สองสามปีก่อน เอาภาพตัวเองที่เป็นบัณฑิตสวมชุดครุยเข้าพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตรไปแล้ว ได้มีโอกาสได้ทำงานในฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นกองอำนวยการกลางการฝึกซ้อมพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตรมา 2 ปีแล้ว ปีนี้ มีโอกาสได้ถ่ายรูปบรรยากาศการทำงานและเตรียมการพิธีดังกล่าวมาให้เพื่อนๆได้ชมกันครับ ปล. ภาพบางภาพอาจจะเบลอไปหน่อย ถ่ายจากโทรศัพท์ครับ และจขกท.ก็ขาสั่นพั่บๆเพราะยืนมาทั้งวัน ปลล. ภาพอาจจะไม่ครบทั้งหมดทุกช่วงเพราะต้องวิ่งไปวิ่งมาและฝึกซ้อมบัณฑิต กำหนดการซ้อมงานพิธีฯนั้นมีด้วยกัน 3 วันต่อเนื่อง คือ 4 ถึง 6 สิงหาคม 2554 ส่วนวันพิธีจริงนั้นคือวันที่ 10 ส.ค. ที่จะถึงนี้ครับ ในวันที่ 4 ส.ค. เป็นการซ้อมย่อยที่แต่ละคณะไปดำเนินการและนัดหมายบัณฑิตของตนเอง วันที่ 5 ส.ค. เป็นวันซ้อมรวมของมหาวิทยาลัย เป็นการซักซ้อมขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่ การกำหนดที่นั่ง การทำความเคารพ การร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี-เพลงยูงทอง การขึ้นรับพระราชทานปริญญาบัตร จังหวะในการเข้ารับ การฝึกซ้อมเอางาน (เอางาน - หมายถึงจังหวะที่จะรับปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ ซึ่งจะต้องกระดกข้อมือเล็กน้อยเป็นการถวายความเคารพ) ส่วนวันที่ 6 ส.ค. นั้นเป็นวันฝึกซ้อมใหญ่ ทุกขั้นตอนจะเหมือนวันพิธีจริงและมีการถ่ายภาพหมู่บัณฑิตของแต่ละคณะในช่วงเช้า 5 สิงหาคม 2554 กำหนดการวันแรก 5 ส.ค. ล้อหมุนจาก มธ.ศูนย์รังสิต 6.30 น. มาถึงหอประชุมใหญ่ มธ.ท่าพระจันทร์ราวๆ 7.45 น. กองทัพนั้นต้องเดินด้วยท้อง มาถึงก็ซัดอาหารเช้าครับ เป็นข้าวต้มเห็ด ขนมปังอบ ไข่ดาว เป็นเสบียงแรก มีบริการเครื่องดื่มเป็นโอวัลตินร้อน กาแฟ และชาโบราณด้วยครับ เนื่องจากเร่งมากเลยไม่สามารถถ่ายรูปส่วนของอาหารมาให้ได้ทั้งหมดเนื่องจากคนเยอะมากและตัวเองต้องรีบไปทำงานก็เลยถ่ายมาได้แค่รูปเดียวไกลๆจากโต๊ะเท่านั้นครับ การฝึกซ้อมนั้นจะแบ่งบัณฑิตออกเป็น (1)รอบเช้า (2)รอบบ่าย (3)รอบเย็น ซึ่งรอบเช้าและรอบบ่ายนั้นเป็นบัณฑิตปริญญาตรี ส่วนรอบเย็นเป็นบัณฑิตปริญญาโท ปริญญาเอกและประกาศนียบัตรและผู้ได้รับทุนภูมิพล ซึ่งบัณฑิตในรอบเช้าและรอบบ่ายนั้นมีจำนวนมหาศาลมาก จึงต้องแบ่งการซ้อมเป็นชุดๆเพื่อฝึกซ้อม 