[ฟิครับสมัคร] Gul : messenger of death

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย zekung666, 28 พฤศจิกายน 2007.

  1. zekung666

    zekung666 New Member

    EXP:
    7
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Gul : messenger of death





    ใครจะเชื่อว่าความเลวร้ายที่เกิดจากจิตใจมนุษย์อันวิปลาส ยังเปรียบเหมือนนรกน้อยกว่าธรรมชาติและโลกที่แปรเปลี่ยนไปอย่างยากจะแก้ไข ดินแดนซึ่งเปี่ยมด้วยความอุดมสมบูรณ์กลับแห้งแล้งรกร้าง ความสงบสุขกลับถูกแผดเผาด้วยเปลวเพลิงแห่งสงคราม แหล่งน้ำสะอาดสดใสกลับถูกกลืนไปด้วยสายธารแห่งโลหิต

    ....มันคือการถูกกลั่นแกล้งจากสวรรค์ หาใช่มนุษย์ด้วยกันเองไม่....​

    ความตายซึ่งถูกหยิบยื่นโดยปีศาจ มัจจุราชผู้ปรากฏกายภายใต้ท้องฟ้ายามรัตติกาล เวลาที่ทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ในความมืดมิด ทั่วทุกหย่อมหญ้าเกิดภัยพิบัติ มนุษย์ค่อย ๆ ลดจำนวนลงอย่างน่าใจหาย ท้ายที่สุดความแตกแยกกลายเป็นสามัคคี ผู้ที่เหลือร่วมมือกันเพื่อความอยู่รอด

    การร่วมมือกันครั้งนี้ใช่จะเป็นความสมัครสมานที่ยั่งยืน เมื่อมนุษย์ค้นพบพลังใหม่ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถอยู่เหนือกฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติบางประการได้ อำนาจ ความกระหาย ต้นตอแห่งความหายนะอันร้ายกาจก่อกำเนิดขึ้นอีกครั้ง

    ....หากแต่ครั้งนี้ไม่ใช่ด้วยน้ำมือปีศาจ หากแต่เป็นน้ำมือของมนุษย์....​

    สงครามเกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอก หลายคนต่างเริ่มแสวงหาการได้มาซึ่งพลัง Gul ผลึกศูนย์รวมของพลังปีศาจ ซึ่งตกหลังจากพวกมันตาย มนุษย์ที่มีเลือดเข้มข้นจะสามารถหลอมรวมและนำมันมาใช้งานได้ แต่ก็ไม่ใช่สำหรับทุกคน...

    ต่อต้าน....การต่อต้านของเลือดในกายกับพลังของหินก็มีเกิดขึ้น แม้จะไม่ใช่จำนวนมากมายนัก แต่ผลที่เกิดขึ้นก็ทำให้ผู้แสวงหาเริ่มจะลดอัตราความเสี่ยงของชีวิตลง เลยแปรเปลี่ยนมาเป็นการค้าแทน

    สิ่งเหล่านี้ทำให้โลกมนุษย์คืนสู่สภาวะแรกเริ่มอีกครั้ง สภาวะที่ทุกสิ่งทุกอย่างจมปลักอยู่กับผู้มีอำนาจเหนือกว่า สภาวะที่ทุกคนต้องการซึ่งเงินและอำนาจ สภาวะอันเลวร้ายที่ทำให้โลกมนุษย์ไม่ต่างอะไรไปจากโลกปีศาจ

    ใช่ว่าสิ่งเหล่านี้จะสามารถครอบงำมนุษย์ได้หมด มีบางส่วนที่ยังหลงเหลือความคิดและสามัญสำนึก ตริตรองความถูกต้องและผลักดันตนเองขึ้นสู่จุดสูงสุด เพื่อทำลายพาหะเพียงหนึ่งเดียวที่ทำให้โลกล่มสลาย

    เดธไซต์ องค์กรที่ถูกกล่าวขานว่าเป็น ยมทูตสีขาว พวกเขาเป็นองค์เอกชนที่สร้างขึ้นเพื่อรวบรวมหินเวทย์มนตร์จากทั่วทุกสารทิศเพื่อทำลาย ก่อนที่มันจะกลายมาเป็นดาบสองคมห้ำหั่นเพื่อนร่วมโลกมากไปกว่านี้

    ....นี่คือจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ที่แฝงไปด้วยปริศนามากมาย....​















    เปลวเพลิงสีแดงฉานลุกท่วมคฤหาสน์สีขาวหลังใหญ่ มันโหมกระหน่ำรุนแรงจนบดบังรัศมีความงดงามของสถาปัตยกรรมที่ถูกก่อสร้างขึ้นใจกลางธรรมชาติสีเขียวสดแทบหมด ราวกับว่าสถานที่แห่งนั้นกำลังอยู่ในนรกที่ไม่มีทางหนีพ้นหายนะไปได้

    ทางทอดยาวเต็มไปด้วยซากศพนับสิบนับร้อย นอนเกลื่อนกลาดปะปนหลากสีสัน ทั้งสีแดงของเลือด สีขาวดำของเสื้อผ้า สีเงินของอาวุธ และสีทองของเครื่องใช้ราคาแพงซึ่งล้มระเนระนาดไม่เป็นระเบียบ ภาพสมรภูมิขนาดย่อมที่ปรากฏให้เห็นได้บ่อยในยุคนี้

    ร่างสูงเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลภายใต้ชุดสีขาวสะอ้านยืนระบายรอยยิ้ม เบื้องหน้าคือชายสูงวัยใบหน้าเต็มไปด้วยร่องรอยประสบการณ์ มือของเขามีเปลวเพลิงเช่นเดียวกับภายนอกห้อมล้อมอยู่ แสดงถึงพลังงานอันมหาศาลที่แม้นไม่ใช้ก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

    “ ยอมแพ้เถอะครับ แค่คุณบอกที่ซ่อนของหินเราก็จะไม่ทำอะไรอีก ” ดวงตาสีเขียวจ้องมอง ยังคงมีอารมณ์ปกติภายใต้สถานการณ์ที่กระชั้นชิดเข้ามาทุกขณะ

    เสียงหัวเราะของคนฟังดังลั่นแข่งกับเสียงเผาไหม้ด้านนอก “ ได้ข่าวว่าทางนั้นก็เสียหายไปเยอะอยู่ไม่ใช่หรือไง เนี่ยแหละพลังของหิน แม้แต่ยมทูตก็ยังไม่สามารถเอาชนะได้ ”

    ชายหนุ่มขมวดคิ้วสงสัย ก่อนจะหัวเราะขึ้นบ้าง “ นั่นสินะครับ เพราะแบบนี้ผมถึงต้องทำลายมันทิ้ง ”

    มันช่างเป็นท่าทางที่ยั่วให้อารมณ์คนฟังพุ่งถึงจุดสูงสุดเหลือเกิน “ โง่จริง ๆ เชิญไปโง่ต่อที่นรกเถอะไป!!! ” เปลวเพลิงขนาดใหญ่พุ่งตรงสู่ร่างเบื้องหน้า มันเหมือนกับกระแสน้ำที่ตรงดิ่งอย่างมีจุดหมาย น้ำสีเพลิง....น้ำที่ร้อนยิ่งกว่าเปลวไฟ

