Legend of Princess and Heaven Swords

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย yoshiki, 4 พฤษภาคม 2011.

  1. yoshiki

    yoshiki FATE

    EXP:
    862
    ถูกใจที่ได้รับ:
    17
    คะแนน Trophy:
    38
    สิบนิ้วประนมก้มกราบขอสักบาทสองบาทก็ได้ เฮ้ย ไม่ใช่แหละ - -*

    เอาใหม่ๆ สิบนิ้วประนมก้มกราบพ่อแม่พี่น้องมิตรรักแฟนฟิคทุกท่าน กระผมนายโยชิกิไอ้หน้าม่อเจ้าเก่า ขวัญใจพ่อแม่พี่น้องโผล่หัวกลับมาบอร์ดฟิคอัน เอ่อ....เงียบสงบดีแห่งนี้อีกครั้ง

    จริงๆช่วงนี้ปัญหาทางบ้าน ทางการงาน กระผมก็ถือว่าหนักอยู่ เลยไม่ค่อยได้โผล่หัวมาม่อหญิงในบอร์ดเราเท่าไรนัก แต่ก็ได้ไปสุ่มเขียนฟิคเรื่องนี้มาหวังจะทวงคะแนนนิยมจากบรรดานักแต่งหน้าใหม่ หน้าเก่า หน้าเต้าหู้ หรืออะไรก็แล้วแต่กลับคืนสู่อ้อมอกของกระผมอีกครั้ง

    อะ เลิกลิเกสักที...

    จริงๆแล้วเรื่องนี้เป็นฟิคที่ผมเคยเขียนทิ้งไว้แล้วติดภารกิจอื่นจนไม่ได้แต่งต่อ พออยากจะเขียนฟิคใหม่อีกครั้งกลับรู้สึกคิดถึงผลงานเก่าๆขึ้นมา เลยลองไปคุ้ยๆดูเจอสองเรื่องที่รู้สึกว่าตัวเองเขียนได้โดนดีว่ะ ก็คือ เรื่อง Legacy weapon กับ เรื่องนี้ แต่ตัดสินใจรีเมคเรื่องนี้ เนื่องด้วย เรื่อง Legacy แม้จะเขียนได้ดีกว่า แต่ผมจำพล็อตไม่ได้แล้ว ประกอบกับความผิดผลาดจากการลองของทำให้ปลุกชีพค่อนข้างยาก ผมเลยเลือกเรื่องนี้ที่ง่ายกว่าและพล็อตส่วนใหญ่ยังจำได้แม่นขึ้นมาแทน

    ตอนนี้เขียนได้ 4 ตอนแล้ว ผมจะใช้กฎกับตัวเองที่ว่าถ้าไม่ถึง 4 ตอนจะไม่ลงเด็ดขาด ฉะนั้นทุกๆ 4 ตอนผมก็จะดองฟิคให้ลืมไปเลยรอบนึงแล้วก็ลงต่อแบบสัปดาห์ละตอนให้มันครบๆไป

    สำหรับล็อตแรกไม่รู้จะลงได้ตามกำหนดหรือไม่ เพราะวุ่นวายกับการย้ายข้าวของ อาจไม่มีเน็ตใช้สักสัปดาห์ต้องขออภัยไว้ก่อนเลย

    เรื่องนี้ผมแต่งด้วยความรู้และฝีมือทั้งหมดที่มี เนื้อเรื่องบางส่วนอาจจะดูบางไปหน่อย แต่ทุกอย่างล้วนมีเหตุผลรองรับในตอนต่อๆไปแน่นอน ขอให้ทุกท่านสนุกสนานกับฟิคกึ่งฮา กึ่งดราม่าเรื่องนี้นะครับ

    ปล. ไมไม่มีคนเขียนอะไรกันแล้วฟะ ไม่ว่างกันหมดแล้วสินะ อืมๆ เข้าใจๆ

    ปล.2 นี่คือแฟนตาซีในโลกยุคปัจจุบัน ทั้งการใช้ชีวิต การแต่งกาย เทคโนโลยี อาจจะล้ำหน้ากว่าปัจจุบันไปเล็กน้อย แต่ก็ยังอยู่ในยุคสมัยอของเราครับ


    Legend of Princess and Heaven Swords


    Rate
    15+

    Genre Comady / Drama / Fantasy / Action / Romance



    ...................................................................................
    ...................................................................
    .........................................................




    ตอนที่ 1 Princess and Emporer of Sky


    เราสองเปรียบได้ดั่งเส้นขนาน....

    หากแต่เส้นขนานนี้ไม่แน่ว่าสักวันอาจจะกลับมาบรรจบกันก็ได้​


    ผมรู้จักกับเขาคนนี้มาตั้งแต่สมัยยังเด็ก พวกเราต่างเป็นที่หวาดกลัวและน่ารังเกียจสำหรับเด็กในวัยเดียวกัน พวกเราต่างถูกทอดทิ้ง เหยียดหยาม .....ใช่แล้ว เราอยากจะเปลี่ยนมัน อยากจะเปลี่ยนโลกที่เราแสนจะเกลียดนี้ อยากจะแสดงให้คนเหล่านั้นได้เห็นถึงคุณค่าของเรา อยากจะมีสิ่งสำคัญให้ปกป้อง

    แต่ด้วยชาติกำเนิดที่เปรียบดั่งพรของพระเจ้าและคำสาปจากซาตาน

    ทำให้เราสองต่างตัดสินใจที่จะเริ่มต้นบางอย่าง

    แม้ว่าเราสองคนจะเป็นเส้นขนานระหว่างกันก็ตาม​


    พวกเราต่างรวบรวมสัตว์ประหลาดที่เป็นดั่งเช่นพวกเรามาเข้าร่วมด้วยกัน เราเริ่มแสดงโชว์อันตระการตาให้กับเหล่าผู้พบเจอ พวกเราปกป้องผู้คนมากมาย แต่ในอีกทางก็สังหารผู้คนไปมากมายเช่นกัน พวกเราเปรียบดั่งคมดาบที่ไม่อาจมีผู้ใดขวางกั้น ทางหากมีเราก็จะฟันให้ขาดสะบั้นในพริบตา ความสามารถเราต่างถูกเล่าขานไปตามที่ต่างๆ จนโลกได้ขนานนามพวกเราดุจดั่งอาวุธแห่งฝากฟ้าเบื้องบนที่ไม่อาจมีใครเทียบเทียม

    ดาบสวรรค์ทั้ง 10

    ผู้จักนำชัยในมหาสงครามที่ไม่อาจมองเห็นชัยชนะนี้

    บัดนี้ข้า ผู้นำแห่งผืนแผ่นดิน All Final

    จักเป็นผู้กวัดแกว่งพวกเจ้าสู่ชัยชนะและสันติภาพ

    ในมหาสงครามแห่งแอสลูลนี้


    นี่คือเรื่องราวของพวกเราดาบทั้ง 10 เล่ม ผู้ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุด อุดมการณ์ที่ก่อกำเนิดจากความรู้สึกที่อยากจะบิดเบือนความจริงอันโหดร้าย และ แสดงพลังเพื่อต่อต้านและปกป้องในสิ่งที่ถูกและควร

    มหาสงครามแอสลูลที่อุบัติขึ้นเมื่อ 4 ปีก่อน กษัตริย์เจ เรนเดอเรอร์ มหาวีรกษัตริย์แห่งราชอาณาจักร All-Final ทำการรวบรวมเหล่าพันธมิตรและนักรบผู้กล้าทุกแว่นแคว้นเข้าโรมรันกับ จ้าวปีศาจแอสลูล ที่ซ่องสุ่มพลกำลังรบมาหลายสิบปีหวังพิชิตดินแดนมนุษย์ เทพ และปีศาจให้เป็นหนึ่งเดียว หลังจากดินแดนเทพได้สูญเสียผู้ครองสวรรค์ลงไป ทำให้ภูติสวรรค์หลายตนหันเหไปเข้ากับแอสลูลที่แข็งแกร่งกว่าเหล่าพันธมิตรทุกด้าน ไม่เพียงเท่านั้นเผ่าพันธุ์อื่นๆอีกหลายเผ่าพันธุ์ก็เข้าร่วมกับแอสลูลเช่นกัน

    สงครามดำเนินไปหลายปีกำลังรบพันธมิตรเริ่มอ่อนแอลง ทัพจ้าวปีศาจเห็นชัยชนะอยู่แค่เอื้อม แต่ทัพหน้าที่ถูกส่งเข้าตีเมือง Game อันเป็นเมืองหน้าด่านก่อนจะเข้าถึงเมืองหลวง All final กลับถูกกลุ่มนักรบลึกลับเพียงหยิบมือเข้าบดขยี้กองทัพเรือนหมื่นในเวลาเพียงแค่ไม่กี่คืน พวกเชาทั้ง 10 ต่างเข้าพบองค์ราชันผู้กล้าและขอเข้าร่วมสงคราม ซึ่งทั้งสิบเองก็ต่างมีชื่อเสียงโด่งดังในฉายาดาบสวรรค์อยู่แล้ว พระองค์จึงทรงตัดสินใจที่จะเป็นผู้กวัดแกว่งดาบทั้ง 10 เข้าสู่สมรภูมิทันที

    เหล่าดาบสวรรค์และนักรบผู้กล้าของฝ่ายพันธมิตรผนึกกำลังกันรบพุ่งอย่างสุดความสามารถจนกดดันฝ่ายแอสลูลให้กลับไปตั้งมั่นที่ เฮฟทิก อันเป็นอาณาจักรของเหล่าปีศาจได้ เมื่อสถานกาณ์พลิกกลับกษัตริย์เจ ได้ออกบัญชาบุกโจมตีที่ตั้งมั่นสุดท้ายจนที่สุด แอสลูลก็ถูกปลิดชีพลงด้วยฝีมือของดาบสวรรค์ลำดับที่ 1 และ 2

    พวกเขากลับมาจากสนามรบเยี่ยงวีรบุรุษและวีรสตรี แต่ไม่นานนักพวกเขาทั้งสิบต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครได้พบข่าวคราวของพวกเขาอีกเลย

    จนเวลาล่วงเลยผ่านไป 4 ปี

    หลังจากวีรกษัตริย์ เจ เรนเดอเรอร์ ผู้ยิ่งใหญ่ ได้สิ้นพระชนม์ลงอย่างกะทันหัน ผู้สืบทอดราชบัลลังค์ของกษัตริย์ผู้กล้านั้นมีเพียงเจ้าหญิงน้อยผู้งดงามเพียงพระองค์เดียวเท่า นั้น แต่หากยังไม่ถึงแก่วัย 18 ชันษา พระองค์ก็ยังมิอาจครองราชย์ได้ ปัจจุบันผู้สำเร็จราชการบอน ผู้รั้งตำแหน่งมหาเสนาบดี จึงจำต้องทำหน้าที่ดูแลผืนแผ่นดิน AF ไปก่อน

    ดินแดนไกลออกไปของอาณาจักร AF หรือทุกท่านจะเรียกว่าบ้านนอกก็ได้ เมือง Fiction อันแสนสงบสุข ผู้คนทั้งหลายต่างพากันเสพนิยาย ดูนกชมธรรมชาติราวกับใช้ชีวิตในโลกความฝันและเลี้ยงสมเสร็จเป็นงานอดิเรก

    ตัวเมืองเล็กๆเต็มไปด้วยบ้านหลังน้อยๆ ไม่มีตึกสูงใหญ่โตต่างกับเมืองหลวง All Fantasy ลิบลับ ผู้คนต่างเป็นมิตรสนิทสนมราวกับเป็นญาติพี่น้อง สภาพในเมืองจึงสงบสุขไม่มีเรื่องรุนแรงเกิดขึ้นบ่อยนัก รถราก็ยังน้อยผู้คนมักจะใช้จักรยานกันเป็นส่วนใหญ่ ต้นไม้สีเขียวขจีถูกปลูกตามสองข้างทาง

    ในบาร์เล็กๆ แห่งนึงในเมือง ผู้คนต่างแห่แหนกันใช้บริการ เพราะทั้งเมืองดันมีบาร์อยู่ที่เดียว ซึ่งน้ำเปล่าอร่อยมาก นอกนั้นรสชาติหมาไม่รับประทาน ชายในชุดเสื้อโค๊ทสีขาวกับห่อผ้าเก่าๆที่บรรจุวัตถุต้องสงสัยอะไรสักอย่าง ผมสีแดงเพลิงนั้นดูโดดเด่นยิ่งนัก และยิ่งโดดเด่นมากขึ้นเมื่อคู่กับกองอ้วกที่อยู่ข้างๆกันเพราะซัดเบียร์เน่าๆ ในบาร์เข้าไปแบบเต็มกระเพาะจนต้องคายของเก่าออกมาซะหมดพุง

    "ยินดีต้อนรับ ฮ้าฟฟฟ" เสียงมาสเตอร์แต๋วแตกประจำบาร์ กล่าวต้อนรับลูกค้าใหม่ที่เพิ่งจะเข้ามาในร้าน แน่นอนพวกที่กำลังเมาน้ำเปล่าในบาร์กันไม่สนใจหรอกว่าใครจะโผล่หัวมา

    ลูกค้าใหม่ท่าทางไม่คุ้นหน้าคือสตรีนางนึงกับระบุเพศไม่ได้อีกหน่อ เนื่องด้วยบุคคลตัวเล็กท่านนี้ สวมผ้าคลุมซะหัวจรดเท้าดูคล้ายผีแคสเปอร์ยังไงชอบกล ส่วนอีกนางนั้นเป็นนักดาบหญิงที่ดูทะมัดทะแมงสะพายดาบเรเปียเล่มเล็กยาวที่ทำอย่างปราณีต เธอสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวและกระโปรงลายสก็อตสีแดงดำ เรือนผมสีฟ้ายาวสวยดวงตากลมโตสีเหลืองอำพันข้างนึงและสีเทาดุจหิมะยามค่ำคืนอีกข้างนึงสะกดให้ทุกผู้ที่เห็นเธอต้องหยุดมอง

    "พี่สาวมาดื่มน้ำเปล่ากับพี่โต๊ะนี่ไหมจ๊ะ" ไอ้หนุ่มบ้านนอกคนนึงยกแก้วเชิญชวน แต่ฝ่ายนักดาบหญิงยกมือปรามขึ้นพร้อมส่งยิ้มเล็กน้อย "เซง เลยว่ะจอร์จ"

    "นี่ ริวเน่ ที่นี่เป็นบาร์แท้ๆทำไมทุกคนถึงสั่งแต่น้ำเปล่าละ" เสียงเล็กนุ่มหูดังออกมาจากผ้าคลุม

    "เรื่องนั้นข้าก็ไม่ทราบเพคะ" สายตาของนักดาบสาวนาม ริวเน่ ชำเหลืองมองไปรอบร้านก่อนจะจ๊ะเอ๋ กับโต๊ะเพียงโต๊ะเดียวที่สั่งเครื่องดื่มอื่น "อะ โต๊ะนั้นก็สั่งเบียร์นี่เพคะ"

    เด็กสาวในชุดคลุม (รู้ว่าเป็นเด็กสาวจากเสียงเล็กน่ารัก) มองตามไปที่มุมมืดของบาร์ ที่ไอ้หัวแดงนั่งประจำการอยู่แต่ไม่มีใครนั่งละแวกนั้นด้วยเลย "นั้นสิเนอะ แต่พวกเราคงไม่สั่งเบียร์กันหรอกใช่ไหม....แล้วทำไมไม่มีคนไปนั่งแถวนั้นเลยละ"

    "นั่นข้าก็ไม่ทราบเพคะ" ที่พวกเธอจะสงสัยก็ไม่แปลก เพราะยังไม่เห็นกองอ้วกแถวๆนั้นไงละ

    พนักงานสาวสวยผมสีทองทรงฮิเมะคัตเดินตรงมาที่โต๊ะของผู้มาใหม่พร้อมรอยยิ้มอันสดใส เธอเปรียบดั่งดอกไม้ในทะเลทรายอันแห้งผากหาหญิงงามไม่ได้ของเมืองนี้ "มิทราบว่าจะรับอะไรดีคะ แนะนำน้ำเปล่าถ้ายังรักชีวิตนะคะ"

    แม้คำแนะนำจะอาจฟังพิลึกไปสักหน่อย แต่ความจริงมันก็เป็นแบบนั้นแหละ "ชั้นอยากลองน้ำผลไม้น่ะ" ริวเน่ กระสันอยากลองของเป็นคนแรก สาวเสริฟหรี่ตาลงเล็กน้อย "มั่นใจแล้วเหรอคะ" แม้ฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่เล่นเอานักดาบสาวซีดไปหลายวิ "เอามาเถอะน่า" ถึงกระนั้นเธอก็ยังอยากดื่มอย่างอื่นนอกจากน้ำผลไม้ "แล้ว องค์... เธอเอาอะไรดีละ"

    เด็กสาวในผ้าคลุมมองไปรอบร้านอีกครั้ง "น้ำเปล่าแก้วนึงค่ะ"

    "ขอทวนรายการนะคะ เป็นน้ำเปล่า กับ น้ำผลไม้รวม อย่างละที่ กรุณารอสักครู่ค่ะ" เมื่อรับออเดอร์เสร็จ สาวเสริฟผมทองตัวเล็กก็จากไปไวดั่งสายลม

    "องค์หญิงคะ เราจะหายอดฝีมือมาช่วยเราได้จากเมืองบ้านนอกแบบนี้ได้เหรอคะ" อัศวินสาวพูดจาเสียมารยาทจริงๆ ชาว Fiction ประชาทัณฑ์โลด

    "เราไม่ลองก็ไม่รู้จริงไหม ริวเน่ ที่สำคัญตอนนี้ผู้คนในเมืองใหญ่เราก็ไว้ใจไม่ได้แล้ว อย่างน้อยให้ได้ ดาบสวรรค์ มาช่วยเราสักคนก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วละ"

    "แต่เราก็ไม่ได้ร่องรอยอะไรของพวกเค้ามาเดือนนึงแล้วนะคะ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปมันจะสายเกินการนะคะ"

    "อย่ารีบร้อนนักสิ ริวเน่ เรายังพอมีเวลาสักพัก ยังไงก็ต้องสำรวจทุกซอกมุมของอาณาจักร...."

    การสนทนาของทั้งสองหยุดลงกะทันหัน เมื่อเครื่องดื่มที่สั่งไปมาเสริฟบนโต๊ะ พร้อมรอยยิ้มจากพนักงานคนเดิม "ได้แล้วคะ น้ำผลไม้รวม กับ น้ำเปล่าคะ " ว่าแล้วเธอก็จากไปอีกครั้งทิ้งสิ่งชวนอึ้งไว้เบื้องหน้าทั้งสอง แก้วนึงเป็นน้าเปล่าธรรมดาๆ ไร้พิษสง แต่อย่างใด แต่อีกแก้วเนี่ยสิ มันคือ สารเคมีสีส้มชัดๆ แม้จะประดับด้วยดอกกล้วยไม้บนแก้ว แต่กลิ่นแปลกที่ลอยมาแตะจมูก แล้วยังจะน้ำที่ข้นเหนียวเดือดปุดๆ

    "นี่มันอะไรกัน" ริวเน่ดึงหลอดบนแก้วขึ้นมาพบว่ามันเหลือเพียงส่วนที่ไม่โดนน้ำเท่านั้น เหมือนส่วนที่จุ่มน้ำแต่แรกมันละลายหายไปในนั้น นี่มันใช่เครื่องดื่มแน่เหรอฟะ ไปเบิกตัวคนทำมาหน่อยเด้ !!

    "ริวเน่ เธอสั่งอาวุธชีวิภาพมาเหรอ" เด็กสาวในผ้าคลุมถามด้วยน้ำเสียงเฝื่อนๆ

    "ไม่ทราบสิเพคะ แต่รู้สึกมันน่าสยองพอๆกับแกงกะหรี่เท็นมะ ใน Sch**l Ru*bl* เลย" อ้าวนี่ พวกเจ๊เป็นโอตาคุกันด้วยเหรอครับ

    "ลองกินดูสิ" เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงสนุกเล็กๆ หรือ อาจจะไม่เล็ก

    "องค์หญิงกำลังสนุกใช่ไหมคะ ต้องใช่แน่เลย อยากเห็นหม่อมฉัน ลงไปนอนตายสินะคะ" ริวเน่จะร้องไห้แล้ว

    "แค่พูดเล่นเองอย่าเพิ่งคิดเลยเถิดไปไกลนักสิ เอ้า " เด็กสาวยื่นแก้วน้ำเปล่าไปทางอัศวินหญิง "แบ่งกันกินละกันนะ"


    โครม !!! เสียงเปิดประตูบาร์ด้วยเท้าดังสนั่นจนทั่วทั้งบาร์นิ่งเงียบหันไปมองเป็นตาเดียวกัน ปรากฎร่างของอัศวินในชุดเกราะสีเงินงามสง่า ก้าวเดินเข้ามาเสียงบูทเหล็กดังก้องบนพื้นไม้ผุๆ เหล่าแขกรื่นต่างถอยเป็นทางให้กลุ่มอัศวินก้าวเดินเข้ามา ชายผมแดงที่นั่งอยู่มุมมืดในบาร์เหลือบตามองไปทางพวกอัศวินเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจับจ้องไปบนสัญลักษณ์บนชุดเกราะนั้น ....สัญลักษณ์ราชสีห์

    "แย่ละ พวกบาบิรินทอส มาถึงนี่เลย" เด็กสาวพวกด้วยน้ำเสียงเย็นผิดกับที่ผ่านมา

    "เอาอย่างไงดีคะ"

    ชายหนุ่มผมสีขาวอายุอานามราว 20 ต้นๆ ก้าวเดินออกมาจากกลุ่มอัศวินดวงตาสีฟ้ามองไปรอบบาร์ "พวกเรากลุ่มอัศวินองค์รักษ์บาบิรินทอสแห่งอาณาจักร AF ข้าคือหัวหน้าหน่วยอัศวิน เนียร์ เดอ ฟาร์เบ" ทั้งร้านเกิดเสียงพึมพำกันไปต่างๆนาๆ เนื่องด้วยกลุ่มอัศวินบาบิรินทอสนี่ถือได้ว่า เป็นกลุ่มยอดฝีมือของอาณาจักร และมักจะได้รับภารกิจพิเศษของอาณาจักรมาโดยตลอด และแน่นอนการที่พวกเขามาปรากฎตัวในที่แบบนี้ย่อมต้องมีเรื่องไม่ธรรมดาเกิดขึ้น "ขอให้ทุกท่านอย่าได้กังวลไป เรามาเพื่อตรวจสอบบางอย่างเท่านั้น และจะจากไปแต่โดยดี ขอให้ความร่วมมือด้วย"

    "ต๊าย ตาย พ่อหนุ่มหัวหน้าหน่วยนั้นหล่อชะมัดเลยเนอะ แองเจิ้ล เห็นแล้วอยากจะสอยประตูหลังสักสามสี่หน กรี้ดๆ" มาสเตอร์เจอความหล่อของเนียร์เข้าไปถึงกับเก็บอารมณ์ไม่อยู่

    "พวกบาบิรินทอสมาทำอะไรกันแน่คะ" สาวเสิร์ฟผมทอง ก้าวเดินออกมานอกบาร์โดยไม่กลัวเกรงกลุ่มอัศวินและไม่สนเสียงกรี้ดของ มาสเตอร์ ซ้ำยังส่งสายตาท้าทายอีกต่างหาก "ชั้นไม่รู้หรอกนะว่าเธอเป็นใคร แต่นี่คือภารกิจพิเศษ เราแค่อยากให้ทุกท่านร่วมมือกับเราเท่านั้น"

    "เหวอ แองเจิ้ลจัง เดี๋ยวก็โดนฆ่าหรอก" ตัวประกอบตัวนึงในบาร์ร้องทักขึ้น แต่เด็กสาวไม่สนใจ

    "แองเจิ้ล..." หัวหน้าอัศวินนิ่งเงียบไปครู่นึงก่อนสำรวจเด็กสาวตรงหน้าด้วยความสนใจ "ผมได้ยินมาเหมือนกันว่า มี ดาบสวรรค์ คนนึงอยู่อย่างสงบที่หมู่บ้านแห่งนี้ มันจะยิ่งน่าสนุกถ้าเธอคือ แองเจิ้ล ลาซูรี่ 'นางฟ้าผู้นำทัพ' 1 ในดาบสวรรค์ คนนั้น"

    เด็กสาวยังคงนิ่งเงียบพลางถอนหายใจยาว "แค่ให้ความร่วมมือใช่ไหม" เธอพูดพลางถอนหายใจ "แค่นั้นละครับ"

    "องค์หญิงคะ ได้ยินเมื่อกี้ไหม"

    "อืม ถ้าเธอใช่ดาบสววรค์ ตัวจริงละก็...แต่ตอนนี้เราควรจะออกจากที่นี่ให้ได้ก่อนดีกว่านะ"

    สองสาวนั่งอยู่บริเวณด้านข้างซ้ายสุดของบาร์ซึ่งอยู่ใกล้กับบันใดขึ้นชั้นสองเป็นจุดที่มีแสงสลัวอยากแก่การมองเห็นถ้าไม่เดินเข้าไปไกล แต่อีกไม่นานพวกอัศวินต้องเดินมาตรงโต๊ะที่เธอนั่งแน่ๆ แถมลูกค้าทั้งร้านยังหยุดนิ่งถ้าพวกเธอเคลื่อนไหวจะตกเป็นเป้าซะเปล่าๆ เด็กสาวในผ้าคลุม คิดหางทางหนีทีไล่ พลางเหลือบไปมองชายผมแดงที่อยู่ไม่ห่างกันมากนัก ชายผู้ซึ่งดูเหมือนจะเมาเบียร์แก้วเดียว แต่อาการเหมือนเมาเบียร์เป็นถัง เด็กสาวหยิบเอาเศษไม้ที่อยู่ใต้โต๊ะขว้างไปใส่หัวหนุ่มผมแดงอย่างจัง โดยอาศัยจังหวะที่พวกอัศวินสนใจโต๊ะอื่นๆอยู่

    "เฮ้ย ใครมันขว้างอะไรมาโดนหัวตรูฟะ" ตามคาดชายหนุ่มโวยวายทันที ทุกสายตาจึงจับจ้องไปทางเข้าโดยอัตโนมัติ

    "เวรเอ้ย แล้วยังจะเบียร์นี่อีก แองเจิ้ล เธอเอาอะไรมาให้กินเนี่ย ตอนดื่มไปทีไม่มีแรงจะด่าเลย แถมอ้วกไปต้องสามสี่หน จนคนเค้าหนีกันหมดแล้วเนี่ย อ๊อกๆๆๆ โอ้ย " ดูเหมือนเขาคนนี้จะยังไม่สร่างดี

    "แหม ก็แค่เบียร์สูตรพิเศษโคตรเมา ที่ชั้นใส่ยาพิษเพิ่มอาการเมาเข้าไปแค่กระปุกเดียวเอง" สาวเสริฟคนสวยยิ้มร่า พร้อมโชว์กระปุกที่มีฉลากเป็นลายหัวกระโหลกตัวเบ่อเร้อติดอยู่

    "ยัยบ้ากะจะฆ่ากันเลยหรือไงฟะ"

    "โดนแค่นี้นายไม่ตายหรอก มีอย่างที่ไหนมาขอดื่มเบียร์ฟรี ขนาดน้ำเปล่าร้านนี้ยังคิดตังค์เลย"

    "หุบปากเฟ้ย วันนี้เห็นทีต้องเอาคืนแล้ว แล้วอะไรติดหัวตรูเนี่ย" ชายหนุ่มคลำไปบริเวณศรีษะก่อนจะดึงเศษไม้ที่บินมาปักคาหัว เลือดสีแดงไหลพุ่งออกมาเป็นน้ำพุ "

    “ว้ากกก เลือดๆๆ ตรูเลือดออก ใครมันขว้างไอ้นี่มาฟะ แองเจิ้ลขออะไรแปะแผลหน่อยเด้ !!!"

