[Valetine] ความทรงจำในวันเก่า

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย Azemag, 10 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    "เธอ เป็นอะไรรึเปล่าน่ะ?"


    เสียงเรียกของผมปลุกหญิงสาวคนหนึ่งให้หลุดจากภวังค์และหันกลับมามองผม เธอเป็นหญิงสาวในชุดกระโปรงวันพีซสีฟ้าอ่อนลายดอกไม้ สวมเสื้อยีนส์แขนยาวสีน้ำเงินเข้มไว้อีกตัวหนึ่ง ผมยาวประบ่ามีที่คาดผมคิตตี้สีฟ้า ผิวพรรณขาวสะอาดอะอ้าน หน้าตาน่ารักเลยทีเดียว

    "อะไรนะคะ!?" เธอย้อนถามมาเหมือนไม่ได้ยินที่ผมถามเธอไปก่อนหน้านี้

    "ผมถามว่าคุณเป็นอะไรรึเปล่า? เห็นยืนนิ่งก้มหน้าก้มตาอยู่ตรงนี้มาตั้งนานแล้ว มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า"


    เป็นอีกครั้งที่เธอทำหน้างงๆ ดวงตากลมโตดำขลับคู่นั้นจ้องผมอย่างสงสัยเหลือเกินว่าถือวิสาสะอะไรมายุ่งยุ่มย่ามกับเธอ เธอถอนหายใจสั้นๆก่อนจะตอบกลับมาว่า "คุณช่วยอะไรชั้นไม่ได้หรอก ทางที่ดีคุณอย่ามาวุ่นวายกับชั้นจะดีกว่านะคะ" เธอปฏิเสธอย่างเรียบง่ายและสุภาพ น้ำเสียงอ่อนนุ่มของเธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าโกรธหรือไม่พอใจประการใด


    ผมอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปว่า "แม่ผมสอนไว้ว่า ถ้าเห็นคนอื่นเดือดร้อนก็ควรจะช่วยน่ะนะ"


    "ท่าทางคุณจะโกหกเก่งนะคะ โดยเฉพาะโกหกกับผู้หญิงเนี่ย" เธอตอบกลับมาทันทีเล่นเอาผมสะดุ้งไปหน่อยนึง

    "แหม! ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ผมก็แค่เป็นห่วงว่าใครกันนะที่มาทำให้ผู้หญิงน่ารักๆอย่างคุณต้องทำหน้าเศร้า ยืนเหม่อลอยราวกับรอคอยใครอย่างนั้นแหละ"

    เธอก้มหน้านิ่งไม่ตอบอะไร เหมือนผมจะพูดตรงเกินไปหน่อยนะเนี่ย



    "ไปจากตรงนี้กันดีกว่า คุยกันตรงนี้จะรบกวนคนอื่นเปล่าๆ"
    "ฉันไปกับคุณไม่ได้หรอกค่ะ" เธอปฏิเสธกลับมาอีกแล้ว

    "เถอะน่า" ผมตัดบทพร้อมกับเอื้อมมือไปจับข้อมือเธอแล้วดึงเธอเดินตามมา ถ้ามีคนเห็นก็ต้องคิดว่าผมเป็นพวกโรคจิตแหงๆ ถึงจะปฏิเสธผมในตอนแรกแต่เธอก็ยอมเดินตามมาด้วยอย่างว่าง่าย ไม่มีสะบัดข้อมือต่อต้านไม่มีการตะโกนร้องให้คนช่วย เธอยังคงก้มหน้าเดิน ใช้มือปัดผมที่ปรกหน้ากลับไปทัดหูอย่างเดิมและไม่พูดไม่จาเหมือนเดิม เดินมาได้สักพักผมก็ปล่อยข้อมือเธอพร้อมกับเดินให้ช้าลงเพื่อจะได้เดินข้างๆเธอ เธอหันมามองนิดหนึ่งก่อนจะกลับไปก้มหน้าเหมือนเดิม


    "คุณชื่ออะไรเหรอ? ผมชื่อเกมส์น่ะ" ผมเริ่มต้นบทสนทนา
    ".... ฟ้า ค่ะ" เธอตอบกลับมาแค่นั้นจริงๆ สงสัยคงไม่คิดจะคุยกับผู้ชายโรคจิตแบบผมแหงๆ
    "ชื่อเพราะดีนะครับ มิน่าละถึงใส่ชุดสีฟ้าแบบนี้"
    "ค่ะ" เธอตอบได้สั้นและไม่ต่อบทสนทนาเหมือนเดิม ดูท่าผมจะต้องพยายามให้มากกว่านี้แล้ว


    "คุณอยากไปที่ไหนละ วันนี้ผมว่างทั้งวันไปเที่ยวเป็นเพื่อนกับคุณได้นะ" ผมพยายามรุกต่อไปเรื่อยๆ


    "ที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีความทุกข์ค่ะ"


    "คุณจะพาฉันไปได้จริงๆเหรอ?" เธอหยุดเดินและหันกลับมาจ้องตาผม สายตาราวกับรอคอยคำตอบจากผม ห้วงวินาทีนั้นเหมือนทุกอย่างบนโลกจะหยุดเคลื่อนไหวแม้กระทั่งเวลา

