ขอถามแบบคนไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับไฟนอล 13

กระทู้จากหมวด 'All Final Fantasy' โดย rubiks47, 29 สิงหาคม 2011.

  1. rubiks47

    rubiks47 Member

    EXP:
    94
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    8
    ผมเพิ่งซื้อแผ่น FFXIII มาแผ่นแท้ด้วยมีคำถามมากมายเลย ใครมีเวลาว่างตอบให้ที
    เพิ่งเล่นไปได้แค่ ชาพเตอร์ 3 คำถามคือ
    1.Product registration card ที่อยู่ในกล่อง คืออะไรเอาไว้ทำอะไร?
    2.เกมนี้เราบังคับได้แค่ ลีดเดอร์ตัวเดียวหรอ แล้วพวกเมมเบอร์นี่มีให้ตั้ง แกมบิทแบบภาค12ป่าว
    3.การเรียนสกิลคล้ายๆกับตารางในภาค12รึปล่าว
    4.เวลาต่อสู้ที่ให้กด L1 คืออะไร ใช้ทำอะไร เปลี่ยนแล้วได้อ่ะไร

    คือไม่รู้ว่าเคยมีกระทู้แบบนี้รึยัง แต่ผมเข้าไปในกระทู้ที่ปักหมุดแล้วกดที่ Final fantasy XIII เหมือนกระทู้มันหายไปอ่ะ
  2. BoN

    BoN แกนนำไร้วิญญาณ

    EXP:
    1,776
    ถูกใจที่ได้รับ:
    66
    คะแนน Trophy:
    113
    1. สมมติว่าซื้อแผ่น Zone ญี่ปุ่นมา ก็เอารหัสไปลงทะเบียนให้กับ Account : Square Enix Members ญี่ปุ่น พอลงทะเบียนแล้วระบบก็จะรู้ว่าเราซื้อเกมนี้มา ก็จะเพิ่มคะแนนสะสมให้กับ Account ของเรา พอเราซื้อเกมอื่นๆ แล้วเอามากรอกเพิ่มไปเรื่อยๆ คะแนนสะสมที่สูงขึ้นก็จะทำให้เราเป็นสมาชิกระดับสูงขึ้น และจะทำให้ได้สิทธิประโยชน์ต่างๆ มากมาย ตามแต่ระดับสมาชิกของเรา ตัวอย่างเช่นสิทธิในการได้รับรางวัลปีใหม่ สิทธิในการจองของในร้าน E-Store ในราคาพิเศษ สิทธิในการเข้าร่วมงานอีเวนต์ต่างๆ ฯลฯ ............. ซึ่งผมคิดว่ามันไม่สำคัญสำหรับเราๆ ที่อยู่ในไทยสักเท่าไหร่ครับ ช่างมันก็ได้

    2. บังคับได้แค่ลีดเดอร์ครับ ส่วนตัวละครอื่นๆ ไม่ได้ใช้ระแบบแกมบิท แต่เราสามารถเปลี่ยน Role ของพวกเขาได้ ซึ่ง Role แต่ละแบบก็จะมี AI สำเร็จรูปที่แตกต่างกันออกไป

    3. ไม่คล้ายครับ ออกจะคล้ายกับกระดานสเฟียร์ของภาค 10 มากกว่า..... เทียบกันแล้วกระดานสเฟียร์ของภาค 12 ยังให้อิสระมากกว่า

    4. มันคือการเปลี่ยนกลุ่ม Role ของตัวละครต่างๆ ให้เป็น Role แบบที่เราตั้งไว้ครับ...

    Role ในที่นี้หมายถึงบทบาทในการต่อสู้ ปกติในการต่อสู้ทั่วๆ ไป ควรจะมีทั้งคนที่ทำหน้าที่โจมตี คนที่ทำเชน คนที่คอยเติมพลัง

    ซึ่งในที่้นี้เราสามารถไปเซตกลุ่ม Role ไว้หลายๆ แบบเช่น
    เซตแบบที่ 1 ให้ลีดเดอร์เป็นคนโจมตี อีกคนนึงเป็นคนทำเชน และคนสุดท้ายเป็นคนเติมพลัง
    เซตแบบที่ 2 ให้ลีดเดอร์เป็นคนใช้เวทดีบัฟ (เวทย์ที่ทำให้ศัตรูติดสภาวะผิดปกติ) คนนึงเป็นคนบัฟ (ใช้เวทย์เสริมพลังให้พวกเรา) และคนสุดท้ายเติมพลัง
    เซตแบบที่ 3 ให้ลีดเดอร์เป็นคนป้องกัน คนนึงเป็นคนโจมตี และคนสุดท้ายเป็นคนเติมพลัง

    หากเราเซตไว้ตามนี้แล้ว เวลาเราต่อสู้ พอเรากด L1 มันก็จะขึ้นให้เลือกว่าเราจะเปลี่ยนไปใช้ Role เซตไหน พอเลือกแล้ว AI ก็จะเปลี่ยนการทำงาน ให้ทำงานไปตามบทบาทนั้นๆ
  3. A.K.Thathap

    A.K.Thathap Active Member

    EXP:
    128
    ถูกใจที่ได้รับ:
    36
    คะแนน Trophy:
    28
    ตอนที่ผมเล่นเกมภาคนี้
    มันทำให้ให้ผมนึกไปถึงสมัยผมเล่นเกม RPG ที่ยืมเพื่อนมาเป็นครั้งแรก
    ตอนนั้นไม่ได้มีทัศนคติในแง่ดีอะไรกับเกมแนวนี้เลย

    "ทำไมควบคุมตัวละครตรงๆไม่ได้ล่ะ แบบว่ากด X ต่อยแมร่งมันเลยประมาณนี้
    ทำไมถึงต้องมากดผ่านคอมมานด์...สงสัยเกมเก่าเป็นสิบปีแบบนี้ คงยังไม่มีปัญญาแหงๆ"

    ผมไม่เข้าใจ...ไม่เข้าใจเลยว่านี่คือเกมอีกแนวหนึ่ง
    และแน่นอนว่าผมในตอนนั้น จะต้องไม่เชื่อแน่ๆว่าซักวันหนึ่ง
    ตัวเองจะกลายเป็นคนที่ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อมันได้ขนาดนี้

    เกม RPG มีระบบที่ไม่สามารถควบคุมตัวละครได้ตรงๆก็จริง
    แต่ว่าระบบคอมมานด์ที่เข้ามาแทนที่นี่แหละ คือระบบซึ่งให้สิ่งที่แตกต่างและมากกว่า
    เพราะตัวเลือกที่มีมากมาย คือสิ่งที่ทำให้เกิดสไตล์ที่แตกต่างสำหรับแต่ละคน
    มันทำให้เกิดกระบวนยุุทธ์นับไม่ถ้วน ที่เหล่าเกมเมอร์ต่างที่ต่างเวลาได้สร้างสรรค์มันขึ้น
    มันทำให้เราต้องวางแผนและตัดสินใจ ต้องอาศัยทักษะที่มีชั้นเชิง
    เป็นอะไรที่เกมแนวอื่นไม่สามารถทดแทนได้ครับ

    ทีนี้อย่างที่ผมพูดไว้ตอนแรกว่า ตัวเกมภาคสิบสามนี้มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนตอนเล่นเกม RPG ใหม่ๆ
    ก็เพราะ...มันต้องปรับตัวอีกครั้งน่ะสิ

    จำได้ว่าเล่นเกม RPG ครั้งแรกนี่ ผมไม่ชินอย่างรุนแรงเลย
    กับการเล่นผ่านคอมมานด์ ไม่สามารถควบคุมตัวละครได้ตรงๆ
    ภาคสิบสามนี้ก็เหมือนกันครับ เพราะมันไม่ได้มีแค่คอมมานด์เดียว

    แต่มันมีถึง 2 คอมมานด์เลย!!!

    คอมมานด์แรก ใช้ควบคุมตัวละครหลักที่เราเล่นอยู่เหมือนปกติ
    แต่ภาคนี้มันมีคอมมานด์ที่สองครับ ซึ่งก็ต้องกดปุ่ม L1 เพื่อเรียกคอมมานด์นี้ขึ้นมาอย่างที่ถามนั่นแหละ
    คอมมานด์ที่สองมีเพื่ออะไร? ก็มีไว้ควบคุมตัวละครอื่นที่ไม่ใช่เราน่ะสิ

    ภาคก่อนๆเราควบคุมได้แต่ตัวเราใช่ไหมครับ แต่คราวนี้เรามีคอมมานด์ที่สองแล้ว
    เราก็ควบคุมเพื่อนๆผ่านคอมมานด์นี้ได้เลย
    ซึ่งเราอาจจะจัดการไม่ได้ในรายละเอียด แต่เราก็คุมแนวทางของเพื่อนๆได้
    ว่าจะให้เขาเป็นตัวล่อ เป็นตัวช่วยฮีล หรือว่าเป็นอะไรก็แล้วแต่คนเซ็ตติ้ง
    มันดีกว่าภาค 12 นะครับ เพราะภาค 12 เราเซ็ตได้แค่แบบเดียวตายตัว
    คือถ้าเราเซ็ตแกมบิทเป็นตัวล่อไปแล้ว ถ้ายังไม่จบการต่อสู้เราจะเปลี่ยนไม่ได้
    แต่ภาคนี้เราต้อง...คือมันจำเป็นเลยล่ะว่าต้องเปลี่ยนระหว่างการต่อสู้ครับ
    เพราะว่าศึกในภาคนี้ ลำพังแผนเดียวมันไม่พอ
    ต้องเตรียมแผนที่สองที่สามไปซ้อนแผนเรื่อยๆ (โปรดอ่านแผนนกแร้ง)

    คอมมานด์ที่สองมีอำนาจเหนือคอมมานด์แรก หากเปลี่ยนคอมมานด์ที่สองแล้ว
    คอมมานด์แรกจะเปลี่ยนไปด้วย ทำให้ปุ่มมันไม่ดูเยอะตาลายแบบภาคที่แล้วด้วยนะ

    พูดมาถึงตรงนี้คงเห็นจุดเด่นของระบบการต่อสู้ในภาคนี้แล้ว
    ทีนี้ก็มาดูพิจารณาในอีกแง่หนึ่งกันบ้าง
    คืออย่างที่ผมบอกตั้งแต่ต้นว่่าเมื่อแรกจับเกม RPG นั้น
    ผมค่อนข้างหงุดหงิดกับระบบคอมมานด์ ที่มาทำลายอิสระในการซัดหน้าแมร่งเลยของผมจริงๆ

    แต่ภาคนี้มันมีตั้งสองคอมมานด์ อิสระทำนองดังกล่าวก็ยิ่งไม่มีเข้าไปใหญ่สิครับ
    เราควบคุมเพื่อนตรงๆไม่ได้ อ๊ากกก!...เพราะมันต้องทำผ่านคอมมานด์ที่สอง
    เราเปลี่ยนลีดเดอร์ระหว่างการต่อสู้ก็ไม่ได้...เพราะต้องทำผ่านคอมมานด์ตัวนี้เหมือนกัน


    เหอๆ...สิ่งที่มาืทดแทนก็คือ มันทำให้เราต้องคิดแผนที่แพรวพราวขึ้นกว่าเก่าน่ะสิ
    ยกตัวอย่างเช่นตอนที่ผมสู้กับนกแร้งในภารกิจ โดยที่เลเวลตัวเองต่ำมาก
    ทำนองนี้ล่ะครับ
    โดยในการเปลี่ยนแผนสั่งการคนอื่น หรือในการเปลี่ยนคอมมานด์ชั้นแรกของตัวเองจากต่อสู้เป็นฮีลนั้น
    ก็ล้วนต้องพึ่งคอมมานด์ที่สองนี้ทั้งสิ้น!

