[ฟิคหมากล้อม] กระดานแห่งความรัก

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย Azemag, 24 เมษายน 2011.

  1. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    =======================================
    บทที่ 1 : การพบกันของหมากขาวและหมากดำ
    =======================================




    'แก๊ก!'



    เสียงเม็ดหมากสีดำเล็กๆที่เรียกว่า 'หมากล้อม' ทำลายความเงียบสงัดภายในห้อง



    เส้นแนวดิ่งและขวางสิบเก้าเส้นบนกระดานไม้ตัดกันเป็นตารางเล็กๆมากมาย เม็ดหมากหินสีขาวและดำจำนวนมากถูกวางอยู่บนจุดตัดของเส้นเหล่านั้นกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ แม้ว่าอากาศภายในห้องจะถูกเครื่องปรับอากาศทำให้เย็นลงสักเพียงใดก็มิอาจหยุดความร้อนแรงจากการปะทะกันของเม็ดหมาก 'ดำ' และ 'ขาว' ลงได้



    ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศโดยรอบอีกคราวหนึ่ง



    บุรุษสองคนนั่งอยู่ตรงกันข้ามคนละฝั่งของกระดาน ด้านข้างมีผู้สังเกตุการณ์เป็นสุภาพสตรีหน้าตาสะสวยอีกคนหนึ่ง เธอเป็นประจักษ์พยานแห่งผลลัพธ์ของความคิดที่ถูกถ่ายทอดลงบนกระดานไม้ผ่านเม็ดหมากของแต่ละฝั่ง



    'แก๊ก!'

    คราวนี้เป็นเสียงที่เกิดจากเม็ดหมากสีขาวกระทบลงบนผิวไม้บ้าง หลังจากนั้นทุกอย่างก็กลับสู่ความเงียบเฉกเช่นเดิม









    "สวัสดีค่ะ! ห้องคอมพิวเตอร์เปิดให้บริการรึยังคะ?" เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่ดังลอดประตูห้องเข้ามาทำให้หญิงสาวที่นั่งดูอยู่หันไปมองหาต้นทางของเสียง ยกเว้นชายหนุ่มสองคนที่ตกอยู่ในภวังค์ความคิดมิได้รับรู้ความเคลื่อนไหวใดๆรอบตัว



    "ยังไม่เปิดจ้า แต่ว่าถ้าจะเล่นเน็ตก็เชิญนะ เข้ามาก่อนสิ"

    'ผิง' ลุกขึ้นพร้อมกับเดินเข้าไปช่วยผู้ที่ยืนอยู่หน้าประตูถือกระเป๋าในขณะที่เธอกำลังหุบร่มและเดินไปเปิดคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งจากบรรดาเครื่องที่เรียงรายอยู่ในห้อง



    "ช่วยเซ็นชื่อแล้วก็เลขทะเบียนนักศึกษาให้หน่อยนะ" ผิงหยิบสมุดบันทึกประวัติการใช้บริการมาให้เธอเซ็น

    "เอ่อ คือว่าอยากจะถามเรื่องสมัครเป็น TA ดูแลห้องคอมฯด้วยน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าปิดรับสมัครไปแล้วรึยังคะ?" ผู้ใช้บริการสาวหยิบแว่นตาออกจากกระเป๋ามาสวมพร้อมกับเซ็นชื่อลงในสมุดตามระเบียบการใช้บริการ



    "ยังจ้า กำลังขาดคนอยู่พอดีเลย ว่าแต่เธอชื่ออะไรน่ะ? เราชื่อผิง กำลังจะขึ้นปีสามจ้า"

    "พลอยค่ะ เพิ่งจะขึ้นปีสองเอง งั้นก็ต้องเรียกว่าพี่ผิงสินะคะ งั้นรบกวนขอใบสมัครด้วยค่ะ" เธอแนะนำตัว



    ผิงเดินลับหายเข้าไปอีกห้องหนึ่ง สักพักก็เดินกลับออกมาพร้อมกับกระดาษในมือสองแผ่น "นี่จ๊ะ ใบสมัคร TA ส่วนอันนี้เป็นใบสมัครสมาชิกกลุ่ม แบบว่ากำลังขาดสตาฟช่วยทำงาน ไหนๆก็ไหนๆแล้วถ้าว่างๆก็มาช่วยทำงานให้กลุ่มบ้างนะ"



    "ขอบคุณค่ะ ก็กำลังอยากหาอะไรทำอยู่เหมือนกัน อยู่หอก็เบื่อๆแล้วด้วย"

    "ดีจัง น่าจะมาตั้งนานแล้วนะเนี่ย" ผิงเข้าไปกอดพลอยจากด้านหลังเล่นเอาเธอสะดุ้งไปหน่อยนึงที่ถูกกอดจากคนที่เพิ่งจะเจอหน้าแม้ว่าจะเป็นผู้หญิงเหมือนกันก็ตาม "ยินดีต้อนรับสู่กลุ่ม ITTAG จ้า แวะเข้ามาได้ทุกวันเลยนะ เปิดทุกวันตั้งแต่ห้าโมงเย็นจนกว่ายามจะมาไล่จ้า"



    "งั้นเล่นเน็ตตามสบายเลยนะ" พูดจบเธอก็ผละจากพลอยมานั่งดูชายหนุ่มสองคนอยู่ข้างๆกระดานอย่างเงียบๆเช่นเคย





    ห้องถูกปกคลุมด้วยความสงบอีกครั้ง มีเพียงเสียงจากคีย์บอร์ดที่พลอยกำลังพิมพ์ดังเป็นระยะๆ สลับกับเสียงจากเม็ดหมากที่นานๆจะมีสักครั้ง ท่ามกลางความเงียบแต่แฝงด้วยบรรยากาศที่แปลกประหลาดทำให้พลอยละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หันมามองคนทั้งสามที่กำลังทำสีหน้าเคร่งเครียดอยู่หน้ากระดานไม้ เธอคิดว่าพวกเขากำลังเล่นหมากรุกกันอยู่เหมือนที่เพื่อนๆผู้ชายในคณะของเธอเล่นกัน แต่หลังจากพิจารณาดูองค์ประกอบบนกระดานไม้แล้วก็ต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ ด้วยความสงสัยในสิ่งที่พวกเขากำลังทำผลักดันให้เธอลุกจากเก้าอี้ไปนั่งอยู่ข้างๆผิง



    "กำลังเล่นอะไรกันอยู่เหรอคะ? พี่ผิง" พลอยกระซิบถามเบาๆ กลัวว่าเสียงของเธอจะไปรบกวนคนเล่น

    " 'หมากล้อม' น่ะจ๊ะหรือเรียกว่า 'โกะ' ก็ได้ รู้จักไหม?" ผิงที่รู้ตัวตั้งแต่ต้นว่าพลอยมานั่งข้างๆแต่นิ่งเงียบไว้ราวกับรอคำถามเริ่มต้นจากพลอยเพื่อเปิดบทสนทนา รอยยิ้มเล็กๆแฝงความนัยผุดขึ้นที่มุมปาก ดวงตาที่แฝงความซุกซนเปล่งประกายดีใจอยู่ภายใน



    "ไม่รู้จักค่ะ แต่เคยเห็นจากพวกหนังจีนอยู่" พลอยตอบพร้อมกันเว้นระยะนิดนึง "มันเล่นยังไงคะ?"



    เหมือนกับกำลังรอคำถามนี้ ใบหน้าของผิงเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มดีใจอย่างไม่ปิดบัง "ก็อย่างที่เห็นนะ แต่ละฝ่ายมีเม็ดหมากคนละสีเท่าๆกัน ผลัดกันวางลงบนจุดตัดคนละครั้ง จุดมุ่งหมายของหมากล้อมมีเพียงอย่างเดียว คือ ใครได้พื้นที่บนกระดานมากกว่ากันก็ชนะจ้า" ผิงอธิบายอย่างย่อๆ พลอยพยักหน้าตามเล็กน้อย "พื้นที่ก็คือจุดตัดของเส้นบนกระดาน เส้นมีทั้งหมด 19 เส้นทั้งแนวตั้งแนวนอน หนึ่งจุดตัดก็คือหนึ่งแต้ม" พูดเสร็จก็หันไปมองหน้าพลอยที่กำลังมองไปที่กระดานเพื่อทำความเข้าใจ



    "ลองดูบนกระดานดีๆนะ หมากดำตรงมุมโน้นน่ะ" ผิงยกมือขึ้นชี้ให้พลอยมองตาม "เห็นไหมว่าหมากดำเริ่มจากเส้นที่ขอบกระดานฝั่งหนึ่ง แล้วก็เรียงต่อกันมาถึงอีกฝั่งหนึ่ง" พลอยพยักหน้าตามว่าเข้าใจ "นั่นละจ้า ตรงนั้นเราเรียกว่า 'พื้นที่' จ้า"



    "พอจะเข้าใจไหม?" ผิงหันไปถามพลอยเบาๆ

    "ก็... พอจะเข้าใจค่ะ ดูท่าทางจะเล่นยากนะคะเนี่ย สงสัยต้องคิดเยอะแน่ๆเลย" พลอยขำเล็กน้อย "พี่ผิงเล่นเก่งไหมคะ?" เธอหันมาถามรุ่นพี่สาวที่เพิ่งจะรู้จักกัน

    "ก็เล่นเป็นจ้า แต่ไม่เก่งเท่าสองคนที่กำลังประลองกำลังภายในกันตอนนี้หรอก" เธอพยักเพยิดหน้าไปทางชายหนุ่มสองคนที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับรอบๆตัวว่าตอนนี้มีผู้สังเกตุการณ์เพิ่มมาอีกหนึ่งคนแล้ว



    "อยากเล่นไหม?" คำถามที่มาพร้อมรอยยิ้มดีใจอย่างเต็มเปี่ยมจากผิงเหมือนจะกดดันพลอยให้ต้องตอบว่า 'ค่ะ' เพียงอย่างเดียวเท่านั้น พลอยเงียบไปอึดใจนึง ผิงเองก็สบตารอคอยคำตอบ



    "ก็... น่าสนใจค่ะ" คำตอบของเธอเป็นตัวจุดชนวนให้ผิงโผเข้าไปกอดอีกครั้ง

    "งั้นแปปนึงนะเดี๋ยวเราสอนให้เอง รอกระดานนี้จบก่อน ใกล้แล้วละ" พลอยพยักหน้าพร้อมกับนั่งดูหินสีดำและขาวที่ถูกหยิบไปเติมเต็มบนกระดานทีละเม็ดๆ อาจะเป็นเพราะเธอไม่เข้าใจมันจริงๆหรือเพราะเธอถูกชักชวนแกมกดดันกันแน่ทำให้เธอเริ่มสนใจเกมกระดานที่เรียกว่า 'หมากล้อม' ไปนิดหน่อยแล้ว





    ผ่านไปอีกราวๆสิบนาที ชายหนุ่มสองคนราวกลับหลุดออกจากภวังค์ความคิดล้มตัวลงนอนหงายตัวลงบนพื้นพร้อมๆกันก่อนจะลุกขึ้นมาจ้องมองหมากบนกระดานอีกครั้ง



    "ตามสัญญานะเว้ย ใครแพ้ไปซื้อข้าวมาเลย"

    "พูดดีไปพี่ นับแต้มก่อนเหอะ" บทสนทนาของคนทั้งสองบ่งบอกได้ว่าใครมีอาวุโสมากกว่ากัน



    เมื่อได้สติรับรู้เรื่องราวรอบข้าง หนึ่งในสองผู้ประลองฝีมือบนกระดานหันไปสบตากับพลอยที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากเขาเท่าใดนัก เหมือนกับเวลาหยุดนิ่งเนิ่นนานกว่าที่เขาได้ใช้ในการครุ่นคิดและบรรจงหยิบเม็ดหมากวางลงบนกระดานเสียอีก เนิ่นนานจนผิงต้องกระแอมไอเบาๆเป็นเชิงว่าจ้องนานไปแล้ว



    "พี่เกมส์จะไม่นับแต้มเรอะ? ไปจ้องหน้าน้องเค้าก็ไม่ช่วยให้ชนะหรอกนะพี่"

    "เอ้อ... โทษที กำลังงงว่าน้องเค้าเป็นใคร มาตอนไหนอะ" เกมส์แก้ตัวแบบเจื่อนๆพร้อมกับหันหน้ากลับมาที่กระดาน



    "น้องเค้าชื่อพลอย มาใช้เน็ตได้สักพักแล้ว แล้วก็มาสมัคร TA แล้วก็มานั่งดูพวกพี่เล่นนั่นแหละ เอ้าๆ! นับแต้มได้แล้ว ผิงหิวแล้วนะ ใครแพ้ไปซื้อข้าว ซื้อไอติม ซื้อน้ำมาเลี้ยงผิงด้วย อ้อ! เอามาเลี้ยงน้องใหม่สมาชิกกลุ่มเราด้วย" ผิงพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปทางพลอย



    "เดิมพันกันด้วยข้าวเที่ยงนี่เอง มิน่าถึงเครียดกันนัก" พลอยแซวขึ้นมาบ้าง

    "ก็ไม่งั้นก็ไม่เอาจริงกันน่ะสิ" เกมส์ตอบพร้อมกับเรียงหมากบนกระดานให้อยู่ในสภาพที่นับแต้มได้ง่ายตามหลักการนับแต้มหลังจากเล่นจบกระดานแล้ว



    "ทำอะไรกันอยู่เหรอคะนั่น" พลอยซักอีกทีเพราะไม่เข้าใจ

    "เรียงหมากให้นับแต้มได้ง่ายๆน่ะ" ชายหนุ่มอีกคนตอบ "พี่ชื่อบอมบ์ครับ"

    "อ้าว! ถ้าอย่างนี้ตอนเรียงหมาก เราแอบเพิ่มแต้มให้ตัวเองก็ทำได้น่ะสิ"

    "หมากล้อมเป็นเกมกระดานที่ตั้งอยู่บนความซื่อสัตย์และความเชื่อใจของทั้งสองฝ่าย หากใครคิดโกงก็เท่ากับทรยศต่อคู่แข่ง และที่สำคัญ 'ทรยศต่อตัวเอง' นะจ๊ะ" ผิงอธิบายเสริม พลอยพยักหน้าเข้าใจอีกครั้ง