    ผมรู้ได้ทันทีว่าเธอคงจะมีความทุกข์ที่หนักหนาสาหัสทับถมอยู่ภายในจิตใจจากคำพูดของเธอ ลึกลงไปในดวงตาสีดำที่ไม่บอกสิ่งใดนอกจากความเศร้าที่สะท้อนออกมาอย่างเด่นชัด ผมถอนหายใจก่อนจะยิ้มให้เธอและตอบกลับไปว่า "ไม่ว่าที่ไหนๆบนโลกนี้ก็ปราศจากความทุกข์ไม่ได้หรอก ถ้าใจของคุณยังเก็บความทุกข์ไว้ภายใน และไม่เปิดใจให้พบเจอกับสิ่งอื่นนอกจากมันเท่านั้น"


    เธอก้มหน้ากลับไปตามเดิม "อย่างนั้นเหรอคะ? ถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็ช่วยไม่ได้"


    "รู้ไหมว่าเวลาผู้หญิงสวยๆทำหน้าเหมือนกับสูญสิ้นทุกอย่างบนโลกนี้ มันทำให้คนที่มองเห็นเจ็บปวดเหมือนกันนะ"

    "ฮึ คุณคงจะจีบผู้หญิงเก่งมากเลยสินะคะเนี่ย"
    เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากเธอ ดูเหมือนผมจะทำสำเร็จแล้ว แม้จะเล็กน้อยก็ตามแต่


    "เอาเป็นว่า เราไปลองหาสถานที่ที่ไม่มีความทุกข์กันไหม? เผื่อคุณ... เอ่อ เผื่อฟ้าจะสบายใจขึ้น อ้อ! แล้วก็ไม่ต้องเรียกผมว่า 'คุณ'แล้วนะ เรียก 'เกมส์' ได้เลย"



    ความเงียบเข้าปกคลุมเราทั้งสองเนิ่นนาน เธอก้มหน้านิ่งเงียบ ผมเองก็ไม่มีคำพูดใดจะพูดต่อ











    "ไปค่ะ" คำตอบพร้อมรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอทำให้ผมยิ้มออก ดูเหมือนว่าผมจะเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นแล้ว

    ♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥





    ผมพาเธอมาที่สวนสัตว์แห่งหนึ่ง เธอทำหน้างงๆเล็กน้อยตอนที่ยืนอยู่หน้าสวนสัตว์ หลังจากผมซื้อตั๋วเสร็จ เธอมองผมแบบไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเลือกที่นี่ ผมก็ได้แต่ยิ้มแล้วจูงมือเธอเดินเข้าไปหาคำตอบด้วยกัน



    "ฟ้าคิดว่าอะไรที่ทำให้เราแตกต่างจากพวกสัตว์ในกรงเหล่านี้" ผมเริ่มถามคำถามกับเธอด้วยจุดประสงค์จะเข้าใจความคิดของเธอมากขึ้น

    "คำถามปรัชญาหรือคะเนี่ย?"
    เธอหัวเราะก่อนจะตอบ "ก็คงเป็นเพราะ เรามีจิตใจที่ประเสริฐมากกว่าพวกมัน เรามีความคิดที่ข้ามพ้นสัญชาติญาณ มีตัวตนของเราที่ไม่ถูกบงการให้ทำเพียงเพราะว่ามันจำเป็นต่อชีวิต เราเลือกทำอะไรก็ได้ที่เราทำแล้วมีความสุข ละมั้งคะ"


    "ตอบได้ดีนี่ เป็นอาจารย์สอนปรัชญาหรือครับ" ผมแซวเธอกลับไปบ้าง เธองอนขวับทันใด




    "บ้า!!" เธอพูดพร้อมกับวิ่งหนีไป ผมแอบเห็นรอยยิ้มของจากมุมปากของเธอ ผมไม่มีทางเลือกสินะ มีแต่ต้องตามเธอไปเท่านั้น




    เราสองคนมาหยุดหน้ากรงของเสือโคร่ง ฟ้าทอดแขนกับราวกั้นและก้มหน้าลงไปเท้าคางดูพวกมัน "สัตว์พวกนี้ แม้จะดุร้ายแต่มันก็ทำไปเพราะมันต้องดำรงชีวิต แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่คยทำร้ายพวกเดียวกัน ไม่เหมือนมนุษย์ที่เรียกตัวเองว่าสัตว์ประเสริฐ อยู่เหนือสิ่งมีชีวิตใดๆทั้งปวง" แววตาเศร้าสร้อยของฟ้าเด่นชัดขึ้นมา ผมก้มตัวลงไปทำท่าเดียวกันเธอบ้าง "นั่นสินะ"


    "หมามันจะกัดกัน ก่อนจะกัดมันยังแยกเขี้ยวยิงฟันท้ากัดกับตัวอื่นเลย คนเรานี่สิ ยิงฟันยิ้มหวานแต่ซ่อนดาบไว้ในใจ" ผมนิ่งเงียบรับฟัง หันไปมองหน้าเธอหวังจะสบตาด้วย แต่ผมยาวสวยของเธอก็ปิดบังแววตาไปจนหมด


    "เฮ่ออออออออ" เสียงถอนหายใจยาวๆออกมาจากปากเล็กๆของฟ้า ก่อนที่เธอจะหันขึ้นมายิ้มและบอกผมว่า "ไปกันต่อเถอะค่ะ"



    ถึงมันจะเป็นรอยยิ้มจากคนๆเดียวกัน แต่ ณ เวลาและอารมณ์ที่ต่างกัน คราวนี้มันช่างเป็นยิ้มที่เศร้าเหลือเกิน





    หลังจากเดินทั่วสวนสัตว์แล้ว ผมพาเธอมาเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการถีบเรือปั่น แน่นอนว่าผมเป็นคนปั่นให้เธอนั่งชมบรรยากาศรอบสระน้ำ