    เอาล่ะ...ทีนี้ก็คงเข้าใจภาพรวมทั้งหมดของระบบภาคนี้แล้ว
    ระบบต่อสู้นั้นสำนักรีวิวเขาต่างก็ชื่นชมให้คะแนนดีๆกันทั้งนั้นแหละ
    เกมนี้มาตายตรงแผนที่ตรงเผง มินิเกมที่เห่ยตกยุค
    กับสตาฟเล็กๆที่ออกมาพูดมั่วเป็นบางครั้ง

    แต่ถ้าที่กล่าวมาไม่เป็นปัญหา FF XIII ก็เป็นเกมที่ดีเกมหนึ่งเลยล่ะจ้า!

    ----------------------------------------------------------------------​

    แต่ถึงแม้มันจะแย่จริงๆอย่างภาค DC ทีทำออกมาธรรมดาๆ
    แต่ผมก็ให้กำลังใจเขาเสมอนะ ถ้าเขาหยุดทำก็จะไม่มีภาค CC ถูกไหม
    อันที่จริงนั่นก็ไม่ใช่ประเด็นอีกนั่นแหละ เพราะผมเชื่อว่า "เธอ (ไม่) สามารถเป็นได้มากกว่าคนธรรมดา"
    ไฟนอลก็เป็นเกมธรรมดาเกมหนึ่ง ซึ่งนี่แหละคือวิถีแห่งการถอยหลังสองก้าว...แต่ก้าวไปข้างหน้าสามก้าว
    หากจำกันได้ ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ว่า FF I เกิดมาจากความผิดพลาดในการทำเกมอื่นจนล้ม...แต่ก็ไม่ยอมแพ้

    FF XIII-2 ก็มาให้กำลังใจ สู้ต่อไปโทริยามะกันเถอะครับ!
  4. rubiks47

    rubiks47 Member

    EXP:
    94
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    8
    ผมว่าภาค12อาจจะสู้ไม่ได้ในเรื่องคอมมาน แต่ระบบต่อสู้แบบเรียลไทม์เดินไปฟันมอนสเตอร์เลยก็เจ๋งดี แถมแมพยังกว้างใหญ่ไพศาล (เหมือนจะกว้างมากกว่า เดินๆไปแป๊ปเดียวก็ถึง)

    แต่เท่าที่เล่นมาผมว่ายังไม่มีภาคใหนทำได้ดีเท่าภาค9เลย

    1.มินิ เกมที่ซ่อนอยู่ กระโดดเชือก ประลองความจำ เกมส์การ์ด ขี่โจโกโบะขุดหาสมบัติ ประมูลของ โจโกโบเปลี่ยนสี พร้อมเพิ่มความสามารถ

    2.เอกลักษณ์ของตัวละคร ตัวละครแต่ละตัวแทบจะไม่เหมือนกันเลย ไม่ใช่ว่าทุกคนจะฮิลได้ ไม่ใช่ทุกคนจะเรียกซัมมอนได้ ไม่ใช่ทุกคนจะขโมยของได้ ไม่ใช่ทุกคนจะใช้มนต์ดำได้ แถมสไทเนอร์ กับ วีวี่ ใช้ท่า เมจิซอร์ดนี่เจ๋งสุด

    3.เนื้อเรื่องที่ไม่สั้นเกินไป ไม่ยาวเกินไป ผมว่าเนื้อเรื่องภาคนี้ มันประทับใจอ่ะ ยิ่งฟังเพลง Melody of life แล้วยิ่งทำให้นึกถึงการพจญภัยแบบเหงาๆ

    แต่ทำไม๊คนถึงไม่ชอบภาคนี้กันนะ ไปชอบโน้นภาค7 หรือคนไม่ชอบพระเอกแบบเฮฮา ชอบแบบพระเอก มีปัญหาชีวิต เก็บเนื้อเก็บตัว

    น่าจะมีกระทู้ชอบไฟนอลภาคใหนมากที่สุดพร้อมเหตุผลนะ
  5. jpenguin

    jpenguin Admin Staff Member

    EXP:
    2,537
    ถูกใจที่ได้รับ:
    93
    คะแนน Trophy:
    113
    ต่างคนต่างจิตต่างใจครับ ผมเล่น 13 แล้ว ไม่เอนจอย ไม่ชอบระบบ ไม่ชอบตัวละคร ไม่ชอบบท ไม่ชอบอะไรหลายๆ อย่าง ขนาดไปรอรับแผ่นแท้ที่ร้านคืนวันที่เกมออก ยืนรออยู่เกือบ 4 ชั่วโมง สุดท้ายก็ไม่ได้เล่นต่อ
  6. BoN

    BoN แกนนำไร้วิญญาณ

    EXP:
    1,776
    ถูกใจที่ได้รับ:
    66
    คะแนน Trophy:
    113
    - คลาวด์กับเซฟิรอธมัน Epic ครับ..........................
    - ทิฟากับแอริธก็ Epic สุดๆ เช่นกัน................
    - ในยุคเดียวกัน ....FF7 เป็นเกมที่ล้ำหลุดโลกไปไกลแล้วมากๆ
    - ระบบมาเทเรียมันนำไปประยุกต์สร้าง Tactics & Strategy ได้หลากหลายสุดๆ

    คนชอบภาค 9 ก็เยอะมากนะครับ คนที่ยกให้ฉากจบภาค 9 เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็ยิ่งเยอะ
    แต่การที่ภาค 9 มันจบแบบ Happy Ending สุดๆ แทบไม่เหลืออะไรให้ค้างคาใจ
    มันก็ทำให้ภาคนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้คนหยิบมาพูดคุยกันแบบภาค 7
  7. Save-The-Queen

    Save-The-Queen Member

    EXP:
    64
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    8
    ผมชอบภาค 13 อยู่อย่างนึงนะ

    คือว่าเล่นไปถึงช่วงกลางๆเนี่ย จะรู้สึกว่า ทุกอย่างมันมั่วไปหมดละ ไปแน่ใจว่ามันจะเฉลยทุกอย่างได้หมดไหม
    แต่ตอนจบกลับทำทุกอย่างหายค้างคาเลย อีกทั้ง การบอกเล่าที่ทำ Datalog ที่แยกมาเลย
    การเข้าใจเนื้อเรื่องเกมเนี่ย เราต้องทำความเข้าใจเอง ตัวละครมันจะไม่พูดออกมาเท่าไหร่นัก
    ถึงมันจะมีคัตซีนที่โคตรเยอะก้อเถอะ

    แต่นั่นทำให้รู้สึกว่า ตัวละครเล่า มันแลดูไม่โง่ อ่ะ ที่ต้องมีคนมาบอกทุกๆอย่าง
    และเกมนี้เป็นเกมที่เล่นรอบ 2 แล้วยิ่งเข้าใจการกระทำของตัวละครมากขึ้นไปอีก
    เช่นทำไม วานิลล์แลดูโง่เกี่ยวกะโคคูนมากๆ เด๋วก้อถามโน่น ถามนี่ ทั้งเรื่อง -*-
    ทำไมสโนว์ถึงเอาแต่พูดว่า ฉันจะปกป้องโคคูน เซร่าห์ และ ปกป้องทุ้กคนน น น
    เพราะเล่นรอบแรกเนี่ย งงกะ Day1-13 มากๆ มันยังไงเนี่ย มาเล่นอีกรอบถึงเข้าใจ

    แต่เกมนี้ผมว่าเรา ยังเข้าถึงตัวละครไม่พอนะ เพราะว่าแต่ละตัวมันไม่มีภูมิหลังเลยอ่ะ
    ไม่เหมือนกะภาค 7-8 ที่เข้าใจตัวละครจนแทบไปกระโดดหอมแก้มตัวบางตัวเลย
    ถ้าเค้าใส่ภูมิหลังตัวบางตัวซักตัวมาในเนื้อเรื่องเลย ไม่ใช่ต้องไปหาฟัง
    ผมว่าภาคนี้คงเป็นภาคที่ถูกกล่าวถึงอีกนับ 10 ปีแน่ๆ

    โดยรวมแล้วภาคนี้ผมว่าดีทุกอย่างเลยนะ แต่ไม่มีฉากไหนที่ซึ้งจริงๆจังๆเลย
    แต่เป็นเกมที่วางจอยไม่ลง เพราะว่าการเล่าเรื่อง ที่ทำเป็นเส้นตรงทำให้เราเข้าถึงเกมอยู่ตลอดเวลา
    เล่นช่วงแรกๆเนี่ยแทบไม่หลับไม่นอน สิวเต็มหน้าเลยทีเดียว
  8. jpenguin

    jpenguin Admin Staff Member

    EXP:
    2,537
    ถูกใจที่ได้รับ:
    93
    คะแนน Trophy:
    113
    ผมกลับคิดตรงกันข้ามแหะ ผมรู้สึกว่า ตั้งแต่ภาค 12 แล้วนะครับที่เนื้อเรื่องบางจุด มันโพล่งออกมาเฉยๆ ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยที่สุด - -; เป็นวิธีเล่าเรื่องที่ไม่สร้างสรรค์หลายๆ อย่าง

    ผมว่าหนูวนิลาดูโง่ เพราะทำท่าไร้เดียงสาแบบโง่ๆ มากกว่านะครับ... สมมุติว่าถ้าคุณเธอหัวดี ฉลาด แต่ทำท่าทางเหมือนอีกัวน่าปัญญาอ่อนแบบนั้น ไงๆ ก็ต้องมองว่าโง่ - -; ผมไม่ชอบผู้หญิงที่พยายามทำตัวน่ารักไม่รู้เรื่องเกินเหตุ

    ยูฟฟี่ จาก FF7 ที่บอกว่าเป็นต้นแบบของตัวละครแนวนี้... พูดจริงๆ ภาค 7 ผมไม่ได้สังเกตุ หรือรู้สึกอะไรกับยูฟฟี่เท่าไหร่ คงเพราะมันไม่ได้ทำจนเกินงามขนาดนั้น

    ส่วนภาค 8 รีนัวร์อย่าคิดว่าคนชอบกันนะครับ ยัยแรดหลายใจคืนละบาทนั้นน่ะ

    จะให้เข้าใจตัวละคร ตัวละครนั้นๆ ก็ต้องทำให้ผมสนใจพอที่จะอยากรู้ด้วยครับ ตัวละครภาค 13 เอาจริงๆ ผมไม่อินกับตัวไหนเลยซักกะตัว เลยไม่สนใจจะเรียนรู้มันเท่าไหร่ ไอ้เวงโฮปนี่ทำเอาผมอยากเขวี้ยงทีวีทิ้งเลยจริงๆ ให้ดิ้นตาย ไลท์นิ่งก็ไม่ได้มีสเน่ห์ชวนให้อยากรู้จักอะไรที่ตรงไหน...