    "พี่ชนะหกแต้มว่ะบอมบ์ ไปซื้อข้าวมาซะดีๆ ฮ่าๆๆ"

    "นิดเดียวเอง ฮึ่ย! เจ็บใจ" บอมบ์โวยวาย ดูเผินๆเหมือนไม่พอใจแต่รอยยิ้มบนหน้าก็ทำให้รู้ได้ว่าเป็นเพียงการแซวกันเล่นๆเท่านั้น



    "ไปซื้อข้าวมาเลย เดี๋ยวผิงเก็บหมากให้เอง เดี๋ยวจะสอนพลอยด้วย" ผิงยิ้มอย่างดีใจ

    "ทำหน้าดีใจเชียว หลอกน้องมาเล่นได้อีกคนแล้วมีความสุขจริงนะ" บอมบ์แหย่

    "หลอกอะไรกัน ชวนน้องเค้าๆก็เล่นนะ" ผิงสวนกลับทันควัน

    "จ๊ะๆ ไปแล้วจ๊ะ" บอมบ์เดินออกไปขับจักรยานไปโรงอาหารตามสัญญาก่อนแข่ง



    "เอาละ ได้เวลาเรียนแล้วนะ พลอย" ผิงหันมายิ้มให้พลอยก่อนจะจูงมือพลอยไปนั่งบนโต๊ะ "เล่นบนโต๊ะดีกว่า นั่งสบายๆ"

    "งั้นเดี๋ยวพี่ไปหยิบกระดานเล็กมาให้ละกัน" เกมส์อาสา



    หลังจากจัดแจงกระดานและเม็ดหมากพร้อมแล้ว ผิงก็เริ่มสอนพลอยถึงวิธีเล่นคร่าวๆให้พลอยฟัง ส่วนเกมส์ก็หลบมุมไปงีบรออยู่หลังห้องเพราะว่ามีโต๊ะฟอร์เมกาบังอยู่ มันเป็นมุมประจำในห้องไปแล้วสำหรับคนที่ต้องการจะหลับโดยที่ไม่ให้คนอื่นเห็น



    "ข้าวเที่ยงมาแล้ว โมะๆๆ" เสียงของบอมบ์ทำให้พลอยและผิงหันไปมองเป็นสายตาเดียวกัน ในขณะที่เกมส์ก็ลุกพรวดมาจากหลังโต๊ะ "ลามปามละนะไอ้บอมบ์ เดี๋ยวเตะกระเด็นเลย" เสียงของรุ่นพี่ที่ปรามมาจากด้านหลังทำให้มุขลดความฮาไปเยอะ



    "โทษครับ" บอมบ์ยกมือขึ้นไหว้หลังจากโดนตำหนิที่เล่นมุขไม่เหมาะสม

    "สอนไปถึงไหนแล้วละ ผิง" เกมส์เดินมาดูกระดานที่ผิงสอนพลอยพร้อมกับยืดเส้นยืดสายแก้เมื่อย

    "ก็เพิ่งสอนเรื่องจับหมากกินกับโคะไปเอง เอาช้าๆก่อน"

    "อืม ก็ดีๆ กินข้าวกันเหอะ ปะ"



    กลุ่ม ITTAG เป็นกลุ่มกิจกรรมในหอพัก ประกอบด้วยห้องสองห้อง ห้องด้านนอกเป็นห้องบริการคอมพิวเตอร์สำหรับนักศึกษาและเป็นห้องสมุด IT ย่อมๆ เปิดให้บริการยืมหนังสือเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสำหรับสมาชิกของกลุ่ม ส่วนห้องด้านในเป็นห้องประชุม ห้องนั่งเล่น ห้องติว ที่ทำการปฏิวัติลับของสมาชิกกลุ่ม และอีกหลายชื่อเรียกตามแต่วัตถุประสงค์การใช้งานที่สมาชิกและสตาฟจะเรียกขาน ในห้องมีทีวีสีขนาด 22 นิ้ว กระติกน้ำร้อนและตู้เย็นอยู่ นับว่าสะดวกสบายพอสมควร



    บรรยากาศบนโต๊ะอาหารหรืออันที่จริงควรจะเรียกว่าโต๊ะประชุมมากกว่าเป็นไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม หลังจากจัดแจงส่งข้าวและกับข้าว ของหวานและไอศครีมลงกระเพาะอาหารแล้วก็ถึงเวลาใช้สมองอีกครั้งกับการปะทะความคิดบนกระดานหมากล้อม เกมส์ยังคงเล่นกับบอมบ์ ส่วนผิงก็สอนพลอยในระดับต่อไป





    "พี่ๆในชมรมมีกันแค่นี้เองเหรอคะ?" พลอยถามขึ้นมาระหว่างเรียนหมากล้อม

    "จริงๆก็มีพี่ปีสี่อีกคนนึง ปีสามอีกสี่คนนะ รุ่นน้องก็อีกสี่ห้าคนเหมือนกัน แต่วันนี้วันเสาร์ คงไปเที่ยวกันหมดแหละ มากันเย็นๆค่ำๆตลอดแหละ" ผิงตอบพลางหันไปมองดูสถานการณ์บนกระดานของเกมส์และบอมบ์



    "แล้วพี่เกมส์กับพี่บอมบ์ปีไหน คณะอะไรคะ?"

    "พี่อยู่ปีสี่ครับ คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา" เกมส์ตอบ

    "พี่อยู่ปีสามจ้า คณะสังคมวิทยาเหมือนกัน ปกติก็ไม่ได้เป็นสมาชิกที่นี่หรอก แต่แวะมาเล่นโกะกับพี่เกมส์บ้าง เดี๋ยวเฮียแกเหงา"

    "อย่ามาปากดีเลย ไอ้อ้อมไปเที่ยวอะดิเลยไม่มีใครอยู่ด้วย อย่ามาอ้างพี่เล๊ย"

    "เฮ่ยๆ ออมมือหน่อยดิ โห... จะตายอีกกลุ่มแล้วนะเนี่ย โหดจริงอะไรจริง"

    "อย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะเอ็ง" เกมส์รู้ทันว่ารุ่นน้องตัวดีกำลังจะเลี่ยงประเด็น



    "แล้วปกติพลอยทำอะไรตอนเย็นละ?" ผิงถามบ้าง

    "ก็เรียนเสร็จแล้วก็ไปทำการบ้าน ไปติวกับเพื่อนบ้าง รุ่นพี่บ้าง แล้วก็กลับหอดูทีวีแล้วก็นอน"

    "ชีวิตสำเร็จรูปตามสูตรเด็กเนิร์ดเลยนะเนี่ยเรา" บอมบ์แสดงความคิดเห็น

    "ตอนปีแรกๆพี่ก็เป็นแบบนั้นแหละ แต่พอหลังๆเริ่มเบื่อแล้ว มาหาอะไรทำให้ชีวิตมีสีสันบ้าง" ผิงเสริม



    "แล้วพี่ๆมาเจอกันที่ ITTAG ได้ยังไงอะ" พลอยถามผิงกลับ

    "ตอนแรกอะ เพื่อนพี่อีกคนมันลากพี่มาที่นี่ บอกว่ามีคนเล่นหมากล้อมที่อยากให้เอาชนะให้หน่อย ก็เลยมาเจอพี่เกมส์"

    "แล้วใครชนะคะ?"

    "ก็พี่เกมส์น่ะสิ เล่นกันกระดานแรกก็โหดใส่เราแล้วอะ" ผิงตอบพลางทำหน้าค้อนใส่รุ่นพี่



    "โหดเหิดอะไร ก็เล่นธรรมดาเอง ผิงออมมือนั่นแหละ"

    "โหดจริงๆครับ คอนเฟิร์มเลย นี่ก็โดนไล่ตีกระจุยกระจายแล้ว ขนาดต่อหมากสามเม็ดแล้วนะ" บอมบ์ช่วยเสริมคำตอบของผิงเรื่องความโหดร้ายของพี่เกมส์



    "มีต่อหมากด้วยเหรอ เป็นยังไงอะคะ?" พลอยถามเมื่อได้ยินคำว่าต่อหมาก

    "ก็ถ้าระดับฝีมือของคนเล่นห่างกัน เราก็จะให้คนเล่นที่ฝีมือด้อยกว่าได้วางหมากต่อบนกระดานตอนเริ่มเล่นโดยถือหมากดำ ก็คล้ายๆกับต่อแต้มให้ก่อน เวลาเล่นจบกระดานจะได้มีแต้มใกล้เคียงกัน" บอมบ์อธิบาย

    "งั้นพี่เกมส์ก็ต้องเก่งมากเลยสินะเนี่ย"

    "ไม่เก่งหรอกครับ บอมบ์ก็เล่นเป็นมาตั้งแต่ ม.ปลายแล้ว แต่ไม่ค่อยได้เล่นบ่อยก็เลยฝีมือตกน่ะ" เกมส์บอก "จริงๆแล้วก็ยังมีคน ITTAG เล่นโกะเป็นอีกหลายคนนะ ทั้งพวกที่ยังอยู่กับรุ่นพี่ที่จบไปแล้ว น่าจะเปลี่ยนเป็นชมรมหมากล้อมแทนชมรมคอมฯแล้วนะเนี่ย"



    "แล้วพลอยอยากทำอะไรละ? หมายถึงกิจกรรมที่อยากจะทำน่ะ" เกมส์หันไปถาม เปลี่ยนเรื่องออกจากกระดานหมากล้อมบ้าง

    "อยากทำอะไรที่พัฒนาตัวเองให้มากกว่านี้น่ะค่ะ มีคนบอกว่าพลอยเป็นพวกสมาธิสั้น จดจ่ออะไรไม่ได้เลย ขี้ลืมมากๆอีกด้วย"

    "งั้นก็เหมาะเจาะเลย หมากล้อมเนี่ยช่วยเรื่องสมาธิแล้วก็ความจำด้วยนะ" ผิงบอกกับพลอย

    "งั้น... ให้ลองทำพีอาร์ดีไหม ติดต่อคนเยอะๆ คิดรายละเอียดข่าวสารที่จะต้องทำประชาสัมพันธ์ออกไป น่าจะช่วยเรื่องจัดตารางเวลาแล้วก็เรื่องช่วยจำได้นะ" เกมส์ลองเสนอตำแหน่งพีอาร์ให้กับพลอย

    "พลอยสนใจไหมละ" ผิงถามย้ำ

    "ลองดูก็ได้ค่ะ ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย เวลาคณะมีงานก็ไม่ค่อยได้เข้า เวลาเข้าก็ไปนั่งฟังๆอย่างเดียว"

    "งั้นก็พอดีเลย วันนี้ตอนเย็นๆว่างไหมละ เดี๋ยวจะมีประชุมเรื่องงานปฐมนิเทศน์สมาชิกใหม่ของปีนี้อยู่ รอเจ้าพวกนั้นไปเที่ยวกลับมาก่อนน่ะ" ผิงชวนพลอยให้อยู่เข้าประชุมด้วยกัน "พี่จะได้แนะนำพี่ๆเพื่อนๆคนอื่นให้รู้จักด้วย"

    "ว่างค่ะ วันนี้ว่างทั้งวันเลย"

    "งั้นก็ตกลงตามนี้ละกัน เอาละ! พร้อมจะเผชิญความพ่ายแพ้อีกรอบแล้วรึยัง? บอมบ์" เกมส์สรุปพร้อมกับหนีบเม็ดหมากสีขาวด้วยปลายนิ้วชี้และนิ้วกลางออกจากโถวางลงบนกระดานเสียงดัง

    "มาเลยพี่เกมส์" บอมบ์ส่งเสียงท้าทาย





    เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเย็น สมาชิกก๊วนหมากล้อมทั้งสี่คนออกไปหาข้าวเย็นกินกันที่โรงอาหารก่อนจะยกพลกลับมาที่ ITTAG ซึ่งสมาชิกที่เหลือก็ทยอยกันกลับเข้ามาในห้องแล้ว บางคนก็กำลังเก็บผักที่กำลังจะเน่าในเฟสบุ๊ค บางคนก็อ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะ หลังจากทักทายกันเสร็จแล้วทุกคนก็เข้าห้องด้านในเพื่อประชุมงานกัน



    "ก่อนอื่นผิงขอแนะนำสมาชิกใหม่ที่จะมาช่วยงานปฐมนิเทศน์นะคะ นี่น้องพลอย คณะวิทยาฯ เอกสถิติ ปีสองจ๊ะทุกคน"

    "สวัสดีค่ะ พลอยค่ะ" พลอยแนะนำตัวเองอย่างสั้นๆและเรียบง่าย



    "ชื่อเป็ดนะครับ เป็นประธานกลุ่ม ITTAG อยู่ปีสาม คณะวิทยาฯเหมือนกัน แต่เอกคอมครับ อันนี้เพื่อนๆเรา อยู่เอกเดียวกัน บิ๊ก เล็ก แล้วก็แบล็คครับ ยินดีต้อนรับพลอยนะครับ" เป็ด แนะนำตัวเองพร้อมกับเพื่อนๆ "ส่วนที่นั่งอยู่ตงนั้นคือพี่ป่อม ปีสี่ เอกภาษาไทย คณะศิลปศาสตร์ เป็นรองประธานกลุ่ม"



    "สวัสดีครับ ป่อมครับ เอาละเพื่อไม่ให้เสียเวลาอันมีค่านะครับ เดี๋ยวผักจะเน่าเสียก่อนต้องไปปลูกใหม่ เราเริ่มประชุมกันเลยละกัน" ป่อมแนะนำตัวและกล่าวเริ่มการประชุมเลย





    การประชุมเป็นไปได้อย่างเรียบร้อย มีการแบ่งหน้าที่และมอบหมายความรับผิดชอบให้แต่ละคนไปดำเนินการแล้วมาแจ้งให้ที่ประชุมทราบอีกครั้งในสัปดาห์หน้า จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันทำธุระส่วนตัวและทยอยกลับหอกันเมื่อใกล้ถึงเวลาเที่ยงคืนอันเป็นเวลาปิดประตูหอพักนักศึกษาและเวลาปิดห้องของกลุ่มกิจกรรมในหอพักอย่าง ITTAG ด้วยเช่นกัน



