เรื่อยเปื่อย

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย aquafay, 27 พฤศจิกายน 2007.

  1. aquafay

    aquafay Member

    EXP:
    97
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    "เรื่อยเปื่อย"


    WARNING : เนื้อหามีความรุนแรง และมีถ้อยคำที่หยาบคายผสมอยู่ (แม้จะเล็กน้อย) ใช้วิจารณญาณในการอ่าน สตาฟฟ์หากเห็นว่าไม่เหมาะสม ขออภัยเป็นอย่างสูงครับ จะลบก็ได้ :china:
    NOTE : เนื้อหาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงแต่อย่างใด เป็นเพียงความคิดความอ่านของคนเขียน หากบังเอิญไปตรงกับข่าวของใครเข้าก็ขออภัยครับ ไม่ได้เจตนา ^^
    WARNING (แถม) : หาสาระมิได้ โปรดล้างสมองให้ว่างเปล่าตอนอ่าน และไม่ต้องคิดตามหลักวิทยาศาสตร์มากครับ เรื่องสั้นชุดนี้ไม่ได้ถูกเขียนออกมาให้สมจริงสมจังแต่อย่างใด







    .....................................................​




    [ Death of a butterfly ]

    __________ผีเสื้อตัวหนึ่งกำลังโบยบิน


    __________ปีกเปราะบางสีเหลือง แต่งแต้มด้วยสีน้ำตาลดำ ประหนึ่งลอยล่องกลางอากาศธาตุไร้ตัวตน แสงแดดส่องจากหน้าต่างเบื้องหลัง ส่งให้แมลงเล็กกะจ้อยร่อยตัวนั้นแลเป็นเงาเลือนลางวูบไหวสีดำ ขาบอบบางทั้งหกลงเกาะบนเกสรสีเหลืองของดอกไม้กลีบขาวในแจกัน ปีกยังคงกะพรือ ทว่าเชื่องช้าลง คล้ายเจ้าตัวเคลิบเคลิ้มไปกับความสุขสมที่ได้รับ


    __________แต่แล้ว มือหนึ่งของมนุษย์ก็ยื่นเงื้อมมา คล้ายกรงเล็บของอสูร นิ้วชี้กับนิ้วโป้งคีบปีกบอบบางนั้นยกขึ้น ผีเสื้อดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บ บวกกับสัญชาตญาณเอาตัวรอด มนุษย์ผู้นั้นยื่นอีกมือหนึ่งมา จับปีกอีกข้างของผีเสื้อ และฉีกเหยื่อของตนขาดออกเป็นสองท่อน ก่อนจะปล่อยให้เศษซากหลุดร่วงลงบนพื้นอย่างไม่ไยดี




    __________แสงแดดทอจากเบื้องนอกหน้าต่าง ลูบไล้ผิวพื้นเปรอะเปื้อนฝุ่น และส่องบนซากศพผีเสื้อน้อย คล้ายหมายไว้อาลัย






    ...​





    [ A man wants a coffee mill ]


    __________ชายคนหนึ่งอยากได้เครื่องบดกาแฟ


    __________ดังนั้น ในเช้าวันหยุดอันหายากวันหนึ่ง เขาจึงอาบน้ำแต่งตัวในชุดสูทสากลเรียบร้อย ขัดรองเท้าของตนจนขึ้นเงา จัดเตรียมข้าวของที่จำเป็นลงในกระเป๋าหนังตราจระเข้ สำรวจชุดแต่งกายของตนเองกับกระจกเงาในห้องน้ำ ตรวจตราความเรียบร้อยของห้อง แล้วจึงก้าวออกจากห้องพัก โดยไม่ลืมลงกุญแจไว้อย่างแน่นหนา


    __________เขากดปุ่มลูกศรชี้ลงของลิฟต์ และระหว่างรอลิฟท์เคลื่อนลงมาจากชั้นบนสุดของคอนโดสูงสามสิบชั้น ชายหนุ่มก็หยิบหมากฝรั่งสูตรไร้น้ำตาลออกมาเคี้ยวเล่น มือข้างซ้ายสอดในกระเป๋าเสื้อนอก มือข้างขวาถือกระเป๋า ด้วยเหตุที่ประตูลิฟต์เป็นโลหะเงาวาว สะท้อนทุกอย่างได้ดีราวกระจก เขาจึงยืนชื่นชมทรงผมที่ลงน้ำมันจนเรียบแปล้ของตนอย่างพึงพอใจ


    __________ประตูลิฟต์เปิดออก ภายในมีคนสิบคน เขาก้าวเข้าไป เสียงสัญญาณดังหวีดแหลม ตามด้วยเสียงหวานชี้แจ้งว่าลิฟต์ไม่สามารถรับคนเพิ่มได้มากกว่านี้อีกแล้ว จากนั้น ประตูเลื่อนปิด และลิฟต์แก้วก็เคลื่อนตัวเนิบนาบลงสู่ที่หมาย คือชั้นล่างสุดของคอนโด


    __________แม้คนแน่นเต็มห้องทรงครึ่งวงกลม แต่กลับเงียบเชียบด้วยไม่มีใครอยากเสวนากับใคร ทุกคนมองออกเบื้องนอกกระจกแก้วของลิฟต์ ภาพตัวเมืองปรากฏเด่นชัดในสายตา เมืองใหญ่มีแต่ตึกอาคารสูงชันเสียดฟ้า ถนนโยงใยไปมาราวใยแมงมุม รถราคล้ายแมลงตัวกะจ้อยร่อยคืบเคลื่อนตามท้องถนนด้วยความเร็วเชื่องช้ายิ่งกว่าทาก มหานครทำงานราวเครื่องจักรทั้งในทิวาและราตรี... ทอดร่างนิ่งสงบคล้ายยักษ์ตัวมหึมาอยู่เบื้องล่างผืนฟ้าสีคราม ซึ่งขมุกขมัวด้วยมลพิษ


    __________ในขณะที่จิตใจของชายหนุ่มล่องลอยอิสรเสรีไปกับน่านฟ้ากว้างใหญ่ไพศาลนั่นเอง เสียงข้อความเข้าของมือถือของเขาก็ดังขึ้น ขจัดจินตนาการบรรเจิดในหัวให้หมดไปทันใด ยังไม่ทันที่เสียงริงโทนทำนองเพลงดิสโก้จะสิ้นสุดลง เสียงข้อความเข้าของมือถือเครื่องอื่นก็ดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน กลายเป็นการร้องคอรัสที่น่ารำคาญที่สุดในโลก


