บทที่หนึ่ง : สมุดบันทึก ตั้งแต่จำความได้ตัวผมเองก็ไม่ใคร่จะชอบการขีดเขียนบันทึกอะไรมากมายนัก ซึ่งเพราะอาจดูว่ามันเหมือนเป็นกิจกรรมที่ค่อนข้างไร้สาระสำหรับเด็กบ้ากีฬาและเกมอย่างผม แต่เมื่อครั้งโตขึ้นด้วยอาชีพที่เข้ามารัดตัวเอาไว้ ก็ทำให้รู้สึกเหมือนต้องเริ่มจำใจย้อนกลับไปหาเพื่อนเก่าที่ไม่สนิทที่มีชื่อสกุลว่าสมุดบันทึกอีกครั้งหนึ่ง เปล่าหรอกครับผมไม่ได้ทำงานเป็น นักเขียน นักประพันธ์ไรเทือกนั้นหรอก งานประเภทนั้นคงลึกล้ำเกินไปสำหรับอดีตเด็กบ้าพลังกายอาบเหงื่ออย่างผม อาชีพที่ผมใช้อาศัยหากินทุกวันนี้มันห่างไกลจากตัวหนังสือค่อนข้างพอสมควรครับ งานของผมคือการเป็น... “พราน” อ่ะ! อยากเพิ่งคิดมากไปไกลว่าผมเป็นพวกล่าลิงสิงสัตว์ เอาเขา เอาหนอก เอาเขี้ยวมาทำเครื่องประดับ อะไรประเภทนั้นนะ ถ้าพรานประเภทแบบนั้นมันก็คงอยู่ในยุคสมัยของพวกพรานปู่ทวดเก่าเก็บแล้วล่ะ ส่วนพรานสมัยนี้ก็ไม่มีอะไรมากหรอก หน้าที่หลักๆก็แค่พาคนที่อยากเข้าไปในสิ่งที่พวกเขาอยาก แล้วก็พาพวกเขากลับออกมาจากสิ่งที่พวกเขาอยากเข้าไปก็เท่านั้น (แอบมึนตอนเขียนประโยคนี้จริงๆ) บางครั้งผมก็แอบคิดว่ายอมเขียนไดอารี่น่าเบื่อแบบนี้แทนเสียจะดีกว่า จะต้องเข้าไปช่วยนำทางไอพวกงี่เง่าไม่รู้จักทางเดินพวกนั้น ให้เข้าไปแล้วก็รอดกลับมากันแบบนี้ แต่เอาเถอะ...ถึงผมบ่นไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา กระดาษเกือบขาวแผ่นนี้ก็คงไม่ได้ช่วยทำให้อนาคตหรืออดีตของผมดีขึ้นเปลี่ยนไปหรอก และสุดท้ายนี้ผมก็คงทำตามธรรมเนียม แบบทุกๆท้ายบันทึกที่ผมได้เขียนลงในสมุดเล่มนี้ ต้องขออภัยหากใครบังเอิญได้มาอ่านเสียงบ่นน่าเบื่อของผมในห้วงเวลาอวกาศนี้ บอกไว้เพียงว่า ผมชื่อ พันตรีอากาศ วอริงแฮม โอ. ไลล์ ผู้เคยมีตัวตนและยังไม่ได้จากหายไป เขียนวันที่ 19/11/2110 เมื่อเสียงปากกาหยุดเคลื่อนไหว หัวแหลมคมของมันก็หยุดปล่อยหมึกลงบนกระดาษสมุดของชายหนุ่มผมน้ำตาลประกายคนนี้เช่นเดียวกัน นัยน์ตาสีฟ้าและเส้นผมที่ยาวปล่อยปกลงมาถึงเนินคอและใบหน้าส่องแสงแข่งขันกับดวงดาวและกาแล็กซีที่อยู่นอกกระจกใสเหล่านั้น เสียงอื้ออันเคลื่อนไหวแหวกว่ายอวกาศของเรือยักษ์หุ้มเหล็กนาม “โรมาทินด้า”ดังอยู่เป็นระยะๆ พร้อมกับผู้คนที่ต่างค่อยๆ ฟื้นตื่นขึ้นมาจากหลับไหลอันยาวนานจากการเดินทางที่เคยเกือบจะไร้การจุดจบ “ก่อนเดินทางไม่อยากจะหลับ แต่พอมาถึงที่หมายทีไรก็อยากจะกลับไปหลับซะทุกที”ชายหนุ่มขี้เซาค่อยๆลุกขึ้นมาจากช่องแคปซูนรหัส M06 ที่เก็บห่อหุ่มตัวของเค้าเอาไว้พลางทำท่าทางขลำหาเครื่องแต่งกายให้ดวงตาของเขา ขณะนั้นเองบุรุษผู้ยอกล้อกับไดอารี่ก็ได้หายไปแล้ว... เช่นกันกับชายหนุ่มแว่นใสที่กำลังจัดแจงแต่งตัวจัดเสื้อกาวน์เพื่อแสดงถึงตำแหน่งหน้าที่ของตนเองก่อนจะเอื้อมมือไปค้นหาอุปกรณ์กระเป๋าสัมภาระที่เก็บไว้อยู่ในช่องด้านข้างของแคปซูน เค้าขยับปาดนิ้วชี้ขวาที่แสงสีฟ้าสี่เหลี่ยมๆที่อยู่ด้านข้างของรหัสช่องหลับนอนของเขา เสียงดัง ปิ๊ด!