    "เกมส์นี่ก็แปลกคนนะคะ เจอกันไม่ทันไรก็ชวนผู้หญิงออกมาเที่ยว แถมยังเป็นสวนสัตว์อีกด้วย" ผมได้แต่อมยิ้มกับประโยคของเธอ ปล่อยให้เธอยิงคำถามออกมาเรื่อยๆ

    "หรือว่า... คิดจะจีบฟ้า?" เธอถามพร้อมกับจ้องหน้าเอาจริงเอาจังจนผมอดหัวเราะไม่ได้แต่ก็ยังไม่ตอบคำถามของเธอ

    "ท่าทางจะเจ้าชู้ไม่เบานะคะ"
    ผมก็ยังได้แต่ยิ้มกับคำถามของเธอ

    "โอ๊ย! ไม่สนุกเลย ถามอะไรก็เอาแต่ยิ้มๆ ทีตอนแรกละพูดเอาๆ ฮึ!" ความอดทนของเธอหมดลงจนได้


    "ฮะๆๆๆๆๆ" ผมอดขำไม่ได้กับท่างอนแบบเด็กๆของฟ้า "ผมอยากให้ฟ้าสบายใจ ได้มาเจออะไรแปลกๆใหม่ๆไงละ"
    "เกมส์รู้ได้ไงว่าฟ้าไม่เคยมาสวนสัตว์มาก่อน"
    "ผมว่าผมรู้นะ แล้วผมเดาถูกรึเปล่าละ?" ผมยียวนตอบพร้อมถามกลับ
    "เชอะ! ถูกก็ถูกค่ะ" ฟ้างอนอีกแล้ว ถ้าผมมองไม่ผิดดูเธอจะงอนแบบมีความสุขยังไงก็ไม่รู้



    หลังจากเดินเที่ยวในสวนสัตว์จนหนำใจฟ้า ท้องฟ้าจริงๆก็เริ่มจะมืดลงเล็กน้อย ดวงอาทิตย์ใกล้จะได้เวลาหายไป เป็นสัญญาณว่าเวลากลางคืนจะมาถึงในไม่ช้า



    เวลากลางคืนที่'ฟ้า'มืดมน หม่นหมอง



    ผมพาเธอมาที่สวนสนุกสัญจรข้างสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง แสงไฟสว่างไสวกับผู้คนมากมายที่มาเดินเที่ยว ลูกเด็กเล็กแดงหัวเราะสนุกสนานไปกับเครื่องเล่นต่างๆ เป็นบรรยากาศที่หาได้ยากกลางเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยฝุ่นควันและใบหน้าปราศจากยิ้มในชั่วโมงเร่งด่วน


    "ไปเล่นชิงช้าสวรรค์กันเถอะฟ้า วิวตอนกลางคืนคงจะสวยน่าดู" ผมชวนเธอ
    "ไม่ไปค่ะ!" เสียงปฏิเสธเด็ดขาดออกมาจากปากเธอ น่าแปลกใจสำหรับท่าทีอยางนี้ เพราะทั้งวันที่ผ่านมาตอนอยู่ที่สวนสัตว์ก็ไม่เห็นเธอจะปฏิเสธแบบนี้


    ผมหันหน้ากลับมายืนสบตาเธอ เธอหลบสายตาออกด้านข้างแล้วก็ยกมือขึ้นมาแตะริมฝีปากไว้ เอ่ยด้วยเสียงเบาๆ "ฟ้า... กลัวความสูงค่ะ"

    ไม่ไหวแ้ล้ว! ผมหลุดขำออกมาดังๆ เธอเขวี้ยงค้อนมาโครมใหญ่ทำให้ผมต้องรีบหยุดขำแล้วยกมือห้ามเป็นเชิงขอโทษ


    "น่าแปลกนะ 'ฟ้า'ที่อยู่สูงสุดเอื้อม แต่กลับกลัวความสูงเสียนี่" คราวนี้เธอก้มหน้านิ่งเหมือนเด็กกำลังงอนที่ถูกผู้ใหญ่รู้จุดอ่อนแกล้งเอา

    "ไม่เป็นไรหรอกครับ เชื่อเกมส์สิ"
    ผมมองจ้องเธอด้วยสายตาที่หนักแน่น เธอมองกลับอย่างลังเลนิดหน่อยแต่สุดท้าย รอยยิ้มก็ผุดขึ้นที่มุมปากและฟ้ายอมตามขึ้นชิงช้าสวรรค์ไปกับผม





    "วิวสวยดีเนอะ" ผมแกล้งแซวฟ้าที่นั่งก้มหน้าตัวสั่นเล็กน้อย
    "ค่ะ... สวยค่ะ" เธอตอบกลับมาแต่ก็ยังสั่น


    "ฮะๆๆ ฟ้าไม่ได้มองออกไปข้างนอกด้วยซ้ำนะ แล้วฟ้ารู้ได้ยังไงว่าสวย" ผมยังทะเล้นแซวต่อไป
    "รู้แล้วกันน่า!" เธอตอบกลับมาแบบเสียมิได้

    ผมกระโจนออกจากที่นั่งฝั่งผมไปนั่งข้างๆเธอ ก่อนจะโอบเธอเข้ามาหาตัวผมอย่างแผ่วเบา มือของผมกดศีรษะของฟ้าเบาๆลงมาที่ไหล่


    "เปิดใจสิฟ้า ลองมองดูว่าโลกเป็นอย่างไร มองโลกด้วยตาคู่นี้ ด้วยใจนี้ แล้วสัมผัสถึงความสวยงามของมันสิ"


