามความคิดของคุณ (ทุกสี)
    แม้แต่วันนี้ก็ยังคิดว่าทำไมเลือดถึงต้องแยกออกเป็นสีต่างๆด้วยเพราะเราต่างก็เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนๆกัน
    อาจเป็นเรื่องของความสามารถที่ไม่เท่าเทียมกันก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นสีที่เห็นนั้นจะมีเพียงความรู้สึกที่นึกถึงเท่านั้น
    สีน้ำตาล >> เหมือนเป็นเลือดที่มีความเข้มข้นมากที่สุด
    สีน้ำเงิน >> นึกถึงสีของน้ำทะเล มีความเจือจางเหมือนพวกอ่อนแอ
    สีม่วง >> เกย์
    สีเขียว >> นึกถึงพวกต่างดาว
    สีเหลือง >> น้ำสัปรด
    สีขาว >> เหมือนพวกหัวสูง

    3.คุณคิดว่าเวทย์มนตร์ึคืออะไร?(ในฟิคเรื่องนี้)
    - สิ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ
  2. Zear

    Zear New Member

    EXP:
    23
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    3
    โฮ้ย~~~

    ได้ฤกษ์มาตอบเสียที *-*/



    .......


    อ่านจบแล้วนะครับ.......

    แค่นี้แหละ

    /me โดนถีบข้อหาเปลืองเรพ


    หลังจากไม่ได้เข้าบอร์ดมานาน เลยไม่รู้เลยว่าลงไปตั้งแต่ตอนไหน กว่าจะรู้ตัวก็ตอนสามตอนสี่แล้ว ขออภัยเป็นอย่างสูง - -"

    เอาล่ะ ขอเมนท์ก่อน ว่าไปแล้วก็ไม่ได้เมนท์ฟิคมานานมากแล้วนะเนี่ย กี่ปีแล้ววะ!! =[]= รู้สึกแก่ กร๊ากกกกกกก
    เปิดตัวเรื่องน่าสนใจชวนติดตามมากครับ เพราะนิสัยสุดโต่งของตัวละครด้วยล่ะมั้งนะ ทำให้เรื่องมีชีวิตชีวาและบ่งบอกนิสัยได้ชัดเจน เปิดตัวรุ่นน้องเดินเรื่องให้คนอ่านตามได้ไม่น่าเบื่อเลย ส่วนฝ่ายที่มีลับลมคมในที่ต้องติดตามต่อไปก็คงเป็นรุ่นพี่ และเรื่องจม.ปิดผนึกสินะ อันนั้นก็ต้องรอดูต่อไป *-*

    ที่ผิดมีอยู่บ้าง ช่างมัน เราไม่ได้จะปรู๊ฟก่อนพิมพ์นี่ =3= (จริงๆคือขี้เกียจ กร๊าก)

    อีกเรื่องนึง คงเหมือนที่หลายๆคนบอก ....เรื่องของฉาก
    อย่าให้ผมวาดภาพประกอบฟิคแบบนี้เชียว =[]=!! ขี้เกียจเว้ยยยย
    จริงๆมันก็เข้าทางฟิคแฟนตาซีโรงเรียนรึเปล่า? อลังมาตั้งแต่เปิดประตูโรงเรียน แถมเดินซะไกลกว่าจะถึงหอพัก ก็มีความอลังกระแทกใส่มาตามทาง
    แต่ก็สุดยอด คิดไปได้ - -b

    พอได้มาอ่านแล้วก็รู้สึกว่า ในเรื่อง ผมก็ชอบตัวละครสุดโต่งอย่างฟารันต์ กุฟาน หรือเรนเซ่นะ มันสร้างฉากได้ดี
    แต่พอสมัคร กลับไม่ชอบสมัครแบบนั้น กร๊ากกกกกกกก ขออภัยด้วยที่อาจจะทำให้ยุ่งยากพอสมควร

    แต่ก็ช่างมันเถอะ ฮี่ *-*



    เอาล่ะ มาตอบอย่างโคตรสายยยยย กันหน่อยดีกว่า (อา... ผมเนี่ยแหละ มนุดที่รักษาเวลาไม่ได้ T^T)
    คำถาม
    1.คุณคิดว่าอะไรคือศัตรูของคุณ? เพราะเหตุใด?
    - ทุกคนสามารถกลายเป็นศัตรูได้ รวมไปถึง"ตัวเอง"ด้วย ........ไม่อยากจะคิดแบบนี้หรอกนะ แต่ก็คิดแบบนี้แหละ - -

    2.คุณคิดว่าเลือดแต่ละสีมีจุดเด่นอย่างไร ตามความคิดของคุณ
    สีแดง - สูงส่ง พลัง
    สีน้ำตาล - อำนาจ ความมั่นคง
    สีน้ำเงิน - เย่อหยิ่ง ทรนง
    สีม่วง - ลึกลับ แปลกแยก
    สีเขียว - เป็นมิตร การเดินทาง
    สีเหลือง - ศักดิ์ศรี ความขัดแย้งในตัวเอง
    สีขาว - ศักดิ์สิทธิ์ ห่างไกล

    แต่จริงๆมันก็แค่สิ่งที่สังคมเลือกกำหนดขึ้นเอง เหมือนพวกกฏหมายแล้วก็วัฒนธรรม มันไม่จำเป็นต้องถูกกำหนดแบบนี้ก้ได้ แต่เพราะคนรุ่นก่อนๆทำให้มันกลายมาเป็นแบบนี้ มันก็เลยเป็นแบบนี้

    3.คุณคิดว่าเวทย์มนตรึคืออะไร?(ในฟิคเรื่องนี้)
    การผูกจิตเข้ากับพลังของธรรมชาติให้ก่อเกิดเป็นเวทย์มนต์เพื่อใช้ประโยชน์ต่างๆ เหมือนการเรียนรู้ที่จะสร้างเครื่องมือจากวัตถุดิบทางธรรมชาติ และบังคับใช้งานให้เกิดประโยชน์ตามความต้องการ




    ไม่แน่ใจว่าตอบถูกทางมั้ยนะ แต่ถ้าตามที่เข้าใจก็ประมาณนี้แหละเน้อ

    แล้วพบกันใหม่ครับ คราวหน้าลงฟิคบอกกันหน่อยก็ดีนะ :hbow:
  3. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    +10 กับถ้ามีภาพประกอบนี่อลังการงานสร้างแน่ๆ แต่คนวาดก็อลังการงานวาดด้วยเช่นกันฮาๆ เป็นฟิคที่อ่านแล้วไม่เบื่อเลยจริงๆ /me ปูเสื่อ ติดตามตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อ
  4. Randolp

    Randolp Member

    EXP:
    56
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    ไม่ค่อยได้เข้ามาบ่อย

    แต่ก็ยังแอบมาอ่านเรื่อยๆนะครับ ภาษายังคงให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่ดีเหมือนเดิม

    อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆ จังครับ

    เฝ้ารอ ต่อไป O.O
  5. derick

    derick Member

    EXP:
    339
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    18
    บทเรียนที่ 5 : ว่าด้วยเรื่องของภารกิจและศัตรู 1







    เมฆสีทะมึนก้อนใหญ่ลอยตัวต่ำก่อกลุ่มกันแน่นจนสามารถคาดเดาสภาพอากาศในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าได้ มันบดบังแสงจากดวงจันทร์ทำให้ความดำมืดของท้องฟ้ายิ่งทวีความน่าหวาดหวั่น สายลมแรงปะทะต้นไม้สูงใหญ่เอนไหวหนัก ตัวอากาศกดต่ำเสียจนเย็นยะเยือกเข้าถึงกระดูก

    หากว่าดวงไฟสว่างจากพลังเวทย์ดวงเล็ก ๆ ในมือยังคงเรืองรองไม่สนใจสภาพรอบด้าน มันทำหน้าที่ของมันตามการควบคุมของผู้เป็นนาย ปรากฏให้เห็นร่างสองร่างในชุดผ้าคลุมสีขาวยาวซึ่งกำลังเดินเรื่อยตามเส้นทางเล็ก ๆ ที่ดูแล้วไร้การสัญจรมานานแรมปี

    แค่เส้นทางเล็ก ๆ ภายในป่าเบญจพรรณซึ่งเคยเป็นแหล่งทำมาหากินอันเยี่ยมยอดของเหล่านักหาของป่าทั้งหลาย...