2 รอบ บัณฑิตเริ่มทยอยเข้าหอประชุมกันมาบ้างแล้ว ชุดแรกของรอบเช้าประกอบไปด้วยคณะนิติศาสตร์และคณะสหเวชศาสตร์ ชุดที่สอง คือ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชนและคณะศิลปกรรมศาสตร์ ชุดที่สาม คือ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ รวมบัณฑิตในรอบเช้า 2,870 คน รอบบ่าย ชุดแรกประกอบด้วยคณะศิลปศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์และคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา (เฮ! คณะที่เรียนจบ) ชุดที่สอง สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร คณะเศรษฐศาสตร์และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง ชุดที่สาม คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ วิทยาลัยสหวิทการ คณะพยาบาลศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์และคณะทันตแพทย์ศาสตร์ รวมบัณฑิตรอบบ่าย 2,880 คน ส่วนรอบเย็น ปริญญาโท-ปริญญาเอก-ประกาศนียบัตร รวมทั้งหมด 2,151 คน วันซ้อมรวมยังไม่ต้องใส่ชุดครุยจริงๆ ใส่แค่ชุดนักศึกษามาซ้อมกันก่อน แต่ก็มีบางคนเอาชุดมาเดินตระเวนถ่ายรูปกันบ้างละนะ เริ่มซ้อมเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรกันละ ทำผิดจังหวะ เอางานไม่สวย ลืมทำความเคารพ ฯลฯ ก็ต้องมาซ้อมกันด้านหลังนี่แหละ (จริงแล้ว จขกท.ก็ประจำส่วนงานนี้นะ แต่อู้มาถ่ายรูปเก็บไว้หน่อย) กองทัพย่อมเดินด้วยท้องอีกแล้ว ถึงเวลาอาหารกลางวันอันเป็นที่รอคอย เป็นบุฟเฟต์หลายอย่างครับ เยอะมากจนจำได้ไม่หมดและคนก็รอเข้าคิวเยอะ ขืนมัวแต่ถ่ายรูปคงได้โดนย้ายงานไปอยู่งานประชาสัมพันธ์แทน ส่วนที่รับประทานอาหารนั้นคือภายในหอประชุมเล็ก (หอประชุมศรีบูรพา) พวกอาจารย์ก็มาแวะพักทานอาหารเช่นกัน กินข้าวเสร็จก็กลับมาประจำการ ณ ที่เดิมด้านหลังพระแท่น เตรียมพร้อมสำหรับบัณฑิตรอบบ่ายต่อไป เอ้า! เริ่มซ้อมกันได้ ส่วนทางซ้านของที่ประทับคือพวกอาจารย์ที่เป็นกรรมการทูลเกล้าปริญญาบัตรที่กำลังซ้อมจังหวะเช่นกัน ซ้อมไม่เว้นครูหรือลูกศิษย์จริงๆ ส่วนในวันซ้อมแบบนี้ก็ใช้เจ้าหน้าที่เป็นคนส่งปริญญาบัตรไปก่อน เหนื่อยๆล้าๆก็ถ่ายรูปเล่นแก้เหนื่อยเล่น ในภาพคือ น้องปู (ที่มิใช่ยิ่งลักษณ์) ภาพเบลอไปบ้างคงไม่ว่ากันนะ อู้งาน กระเถิบมาถ่ายด้านข้างหน่อย ภาพสุดท้ายของวัน บัณฑิตรอบเย็นเริ่มทยอยมานั่ง มากันทั้งชุดทำงานนี่แหละ จบการทำงานวันแรก ที่ 20.00 น. นิดหน่อย นั่งรถกลับรังสิตมาก็อาบน้ำนอนเลย เหนื่อยมากถึงมากที่สุด