    __________ทุกคนในลิฟต์หยิบมือถือจากกระเป๋าของตนเอง ทุกจอปรากฏข้อความเดียวกันหมด





    ข้ากำลังร้องไห้
    __________อิมมานูเอล​





    __________ไม่มีใครในลิฟท์รู้จักมักจี่กับบุรุษนามอิมมานูเอล ดังนั้น ไม่กี่วินาทีต่อมา ก็ต่างเก็บมือถือเข้ากระเป๋า แล้วหันหน้าออกมองทัศนียภาพเบื้องนอกลิฟต์แก้วดั่งเดิม


    __________ความสงบเพิ่งจะเข้าครอบครองบรรยากาศภายในลิฟต์ได้ไม่นาน ก็กลับถูกทำลายลงอีกครั้งอย่างยับเยิน เมื่อลิฟต์สั่นสะเทือนจนหลายคนในลิฟต์เซล้ม ทุกคนล้วนแตกตื่น ไม่เพียงลิฟต์เท่านั้น แต่ทั้งเมืองที่ปรากฏแก่สายตาก็กำลังสะเทือนลั่น ผู้หญิงคนหนึ่งในลิฟต์กรีดร้องขึ้นว่า แผ่นดินไหว เป็นความจริงที่ทุกคนต่างก็รู้กันแล้ว แต่เมื่อถูกประกาศออกมาเช่นนั้น ก็ยิ่งให้ตื่นตระหนกขึ้นไปอีก คนในลิฟต์ต่างสับสนอลหม่าน โกลาหลวุ่นวาย ชายมาดนักธุรกิจคนหนึ่งพยายามกดปุ่มหยุดลิฟต์ แต่ไร้ผล ลิฟต์ยังคงทำงานของมันไปอย่างสงบเช่นเดิม


    __________ข้างชายหนุ่ม หญิงตั้งครรภ์ร้องไห้ตบตีสามี กล่าวหาว่า เขาเป็นตัวการทำให้แผ่นดินไหว เพราะใช้แก๊สโซฮอล์ ทั้งที่เธอบอกให้ใช้เบนซิน 95 ชายหนุ่มเอี้ยวตัวหลบลูกหลงจากกระเป๋าสะพายที่หญิงตั้งครรภ์เขวี้ยงใส่สามี เขาหันมองเบื้องนอก ตึกสูงใกล้เคียงคอนโดกำลังถล่ม เศษซากอสังหาริมทรัพย์ราคากว่าพันล้านทลายลงทับถนนลอยฟ้าที่ยังเต็มด้วยรถรา ส่งให้เส้นทางสีเทานั้นหักลง รถไหลออกจากถนน ร่วงลงสู่เบื้องล่าง เปลวไฟลุกโชนแดงฉาน ควันทะมึนพวยพุ่งสู่เวิ้งฟ้า


    __________ภายในลิฟต์ คนที่สับสนแตกตื่น ก็ต่างเริ่มกล่าวโทษกัน และตบตีกันเอง หญิงตั้งครรภ์จิกตาสามีจนทะลุ ส่วนสามีก็คว้ามีดพับจากกระเป๋าขึ้นมาปาดคอเธอ เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดคล้ายสายชำระที่ถูกถอดหัวออกทั้งยังเปิดน้ำอยู่ ชายนักธุรกิจวัยสูงอายุสองคนกระโจนเข้าหากัน กอดปล้ำจนเซล้มใส่ชายร่างอ้วนอีกคน คนถูกล้มใส่โมโหมากจนตัดสินใจเข้าร่วมวงต่อสู้ด้วย ชายร่างผอมใส่แว่นหนาเตอะมาดเหมือนอาจารย์มหาวิทยาลัยร้องแหกปากดังลั่น ตรงเข้าล็อกคอชายร่างอ้วนจากด้านหลัง ก่อนจะใช้มือทั้งคู่ง้างปากชายร่างอ้วน และฉีกปากบนและล่างออกจากกันเหมือนฉีกกระดาษ เสียงโหยหวนดังลั่นทั่วทั้งลิฟต์ ถัดจากศึกสงครามตะลุมบอน ก็เป็นวัยรุ่นแต่งกายในชุดนักศึกษาสามคนฆ่าฟันกันเอง เด็กหนุ่มชักปืนยิงเข้ากลางหว่างคิ้วเด็กสาว เพื่อนเด็กสาวร้องโหยหวน กระโจนเข้าแย่งปืนจากเขา แต่โดนกระบอกปืนตีหน้าจนจมูกหัก เลือดสาด หน้ายุบ เธอทิ้งทวนสุดท้ายก่อนสิ้นชีวิตลงอย่างน่าเอน็จอนาถ ด้วยการกางเล็บทั้งห้าออกขยุ้มใบหน้าเด็กหนุ่มจนหนังทั้งแผ่นหลุดติดมากับมือ


    __________ชายหนุ่มยืนตัวลีบ กอดกระเป๋าตราจระเข้ของตนแน่นอย่างหวงแหน ขณะเดียวกันก็พยายามหลบเลือดที่กระเซ็นมา เบื้องนอก แผ่นดินยังคงไหวรุนแรง ตึกทุกตึกถล่มทลายลงจนเห็นเพียงฝุ่นควันสีเทาฟุ้งตลบ เสียงโลกาวินาศนั้นดังกึกก้อง ชายหนุ่มชิดกายเข้าติดผนังแก้ว ขาเริ่มอ่อนปวกเปียก เขาทรุดลงนั่งชันเข่ากับพื้น มือยังกอดกระเป๋า ตาหลับปี๋ ภาวนาให้ทุกอย่างจบไปเสียโดยไว


    __________แล้วทันใดนั้น เสียง กิ๊ง บ่งบอกการถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพของลิฟต์ก็ดังขึ้น ประตูลิฟต์เปิดออก ชายหนุ่มลืมตา


    __________ทุกอย่างอยู่ในความสงบ ซากศพคนเคยใช้ลิฟต์ร่วมกันเกลื่อนกลาดพื้น ชายหนุ่มก้าวออกจากลิฟต์ มือปัดฝุ่นที่เลอะตามเสื้อกางเกง เขาย่นจมูกเมื่อเห็นคราบเลือดติดบนปกเสื้อ