    มันเป็นเพียงอดีต เมื่อหลายเดือนก่อนเกิดเหตุประหลาดขึ้น การหายสาบสูญไปของผู้ชำนาญทางหลายต่อหลายคน ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนในที่สุดก็ไม่มีใครกล้าเหยียบย่ำเข้ามาอีก

    เนื่องจากมันเป็นเกาะเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ห่างไกลจากตัวแผ่นดินใหญ่ของทั้งสี่เขตเป็นอย่างมาก จึงถูกทิ้งร้างไร้การติดต่อ ไร้การสอบสวนหรือดำเนินการอะไร นอกจากข่าวว่ามีเหล่าญาติผู้เสียหายมาทิ้งคดีความไว้เท่านั้น

    ทางการไม่กล้าทำอะไรมาก พวกเขาคิดว่ามันเสี่ยงเกินไปที่จะเอาชีวิตของคนในปกครองไปแลกกับคนที่หายสาบสูญไปแล้วเหล่านั้น จนในที่สุดเรื่องก็ร้อนมาถึงเหล่าไวท์ไนท์

    แต่ด้วยกฎข้อบัญญัติระหว่างดินแดน ทำให้เหล่าไวท์ไนท์ไม่สามารถยื่นมือเข้าไปยุ่งได้ พวกเขาจึงคิดหาวิธีโดยการอาศัย ‘คนกลาง’ เพื่อจ้างวานเหล่าไวท์กาเดี้ยนซึ่งถือว่าเป็น ‘นักล่า’ อันถูกต้องตามกฎแห่งดินแดน ให้เป็นฝ่ายติดตามสืบสวนเรื่องราวนี้

    นั่นคือการแก้ปัญหาที่เหมาะสมที่สุด ไม่เป็นการเหลื่อมล้ำ ละเมิดกฎหรือทำให้ใครต้องเสียหน้า

    “ใช่เลย และมันจะดีกว่านี้มากหากคนที่ฉันมาด้วยไม่ใช่นาย!” ชายหนุ่มร่างเล็กเจ้าของผมสีน้ำเงินสั้นหันขวับถลึงตาใส่คนข้างกาย จุดเล็กสีดำใต้ดวงตาข้างขวานั่นยิ่งทำให้ความกลมโตที่ถูกขับด้วยแก้วสีเดียวกับเส้นผมดูเด่นยิ่งขึ้นไปอีก

    คนตัวสูงกว่ายังคงก้าวเดินไปเบื้องหน้าไม่สนใจท่าทางหรือปฏิกริยาหัวฟัดหัวเหวี่ยงนั่นเลยสักนิด “อย่าเสียงดังจะได้ไหม ถ้าหากเป็นพวกที่ไวต่อเสียงเราเองจะแย่เอานะ”

    “แล้วทำไม?! จะเสียงดังมีปัญหาอะไรไหม??!!” อีกฝ่ายหยุดเท้าที่กำลังก้าวเดินลงตรงนั้น ก่อนโยนลูกไฟดวงเล็กในมือให้สูงขึ้นเหนือศีรษะ

    ฉับพลันมันก็ขยายใหญ่ประมาณผลแตงโม ส่องแสงสว่างทั่วบริเวณราวกับต้องการแทนที่ดวงจันทร์ซึ่งถูกเมฆก้อนหนากลืนกิน “ให้มันมาให้หมดทั้งเกาะเลยก็ดี! จะได้จัดการทีเดียวให้มันเสร็จ ๆ ไป!!”

    “ดีโรร์…นายกำลังทำเสียเรื่อง” เจ้าของนัยน์ตาสีเหลืองจ้องเขม็ง พยายามข่มน้ำเสียงนั้นให้รอดไรฟันมาเพียงเบา ๆ “ไม่แปลกใจบ้างรึไงว่าสถานที่ที่เคยปลอดภัยทำไมจู่ ๆ ถึงมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้?”

    คนถูกถามกรอกตาไปมา “จะคิดให้ปวดสมองทำไม นายก็เห็นว่าเกราะเทพผู้ทักษ์มันหายไปแล้ว” เจ้าของเสียงยืนกอดอกอย่างหงุดหงิด “เมื่อไม่มีมันก็ไม่แปลกที่เจ้าพวกนั้นจะเข้ามาทำร้ายพวกนักหาของป่าได้”

    เชครูซส่งเสียงในลำคอพลางส่ายศีรษะ “ปกติออกจะฉลาดทำไมเรื่องแค่นี้ถึงไม่คิดบ้างนะ” แต่ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะอ้าปากเถียงเขาก็พูดต่อความออกมาก่อน “ที่อยากให้คิดก็คือทำไมเกราะเทพผู้พิทักษ์ถึงได้สลายไปต่างหาก”

    ‘เกราะเทพผู้พิทักษ์’ คือชื่อเรียกของม่านพลังศักดิสิทธิ์ที่คอยปกป้องคุ้มครองดินแดนจากความชั่วร้าย เกิดขึ้นจากการทำพันธสัญญากันระหว่างเจ้าแห่งภูติและองค์สังฆราชที่ 1

    แม้เจ้าแห่งภูติจะไม่เคยตอบรับเจ้านายคนใดอีกนอกเหนือจากราชามนุษย์ผู้เคยมีตัวตนอยู่เมื่อหลายพันปีก่อน แต่ด้วยความรู้สึกอันดีที่มีต่อองค์สังฆราช เขาจึงมอบพลังส่วนหนึ่งของตนและทำสัญญาว่าจะปกป้องผู้คนตามคำขอนั้นอย่างบริสุทธิ์ใจ

    ดีโรร์พึมพำคล้ายกร่นด่าในใจ “อาจเพราะมันเป็นเกาะที่อยู่ใกล้กับเส้นเขตแดนมากที่สุด เลยทำให้อิทธิพลของพลังงานความมืดที่แผ่ออกมาค่อย ๆ กัดกินม่านพลังจนมันสลายไปหมดล่ะมั้ง...”

    ข้อสันนิษฐานนั้นถึงแม้ไม่ถูกต้องแม่นยำทั้งหมด แต่มันก็เข้าเค้าอย่างมากทีเดียว “ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง นายไม่คิดบ้างหรือว่านี่กำลังเป็นจุดเริ่มต้นของอะไรบางอย่าง”

    “ของอะไร?”

    ดวงตาสองคู่สบกัน ใบหน้าที่เคยขี้เล่นดูจริงจังชั่วระยะหนึ่ง “ไม่รู้สิ...รู้แต่ว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ฉันว่าเรารีบกลับไปรายงานรุ่นพี่ดีกว่านะ”

    “เดี๋ยวก่อนสิ!! มาถึงนี่ทั้งทีต้องมีอะไรติดไม้ติดมือไปฝากอานี่บ้าง!!” ดีโรร์ร้องบอก

    “อย่าทำให้ความต้องการบ้า ๆ ของนายมาทำให้เรื่องมันยุ่งยากขึ้นจะได้ไหม?”

    เด็กหนุ่มยังคงไม่ใส่ใจกับคำทัดทาน กลับผายมือออกสองข้างเรียกดวงไฟสีดำเล็ก ๆ สองลูกออกมาไว้ในอุ้งมือ มันค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นมีดขนาดยาวประมาณหนึ่งศอกทรงประหลาด ใบของมันโค้งมนคล้ายเคียว แต้มด้วยอักขระลวดลายสีแดงสดซึ่งส่องประกายระยับยามต้องกับแสงจากดวงไฟเวทย์ที่ลอยอยู่เหนือศีรษะด้านบน

    “นายทำให้พวกมันกระหาย...” ดวงตาคมสอดส่ายโดยรอบอย่างระมัดระวัง “ไอเวทย์ของนายเรียกให้พวกมันเข้าหา”

    ดีโรร์แสยะยิ้มมุมปากอย่างพึงใจเมื่อได้ยิน “ก็ดี! จะได้ไม่ต้องเสียเวลาหาให้เหนื่อย” เขากำมีดทั้งสองเล่มไว้ในมือแน่น

    หากฝีเท้าที่กำลังจะก้าวออกไปด้วยความคึกคะนองกลับถูกหยุดด้วยท่อนแขนยาวแกร่ง เส้นผมสีเงินยาวปลิวไหวเกือบเป็นระนาบเส้นตรงจากกระแสลมรุนแรงที่พุ่งตรงมาจากทิศทางเบื้องหน้า

    “อย่าขี้ขลาดไปหน่อยเลยน่าครูซ” คนตัวเล็กกว่าเหยียดยิ้มไม่หุบ ยิ่งสัมผัสได้ถึงความชั่วร้ายเท่าไหร่ เนื้อตัวของเขามันก็ยิ่งสั่นสะท้านร้องรับความสนุกสนานที่กำลังจะเกิดขึ้นมากเท่านั้น

    แต่แล้วจู่ ๆ ลูกไฟเวทย์ด้านบนก็ดับวูบลง มันหายไปจากอากาศไม่ต่างกับน้ำที่ระเหยกลายเป็นไอ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายตกอยู่ภายใต้ความมืดหม่น ใบหน้าขี้เล่นของดีโรร์บัดนี้แปรเปลี่ยนไม่ต่างกับสถานการณ์อันเริ่มตึงเครียดมากขึ้น

    นัยน์ตาสีน้ำเงินกวาดมองซ้ายขวา ร่างกายหยุดนิ่งในท่าเตรียมพร้อม “มันดูดกลืนไอเวทย์....” เขาพึมพำพอให้คนข้างกายได้ยิน

    เชครูซพยักหน้ารับ “นี่แหละที่ฉันพยายามจะบอก เพราะแบบนี้ถึงได้ไม่ชอบมากับพวกไม่รู้จักคิดอย่างนาย”

    ดูเหมือนคำต่อว่านั่นไม่ได้สร้างความโมโหหรืออารมณ์อื่นใดให้เกิดขึ้นนอกจากความระแวดระวังภัยตรงหน้า ราวกับว่ามันคือสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นกิจวัตรจนเคยชิน อีกนัยคือไม่มีเวลาว่างมาให้คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องพรรค์นี้

    “มันมาแล้ว” ดีโรร์เอ่ยพร้อมกระโดดหนีไปอีกทาง

    พวกเขามองไม่เห็นอะไร รับรู้ได้เพียงกลิ่นสาปชั่วร้ายรุนแรง เสียงต้นไม้ที่หักโค่นลง และเสียงการอัดแน่นของบางอย่างซึ่งกลิ้งวนไปมาอยู่บนพื้นดินจนเกิดแรงสั่นสะเทือน หากหลับตาฟังแล้วคะเนขนาดของมันดูจากความรู้และประสบการณ์จะพบว่า...