    เสี้ยววินาทีก่อนที่พลังนั้นจะได้สัมผัสผิวของเป้าหมาย ก็ปรากฏเงาสีดำขนาดใหญ่ห้อมล้อมบุคคล ดูบอบบางแต่แข็งแกร่ง เหมือนอ่อนแอแต่แน่นหนา ขนาดไฟของหินที่ทรงพลังยังไม่สามารถทะลุผ่านไปได้แม้แต่เพียงนิด

    “ มาช้าจริง ” คนถูกปกป้องแย้มยิ้ม

    เงาเดิมแปรเปลี่ยนเป็นเคียวสีดำด้ามยักษ์ มันไม่ต่างอะไรไปจากเคียวของผู้อัญเชิญสาสน์แห่งความตาย หากแต่ขนาดและความมืดมนของมันดูจะมากมายและรุนแรงยิ่งกว่า รุนแรงจนกลืนกินบรรยากาศภายในให้ชวนขนลุกไปด้วย

    เสียงอื้ออึงคล้ายเสียงจากขุมนรกดังรอบทิศทาง เป็นเสียงสวดวิงวอนขอความเมตตาที่เหล่าผู้ตายกรีดร้องอยู่ในห้วงแห่งการชดใช้กรรม เสียงและความมืดเหล่านั้นหลอมรวมเป็นร่างของยมทูต กระดูกคนตายซึ่งอยู่ภายใต้ผ้าผืนเก่าสีดำทมิฬ

    อัญมณีสีดำเม็ดใหญ่วาววับสะท้อนเข้าสู่สายตาของผู้จ้องมอง มันประดับอยู่บนปลอกคอเงินขนาดใหญ่ลวดลายแปลกตา บนเส้นแต่ละเส้นมีอักขระโบราณสลักไว้ เรื่อยไปจนถึงโซ่เส้นโตซึ่งล่ามมันไว้กับอาวุธของยมทูตแต่ละตน

    “ ดะ.....ดอนฟาลมา ” เสียงของชายสูงวัยเอ่ยออกมาอย่างยากเย็น เมื่อรับรู้ว่าศัตรูที่ตนต้องเผชิญอยู่เบื้องหน้าคือใคร

    ดอนฟาลมา ยมทูตแห่งความมืดมิดและความตาย ถูกขนานนามว่าเป็นยมทูตแห่งยมทูต ผู้ใช้เคียวเป็นอาวุธและควบคุมเงาทั้งมวล อยู่ภายใต้การบัญชาของแสงแห่งอรุณผู้นำองค์กรเอกชน เดธไซต์

    ..เพราะสวมชุดสีขาวภายใต้การทำงานที่เป็นสีดำสนิท พวกเขาจึงถูกขนานนามอย่างเหมาะสมว่า ยมทูตสีขาว..​

    “ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้!! น่าจะตายไปแล้วนี่!! ” อีกฝ่ายดูหวาดกลัวการมาเยือนครั้งนี้เป็นอย่างมาก มือที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงสั่นไหวอย่างไม่อาจห้ามความรู้สึก

    “ เพราะมีแสงก็ย่อมมีเงา....แค่นี้ไม่รู้หรือครับ? ” ร่างสูงในชุดสีขาวเดิมหัวเราะอีกครั้ง มือหนึ่งเอื้อมสัมผัสเคียวยักษ์เบื้องหน้าตน รับรู้ความต้องการ ดอนฟาลมายกอาวุธของตนขึ้นหลบผู้อยู่เบื้องหลัง

    ชายหนุ่มก้าวเดินตรงไปอย่างช้า ๆ หยุดอยู่หน้าศัตรูที่ในอดีตเคยคิดจะไว้ชีวิต “ แสงกับความมืดเป็นของคู่กัน ” มือเรียวยื่นไปเบื้องหน้า แสงสีขาวสว่างโดยรอบตัวเขา

    “ นี่มัน....อะไรกัน!! ” เสียงทุ้มเข้มกระชากดังเมื่อรู้สึกถึงพลังที่ค่อย ๆ จางหายไป เปลวเพลิงในมือเริ่มอ่อนกำลังลง จนมอดดับเหมือนกองไฟที่ถูกราดด้วยน้ำ

    “ แสงสามารถดูดกลืนได้ทุกสิ่ง ความมืดสามารถให้พลังได้ทุกธาตุ แต่มีความมืดเท่านั้นที่แสงไม่ดูดกลืน และมีแต่แสงเท่านั้นที่ความมืดต้องยินยอมให้พลัง ” เขากล่าวต่อ รอยยิ้มยังคงไม่จางหายไปจากใบหน้าคม ราวกับว่าคนผู้นี้สวมหน้ากากตัวตลกที่ยิ้มแย้มไว้ตลอดเวลา

    เสียงดีดนิ้วดังขึ้นหนึ่งครั้ง เป็นคำสั่งที่ทำให้เคียวมรณะวาดตรงไปยังเป้าหมาย ชั่วอึดใจมันก็ถูกย้อมด้วยสีแดงสด กลิ่นคาวเลือดอบอวน ร่างของศัตรูทรุดลงพร้อมสายธารโลหิตที่แตกซ่านบริเวณลำคอ เส้นตายเพียงจุดเดียวถูกตัดขาดสะบั้น ไร้ความปราณีใด ๆ

    ดวงตาสีแดงสดภายใต้ผ้าคลุมสีดำจ้องมอง มันเป็นเงาวาววับบ่งบอกถึงความหิวกระหายในชีวิต ก่อนร่างทั้งร่างจะมลายหายไปในห้วงอากาศ หลงเหลือเพียงแต่ชายหนุ่มผมสีดำยาวในชุดเครื่องแบบสีขาวที่ไม่ต่างอะไรกับชายคนแรกนัก

    “ ไม่ได้เห็นเสียนานนะ เคียวมรณะนั่น ” อีกฝ่ายยิ้มให้ผู้มาเยือนใหม่

    คนฟังค้อมศีรษะลงน้อย ๆ ตามมารยาท มือข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นสัมผัสหน้าอก ทำความเคารพผู้มีศักดิ์สูงกว่า “ แม่ทัพของเราบาดเจ็บหนักไป 2 เสียชีวิตไป 2 ” ริมฝีปากบางขยับน้อย ๆ รายงานผลด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

    ใบหน้าที่อารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลาเริ่มหม่นหมองลง การสูญเสียที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นนักหากเป็นไปได้ “ ภายนอกเรียบร้อยดีนะ? ” เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่

    “ ครับ เพลิงถูกดับแล้วทั้งหมด ทางฝั่งเนอร์นอฟกำลังเร่งค้นหาเป้าหมายอยู่ คาดว่าอีกไม่นานคงพบ ” ชายหนุ่มรายงานต่อ

    ผู้เป็นนายพยักหน้ารับ พลางเดินออกจากห้อง เพียงแค่ผ่านพ้นบานประตูพริบตาเดียว เศษซากแห่งการต่อสู้ก็เลือนลบไป เหมือนกับภาพเมื่อครู่เพียงแค่ถูกแต่งแต้มแล้วลบออกเท่านั้น

    “ สั่งให้ทุกคนที่เหลือกลับศูนย์ อีกหนึ่งชั่วโมงเราจะเริ่มประชุมกัน ” เสียงแห่งอำนาจเอ่ยเข้ม คำสั่งถูกถ่ายทอดลงอย่างรวดเร็ว