    __________รอบด้านทั้งสี่ทิศคือซากเมืองใหญ่ มีโครงเหล็กที่เหลือเพียงส่วนฐาน มีเศษปูนเศษหินกระจายทั่วทั้งผืนดิน ซากร่างมนุษย์มีจำนวนมากพอๆ กับเศษซากตึกอาคาร นอกจากนี้ ยังมีซากรถยนต์ และอีกนานาที่ไม่อาจระบุได้หมดในหน้ากระดาษเดียว ท่ามกลางซากปรักหักพังนั้น ลิฟต์เป็นสิ่งประดิษฐ์ของมนุษยชาติชิ้นเดียวที่ยังอยู่ในสภาพดี ไม่มีแม้รอยขีดข่วน รวมถึงโครงทางเดินของลิฟต์ ก็ยังตั้งผงาดเงื้อม ทั้งที่คอนโดส่วนอื่นถล่มลงมาหมดแล้ว


    __________นครนี้สงบสุขอย่างไม่เคยเป็น


    __________แล้วชายหนุ่มก็ก้าวเท้าออกเดินต่อ... เขายังอยากได้เครื่องบดกาแฟ






    ...​





    [ Child Play ]


    __________เด็กสองคนกำลังวิ่งเล่นไล่จับกัน


    __________เด็กหญิงหนึ่ง เด็กชายหนึ่ง พวกเขาสำเริงสำราญกลางบ่อทรายในสนามเด็กเล่น ที่สุดขอบสนาม ชายวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังมองเด็กสองคนเล่นกันด้วยสายตานึกเอ็นดู


    __________เด็กหญิงวิ่งเข้าหาเด็กชาย แตะไหล่เขาได้ ก็กระโจนไปอีกทาง ร้องลั่นอย่างสุขใจว่า กลายเป็นเด็กชายแล้วที่เป็นหนอน เด็กชายก็ไม่ยอมแพ้ เขาไล่กวดเด็กหญิงเหมือนแมวไล่จับหนู กระทั่งตนเองหอบเหนื่อย ไปต่อไม่ไหว ก็ยังไม่สามารถวิ่งทันเด็กหญิงที่รวดเร็วว่องไวประหนึ่งกระรอกตัวน้อยได้ อารมณ์หงุดหงิดพลุ่งพล่านในจิตใจ เขาตัดสินใจฉวยโอกาสที่เด็กหญิงหยุดวิ่งหมุนตัวมาล้อเลียนเขา ดึงผมเปียของเธอจนเธอร้องลั่นด้วยความเจ็บ สองคนเริ่มทะเลาะกัน เด็กหญิงตรงเข้าจะตบหน้าเด็กชาย เด็กชายจึงผลักเธอล้มลงกับพื้น


    __________เด็กหญิงแผดเสียงร้องไห้จ้า


    __________ชายวัยกลางคนเดือดดาลขึ้นมาทันทีทันใด กล้าดีอย่างไรมาทำร้ายลูกสาวเขา เขาตรงไปยังเด็กชาย และโดยไม่รีรอฟังเสียงขอโทษขอโพยของคนกำลังหวาดกลัว เจ้าของร่างสูงใหญ่กว่าคู่กรณีเป็นสิบเท่าก็วาดเท้าเตะอีกฝ่ายจนร่างเล็กกระเด็นกระดอนไปทางหนึ่ง ก่อนจะตรงไปกระทืบซ้ำจนไส้ทะลัก กระทืบหน้าจนหน้าบวม เนื้อปริแตก ตาถลนจากเบ้า


    __________มีผู้เห็นเหตุการณ์ จึงรีบโทรแจ้งตำรวจ ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที ตำรวจก็เข้าจับกุมตัวชายวัยกลางคน ไทยมุงยืนดูเหตุการณ์กันเพียบ บ้างก่นด่าไปถึงโคตรพ่อโคตรแม่ของชายวัยกลางคนผู้ก่อคดี


    __________ในชั้นศาล อัยการกล่าวซักจำเลยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


    __________จำเลยกล่าวตอบชัดถ้อยชัดคำว่า



    ผมไม่ได้เตะเด็ก ผมแค่ยกเท้ากันเท่านั้น





    ...​






    [ Ordinary day ]


    __________นักศึกษาชายคนหนึ่งตื่นนอนตอนเกือบเที่ยง เขาล้างหน้าล้างตา แต่งกายชุดเครื่องแบบที่ค่อนข้างจะผิดระเบียบ ตั้งแต่เสื้อรัดรูปจนเกินไป ตลอดจนกางเกงขาเดปป์ และรองเท้าผ้าใบเก่าซอมซ่อ หลังจากสำรวจตนเองผ่านเงาสะท้อนบนกระจกที่โต๊ะเครื่องแป้งจนพอใจแล้ว ชายหนุ่มก็หันไปต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมานั่งรับประทานหน้าจอโทรทัศน์ที่กำลังฉายข่าวภาคเที่ยง


    __________ข่าวภาคเที่ยงมีเนื้อหาเกี่ยวกับนักการเมืองที่ถูก กกต. ตั้งข้อหาทุจริตในการหาเสียงเลือกตั้ง


    __________ชายหนุ่มฟังข่าวแล้วก็สบถจนเศษบะหมี่กระเด็นจากปาก




    __________นักการเมืองไทยแม่งเลว วันๆ ดีแต่คอรัปชั่น ประเทศชาติเลยแม่งไม่เจริญซักที




    __________พอเส้นบะหมี่เส้นสุดท้ายถูกสูดเข้าปากไป ชายหนุ่มก็นำชามไปวางกองไว้รวมกับชามใช้แล้วใบอื่นในอ่างล้างจาน เขาปิดทีวี คว้ากระเป๋าเป้บนโต๊ะที่เต็มไปด้วยกองเอกสารนานารวมถึงขยะ แล้วสาวเท้าออกจากห้องพัก โดยไม่ลืมล็อกกุญแจ


    __________ชายหนุ่มออกเดินอย่างสบายอารมณ์ตั้งแต่หอพัก จนถึงมหาวิทยาลัย อย่างไรก็ตาม วันนี้โชคไม่เป็นใจให้กับเขา สีหน้าอิ่มเอมเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อหน้าห้องเล็คเชอร์ติดป้ายไว้ว่ามีการสอบ การสอบโดยไม่ได้แจ้งนิสิตนักศึกษาไว้ล่วงหน้าอย่างนี้เรียกว่า เซอร์ไพรส์ควิซ เป็นสิ่งที่อาจารย์ชอบหนักหนา เพราะนอกจากได้ทดสอบว่าเด็กกลับไปทบทวนบทเรียนหรือไม่แล้ว ยังนับเป็นความสะใจอย่างหนึ่ง เมื่อได้เห็นสีหน้าราวเพิ่งกลืนงูหลามเป็นๆ ของบรรดานักศึกษาผู้ซุกซนน่ารักอีกด้วย


    __________ทำไงดีวะ ไม่ได้อ่านมาเลยซักตัวเดียว ชายหนุ่มคิด หน้าซีด


    __________เขายังไม่อยากติด F เพิ่มอีกตัว แค่ F ที่แผ่หราในใบแจ้งผลการเรียนก็หนักหนาพอทนสำหรับเขาอยู่แล้ว ขืนติดเพิ่มอีก เขาได้ถูกรีไทร์ออกจากคณะแน่ แม่จะได้ฆ่าหมกศพเขาไว้หลังบ้านก็งานนี้


    __________ดังนั้น เมื่อนั่งในห้องสอบ และอาจารย์ผู้คุมสอบเดินไปทางอื่น ชายหนุ่มก็ตัดสินใจ ส่งสัญญาณเรียกคนที่นั่งถัดจากเขา บุ้ยใบ้ถามข้อสอบ โดยการชี้นิ้วใส่กระดาษคำถาม และทำท่ายึกยักไปมาเหมือนไส้เดือนดิน


    __________นักศึกษาสาวท่าทางคงแก่เรียนคนที่ถูกเรียกตีสีหน้ารำคาญ เธอทำปากที่อ่านได้ว่า 'ทำเองสิวะ สัตว์'


    __________'ก็กูทำไม่ได้ อีห่า' ชายหนุ่มทำปากตอบ พร้อมชูนิ้วกลางใส่ บ่งบอกสันดานของตนเอง ตลอดจนสันดานของโคตรเหง้าเหล่ากอได้เป็นอย่างดี จากนั้น เขาก็หันไปจิ้มนิ้วใส่กระดาษคำถาม พลางทำสายตาข่มขู่


    __________หญิงสาวแลละห่อละเหี่ยใจ เธอหน้ามุ่ย ทำปากถามเขา 'ข้อไหน'


    __________เมื่อเห็นหญิงสาวยอมให้ลอกข้อสอบในที่สุด ชายหนุ่มก็ฉีกยิ้มกว้างถึงใบหู ยินดีปรีดาสุดขีด เขายกกระดาษคำถามขึ้น และไล่นิ้วตั้งแต่ข้อหนึ่งยันข้อสุดท้ายคือข้อสามสิบ เป็นการสื่อความหมายว่า 'ทุกข้อเลย'


    __________หญิงสาวอ้าปากค้าง หน้าซีด ทำท่าเหมือนจะเป็นลม แต่ก็ยอมเขียนคำตอบทั้งหมดลงในมุมกระดาษคำถาม ก่อนฉีกออกมา พับเป็นชิ้นเล็กจิ๋ว และโยนให้เขา ก่อนโยน เธอยังไม่ลืมทำปากที่อ่านได้ว่า 'กูทำบุญให้มึงแล้ว อย่ามายุ่งกับกูอีกนะ ควาย'


    __________ชายหนุ่มไม่สนใจอีกแล้วว่าหญิงสาวจะด่าเขาเป็นสัตว์ประเภทไหน ขอแค่ไม่ติด F พอ


    __________คืนนั้น ชายหนุ่มกลับหออย่างอิ่มเอมใจ เพราะควิซผ่านไปได้ด้วยดี อาจารย์จับไม่ได้ แถมเขายังได้ไปกิ๊กกับสาวต่างคณะตั้งหลายชั่วโมง วันนี้เป็นวันที่โคตรโชคดีของเขาเลย ชายหนุ่มกลับถึงห้อง เปิดตู้เย็นหยิบเบียร์มากระป๋องหนึ่ง แล้วเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟา มือยกเบียร์ดื่มอึกใหญ่จนฟองขาวไหลล้นจากปาก เลอะตามหนวดเคราหรอมแหรม คอ และปกเสื้อที่เห็นเป็นคราบเหลือง เพราะไม่ได้ซักมาหลายวัน เขาวางกระป๋องเบียร์กับโต๊ะ แล้วกดเปิดโทรทัศน์ที่กำลังฉายข่าวภาคค่ำ


    __________ข่าวภาคค่ำมีเนื้อหาเกี่ยวกับนักการเมืองที่ถูก กกต. ตั้งข้อหาทุจริตในการหาเสียงเลือกตั้ง


    __________ชายหนุ่มฟังข่าวแล้วก็สบถ




    __________นักการเมืองไทยแม่งเลว วันๆ ดีแต่คอรัปชั่น ประเทศชาติเลยแม่งไม่เจริญซักที





    ...​






    [ Death of a man ]


    __________มนุษย์คนหนึ่งกำลังวิ่งเล่น


    __________ร่างเปล่าเปลือยวิ่งไปตามทุ่งกว้างสีเขียวขจี แลละอองดอกหญ้าสีขาวฟุ้งกระจายทั่วอากาศที่หอมกรุ่นด้วยไอแดด มนุษย์แหงนคอมองฟ้า ฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะดังลั่น ชีวิตมีแต่ความเบิกบานสราญใจ หลังวันเวลาที่ต้องตรากตรำกับการทำงานเหน็ดเหนื่อยในออฟฟิศ เพียงเพื่อให้เจ้านายยอมรับ ในที่สุด เขาก็หลุดพ้นจากห่วงกรรมนั้นเสียที เขาได้มาอยู่ในแดนสวรรค์ ที่ซึ่งเขาสามารถละทุกสิ่งไว้ข้างหลัง ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงานอันเปรียบเสมือนโซ่ตรวน สามัญสำนึกที่ทำให้เขาต้องก้มหัวให้กับสังคมตลอดมา และสติแห่งความเป็นมนุษย์ที่เย่อหยิ่งถือว่าตนเป็นสัตว์ประเสริฐสุดในแผ่นดิน