    “แหม่เว้ย!” เด็กหนุ่มผู้สร้างปัญหาร้องตะโกนออกมาอย่างเหลืออด

    “มองไม่เห็นแบบนี้เสียเปรียบแน่” เชครูซเอ่ย พยายามคิดหาหนทาง

    นอกจากหลบการโจมตีของมันอย่างฉิวเฉียดไปมาแล้วพวกเขาก็ไม่สามารถลงมือทำอะไรได้ เหตุเผลหลักพราะหนึ่งคือความมืด ศัตรูอันร้ายกาจต่อการมองเห็น สองคือขนาดอันใหญ่โตซึ่งคาดเดาแล้วน่าจะพอกับบอลลูนยักษ์สักลูก นั่นทำให้คาดเดาจุดอ่อนได้ยาก และสามคือการกลืนกินไอเวทย์ที่ทำให้พวกเขาใช้การต่อสู้ได้เพียงพลังกายเท่านั้น

    “ในเมื่อใช้เวทย์ตรง ๆ ไม่ได้เราก็เผาป่ามันซะเลยสิจะได้มีแสงสว่างให้เห็น” ดีโรร์เอ่ย อักขระสีแดงบนมีดสั้นของเขาส่องประกาย

    คนได้ยินถึงกับเบี่ยงมองด้วยสายตายากจะคาดเดา “เป็นความคิดที่งี่เง่าสิ้นดี” แขนซ้ายถูกยกขึ้นตั้งฉากเบื้องหน้า เขาสะบัดมันลงเพียงหนึ่งครั้ง วัตถุบางอย่างก็พุ่งตรงออกมาปักลงบนพื้นดิน

    มันเป็นดาบสีเงินสว่างเรียบยาวไร้กั่น ลวดลายบางอย่างสะท้อนเพียงชั่ววูบที่ดวงตาสีเหลืองสบมองแล้วจึงเลือนหายไป ความเงางามสะท้อนภาพของผู้เป็นนายแม้ในยามอับแสงเช่นนี้

    เซครูซหยิบดาบขึ้นกำกระชับแน่น “อย่าใช้เวทย์โดยไม่จำเป็น”

    “อุวะ! แล้วจะให้ทำยังไง ขืนมองไม่เห็นมีหวังได้เจ็บหนักแน่!!”

    ดวงตาสีเหลืองสดราวสัตว์ป่าฉายแววบางอย่างวาบขึ้น “อย่าขี้ขลาดไปหน่อยเลยน่าดีโรร์”

    กล่าวยังไม่ทันจบประโยคดีสองขายาวก็สาวเท้าราวกับก้าวกระโดดพุ่งใส่เสียงที่ได้ยินผ่านความมืดนั้น เขาเบี่ยงตัวหลบการโจมตีของมันแล้วอาศัยเงาของดาบคู่กายสะท้อนร่างและความเป็นไปเบื้องหลังที่เกิด หลายต่อหลายครั้ง จนเมื่อเห็นตำแหน่งแน่นอนจึงพลิกตัวกลับ กำดาบแน่นคว่ำหลังมือลง แล้วใช้มืออีกข้างตอกด้ามดาบเพื่อหวังให้ฝังลงกับพื้นดิน

    ฉึก!

    เสียงหนึ่งเดียวสะท้อนก้องทั่วผืนป่าอันดำมืด อักขระซึ่งเลือนหายปรากฏเช่นชัดจนเหมือนมันกำลังสลักเดินลายไปบนความเงาเรียบ ส่งให้ดาบเรียวขนาดพอดีตัวยืดขยายประหนึ่งต้นเสาขนาดยักษ์ ยึดร่างเจ้าปีศาจกลมโตนั่นไว้กับที่ มันดิ้นไปมาจนผืนดินรอบ ๆ สั่นไหว แต่กระนั้นก็ยังไร้ซึ่งเสียงกรีดร้องหรือโอดครวญใด

    “นี่นายรู้ได้ยังไงว่ามันคือไอ้ตัวนี้??” ดีโรร์ที่หยุดยืนมองอ้าปากหวออย่างเหลือเชื่อ

    เสียงขยุกขยักดังขึ้นในอีกไม่กี่วินาทีต่อจากนั้น เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการแตกตัวของบางสิ่งบางอย่าง บรรยากาศที่นิ่งเงียบอยู่นานกลับเกิดเสียงกรีดร้องกี้ด ๆ ดังระงมประสานทั่ว

    เด็กหนุ่มผู้กุมมีดคู่ในมือแสยะยิ้มเย็นอีกครั้ง เขาสะบัดอาวุธเพียงเบา ๆ ลูกไฟกลมโตเท่ากับตอนแรกก็ปรากฏเด่นชัดเหนือศีรษะคนทั้งสอง

    มันทำให้พวกเขาสามารถมองเห็นสภาพตรงหน้าได้อย่างชัดเจน ก้อนเมือกสีดำนับสิบค่อย ๆ คลานแยกตัวออกจากกัน มันดูเรียบลื่นน่าขยะแขยง เลื้อยไหลเรื่อยลงจนบดบังดาบสีเงินยาวที่ปักอยู่กับพื้นจนมิด

    มันเป็นปีศาจระดับต่ำที่สามารถอยู่รอดได้บนโลกเพียงเพราะพลังที่อ่อนด้อยจนไม่เกิดผลกระทบต่อปราการแดนมนุษย์ หากความน่ากลัวของพวกมันคือสามารถรวมตัวกันและแปรสภาพได้ตามต้องการ ซ้ำยังสามารถดูดกลืนพลังเวทย์ที่มีต้นกำเนิดจากความมืดได้ชะงัดนัก

    “หึ....ขี้ขลาดแยกตัวจากกันแบบนี้ก็เสร็จน่ะสิ!”

    ประกายตาสีน้ำเงินสะท้อนศัตรูตรงหน้า มันดูแจ่มชัดรื่นรมย์ ไร้แววความหวาดกลัวหรือกริ่งเกรงใด ๆ “ด้วยนามแห่งอาคีวาฮ์ผู้เชื่อมพันธสัญญาอัสนีด้วยเลือด จงปลดปล่อยแสงจากท้องฟ้า แล้วเรียงร้อยเป็นปราการให้ข้ากักขังศัตรู!!” อักขระสีแดงบนมีดทั้งสองเล่มเปล่งรัศมีเจิดจ้า แสงนวลชัดเจนเหมือนกับจะหลุดออกมาจากรูปลักษณ์ที่ถูกจองจำอยู่

    เปรี้ยง!!

    สายฟ้าจากเบื้องบนส่งประกายวาบขึ้นอย่างพร้อมเพรียง จู่โจมโถมซัดลงยังตำแหน่งที่ไอแห่งกระแสเวทย์บังเกิด ความรุนแรงของมันกัดกินพื้นดินเกิดรอยแตกร้าวจนทรุดตัวลง ล้อมกักกันเหล่าเมือกปีศาจสีดำซึ่งกำลังแตกตัวหนีความกดดันอันน่าพรั่นพรึงกันอย่างจ้าล่ะหวั่น แต่ก็ไม่อาจหลบลี้อำนาจอันทรงพลังนั่นได้

    กรอบกรงขังทรงครึ่งวงกลมทาบกับพื้นดิน ม่านพลังสีเหลือบม่วงแตกวิ่งแล่นรอบส่งเสียงดังเปรี้ยะ ๆ เหมือนต้องการขู่ขวัญไม่ให้คนในและคนนอกสัมผัส

    ดีโรร์ยิ้มอย่างพึงใจ “เป็นพวกระดับต่ำที่ไม่เจียมสังขารเอาเสียเลย” เขากอดอกพลางส่งเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

    คนมองอยู่เดินไปดึงดาบของตนที่ปักแน่นบนพื้นออก เขาจับมันไว้ด้วยมือข้างซ้ายแล้วสะบัดแขนเบา ๆ “อย่าทำพูดดีไปหน่อยเลย ฉันจำได้ว่าตอนแรกนายไม่รู้ไม่ใช่เหรอว่าคือมัน” ดาบในมือหายไปราวกับกลหลอกเด็ก

    พอได้ยินแบบนั้นก็หันมาทำจมูกฟึดฟัดใส่อย่างไม่พอใจ “จะบอกว่างานนี้เป็นความดีความชอบของนายอย่างนั้นสินะ??”

    “คิดว่าแบบนั้นรึเปล่าล่ะ?” เชครูซเลิกคิ้วสูงพลางยักไหล่เป็นเชิงถามกลับ

    จริง ๆ แล้วเชครูซได้สืบเสาะหาข้อมูลตั้งแต่ได้ยินเรื่องราวนี้มา เขาเองไม่ได้มั่นใจหรอกว่าตนจะได้เป็นผู้รับผิดชอบภารกิจ เพียงแต่รอบคอบไว้ก่อนเพื่อความสะดวกในการจัดการ เพราะเทียบกันแล้วมันคุ้มกว่าการนั่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเยอะ

    ดีโรร์กำหมัดแน่นอย่างเหลืออด “โว้ย!! สังหาร!!!

    เปรี้ยะ!!ตูม!!!