    "ไม่นึกว่าองค์หญิงจะแม่นขนาดนี้นะเพคะ"

    "นั้นสิ ถ้าเรารอดไปได้ จะไม่ลืมการเสียสละของนายเลย" ดูเหมือนเด็กสาวจะไม่สำนึกตัวเองเลยว่าเป็นคนก่อเรื่อง

    อัศวินวัยกลางคนผู้นึงทนดูตลกคาเฟ่ไม่ไหว เดินตรงปรี่เข้าไปหาชายหนุ่มที่ร้องโวยวาย "เฮ้ย แกน่ะ อยู่นิ่งๆไม่เป็นหรือ...อุ๊บ !!" ในระหว่างที่อัศวินคนนั้นจะจับตัวชายหนุ่มกลับโดนหมัดสวนทะลุเสื้อเกราะเหล็กเข้าไปกลางท้องเต็มๆจนถึงกับทรุดลงไปนั่งกับพื้น "ไม่คิดจะช่วยก็อยู่ห่างๆเลย ไป๊ !! "

    "เฮ้อ พอเมาแล้วกลายเป็นคนแบบนี้เองเหรอเนี่ย แย่จังเลยน้า" แองเจิ้ลยกมือทาบแก้มแสดงความโมเอะเต็มที่

    ฝ่ายเนียร์ เองก็ตกใจไม่น้อย ชุดเกราะของอัศวินบาบิรินทอสนั้น เป็นเกราะเหล็กน้ำหนักเบาที่สร้างมาอย่างดี ขนาดดาบเจาะเกราะยังฟันแทบไม่เข้า แต่ชายคนนี้กลับใช้เพียงแค่มือเปล่าชกทะลุเสื้อเกราะอันแข็งแกร่งนี้ได้ "นายเป็นใครกันแน่"

    เพียงเสียงของหัวหน้าอัศวินทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง "ชั้นจะเป็นใครไม่สำคัญถ้าไม่มียาแก้เมาหรือปลาสเตอร์ปิดแผลก็ไม่ต้องมายุ่ง จะไปทำอะไรก็ทำ"

    "แต่การที่คุณทำร้ายคนในหน่วยผมนั้น คงอภัยให้ไม่ได้ หลังจากสำรวจที่บาร์นี้แล้วเราคงได้คุยกันแน่" สายตาเฉียบสีฟ้าข่มขู่คู่สนทนาที่ไม่แสดงท่าทีวิตกอะไรแม้แต่น้อย " เฮ้อ ยุ่งยากจริงๆที่นี่"

    เหล่าอัศวินเริ่มงานตรวจค้นของพวกเค้าทันที ไล่จากตรวจสอบทุกคนในร้าน จนถึงทุกซอกทุกมุม ห้องครัว ห้องเก็บอาหาร ห้องน้ำ ชักโครก ชั้น 1 และ 2 แต่กลับไม่พบสิ่งที่พวกเค้าตามหา "ไม่พบอะไรเลยครับหัวหน้า" อัศวินรายนึงเข้ามารายงาน

    เนียร์ยืนนิ่งครุ่นคิด "ไม่น่าเป็นไปได้ พวกเธอหนีมาได้แค่ที่นี่เท่านั้น จากข้อมูลที่เราได้มา ไม่น่าจะมีที่อื่นอีก" จริงๆแล้วสองสาวหลบไปอยู่ในส่วนของเคาท์เตอร์เก่าใต้บันใดบาร์เป็นที่เรียบร้อย ในระหว่างที่กำลังชลมุนกัน เคาท์เตอร์เก่านั้นมีขนาดใหญ่พอที่จะให้คนสองคนเข้าไปอัดกันได้สบายโดยมี ประตูปิดส่วนใต้เคาท์เตอร์เป็นแบบบานพับคู่ เด็กสาวจงใจเปิดด้านที่ว่างไว้ เพื่อให้อัศวินที่มาค้นเห็นว่าไม่มีอะไรอยู่และรอให้พวกเขาจากไปแต่โดยดีโดย ไม่ต้องเกิดการต่อสู้

    ฝ่ายแองเจิ้ลที่จำทุกคนในร้านได้ พอเห็นว่าสองสาวที่มาใหม่หายตัวไป เธอจึงเดาได้ทันทีว่ากลุ่มอัศวินมาตามหาใคร "คนที่ขว้างเศษไม้ไปโดนหัวเจ้าบ้านั้น คงเป็นสองคนนั้นสินะ แผนสูงแต่ก็เสี่ยงวัดดวงเหมือนกันนะเนี่ย"

    "ไม่พบอะไรเลยครับ" อัศวินอีกรายเข้ามารายงาน เนียร์หลบตาลงครู่นึงก่อนจะถอนหายใจขึ้น "ขอบคุณทุกท่านสำหรับความร่วมมือครับ พวกเราจะถอนตัวแล้ว แต่นายหัวแดงนั้นชั้นคงต้องให้ตามมาด้วยละนะ"

    "อะไรกัน ชั้นก็ขอโทษเจ้านั้นไปแล้วไง ยังไงก็หยวนๆไม่ได้เหรอ"

    สองสาวที่ซุกตัวอยู่ใต้เคาท์เตอร์เก่าได้ยินคำประกาศถอนตัวชัดเจน "ดูเหมือนพวกเขาจะไปแล้วนะคะองค์หญิง"

    "คงอย่างงั้น ...เดี๋ยวริวเน่ อย่าเพิ่งขยับ"

    กร๊อบ !!!! เสียงไม้ดังลั่นเหมือนเสียงตอนเราเคี้ยวมันฝรั่งเลย์ดังๆ ยังไงหยั่งงั้น เนียร์มองไปทางต้นเสียงที่เป็นเคาท์เตอร์เก่าทันที ดวงตาสีฟ้าจับจ้องพร้อมออกคำสั่ง "นาย ก. ช่วยไปดูตรงนั้นอีกทีสิ"

    "ครับหัวหน้า" อัศวิน ก. ไก่ ตรงปรี่ไปทางเคาท์เตอร์เก่าทันที ขณะที่กำลังเคลื่อนที่ผ่านหน้าเคาท์เตอร์ดาบเรเปียสีฟ้าเล่มยาวก็แทงทะลุไม้ เก่าๆเสียบเข้าที่ช่องอกของอัศวิน ก.ไก่ อย่างแม่นยำ เหตุการณ์ชวนขวัญผวาช่วงเสี้ยววินาทีทำให้ลูกค้าในร้านวิ่งหนีกันกระเจิดกระเจิง เหลือเพียงกลุ่มอัศวินสิบกว่าคน หนุ่มผมแดงปริศนา มาสเตอร์ และสาวเสริฟแองเจิ้ลในร้านเท่านั้น

    "เป็นแค่ตัวประกอบไม่มีชื่อคิดจะจับพวกเราเหรอ" ริวเน่ โผล่ออกมาจากช่องเคาท์เตอร์ที่ตัวเองทำพังเมื่อกี้

    "แม้จะเป็นตัวประกอบ แต่ก็ขอตายอย่างมีศักดิ์ศรีเฟ้ย !! " อัศวินที่บาดเจ็บลุกยืนขึ้นสู้แม้จะรู้ว่าเป็นวาระสุดท้ายก็ตาม โคตรเท่ห์เลยพี่น้อง "ชั้นขอประกาศไว้ตรงนี้เลยว่า......พระเจ้า H จงเจริญ !! อ็อกกกกกก" สิ้นเสียงประกาศนาย ก. ไก่ ก็โดนเสียบกลางหัวไปเยี่ยมยมบาล ณ บัดดล

    "ไม่รู้หรือไงห่ะ ว่าตอนนี้พระเจ้า H เสียตำแหน่งให้พระเจ้า M ไปแล้วน่ะ หลังเขาเอ้ย !!" ริวเน่ยังไม่มันส์ เสียบร่างไร้วิญญาณไปอีกหลายรู

    "ในที่สุดก็เจอตัวจนได้นะครับ เจ้าหญิงคาเรน " เนียร์พูดด้วยน้ำเสียบเรียบเฉย เหล่าอัศวินแห่งบาบิรินทอส ถืออาวุธพร้อมในมือ "ยังดูกระฉับกระเฉงดีนี่นา ริวเน่ โลเฟลลอยด์ นึกว่าจะแย่ตั้งแต่ตอนอยู่ที่เมืองแกลอรี่ แล้วซะอีก"

    "โดนแค่นั้นสบายมากอยู่แล้ว" ริวเน่ยิ้มขึ้นพร้อมเอาตัวบังองค์หญิงด้านหลัง

    "คิดจะปกป้ององค์หญิงตัวปลอมที่เป็นภัยแก่ AF ไปอีกนานแค่ไหนกัน" เนียร์ถามพลางชักดาบของตน

    "พวกที่แกคิดว่าเป็นองค์หญิงในปราสาทน่ะแหละ ตัวปลอม โดนหลอกแล้วยังไม่รู้ตัวอีก"

    เจ้าหญิงคาเรน เลิกผ้าคลุมขึ้น พร้อมออกมายืนด้านหน้าของริวเน่ เด็กสาวที่ดูเหมือนจะมีอายุเพียงแค่ 15 ปีก้าวขึ้นมาอย่างสง่างาม เรือนผมสีน้ำตาลเข้มกับดวงตาสีดำสนิท ตัดกับผิวขาวดุจหิมะ เจ้าหญิงตัวน้อยปรายตามองเหล่าอัศวินก่อนจะผุดยิ้มขึ้น "มาจับเราโดยใช้กำลังคนเพียงเท่านี้เหรอคะ สมกับเป็นบาบิรินทอสจริงๆ"

    "ทำไมละฟะ ก็หน่วยนี่มันสอบเข้ายากนี่ฟ่า กว่าจะทดสอบทั้งปฎิบัติ และ ทฤษฏีเข้ามาได้ มีขนาดนี้ก็บุญแล้ว โอ้ย.." เมื่อลูกน้องพล่ามเกินเหตุหัวหน้าเลยต้องตบกระโหลกสั่งสอนไปหนึ่งที

    "สถานการณ์จนมุมแล้ว มอบตัวจะดีกว่านะ" เนียร์ยืนข้อเสนอทันที ตัดบทมุขตลก

    "ไม่ค่ะ ชั้นจะไม่ยอมแพ้ จนกว่าจะได้พิสูจน์ตัวเอง" เจ้าหญิงคาเรน กล่าวอย่างห้าวหาญผิดกับรูปลักษณ์ภายนอก "โห ไม่เลวเลยแหะ สมกับเป็นลูกสาวตาลุงนั้นจริงๆ" แองเจิ้ลถึงกับหลุดปากชม ในขณะที่มือกำลังยัดสำลีลงไปในแผลเพื่อนผมแดงอยู่ แน่นอนว่าไอ้หมอนี่แหกปากร้องลั่น

    "เมื่อเลือกทางนั้นก็ ย่อมได้..." หัวหน้าอัศวินหนุ่มเว้นจังหวะเล็กน้อย

    "ด้วยเกียรติของพวกเราบาบิรินทอส จับสองคนนั้นมาให้ได้" สิ้นเสียงคำสั่งหน่วยบาบิรินทอสก็โหมบุกโจมตีผู้หญิงเพียงสองคน ริวเน่กันเจ้าหญิงคาเรนไปด้านหลังพร้อมทั้งใช้เรเปียสีฟ้าในมืองัดโต๊ะเข้า ใส่พวกอัศวินด้านหน้าจนล้มไปสองคน แต่พวกทางปีกซ้ายก็บุกมาอย่างรวดเร็วแต่เป้าหมายไม่ใช่ที่ตัวริวเน่ แต่เป็นคาเรนที่อยู่ด้านหลัง "เจ้าหญิง !!" นักดาบสาวผมฟ้า หันร้องไปด้วยความตกใจ แต่เจ้าหญิงคาเรน ที่ดูน่าจะเป็นจุดอ่อนกลับเคลื่อนไหวหลบคมดาบของอัศวินแห่งบาบิรินทอสได้อย่างง่ายดาย โดยใช้กองไม้เก่าจากซากเคาท์เตอร์สกัดการเคลื่อนไหว ก่อนจะกระโดดถีบหน้าอัศวินคนนึงจนลงไปนอนกองกับพื้น "ชั้นไม่เป็นไรริวเน่ ระวังด้านหน้าไว้ เราจะหนีทางประตูหลัง"

    เจ้าหญิงคาเรนและองค์รักษ์สาว รีบหลบเข้าไปในห้องน้ำใต้บันใด ก่อนจะรีบล็อคกลอนกันพวกของนอกไม่ให้เข้ามา "ทำยังไงดีเพคะ เจ้าหญิงประตูนี่คงต้านพวกอัศวินได้ไม่นาน แล้วห้องน้ำนี่มันก็....ไม่มีทางหนี" ริวเน่ มองไปรอบๆก่อนจะปลงตกมันเป็นห้องน้ำแบบนั่งยองๆทั่วไปที่เจอตามร้านอาหาร เน่าๆ ห้องน้ำเน่าๆ กลิ่นหื่นเน่าๆ แล้วก็ตะไคร่น้ำจับเต็มผนังไปหมด "เมื่อไม่มีทางหนี ก็สร้างมันซะเลยสิ" เจ้าหญิงยิ้มขึ้นพลางชี้ไปที่ผนังด้านหลังที่ติดกับถนนด้านนอก ริวเน่ยิ้มขึ้นทันที "เจ้าหญิง ถอยไปเพคะ" คาเรน เคลื่อนตัวหลบไปด้านข้าง อัศวินเศร้ารวบรวมสมาธิเล็กน้อยก่อนจะฟันผนังไม้ จนเป็นรูออกไปข้างนอกกันได้สำเร็จ

    โครม !! พวกอัศวินพังประตูเข้ามาได้แต่สายไปแล้วสองสาวโกยไปโน้นแล้ว "เฮ้ย พวกเราตามต่อ !!"

    "แค่นี่ก็น่าจะพ้นแล้วนะเพคะ" ริวเน่พูดพลางหันมองด้านหลัง

    "คงไม่น่ะ" เจ้าหญิงคาเรน หยุดนิ่งทันพลัน พร้อมจับตัวองค์รักษ์สาวที่เหมือนจะวิ่งเพลินไปหน่อย เมื่อข้างหน้าพวกเธอของหัวหน้าหน่วยบาบิรินทอสกับกองกำลังส่วนนึง กำลังยืนนิ่งไม่ไหวติงเรากับรอคอยทั้งสอง แถมพวกที่ไล่หลังมายังตามมาสมทบเรียบร้อย "ไม่มีทางให้หนีแล้วยอมแพ้ซะถ้าไม่อยากตาย" เนียร์กล่าวเด็ดขาด เหล่าอัศวินกระชับพื้นที่เข้ามา

    "แย่ละ"

    "เจ้าหญิงเพคะ..."

    สองสาวไม่รู้จะไปทางไหนได้อีก ตัวเองอยู่ที่โล่งแถมถูกล้อมจากทุกด้าน และการที่จะเอาชนะหน่วยพิเศษที่เกรียงไกรของอาณาจักรด้วยผู้หญิงเพียงสองคน คงจะเป็นไปไม่ได้ เจ้าหญิงคาเรนหลับตาลงครู่นึง "คงปฎิเสธที่จะยอมจำนนค่ะ ถ้าถูกจับละก็ขอให้ได้สู้จนถึงวินาทีสุดท้ายดีกว่า !!"

    ริวเน่ ยิ้มขึ้นกับคำประกาศของนายเหนือหัว "หากเช่นนั้นข้าจะขอติดตามท่านจนถึงก้นบึ้งของนรกเช่นกันค่ะ"

    ฝ่ายเนียร์ที่ล้อมจากทุกด้านจนปิดทางหนีทั้งสองได้ทั้งหมด กล่าวอย่างเหนื่อยใจ "นี่คงเป็นภารกิจที่บั่นทอนเกียรติของเราเป็นแน่ จัดการสองคนนั้นซะ !!!!!"

    แต่ทุกคนก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อมีมือปริศนา เข้ามาจับไหล่ของหัวหน้าหน่วยบาบิรินทอสแบบไม่ทันตั้งตัว แม้แต่ตัวเนียร์เองยังหน้าถอดสีหลุดเก็กไปแบบหลายวิ " เฮ้อ มันจะดีเหรอ ผู้ชายเป็นสิบล้อมผู้หญิงสองคนเนี่ย"

    เจ้าของคำพูดก็คือชายหนุ่มผมแดงท่าทางกวนบาทาในบาร์นั้นเอง แต่ตอนนี้บรรยากาศรอบตัวเขาดูแปลกไปจากเมื่อครู่อย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มในชุดเสื้อโค้ทสีขาว กางเกงขายาวสีดำสนิทและเข็มขัดแนวพั๊งค์ ก้าวเดินเข้าไปหาสาวๆกลางวงล้อม โดยที่ไม่มีใครกล้าไปขวาง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน มองพระจันทร์เต็มดวงบนฟ้าเล็กน้อยก่อนจะหันหน้าเข้าประจันหน่วยอัศวิน " พูดตามตรง ชั้นไม่ชอบให้พวกคุณมาทำตัวหมาหมู่กับคนที่อ่อนแอกว่าหรอกนะ แล้วขอโทษด้วยที่เสียมารยาทเผอิญว่าเมาไปหน่อย" คำพูดแม้จะฟังแล้วน่าตบกระโหลกแต่ท่าทางนั้นกลับดูหน้านับถือยิ่งนัก

    "แล้วยังไง จะมาขวางภารกิจพวกเราเหรอ" เนียร์ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แม้จริงๆแล้วจะหวั่นๆเล็กน้อยที่อีกฝ่ายโผล่มาแบบไม่รู้ตัวเลยสักนิด ถ้าไอ้หมอนี่เป็นกระเทยคงโดนอุบุนตู้ไปแล้ว

    "อย่างที่ว่า สองสาวดูท่าจะสู้ตาย แล้วผลลัพท์มันคงเป็นตายแน่ๆ พวกคุณเองเป็นอัศวินก็คงจะรู้ดีอยู่แล้วนิ ว่าการกระทำต่อผู้อ่อนแอเช่นนั้นมันช่างไร้เกียรติสิ้นดี" น้ำเสียงนุ่มลึกผิดกับตอนเมาลิบลับสร้างความสะท้านไปทั่วบริเวณ

    "ยังไงนี่คือภารกิจพิเศษที่เราต้องปฎิบัติให้ลุล่วงเพื่อความสงบสุขของอาณาจักร ผมขอความร่วมมือให้คุณช่วยหลีกทางไปด้วยครับ" เนียร์รู้แน่แล้วว่าชายตรงหน้าไม่ธรรมดาแน่ เขาจึงเลือกหนทางเจรจาก่อนเพื่อไม่เกิดการสูญเสีย

    "ขอบคุณมาก สำหรับทางเลือกที่ดีนั้นแต่ข้าขอปฎิเสธ" ชายผมแดงปลดเชือกบนหอผ้าเก่าๆออกเหล่าอัศวินบาบิรินทอส รีบกุมดาบในมือไว้แน่น "พวกเธอน่ะ ลดดาบลงแล้วอยู่เฉยๆไว้นะ" ชายผมแดงหันไปบอกสองสาวเจ้าหญิงคาเรน พยักหน้าก่อนที่ริวเน่จะทำตาม

    "หากเช่นนั้น ก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก" เหล่าอัศวินบาบิรินทอส เข้าจู่โจมทันที ชายผมแดงยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเหวี่ยงผ้าผืนเก่าลอยโด่งขึ้นฟ้า ปรากฎดาบเล่มยาวสีขาวในมือ ตัวด้ามดาบประดับด้วยทองคำบริสุทธิ์เป็นรูปมังกรและราชสีย์ ตัวใบดาบสลักด้วยรูปประตูและนางฟ้ารายรอบ ชายหนุ่มตวัดดาบเล่มสวยเข้าใส่กลุ่มอัศวินที่กรูกันเข้ามาเกิดเสียงแหวก อากาศอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งกลุ่มอัศวินที่เรียงหน้าเข้ามาโดนฟันเป็นแนวยาวในทันที "ดาบรูปทรงนั้นมัน !!! องค์หญิงคะ" ริวเน่ตาเบิกโพลงพร้อมหันไปทางเจ้าหญิงคาเรน ที่ยังไม่เชื่อสายตาตัวเองเหมือนกัน

    "ไม่ผิดแน่ ดาบ Heaven's Gate แสดงว่าเขาก็คือ..."

    ชายผมแดงเหลือบมองไปด้านหลังกลุ่มอัศวินอีกกลุ่มที่จะเข้าเล่นงาน สองสาว ริวเน่รีบลุกขึ้นคิดจะต้านไว้ก่อน แต่ชายผมแดงรีบกดหัวเธอลงพร้อมทั้งฟาดดาบในแนวตั้ง พื้นดินแทบจะถูกแยกเป็นสองส่วนในทันที เกิดเสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหว พวกอัศวินกองกันลงไปนั่งฉี่แทบเล็ด "เฮ้อ บอกแล้วไงว่าให้อยู่เฉยๆ" ริวเน่ ที่เกือบจะโดนลูกหลงรีบพยักหน้าโดยไว

    "น่าสนุกจริงๆ ไม่นึกว่า ดาบสวรรค์ ลำดับที่ 1 'จักรพรรดิแห่งฟากฟ้า' แม็กแลนเซอร์ จะมาปรากฎตัวแบบนี้" เนียร์กล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดขีด "ไม่ทราบว่าจะช่วยประลองกับผมเพื่อเป็นเกียรติสักเล็กน้อยได้หรือไม่"

    "ทางนี้ต่างหากที่ต้องเรียกว่าเป็นเกียรติ ผู้นำรุ่นใหม่แห่งบาบิริทอสที่ใครๆต่างก็เรียกว่าเป็นอัจฉริยะ 'ราชสีห์ขาว' เนียร์ เดอ ฟาร์เบ"

    ทั้งสองกระชับดาบในมือแน่น รอยยิ้มอันยินดีที่ยอดฝีมือมาปรากฎตรงหน้าอยู่เหนือความสำคัญของภารกิจไป แล้ว เนียร์รุดเข้าหาโดยไม่ให้ตั้งตัว ฝ่ายแม็กเองตวัดดาบในแนวขวางเกิดคลื่นแหวกอากาศแบบเดียวกับที่เล่นงานกอง อัศวิน เนียร์ก้มหลบสุดตัว เฉียดโดนเส้นผมไปเล็กน้อย อัศวินหนุ่มง้างดาบฟันในแนวตั้งจากด้านล่าง แต่ยอดฝีมือแห่งดาบสวรรค์ก็หลบได้ไม่ยากเย็นนัก พร้อมฟันสวนเข้าใส่ เนียร์รับเพลงดาบที่รุนแรงนั้นได้แบบหวุดหวิดก่อนตัวเองจะถอยกรูดไปหลายเมตร "การเคลื่อนไหวเมื่อกี้นับว่าไม่เลวเลย ควรค่าที่ผู้คนเรียกว่าอัจฉริยะจริงๆ"

    "ของจริงมันจากนี้ต่อไปตะหากละครับคุณแม็ก..." เนียร์ยังคงยิ้มอย่างตื่นเต้น แม้ว่าจะพอรู้ถึงระดับฝีมือที่ยังค่อนข้างต่างชั้นกันก็ตาม "เดี๋ยวก่อนเนียร์"

    เจ้าของเสียงเป็นอีกาสีดำตัวนึงที่บินร่อนลงบนบ่าของหัวหน้ากองอัศวิน "มีคำสั่งให้ถอยกลับก่อน เจ้ายังสู้กับ 'นักดาบที่แข็งแกร่งที่สุด' คนนี้ไม่ได้หรอกนะ"

    "หุบปากซะ !! ถึงอย่างงั้นข้าก็อยากจะลองให้รู้ว่าเขากับข้าห่างชั้นกันขนาดไหน" กริยาที่ดูเป็นสุภาพบุรุษถึงเมื่อครู่หายไปสิ้น เนียร์ในตอนนี้ต้องการที่จะประลองกับผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของนักดาบเท่านั้น

    "แต่นี่คือคำสั่ง !!" อีกาตัวนั้นส่งเสียงประกาศิตดังลั่น หัวหน้าหน่วยอัศวินจำใจต้องเก็บดาบเข้าฟักก่อนจะเผยหน้าที่แสดงความเสียดาย อย่างเปี่ยมล้น "หวังว่าคงมีโอกาสได้ดวลกับท่านอีก" เนียร์โค้งคำนับให้กับแม็ก ก่อนจะส่งสัญญาณถอยทัพ

    แม็กยิ้มให้เล็กน้อยโดยไม่กล่าวคำใดๆ มองดูกลุ่มอัศวินอันเกรียงไกรแห่ง ALL Final จากไปเงียบๆ "นี่พวกเธอ....จะจับมือชั้นอีกนานมะ" ชายผมแดงหันมองสองสาวที่กุมมือข้างซ้ายของเขาไว้แน่น "ขอร้องละคะ 'จักรพรรดิแห่งฟากฟ้า' ได้โปรดช่วยเราด้วย" เจ้าหญิงคาเรนคุกเข่าอ้อนวอน

    "เจ้าหญิง ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้..." ริวเน่ทำท่าจะห้ามแต่ เจ้าหญิงน้อยปรามไว้ "ได้โปรด....."

    แม็กเกาหัวเล็กน้อยก่อนเลือดไหลซิบๆเพราะไปเกาตรงแผลที่โดนสำลีอุดอยู่ "เอาเป็นว่า กลับไปที่บาร์เมื่อกี้ก่อนค่อยว่ากัน" ชายหนุ่มเดินไปหาเศษผ้าบนพื้นก่อนจะนำมันมาคลุมดาบอีกรอบ โดยมีสองสาวตามมาติดๆ

    ณ บาร์แห่งเดิมซึ่งน่าจะเรียกว่าเป็นซากบาร์มากกว่า โต๊ะตัวนึงในร้านถูกยกตั้งขึ้นและนั่งล้อมวงโดย มาสเตอร์ที่โดนบังคับให้เสริฟน้ำเปล่า แองเจิ้ล แม็ก ริวเน่ และเจ้าหญิงคาเรน "ยังไงช่วยเล่ารายละเอียดมาให้ฟังทีได้ไหม" แม็กถามสั้นๆพลางกระดกน้ำเปล่าบวกยาแก้เมาที่แองเจิ้ลเอามาให้

    "ประชาชนของอาณาจักรนี้กำลังโดนหลอกอยู่คะ" เจ้าหญิงคาเรนกล่าวแบบตรงไปตรงมาที่สุดเพื่อการอธิบายไม่ยืดยาว "เจ้าหญิงคาเรน ที่ทุกคนรู้จักในปราสาทนั้นเป็นเพียงร่างแทนของชั้น และใส่ร้ายชั้นว่าเป็นเจ้าหญิงตัวปลอมค่ะ"

    "สรุปก็คือ เธอคือเจ้าหญิงคาเรน ตัวจริง แต่ คนที่อยู่ในปราสาทนั้นเป็นตัวปลอมที่ถูกทำให้เหมือนด้วยเทคโนโลยีหรือเวทมนต์อะไรสักอย่างใช่ไหม" แองเจิ้ลถามทวนซ้ำเพื่อความเข้าใจ

    "ใช่แล้วคะ เนื่องด้วยชั้นไม่ได้อยู่ที่ปราสาทเป็นเวลานาน เพราะเสด็จพ่อไม่ต้องการให้ชั้นเป็นอันตรายจากความวุ่นวายภายใน " เจ้าหญิงถอนหายใจเล็กน้อย "หลังจากเสด็จพ่อสวรรคต อยู่ๆก็กลับปรากฎตัวชั้นอีกคนขึ้นในปราสาทและถูกแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหญิงรัชทายาทค่ะ" คนอื่นๆยกเว้นริวเน่ ทำหน้าเข้าใจไปตามๆกัน "แต่ราชาเจนี่จะตลกไปไหน ตอนข่าวออกมาชั้นละฮาแทบแย่ มีอย่างที่ไหนเอาไม้แคะฟันจิ้มโดนเหงือกตัวเองตายเนี่ยนะ" แม็กพูดไปขำไป

    "นั้นดิ ประชาชนก็ร้องห่มร้องไห้ แต่พวกเรานี่ขำกันแทบแย่" แองเจิ้ลสมทบอีกคน

    ริวเน่ตบโต๊ะเน่าๆทันที ขอร่วมด้วย แต่ตบแรงไปหน่อยโต๊ะหักกลางพังทันทีทันใด "ใช่ไหมละคะ !! ดูยังไงๆก็ลอบปลงพระชนม์เห็นๆ" ริวเน่หน้าแดงเล็กน้อยที่ทำโต๊ะพังแต่ยังเก๊กท่าโมโหกลบเกลื่อน

    "ชั้นขอเดาจุดประสงค์การเดินทางของพวกเธอนะ " แองเจิ้ลยิ้มเล็กน้อยพลางชี้ไปที่หน้าของเจ้าหญิงคาเรน "เธอ ต้องการกลับไปที่ปราสาทเพื่อแสดงตนว่าเป็นเจ้าหญิงตัวจริงก่อนวันฉลองครบรอบ อายุ 18 ปี ซึ่งจะทำให้ตัวปลอมของเธอได้เป็นเจ้าหญิงรัชทายาทอย่างเป็นทางการ แต่การทำแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับเดินเข้าไปในปากเสือร้าย จึงจำต้องหายอดฝีมือไปด้วยถูกไหม"

    "ถูกต้องแล้วค่ะ " คาเรนตอบแองเจิ้ลฉะฉาน

    "ฉลาดเป็นกรดสมเป็นแองเจิ้ลหน่วยมันสมองของพวกเราจริงๆนะ" แม็กพูดพลางเล่นหูเล่นตากับสหายร่วมรบ " แน่อยู่แล้ว ชั้นมันพวกใช้สมองเป็นหลักไม่เหมือนพวกนายที่ลุยเดี่ยวกลางดงศัตรูหรอก"

    "เดี๋ยวนะ แสดงว่าคุณแองเจิ้ลก็..." ริวเน่ พูดพลางชี้ไปทางแองเจิ้ล "ถูกต้องแล้ว อย่างที่พวกเธอสงสัยน่ะแหละ ชั้นคือ แองเจิ้ล ลาซูรี่ ดาบสวรรค์ลำดับที่ 8 'นางฟ้าผู้นำทัพ' คนนั้นน่ะแหละ"

    "น่ายินดีจริงๆ พบดาบสวรรค์ถึงสองคน" เจ้าหญิงคาเรนยิ้มขึ้นพลางถามต่อ "จะว่าไปพวกคุณไม่สงสัยเหรอคะ ว่าเรื่องที่ชั้นเล่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ"

    "จะสงสัยทำไม เราเคยร่วมรบกับพ่อเธอนะ อีกอย่างเราก็เคยเจอกันบ้างอยู่แล้วนิ" แองเจิ้ลเปรยขึ้น "อ้อ เหรอ เอาเถอะถ้าเธอว่าแบบนั้นคงจะเรื่องจริงละนะ" แม็กโพล่งขึ้นมาทันใด "นี่แสดงว่านายคิดว่าเป็นเรื่องโกหกมาตลอดเหรอ" แองเจิ้ลหันไปถามเพื่อน

    "แค่เผลอไปไม่กี่วิเอง" แองเจิ้ลเขกหัวเพื่อนไม่เอาไหนทันที

    เจ้าหญิงคาเรน ลุกยืนขึ้น ก่อนจะคุกเข่าลงต่อหน้าดาบสวรรค์ทั้งสอง ริวเน่ซึ่งเป็นองค์รักษ์ตกใจกับการกระทำนี้แบบออกนอกหน้า ผิดกับแองเจิ้ลและแม็กที่มองเธอด้วยสายตาจริงจัง "ขอร้องละคะ ช่วยอาณาจักรนี้อีกครั้งด้วย หากภารกิจนี่สำเร็จไม่ว่าจะเป็นอะไรชั้นจะยอมทำให้ ขอให้ชั้นได้กลับไปทวงสิทธิ์ของท่านพ่อคืนมา ขอเดิมพันด้วยเกียรติองค์หญิงแห่ง AF คนนี้"

    "เจ้าหญิง..." ริวเน่รำพึงเบาๆ บรรยากาศนิ่งเงียบดาบสวรรค์ทั้งสองต่างไม่พูดอะไรราวกับครุ่นคิดถึงผลได้ผลเสีย และคนแรกที่พูดขึ้นมาก็คือแองเจิ้ล "ขอโทษนะ คำตอบคือ ไม่"

    "ทำไมละคะ" คาเรน รีบท้วง "นั้นก็เพราะชั้นเบื่อสงครามแล้วน่ะสิ ขี้เกียจไปตีกับใครแล้ว อยู่บ้านนอกแบบนี้สบายใจกว่าเยอะ แล้วนายละ แม็ก" แองเจิ้ลตอบเด็ดขาด

    "เมื่อกี้บอกว่ายอมทุกอย่างเหรอ" เจ้าหญิงคาเรน ตอบทันที " แน่นอนคะ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดถ้าชั้นให้ใด้ละก็"

    แม็กยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พลางลงนั่งอยู่เบื้องหน้าเจ้าหญิง มือขวาของเขาจับไปที่แก้มอันอ่อนนุ่มใบหน้าได้รูปของทั้งสองอยู่ใกล้จนหายใจ รดกัน "ถ้าขอเป็นตัวเธอจะได้ไหมละ เจ้าหญิง"


    ทุกอย่างสงบนิ่ง ไม่ได้ยินแม้เสียงแมลงวัน........

    "เฮ้ย !!!!!! ไอ้บ้านี่เจ้า !!!!!" ริวเน่ ตะโกนลั่นร้าน ร้อนถึงมาสเตอร์ที่แอบไปขี้อยู่ในห้องน้ำต้องออกมาจับไว้

    "ริวเน่หยุด !!" เจ้าหญิงคาเรน ออกคำสั่งเด็ดขาดพลันหันมองไปทางองค์รักษ์สาว ก่อนจะหันมาสบตาคู่สวยของชายหนุ่มอีกครั้ง "ถ้าชั้นยินดีมอบตัวชั้นให้ ท่านจะยอมช่วยไหมคะ"

    แม็กอึ้งไปกับคำตอบที่ได้พลางยิ้มในใจ "ความเด็ดเดี่ยวนี้ ช่างเหมือนคนเป็นพ่อจริงๆ" แม็กพยุงตัวเจ้าหญิงให้ลุกยืนขึ้นก่อนตัวเองจะทรุดนั่งลงในท่าอัศวินพร้อมถวายสัตย์ปฎิญาณ "ข้า แม็ก ลา เพิร์ล หรือ แม็กแลนเซอร์ ดาบสวรรค์ ลำดับที่ 1 ผู้นี้ ขอสาบานว่าจะเป็นดาบผู้ปกป้องเจ้าหญิงคาเรน แห่ง All Final ด้วยชีวิต จวบจนสิ้นภารกิจ ขอให้ท่านจงใช้ดาบเล่มนี้ให้เต็มที่เถิด...."

    เจ้าหญิงยิ้มขึ้นอย่างพอใจ "หากเช่นนั้นข้าขอใช้ดาบเล่มนี้ฟาดฟันอุปสรรค์เบื้องหน้า จงเปิดทางให้ข้ากลับคืนสู่บัลลังค์"

    "น้อมรับบัญชา เจ้าหญิง" แม็กยิ้มขึ้น พร้อมเงยหน้ามองดูเจ้าหญิงผู้งดงาม

    "แน่นอนท่านแม็ก สิ่งที่ชั้นได้พูดออกไปย่อมไม่คืนคำแน่" เจ้าหญิงกล่าวด้วยความเด็ดเดี่ยว ดวงตาสีดำเปล่งประกายดุจท้องฟ้ายามค่ำคืน

    “จะว่าไปแล้วเจ้าหญิงปีนี้ 17 แล้วสินะค่ะ” แองเจิ้ลถามขึ้น

    “ใช่ค่ะ”

    แม็กพิจารณาจะรูปร่างขององค์หญิงครู่นึง “นึกว่าเด็กประถมแหะ” พูดจบก็โดนริวเน่กระทืบเท้าเข้าอย่างจัดหนุ่มผมแดงถึงกับแหกปากลั่นร้าน


    เรื่องราวนี้มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น...........................