    __________แต่แล้ว เงาดำทะมึนก็บดบังแสงสว่างของพระอาทิตย์ มนุษย์หยุดวิ่ง ตาเบิกโพลงอย่างตื่นตระหนกระคนพิศวงงงงวย ผีเสื้อยักษ์ตัวหนึ่งบินมาหยุดอยู่เหนือหัวเขา แค่ปีกสีเหลืองนั้นกระพือ ก็ทำให้สายลมรอบด้านปั่นป่วนราวบังเกิดพายุ ขาลำมหึมาทั้งหกยื่นเงื้อมลงคล้ายกรงเล็บของอสูร ขาสองข้างคีบลำตัวเกลี้ยงเกลาขึ้น มนุษย์ดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บ บวกกับสัญชาตญาณเอาตัวรอด ผีเสื้อตัวนั้นยื่นขาอีกข้างมาจับแขนสองข้างของมนุษย์ และฉีกเหยื่อของตนขาดออกเป็นสองท่อน ก่อนจะปล่อยซากศพที่เครื่องในทะลักกระจายลงบนพื้นอย่างไม่ไยดี



    __________แสงแดดทอเจิดจ้าแสบตา ให้ความสว่างแก่ทุ่งกว้างอันงดงามประหนึ่งแดนสวรรค์ ลำแสงสีทองส่องบนซากศพของมนุษย์ผู้น่าสังเวช คล้ายหมายไว้อาลัย





    .....................................................​










    __________อธิบายแต่ละ arc

    [ Death of a butterfly ] และ [ Death of a man ] เป็นบทที่เชื่อมโยงกัน คิดว่าผู้อ่านคงทราบว่าต้องการสื่อถึงอะไร เดิมที Death of a butterfly แต่งโดยไม่มีอะไรในหัวเลย แค่พยายามบรรยายภาพที่อยู่ในหัวเท่านั้น กลับกลายเป็นอะไรที่โหดจิตตบไปซะได้ ^^;
    [ A man wants a coffee mill ] ก่อนอื่นเลย ใช้คำว่า "Coffee mill" ถูกไหมฮะเนี่ย - -" ไม่รู้จริงๆ แถม... เครื่องบดกาแฟหน้าตาเป็นยังไง ก๊ากกกกกกกก
    เรื่องสั้นตอนนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชื่อใน msn messenger ของ Renze ครับผม :D พูดแบบนี้รู้เลยว่า "ชายหนุ่ม" ในเรื่องคือใคร (ฮา) เรนซ์เคยตั้งชื่อ msn ไว้... ถ้าผมจำไม่ผิด... ทำนอง "เรนซ์อยากได้เครื่องบดกาแฟ อิมมานูเอลกำลังร้องไห้ โลกกำลังถล่ม คนจำนวนหนึ่งติดอยู่ในลิฟท์" แล้วเรนซ์ก็พูดกับผมเล่นๆ ว่า อยากลองจัดประกวดฟิคโดยตั้งกติกาให้มีขอบเขตเนื้อหาครอบคลุมประโยคเหล่านี้ดู
    ขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อนว่าจะแต่งออกมานะครับ เรนซ์ :china: หวังว่าคงไม่ว่ากัน จริงๆ เรื่องสั้นเรื่องนี้ ผมแต่งแล้วยกให้เรนซ์เลยนะ แต่เรนซ์จะรับไหมเท่านั้นเอ๊งงง =A=!
    [ Child Play ] ประโยค "ผมไม่ได้เตะ ผมแค่ยกเท้ากัน" น่าจะคุ้นหูคนที่ตามข่าวทุกวันนะครับ... แต่ อ่า บอกไปแล้วใน Note ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์จริงแต่อย่างใด แค่ได้แรงบันดาลใจเฉยๆ...
    [ Ordinary Day ] ...ไม่มีอะไรมาก อยากประชดคนไทยบางคนในประเทศ

    EDIT : เพิ่งรู้ว่าพจนานุกรมมีบัญญัติคำว่า 'ลิฟต์' แก้จาก 'ลิฟท์' เป็น 'ลิฟต์' ครับผม ขอบคุณซาเลสซังมาก เห็น rep แล้วเอะใจ กร๊ากกก


    __________คุยกับผู้อ่าน

    เรื่องสั้นชุดนี้อาจจะมีเนื้อหารุนแรง และมีถ้อยคำหยาบคายไปนิดหนึ่ง ถ้าสตาฟฟ์เห็นว่าไม่เหมาะสม จะลบออกก็ได้นะครับ ^^" ผมเองก็โพสต์แบบหวั่นๆ อยู่ว่า สตาฟฟ์จะยอมรับหรือเปล่า เป็นเรื่องสั้นชุดที่แต่งแบบไม่มีสาระอะไรมากมาย ไม่ได้คิดอะไรตอนแต่งเลยด้วย เหมือนอยากระบายอะไรก็เขียนออกมา แต่มั่นใจครับว่า ไม่ใช่ฟิคระบายอารมณ์ดาดๆ แน่

    เร็วๆ นี้อาจมีเรื่องยาว ถ้าไม่ดองก่อนนะ สาธุ -/||\-



    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ คอมเมนท์ด้วยเน้อ ^^ เป็นกำลังใจให้คนเขียน
  2. choco

    choco Interpreter

    EXP:
    65
    ถูกใจที่ได้รับ:
    5
    คะแนน Trophy:
    18
    และแล้วก็แปะ....

    ไม่ได้เห็นงานนาน โหดร้ายขึ้นเยอะนะ...TwT

    (ก็อปจากlogมาแปะ...)
    เขาจึงยืนชื่นชมทรงผมที่ลงน้ำมันจนเรียบแปล้ของตนอย่างพึงพอใจ << (โจโกะ : .....นาร์ซิส )
    ประตูลิฟท์เปิดออก ภายในมีคนสิบคน << (นึกในใจต่อ : ..แล้วสิบคนนั่นเห็นหน้าไอ้หมอนั่นตอนกำลังชื่นชมผมตัวเองอย่างเพลิดเพลิน... )
  3. Siegfried

    Siegfried Member

    EXP:
    69
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    ถ้าอ่านแบบซีเรียสมันก็สะท้อนอะไรได้ดีจริงๆ แหละนา
    อย่าง Ordinary day นี่อ่านแล้วผมก็ อืมม เห็นด้วยฟ่ะ

    แต่ถ้าอ่านแบบไม่ซีเรียส ก็โคตรฮา อย่างที่ผมได้ยกตัวอย่างให้ฟังไปแล้วใน MSN บางเรื่องนะแดนจัง ก๊ากกกก
  4. train

    train Member

    EXP:
    498
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    โอ้ ไม่ได้เห็นฟิคของแดนนี่นานมากๆ >[]<,,
    บรรยายได้ซาดิสถูกใจจังเลย!!
    [action]โดนแดนนี่ถีบ"ไม่ไ่ด้ให้ดูตรงนั้นเฟ้ย เนื้อหาน่ะเนื้อหา!"[/action]
    แหม่เรื่องที่สองก็ว่าเอ๊ คุ้นๆ.... 555+ ป้าเรนซ์น่ะเอง ผมชอบทุกเรื่องเลยนะโดยเฉพาะเรื่องก่อนสุดท้ายน่ะ มันสะท้อนดีแท้ = =
  5. l2eenai2y

    l2eenai2y New Member

    EXP:
    533
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    -0-

    ซาดิสต์ได้ใจมาก!!