ดังขึ้นเหมือนกับการซื้อขายสินค้าในห้างร้าน ก่อนที่สัมภาระต่างๆจะค่อยๆไหลเทออกมา เช่นกันทุกๆคนที่อยู่โดยรอบนั้นก็ทำเหมือนกับเค้าเช่นเดียวกัน ยกเว้นแต่การสวมเสื้อกาวน์เพียงเท่านั้น “ขณะนี้โรมาทินด้าได้เข้าปรับเปลี่ยนเข้าสู่ระบบปกติแล้ว ขอให้กัปตันและลูกเรือจัดแจงทำงานตามที่ได้รับหมอบหมายไว้” เสียงประกาศสำเนียงมนุษย์ดิจิตอลดังขึ้น ก่อนที่มดงานทุกคนจะมุ่งตรงไปทำตามคำสั่งของผู้ประกาศอย่างรวดเร็วและดูเคร่งครัดจริงจัง “ตรวจดูภารกิจ ร้อยตรี ริเวอร์ ริเวนเดลล์” ชายหนุ่มพูดชื่อตัวเองขึ้นเบาๆก่อนที่ข้อมูลจากเครื่องฉายภาพรูปวงกลมสีฟ้าสะดุดตานั้นจะฉายแสงออกมาเป็นเอกสารกระดาษที่ทำด้วยแสง “ภารกิจ: เข้าร่วมกลุ่ม KT-1819 ที่จุด RB 00-20 และทำตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายไว้” แว่นถูกเคลื่อนขึ้นเคลื่อนลงเล็กน้อย ก่อนที่เจ้าของผมสีดำดกจะส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะบ่นขึ้นมาตามลักษณะนิสัย “ให้ตายสิ...ทำไมต้องนัดไกลจากจุดห้องพักขนาดนี้ด้วย ยังไงซะคอมพิวเตอร์ก็ยังคงคิดแบบคอมพิวเตอร์อยู่วันยังค่ำสินะ” ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินหัวเสียพลางบ่นงึมงำตรงไปยังทางเดินที่เชื่อมต่อกันภายในยาน โรมาทินด้า เป็นยานขนส่งเดินทางขนาดกลาง มันไม่ใช่ยานรบแต่อย่างใด ภายในจึงถูกปรุสร้างมาเพื่อให้มนุษย์ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้ในระยะเวลานาน ทั้งระบบแช่แข็งภายในแคปซูนหากต้องเปลี่ยนระบบการทำงานเข้าสู่ระบบauto-pilot เพื่อช่วยในการย่นระยะการเดินทางให้กับอายุมนุษย์ตัวน้อยในยานลำนี้ โดยเฉพาะกับกลุ่มมนุษย์จำนวนหลายร้อยชีวิตในนี้ ที่กำลังถูกส่งมาเพื่อสำรวจดวงดาวอาณานิคมบริวารดวงใหม่ของพวกเขาป้ายตราบริษัท Tyrell Corporationถูกแปะไว้ภายในยานและผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ต่างๆ แม้ว่ามนุษย์จะย้ายก้นมาอยู่ ณ ที่หนตำบลอวกาศใด ก็ยังไม่วายต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินๆทองๆอยู่ดี ชายหนุ่มไม่ได้เร่งรีบจะเดินไปยังจุดนัดพบแต่อย่างใด หน่ำซ้ำยังพยายามเปิดอ่านแฟ้มเอกสารจากเครื่องบรรจุทรงกลมแบนนั้นอย่างเพลิดเพลิน “METAL HILL งั้นเหรอหวังว่าจะช่วยทำให้งานวิจัยฉันน่าสนใจมากขึ้นนะ” “เออขอโทษนะคะ คุณก็กำลังจะไปที่จุด RB 00-02 เหมือนกันใช่ไหมคะ” ชายหนุ่มกระตุกเล็กน้อยที่ถูกดึงออกจากสมาธิก่อนจะหันค้อนมองมาทางต้นเสียงของหญิงสาวด้วยสีหน้าแกมรำคาญ “ใช่แล้วครับผมกำลังจะไปRB 00-02 แล้วไงต่อเหรอครับคุณ” เค้าตอบกลับด้วยน้ำเสียงและหน้าตาที่อาจทำให้หญิงสาวที่พบเจอครั้งแรกทุกคน ตัดสินใจเอาอวัยวะหยิบจับตบเข้าที่ใบหน้าได้เลย สาวน้อยตัวเล็กแว่นกรอบหนา ผู้ถามคำถามถึงกับตัวหดลงด้วยท่าทางไม่รับแขกของฝ่ายตรงข้ามในมือทั้งสองข้างยังคงกอดจับกระเป๋าใบใหญ่เกินตัวเอาไว้แน่น “สงสัยว่านายจะชอบถามตอบ แค่กับเอกสารวิจัยพวกนั้นอย่างเดียวสินะ ร้อยตรีริเวอร์ ริเวนเดลล์” หญิงสาวดวงตาสีเหลืองทองอำพัน ท่าทางฉลาดปราดเปรียว พูดเข้ามาแทรกในเหตุการณ์ พลางเข้ามาจับลูบหัวเด็กสาวที่กำลังน้ำตาซึมกับจากการหลงทางและโดนชายหนุ่มแสดงมิตรภาพแย่ๆใส่อยู่ “แล้วเธอเป็นใครอีกล่ะ ทำไมพวกผู้หญิงถึงชอบถามอะไรมากมายกับฉันนักหนานะน่าเบื่อจริงๆ” “ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้นายไม่ชอบ แต่หลังจากนี้ยังไงก็ต้องทำใจหน่อยนะ เพราะฉันคงถามนายไปอีกนานเลยล่ะ” คำตอบแอบแฝงความเป็นผู้นำ ส่งผ่านไปยังชายหนุ่ม “ฉันพันโทอากาศเซเรน่า ริดเดิ้ล หัวหน้าทีม KT-1819 ยินดีที่ได้รู้จัก” สิ้นเสียงการทำความเคารพด้วยมือก็ถูกดึงขึ้นไปที่เหนือคิ้วของผู้บังคับบัญชา ก่อนที่ลูกทีมชายแว่นและสาวน้อยหลงทางจะค่อยๆดึงขึ้นมาเตะเหนือคิ้วเช่นเดียวกันแต่ก็ออกจะเต็มไปด้วยความงงงวยปนแปลกใจอยู่ด้วยเล็กน้อย “เออ...แล้วสรุปแล้วเรายังต้องไปที่ RB 00-02 อยู่ใช่ไหมคะ บะ..บอส” “เรียกเซเรน่าก็ได้จ่ะ” เธอยิ้มตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงคล้ายพี่สาวตอบน้องสาวด้วยความเอ็นดู ผิดกับชายหนุ่มที่ตอนนี้ในใจแอบเซงเต็มที่ กับผู้บังคัญบัญชาสาวสวยหุ่นดีคนนี้ ไม่ใช่เพราะหลงเสน่ห์ท่าทางการตอบการพูดของเธอ แต่ด้วยนิสัยเส้นขนานกับเพศแม่ของเขา ทำให้รู้สึกอึดอัดทันทีที่ได้รู้ว่าหัวหน้าหน่วยสังกัดการทำงานวิจัยของเขาคือเพศตรงข้ามที่แสนจะไม่กินเส้นกับเขา “เอาล่ะคุณรีฟ ถึงคุณจะไม่ชอบการทำงานกับผู้หญิงแต่ยังไงก็ขอเว้นไว้กับลูกทีมของฉันหน่อยนะ”ยังไม่ทันได้พูดอะไร หนุ่มแว่นก็โดนสะกัดจุดไว้ก่อนเสียแล้ว ทั้งสามเดินไปตามเส้นทางเดิน RB 01-03 หลังจากที่สาวน้อยตากลมโตสีฟ้าในชุดกรอบแว่นดำ นามอาเลียร์ รีดแมน แนะนำตัวด้วยท่าทางเขินอายเสร็จ “พวกคุณรู้อะไรเกี่ยวกับ METAL HILL บ้าง” ขณะที่คำถามยังไม่ทันจะวิ่งไปหาที่คนควรจะตอบ เสียงใสแจ๋วก็ยกมือตอบแทรกขึ้นมาทันที “หนูรู้ค่ะ METAL HILL เป็นดาวอาณานิคมที่ค้นพบโดยกองทัพอาณานิคมอวกาศโดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจากบริษัท Tyrell Corporation หลังจากที่ทำการค้นพบเบื้องต้นดูเหมือนว่าจะค้นพบแร่ธาตุ และสภาพอากาศที่เหมาะต่อการตั้งรกรากใหม่ แต่ติดตรงที่ว่าการสำรวจดวงดาวทั้งหมดจริงๆทำได้เพียงแค่ยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้นเองค่ะ” เธอตอบด้วยรอยยิ้มหลังจากที่เริ่มรู้สึกปลอดภัยจากการหลงทางโดดเดี่ยวเมื่อครู่แล้ว “แล้วรู้ไหมทำไมถึงได้แค่ยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์”หัวหน้าสาวสวยยิ้มกริ้มขึ้นมา “ดาวเทียมสำรวจหายไป ขณะที่พวกบริษัทหน้าเลือดพวกนั้นตัดสินใจจะลงหลักปักฐานแล้ว ก็เลยเป็นหน้าพวกเราที่จะสำรวจจุดที่เหลือ รายงานของคุณก็น่าเขียนไว้ให้ชัดเจนแล้วนิคุณหัวหน้าใหญ่” ลูกน้องชายหนุ่มหนึ่งเดียวตอบขึ้น แกมไม่ชอบรอยยิ้มบนใบหน้านั้น “…” ส่วนรอยยิ้มนั้น ก็ไม่ได้โต้ตอบกลับมาแต่อย่างใด ไม่นานนักเส้นทางวกวนไปมาภายในยานโรมาทินด้า ก็พาพวกเข้ามาถึงจุดหมายตามที่นัดพบไว้ในภารกิจ “มาถึงพอดีเหมือนกันเลยนะ เม่ยอิง” หญิงสาวที่ชื่อและหน้าตาบ่งบอกถึงความเป็นเชื้อสายคนจีน ยืนรอทีมของเธออยู่ด้วยความเงียบครึม เธอยิ้มน้อยๆก่อนจะโค้งตัวลงทำความเคารพลงให้กับหัวหน้าคนสนิทของเธอ ยังไม่ทันที่เซเรน่ากำลังจะพยายามแนะนำผู้ติดตามคนสนิทหน้าใสของเธอ เสียงชายของแก่ก็ดังขึ้นจากจอภาพ “ขอบคุณที่มากันจนครบนะ” ชายหนุ่มวันกลางคนร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสุภาพสีน้ำเงินเข้มเดินออกมาพร้อมกับเสียงที่ดังขึ้น ขัดเพียงแต่รอยแผลยาวบนใบหน้าด้านขวาของเขาเพียงเท่านั้นที่ทำให้ภาพความสุภาพจากชุดที่สวมใส่ดูค่อนข้างแปลกตาไปเสียหน่อยหนึ่ง “สวัสดีทุกคน ฉันโจแฮนนา ชมิทซ์ ผู้อำนวยการคณะสำรวจ ส่วนหมอนี้ลูกน้องผมเอง จ่าสิบอากาศ เรย์ มาร์ค จะเรียกแค่ ลุงเรย์เฉยๆก็ได้นะผมไม่ถือ ส่วนเจ้าตัวจะถือรึเปล่านี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ฮ่าฮ่า” ใครมันจะกล้า...ฟ่ะรีฟคิดเบาๆในใจเหมือนกลัวว่า มนุษย์ยักษ์หน้าเหี้ยมข้างหน้าจะได้ยินจริงๆ “จริงๆก็ไม่ได้อยากมีพิถีรีตรองอะไรมากหรอกนะ ฉันก็เป็นพวกขี้เบื่อเสียด้วยสิ เอาเป็นว่าถ้างานดีเงินก็ดีตามมา” เสียงร่าเริงแฝงความน่ารำคาญของชายแก่ดังขึ้นอย่างทะเล้นกวนอารมณ์ ก่อนที่ประโยคต่อไปจะดังขึ้น “แต่…ถ้างานฉันแย่พวกเธอก็คงต้องแย่ไม่ต่างกันล่ะนะ ซึ่งเอาจริงๆก็คงไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นใช่ไหม” หลังจากที่ประโยคจบลงด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปบวกกับบรรยากาศความขึงขังของมนุษย์ยักษ์ที่ด้านล่างของจอมอนิเตอร์ที่ยืนกุมเป้าอยู่ ถึงกับทำให้ชายหนุ่มและหญิงสาวคู่หูสวมแว่นถึงกับสะดุ้งโหยงหวาดๆขึ้นมาเลยทีเดียว ผิดกับหญิงสาวทั้งสองที่แสดงท่าทางเงียบรับฟังด้วยความตั้งใจ เหมือนไม่ได้มีความหวั่นเกรงหากจะเกิดความผิดพลาดกับงานที่พวกเธอกำลังจะได้พบเจอ “ถ้าคุณกังวลมากขนาดนั้น ทำไมไม่จ้างคนที่คุณมั่นใจในฝืมือมากกว่าพวกเราล่ะ มิสเตอร์โจแฮนนา” บุคคลที่อยู่ด้านหลังเสียงในจอสีมืดเงียบไปช่วงครู่หนึ่ง เค้าอาจจะกำลังครุ่นคิดกับข้อความที่ได้มา หรืออาจจะไม่ได้ตั้งใจฟังเลยก็ตาม แต่บรรยากาศในตอนนั้นมันช่างเงียบผิดปกติเกินเหมือนจะเป็นแค่เหตุการณ์พบปะนายจ้าง ลูกจ้างแบบธรรมดาสามัญที่เราได้พบเห็นกันทั่วๆไป “ถ้าสมองของคุณคิดตอบได้ขนาดนี้ ผมก็อาจจะแอบคิดได้ว่ามันคงไม่ได้แย่อย่างที่ผมพูดในตอนแรกก็ได้มิสเซเรน่า” เสียงปากกาลูกลื่นดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้มันไม่ได้ให้กำเนิดตัวอักษรแต่อย่างใด เสมือนว่ามันอาจจะเบื่อลูกหลานตัวอักษรของมันแล้วก็เป็นได้ แก้วสีฟ้าในดวงตาของชายหนุ่มสะท้อนเข้ากับดวงดาวสีครามที่ปรากฏอยู่ไกลๆตรงหน้า ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆหลุดออกมาที่ใบหน้าของชายหนุ่ม เขาทำเพียงวาดรูปภาพวงกลมสีฟ้าแปลกๆ แปะอยู่กลางหน้ากระดาษ ก่อนที่ข้อมือขวาด้านถนัดจะตวัดตัวอักษรลงยังด้านล่างของภาพด้วยประโยคยืนยันตัวตนซ้ำๆของเขา “บอกไว้เพียงว่าวาดโดย พันตรีอากาศ วอริงแฮม โอ. ไลล์ ผู้กำลังจะหยีบไข่สีฟ้าใบใหม่” ---------------------------------------------------------- ตัวละครที่โลดแล่น Johanna Schmitz (โจแฮนนา ชมิทซ์) : shinkyotoSerena Riddle (เซเรน่า ริดเดิ้ล) : sumiyoเฉิน เม่ยอิง: tokichanRiver Rivendell (ริเวอร์ ริเวนเดลล์): swantonอาเลียร์ รีดแมน (Alear Readman): kolonel ---------------------------------------------------------