    "พี่เกมส์ไปส่งน้องพลอยเค้าหน่อยสิ มีจักรยานไม่ใช่เหรอ" ผิงบอกกับรุ่นพี่ที่กำลังล็อกกุญแจห้องกิจกรรมคอมพิวเตอร์พร้อมกับส่งยิ้มประหลาดให้

    "เดี๋ยวผมไปส่งผิงก็ได้ พี่เกมส์ไปส่งพลอยละกัน" บอมบ์ขี่จักรยานมาจอดใกล้ๆผิงพร้อมกับส่งเสียงสนับสนุนข้อเสนอของผิง

    "งั้นไปนะพี่ เจอกันพรุ่งนี้" ผิงกระโดดขึ้นซ้อนเบาะหลังอย่างไว เหมือนรู้ทันในความคิด บอมบ์รีบปั่นจักรยานออกไป ทิ้งรุ่นพี่คู่ประลองหมากล้อมให้อยู่กับพลอยเพียงสองคนหน้าห้อง



    "งั้นพี่ไปส่งเราก็ได้ อยู่หอไหนละครับ" เกมส์พูดพลางปลดโซ่ล็อกจักรยานออก

    "อยู่โซน E ค่ะ"

    "ปะ เดี๋ยวหอจะปิดซะก่อน" เกมส์ถอยจักรยานออกมาเพื่อให้พลอยขึ้นซ้อนเบาะหลัง



    "เล่นหมากล้อมครั้งแรกเป็นไงบ้างละ?" เกมส์ถามขึ้นระหว่างที่ปั่นจักรยาน

    "ก็ยังงงๆอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ว่าพี่ผิงก็พยายามสอนให้เข้าใจอยู่ ดูๆไปพี่ผิงเหมือนจะแฮปปี้มากๆเลยนะคะ" พลอยตอบมา

    "ยัยผิงมันหาเพื่อนผู้หญิงเล่นหมากล้อมไม่ค่อยได้น่ะ" เกมส์ตอบไป "ว่างๆก็แวะเข้ามาที่ ITTAG บ่อยๆนะ นอกจากหมากล้อมยังมีอย่างอื่นให้ทำอีกเยอะเลย ปกติช่วงไม่มีงานก็จะเป็นฟรีไทม์ของสตาฟน่ะ แต่ช่วงมีงานก็หัวหมุนเหมือนกัน มาช่วยๆกันนะ พลอย"

    "ได้ค่ะ" พลอยตอบเพียงสั้นๆแต่ก็ทำให้หน้าของรุ่นพี่ที่ตอนนี้กำลังปั่นจักรยานปรากฎรอยยิ้มเล็กๆโดยที่เธอไม่เห็น



    "อะ ถึงแล้วครับ โซน E"

    "ขอบคุณมากค่ะ พรุ่งนี้ห้องคอมเปิดกี่โมงเหรอคะ ถ้าเสร็จธุระแล้วจะแวะเข้าไปค่ะ" พลอยถามขึ้นมา

    "ถ้าเอาจริงๆก็เปิดห้าโมงเย็นนะ แต่พวกพี่น่ะมากันตั้งแต่เช้า ไม่รู้จะไปไหนกัน ถ้าว่างก็แวะมาละกันนะ อ้อ! เอาเบอร์พี่ไปละกัน โทรมาถามก่อนก็ได้ว่าห้องเปิดรึยัง" เกมส์หยิบมือถือออกมาพร้อมกับกดเบอร์ของตัวเองบนหน้าจอให้พลอยเซฟในเครื่องตัวเอง

    "ขอบคุณมากค่ะ เจอกันพรุ่งนี้ ฝันดีนะคะพี่เกมส์" พลอยกล่าวลาพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้

    "จ้า เจอกันพรุ่งนี้จ้า" เกมส์ยกมือขึ้นรับไหว้จากพลอยเช่นกัน





    เขายังคงนั่งอยู่บนเบาะจักรยานรอจนพลอยเดินหายเข้าไปในหอสักพัก

    "น้องพลอยงั้นเหรอ?" เขาพูดกับตัวเองเบาๆ รอยยิ้มน้อยๆปรากฎขึ้นอีกครั้งบนใบหน้า บางทีแม้แต่เขาก็อาจจะไม่รู้ตัวก็ได้





    ก่อนที่เขาจะปั่นจักรยานฝ่าความมืดและสายลมกลับหอพักของตัวเองเช่นกัน





    **********



    จบแล้วครับสำหรับตอนแรกของฟิคหมากล้อมเรื่องแรกที่ลองเขียนดู

    ยังเหมือนมีบางส่วนติดๆขัดๆอยู่เหมือนกัน แต่อ่านไปสองสามแล้วก็ยังหาไม่เจอ รบกวนเพื่อนๆสมาชิกช่วยอ่านแล้วติชมแนะนำด้วยนะครับ



    ตั้งใจจะให้ฟิคนี้เป็นฟิคหมากล้อมเพียวๆตั้งแต่แรก แต่กลัวคนอ่านที่ไม่ได้เล่นหมากล้อมจะไม่รู้เรื่องก็เลยเปลี่ยนพล็อตเรื่องนิดหน่อยให้ออกเป็นเรื่องราวในความรัก ความผูกพัน (แน่นอน มีดราม่าด้วย) โดยมีหมากล้อมเป็นสิ่งที่ยึดโยงทุกคนเข้าไว้ด้วยกัน ยังไงก็รบกวนติชมตามสะดวกนะครับ



    Azemag A.C. McDowell

  2. powder

    powder Member

    EXP:
    260
    ถูกใจที่ได้รับ:
    9
    คะแนน Trophy:
    18
    หนูว่าเรื่องนี้เขียนแล้วอ่านลื่นไหลดีค่ะ

    มีจุดแปลกนิดหน่อยว่า เกมสนพลอยนั้นแสดงออกมาแค่ตอนเล่นโกะเสร็จแล้วก็ไม่เห็นอีกเลย แต่ดูผิงกับบอมบ์จะเชียร์จัง

    นอกนั้นคิดว่าดีค่ะ สิ่งที่อยากให้มีเยอะหน่อยคือ บทของสมาชิกคนอื่นที่อุตส่าห์บอกชื่อมาแล้ว อยากให้มีบทภายหลังบ้าง และมีบอกทริคของโกะเยอะๆ เพราะยังไงนี่ก็เป็นฟิคหมากล้อม

    จะรออ่านตอนต่อไปค่ะ :penhappy:

    (อีดิทแก้คำผิดค่ะ)
  3. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    ดอกรักบานในห้องคอม~ :hlr:

    เริ่มต้นได้ดีสำหรับโกะตอนแรก แต่อยากให้อธิบายกฎเบื้องต้นของโกะเป็นบทสนทนาต่อๆกันเลย เพราะอันนี้อ่านแล้วผมรู้สึกแทรกด้วยบทสนทนาแบบพูดคุยกันตลอด คนไม่มีพื้นฐานอย่างผมอ่านแล้วไม่ปะติดปะต่อ ค่อนข้างงงทีเดียวครับ

    ติงจริงๆเรื่องบทสนทนา เพราะมันอ่านแล้วไม่เป็นธรรมชาติ ผมหมายถึงของพลอยกับผิงครับ อาจจะเป็นเพราะอาเซไม่คล่องคำพูดของผู้หญิงเท่าไรและกังวลคำพูด บทสนทนาของสองคนนี้ส่วนใหญ่จึงไม่ต่างจากบทบรรยายเลย ทำให้อ่านแล้วโทนเรื่องราบเรียบไปในแนวเดียวกัน แถมแยกคาแรคเตอร์พลอย-ผิงไม่ออกเสียด้วย แต่พอถึงบทแซวของสองหนุ่มบอมบ์-เกมส์นี่ ลื่นไหลเป็นธรรมชาติเชียว
    ฟิคถ้าจะเน้นความเป็นธรรมชาติ ไม่เน้นภาษาเขียน ต้องปรับการสนทนาให้เป็นภาษาพูดให้มากที่สุดจะกลมกลืนและลื่นไหลครับ (แต่ถ้าแต่งวรรณกรรมจริงๆ แบบพวกแฟนตาซีอะไรงี้ก็อีกเรื่องนึง)

    มีเรื่องระดับภาษานิดหน่อย ตอนต้นเปิดมาก็สุภาพบุรุษ สุภาพสตรีเลยทีเดียว ผมเข้าใจเอาเองว่าอาเซจะแต่งให้ดูมีมนต์ขลัง แต่ปรากฏว่าโทนเรื่องมันเป็นแนวสบายๆ มันเลยรู้สึกว่าระดับภาษากระโดด

    ติงมามาก ส่วนที่ชอบก็มีคือการบรรยายบรรยากาศโดยรวมสร้างภาพพจน์ได้ดีครับ โดยเฉพาะช่วงเล่นโกะให้อารมณ์มากๆ ความเงียบที่เคร่งเครียด การขับเคี่ยวกัน บรรยายออกมาได้ดีเลย (expect ว่าบทต่อๆไปจะเครียดมันส์กว่านี้ด้วย) อีกอย่างจะบอกว่าผมชอบตอนท้ายด้วยสิ ไม่อยากชมตัวจริง แต่จะบอกว่าเกมส์น่ารักดี ฮา
    อยากให้เพิ่มบทของพลอย-เกมส์มากขึ้น เพราะไงๆฟิคก็ต้องมีตัวเอกนะครับ ไม่งั้นมันจะเป็นบรรยายที่ไร้อรรถรส แล้วก็หวังว่าแทคติคโกะจะโผล่มาสอนกระผมในบทต่อๆไปด้วยเน้อ :3
  4. Aki

    Aki Paradox Observer

    EXP:
    485
    ถูกใจที่ได้รับ:
    41
    คะแนน Trophy:
    48
    มาเม้นท์หลังจากที่อ่านไว้สักพักแล้ว

    นอกเหนือจากเรื่องคำผิดและการเขียนภาษาอังกฤษตามที่เคยได้บอกไปแล้ว ก็คงเป็นเรื่องสำนวนภาษาและบทวรรณกรรม (เนื้อเรื่องยังโนคอมเม้นท์นะ ขอตามอ่านอีกสักพักก่อน)

    สิ่งแรกที่รู้สึกขัดเวลาอ่านคือเรื่องของระดับภาษาระหว่างต้นเรื่อง กลางเรื่อง และท้ายเรื่อง รวมถึงบทพูดระหว่างตัวละครที่ทำให้ดูเนื้อเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆเนือยๆ (หรือเพราะยังไม่มีเหตุการณ์อะไรให้ตื่นเต้นก็ไม่รู้?) อ่านในช่วงต้นให้ความรู้สึกหนักและกดดันตามแบบฉบับเรื่องที่เน้นการประลองและแข่งขัน แต่ตอนท้ายให้ความรู้สึกสบายชวนอมยิ้มระหว่างการหยอกล้อกันของรุ่นพี่และรุ่นน้องอารมณ์นิยายวัยรุ่น คู่รัก...

    เดาว่าคนเขียนเองอยากดำเนินเรื่องด้วยทั้งสองส่วนระหว่างเรื่องของโกะและเรื่องของความรัก ซึ่งหากเชื่อมกันได้ก็คงสนุกมากและทำให้การดำเนินเรื่องชวนติดตา่มได้เยอะ แต่จากประสบการณ์เล็กๆของตัวเองพบว่า การบรรยายสิ่งที่เขียนสะท้อนให้เหมือนสิ่งที่เห็นเป็นเรื่องยากมาก โดยเฉพาะเมื่อต้องกระชากอารมณ์คนอ่านระหว่างโกะและความรักให้ขาดจากกันแต่เกี่ยวข้องกัน (ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกันแหะ) เพราะการอ่านไม่จัดเตรียมภาพและเสียงให้คนดูโดยตรง แต่ใช้ภาษาเพื่อชักนำให้เขามีจินตนาการตามแบบฉบับเขาในกรอบที่เราวางไว้ ... คำแนะนำสำหรับเรื่องนี้ คือพยายามใช้เทคนิคทางการเขียนวรรณกรรมเข้าช่วยจะทำให้ดึงดูดและกระตุ้นความรู้สึกคนอ่านได้เพิ่มขึ้นมาก ซึ่งจะขออธิบายในส่วนต่อไปหลังจากนี้


    จากที่ตามอ่านงานของเกมมาพอสมควร... ผมได้ข้อสรุปบางอย่างพอสมควร คือ สำหรับตัวผมเองแล้วยังไม่สามารถระบุแนวทางหรือสไตล์การเขียนของเกมได้อย่างชัดเจน ว่ากันตามตรงคือ ยังรู้สึกว่าไม่มีลูกเล่นหรือกลวิธีในการเขียนที่ผมจะแยกแยะงานของเกมออกจากงานของคนอื่นได้โดยตรง
    'คาดว่าเป็นเพราะพึ่งเริ่มต้นกลับมาเขียนได้ไม่นาน'

    พูดกันในหมู่เพื่อนฝูง... เวลาผมอ่านงานของพี่จ้อย ของโอนิ ของต้อม หรือของนิว ผมจะเห็นการเล่นคำและสำนวนตามแบบฉบับของแต่ละคน และมันให้ความรู้สึกว่า "เห้ยยย อย่างนี้ต้องเป็นงานฝีมือนักเดินทางแน่ๆ... การบรรยายชักชวนให้เน้นร่วมผจญภัยไปด้วย ลุยๆ ภาษาพื้นๆแต่ให้อรรถรสที่เข้มข้น"
    แต่ส่วนใหญ่เวลาอ่านงานของเกม มันให้โทนรู้สึกเรียบๆ เรื่อยๆ ออกไปทางการบรรยายในระดับราบและแห้ง บางทีก็เห็นภาพชัดเจนเกินไป และบางครั้งก็ปล่อยว่างเกินไป จนผมไม่สามารถคิดต่อหรือเลยจากที่เกมเขียนได้ และนั่นคือส่วนที่ผมแนะนำไว้ตอนต้นเกี่ยวกับการใช้เทคนิควิธีการเขียนเพื่อกระตุกคนอ่าน

    ขอยกตัวอย่างเช่นส่วนนี้เพื่อให้เห็นภาพที่ผมกำลังอธิบาย....