    อ่านแล้วทำให้อารมณ์สุนทรีย์จังเลยอ่า o^~^o
  6. mahado

    mahado New Member

    EXP:
    85
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ชอบเรื่อง Ordinary day ครับ ....รู้สึกว่าในชีวิตจริงก็มีหลายๆคนที่เป็นแบบนี้

    ปล. รู้สึกคุ้นๆตรงเครื่องบดกาแฟ ที่จริงมาจากชื่อMSNของพี่เรนซ์นี่เอง 555
  7. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    อ่านแล้วถูกใจตอนเครื่องบดกาแฟชอบกลแฮะ >_<

    ว่าแต่ว่าลิฟต์มันใหญ่ขนาดไหนล่ะนั่น 10กว่าคนถึงได้สู้กันยังกะ Battle Royal เลยแฮะ
  8. SANE

    SANE New Member

    EXP:
    50
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    เทียบกับแต่ละวันในชีวิตแล้วเบาหนักหนา ภาษาพูดแบบนี้

    เครื่องบดกาแฟเจ๋งเป้ง
    Ordinary Day โดนจังๆ

    ชอบเรื่องสั้นแบบนี้จริง
  9. Jelphyr

    Jelphyr แมวจรจัด

    EXP:
    443
    ถูกใจที่ได้รับ:
    5
    คะแนน Trophy:
    38
    ก็ว่ามันคุ้นๆเหมือนเคยเจอเป็นชื่อ MSN เรนซ์

    สตาฟฟ์อื่นจะว่าไงไม่รู้ แต่เราอ่านแล้วชอบ ก๊ากกกกกกกกก แต่เรทเลือดมันแรงจริงๆนั่นแหละนะ ( แต่เด็กแถวนี้คงไม่สร้างแผ่นดินไหวเลียนแบบขึ้นมาหรอกมั้ง...) เรื่องเครื่องบดกาแฟนี่ดูมันแนวๆเรนซ์ๆดียังไงก็ไม่รู้ ก๊ากกก [action]วิ่งหนีล้านลี้[/action]
    ไม่ได้หมายความว่าตัวละครมันเรนซ์ๆนะ - 3-" ( ถึงจะนาร์ซิสตามที่โจโกะว่าก็เหอะ กร๊ากกกกกกกก ) แต่ไม่รู้สิ เนื้อเืรื่องมันแนวๆ อ่านแล้วเรนซ์ๆ..........จริงๆคงเพราะหลอนเองจากชื่อ MSN เรนซ์ล่ะมั้ง

    อันอื่นก็จิกกัดได้สะใจดี ชอบหลาย


    เรื่องภาษาหยาบคาย เราไม่ใส่ใจมากเท่าไร........เราว่าเขียนตรงๆแบบนี้ดีกว่าเขียนให้วิบัิตินะ ความสะใจผิดกันเยอะ
  10. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    ลึกล้ำสมเป็นฝีมือแดนนี่ ที่แม้จะไม่ได้เห็นมาหลายปีก็ยังเฉียบเหมือนเดิม (แดนนี่น่าไปเรียนเอกวรรณคดีนะ คง A ตลอดศกเลยล่ะ)

    บท Death of Butterfly กับ Death of Man อ่านง่ายแต่ลึกซึ้ง ผมจะบอกตรงๆว่าการแต่งแบบนี้ไม่ง่ายเลยแม้แต่น้อย ตรงข้าม แม่งยากโคตรๆอีกต่างหาก ยากกว่าการแต่งไม่รู้เรื่องซ่อนปมลึกแล้วคนแต่งรู้เรื่องอยู่คนเดียวด้วย เพราะแบบที่ว่ามันไม่ต้องแคร์คนอ่านน่ะสิ (กร๊าก) ถามว่าเป็นยังไง บอกไม่ถูกนะสองบทนี้ มันดูสดใสแต่โคตรหดหู่ ไม่รู้สิ เรื่องปรัชญาชีวิตอาจจะไม่ลึกซึ้ง แต่การสื่ออารมณนี่ระดับผมขอก้มคารวะครับ (ไม่ได้ยอเล่นนะเออ)

    Ordinary Day เข้าใจเลยล่ะว่ามันคืออะไร ^^" ดีนะครับ ผมนึกว่าจะด่าพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งซะอีก ด่ารวมๆเรื่องโกงชาติน่ะดีแล้ว มันเป็นเอกลักษณ์สากลของการเมืองไทย โดยไม่ต้องไปจ้องด่าพรรคใดพรรคหนึ่งให้เขารำคาญใจเล่นด้วย

    บทอื่นๆ ไอ้ตอนแรกที่อ่านก็พยายามตีความอยู่ว่ามันสือ่อะไร(วะ) พอมารู้เอาตอนหลังว่ามันมาจากเรนซ์ล่ะผมฮาก๊ากเลย ตัวละครไม่เหมือนตัวเรนซ์ แต่แนวคิดบางอย่างรู้สึกจะคล้ายๆ ว่าแต่ทำไมต้องเลือดสาดขนาดนั้นด้วยล่ะแดนนี่ ยังไม่ค่อยเข้าใจ?
  11. renze

    renze Member

    EXP:
    46
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    สุดยอดทุกเรื่องเลยฟ่ะ โดยเฉพาะ Ordinary Day ก๊ากกกกกกกกกกกกก
    Death of a butterfly ก็เท่อ่ะ มันนึกภาพตามได้หลอนดี

    แต่ผมไปมีไอ้กระเป๋าตราจระเข้ตั้งแต่เมื่อไหร่กร๊ากกกกกกกกกก
    ( ไหนๆก็เขียนถึงแบบนี้ ซื้อให้ผมเลยวู้ๆ )
    ขอบคุณมากๆนะครับแดนนี่ ไม่คิดว่าจะมีคนแต่งขึ้นมาจริงๆก๊ากกกกกกก

    ผมรอดเพราะหล่อนี่เอง!!!