    “ รับทราบ ” คนฟังค้อมศีรษะอีกครั้งก่อนหายตัวไปในเงามืด





    ======================​







    ZE : มาแล้วครับสำหรับบทเริ่มต้นของเรื่อง อาจจะสั้นไปสักนิดต้องขออภัย เพราะมันเป้นแค่บทเริ่มต้นจริง ๆ ฮา

    ตัวละครของท่านที่สมัครมามีการเปลี่ยนแปลงแน่นอนครับ แต่จะมากหรือน้อยคงต้องขึ้นอยู่กับเนื้อเรื่องด้วย

    หากมีคำผิดต้องขออภัยด้วยนะครับ - -"
  2. train

    train Member

    EXP:
    498
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    ตอนแรกมาแว้ว >[]<
    ภาษาอ่านไหลลื่นดีครับ แต่พอเจอคำว่ายมทูตสีขาวผมดันคิดถึงโมโมะเลยแฮะ (กร๊ากกกก)
    แต่ดอลฟาลมาท่าทางเท่ห์น่าดู Oo ชอบแฮะ
    ยังไงก็สู้ๆครับจะติดตามต่อไป ^^/
  3. l2eenai2y

    l2eenai2y New Member

    EXP:
    533
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ตอนแรก!!

    ชอบมากเลย
    จับคู่ลงตัวสินะ แสงกับเงา....
    สู้ๆครับ เป็นกำลังใจให้ลงตอนต่อไปและต่อๆไปโดยไม่ดอง \o/
  4. alladiya

    alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

    EXP:
    1,207
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    88
    อะหือ คิดเหมือนเทรนซังเลย ตรงนั้นนึกถึงโมโมะจริงๆด้วย

    คำบรรยายเรียบๆแต่ชวนติดตามเหมือนเดิมเลยนะคะ^^
  5. kumi

    kumi Active Member

    EXP:
    805
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    โฮ่....โมโมะ.....

    อ๊ะ ไม่ใช่สินะ =[]="~~

    ภาษาสวย ตอนสั้น ดีจัง....(ไม่ได้กระแนะกระแหนนะคะ =[]=~ คุมิไม่ค่อยมีเวลาได้อ่านฟิค ตอนนี้บทนำมันสั้นดี แอบถูกใจจะได้ไม่ต้องอ่านนาน ฮา...) ชอบการใช้คำกับการจัดหน้ากระดาษจังเลย...อยากเขียนฟิคให้ได้อารมณ์ไหลๆ แบบนี้บ้างแต่ไม่สามารถ (ฮา...)

    ตัวละครเอก(?)มาอย่างเท่~ เวอร์ชั่นไลท์แอนด์ดาร์กด้วย * * แล้วจะรออ่านฟิคเรื่องนี้ต่อไปก๊าบ >W<,,~
  6. Hell

    Hell Member

    EXP:
    405
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    อึมได้กลิ่นไอโมโมะจริงๆ ชอบภาษาที่ใช้ในการเเต่งจริืงๆ เรียบๆลื่นๆน่าติดตาม
    ผมจะมาตามอ่านเรื่อยๆนะ * */
  7. Kazeth

    Kazeth New Member

    EXP:
    57
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    มาแล้วเหรอครับซี เห็นว่าช่วงนี้งานยุ่ง (บอสบอกมา) กร๊ากกก ดีใจนะครับที่หลังจากที่รอมานานก็ได้อ่าน แต่ส่วนบอส..ก็จะทำใจรอต่อไป บอสครับหักเอาอย่างซีบ้างนะครับ

    me/ โครม!!! ถูกถีบ

    อ่านแล้วให้บรรยากาศตื่นเต้น น่าติดตามดีครับว่าชุดหนุ่มผู้ที่เป็นหัวหน้าฝ่ายยมทูตนั้นเป็นใคร? เป็นคนใหญ่คนโตที่น่าเกรงขามไม่น้อย

    อย่างที่ซีว่าแหละครับ อาจจสั้นไปหน่อย ผมเลยอาไปจินตนาการต่อเล่นๆได้ไม่เท่าไหร่

    ยังไงก็รอตอนต่อไปนะครับ จะช้าจะเร็วผมไม่ว่าหรอก ช่วงนี้ไม่ว่าใครก็งานยุ่งผมเข้าใจ ฝากดูแลบอสด้วยนะครับงานยุ่งจนน่าเป็นห่วง
    ส่วนซีผมเชื่อว่าดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว กร๊ากกก แต่ก็รักษาสุขภาพด้วย
  8. Zear

    Zear New Member

    EXP:
    23
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    3
    โฮ้ย

    พี่ชายคนนั้นคุ้นๆนะ เท่มาก เท่จนผมชักหมั่นไส้ กร๊ากกกกกกกกกกกก /โดนถีบ
    งานนี้ดูจะปรู๊ฟมาดี? ไหลลื่นชวนติดตามดีครับ เนื้อหาดูจะลึกซึ้งกว่าตัวอักษร สะท้อนแนวคิดอะไรบางอย่างในสายตาของผม (หรือผมคิดไปเอง?)
    โดยรวมเป็นบทนำที่ดีครับ ทำให้อยากรู้ว่าตอนต่อไปจะเป็นยังไง ติดอยู่สองอย่างครับที่สะดุดใจผม

    หนึ่งคือ Gul หิน"กูล"สินะครับ? ทำไมถึงเลือกใช้อักษรภาษาอังกฤษล่ะ ทั้งๆที่อย่างคำว่าเดธไซต์ หรือ ดอนฟาลมา กลับใช้อักษรไทยทับศัพท์เอา (ว่าไป รู้รึเปล่าว่าทีแรกผมเกือบจะตั้งฉายาตัวเองว่า เดธไซต์เหมือนกันนะ กร๊าก)

    สองคือ วลีที่ว่า "ศัตรูที่ในอดีตเคยคิดจะไว้ชีวิต" คำว่าอดีตเคย... มันดูเหมือนเมื่อนานนนนนนนนมาแล้วเลย ถ้าเป็นคำว่า "เมื่อครู่" น่าจะเหมาะสมกว่าไหมครับ?

    นี่ผมไม่ได้ซีเรียสอะไรนะ อาจจะเข้าใจผิดก็ได้ กร๊ากก แค่ลองเสนอแนะดูน่ะครับ

    ว่าแต่โมโมะคือ? (กร๊าก นี่ผมแก่จนตกยุคตามเด็กสมัยนี้ไม่ทันไปซะแล้วเหรอ)
  9. derick

    derick Member

    EXP:
    339
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    18
    ผมว่าเริ่มได้ดีนะครับ ออกมาเท่เชียว....ชอบยมทูตจัง ฮา จะรอดูอื่น ๆ ต่อไปนะครับ

    เรื่องภาษาคงไม่พูด การบรรยายก็ลื่นดี ใช้คำธรรมดา ๆ แต่ก็ดูดีไปอีกแบบ

    แอบเห็นด้วยกับเซียร์ไม่รู้ตะคิดลึกไปรึเปล่า ว่าฟิคนี้มีมีแง่คิดแอบแฝงอยู่เยอะเหมือนกัน กร๊ากกกกกกก รอตามต่อครับ

