ดูท่าผู้ที่ท่องกาลเวลาได้ในโลกของ Final Fantasy XIII-2 จะไม่ได้มีเพียงโนเอลซะแล้ว เมื่อทางเดนเกคิได้เปิดเผยระบบเกมเพลย์ใหม่ๆ ของตัวเกมดังกล่าวในนิตยสารฉบับล่าสุดว่า ตัวเกมในภาคนี้ จะมีระบบท่องกาลเวลากับเค้าด้วย!! นั่นก็หมายความว่าผู้เล่นจะสามารถย้อนกลับไปยังอดีตและกลับมายังปัจจุบันได้ อย่างอิสระเสรี!! ระบบท่องกาลเวลาในเกมนี้มีชื่อเรียกอย่างกิ๊บเก๋ว่าระบบ "Historiacross" โดยฉากต่างๆ ในเกมจะมี "Gate" ตั้งตระหง่านอยู่ เมื่อผู้เล่นเข้าไปเปิดการทำงานของมัน ก็จะสามารถใช้ระบบ Historiacross เพื่อเลือกที่จะเดินทางไปยัง "สถานที่อื่น" ใน "ช่วงเวลา" อื่นได้.... ในฉากบางฉากก็จะมี Gate ให้เลือกใช้ได้อยู่หลาย Gate ซึ่งแต่ละ Gate ก็จะพาไปยังสถานที่ๆ ต่างกันออกไป แต่การที่เราจะเปิดการทำงานของ Gate ต่างๆ ได้ก็จำเป็นจะต้องมีไอเทมที่เรียกว่า "O Parts" (オーパーツ) ซึ่งไอเทมเหล่านี้จะสามารถหาได้เรื่อยๆ โดยต้องใช้ความสามารถพิเศษของน้องม็อคในการหา ทางเดนเกคิยังได้ลงภาพ ตัวอย่างเวลาที่เรากดสำรวจ Gate ซึ่งก็จะขึ้นสถานที่ๆ เราสามารถวาร์ปเข้าไปได้ ในภาพตัวอย่างนั้นก็ปรากฏชื่อ Bresha Ruins AF005, ปรากฏคำสั่งเซฟ และกลับเข้าเมนูหลัก นอกจากนี้ยังมีข้อความเขียนว่า Fragment 0/8 (フラグメント 0/8) ซึ่งก็ยังไม่มีการอธิบายว่ามันหมายถึงอะไร ทั้งนี้ยังมีการนำเสนอ ภาพเปรียบเทียบระหว่าง Bresha Ruins AF005 กับ AF300 ซึ่งในยุค AF005 นั้นจะเป็นช่วง 5 ปีหลังจาก Final Fantasy XIII เดิม (2 ปีหลังจุดเริ่มต้นของ Final Fantasy XIII-2) ซึ่ง Bresha Ruins ยังคงเขียวขจีและอุดมสมบูรณ์อยู่ ทว่าใน AF300 ซึ่งเป็นยุคหลายปีต่อมา สถานที่ดังกล่าวก็ได้กลายเป็นที่ร้างไปแล้ว... *ผมคาดว่า AF300 ก็คือยุค 300 ปีต่อมานั่นแล... ปัจจุบันยังไม่เป็นที่ แน่ชัดว่ากลไกการเวลาของเกมนี้จะตั้งอยู่บนทฤษฎีใด... บางทีมันอาจจะเป็นจินตนาการใหม่ที่ไม่เข้ากับทฤษฎีไหนๆ เลยก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามเราทั้งหลายย่อมทราบแล้วว่า กลไกเวลานั้นจะเป็นศูนย์กลางสำคัญของเกมนี้ โนเอลเองก็มาจากอนาคตอันแสนไกล และเป็นมนุษย์คนสุดท้ายที่เหลือรอดอยู่ จุดหมายที่เขาเดินทางมาในยุคของเซร่าห์ก็เพื่อที่จะแก้ไขประวัติศาสตร์ เปลี่ยนแปลงอนาคต เขาได้บอกเซร่าห์ว่าเขาได้พบกับไลท์นิ่งมาแล้ว และไลท์นิ่งก็กำลังรอคอยน้องสาวของเธออยู่ ด้านไลท์นิ่งเองก็มีการ เปิดเผยข้อมูลลงในนิตยสารฉบับนี้ว่าปัจจุบันเธอเป็นอัศวินผู้พิทักษ์วิหาร ของเทพธิดาเอโทรในวาลฮัลล่า เธอได้กลายเป็นองคภาวะที่ใกล้เคียงกับเทพเข้าไปทุกที สุดท้ายนี้ทางเดนเกคิยังได้เปิดเผยภาพของวาลฮัลล่าและวิหารของเทพธิดาเอโทรให้ได้ชมกันเล็กน้อย *ขอ เดาอีกว่า... เราย่อมสามารถใช้ระบบนี้ย้อนกลับไปทำเหตุการณ์ที่ทำมาแล้วได้อีกเรื่อยๆ เพื่อทำให้เกิดผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป แล้วฉากจบเกมที่เป็น Multi-Ending นั้นก็จะแสดงฉากจบที่เปลี่ยนไปตามประวัติศาสตร์ที่เราแก้ไขมาแล้ว ดังนั้นหากอยากเห็นฉากจบทุกแบบก็ไม่จำต้องเล่นซ้ำหลายรอบ แต่ให้ไปเล่นซ้ำเฉพาะเหตุการณ์ที่มีผลต่อฉากจบเกม ประหนึ่งเกม Heavy Rain นั่นเอง...