    ฟ้าค่อยๆลืมตามองทัศนีย์ภาพเบื้องหน้า ร่างกายที่สั่นเทาค่อยๆหยุดลง สายตาจับจ้องไปยัง 'ฟ้า' ที่พร่างพรายไปด้วยหมู่ดาว แสงสีจากตึกใหญ่น้อยคละเคล้ากันไป เสียงหัวเราะและพูดคุยของผู้คนฟังไม่ได้ศัพท์จากเบื้องล่าง เสียงสายลมลู่เข้ากับกิ่งไม้ดังลอยอยู่เบื้องบน


    "ว้าว! สวยจังเลย ทำไมกันนะ ทำไมฟ้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าโลกมันสวยขนาดนี้" น้ำเสียงตื่นเต้นของเธอราวกับว่าเธอได้พบกับสิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิต





    "วันนี้ฟ้าสนุกไหม?" ผมเอ่ยถามเธอระหว่างเดิน
    "สนุกค่ะ ฟ้าไม่เคยได้สนุกแบบนี้มาก่อนเลยนะ" เธอยิ้ม เสียงใสเจื้อยแจ้วเหมือนเด็กที่ได้ของขวัญ


    "วันหลังพาฟ้าไปเที่ยวอีกได้ไหมคะ?" คราวนี้เธอถามชวนผมเสียเอง ผมตอบรับด้วยยิ้มเล็กน้อย


    "ฟ้า จำที่นี่ได้ไหม?" ผมไม่ตอบคำถามชวนเที่ยวของเธอแต่ถามเธอกลับ
    ฟ้าหันไปมองรอบๆ หมุนซ้ายหมุนขวาอยู่สองสามทีแล้วก็เหมือนนึกขึ้นได้

    "อ๊ะ ที่นี่มัน ที่ที่เกมส์เจอฟ้าแล้วก็ลากฟ้าไปเที่ยวนี่นา"
    เธอหันมาตอบ



    "แล้วนึกอะไรออกอีกไหม?" ผมถามเธออีกครั้ง
    "ไม่นี่คะ มีอะไรเหรอ?"








    "ฟ้า ขอโทษด้วยนะที่ต้องพูดตรงๆ แต่ฟ้าไม่ใช่คนในภพนี้หรอก ฟ้าไม่ควรอยู่ที่นี่"


    คำพูดของผมเหมือนขวานเล่มใหญ่ที่ทุบกำแพงให้พังครืนลง ฟ้าทำสีหน้าตกใจเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดออกไป เธอส่ายหน้าอยู่สองสามทีเหมือนกำลังสับสน


    "นีกให้ออกสิฟ้า" ผมพูดย้ำกับเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง


    ราวกับน้ำที่ผุดขึ้นมาจากใต้พื้นดิน เรื่องราวความทรงจำผ่านแวบเข้ามาในสมองของฟ้าในชั่วเสี้ยววินาที

    ▼▼▼▼▼▼▼▼▼▼▼▼▼▼▼▼▼▼▼▼▼▼▼




    'ฟ้า' ลูกสาวเพียงคนเดียวของเศรษฐีใหญ่คนหนึ่งในแวดวงไฮโซและนักธุรกิจ ชีวิตตั้งแต่เด็กของเธอไม่เคยได้ออกไปไหนนอกจากการอยู่คนเดียวในบ้านหลังใหญ่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ แม้จะมีคนมากมาย แต่ก็เป็นเพียงคนรับใช้ที่เหมือนคนแปลกหน้าสำหรับเธอ สิ่งที่เธอถูกทำดีด้วยก็เป็นเพียงเพราะคำสั่งจากพ่อ ส่วนแม่นั้นตั้งแต่จำความได้เธอก็ไม่เคยเจอ ไม่เคยเห็นแม้แต่รูป ชีวิตในวัยเรียนก็มีเพียงโรงเรียนในเครือธุรกิจของพ่อ ไม่มีใครเข้าใกล้เธอเพียงเพราะเธอเป็นลูกสาวของ 'ผู้มีพระคุณ' ของโรงเรียนนี้ ครูทั้งหลายก็เข้ามาพูดคุยเอาใจเธอก็เพียงเพราะผลประโยชน์ที่พ่อของเธอจะให้ในภายหลัง เช้ามีคนมาส่ง เย็นมีคนมารับกลับบ้าน


    เมื่อเธออายุได้ 17 ปี พ่อของเธอได้พาเพื่อนนักธุรกิจมาที่บ้าน ลูกชายของเพื่อนพ่ออายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอตามมาด้วย นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอได้คุยกับเด็กอายุรุ่นเดียวกับเธออย่างจริงจังโดยเฉพาะเด็กผู้ชาย เขาเล่าให้เธอฟังถึงเรื่องราวภายนอกว่าน่าสนุก น่าตื่นเต้นเพียงใด เด็กหนุ่มให้สัญญาว่าเมื่อมีโอกาสจะพาเธอไปเปิดหูเปิดตากับโลกภายนอกและพาเธอเที่ยวให้สนุก

    เด็กสาวที่เฝ้าฝันถึงความสนุก ฝันถึงโลกภายนอกบ้านที่ว่างเปล่าอยู่ทุกคืนวัน โดยเฉพาะเด็กหนุ่มที่สัญญากับเธอไว้ ดูเหมือนเธอจะตกหลุมรักเข้าเสียแล้ว




    แต่... พ่อไม่อนุญาตให้เธอไปเที่ยวได้


    เหตุผล... ไม่มี...