    .............................................................................
    .............................................................
    .....................................................
    .................................................
    ............................................
    ........................................




    คุยกันหลังตอน

    ก็มีบางอย่างเพิ่มเติมและแตกต่างไปจากฉบับเดิมอยู่บ้างเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ทั้งมุขที่เปลี่ยนไปและคาแร็กเตอร์บางตัวที่เปลี่ยนไปเลย เพื่อล้อเลียนใครบางคนโดยเฉพาะ ก้ากๆๆๆๆๆ

    ของเก่าผมลงไปได้สองตอนแต่ตอนนี้ในมือผมมี 4 แล้ว ล็อตแรกก็คงเป็น 4 ตอนนี้อย่างที่พล่ามไว้ด้านบน ซึ่งผมเองก็เจียดเวลามาเขียนวันละนิดละหน่อย ตามอารมณ์และไอเดียในเวลานั้น ยังไงก็ขอพลังสนับสนุนจากทุกท่านเหมือนเดิม อ้อ อ่านแล้วอยากลืมเม้นให้เค้าน้า ><



    ปล. ใครเข้ามาอ่านแล้วอยากมีส่วนร่วมติดต่อได้ในกระทู้นี้เลย ทิ้งชื่อไว้ก็พอนะจ๊ะ ยังขาดคาแร็กเตอร์อยู่พอควรที่ไม่มีคนสมัครมา ผมจะยัดพวกบอร์ดฟิคเก่าๆสมัยสัก 5-6 ปีก่อนมาแจมละกันนะ


    THANKS ALL FRIENDS AND FANS !!!!!!


    SEE YOU NEXT WEEK
  2. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    เนื้อหายังคล้ายๆเดิม แต่มีอัพเดตตามกระแสใหม่ๆด้วยสินะั >_<

    ขอให้คลอดตอนใหม่ในเร็ววันเน้อ >_</
  3. maxlancer

    maxlancer ประธานรุ่น2ตุรกีเชียงใหม่

    EXP:
    1,183
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    88
    แค่เปิดชื่อนคร ตูก็ตรัสรู้แล้วว่า ไม่พ้นได้เป็นหนึ่งในอะไรซักอย่างในเรื่องแน่ๆ -w-b

    อ่านคร่าวๆแล้ว ถ้าจะฮาดี ยังไงจะรอตอนต่อไป ยามเมื่อข้าผ่านโปรลุล่วง!!
  4. ladykaren

    ladykaren อัลปาก้าที่อยู่ในฟูก

    EXP:
    906
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    88
    อ่ะ มีคาเรนด้วยหรือ;[];!

    เนื้อเรื่องแรกเริ่มมาก็ชวนให้น่าติดตามแล้วเจ้าค่ะ อยากอ่านต่อ;[];!
    แต่..คำพูดที่แม็กพูดกับองค์หญิงนั่น...ง่าา...=///=

    เชิญเอาคาเรนไปยำตามสะดวกเจ้าค่ะ XD

    (วะฮะฮ่า!!! บัลลังค์นั่นต้องเป็นของตรู!!!) (<<ความคิดแว่บแรกของคนอ่าน)
  5. Ryuune

    Ryuune Well-Known Member

    EXP:
    1,084
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    เข้ามาอ่าน ตอนแรก ๆ เห็นว่าเหมือนของเก่าเลยว่าจะอ่า่นแค่ผ่าน ๆ ทว่าพออ่านดูให้ดี ๆ อีกที

    .....ขำมุขพระเจ้า H เสียตำแหน่งให้พระเจ้า M 555+

    ทางนี้เริ่มอยากกลับมาเขียนวาลคีรี่ต่อให้จบแล้วเริ่มเรื่องใหม่สักทีเหมือนกันแหะ
  6. arcwind

    arcwind New Member

    EXP:
    23
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ข้อเสนอของเจ้าหญิงได้ใจมากพะยะค่ะ = = d

    แต่ได้ใจตอนริวเน่สั่งน้ำผลไม้ที่สุด!!
  7. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    เดินผ่านมา คุ้นๆเว้ยเฮ้ย!! ตำนานบทนี้ยังไม่ถูกลืมเลือนสินะ



    ปล.ขอแซวนิดนึง เห็นฟิคโยทีไรแสดงว่าชีวิตช่วงนั้นมันบัดซบสินะฮาา
  8. powder

    powder Member

    EXP:
    260
    ถูกใจที่ได้รับ:
    9
    คะแนน Trophy:
    18
    อ่านจบตอนแล้วค่ะ

    ภาษาแอบขัดบ้าง แต่ชอบนะคะ น่าสนุกดี

    รออ่านตอนต่อไปค่ะ 'w'
  9. yoshiki

    yoshiki FATE

    EXP:
    862
    ถูกใจที่ได้รับ:
    17
    คะแนน Trophy:
    38
    NOTE : นี่คือเรื่องราวแฟนตาซีในโลกยุคปัจจุบัน....


    ........................................
    ............................................................
    ........................................................................
    ......................................................................................





    ตอน 2 Train Travel

    “เจ้าหญิง เจ้าหญิงเพ่ค่ะ รีบตื่นเร็ว !!”​


    เราตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืดและไอร้อนรอบกาย องครักษ์ของเรารีบเข้ามาปลุกขณะเรานอนอยู่ กลิ่นควันไฟรุนแรงลอยเข้ามาในห้องนอนของเรา องครักษ์ของเราบอกเราว่าด้านนอกกำลังเกิดเหตุวุ่นวายเราต้องรีบหนีกันเดี๋ยวนี้ เราไม่มีเวลามากนัก จึงทำได้เพียงแค่หยิบของมีค่าเล็กน้อยและของดูต่างหน้าของท่านแม่เราติดตัวไปด้วย

    เราถูกพาออกมาทางนอกหน้าต่างคฤหาสน์ ทุกสิ่งกำลังตกอยู่ในทะเลเพลิง เสียงผู้คนกรี้ดร้องดังกึกก้อง เช่นเดียวกับเสียงหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะของเรา

    เราวิ่งไม่คิดชีวิตพร้อมกับองครักษ์หนึ่งเดียวของเรา นัยน์ตาสองสีของเธอแสดงอาการเป็นห่วง แต่เราก็บอกเธอว่าอย่ากังวลเลย เราเองก็พอดูแลตัวเองได้ เราหนีเข้ามาในป่าลึกหลบซ่อนตัวอยู่หลายวัน ต่อสู้ดิ้นรนกับสัตว์ร้ายในป่า เรารอดขีวิตออกมาพร้อมคำถามมากมาย

    มันเกิดอะไรขึ้น

    ทำไมท่านพ่อต้องตาย

    ทำไมพวกเขาต้องการเอาชีวิตเรา

    และยังแย่งชิงทุกสิ่งไปจากเราอีก​


    เราสาปแช่งทุกสิ่ง หวังเพียงแต่จะกอบกู้ทุกอย่างคืนกลับมา ในท่ามกลางความสิ้นหวัง เรานึกถึงพวกเขาขึ้น เราเคยพบปะกับพวกเขาทั้งสิบคนในปราสาทตอนมหาสงคราม เราประทับใจในความแข็งแกร่งของพวกเขา เราอยากจะแข็งแกร่งแบบนั้น .....ใช่แล้ว หากเราจะขอยืมความแข็งแกร่งของพวกเขา เฉกเช่นเดียวกับที่ท่านพ่อของเราเคยทำ

    เราจึงตัดสินใจที่จะออกเดินทาง

    ตามหาเหล่าดาบที่สาบสูญ

    ด้วยความหวังแม้เพียงน้อยนิดแต่ก็ยังมีหวัง​


    “เจ้าหญิงเพค่ะ...... “ เสียงนุ่มหูขององครักษ์สาวปลุกเจ้าหญิงแห่งออลไฟนอลให้ตื่นจากภวังค์

    “หลับกลางวันหรือนั่งเหม่อกันละ แบบนี้เป็นเจ้าหญิงที่ดีไม่ได้หรอกนะ” ชายหนุ่มที่นั่งฝั่งตรงข้ามแหย่เล่นแม้ไม่ได้เจตนาร้าย แต่องครักษ์ก็เขม่นเขาน่าดู

    “ไม่เป็นไรหรอก ริวเน่ เราก็เหม่อจริงๆน่ะแหละ คิดอะไรอยู่นิดหน่อยน่ะ” เจ้าหญิงคาเรนก้มหน้าลงเล็กน้อย เสียงในอดีตยังคงตามก่อกวนเธอ

    "แล้วท่านได้วางแผนอะไรไว้หรือยังละ"

    หลังจากความวุ่นวายในราชสำนัก เจ้าหญิงคาเรน ผู้กลายเป็นอาชญกรร้ายต้องหนีการตามล่าทั่วดินแดน All Final อย่างเลี่ยงไม่ได้ ตัวเจ้าหญิงและอัศวินสาวคู่ใจ ออกเดินทางทั่วดินแดนเพื่อหลบหนีการตามล่านั้น แต่แม้จะไปไกลสักเพียงไหน พวกเธอก็รู้ว่ามันไม่อาจช่วยให้รอดพ้น

    "ตอนนี้คิดแค่หาพรรคพวกเท่านั้นละคะ"

    "......ไม่ชอบใจสัญญาบ้าๆ นี่เลยอะ เจ้าหญิง ยกเลิกไปไม่ได้เหรอ"

    ถึงกระนั้นเจ้าหญิงคาเรน ก็มิได้เป็นเพียงฝ่ายตั้งรับและหลบหนีเพียงอย่างเดียว พระองค์หาทางโต้กลับโดยตลอด และสิ่งแรกที่คิดไว้คือ การหาพรรคพวกที่แข็งแกร่งและพร้อมใจช่วยเหลือให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก

    "อย่าพูดแบบนั้นสิ ริวเน่ เราจำเป็นต้องใช้พลังของท่านแม็กนะ"

    "ช่ายๆ"

    ไม่ว่าจะด้วยพรหมลิขิตหรืออะไรก็แล้วแต่ 1 ในดาบสวรรค์ สุดยอดนักรบแห่งมหาสงคราม ได้เข้าช่วยเหลือพวกเธอ จากกลุ่มอัศวินที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆของอาณาจักร กลุ่มบาบิรินทอส หลังจากเหตุการณ์ที่บาร์ในเมือง Fiction ดาบสววรรค์ลำดับที่ 1 ได้ตอบตกลงในภารกิจนำพาเจ้าหญิงคาเรนกลับปราสาท ด้วยข้อเสนอที่ค่อนข้างจะดูหมิ่นตัวเจ้าหญิงคาเรนมากพอสมควร นั้นคือตัวองค์หญิงต้องตกเป็นของๆเค้า หลังเสร็จภารกิจ

    "นายน่ะไม่จำเป็นหรอก แค่ข้าคนเดียวก็ปกป้ององค์หญิงได้แล้ว"

    "คงทำแบบนั้นไม่ได้แล้วล่ะ ก็ข้าถวายสัตย์ปฎิญาณไปแล้วนี่หนา"

    "เอาหน่า ทั้งสองคนอย่างทะเลาะกันเลยนะ"

    คณะเดินทางทั้งสามพักผ่อนอยู่บริเวณชานเมือง Fiction เพื่อหาหนทางต่อ แม้ว่า แองเจิ้ล ลาซูรี่ ดาบสวรรค์อีกคนจะไม่ได้ตกลงร่วมทางมาด้วย แต่ก็ได้ให้การช่วยเหลือเรื่องกำลังทรัพย์มาพอสมควร ผ่านไปแล้วสัปดาห์นึง ทั้งสามก็ยังหาข้อสรุปในแผนการต่อไปไม่ได้เสียที และการติดตามของบาบิรินทอสนั้น ยังคงน่าเป็นห่วงอยู่

    "จริงๆแล้วไม่ต้องหาพวกเพิ่มก็ได้แล้วมั้ง มีดาบสวรรค์ลำดับที่ 1 อยู่ทั้งคน บุกเดี่ยวไปเมืองหลวงเลยจะง่ายกว่า" ริวเน่ ออกความเห็นเหมือนส่งแม็กไปตาย

    "จะบ้าเหรอ ถึงจะเป็นดาบสวรรค์แต่ก็แค่คนๆเดียว จะไปสู้กองทัพทั้งอาณาจักรได้ยังไง"

    "ก็เห็นอวดเก่งเรื่อยเลยนี่"

    เจ้าหญิงคาเรนถอนหายใจยาว สองคนนี้ทะเลาะกันไม่เลิกมาตลอดทาง ในใจของเจ้าหญิงแห่ง AF เองก็นึกขอโทษริวเน่เหมือนกัน เพราะส่วนนึงที่ทำให้ริวเน่ไม่ค่อยถูกกับแม็ก ก็เพราะเธอทำอะไรไม่ปรึกษาอัศวินคู่กายเธอซะก่อน

    (แต่ตอนนั้น ไม่มีทางเลือกนี่หนา เราต้องหาพรรคพวกที่แข็งแกร่งมาร่วมให้ได้)

    "แล้วท่านไม่มีแผนการมั้งเหรอคะ" เจ้าหญิงคาเรน ถามแม็กตรงๆ หลายวันที่มาแม็กไม่ได้ออกความเห็นเป็นประโยชน์อะไรนัก นอกจากทะเลาะกับริวเน่ไปวันๆ

    "ตอนนี้ นึกออกแค่ต้องหาดาบมาเพิ่มให้ได้สัก 3-4 คน" ดาบที่แม็กว่าคือ กลุ่ม 10 ดาบสวรรค์ ของเขา 10 นักรบที่ว่ากันว่าเป็นสุดยอดของอัจฉริยะแห่งยุค กลุ่มที่รวมเอาวีรบุรุษและวีรสตรีเข้าด้วยกัน อีกทั้งยังเป็นกุญแจแห่งชัยชนะมหาสงครามเมื่อ 4 ปีก่อน จนได้รับการขนานามไปทั่วทุกสารทิศ

    "ปัญหามันอยู่ที่ว่า พวกเราแต่ละคนนั้นทำอะไรเอาแต่ใจ การจะรวมเป็นกลุ่มก้อนได้ ค่อนข้างยาก.... สำหรับบางคน"

    "แล้วคนที่มีเปอเซ็นสูงว่าจะเข้าร่วมกับเราละคะ"

    แม็กนิ่งเงียบไม่ตอบอะไรอยู่ครู่นึงก็จะเอ่ยขึ้น "มีอยู่คนนึงแน่ๆ ที่จะเข้าร่วมกับเรา ไอ้บ้านี่เป็นพวกรักสนุก ชอบเอาตัวเองเข้าไปหาปัญหา ยิ่งเป็นเรื่องพวกพ้องนี่เต็มที่ตลอด แต่ไอ้หมอนี่ค่อนข้างเป็นปัญหาสักหน่อย เกี่ยวกับนิสัยส่วนตัวของมันน่ะนะ"

    "นิสัยส่วนตัว ?" เจ้าหญิงทำสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย แต่คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกยอดฝีมือ คงจะต้องมีพวกนิสัยเพี้ยนๆปะปนอยู่บ้าง

    "เอาไว้เจอหน้าก็รู้เองแหละ"

    "อย่างงั้นเราอย่ารอช้าอยู่เลย รีบไปชวนมาเข้ากลุ่มเรากันดีกว่าเพคะ องค์หญิง"

    "อืม นั้นสินะ แล้วเค้าคนนั้นอยู่ที่ไหนเหรอคะ"

    แม็กถอนใจเมื่อคิดถึงหน้าเพื่อนคนนี้ขึ้นมาก่อนจะตอบอย่างหน่ายๆ "ก็คงไม่พ้นที่ Anime น่ะแหละ ไอ้หมอนั้นเปิดกิจการอยู่เมืองนั้นนานละ ยังไม่ยอมเจ๊งสักที"

    เจ้าหญิงคาเรน ครุ่นคิดต่อ "จากเมือง Fiction ไป Anime คงต้องโดยสารทางรถไฟเท่านั้นสินะคะ"

    "จะไปทางอื่นมันก็ได้นะ แต่เงินเราจะเกลี้ยงเอา" แม็กว่าพลางสำรวจทุนทรัพย์ที่มี

    "งั้นเรารีบไปกันเถอะคะ องค์หญิง"

    "อืม"

    ทั้งสามออกจากที่พักในตัวเมืองตรงปรี่ไปทางสถานนีรถไฟของ Fiction ซึ่งเป็นเพียงสถานนีรถไฟเล็กๆตามสภาพของเมืองที่บ้านนอกสุดกู่ มีหมาขี้เรือนเฝ้ายามตามสถานนีเหมือนที่เห็นดาษทั่วไปในประเทศสารขัณ แถมยังมีลุงขี้เมาถือขวดเหล้านอนเกลือกกลิ้งอยู่แถวช่องเก็บตัวไว้ดูเป็นกับแกล้มหลังจากดูหมาขี้เรื้อนแล้ว

    "มิทราบจะลงสถานนีไหนคะ" คนขายตั๋วเป็นป้าแก่ๆที่ฟันร่วงหมดไปทั้งปากแล้ว สังขารคนมันไม่เที่ยงนะพี่น้อง

    "เมือง Anime ครับ 3 คน" แม็กพูดพลางยื่นเงินให้ครบตามจำนวน พร้อมทั้งรับตั๋วมาจากคุณป้าคนขาย

    สองสาวนั่งรออยู่ในสวนของชานชะลา พลางดูหมาขี้เรื้อนอีกตัวนอนคลุกไปมากับพื้น "พวกบาบิรินทอส หายไปเลยนะ"

    "นั้นสิเพคะ วันสองวันนี่ยังไม่เห็นเงาพวกนั้นเลย"

    ความจริงบาบิรินทอสตามติดคณะเดินทางมาแทบจะทุกวัน มีเพียงสองวันที่ผ่านมานี้ ที่พวกเขากลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย "คงไม่อยากจะปะทะกับเราตรงๆน่ะแหละ พวกนั้นเองไม่อยากจะเสี่ยงสู้กับ 'จักรพรรดิแห่งฟากฟ้า' สักเท่าไร"

    "ทำไมเจ้าหญิงต้องทำสัญญาบ้าๆ กับชายคนนั้นด้วยเพคะ มัน..." ริวเน่ทำท่าจะพูดต่อแต่เจ้าหญิงคาเรนยกมือห้ามไว้ พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบแต่ทรงพลัง "แม้จะสละร่างกายนี้ เพื่ออาณาจักรละก็...ชั้นยินดี"

    "เจ้าหญิง...."

    แม็กเดินเข้ามาในชานชะลา เหมือนเข้ามาขัดจังหวะอารมณ์ซึ่งของสองสาว "เอ้า ตั๋ว....หืม มีอะไรกันเหรอ"

    "เปล่าคะ ไม่มีอะไร"

    "ไม่มีอะไรหรอก เจ้าบ้า"

    "เฮ้อ.....หิวจังเลยเน้อ ในกระเป๋าใบนี้มีอะไรกินมั้งว้าาา" เสียงประหลาดที่จู่ๆดังขึ้นข้างตัวเจ้าหญิงคาเรน ทุกสายตาหันมองไปทางต้นเสียงเป็นเด็กสาวผมสีม่วงอ่อน แต่งกายด้วยเสื้อยืดแขนกุดสีดำสนิทมีลวดลายคล้ายละอองดาวสีฟ้า สวมกางเกงยีนขาเดฟสีน้ำเงิน สะพายเป้ใบเล็กคล้ายนักเดินทางพเนจรทั่วไป ไม่สิ ดูเหมือนเลยมากกว่า แต่กริยาที่กำลังคุ้ยของกระเป๋าคนอื่นนี่มันน่าตบเกรียนชอบกล

    "นี่แก ทำอะไรน่ะ นั้นกระเป๋าองค์หญิงนะ !!" ริวเน่ตวาดใส่ทันควัน

    "ไม่เห็นเป็นไรเลย แบ่งนิดแบ่งหน่อย คนมันหิวนี่หนา อะ ช็อกโกแลค" ว่าแล้วเด็กสาวปริศนาก็จ้วงช็อกโกแลตเข้าไปกินสบายอารมณ์

    "ยัยนี่ต้องสั่งสอนซะแล้ว" ริวเน่ ว่าพลันคว้าคอเสื้อเด็กสาวไว้ แต่เธอกลับหายแว่บไปจากมือของอัศวินสาวดื้อๆราวกับเธอคว้าลมซะงั้น "อะไร...น่ะ เมื่อกี้"

    ตัวเด็กสาวกลับยืนห่างออกไปและกำลังเคี้ยวช็อกโกแลตตุ้ยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น "เด็กคนนั้น เคลื่อนไหวสุดยอดไปเลยนะคะ" เจ้าหญิงคาเรนที่ดูเหตุการณ์ตลอดถึงกับอุทานออกมา

    "ชิ อีกทีไม่พลาดแน่" ริวเน่ทำท่าจะเข้าไปจับตัวรอบสอง แต่แม็กรีบห้ามเธอเอาไว้ก่อน "พอเถอะริวเน่ เธอชนะเด็กนั้นไม่ได้หรอก"

    "หมายความว่าไง" ไม่มีคำตอบใดๆจากชายหนุ่มผมแดง แต่เขากลับเดินไปหาเด็กสาวขี้ขโมยแทน พร้อมทักทายอย่างเป็นกันเอง "ว่าไง กัน"

    เด็กสาวชำเหลืองมองชายหนุ่มก่อนจะยิ้มด้วยฟันที่เต็มไปด้วยช็อกโกแลต "หวัดดีเพ่แม็ก"

    ..............................................
    .........................


    การโดยสารด้วยขบวนรถไฟนั้นถือเป็นที่นิยมมากในอาณาจักร AF เนื่องด้วยราคาถูกและสะดวกรวดเร็ว ผู้โดยสารส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นล่างและกลาง ส่วนพวกชนชั้นสูงนั้น มักจะใช้บอลลูน หรือ เรือบินจักรกล ในการเดินทางซะมากกว่า ภายในตัวรถไฟไม่ได้ตกแต่งหรูหราแต่อย่างใด สายไฟระโยงระยางยังคงมีให้เห็น หลังคำทำด้วยเหล็ก ที่นั่งเป็นแบบนั่งเข้าหากัน และหน้าตาที่เปิดปิดได้เพื่อป้องกันลมฝน เนื่องจากมันเป็นรถไฟแก่ๆที่วิ่งบริการประชาชนที่ไม่มีกระตังเท่านั้น อันที่จริงจะมีการปรับปรุงตัวสถานีกับตัวรถไฟขนานใหญ่สมัยราชา เจ แต่ทุกอย่างกลับถูกพับเก็บไปเนื่องด้วยความวุ่นวายภายในที่ประชาชนก็ไม่ค่อยรู้เรื่องราวเท่าใดนัก

    รถไฟขบวนนี้คนไม่มากนักเนื่องด้วยมันเพิ่งไปส่งคนที่เมือง Event มา และมีผู้โดยสารขึ้นจากเมืองนั้นมาไม่มากนัก

    ชาย 1 หญิง 3 กำลังนั่งเข้าหากันในตู้รถไฟนั้น

    "หา !! เด็กเตี้ยนี่น่ะเหรอ ดาบสวรรค์ลำดับที่ 10" ริวเน่ แทบไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน

    "ว่าไงนะ เมื่อกี้เธอว่าชั้นเตี้ยเหรอ เห็นแบบนี้แต่ชั้นอายุ 20 แล้วนะ" เด็กสาวเถียงสวนทันควัน

    "เธอคือ อเมทิส กันไฟนอล 'น้ำค้างแห่งความตาย' ดาบสวรรค์ลำดับที่ 10 งั้นเหรอคะ" เจ้าหญิงคาเรนเองก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ

    "ทำไมไม่ค่อยมีคนเชื่อเลยนะ"

    "ก็เพราะเธอเตี้ยละมั้ง เตี้ยกว่าแองเจิ้ลซะอีก"

    หญิงสาว(?) อารมณ์บูดทันใด "พูดงี้อยากตายนักใช่มะ เพ่แม็ก"

    แม็กกลับหัวเราะขึ้น ที่ได้ยินแบบนั้น "เอาหน่าก็น่ารักดีไม่ใช่เหรอ อย่างน้อยไอ้เฟทมันก็ชอบอะไรโลลิๆ อยู่แล้วนี่"

    "อย่าพูดชื่อที่ฟังแล้วชวนขนลุกได้ปะ"

    เจ้าหญิงคาเรนสงสัยกับชื่อในบทสทนาที่ไม่คุ้นเคย "เฟท ?"

    "ใช่แล้ว หมอนั้นคือ คนที่เรากำลังจะไปหาไงละครับเจ้าหญิง เฟท เลเวน ออบซิเดียน 'บัลลังค์รัตติกาล' ดาบสววรค์ลำดับที่ 2"

    "จะเป็นคนแบบไหนเน้อ" ริวเน่ถามขึ้นลอยๆ

    "เป็นคนที่น่ารังเกียจสุดๆเลยละ" กันตอบแทนให้ทันควัน นี่น้องเอ้ย เกลียดพี่มากขนาดนั้นเลยเร้อ "จะว่าไปแล้ว เจ้าหญิงที่ว่านี่ เจ้าหญิงอะไรอะ แล้วจะทำอะไรกัน"

    "อะ นั้นสินะคะ ชั้นยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ชั้นคือ คาเรน เกรท ออล ไฟนอล เจ้าหญิงของอาณาจักร ออลไฟนอล คนปัจจุบันค่ะ และทางนี้คือ ริวเน่ โรเฟลลอยด์ องค์รักษ์ของชั้นค่ะ"

    "ยินดีที่ได้รู้จักคุณ ดาบสวรรค์"

    "อ้อ พวกเธอนี่เอง นั้นสินะ พี่แองเจิ้ลก็เพิ่งเล่าให้ฟังนี่หว่าดันลืมซะได้ ฮ่าๆๆๆๆ" แม็กส่ายหน้ากับอาการแบบนี้ของรุ่นน้องดาบสวรรค์ทันที "ไอ้โรคขี้ลืมนี่เมื่อไรจะหายเนี่ย อายุแค่นี้ดันลืมง่าย แก่ไปเมื่อไรคงจำอะไรไม่ได้แน่ๆ"

    "อะไรเล่าไม่ตายหรอกน่าแค่นี้เอง ว่าแต่เมื่อกี้คุยเรื่องอะไรกันนะ ลืมงะ" สองสาวที่นั่งตรงข้ามถึงกับหัวเราะน้อยๆออกมากับอาการเอ๋อๆนี่เลยทีเดียว กันไฟนอล มักเป็นแบบนี้ประจำ เธอมักจะลืมสิ่งต่างๆได้ง่ายและเร็วมาก แม้กระทั่งเรื่องสำคัญต่างๆก็ยังอุตส่าห์จะลืม เคยมีครั้งนึงพวกดาบสวรรค์เกือบเอาตัวไม่รอดเพราะ กันไฟนอล ลืมทิศทางที่ต้องมุ่งไปตามแผนของแองเจิ้ลเลยไปโผล่กลางดงศัตรู โชคดีที่พวกนี้มันเก่งเหนือมนุษย์อยู่แล้ว เลยรอดกันมาได้หวุดหวิด

    "กัน เธอมาทำบ้าอะไรที่เมืองบ้านนอกแบบนี้เนี่ย" แม็กถามพลันเอามือเกาหัว ก่อนจะดึงหมัดหมาออกมาได้หนึ่งตัวถ้วนๆ

    หญิงสาวผมม่วงไม่ตอบ เธอทอดสายตาออกไปนอกหน้าตาบรรยากาศวังเวงชวนคิดถึงบ้าน ผิดกับความเฮฮาเมื่อครู่ลิบลับ กันไฟนอลหลับตาครู่นึงน้ำตาเล็กๆไหลรินตามขอบตา สองสาวที่นั่งฝั่งตรงข้ามเกิดอารมณ์ร่วมพลอยอยากร้องไห้ไปด้วยพลางลุ้นคำตอบจากปากของสาวผมม่วง "เมื่อสองวันก่อน...." เธอพูดด้วยน้ำเสียงเจือน้ำตา

    "เอาเงินไปเข้าบ่อนจนหมดตูดเลยต้องมายืมตังพี่แองเจิ้ล" ทุกคนนิ่งเงียบทันใด พลางคิดไปตรงกันว่า "แล้วจะบิ้วอารมณ์ทำซากอะไรคร่ะ"

    แม็กแลนเซอร์หัวเราะเบาๆออกมาทีนึงก่อนจะเอ่ยขึ้น "แล้วไง ก็มาติดหนี้แองเจิ้ลอีก หาเรื่องจริงๆนะเรา"

    "ช่วยไมได้นี่หน่า ก็จำกฎในบ่อนไม่ได้เลยโดยกินเรียบทุกตาเลยอะ ว่าจะเอาเงินไปต่อยอดทำทุนซะหน่อย" กันพูดไปเช็ดน้ำลายไป จะหกทำไมเนี่ยน้ำลายไม่มีเหตุผลเลยน้องเอ้ยยยย

    "เธอนี่เคยคิดจะจำอะไรได้มั้งไหมเนี่ย"

    "ขี้ลืมไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆนะคะ" สองสาวตำหนิเพื่อนใหม่ พวกเธอไม่ได้เจตนาไม่ดีอะไร เพียงแค่รู้สึกเอ็นดูกับดาบสวรรค์ผู้ขี้ลืมเท่านั้นเอง

    "ทุกคนใจร้ายจังอะ เออ จริงด้วยมีเรื่องสำคัญจะบอกแต่แรกเลยนี่หนา เพิ่งนึกออก" กัน พยายามนึกอะไรบางอย่างที่เธออยากจะบอกพวกเจ้าหญิงมาแต่แรก แต่ด้วยนิสัยขี้ลืมคงทำให้เธอคิดถึงมันช้าไปหน่อย " เรื่องสำคัญยังลืมอีกเหรอ น้องสาว"

    "อย่ากวนสิ คนกำลังนึกอยู่เดี๋ยวก็ลืมอีกอะ" หญิงสาวดาบสวรรค์กลับไปนึกอีกครั้ง ถามกลางคนอื่นอีกสามคนที่ช่วยลุ้นกันสุดตัว


    "อะ นึกออกแล้ว !!!!" ปฎิกริยาสามคนที่เหลือดีใจเหมือนได้เหรียญทองโอลิมปิก "มีพวก บาบิรินทอส บนรถคันนี้แหละ"






    ทุกชีวิตนิ่งสงัดทันที.......... "ว่าไงน้าาาาาาาาาาาาาาาาาา" (อารมณ์ประมาณ หน่า หนี้ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!)