    การเล่าเรื่องแบบโง่ๆ เนี่ย ผมติดใจจริงๆ จังๆ เลยก็ตอนภาค 12 นั่นแหละครับ ตอนที่บาลเธียร์เฉลยว่า ซิด จริงๆ เป็นพ่อของเค้า บทนี้เป็นบทที่ดราม่ามากนะครับ น่าจะสามารถทำให้ช็อค ซึ้ง สะเทีอนใจได้มากกว่านั้น แต่นี่พี่แกเล่าตอนไหน... ตอนเดินไปบังเอิญเจอชายหาด วานกับเพื่อนสาววิ่งกรี๊ดกร๊าดปัญญาอ่อนๆ ลงไปเล่นน้ำแบบเด็กๆ แล้วบาลเธียร์ก็พูดออกมาซะเฉยๆ สำหรับเกมแฟนตาซีนี่ผมถือว่าไร้ความคิดสร้างสรรค์จริงๆ ครับ -_-;

    ส่วน 13 เนื้อเรื่องก็คือ.... เดินๆ ไปแล้วก็ทะเลาะกันแบบหนังไทยหลังข่าว แล้วก็แยกทางกัน... เดินๆ ไปอีกซักพักนึง ทะเลาะกันอีกละ แยกทางกันอีกละ... นอกจากจะรำคาญที่ตัวละครมันปัญญาอ่อน ยังรำคาญที่ต้องวิ่งผ่านดันเจี้ยนเดิม 2-3 รอบ แต่คนละทางซะอีก ... เวงแท้ๆ -_-; เจอความงี่เง่าชวนเอารองเท้าตบของโฮป เจอท่าข้าไร้เดียงสาที่สุดในโลกของวนิลลา เจอคนที่หงุดหงิดตลาดเวลาอย่างไลท์นิ่ง แถมซักพักเจอมอเตอร์ไซค์ทรานซฟอร์เมอร์มาสู้กับเรา.... ทั้งหมดนี่คือ เดินๆ ไปแล้วก็ เจอ เดินๆ ไปแล้วก็ เจอ... ไม่มีที่มาที่ไปใดๆ ทั้งสิ้นเลย

    แถมพวกตัวประกอบผมสีสดแป๊ด รับไม่ได้จริงๆ ครับ

    เฮ้อ
  9. mogca

    mogca モーグリ:零式

    EXP:
    3,681
    ถูกใจที่ได้รับ:
    44
    คะแนน Trophy:
    98
    อ่านเรพพี่เจ จะเห็นใจก็เห็นใจ จะขำก็ขำ แหะๆ......

    ปล. ผมไม่รู้.....ผมอวยเซร่า.....:E
  10. rubiks47

    rubiks47 Member

    EXP:
    94
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    8
    ผมเพิ่งเล่นไปปถึง Chapter 5 แล้วผมรู้สึก...ชอบแฮะ

    อาจจะอย่างที่พี่เค้าว่า คือต่างคนต่างใจ

    ผมยอมรับว่าเกมมันก็มีข้อเสียบ้าง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เกม หมดสนุกโดยสินเชิงแบบที่พี่แกว่านะ สำหรับผมอ่ะ

    ที่ชอบเพราะ ภาคนี้เหมือนตัวละครเอกมันจะเด่นทุกตัว ไม่รู้ผมคิดไปเองรึปล่าวว่า ตัวละครมันเหมือนเป็นการผสมผสานระหว่างภาคเก่าๆ

    แล้วก็การพยายามทำให้ตัวละครแต่ละตัวมีเอกลักษณ์ แบบ Roll เฉพาะตัว ซัมมอน แปลงร่างได้อันเนี้ยแหละ

    ที่ผมไม่ชอบก็แค่เนื้อเรื่องแบ่งเป็น Chapter นี่แหละ มันนอกลู่นอกทางไม่ได้ รู้สึกเหมือน เกมเล่นผม ไม่ใช่ผมเล่นเกม รู้สึกว่า แบบนี้ มันไม่ใช่อ่ะกิ๊ฟ ทำไมคนสร้างเกมเค้าต้องบังคับให้เราเล่นตามเนื้อเรื่องแบบเป๊ะๆด้วย เหมือนเล่นเราเล่นเกม แล้วเราก็ถูกคนสร้างเกมเล่นอีกทียังไงไม่รู้ เราอยากจะ เล่นมินิเกม ขุดหาสมบัติอ่ะ เราอยากหาสถานที่ลับอ่ะ เราอยากทำเควสเอาอาวุธสุดยอดอ่ะ พวกนี้มันหายไปไหนโม๊ดดดด

    ยังไงไฟนอลที่เป็นที่1 ในใจยังเป็นไฟนอล9อยู่ดี ด้วย World map Mini game ที่ทำนอกเรื่องนอกราวเล่นกันเป็น 100-200 ชม

    บางที่ XIII versus หรือ XIII-2 อาจจะแก้ไขข้อเสียเรื่องเนื้อเรื่องที่ตรงทื่อแบบนี้ เพราะมันทำให้รู้สึกแบบ เล่นจบแล้วจบไปอ่ะ

    หรืออาจจะเอาเป็นแบบ Dissidia 012 ก็ได้เพิ่มตัวละคร เพิ่มระบบ World map ที่ไม่ค่อยจะจำเป็น แต่มันก็ทำให้เกมดูน่าเล่นกว่าเดิมล่ะน่า เอาน่าๆ ค่อยๆ พัฒนาไป
  11. rubiks47

    rubiks47 Member

    EXP:
    94
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    8
    ใครที่เคยเล่นไฟนอลภาคเก่าๆ ของ PS1 (7-8-9) แล้วจะรู้สึกว่าภาคใหม่ๆ เนี่ยเหมือนมันขาดอะไรไปบางอย่าง
    สำหรับภาคที่ผมเคยเล่นนะ X-2, XII,XIII มันรู้สึกเหมือนไม่ได้เล่นเกมไฟนอลอ่ะ เหมือนเล่นเกมทั่วๆไปที่ CG สวยอลังการกว่าเกมอื่นๆ

    ย้อนกลับไปสมัยยุค Ps1 ทำไม่เกมที่ชื่อว่า Final Fantasy ถึงแตกต่างจากเกมอื่น ทำไมมันถึงน่าสนใจ ทำไมคนถึงเล่นเกมนี้ แทนที่จะไปเล่นเกมยุคนั้นที่ดังๆ พวก เทคเคน วินนิ่ง มวยปล้ำ สำหรับผมผมคิดว่า เป็นเพราะ อิสระในการเล่นไงครับ
    เมื่อก่อนถ้าพูดถึงเกมไฟนอลแฟนตาซีจะต้องนึกถึง เกมที่มีอาณาเขตกว่างๆ มีแผนที่โลก เข้าไปในเมือง ในเมืองมีทางลับ มีดันเจี้ยน เกมที่ไม่ใช่แค่เล่นตามเนื้อเรื่องให้จบๆไป ไม่ใช่เกมที่แค่มีระบบตีเป็นเทิร์น แล้วจะเป็น ไฟนอลแฟนตาซี

    หรือว่าพวกภาคใหม่ๆที่ออกมา คงต้องใช้เวลาเพื่อพัฒนาระบบการเล่น อารมณ์ตัวละคร เนื้อเรื่องที่ออกแบบมาให้เหมือน ละคร ภาพยนเรื่องยาว ซึ่งคงจะต้องใช้เวลานานน่าดูกว่าจะทำพวกนี้ออกมาได้

    แต่ในฐานะที่ผมก็เป็นแฟนเกมนี้คนนึง ผมอยากให้ทีมงานเค้าเอาระบบการเล่นแบบเก่าๆ มาใช้อีก เช่น World Map
    เหมือนภาค 12 จะทำออกมานะผมว่าก็เข้าท่าดี ถึงจะยังไม่ถึงขั้นดีมากเหมือนภาคเก่าๆ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เรา
    สามารถหนีจากความจำเจของเกมสมัยนี้ที่แค่ "เล่นไปตามเนื้อเรื่อง" อย่างเดียว แต่ไม่รู้ทำไม ภาค13 เอามันออกไปนะ คงเป็นเพราะตัวเกมมันเป็น Chapter ละมั้ง
  12. BoN

    BoN แกนนำไร้วิญญาณ

    EXP:
    1,776
    ถูกใจที่ได้รับ:
    66
    คะแนน Trophy:
    113
    ออกตัวก่อนว่า เรื่องความชอบหรือไม่ชอบเนี่ย สุดท้ายแล้วมันก็เป็นเรื่องที่ต่างจิตต่างใจ...
    บางคนชอบเส้นใหญ่ บางคนชอบเส้นเล็ก (แต่ของผมต้องเล็กแห้งยำ ไม่ผักด้วยเอ้า!)
    บางคนชอบให้เฉลยเรื่องออกมาตรงๆ แต่ผมชอบระบบหย่้อนเงื่อนงำไว้ให้คนเล่นไปประกอบเป็นคำตอบเอาเอง (ซึ่งหลายคนอาจจะเกลียดอะไรแบบนี้ที่สุด)

    ผมเห็นว่าทีมพัฒนาที่ 4 ของยัสจังที่ทำ FF12 มีจุดเด่นในด้านการวางพล็อตที่ลึก... แต่ก็ไม่ถูกใจผมด้านการกำกับอีเวนต์