    ตอบเซธ - ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ เซธก็เช่นกันรักษาสุขภาพด้วย มีอะไรบอกบอสได้เสมอนะครับ ^^
  10. Jinx

    Jinx New Member

    EXP:
    58
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    เข้ามาอ่านบทแรกครับผม...สำนวนการแต่งใช้ได้ทีเดียวครับ

    "ยมทูตสีขาว" เห็นแล้วนึกภาพออกเลยน่ะนะ = =

    จำได้ๆ หนังสือพอตเก็ทบุ๊ค เล่มเล็กๆปกรูปเด็กหญิงชุดขาวนั่นใช่มั้ยครับ?
  11. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    เข้ามาบอกว่าอ่านแล้วน่ะครับ คนอื่นพูดไปหมดแล้วแหละ

    รอดูสถานการณ์การปะทะกันต่อไป
  12. Yukimura

    Yukimura New Member

    EXP:
    151
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    พึ่งมาอ่านจบ(=='~เหอๆมาสายซะ......) >o<!!!แจ่มดีง๊าบบ~

    หันซ้ายหันขวา... TT^TTเขาแย้งคำชมไปหมดแว้วง่า

    ไว้ตอนหน้าจาติดตามให้ไวกว่านี้ฮะ>+<"
    (มาถึงมีตายกันเลยแฮะ=_,='!)
  13. Eldar

    Eldar New Member

    EXP:
    53
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    งึมๆ แสงและเงา นึกถึงเพลงของ โฟร์ทกับอู้เลย ( เก่ามากแล้ว)

    ขอโทษที่เข้ามาอ่านช้าไปหน่อย

    จะรอตอนต่อไปนะครับ สู้ๆครับ
  14. zekung666

    zekung666 New Member

    EXP:
    7
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Gul : messenger of death











    องค์กรเดธไซต์เป็นองค์กรขนาดใหญ่ในอันดับต้น ๆ ของโลกปัจจุบัน มีจำนวนสมาชิกกว่าแสนคนซึ่งถือว่ามากกว่าประชากรเมือง ๆ หนึ่งเสียอีก นอกจากนี้ยังเป็นองค์กรที่มีอิทธิพลในวงการเบื้องหลัง คอยสนับสนุนทั้งทางด้านการปกครอง เศรษฐกิจและการทหาร

    ใช่ว่าเดธไซต์จะใฝ่หาอำนาจ แต่อำนาจต่างหากที่วิ่งเข้าหาและผลักดันให้พวกเขากลายเป็นเช่นนี้

    อาจเพราะข้อเสนอที่น่าสนใจสำหรับเหล่าฮันเตอร์ผู้มีฝีมือเก่งกาจ ทำให้องค์กรได้รับการยอมรับว่ามีบุคลากรคุณภาพสูง แม้กระทั่งกองทัพยังไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะสามารถล้มล้างเหล่าความน่าหวาดหวั่นนี่ได้หรือไม่

    การปกครองภายในถูกแบ่งเป็นหลายระดับ เริ่มตั้งแต่ระดับล่างสุดจนถึงชั้นผู้ปกครอง แยกได้ตามความสามารถ พลังและประสบการณ์ โดยทั้งหมดจะขึ้นตรงกับดอนฟาลมา แม่ทัพแห่งความมืดที่อยู่ภายใต้หัตถ์แห่งพระเจ้าทั้งสอง

    คนภายนอกอาจรับรู้ว่าผู้นำองค์กรมีเพียงหนึ่ง เช่นกันกับที่คนภายในส่วนมากรับรู้ ซึ่งแท้จริงแล้ว....พวกเขามีถึงสอง ผู้เปรียบเสมือนหัตถ์ของพระเจ้าทั้งซ้ายและขวา สองพลังที่ทำหน้าที่แทนกันเหมือนกับกระจกเงา

    เหล่าฮันเตอร์ทั่วไปจะถือเป็นบุคลากรระดับล่าง เหนือขึ้นมาด้วยผู้พิทักษ์ซึ่งจะถูกคัดเลือกให้เป็นกำลังสำคัญของเหล่าแม่ทัพทั้งเจ็ด โดยแม่ทัพแต่ละคนจะมีจำนวนผู้พิทักษ์ด้วยกันห้าถึงแปดคน และทั้งแปดนั่นเองที่จะทำหน้าที่ภายนอกตามคำสั่งของนายเหนือหัว

    สูงขึ้นมาอีกระดับคือเหล่าแม่ทัพ จะถูกแบ่งตามสายเวทย์ โดยการคัดเลือกนั้นไม่ใช่เพียงประสบการณ์ ความสามารถและพลังที่ต้องมากกว่าผู้อื่น แต่จะต้องเข้ากับยมทูต สิ่งมีชีวิตเร้นลับที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้เงามืดได้ด้วย

    นี่คือความน่ากลัว....ปริศนาชิ้นแรกของเดธไซต์

    ดอนฟาลมา นายเหนือหัวของเหล่ายมทูต ผู้ใช้เปลวเพลิงสีดำและนำพาความตายจากความตาย
    เนอร์นอฟ ยมทูตแห่งสายลม ผู้เป็นเจ้าแห่งความรวดเร็วสามารถโบกพัดทุกสิ่งให้หายไปในพริบตา
    บาแรนลิธ ยมทูตแห่งความเยือกเย็น ผู้สามารถสะกดทุกสิ่งให้อยู่ภายใต้ความหนาวเหน็บ
    มินยาเออนิล ยมทูตแห่งเปลวเพลิง ผู้กุมความร้อนแรงซึ่งพร้อมจะแผดเผาทุกสิ่งให้วอดวาย
    ฮัลลัดริง ยมทูตแห่งสายฟ้า เจ้าแห่งความรุนแรง ผู้ฟาดฟันทุกสิ่งให้แหลกสลาย
    เทลเลอาวาส ยมทูตแห่งแสง ผู้นอบน้อมแต่กลับแข็งกร้าว ดูดกลืนทุกสิ่งให้เป็นของตน
    วอร์ฮิล ยมทูตแห่งผืนดิน ผู้พร้อมจะปกป้องทุกสิ่งและพร้อมจะทำลายทุกสิ่งเช่นกัน

    เหล่านี้คือ ยมทูต ผู้ซ่อนตัวอยู่ในวิญญาณของเหล่าแม่ทัพแห่งเดธไซต์














    เสียงพูดคุยดังขึ้นไม่ขาดสายภายในห้องประชุมขนาดใหญ่ แต่กระนั้นเหล่าบุรุษและสตรีในชุดสีดำสนิทเจ้าของหัวข้อสนทนามากมายก็ยังคงยืนอย่างเป็นระเบียบ รอคอยอะไรบางอย่าง อะไรบางอย่างที่สำคัญต่อความเป็นไปของพวกเขาในอนาคต

    ดวงตาสีเทาหม่นจ้องมองไปเบื้องหน้า เงียบนิ่งไม่สนใจเสียงที่ส่งผ่านเข้าประสาทหูโดยรอบ สำหรับเขาแล้วมันดูไร้แก่นสารและสาระ สิ่งที่จะเข้าสู่ห้วงความคิดของเขาได้มีเพียงการยืนยันจากตัวแทนของเหล่ายมทูตเท่านั้น

    ผู้เป็นดั่งเป้าหมายสำคัญในการเข้าสู่องค์กรอันยิ่งใหญ่แห่งนี้....