    สิ่งที่อยากให้สังเกตคือ บทรับ-บทส่ง ระหว่างตัวละคร ส่วนใหญ่ใช้คำว่า 'ถาม-ตอบ-เสริม' โดยส่วนตัวผมเลยรู้สึกแยกไม่ออกว่าลักษณะของตัวละครที่พูดกันทั้งสองต่างกันยังไง คือ ไม่อาจคิดลักษณะเพิ่มเติมของตัวละครทั้งสองได้ เพราะมีแต่คำพูดถามมาตอบไปอย่างตรงๆ

    อีกส่วนที่เกี่ยวเนื่องกันมา (ซึ่งขอแสดงความเห็นเฉพาะบทนี้) คือ การบรรยายลักษณะของตัวละคร หลังจากที่ผมอ่านแล้วผมรู้แต่ว่าตัวละครชื่ออะไร พอจะมีนิสัยยังไง(บ้าง) แต่ไม่รู้ว่าลักษณะของตัวละครแต่ละตัวเป็นยังไง พลอย ผิง เกม ป่อม มีท่าทางหรืออากัปกิริยาประจำตัวที่แตกต่างกันยังไง

    เมื่อมันกลายเป็นบทบรรยายมากกว่าบทพรรณนา ผมเลยไม่รู้สึก'อิน'ตามการสนทนาหรือเนื้อเรื่องเท่าที่ควร

    ผมคิดว่าการใส่ลูกเล่นอย่างอื่นการใช้เทคนิควรรณกรรมอย่างการ "ให้... แต่บอกไม่หมด" น่าจะช่วยเรื่องนี้ได้อีกเยอะ คือ บรรยายลักษณะบางส่วนของตัวละคร อาจจะระหว่างพูด หรือระหว่างฟัง แต่ไม่ต้องให้ทุกอย่างโดยละเอียด ปล่อยทิ้งไว้บางส่วนให้คนอ่านคิดตามได้เอง จะทำให้เรื่องน่าติดตามขึ้น และดึงอารมณ์ร่วมของคนอ่านมากขึ้นครับ

    หลังจากที่แต่งไปบ่อยๆแล้วผมเชื่อว่าเกมจะพบสไตล์การแต่งของตัวเองแน่นอน แต่ถ้าถามผมตอนนี้ ผมยังแยกได้ไม่ชัดเจนนักอย่างที่บอกไว้ ฝีมือก็คือการขัดเกลาให้เฉียบคมขึ้นและงดงามขึ้น

    อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นแค่ความเห็นของมือสมัครเล่นแบบผมอ่ะนะ (พูดมาเยอะ แต่เวลาแต่งเอง ผมก็กากเหมือนกัน ฮาาาาา) แต่ที่แนะนำก็อยากแนะนำจากใจจริงและความรู้สึกจริงๆเวลาที่อ่าน


    ยังไงก็จะติดตามความเคลื่อนไหวระหว่าง 'เกม' และ 'พลอย' ในเรื่องนี้ต่อไปละกัน... หวังว่าเนื้อเรื่องจะเข้มข้นเรื่อยๆ เจอกันใหม่ตอนหน้า ฮาาาาา
  5. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    ขอบคุณทุกๆคอมเมนต์และคำแนะนำทั้งหมดด้วยครับ

    ขอประทานโทษด้วยจริงๆที่ออกตอนแรกมาแบบผิดๆพลาดๆ ไมไ่ด้เรียบร้อยอะไรมากนัก

    ถ้ายังไงขอฝากตอนสองไว้พิจารณาด้วยครับ (^ ^)
  6. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    =====================================

    ตอนที่ 2 : การโคจรพบกันของหมากดำและขาว

    =====================================



    วันหยุดพักผ่อนอย่างวันอาทิตย์ที่ใครหลายคนยังนอนหลับอยู่บนเตียงด้วยความขี้เกียจ ยิ่งอากาศตอนใกล้ๆเวลาเที่ยงร้อนราวกับจะหลอมละลายทุกสิ่งทุกอย่าง ยิ่งทำให้ใครหลายคนเลือกที่จะอยู่ภายในห้องและเปิดพัดลมจ่อตัวมากกว่าจะออกไปทำอะไรที่ไหน


    แต่ ณ ห้องคอมพิวเตอร์ สถานที่สุมหัวกันของสมาชิกกลุ่มกิจกรรมคอมพิวเตอร์ ความร้อนแรงที่เกิดจากการปะทะกันของหมากดำและหมากขาวบนกระดานไม้สี่เหลี่ยมขนาดราวสองฟุตยังเหนือกว่าความร้อนจากดวงอาทิตย์ในยามนี้เสียอีก


    ชายสองคนและหญิงสองคนเลือกที่จะนั่งตีหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่หน้าเกมกระดานที่เรียกว่า 'หมากล้อม' เป็นเวลานานกว่าสามชั่วโมงตั้งแต่เช้าแล้วที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นนอกจากคิด คิด แล้วก็คิด


    "แพ้แล้วครับ" 'บอมบ์' ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ เขาขยับแว่นตาให้เข้าที่ก่อนจะกล่าวคำยอมแพ้และก้มหัวให้กับคู่แข่งที่อยู่ตรงหน้า รุ่นพี่หนุ่มที่พิชิตเขาในเชิงหมากล้อมได้


    "เล่นดีขึ้นเยอะนะ" ผมตอบกลับไปในขณะที่ค่อยๆเอนตัวลงนอนราบกับพื้น

    "ยังอีกไกลเลยกว่าจะชนะพี่ได้"


    "เฮ่ย! แพ้ชนะมันเป็นเรื่องปกติน่า แต่วันนี้เดินหมากเฉียบคมมาก แถมอ่านหมากตอนสู้กันได้ดีอีก ถือว่าพัฒนาขึ้นเยอะนะ" ผมดีดตัวขึ้นมานั่ง พิเคราะห์ดูหมากขาวและหมากดำที่หยุดนิ่ง กระจัดกระจายอยู่บนกระดาน


    "ตรงนี้นะ ถือว่าเยี่ยมเลย รอดจากการโจมตีของพี่แล้วยังโจมตีกดดันสวนกลับได้อีก ไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆเลยนะ" ผมชี้นิ้วลงไปยังบริเวณการต่อสู้ของหมากขาวดำบริเวณด้านข้างกระดาน "วันนี้ไปกินยาดีที่ไหนมาเนี่ย" อดไม่ได้ที่จะแซวรุ่นน้องกลับไป

    "มันก็ต้องมีวันที่มือขึ้นบ้างแหละพี่" เจ้ารุ่นน้องตัวดีตอบกลับมา



    "ฝั่งสาวๆเค้าเป็นยังไงกันบ้างละเนี่ย?" ผมเปลี่ยนเรื่องพร้อมกับหันไปดูบนกระดานเก้าเส้นที่สาวสวยสองคนกำลังปะทะกันด้วยความคิด



    'ผิง' รุ่นน้องสาวสวยหมวยแต่ไม่เอ็กซ์ สีดำของหมากในเรียวนิ้วของเธอตัดกับผิวขาวผ่องที่ปลายนิ้วชวนมองยิ่งนัก ผู้ชายหลายๆคนคงอยากเป็นเม็ดหมากดำในตอนนี้แน่ๆ แม้ว่าจะถูกวางกระแทกกับไม้แข็งๆจนหัวแตกก็ตาม

    'พลอย' สมาชิกใหม่ของกลุ่มไอทีแทคและก๊วนสมาชิกหมากล้อม ดวงตากลมโตใต้แว่นกรอบใหญ่สีดำที่กำลังจับจ้องอยู่ที่ตำแหน่งที่หมากดำเพิ่งถูกวางลงไป แววตาบ่งบอกว่าเธอกำลังครุ่นคิดอยู่ เม็ดหมากขาวที่นอนสงบนิ่งในโถไม้เทียบไม่ได้กับผิวขาวๆของพลอย แต่เมื่อเทียบกับรุ่นพี่คู่ประลองเพลงหมากอย่างผิงแล้วพลอยก็ยังขาวน้อยกว่าอีก ยัยผิงนี่พลังโอโมมากๆ


    พูดถึงแต่สาวๆจนเกือบจะลืมพูดถึงสถานการณ์บนกระดาน ตอนนี้ยังเรียกว่าคู่คี่สูสีกันอยู่เพราะว่าเพิ่งจะเริ่มเล่นได้ไม่นานนัก คาดว่าอีกสักสิบนาที สิบห้านาทีแหละคงจะรู้ผล กระดานเล็กเก้าเส้นนั้นเล่นกันไม่นานนัก เหมาะกับมือใหม่ที่จะได้ฝึกเล่นและไม่ซับซ้อนเกินไปนัก


    ผมแอบชำเลืองมองพลอยเล็กน้อย แม้ว่าผมหน้าของเธอจะปรกลงมาบังบางส่วนของใบหน้าไปบ้าง แต่เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว แต่เพื่อไม่ให้ดูว่าน่าเกลียดเกินไปผมก็ต้องชำเลืองไปมองผิงบ้างจะได้ดูว่าเป็นธรรมชาติ หมากเม็ดแล้วเม็ดเล่าถูกวางลงบนตำแหน่งต่างๆ ผมแอบเห็นผิงยิ้มแล้วก็พยักหน้าเป็นบางทีเมื่อพลอยเดินหมากในตำแหน่งที่ถูกต้อง


    เวลาล่วงเลยไปตามที่คาดไว้ ผลของการแข่งระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้องจบลงแล้ว ผลลัพธ์ว่าได้รับชัยชนะหรือพ่ายแพ้คู่แข่งไม่ใช่สิ่งสำคัญ หากแต่เป็นความสุขที่ได้จากการเล่น รอยยิ้มแห่งความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าของสองสาวเกือบจะพร้อมๆกันที่เล่นจบกระดาน


    "เล่นดีขึ้นจากเมื่อวานเยอะเลยนะ ท่าทางจะจับหลักได้แล้วละ" ผิงยิ้มร่า

    "ก็พอจะเข้าใจมากขึ้นแล้วค่ะ แต่ก็ยังโดนจับกินไปหลายเม็ดอยู่เลย เสียดายอะ" พลอยชี้นิ้วไปที่หมากเชลยของตัวเองที่อยู่ในฝาปิดโถหมากล้อม

    "ก็... มันก็เป็นหลักการที่ว่า การจะได้อะไรสักอย่างต้องมีต้นทุน หมากของพลอยถูกจับกินไป แต่พลอยก็ได้แต้มตรงนี้ไง" รุ่นพี่สาวสวยอธิบาย ผมมองอยู่อย่างเงียบปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเธอในการสอนพลอย



    "พักกันหน่อยไหมสาวๆ?" ผมถามขึ้น ส่วนเจ้าบอมบ์หนีไปคุ้ยหาของกินในตู้เย็นแล้ว

    "ก็ดีค่ะพี่" ยัยผิงตอบพร้อมลุกขึ้น ยังไม่วายฉุดพลอยให้ลุกขึ้นแล้วดันหลังเธอเข้าห้องประชุม "หาอะไรกินกันดีกว่า หิวแล้วอะ ไป! พลอย"


    สรุปแล้วทั้งก๊วนก็เข้าไปกินขนมนมเนยที่ซื้อมาตุนไว้ตั้งแต่เช้าประทังความหิวกันก่อน สักพักห้องก็ครึกครื้นขึ้นเมื่อป่อมกับเป็ดเดินทางมาถึง พวกมันสองคนพักอยู่ห้องเดียวกันก็เลยมาพร้อมกันเป็นประจำ


    "ก๊วนหมากล้อมนี่มากันแต่เช้าเลยนะเนี่ย วันๆไม่ทำอะไรเอาแต่โขกหมากล้อม ใช้ไม่ได้เลย" เจ้าเป็ดแซวมาแต่ไกล เสียงมาก่อนที่ตัวจะเข้าประตูซะอีก

    "อย่าไปยุ่งกับฮาเร็มของพี่เกมส์เค้าเลย เป็ด" ไอ้ป่อมเข้าแถวต่อหลังแซวมาเลย


    "ป่อม ถ้าแกยังแซวมากๆ พี่จะแช่งให้หัวแกมีผมน้อยลงกว่านี้อีกนะเว้ย" ถึงแม้ป่อมกับผมจะอยู่ปีสี่เหมือนกัน แต่ผมดันเกิดก่อนมันปีนึงก็เลยต้องถูกมันเรียกพี่ไปซะนี่ "แล้วก็เป็ด หมากล้อมเค้าไม่ได้เรียกว่าโขกเหมือนหมากรุกนะเว้ย" ผมสวนเจ้ารุ่นน้องผิวดำไป

    "แล้วพี่โขกหมากรุกกับผมปะหละ" มันท้าผมด้วยหมากรุกเพราะมันรู้ดีว่าผมเล่นหมากรุกไม่ค่อยเก่งเท่าไรนัก ส่วนมันเป็นเทพเจ้าหมากรุก เล่นทีไรผมไม่เคยเอาชนะมันได้เลย

    "ขอผ่านว่ะ" ผมโบกมือเป็นเชิงไล่



    "พี่เป็ดขอคุยงานด้วยหน่อยสิคะ" พลอยตะโกนมาจากหน้าตู้เย็นแล้วรีบวิ่งมาหาของในกระเป๋า "เนื้อหาที่จะทำประชาสัมพันธ์น่ะค่ะ" เธอหยิบกระดาษสองสามแผ่นให้เป็ดดู


    "โห ทำไวนะเนี่ย" เป็ดเปิดกระดาษดูผ่านๆ "อืม รายละเอียดเกือบครบแล้วละ ขาดแต่ข้อความมันยังไม่ดึงดูดน้องๆเท่าไรเลย แต่อันนี้ก็ดีแล้วนะ ลองทำมาหลายๆแบบก็ได้ เดี๋ยวเอามาช่วยกันเลือกดูก็ได้นะ"

    "ขยันมากน้อง กดไลค์เลย" ป่อมยกนิ้วโป้งให้พลอยสองมือ "เด็กแว่นก็เก่งกันแบบนี้ทุกคนแหละ" สุดท้ายก็พูดเอาเข้าตัวเองด้วยสิเพราะมันก็ใส่แว่นเหมือนกับเธอ