    ไวเท่าคำสั่งกรงขังสายฟ้าก็หดตัวเข้าหากันแล้วระเบิดออกจนเกิดเสียงดังสนั่น กระแสลมอันรุนแรง พื้นดิน เศษกรวดหิน รวมถึงซากของเมือกสีดำก็กระเด็นกระดอนจากพลังอันมหาศาล ต่อมามันกลับจางหายไป เหมือนถูกอะไรบางอย่างกัดกินด้วยความรวดเร็ว

    “แล้วจะเอาผู้ร้ายที่ไหนไปยืนยันล่ะ?” เชครูซถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย

    ทำเอาคนถูกถามยืนชะงักนิ่ง “เอ่อ....อืม....อ่า.....” เขานิ่งคิดอยู่พัก “เอาเถอะน่า!! จัดการมันได้ก็พอแล้ว”

    “แล้วสภาพพวกนี้ล่ะ?” เชครูซชี้นิ้วไปยังพื้นที่โดยรอบ ต้นไม้ที่ล้มระเนระนาดจากการรุกรานของพวกมัน พื้นที่เป็นแอ่งกว้างขนาดประมาณหนึ่งซึ่งเกิดเพราะพลังการทำลายของเวทย์กรงขังอัสนีเมื่อครู่

    สมองอันชาญฉลาดหากแต่ไม่ชอบคิดมากยุ่งยากของดีโรร์ถึงกับหัวหมุน เมื่อนึกถึงจำนวนเงินที่จะต้องสูญเสียไปหลังจากภารกิจครั้งนี้ “ฉันไม่อยากไปหายายแม่ค้าปีศาจนั่นเลยจริง ๆ ให้ตายสิ” น้ำเสียงที่เคยสดใสเอ่ยอย่างหมดแรง

    “ไม่ต้องห่วง ไว้ฉันจะแบ่งให้นายสัก 100 เหรียญก็แล้วกัน คิดเสียว่าเป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ” เชครูซเดินมาตบบ่าคนตัวเล็กกว่าเบา ๆ

    วงเวทย์สีทองร่ายล้อมกรอบบนพื้นภายใต้เงาร่างของเด็กหนุ่ม ผมสีเงินยาวสะบัดขึ้นตามแรงลมที่บีบอัด “แล้วเจอกัน หวังว่าฉันจะไม่ได้ภารกิจร่วมกับนายอีกนะ”

    “โว้ย!! ฉันก็ไม่อยากได้เหมือนกันและเว้ย!!!” ดีโรร์แหกปากโวยวายใส่ร่างที่ทะยานขึ้นสู่ฟ้า

    เชครูซจากไปแล้ว ดวงตาสีน้ำเงินกวาดมองผลงานที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของตน “โอย....โดนแน่ ๆ เลยฉัน” ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งน้ำตาคลอ



    ==============================​



    หยดน้ำจากท้องฟ้าเริ่มตกลงสู่ผืนดินทีละเล็กทีละน้อย ก่อนเริ่มถี่กระชั้นหนาเม็ดจนไม่อาจมองเห็นทัศนียภาพด้านนอกได้ชัดเจน กลิ่นฝนลอยอบอวนสร้างความรู้สึกหอมสดชื่นเย็นสบาย เสียงดังหนักแม้ฟังดูน่ารำคาญหากความจริงแล้วกลับผ่อนคลายอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก

    ดวงตาสีแดงจ้องมองผ่านบานกระจกภายในห้องพักหรู ในใจนึกภาวนาให้มันตกแบบนี้ตลอดจนถึงเช้า เพราะอย่างน้อยก็ช่วยให้เขาไม่ต้องทนฟังเสียงกรนของใครบางคนได้

    รีเวลล์หันหน้ามองกุฟานซึ่งนอนหลับอุตุอยู่บนเตียง ส่ายศีรษะไปมาอย่างพลางขบคิดหาวิธีสร้างความเงียบให้กับชีวิต “นายอาจเป็นหนึ่งในสิ่งที่ฉันคิดว่าเป็นสาเหตุของการเลือกเรียนผิดที่....”

    หลังจากลงไปทานอาหารเมื่อเวลาสองทุ่มตามที่รุ่นพี่ได้นัดหมายไว้ พวกเขาต่างก็พากันไปอาบน้ำ และอาจเพราะทุกคนอ่อนเพลียอยากพักผ่อนมากก็ได้ ทำให้ในช่วงแรกนั้นดูคล้ายกับตลาดสดหรือไม่ก็พวกงานเทศกาลอาบน้ำรวมของเมืองใดสักเมือง

    ความรู้สึกสงสัยแล่นปราดขึ้นในหัวสมอง หอพักหรูระดับน้อง ๆ ปราสาท สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พื้นที่กว้างขวางขนาดยกห้องสมุดมาไว้ภายในได้ ทุกสิ่งทุกอย่างเรียกได้ว่าเกินกว่าคำว่าสมบูรณ์ แต่ทำไม...ทำไมมันถึงใช้ห้องน้ำส่วนตัวภายในห้องพักไม่ได้!!

    รุ่นพี่ผู้ดูแลให้เหตุผลง่าย ๆ และสั้น ๆ ว่า ‘ช่วงเวลาหลัง 6 โมงเย็นถึง 6 โมงเช้าจะไม่สามารถใช้ห้องอาบน้ำส่วนตัวได้ นอกเสียจากอยู่ในกรณีพิเศษ’

    ตรง ๆ เลยก็คือ บังคับให้ใช้ห้องอาบน้ำรวมในตอนเย็น นั่นเอง!

    ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี... “จะ 4 ทุ่มแล้ว....” หวังว่าคนในห้องอาบน้ำตอนนี้จะเหลือน้อย....และถ้าเป็นไปได้ไม่มีเลยก็จะดีมาก

    ดูเหมือนจะตรงตามที่คาดไว้ ในห้องอาบน้ำรวมที่เคยดูคับแคบกลับกว้างใหญ่ขึ้นถนัดตา บ่อน้ำซึ่งสร้างเลียนแบบธารน้ำตกในป่าธรรมชาติกำลังส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ และควันบางเบาให้สัมผัส

    หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ล็อคเกอร์เรียบร้อยเขาก็เดินเข้ามาภายในสวนจำลอง นั่งยองลงเอื้อมมือแตะน้ำสะอาดใสตรงหน้า “อุ่น....”

    “มันเป็นน้ำแร่น่ะ” เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น มันมาจากทิศทางเบื้องหน้า

    รีเวลล์เงยมองเจ้าของเสียง สบกับดวงตาสีแดงที่ดูเข้มกว่าตน เส้นผมสีดำสนิทเปียกลู่ไปตามผิวแก้มขาว ดูยังไง ๆ ก็เป็นผู้หญิงชัด ๆ “เหวอ!!!!” เด็กหนุ่มอุทานเสียงหลง รีบหันหลังกลับทำท่าจะเดินหนี

    ไม่คิดเลยว่าเขาจะเบลอขนาดเข้าห้องน้ำผิด!! “ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ แล้วก็ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”

    “ผมเป็นผู้ชายครับ” อีกฝ่ายตอบเหมือนกับรู้ทันความคิด

    รีเวลล์ค่อย ๆ หันหลังมองกลับอย่างระมัดระวัง “เอ่อ....” เหมือนกับต้องการถามย้ำให้แน่ใจ

    “ผม โซลิเอล ลูฟา วินเซเลส ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ใบหน้าที่จัดได้ว่าน่ารักเกินเพศตนแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยน พร้อมลุกขึ้นจากน้ำเพื่อยืนยันความเป็นไปบางอย่าง

    “อะครับ รีเวลล์ครับ....รีเวลล์ เดอร์คัส”













    ==================================​







    ตอนนี้สั้นไปหน่อยต้องขออภัย กร๊ากกกกกกกก มันก็ไหลเรื่อยไปตามความสามารถ+ความเบลอ+เอ๋อ+มึน ของกระผมเอง

    อาจจะเริ่มมองเห็นเค้าโครงของอะไร ๆ เพิ่มมาอีกสักหน่อย ไว้ตอนได้เข้าเรียนจริง ๆ ก็จะรู้เรื่องพื้นฐานเหล่านั้นเองครับ

    อยากตอบคอมเมนท์นะแต่ขี้เกียจ [action]โดนถีบ[/action]

    ขอบคุณตัวละครที่ออกในตอนนี้ด้วยครับ :medance.:
  6. train

    train Member

    EXP:
    498
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    สั้นนนนนนน
    สั้นอ๊าาาาาาา
    (โดนตบ)

    แต่บทบู๊มันส์ดีนะมี๊ - -+ โอเคๆ
    คำผิดผมตาถั่วมองไม่เห็นแฮะ....
    ตอนนี้สุดท้ายฮารีเวลล์ขิงๆ ก๊าก
  7. Jelphyr

    Jelphyr แมวจรจัด

    EXP:
    443
    ถูกใจที่ได้รับ:
    5
    คะแนน Trophy:
    38
    โอ๊ย.. สมน้ำหน้าดีโรร์บอกไม่ถูก...