    ไม่นานนักทุกอย่างก็สงบนิ่งราวกับต้องมนตร์สะกด ร่างหญิงสาวเจ้าของเส้นผมสีแดงสดในชุดสีดำสนิทก้าวเดินขึ้นมายังด้านบนของลานพิธีกลางห้องประชุม คน ๆ นั้นไม่ธรรมดา สิ่งที่แปลกแยกไปคือเสื้อสีขาวภายในชุดสูทสีดำยาว และผ้าคาดแขนสีดำสนิทที่บ่งบอกถึงความเหนือกว่า ผู้พิทักษ์ของดอนฟาลมา...

    “ ฟอร์เต้ เอส เครสเซนโด้ ตัวแทนของท่านดอนฟาลมา ” เสียงหวายเอ่ยเรียบ ดวงตาสีแดงมองเรื่อยโดยรอบ

    “ จากการปฏิบัติภารกิจครั้งใหญ่ เราได้สูญเสียบุคลากรไปถึง 248 คน หนึ่งในนั้นมียมทูตถึง 3 คนและผู้พิทักษ์อีก 7 คน ” เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกครั้ง

    ยมทูตสามคน เท่าที่รับรู้มามีเสียชีวิตแค่สองคน....แล้วอีกหนึ่งคน?

    “ เราสูญเสียยมทูตไปสองคน อีกหนึ่งหายสาบสูญ ไม่สามารถค้นหาได้ ” เธอเอ่ยต่อราวกับอ่านความคิด

    ช่วงการเว้นจังหวะนั้นการพูดคุยภายในก็ดังขึ้นอีก ใบหน้าหลายคนผู้เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจคลายยิ้มกว้าง มันไม่แปลกเลยสำหรับมนุษย์ การแก่งแย่งชิงดีที่มีในโอกาสไต่เต้าเพียงหนึ่ง ยมทูตผู้แข็งแกร่งเสียชีวิตไปก็เท่ากับพวกเขาจะมีโอกาสขึ้นแทน

    แต่แล้วบรรยากาศแห่งความน่าหวั่นเกรงก็ปกคลุมไปทั่ว ท้องฟ้าที่เคยสดใสกลายเป็นสีดำสนิท พวกเขารู้ดีว่าสิ่งนี้คือการมาเยือนของใครบางคน เสียงโซ่เส้นใหญ่ดังกระทบกันตามจังหวะเคลื่อนไหว ดวงตาสีดำสนิทขรึมเป็นประกาย เส้นผมสีดำยาวรัดเกล้าอย่างเป็นระเบียบ ภายใต้ชุดสีขาวบริสุทธิ์แสนทรงพลังอำนาจ

    หญิงสาวผู้ยืนอยู่ด้านบนค้อมศีรษะให้อีกฝ่ายก่อนถอยตัวออกไปเล็กน้อย ผู้มาถึงใหม่พยักหน้ารับ เบื้องหลังเขาคือเงาสีดำทมิฬที่พร้อมจะกลืนกินเจ้าของมันได้ทุกเมื่อ

    “ เราคือ อิทซาล เจ้าแห่งความมืดมิด... ” เสียงนุ่มกล่าวเชื่องช้า

    “ ขออภัยที่เสียมารยาท ” เขาเอ่ยถึงเรื่องราวเมื่อครู่ ภายในองค์กรหากเป็นเรื่องสำคัญเช่นนี้การส่งตัวแทนมาถือว่าเป็นการเสียมารยาทอย่างหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เรื่องฉุกเฉินหรือสำคัญมากจริง ๆ

    “ การประชุมสิ้นสุดลงเมื่อครู่ เราจะคัดเลือกยมทูตและผู้พิทักษ์ใหม่ แต่อย่างไรและวิธีใดนั้นเราจะบอกกล่าวอีกครั้ง ”

    น่าแปลกที่ครั้งนี้กับไร้เสียงพูดคุยใด หรือเป็นเพราะบรรยากาศที่ชวนกดดันจนน่าขนลุกนั่น...

    “ ขอบคุณสำหรับการรวมตัวที่ทำให้ต้องสูญเสียเวลา หลังจากนี้เราจะให้ฟอร์เต้แจ้งเรื่องราวต่าง ๆ ต่อไป ” กล่าวจบอิทซาลก็ค้อมศีรษะลงเล็กน้อย ก่อนเดินจากไปท่ามกลางเหล่าผู้ทำความเคารพโดยทั่ว

    ความมืดมิดจางหายไปแล้ว เหลือเพียงแค่แสงสว่างและความสุขไสวของเปลวเพลิงสีอ่อนโดยรอบห้องประชุมใหญ่เท่านั้น

    เรื่องราวที่เกิดต่อจากนี้ดูจะไม่เป็นที่สนใจเท่ากับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้น ชายหนุ่มยืนกอดอกมองอากัปกริยาของเพื่อนร่วมอาชีพคนอื่น ๆ เสียงหัวเราะในลำคอเปล่งออกมาเบา ๆ อดจะขบขันให้กับความมั่นใจที่เกินตัวนั้นไม่ได้

    ใครจะรู้บ้างว่าเหล่ายมทูตนั้นเก่งกาจและน่ากลัวเพียงใด ไม่เพียงแค่นั้น.....ใครจะรู้บ้างว่าการขึ้นเป็นยมทูตนั้นจะต้องได้รับการยินยอมจากผู้ให้พลัง ซึ่งแม้แต่เขาเองยังไม่มีความมั่นใจเลยว่าจะทำเช่นนั้นได้

    การประชุมยังดำเนินต่อไป แต่เขากลับปลีกตัวออกมา ดวงตาสีเทาหม่นทอดยาวไปไกล เส้นผมสีดำปลิวไสวตามแรงลมอ่อน ๆ แสนเงียบสงบเย็นสบาย ภายใต้ต้นไม้ต้นใหญ่บริเวณริมสระน้ำซึ่งห่างจากสถานที่ที่จากมาไม่ไกลนัก

    “ น้ำแข็งมักชื่นชอบความเย็นสบาย ” เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นเบา ชายหนุ่มที่กำลังเคลิ้มหลับรีบหันมอง

    เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใครเขาก็รีบลุกขึ้นทำความเคารพตามศักดิ์ สิ่งที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มบาง ที่ทาบทับอยู่บนใบหน้างดงามได้รูปนั่น “ สวัสดีเอนน์ ไลเนอร์ ”

    “ ผมมารบกวนรึเปล่า? ” เมื่อเห็นว่าคนฟังนิ่งเงียบจึงอดถามขึ้นไม่ได้

    “ ไม่ครับ ไม่มีใครคิดว่าการมาของท่านเป็นการรบกวน รวมถึงผม ” เอนน์เอ่ยอย่างนอบน้อม แต่ก็ยังคงนิ่งเงียบสมกับเป็นน้ำแข็ง...

    ผู้มาเยือนหัวเราะเบา ๆ “ บาแรนลิธบอกว่าเธอน่าสนใจ ”

    สิ่งที่ได้ยินทำให้คนฟังนิ่งอึ้ง....บาแรนลิธ ยมทูตแห่งน้ำแข็งและความเยือกเย็นอย่างนั้นน่ะหรือ???