    ขณะที่ทีมของคุณโทริยามะที่ทำ FF10, FF13 (และตัวคุณโทริยามะก็เป็นคนทำอีเวนต์ใน FF7)
    ก็มีจุดเด่นด้านการกำกับอีเวนต์ แต่ก็ไม่ถูกใจผมด้านเกมเพลย์

    กรณีของ FF12 ผมมองว่าทีมนี้ไม่ได้แสดงศักยภาพในด้านการกำกับอีเวนต์ออกมาให้ได้เห็นเท่าที่ควร หลายๆ ฉากในเกมมีบทที่น่าสนใจ... มันสามารถทำให้ซึ้งตรึงใจยิ่งกว่านั้นได้ ทว่าการกำกับที่ออกมากลับดูเนือยๆ เรื่อยๆ.... ไม่ได้บิ๊วด์หรือกระชากอารมณ์คนเล่นเท่าที่ควร ทว่าในทางตรงกันข้ามหากโยนไปให้คุณโทริยามะกำกับ ผมเชื่อว่าคุณโทริยามะแกจะจัดการบิ๊วด์ทุกอย่างออกมาให้มันกระชากอารมณ์มากที่สุดเท่าที่แกจะทำได้ (แต่ผมก็เข้าใจว่าไอ้การเล่าเรื่องแบบเนือยๆ มันก็เป็นสไตล์ของทีมยัสจังเค้าแหละ)

    ดังนั้นผมจึงไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ใน FF12 จะมีฉากที่บัลแฟรย์ร่ายวีรกรรมของพ่อมายืดยาว ก่อนจะตบท้ายว่านั่นคือพ่อผมเอง... ซึ่งเป็นการนำเสนอที่ธรรมดาเอามากๆ ....คนส่วนใหญ่ที่ไม่ตั้งใจอ่าน ไม่ฟังให้ดี ย่อมพลาดที่จะได้เห็นข้อเท็จจริงในส่วนนี้ไป

    โอเค จริงอยู่ว่าบางคนอาจจะมองว่ามันเป็นประเด็นสำคัญประเด็นหนึ่ง... ที่น่าจะนำเสนอให้ดี กำกับอีเวนต์ที่บัลแฟรย์จะพูดเรื่องนี้ออกมาให้ดี

    แต่ผมเองกลับรู้สึกได้ว่า ถ้าเป็นยัสจัง... เขาจะมองว่าความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกในจุดนี้มันเป็นแค่เรื่องเล็กๆ ที่ปล่อยผ่านไปก็ได้ คนเล่นจะรู้หรือไม่้รู้ก็ไม่สำคัญ... ดังนั้นจึงใส่คำเฉลยนี้ไว้ในบทสนทนาธรรมดาทั่วๆ ไป ก็ได้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะบิ๊วด์อะไรมาก แล้วบัลแฟรย์เองก็คงอยากจะพูดเรื่องนี้ในลักษณะว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่ไม่ค่อยอยากให้มันกลายเป็นประเด็นโดดเด่นมากนัก

    สำหรับผมเอง ผมไม่มีความเห็นว่าประเด็นความเป็นพ่อลูกนี่มีความสำคัญแค่ไหน... ไม่มีความเห็นว่าควรจะตั้งใจกำกับให้เป็นอีเวนต์ที่สำคัญอีเวนต์นึงเลยหรือไม่.... แต่จากที่เห็นใน FF12 ที่บัลแฟรย์พูดออกมาอย่างเรียบๆ ธรรมดาๆ ...ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ผมดูแล้วก็ยอมรับได้.... หลายคนที่ได้เล่นเองแล้วเรียนรู้ข้อเท็จจริงตรงนี้เองก็คงสะดุ้ง... ก่อนที่จะปล่อยผ่านไปเพราะอันที่จริง มันก็เป็นแค่ข้อเท็จจริงที่ว่าซิดกับบัลแฟรย์เป็นพ่อลูกกัน...

    ----------------------------------------

    กรณีของยุฟฟี่

    ตอนนี้ผมกำลังเล่น FF7 ใน PSP อีกรอบอยู่เลยครับ ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจเธอมากเท่าไหร่ แต่จากที่สังเกตสิ่งที่เธอพ่นออกมาแต่ละคำดีๆ .... ผมเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจในสายตาผม น่าสนใจในที่นี้คือผมอ่านคาแรคเตอร์ของเธอไม่ถูก ไม่รู้ว่าเธอต้องการอะไร ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ ไม่รู้ว่าทำอย่างไรถึงจะชนะใจเธอได้ ไม่รู้อะไรเลย พอไม่รู้ก็เลยยิ่งสนใจ อยากจะทำความเข้าใจเจ้าหล่อนให้ได้.... (ว่าแล้วก็จับเข้าปาร์ตี้)

    เพราะยุฟฟี่เธอ... อาร์ทมากๆ...

    ตัวอย่างเช่นตอนที่เจอเธอครั้งแรก พอเธอจะขอท้าสู้อีกครั้ง เราก็ต้องทำเป็นไม่สนใจเธอก่อน
    แต่พอถึงจุดนึง เราก็ต้องเปลี่ยนมาพูดเอาใจเธอ ขอให้เธอเข้าร่วมกลุ่ม
    ทว่าท้ายที่สุด เรากลับต้องทำเป็นไม่สนใจเธออีกครั้ง แล้วปล่อยให้เธอวิ่งตามมาเอง...

    ตรงนี้มันก็เริ่มทำให้ผมสับสนว่า ตกลงแล้วเธอชอบให้คนพูดเอาใจ หรือชอบให้คนทำเป็นไม่แคร์เธอกันแน่....
    ผมมองว่าเธอเป็นคาแรคเตอร์หญิงที่เอาความดี เอาความจริงใจสู้ด้วยไม่ได้ แต่ต้องใช้ลูกเล่นแกล้งทำเป็นสนใจบ้าง ไม่สนใจบ้าง พอเธอคิดว่าเธออยู่เหนือเรา เราก็ต้องทำเป็นไม่สนใจเธอ แต่พอเธอคิดว่าเราไม่แคร์เธอ เราก็ต้องแคร์เธอให้เห็น เราต้องผ่อนหนักผ่อนเบา... ประเมินสถานการณ์ และอ่านใจเธออยู่เรื่อยๆ ....เป็นอะไรที่ดูเข้าใจยากกว่าแอริธและทิฟาพอควรเลย

    นอกจากนี้บ่อยครั้งเธอยังพูดอะไรแผลงๆ ที่ทำให้ผมและตัวละครทั้งปาร์ตี้ต้องอึ้งอยู่เรื่อยๆ

    ตัวอย่างเช่น ตอนที่แบร์เร็ตเล่าเรื่องอดีตของตนให้ฟัง พอเล่าจบแล้วแต่ละคนก็พากันปลอบบาร์เร็ตบ้าง ช่วยด่าซ้ำเติมว่าชินระมันเลวบ้าง...
    ทว่ายุฟฟี่กลับผ่ากลางวงมาเลยว่า..... "ฉันไม่สงสารหรอกนะ นายโง่เองต่างหากที่ไปเชื่อพวกชินระ"
    ว่าแล้วคุณเธอก็เดินเข้ารถกระเช้าไป..... ปล่อยให้เรดเธอทีน ทิฟา และแอริธ ได้แต่ แบ๊ะ แบ๊ะ แบ๊ะ ..... ตามหลัง
    เพราะไม่เข้าใจว่่าหล่อนไปโกรธแค้นชินระมาจากไหน... และไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ เธอถึงพูดอะไรแบบนี้ออกมา

    นอกจากนี้ในสถานการณ์อื่นๆ ยุฟฟี่ยังชอบพูดอะไรที่ดูไม่เข้ากับสถานการณ์ออกมาอยู่เรื่อย เธอมักจะเป็นตัวของตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นยังไงเธอก็จะเป็นเธอที่กวนๆ ฮาๆ ของเธอตามเดิม แล้วก็พูดอะไรที่หลุดไปจากคนอื่น อยู่นอกเหนือความคิดของผมได้ออกมาอยู่เรื่อย

    ก็ถือเป็นคาแรคเตอร์ที่น่าสนใจดีในสายตาผม

    ส่วนเรื่องของริโนอาผมคงไม่พูดอะไร เพราะตอนนี้ไม่เหลือข้อมูลในหัวแล้ว และพี่เจก็ออกตัวแรงซะขนาดนั้น ผมคงไม่อยากจะขัดอะไรครับ

    ----------------------------------------

    กรณีของ FF13

    ผมเองพูดได้เต็มปากว่า ผมไม่อินกับตัวละครตัวไหนเลย และไม่ได้นึกชอบตัวละครไหนเป็นพิเศษ
    ถึงกระนั้นผมก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเกลียดตัวละครไหนเป็นพิเศษ
    ผมมองว่าคาแรคเตอร์แบบนั้น เมื่ออยู่ในสถานการณ์แบบนั้น เขาก็ต้องแสดงอากัปกิริยาแบบนั้นออกมาเป็นธรรมดา

    เรื่องเนื้อเรื่อง FF13 ในส่วนที่พี่เจบอกว่ารำคาญ ผมอ่านดูแล้วก็เห็นว่ามันก็วนๆ อยู่แค่ช่วงต้นๆ เรื่องมากๆ เท่านั้นเอง....
    ถ้าเป็น FF7 ก็ประมาณว่ายังไม่ได้ออกจากมิดการ์.... ยังวนๆ อยู่แถววอลล์มาร์เก็ต

    ก็อยากจะบอกว่าไอ้ที่ตัวละึครมันทะเลาะกัน (จริงๆ คือมีไลท์นิ่งโมโหอยู่คนเดียว) มันก็เป็นแค่ช่วงต้นเกมนั่นแหละครับ
    ไอ้ที่วิ่งผ่านดันเจียนเดิม 2 รอบ (ไวล์พีค) มันก็มีแค่ครั้งเดียวในเกมเท่านั้นแหละครับ

    ผมเห็นหลายคนชอบบอกว่าไลท์นิ่งขี้หงุดหงิด แต่ผมพูดได้เต็มปากว่า ไม่จริงเลยครับ

    ไลท์นิ่งแสดงอาการหงุดหงิดออกมา ก็แค่ช่วงต้นเรื่องเท่านั้น เฉพาะแค่หลังจากเหตุการณ์ที่ "ครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวพึ่งตาย" (ไลท์นิ่งเข้าใจว่าการกลายเป็นคริสตัลก็เหมือนกับตายไปแล้ว) และตัวไลท์นิ่งเองก็พึ่ง "กลายเป็นศัตรูของคนทั้งโลก"