    ความเสียใจที่ถูกพ่อห้ามปรามของเด็กสาวแรกรุ่นที่ถูกพ่อตามใจมาตลอดมันมากเกินจะจินตนาการได้ เธอตัดสินใจที่จะแอบหนีออกไปจากบ้านในค่ำคืนที่พ่อออกไปงานสังสรรค์เหมือนเคย เธอวางแผนไว้ว่าจะกลับมาบ้านให้ทันก่อนที่พ่อจะกลับมา เธอนัดแนะเด็กหนุ่มให้มารับเธอไปเที่ยวตามที่สัญญาไว้


    ค่ำคืนแห่งความสนุกเป็นสิ่งแปลกใหม่ของเด็กสาว เสียงดนตรที่ดังกระห่ำ จังหวะดนตรีที่เร้าจิตใต้สำนึก ผู้คนมากหน้าหลากตาที่แต่งตัวแฟนชั่นในแบบที่เธอไม่เคยเห็น ทำให้เธอตื่นเต้นไปกับสิ่งเร้ามากมายจนเธอไม่คิดจะกลับบ้าน เมื่อเด็กหนุ่มชักชวนให้เธอไปสนุกต่อ ด้วยความไว้ใจในตัวเขาและความรู้สึกประหลาดที่เธอมีภายใน ทำให้เธอไม่ปฏิเสธคำชวนและติดตามเด็กหนุ่มไปโดยง่าย



    เด็กสาวที่ไม่ประสาโลกมาถึงห้องของเด็กหนุ่ม เธอประหลาดใจที่ในห้องมีชายหญิงมากมายกำลังโยกกายเข้ากับเสียงเพลง แต่มันจะสำคัญอะไรในเมื่อเธอก็เคยเห็นสิ่งเหล่านี้จากผับบาร์ที่เธอเพิ่งจะจากมา เธอปล่อยกายปล่อยใจไปตามความต้องการของตัวเอง สนุกสนานไปกับสิ่งใหม่ที่ไม่เคยลิ้มลอง


    รสเหล้าอึกแรกที่ดื่ม

    ควันบุหรี่ก้อนแรกที่อัดเข้าปอด

    ฯลฯ



    แม้ผลจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้เธอเมา แต่เธอก็ยังพอจะมีสติรู้ตัวอยู่บ้าง ความทรงจำสุดท้ายที่เธออยากจะลืมก็คือ เมื่อเธอเปิดประตูเข้าไปภายในอีกห้องหนึ่ง ผู้ชายในร่างเปลือยเปล่ามากมายกรูกันเข้ามาหาเธอ




    สิ่งที่เกิดขึ้นและจดจำเข้าสู่สมองส่วนลึกและจิตใจของเด็กสาว คือ ความเจ็บปวดจากร่างกายของตัวเองและเสียงหัวเราะสนุกสนานของผู้ชายที่มาจากความเจ็บปวดของเธอ

    ■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■



    แสงอรุณเป็นสิ่งบอกเวลาเช้าวันใหม่ แต่เธอรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาเกือบจะเที่ยง ห้องที่เคยมีคนมากมายกลับว่างเปล่า ขยะเกลื่อนกลาด เธออยู่ที่ไหน? เกิดอะไรขึ้นกับเธอ? คำถามมากมายประดังประเดขึ้นมาไม่หยุด เธอรู้สึกปวดหัว ในท้องมวนขึ้นมาอย่างแรงจนอยากจะอาเจียน ปวดร้าวไปทั้งกาย


    เธอเดินออกมาอย่างไร้จุดหมาย คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งชีวิตของเธอ บ้านที่อยู่แม้จะกว้างจนเหงาแต่ก็ไม่เคยทำให้เธอเจ็บปวด คนที่เธอไว้ใจทรยศเธอได้อย่างง่ายดายเพียงเพราะเธอเชื่อใจ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่ที่ไหน แล้วจะกลับบ้านยังไง

    บ้าน? เธอจะกลับไปที่บ้านได้หรือ? พ่อจะต้องโกรธแน่ๆ และถ้าพ่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น.... เธอไม่อยากจะคิดต่อไปอีกแล้ว



    เธอเดินไปตามถนนที่ไม่รู้จัก ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมามองเธอด้วยสายตาแปลกประหลาด ความคิดต่างๆก็ยังโจมตีเธอต่อไป ระหว่างที่เธอเดินข้ามสะพานลอย เธอรู้สึกว่าโลกนี้มีแต่ความโหดร้าย มีแต่สิ่งที่หลอกลวงเธอ ทำให้เธอเจ็บปวด




    เมื่อชีวิตไม่มีความหมาย 'ฟ้า' จึงร่วงดิ่งสู่เบื้องล่าง

    ♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠







    สายน้ำตาร่วงหล่นจากดวงตาคู่สวยของสาวน้อยตรงหน้าผม ผมทำได้เพียงส่งยิ้มให้กำลังใจเธอกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น

    "คุณ... เกมส์รู้อยู่แล้วสินะ" ฟ้าเอ่ยปากถาม เสี่ยงสั่นเครือจากการร้องไห้

    "ผมรู้ ผมไม่อยากให้คุณต้องวนเวียนอยู่บนโลกใบนี้อย่างโดดเดี่ยว จนสุดท้ายแล้วคุณจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างและไปต่อไม่ได้"
    ผมอธิบาย


    "มันถึงเวลาแล้วละที่คุณควรจะจากโลกนี้ไปอย่างเป็นสุขนะ" ผมยิ้มเล็กน้อยให้เธอ อยากจะเข้าไปกอดสักครั้ง แต่ก็นะ ทำไม่ได้หรอก



    "ลองๆมาคิดดูแล้ว ที่เกมส์พาฟ้าขึ้นชิงช้าสวรรค์ แล้วบอกให้เปิดใจกับโลกนี้ ก็เพราะจะสื่อว่าโลกนี้ยังมีสิ่งสวยงามเหลืออยู่ใช่ไหมคะ?"