    ทั้งสองคนขอตัวไปจัดการคอมพิเวเตอร์ที่เสียอยู่ด้านนอก ส่วนพวกผมก็นั่งดูทีวีกันอยู่ด้านใน วันสบายๆก่อนเปิดเทอมแบบนี้ต้องตักตวงความสุขให้เต็มที่ เติมพลังให้กับร่างกายและจิตใจให้พร้อมสู้กับการเรียนและกิจกรรมที่จะมีไปตลอดสี่เดือนข้างหน้า ตลอดวันนี้ทั้งวันที่เหลือพวกเราก็ยังเล่นหมากล้อม สลับคู่กันเล่นกัน สอนพลอยบ้าง ช่วงพักผมออกไปช่วยเป็ดกับป่อมซ่อมคอม เพราะยังไงเราก็เป็นกลุ่มกิจกรรมคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ให้บริการนักศึกษาจึงต้องเตรียมคอมทุกเครื่องให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานที่สุด



    เวลาแห่งความสุขมันผ่านไปไวนัก เผลอแปปเดียวก็เย็นแล้วก็ค่ำ สุดท้ายก็ดึกจนเกือบจะถึงเวลาปิดหอ พวกเราหกคนปั่นจักรยานไปเซเวนอีเลฟเว่นอันเป็นจุดเช็คพอยต์ก่อนเข้าหอสำหรับเด็กกิจกรรมที่อยู่จนดึกดื่น ซื้อน้ำซื้อขนมกันเสร็จก็แยกย้ายกันกลับตามโซนหอพัก แน่นอนว่าผมโดนให้ไปส่งน้องพลอยแน่นอนโดยความคิดของผิงและบอมบ์



    น่าแปลกที่วันนี้ผมกับพลอยต่างคนต่างเงียบไม่มีบทสนทนาระหว่างทางที่กลับหอเลย ถ้าเป็นบนกระดานหมากล้อมละก็คงต้องบอกว่าเงียบหยั่งเชิงกันอยู่ แต่ผมเองก็อ่านใจผู้หญิงไม่เก่งเหมือนอ่านหมากบนกระดานเสียด้วยสิ



    จนล้อรถจักรยานหยุดอยู่หน้าหอพักของพลอยแล้วเธอก็ยังคงเงียบอยู่ดี เธอก้าวลงจากเบาะหลังมายืนข้างๆก่อนจะพูดขอบคุณที่ผมมาส่งแล้วยืนก้มหน้านิ่งอยู่ ผมเองมีประโยคที่อยากจะพูดกับเธออยู่เหมือนกันแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี จนจังหวะที่พลอยชี้นิ้วไปทางหอส่งสัญญาณเป็นนัยว่าเธอจะไปแล้วและหันหลังเดินห่างผมไป



    "เอ่อ" เสียงทักของผมทำให้เธอหยุดฝีเท้าลงแต่เธอก็ยังไม่หันหน้ากลับมา

    "อ่า... พรุ่งนี้... พลอยว่างรึเปล่าครับ" ผมถามลองเชิงไปก่อน ดูซิว่าเธอจะมีปฏิกิริยากับคำถามนี้อย่างไร


    เธอไม่ตอบอะไรกลับมา เอาแล้วสิ! สงสัยต้องกระทุ้งอีกสักที


    "ไม่ว่างเหรอครับ" เธอแหงนหน้ามองท้องฟ้า ดวงจันทร์เสี้ยวลอยเด่นอยู่ "พี่เกมส์มีอะไรรึเปล่าคะ?"



    "คือ... พี่จะชวนไปซื้อของที่ฟิวเจอร์พาร์คพรุ่งนี้น่ะ สะดวกไหมเอ่ย" ผมตัดสินใจบอกวัตถุประสงค์ออกไป

    "แค่ไปซื้อของเหรอคะ?" คำถามนี้เหมือนกับผมกำลังโดนต้อนให้จนมุมที่ขอบกระดาน เอาละสิ!

    "ก็อาจจะหาอะไรกินด้วย แล้วก็ต้องดูก่อนละว่าเวลาเหลือพอจะทำอะไรได้บ้างน่ะนะ" ผมบอกแล้วก็รอฟังคำตอบอยู่ เธอแกว่งกระเป๋าไปมาเหมือนกำลังคิด



    "ไปก็ได้ค่ะ แต่ว่าสายๆหน่อยได้ไหมคะ ตอนเช้าพลอยต้องไปช่วยรูมเมทขนของก่อนน่ะ"

    "ได้ครับ แล้วแต่พลอยสะดวกละกัน"



    "งั้น...เจอกันพรุ่งนี้นะคะ คืนนี้ฝันดีค่ะ" เธอตอบทั้งที่ยังหันหลังให้ผม เสียงของเธอลอยมาตามสายลมที่พัดมาวูบหนึ่ง กิ่งไม้ไหวสั่นเป็นจังหวะลู่ไปกับสายลมแต่หัวใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะกับคำตอบของพลอย ผมมองดูเธอเดินเข้าไปในตึกจนหายลับไป ท่าทางคืนนี้ผมคงจะได้ฝันดีจริงๆน่ะแหละ





    ตีสองกว่าๆ พลอยส่งข้อความมาหาผมว่า 'จะรอที่หน้าโรงอาหารตอนสิบเอ็ดโมง'



    ●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○


    เช้าวันนี้ผมรีบตื่นมาทำธุระส่วนตัวตั้งแต่เช้าตรู่ เล่นเน็ตอ่านข่าวตอนเช้านิดๆหน่อยๆ พอใกล้เวลานัดหมายผมจึงออกเดินทางด้วยจักรยานคู่ใจไปยังโรงอาหาร จอดรถแล้วล็อกให้เรียบร้อย นั่งรออยู่ที่เก้าอี้ม้าหินอ่อนแถวๆนั้น หยิบมือถือออกมาดูเวลา… อีกสิบห้านาทีจะถึงสิบเอ็ดโมง นั่งได้อีกแปปเดียวผมก็เห็นพลอยเดินมาแต่ไกล เธอใส่เลกกิ้งสีดำกับเสื้อยืดสีฟ้าทับด้วยเสื้อคลุมแขนยาวสีม่วงอ่อน แถมวันนี้เกล้าผมไว้ด้วยดูแปลกตาดี


    "สวัสดีจ้ะ กินอะไรมารึยัง?" ผมทักทายตามปกติกับเธอ

    "ยังเลยค่ะ กะว่าจะไปหาอะไรกินที่ฟิวฯน่ะแหละ"

    "’งั้นไปกันเลยดีกว่านะ" ว่าแล้วผมและเธอก็ออกเดินด้วยเท้าไปขึ้นรถตู้ที่ท่ารถอยู่ไม่ไกลจากโรงอาหารเท่าไรนัก เดินไปคุยกันไปเรื่อยๆ ขึ้นรถแล้วใช้เวลาแค่สามสิบนาทีก็ถึงจุดหมายปลายทางของวันนี้ พลอยบอกกับผมว่ายังไม่หิวเท่าไรนักให้ไปซื้อของกันก่อนก็ได้เธอเองก็มีของต้องซื้อเหมือนกัน


    ผมไปลากรถเข็นออกมาเดินตามหลังพลอยไปที่แผนกเครื่องสำอาง เธอเลือกซื้อแป้งกับโคโลญอยู่นาน ผมเลียบๆเคียงๆถามว่าเธอชอบกลิ่นไหนเก็บข้อมูลไปพลางๆ ได้คำตอบว่าเธอชอบกลิ่นลาเวนเดอร์ เสร็จแล้วก็เลือกซื้อของใช้ส่วนตัวของเธอและผมแต่หนักไปทางผมซื้อของใช้ของตัวเองซะเยอะ แน่ละ! ก็วันนี้ผมมาซื้อของเป็นเป้าหมายหลักนี่นา


    เลือกซื้อของ จ่ายเงินเสร็จแล้วผมกับพลอยก็ไปหาอะไรกินกัน ผมให้เธอเป็นคนตัดสินใจเลือกร้าน เธอยืนคิดอยู่สักพักก็บอกว่าไปหาอะไรกินง่ายๆที่ฟู้ดคอร์ทดีกว่าเราสองคนเลยไปที่ฟู้ดคอร์ดหาข้าวเที่ยงกินกัน เธอทานข้าวราดแกงสองอย่างในขณะที่ผมทานก๋วยเตี๋ยว คุยๆกันระหว่างทานข้าวได้ความว่าเธอเป็นคนนครสวรรค์ มิน่าถึงได้น่ารักเหมือนนางฟ้าที่อยู่บนสวรรค์ขนาดนี้


    "แล้ว... จะไปไหนกันต่อดีละ?" ผมถามเธอขึ้นมา หาเรื่องชวนเธอให้อยู่ด้วยกันอีกสักพัก

    "พี่เกมส์ซื้อของหมดแล้วใช่ไหมคะ?"

    "ก็หมดแล้วละ" ผมตอบไป "แล้วพลอยซื้อของครบแล้วนะ?"

    "ครบแล้วเหมือนกันค่ะ ตอนนี้ก็บ่ายกว่าๆเกือบบ่ายสองเอง" เธอพลิกข้อมือดูนาฬิกา "ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็กลับก็ได้ค่ะ แต่ถ้าพี่เกมส์อยากจะไปไหนต่อก็บอกได้นะ"

    "จริงๆแล้วก็ว่าจะดูหนังต่ออะนะ แต่คิดไปคิดมาไม่ดูแล้วดีกว่า กลับไปไอทีแทคเล่นเน็ตเล่นโกะตามปกติดีกว่า"

    "อืมก็ดีค่ะ พลอยก็ซื้อของไปเยอะด้วย ไม่มีตังค์ดูหนังแล้วอะ"

    "งั้นก็กลับกันเลยก็แล้วกันนะ"


    ผมชวนพลอยกลับ ช่วยหิ้วถุงของ ไปส่งเธอที่หอเก็บของแล้วก็ไปที่ไอทีแทคพร้อมๆกัน วันนี้ช่างเป็นวันที่มีความสุขมากๆวันหนึ่งสำหรับผมเลย



    "หวัดดีครับพี่เกมส์" เสียงของ 'บิ๊ก' รุ่นน้องกล้ามบึ๊กผิวคล้ำตัวไม่ใหญ่สมชื่อ หนึ่งในทีมงานฝ่ายเทคนิคเหมือนกับเป็ดและป่อมทักทายผม ผมยกมือรับไหว้ก่อนเข้าไปคุยถึงเรื่องกิจกรรมปฐมนิเทศนิดหน่อย ส่วนพลอยเดินเข้าไปในห้องประชุมก่อนแล้ว


    "โอเค งั้นเตรียมคอมไปสองเครื่อง เครื่องนึงเอาไว้เปิดพาวเวอร์พอยต์ อีกเครื่องเอาไว้ลงทะเบียนก็แล้วกัน" บิ๊กรับปากจะช่วยจัดการเรื่องคอมที่จะใช้ในงาน


    "ว่าแต่พี่เกมส์ไปเที่ยวไหนกับพลอยมาเนี่ย" บิ๊กถามอย่างรู้ทัน

    "จะเปิดเทอมแล้วก็เลยไปซื้อของใช้กันนิดๆหน่อยๆน่ะ" ผมตอบไปตามความจริงแต่เจ้าบิ๊กทำหน้าไม่เชื่อ แซวกันเล่นอีกนิดหน่อยผมก็ตามเข้าไปในห้องประชุม



    "พี่เกมส์มาพอดีเลย มีคนมาขอเล่นหมากล้อมด้วยแน่ะ"


    เสียงยัยผิงดังมาแทบจะวินาทีเดียวกับที่ผมเปิดประตูก้าวเท้าเข้าไปในห้อง ผมกวาดสายตามองในห้องเห็นผิงนั่งเล่นหมากล้อมกับผู้ชายคนหนึ่ง คนเป็นคนนี้ที่ผิงพูดถึง มองไม่เห็นเจ้าบอมบ์คงจะยังไม่มา ส่วนพลอยกำลังหาหนังสืออยู่ที่ชั้นหนังสือ


    "สวัสดีครับ" ผู้ชายคนนั้นทักผมพร้อมกับค้อมหัวให้

    "อันนี้พี่เกมส์ ปีสี่ที่เราพูดถึงน่ะ ส่วนนี่ 'โดม' ปีสาม คณะบัญชี" ผิงแนะนำให้รู้จักกัน ผมเดินเอากระเป๋าไปวางบนโต๊ะก่อนเดินมาดูสถานการ์ณบนกระดาน พลอยเลิกหาหนังสือแล้วมานั่งข้างๆผิง



    'ยัยผิงถือหมากดำ... โดนหมากขาวตีแตกกระจุยเป็นกลุ่มๆ แถมหมากขาวยังได้พื้นที่ขนาดใหญ่ตรงมุมกระดานแล้วขยายออกสองฝั่งอีก ไม่เลว'


    "น้องโดมเล่นโกะมากี่ปีแล้วละครับ" ผมถาม

    "ก็เล่นมาตั้งแต่ม.ปลายน่ะครับ พอดีได้ยินว่าที่นี่มีคนเล่นหมากล้อมมารวมตัวกันก็เลยมาดูๆน่ะครับ"

    "ดูจากบนกระดานนี่เล่นเก่งเลยนะ เก่งกว่าพี่ซะอีกเนี่ย" ผมหยั่งเชิงอีกฝั่ง

    "ไม่หรอกครับพี่ ลองเล่นกันดูก่อนไหมครับ"

    "กระดานนี้รู้ผลกันแล้วสินะ" ผมถาม

    "ผิงยอมแพ้ไปแล้วอะ สู้ไม่ได้เลย" ยัยผิงพูดจบก็ลุกขึ้นให้ผมนั่ง หลังจากจัดแจงกระดานให้พร้อมเล่นแล้ว ผมทายหมากได้ถือหมากขาว ส่วนโดมได้ถือหมากดำ

    "แนะนำด้วยครับ" โดมพูดขึ้น บ่งบอกได้ว่าเขารู้เรื่องเกี่ยวกับหมากล้อมพอสมควรทีเดียว

    หมากดำตาแรกเดินเปิดเข้ามาที่มุมซ้ายล่างของผม ผมรู้ได้โดยนัยว่านี่คือการเปิดหมากของผู้ที่มีฝีมือเชี่ยวชาญในหมากล้อมพอสมควร ผู้ที่ด้อยอาวุโสกว่าจะถือหมากดำและเปิดหมากที่มุมซ้ายล่างของผู้อาวุโสที่ถือหมากขาว



    ‘เอาแบบนี้สินะ'