    แต่ชอบการอุทานการโวยวายหมอนี่ดีนะ " แหม่เว้ย!! "


    อะ อันนี้คห.ส่วนตัว... เราว่าตัวเอียงอ่านลำบากล่ะเธอว์ =x=; ( ในหน้าจอคอมอะนะ ถ้าเป็นหนังสือคงโอเค )



    รีเวลล์ช่างเชอรี่บอย lol ฮาตอนลนลานด้วยคน
  8. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    ท่าทางว่าท่านประธานสายจะเป็นที่เคารพของนักเรียนทั้งหลายจริงๆแฮะ >_<"
  9. Zear

    Zear New Member

    EXP:
    23
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    3
    ดีโร์น่ารักวุ้ย น่าแกล้งน่าหยอกไม่น้อย กร๊ากกกกกกกกก
    ครูซ ก็ไม่ได้ปากจัดอะไรนักหนานี่นา ยังเข้าข่ายแบบนิ่งๆอยู่นะ :)
    (แต่ก็แอบสะใจดี ฮี่)

    ฉากการต่อสู้ดำเนินได้ดีนะครับ จินตนาการตามได้เห็นภาพค่อนข้างชัดเจนอยู่
    และก็แสดงจุดเด่นของนิสัยตัวละครได้ชัดดีครับ

    คำผิด มีแหละ แต่ไม่เป็นไรหรอกเนอะ ฮี่

    ห้องอาบน้ำแบบจำลองลำธาร ชอบอ่ะ!
    มันต้องอาบรวมน่ะล่ะดี - -+
  10. aurora

    aurora คาตะโอโม่ย

    EXP:
    1,631
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    โอ้...ตอนนี้มาแบบกระทัดรัด บู๊ๆหน่อยๆ แอบฮารีเวล แต่เป็นใคร็คงเข้าใจผิดแหละนะ...

    รออ่านต่อไป !!
  11. PaiaAznable

    PaiaAznable มนุษย์ตู้ปลาช้ำรัก

    EXP:
    744
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    สั้นมากมาย..... รีเวลส์โดนแทรปสินะ ;w;
  12. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    มีแฟนเซอร์วิซด้วย 5 5 5
    บุคลิกดีโรร์ออกเกรียนเล็กๆ ไปกับครูซนี่แหละเหมาะสมดี ชอบเวทย์กรงขังของดีโรร์ โดยเฉพาะตอน "สังหาร" เท่อย่าบอกใคร
    กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก สงสารปนสะใจกับรีเวลล์

    คำผิด
    ดีโรร์พึมพำคล้ายกร่นด่าในใจ --> น่าจะก่นด่า ถูกไหม?
  13. Randolp

    Randolp Member

    EXP:
    56
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    ว้าว O_O ไม่ได้เข้ามาเกือบ 1 อาทิตย์ ตื่นเต้นกับตอนใหม่ที่ได้อ่านนะครับ *.*

    ชอบคาร์ของดีโรร์ จังฮะให้ความรู้สึกกวนๆ ขำๆ ดี

    ส่วนคาร์ของเซครูซ ก็ช่างตัดกันได้ดีแท้ครับ แต่แอบกวนดีโรร์อยู่ไม่น้อย

    แถมสีผมสวยถูกใจมากๆด้วยสิครับ 555+ และที่น่าตกใจเล็กๆคือ ลูกชายผม 555+

    ได้ออกมาตอนท้าย แถมยังสร้างความตระหนกให้ชาวบ้านซะด้วย >> โถลูกพ่ออออ~

    รออ่านต่อไปคร้าบ
  14. Kazeth

    Kazeth New Member

    EXP:
    57
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ขอโทษที่มาเมนท์ให้ช้า ความจริงก็ตามอ่านมานานแล้ว แต่เผลอแป๊บเดียวมา 2 ตอนซะแล้ว

    สนุกมากเลย อ่านแล้วตลก เฮฮากันดีจัง 2 ตอนหลังบรรยายโอเคมากเลย จินตนาการตามได้เลย

    แต่มีการเปรียบเปรยบางประโยคที่ส่วนตัวคิดว่า มันแปลกๆสำหรับนิยายแฟนตาซีเน้อ พวกการเปรียบเทียบว่าใหญ่เท่าลูกแตงโม อะไรทำนองนี้

    แฟนตาซีไม่น่ามีแตงโมได้ - - ผมว่าเปรียบเทียบเป็นอะไรที่จับต้องไม่ได้ ให้ออกเวทมนตร์ๆ แฟนตาซี จะดีกว่า
  15. alladiya

    alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

    EXP:
    1,207
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    88
    ขำแทรปเอาจริงๆไม่ติงนัง ก๊ากกกก


    ส่วนดีโรร์ ไม่รู้จะขำ จะฮา(?) หรือจะสงสารดี 5555
  16. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    สั้นอ่ะเธ๊อ(เดจาวู มะประโยคนี้) ช่วงนี้เห็นหนี GFO กัน แต่มองหาเวลาว่างไปสดด้วยไม่เจอเลยขิงๆ -3- หรือไฟในการเล่นเกมส์ออนไลน์เรามอดไปแล้วแฮะ

    ยังรอตอนต่อไป อย่างใจจดใจจ่อ แม้รู้ว่าคนเขียนไม่ค่อยว่างฮาๆ
  17. derick

    derick Member

    EXP:
    339
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    18
    บทเรียนที่ 6 : ว่าด้วยเรื่องของการต้อนรับ 1








    ครืน...........



    แรงสั่นสะเทือนอย่างหนักราวแผ่นดินไหวส่งผลให้ผู้ยืนทำหน้ากระอักกระอ่วนเมื่อครู่แทบยืนไม่ติด รีเวลล์รีบนั่งคุกเข่าลง มือทั้งสองข้างเท้ายันพื้นไว้เพื่อรองรับการทรงตัวของตนให้มั่นคงยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับโซลิเอลซึ่งขยับกายตนจนแผ่นหลังติดแนบกับบ่อน้ำแร่

    “เกิดอะไรขึ้น??” ดวงตาสีแดงสองคู่กวาดมองไปรอบ ๆ เสมือนบ่งบอกถึงความไม่เข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน

    ไม่นานต่อจากนั้นก็เริ่มได้ยินเสียงกรีดร้องเอะอะโวยวายจากภายนอก รีเวลล์ว่ามันต้องเกิดจากคนหลายคนและมีความดังมากเป็นแน่ ถึงสามารถทะลุกำแพงซึ่งเก็บเสียงได้อย่างดีเยี่ยมนี่เข้ามา

    “ผมว่าเรารีบออกจากนี่กันก่อนเถอะ” ว่าแล้วจึงลุกขึ้นยืน ฝืนต้านทานแรงสั่นสสะเทือนที่ยังคงมีพุ่งตัวตรงเข้าไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วคว้าเอาชุดเก่าเดิมของตนขึ้นสวมใส่

    พอทั้งสองวิ่งออกสู่ตัวห้องโถงด้านนอกก็พบว่า เด็กใหม่คนอื่น ๆ ต่างวิ่งมารวมกันแทบหมดแล้ว รีเวลล์กวาดสายตามองหาเพื่อนของตน ใจภาวนาหวังว่ามันคงจะตื่นขึ้นมา ไม่นอนหลับอุตุเป็นพวกไม่รับรู้ฟ้าดินอยู่หรอกนะ ยิ่งบ้า ๆ แบบนั้นด้วย....

    “แอ็กเซล!!” โซลิเอลร้องเรียกใครบางคน ดวงตาของเขาจ้องมองไปยังเด็กหนุ่มผมสีดำอีกคนซึ่งยืนอยู่ไกลออกไป

    เจ้าของชื่อมีร่างกายที่สูงใหญ่กว่าโซลิเอลอย่างเห็นได้ชัด น่าจะสูงกว่าเขาด้วยซ้ำ ใบหน้าที่จัดได้ว่าดูดีเคลือบด้วยรอยยิ้มซึ่งปะปนไปกับอารมณ์ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิด มือสองข้างยกโบกไหวตอบรับคำเรียก

    “โซลิเอลนายไม่เป็นไรนะ?” อีกฝ่ายเอ่ยถาม “ตกใจแทบแย่ จู่ ๆ ก็เกิดแผ่นดินไหวซะได้”

    “ฉันก็เหมือนกัน ว่าแต่ทำไมถึงเกิดได้ล่ะ? นายอยู่บนห้องเห็นอะไรผิดสังเกตบ้างรึเปล่า??” คนตัวเล็กกว่าถามอย่างสงสัย ปกติมันน่าจะมีสัญญาณอะไรบางอย่างเตือนก่อนบ้าง...

    รีเวลล์จ้องมอง ถึงเขารู้ว่าการมีดวงตาสีแดงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ดูเหมือนจะบังเอิญเกินไปรึเปล่าที่มาเจอคนที่มีดวงตาสีเดียวกับตนพร้อมกันถึงสองคนแบบนี้ หากความสงสัยกลับถูกทิ้งไว้เพราะสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก

    “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ แล้วพบกัน” เอ่ยจบก็ผละตัวออกไปทันที เขาพยายามแหวกฝ่าฝูงคนตรงไปยังเจ้าคนไม่ค่อยจะน่าคบเท่าไหร่อีกคนซึ่งกำลังยืนอยู่มุมสุดของห้อง และน่าจะมองหาอะไรบางอย่างอยู่

    “กุฟานล่ะร็อค?”

    คนถูกถามไม่ได้สนใจมองคู่สนทนาตอบ ดวงตาแข็งแกร่งมั่นคงเฉิดฉายด้วยประกายขี้เล่นยังคงควานหาเป้าหมายของตนอย่างไม่ลดละ “ไม่รู้สิ ยังหลับอยู่มั้ง ฉันยังไม่เห็นเลยนะ”

    อยากกัดลิ้นตายจริง!! ให้ตายเถอะ....ทำไมต้องมาเป็นเพื่อนกับไอ้คนแบบนั้นด้วยนะ แล้วที่สำคัญความรู้สึกรับผิดชอบอันไม่สมควรจะเกิดขึ้นเลยสักนิดนี่มันมาจากไหนกัน!!!