โอ๊ะ อ๊ะ เอ๊ะ! ตอนหนึ่งมาแล้ว!! ยังคอมเมนต์อะไรไม่ได้มากนะครับสำหรับเนื้อเรื่องเพราะเพิ่งเปิดประเด็นมาได้หน่อยเดียวเอง แต่ผมชอบสำนวนภาษาที่ใช้ในหลายๆสถานการณ์นะ เช่น อ่านแล้วชอบนะ ไม่รู้สึกติดขัดหรือทำให้ภาษาแปลกแยกไปแต่อย่างใด แต่กลับมีความรู้สึกว่าอ่านง่ายและสนุกเพราะสำนวนพวกนี้ ขออนุญาตทำตัวเป็นมนุษย์ตรวจจับคำผิดนะครับ (ช่วงนี้ต้องฝึกไว้หน่อย เดี๋ยวจะไปทำงาน Freelance ด้านนี้แล้ว) - ที่เคยเกือบจะไร้การจุดจบ < < ที่เคยเกือบจะไร้จุดจบ ตัด 'การ' ทิ้งครับ - ทำท่าทางขลำหาเครื่องแต่งกาย < < คลำ - บุรุษผู้ยอกล้อกับไดอารี่ก็ได้หายไปแล้ว... < < หยอกล้อ - หน่ำซ้ำยังพยายาม < < หนำซ้ำ - ยืนรอทีมของเธออยู่ด้วยความเงียบครึม < < เงียบขรึม - ส่วนหมอนี้ < < หมอนี่ - ไม่ได้อยากมีพิถีรีตรอง < < พิธีรีตอง - และเส้นผมที่ยาวปล่อยปกลงมาถึงเนินคอและใบหน้า < < อันนี้ไม่แน่ใจครับ แต่หามาได้ว่า โดยรวมแล้วสนุกครับ เนื้อเรื่องยังไม่มากเท่าไร แต่ลักษณะนิสัยของตัวละครแต่ละคนแสดงออกมาได้ชัดดีโดยเฉพาะ 'ริเวอร์ ริเวนเดลล์' หมอนี่กวนชะมัดเลย แสดงลักษณะของพวกบ้าหนังสือบ้างานวิจัยที่ไม่ค่อยมีมนุษยสัมพันธ์กับใคร พูดห้วนๆสั้นๆ ไม่แคร์อารมณ์ผู้ฟัง ได้ดีครับ ปล. รออ่านตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ (กดดันคนเขียน ฮา) ปลล. หัวกระทู้ สมาชิก edit ไม่ได้นะครับ ถ้าลงตอนสองแล้วต้องการ edit หัวกระทู้ให้ PM แจ้งผมได้เลยครับ
ดูเหมือนสภาพในตอนนี้จะยังอยู่ในช่วย ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ทุกคนยังอารมณ์ชิวๆ ยังพูดจาภาษามนุษย์กันรู้เรื่อง ยังสามารถปั้นหน้าเป็นมิตรให้กันได้ ยังไม่ต้องสวมหน้ากาก แล้ว ซ่อนมีดไว้คนล่ะเล่มกัน และ ดาวดวงนี้จะมีผลกำไรในอนาคตอันใดรออยู่กันน่อ? (อ่านไปก็สงสัย ตกลงใครดูแลกองทัพกันแน่เนี่ย? รัฐบาล หรือ บริษัท (แต่ถ้าบริษัทเป็นรัฐเสียเองนั่นก็อีกกรณีล่ะนะ) รออ่านตอนต่อไปอย่างใจจดครับ แต่แอบตกใจเหมือนกัน ว่าตัวลูกชายเรา จะนิสัยดีเกินไปหรือเปล่าเนี่ย (หรือเป็นแค่หน้ากากตอนรับ"เนื้อ"ใหม่กันเอ่ย?)
เป็นฟิคที่แฝงความร้อนแรงไว้ตั้งแต่เริ่มนะครับ =] รู้สึกอารมณ์ประมาณว่า..."ร่วมมือกันก่อน ไว้แตกหักทีหลังได้่" รอชมตอนต่อไปนะครับ ^^
โอสท์ มาแล้ว เป็นฟิคที่สมัครทีหลังสุด แต่ได้ออกก่อนเขาเลยแฮะ หนูแว่นอาเลียร์เนี่ย (ไปกรอกโปรไฟล์หนูแว่นในอีกกระทู้หนึ่งจนครบแล้วนะคะ ขอโทษที่ล่าช้ามากๆค่ะ) ในเนื้อเรื่อง แค่บทแรก คงยังพูดอะไรได้ไม่มากมาย แต่ชอบที่ปูไว้เรื่องผลประโยชน์ หรือเทคโนโลยีล้ำสมัยดีนะ ริเวอร์ออกแนวเกรียนมาก ขวางต่อผู้หญิงได้ใจสุดๆ และเกรียนกับทุกอย่าง เป็นนิสัยที่เตะตา (และชวนถูกเตะกลับ) มากๆเลยค่ะ บทของอาเลียร์เอง คุณเนียร์เขียนออกมาได้ดี และอาจจะดีกว่าที่เรากรอกโปรไฟล์ไว้ด้วยซ้ำ เซเรน่าก็มีความเป็นผู้นำอย่างเห็นได้ชัด พูดจาดี และรักษาท่าทีนิ่งเฉยไว้ได้แม้จะถูกเกรียนใส่ โจแฮนนานี่มาดตัวร้ายมันแฝงชัดดีค่ะ สุภาพแต่มีแผนการมากมาย ซึ่งคงต้องรอดูรอชมกันต่อไป ป.ล. 'ไข่สีฟ้าใบใหม่' คือโลกใบใหม่ใช่ไหมหนอ...