    "นี่พูดจริงเหรอ " ริวเน่ ดูจะตื่นๆกว่าใคร ผิดกับเจ้าหญิงคาเรนที่กำลังครุ่นคิด ส่วนแม็กนั้นกลับทำหน้าตาเรียบเฉยสุดๆ "จริงสิ ก็เห็นมากะตา เกราะสีเงิน สัญลักษณ์ราชสีห์ จะให้เป็นอะไรละ กลุ่มซาเล้งรับของเก่าหน้าวัดศรีเหรอ" วัดศรีสุดารามนี่อยู่แถวบ้านผมเองครับพี่น้อง

    "อย่าตื่นไปหน่า ริวเน่ เดี๋ยวพวกมันก็รู้กันพอดี" แม็กปรามขึ้น ริวเน่ทำหน้าไม่พอใจพร้อมจะเถียงกลับ แต่เจ้าหญิงห้ามไว้ทัน "จริงอย่างที่ คุณแม็กว่านะริวเน่ ตอนนี้เราควรจะอยู่นิ่งๆก่อน"

    "น่าสนุกแหะ อิอิ" กันไฟนอล ทำตัวสบายอารมณ์อีกคน

    "โธ่ เรื่องสำคัญแบบนี้เธอลืมได้ไงเนี่ย...อุ๊บ" กันไฟนอลรีบอุดปากริวเน่ทันที เสียงรองเท้าบูทเหล็กเดินเข้ามาใกล้จุดที่พวกเขานั่งอยู่ แม็กเหลือบไปมองหญิงสาวตัวเตี้ย "คิดว่าประมาณกี่คน"

    "ราวๆสิบเจ็ดคนได้ บาบิรินทอสคนในหน่วนน้อยก็จริง แต่ไม่น่าน้อยขนาดนี้เลยน้า"

    "ก็สัปดาห์ที่แล้วโดนเพ่อัดอ่วมไปหลายคนแล้วนี่หนา หึหึหึ"

    เสียงบูทเหล็กใกล้เข้ามาอีกครั้ง พร้อมเสียงพูดคุยที่ยังจับใจความไม่ค่อยได้เนื่องจากระยะยังไกลเกินไป แม็กเพ่งมองไปทางด้านหลังตนเองทันทีเพื่อเช็กว่ามีกลุ่มอัศวินมาจากทางด้านหลังเขาหรือไม่ ....ตำแหน่งที่พวกบาบิรินทอสปรากฎตัวนั้นอยู่โบกี้หน้าพวกเขาซึ่งตำแหน่งที่นั่งของพวกแม็กสามารถมองเห็นได้ทันที "เจ้าหญิง ริวเน่ หมอบลงหน่อย อย่าให้หัวพ้นเบาะพวกนั้นจะได้ไม่รีบมาทางนี้"

    สองสาวพยักหน้าเป็นอันรู้กัน ทั้งเจ้าหญิงและอัศวินผมฟ้า ย่อตัวลงให้หัวพ้นจากเบาะโดยไม่หันกลับไปมองกลุ่มอัศวินที่กำลังตรวจคนด้านหลัง "ที่นี่เอาไงต่อ" ริวเน่ยิงคำถามต่อ

    แม็กหันไปมองหญิงสาวตัวเล็กที่อยู่ข้างๆ กันไฟนอล 'น้ำค้างแห่งความตาย' ทำหน้าเซงๆก่อนจะเอี่ยวตัวมองเหล่าอัศวินอย่างรวดเร็ว "จะให้ช่วยสินะลูกพี่"

    "ยังไงก็ถือว่านั่งมาด้วยกันแล้ว ช่วยสักนิดก็ดีนะ"

    "เฮ้อ ไม่ฟรีนะ"

    "งั้นถือว่าให้ชั้นติดหนี้คุณครั้งนึงละกันคะ" เจ้าหญิงคาเรนตอบทันควัน

    หญิงสาวผมม่วงยิ้มขึ้นพร้อมสะบัดผมยาวประบาเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเคลื่อนไหวด้วยความเงียบและรวดเร็วจนเหลือเชื่อ เมื่อครู่ยังนั่งด้วยกันอยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้กลับหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ "ส...สุดยอดเลย" ริวเน่ตะลึงกับความสามารถของสมาชิกดาบสวรรค์

    "ทางเราเองก็เตรียมพร้อมไว้ด้วย ริวเน่ จับดาบไว้ให้มั่นละ"

    "ขอโทษใครกันแน่"

    "ชั้นยังไม่อยากเถียงกับเธอตอนนี้ ดูแลเจ้าหญิงให้ดีละกัน" แม็กรีบตัดบท ชายหนุ่มผมแดง คว้าเอา ดาบ 'ประตูสวรรค์' มาอยู่ใกล้มือทันที เมื่อเห็นว่าพวกอัศวินกำลังเข้ามาใกล้ ส่วนหญิงสาวเองก็ขี้เกียจเถียงต่อ ชีวิตขององค์หญิงมีความสำคัญมากกว่าที่พวกเธอจะมาเถียงกันเอง

    "อีกไม่ไกลก็ใกล้จะถึงเมือง Anime แล้ว อดทนกันหน่อยละกัน" แม็กเอ่ยขึ้นพลางระวังตัวเต็มที่ ชายผู้นี้ไม่เคยประมาทแม้กับศัตรูที่จะรู้อยู่แก่ใจว่าฝีมือห่างชั้นกับตัวเอง เขาถือคติ ความประมาทย่อมนำมาซึ่งความพ่ายแพ้เสมอ

    "ยังไงก็ขอให้จบลงโดยที่ไม่ฆ่าใครนะคะ "

    ชายหนุ่มยิ้มขึ้น เมื่อได้รับคำสั่ง "Yes your Highness"

    พวกอัศวินบาบิรินทอสเข้ามาใกล้ทุกขณะ แม็กและริวเน่กระชับดาบในมือแน่น ส่วนเจ้าหญิงคาเรนก็คว้าถุงมือมาใส่อย่างรวดเร็ว "มีเดินมากี่คน" ริวเน่เอ่ยถามโดยพยายามใช้เสียงให้เบาที่สุด

    "มีคู่นึงอยู่ห่างจากเราไปราวๆสามช่อง และมียืนอยู่ที่ประตูหน้าอีก สามคน ด้านหลังชั้นโล่งใช่ไหม"

    "อ่า ไม่มีอะไร โล่ง"

    "เราจัดการแค่สองคนหน้านี่พอ ฟังนะ ริวเน่พอชั้นพุ่งออกไปเล่นงานคนทางซ้าย เธอตามอัดคนด้านขวาให้หมอบเลยนะ"

    อัศวินสาวพยักหน้ารับ แต่ยังมีบางอย่างที่คาใจเธออยู่ "แล้วสามตัวตรงประตูละ"

    "ปล่อยให้กันจัดการ"

    ดาบสวรรค์ลำดับที่ 10 'น้ำค้างแห่งความตาย' อเมทิส กันไฟนอล นั้นขึ้นชื่อเรื่องการลอบสังหารเป็นอย่างมาก เมื่อครู่เธอหายไปจากที่นั่งพุ่งออกไปทางหน้าต่างรถไฟฝั่งซ้ายของเธอ (พวกเธอนั่งอยู่ติดหน้าต่างฝั่งขวา) แล้วลอบขึ้นไปบนหลังคาโบกี้อย่างเชี่ยวชาญ เธอปฎิบัติงานรวดเร็วและไร้ร่องรอย กันไฟนอลรู้ดีว่า การเอาตัวรอดครั้งนี้เธอต้องเป็นฝ่ายเริ่มเล่นงานพวกที่อยู่ตรงประตูก่อน เพื่อจะได้ไม่เป็นปัญหากับพวกแม็กมาก เพราะยังไงเธอก็คงไม่อยากให้ 'จักรพรรดิแห่งฟากฟ้า' ฟันโบกี้รถเล่นแล้วต้องเดินเท้าไปเมืองถัดไปแน่ๆ

    หญิงสาวผมม่วง แว่บหน้าบริเวณหน้าต่างใกล้กลุ่มอัศวินที่อยู่ตรงประตู แม็กซึ่งสังเกตจุดนั้นอยู่ก็รู้ทันทีว่าหญิงสาวให้สัญญาเรียบร้อยทางตนก็เตรียมพร้อมทันที "จะเริ่มแล้วนะ" ริวเน่พยักหน้ารับ

    "มะวานตรูเพิ่งจะดู AV แบบ บลูเรย์ไปเอง"

    "โห จริงเหรอฟะ"

    "จะ HD ไปไหนฟะ DVD ตรูก็แทบจะเห็นทุกรูขุมขนอยู่แหละ"

    เหล่าอัศวินที่จับกลุ่มเม้าซ์แตกกันอย่างเมามัน ไม่รู้ถึงภัยอันตรายที่กำลังมาเยือน กันไฟนอล กลั้นใจเล็กน้อยก่อนจะโหนตัวจากหลังคาพุ่งเข้ามาทางหน้าตาที่เปิดกว้างอยู่

    "อึ่ก..." พริบตาเดียวสามอัศวินก็ล้มลงไปกองกับพื้นเหมือนพวกเขาหมดสิ้นเรี่ยวแรงหลับไปเฉยๆ แต่เสียงคนล้มทั้งชุดเกราะดึงความสนใจอัศวินเกราะเงินอีกสองคนที่กำลังสำรวจตามที่นั่งอยู่ทันที

    "ตอนนี้แหละ" แม็กเอ่ยขึ้นพร้อมใช้ด้ามดาบกระแทกศรีษะอัศวินที่ยืนด้านซ้ายอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยริวเน่ที่จัดการกับอัศวินอีกคนได้รวดเร็วไม่แพ้กัน "โห ฝีมือใช่ย่อยนี่หนา คุณอัศวิน" กันไฟนอลพูดขึ้นทันทีที่เห็นภาพทั้งหมด

    "เฮ้อ ก็ไม่ยากเท่าไรแหะ" อัศวินสาวยิ้มอย่างพอใจ

    'น้ำค้างแห่งความตาย' ปล่อยสามหนุ่มหลับฝันหวานกับพื้นต่อไปพลางเดินกลับไปที่กลุ่มตัวเอง แต่พวกผู้โดยสารคนอื่นกลับไม่สนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่าไร จะเรียกได้ว่าพวกเค้าอยู่ในโลกส่วนตัวกันสุดๆ เพราะเก้าอี้หน้าสุด เป็น ตาศรีกับยายสา ที่ไปฮันนีมูนกันครั้งแรกในรอบ 80 ปี โซนถัดไปเป็นพวกโอตาคุบ้าฟิกเกอร์ ที่ล้วนเป็นเจ้าของฟิกเกอร์ราคาแพง เช่นน้องปู เฟทจัง ชานะ เทนชิ น้องฝุ่น เจ๊ยูกิ พี่อีวาน ฯลฯ ส่วนอีกโซนกำลังนอนกลางวันอยู่ คิดเหรอว่าไอ้พวกนี้มันจะสนใจโลกกะเค้าด้วยน่ะ

    "เอาละเจ้าหญิงเพคะ รีบหลบไปโบกี้หลังสุดกันเถอะ" เจ้าหญิงคาเรนพยักหน้าตอบรับ แม็กเดินนำไปโบกี้หลัง โดยมีกันไฟนอลยืนคุมท้าย

    แต่เมื่อไปถึงโบกี้สุดท้าย กลับเป็นเนียร์ที่ยืนแฉล่มหน้าอยู่ ในโบกี้ว่างเปล่าไร้ผู้โดยสาร และไม่มีแม้ที่นั่ง เหมือนถูกจัดเตรียมไว้เพื่อประลองดาบกันโดยเฉพาะ "หึ ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์นั่ง 'เรือบินจักรกล' มาขึ้นรถไฟเที่ยวนี้ที่ Event จริงๆ"

    "ลงทุนใช่เล่นนี่เนียร์คุง" แม็กยิ้มพลางถอนใจเล็กน้อย มันคงเป็นการยากที่จะต้องเลี่ยงการดวล ถ้าเป็นตามปกติเขาคงกังวลกับเจ้าหญิงคาเรนที่มีผู้คุ้มกันเพียงคนเดียวไม่น้อย แต่ตอนนี้ไม่ใช่

    "โอะ เพ่แม็กด้านหลังเราถูกล้อมด้วยแหละ" กันไฟนอลหันมองด้านหลัง พวกบาบิรินทอสที่เหลือทั้งหมดไปกระจุกอยู่โบกี้หลังสุด โดนล้อมทุกด้านเหมือนตอนที่แล้วแป๊ะ

    "สถานที่อาจจะไม่เป็นใจสักเท่าไร แต่คราวที่แล้วผมยังไม่รู้สึกสนุกเท่าไรเลยครับ คุณ 'จักรพรรดิแห่งฟากฟ้า' " เนียร์เอ่ยพลางชักดาบเครย์มอ เล่มยาวออกจากฟัก แม็กหลับตาลงเล็กน้อยก่อนจะแกะผ้าห่อดาบ 'ประตูสวรรค์'

    ขณะที่ทั้งสองดูเชิงกันอยู่ เจ้าหญิงคาเรนเอ่ยทวนคำสั่งขึ้นทันที "ห้ามฆ่าใครนะคะ แล้วก็อย่าฟันโบกี้รถส่งเดชด้วยล่ะ" เธอยิ้มเล็กน้อย แม็กเองก็ยิ้มตอบรับเช่นกัน "รับทราบพะยะค่ะ"

    พูดเสร็จ 'จักรพรรดิแห่งฟากฟ้า' ก็พุ่งตัวด้วยความเร็วสูงเข้าใส่ศัตรูตรงๆ ก่อนจะฟาดดาบเล่มงามเข้าใส่ 'ราชสีห์ขาว' จนแทบจะรับไม่อยู่

    (นี่เหรอ ความแข็งแกร่งของ 'นักดาบที่แข็งแกร่งที่สุด)

    เนียร์คิดขึ้นในภวังค์ขณะกำลังเผชิญหน้ากับยอดฝีมือแห่งยุค เพลงดาบที่รุนแรงเล่นงานเขาจนต้องถอยกรูดทันที

    (ช่างน่าตื่นเต้นอะไรอย่างนี้ !!!)

    ชายหนุ่มผมขาวผุดยิ้มขึ้น เขาสนุกกับการต่อสู้เต็มที่ ดาบเครย์มอยักษ์ฟาดฟันทางด้านข้างอย่างรวดเร็ว แม็กที่พุ่งตัวเข้ามากะจะซ้ำให้กระเด็นออกนอกตัวรถต้องรีบเบี่ยงหลบวิถีดาบทันที เนียร์ไม่รอช้า เตะเข้าที่ขาซ้ายของแม็กแต่พลาดไปชายหนุ่มผมแดงไหวตัวทันก่อนจะกระโดดพ้นไปแบบหวุดหวิด "เล่นเอาเสียวไส้ไปแว่บนึงเลยนะเนี่ย ย้ากกกก!!" ชายผมแดงคำรามลั่นพร้อมฟาดดาบจากด้านบนเต็มแรง เนียร์ฉากหลบออกด้านข้างคมดาบเข้าตัดพื้นโบกี้อย่างง่ายดายเหมือนมีดตัดเนยไม่ผิดเพี้ยน "อ่า แย่ล่ะสิฟันโดนรถซะงั้นจะโดนเจ้าหญิงคนสวยดุเอาไหมเนี่ย"

    แต่ไม่แค่นั้น แม็กแลนเซอร์รีบกรูเข้าหาเนียร์ที่ยังไม่ทันตั้นตัวก่อนจะซัดเพลงดาบอันรวดเร็วไปอีกสามชุดจน 'ราชสีห์ขาว' แทบจะต้องเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างเดียว

    การต่อสู้ตรงหน้ากำลังดุเดือด พวกอัศวินที่ล้อมกรอบเจ้าหญิงคาเรนอยู่ก็เริ่มกระชับพื้นที่จากด้านหลังเข้ามา กันไฟนอลที่เปรียบเสมือนผู้เฝ้าระวังด้านหลังของแม็กแลนเซอร์ในตอนนี้ยิ้มขึ้นเล็กน้อย "คุณอัศวิน ฝากดูแลเจ้าหญิงด้วยนะ อ้อ แล้วก็อย่าลืมอุดจมูกกันด้วยละ"

    "เรื่องนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ ...แล้วให้อุดจมูกทำไม" ริวเน่ถามด้วยความสงสัย ส่วนเจ้าหญิงคาเรนเองก็ทำหน้า งงๆเช่นกัน

    แต่กันไฟนอลไม่ตอบ เธอเดินไปด้านหน้าเผชิญหน้ากับพวกอัศวินที่เริ่มกดดันเข้ามา หญิงสาวผมม่วงยืนอยู่หน้าสิ่งที่น่าจะเรียกว่า 'ห้องๆหนึ่ง' เธอยิ้มแฝงความสนุกอย่างถึงที่สุด พลันกระชากสร้อยสีเงินจากต้นคอ สร้อยเงินนั้นกลับกลายเป็นเคียวเล่มยักษ์ที่ใหญ่กว่าตัวเจ้าของซะอีก ตัวใบมีดสีดำตัดขอบด้วยสีเงินแวววาว ใบมีดเป็นรอยสลับฟันปลาเหมือนเลื่อย ด้ามเขียวทำด้วยโลหะพิเศษสีดำสนิท นี่คือ 'เดธ ฮันเตอร์' อาวุธประจำกายของ 'น้ำค้างแห่งความตาย' อเมทิส กันไฟนอล

    พวกอัศวินเห็นอาวุธตรงหน้าที่ดูน่าเกรงขามกับหญิงสาวตัวเล็กบอบบางแต่กลับถือของใหญ่และดูมีน้ำหนักมากได้อย่างสบายก็เริ่มระแวง แต่หญิงสาวไม่สนเธอตรงปรี่เข้าไป หาใช่พวกอัศวินไม่ แต่เป็นห้อง ห้องนั้น

    ถามกลางความสงสัยและคาดไม่ถึงว่าเธอจะทำอะไร ใช่แล้ว.... เธอคนนี้คิดจะทำอะไรกันแน่ กันไฟนอลไม่รอช้า ฟาดเคี้ยวเล่มยักษ์ตวัดจากล่างขึ้นบนเป็นวงกว้าง ก่อนจะถีบตัวเองถอยฉากออกมา "ทำอะไรของเธอน่ะ" ริวเน่สงสัย ทุกคนก็เช่นกัน

    "เดี๋ยวก็รู้" หญิงสาวยืนยิ้มเจ้าเล่ห์ พวกอัศวินที่ดูเชิงเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังการจู่โจมห้องแปลกๆนั้น พวกเขาจึงตัดสินใจกรูกันเข้ามาหมายจะจับเจ้าหญิงคาเรนทันที ริวเน่และเจ้าหญิงเตรียมพร้อมต่อสู้ มีเพียงกันไฟนอลเท่านั้นที่ตั้งเคียวกับพื้นแสดงอาการผ่อนคลายสุดๆ

    ว่าแล้วสาวผมม่วงก็ชูมือขึ้น "เอาละนะ 5...4...3...2...1 ตูม"


    ตูม !!!!!




    สิ้นเสียงระเบิดสสารสีโอวันติลทั้งหลายพุ่งพรวดออกมาจากรอยฟันที่กันไฟนอลทำเอาไว้ พวกอัศวินที่กำลังกรูกันเข้ามาตรงนั้นพอดีก็เลยรับส่วนบุญส่วนกุศลกันเข้าไปเต็มที่

    "นี่มันอะไรว่ะเนี่ย"

    "ไม่ไหวแล้ว ตรูอยากคายของเก่า"

    "อ้วกกกกกกกกกกก ขอคายก่อนแล้ววว"

    "เหม็นโว้ยยย"

    "แปลกจังเรากลับชอบแนวขี้ๆ"

    ใช่แล้วมันไอ้ห้องปริศนานั้นคือ สถานที่เก็บ 'สิ่งปฎิกูล' นั้นเอง พวกอัศวินกำลังจมกองอึกันถ้วนหน้า แถมยังส่งกลิ่นเหม็นมหารัญจวลอันร้ายการถึงขนาดทำให้สองคนที่ดวลกันอยู่ด้านหลังต้องเปลี่ยนมือที่กำลังจับดาบมาอุดจมูกแทน

    "อุ่ก !!!"

    "เหม็นชิบ เล่นอะไรเนี่ย ยัยเตี้ย แหวะๆๆ"

    "มิน่า เออ อึง ให้ เอา ปิด อา หมูก อิ นะ" (มิน่าเธอถึงให้เราปิดจมูกสินะ)

    "เหอ็น อ๋าย โอ่ อาก เอย " (เหม็นได้โล่ห์มากเลย)

    "อา อา อา อา อม อ้าม อา ไอ อวก บ้า" (ฮ่าๆๆๆ สมน้ำหน้าไอ้พวกบ้า)

    แม็กไม่รอช้ารีบพุ่งไปล็อกคอเจ้าหญิงกับอัศวินสาวโยนออกไปทางหน้าต่างรถ แล้วตัวเองก็กระโดดตามออกไปอย่างรวดเร็วก่อนจะเหม็นตายกันหมด กันไฟนอลก้าวเดินไปทางหน้าต่างช้าๆพลางทำท่าจะกระโดดออกไป "เธอ ....ดาบสวรรค์อีกคนสินะ"

    เป็นเสียงของชายหนุ่มผมขาวที่ไม่มีแรงจะลุกขึ้นเพราะกลิ่นเหม็นชวนคายของเก่ามันเล่นงาน ตอนนี้มันจุกมันถึงต้นคอแล้ว หญิงสาวยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันมาหาอย่างอารมณ์ดี "ใช่แล้ว ดาบสววรค์ลำดับที่ 10 'น้ำค้างแห่งความตาย' ของฝากเนื้อฝากตัวด้วยน้าาา" ว่าแล้วหญิงสาวก็ทิ้งตัวออกไปนอกรถ ทิ้งให้พวกบาบิรินทอสคลุกขี้กันตามยถากรรม

    "คุณแม็กครั้งหน้า ผมต้องชนะ...อ้วกกกกกกกกกกกกกกก"




    ทั้งสี่ชีวิตลงสู่พื้นที่เป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีกันอย่างปลอดภัย โดยแม็กตามไปรับตัวเจ้าหญิงคาเรนกลางอากาศดุจเจ้าชายขี่ม้าข้าวก็มิป่าน ส่วนริวเน่ลงผิดท่าไปน้อยก้นกระแทกพื้นเต็มๆ "อะ นั้นเมือง Anime สินะคะ" เจ้าหญิงคาเรนชี้ไปทางเมืองที่เห็นอยู่ไกลลิบๆ เป็นการเฉไฉกลบอาการอายเนื่องจากเธอยังถูกอุ้มท่าเจ้าหญิงอยู่เลย

    "ถ้าไม่รังเกียจให้ผมอุ้มไปแบบนี้ถึงเมืองเลยไหมครับ" แม็กพูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์

    "ม..ไม่เป็นไรค่ะ"

    "นี่แก รีบวางเจ้าหญิงลงเลยนะ อุ้ย เจ็บๆๆ"

    "ดูท่าทุกคนยังอยู่ดีสินะ"

    กันไฟนอลตามาสมทบหลังสุด ตอนนี้เธอเก็บเคียวเล่มยักษ์ไปแล้วมันกลับไปอยู่ในรูปของสร้อยเงินเช่นเดิม "คุณกัน ค่ะ คือชั้น..." คำพูดของเจ้าหญิงถูกหยุดด้วยท่าทีของกันไฟนอล "ชั้นรู้ค่ะ ว่าเจ้าหญิงต้องการให้ชั้นร่วมทางไปด้วย แต่ ขออภัยจริงๆ ชั้นอยากเดินไปเรื่อยๆแบบนี้ ไม่อยากข้องแวะกับความวุ่นวายมากนัก" หญิงสาวพยายามตอบให้สุภาพและรักษาน้ำใจเจ้าหญิงให้มากที่สุด ซึ่งตัวเจ้าหญิงคาเรนเองก็เข้าใจดี เธอยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าแสดงความเข้าใจโดยไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก

    "พี่แม็ก"

    "ว่าไง ?"

    หญิงสาวเดินไปหยุดตรงหน้าชายหนุ่มผมสีแดงสด "ยังไงช่วยเข้าเมืองวันพรุ่งนี้ด้วยละกันนะ ชั้นจะไปปล่อยข่าวลือกับเดินล่อพวกบาบิรินทอสในเมืองให้ ถือเป็นการช่วยอีกสักเล็กน้อยละกัน" กันไฟนอลเอ่ยพลางหันมามองหน้าเจ้าหญิง

    "ขอบคุณมากนะคะ"

    ริวเน่ เดินตรงเข้าหากันไฟนอลก่อนจะยื่นมือออกไปพร้อมรอยยิ้ม "ถึงจะเป็นแผนหนีที่เหม็นไปหน่อย แต่ก็ขอบคุณมากนะ"

    กันไฟนอลจับมือนั้นอย่างยินดี "ไม่เป็นไร ทุกคนไม่เปื้อนอึกันก็ดีแหละ"

    "แต่ยังเหม็นติดจมูกอยู่เลยนะเฟ้ย ไอ้น้องบ้า" หนุ่มผมแดงบ่นตามประสา "ฝากที่เหลือหน่อยละกันนะ"

    "ได้เลย !!"

    หญิงสาวผมม่วงวิ่งขึ้นเนินจากทุ่งหญ้าเตี้ยๆที่ยืนอยู่จนถึงเมื่อครู่ไปยืนบนทางรถไฟก่อนจะหันกลับมาพร้อมดวงตาสีม่วงอ่อนอันสดใส "เจ้าหญิงอย่าลืมนะท่านติดหนี้อยู่ครั้งนึง"

    "อ่า สักวันเราจะชดใช้แน่ๆ" เจ้าหญิงคาเรนรับคำพร้อมรอยยิ้ม


    "ลาละ ขอให้โชคจงอยู่กับทุกท่านตลอดการเดินทาง"



    ........................................
    .......................................................
    .....................................................................
    ...............................................................................




    คุยกันหลังตอน

    หลังจากตอนนี้จะเป็นเรื่องราวต่อจากฉบับเก่าแล้วนะครับ ซึ้งผมได้แก้รายละเอียดบางอย่างเพื่อให้สอดคล้องกับเนื้อเรื่องในตอนต่อๆไป ซึ่งคงจะเป็นแฟนตาซีแบบไร้มลพิษไปอีกสักราวๆ 6-7 ตอน ก่อนจะเข้าภาคซีเรียส ตอนนี้ปั่นไปถึงตอน 5 แล้ว (ดีใจโว้ย) หลังจากผมลงตอน 3 ไปอาจจะมีพักก่อนรอบนึงเพราะอาจต้องย้ายบ้านไร้เน็ตใช้ไปก่อน ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีอะไรแน่นอน ผมจะแวะมาอัพเดทเรื่อยๆละกันนะ

    ผมมักจะมาลงฟิคตอนชีวิตมีปัญหาจริงๆแหละ เพราะมันเหมือนผมได้ระบายชีวิตเน่าๆของผมผ่านตัวหนังสือและทำให้ผมเริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆได้ ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจนะครับ

    ทุกรีพลายล้วนสำคัญ ขอบคุณทุกการตอบรับครับ



    AND ALL FRIENDS AND FANS THANKS !!!!
  10. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    ตอนสองมาแล้ววุ๊ย...

    ยาวอะ เดี๋ยวอ่านแล้วคอมเมนต์ให้นะ
    แวะมารับทราบก่อน


    ส่วนปัญหาชีวิต ก็ผ่านพ้นมันไปไวๆก็แล้วกัน สู้เว้ย! โยชิกิ
  11. Ryuune

    Ryuune Well-Known Member

    EXP:
    1,084
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    เหมือนยังถอดแบบจากตอนเก่า ๆ แต่ก็อดอ้าปากค้างกับมุขไม่ได้
    (ท่านอีวานไปอยู่ในรายชื่อฟิกเกอร์ได้ไงหว่า 555+ ใครบางคนแถวนี้คงอยากซื้อเก็บ)

    เป็นตอนที่น่าจะั่จั่วไว้สักนิดว่าพยายามอย่าอ่านตอนกำลังเสวยกระยาหารนะเนี่ย 555+
  12. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    อีกตอนก็จะได้อ่านต่อจากของเก่าแล้ว >_<~
  13. powder

    powder Member

    EXP:
    260
    ถูกใจที่ได้รับ:
    9
    คะแนน Trophy:
    18
    เห็นชื่อตัวเองในรายชื่อฟิกเกอร์แล้วคุ้นๆ...หวา ;w;

    ยังไงก็จะรออ่านตอนต่อไปค่ะ น่าสนุกดี ฮ่าๆ
  14. near

    near Member

    EXP:
    334
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    18
    หลังจากไมไ่ด้แวะเวียนบอร์ดเลยเป็นเวลานาน เผอิญกลับมาระลึกความหลัง เห็นฟิกนี้กลับมา รีเมค แล้วรู้สึกดีใจ มีอะไรให้เสพแล้วตู

    ต้องยอมรับว่าช่วงนี้ บอร์ดฟิกร้างมากมายอาจเป็นเพราะไม่ว่างกัน แก่ตัวกันไปก็มัวแต่ทำอย่างอื่นกันล่ะนะ

    แต่ก็ดีใจ ที่พี่โยอุตส่าห์ กลับมา reture of the king อีกครั้ง 55+ สู้ๆต่อไปนะพี่!!
  15. ladykaren

    ladykaren อัลปาก้าที่อยู่ในฟูก

    EXP:
    906
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    88
    Awawa....

    อยากได้ฟิกเกอร์พี่อีวาน!!! ขายที่ไหน!!??? ราคาเท่าไหร่!!??? จะขายบ้านขายรถซื้อ!!!
    (มันไม่ใช่ประเด็นเว้ย!!)

    ยิ่งอ่าน...ก็ยิ่งอยากอ่านต่อมากๆเลยละงิ;w;

    แม้ภาษาจะดูบ้านๆ เรียบง่าย แต่กลับบรรยายให้เห็นภาพชัดเจนมาก ชอบสไตล์การแต่งของท่านโยมากจริงๆ;w;

    (แต่ให้ตายเถอะ...ทำไมแม็กกี้ดู"ถ่อย"ขนาดนั้น...)

    จะรอติดตามตอนต่อไปเจ้าค่ะ;w;/
  16. yoshiki

    yoshiki FATE

    EXP:
    862
    ถูกใจที่ได้รับ:
    17
    คะแนน Trophy:
    38
    NOTE : นี่คือแฟนตาซีในโลกยุคปัจจุบัน

    NOTE 2 : ตัวละครทั้งหมดในเรื่องมีที่มาจากเมมเบอร์เท่าที่ผู้แต่งรู้จักในบอร์ด ALL FINAL FANTASY









    ตอน 3 The Thorn of Night sky


    ถึงเวลาแล้ว

    ถึงเวลาที่เราจะแสดงให้คนพวกนั้นได้รู้ว่า

    พลังของพวกเรานั้นไม่ได้น่ารังเกียจ

    พลังของพวกเรานั้นยิ่งใหญ่และถูกต้อง

    แล้วนายต้องการจะร่วมเดินไปบนอุดมการณ์นี้กับชั้นไหม

    เฟท......

    ในวันนั้นผมและเขาได้ร่วมวางแผนจะสร้างกลุ่มคนเล็กๆกลุ่มนึง กลุ่มคนที่มีพลังและความสามารถหรือมีพรสวรรค์สูงจนผู้คนหวาดกลัวมาไว้ด้วยกัน เราตั้งใจจะลบล้างอดีตที่ถูกตราหน้าว่าเป็นปีศาจบ้าง อสูรกายบ้างให้หายไปสิ้น เราออกจากเมืองที่เราอยู่เดินทางร่อนแร่ไปทั่วช่วยเหลือผู้คนมากมายด้วยพลังของเรา หากพบเจอใครที่มีคุณสมบัติเพียงพอเราก็จะชักชวนและแสดงเจตนารมณ์ให้พวกเขายอมรับ

    จนเวลาผ่านไปกลุ่มของเราก็เติบใหญ่และมีชื่อเสียง ผู้คนต่างขนามนามเราดุจอาวุธที่ไม่อาจมีใครขวางกั้นเส้นทางของพวกเรา
    นามนั้นคือ

    ดาบสวรรค์​



    จนมหาสงครามแอสลูลเริ่มขึ้น ด้วยสถานการณ์เริ่มแรกที่ดูจะไม่มีฝ่ายไหนเป็นรองใคร พวกเราจึงตัดสินใจไม่เข้าร่วมสงครามเพราะมันขัดกับอุดมการณ์ของเรา แต่เราก็ช่วยเหลือเหล่าผู้บริสุทธิ์ที่ได้รับผลกระทบ จนสุดท้ายกองทัพของแอสลูลเข้าบดขยี้หลายหมู่บ้านจนราบด้วยเหตุผลเพียงเพราะว่า “มันดูน่ารำคาญ” แม็กผู้เปรียบดั่งผู้นำของเราจึงตัดสินใจเข้าร่วมสงครามกับฝ่ายพันธมิตร

    ศึกแรกของเราจบลงด้วยการไล่ถล่มกองทัพหน้าของแอสลูลแบบไม่ให้ทันตั้งตัว และเข้าร่วมกับฝ่ายพันธมิตรอย่างเป็นทางการหลังจากนั้น

    เพียงไม่นานจากนั้นสงครามก็จบลง

    พร้อมกับบางสิ่งที่สำคัญก็จบลงไปด้วย

    น่าขำสิ้นดี......