    ผมบรรจงหยิบหมากขาวขึ้นจากโถวางลงบนกระดานในตำแหน่งจุดดาวมุมขวาล่างของกระดาน บ่งบอกว่าพร้อมรับมือการเล่นของหมากดำ



    "แก๊ก!" พริบตาที่ผมปล่อยนิ้วจากเม็ดหมากของตัวเอง อีกฝั่งก็ชิงวางหมากอีกตาลงบนกระดานทันที



    'หมากเร็วงั้นรึ? หรือว่าแค่หยั่งเชิง แถมยังเปิดหมากไขว้อีกด้วย ถ้าไม่มั่นใจในคงไม่กล้าเล่นแบบนี้แน่ๆ'


    ทันทีที่ความคิดสิ้นสุดลงผมล้วงมือลงไปหยิบหมากแล้วกระแทกวางลงในมุมซ้ายบนทันที สถานการณ์ที่เรียกว่า 'หมากไขว้' เป็นรูปแบบการเปิดเกมส์ที่ต่างฝ่ายต่างยึดมุมเป็นฐานในการสร้างพื้นที่คนละมุมของกระดานแทยงกัน เป็นการเปิดกระดานที่ยากรูปแบบหนึ่ง



    หมากดำเปิดฉากจู่โจมหมากขาวก่อนที่มุมขวาล่าง ผมจึงตัดสินใจรุกกลับด้วยหมากกระนาบข้าง หมากดำตอบรับตามแบบฉบับที่เรียกว่า 'สูตรมุม' หลังจากตอบโต้กันเสร็จ หมากขาวเป็นฝ่ายยึดพื้นที่ในมุมไว้ได้และมีกองกำลังที่ด้านข้างกระดานอยู่ส่วนหนึ่งในขณะที่หมากดำสร้างกองกำลังที่แข็งแกร่งอยู่ด้านนอก ผมตอบโต้กลับด้วยการบุกที่มุมขวาบน หมากดำ-ขาวจำนวนเจ็ดเม็ดถูกวางลงในชั่วเวลาไม่ถึงห้าวินาที ณ มุมนี้



    ผมชักเริ่มสนุกที่มีคู่ต่อสู้ฝีมือใกล้เคียงกันและทันกันในเชิงหมาก พลันเรื่องอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับหมากล้อมหายไปจากความคิด



    'เล่นตามตำรางั้นรึ ถ้างั้นลองแบบนี้ดูหน่อยสิ'

    ผมตัดสินใจใช้สูตรมุมที่มีความยากและซับซ้อนมากๆที่เรียกว่า 'หิมะถล่มใหญ่’ หากไม่ใช่คนที่ช่ำชองจริงๆจะเล่นผิดจนกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และดูเหมือนจะได้ผลเพราะหมากดำชะงักมือไปสักพักแล้ว



    "แก๊ก!"

    แต่วินาที่ที่หมากดำถูกวางลงบนกระดานทำให้ผมต้องตื่นเต้นอีกครั้ง เพราะเส้นทางที่หมากดำเลือกนั้นเป็นเส้นทางที่เรียกได้ว่าซับซ้อนที่สุด ผมเผยอยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย มือขวาล้วงลงในหยิบเม็ดหมาก



    'จะเอาแบบนี้งั้นรึ? ได้!'



    ●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○



    คงไม่น่าแปลกใจที่วันนี้จะมีฝนตกได้เพราะอย่างไรก็อยู่ในช่วงรอยต่อปลายร้อนต้นฝนอยู่แล้ว เพียงแต่วันนี้ฝนกระหน่ำลมโหมจนน่ากลัว เมฆดำม้วนต่ำราวกับจะกลืนทุกอย่างเบื้องล่าง เสียงฟ้าร้องดังก้องไปทั่ว แสงสายฟ้าวิ่งแปลบปลาบเป็นสายอยู่เป็นระยะๆ



    หากแต่สภาพอากาศภายนอกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็มิอาจทำให้ชายสองคนที่นั่งอยู่หน้ากระดานเปลี่ยนอิริยาบทไปได้ นับจากเริ่มเล่นกันมานี่ก็ผ่านมาสองชั่วโมงกว่าๆแล้ว หากเทียบกับตอนแรกที่ทั้งสองคนเดินหมากกันอย่างรวดเร็วแต่ตอนนี้ทั้งคู่กลับหยุดนิ่ง สายตาจับจ้องพิจารณาหมากที่อยู่บนกระดาน



    "พี่ผิง สถานการณ์เป็นยังไงบ้างอะ พลอยดูไม่รู้เรื่องเลย" พลอยกระซิบถามผิงเบาๆ

    "พี่ก็ดูไม่ออกเหมือนกันอะ สองคนนี้เก่งเกินไปแล้ว" ผิงบอกพร้อมกับส่ายหน้าไปมา "ถ้าดูแบบคร่าวๆ เหมือนพี่เกมส์จะเสียเปรียบอยู่นิดๆอะ"



    หลังจากที่ผมมองดูคร่าวๆ แต้มของหมากขาวยังตามหมากดำอยู่นิดหน่อย เข้าช่วงปลายกระดานแล้วแต้มก็ยิ่งเหลือให้เล่นน้อยลงเรื่อยๆ ผมต้องหาทางทำอะไรสักอย่างไม่อย่างนั้นผมก็แพ้แน่นอน




    "แก๊ก"



    ผมวางเดิมพันสุดท้ายไว้กับตาเดินนี้





    --------------------------------------------------------------


    - คุยกันหลังกระดาน -


    ขอฝากตอนสองไว้ด้วยนะครับ มีการเปลี่ยนแนวการเขียนเป็นมุมมองบุคคลที่หนึ่งตามแบบฉบับที่เคยเขียนในหลายๆงาน

    ส่วนตอนแรกนั้นด้วยความรีบร้อนของตัวเองและอยากจะลองเปลี่ยนสไตล์ก็ทำให้พบว่ามันไม่เวิร์ค ก็เลยต้องกลับมาเขียนสไตล์เดิม


    ส่วนเรื่องแทคติคหรือสอนหมากล้อมแบบเต็มๆรูปแบบ ขอติดไว้เป็นกระทู้แนะนำและพูดคุยเกี่ยวกับหมากล้อมต่างหากที่หมวด ETC นะครับ

    อันนั้นก็กำลังทำอยู่เหมือนกัน ยังไงก็รออ่านกันนะครับ
  7. Aki

    Aki Paradox Observer

    EXP:
    485
    ถูกใจที่ได้รับ:
    41
    คะแนน Trophy:
    48
    อ่านแล้วสนุกกว่าตอนแรกเยอะนะ แต่ช่วงต้นให้ความรู้สึกคล้ายๆตอนแรก (หมายถึงเนื้อเรื่องนะ ส่วนสำนวนภาษาดีกว่าตอนแรกเยอะ)

    แต่พอในส่วนออกไปซื้อของและกลับมาเจอคนท้าแข่ง ก็รู้สึกว่าเนื้อเรื่องเริ่มเดินแล้ว

    สนุกดี น่าติดตาม มีทิ้งช่วงให้ตามตอนต่อไปด้วย...

    แล้วจะมาตามอ่านตอนต่อไปเร็วๆล่ะ 555

    ปล.ขอดูต่ออีกสักตอนสองตอนน่าจะเห็นสไตล์การเขียนของเกมได้ชัดขึ้นกว่านี้อีก
  8. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    เปลี่ยนจาก Third person เป็น First person กลางคัน จริงๆเป็นอะไรที่ไม่น่าทำเท่าไร แต่ไหนๆก็ฟิคส่วนตัวไม่ได้ตีพิมพ์ที่ไหนก็ไม่เสียหายหรอกเนอะ
    เห็นได้ชัดว่าพอเปลี่ยนจาก Third เป็น First แล้ว อา่เซบรรยายเก่งขึ้นเยอะ ลื่นไหลและเป็นธรรมชาติมากขึ้น รู้สึกเหมือนอ่านบันทึกไดอารี่ของใครสักคนอยู่ ถ้าจะบอกว่าส่วนหนึ่งถ่ายทอดจากความทรงจำแล้ว คิดว่าการบรรยายแบบ First ก็คงเหมาะกับอาเซแม็กแล้วล่ะครับ

    อยากจะขอเม้นท์อีกอย่างว่า ฉากบางฉาก ไม่ต้องพูดถึงตัวละครอื่นๆเยอะแยะมากมายนักก็ได้ อย่างตรงนี้

    จริงๆฉากนี้มีคนที่เกี่ยวข้องจริงๆแค่ 3 คน คือเกม ผิง กับผู้ชายอีกคน ซึ่งจะเป็นจุดสำคัญในการเปิดฉากต่อไป ผมจึงคิดว่าพลอยกับบอมบ์นี้ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงก็ได้ เพราะแทนที่จะทำให้ความคิดผู้อ่าน focus ไปที่คนที่ควรจะเกี่ยวข้อง กลับกลายเป็นขยายวงไปหาพลอยกับบอมบ์ ซึ่งสองคนนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉากที่จะตามมาเลย

    จริงๆผมอ่านแล้วชอบที่สุดคงจะเป็นความคิดของเกมที่มีต่อการเดินหมาก มันมีความท้าทาย challenge และสะท้อนสไตล์ของเจ้าเกม แถมยังช่วยบรรยายคู่ต่อสู้ไปในตัว เป็นเทคนิคการบรรยายที่ไม่ได้ทำผ่านการเขียนบรรยาย แต่ก็ให้อรรถรสเหมือนเรามองจากสายตาของเกมซึ่งกำลังเดินหมากอยู่ เมื่อทำได้ดีก็ขอให้คงรูปแบบนี้ไว้ เพราะผมอ่านแล้วรู้สึกสนุกไปด้วย

    ปล. ถ้าขยันพอ ผมอยากให้มีภาพการเดินหมาก จริงๆการบรรยายการเดินหมากไม่ได้เลวร้ายหรอก แต่ผมคงไม่มีทักษะ เลยคิดภาพตามไม่ค่อยทันครับ
  9. powder

    powder Member

    EXP:
    260
    ถูกใจที่ได้รับ:
    9
    คะแนน Trophy:
    18
    ตอนที่สองเขียนดีกว่าตอนที่หนึ่งค่ะ ภาษาอ่านง่ายลื่นไหลขึ้น

    สิ่งที่แปลกใจคือความสัมพันธ์ของเกมกับพลอย ดูเกมจะสนใจพลอยเร็วมาก อีกอย่างหนึ่งคือ บางครั้งใส่จุดรายละเอียดต่างๆมากเกินไปจนรู้สึกแอบสะดุด หรือคิดว่าความจริงไม่ต้องบอก เช่น สั่งข้าวราดแกงสองอย่างกับก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น 'w'

    ช่วงที่พากันไปซื้อของนั้นบรรยายแอบขัด แต่ชอบตอนการเล่นหมากในท้ายตอนมากค่ะ รู้สึกตื่นเต้นและเห็นภาพในการแข่งขันว่ามันดุเดือดและรู้สึกตื่นเต้นแม้จะเล่นโกะไม่ค่อยเป็นก็ตาม ประมาณว่าได้อรรถรสมากค่ะ

    จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ!
  10. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    โอ้วได้อ่านซักที รู้สึกได้เหมือนคนอื่นๆล่ะนะว่า รูปแบบการเขียนเริ่มเป็นตัวของตัวเองเด่นชัดขึ้น ฉากของการบรรยายหมากล้อมทำได้ดีน่าติดตามถึงคนที่เล่นไม่เป็นก็ยังสามารถตื่นเต้นไปกับมันได้ ส่วนในด้านอื่นๆคงต้องรอให้เขียนไปซักระยะถึงเข้าที่เข้าทางล่ะนะเพราะคนอื่นๆก็แสดงความเห็น รวมไปถึงติติงไปหมดแล้ว เจอกันตอนหน้าอูอา
  11. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    =========================

    ตอนที่ 3 : เม็ดหมากที่แตกร้าว

    =========================



    พายุฝนฟ้าคะนองในตอนบ่ายได้ผ่านพ้นไปแล้ว ทุกสรรพสิ่งกลับสู่สภาวะปกติอีกครั้งหนึ่ง หยดน้ำไหลลู่ลงจากปลายใบไม้กระทบพื้นแล้วแตกออกเป็นฝอยละออง แสงอาทิตย์เริ่มส่องทะลุก้อนเมฆดำที่บัดนี้เริ่มสลายตัวไปอย่างช้าๆ



    ทว่าเค้าลางพายุอีกลูกกำลังก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว หาใช่พายุฝนอีกลูกหนึ่ง แต่เป็นพายุหมากที่ผมกำลังเล่นกับโดม ชายปริศนาที่เพิ่งจะเข้ามาที่นี่ หลังจากเปิดฉากปะทะกันไปได้หนึ่งรอบเมื่อตอนเริ่มกระดานผมก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ หลังจากคิดจำลองภาพในสมองเพื่อหาทางแก้ไขสถานการณ์อยู่หลายรูปแบบ สุดท้ายแล้วผมก็ตัดสินใจ...



    “แก๊ก!”