    "ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่ดี โลกก็ยังคงหมุนต่อไปและยังคงสวยงามเฉกเช่นทุกวัน 'ฟ้า' ก็มีช่วงเวลาที่สดใสในตอนกลางวันและหม่นหมองมืดมนในตอนกลางคืน แต่ไม่ว่าอย่างไร 'ฟ้า'ก็จะกลับมาสดใสในวันต่อไปเสมอนะ"


    เธอยิ้มออกมาทั้งน้ำตาก่อนจะพูดน้ำเสียงแผ่วเบา "มันคงสายไปแล้วสินะคะ"


    "ไม่สายไปหรอก" ผมตอบเธอ "สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็ช่างมันเถอะ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดกับฟ้าคืออะไร คงรู้แล้วสินะ"

    "ค่ะ" เธอยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองพร้อมกับสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะหันมายิ้มหวานเป็นครั้งสุดท้ายให้ผม



    "น่าเสียดายนะคะ เราน่าจะเจอกันเร็วกว่านี้จริงๆ" ฟ้าพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้ผม เป็นยิ้มที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น

    "พร้อมแล้วสินะ"
    ผมไม่ตอบคำถามเธอ ไม่ใช่เพราะไม่อยากตอบแต่เป็นเพราะตอบไม่ได้ต่างหาก เธอพยักหน้าหลับตาลง ผมเองก็เช่นกัน




    "เวลาที่เหงา มองท้องฟ้าไว้นะคะ"
    นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยิน เมื่อลืมตาขึ้นมา 'ฟ้า' ก็กลับคืนสู่ท้องฟ้าแล้ว







    "เฮ่ย! ไอ้เกมส์ เป็นอะไรวะ?" เสียงหนึ่งปลุกผมให้ตื่นจากอาการเหม่อลอย ไอ้จ้อยนั่นเอง

    "ไม่มีอะไร คิดเรื่องเก่าๆนิดหน่อยว่ะ"


    "เรื่องไรวะเอ็ง เห็นเหม่อมองฟ้าอยู่ตั้งนาน อ๊ะๆ! หรือว่าคิดถึงน้องฟ้าที่ไหนวะ" มันแซวผมจนได้สิน่า
    "น้องฟ้ง น้องฟ้าที่ไหนกัน เอ็งนี่ ไปกันเหอะ สาวๆเดินลิ่วไปโน่นกันแล้ว สงสัยจะหิวจัด กินหมูหมดร้านแหงๆ"


    "นั่นอะดิ แต่ละคนดูท่าทางจะสายแข็งซะด้วย เจ้ามือพร้อมนะ!?"
    "อะไรๆ ใครเจ้ามือ American Share เว้ย"
    "บู่ ไม่ใจเลย" มันยังจะกัดผมอีก


    "นี่ เค้าหิวแล้วนะ ท่านเกมส์มาไวๆ มาจ่ายตังค์ให้เค้าด้วย" เสียงหนึ่งดังมาจากในร้าน ยัยนุกกี้ เอาจนได้สินะ

    "ไปจองโต๊ะ ตักหมูกันก่อนเลยเธอ เดี๋ยวตามไป"
    ผมตะโกนตอบไป


    ผมแหงนหน้ามองทองฟ้าอีกครั้งก่อนจะเดินตามเพื่อนๆเข้าร้านไป





    'ฟ้า' ก็ยังคงสดใสเฉกเช่นทุกวัน



    <END>







    จบแล้วครับกับเรื่องสั้นครั้งแรกในชีวิต



    อิงมาจากประสบการณ์จริง แต่ว่าเขียนเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย อ่านเองแล้วยังรู้สึกขัดๆอยู่ แต่ก็ไม่รู้จะแก้ให้ดีกว่านี้ยังไงแล้ว
    รบกวนคอมเมนต์ให้ด้วยนะครับ มือใหม่หัดเขียน ^ ^;


    ปล. ขอบคุณอีวานที่จัดกิจกรรมขึ้นมา ทำให้ผมนึกเรื่องบางเรื่องออก เป็น 'ความทรงจำในวันเก่า' จริงๆ
    ปลล. ขอบคุณคนอื่นๆที่มีชื่อในเรื่อง แม้จะนิดนึงก็นะ (ฮา)
    ปลลล. ฟ้า ขอให้มีความสุขนะ
    ปลลลล. ใครเอาเรื่องนี้ไปหาผลประโยชน์โดยที่ข้าพเจ้ารู้หรือไม่รู้ก็ตาม บาปกรรมมีจริงนะครับ อย่าหาว่าไม่เตือน อย่างน้อย มันก็เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงคนหนึ่ง
  2. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    แจ่มแล้วเว้ย ไม่ธรรมดานะเนี่ย นานๆทีจะเห็นอาเซแม๊กแสดงฝีมือซักทีโอ้วเย่
  3. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    โฮ่ =o=b