    ว่ากันตามตรงแล้ว หากคนปกติแบบเราๆ เจอแบบนี้ลงไปบ้าง ถ้าไม่เศร้าสลดหดหู่ปลงตก อยากตายกับชีวิตถึงขีดสุด
    มันก็ต้องกลายเป็นเกรี้ยวกราดเคียดแค้น อาละวาด โกรธแค้นทุกสิ่งทุกอย่างแบบเธอ

    แท้จริงแล้วไลท์นิ่งไม่ใช่คนขี้หงุดหงิด แต่เป็นคนที่จริงจัง ซีเรียส... พอไม่พอใจอะไรก็พูดออกมาตรงๆ แสดงออกมาตรงๆ แบบขวานผ่าซาก
    ด้วยคาแรคเตอร์เช่นนี้ เมื่อเจอสถานการณ์ที่น้องสาวพึ่งตาย บวกกับโดนฟัลซิตัดหางปล่อยวัด ทำให้จู่ๆ เธอก็กลายเป็นศัตรูของคนทั้งโลก เมื่อคิดถึงอนาคตที่ต้องโดนตามล่า ต้องเข่นฆ่ากับคนทั้งหมด มันก็ไม่แปลกเลยที่เธอจะแสดงความเกรี้ยวกราด หงุดหงิดออกมาถึงขีดสุด แล้วก็พาลอยากจะทำลายมันไปทุกอย่าง

    ทว่าหลังจากที่เธอได้กลับมามองตัวเองดีๆ แล้วรู้ว่าตัวเองโกรธไปเพราะอะไร รู้ว่าตัวเองคิดอยากอาละวาดทำลายทุกอย่างเพราะอะไร เธอก็กลับมาทบทวนใหม่ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ เธอใช้เวลาคิดอยู่พักหนึ่งว่าแล้วเธอจะเอายังไงกับชีวิตต่อไป พอตัดสินใจได้ว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่อให้ได้เห็นหน้าน้องอีกครั้ง นับแต่นั้นมา.... เธอก็ไม่ได้แสดงหงุดหงิดออกมาใส่เพื่อนพ้องร่วมปาร์ตี้อีกเลย อาการหงุดหงิดตรงนั้นหายไปเลย.... จนกระทั่งมันมาโผล่อีกทีก็ตอนเธอยกดาบขึ้นมาชี้หน้าด่าบอสใหญ่นั่นแล...

    ดังนั้นในความเป็นจริงแล้ว ไลท์นิ่งไม่ใช่คนขี้หงุดหงิดเลย ที่เราเห็นเธอหงุดหงิดก็เพราะตอนต้นเกม สถานการณ์ที่เธอเผชิญมันบีบให้คนแบบเธอต้องหงุดหงิดก็เท่านั้น แต่เมื่อผ่านตรงนั้นไปได้แล้ว เธอก็ไม่ได้แสดงอาการเกรี้ยวกราดออกมาให้เห็น ดังนั้นการจะกล่าวว่าเธอเป็นคนขี้หงุดหงิดตลอดเวลา คงไม่ใช่ความจริงนัก

    ผมเองเห็นคนมานักต่อนักแล้วบอกว่าไลท์นิ่งเป็นคนขี้หงุดหงิด แต่ผมมองว่าถ้าวัดกันตามข้อเท็จจริงในเกมเพียวๆ แล้ว
    ไลท์นิ่งไม่ใช่คนขี้หงุดหงิด แต่ที่คนหลายคนมองว่าเธอขี้หงุดหงิด คงเพราะโดนภาพลักษณ์ที่เธอเกรี้ยวกราดให้เห็นตอนต้นเกมฝังใจไปแล้ว
    ประหนึ่งว่าโดนคนที่ยังไม่รู้จักดี ร้ายใส่เข้าให้ไปครั้งหนึ่ง เลยสรุปว่าคนๆ นั้นเป็นคนที่ร้ายในทันที....

    เรื่องโฮป ผมมองว่าเด็กธรรมดา... ในสถานการณ์เช่นนั้นก็ต้องออกอาการงั่งๆ แบบนั้นแล

    ส่วนวานิลลา ไอ้ท่าไร้เดียงสาทั้งหมดที่เธอแสดงออกมามันเป็นแค่ละครตบตา ที่เธอแสดงได้แนบเนียนจนผมต้องยอมรับความพ่ายแพ้ทางปัญญา Orz

    แท้จริงแล้ววานิลลาก็เป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาทั่วๆ ไปคนนึง ไม่ได้แบ้วอะไรมากอย่างที่เธอเสแสร้งให้เห็น... มิหนำซ้ำเธอยังค่อนไปทางฉลาดแกมโกง ในตอนต้นเกมเธออยากจะเข้าไปยังวิหารฟัลซิแต่ไม่รู้จะเข้าไปยังไง เธอก็ไปหลอกใช้โฮปให้พาเธอเข้าไป ทำให้โฮปต้องซวยไปกับเธอด้วย.... ส่วนที่เธอต้องแสร้งแบ้วให้คนทั่วไปคิดว่าเธอเป็นคนโง่งี่เง่า ทำให้คนทั่วไปไม่อยากซักถามเธอมาก ก็เป็นผลมาจากการที่เธอเป็นคนในแกรนพัลส์ที่หลับไปร่วม 600 ปี พอตื่นมาในโคคูนก็ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เจอทีวีก็งง เจอบัตรเครดิตก็งง เจอแอร์ไบค์ก็งง เดินเข้าร้านอาหารก็งง เจออะไรก็ไม่รู้จัก..... ไอ้ครั้นจะไปบอกใครว่าเป็นคนที่มาจากแกรนพัลส์ก็กลัวว่าหากความแตกแล้วจะโดนรุมประชาทัณฑ์ งั้นทำยังไงถึงจะกลบเกลื่อนเรื่องนี้ได้? ทำยังไงถึงจะุถามข้อมูลต่างๆ จากคนอื่นได้โดยไม่ให้ใครสงสัยตัวตนที่แท้จริงของเธอ?

    ทางออกเดียวที่เธอคิดออกในตอนนั้น ก็คือการแสร้งทำตัวเป็นเด็กสาวบ้องแบ้ว ไร้เดียงสา ค่อนไปทางปัญญาอ่อน
    (หมายเหตุว่า หากผมเป็นเธอ ผมก็คิดหนทางอื่นไม่ได้....)

    ถ้าทำให้คนหลงเชื่อว่าเธอเป็นคนแบบนั้นได้ การที่เธอจะถามอะไรที่ไม่น่าถาม (เพราะคนทั่วๆ ไปในโคคูนก็รู้กัน) ก็จะไม่ผิดสังเกต
    ตัวอย่างเช่น การที่เธอถามว่า อีตาไดสลีย์เนี่ยเขาเป็นใคร?
    ถ้าเธอวางตัวเป็นปกติแล้วถามออกไป.... เธอจะโดนตั้งแง่สงสัยทันที...
    แต่พอเธอทำให้พวกซัสซ์ ไลท์นิ่ง และคนเล่น หลงเชื่อได้ว่าเธอเป็นแค่ผู้หญิงโง่ๆ ธรรมดาๆ..... เธอก็สามารถถามออกไปได้โดยไม่มีใครสงสัย

    ยอมรับนะครับว่าตอนที่ผมรู้ว่าทั้งหมดที่เธอทำเป็นแค่การเล่นละคร ผมโคตรจุกเลยที่โดนเธอหลอกเข้าจังๆ
    ยิ่งพอได้เล่นตัวเกมภาค US... แล้วมาสังเกตดีๆ ว่าตอนต้นเกมเธอได้หลอกใช้ โกหกปิดบัง ใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรใส่เราบ้าง... (ซึ่งตอนเล่นรอบแรกไม่มีทางสังเกตได้) ยิ่งรู้สึกเจ็บแสบที่โดนหลอกมาตลอด และอยากจะจดจำเธอในแง่ของตัวละครที่เล่นละครได้แสบบบบบบบบบ ประเภทเดียวกับคิระในเดธโน้ต, มาสเตอร์เซอานอร์ทใน KH, โจชัวใน WEWY........ วานิลลาเองก็เป็นพวกลงทุนเล่นละครเพื่อเป้าหมายของตนเองแบบนั้นเลย (ต่างกันที่พวกตัวละครในเรื่องอื่นๆ มักเล่นละครให้ตัวเองดูดีกว่าปกติ แต่วานิลลาต้องเล่นให้ตัวเองดูโง่กว่าปกติ)

    ส่วนเรื่องที่จู่ๆ ศิวะก็โผล่ออกมา และเรื่องอื่นๆ ทั้งหมด มันมีที่มาที่ไปทั้งหมดแหละครับ และมันก็บอกไว้ในเกมหมดแล้วด้วย อยู่ที่ว่าจะได้อ่านกันรึเปล่า...

    ผมเองเคยเจอคน (ชื่อดังในวงการ มีเครดิตสูงมาก) ที่บอกว่าการกระทำของซิดในภาคนี้มันไม่สมเหตุสมผล เกมไม่ได้บอกให้ชัดว่าเขาจะทำอะไรกันแน่ ดูไม่มีที่มาที่ไป...... แล้วเขาก็สรุปไปว่าเกมนี้มันไม่สมเหตุสมผล ซึ่งผมฟังแล้วก็สงสัยว่าในเกมมันก็เขียนอธิบายไว้ชัดๆ ซิดเองก็พูดให้ฟังกันจะๆ ว่าเดิมเขาคิดจะทำอะไร แล้วเกิดอะไรขึ้นทำให้มันต้องเปลี่ยนไป แล้วยังมีอะไรให้สงสัยอีกล่ะ? .... พอผมลองถามเขากลับไปว่าในเกมซิดก็พูดแบบนั้นแบบนี้ให้ฟังไม่ใช่เหรอ... แล้วยังสงสัยประเด็นไหนอีก? ปรากฏว่าเจ้าตัวดันไม่รู้ว่าในซิดมีพูดอะไรแบบนั้นในเกมด้วย.... พอผมอธิบายให้เขาฟังไปว่าในเกมซิดมันพูดให้ฟังจะๆ เลยว่าอะไร... มันก็เป็นอันเคลียร์ - -"....