    “ เธอคงมองไม่เห็นเขา ขอโทษทีนะ ผมลืมไปว่าเธอยังไม่ได้ทำพันธะ ” เจ้าของดวงตาสีดำสนิทเอ่ย มันเป็นประกายสีม่วงน้อย ๆ เมื่อต้องกับแสงไฟ เอนน์สังเกตเห็นเช่นนั้น

    สายลมพัดวูบหนึ่งราวจงใจ อิทซาลหลับตาลงก่อนเปรยยิ้ม “ ผมคงต้องไปแล้ว ตัววุ่นวายเรียกหา ไว้เจอกันเร็ว ๆ นี้ครับ ” คนกล่าวส่งยิ้มอ่อนโยนอีกครั้งก่อนขอตัวไป

    ชายหนุ่มนั่งสับสนกับสิ่งที่ได้ยิน จะว่าไม่เชื่อตนเองหรือไม่เชื่อหูตนเองดี แต่ไม่ใช่ว่าการที่ผู้เป็นถึงจอมทัพเอ่ยออกมาจะเป็นเรื่องโกหก บาแรนลิธสนใจในตัวของเขา แสดงว่าการที่จะขึ้นเป็นยมทูตคนต่อไป เขาก็มีสิทธิเป็นหนึ่งในนั้น

    แม้จะเย็นชาและเงียบงัน แต่บัดนี้น้ำแข็งนั้นได้เปรยรอยยิ้มที่จริงใจ ยินดีในความสำเร็จอีกก้าวของการเข้าสู่เป้าหมาย

    อิทซาลเดินไปบนพรมสีแดงตามทางหินอ่อนภายในตัวอาคาร ขึ้นสู่ชั้นรองสุดท้ายที่เป็นที่พำนักของเหล่ายมทูตทั้งเจ็ด ก่อนหยุดยืนเบื้องหน้าบานประตูไม้สีเข้มซึ่งสลักลวดลายและอักษรแปลกตา สถาปัตยกรรมประหลาดที่คิดว่าไม่น่าจะพบเห็นตามโบราณสถานหรือหอศิลป์ใด ๆ เป็นแน่

    รอยยิ้มเปรยขึ้นขัดกับแววตาที่กำลังบ่งบอกว่าหงุดหงิดเป็นที่สุด “ เรียกพบข้ามีธุระอะไรรึท่านเนอร์นอฟ ” เขากล่าวทันทีที่เข้าสู่ภายใน

    “ คนอย่างข้ารึจะกล้าเรียกพบท่านดอนฟาลมา ” ร่างสูงชะรูดในสุดสีขาวยืนขึ้น เจ้าของดวงตาสีดำขี้เล่นกับเส้นผมที่ดูชี้ตั้งไม่เป็นทรงเอ่ยด้วยรอยยิ้มสบาย

    “ อย่างงั้นหรือ เช่นนั้นข้าคงหูฝาดเป็นแน่ สงสัยสายลมเมื่อครู่จะเป็นของหมาตัวใดสักตัว ” อิทซาลยิ้มเย็น เงาดำทมิฬปรากฏด้านหลัง

    เมื่อเห็นว่าบรรยากาศไม่เหมาะกับการหยอกล้อคนตัวสูงกว่าจึงยอมเลิกราทั้ง ๆ ที่ใจไม่อยากจะทำเท่าใดนัก “ โทษทีป้า ผมแค่อยากล้อเล่นนิด ๆ หน่อย ๆ ”

    “ งั้นหรือ....ดีนะที่ถ้านานไปกว่านี้ ฉันจะได้ล้อเล่นกับแกบ้างหมา ” เขาเน้นคำว่าล้อเล่น ให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่าถ้าขืนต่อเรื่องไร้สาระไปอีกนิด ได้ไปนอนล้อเล่นในนรกแน่

    บรรยากาศเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะมีในกลุ่มผู้นำระดับสูง การพูดคุยหยอกล้อเล่นกัน เรียกชื่อที่ต่างฝ่ายต่างตั้งให้กันด้วยความไม่ตั้งใจอย่างสนิทสนม ใครได้ยินคงคิดว่าตนหลงมาอยู่อีกโลก

    “ ผมได้เอกสารมาแล้ว คนที่ป้าให้หาอ่ะ ” ชายหนุ่มส่งมันให้ อิทซาลเปิดดูทีละแผ่นอย่างละเอียด

    รอยยิ้มบางคลี่ออก “ ดีมาก... ” เขาพึมพำ

    “ ว่าแต่เมื่อกี้หงุดหงิดอะไร เห็นก่อนมายังยิ้มแย้มอยู่เลย ” เจ้าของห้องนั่งลงเท้าคางมอง ดวงตาสีดำทั้งสองสบกันพักใหญ่

    คนถูกถามถอนหายใจยาว “ เมื่อไหร่จะเลิกแอบดูเสียที ”

    แซนนัสหัวเราะลั่น “ ทุกที่มีสายลมนะป้า ” พูดทิ้งราวกับต้องการให้เป็นปริศนา

    “ ก็เหมือนกับทุกที่มีเงานั่นแหละ ” เสียงทุ้มอารมณ์ดีเอ่ยต่อ

    อีกฝ่ายส่ายศีรษะอย่างยอมจำนน ก็จริงอย่างที่รู้.....นอกจาความสามารถในพลังลมเช่นปกติแล้ว แซนนัส เอสคริมัส หรือเนอร์นอฟ ผู้เป็นยมทูตแห่งสายลม ยังสามารถรับรู้การเคลื่อนไหวหรือได้ยินการสนทนาได้ทุกที่ที่เจ้าตัวอยากจะรู้ เพราะเขาคือสายลม สายลมที่พิเศษกว่าสายลมอื่น ๆ

    อิทซาลก้มลงมองเอกสารต่ออย่างปลง ๆ มันเป็นเอกสารบุคคลที่เขาไหว้วานให้แซนนัสไปค้นหามา เพราะคิดว่าคนเหล่านี้น่าจะเหมาะสมกว่าคนภายในองค์กรบางคน ใช่.....เหมาะสมอย่างน่ากลัว

    “ แล้วป้าจะไปเมื่อไหร่? ” ชายหนุ่มถาม

    “ อีกสักพัก คงต้องเคลียร์เป็นส่วน ๆ ไป ฉันลองปรึกษากับตนอื่น ๆ ดูแล้ว ทางนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไร ที่สำคัญท่านเองก็ไม่ได้รีบร้อน อยากให้เป็นไปอย่างดีที่สุด ” คนถูกถามกล่าวกลับ คนฟังพยักหน้ารับ

    “ ถ้าจะให้ดี....พาผมไปด้วยจะโคตรเวิร์คเลยป้า ” แซนนัสยิ้มร่า เสนอตัวทันที

    ดวงตาสีดำประกายม่วงเหล่มอง “ นี่ไอ้คุณเนอร์นอฟ อย่าทำเป็นคนว่างงานไปหน่อยเลยครับ ”

    แซนนัสเบ้ปากอย่างไม่พอใจ พึมพำอะไรเบา ๆ คนเดียว แน่นอนว่าอิทซาลรู้ดี มันเป็นอาการของคนที่กำลังไม่พอใจ “ เอาไว้ถ้ายังไงจะไป ฉันจะบอกแกแล้วกัน ” เขาถอนหายใจให้กับความใจอ่อนของตนเอง