    สาบานจริง ๆ ถ้าต้องอยู่ห้องเดียวกับกุฟานเขาคงเป็นบ้าตามมันไปแน่ ๆ “โธ่เว้ย!”

    ถึงจะพร่ำบ่นมากมายแค่ไหน หากแต่สองเท้ารีเวลล์กลับยังคงก้าวไปเบื้องหน้าไม่หยุด ขึ้นบันไดสู่ชั้นบน มุ่งสู่ห้องพักที่เกือบจะในสุดของชั้น ระหว่างทางบานประตูของห้องอื่น ๆ ยังคงเปิดทิ้งไว้จนมองเห็นสภาพความเป็นไปซึ่งบ่งบอกถึงลักษณะนิสัยของผู้พักได้อย่างดี

    และน่าแปลกใจตนเองอีกครั้ง...รีเวลล์คิดว่าตนเป็นพวกช่างสังเกตอะไรแบบนี้แต่เมื่อไหร่กัน?

    เขาส่ายศีรษะให้กับความคิดของตน มือข้างหนึ่งผลักบานประตูห้องพัก “กุฟาน!!” เด็กหนุ่มเปล่งเสียงร้องเรียก ในใจพยายามคิดหวังไม่ให้มีเสียงตอบรับกลับ

    ไม่มีเสียงใดตอบรับกลับมาจริง... “ไม่อยู่แล้วสินะ...” หากยังไม่ทันถอนหายใจอย่างโล่งอก ดวงตาสีแดงกลับเหลือบเห็นอะไรบางอย่างที่ยื่นโผล่พ้นออกมาจากผ้าห่มสีอ่อนผืนหนา

    รีเวลล์ก้าวพรวด ๆ เข้าใกล้ แล้วออกแรงดึงผ้าผืนนั้นเพื่อให้เห็นชัดเต็มสองตา “กุฟาน!!!”

    กุฟานยังคงนอนอย่างสบายใจไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับสิ่งที่เกิด แม้แรงสั่นสะเทือนตอนนี้จะเบาลงกว่าตอนแรกมาก แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าช่วงแรกที่แทบจะฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย ไอ้คนบ้าบอนี่ทำไมมันถึงยังหลับอุตุอยู่ได้อีก หรือว่าจะตายไปแล้ว....

    “ถ้าเป็นอย่างงั้นคงดีไม่น้อย...” เสียงนั้นพึมพัมออกมา

    ดวงตาจ้องมองอีกฝ่ายนิ่ง “กุฟานลุกโว้ย!!!” เขาพยายามเขย่าตัวอีกฝ่าย

    หากสิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงแค่เสียงงึมงัมในลำคอ และการพลิกตัวหนีเพื่อหลบเลี่ยง เห็นแบบนั้นก็รู้สึกเหลืออด “ไอ้กุฟาน....บอกให้ตื่นไงเล่า!!!”

    พลั่ก!!

    เท้าเปล่าบรรจงถีบเข้าข้างลำตัวผู้นอนอยู่เต็มแรง เล่นเอาคนหลับเป็นตายกลิ้งตกไปยังอีกฟากหนึ่งของเตียง เสียงดังจากอะไรบางอย่างกระทบพื้นมากพอจะกลบเสียงของแรงสั่นสะเทือนอันเบาบางได้ไม่ยาก กุฟานสะดุ้งตัวพรวดขึ้น ใบหน้าหันมองซ้ายขวาเหรอหรา มือลูบศีรษะที่กระแทกลงเต็มรักเบา ๆ

    “อะไรวะ?!!” คนห้าวตะโกน

    “มาอะไรวะอีก จะตายอยู่แล้วรู้ตัวรึเปล่าเนี่ย!” รีเวลล์แทบบ้า เกิดมาในชีวิตเพิ่งเคยพบเห็นคนแบบนี้ ไม่สิ...เกิดมาในชีวิตวันนี้เป็นวันแรกที่เจอคนบ้ารวมกันถึงสามคน!!!

    กุฟานเกาหัวแกรก ๆ “หืม? อะไรอ่ะ??”

    รีเวลล์ไม่อธิบายอะไร เขาเดินไปจับคอเสื้ออีกฝ่ายกึ่งฉุดกึ่งลากลงไปยังห้องโถงด้านล่าง “นายรู้สึกอะไรบ้างไหม?”

    คนถูกถามกวาดตามอง ทำท่าเหมือนพยายามขบคิด “อะไร?”

    “...รู้สึกไหมว่าแผ่นดินมันกำลังไหว.........” เด็กหนุ่มคนเปิดประเด็นตอบกลับอย่างเนือย ๆ

    “อ่า....” กุฟานหยุดยืนนิ่ง พยายามสัมผัสให้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอันน้อยนิดเมื่อเทียบกับตอนแรก “เออแหะ...ไหวจริง ๆ”

    เด็กหนุ่มไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่ากุฟานเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบไหน ถูกเลี้ยงดูมาอย่างไร แต่ที่รีเวลล์มั่นใจได้อย่างสุด ๆ คงไม่พ้นเรื่องของประสาทการรับรู้ซึ่งดูจะผิดแปลกมนุษย์มนา และท่าทีการแสดงออกแบบไม่สนใจชาวบ้านชาวช่องนั่น

    ทั้งสองลงมาถึงยังชั้นล่างของหอพักสุดหรูที่กำลังเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น ดวงตาสีแดงคล้ายกระต่ายกวาดมองโดยรอบ มีแค่นักเรียนเข้าใหม่.....ไม่มีวี่แววรุ่นพี่ อาจารย์ หรือแม้กระทั่งผู้ดูแลหอพักเลยสักคน

    มันยังไงกันแน่?.... “มันไม่ธรรมดาแล้วล่ะ...” รีเวลล์กระซิบเบา

    “ใช่เลย! ไม่ธรรมดาจริง ๆ!!” จู่ ๆ เสียงของร็อคกลับดังขึ้นสมทบคำพูด “ตอนสาว ๆ กลัวนี่มันไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ นายว่าไหม?” เขาลากเสียงยาว

    ยังไม่ได้สวนกลับคำพูดที่ไม่ดูสถานการณ์ของร็อค ก็บังเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้น “เฮ้ย!!”

    ฉับพลันพื้นซึ่งเคยปูด้วยผืนพรมสีแดงสดกลับกลายเป็นกระจก เหล่านักเรียนใหม่ต่างตกใจในสิ่งที่เกิด ค่อย ๆ ก้มลงมองเงาสะท้อนของตนทีละคนสองคน ชั่วเวลาที่ร่างกายนั้นปรากฏอยู่ในดวงตาของตน คือช่วงเวลาที่เงาสะท้อนแปรผันเป็นหลุมสีดำ ขยายกว้างดูดกลืนร่างของผู้มองให้จมลงสู่เบื้องล่างอย่างไม่ทันตั้งตัว

    “อย่ามอง!!” รีเวลล์ที่สังเกตเห็นทันร้องบอกเพื่อนทุกคนภายในห้อง

    แต่ดูท่าจะสายเกินไป สิ่งที่ได้รับรู้นั้นช้าเกินกว่าความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ ร่างของเพื่อนร่วมชะตากรรมค่อย ๆ ร่วงหล่นทีละคน แม้กระทั่งร็อคและกุฟานเองก็ด้วย

    “เฮ้ย!!!”

    “ไอ้หลุมบ้าปล่อยนะเว้ย!!!!!!!!”

    เสียงร้องโวยวายของกุฟานดูท่าว่าจะไม่ได้ทำให้หลุมนั้นหดลงหรือทำให้ตัวเขาสามารถลอยขึ้นมาบนพื้นได้ดังเดิม กลับยิ่งทำให้จมลงเรื่อย ๆ และรวดเร็วราวกับโดนงูรัด ที่ยิ่งดิ้นรนเท่าไหร่ก็ยิ่งตายไวขึ้นเท่านั้น

    “กรี้ด!!!!!!!!!!!!” เสียงร้องลั่นของใครบางคนทำให้เด็กหนุ่มต้องละสายตาจากเพื่อนทั้งสอง เด็กสาวน่ารำคาญคนนั้นดูท่าว่าจะมีความอยากรู้อยากเห็นในตัวไม่แพ้คนอื่น เพราะเธอกำลังค่อย ๆ ถูกหลุมดำนั่นกลืนกินลงแล้ว

    รีเวลล์วิ่งเข้าหาเพราะรู้ว่าไม่อาจช่วยเหลือเพื่อนทั้งสองของตนได้ทัน มือของเขาคว้ามือเล็กนั่นไว้แน่น “พยายามหน่อย!!”

    รีเวลล์มั่นใจว่าฟารันต์นั้นไม่ได้ตัวใหญ่หรือหนักไปกว่าตนแน่ ๆ แต่ทำไมถึงรู้สึกว่าร่างของเธอหนักอึ้ง และค่อย ๆ เป็นฝ่ายฉุดรั้งเขาให้ลงไปยังเบื้องล่างนั่นพร้อมกับเธอแทน

    “ดึงสิค้า!!!!!!!!” หญิงสาวโวยเมื่อเห็นว่าตนเองค่อย ๆ จมลง

    “เธอก็ออกแรงหน่อยสิ!!!” อยากปล่อยมือใจแทบขาด แต่เจ้าหล่อนดันจับเขาไว้แน่นเสียนี่

    สุดท้ายไม่อาจฝืนพลังอำนาจอันมองไม่เห็นนั่นได้ ทั้งรีเวลล์และฟารันต์ตกลงสู่ห้วงแห่งความมืดพร้อมกัน เด็กสาวกรีดร้องด้วยความตกใจและหวาดกลัว ในขณะที่เด็กหนุ่มพยายามตั้งสติ ฝืนลืมตาเพื่อกวาดมองพื้นที่และบรรยากาศซึ่งกำลังโอบล้อมตนอยู่

    “บ้าชะมัด....”