    นอกจากนี้ผมยังเคยเจออีกหลายๆ คนที่บอกว่าเกมนี้ไม่สมเหตุสมผล ซึ่งเป็นความเข้าใจที่จำฝังใจมาตั้งแต่ตอนเล่นภาคญี่ปุ่น ตอนนั้นผมเขียนบทสรุปแบบลวกๆ ตามความเข้าใจ ตามการแปลแบบผ่านๆ ของคุณ K นามสมมติ... ซึ่งมันก็มีหลายประเด็นที่คุณ K แปลไม่ออก ผมเลยไม่ได้ใส่ลงไปในบทสรุป.... แล้วบทสรุปนั้นก็โดนก็อปปี้แปะตามที่ต่างๆ มากมาย พอคนจำนวนมากได้อ่านก็เกิดประเด็นคำถามในเรื่องของบอสใหญ่เยอะแยะ แล้วก็คิดไปว่าบอสใหญ่ทำตัวตลก ไม่มีที่มาที่ไป ทำอะไรงี่เง่าบัดซบ.... แล้วก็จำฝังใจมาตลอดว่า FF13 เป็นเกมที่ไม่สมเหตุสมผลในหลายๆ ส่วน....ซึ่งจุดนี้ผมขอยอมรับว่าความเชื่อดังกล่าว ส่วนหนึ่งมันเกิดมาจากความจ๊าดง่าว ความชุ่ยของผมเอง Orz ซึ่งถ้าผมได้เขียนให้มันเคลียร์ตั้งแต่แรก ใส่ข้อเท็จจริงให้ครบว่าอะไรเป็นอะไร ก็คงไม่มีคนเข้าใจผิดกันมากดั่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

    ตัวผมเองไม่ได้คิดจะปกป้องเกมนี้นะครับ แต่ก็พูดไปตามข้อเท็จจริงที่ตัวเองได้เห็น ส่วนไหนดีก็ว่าดี ส่วนไหนไม่ชอบก็บอกไปตามตรง

    โดยรวมแล้วผมเฉยๆ กับเนื้อเรื่องภาคนี้ แต่ก็สนใจในประเด็นที่นำเสนอกลุ่มตัวเอกในฐานะศัตรูของคนทั้งโลก ซึ่งมันไม่เคยมีมาในไฟนอลฯ ภาคก่อนๆ ดังนั้นเนื้อเรื่อง 70% ของเกมมันถึงวนเวียนอยู่กับธีมของเกมที่คุณโทริยามะบอกว่ามันคือการคิด ตัดสินใจว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อไป.... ซึ่งกว่าจะคิดได้กันครบทั้งกลุ่มก็จบ Chapter 9 ไปแล้ว.... (แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีคนจำนวนมากเข้าใจผิดว่า เกมนี้คือการผจญภัยเพื่อปกป้องโคคูน~ ทั้งที่ตัวละครมันพึ่งจะมาสนใจความเป็นอยู่ของโคคูนกันอีตอน 2 Chapter สุดท้ายเท่านั้นเอง....)

    ส่วนเรื่องระบบเกม อันนี้ก็มีหลายอย่างขัดใจผมแหละครับ ไล่มาตั้งแต่
    - เนื้อเรื่องที่แบ่งเป็น Chapter, ระบบ Story-Driven แบบเต็มเหนี่ยวตามใจคุณโทริยามะ ออกนอกลู่ทางไม่ได้
    - ระบบคริสตัลเลียม... ที่เหมือนเอากระดานสเฟียร์มาดาวน์เกรดลง T-T
    - ระบบต่อสู้... ถ้าเล่นเป็นแล้ว ก็ใช้วิธีเดิมๆ ไปตลอดได้เลย เปิดฉากมาก็บัฟ ดีบัฟ ทำเชน ตีๆๆ เวลาเจอท่าหนักๆ ก็ดีเฟนเดอร์ 3 ตัว มีอยู่แค่นั้น

    เรื่อง XIII-2 คุณโทริยามะเค้าบอกว่า... เนื่องจากมีเสียงวิจารณ์เรื่องความเป็นเส้นตรง ไม่มีเมืองให้สำรวจ ไม่มีทางแยกให้เลือก ดังนั้นใน FFXIII-2 เขาจึงเปลี่ยนมาทำในระบบ Story-Driven แล้ว ก็ยืนยันว่าจะมีทั้งเมืองให้ืสำรวจ ทางแยกให้เลือก แล้วในเหตุการณ์หนึ่งๆ ก็เลือกที่จะตัดสินใจได้หลายแบบ เวลาคุยก็มีตัวเลือกให้เลือกตอบหลายอัน ฉากจบก็ทำไว้หลายๆ แบบ..... ซึ่งมันก็ดีแหละครับที่เขารับฟังเสียงของผู้บริโภค

    ส่วนเรื่องโครงสร้างของเนื้อเรื่อง คุณโทริยามะเคยบอกว่าได้เปลี่ยนเป็นโครงสร้างแบบอื่นแล้ว และจะเผยในงาน TGS2011 ครับ
    Save-The-Queen ถูกใจสิ่งนี้
  13. BoN

    BoN แกนนำไร้วิญญาณ

    EXP:
    1,776
    ถูกใจที่ได้รับ:
    66
    คะแนน Trophy:
    113
    เรื่องสไตล์ของเกมว่าจะเป็นเส้นตรงหรือไม่ ผมว่ามันขึ้นอยู่กับผู้กำกับแหละครับ

    คุณโทริยามะเค้าถนัดการทำเกมสไตล์นี้ เนื้อเรื่องเป็นเส้นตรง แบ่งได้เป็น Chapter ผลงานที่ผ่านมาของเขาก็เป็นแบบนี้หมด
    จะต่างกันก็ตรงที่ว่า FF13 มันดันตรงแด่วไปมากที่สุดเลยนั่นเอง...

    ถ้าให้ผู้กำกับคนอื่นทำ ก็จะได้เกมที่แตกต่างกันออกไป

    ตอนนี้ถ้าอยากได้ World Map ก็ต้องรอเล่นภาค Type-0 แหละครับ เกมนี้เป็นผลงานของคุณทาบาตะ ซึ่งเขาก็รวมเอาสิ่งต่างๆ ที่เคยมีใน FF ภาคก่อนๆ และแฟนๆ เรียกร้องเข้ามา รวมเข้าไปในเกมนี้ ก็เลยมีทั้งเรือเหาะและเวิลด์แมพโผล่มาด้วย

    แต่ถึงกระนั้นผมก็ไม่อยากให้คาดหวังว่า FF Type-0 จะให้ความรู้สึกได้เหมือนกับ FF ภาคก่อนๆ ครับ... เพราะที่ผ่านมา ผลงานด้านเกมเพลย์ของเกมที่คุณทาบาตะเคยสร้างก็จัดอยู่ในขั้นธรรมดา ไม่มีอะไรโดดเด่น ออกจะเป็นการเอาไอเดียที่มีอยู่แล้วมาผสมๆ เข้าด้วยกัน ไม่ได้เห็นอะไรแปลกใหม่ครับ... ตัวผมเองเป็นคนที่เชื่อว่าสิ่งที่จะทำให้คนประทับใจได้ คือสิ่งแปลกใหม่ที่มันดันไปโดนใจผู้คน ....ดังนั้นในตอนนี้เลยยังไม่อยากตั้งความหวังกับภาค Type-0 สักเท่าไหร่

    คิดแล้วก็น่าเสียดายครับ... ไม่รู้ตอนนี้คุณอิโต ที่ทำเกมเพลย์ให้ FF ภาคเก่าๆ กำลังทำอะไรอยู่....
    คุณทานากะที่เคยสร้างความมหัศจรรย์ไว้ในภาค 11 .... ก็โดนนโยบายขีดเส้นตายให้รีบเข็นเกมออก ทำให้เสียคนไปแล้ว
    คุณคาวาซึที่ทำคริสตัลแบร์เรอร์ได้แปลกใหม่ ก็เจอชื่อเสียเก่าๆ เล่นเอาเกมขายไม่ออก
    คุณโนมุระเอง ใจก็ไปอยู่กับ KH หมดแล้ว.......

    สิ้นหวังแล้ววววววววววววววววววววววววววว~
  14. Save-The-Queen

    Save-The-Queen Member

    EXP:
    64
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    8
    สิ่งที่ทำให้ตัวละคร FF13 น่าสนใจสำหรับผมมีอย่างเดียวจริงๆเท่านั้น นั่นคือ ทุกคนหล่อและสวยกันมากๆๆๆๆ (ยกเว้นซาสซ์ 55)
    นอกนั้นไม่ค่อยอินหรอก แต่ที่เ่นมากทั้งหมดนะ ผมชอบคาแรกเตอร์ของ ริคคุ อ่ะ

    มันเหมือนกะว่าความน่าัรักเหล่านี้เหมือน แสร้งทำ มากกว่า
    เพราะว่าริคคุเหมือนเป็นตัวละครที่พยายามจะปิดบังความอ่อนแอของตัวเองอยู่ตลอดเวลา
    แต่ทำยังไงก้อปิดไม่มิด แต่เจ๊ก้อพยายามเต็มที่ ผมชอบมากๆเลย

    พอมาภาค X-2 เนี่ย น่ารักกว่าเก่านะผมว่า
    แต่จากที่เคยเป็นคาแรกเตอร์ที่ชอบมากๆๆๆ
    SQEX กลับทำลายภาพลักษณ์นั้น และเปลี่ยนเธอเป็น เจ๊ร่_นไปเลย
    และเจ๊ก้อพายูน่าร่_นไปด้วย -*-

    ถ้า SQEX เปลี่ยนการเล่าเรื่องของทุกภาคเลยนะ
    มันจะน่าติดตามมากกว่านี้อีก

    อย่างที่พูดๆกันแหละคับ ตอนนี้ Final Fantasy เป็นแค่เกมที่โดดเด่นที่ CG และการออกแบบแค่นั้น TT TT

    แต่อย่าเข้าใจผมผิดนะ ผมเนี่ยชอบ FF ทุกภาคเลย
    เนื้อเรื่องมันดูดีอยู่แล้ว แหวกแนวตลอดเลย
    แต่มันติดที่การเล่าแค่นั้นแหละ

    ปล.กลายเป็นกระทู้วิจารณ์ไปแล้ว
    Azemag ถูกใจสิ่งนี้
  15. jpenguin

    jpenguin Admin Staff Member

    EXP:
    2,537
    ถูกใจที่ได้รับ:
    93
    คะแนน Trophy:
    113
    เรื่องเขียนอธิบายไว้ - ระหว่างเล่นผมอ่านหมดนะครับ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันมีที่มาที่ไปมากขึ้นตรงไหน ประเด็นหลักที่ผมไม่ชอบที่สุดก็คือ ทุกอย่างมันเกิดขึ้น ระหว่างเดินผ่านดันเจี้ยนทั้งนั้นเลย ทั้งไอ้อยู่ๆ ก็ทะเลาะกัน อยู่ๆ ก็เจอมอเตอร์ไซค์ (มันคือศิวะหรอกรึ) ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะผมเกลียดดันเจี้ยนมันเอามากๆ เลยก็ได้ แค่เดินผ่านมันผมก็หงุดหงิดแล้ว หงุดหงิดจนทนเล่นต่อไม่ไหวจริงๆ
  16. ffpokemon

    ffpokemon Editor

    EXP:
    1,691
    ถูกใจที่ได้รับ:
    79
    คะแนน Trophy:
    113
    ผมเองยังไม่ได้เล่นภาค 13 จริงจังแต่ในกระทู้นี้มีหลายประเด็นที่น่าสนใจเลยขอแจมครับ