6 สิงหาคม 2554 วันนี้มาถึงหอประชุมสายกว่ากำหนดการเพราะรถติดมากมายจริงๆ มาถึงกินข้าวเสร็จก็แวบมาถ่ายรูปที่ประทับอีกที เอาอีกสักภาพละกัน ปริญญาบัตรสำรองที่ใช้ในการฝึกซ้อมและชุดเครื่องเสียง ในวันพิธีนั้นที่ตรงนี้จะเป็นที่ตั้งโต๊ะหมู่บูชาและที่นั่งของพระสงฆ์ครับ บัณฑิตเริ่มมากันแล้ว ที่เห็นแถบวิทยาฐานะสีขาวทางขวานั่นคือคณะนิติศาสตร์ ด้านบนเป็นคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วันซ้อมใหญ่วันนี้ไม่มีการซ้อมหลังเวที ขั้นตอนทุกอย่างจะเหมือนพิธีจริงทุกประการและมีการจับเวลาเพื่อตรวจสอบว่าใช้เวลาในพิธีไปเท่าไรเพื่อจะได้ดำเนินการแก้ไขไม่ให้ล่าช้าเกินไปในวันพิธีจริง แถบวิทยะฐานะฟ้า-ขาวคือคณะพาณิชยศาสตร์ โครงการพิเศษ ส่วนสีเหลืองทองคือคณะวิทยาศาสตร์ครับ ขอภาพจากบนเวทีสักภาพ ตอนดูในโทรศัพท์ก็สวยดีหรอกพอเอาลงคอมเห็นได้ชัดเลยว่าเบลอนิดๆ มือไม่ถึงขั้นจริงๆเลยเรา m(_ _)m เสร็จแล้วก็ทยอยเดินทางออกทางประตูข้างไปยังสนามฟุตบอล รอบบ่ายเริ่มถูกต้อนเข้ามานั่งในหอประชุม เริ่มซ้อมรอบบ่าย ตอนนี้ถึงคณะวิศวกรรมศาสตร์แล้ว ซ้อมเสร็จแล้วก็นั่งฟังรายละเอียดต่างๆอีกนิดหน่อย ซ้ายสุดแถบวิทยะฐานะสีม่วงคือคณะวารสารศาสตร์ สีฟ้าคือคณะเศรษฐศาสตร์ แถวกลางแถบวิทยะฐานะสีดำคือคณะรัฐศาสตร์ ยืนซ้อมปฏิญาณตน ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและเพลงพระราชทานยูงทอง รอบเย็น ป.โท ป.เอก เริ่มมานั่งกันแล้ว ยืนซ้อมร้องเพลงเหมือนกับป.ตรีเช่นกัน ทยอยเดินแถวไปขึ้นเวที อ้อ! เกือบลืมแน่ะ บัณฑิตปริญญาตรีนั้นรับพระราชทานปริญญาบัตรกับผู้แทนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็คือ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ครับ ส่วนบัณฑิตปริญญาโท-เอก-ประกาศนียบัตร-ทุนภูมิพล รับจากพานเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ลงจากเวทีก็จะได้รับสูจิบัตรงานพระราชทานปริญญาบัตรประจำปีการศึกษา 2553 ที่มีรายละเอียดต่างๆรวมถึงรายชื่อของบัณฑิตทั้งหมดในรุ่นนี้ด้วย เฮ้ย! ชื่อผมหายไปไหน!! โฉมหน้าเด็กเก่งที่ได้รับทุนภูมิพล เอาให้ครบเซ็ตทุนภูมิพล แถบวิทยะฐานะสีน้ำตาลคือสถาบันภาษา มธ. แถบวิทยะฐานะสีเลือดหมูคือคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ หมดแล้วคร้าบ ตกหล่นไปตรงไหนบ้างก็ขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วยละกันครับ Azemag A.C. McDowell