มันจะย้อนอดีตได้มั้ยหนอ... สรุป ย้อนกลับไปช่วงก่อนไลท์จะหายตัวไป แล้วเกาะแขนไลท์ไว้แน่นๆ...Happy Ending เย่~!!!
ถ้าเอาถ้วยแพลทคงเล่นกัน 100 ชม. อีกรอบ แนวคิดดดีนะ แปลกใหม่ดี แล้วจะย้อนกลับไปช่วง FF13 ได้ไหมเนี่ย 5555
แหง่ว ทำไมผมอ่านแล้วรู้สึกจะหงิดๆ ว่า "จะต้องคิดคำศัพท์ใหม่อีกแล้ว"...ไทม์ ทราเวล ใครๆ ก็เข้าใจ ก็ต้องคิดคำใหม่ ฮิสโตเรียครอส... หรืออย่างวิธีบังคับมุมกล้องใน FF13 มันก็บอก normal x normal y, revert x revert y เข้าใจง่ายๆ ก็ไม่เอา ต้องคิดชื่อมาใหม่หมดเลยเป็นอะไรประหลาดๆ ที่อ่านแล้วไม่รู้เรื่อง ทางญี่ปุ่นเค้าคงคิดว่ามีคำเรียกไปซะทุกอย่างแบบนี้มัน cool ดี หรือเจ๋งดี อะไรแบบนั้นรึเปล่าครับ... ผมกลับรู้สึกว่ามันใช้พลังงานความคิดไปในทางที่ไม่มีประโยชน์เลยนะเนี่ย
ตอนเริ่้มเกมมันเป็นแบบนั้น.... แต่เกมนี้มันข้ามเวลาได้นะครับ เรื่องพวกชื่อ เค้าคงสนุกกับการสมาสคำ ประดิษฐ์คำใหม่แหละครับ ซึ่งในจุดนี้ทางฝรั่งเค้าก็ว่ามันไม่เวิร์คเหมือนกัน สมควรจะใช้คำที่มีอยู่แล้วมากกว่า
เอิ่ม..ว่าแต่ไม่มีใครเปิดเผยข้อมูลของเฮียชุดม่วงหน่อยเหรอ ว่าเป็นใคร ชื่ออะไร ที่ไหน ยังไง??? แบบว่าคาใจ อยากรู้มากมาย เล่นเปิดตัวมายิ้ม"หึ!" เดียวแล้วหายไปเลยรึไงว้า~ จะเป็นมิตรหรือศัตรูกับเจ๊ไลท์นิ่งก็ไม่รู้ เฮ่อ....
หวังว่าจะเป็นระบบที่ไม่ต้องมีรายละเอียดเยอะมากนักนะ... นึกถึงตอนที่เก็บ%ใน FF10-2 ยังขยาดอยู่เลยเพราะเล่นแทบตายหายไป%เดียว พลาดแค่นิดหน่อยต้องเล่นใหม่อีกรอบ ปล.เห็นโดเรม่อนทำหน้าเซ็ง... ที่แท้โดนแย่งไทม์แมทชีนไปนี่เอง