    ประเด็นแรก - เรื่องจุดพีีคของไฟนอลฯ ตอน PS1
    อันนี้ถ้ามองคร่าว ๆ ด้วยความรู้สึกผมก็คิดเหมือนกันครับ ส่วนตัวผมมองว่าเมื่อเทียบกับภาคอื่น ๆ แล้ว รู้สึกเลยว่าช่วง 7-8-9-10 นี่เป็นอะไรที่เหนือกว่าภาคอื่นมาก ๆ คือตอน 1-2-3 นี่ผมรู้สึกค่อนข้างโอเค 4-5-6 นี่คือเยี่ยม แต่ 7-8-9-10 มันคือสุดยอด พอมาลอง 12-13 แล้วผมรู้สึกว่ามันเริ่มจะเป็นขาลงครับ

    ยิ่งถ้าเทียบกับเกมอื่น ๆ ในช่วงเดียวกันแล้ว ไฟนอลทุกภาคก็ถือว่าเป็น RPG ชั้นเยี่ยม แต่ในยุคสมัยเดียวกัน 1-2-3-4-5-6-12-13 นี่ผมคิดว่ามีเกม RPG อื่น ๆ ในช่วงนั้นที่ผมว่าสู้ได้ หรือไม่ก็เหนือกว่าด้วยซ้ำ แต่ในสมัย 7-8-9 นี่ชัดเจนมากว่าแทบจะไร้คู่แข่งเลยทีเดียว

    ผมไม่ได้บอกว่าภาค 7-8-9-10 ดีกว่าภาคอื่น ๆ นะครับ ถ้าเรามาลองเจาะลึกจนถึงรายละเอียดก็จะเห็นข้อดีของแต่ละภาค ขนาดภาค 1 ที่รีเมคแล้วรีเมคอีก ก็ยังมีประเด็นเรื่องเวลาวนลูปที่น่าสนใจ ภาค 12 เองก็มีหลายองค์ประกอบที่ยอดเยี่ยม แต่ถ้าพูดถึงเรื่อง "ความรู้สึก" อย่างเดียว 7-8-9-10 นี่เล่นแล้วมันให้ความรู้สึกที่ดีจริง ๆ ซึ่งคะแนนรีวิวกับยอดขายก็เป็นไปตามนั้น

    ประเด็นสอง - เรื่องคาแรคเตอร์ เนื้อเรื่อง และระบบการเล่น
    ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ส่วนใหญ่แล้วไฟนอลภาคที่มีเนื้อเรื่องได้รับคำชมมาก ๆ (เช่น 4,6,9,10) ระบบการต่อสู้มักจะเป็นแบบแต่ละคนมีอาชีพและบทบาทชัดเจน ใครเป็นนักสู้ ใครเป็นขโมย ใครเป็นนักเวทดำ ใครเป็นนักเวทขาว
    แต่ภาคที่ทุกคนทำได้ทุกอย่าง (เช่น 3,5,12) เนื้อเรื่องมักตรงไปตรงมากว่า ถึงจะมีบางปมซับซ้อนก็มักจะไม่ได้รับคำชื่นชมมากเท่าประเภทแรก

    จะมีภาค 7,8 ที่เนื้อเรื่องทั้งเข้มข้นและระบบการต่อสู้ที่เหนือชั้นจริง ๆ (แต่สำหรับภาค 8 อาจจะโดนด่าเยอะหน่อย)

    ส่วนตัวผมมองว่าไฟนอลบางภาคมีปัญหาเรื่องคาแรคเตอร์จริง ๆ นะครับ อย่างเช่น 1,2,3,5,12 คือมันไม่ค่อยทำให้เรารู้สึกเท่าไหร่เลยว่าตัวละครตัวนี้นิสัยยังไง ทำไมถึงคิดแบบนี้ โอเคว่า 1,2,3,5 นี่ให้อภัยได้ แต่ 12 นี่มีแต่คนพูดว่าคาแรคเตอร์ตัวละครในเรื่องนี้มันเหมือน ๆ กันหมด คือเงียบ ๆ ขรึม ๆ นิ่ง ๆ พวกการแสดงออกแบบเปิ่น ๆ ของวานและพันเนโลนี่มันดูเฟคยังไงชอบกล ไม่เหมือนบางภาคเช่น 6,7,9,10 ที่มีทั้งนิ่ง เครียด ฮา ติ๊งต๊อง คอยตัดมุขกันไปมา

    เรื่องระบบการเล่นบางภาคที่จงใจทำมาให้ธรรมดา เช่น 1,4 นี่ถึงจะไม่มีอะไรก็จัดว่าโอเคอยู่ แต่บางภาคที่มีปัญหาหนักจริง ๆ เช่น 9, 12 เรื่องระบบ ATB ผมเล่นแล้วท้าย ๆ เกมหมดสนุกกับการต่อสู้ไปเลย และไฟนอลภาคหลักเกือบทุกภาคยกเว้น 5,7 จะมีปัญหาซ้ำซากอยู่อย่างหนึ่งก็คือเวลาตัวละครเก่ง ๆ แล้วพวกเวทย์มนต์โจมตี เวทย์มนต์ใส่สเตตัส ท่าต่าง ๆ แทบจะหมดประโยชน์ เหลือแค่ attack กับ cure แล้วก็บัฟบางอย่าง อันนี้เป็นอะไรที่ทำให้การสู้บอสลับในภาคหลัง ๆ (เช่น 10,12) มันไม่สนุกเท่าที่ควร ผมคิดว่าน่าจะให้มีการใช้กลยุทธ์ โจมตีบ้่าง ใช้เวทย์บ้าง ใส่สเตตัสบ้าง สลับกันไปน่าจะสนุกกว่า

    ผมว่าเรื่องเวทย์มนต์นี่ภาคหลักน่าจะเอาอย่างภาคเสริมต่าง ๆ เช่น Tactics, X-2 บ้าง เวลาต่อสู้มันจะได้หลากหลายหน่อย

    ที่ตลกอย่างหนึ่งก็คือผมเองถ้าเกลียดระบบการต่อสู้ภาคไหน เนื้อเรื่องภาคนั้นผมต้องอยากติดตามทุกที สุดท้ายกลายเป็นต้องเล่นมันทุกภาคซะงั้น

    ประเด็นสาม - ความเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับบางภาค (อันนี้เวิ่นเว้อนะครับ ถ้ารำคาญอ่านข้ามไปเลย)
    • ทำไมไม่ค่อยมีใครชอบระบบการต่อสู้ของ FF7-DC เลย ^^; ส่วนตัวผมชอบมากนะครับ เป็น action-RPG ที่ผมชอบมากที่สุดเกมหนึ่งเลย มีทั้งยิงปืน ทั้งต่อย ทั้งใช้เวท ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ความยากก็กำลังพอดี ๆ ด้วย
    • ผมชอบระบบมินิเกมเหมือนกัน (ยิ่งการเก็บอาวุธสุดยอดจากมินิเกมนี่ผมว่าเข้าท่ามาก) แต่ส่วนตัวแล้วผมชอบของภาค 10 มากกว่าภาค 9 นะครับ คือภาค 10 นี่มินิเกมถือได้ว่ายาก แต่ภาค 9 นี่มันคือสุดยอดแห่งความอภิมหายากนิรันดร์กาลไปหน่อย โดดเชือก 1000 ที -*- คิดไปได้
    • ชอบฉากจบภาค 9 เหมือนกันครับ เป็นฉากจบในดวงใจเลยทีเดียว
    • ไม่ชอบเนื้อเรื่องภาค 12 เช่นกันครับ บางช่วงมันดูมั่วไปหน่อย แรงจูงใจบางทีมันดูไม่ค่อยเข้ากับการกระทำเท่าไหร่
    • เรื่องเป็นเส้นตรง ผมว่าไฟนอลทุกภาค (DQ ก็ด้วย) เนื้อเรื่องมันก็เส้นตรงนะครับ แต่ปัญหาของ 13 ก็คือนอกจากเนื้อเรื่องเส้นตรงแล้วการควบคุมมันยังเส้นตรงไปด้วย ไปเดินเที่ยวเล่นไม่ได้เลย ความจริงภาค 10 เนื้อเรื่องกับทางเดินมันก็เส้นตรงเหมือนกันแต่คนชอบกันเพราะมันยังให้อิสระเราไปเดินเล่นตรงนู้นตรงนี้ได้ ถ้าให้ไม่เป็นเส้นตรงแบบตอบคำถามแล้วเนื้อเรื่องเปลี่ยนไปเลยแบบ RPG อเมริกานี่ผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน
    • เรื่องหน้าตาตัวละคร ผมว่าภาค 7-8-10 นี่ตัวละครหน้าตาดีกว่า 12-13 เยอะนะครับ
    BoN และ Save-The-Queen ถูกใจสิ่งนี้
  17. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    กดไลค์... สองสาวกลายเป็นสกอยซ์เต็มตัวไปเลยอะ... ยูนะที่เคยสุภาพอ่อนโยน หายไปไหน OTL
    ริคคุที่เคยสดใสร่าเริงกลา่ยเป็นสาวมั่นปากกล้าไปเสียอย่างงั้น OTL
  18. Save-The-Queen

    Save-The-Queen Member

    EXP:
    64
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    8
    จิ้มไลค์ให้โดดเชือก 1000 ทีไปเลย แถมตอนวิ่งแข่งอีก ทำไงก้อไม่ชนะ ดีนะที่มันไม่เป็นไขเอาไอเท็มสุดยอดอะไร
    แต่ภาค 10 เนี่ย เล่นเท่าไหร่ก้อเอาอาวุธทีดัสไม่ได้เลย จะฆ่าโจโกโบะแล้ว เป็นภาคที่เล่นแล้วเกลียดโจโกโบะมากๆ
    แถมหลบสายฟ้าอีก สมาธิผมมีแค่ 50 ที ก้อเดี้ยงแล้ว