งานรับปริญญา เบื้องหลังโหดหิน นรก สำหรับเจ้าหน้าที่ คณาจารย์ กรรมการฝึกซ้อม ทุกท่าน แต่เป็นความสำเร็จที่สดใสของบัณฑิต มหาบัณฑิต ดุษฎีบัณฑิตทุกคน ปล. งานรับปรญ.ที่ชีวิตนี้จะไม่ไปอีก ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คืองาน มธ.นี่แหละ! ไม่ใช่อคติ แต่รถมันติดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
คิดอยู่ว่าถ้ารับที่รังสิตคนจะโปร่งกว่านี้ ส่วนนึงคือกว้าง อีกส่วนคือไม่ไป เพราะไกล....... แต่เอาจริงรังสิตเดี๋ยวนี้ไม่ไกลแล้วนะ ไปมาสะดวก แค่ไม่มีหอประชุมใหญ่ที่นั่น เลยจัดงานไม่ได้ จะให้ไปรับพระราชทานปริญญาบัตรกันในบร.หรือยิม คงแปลกพิลึก ="=
อีกไม่เกิน 3 ปี จะได้จัดงานพระราชทานปริญญาบัตรที่ มธ. รังสิต ครับ เพราะจะปรับปรุงยิม 2 (ตรงข้าม บร.4 เป็นหอประชุมอีกหนึ่งแห่งโดยเฉพาะ) รองรับบัณฑิตได้มากขึ้นและที่สำคัญ!! มีที่จอดรถ!!!
โว้ววววว ได้ยินข่าวนี้ซะที!! จริงๆควรจะไปจัดที่รังสิตนานแล้ว! แต่นอกจากปัญหาที่คับแคบ มันยังมีปัญหาทางอุดมคติ คือเรื่องของความเป็นธรรมศาสตร์และการเมืองที่แท้จริง คือต้องเป็น "ท่าพระจันทร์" เท่านั้น เอาเข้าจริงนะ ผมเป็นเด็ก มธ.ท่าพระจันทร์ รักท่าพระจันทร์มาก แต่กับเรื่องรับปริญญานี่ ยอมอ่ะ จัดที่รังสิตเถอะ = =" มันคับแคบ รถติด คนมืดฟ้ามัวดิน ที่จะนั่งจะยืนไม่มี แถมรถราก็ลำบาก เพราะแท็กซี่นี่ไม่เข้ามารับเลย ญาติๆบัณฑิตทั้งหลายทรมานกันมาก จากประสบการณ์ที่ไปงานรับปรญ.มหาลัยต่างๆ ขอโหวตเลยว่าของธรรมศาสตร์นี่แหละนรกที่สุด! อีกฟากตรงข้าม บร.4 นี่มัน บร.5 หรืออะไรนะ? ไอ้นั่นอ่ะโอ่โถงมาก ทุกวันนี้ใช้ทำอะไรอ่ะครับ แทบจะลืมเลือนไปแล้วว่ามันเคยมี!!
ประเด็นนี้แหละ ที่ผมโคตรแอนตี้คณะตัวเองตอนที่เด็กคณะผมต้องย้ายมาเรียนท่าพระจันทร์ตอนปีสาม มีเขียนป้งเขียนป้ายประท้วงกันเลยนะ แรกๆก็ไม่คิดอะไรเพราะโดมท่าพระจันทร์มันก็เป็นสัญลักษณ์ของชาวมธ.มาแต่ไหนแต่ไร..... แต่ที่อยากบ่นคือ......พวกเอ็งฟังเหตุมั่งสิว้อยยยย เหตุผลน่ะ!! ไม่ใช่ยกมาแต่ "จิตวิญญาณของลูกแม่โดม" กรูฟังจนเอียนแล้วไม่เห็นมีใครให้เหตุผลที่จะย้ายกลับได้มากไปกว่า "จิตวิญญาณของลูกแม่โดม" ซักที....-*-