    ที่นี้คือเมือง Anime เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งบันเทิงอันดับต้นๆของราชอาณาจักร All Final สิ่งแวดล้อมของที่นี้นั้นแตกต่างจากเมือง Fiction มากพอสมควร ผู้คนแต่งตัวด้วยสีสันฉูดฉาด รถราวิ่งกันควักไขว้เต็มท้องถนน เสียงเพลงอึกทึกเต็มสองฝากฝั่ง

    คณะเดินทางทั้งสามเดินเรียดไปตามท้องถนนยามเย็นที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน “ดาบสวรรค์ลำดับที่ 2 อยู่ในที่แบบนี้เหรอ” ริวเน่เอ่ยถามขึ้น

    “อ่า ถึงคนทั่วไปจะไม่รู้ แต่เจ้านั้นเปิดกิจการอยู่ในเมืองนี้แหละ”

    “เป็นนักธุรกิจเหรอคะ คุณเฟทน่ะ...” เจ้าหญิงคาเรนถามบ้าง แม็กมองหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของสองสาวครู่นึง

    “ไม่หรอกมันเปิดร้านสนองตัณหามันน่ะ เอาละ ข้ามถนนกันเถอะ”

    ทั้งสามข้ามถนนตามสัญญาณไฟพร้อมกับผู้คนอีกจำนวนนึง แม็กพาสองสาวเดินเข้าโซนที่ขึ้นชื่อของเมือง โซนที่เต็มไปด้วยสินค้าจากอนิเมชั่นมากมาย แถมผู้คนยังแต่งตัวกันพิลึกพิลั่น ไล่ตั้งแต่ เมดหูแมว ชุดสาวน้อยจอมเวทย์ ชุดนักรบโบราณ บางคนก็ออกแนวดูไม่น่าคบโดยเฉพาะพวกตัวอ้วน หนวดหร่อมแหร่ม ใส่เสื้อยืดหลายสก็อตพร้อมกล้องอันโต

    “เอ่อ....แม็ก นี่นายพาเรามาที่ไหนเนี่ย” ริวเน่มองไปรอบๆทัศนียภาพที่ไม่คุ้นตา

    “หืมม ก็ย่านพวกโอตาคุไง”

    “โอตาคุ....?” เจ้าหญิงคาเรนเอียงคอถามด้วยความสงสัย

    “มันเอาไว้เรียกพวกคลั่งอะไรสักอย่างจนถึงขั้นบรรลุน่ะครับ เอาเข้าจริงคำนี้ก็มีความหมายดีนะ เพราะมันหมายถึงว่าเราบรรลุเรื่องนั้นๆอย่างจริงจัง” คาเรนฟังคำอธิบายพลางมองไปที่โอตาคุอ้วนคนนึง “แต่ดูจากสภาพนี่ก็....อืมม คนเรานี่ดูจากภายนอกไม่ได้เลยนะคะ”

    แม็กยิ้มขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่ทั้งสามจะมาหยุดอยู่หน้าร้าน ร้านนึง เป็นตึกขนาด 5 ชั้น หน้าร้านถูกประดับประดาไปด้วยไฟระย้า กระจกใสทำให้เห็นภายในร้านชัดเจน ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ในร้านเป็นผู้ชาย ส่วนพนักงานในร้านล้วนเป็นเด็กสาวน่ารักสวมชุดโกธิคโลลิต้าน่าเอ็นดูยิ่งนัก GO GO LOLICON !!!

    ริวเน่มองเหนือขึ้นไป ป้ายร้านตัวโตถูกตั้งไว้เด่นเป็นสง่า “Lolicon & Lolita ...เหรอ ?”

    เจ้าหญิงคาเรนดูจะสนใจในร้านมากพอสมควร แม็กถอนหายใจกับสภาพร้าน “เฮ้อ ไม่เคยเปลี่ยนจริงๆแหะ เอาละไปกันเถอะ”

    แม็กเปิดประตูร้านเสียงกระดิ่งหน้าร้านเรียกพนักงานต้อนรับเป็นเด็กสาวผมขาวสว่าง ดวงตาสีทองกลมโตในชุดโลลิต้าสีดำ เธอเดินมาโค้งหัวให้ทั้งสามก่อนจะเอ่ยขึ้นช้าๆเรียบๆ “ยินดีต้อนรับค่ะ...สามท่านนะคะ”

    “คือ เราไม่ได้มานั่งในร้านน่ะ อยากจะขอพบเจ้าของร้านหน่อยได้ไหม”

    เด็กสาวคนเดิมไม่แสดงสีหน้าใด “เจ้าของไม่อยู่ค่ะ”

    “งั้นช่วยฝากบอกทีว่า แม็กแลนเซอร์ มาหา” เด็กสาวยืนนิ่งชั่วครู่ก่อนจะเดินไปที่เค้าเตอร์ เธอยืนปรึกษากับเพื่อนร่วมงานเล็กน้อย ก่อนจะเดินกลับมา “เช่นนั้น ตามดิฉันมาค่ะ”

    เด็กสาวผมขาวนำทั้งสามไปที่ด้านหลังของร้าน ซึ่งเหล่าพ่อครัวกำลังช่วยทำเค้กอย่างขะมักเขม้น เล่นเอาสองสาวน้ำลายไหลท่วมร้าน “เชิญขึ้นไปทางลิฟท์ตัวนี้ได้เลยค่ะ”

    “ขอบคุณมากนะ” แม็กขอบคุณเธอเล็กน้อย เด็กสาวก้มหน้ารับก่อนจะเดินกลับไปที่หน้าร้าน

    “ดูไม่น่าจะทำหน้าที่ต้อนรับได้เลยนะคะ เหมือนไม่มีอารมณ์ยังไงไม่รู้”

    “เค้าคิดไงเอาเด็กคนนี้มาเป็นพนักงานต้อนรับเนี่ย”

    “ไว้ขึ้นไปแล้วค่อยถามมันเอาละกันนะ” แม็กกดรอลิฟท์สักพัก ลิฟท์แก้วที่ทำด้วยกระจกใส่มองเห็นรอบด้านชัดเจนเลื่อนลงมาถึงชั้นล่างสุดในเวลาไม่นาน ทั้งสามก้าวเข้าลิฟท์อย่างไม่รีบร้อน ลิฟท์ตัวนี้เป็นลิฟท์ที่ไว้เดินทางไปชั้นบนสุดเท่านั้น เมื่อประตูปิดลงมันจะเคลื่อนไปชั้นบนสุดทันที
    ระหว่างผ่านแต่ละชั้นที่มีสินค้าจำพวกโกธิคโลลิต้ามากมาย รวมทั้งโซนเสื้อผ้าสวยๆ ช่างดึงดูดสายตาสองสาวยิ่งนัก “จะไปเดินเล่นดูของพวกนี้ก่อนไหมละ”

    เมื่อถูกแม็กถามแบบนั้นเจ้าหญิงคาเรนรีบหันควับมาทันใด “เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ ธุระก่อน....” แต่สายตาเธอก็ยังมองไปที่ชั้นขายเสื้อผ้า เช่นเดียวกับริวเน่ที่ทำท่าอยากออกไปลองใจจะขาด

    แม็กอมยิ้มเล็กน้อย ประตูลิฟท์เปิดออกเมื่อถึงชั้นห้าที่เป็นชั้นบนสุดทั้งสามก้าวออกจากลิฟท์เบื้องหน้าเป็นพื้นพรหมสีแดงกับประตูไม้บานใหญ่ แม็กเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูระหว่างที่มือขวากำลังจะเคาะประตูนั้นเอง “ชั้นรู้แล้ว เข้ามาเหอะ ไม่ต้องเคาะหรอก”

    ชายหนุ่มผมสีเพลิงหยุดไปเล็กน้อยก่อนจะจับลูกบิดเปิดประตูเข้าด้านใน ผู้ที่คอยอยู่คือชายหนุ่มที่หน้าค่อนไปทางผู้หญิงมากอยู่ ผมยาวสีเงินสะท้อนแสงแดดจากกระจกที่อยู่ด้านหลัง ชุดสูทสีดำเหมือนนักธุรกิจทั่วไป แต่เขาจงใจเปิดให้เห็นเสื้อเชื้ตสีขาวด้านใน ดวงตาปิดสนิทกำลังจ้องมาทางทั้งสามคน

    “อะ ช่วยไปหาอะไรมาเสริฟแขกหน่อยสิ” ชายผมเงินพูดกับเลขาสาวในชุดโกธิคโลลิต้าสีขาวยาวฟู่ฟ่อง ผมสีทองทรงทวินเทลและดวงตาสีแดงสดใส ยิ้มร่า

    “ได้ค่ะ ...เอ่อ มิทราบว่าทั้งสามท่านอยากจะทานอะไรคะ”

    “ขอเป็นโกโก้สักแก้วละกัน” แม็กตอบพลางทำท่าไม่ใส่ใจ พร้อมทิ้งตัวลงนั่งโซฟาสำหรับรับแขก

    “อ...อะไรก็ได้เลยเหรอ” ริวเน่ถามด้วยความตื่นเต้น “ค่ะ อะไรก็ได้” เด็กสาวผมทองยิ้มตอบ

    “งั้นขอเค้กชิฟฟ่อนที่เค้าทำกันด้านล่างได้ไหมอะ”

    “ได้ค่ะ แล้วมิทราบว่าท่านนี้จะรับอะไรคะ” เธอหันมาถามเจ้าหญิงคาเรนบ้าง

    “เอ่อ......งั้นขอเป็นโกโก้ร้อนกับชีสเค้กสักชั้นละกันค่ะ” เด็กสาวก้มหัวให้กับชายผมเงินทีนึงก่อนจะออกจากห้องไปพร้อมปิดประตูให้เรียบร้อย

    “รสนิยมแกนี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ เฟท ฟาน ออบซิเดียน” แม็กหยอกล้อกับเพื่อนเก่าแก่

    “และมันก็ยังจะคงไม่เปลี่ยนด้วยเฟ้ย ฮ่าๆๆ จะว่าไปนะ” เฟท ยิ้มหน้าขนลุกพลางกระโดดจากที่นั่งหวังจะเปิดตัวโชว์สาว แต่ผิดจังหวะไปหน่อย ขาไปสะดุดขอบโต๊ะหน้าจูบธรณีอย่างจัง

    ทุกอย่างนิ่งสนิท.....

    “อ...อะไรของหมอนี่อะ”

    “คุณเฟท ตายหรือยังคะ ?”

    “ไอ้อุบาทว์เอ้ย แต่งตัวซะดูดี ดันใส่รองเท้าอีหนีบซะงั้น”

    จู่ๆชายไร้เนตรก็เงยหน้าขึ้นจนอีกสามคนสะดุ้งเฮือกกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือด เฟทลุกขึ้นพลางหยิบฟันที่ร่วงตอนกระแทกพื้นยัดเข้าปาก “แกนี่ไม่รู้จักจิตวิญญาณของรองเท้าอีหนีบเลยนะ” หนุ่มไร้เนตรโชว์ตัวอักษร YES WE CAN ใต้รองเท้าอีหนีบด้วยความภูมิใจสุดๆ

    “นั้นน่ะเหรอจิตวิญญาณอีหนีบของเอ็ง ไร้สาระว่ะ” แม็กรำพึง

    “เอาละ กลับเข้าเรื่อง” หนุ่มผมเงินหยิบหวีจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาจัดผมตัวเองเล็กน้อย พร้อมเดินไปหยุดหน้าเจ้าหญิงคาเรน “โอ้ว นี่คือเจ้าหญิงคาเรนผู้งดงามสินะครับ ไม่นึกว่าจะสวยงามหยดย้อยดุจนางฟ้าจากสวรรค์ชั้น 99 ขนาดนี้ มิทราบว่าจะขอรู้จักเป็นการส่วนตัวได้ไหม My Angel”

    เฟทยิงมุกจีบใส่เจ้าหญิงคาเรนไม่ยั้งทำเอาเจ้าหญิงทำสีหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว “เฮ้ยๆๆๆ แกน่ะให้มันน้อยๆหน่อยนะ” ริวเน่โพล่งขึ้นชี้หน้าด่าชายหนุ่มอย่างไม่สบอารมณ์ พลางเข้ามายืนหน้าเจ้าหญิง

    เฟทพิจารณาอัศวินสาวอย่างถี่ถ้วนก่อนจะถอนหายใจ “อืมมม น่ารักก็น่ารักดีอยู่หรอกนะ ดวงตาก็มีเสน่ห์ซะด้วย แต่นิสัยป่าเถื่อนชะมัด แม็กแกชอบสไตล์นี้เหรอ”

    “ไอ้บ้านี่ !!!”

    “นี่แกเอาสมองส่วนไหนคิดว่ะ ว่าชั้นกับยัยนี่เป็นแฟนกัน นี่มันต้องคนนี้สิ” ว่าแล้วแม็กก็ถือวิสาสะโอบไหล่เจ้าหญิงคาเรนเฉยเลย

    “อะ คุณแม็ก...” เจ้าหญิงสะดุ้งเฮือก “เฮ้ยๆๆ ไม่แฟร์นี่หว่าขอมั้งเซะ”

    “นี่พวกนายสองคน..” ริวเน่ชักดาบเรเปียชี้ไปทางสองหนุ่ม “หยุดลวนลามเจ้าหญิงซะที ไม่งั้นได้พรุนเป็นรังผึ้งแน่ๆ”

    แม็กและเฟทนิ่งไปเล็กน้อย เฟทเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงปลายดาบของริวเน่อย่างไม่กลัวเกรง “เอาสิ ถ้าเธอทำได้น่ะ” บรรยายกาศรอบตัวของชายหนุ่มไร้เนตรเปลี่ยนไปทันที จากบรรยากาศบ้าๆเมื่อครู่กลับรู้สึกกดดันไปทั่วทุกอณูของร่างกาย แม้ว่าใบหน้ายังยิ้มแย้ม แต่เปี่ยมด้วยพลังคุกคามอันเหลือเชื่อ มือขวาของริวเน่ที่ชี้ดาบไปทางชายหนุ่มเริ่มสั่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ เฟทค่อยๆก้าวเดินไปหาเธอช้าๆ ส่วนขาของริวเน่เองก็กลับก้าวถอยออกจากเขา ความกลัวเริ่มเข้าครอบงำร่างกายของเธอจนควบคุมไม่ได้

    “อย่าดูถูกกันนะ !!!” ริวเน่คำรามก่อนจะแทงเข้าไปที่ใบหน้าสวยของชายหนุ่ม เฟทหลบได้สบายแม้จะอยู่ระยะประชิด ริวเน่ไม่ยอมแพ้กระหน่ำแทงเข้ามาอีกหลายครั้งแต่ล้วนพลาดเป้า

    “เฮ้อ ฝีมือแค่นี้เหรอที่คอยคุ้มกันเจ้าหญิง ที่ผ่านมานี่เพราะโชคช่วยตลอดหรือเปล่าเนี่ย” ริวเน่ฉุนขาดทันทีที่ถูกปรามาส “หุบปากซะ !!”

    เธอเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ขาของชายหนุ่มแบบกะทันหัน แต่ชายหนุ่มร่างโปร่งกลับกระโดดขึ้นไปยืนบนดาบของเธอได้อย่างสบาย “บ้าน่า....”

    “ริวเน่ ...” เจ้าหญิงคาเรนเริ่มเป็นห่วง เธอทำท่าจะลุกขึ้นไปช่วยแต่แม็กยื่นมือห้ามไว้ “นั่งดูดีกว่านะครับเจ้าหญิง ไมได้อยากจะดูถูกหรอกนะครับ แต่เข้าไปก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก”

    เฟทยิ้มขึ้นเล็กน้อย “เอ้า ทำได้แค่นี้หรือไง”

    “แก !!!!” ริวเน่สะบัดดาบออก ชายหนุ่มกระโดดม้วนตัวลงพื้นอย่างสวยงาม คมดาบเรเปียสีฟ้าพุ่งแหวกอากาศเข้ามาอีกครั้ง หนุ่มผมเงินยิ้มรับพลันร่างสูงโปร่งก็ฉากหลบออกไปอย่างรวดเร็ว กว่าริวเน่จะรู้ตัวชายหนุ่มก็มาอยู่ข้างหลังเธอแล้ว

    อัศวินสาวตวัดดาบกลับมา แต่ถูกมือขวาของหนุ่มไร้เนตรมาหยุดไว้ซะก่อน พร้อมกันนั้นมือซ้ายก็เข้ากอดไปที่เอวของหญิงสาว จนแทบจะหายใจรดกัน “อืมมม กลิ่มตัวเธอก็หอมดีนะ หึหึ”

    “ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต !!”

    “อ้าว ทำไมพูดงี้ซะละ แต่ก็นะ ฝีมือเธอมันไม่ถึงขั้นที่จะต่อกรกับพวกกองทัพได้เลยนะ รอดมาได้เพราะโชคนี่ชั้นพูดไม่ผิดหรอก” ริวเน่รู้สึกเหมือนถูกแทงใจดำแต่เธอก็แก้ต่างให้ตัวเองไม่ออก

    ที่ผ่านมาหลายครั้งหลายคราก็ได้โชคช่วยอย่างที่ว่าจริงๆ เธอตระหนักกับความจริงที่โหดร้ายนี่ แรงที่ฝืนเริ่มตกลง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ขัดขืนเฟทก็ถอยออกและกลับไปนั่งที่เดิมพร้อมเอาขาพาดโต๊ะไม้ตัวใหญ่ ซึ่งสวนกับเจ้าหญิงคาเรนที่เดินไปดูอาการริวเน่ด้วยความเป็นห่วง

    “ชั้นรู้เรื่องมากจากกันแล้วละ แล้วก็จากจดหมายของแองเจิ้ลด้วย ยัยนั้นเล่นใช้ฑูตสวรรค์มาส่งให้เลยนะ” เฟทโชว์จดหมายจากหญิงสาวที่ทำงานอยู่ในบาร์ของ Fiction ขึ้นมา

    “หึ ปากบอกไม่ช่วย แต่ยัยแองเจิ้ลก็ยังเป็นแบคอัพให้แหะ แล้วแกจะเอาไงจะมาช่วยไหม” แม็กถามเรียบๆ

    “ว่าไงดีละ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ช่วยน่ะนะ อย่างที่แกรู้ชั้นก็อยากหาเหตุไปทำอะไรตื่นเต้นนานแล้วละ นั่งเป็นอาเสี่ยนานเริ่มเซงฮ่าๆๆๆ” เฟทหัวเราะขึ้น

    “ตอนได้ยินเรื่องแกกับองค์หญิงชั้นก็คิดอยู่แล้วว่าต้องมานี่แน่ๆ ” หนุ่มไร้เนตรยิ้มอารมณ์ดี “แต่มะวานพวกบาบิรินทอสมาที่เมืองนี้แล้วค้นหาพวกนายกันให้ควัก แถมยังเปื้อนอึกันหมดอีกต่างหากเห็นพวกนั้นใส่ชุดเกราะเปื้อนอึเดินไปมาแล้วฮาชะมัด”

    “ฝีมือยัยกันน่ะแหละ”

    “ก้ากๆๆ มะวานยัยนั้นก็เล่าให้ฟังหมดแล้วละ ก่อนจะออกไปเดินล่อพวกบาบิรินทอสซะหัวปั่นตามยัยนั้นกันใหญ่เลย”

    เจ้าหญิงคาเรนลุกขึ้นหลังจากนิ่งเงียบสักพักเธอเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของชายหนุ่มผมเงิน “คุณเฟทค่ะ คือ...” เฟทยกมือขึ้น “ท่านไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากนักหรอก ผมรู้หมดแล้วท่านต้องการให้เหล่า ‘ดาบสวรรค์’ คอยช่วยท่านในการเดินทางสินะ” ชายหนุ่มผมเงินโบกจดหมายที่ได้จากแองเจิ้ลไปมา

    เจ้าหญิงคาเรนพยัคหน้ารับ “เราจำเป็นต้องพึ่งพลังของพวกท่านเช่นเดียวกับที่ท่านพ่อเคยทำ”

    “ท่านพร้อมเหรอเจ้าหญิง” เฟทถามขึ้นด้วยเสียงซีเรียส “ท่านพร้อมที่จะกวัดแกว่งพวกเราเช่นพ่อของท่านหรือเปล่า เข้าใจน้ำหนักของดาบแต่ละเล่มหรือไม่ การที่พวกเราได้ให้พ่อของท่านหยิบยืมพลังหาใช้เพราะเขาเก่งกาจอะไร แต่ความเข็มแข็งของจิตใจของเขานั้นช่างยอดเยี่ยม ท่านจะทำได้เช่นนั้นหรือเปล่า”

    เจ้าหญิงคาเรนหยุดนิ่งไปเล็กน้อย พลางหลับตาลงหวนคิดถึงภาพที่ผู้เป็นพ่อเดินนำขบวนกองทัพพร้อมด้วยเหล่าดาบสวรรค์เข้าสู่สมรภูมิ เธอสูดลมหายใจพร้อมเอ่ยวาจาออกไปด้วยความรู้สึกอันเต็มเปี่ยม“เราเตรียมใจพร้อมแล้ว เราพร้อมใจแลกด้วยทุกสิ่งหากจะทำให้ความปรารถนาของเราตอนนี้เป็นจริง เราต้องการที่จะกวัดแกว่งพวกท่านเข้าสู่สมรภูมิ และเราพร้อมสำหรับเรื่องนั้นเช่นกัน”

    “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” เฟท หัวเราะลั่น ทำเอาเจ้าหญิงคาเรนตกใจไปเล็กน้อย ส่วนแม็กก็ยิ้มขึ้นทันที “เยี่ยมมาก นี่แหละสายตาที่อยากจะเห็น น้ำหนักคำพูดที่มั่นคงที่อยากฟัง ควรค่าแก่การให้ออกผจญภัย”

    เฟทก้าวเดินออกมาจากที่นั่งพร้อมหยุดยืนหน้าเจ้าหญิงแห่งออลไฟนอล เขาลดตัวลงนั่งคุกเข่าเบื้องหน้าเจ้าหญิงคาเรน “ข้า เฟท ฟาน ออบซิเดียน ‘บัลลังค์รัตติกาล’ ดาบสวรรค์ลำดับที่สองผู้นี้ ขอติดตามท่านไปจนถึงเป้าหมายที่ท่านปราถนา”


    เจ้าหญิงคาเรนยิ้มขึ้นอย่างยินดี “เช่นนั้นก็ต้องขอฝากตัวด้วยเช่นกันนะคะ คุณเฟท”

    “เช่นกันครับเจ้าหญิงคนสวย” เฟท เงยหน้ามองพลางยิ้มร่า “หากเช่นนั้นแล้ว....เอ้า เข้ามาได้”
    เสียงเปิดประตูดังขึ้นเลขาหญิงเดินกลับเข้ามาพร้อมรถเข็น ที่บรรทุกมื้ออาหารพร้อมเมนูที่สั่งเข้ามาในห้อง “เสริฟเลยจ๊ะ” เฟทเอ่ยปากขึ้น เด็กสาวพยักหน้ารับ พร้อมเดินเสริฟอาหารให้กับทุกคน

    “เฮ้ย นี่มากกว่าที่สั่งนี่หว่า มีข้าวด้วยเหรอ”

    “อ้าว ไม่กินหรือไงว่ะแม็ก พักกินอะไรซะก่อนแล้วค่อยคิดสิว่าจะเอาไงต่อ แล้ว...” เฟทหันไปมองทางริวเน่ที่ยังซึมกระทืออยู่เธอรับจานขนมมาอย่างไร้อารมณ์ เฟทนิ่งไปเล็กน้อยพลันเดินไปนั่งข้างๆเธอ

    “เจ็บใจเหรอ”

    ริวเน่เบือนหน้าหนี เหมือนเธอจะร้องไห้เล็กน้อย “อยากแข็งแกร่งไหม...”

    หญิงสาวไม่ตอบรับ “แต่ก่อนอื่นก็กินอะไรซะหน่อยละกันนะ”

    “รู้แล้วหนา ไม่ต้องให้นายมาห่วงหรอก น่ารังเกียจเหมือนที่กันไฟนอลพูดไว้จริงๆ”

    เฟทยิ้มขึ้นพลางหันไปทางเจ้าหญิงคาเรน “ตอนนี้พวกบาบิรินทอสยังป่วนเปี้ยนอยู่ในเมือง เป็นไปได้เราควรออกจากเมืองให้เร็วที่สุดนะเจ้าหญิง”

    “อย่างงั้นเหรอค่ะ “

    “เฮ้ย เฟทแล้วแกรู้ที่อยู่คนอื่นๆอีกไหม” แม็กถามพลันเคี้ยวน่องไก่เข้าปาก

    “อืมม ชั้นเพิ่งเจอ ‘พริบตาประกายแสง’ กับ ‘ผู้สร้างสรรค์หายนะ’ ไปน่ะ แต่ก็หลายวันมาแล้วนะ”

    “ทั้งสองคนเป็นคนแบบไหนเหรอคะ” เจ้าหญิงคาเรนถามขึ้น สองหนุ่มมองหน้ากันเล็กน้อย “คนแรกน่ะ ก็เป็นอ่าเจ๊ที่เชื่อถือได้ ส่วนอืกคนก็เป็นสาวสองบุคลิกน่ะ” เฟทตอบพลางหยิบเค้กขึ้นมาทาน

    “คงเคยได้ยินมาบ้างใช่ไหมครับเจ้าหญิง ผู้ใช้ดาบคาตะนะที่แข็งแกร่งที่สุด กับ ผู้ที่ใช้เวทย์โจมตีได้ยอดเยี่ยมที่สุดน่ะ” คราวนี้เป็นแม็กตอบบ้าง

    รูบี้ ยูกิ กับ ทรีเนล โอปอ สินะคะ” เจ้าหญิงคาเรนเอ่ยนามของดาบสวรรค์ทั้งสองขึ้น “แล้วเราควรจะไปหาคนไหนก่อนค่ะ”

    “ทรีเนลละนะ”

    “ก็คงต้อง ทรีเนล แหละ”

    สองหนุ่มลงความเห็นชัดเจน เจ้าหญิงผมน้ำตาลพยัคหน้ารับ แต่ก็อดถามด้วยความสงสัยไม่ได้ “ทำไมต้องเป็นคุณทรีเนลละคะ”

    “จะให้ไปตามเจ๊ยูกิ นี่คงยาก รายนี้ค่อนข้างจะไม่อยากยุ่งทางโลกแล้วซะเท่าไร อีกอย่างเจ๊แกก็ไม่ชอบอยู่ตามเมืองซะด้วย จะให้หาตัวจริงๆจังๆนี่คงลำบากเอาการ” เฟทตอบ

    “ก็นั้นแหละ ส่วนทรีเนล ถ้าเคยมาเมืองนี้ก่อนตอนนี้ก็ยังน่าจะอยู่ที่ Game แหละ เท่าที่รู้มายัยนั้นไปเพ้อเจ้ออยู่ที่นั้นประจำคงจะหาตัวง่าย แล้วก็เป็นพวกทำอะไรตามเพื่อนฝูงคงไม่ยากที่จะชวนเท่าไร”แม็กตอบพลันซดโกโก้หมดแก้ว

    “เป็นผู้ตามที่ดีสินะคะ”

    “จะว่าอย่างงั้นก็ได้นะเจ้าหญิงน้อย” เฟทลุกขึ้นจากที่นั่ง พลางหันไปทางเด็กสาวผมทวินเทล “ช่วยจัดที่พักให้กับพวกเขาด้วยนะ”

    “รับทราบค่ะท่านเฟท” เด็กสาวค่อยๆเดินออกจากห้องด้วยกริยาสำรวม

    “เฟท ฟาน ออบซิเดียน....” ริวเน่ที่นั่งเงียบมาตลอดกลับลุกยืนขึ้นพร้อมหันหน้ามาทางหนุ่มผมเงิน

    “มีอะไรละ เรียกซะเต็มยศ”

    “เมื่อกี้นายถามใช่ไหมว่าอยากจะแข็งแกร่งไหม”

    “ถูกต้องแล้ว...”

    “ชั้นอยากแข็งแกร่ง !!” ริวเน่พูดพร้อมนัยน์ตาที่มุ่งมั่นทรงพลัง เฟทยิ้มอย่างสบอารมณ์

    “วันนี้มีผู้ที่มีนัยน์ตาที่ดีมาเยอะดีจริงแหะ ได้ ถ้าเธอปรารถนามันละนะ”

    เสียงเปิดประตูดังขึ้นอีกครั้งเด็กสาวคนเดิมวิ่งมาด้วยท่าทางรีบเร่ง ทุกคนในห้องจ้องมองไปทางเธอ “แย่แล้วค่ะ กลุ่มอัศวินบาบิรินทอสอยู่เต็มร้านเลยค่ะ”

    ......................................
    ..................................................
    ................................................................