    มันเป็นมิตรภาพระหว่างคนสองคนที่ไม่ว่าใครเห็นก็รับรู้ได้ สายใยเส้นบาง ๆ หลายร้อยเส้นที่ถูกพันให้เชื่อมต่อจนเป็นเกลียวที่แน่นหนา ยากแก่การตัดขาด ยากแก่การทำลาย ความผูกพันที่มีมาเนิ่นนานกว่าสิบปี

    “ ว่าแต่บาแรนลิธสนใจเจ้านั่นจริงเหรอ? ” คนช่างพูดถามขึ้นอีกครั้ง อีกฝ่ายพยักหน้าเบา ๆ

    “ ใช่....แล้วทำไมแกไม่ถามเองเล่า ” อิทซาลมองมาอย่างระอา ทำพันธะเหมือนกัน แค่พูดกับยมทูตนี่ไม่ใช่เรื่องยากเย็นเลย

    “ ป้าจะบ้าเหรอ ก็รู้ว่าเนอร์นอฟกับบาแรนลิธน่ะเป็นขั้วบวกขั้วลบกันจะตาย เจอเป็นกัดกันทุกที ” แซนนัสอธิบาย พร่ำไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้เลยว่าเงายมทูตของตนกำลังพร้อมจะอาละวาดใส่ผู้เป็นนายทุกเมื่อ

    อิทซาลเห็นก็หัวเราะ พยักหน้าให้เนอร์นอฟกลับไปเช่นเดิม “ พูดอะไรระวังหน่อย เดี๋ยวไม่มีปากไว้ให้พูดอีกหรอกแก ”

    แม้ว่ายมทูตจะกลายเป็นดวงวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ภายในร่างแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้ตัวตน ไม่สามารถคาดเดาพลังงานและความคิดได้ ฉะนั้นการจะปรากฏร่างหรือพลังไม่ให้เจ้าของรู้ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นหรือทำไม่ได้

    และก็มีบางกรณีที่ยมทูตลงมือสังหารร่างของตนเองด้วยความไม่พอใจ....

    อิทซาลรับรู้ เพราะเขาเป็นคนเดียวที่สามารถพรากความตายจากผู้ที่เคยตายมาแล้วได้ พูดง่าย ๆ คือการมีตัวตนของดอนฟาลมานั้นเพื่อทำลายยมทูตที่ทำผิดกฎ ยมทูตที่สังหารมนุษย์ผู้เป็นนายตน

    ....จึงถูกเรียกว่าเจ้าแห่งยมทูต....








    ==============================​









    ขอบคุณตัวละคร

    1. เอนน์ ไลเนอร์ (Enn Liner) : ->T r A i N<-
    2. อิทซาล : - DΞЯІСК –
    3. ฟอร์เต้ เอส เครสเซนโด้ [Forte S. Crescendo] : ยูคิฮิเมะ~ Gespenst Jaeger
    4. แซนนัส เอสคริมัส Zanus Eskrimus : Zan~Naz

    **ทุกตัวละครมีการเปลี่ยนแปลงนิสัยบางส่วนครับ



    ZE : โฮ่ย ๆ สวัสดีครับ ออกมาอีกตอนแล้วสำหรับเรื่องนี้ ต้องขออภัยที่อาจจะสั้นไปสักนิด มีเวลาผมก็เลยต่อนะครับ เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยว่าง แต่เวลาที่มีก็ดันน้อยนิดเสียเหลือเกิน ต้องขออภัยจริง ๆ

    ตัวละครในตอนนี้เทออกมาพรวด ๆ 4 ตัวละครด้วยกัน เป็นไปตามบทบาทและหน้าที่ครับ ส่วนตอนหน้าก็มีตัวละครใหม่ ๆ อีกเช่นเดิม ก็รอดูต่อไปว่าจะเป็นใคร และตัวละครนั้นจะถูกเปลี่ยนไปมากน้อยเพียงใด ฮา....

    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำและติชมครับ เป็นกำลังใจที่ดีมากสำหรับผมให้ผมแต่งต่อไปเรื่อย ๆ ^^

    ปล.มีคำผิดต้องขออภัยนะครับ
  15. train

    train Member

    EXP:
    498
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    มาเจิมคนแรกอีกแล้ว!!!
    เจ้าเอนน์ออกมาแล้ว ได้รับความสนใจจากยมทูตนี่เรียกว่าจะดีใจดีมั้ยนะ? เรื่องวุ่นๆคงตามมาอีกเป็นพรวนล่ะทีนี้ ถึงเวลาต้องเลือกผู้รับตำแหน่งใหญ่โต (เค้าแห่งความวุ่นวายโผล่แล้วสิ)

    ขำตรงบทสนทนาของอิทซาลกับแซนนัส เรียกว่าหมากับป้า กร๊าก หมดมู้ดผู้ยิ่งใหญ่ยังไงชอบกล >[]<"
  16. l2eenai2y

    l2eenai2y New Member

    EXP:
    533
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    เหล่าท่านแม่ทัพออกโรงมากันแล้ว!!

    ว่าแต่ทะไมถึงเรียก "ป้า" ล่ะ มะใช่ผู้หญิงซะหน่อย= =
  17. derick

    derick Member

    EXP:
    339
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    18
    กร๊ากกกกกกกกกกกก ขำ....บรรยายกาศเปลี่ยนไปเลยแหะ ตอนที่แซนนัสคุยกับอิทซาลเนี่ย ดูเป็นกันเองและเป็นธรรมชาติมาก ๆ

    “ อย่างงั้นหรือ เช่นนั้นข้าคงหูฟาดเป็นแน่ สงสัยสายลมเมื่อครู่จะเป็นของหมาตัวใดสักตัว ” อิทซาลยิ้มเย็น เงาดำทมิฬปรากฏด้านหลัง

    นั่นสินะครับหูฟาด 55555 แก้ด้วยเน้อครับ

    รอตามต่อ ๆ
  18. kiro

    kiro Member

    EXP:
    62
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    ผมไม่เข้าใจตำแหน่งเท่าไร

    ผู้นำ ---> แม่ทัพ ---> ผู้พิทักษ์์์ --->ฮันเตอร์์

    แล้วยมทูตคืออะไรครับ? เป็นวิญญาณ? แล้วทำไมถึงมีตายด้วย? ผมอ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร


    ป.ล. เป็นองค์กรที่อลังการมาก...นึกว่่าเป็นพวกขุนนาง - -a
  19. Eldar

    Eldar New Member

    EXP:
    53
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    -*- งึมๆ งานนี่มาเร็วกว่าเดิม

    เอนน์นี่แบบว่า น่ากลัวอ่ะ

    ให้ความรู้สึกเหมือนเคียวยะในโอรังเลย เคะ เคะ เคะ
  20. Kazeth

    Kazeth New Member

    EXP:
    57
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    มาแล้วๆ มาเร็วดีจัง ออกมาให้อ่านได้ทันใจจริงๆ ดีนะที่ช่วงนี้แค่กำลังใกล้สอบ ถ้าขืนอยู่ในช่วงสอบคงอีกนานเลยกว่าจะได้เข้ามา (ช่วงนั้นต้องขังตัวเองอยู่กับกองหนังสือ-เรียน- สถานเดียว -*- )