ตอนนี้ความจำเป็นมันบังคับละครับพี่ แล้วเด็กรุ่นใหม่เองก็ไม่ได้สนใจอะไรไปมากกว่า "ตัวเอง" สักเท่าไรแล้ว กระตุ้น ปลูกฝัง รณรงค์เรื่องจิตวิญญาณธรรมศาสตร์กันแค่ไหนก็แพ้กระแสเกาหลีฟีเวอร์อยู่ดี อีกไม่นาน การบริหารงานทั้งหมดจะถูกย้ายมาที่รังสิตอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ท่าพระจันทร์จะเหลือเพียงงานบริหารสถานที่ (ท่าพระจันทร์) และอีกเล็กน้อยเท่านั้นที่จำเป็น ประวัติศาสตร์และความทรงจำเท่านั้นที่จะไม่ทำให้ท่าพระจันทร์หายไปจากจิตใจลูกแม่โดมพ่อปรีดีครับ
ป.โท ยังอยู่ที่ท่าพระจันทร์ครับ แต่อนาคตก็ไม่แน่ว่าอาจจะได้ไปควบรวมกันที่รังสิตทั้งหมดเพราะ facilities ทั้งหมดมันไปอยู่ที่นู่นหมดแล้ว
เพิ่งไปรับมาหมาดๆ 6 ชั่วโมงในหอประชุม ห้ามเข้าห้องน้ำ นรกมาก -*- อีก 3 ปีเตรียมตัวไปงานรับปริญญาเพื่อนที่รังสิต เย้~~ นิติ เพิ่งทำห้องเรียนป.โทใหม่ ทำห้องคณะบดีใหม่ ทำระเบียงใหม่ติดกระจกกันฝนสาด คงปักหลักท่าพระจันทร์นี่แหละ ไม่ย้ายหรอก ที่สำคัญ มีภาคบัณฑิต ถ้าย้ายไปรังสิตหมดคงไม่มีคนเรียนแหงๆ รายได้หด ยิ่งจนๆอยู่ คณะตู...
ถึงย้ายที่เรียนโทเอกจริง ผมว่าก็ย้านได้แต่พวกเรียนภาคกลางวันครับ.....เรียนภาคเย็นการเดินทางไปรังสิตยังไงก็ลำบากอยู่ดี
ค่อนข้างเชื่อว่าโท-เอก จะอยู่ที่ท่าพระจันทร์ต่อไป มหาลัยคงเห็นว่าปล่อยอาคารสถานที่ร้างไว้ก็เสียดายเปล่า ยังไงๆก็สะดวกกว่า แบบที่พี่ม๊อกพูดแหละครับ ยอมรับจากใจจริงว่า ไปเรียนท่าพระจันทร์แล้วรู้สึก "นี่แหละคือธรรมศาสตร์ที่แท้จริง!" คงเป็นเรื่องของความรู้สึก ความขลัง ที่มันบอกทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ แต่มันสัมผัสได้ด้วยใจ ยังคงยืนยัน ผมรักท่าพระจันทร์มากที่สุด แต่ก็ยินดีกว่าถ้าเพื่อความสะดวก ควรให้ไปรับที่รังสิตได้แล้ว =w=" ...รังสิตยำมาม่าอร่อยนะ
แวะมาดูว ไปท่าพระจันทร์ ก็นั่งเรืออ่ะครับ สะดวกสุดล่ะ แต่คนแน่นมาก แต่ผมก็ว่า ของมหิดล ที่หอประชุมกองทัพเรือ อันนั้นแน่นกว่า น่ะ ส่วนเรื่องเก่า เรื่องขลัง ผมว่าถ้าไม่ได้อ่านประวัติ มธ. มาก่อน ก็จะไม่รู้สึกแตกต่างอะไรนักระหว่าง 2 ที่นี้ แต่ตึกโดม ท่าพระจันทร์ กับหอสมุดใต้ดิน อันนี้เป็นสิ่งที่ ดูเจ๋งกว่าที่ ศูนย์รังสิต จริง ปล. ห้องน้ำโรงอาหารที่ มธ.ท่าพระจันทร์ เขาทำใหม่แล้ว ... ดูดีขึ้นเยอะ (ควรทำตั้งนานล่ะ)