    มีปัญหากับคนหล่อติดต่อได้ทาง msn -A-

    /me โดนโจโกะกระทืบตายคากระทู้
  12. dorot

    dorot Member

    EXP:
    42
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    เฮ้ย บอกตามตรง ชอบว่ะ แม้บางเรื่องพอจะเดาเนื้อเรื่องออกแล้ว แต่อ่านต่อได้เพราะบรรยายแบบนี้นี่แหละ ไม่รู้สิ ผมรู้สึกบทบรรยายแบบนี้มันเป็นเสน่ห์ของเรื่องสั้นเลยนะ

    ผมถูกใจมากก็ไอ้ตรงที่ "เขายังอยากได้เครื่องบดกาแฟ"

    แล้วก็

    "นักการเมืองไทยแม่งเลว วันๆ ดีแต่คอรัปชั่น ประเทศชาติเลยแม่งไม่เจริญซักที"

    พอลงท้ายประโยคสองประโยคนี้ปุ๊ป มันรู้สึกเป็นจังหวะที่ดีมากครับ

    แถมมีติดฮาด้วยนะเนี่ย

    เป็นเรื่องสั้นคุณภาพครับแดนนี่^ ^b

    ถึงอิวานเน่อ บท[ A man wants a coffee mill ] ผมว่าแดนนี่ต้องการที่จะสื่อว่า มนุษย์เวลาไม่เกี่ยวกับตัวเองก็ไม่เคยสนใจอะไรเลย(แดนนี่ยกให้เห็นถึงตอนที่เอ็มมานูเอลฝากข้อความมา)พอเกิดอะไรเลวร้ายขึ้น มนุษย์มักจะโทษคนโน้นคนนี้ไปเรื่อยๆ(แน่ล่ะกูไม่เกี่ยว) สุดท้ายก็ถล่มทลายอย่างที่เห็นนี่คงคือธีมหลัก ชายหนุ่มกอดกระเป๋าจรเข้แล้วหลบซ่อนคงหมายถึง ชายหนุ่มปกป้องผลประโยชน์ของตนเองโดยพยายามไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่จะทำลายผลประโยชน์ของเขาได้ ส่วนว่าทำไมเขาถึงยังอยากได้เครื่องบดกาแฟนั้น ถ้าเครื่องบดกาแฟเปรียบได้กับเป้าหมายหรือผลประโยชน์ ก็หมายความว่า คนตายไปเท่าไรเขาไม่สน ขอแค่ให้ได้ของตัวเองมาก็พอ บทนี้ประมาณว่าชี้ให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ ราวๆนั้นมังครับ

    ผมว่าถ้าเอาธีมนี้ไปทำเป็นอนิเมชั่นแนวอาร์ตๆจะสุดยอด แดนนี่แต่งซะผมเห็นไปเป็นลำดับภาพได้เลย

    อา....วิเคราะห์มาตั้งนาน ผมพอจะรู้สาเหตุที่ไอ้พวกคนสิบคนฆ่ากันตายแล้วสิ
  13. renze

    renze Member

    EXP:
    46
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6

    เฮ้ย!!!!!

    หมายความว่าไงน่ะรอทกร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก
  14. basseafood

    basseafood ตั้งได้แค่ 50 ตัวเอง??? น้อยจริง!!!

    EXP:
    698
    ถูกใจที่ได้รับ:
    34
    คะแนน Trophy:
    98
    เป็นเรื่องสั้นที่"โดนใจ"มากเลยค่ะ

    ชอบไอตรง Surprise Quiz นี่แหละค่ะ เคยเจอเหมือนกัน แล้วเพื่อนก็ขอลอกเหมือนกัน =w="

    ได้ใจตรงประโยคที่นศ.ชายคนนั้นพูดนี่แหละค่ะ
  15. aquafay

    aquafay Member

    EXP:
    97
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    _______ตอบผู้อ่าน :


    โจโกะจัง

    งานโหดร้ายขึ้นเรอะ ผมว่าเท่าเดิมนะ TAT โหดร้ายตรงหนาย ไม่เห็นจะโหดร้ายเล้ยยย

    ส่วนเรื่องความนาร์ซิสของตัวละครเอก ถ้ารู้ว่าเป็นเรนซ์แล้ว.... มันน่าแปลกใจตรงไหนกันล่ะครับ!!!!



    *วิ่งหนีลูกถีบเรนซ์ โอ้วลัลล้า*




    ควาคุง

    จริงๆ ผมไม่ได้กะจะให้ตรงที่ควาคุงเห็นว่าขำ (ในบท Death of a man) เป็นมุกตลกนะ 555+ แต่พอย้อนกลับมาอ่าน ก็เออ ตลกจริงๆ ด้วยวุ้ย

    ส่วน Ordinary Day จะบอกว่า เรื่องสั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมแต่งเองชอบเองมากที่สุดในบรรดาเรื่องทั้งหมดเลยมั้ง เพราะตรงใจตัวผมดีด้วย อยากแต่งกระทบกระเทียบเรื่องประมาณนี้ของสังคมไทยมาตั้งนานแล้ว ^^"


    เทรนคุง

    ซาดิสต์ตรงไหน TAT!! เอ๊! ไม่เห็นจะซาดิสต์เลย!!

    ...จริงๆ ไม่ได้จะเอาความซาดิสต์มาเป็นประเด็นหลักด้วยอะครับ เนื้อหาน่ะเนื้อหา *ถีบเทรนคุงตามคำบัญชา*



    คุณ สตรีสีเลือด:Giveup to fly

    ดีใจที่เรื่องสั้นของผมสร้างอารมณ์สุนทรีย์ให้ได้ครับ



    คุณ SkyKiD & MaHaDo

    ขอบคุณมากครับ :D! ดีใจที่ชอบเรื่อง Ordinary Day ครับผม

    "เครื่องบดกาแฟ" นี่ ว่าตามจริง ก็สื่อถึงใครหลายๆ คนในประเทศนะฮะ แต่เอาเข้าจริง สาเหตุหลักของการแต่งก็คือ msn เรนซ์เนี่ยแหละ ก๊ากกก

    (บ่นนิดหนึ่ง) กว่าจะออกมาเป็นเรื่องนี้ได้ แต่งแล้วก็ลบ แต่งแล้วก็ลบ แต่งแล้วก็ลบ ตั้ง 3 รอบเลยเหอะ T__T แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่ไม่ได้พยายามอะไร แค่เขียนไปตามภาพในหัว ปรากฏว่า... จบได้ซะงั้น แสดงว่า อยากแต่งให้จบนี่คือไม่ต้อง พยายาม ใช่ไหมเนี่ย...