มาแล้ว~~ ฟิคออกเร็วมากเลยค่ะ! เซเรน่าดูเป็นพี่สาวมากกว่าผู้นำแฮะ (ฮา) ชอบความสัมพันธ์ระหว่างเซเรน่ากับโจแฮนนามากๆเลยค่ะ เฉือดเฉือนกันด้วยวาทะ (แต่ในมือคงถือปืนไม่ก็มีดด้วยกันทั้งคู่เนอะ!) รอติตดามตอนต่อไปอยู่นะคะ อยากเข้าไปสำรวจ Metal Hill แล้วว~ ,,><,,
ชอบการสำนวนแฮะ เปิดมาก็มีอะไรแฝงไว้ในหลายๆอย่างถึงหมดมุขไม่ได้สมัครแต่ก็ตามอ่านและให้กำลังใจในผลงานอยู่นะเอ้อ ฮาๆ
จะบอกว่า ชอบวอริงแฮมซะจริง อาาาาาาา กัดจิกเจ็บแสบได้ดีเหลือเกิน! ส่วนเรื่องสำนวน และการบรรยาย ทางนี้ก็ไม่รู้ว่าจะคอมเม้นท์ยังไงดี แต่อยากจะบอกว่ามันดึงดูด และทำให้ฟิคนี้เป็นฟิคที่น่าอ่าน ชวนติดตามเป็นอย่างมาก! รีฟ...เปิดมาก็เหวี่ยงเลย กร๊ากกกกก *ทุบโต๊ะอย่างสะใจ* (โถว ขอโทษนะอีวานนี่ แต่มันแอบๆเป๊ะตามที่คิดไว้เลยล่ะ ฮาาา) ไม่ชอบผู้หญิง แต่เหวี่ยงแรงกว่าผู้หญิงรอบตัวซะอีกนาาา หุหุ เซเรน่าาาาา เซเรน่าเป็นเจ๊ที่น่ารักมากก (ถ้าอยู่ซักช่วงมหาลัยคงจะมีน้องๆมาติดเยอะแยะ กร๊าซ) เม่ยอิงเขียนออกมาอย่างที่คิดไว้เลย ขอบคุณมากๆเลยฮะ *โค้งงง* ชมิทซ์...ก็เขียนออกมาได้นิสัยแย่ดี *ยิ้มเกรียน* แต่ชอบบทที่เจ๊เซเรน่าฉะกับลงมากเลยนะ (ถึงจะแค่สั้นๆก็เถอะ) ถ้าจะมีข้อติชมเล็กน้อย ก็อาจจะเป็นการเว้นช่วงคำพูดนิดหน่อยนะคะ อย่างเช่นตรงนี้ “แล้วเธอเป็นใครอีกล่ะ ทำไมพวกผู้หญิงถึงชอบถามอะไรมากมายกับฉันนักหนานะน่าเบื่อจริงๆ” << ถ้าเว้นก่อนคำว่าน่าเบื่อ natural pause จะทำให้อ่านแล้วดูสมจริงมากขึ้นนะคะ จะรอติดตามตอนต่อไปค่า~
เนียร์คุงกลับมาครั้งนี้ ฝีมือพัฒนาไปอีกแบบนึง จนน่าตกใจจริงๆ ปกติจะเห็นเนียร์เขียนแนวเลิฟ คอเมดี้ แต่ปรากฏว่าพอมาเขียนแนวไซ-ไฟ จริงจัง ผมกลับชอบแบบนี้มากกว่า สำนวนที่ไม่เคยใช้ก็ได้เห็นกันตอนนี้ เป็นสไตล์ที่เป็นตัวของตัวเองมากๆ จนผมอ่านทีแรกแอบขัดหู (ไม่ได้ตำหนินะ ผมกำลังชม) แต่มันก็คือลักษณะของเนียร์ที่ไม่เคยผ่านตามาก่อนนั่นเอง การประคารมของตัวละครก็ทำได้ดี เข้มข้น แสดงคาแรคเตอร์เด่นชัด บทรับส่งก็ลื่นไหลครับ อ่านแล้วบอกตามตรงว่าแอบตกใจ แล้วก็ชอบซะด้วย กลวิธีการเปิดเรื่องโดยความทรงจำของวอริงแฮม ทำให้นึกถึง Avatar นายรีฟ เหวี่ยงได้ใจจริงๆครับ =[]=b อย่างที่ tokichan บอกเลย เป็นผู้ชายแท้ๆ ปากบอกไม่ชอบผู้หญิง แต่ตัวเองนี่ปากจัดกว่าผู้หญิงจริงๆซะิอีก (ฮา) แอบสะใจที่เจอเซเรน่ายศสูงกว่าตอกกลับเบาๆ = =b เซเรน่าก็แสดงออกได้ดีถึงความเป็น "ผู้บัญชาการ" คือทั้งใจเย็น ทั้งมีมาดในคนๆเดียวกัน อาเลียร์น่ารักเหมือนตุ๊กตาตัวเล็กๆ ยอมรับว่าตอนอ่านแอบสงสารเหมือนกันที่เจอสายตานายแว่นอย่างรีฟจิกเอา (ตัวละครใครวะ น่าเตะจริงๆ) เป็นการเริ่มต้นที่ดีมากๆครับ ต้องเรียกว่าแค่บทเริ่มก็ทำได้ขนาดนี้แล้ว รอดูบทบาทการเชื่อมต่อกับฝั่ง Metal Hill ต่อไปครับ ปล. กองพันนี้มีแต่ผู้หญิงรึไง กร๊าซซ