    “งานเข้าเร็วกว่าที่คิดแหะ....” เฟทรำพันขึ้น

    “คุณกัน พลาดเหรอคะ”

    “ไม่ใช่หรอก แต่ยัยนั้นหมดหน้าที่แล้วต่างหาก เอาเถอะล่อมาให้หนึ่งวันเต็มๆนี่ก็ต้องขอบคุณเหลือหลายแล้ว” แม็กพูดพลางถอนหายใจ

    “แล้วเราจะเอายังไงกันดีละ” ริวเน่ถาม

    เฟทนิ่งคิดครู่นึง “ไม่ช้าพวกบาบิรินทอสจะมาถึงชั้นนี้แน่ๆ ถ้าเราหนีไปทั้งอย่างงี้ก็คงไม่ดีต่อกิจการโลลิค่อนของตรูชัวร์”

    “นี่แกห่วงแต่เรื่องแบบนี้เหรอฟะ”

    “เฮ้ย โลลิค่อน คือชีวิตของข้านะโว้ย ชิ.....” เฟทเดาะลิ้นเล็กน้อยพลันเดินไปเปิดช่องลับในกำแพงซื่งมีเงินสดจำนวนนึงอยู่ “ก็พอมีทุนละนะ ลงไปถ่วงเวลาพวกบาบิรินทอสเอาไว้ พวกเราจะหนีไปทางลับ”

    “ค่ะ ท่านเฟท” เด็กสาวผมทวินเทลรับคำพร้อมออกไปจากห้องทันที

    “เอาละทุกท่านตามมาทางนี้”

    เฟทเดินนำทุกคนออกมาจากห้องเขาเดินไปยืนชิดกำแพงที่อยู่ทางด้านขวา พร้อมเคาะไปที่กำแพงเป็นจังหวะ ทันใดก้อนอิฐบนกำแพงก็ค่อยๆเลื่อนตัวออกปรากฎบันใดลงสู่ชั้นล่าง
    “นี่แกใช้ระบบเดียวกับ แฮรี่พอตเตอร์ หรือเปล่าว่ะ” แม็กถามด้วยความสงสัยมันจะเหมือนอะไรกันขนาดนั้น

    “เออ นั้นแหละ มาเถอะ”

    บันใดที่มืดสลัวแต่ทุกครั้งที่ก้าวแต่ละก้าว ดวงไฟจากกำแพงทั้งสองด้านก็ค่อยๆสว่างขึ้น เฟทเดินนำขบวนมาเรื่อยๆ “นี่นายสร้างของแบบนี้ไว้เพื่ออะไรเนี่ย” ริวเน่ถามพลางมองไปรอบๆ

    เฟทหันมาตอบเสียงเจื่อๆ “ก็ไว้หนีเวลาไม่อยากเจอใครอะ”

    “ลงทุนว่ะ เฟทเอ้ย”

    “นั้นสิค่ะ”

    “อย่าบ่นไปเลยหนา ตอนนี้ก็มีประโยชน์ไม่ใช่เหรอ” ทุกคนเถียงไม่ออกจึงค่อยๆตามไปเงียบๆ

    เมื่อถึงสุดทางทั้งสี่คนมาโผล่ที่ซอกตึกที่อยู่ห่างออกจากร้านของเฟทพอสมควร หนุ่มไร้เนตรใช้สัมผัสพิเศษตรวจตราไปรอบๆเมื่อเห็นว่าปลอดภัยจึงค่อยๆออกมาจากช่องลับ “จะให้โผล่ออกมาที่ดีๆกว่านี้ไม่ได้เหรอ” ริวเน่บ่นอุบเพราะพวกเธอออกมาโผล่ตรงจุดทิ้งขยะ

    “เรื่องมากจริงรีบๆออกมาเหอะ”

    “ชิ...เจ้าหญิงเดินไหวไหมคะ”

    “อืม เราไม่เป็นไร”

    “เฟท ด้านนอกปลอดภัยนะ”

    “เออ ไม่มีพวกบาบิรินทอสอยู่ระแวกนี้ก็จริง แต่ชั้นไม่รู้ว่าจะมีพวกสอดแนมแอบซ่อนอยู่หรือเปล่านะ”

    ระหว่างที่ทั้งสี่กำลังออกมาจากจุดทิ้งขยะ ดันมีหน่วยสอดแนมที่กำลังจะเอาไม้เสียบลูกชิ้นมาทิ้งเจอเข้าพอดี ไม่รอช้าหน่วยสอดแนมตัวประกอบก็วิทยุบอกพวกบาบิรินทอสที่ยังง่วนอยู่ในร้าน

    “มีอะไรเหรอ” ริวเน่ถามเมื่ออยู่ๆเฟทที่เดินนำหน้าหยุดกึก

    “ตายละว้า พวกมันรู้ตัวแล้ว “

    “รู้ได้ไงเนี่ย”

    “เจ้านี่มีสัมผัสพิเศษรับรู้อะไรก่อนชาวบ้านน่ะ รีบเผ่นกันดีกว่า”

    “อ่ะ คุณแม็กอย่าเพิ่ง...” แม็กรีบอุ้มเจ้าหญิงคาเรนขึ้นมาประครองท่าเจ้าหญิง ก่อนจะวิ่งออกจากจุดเดิมไปตามถนนอย่างรอดเร็ว เฟทเองก็ตามไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับริวเน่

    “เฮ้ย ไอ้แม็กน่าอิจฉาวุ้ย แล้วแกรู้ทางเหรอฟะ มาทางนี้โว้ย”

    “เออ ลืม นำเลยๆ”

    “นี่รีบๆวางเจ้าหญิงลงได้แล้วนะ”

    “ริวเน่ ตอนนี้เอาความเร็วก่อน หุบปากแล้ววิ่งตามมาเหอะ”

    เสียงเครื่องรถยนต์ดังขึ้นด้านหน้าพวกเขา รถยนต์สีเทาสองคันขับมาดักหน้า พร้อมชักอาวุธปืนขึ้น “เจอแล้วอยู่นั้นๆ”

    “ไม่ใช่พวกบาบิรินทอสนิค่ะ” เจ้าหญิงคาเรนตกใจที่เห็นคนกลุ่มอื่นมาไล่ล่าเธอด้วย

    “พวกตำรวจที่ประจำอยู่เมืองนี้น่ะ อย่าลืมสิเจ้าหญิงตอนนี้เราเป็นอาชญากรนะ” แม็กพูดขึ้นพลางมองหาช่องทางหนี

    เจ้าหญิงทำหน้าเศร้าลงไปเล็กน้อยเมื่อกลับมารับรู้สถานะตัวเอง “อย่าทำเจ้าหญิงจิตตกสิเจ้าบ้า”

    “อะไรเล่า”

    “เลิกทะเลาะกันแล้วไปทางอื่นได้แล้วโว้ยยย”

    เฟทพาเลี่ยงมาอีกเส้นทางนึงแต่เมื่อหันหลังกลับไปพวกอัศวินบาบิรินทอสก็มาอยู่เบื้องหน้าพวกเขาแล้ว “โห เจ้าพวกนี้เคลื่อนไหวเร็วดีแหะ” แม็กพูดพลางวางองค์หญิงลงพร้อมกันเธอไปอยู่ด้านหลัง

    “เอาเถอะ ฝากพวกบาบิรินทอสคนอื่นกับแกด้วยละกันนะ ส่วนชั้นมีธุระกับตัวหัวหน้าว่ะ” หนุ่มผมแดงหันไปคุยกับเพื่อนสนิทที่กำลังทำท่าวอร์มอัพอยู่ข้างๆ

    “อ้อเหรอ โอเคๆ แม่สาวอัศวินคุ้มกันองค์หญิงของเธอให้ดีด้วยละ”

    “รู้แล้วย่ะ” ริวเน่ชักดาบเรเปียออกมากระชับไว้ในมือ

    “ทั้งสองคน....เราไม่อยากให้ฆ่าใครนะคะ ถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยเลี่ยงการฆ่ากันด้วย” เจ้าหญิงคาเรนเอ่ยกับดาบสวรรค์ทั้งสองที่อยู่เบื้องหน้า สองหนุ่มยิ้มขึ้นเล็กน้อย “รับบัญชา”

    “เจอกันอีกแล้วนะครับ คุณแม็ก คราวนี้แหละผมจะยัดเยียดความปราชัยให้กับคุณเอง” หัวหน้ากองอัศวินบาบิรินทอสพูดพร้อมชักดาบเครมอล์คู่ใจมาไว้ในมือ

    “โห หมอนี่เหรอคู่แค้นแกน่ะ หน่วยก้านไม่เลวเลยนะเนี่ย” เฟทพูดกวนใส่เพื่อน แม็กไม่ตอบอะไร เขาเดินไปเบื้องหน้าพลันดึงดาบ ‘ประตูสวรรค์’ ออกมาจากห่อผ้า

    “เหอะ คงอยากลุยแล้วสิท่า เอาละ พวกลูกกระจ็อกนี่หน้าที่ตรูสินะ” เฟทขยับแหวนทั้ง 10 ในมือให้เข้าที่ “ฟู่วว รีบๆเริ่มแล้วจบมันให้ไวเลยดีกว่า บาบิรินทอส”

    “ท่านเนียร์ครับ” ทหารในสังกัดบาบิรินทอสรายนึงเดินเข้ามาหาหัวหน้าของพวกเขา เนียร์สูดลมหายใจก่อนตะโกนขึ้น “จับเจ้าหญิงตัวปลอมนั้นให้ได้ ส่วน ‘จักรพรรดิแห่งฟากฟ้า’ นั้นชั้นจะจัดการเอง ด้วยเกียรติยศแห่งบาบิรินทอส พวกเราลุย !!!!”

    “เฮ้ !!!!!” เหล่าอัศวินบาบิรินทอสคำรามกู่ก้อง พร้อมวิ่งกรูเข้ามาเต็มถนน ริวเน่และเจ้าหญิงคาเรนที่อยู่แนวหลังสุดเตรียมรับการโจมตีจากทางด้านหน้าและด้านหลังที่เป็นกลุ่มตำรวจที่มารวมตัวกัน ส่วนเฟทถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะจูบลงไปที่นิ้วชี้ขวาของเขา “ช่วยชั้นหน่อยนะสหาย ฮาคุโต ฮาริ

    พริบตานั้นเกิดแสงสีเงินวาววับขึ้นแหวนกลายเป็นดาบคาตะนะเล่มบางโปรงแสงสีฟ้า รูปทรงของมันพูดได้เลยว่าวิจิตรและงดงาม สะกดทุกสายตาให้ลุ่มหลงไปกับมัน ชายหนุ่มผมเงินสะบัดดาบในมือเกิดแสงสีฟ้าเส้นเล็กๆ เป็นแนวยาว เหล่าทหารแห่งบาบิรินทอสมัวแต่ตกตะลึง จนโดนคลืนบางสีฟ้าจากดาบที่เล็กแต่แหลมคมร่วงไปหลายคน

    “อะไรว่ะนั้น แสงเส้นเล็กๆเมื่อกี้”

    “ไอ้บ้านี้มันอะไรกันแน่” พวกอัศวินตกตะลึงกับภาพ พรรคพวกบาบิรินทอสที่ถูกฟันลงไปนอนโอดครวญ “ตราบใดที่ชั้น ‘บัลลังค์รัตติกาล’ คนนี้ยังอยู่ อย่าหวังจะได้ตัวเจ้าหญิงน้อยน่ารักไปเลย !!” เฟทพูดถึงเจ้าหญิงคาเรนแบบเต็มปากเต็มคำมากๆ

    “ดาบสวรรค์ลำดับที่สองเหรอ นอกจากบ้าแล้ว ยังโคตรหื่นเลยยย”

    “เวรเอ้ย...จะไปสู้ยังไงละเนี่ย” พวกอัศวินถอยดูเชิงกันทันที พร้อมส่งสัญญาณให้พวกตำรวจด้านหลังกระหน่ำยิงเข้ามาแทน “ริวเน่รีบกันเจ้าหญิงออกไปเร็ว !!”
    เฟทตะโกนลั่น ริวเน่เคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณทันที เธอลากเจ้าหญิงเข้าหาที่กันบังซึ่งเป็นถังขยะสีเขียวใบใหญ่ ส่วนหนุ่มผมเงินไม่รอช้าฟาดคลืนดาบสีฟ้าอ่อนเข้าใส่กลุ่มตำรวจที่ไม่ทันระวังจนล้มกันระเนระนาด

    ตำรวจอีกกลุ่มที่สุ่มอยู่บนตกฝั่งตกข้ามได้จังหวะจัดการใช้ปืนยิงจรวด RPG เข้าถล่มเจ้าหญิงคาเรนที่หลบอยู่ทันที ทั้งริวเน่และเจ้าหญิงคาเรนต่างก้าวขาไม่ออกเมื่อเห็นจรวดพุ่งเข้ามาใกล้

    “โธ่เว้ย....ปกป้องพวกเธอ ไอกิส” แหวนที่นิ้วนางขวาของชายหนุ่มส่องแสงขึ้นเสียงระเบิดดังลั่น เมื่อฝุ่นควันจางหายปรากฎโล่ขนาดใหญ่ดุจกลีบดอกไม้คุ้มกันทั้งคู่เอาไว้

    “หมอนั้น...” ริวเน่แทบไม่เชื่อสายตา “ดาบที่ถืออยู่คือคาตะนะที่ลือชื่อ ‘เข็มสวรรค์’ ฮาคุโต ฮาริ แล้วที่ปกป้องเราก็...”

    มหาปราการ ไอกิส” เจ้าหญิงคาเรนตอบรับ

    “เฮ้ยๆ ไอ้พวกบนตึกจะเล่นอะไรอันตรายเกินไปหน่อยแล้วมั้ง” เฟทไม่รอช้าเปลี่ยนแหวนที่นิ้วโป้งข้างซ้ายของเขาเป็นอาวุธทันที มันคือปืนใหญ่สีดำสนิทประดับด้วยลวดลายสีทองเป็นเกลียวคลืน ขนาดของมันใหญ่ซะจนเครื่องยิงจรวดเมื่อกี้ยังอาย

    “ปืนอะไรนั้นน่ะ “ ริวเน่ตกใจไปกับรูปร่างปืนที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน

    “ดูจะหนักไม่ใช่เล่นเลยนะคะ” เจ้าหญิงคาเรนยิ้มแห้งๆพลางดูชายหนุ่มแบกปืนกระบอกยักษ์แบบไม่สะทกสะท้าน

    “ดูพลังของมันให้ดีละกัน ไอออน แคนนอน อัดมันให้ร่วงเลย !!!” ชายหนุ่มผมเงินแบกปืนกระบอกโตขึ้นบาพร้อมเหนี่ยวไกคลืนแสงสีขาวสว่างถูกยิงออกไปอย่างรวดเร็วเข้ากระทบกับตึกที่พวกตำรวจดึกซุ่มอยู่ เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับชั้นลอยของตึกเป้าหมายแหว่งไปครึ่งหนึง ส่วนพวกตำรวจที่สุ่มอยู่เข่าอ่อนฉี่แตกกันไปเป็นแทบๆ

    “เหอะ ถ้าไม่ใช่เพราะองค์หญิงไม่อยากให้ฆ่า พวกแกได้ไปโลกหน้ากันหมดแล้วนะ”

    ....................................
    ..............................................................

    อีกด้านนึงประกายแสงจากดาบทั้งสองเล่มเข้าปะทะกันอย่างหนักหน่วง ‘ราชสีห์ขาว’ กัปตันแห่งหน่วยบาบิรินทอส รุกเข้าจู่โจมแม็กแลนเซอร์อย่างไม่ลดละ ดาบเครมอร์เล่มใหญ่ฟาดลงจากด้านบน แต่ ‘จักรพรรดิแห่งฟากฟ้า’ ฉากหลบออกไปอย่างง่ายดาบ ดาบที่พลาดเป้าหมายฟาดลงกับพื้นอย่างจังเกิดฝุ่นควันลอยคลุ้งขึ้น

    “หืม เล็งแบบนี้ไว้แต่แรกเลยสินะ” แม็กชื่นชมเล็กน้อยเมื่อคู่ต่อสู้ตรงหน้าถูกพรางตาด้วยฝุ่นควัน

    “ย้ากกกกกกกกกกกก” เนียร์อาศัยจังหวะนี้พุ่งเข้าจู่โจมจากทางด้านหลัง คมดาบเครมอล์พุ่งเข้าหาเป้าหมายราวกระสุนปืนใหญ่ “ทว่า....” แม็กอาศัยชั้นเชิงที่เหนือกว่ากระโดดลอยตัวหลบการโจมตีไปได้พร้อมใช้มือซ้ายที่ว่างอยู่ดันหัวอัศวินหนุ่มจนลงไปนอนกลิ้งกับพื้น

    “ยังมีจุดบอดอยู่นะ” แม็กยิ้มขึ้น เนียร์หันควับกลับมาพร้อมดีดตัวลุก “คุณนี่ ควรค่าแก่การเอาชนะจริงๆเลยนะครับ”

    “ขนาดนั้นเลยเหรอ”

    “การได้ประดาบกับ ‘นักดาบที่แข็งแกร่งที่สุด’ ครั้งแล้วครั้งเล่าเนี่ย ถ้าไม่ได้มาทำงานแบบนี้คงไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลยสินะครับ”

    “ก็นะ....แต่ชั้นไม่ชอบให้ใครมาเรียกชั้นว่าเป็น ‘นักดาบที่แข็งแกร่งที่สุด’ เท่าไรหรอก เพราะยังมีอีกคนนึงที่ชั้นยังไม่เคยสู้จริงๆจังแล้วเอาชนะได้เลย”

    “โห .....เขาเป็นใครหรอกครับ”

    “ใกล้ๆตัวนี่แหละ เดี๋ยวสักวันนายก็จะรู้เองแหละ เนียร์” พูดจบแม็กจัดการตวัดดาบของเขาในแนวขวางเกิดคลืนลมแรงมหาศาลจนอัศวินหนุ่มแทบจะปลิวไปตามแรงลม

    “ดูซะ ถ้าคิดจะฟันอะไรสักอย่างละก็......มันต้องแบบนี้ !!!” แม็กคำรามลั่นพร้อมฟาดดาบเข้าเกิดเสียงสายลมคำรามที่รุนแรงกว่าเมื่อครู่พุ่งตัดอากาศด้วยความเร็วเหลือเชื่อ “อุ่ก....” เนียร์อาศัยแรงทั้งหมดที่มีกระโดดหลบออกไปด้านข้างได้แบบเฉียดฉิวแต่กระนั้นตั้งแต่หัวไหล่ซ้ายลงไปถึงต้นขาก็ยังได้รับบาดแผล

    พื้นถนนแทบจะถูกฉีกออกไปสองด้วยการโจมตีครั้งเดียว แม็กประหลาดใจเล็กน้อยที่การโจมตีพลาดเป้า “ไม่เลวนิ เมื่อกี้กะฟันให้แขนขาดไปสักข้างเลยนะ”

    “เสียใจด้วยนะครับที่มันพลาด”

    “พลาดเหรอ อืมมม ก็คงต้องยอมรับละนะ ถึงจะฟันโดนแต่ก็ไม่ตรงตามจุดประสงค์ ถ้างั้นมาต่อกันเลยดีกว่า !!” แม็กถีบตัวเข้าเล่นงานเนียร์ที่ยังตั้งหลักได้ไม่ดีนักจากอาการบาดเจ็บ คมดาบสีขาวสะอาดจู่โจมมาจากด้านบนอย่างรวดเร็ว เนียร์ยกดาบในมือแทบไม่ทัน แม็กไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือเขาใช้ขาขวาเตะเข้าไปที่บาดแผลของเนียร์จนอัศวินหนุ่มร้องครางด้วยความเจ็บปวด พร้อมกับซัดดาบในมือเข้าใส่จน ‘ราชสีห์ขาว’ ลอยละลิ่วไปกระแทกกับกำแพงตึก

    “นายเป็นคนมีฝีมือนะ น้อยคนนักที่จะสู้กับชั้นได้โดยไม่ตายในดาบแรก สมกับที่เป็นหัวหน้าหน่วยบาบิรินทอส เสียแต่ว่าประสบการณ์ยังน้อยไปไม่งั้นคงสู้กันสูสีกว่านี้”

    “เฮ้ย แม็กชั้นเคลียร์ทางหนีแล้วเผ่นเว้ย เผ่น” เสียงที่คุ้นเคยร้องเรียก แม็กยิ้มให้กลับอัศวินหนุ่มครั้งนึงก่อนจะทอดทิ้งให้เนียร์ต้องเจ็บใจกับความพ่ายแพ้อีกครั้ง
    “บ้าเอ้ย.......” อัศวินหนุ่มกำดาบในมือที่หักสะบั้นจากการจู่โจมเมื่อครู่ด้วยความแค้นใจ

    …………………

    ………………………………

    …………………………………………….


    “เรียบร้อยแล้วเหรอค่ะ” เจ้าหญิงคาเรนเอ่ยถามแม็กที่พุ่งตัวเข้ามาในรถตำรวจที่เฟทยึดได้เมื่อครู่

    “อ่า อย่างน้อยก็คงมาไล่เราไม่ได้สักพักแหละ ดูท่ากระดูกน่าจะหักหลายท่อนอยู่”

    “โหดว่ะ แม็ก”

    “ทำไงได้ นั้นหัวหน้าอัศวินนะเฟ้ย ถ้ามัวแต่เล่นเรานี่แหละจะโดนเฉีอนซะเอง”

    “รีบไปได้แล้ว พวกตำรวจเริ่มกลับมาไล่เราอีกแล้วนะ” ริวเน่บีบคอเร่งเฟท

    “แค่กๆๆๆ ใจเย็นๆอย่าเพิ่งบีบคอมันหายใจไม่ออก” ว่าแล้วชายหนุ่มผมเงินก็ยัดเกียรรถพร้อมเหยียบคันเร่งเต็มสปีดออกจากจุดปะทะทันที


    “เฮ้ย เฟทโชว์ไปกี่ชิ้น”

    “สามว่ะ”

    “สามเลยเหรอวะ นึกว่าจะใช้น้อยกว่านี้สักอีก”

    “เอาหน่า ก็ต้องใช้ไอกิสคุ้มกันสองสาวด้วย จริงๆไม่อยากโชว์เยอะนะเนี่ย อุคริๆๆๆ” เฟทหัวเราะร่า จริงๆมันคงอยากโชว์ของดีมากกว่านี้ชัวร์

    “จะอะไรไม่รู้ละช่วยเร่งเครื่องหน่อยได้ไหม” ริวเน่โวยขึ้นเมื่อเห็นรถตำรวจเริ่มไล่จี้เข้ามา

    “คุณเฟทค่ะ เร็วกว่านี้หน่อย” เจ้าหญิงคาเรนเองก็เร่งเหมือนกัน

    “เหยียบให้มิดเลยสหาย”

    “รับทราบ คาดเข็มขัดกันด้วยละทุกท่าน ยะโฮ่วววว” เฟทเหยียบคันเร่งมิดรถตำรวจสีเงินแล่นทะยานออกจากตัวเมือง Anime ท่ามกลางเสียงรถตำรวจเปิดไซเรนไล่ติดตามพวกเขาทั้งสี่



    การเดินทางของพวกเขายังคงมีต่อไป........ในสัปดาห์หน้าาาาาาาาาาา



    ...................................
    ..............................................
    ...........................................................
    ....................................................................
    .........................................................................







    คุยกันหลังตอน

    เมพครับ เมพไอ้เฟทเมพครับเมพ ถ้าถามว่าเขียนฟิคประเภทกัดจิกชาวบ้านแล้วเขียนใครมันสุด ขอตอบ ณ ตรงนี้เลยว่า

    เขียนด่าตัวเองหนุกสุดครับ ฮ่าๆๆๆ

    เพราะไม่ต้องกังวลมากว่าจะเล่นมากไปแล้วจะมาดราม่าทีหลัง เขียนตัวเองจะให้ปากฉีก ตับแตก ม้ามรั่ว ไส้ทะลุ ยังไงก็ไม่มีใครด่าอยู่แล้ว ฉะนั้นเลยต้องรับหน้าที่ตัวรั่วไปแทบจะทุกฟิค เออ แต่ก็สนุกดีนะ ฮ่าๆๆ

    ตอน 4 จะพยายามให้ลงในอังคารหน้าให้ได้ไม่รู้จะเจอโรคย้ายบ้านทำให้ต้องดีเลย์หรือไม่ ยังไงก็ขอบคุณทุกๆคอมเม้นนะครับ อ่านแล้วสดจื่นมากๆ แล้วเจอกันสัปดาห์หน้าจ้า !!!


    THANKS ALL FRIENDS AND FANS YOUR THE BEST !!!!
  17. Ryuune

    Ryuune Well-Known Member

    EXP:
    1,084
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    ตอนใหม่มาแล้ว เฮ ยังคงความโหด มัน ฮา ครบเซ็ทไว้เช่นเคย

    เริ่มอยากให้ริวเน่พาฝาแฝดมาด้วยแฮะ แต่กลัวไอเดียไม่ผ่านไงไม่รู้

    สรุปคือ เฟทนี่ โลลิค่อนหายเท่ากับชีวิตหายจริง ๆ สินะ 55+
  18. arcwind

    arcwind New Member

    EXP:
    23
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    โหดมันฮาได้ใจดีพะยะค่ะ

    กระทืบไลค์แปดล้านครั้งให้กับฉากเฟทปะทะริวเน่
  19. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    ไม่รู้ว่าจะคอมเมนท์อะไรดี เอาเป็นว่ามาลงชื่อว่าอ่านแล้วไว้ก่อนละกัน >_<
  20. powder

    powder Member

    EXP:
    260
    ถูกใจที่ได้รับ:
    9
    คะแนน Trophy:
    18
    สนุกดีค่ะ น่าติดตามตอนต่อไปปปป >w<
  21. yoshiki

    yoshiki FATE

    EXP:
    862
    ถูกใจที่ได้รับ:
    17
    คะแนน Trophy:
    38
    Note 1 : นี่คือแฟนตาซีในโลกยุคปัจจุบัน

    Note 2 : ทุกตัวละครหลักในเรื่องมาจากสมาชิกบอร์ด All Final Fantasy ทุกคนที่ผมรู้จักและจำได้จากอดีตถึงปัจจุบัน




    ........................
    ....................................
    .............................................



    ตอนที่ 4 The Apocalypse And Fang of Luna [Part 1]



    ใครๆก็บอกว่าฉันไม่ใช่คน...

    ตัวฉันเป็นเพียงเด็กสาวคนนึงที่เกิดในสลัม มีชีวิตวัยเด็กที่สนุกสนาน ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรให้ยุ่งยาก ขอแค่ชีวิตสงบสุขแบบนี้ ไม่ต้องการเงินทอง ไม่ต้องมีสถานที่เลิศหรู แค่ชุมชนแออัดแบบนี้ก็พอแล้ว

    ใช่....ทั้งๆที่แค่นี้ก็พอแล้ว

    ทำไมถึงให้เราไม่ได้กันนะ....พระเจ้า​


    เพียงแค่ความสามารถที่เราไม่ต้องการบางอย่างถูกปลุกขึ้นมาตอนฉันโดนรังแก ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ฉันฆ่าคนไปโดยไม่ตั้งใจ เพื่อนๆต่างส่งสายตาราวกับฉันไม่ใช่มนุษย์ ชีวิตอันสงบสุขของฉันหายไป ผู้คนในสลัมต่างอยากจะฆ่าฉันให้ตายๆไป หรือขับไล่ฉันให้ไปพ้นๆจากพวกเขาสักที

    ทั้งที่เคยเป็นดั่งครอบครัวเดียวกันแท้ๆ....

    ใช่ว่าฉันอยากจะมีมันสักที่ไหน

    และในที่สุด

    ที่อยู่เพียงหนึ่งเดียวของฉัน

    แหลกสลายไปไม่มีชิ้นดี

    ด้วยมือของฉันเอง


    รถตำรวจคันหนึ่งวิ่งตัดผ่านถนนสายหลักและแสงอาทิตย์ยามเช้าเข้าสู่เมืองถัดไป สองชายหนุ่ม สองหญิงสาว เปิดกระจกรับลมจากภายนอก หญิงสาวผมสีฟ้าสลวยเนตรสองสีเหม่อออกไปนอกหน้าต่างรถ พลางถอนหายใจ

    “ชั้นละอิจฉาพวกนายจริงๆนะ”

    คำพูดที่เหมือนคำพูดลอยๆของเธอ ดึงความสนใจของสองหนุ่ม “เรื่องอะไรละ” แม็กที่นั่งหน้าถาม

    “พรสวรรค์ละมั้ง” สองหนุ่มนิ่งเงียบ

    เฟทที่กำลังจับพวกมาลัยเลี้ยวรถไปตามถนนเอ่ยทำลายความเงียบ “อย่าไปพูดอะไรแบบนี้ให้ทรีเนลได้ยินเชียวละ...ถ้ายังไม่อยากตายน่ะนะ”

    ริวเน่และเจ้าหญิงคาเรนทำหน้าสงสัยเล็กน้อย “หลายคนต้องการพรสวรรค์ แต่อีกหลายคนกลับปรารถนาชีวิตที่สุดแสนธรรมดา เฮ้อ โลกนี้ไม่มีอะไรพอดีจริงๆ” แม็กเอ่ยขึ้นพลันโผล่หน้าไปรับลมนอกรถ

    “ทำไมละ มีพรสวรรค์ก็ดีออก ทำอะไรได้ไม่ต้องพยายามมาก พวกชั้นพยายามกันแทบตายไม่ได้ถึงครึ่งพวกนายด้วยซ้ำ” ริวเน่เถียงขึ้นอย่างมีอารมณ์

    สองหนุ่มเข้าใจเธอดี แต่กระนั้น “หากมีพรสวรรค์แล้วชีวิตบัดซบไปเลยจะเอาไหมละ” คำถามของหนุ่มไร้เนตรทำให้อัศวินสาวนิ่งไปเล็กน้อย

    “พวกเราแข็งแกร่งไม่ใช่เพราะพรสวรรค์กันอย่างเดียวหรอกนะ ต้องผ่านอะไรเลวร้ายขนาดที่พวกเธอจินตนาการไม่ไหวเลยละ” แม็กเสริม

    “ใช่ โดยเฉพาะกับคนที่เรากำลังไปหาเนี่ย เรียกได้ว่าชีวิตเธอแหลกเหลวเพราะความสามารถที่ติดตัวมาแต่เกิด” เฟทเอ่ยซ้ำ

    “เกิดอะไรขึ้นกับคุณทรีเนลเหรอคะ” เจ้าหญิงคาเรนถามขึ้น สองหนุ่มนิ่งไปเล็กน้อย

    “ถ้าเจ้าตัวอยากเล่าก็ค่อยรู้ละกัน.....พอถึงตอนนั้นจะเข้าใจเองละว่าทำไมยัยนั้นถึงถูกเรียกว่า ‘ผู้สร้างสรรค์หายนะ’ น่ะ”


    เมือง GAME เมืองแห่งการแข่งขันนานาชนิดทั้งผิดและถูกกฎหมาย ผู้คนที่มาเยือนเมืองนี้ส่วนมากถ้าไม่ใช่นักแสวงโชคก็เป็นพวกอยากลองพลังตนจากการแข่งขันนานาชนิด ซึ่งมีตั้งแต่ การแข่งขันแบบใช้สมอง ประลองพลัง แข่งเล่นเกม แข่งกิน แข่งสารพัดจะแข่งที่สิ่งมีชีวิตบนโลกมีปัญญาจะคิดมาเล่นกัน
    และแน่นอนการเดิมพันก็ต่างกันไปตั้งแต่เงิน ผู้หญิง สมญานาม กระโถน น้องเมีย จนไปถึงแมลงสาปในครัว แล้วแต่ว่าจะลงเดิมพันอะไร เป็นไปตามกฎไหม ทำให้ผู้คนมากหน้าหลายตาหลั่งไหลเข้าไหลออกเมืองนี้อยู่มาก

    ด้วยเหตุนี้ทำให้เมือง GAME กลายเป็นแหล่งสุ่มหัวของพวกมีค่าหัว พวกแบล็กลิสของรัฐ สถานที่แลกเปลี่ยนข้าวสาร เอ้ย ข่าวสารใต้ดิน พวกนักล่าค่าหัวทั้งหลายจึงแวะเวียนมาล่าค่าหัวหรือโดนเด็ดหัวซะเองมากโขอยู่

    “นั้นก็เป็นความสามารถอย่างนึงของคุณเหรอคะ” เจ้าหญิงคาเรนถามชายหนุ่มไร้เนตรที่ยิ้มกระหย่องสบายอารมณ์

    “เป็นความสามารถพื้นฐานของผมก็ว่าได้น่ะ” เมื่อครู่เฟทใช้ความสามารถที่เขาเอ่ยถึงทำลายรถตำรวจทิ้งเพื่อไม่ให้มีร่องรอยให้พวกบาบิรินทอสตามพวกเขาได้

    “หี ได้ทีละโชว์จริงนะเอ็ง”

    “ผิดเหรอฟะ คุณจักรพรรดิ”

    “พวกนายเลิกเขม่นกันเองแล้วช่วยดูนั้นหน่อยสิ” ริวเน่ ชี้ไปทางบอร์ดประกาศจับที่ตั้งเด่นเป็นสง่า รูปถ่ายขนาดใหญ่แบบคนสายตาสั้นยังเห็นชัดถูกแปะไว้ มันเป็นบอร์ดสำหรับประกาศค่าหัว เหล่าอาชญกรตัวร้ายจากทุกสารทิศจะทุกแปะรูปถ่ายหรือข้อมูลไว้ตามประกาศเหล่านี้ และแน่นอนแก็งสี่สหายก็โดนประจานบนบอร์ดไปเป็นที่เรียบร้อย

    “โว้วๆๆ ดูดิ ค่าหัวตรู 200ล้าน g เลยนะเนี่ย” เฟทปลื้มกับค่าหัวตัวเองซะงั้น

    “ชิ ค่าหัวเท่ากันเหรอฟะ” แม็กไม่สบอารมณ์ที่เห็นตัวเองค่าหัวเท่าเพื่อน

    “ทำไมชั้นแค่แสนเดียวเอง” ริวเน่ไม่พอใจอย่างแรง

    “คือว่า....ค่าหัวแบบนี้ไม่เห็นจะน่าดีใจเลยนะคะ แบบนี้เราไม่ยิ่งตกเป็นเป้าพวกล่าค่าหัวหรอกเหรอ” เจ้าหญิงเอ่ยอย่างเป็นกังวลท่ามกลางสายตาไม่พอใจของสองหนุ่ม

    “ไรว่ะ ค่าหัวองค์หญิง 350 ล้าน มากกว่าตรูอีก”

    “รู้สึกเสียหน้าแหะ”

    “ทั้งสองคนเลิกทำแบบนั้นสักทีเถอะคะ” เจ้าหญิงแทบจะร้องไห้วอนขอ

    “แต่นี่ทำให้เราเคลื่อนไหวยากขึ้นไม่ใช่เหรอ” ริวเน่หันไปถามสองหนุ่ม

    “ไปขอให้ไอ้บ้านั้นช่วยสักหน่อยไหมแม็ก” เฟทหันไปถามสหายที่ยืนทำหน้าเซงไม่เลิก

    “เหอะ แกมีปัญญาจ่ายมันเหรอ”

    “แล้วจะให้ทำไงฟะ เดินโทงๆในเมืองแบบนี้มีอันต้องสู้ทุกๆ 5 ก้าวแหงๆ”

    ริวเน่ถอนหายใจเล็กน้อย กับพฤติกรรมตีกันเองของสองหนุ่ม “นี่พวกนายเป็นเพื่อนกันแน่ป่าวเนี่ย”

    “คนที่จะไปขอให้ช่วยนี่ใครเหรอคะ”

    “นักแปลงโฉมผิดกฎหมายคนนึงน่ะ ฝีมือนี่เรียกได้เลยว่าสุดทรีน” เฟทเอ่ยถึงคนรู้จักอย่างชื่นชม

    “แต่มันก็เก็บเงินเราแบบสุดทรีนเหมือนกัน” แต่แม็กกลับพูดด้วยเสียงเจื่อนๆ

    “แล้วสรุปมันดีหรือไม่ดีละ” ริวเน่ยืนเท้าเอวเอียงคอถามสองหนุ่ม

    แม็กกับเฟทนิ่งเงียบก่อนจะหันมองหน้ากันเชิงปรึกษาด้วยพลังจิต “อืมมม คงต้องพึ่งมันจริงๆละนะ” แม็กเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์นัก

    ทั้ง 4 พยายามเดินหลีกเลี่ยงฝูงชนที่คับคั่งไปตามตรอกซอกซอย ก่อนจะทะลุออกไปสู่ถนนที่เต็มไปด้วยควันบุหรี่จากพวกพี้ยาแถวนั้น ซึ่งแต่ละคนก็ล้วนมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตรนัก อัศวินเดินประชิดเจ้าหญิงของเธอทันที ผิดกับสองหนุ่มที่ท่าทางไมได้ระวังตัวมากนัก เฟทเห็นท่าทางระวังเกินเหตุของริวเน่แล้วชักใจไม่ค่อยดี จึงรีบเอ่ยปากเตือน

    “นี่ริวเน่ อย่าทำตัวเป็นศัตรูกับคนแถวนี้มากนัก ถึงจะดูไม่เป็นมิตรแต่มันไม่ทำอะไรเราหรอก”

    หญิงสาวเนตรสองสีรีบถามด้วยความสงสัย “นี่นายพวกเรามีค่าหัวนะ และถ้าเจ้าหญิงเป็นอะไรไปละก็..”