    หมากตาที่ผมเพิ่งจะเดินลงไปคงสร้างความตะลึงให้อีกฝ่ายพอสมควร เพราะหมากขาวบุกลึกเข้าไปในเขตอิทธิพลของหมากดำแบบเดี่ยวๆประหนึ่งจูล่งควงทวนฝ่าเข้ากองทัพวุ่ยก๊กของเสนาธิการโจโฉ หากสุดท้ายแล้วหมากขาวตานี้สามารถตีฝ่าวงล้อมหมากดำออกมาได้สำเร็จเหมือนที่ยอดบุรุษจูล่งเคยทำได้ ใครจะแพ้จะชนะก็ยังมิอาจตัดสินได้



    ในสุภาษิตโกะมีบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า “เดินหมากหนึ่งครั้งจงหวังมากกว่าหนึ่งผลลัพธ์” หมากขาวที่ผมลงไปตานี้ก็เช่นกัน นอกจากจะหวังผลในการทำลายแต้มที่หมากดำครอบครองอยู่แล้ว ผมยังหวังผลทางด้านจิตใจให้คู่แข่งเกิดความสับสน หากอีกฝั่งลนลานจะไล่จับหมากขาวกินเป็นเชลยศึกก็จะต้องพบกับหมากกลที่ผมเตรียมพร้อมไว้ หากคิดจะเลี่ยงหมากกลก็จะเปิดโอกาสให้หมากขาวหลบหนีได้



    ‘จะสำเร็จรึเปล่านะ? หมอนี่ดูท่าก็ไม่ใช่จะตกหลุมพรางง่ายๆซะด้วยสิ’



    ผมเหลือบมองคู่ต่อสู้เพื่อประเมินท่าที โดมหยุดนิ่งทุกอิริยายทแต่สายตาจับจ้องลงมาที่หมากขาวเม็ดนั้น ผมเองก็คงประมาทไม่ได้เพราะยังไม่รู้ว่าคู่ต่อกรจะตอบโต้มาอย่างไร ความไม่อยากแพ้ในกระดานหมากล้อมบีบให้ผมเค้นพลังสมาธิทั้งหมดอ่านทางหมากที่หมากดำจะโต้ตอบทั้งหมดให้ได้แม่นยำที่สุด



    ภายในห้องเงียบสงัดแม้จะมีคนอยู่ถึงสี่คนก็ตาม เสียงเข็มวินาทีของนาฬิกาเรือนใหญ่ที่แขวนอยู่กับผนังดังเป็นจังหวะสอดรับกับเสียงหัวใจเต้น ทว่าเสียงของหมากดำที่เพิ่งตอบรับหมากขาวที่อาจหาญบุกเข้าไปอย่างไม่กลัวตายทำลายความสงบภายในห้องและทำให้สถานการณ์ร้อนระอุมากขึ้น



    “แก๊ก!” หลังจากหยิบหมากวางลงตอบโต้ผมแล้ว ผมสังเกตปลายนิ้วของโดมเหมือนจะสั่นเล็กน้อย



    ‘กดดันกลับ จะไม่ให้หมากขาวเล่นได้ง่ายๆสินะ มันต้องอย่างนี้สิถึงจะสนุก’



    ผมล้วงมือลงไปในโถหมากหยิบหมากขาววางลงบนกระดานในตำแหน่งรับมือที่คิดไว้ล่วงหน้า หากแต่ไม่ใช่การวางอย่างสงบและเรียบง่ายเหมือนที่ผ่านๆมา ผมกระแทกหมากลงไปปะทะหมากดำที่ถูกส่งมากดดัน เม็ดหมากเซรามิคกับกระดานไม้ก่อให้เกิดเสียงดังลั่นกดดันฝั่งหมากดำกลับไป



    ราวกับเป็นเสียงกระหน่ำตีกลองศึกเพื่อเป็นสัญญาณเปิดฉากรบ กองทัพหมากขาวและหมากดำถูกเสริมกำลังอัดแน่นในสมรภูมิอย่างรวดเร็ว ดุดัน ต่อเนื่องตามความคิดที่ถูกจิตนการไว้ในความคิดล่วงหน้า หมากดำกดดันหมากขาวให้จนมุมแต่หมากขาวก็สู้ไม่ถอยเช่นกัน



    “แก๊ก!” กองทหารหมากดำหนึ่งหน่วยถูกส่งลงไปเสริมกำลังให้กองทัพ แต่ทว่าเสนาธิการของหมากดำคงคิดจะเสริมความหนาแน่นของหมากดำเพื่อปิดทางหนีของหมากขาวจนลืมที่จะรักษาจุดอ่อนในกระบวนทัพทั้งหมด



    ‘พลาดแล้วสินะ!’



    ผมส่งหมากขาวลงไปตัดหมากดำให้เป็นสองกลุ่ม สถานการณ์ตอนนี้หมากดำถูกแบ่งเป็นสองทางและถูกโอบล้อมอยู่ จริงๆแล้วต่างฝ่ายต่างก็โอบล้อมไล่ล่าฆ่าฟันกันอยู่เพียงแต่หมากขาวกดดันพลางหนีพลางทำให้หมากดำยากที่จะล้อมได้ง่ายๆจนพลาดท่าถูกตัดทัพเป็นสองทางแบบนี้ หากมีกลุ่มใดถูกหมากขาวล้อมฆ่าได้ตามที่ผมต้องการ แต้มของหมากดำตรงนี้ก็จะหายไปเยอะจนทำให้สถานการณ์ทั้งกระดานกลับมาเสมอกันอีกครั้ง



    ผมสัมผัสได้ถึงความเครียดของโดม เขาคงไม่ทันรู้ตัว...ที่กำลังกัดเล็บของหัวแม่มือขวาอยู่ สายตาแข็งกร้าวผิดจากก่อนหน้านี้ รอยยับย่นปรากฏที่ระหว่างคิ้วชัดเจน ท่าทางของโดมเปลี่ยนไปเป็นคนละคน



    เมื่อไม่มีทางเลือกให้มากนัก หมากดำจำต้องยอมสละกลุ่มหมากที่เสียแต้มน้อยที่สุด ผลลัพธ์จากการปะทะกันครั้งนี้หมากขาวเป็นฝ่ายได้เปรียบและทำลายพื้นที่ของหมากดำได้สมความตั้งใจ



    ‘โอกาสมาแล้ว’



    ผมอาศัยจังหวะที่ลมหายใจของคู่ต่อสู้ปั่นป่วนบุกเป็นฝ่ายเข้าตีก่อนอีกครั้ง อาศัยอิทธิพลจากหมากขาวที่เข้าไปรอดในเขตอิทธิพลของหมากดำที่กลางกระดานรุกคืบเข้าไปโจมตีพื้นที่ด้านในลึกเข้าไปอีกดังสุภาษิตโบราณว่าไว้



    ในเมื่อเป็นฝ่ายได้เปรียบไยต้องผ่อนปรนให้ศัตรูได้ตั้งทัพอยู่อย่างสบายเล่า



    ดูเหมือนผมจะไปกระตุ้นต่อมความเครียดของโดมเข้าให้ซะแล้ว สายตาของคู่ประลองของผมตอนนี้เคร่งเครียดมากขึ้น เสียงลมใจหนักๆได้ยินชัดมากขึ้น แววตาบ่งบอกถึงความหงุดหงิดภายในจิตใจ



    ‘ทำไมต้องจริงจังขนาดนั้น ถึงจะบอกว่าไม่อยากแพ้ก็เถอะ’



    ถึงจะเห็นใจหรือสงสารอีกฝั่งมากขนาดไหน แต่การออมมือบนสมรภูมิรบถือเป็นการดูหมิ่นเกียรติของอีกฝั่งอย่างไม่อาจให้อภัยได้ ด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่อาจหยุดกระแสหมากที่ตัวเองกำลังได้เปรียบอยู่ได้ มีแต่ต้องทุ่มเต็มฝีมือถึงจะถือว่าเป็นการให้เกียรติคู่ต่อสู้ของตัวเอง



    ●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○





    “สิบ ยี่สิบ สามสิบ สี่สิบ สี่สิบเจ็ด รวมแต้มต่ออีกหกแต้มครึ่ง หมากขาวชนะสองแต้มครึ่งค่ะ” ผิงขานนับแต้มและประกาศผลลัพธ์แห่งการต่อสู้บนกระดานไม้สิบเก้าเส้น สำหรับผมแล้วนี่ถือเป็นหนึ่งในกระดานที่สนุกและเอาชนะได้อย่างยากลำบากกระดานหนึ่งทีเดียว แต่ไม่รู้ว่าทางคู่ต่อสู้ของผมจะคิดแบบนั้นรึเปล่านี่สิ



    “สองแต้มครึ่ง ชนะแต้มบนกระดานแต่แพ้แต้มต่อ” น้ำเสียงของโดมทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยลอบมองดูอาการ

    “เมื่อคืนเล่นโกะในเน็ตก็แพ้สองแต้มครึ่ง มาวันนี้ก็ยังแพ้สองแต้มครึ่งอีก อาถรรพ์จริงๆ ฮะๆๆ” โดมพูดพลางหัวเราะ ผมคงจะคิดมากไปเอง



    “นี่ก็ถือว่าเล่นดีแล้วนะ นี่ถ้าพี่ไม่เสี่ยงเข้าไปรอดตรงนี้ก็คงแพ้ไปแล้วละ” ผมพูดให้กำลังใจอีกฝ่ายเพราะรู้ดีว่าการพ่ายแพ้เป็นเรื่องที่ทำให้สูญเสียความมั่นใจได้



    “ตรงนี้แหละที่พลาด แล้วก็ยาวเลย แต้มหายหมด” โดมส่ายหน้ากับความผิดพลาดของตัวเอง

    “โดนหมากเด็ดของพี่เกมส์เข้าไปเสร็จกันทุกคน ชอบเล่นนักละหมากป่วนๆแบบเนี้ย” ผิงเสริมขึ้นมา

    “แต่ก็สูสีนะคะ ชนะห่างกันแค่สองแต้มครึ่งเอง” พลอยพูดแบบทึ่งๆ “มีคนมาปราบพี่เกมส์ได้ก็ดีน่ะสิ อยากเห็นพี่เกมส์แพ้บ้างอะ” เธอพูดแบบขำๆ



    “ก็คงอย่างนั้นนะ จริงๆแล้วแต้มไม่ขาดมากแบบนี้ก็ต้องจัดว่าฝีมือระดับเดียวกัน แบบนี้แหละถึงจะสนุก ถ้าจะขอยืมคำพูดของอาจารย์คุวาบาระในฮิคารุโนะโกะมาพูดว่า ‘โกะน่ะต้องเล่นกันสองคนถึงจะก่อกำเนิดกระดานที่สุดยอดขึ้นมาได้’ ก็คงไม่ผิดนักหรอก กระดานนี้สนุกสุดๆไปเลยละ”



    “มีการ์ตูนเกี่ยวกับโกะด้วยเหรอคะ” พลอยสงสัย



    คำถามของเธอทำเอาพวกเราสามคน ผม ผิงและโดมหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน พลอยทำหน้างงๆสงสัยว่าถามอะไรผิดไปทุกคนถึงได้หัวเราะแบบนี้ ผิงต้องอธิบายกับเธอว่าส่วนใหญ่แล้วคนที่เล่นหมากล้อมในประเทศไทยก็เริ่มเล่นเพราอ่านการ์ตูนเรื่อง ‘ฮิคารุ โนะ โกะ’ เกือบทั้งนั้น ว่าแล้วผิงก็ขออนุญาตเปิดล็อกเกอร์ของผมเพื่อหยิบการ์ตูนครบเซ็ตยี่สิบสามเล่มของผมมาให้พลอย ว่าแล้วทุกคนก็พักเบรคการเล่นหมากล้อมไว้ก่อน พลอยกับผิงอ่านการ์ตูนส่วนโดมนั้นขอตัวกลับก่อน



    “ว่างๆก็แวะเข้ามาได้นะ ที่นี่คนเล่นหมากล้อมเป็นหลายคนอยู่” ผมบอกกับโดม



    “ถ้ามีโอกาสคงได้แวะมาอีกครับ มีคอมมีเน็ตให้เล่น มีคนเล่นโกะอีกต่างหาก เฟอร์เพคไปเลยชมรมนี้”

    “วันหน้า ผมจะต้องชนะพี่ให้ได้” โดมพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะจากไป



    เย็นวันนี้ก็ไม่มีกิจกรรมอะไรพิเศษมากนัก สองสาวนั่งอ่านการ์ตูนพลางดูทีวีพลางผมก็ว่างน่ะสิเลยต้องนั่งทบทวนหมากกระดานที่เล่นกับโดมเมื่อครู่ ย้อนดูความผิดของตัวเองที่ปล่อยให้สถานการณ์ช่วงต้นตกเป็นรองชายหนุ่มรุ่นน้องแบบต้องเสี่ยงวัดดวงเอาช่วงท้าย จริงๆแล้วถ้าหมากขาวบุกเข้าไปรอดไม่สำเร็จผมก็คงก้มหัวยอมแพ้ตามที่พลอยอยากเห็นแน่ๆ





    ‘สไตลหมากอิทธิพล สร้างพื้นที่พร้อมกับกดดันคู่ต่อสู้’

    ‘ตรงนี้ แลกเปลี่ยนหมากกันแล้วหมากดำได้อิทธิพลภายนอกไปทำให้หมากดำคุมสถานการณ์กลางกระดานได้’



    ผมครุ่นคิดถึงจุดอ่อน-จุดแข็งและสไตล์หมากของคู่ต่อสู้เก็บไว้เป็นข้อมูลเผื่อใช้ในการเล่นครั้งหน้าจะได้รับมือได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น การทบทวนหมากที่ตัวเองเล่นเป็นหนึ่งในปรัชญาหมากล้อมที่สอนให้ผู้เล่นรู้จักการทบทวนความผิดพลาดและรู้จักปรับปรุงแก้ไขตนเองให้ดีขึ้น





    หลังจากอยู่พูดคุย หาอะไรเล่นกันจนค่ำมืดดึกดื่น นี่ก็เป็นคืนที่สามแล้วที่ผมรับอาสามาส่งพลอยที่หอ คืนนี้ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนัก ส่งเธอกลับหอแล้วผมก็ปั่นจักรยานคู่ใจกลับหอตัวเองบ้าง เหลือบมองดูเวลาในมือถือก็เพิ่งจะห้าทุ่มนิดๆถือว่ากลับไวเพราะปกติเวลาถึงหอก็หลังเที่ยงคืนเป็นประจำ เพราะต้องกลับดึกเกินเวลาปิดหอพักบ่อยๆแบบนี้ผมจึงเลือกที่จะอยู่หอเอกชนที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดอยู่รอบๆมหาวิทยาลัยมากกว่าจะอยู่หอพักนักศึกษา





    “โว๊ะ วันนี้กลับไวผิดปกตินะเนี่ย มิน่าพายุเข้าเลย”



    เสียงของ ‘เบียร์’ รูมเมทของผมหันมาทักทายแบบกวนๆขณะที่กำลังก้มหน้างัดแงะเคสคอมพิวเตอร์อยู่ข้างเตียง ผมเจอกับเบียร์ก็ตอนที่ไปช่วยรุ่นน้องที่เมาแล้วซ่าไปมีเรื่องในผับแถวๆคลองสาม หลังจากเคลียร์ให้รุ่นน้องแล้วผมก็นิยมชมชอบคนใจนักเลงแบบมันก็เลยคบหาเป็นเพื่อน สุดท้ายก็ชวนมันมาช่วยแชร์ค่าหอด้วยกันเพราะมันเองก็ไม่ค่อยอยากอยู่ที่บ้านเท่าไร



    “วันนี้เหนื่อยๆน่ะ ไปซื้อของมาด้วย” ผมโยนกระเป๋าลงบนเตียงแล้วล้มตัวลงนอน

    “ทำไรอยู่วะ?”