    /me จดข้อมูลไว้เผื่อสำหรับเขียนฟิคยำ
  4. Aki

    Aki Paradox Observer

    EXP:
    485
    ถูกใจที่ได้รับ:
    41
    คะแนน Trophy:
    48
    สิ่งที่ประทับใจที่สุดในเรื่องนี้ คือ
    "เมื่อชีวิตไม่มีความหมาย 'ฟ้า' จึงร่วงดิ่งสู่เบื้องล่าง"
    เป็นการเปรียบเปรยให้เห็นภาพดีมากเลย โดยส่วนตัวแล้วประโยคนี้เป็นประโยคที่กระชากความรู้สึกจากสดใสกลายเป็นอีกแบบนึงได้ดีที่สุด โดยไม่ต้องคิดถึงการบรรยายอื่นๆข้างบน แน่นอนว่าการปูพื้นเรื่องนั้นสำคัญ แต่การฉุดให้ผู้อ่านสะอึกน่าจะบิ้วอารมณ์ได้ดีกว่า

    เป็นฟิคเรื่องแรกที่แต่งได้เยี่ยมนะ มีการพยายามเล่นคำและใช้สัมผัสสระสัมผัสอักษรระหว่างกันเพื่อทำให้คำพูดไหลลื่นและเรียบหรู เช่น
    "เวลากลางคืนที่'ฟ้า'มืดมน หม่นหมอง"

    แต่การบรรยายด้วยคำซ้ำและการใช้สรรพนามซ้ำก็ยังมีอยู่บ้าง ถ้าถามว่าลื่นไหลไหม ก็ตอบได้ว่าอ่านลื่นไหลดี แต่ก็อย่างที่เม้นท์ไว้ในฟิคโอนิว่า มันปรับให้พริ้วกว่านี้ได้ในบางจุดอ่ะ

    พูดถึงธีมเรื่องแล้วก็มีการปูพื้นในรูปแบบของเรื่องสั้นทั่วๆไป แต่สำหรับตรู ถ้าขาดประโยคนั้นไป เรื่องนี้จะไม่ทำให้รู้สึกร่วมได้มากเท่านี้นะ เพราะงั้นนับว่าดีมากๆกับการตัดอารมณ์

    ส่วนที่จะปรับได้อีกอาจเป็นบทพูดกับการคั่นหรือการบรรยายระหว่างพูด เช่น เขาพูด เธอบอก อะไรแบบนี้ (เหมือนที่บอกไว้ข้างต้นว่า ถ้าลดการใช้ได้อีกหรือปรับให้กระชับขึ้นจะแหล่มมากกกกกกก)

    แต่สำหรับครั้งแรกนี่เยี่ยมไปเลย ยกนิ้วๆ จะรอติดตามงานต่อไปเด้อ
  5. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    สิ่งที่ผมถือว่าเป็นสุดยอดของเรื่องสั้นนี้ และเป็นสิ่งที่ผมชอบที่สุด คือ "ฟ้า" ครับ

    ฟ้ามีตัวตนชัดเจนมาก ทุกกริยาท่าทาง การแต่งกาย ใบหน้า แจ่มชัดขึ้นมาในมโนภาพเอามากๆ จะว่าเป็นเพราะฝีมือการบรรยายอย่างเดียวรึก็ไม่ใช่ แต่มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนเธอมีตัวตนจริงๆ
    เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักมาก แม้บางอารมณ์จะดูขัดๆ เช่นนิ่งอยู่ดีๆเหมือนเหม่อลอย แต่พอโดนแซวก็ค้อนขวับ แล้วก็เิดินหนีทันที

    ผมไม่รู้ว่า true story เป็นยังไง แต่การได้ยินคำว่า "ค่ะ" "ครับ" อยู่เรื่อยๆ ทำให้รู้สึกว่าทั้งสองห่างเหินแปลกๆ
    เกมสืเองก็ทำหน้าที่ได้เป็น pattern ของพระเอกยียวนมากๆ ถ้ามีความเป็นธรรมชาติกว่านี้อีกนิดจะดีครับ

    แต่อ่านจบแล้ว บอกเลยว่าผมสะเทือนใจมาก เป็นฟิคที่ทำให้ผมสะเทือนอารมณ์จริงๆ ผมไม่ได้พูดเล่น
    โดยเฉพาะคำว่า "ฟ้า ขอโทษด้วยนะที่ต้องพูดตรงๆ แต่ฟ้าไม่ใช่คนในภพนี้หรอก ฟ้าไม่ควรอยู่ที่นี่"
    อ่านถึงบรรทัดนี้แล้วจุกขึ้นมาในอกทันที (อาเซคงจะเข้าใจดีว่าทำไมผมถึงอิน)

    อาเซยังคงบรรยายแข็งๆขัดๆในหลายส่วน แต่กลับเป็นคนที่สื่ออารมณ์ผ่านเรื่องสั้นนี้ได้เก่งมากๆ
    ผมชอบประโยคนี้มากครับ

    "เวลาที่เหงา มองท้องฟ้าไว้นะคะ"

    สิ่งที่อยากติงที่สุด คือตอนปิดท้าย ซึ่งการปิดท้ายด้วยการมองท้องฟ้าแล้วคิดถึง"ฟ้า"นั้น มันไม่ไปด้วยกันกับการสังสรรค์ฮาเฮเลย คือมันเป็นอะไรที่..(ความเห็นส่วนตัว) ไม่น่าจะใส่เข้ามาครับ ตัดออกไปเลยแล้วจบด้วยอะไรเบาๆดูจะเข้าบรรยากาศกว่ามาก เพราะตลอดทั้งเรื่อง โทนเรื่องมีบรรยากาศสีฟ้าอ่อนๆ และผมว่ามันจะจบได้สวยงามมากถ้าจบด้วยบรรยากาศเบาๆสีฟ้าอ่อนๆเหมือนกัน