อ่านแล้วรู้สึกเซเรน่านิ่งดี ถ้าตัวละครนิ่งๆแบบนี้แสดงอารมณ์หลายๆแบบตอนหลังคงจะน่าสนใจดี แต่ส่วนที่เป็นบันทึกนี่อ่านแล้วมึนๆหน่อย ไม่ค่อยแน่ใจว่า วอริงแฮม โอ. ไลล์ ที่เป็นคนเขียนบันทึกนี่อยู่ในฉากนี่ด้วยรึเปล่า
บทที่2 เริ่มย่างก้าว ______คลื่นสั่นสะเทือนจากลำคอคำพูดของกลุ่มมนุษย์กลางความเวิ้งว้างอวกาศยังคงดังสะท้อนก้องใสอยู่ตัวยานของโรมาทินด้าอยู่และมันยังจะคงอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ______จนกว่ามนุษย์ยุกยิกในโลหะขนาดยักษ์ลำนี้จะค้นหาสิ่งที่เรียกว่า “ปลายทาง” ของพวกเขาเจอเสียที ______“โอเค จบๆเรื่องจบๆราวกันไปแล้วกันนะ คิดเสียว่านี้เป็นงานเปิดดูของ ก่อนซื้อจริงก็แล้วกันนะ มิสเซเรน่า ถึงส่วนตัวฉันจะไม่ได้คาดหวังอะไรมากก็เถอะ แต่ก็หวังว่าบอร์ดบริหารจะตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกพวกคุณมานะ” ______เซเรน่าและคู่หูของเธอเม่ยอิงทำเพียงนิ่งเงียบไม่ตอบอะไร ผิดกับลูกทีมเด็กสาวไร้เดียงสาของเธอที่ออกปากถามคำถามขึ้นมา ______“ทะ...ทำไมคุณพูดเหมือนว่าคุณไม่ได้อยากจ้างเรามาทำงานนี้ตั้งแต่แรกล่ะค่ะ” ______มือเล็กๆของอาเลียร์ ยกขึ้นพร้อมคำถามที่มาพร้อมกับความเคืองใจในใจดวงเล็กๆของเธอ ______“คือว่างี้นะ คุณหนูอาเลียร์ รีดแมน ที่รัก ฉันไม่ใช่สารานุกรมรักสัตว์ที่เธอชอบอ่านและคอยตอบคำถามที่เธออยากรู้อยากเห็นจนน่ารำคาญ แค่รู้ว่าบริษัทจ้างเธอให้มาทำงานและเธอก็ต้องทำ และเหตุผลที่ฉันจะชอบหรือไม่ชอบพวกเธอ มันก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไร ขอแนะนำว่าเธอควรเอาเวลาไปคิดอ่านเอกสารคำสั่งที่ฉันให้ไปจะดูมีประโยชน์สมกับค่าใช่จ่ายที่เราจ่ายไปให้กับพวกเธอมากกว่านะ และสุดท้ายเป็นการส่วนตัว ฉันอยากจะบอกกับเธอด้วยความห่วงใยว่า...” ______เสียงเอ่ยประโยคต่อไปถูกเว้นวรรคด้วยการกลืนของเหลวในลำคอ แต่โสตประสาทของทุกคนในห้องแห่งนั้นยังคงเปิดรับรอเสียงจากลำโพงโดยรอบที่กำลังจะพุ่งส่งผ่านมายังพวกเขาอยู่ ______“ฉันโครตจะเกลียดเด็กช่างสอดและขี้ถามแบบเธอเอามากๆ และขอวานให้คำถามโง่ๆแบบนี้ไม่หลุดออกมาจากปากเธอเป็นครั้งที่สองอีกนะคุณหนูอาเลียร์ รีดแมน ที่รัก” ______หลังจากจบคำพูดทำร้ายหัวใจนั้นเสร็จ น้ำตาของหญิงสาวก็เริ่มเอ่อล้นออกมาจากขอบดวงตาทั้งสองพร้อมกับอารมณ์หัวใจของเธอที่เปลี่ยนทำให้ตาของเธอเริ่มแดงก่ำและเสียใจกับสิ่งที่เธอไม่คาดคิดว่าจะเป็นคำตอบ ______แม้แต่รีฟเองก็อดไม่ได้ที่แสดงอาการไม่พอใจกับประโยคเหล่านั้น ______“คุณไม่ต้องห่วงเลยมิสเตอร์โจแฮนนา เราไม่ทำให้ส่วนของบริษัทผิดหวังอย่างแน่นอน”หัวหน้าทีมพูดขึ้นพร้อมเดินขึ้นมาจับไหล่ของ อาเรียร์เบาๆ ______“แต่สำหรับส่วนของคุณ ฉันไม่อาจประกันคุณภาพให้ได้ว่าเราทำมันได้น่าผิดหวังรึเปล่าหรอกนะ” ______“...” ______น่าแปลกที่ชายแก่ไม่ได้ตอบอะไร ผ่านไมค์กลางอวกาศนั้นมา ______“ถ้าไม่มีอะไรแล้วพวกเราขอตัวไปเตรียมพร้อมที่ยานแล้วกันนะจะได้ไม่เสียเวลา” ______เธอพยักหน้าส่งสัญญานไปที่ลูกทีมของเธอทั้งหมด ก่อนที่จะโอบกอดปลอบลูกทีมที่ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำของความสะเทือนใจ ด้วยมือทั้งสองข้างของเธอ ______“อ่ะลืมไป...