    เมื่อทุกสิ่งเต็มไปด้วยสีดำ ไม่มีแม้แต่แสงสว่างเพียงสักนิด มีหรือเขาจะสามารถกะเกณฑ์หรือคาดเดาระดับความสูงต่ำและความห่างระหว่างตัวเขากับพื้นเบื้องล่างได้

    “กรี้ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” เสียงกรีดร้องคุ้นเคยจากเบื้องล่างมันดังเสียจนเสียดแก้วหู มันน่ารำคาญหากในยามปกติ แต่ในเวลานี้....เสียงนั่นกลับทำให้จิตใจที่หดตัวของเขาพองโตขึ้นด้วยความสบายใจได้

    รีเวลล์ไม่ได้เอามืออุดหู เพียงแย้มยิ้มบางแล้วเก็บคอ งอเข่า รวบร่างให้คล้ายทรงกลมที่สุดเพื่อความปลอดภัยในขณะลงสู่พื้นดิน ต้องขอบคุณเสียงร้องอันปวดหัวนั่นซึ่งช่วยเรียกสติของเขาให้กลับมา

    แทนที่จะกลิ้งไปทิศทางใดทิศทางหนึ่งหรือเกิดอาการในลักษณะอื่น ร่างของเด็กหนุ่มกลับกระเด้งขึ้นกระเด้งลง คล้ายกลับลูกบอลที่ตกลงในพื้นยืดหยุ่น มีเสียงดึ๋ง ๆ ฟังดูตลกผสาน เป็นแบบนั้นอยู่พักจนแรงกระดอนค่อย ๆ ลดน้อยและหยุดลงในที่สุด

    “มันอะไรกันเนี่ย???” เขาซึ่งนอนแผ่หลาขยับกายลุกนั่ง เอามือสัมผัสพื้นเบา ๆ

    “กรี้ด!!! ฮ่า ๆๆ” เสียงของฟารันต์ดังขึ้นไม่ไกลนัก แต่ดูท่าทางเธอจะกำลังสนุกมากกว่าหวาดกลัว....

    รีเวลล์รู้ว่าถึงมองหาไปก็คงไม่เจอ จึงส่งเสียงร้องเรียก “ฟารันต์!!! นั่นเธอใช่ไหม??!!”

    “เอ๋....มีคนอยู่ด้วย!!!!”

    เสียงร้องตะโกนกลับทำเอาคนรอฟังมั่นใจแทบเต็มร้อย รีเวลล์พยายามทรงตัวลุกขึ้นยืน แต่ความยืดหยุ่นมันทำให้เขาตั้งหลักได้ลำบาก จนสุดท้ายก็ต้องยอมคลานเอา “เธออยู่เฉย ๆ นะ พอใช้เวทย์ได้ไหม??” เด็กหนุ่มถาม ในขณะที่เริ่มเคลื่อนตัวไปตามทิศทางของเสียง

    “ได้ค่า!!”

    รีเวลล์ยิ้มอย่างยินดี “งั้นเธอสร้างลูกไฟนะ แล้วผมจะไปหาเอง”

    “ไม่ได้ค่า!!!”

    คำตอบรับทำเอาคนกำลังค่อย ๆ คลำทางหาถึงกับทรุด “ทำไมล่ะครับ??!!”

    “ก็ใช้เป็นแค่เวทย์น้ำนี่ค้า!!!”

    เสียงตอบยาวทำเอาเด็กหนุ่มต้องกุมขมับ เธอคงมีพื้นฐานธาตุน้ำเช่นเดียวกับเขา ส่วนใหญ่คนมีเวทมนตร์หากไม่เคยได้ฝึกปรือหรือเรียนรู้มาก่อนก็จะสามารถใช้ได้แค่ธาตุหลักภายในร่างกายตนเท่านั้น

    “แล้วจะทำยังไงดีเนี่ย....”

    “คุณฟารันต์คร้าบบบบบบบบบบบบบ~*”

    ในระหว่างที่รีเวลล์กำลังขบคิดวิธีแก้ปัญหาอย่างหนักอยู่นั่นเอง เสียงคุ้นหูของใครบางคนก็ดังขึ้นมาจากทางด้านขวามือของเขา ดวงตาสีแดงหันมอง พบกับดวงไฟดวงเล็กที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้แสงสว่างและใบหน้าอันแป้นแล้นของร็อคซึ่งกำลังยืนอยู่

    ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ได้ถึงความไม่ปกติของพื้น เขาจึงยังยืนอยู่เฉย ๆ “รอสักครู่นะครับนางฟ้าของผม เดี๋ยวผมจะช่วยคุณจากขุมนรกเอง”

    ทันใดนั้นดวงไฟในมือของร็อคก็แตกตัวออกจากกันอย่างรวดเร็ว กลายเป็นลูกไฟที่มีขนาดเล็กกว่าเดิม แต่กลับมีจำนวนมากกว่าหลายเท่า มันลอยอยู่เหนือมือทั้งสองข้าง ก่อนเด็กหนุ่มจะออกแรงเหวี่ยงมันทั้งหมดขึ้นสู่ด้านบน

    ลูกไฟเหล่านั้นกระจายไปยังจุดของตนราวกับถูกวาดไว้อย่างชำนาญ แล้วพื้นที่ซึ่งว่างเว้นอยู่ก็ค่อย ๆ ถูกเส้นสีสว่างเช่นดวงไฟถักทอเชื่อมต่อจนกลายเป็นรูปร่างคล้ายหลังคาโดม มันกระจายทั่วจนทำให้เห็นถึงบรรยากาศโดยรอบ

    “ยอดเลย....” รีเวลล์พึมพำออกมาเบา ๆ

    ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จู่ ๆ พื้นยืดหยุ่นนั้นกลับเกิดการแปรปรวน สร้างระลอกคล้ายคลื่นถาโถมตีระรวนกระจายตัวทั่ว สักพักหนึ่งความน่าพรั่นพรึงนั่นก็สงบลง เหลือเพียงความราบเรียบเสมือนทางเดินปกติ และแสงสว่างอันเกิดจากฝีมือของร็อคเท่านั้น

    “อะ.....อะไรเนี่ย.....” ฟารันต์ที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนพื้นเบิกตาค้าง แม้เธอจะเคยเจอเรื่องอันตรายมามาก แต่ไอ้เรื่องประหลาดแบบนี้เพิ่งจะเคยเจอก็ครั้งแรกนี่แหละ

    “คุณฟารันต์คร้าบบบบ ปลอดภัยดีใช่ไหม????” ร็อควิ่งตรงมายังเด็กสาว ยื่นมือประคองให้เธอลุกขึ้น

    รีเวลล์เห็นดังนั้นก็ลุกยืนบ้าง เขาก้าวเท้าเข้าหาคนทั้งสอง “สุดยอด....นายทำยังไงพื้นมันถึงได้กลับเป็นปกติ??”

    คนถูกถามทำหน้าฉงนเล็กน้อย แล้วส่งเสียงกระแอมไอ “อืม........ไม่รู้หรอก”

    “อ้าว....”

    “พอดีฉันเห็นว่าห้องมันมืดเลยจะสร้างแสงสว่างก็เท่านั้น” เขาตอบคำถาม “อ่ะ...คุณฟารันต์ค่อย ๆ ลุกนะครับ”

    “นายพูดว่าห้องงั้นหรอ??” ดวงตาสีแดงจ้องมองผู้ตอบคำถามด้วยความสงสัย

    ร็อคพยักหน้า “ใช่ ห้อง....ฉันเดาว่ามันน่าจะเชื่อมต่อกัน เพราะฉันได้ยินเสียงคุณฟารันต์ตอนที่ฉันอยู่ในห้องแรก”

    “ห้องแรก?”

    “ห้องที่ฉันตกมานั่นแหละ”

    เด็กสาวมองทั้งสองคนคุยกันได้พัก “นายคือคนน้ำเน่า ๆ นั่นนี่นา” ดูเหมือนการชวนนอกเรื่องของฟารันต์จะได้ผลชะงัดนักกับคนซึ่งดูเหมือนไม่เคยมีเรื่องเครียดในหัวอย่างร็อค

    “ผมแร็กน่า ร็อค ยินดีที่ได้รู้จักครับ” คนพูดค้อนคำนับลงอย่างสุภาพ เพียงแค่ปลายนิ้วมือตวัด ดอกกุหลาบสีแดงสดหนึ่งดอกก็ปรากฏในมือ

    “ว้าว!!!” ฟารันต์ร้องด้วยความตื่นเต้น ดวงตาของเธอเป็นประกาย

    ร็อคส่งดอกกุหลาบสีแดงให้ “สำหรับหญิงสาวที่งดงามอย่างคุณครับ”

    รีเวลล์ไม่ได้ตื่นเต้นไปกับการแนะนำตัวอันน่าสะอิดสะเอียนนั่นสักเท่าไหร่ เด็กหนุ่มยืนกอดอก จ้องมองเพื่อนร่วมชะตากรรมของตนอย่างระอา “ว่าแต่นายเห็นกุฟานรึเปล่า?”