    ยังไงก็ขอบคุณที่ร่วมกิจกรรมนะครับ
  6. onikuro13

    onikuro13 Sadistic Queen

    EXP:
    299
    ถูกใจที่ได้รับ:
    7
    คะแนน Trophy:
    38
    ...มาละ...
    ...การใช้คำบางคำยังมีที่ซ้ำซากเกินไปอะ แบบใช้มากเกินไปทำให้รู้สึกแปลกๆในบางทีที่อ่าน การใช้คำเปรียบเทียบได้ดีนะ ทำให้มองเห็นภาพ แต่อย่างที่อีวานว่าตอนจบอะ รู้สึกเหมือนกันว่ามันไม่เข้ากันเท่าไหร่ มากินหมูกระทะเฮฮา แต่พอมองฟ้าก็คิดถึงฟ้า มันน่าจะเป็้นแบบ ออกไปนอกระเบียงแล้วมองอะไรงี้น่าจะเข้ากว่า(ความเห็นส่วนตัวอะนะ)
  7. maxlancer

    maxlancer ประธานรุ่น2ตุรกีเชียงใหม่

    EXP:
    1,183
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    88
    สิ่งที่น่าจดจำที่สุดในเรื่องนี้ คง ไม่พ้นตัวละครชื่อ "ฟ้า" ที่ชัดเจนน่าจดจำมาก ส่วนเนื้อเรื่องระหว่างคนสองคนในเรื่องน่าติดตามไปได้ตลอด

    อารมณ์ตัวละครที่ดูขัดกัน แม้อาจจะทำให้มองว่าไม่สมตัวละคร แต่ถ้ามองในแง่ของมนุษย์แล้ว การที่มีลักษณะที่ขัดแย้งกันต่างหาก ถึงจะเป็นมนุษย์ ดังนั้นจึงเป็นจุดดีเสริมในเรื่องนี้ไป

    ข้อติที่พบคือ เรื่องการใช้คำซ้ำในช่วงบรรยายบรรทัดเดียวกัน ที่มันสามารถดื้นได้ในภาษาไทย เช่นการตัดคำออกหรือการใช้คำที่ใกล้เคียง

    การตัดฉากที่มีระยะเวลา นี่อาจเป็นสไตล์การเขียน แต่ความเห็นส่วนตัว คิดว่าควรมีการใส่อะไรซักอย่างเพื่อเป็นจุดบอก เพราะบางครั้งจะมีการขัดว่า จู่ๆข้ามไปโน่นแล้วอะไรแบบนี้นะครับ

    สุดท้ายคงเป็นตอนจบ ในช่วงที่พบฟ้าครั้งสุดท้าย นี่จะสื่ออารมณ์ได้ประทับใจมาก แต่เสียตรงอารมณ์สุดท้ายอย่างที่ อีวานกล่าวว่า มันทำให้อารมณ์หยุดไปเลย ซึ่งถ้าจบแค่ตรงฟ้าจากไป น่าจะทำให้เรื่องจบสวยกว่านี้ แต่ก็เข้าใจว่า พี่เกมส์ ตั้งใจจะสื่อว่าถึงแม้เธอจะจากไป แต่ชายหนุ่มคนนี้ก็ยังคงมีชีวิตต่อไป อะไรประมาณนี้

    ที่เหลือก็มีคนบอกไปหมดแล้ว

    พยายามเข้านะครับ
  8. terasphere

    terasphere Poets

    EXP:
    792
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    38
    คนอื่นบอกไปหมดแล้วครับ ทั้งเรื่องความโดดเด่นของตัวละคร และการถอดหัวใจตัวเองออกมาเขียน

    ผมขอตินิดหนึ่งว่า คำพูดที่พูดกันเนี่ย ปกติมีคนเค้าพูดกันจริงๆเหรอครับ อย่างประโยค "คุณช่วยอะไรชั้นไม่ได้หรอก ทางที่ดีคุณอย่ามาวุ่นวายกับชั้นจะดีกว่านะคะ"
    หรือหลายๆประโยคที่ดูสวยงามเกินกว่าความเป็นจริงไปหน่อยน่ะครับ ถึงจะเป็นสิ่งที่เธอคนนั้นพูดจริง แต่อารมณ์ของบทสนทนามันยืดยาวเกินว่าจะสรุปจบได้

    อีกอย่างหนึ่งคือ คุณอาเซไม่ค่อยเว้นจังหวะการนำเสนอ ทำให้เวลาเนื้อเรื่องเดินจะติดกันเป็นพืดๆยาวไม่มีจุดเว้นวรรคพักหายใจเลย
    ถ้าลองเติมกริยาอาการของบุคคลในขณะที่มีบทสนทนา เช่น เธอขยับนิ้ว ส่ายหน้า หลุบตา ฯลฯ จะเพิ่มรายละเอียดได้ครับ

    สุดท้ายคือ การตัดฉับกลับมาพูดเรื่องในวงเพื่อน ทำให้อารมณ์ของเรื่องหายไปจนน่าเสียดาย ความเศร้าและความซึ้งที่เพียรสร้างมากลับไปเป็นวงเฮฮาหมูกะทะ ตามที่ข้างบนๆพูดถึง
    ตัดทิ้งออกไปจะดีกว่าครับ

Share This Page