    ยันไม่ทันที่ริวเน่จะได้พูดต่อ เฟทก็รีบเอามืออุดปากไว้ “เฮ้ยๆเบาหน่อย พวกแถวนี้ก็พวกมีค่าหัวมาหลบซ่อนเหมือนกัน มันไม่เล่นเราหรอก ยกเว้นเราจะเริ่มก่อน”

    “ก็เข้าใจว่าต้องระวัง แต่อย่าแสดงความเป็นศัตรูมากนัก เดี๋ยวจะซวยกันหมด” แม็กกล่าวเสริม

    “แต่ว่า....” ริวเน่พยายามแย้ง

    “ทำตามที่ดาบสวรรค์บอกเถอะนะ ริวเน่ ยังไงเราก็ไม่เคยมาที่นี่ กฎกติการของพื้นที่แถบนี้เราก็ไม่รู้ ปล่อยให้พวกเขาจัดการเถอะ” เจ้าหญิงคาเรนห้ามอย่างใจเย็น จนสองดาบสวรรค์นึกชื่นชม

    “ก็ได้เพคะ” ริวเน่ยอมลดดาบลงตามคำแนะนำ

    “เอาหน่า เห็นร้านเน่าๆข้างหน้าไหมนั้นแหละจุดหมาย” เฟทชี้ไปทางร้านแผงลอยเน่าๆร้านนึง ที่มีตาแก่หน้าประจวดสูบซิกก้าอันเท่ากระบอกกัญชาอยู่หน้าร้าน

    “นั้นน่ะนะ สุดยอดนักแปลงโฉมที่ว่า” ริวเน่แทบไม่เชื่อสายตา

    “จะบ้าเหรอ นั้นมันตาลุงที่เจ้าของตัวจริงจ้างมาเฝ้าร้านต่างหาก” แม็กรีบท้วง

    “เจ้าของร้านเค้านึกยังไงเอาคุณลุงแกมาเฝ้าคะเนี่ย”

    “ลุงแกไม่ธรรมดานะเจ้าหญิงคนสวย ..” เฟทตอบขึ้น

    “เก่งขนาดนั้นเลยเหรอคะ”

    “เปล่าหรอก ก็แค่แกดูธรรมดามากจนคนนอกไม่สงสัยน่ะ”

    “อ้อเหรอคะ....” เจ้าหญิงคาเรนตอบพลันยิ้มแห้งๆ

    ไม่นานนักทั้งสี่ก็มาหยุดยืนหน้าร้านแผงลอยเก่าๆเน่าๆ สภาพร้านเรียกได้ว่าเจอลมตดเข้าไปอาจจะพังลงมาทั้งหลังเลยก็ได้ แถมสภาพข้างในจะเรียกว่าที่อยู่อาศัยยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำเพราะมันสุดแสนจะรกและสกปรกแบบสุดๆ สองสาวถึงกลับกลืนน้ำลายไม่ลงเมื่อเห็นสภาพร้านแบบเต็มสองตา

    แต่เฟทกับแม็กยังคงทำหน้านิ่ง ชายหนุ่มผมแดงเดินเข้าหาลุงเจ้าของร้าน “ว่างายยยย พ่อหนุ่มมมม จะรับบบบ อะไรดี...” เสียงลุงช่างยืดยานกลัวแกจะเป็นลมตายคาที่จริงๆ
    “ขอมาริโอเครื่องแฟมิคอมตลับนึง” แม็กตอบ คุณลุงแหล่ตามองชายหนุ่มผมแดงก่อนจะส่งตลับเกมแฟมิคอมให้ “ด้านในเลย...คงรู้นะว่าตรงไหน”

    “ใจมากลุง”

    “เอ้า เราไปกันเถอะ” เฟทหันไปบอกสองสาวที่ทำท่าไม่ค่อยอยากจะเข้าร้านมากนัก

    แม็กพาทุกคนเดินมาถึงห้องน้ำเล็กๆในชั้นหนึ่ง สภาพห้องน้ำก็ช่างจะโทรมเสียนี่กระไร “เฮ้อ บอกให้ปรับปรุงทางเข้าให้มันใหญ่หน่อยมันก็ไม่ยอมทำสักทีแหะ”

    “หมาย...หมายความว่าไงคะ ห้องน้ำนี่คือ ..ทางเข้าเหรอ” เจ้าหญิงคาเรนแทบไม่เชื่อหูตัวเอง

    “นี่มันบ้าอะไรเนี่ย”

    “อย่ารอช้าเลยเข้าไปเถอะหน่า” เฟทพลักสองสาวเข้าไปในห้องน้ำก่อนที่ตนเองและเพื่อนจะตามเข้าไปสมทบ

    “ห้ามยืนใกล้องค์หญิงนะ”

    “นี่ริวเน่มันเล็กแค่นี้จะให้ขยับยังไงห่ะ เฮ้อ..แม็กรีบลงดีกว่า ขี้เกียจตีกันในนี้”

    “ไม่ต้องบอกก็รีบอยู่แล้วละ” แม็กเปิดช่องตรงกำแพงออก มีสล็อกสำหรับเสียบตลับแฟมิคอมอยู่ชายหนุ่มผมแดงเสียบตลับแฟมิคอมที่ได้มาเข้าไปในสล็อตนั้น ห้องน้ำก็สั่นสะเทือนครั้งนึงก่อนจะค่อยๆเคลื่อนตัวลงด้านล่าง

    “มันเป็นลิฟท์เหรอคะ”

    “ใช่ ถึงจะรสนิยมห่วยแตก แต่มันก็ใช้พลางตัวได้ดีน่ะนะ” แม็กตอบแบบส่งๆ เขาเองก็หงุดหงิดไม่น้อยกับลิฟท์ห่วยๆนี่ทุกครั้งที่มา

    เพียงอึดใจทุกอย่างก็สงบนิ่ง “อืมม ถึงแล้วละ” เฟทเอ่ยปากขึ้น

    “รีบออกเถอะมันแคบสุดๆเลย” ริวเน่เริ่มบ่นไม่เป็นภาษา “เอ๊ะ ใครจับก้นชั้น !! เฟทแก ....”

    “เฮ้ย เปล่านะมือมันไปเอง ไม่ได้ตั้ง...” เสียง เพี้ยะ ดังสนั่นไปทั่วลิฟท์แคบๆในบัดดล

    แม็กเปิดประตูลิฟท์ออก ทิวทัศน์ด้านล่างช่างผิดกับด้านบนแบบฟ้ากับเหว พื้นที่ปูด้วยพรหมกำมะหยี่เรียงรายตลอดทาง เพดานหรูหราโออ่า โคมระย้ำอันโต ภาพวาดตามฝาผนังที่ประณีต แอร์เย็นๆปรับอากาศให้หน้าอยู่ พร้อมกับชายหน้าตาประหลาดนั่งเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านในสุด

    “โหะๆๆๆๆ ไม่เจอกันนานเลยนะดาบสวรรค์ แล้วหน้าไปโดนอะไรมาว่ะ เฟท”ชายร่างอ้วนทักทายสองดาบสวรรค์อย่างเป็นกันเอง เขาสวมใส่ชุดหรูหรา เครื่องประดับก็ใส่แบบไม่ยั้งชนิดที่คำว่าตู้ทองเคลื่อนที่คงบรรยายไอ้หมอนี้ได้ไม่หมด

    “เอ่อ ก็โดนตบมานิดหน่อย” หนุ่มผมเงินจับแก้มที่โดนประทับรอยมือด้วยหมึกสีแดงอันโตๆ

    “หวัดดีริวโต หน้าตาบอกบุญไม่รับเหมือนเคย” แม็กตอบพลันหาที่นั่ง

    “บ่นอะไรของพวกแกว้า วีรบุรุษสงครามตอนนี้กลายเป็นอาชญากรคิดแล้วขำว่ะ เคี้ยกๆๆๆ” ริวโตพูดพลางหัวเราะกักขฬะ ทำสองหนุ่มไม่พอใจเล็กน้อย

    “แล้วนั้น....” สายตาชายร่างอ้วนหันเหไปทางสองสาวที่ยืนนิ่งเงียบตั้งแต่เมื่อครู่ “โอ้ คุณองค์รักษ์สาวกับเจ้าหญิงตัวปลอมในประกาศจับสินะ”

    “อย่ามากล่าวหาว่าเป็นตัวปลอมนะ ไอ้...” ริวเน่โวยขึ้นมา แต่เจ้าหญิงคาเรนยกมือปรามไว้

    “ตอนนี้ประชาชนทั่วไปก็คงคิดแบบนั้นแหละคะ ก็ทางการเล่นประกาศให้ร้ายเราขนาดนั้น”

    “หืมมมม แต่ชั้นไม่คิดว่าเธอเป็นตัวปลอมหรอกนะเจ้าหญิง เพราะไม่งั้นไอ้สองตัวนี้คงไม่ช่วยเธอหรอก” ริวโตเอ่ยขึ้น พร้อมชี้ไปทางดาบสวรรค์ทั้งสองคน

    “ว่าธุระเลยละกัน ริวโต” เฟทเดินมานั่งด้านหน้าของชายร่างอ้วนพร้อมซดชาเขียวที่แอบไปขโมยมาเมื่อกี้ “คงรู้นะว่าเราต้องการอะไร”

    “แน่นอน เมืองนี้สำหรับพวกนายมันโคตรอันตราย จะจัดแปลงโฉมแบบไม่มีใครจำได้ให้เลยละกัน แต่ว่าแพงหน่อยหน่า 4 หัวก็ 4แสน G”

    “คิดแล้วเชียวว่าคงประมาณนี้ เรามีเท่าไรว่ะเฟท” แม็กหันไปถามสหายที่กำลังนับตังอยู่

    “เอ้า นี่” เฟทยืนซองให้พร้อมน้ำตาลูกผู้ชาย ชายร่างอ้วนตรวจนับก่อนจะยิ้มขึ้นอย่างพอใจ “เอาละ พวกแกพร้อมหรือยัง”
    ทั้งสี่คนพยักหน้าพร้อมกัน แม้จะมีคนนึงยังซับน้ำตาไม่เสร็จ ชายร่างอ้วนยิ้มอีกครั้งพร้อมตบมือเรียกลูกน้องให้เข้ามา “งั้นมาเริ่มนิรมิตหน้าพวกแกกันเลยดีกว่า อะ หุหุหุหุหุ”



    …………………………
    …………………………………………….
    …………………………………………………………………….


    “ไงครับ เนียร์ โดนมาหนักเลยนิ” ชายหนุ่มรูปร่างกำยำ ผมสีทองแดง ผิวคล้ำสวมเกราะสีแดงสด ก้มหน้ามองหัวหน้าหน่วยบาบิรินทอสที่หมดสภาพบนเตียงพยาบาล

    “ตะกวดไฟ อย่างแกมาทำอะไรแถวนี้” เนียร์ตอบด้วยน้ำเสียงเจือความไม่สนใจ

    “ทักทายกันไม่ดีเลยนะครับ ก็แค่แวะมาเยี่ยม.....และมารับช่วงต่อ” ชายผิวคล้ำเดินเลียบไปตามขอบเตียงก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้ปลายเตียง

    “มีคำสั่งจากเบื้องบนมาให้หน่วยของผมเข้าร่วมภารกิจนี้ด้วยน่ะ”

    เนียร์ตาเบิกโพล่งด้วยความไม่พอใจ “อะไร...นะ”

    “อย่างที่ได้ยิน เบื้องบนคงคิดว่าหน่วย บาบิรินทอส อันแสนน่าภูมิใจทำท่าจะล้มเหลว ก็เลยต้องส่งหน่วยของผมมารับช่วงต่อ ชัดหรือยังจ๊ะ..” ชายหนุ่มผมขาวรู้สึกราวหัวใจถูกบีบจนแหลกละเอียด ความกระหายในการต่อสู้กับ ‘นักดาบที่แข็งแกร่งที่สุด’ ถูกขยี้ไปในพริบตา ทุกอย่างกลับเปลี่ยนเป็นโทสะ

    “เป็นไปไมได้ !! มัน...มันยังไม่พอ ชั้นอยากจะสู้กับเค้ามากกว่านี้ หน่วยบาบิรินทอสอันน่าภาคภูมิใจของชั้นและตัวชั้น ยังสู้ต่อได้ เบื้องบนเป็นบ้าอะไรกันหมด !!” เนียร์ตะโกนราวกับคนเสียสติ

    ชายหนุ่มผมทองแดงยกมืออุดหูด้วยท่าทางยียวน พร้อมยิ้มขึ้น “สองในสามของสมาชิกบาบิรินทอสบาดเจ็บสาหัส ส่วนคนที่เหลือก็ขยาดกับเหล่าดาบสวรรค์ซะจนไม่อยากออกรบ”

    เขาลุกจากที่นั่ง เดินไปตามขอบเตียงจนหยุดยืนเบื้องหน้า ‘ราชสีห์ขาว’ “และสภาพหัวหน้าหน่วยตอนนี้ก็...” ชายหนุ่มเว้นจังหวะพูดเล็กน้อย พลางมองไปตามร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผล “กระดูกซี่โครงหักสอง ที่แขนขวาก็หัก ไหปลาร้าร้าว หัวเข่าซ้ายแตกละเอียด ช่วยบอกผมทีสิครับ คุณเนียร์....ตรงไหนในร่างกายของคุณที่ยังสู้ไหวบ้าง”

    เนียร์กัดฟันมองหน้าชายผมทองแดงอย่างข่มขื่น “หุบปากซะ ไพอา รีเวียร่า !!!”

    “อ้าวๆๆ คุณเนียร์ที่สุขุมเยือกเย็นหายไปไหนหมดแล้วน่ะครับ ให้ตายสิเป็นคนบ้าสงครามเต็มขั้นซะแล้ว “ ไพอายิ้มขึ้นอย่างพอใจ “คงจะมีแต่ปากนั้นที่ใช้การได้ดีสินะครับ.....แล้วผมจะมาเยี่ยมใหม่นะ”

    ไพอาเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้หัวหน้าแห่งบาบิรินทอสมองแผ่นหลังนั้นด้วยความเจ็บแค้นเท่านั้น “อ้ากกกกกกกกก บ้าเอ้ย !!!!!”


    ………………………
    ……………………………………….
    ………………………………………………………………



    “อุ่ก....ฮะๆ” เสียงกลั้นหัวเราะแบบสุดชีวิตของหญิงสาวผมบลอนทำให้หญิงชราที่อยู่ข้างกันเกิดอาการอยากถีบคนขึ้นมาทันใด

    “หัวเราะหาอะไร เฟท ทั้งที่ตัวเองก็สารรูปหน้าไม่อายเหมือนกันน่ะแหละ”

    “ตูรับไม่ได้ ตูรับไม่ได้ ตูรับไม่ได้...” ชายร่างอ้วนผมบนหัวหร่อมแหรม เดินพึมพำ หาใช่เพราะร่างกายที่เปลี่ยนไปไม่แต่เพราะหญิงสาวที่เขาหมายมั่นจะเอามาให้จงได้ผิดรูปไปอย่างเห็นได้ชัด

    “แหะๆๆ” หญิงสาวอีกคนมองสารรูปตัวเองผ่านกระจกตั้งแต่ออกจากร้านแปลงโฉมจนถีงถนนใหญ่อย่างไม่วางตา “ไม่นึกว่าหน้าเราจะทุเรศได้ขนาดนี้....” เธอพูดด้วยน้ำเสียงลอยๆคล้ายจะขาดใจ

    หลังจากที่เสียเงินกันแทบหมดตัวทั้งสี่ก็ออกจากร้านแปลงโฉมด้วยสารรูปผิดกับตอนเข้าลิบลับ แม็กโดนเปลี่ยนร่างกายเป็นชายกลางคนร่างอ้วนท้วมเหมือนคาบิก้อนยิ่งนัก ผมบนหัวก็เหลือหรอมแหรมจนเจ้าตัวแทบจะร้องไห้ออกมาเป็นเลือด

    ส่วน เฟท โดนเปลี่ยนเป็นหญิงสาวร่างโปรงผมบลอน แต่ปากแหว่ง จมูกบาน ตาโตจนแทบจะหลุดจากเบ้า อัปลักษณ์ยิ่งนัก

    ริวเน่ โดนเปลี่ยนสภาพเป็นหญิงแก่ไม้ใกล้ฝั่ง ฟันร่วงหมดปาก เรียวแรงไม่มี ต้องมีไม้เท้าค้ำยัน

    เจ้าหญิงคาเรน ยังคงสภาพสาวน้อยอยู่ แต่หน้ากลายเป็นพระจันทร์เสี้ยว สิวเขรอะเต็มหน้า ฟันจอบ แถมหัวล้านทั้งหัว


    “ฮ่าๆๆๆๆ ฮาว่ะ ก้ากๆๆๆๆ” เฟท ปล่อยหัวเราะลั่นไม่อายชาวบ้านชาวช่อง

    “เอ็งไม่น่าไปบอกไอ้ริวโต ให้เปลี่ยนลุคแบบสุดขั้วเลยว่ะ ดูดิ เจ้าหญิงคาเรน ของ....เก๊า....” แม็กหันไปมองเจ้าหญิงแล้วเกิดอาการเลือดออกในอวัยวะภายในฉับพลัน

    “แง้ๆๆๆๆๆ ทำไมมันอุบาทว์แบบนี้ !!” ริวเน่ร้องไห้จนแทบจะรองน้ำตาไปเติมเขื่อนได้

    “ถ้าไม่รังเกียจอะไรกรุณารีบหาคุณทรีเนลแล้วรีบๆ คืนร่างเดิมเถอะค่ะ...” แม้แต่เจ้าหญิงคาเรนเองก็ยังรับสารรูปตัวเองไม่ได้

    “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ อะไรของพวกเอ็งฟะนั้น ฮาสลัดผัดมากๆ” เสียงหัวเราะที่ไม่ได้มาจากสองหนุ่ม แต่เป็นเจ้าของเสียงโทนต่ำจากชายหนุ่มผมสีน้ำเงินเข้ม สวมเสื้อยืดกางเกงยีนขาดๆ ในมือถือขวดไวตามิลล์ ชายคนนั้นกระดกนมถั่วเหลืองพลันเดินประชิดตัวแม็กแลนเซอร์

    “ไม่ต้องเดาเลยฝีมือใคร ฮ่าๆๆๆ ไอ้ริวโต แน่ๆ หมดไปกี่ G ว่ะ”

    “ช่วยกรุณาอย่าตะโกนให้เป็นจุดสนใจได้มะ พี่” แม็กย้อนตอบ

    “มิทราบว่าคุณเพ่ มาทำส้นทีนอะไรแถวๆนี้เหรอครับ” เฟท เข้ามาถามพลางหรี่ตามองอย่างไม่สบอารมณ์

    “เฮ้ย นั้นไอ้เฟท .....ฮ่าๆๆๆ อุบาทว์สลัด ก้ากๆๆๆ” ชายคนเดิมยังหัวเราะไม่เลิก จนสองสาวชักมีอารมณ์ร่วมอยากจะกระทืบไอ้บ้านี่คาปฐพี

    “พี่อเซแม็ก ช่วยกรุณามาด้วยกันสักนิดได้ไหม” แม็กพูดพร้อมยิ้มแห้งๆ

    “เออๆๆ ได้ๆๆ มาๆเดี๋ยวเลี้ยงอะไรสักมื้อ แต่สารรูปนี่สุดยอดว่ะ สุโก่ยมากๆ ฮุฮุ”

    “นี่นาย ช่วยกรุณาเลิกหัวเราะพวกเราสักที”

    “ริวเน่....ใจเย็นๆ”

    “หืม.....” ชายหนุ่มผมน้ำเงินเอียงคอมองสองสาว ก่อนจะหยิบจดหมายยับๆจากกระเป๋ากางเกงยีนของตัวเองออกมาโบกเล่น
    “จดหมายของคุณแองเจิ้ล...” เจ้าหญิงคาเรนเบิกตากว้าง

    “ปะ เราไปหาที่คุยดีๆกัน” อเซแม็กยิ้มกว้างพร้อมเดินนำขบวนทันที “ช่างบังเอิญจริงๆเลย”

    ไม่ไกลจากจุดที่พบกันมากนักมีร้านอาหารตามสั่งตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ แต่กลับไม่ค่อยมีคนจะกินเท่าใดนัก อันเนื่องด้วยว่าป้าเจ้าของร้านแกใส่ซีอิ้วเยอะเกิน ของทุกอย่างเลยเค็มไปหมด แต่กลับเป็นสถานที่นั่งคุยเรื่องลี้ลับชั้นดีซะอย่างงั้น

    “อะแฮ่ม ขอแนะนำตัวก่อน กระผม อเซแม็ก มูนสโตน “คมเขี้ยวจันทรา” ดาบสวรรค์ลำดับที่ 5 ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าหญิงและคุณองค์รักษ์” อเซแม็กยื่นมือหยาบไปทางสองสาวแต่ไม่ได้รับการจับมือแต่อย่างใด หน้าแตกกันเลยทีเดียว

    “แบบนี้ดาบสวรรค์ทุกคนจะรู้เรื่องหมดแล้วหรือเปล่าคะ”

    “คิดว่ารู้หมดแล้วนะ แองเจิ้ลคงส่ง ทูตสววรค์ ของตัวเองไปบอกข่าวทุกคนแล้วละ” แม็กตอบพลางกระดกน้ำเปล่าลงคอ

    “ก็ตกใจเหมือนกัน กำลังหลับกลางวันที่นอกเมือง ETC อยู่ดีๆ ก็โดนทูตสวรรค์ยัยแองเจิ้ลมาเขกกบาลพร้อมยื่นไอ้ซองขาวนี่ให้เนี่ย ตูโดนไล่ออกตอนไหนว่ะ” อเซแม็กทำหน้าพิลึกกะจะยิงมุขให้ฮา แต่ไม่มีใครหัวเราะด้วยซะงั้น

    ริวเน่ดูอาการอเซแม็กครู่นึงก่อนจะจับแขนเสื้อเฟท “นี่ๆ พวกนายทุกคนนี่สติไม่สมประกอบเกือบหมดเลยเหรอ”

    “เคยได้ยินไหมริวเน่ อัจฉริยะ กับ ความบ้า เนี่ย มันห่างกันแค่เส้นบางๆน่ะ” ริวเน่ทำหน้านิ่งไปครู่นึงก่อนพยักหน้าเบาๆ

    “ว่าแต่พี่อเซแม็ก มาเล่นเกมเมืองนี้เหรอ” แม็กในร่างชายอ้วนถามขึ้น

    “หึ........พวกนายก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่หนา” อเซแม็กแก็กหน้าเท่ห์พลางสะบัดผมตัวเอง รังแคร่วงเป็นหิมะ

    สองหนุ่มในสารรูปพิลึกหยุดนิ่งเล็กน้อย.....

    “ไอ้สโตกเกอร์เอ้ย” ทั้งเฟทและแม็กแทบจะหลุดพูดออกมาพร้อมกัน

    “สโตกเกอร์...?” เจ้าหญิงคาเรนทำหน้างุนงงเล็กน้อย พลันหันไปหาริวเน่

    “สโตกเกอร์ ก็คือพวกโรคจิตที่ชอบแอบสะกดรอยคนที่ชอบไงคะ เจ้าหญิง”

    “หึ เจ้าหญิงคาเรน ท่านคงคิดว่าคนอย่างกระผมมาเป็นดาบสวรรค์ผู้เกรียงไกรได้อย่างไร แท้จริงแล้วไซร้...อ่อก !!” อเซแม็กตกเก้าอี้ไปด้วยฝ่าเท้าของดาบสวรรค์ลำดับที่ 1 เข้าไปเต็มพุง

    “อย่านอกประเด็นพี่”

    “ร่างฉุอย่างงั้นยันเคลื่อนไหวได้ดีนะไอ้น้อง โอ้ย อยากอ้วกกก”

    “แล้วรู้ได้ยังไงว่าเป็นเราคะ คุณอเซแม็ก”

    “ก็ด้วยความเคยชินน่ะครับ เจ้าหญิง ร่วมเป็นร่วมตายกันมาเยอะ ต่อให้รูปร่างเปลี่ยนไปแค่ไหนดูแว่บเดียวก็รู้แล้ว เนอะไอ้เฟท”

    “อย่าเอาผมไปรวมกะพวกโรคจิตแบบเพ่เดะ”

    “ทำเป็นพูดดี ไอ้โลลิค่อน”

    “เอาเถอะๆๆ เจอพี่อเซแม็กแบบนี้แสดงว่ายัยนั้นก็อยู่นี่สินะ” แม็กยิงเข้าประเด็น

    “แน่นอน .....สโตกขั้นเทพอย่างข้ามีหรือจะพลาด”

    “ยังจะพูดด้วยความภูมิใจอีกเนอะ” ริวเน่ย้อนบ้าง

    “เฮ้ย ไอ้คุณพี่สโตกขั้นเทพ สรุปยัยเทรน อยู่ไหนมิทราบ” เฟทเริ่มหงุดหงิดหนัก เขาพูดพร้อมสีหน้าซีเรียสแต่เพราะสารรูปสุดอุบาทว์เลยทำให้อเซแม็กปล่อยก้ากแทนซะงั้น

    “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ สุดยอดว่ะ สุดยอด หน้าพวกแกนี่สุดยอดมากๆ ฮ่าๆๆๆๆ”

    “รีบๆบอกมาได้แล้วเพ่ ก่อนจะเจอลูกเตะราดหน้ายอดผัก”

    “โอเคๆ “ หนุ่มผมน้ำเงินเข้มเช็ดน้ำตาเล็กน้อย พลางชี้ไปทางอาคารสำหรับการประลองขนาดใหญ่ “นั้นไง...”


    .......................................
    ........................................................
    .............................................................................


    อาคารทรงโดมขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างมาอย่างประณีตตั้งตระหง่านอยู่ใจการเมือง GAME แสงจากสปอร์ตไลท์ส่องไปทั่วตัวอาคาร ตามรอบตัวอาคารเต็มไปด้วยผู้คนที่แห่แหนกันมาดูมากแข่งขันในแต่ละวัน พวกแผงลอยขายลูกชิ้นอีสานก็มาจับจ้องที่ขายของเต็มไปหมด
    ทั้งห้าคนเงยหน้ามองแผ่นป้ายขนาดใหญ่ที่ติดอยู่บนอาคารสูง “ประลองโซ้ยแหลก”

    “งั้นแทบไม่ต้องหาผู้ชนะแล้วละ”

    “นั้นดิ”

    “อ่า คงได้เห็นท่วงท่าอันงดงามของเธอแน่ๆเลย”

    “มันคือการแข่งกินใช่ไหมริวเน่”

    “คิดว่าเป็นแบบนั้นแหละคะเจ้าหญิง”

    อเซแม็กออกตัวเดินนำก่อนจะหันมาหาทั้งสี่คน “อะแฮ่ม ก่อนอื่นเลย กระผมคงไม่ติดตามพวกท่านในการเดินทาง เนื่องด้วยเหตุผลบางประการ แม้ว่าตัวทรีเนลหรือน้องเทรนสุดที่รักจะไปกับพวกท่านก็ตาม ขอให้เข้าใจด้วย”

    “อย่างงั้นเหรอคะ....” เจ้าหญิงคาเรนรู้สึกเสียดายเล็กน้อย

    “ดีแล้วละ...มีหมอนี่ไปด้วยสงสัยได้ปวดหัวกำลังสอง” ส่วนริวเน่กลับโล่งใจซะงั้น

    “อย่าช้าเลย รีบเข้าไปในโดมดีกว่า” แม็กส่ายหน้าทีนึงพร้อมจูงมือเจ้าหญิงเดินเข้าโดมไปดื้อๆ

    ริวเน่ สะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นเจ้าหญิงโดนแม็กลากไปหน้าด้านๆ แต่พอรู้ตัวอีกทีเธอก็โดนเฟทโอบไหล่ไว้ซะแล้ว “ปะ ที่รัก เราก็ตามคู่หน้าไปกันเถอะนะจ๊ะ”

    ริวเน่ไม่ทันได้พูดอะไรก็โดนเฟทชักจูงไปโดยง่าย ภาพหญิงสาวหน้าเละกับหญิงชราฟันร่วงหมดปาก มันช่างเป็นศิลปะที่สุดยอดอะไรเช่นนี้

    ภายในตัวโดมขนาดยักษ์นั้นถูกแบ่งไว้เป็นโซนๆแต่สำหรับการแข่งขันใหญ่ประจำวัน จะถูกจัดไว้ในโซนการแสดงกลางที่รองรับผู้คนจำนวนมาก ทั้งห้าคนเดินไหลไปตามกระแสผู้คนสู่โซนการแสดงกลางโดยไม่มีใครสงสัย

    “เอ้า ซื้อบัตรมาละ” อเซแม็กพูดพร้อมแจกจ่ายบัตรให้กับทุกคนที่กำลังนั่งรออยู่

    “เข้าได้เลยใช่มะ” เฟทเงยหน้าถาม

    “ได้เลยสิ จะรอช้าอยู่ไย”

    “หืมมม...” แม็กที่กำลังลุกขึ้นสังเกตเห็นบางสิ่ง นั้นคือเจ้าหน้าที่ของทางรัฐที่ไม่น่าจะมาประจำการอยู่ในสถานที่แบบนี้ ปกติแล้วเจ้าหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในโดมจะแต่งตัวคล้ายกับยามทั่วๆไป หรือเป็นเจ้าหน้าที่ในชุดสูทสีน้ำเงิน แต่กลับมีอัศวินในชุดผ้ากับชุดเกราะสีแดงเดินว่อนเต็มพื้นที่โซนแสดงกลาง

    “ไม่ดีแล้วสิ...” แม็กเอ่ยขึ้นมาเบาๆ

    “มีอะไรเหรอ “ ริวเน่ถามทันทีที่เห็นอาการผิดปกติของแม็ก

    “คริมสัน เฮลไคล์” เฟทหยุดนิ่งไปทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ “โห้ยๆ พวกนั้นเล่นอาวุธหนักกับเราแล้วเหรอ”

    “เออ ชั้นก็เพิ่งสังเกตแหะ” อเซแม็กมองไปรอบๆทันทีที่รู้ตัว

    “หน่วยคริมสัน เฮลไคล์ เหรอคะ”

    “ครับ เจ้าหญิง หน่วยอัศวินที่ทำหน้าที่กวาดล้างโดยเฉพาะ พวกเขาจะทำทุกวิธีทางเพื่อบรรลุภารกิจให้ได้ ไม่เหมือนพวกบาบิรินทอส ที่จะทำงานเป็นภารกิจลับ” แม็กอธิบายขึ้น

    “ก็ไม่แปลกหรอกนะ พวกเราโดยขึ้นประกาศจับไปแล้วนิ แต่เจอพวกนี้ท่าจะลำบากแหะ มันไม่สนใจประชาชนซะด้วย” เฟทพูดพร้อมเลียริมฝีปากที่แห้งผาก

    “รีบๆเข้าโซนการแสดงดีกว่านะ ผู้คนเยอะๆแบบนี้ก็พอจะมั่วๆได้อยู่ละ อีกอย่าง.....สภาพพวกแกตอนนี้ไม่มีใครจำได้หรอกว่ะ ฮ่าๆๆ”

    “หยุดหัวเราะทีเหอะ” แม็กก้มหน้าตบบ่ารุ่นพี่ในกลุ่ม



    ...................................
    ............................................................
    ..............................................................................................


    ภายในห้องรักษาความปลอดภัยในตัวอาคาร...

    “ไม่พบสิ่งผิดปกติครับ”

    “ไม่พบเจ้าหญิงตัวปลอมหรือดาบสวรรค์ที่โดนหมายจับเลยครับ”

    ชายหนุ่มผมสีทองแดง สวมชุดเครื่องแบบทหารสีแดงสดประดับไปด้วยตราและเหรียญ กำลังนั่งไขว้ห้างปรายตามองไปตามมอนิเตอร์ในห้องอย่างใจเย็น

    “ไม่เป็นไร ยังไงซะ พวกมันก็ต้องเข้าไปหา ทรีเนล โอปอล ที่กำลังจะลงแข่งอยู่แน่ จับตาดูไว้ให้ดี”

    “ครับผม !!”

    “เฮ้ย ลูกน้องตัวประกอบ A คุง B คุง”

    “ครับ ท่านไพอา”

    “ไปแจ้งสมาชิกหน่วยของเรากับพวกเจ้าหน้าที่อาคารทั้งหมด จบการแข่งขันเราจะตรวจตราทุกคนในโซนการแสดง ....โดยเฉพาะใครก็ตามที่เข้าไปพูดคุยกับทรีเนล โอปอล”

    “รับทราบ กัปตัน”



    ………………………..
    …………………………………………
    ……………………………………………………………..


    ภายในโซนการแสดงการ ผู้ชมต่างนั่งล้อมไปทางเวทีที่อยู่ตรงกึ่งกลางเหมือนเวทีมวยปล้ำ ร่างของชายหญิง 6 คนกำลังโบกไม้โบกมือให้กับผู้ชมอย่างยิ้มแย้ม ซึ่งอาจจะมีประหลาดๆอยู่คนนึงก็คือ หญิงสาวผมสีเหลืองอ่อนผูกเปียเรียบร้อย แต่ความยาวเกือบจะถึงข้อเท้า เธออยู่ในชุดจอมเวทย์สีขาวสะอาดกระโปรงยาวระพื้น ในมือถือคทาที่สภาพคล้ายไม้พลองเก่าๆ สวมหมวกแบบผู้ใช้เวทย์สีขาวใบใหญ่

    “นั้นไงเจ้าหญิง เห็นเด็กผู้หญิงที่แต่งตัวพิลึกสุดนั้นไหม นั้นแหละทรีเนล โอปอล ละ” แม็กชี้ไปทางเด็กสาวที่แต่งตัวแนวที่สุดในสนาม

    “ยังเด็กอยู่เลยนะคะ”

    “อายุ 19 แล้วนะนั้น” เฟทกล่าวเสริม

    “ไม่ว่าเมื่อไรเธอก็ดูงดงามมมมมม” อเซแม็กเพ้อเจ้อไปเรียบร้อย

    “พรสวรรค์ทำร้ายเหรอ.....” ริวเน่นิ่งไปเล็กน้อย พลางคิดถึงคำพูดของพวกเฟท

    จู่ๆไฟทั้งหมดก็ดับลง เสียงรัวสแนร์ดังขึ้น พิธีกรค่อยๆขึ้นมาจากช่องตรงพื้น เขาสวมที่ปิดตาขานึง ผมเกรียน ไว้หนวดงาม ใส่สูทสีชมพู ผูกหูกระต่าย มาในท่าไขว้ห้าง สปอร์ตไลท์ตัวเดียวส่องไปทางเขา

    “ทุกคนครับ ด้วยประวัติอันยาวนานและศักดิ์สิทธิ์ของการแข่งขัน ณ โซนแสดงการแห่งนี้ ทุกท่านที่ได้เข้ามารับชมแต่ละการแข่งขันและการแสดงล้วนทราบกันดีถึงความสุดยอดจากโปรแกรมของเรา....”

    “และเวลานี้การแข่งขันโซ้ยแหลกที่มีเงินรางวัลหนึ่งแสน G เป็นเดิมพัน ผู้กล้าทั้งหกใครจะได้พิชิตหรือถูกพิชิตในการแข่งขันครั้งนี้กันแน่...เอาละ ได้เวลาอันสมควรแล้ว !!!!”

    พิธีกรตาเดียวลุกพรวดพร้อมกระชากเสื้อสูทและที่ปิดตาของเขาพลันชูมือขึ้น “โซ้ยแหลกไฟท์ครั้งที่ 10 READYYYYY GO !!!!”

    ทันใดนั้นโต๊ะหกตัวก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าผู้เข้าแข่งขันพร้อมเสืยงเฮจากผู้ชมทั้งฮฮล์ ไฟทั่วสถานที่ส่องสว่างอีกครั้ง หญิงสาวร่างเล็กในชุดจอมเวทย์ขาวสะอาดผุดยิ้มขึ้นเล็กน้อยภายใต้ดวงตาสีเขียวงดงาม

    สิ่งที่อยู่บนโต๊ะนั้นคือหมูหันตัวใหญ่กว่าปกติสักสิบเท่าเห็นจะได้ ชนิดที่ว่าผู้แข่งขันทุกคนต้องเงยหน้ามองตัวหมูที่อยู่ในจาน

    “แหวะ.....แค่เห็นก็รู้สึกเอียนจนกินไม่ลงแล้วอะ” ริวเน่ทำท่าเหมือนจะอ้วกออกมาตรงนั้น

    “เฮ้ย อย่าเพิ่งอ้วกเดะ” เฟท รีบทำท่าจะถอยห่างทันที

    “นั้นใช่อะไรที่สิ่งมีชีวิตอย่างเราๆจะกินได้หมดในมื้อเดียวด้วยเหรอคะ”

    “อย่างน้อยก็มีสาวตัวเล็กคนนึงกินหมดแน่ๆละนะ” แม็กตอบพลางยิ้มเจื่อน

    “ก็นั้นแหละ ยอดหญิงของโผมมมมม”

    หลังจากผ่านไปเพียง 5 นาที หมูหันตัวยักษ์ก็เหลือเพียงครึ่งเดียวจากปากเล็กของหญิงสาวที่กำลังเขี้ยวตุ๋ยๆ “โอ้ !! แชมป์เก่าของเรา ทรีเนล ไปได้ครึ่งทางแล้วครับท่านผู้ชม ส่วนผู้ท้าชิงแต่ละคนยังไม่ถึง 1 ใน 4 ด้วยซ้ำ ช่างสุดยอดอะไรเยี่ยงนี้ !!”

    เสียงคนดูรอบๆเฮกันลั่น พร้อมส่งเสียงเชียร์จนฮอล์แทบพัง สาวผมเหลืองอ่อนเงยหน้ามองผู้ชมพลางชูสองนิ้ว “อ้ากกก น่ารักอะไรอย่างงี้ “ อเซแม็กดูจะตื่นเต้นกว่าใคร

    “เฮ้ยพี่ ยัยเทรนมันไม่ได้ชูสองนิ้วให้พี่นะโว้ย” เฟทขัดคอขึ้นมาทันใด อเซแม็กเลยจัดกำปั้นใส่หน้าเละๆไปหนึ่งดอก

    “แต่กินได้ยังไงอะ...”

    “ดูไม่เหมือนคนจะกินได้เยอะเลย” ทั้งริวเน่และเจ้าหญิงได้แต่อึ้งไปตามๆกัน

    “ถึงได้บอกแต่แรกไงว่าเห็นผู้ชนะตั้งนานละ” แม็กพูดพลางถอนหายใจ

    ผ่านไปอีกสองนาที โคตรหมูหันครึ่งตัวก็เหลือแต่กระดูก คนดูทั้งฮอล์พร้อมใจยืนปรบมือให้เธอกันลั่น หญิงสาวชูคทาเก่าๆในมือขึ้นตอกย้ำชัยชนะเหนือเหล่าผู้ท้าชิงที่ถอดใจไปตั้งแต่ 5 นาทีแรก

    “และผู้ชนะก็เป็นไปตามความคาดหมาย ทรีเนลจัง แชมป์เก่าของเรานั้นเอง !!!”

    “แฟนผมครับ แฟนโผมมมมม” อเซแม็กดีใจลิงโลด ส่ายตูดไปมา แต่ไม่ทันระวังแก้มตูดไปกระแทกหัวไอ้เฟทที่นั่งข้างๆ หนุ่มไร้เนตรในคราบสาวหน้าอุบาทว์ถล่ำไปซุกหน้าอกเหี่ยวๆของริวเน่ชรา

    “กรี้ดดดดดดดดดดดดดดด” หญิงชราริวเน่ กรี้ดลั่น พลันตบหน้าเฟทกลิ้งไปอีกทาง ตุ๊กตาหนอนชาเขียวที่เก็บไว้ในเสื้อกระเด็นร่วงไปที่นั่งด้านหน้า ซึ่งตาลุงตัวล่ำคนนึงกำลังโฮร้องชอบใจกับการแข่งขันโดยไม่ทันระวังเขาก็กระทืบตุ๊กตาหนอนชาเขียวจนเละคาพื้น

    “ชิบหายแล้ว....” เฟทอุทานออกมาเบาๆ ทันใดร่างของพวกเขาทั้งสี่ก็ค่อยๆกลับเป็นเหมือนเดิม จริงๆแล้วไอ้ตุ๊กตาหนอนชาเขียวนั้นคืออุปกรณ์ปลดสภาพเวทจำแลงกายของริวโต ซึ่งเป็นแบบชั่วคราวเมื่อใดที่ต้องการกลับร่างเดิมให้เอาตุ๊กตานั้นออกมาบีบทีนึง แล้วเวทย์แปลงโฉมที่ร่ายไว้ก็คลายออกและร่างจริงก็กำลังจะถูกเปิดเผย

    “ก...เกิดอะไรขึ้นคะ” เจ้าหญิงคาเรนมองไปรอบตัวอย่างตื่นตระหนก

    คนดูรอบๆตัวพวกเขาเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ฉับพลันของทั้งสี่ กลุ่มผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านหลังเห็นหน้าเจ้าหญิงคาเรนแว่บๆก็ตะโกนขึ้น “นี่มันผู้ร้ายในประกาศจับ !!!”

    ผู้คนรอบข้างหันควับมาจ้องมองทั้งสี่อย่างไม่วางตา พอดูกันจนแน่ใจเท่านั้นแหละ “เวรแล้วววววว ไอ้พวกประกาศจับระดับ S ตัวใครตัวมันละโว้ยยยย”

    ฝูงชนก็แตกตื่นกันทันที แม็กกัดฟันกรอดพร้อมอุ้มเจ้าหญิงคาเรนกระโดดลงไปที่เวทีการแข่งขัน เฟทเองก็ไม่รอช้าเขาประคองริวเน่ขึ้นมาอุ้มท่าเจ้าหญิงอย่างง่ายดาย “ตาๆๆๆ ตาบ้า ทำอะไรของนายย่ะ” อัศวินเนตรสองสีรีบตีโพยตีพาย ตบหน้าไอ้เฟทไปอีกหลายดอก

    “โว้ย เรื่องมากจริงอยากเป็นจุดสนใจนักเหรอ” พูดจบหนุ่มไร้เนตรก็กระโดดตามแม็กไปทันที

    “เอ่อ ดูเหมือนจะเป็นความผิดตูสินะ.....” อเซแม็กนั่งนิ่งท่ามกลางเก้าอี้เปล่าๆรอบกาย “เออ....ช่างแม่ง”

    เมื่อทั้งสองคู่ลงมาถึงเวทีการแข่งขันสำเร็จทั้งพิธีกรและผู้ท้าชิงต่างวิ่งหนีกันหัวซุกหัวซุนเหลือแต่เพียงผู้ชนะ ทรีเนล โอปอล ที่กำลังนั่งลูบท้องของเธออย่างสบายอกสบายใจ

    “แหมมม พี่ๆนี่ปรากฏตัวได้แย่งซีนกันชัดๆเลยนะคะ”

    “ขอโทษทีนะ เผอิญมันเกิดเหตุไม่คาดฝันน่ะ” แม็กพูดพร้อมวางเจ้าหญิงลง

    “ตาบ้าๆๆๆๆ รีบเอาชั้นลงได้แล้วนะ”

    “โอ้ยๆๆ รู้แล้วๆๆ โวะ เรื่องมากขิงๆ” เฟทเองก็จัดแจงเอาริวเน่ลงพื้นพร้อมรอยมือบนหน้าเป็นของฝากอีกเพียบ

    ทรีเนลตาเบิกโพล่งทันทีที่เห็นหน้าริวเน่ เธอเดินเข้าไปสำรวจริวเน่ด้วยความประหลาดใจ จนองค์รักษ์สาวรู้สึกกลัวเล็กน้อย “เอ่อ เราเคยเจอกันมาก่อนเหรอ” ริวเน่ถามด้วยเสียงหวาดๆ

    “เป็นไปไม่ได้ .....รีเซล” เฟทกระตุกกับชื่อที่หญิงสาวรุ่นน้องในกลุ่มพูดขึ้นมาทันที เสียง ตุ๊บ ด้านหลังดังขึ้นอเซแม็กเดินเข้ามาสมทบ

    “เมื่อกี้ตอนแปลงโฉมอยู่ไม่เห็นหน้าจริงๆของทั้งสองคน ถึงจะเห็นจากประกาศแล้วก็เถอะนะ แต่พอมาดูตัวจริงนี่เหมือนจริงๆน่ะแหละ”

    ดาบสวรรค์ทั้งสองคนเดินเข้าใกล้ริวเน่ด้วยความรู้สึกพิศวง จนหญิงสาวผมฟ้าต้องถอยห่าง “อะไรเหรอ....”

    “พวกนายสองคนรู้อยู่แล้วหรือเปล่า” อเซแม็กหันกลับไปถามชายหนุ่มสองคนที่ยืนกอดอกอยู่ด้านหลังด้วยน้ำเสียงจริงจังผิดกับที่ผ่านมา

    แม็กหลับตาพลันถอนหายใจ “ถ้าการคาดการณ์ของชั้นไม่ผิดเธอ คือ น้องสาวของ รีเซล โลเฟลลอยด์ แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจลือชื่อ อดีตผู้นำของบาบิรินทอสในมหาสงครามเมื่อ 4 ปีก่อน”

    ดาบสวรรค์ทั้งสามคนหันหน้าไปหาเฟทที่ยืนนิ่งเงียบทันที “ชั้นรู้แต่แรกแล้วละ” ชายหนุ่มที่มักจะพูดมากตอนนี้กลับพูดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด

    หญิงสาวผมเหลืองอ่อนหันควับกลับมาทางริวเน่อีกครั้ง ดวงตาสีเขียวจับจ้องด้วยความสนใจ “มิน่า ...เทรนก็นึกว่าผีหลอก”

    “ทำไม....” ริวเน่ค่อยเปิดปากที่สั่นไหว “ทำไม พวกคุณถึงรู้จักพี่สาวชั้น”

    “นี่มันเรื่องอะไรกันคะ....” เจ้าหญิงคาเรนเองก็ตามสถานการณ์ไม่ทัน

    อเซแม็กเห็นอาการสองสาวจึงส่ายหน้าเล็กน้อย “อืมมม ตอนนั้นพวกเจ้าหญิงน่าจะอายุ 14 เองนี่เนอะ”

    “ในสงครามครั้งนั้นพวกเราได้ขอให้ทางกษัตริย์เจ เรนเดอร์เรอร์ช่วยปกปิดเรื่องของพวกเราให้มากที่สุดเท่าจะทำได้ค่ะ เพื่อให้พวกเราสามารถหายไปจากสังคมหลังจบสงครามได้”

    “เรื่องของพวกเรานั้นนอกจากในกองทัพและพวกขุนนางแล้ว ก็แทบไม่มีใครรู้เรื่องพอจบสงครามไป วีรกรรมของพวกเรามันเลยออกแนวตำนานที่เป็นเรื่องเล่ามากกว่าบันทึกตามประวัติศาสตร์ เพราะไม่มีบันทึกอะไรหลงเหลือไงละครับ เจ้าหญิง” แม็กกล่าวเสริมขึ้น

    “เพราะแบบนั้น....เราเลยแทบไม่รู้อะไรในสงครามนั้นเลย” เจ้าหญิงคาเรนก้มหน้าลงเล็กน้อย

    แม็กนั่งคุกเข่าเบื้องหน้าเจ้าหญิงทันที “ไว้ออกไปจากที่นี่ได้ผมสัญญาว่าจะเล่าเรื่องในสงครามครั้งนั้นแน่นอนครับ”

    “ตอบชั้นมาก่อน....” ริวเน่ยืนสั่นสะท้าน เธอรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มี “เกิดอะไรขึ้นกับพี่สาวชั้น !!! เธอหายไปไหน !! ตอบมานะ !!”


    “เธอหายสาบสูญไปยังไงละครับ ริวเน่ โลเฟลลอยด์” ผู้ที่โผล่งเข้ามาตอบไม่ใช่ดาบสวรรค์แต่เป็น กัปตันแห่งหน่วยคริมสัน เฮลไคล์ เหล่าอัศวินในหน่วยผู้ประดับด้วยสัญลักษณ์มังกรเพลิงเข้าล้อมหกจากทุกทิศทาง

    “ไม่เจอกันนานเลยนะครับ คุณเฟท”

    ชายหนุ่มไร้เนตรทำหน้าไม่สบอารมณ์ที่ได้ยินคำทักทาย “ไม่นึกว่าจะเจอลูกน้องเก่าแบบนี้แหะ”

    “นั้นสินะครับ 4 ปีก่อนผมเป็นแค่รองกัปตัน แต่ตอนนี้ผมเป็นกัปตันแล้ว ถ้าเทียบตำแหน่งทางการทหารเหมือนเมื่อ 4 ปีก่อนละก็ ผมเองก็ไม่ใช่ลูกน้องของคุณแล้วนะ”

    “ไพอา ตอนนี้ชั้นกำลังอารมณ์ไม่ดีอย่างแรง ยังไงซะช่วยหลีกทางให้ง่ายๆได้ไหม” เพียงประโยคเดียวบรรยายกาศหนักอึ้งแผ่ไปทั่ว แม้แต่ริวเน่กับองค์หญิงคาเรนยังรู้สึกได้

    “เพราะ รีเซล โลเฟลลอยด์ หรือเปล่าครับ”

    “อย่าเรียกชื่อนั้นพล่อยๆ” ดาบสวรรค์ทั้งสามคนรีบเข้าไปยืนอยู่หน้าเจ้าหญิงและอัศวินสาวทันที ทั้งริวเน่และเจ้าหญิงคาเรนรู้สึกกลัวเฟทที่กำลังหงุดหงิดสุดๆขึ้นมาจับใจ

    “พี่แม็ก เทรนว่าเรารีบพาเจ้าหญิงออกไปก่อนดีกว่าไหม”

    “ความคิดเข้าท่า เอาไงหัวหน้า”

    แม็กนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ “อืม เฟทมันใกล้ฟิวส์ขาดละ อยู่ไปก็มีแต่จะโดนลูกหลง ทางออกด้านหลังการป้องกันเบาบางที่สุดรีบถอยไปทางนั้นให้ไวเลยละ”

    “รับทราบ”

    “เฟท....” ริวเน่เหม่อมองไปทางชายหนุ่มผมสีเงินยาวที่กำลังโกรธจัด

    (ริวเน่ รู้ไหม พี่เจอผู้ชายดีๆคนนึงด้วยละ...)

    (ถึงแม้เค้าจะเป็นคนต๊องๆอยู่หน่อย แต่พี่ก็มีความสุขมากเลยที่ได้สู้ร่วมกับเค้าและได้ใช้ชีวิตร่วมกับเค้า)

    (สักวันนึง....อยากจะให้เราสามคนได้อยู่ด้วยกันนะ)


    “พี่....รีเซล” ริวเน่พูดออกมาช้าๆสายตายันมองไปที่แผ่นหลังของเฟท

    “คุณเฟท นี่ยังให้ความรู้สึกอันตรายเหมือนเคยเลยนะครับ”

    “ชั้นขอเตือนอีกครั้งนะ ไพอา รีเวียร่า ถ้าไม่อยากเอาชีวิตเน่าๆของแกกับลูกน้องแกมาทิ้งก็จงหลีกทางซะ”

    “โห......น่ากลัวจังเลย” เสียง ฉึก ดังขึ้นกะทันหัน แท่งน้ำแข็งขนาดเท่ารูปปั้นแกะสลักก็เสียบเข้ายอดอกของทหารในหน่วยคนนึง ทหารคนนั้นโซเซอยู่สักพักก่อนจะนั่งพิง
    ผนังสื้นใจ

    เจ้าหญิงคาเรนตกใจเอามือป้องปากอย่างร้อนรน เธอรู้สึกว่าไร้เรี่ยวแรงทันทีที่เห็นคนตายต่อหน้าต่อตา “แย่ละ...” แม็กไม่รอช้ารีบอุ้มเจ้าหญิงพร้อมตะโกนสั่ง “พวกเราไป !!”

    ดาบสวรรค์อีกสองคนไม่รอช้า หญิงสาวในชุดจอมเวทย์ขาวเปลี่ยนสีนัยน์ตาเป็นสีแดงเข้มโดยฉับพลัน บังเกิดเปลวเพลิงสีแดงเข้มในมือ “เอ็กซ์โพลด !!!” ระเบิดเพลิงถูกยิงขึ้นก่อนจะตกลงมาที่ทางออกด้านหลังเคลียร์พวกทหารที่ยืนขวางทาง

    “ใช้เวทย์โดยไม่ต้องร่าย...” ริวเน่ ตกใจกับความสามารถนั้น

    “ฮิฮิ แค่โชว์เล็กน้อยคะ”

    “ไปเลยๆ เดี๋ยวคุมหลังให้” อเซแม็กตะโกนบอกคนอื่น ทุกคนรีบวิ่งสุดฝีเท้าออกไปจากโดม

    เฟทมองตามกลุ่มของพวกเขาซึ่งออกไปอย่างง่ายดาย ก่อนหันกลับมาหาคู่กรณี “เป้าหมายในนี้มีแค่ชั้นจริงๆด้วย”

    “ฉลาดมากครับ คุณเฟท แต่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ข้างนอกมีพวกผมอีกเพียบ”

    “แกนี่น้า....คงจะเตรียมวิธีสกปรกไว้ข้างนอกเพียบเลยสิ รสนิยมต่ำจริงๆ”

    “ผมอยากจะให้เรียกว่าเป็นสุนทรียอันล้ำลึกมากกว่า ผมไม่คิดเอาชนะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าด้วยวิธีพื้นๆแบบที่หน่วยบางหน่วยพร่ำพูดอยู่หรอกครับ อีกอย่างเรื่องพวกนี้คุณเป็นคนสอนผมเองไม่ใช่เหรอ”

    “เฮ้อ ให้ตายสิ” เฟทส่ายหัวพลันยิ้มอย่างไม่สบอารมณ์ ดาบคาตานะรูปทรงวิจิตรปรากฏขึ้นในมือข้างขวา “จะเริ่มกันหรือยังละ....”




    ……………………………
    …………………………………………….
    ………………………………………………………..
    ………………………………………………………………………



    คุยกันหลังตอน

    จริงแล้วตอน 4 มันยาวมากๆ จนผมจำเป็นต้องแบ่งมันออกมาเป็น 2 Part แทน ซึ่งก็ต้องไปต่อเติมเนื้อเรื่องใน Part 2 มากกว่าที่เขียนทิ้งไว้ตอนแรก (หาเรื่องานเข้า)

    หลังจากช่วงนี้ไปผมก็จะเริ่มขายดราม่าละนะ หุหุหุ อยากลองเขียนอะไรชวนปวดตับมาสักพักใหญ่ๆละ ไม่รู้จะถูกใจมิตรรักแฟนเพลงขนาดไหนแต่ก็ลองดูละกันนะจ๊ะ

    อนึ่ง ฟิคเรื่องนี้ไม่เชิงว่าเป็นฟิคยำซะทีเดียว เอ๊ะ หรือว่ามันเป็นฟะ เอาเป็นว่าใครอ่านแล้วคิดว่ามันเป็นหรือไม่ก็พิจารณากันนะครับ

    ตอนนี้หมดไปแล้ว 4 ตอน ผมก็ขอตัวไปอู้สักพักให้เขียนได้อีกสอง 2-3 ตอนแล้วจะกลับมาลงต่อ ฉะนั้นจะขอประกาศอู้ล่วงหน้าก่อนเลย ไว้พบกันเมื่อหายอู้ สวัสดี



    ...................................
    ...........................................
    ................................................


    Special Thanks


    1. เจ้า แม็กแลนเซอร์ ไอ้เลว ไอ้เลว มีแฟนก่อนตู
    2. คาเรนจัง คนนี้ไม่มีอะไรจะแซว - -*
    3. ริวเน่ จะรีหรือจะแต่งใหม่ก็พยายามเข้านะ
    4. เนียร์ หวัดดีไม่เจอกันน๊านนาน
    5. แองเจิ้ลจัง ทุกวันนี้ยังอยู่ไหมเอ่ย
    6. น้องกัน หายหัวไปนานพี่คิดถึงนะจ๊ะ
    7. ไอ้เฟท อ้าว กุจะขอบคุณตัวเองเพื่อ ???
    8. น้องเทรน ตัวจริงน่ารักงะ
    9. พี่อเซแม็ก พี่เกม อย่ามาริอาจแข่งจีบหญิงกะผม
    10. ไพอา รองนี้รับรองโหด เลว หล่อ ชอบอะดิ พี่รู้


    และทุกท่านที่สนับสนุน 4 ตอนแรกครับ ขอบคุณมากเลย เย้ !!!!!



    ............................
    ....................................
    ..........................................



    ตัวอย่างตอนต่อไป


    Epsiode 5

    "เจ้าหญิง จงเชื่อมั่นในดาบของท่าน"

    "เทรนแค่....ไม่อยากอยู่คนเดียว"

    "ตูรักเดียวใจเดียวนะโว้ย !!"


    Episode 6

    "ชั้นไม่เคยคิดว่า เราสองคนจะมาได้ไกลขนาดนี้แม็ก แท้จริงแล้วเราสองคนควรจะต้องฆ่าให้ตายกันไปข้างมากกว่า"

    "พวกเรามันแค่สัตว์ประหลาดสหายทั้งหลาย ชื่อดาบสวรรค์มันก็แค่อะไรสวยหรูที่บังหน้าเท่านั้น นี่แหละคือความจริง"

    "เน้ๆๆๆ แม็กนายเห็นเจ้าหญิงตัวเล็กนั้นไหม สัก 3-4 ปี สงสัยเป็นสาวงามสุดๆ"

    "ชั้นภูมิใจเสมอที่ได้ใช้ชื่อของอัศวินที่ทรงเกียรติที่สุด และตอนนี้ก็ยิ่งภาคภูมิใจที่ได้สู้ร่วมกับนักรบที่ทรงเกียรติยิ่งกว่า"

    "ทำไม ทำไมกัน.....แค่ผู้หญิงคนเดียว ยังปกป้องไม่ได้เลย แล้วจะมีหน้าไปปกป้องใครได้อีก !!!!"



    I WILL BE BACK !!!!!
  22. Ryuune

    Ryuune Well-Known Member

    EXP:
    1,084
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    อ่านมาถึงตอนแปลงโฉม..... แต่ละคนนึกภาพแล้วแอบยิ้ม หุๆๆ

    สรุปคือ พี่น้องของริวเน่.... ก็นะ... สงสัยต้องเอา "เจ้านั่น" ไปเดบิวในฟิคใหม่ตัวเองแทนแล้ว (ถ้าจบเรื่องเก่าได้ก่อนนะ)
  23. arcwind

    arcwind New Member

    EXP:
    23
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ฮาทุกเม็ด เด็ดทุกมุขจริงๆ พะยะค่ะ = =b

    แต่ละคร... แปลงโฉมได้สง่างอมมาก
  24. ladykaren

    ladykaren อัลปาก้าที่อยู่ในฟูก

    EXP:
    906
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    88
    โอ้ย....หัวล้าน....เป็นสิ่งที่แย่ที่สุดเท่าที่คาเรนนึกออกเลย=A=;;

    เข้ามาฮาตอนใหม่นี่จริงๆ= =b
  25. shinkyoto

    shinkyoto Well-Known Member

    EXP:
    580
    ถูกใจที่ได้รับ:
    3
    คะแนน Trophy:
    88
    400,000 G หายวับไปกับสายลมพร้อมกับหนอนชาเชียว

    รอตอนใหม่อีกตอนหนึ่ง

Share This Page