    ซาเลสคุง

    อะครับ ขอบคุณที่ชอบเรื่องเครื่องบดกาแฟน้อ

    ลิฟต์ใหญ่แค่ไหน สิบคนถึงได้สู้กันยังกับใน battle royal... พยายามนึกภาพอัดกันนัวเนียในห้องแคบๆ เข้าไว้ครับ จะสร้างบรรยากาศ และความฉงนได้อีกมาก (อาทิเช่น ตัวเอกมันรอดมาได้ไงวะเฮ้ย)

    อ้อ ลืมไป ขอบคุณนะครับผม เพราะเห็น rep ของซาเลสซังเลยเอะใจ ไปเปิดพจนานุกรม เลยรู้ว่า มันต้องใช้ว่า 'ลิฟต์' ไม่ใช่ 'ลิฟท์'



    ลุงนัท

    โอสท์ ขอบคุณมากครับผม :D ดีใจที่ชอบเครื่องบดกาแฟกับ Ordinary Day ครับ (สองเรื่องนี้ขายออกจริงๆ วุ้ย lol)



    แม่เจล

    เราสามารถตีความได้ว่า แม่เจลหมายถึง "ถึงแม้ตัวละครสื่อได้ไม่เหมือนเรนซ์ แต่ก็มีความนาร์ซิสเหมือนเรนซ์เลย!!"


    *โดนแม่เจลกับเรนซ์กระทืบ ก๊ากกกกกกกกกกก


    ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์ครับผม



    อีวานน่า

    ขอบคุณครับ อีวานน่า T-T ในบรรดาคอมเมนท์ทั้งหมด จะบอกว่า คอมเมนท์ของอีวานน่าเป็นคอมเมนท์ที่ผมกลับมาอ่านหลายรอบมากเลย ซึ้งใจมากๆ อยากได้คอมเมนท์แนวๆ นี้เยอะๆ จัง กร๊ากก

    Death of a butterfly กับ Death of a man ...ถ้าเป็นช่วงเวลาอื่น ไม่ใช่ช่วงเวลานี้ ผมก็คงแต่งไม่ออกหรอกมั้งครับ ^^" จริงๆ แล้วมันไม่ยากอะไรนะตอนแต่ง แต่มันยากตอนคิดไอเดียมั้ง ผมแค่อยากจะเปรียบเทียบให้เห็นว่า ในบท Death of a butterfly หลายๆ คนก็คงจะ โอเค ไม่น่ากลัว เพราะมันก็แค่การตายของแมลงตัวเล็กๆ แต่กลับกัน ลองเอามนุษย์มาตายแบบเดียวกับแมลงตัวนั้นบ้างในบท Death of a man.........

    หลายๆ คนทรมานสัตว์อย่างนั้นอย่างนี้ มองการตายของสัตว์เป็นเรื่องธรรมดา เห็นเป็นเรื่องสนุก ถ้ากลับกันมาคิดดูบ้างว่า ถ้ามนุษย์ถูกทรมาน ถูกมองการตายเป็นเรื่องธรรมดา และเป็นเรื่องสนุกบ้าง จะเป็นอย่างไร

    ผมให้ Death of a man เกิดขึ้นในโลกหลังความตาย เพราะผมคิดว่า ถ้าโลกหลังความตายมีจริง คนที่ทรมานสัตว์ก็คงโดนลงโทษแบบนี้แหละ ^^" (แต่ไม่ได้หมายถึงผมเชื่อเรื่องโลกหลังความตายนะครับ)

    ขอบคุณที่ชอบเรื่อง Ordinary Day ด้วยนะครับผม :D บอกแล้วว่าสองเรื่องนี้ขายออกดีจริงๆ กร๊ากกกก

    เรื่องเครื่องบดกาแฟ... จริงๆ นอกจากจะแต่งตามคอนเซปท์ชื่อ MSN เรนซ์ ก็อยากจะสื่ออะไรหลายๆ อย่างด้วยน่ะครับ ลองคิดๆ ดู (แต่จริงๆ รอทเต้เฉลยไว้หมดแล้วนะ ถึงรอทเต้จะคิดลึกกว่าผมไปหน่อย)

    ที่แต่งใส่ความรุนแรงเข้าไป เป็นการเปรียบเปรยอย่างหนึ่งน่ะครับผม ^^" หากรุนแรงเลือดสาดเกินไปจริงๆ ก็ขอโทษด้วย



    เรนซ์

    เอาไหมล่ะป้า =A= กระเป๋าหนังตราจระเข้ (ของก๊อปนะ)

    ดีใจที่ชอบครับ ซึ้งใจหลาย T__T




    ได้ข่าวว่าไม่เกี่ยว............









    รอทเต้


    ขอบคุณมากๆๆ ครับ TT__TT คอมเมนท์ของรอทเต้ก็เป็นอีกคอมเมนท์ที่ผมชอบเหมือนกัน

    อนิเมชั่นแนวอาร์ตๆ.... รอทเต้จะทำให้ผมไหมล่ะ กร๊ากกกกกกกกกกกก



    คุณ |3assYoncE

    (อ่านว่า...?? แบสยองเซ่??)

    *โดนฆ่าดับอนาถกลางกระทู้*


    ขอบคุณมากครับที่เข้ามาอ่าน :D

    ตรง Surprise Quiz นี่ผมเจอบ่อยๆ เลยในวิชาจิตวิทยาสังคม ส่วนวิชาอื่นไม่ค่อยเจอ อาจารย์ยังมีความเมตตาอยู่... (อยากให้ Surprise Quiz ไม่มีในโลก T__T เพราะขนาดไม่ Surprise Quiz ยังจะเอาตัวไม่รอดเลย เวรกรรม)

Share This Page