    “อ่อ....ยอดรักของนายน่ะรึ?”

    “ถ้านายพูดอีกคำฉันจะแช่แข็งนายซะตรงนี้แหละ......”

    คำขู่นั่นไม่ได้เป็นผลเลยสักนิด คนฟังหัวเราะลั่นแล้วตบไหล่คนขู่เบา ๆ “เอาน่า ๆ ไม่ต้องอาย ๆ ดีเสียอีกคู่แข่งของฉันจะได้ลดลง”

    พลันไอเวทย์สีฟ้าในมือก็ปรากฏขึ้น มันค่อย ๆ ขยายตัวออกโอบล้อมจนแทบทั่วร่างของรีเวลล์ เป็นสัญญาณบ่งบอกให้รู้ว่าคำพูดนั่นไม่ใช่แค่ขู่

    พอร็อคเห็นก็กระโดดไปหลบหลังฟารันต์แล้วยกมือขึ้นยอมแพ้ “ตกลง ๆ ไม่ล้อก็ได้....ฉันไม่เห็นนะ เหมือนจะตกลงมาคนละห้องกัน แต่คิดว่าน่าจะอยู่ใกล้ ๆ กันนี่แหละ”

    “ว่าแต่มันที่ไหนคะเนี่ย? ฉันไม่เคยได้ยินเลยนะว่ากวินฟอร์จะมีเรื่องประหลาด ๆ แบบนี้ด้วย” เด็กสาวมองรอบ ๆ เธอยกมือขึ้นกอดร่างตนหลวม ๆ บ่งบอกถึงความกลัวซึ่งเกิดขึ้น

    ดวงตาสีแดงของรีเวลล์มองเด็กสาว เขาถอนหายใจเบา ลดระดับมือลง “งั้นเราไปตามหาคนอื่น ๆ กันเถอะ ถ้าห้องมันเชื่อมกันอย่างที่ร็อคบอกจริง ฉันว่าเราน่าจะหาคนอื่น ๆ ได้” เขาออกเดินนำ “บางทีคนอื่น ๆ อาจคิดแบบเราและกำลังออกตามหาเพื่อนทุกคนอยู่เหมือนกัน”

    ร็อคที่ฟังแสร้งทำท่าตกตะลึง “ว้าว.....โคตรพระเอกเลย!!”

    รีเวลล์ตวัดตามอง ฟารันต์ที่แม้เพิ่งจะเคยได้พูดคุยกับร็อคจริง ๆ จัง ๆ แต่ก็พอจับทางนิสัยได้ด้วยเพราะเธออยู่กับคนหมู่มากมาก่อนเอ่ยขึ้น “ฉันว่านะ นายต้องอยู่ไม่ถึงเริ่มเรียนวันแรกแน่ ๆ นายแร็กน่า ร็อค”

    “เป็นครั้งแรกที่ผมสนับสนุนคำพูดของเธอนะ” รีเวลล์เสริมทันที

    แต่ดูท่าฟารันต์จะไม่พอใจอะไรบางอย่าง เธอยกมือเท้าสะเอวมอง “อย่าพูดสุภาพได้ไหมมันขนลุก!”

    “อ้าว....” เด็กหนุ่มผมสีขาวยกมือเกาศีรษะแกรก ๆ

    “เรียกฉันว่า ฟารันต์สิ!”

    “แต่....”

    “ฟารันต์!!”

    “ตกลง ๆ ฟารันต์....”

    เมื่อได้ตามต้องการเธอก็ยิ้มแฉ่งออกมาอย่างพอใจ “ดี งั้นฉันจะเรียกนายว่า...อืม....ว่าไรดีล่ะ.....” ฟารันต์ทำท่าขบคิดหนัก “เวลแล้วกันนะ!!”

    “โอ้ว....เติมไอ้มานี่มีเฮเลยนะเนี่ย” ร็อคว่าพลางพยักหน้าหงึก ๆ

    “เอ๊ะ! ไม่ดีเหรอ??” เด็กสาวเลิกลั่ก

    “เรียกว่า รีเวลล์ เฉย ๆ จะขอบคุณมาก” เจ้าของชื่อถอนหายใจอีกครั้งอย่างเหนื่อยอ่อน

    “ไม่ล่ะยาวไป!! เรียก รีล แล้วกัน!!!” เธอทำเสียงฟีดฟัด “ตกลง รีล!!”

    รีเวลล์ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง ก็ได้แต่ปล่อยให้เป็นไปตามบุญตามกรรมก็แล้วกัน พอมาคิดอีกที....พระเจ้าคงเล่นตลกร้ายแน่ ๆ หรือไม่ชาติก่อนเขาคงทำบาปไว้หนักจัด ชาตินี้เลยต้องมาเจออะไรแบบนี้





    ======================================​







    ไม่มีอะไรจะพูดนอกจาก...

    กุฟานโคตรบ้า ร็อคกวนตีน ฟารันต์น่ารัก รีเวลล์เปลี่ยนไป!!!​



    กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :medance.:
  18. alladiya

    alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

    EXP:
    1,207
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    88
    รีเวลล์คิดในใจ.... "(ไอ้)เวร......."

    แร็กน่าน้ำเน่าไม่เปลี่ยนแปลง เหอๆๆ






    ยุทธการปลุกผีสำฤทธิ์ผล คิคิ :penyes:
  19. train

    train Member

    EXP:
    498
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    อ่านจบอย่างว่องไว =A=!

    จับคำผิดได้แค่ตึ๋งเดียว บอกไปแล้วแก้ด้วยเด้อ~
    ว่าไปเรื่องนี้ก็มีคนตาแดงเยอะจริงๆนะเนี่ย หรือเป็นโรคระบาด?
    (โดนเจ้าของคาร์รุมกระทืบ)

    ก๊าก ล้อเล่นเน้อคร้าบ *w*/
    ยังไงก็รอตอนต่อไป กลุ่มเด็กใหม่นี่มันบ้าได้โล่ห์ :medance.:
  20. aurora

    aurora คาตะโอโม่ย

    EXP:
    1,631
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    กร๊ากกก รีเวลล์นี่เหมาะที่จะโดนแร็กน่าปั่นหัวดีจริงๆ...

    ตอนนี้ตลกมากๆ ถึงแม้จะมีเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัว(?) เกิดขึ้นก็เถอะ

    ฟารันต์นี่ก็น่ารักไม่เลิก...

    อ่านแล้วรู้ได้ทันทีว่าโรงเรียนนี้แมงหวี่ชุกชุมแน่ๆ นักเรียนเป็นโรคตาแดงกันเยอะมาก 5 5 5

    สู้ต่อไป แร็ก !!
  21. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    เจอตัวป่วนติดๆกันงี้ แม้แต่รีเวลล์ก็นิ่งไม่อยู่ :pensry:
  22. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    กร๊ากกกก ฮามาก ดีใจด้วยนะรีล XD

    สนับสนุนทุกคำพูด "กุฟานโคตรบ้า ร็อคกวนตีน ฟารันต์น่ารัก รีเวลล์เปลี่ยนไป!!!"
    สำหรับกุฟาน ฮามันจริงๆให้ตายเหอะ ว่าแต่ตอนนี้มันเดี้ยงคาเตียงไปแล้วยังหน่อ
    ร็อคเสี่ยวสุดๆ เสี่ยวได้นรกแตกมาก แต่ไอ้คำขัดของฟารันต์นั่นถึงใจดีจริงๆ (ไอ้ นายคือคนที่น้ำเน่าๆ นั่นนี่นา)
    ฟารันต์ ชอบตอนตกพื้นกรี๊ดด แล้วหัวเราะ สรุปว่าสนุกสินะ นี่แหละฟารันต์เขาล่ะ!
    ส่วนรีเวลล์ ดีใจด้วย นายเริ่มปวดประสาทเป็นกับเขาแล้ว 5555+

    edit: ล...ลืมอ่านชื่อตอน
  23. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    แต่ผมว่าอาจจะเป็นพิธีรับน้องของโรงเรียนนี้ก็ได้นะ
  24. Jelphyr

    Jelphyr แมวจรจัด

    EXP:
    443
    ถูกใจที่ได้รับ:
    5
    คะแนน Trophy:
    38
    อยากจะตบบ่ารีเวลล์ซัก 20 ปุ.... ในที่สุดก็ฟิวส์ขาดตบะแตกแล้วสินะ โถๆ /me ขำตาย

    กุฟานน่าปล่อยให้หลับไปตรงนั้นจริงๆ... ร็อคเองก็น่าจะจับแช่แข็งซักที... แต่ไอ้เวทย์ลูกไฟนั่นเท่วุ้ย
    รีเวลล์คงช็อคน่าดูที่รู้ว่าฟารันต์เป็นธาตุน้ำ... แลดูไฮเปอร์คนละขั้วกับตัวเองอย่างนั้นนี่นะ lol

    ชื่อตอนสปอยล์อย่างแรงว่านี่เป็นการรับน้อง...
  25. PaiaAznable

    PaiaAznable มนุษย์ตู้ปลาช้ำรัก

    EXP:
    744
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    รีเวลล์ตบะแตกแล้ว.... มันเป็นกลไกอะไรบางอย่างที่โรงเรียนจัดไว้แล้วสินะ =w="

Share This Page