    สงสัยโดนบ่นเรื่องมินิเกมบ่อยมั้ง
    ภาคหลังๆมินิเกมเริ่มหด จนภาค 13 ไม่เหลือเลย

    ส่วนตัวนะภาค 13-2 เนี่ย
    อยากให้มีค่าความสัมพันธ์แบบภาคเก่าๆมั่งอ่ะ
    แบบว่าอยากเล่นเซราห์โปรยเสน่ย์ใส่คนโน้นที คนนี้ที 555

    ส่วนเรื่องหน้าตานะ สโนว์แกหล่อสู้คนเก่าๆไม่ได้หรอก
    แต่หุ่นพี่แกแบบว่า OMG!! มากเลย แฮะๆ
    แถมมาแบบชัดๆแบบ HD อีกด้วย ซิกแพคกระแทกหน้าเบาๆเลยทีเดียว
    (เริ่มออกแนวหื่นแล้วเรา -*-)

    และขอเพิ่มอีกอย่างนะ
    ใครๆที่บอกว่าไม่ชอบเสียงพากษ์อังกฤษของวานิลล์นะ
    ผมว่ามันทำออกมาค่อนข้างดีเลยแหละ

    ผมว่าทาง SQEX เนี่ย ต้องการให้สำเนียงของ 2 สาวจากพัลส์แตกต่าง
    จากสำเนียงของโคคูน เลยทำให้เป็นสำเนียงแบบชาวอังกฤษไปเลย
    แล้วสำเนียงแบบนี้มันจะทำให้แบ๊วผมว่ามันยากอยู่นะ
    ที่เราฟังแล้วว่ามันแปลกเพราะเสียงสาวๆแบ๊วส่วนใหญ่มัน
    เป็นพวกสำเนียงอังกฤษแบบอเมริกันซะมากกว่า
    พอมากฟังแบบนี้เลยรู้สึกแปลก
    (ความคิดส่วนตัวนะ)
  19. jpenguin

    jpenguin Admin Staff Member

    EXP:
    2,537
    ถูกใจที่ได้รับ:
    93
    คะแนน Trophy:
    113
    เห็นด้วยเรื่องคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนนะครับ อย่างไฟนอล 4 พอแปลดีๆ ลง PSP ผมรู้สึกตัวละครมีสเน่ห์มากจริงๆ ถึงแม้ว่า game play อาจจะไม่ได้ตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น (เล่นถึงดวงจันทร์ก็ชักขี้เกียจเล่นต่อ)
  20. taepoppuri

    taepoppuri Member

    EXP:
    480
    ถูกใจที่ได้รับ:
    2
    คะแนน Trophy:
    18
    ไฟนอลภาคหลักทุกภาคที่เราเล่นต่างมีความมุ่งมั่นตั้งใจของทีมงานผู้สร้าง
    เราชอบความประณีตของผู้สร้างญี่ปุ่นที่ใส่ใจในรายละเอียดแบบนี้
    เลยไม่อยากบอกว่าภาคไหนดีไม่ดี มีแค่ว่าภาคไหนถูกจริตเรามากน้อยแค่นั้นเองค่ะ 555

    อยากจะขอบ่นเรื่องที่ถูกใจและไม่ถูกใจในภาคหลังๆ
    สิ่งที่เราคิดว่าภาค13ทำแล้วผิดพลาดมากที่สุดคือการเล่าเรื่องค่ะ
    ส่วนตัวแล้วคิดว่าพล็อตมันดี พล็อตของfabulaเรื่องเทพสามองค์ก็ดี แต่ทีมงานเลือกวิธีสื่อได้ไม่ถูกใจเอาซะเลย

    ในภาคนี้ ผู้สร้างตั้งใจสร้างให้มีตัวเอก6คน แต่ละคนมีบทบาทของตัวเอง มีความโดดเด่นของตัวเอง
    และเราคิดว่าทุกตัวมีวัตถุดิบที่ดี มีมิติมากพอไม่แพ้ตัวละครภาคเก่าๆ แต่อย่างที่บอกว่าการเล่าเรื่องนั้นทำได้ไม่ดี ทำให้ผู้เล่นแทบจะไม่รู้สึกถึงประเด็นเหล่านั้นเลย
    ทำให้หลายๆคนรู้สึกว่า ไลท์นิ่งขี้โมโห สโนวปัญญาอ่อน โฮปง้องแง้งน่ารำคาญ วานิลาแรดแอ๊บแบ้ว ซึ่งจริงๆมันเป็นเปลือกของตัวละคร

    ในภาคก่อนๆบทจะโฟกัสความสำคัญที่ตัวเอกเพียงตัวเดียว ประเด็นสำคัญของเนื้อเรื่อง บทเท่ๆ บทซึ้งๆ แทบจะประเคนมาให้พระเอกซะหมด
    ไม่น่าแปลกใจที่ผู้เล่นจะเกิดความผูกพันธ์และชื่นชอบตัวละคร และเริ่มหลงไหลไปในโลกของเกมนั้นๆ ตัวละครที่มีสเน่ห์เราว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก
    เริ่มชอบตัวละครก็จะทำให้เราอยากรู้เรื่องราวต่อไปมากขึ้น อยากรู้เนื้อเรื่องมากขึ้น

    ประเด็นตัวละครเอกที่มีสเน่ห์นี้เราคิดว่าเห็นได้ชัดทั้งในภาค12และ13
    ภาค12โดนด่าหนักที่สุดก็เรื่องพระเอก...หลังๆกระแสดีขึ้นหน่อยก็เพราะวานไปโผล่ในดิสซิเดีย
    แต่ยังไงก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวละครเอกที่ขาดความน่าสนใจ+เนื้อเรื่องที่ไม่มีไคลแมกซ์ ทำให้ภาค12เป็น1ในปัจจัยที่ทำให้แฟนๆบอกว่าไฟนอลภาคหลังๆขาดสเน่ห์ ไม่ดึงดูดแบบเดิม

    กลับมาที่วิธีการเล่าเรื่อง ในภาค13 ทีมงานต้องการที่จะแบ่งบทให้ทุกตัวละครจึงเลือกเล่าเรื่องแบบตัดไปตัดมา
    ส่วนที่เป็นภูมิหลังของตัวละครก็เอาไปใส่ไว้ในเอกสารในเกม ให้ตามเก็บตามอ่านกันเอง
    ตัดฉากระหว่างหลายตัวละครไม่พอยังย้อนเล่าเรื่องแบบไม่เรียงไทมไลน์ ทั้งหมดนี้ส่งผลให้เนื้อเรื่องไม่ประติดประต่อ -*-
    โชคดีที่เราอ่านนิยายของภาค13ก่อนจะเริ่มเล่นเกม เลยเข้าใจไทม์ไลน์เหตุการณ์คร่าวๆและเข้าใจที่มาที่ไปของตัวละครค่ะ
    (อันที่จริงถึงจะไม่ได้อ่านนิยายมาก่อน ในเกมมันก็มีคำอธิบายอยู่แล้ว แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้อ่าน)
    แต่การเอาไอ้ฉากที่ควรจะเล่าให้คนได้เข้าใจภูมิหลังตัวละครมากขึ้นมาเขียนเป็นตัวหนังสือเนี่ย...ไม่ทราบว่าคิดได้ยังไงกันเฟ้ยย -[]-"

    นอกจากนั้นส่วนตำนานของfabulaที่เป็นตัวเฉลยปมเนื้อเรื่องสำคัญ ก็ดันเอาไปใส่ไว้ในเอกสารซะ70เปอร์เซ็น อีก30เปอร์เซ็นต้องตีความเอาเองจากบทพูดของตัวละคร
    ไม่ว่าจะเป็นเรื่องว่าสัตว์อสูรโผล่มาทำไม เหตุผลของซิดคืออะไร บาร์ธเดลุสช่วยเราทำไม ล้วนเป็นส่วนสำคัญแต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ แล้วก็ขี้เกียจจะหา เลยตีความว่ามันไร้เหตุผลไปซะ
    ถามว่าทุกคำตอบอยู่ในเกมมั้ย ใช่ค่ะ เราจึงไม่คิดว่าทีมงานชุ่ยไม่ใส่คำตอบหรือบทห่วยเลยแม้แต่น้อย แต่ผิดที่วิธีการนำเสนอที่ไม่เคลียร์

    จบประเด็นการเล่าเรื่องไป เดี๋ยวจะขอมาอีกประเด็น -w-"
    A.K.Thathap และ BoN ถูกใจสิ่งนี้
  21. rubiks47

    rubiks47 Member

    EXP:
    94
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    8
    เคยสังเกตป้ะ ว่าช่วงที่เกมสนุกเยอะที่สุด คือช่วง PS1 ไม่ใช่แค่เกมไฟนอลนะ

    แต่รวมทั้งเกมอื่นด้วย
    Harvest moon ไม่มีภาคใหนทำได้ดีเท่า Back to nature
    castlevanie : The symphony of the night เป็นอะไรที่คลาสสิคที่สุดแล้ว คิดได้ไง 100% แล้วมีไอ้เทมลับใส่แล้ว ฆ่าบอสปราสาทกลับหัว 200%
    valkyrie profile ภาคต่อๆมา ก็ไม่เห็นจะสนุกเท่าภาคของ ps1

    หรือช่วงนั้นคนไม่ค่อยมีค่านิยมเกี่ยวกับ กราฟฟิค เหมือนสมัยนี้
    เหมือนช่วงนั้นคนเค้าให้ความสำคัญกับระบบการเล่นมากกว่ามั้ง
    แต่สมัยนี้แบบว่าเล่นเกมก็ต้องเอาให้ภาพสวยไว้ก่อน แบบ แบทเทิ่ลฟิล ps3 ที่ยิงกำแพงเป็นรูได้ นี่มันเกมยิงกำแพงเรอะ แต่จะว่าไปมันก็เจ๋งดีนะ เพียงแต่ว่ามันไม่ค่อยจำเป็น เอาเป็นเพิ่มโหมด ยิงซอมบี้ ยิงไดโนเสาร์ ยังจะดีซะกว่า มานั่งยิงกำแพงนะผมว่า
    Save-The-Queen ถูกใจสิ่งนี้
  22. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    ทุกอย่างปรับตัวตามเทคโนโลยีและกระแสตลาดครับ

    แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำเกมส์หนึ่งๆออกมาให้ถูกใจผู้เล่นทุกคน
    เฉพาะ FF เนี่ย ฐานตลาดกว้างมากตั้งแต่เด็กสิบขวบกว่าๆไปยันระดับผู้ใหญ่อายุสีสิบห้าสิบ

    บางคนก็ชอบ CG อลังการ
    บางคนก็ชอบเนื้อเรื่อง
    บางคนชอบระบบการเล่น
    บางคนชอบตัวละคร
    ฯลฯ


    นานาจิตตังครับ

Share This Page