    “ลูกค้าเอาคอมมาให้อัพเกรดว่ะ ตอนนี้เหลือแค่เดินสายไฟแล้วจัดให้เข้าที่ก็เสร็จแล้ว” จ้อยทำงานเป็นช่างคอมในเซียร์แล้วก็รับ จ็อบนอกซ่อมคอมให้กับคนในหอพักละแวกนี้เป็นรายได้เสริม



    “เออ งั้นกูนอนก่อนละกันวะ เหนื่อยว่ะ”

    “เออ ฝันร้ายนะมึง” ยังไม่วายจะโดนมันแซวก่อนจะนอนอีก



    คงเพราะนานๆครั้งจะออกไปเดินซื้อของนอกสถานที่ คืนนี้ผมก็เลยหลับได้อย่างไวหัวถึงหมอนก็ไม่รับรู้อะไรรอบๆตัวอีกแล้ว





    ●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○







    เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดด



    เลือดเจิ่งนองพื้น ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งนอนฟุบอยู่บนพื้น เลือดเปรอะเต็มใบหน้า ร่างกายถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉาน





    “ทรายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”











    ผมสะดุ้งตื่น ดีดตัวขึ้นนั่งอย่างแรง หายใจหอบแรงๆเหงื่อไหลเต็มตัวไปหมด หันซ้ายหันขวามองไปรอบๆก็ยังอยู่ในห้องตัวเอง ไอ้เบียร์หันมามองตาปริบๆว่าเกิดอะไรขึ้น



    “เป็นไรวะมึง ฝันร้ายเรอะ”

    “เออ เหมือนที่มึงแช่งอะแหละ” ผมยังตกใจกับภาพความฝันที่เกิดขึ้น



    เป็นความฝันที่ผมอยากจะลืมแต่ก็ลืมไม่ได้เสียที



    “เอ้า! ใจเย็นเพื่อนฝูง เช็ดหน้าเช็ดตาซะหน่อย” เบียร์ลุกไปหยิบขวดน้ำเทใส่ผ้าขนหนูมาให้ผม

    “กี่โมงแล้ววะ”

    “ตีสามกว่าๆว่ะ ร้องซะเสียงดังเลยมึง แล้วไงฝันร้ายได้เลขมั่งไหม?”

    “ฝันถึงทรายว่ะ” ผมตอบไป



    เบียร์นิ่งเงียบไปเพราะรู้ดีว่าพูดแซวมากกว่านี้คงไม่ดีแน่ ผมหยิบขวดน้ำมาดื่มอึกใหญ่ก่อนจะถอนหายใจหนักๆออกมา



    “เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วนะเว้ย อย่าคิดมากสิวะมึง”

    “กูก็ไม่ได้คิดมากแล้วนะ” ผมตอบ ยังไงซะตอนนี้ก็คงนอนต่อไม่ไหวแล้วผมก็เลยลุกไปล้างหน้าล้างตาให้เต็มตื่นในห้องน้ำ มองเห็นตัวเองในกระจกแล้วก็อดคิดถึงเรื่องในอดีตไม่ได้



    ‘สามปีแล้วสินะ’



    ผมพยายามรวบรวมสติและสัมปชัญญะให้กลับมายังตัวเองมากที่สุด กวักน้ำที่ไหลรินจากก๊อกใส่หน้าตัวเองโครมใหญ่ๆกลบเกลื่อนน้ำตาที่เริ่มรินไหลจากดวงตาทั้งสอง ผมสาดน้ำใส่ตัวเองอีกสองสามโครมใหญ่เปียกปอนไปทั้งตัว สะบัดหน้าไล่น้ำจนหัวคลอนราวกับจะให้ความคิดในหัวหลุดออกไปด้วย ออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเบียร์ตั้งกระดานหมากล้อมพร้อมเล่นรอไว้แล้ว



    “มาสงบสติอารมณ์หน่อยดิ๊ มึง” เบียร์เอ่ยปากชวนผมเล่น “ไม่ใช้วิธีนี้มึงก็คงสงบไม่ลงหรอก”


    ผมลงไปนั่งตรงข้ามฝั่งกระดานสูดลมหายใจลึกๆ ล้วงมือไปหยิบเม็ดหมากวางลงบนกระดานที่มีหมากดำวางบนจุดดาวอยู่แล้วสี่เม็ด


    “ต่อให้คิดถึงแค่ไหนคนตายไม่ฟื้นขึ้นมาหรอกนะเว้ย” เบียร์พูดไปเดินหมากไป

    “เรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ความผิดของมึงสักหน่อย”

    “เลิกโทษตัวเองได้แล้วเว้ย”


    เบียร์พูดทุกครั้งที่เดินหมากลงบนกระดาน ผมเข้าใจดีว่ามันต้องการให้ผมหลุดพ้นจากความทุกข์ของเรื่องที่เคยเกิดขึ้น แต่เรื่องบางเรื่องก็ต้องใช้เวลาในการทำใจและยอมรับความจริง



    โดยเฉพาะเรื่องร้ายๆ



    สรุปแล้วเวลาที่เหลือในคืนนั้นก็หมดไปกับการเล่นหมากล้อมสงบสติอารมณ์ จนพระอาทิตย์เริ่มทอแสงและความมืดเริ่มหายไปผมกับเบียร์ก็ต้องพักผ่อน ดีหน่อยที่ทั้งมันและผมไม่มีอะไรต้องทำในวันนี้

    เสียงเรียกข้าวของโทรศัพท์มือถือปลุกให้ผมได้สติขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากงัวเงียๆควานหาต้นตอของเสียงในกระเป๋าสะพายก็พบว่ายัยผิงเป็นคนโทรมา



    “มีอะไรอะ”

    “ป่าว ก็เห็นปกติมาแต่เช้าวันนี้จะบ่ายสองแล้วยังไม่เห็นมาเลยโทรมาถามดูว่าเป็นอะไรรึเปล่า” น้ำเสียงของผิงค่อนข้างเป็นห่วง



    “เมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย ไม่ดิ นอนเช้าเลยอะ” ผมตอบไป

    “แล้วทำไรอยู่ ทำไมไม่นอน” เสียงดังขึ้นมานิดนึง ท่าทางคงไม่ค่อยพอใจ



    “ก็ตอนแรกนอนแล้ว แต่ฝันถึงเหตุการณ์ ‘วันนั้น’อะ เลยนอนไม่หลับ”



    เสียงปลายทางเงียบหายไปร่วมๆนาที





    “แล้ววันนี้พี่เกมส์จะมาไหม”

    “มีใครอยู่ที่ห้องแล้วมั่งละ”

    “ยังไม่มีใครมาเลย นั่งดูหนังคนเดียวจนเบื่อแล้วเนี่ย”



    “วันนี้คงไม่เข้าอะ ยังเบลอๆอยู่เลย ปวดหัวนิดๆด้วย”



    ผิงเงียบไปอีกแล้ว





    “ไปอาบน้ำ หาข้าวกินแล้วก็กินยาซะนะ ดูแลตัวเองซะมั่ง”

    “แค่นี้แหละ”



    ตี๊ด! โดนตัดสายไปซะแล้วสิ



    ผมเกาหัวแกรกๆ หยิบผ้าเช็ดตัวลุกขึ้นเตรียมจะไปอาบน้ำ สายตาพลันเหลือบไปมองเม็ดหมากที่บิ่น แตกหักที่วางแยกเอาไว้บนกระดานตอนเลิกเล่นเมื่อเช้า เคยมีสักคนเปรียบเทียบความรักกับหมากล้อมไว้หลายเรื่อง และก็มีคนเคยพูดไว้เช่นกันว่า





    ‘หมากที่มันแตกร้าวกับใจที่มันแตกสลายก็ไม่ต่าง มันยังใช้ได้แค่ไม่สมบูรณ์เท่านั้น’






    --------------------------------------------------------------------------------

    - คุยกันหลังกระดาน -

    ลงตอนสามแล้วนะครับ ขอบคุณทุกๆคอมเมนต์และข้อติชมแนะนำก่อนหน้านี้
    ถึงตอนนี้ก็มาได้ครึ่งทางของที่ตั้งใจเขียนแล้วครับ ไม่ได้กะเขียนยาวมาก
    เป็นฟิคสนองนี๊ดจริงๆ

    ยังไงก็รบกวนติดตามตอนที่เหลือด้วยนะครับ

    Azemag A.C. McDowell
  12. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    ปรบมือให้ดังๆกับตอนที่ 3

    Perfect ครับ!! สนุกมากๆ ผมตั้งใจอ่านจริงๆตอนดวลหมาก! ชอบที่สุดกับการเปรียบเทียบการเดินหมากกับกลศึกในสนามรบ ทำใ้ห้เห็นภาพได้ชัดแม้จะไม่เห็นกระดาน ผมชอบใจมากสองจุด คือจุดที่เปรียบการบุกทะลวงของหมากขาวเข้าสู่วงล้อมกับจูล่งฝ่าทัพโจโฉ ไม่ใช่แค่เพราะผมชอบสามก๊ก แต่การใช้ถ้อยคำอย่าง "ก๊กวุ่ย" "เสนาธิการโจโฉ" เป็นอะไรที่เหมาะกับบรรยากาศการเดินหมากที่เข้มข้น ชวนให้รู้สึกระทึกเหมือนเห็นการดวลหมากโกะเป็นมากกว่าแค่เกม แต่เป็นการประลองชั้นเชิง เสมือนขุนพลสองคนที่ต่างก็พกพาฝีมือปะทะกันอย่างไม่มีใครยอมใคร อีกจุดหนึ่งคือการตัดหมากของหมากดำซึ่งทำให้หมากขาวแยกเป็นสองกลุ่ม ตรงนี้ที่จริงคนอ่านอาจต้องอาศัยความรู้พอควรถึงจะทราบว่าเดินหมากอย่างไรจึงจะแยกกลุ่มได้ แต่การใช้ภาพการแยกกองทัพเป็นสอง ลบจุดบอดเรื่องพื้นฐานได้สิ้นเชิง รวมถึงเรื่องจุดอ่อนต่างๆ อย่างการถูกปิดล้อม การถอยไม่ทัน เมื่อใช้สภาพกลศึกช่วย ก็ทำให้เข้าใจได้มากขึ้นเยอะเลยครับ (ยกนิ้วโป้งให้)

    แต่ว่าก็อาจจะเป็นเฉพาะผมซึ่งชอบศึกษากลศึกเป็นทุนเดิมที่ชอบแบบนี้ อันนี้ก็เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ

    การบรรยายทั่วไปดีขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่เห็นชัดได้ว่าฝีมือต่างกับการบรรยายช่วงดวลหมาก ถึงอย่างไรผมก็ไม่อยากให้ใส่ใจแล้ว เพราะมันเป็นเรื่องรอง เมื่อเทียบกับการบรรยายการดวลโกะ ถ้าอาเซบรรยายการดวลโกะไม่ได้เรื่องซักทีอันนี้ผมค่อยติงให้แก้ไข
    แต่ที่อยากให้แก้ไขมี 2 จุด คือคำผิดครับ

    เพอร์เฟ็ค สินะ (สลับตัวอักษรกัน)

    อันนี้ตกลงเบียร์หรือจ้อยครับ =________= ผมอ่านซ้ำหลายทีแล้ว สงสัยจะพลาดจริงๆ

    อ่านตอนนี้จบแล้ว อยากเห็นเกมส์จีบน้องพลอยน่ารักๆสักฉาก กับฉากเกมส์แพ้โกะ *ถูกเตะ*
  13. powder

    powder Member

    EXP:
    260
    ถูกใจที่ได้รับ:
    9
    คะแนน Trophy:
    18
    สนุกมาค่ะตอนที่สามนี้!!

    ตอนดวลโกะกันอ่านแล้วตื่นเต้นตามไปด้วยจริงๆ บรรยายได้ดีมากค่ะ สามารถมีอารมณ์ร่วมไปด้วยได้ ทั้งยังมีการเล่นสำนวนดูคมคาย ชอบในส่วนนี้มากๆค่ะ ลุ้นอย่างเข้มข้นจนจบการดวลเลยทีเดียว

    ในส่วนบรรยายทั่วไปก็อ่านลื่นไหลขึ้นแต่ไม่เท่าโกะ ถึงอย่างนั้นก็คิดว่ายังเป็นตอนนี้สนุกและอ่านลื่นไหลดี

    หวังว่าจะเห็นตอนต่อไปที่ดียิ่งขึ้นอีกค่ะ จะรอตามชมนะคะ
  14. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    ขอบคุณครับ มีแต่ต้องเปรียบเปรยหมากดำขาวเป็นกองทัพเท่านั้นละครับถึงจะเห็นภาพสมรภูมิชัดขึ้น

    ส่วนเรื่องคำผิด ผิดจริงๆ ต้องขออภัย


    ขอบคุณสำหรับคำชมครับผม




    ส่วนตัวต้องขอปิดฟิคนี้เป็นการถาวรครับ คงไม่เขียนต่อแล้ว
    ขออภัยสำหรับทุกท่านที่อุตส่าห์ติดตามอ่านและคอมเมนต์ติชมมาตลอด

    ตอนนี้เจ้าของฟิคทำใจไม่ได้แล้วครับ ฝืนใจเขียนไปร้องไห้ไปไม่ไหวแล้วครับ
    ขออภัยจริงๆ


    โอกาสหน้าฟ้าใหม่ จะเขียนฟิคหมากล้อมที่ไม่ทุเรศทุรังเวิ่นเว้อแบบนี้ให้ได้อ่านอีกแล้ว
    จะเขียนฟิคหมากล้อมที่เป็นหมากล้อมจริงๆครับ

    ขอบคุณทุกๆท่านมากครับ
  15. Livic

    Livic ผู้กล้า

    EXP:
    120
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    18
    ว้า อดอ่านของหายากซะแล้ว

Share This Page