    ผมชอบตอนที่แซนนัสคุยกับอิทซาลมากๆ กันเองดี อิทซาลกลายเป็น "ป้า" กร๊ากกกก อ่านแล้วก็ขำ
    ลองคิดดู "หมา" กับ "ป้า" กัดกัน ดูน่ารักพิลึก

    อย่างประโยคนี้
    “ นี่ไอ้คุณเนอร์นอฟ อย่าทำเป็นคนว่างงานไปหน่อยเลยครับ ”

    กร๊ากกกกกกก ปวดท้องชะมัด เหมือนจะเปป็นผู้ดี กัดได้ใจมากเลยครับ

    ไม่ใช่ว่าเดธไซต์จะใฝ่หาอำนาจ แต่อำนาจตากห่างที่วิ่งเข้าหาและผลักดันให้พวกเขากลายเป็นเช่นนี้
    ตรงนี้ถ้าตัด "ไม่" ที่อยู่คำแรกออกจะดีมั้ยครับ ลองดูครับ ผมคิดว่าอาจจะได้อารมณ์กว่า (หรือคิดไปเองคนเดียว??) ต้องถามนักอ่านักแต่งหลายๆคนดูครับ

    รอตามครับผม
  21. logon

    logon New Member

    EXP:
    59
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    มาต่อแร้วๆ *-*

    อ่านตอนแรกๆ อิทซาลดูลึกลับ มีอำนาจนะ
    แต่พอลงมาล่างๆ บรรยากาศคนละแบบเลยแฮะ ดูสบายๆขึ้นเป็นกอง

    ปล. เนอร์นอฟนี่นอกจากจะชอบแอบฟังชาวบ้านแล้วยังเป็นยมทูตนักโดดงานด้วยสินะ อืมๆ - -"

    ปล.2 ตอนที่บอกว่าน้ำแข็งยิ้มนั่น ทำไมจู่ๆผมเหมือนนึกภาพเห็นเทรนมีหูกับหางงอกออกมากระดิกดิ๊กๆๆฟระ? (ก๊ากกกก)
  22. Zear

    Zear New Member

    EXP:
    23
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    3
    อ่านจบแล้วตามอ่านคอมเมนท์ของคนอื่นอย่างฮา

    จริงแท้ ทำไมก็ไม่รู้ ว่าตอนนี้ช่างแฝงความฮาได้เหลือใจจริงๆ
    แต่ว่า สำหรับผม มันฮาเสียจนทำลายกลิ่นไอความอลังการและมืดมนหม่นมัวของฉากแรกไปเสียถนัด หรือจะเป็นเพราะฉษกแรกนั้นยังไม่ได้ใส่คำที่บรรยายสถานการณ์ไว้มากมายนักก็ได้ เพียงแต่"หมา"กับ"ป้า"เป็นตัวละครที่เรียกสีสันได้ตัดกันมากเลยทีเดียว เหมือนเจอเทาๆดำ ผสมหยดเลือด แล้วถูกป้ายทับด้วยสีส้มสีเขียว มันจะแอบช้ำเลือดช้ำหนอง แต่ก็สีสดขึ้นหน่อย (ผมเปรียบถูกรึเปล่าเนี่ย กร๊าก?)

    แต่ยอมรับจริงๆว่าอ่านบทนี้แล้วมีแอบงงอยู่หลายที่ เหมือนบรรยายไม่เคลียร์เท่าไหร่น่ะครับ อย่างตอนที่เน้นไปทางเอนน์ที่เดินไปรับลมที่สวน หรือตอนที่อิทซาลเดินเข้าหาเอนน์ ความเป็นคาร์แรคเตอร์ของพวกเขายังไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่น่ะ ผมก็อธิบายไม่ถูก = ="

    แต่ผมชอบแนวการก่อตั้งองค์กรนี้นะ ดูเหมือนจะเป็นแบบแผน แต่ก็ลึกลับซับซ้อนใช่ย่อย เจ๊ฟอร์เต้ออกมาได้เป็นเจ๊ไฮโซมาก ส่วนป้า....... อื้อ มาเสียภาพพจน์เอาตอนเรียกป้าเนี่ยแหละ ฮา

    ไว้แล้วจะรอดูต่อไปนะครับ สู้ๆนะ
    *สาดน้ำมันใส่*
  23. herarn9999

    herarn9999 New Member

    EXP:
    237
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    โอย ไม่มีเวลาอ่าน ขอเซพไปก่อนนะคร้าบ
  24. zekung666

    zekung666 New Member

    EXP:
    7
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ทราบข่าวมาว่ามีคำผิดมากมาย ต้องขออภัยครับรีบมากจริง ๆ และก็ขอบคุณดริคกับซันด้วยที่ช่วยในการตรวจทานให้

    รู้สึกว่าตอนนี้จะสร้างความงงงวยให้ชาวบ้านมากมายเหลือเกิน เหอ ๆ อาจเพราะจริง ๆ แล้วผมต้องการให้ทุกความเป็นไป ทุกการเคลื่อนไหวและการกระทำขององค์กรนี้เป็นปริศนาที่ต้องค้นหา ฮา ทำให้กลายเป็นว่าอ่านแล้วงงแทน ต้องขออภัยครับ

    หลักพื้นฐานของฟิคนี้มีสองอย่างคือ สีสันและความเป็นจริงของมนุษย์

    ผมว่าสองอย่างนี้มันผสานกันได้อย่างดีนะ สีสันมีทั้งตัดกันและกลืนกัน เหมือนกันนิสัยคนเรา ที่มีทั้งดีและเลว มีทั้งความเป็นมิตรและศัตรู ความรักความเกลียด อีกมากมายที่เป็นนิสัยจริง ๆ ผมเชื่อว่าคนเราไม่มีทำว่าสุด ๆ ไม่ได้เลวสุด ๆ หรือดีสุด ๆ ไม่ได้รักกันสุด ๆ หรือเกลียดกันสุด ๆ มันต้องผสมผสานกันไป อาจจะมีมากมีน้อยแต่ก็ต้องมี

    เหมือนกับอิทซาลหรือป้านั่นแหละ ภายนอกอาจดูมีอิทธิพลน่าเกรงขาม แต่จริง ๆ แล้วก็เป็นมนุษย์ที่มีอีกด้านหนึ่งอยู่เหมือนกัน เพราะเหตุนี้เองทำให้เหตุการณ์มันตัดเกินไป ต้องขออภัยที่ทำให้อารมณ์ขาดห้วงอย่างสุด ๆ ครับ เหอ ๆ ไว้จะค่อย ๆ เปลี่ยนบรรยากาศถ้าทำได้แล้วกัน

    ขอบคุณและขออภัยอีกครั้งครับ ^^
  25. alladiya

    alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

    EXP:
    1,207
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    88
    โอ้ว ฟอร์เต้ออกมาอย่างรวดเร็ว ขอบคุณค่ะ^^ ว่าแต่ลุคดูไฮโซจริงๆด้วย (ปกติเป็นเจ๊โหด ก๊าก)

    หมากับป้า สุดยอดจริงๆ บรรยากาศตึงเครียดหายไปในพริบตาเลยค่ะ
    [action]คอยติดตามต่อไป[/action]

Share This Page