เพิ่มเติมอีกอย่างหนึ่งฉันมีความเห็นว่า เวลาที่คุณอยากจะสื่อสารบอกอะไรกับพวกเรา แนะนำว่าควรส่งมาเป็นไฟล์เอกสารให้พวกเราจะดีกว่าการใช้ปากพูดนะ เพราะดูเหมือนว่าระบบทำงานด้านการภาษาสื่อสารของคุณจะดีเกินไปสำหรับพวกเราไป ประมาณนี้แหละ...” ______เธอหันมายิ้มส่งท้ายกว้างๆให้ที่หน้าจอมารยาทงามตรงนั้นอีกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่สมาชิกลูกทีมของเธอทั้งหมดจะเดินจากออกมาด้วยอัตราการเต้นของหัวใจและปริมาณน้ำตาที่แตกต่างกัน ______“ฉันว่าฉันแย่แล้วนะ ยังมีคนที่แย่กว่าอีกเหรอเนี้ย ฮ่าๆ” ______รีฟพูดขึ้นหลังจากที่อาเรียร์และสถานการณ์ต่างๆดูเหมือนจะเริ่มจะดีขึ้นแล้ว ______“รู้สึกเศร้ากับความภาคภูมิใจแบบนั้นจริงๆ” ______สาวชาวจีนปริปากพูดขึ้นแบบเรียบๆเบาๆ หลังจากเก็บน้ำเสียง น้ำคำไว้อยู่นาน อาจด้วยความแสลงใจในคำพูดของรีฟทำให้เธอถึงกับต้องเอ่ยปากออกมา ______“เมื่อกี้พูดว่าไงนะ? เผอิญฉันได้ยินไม่ค่อยชัด อะไรเศร้าๆซักอย่างนี้แหละ” ______ชายหนุ่มน่ารำคาญหนึ่งเดียวในก๊ก หันตาทั้งสี่ตรงมาที่อาหมวยพลางจับขาแว่นด้วยท่าทีสงสัย แต่เม่ยอิงก็ตอบโต้ด้วยท่าทีเฉไฉไม่รู้เรื่องต่อไป ______ตอนนี้พวกเขากำลังนั่งพักผ่อนอยู่กันที่จุดปล่อยท่าชั้นล่างของเรือโรมาทินด้า ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับการเตรียมตัวออกเดินทางจากตัวโรมาทินด้า ทั้งการเติมเสบียงและของใช้ที่จำเป็นต่างๆในการเดินทาง รวมถึงการหายานที่เหมาะสมสำหรับการเดินทาง ______ในขณะที่เซเรน่า กำลังค่อยๆเลื่อนเอกสารผ่านแผ่นแสงสีใส ที่ฉายภาพออกมาจากข้อมือซ้ายของเธออยู่ ซึ่งจากภาพที่ออกมาคือรูปลักษณะของชั้นบรรยากาศของดาวที่เธอกำลังจะลงไปสำรวจอย่าง metal hill นั้นเอง ______“ตอนนี้สภาพอากาศมันดูแปรปรวนมาก ถ้าเราคิดจะลงกันไปตอนนี้ คงต้องใช้ยานที่มีคลาสและขนาดลำดับกลาง หรือไม่ถ้าจะใช้ยานขนาดเล็กก็ต้องหานักบินที่คุ้นเคยดีกับอากาศแบบนี้เท่านั้นไม่งั้นเราคงลงไปไม่ได้แน่ๆ” ______“งั้นเราก็เลือกใช้ยานขนาดกลางเลยสิค่ะ คุณเซเรน่า จำนวนคนที่เดินทางก็เหมาะสมบวกกับสัมภาระที่เราต้องขนไปอีก แถมคุณเซเรน่ากับคุณเม่ยอิงเองก็ยังมีใบอนุญาตขับยานเองได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นอะไรที่เราต้องไปพึ่งจ้างคนอื่นอยู่แล้วนี้ค่ะ” ______อาเรียร์ ยกมือออกความเห็นขึ้นอีกครั้ง โดยหวังว่าครั้งนี้เธอจะไม่ต้องร้องไห้อะไรกับคำพูดของเธออีก ______“เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นว่าเธอหัดพูดอะไรที่ดีแบบนี้นะ แต่จากที่ฉันสังเกตปัญหาที่หัวหน้าทีมเรากำลังกังวลคงเป็นเรื่องของความคล่องตัวในการทำงาน เวลาเราลงไปถึงที่หมายแล้ว เพราะยานขนาดกลางค่อนข้างยุ่งยากในการใช้งานเมื่อเอาไปใช้กับบรรยากาศและแรงดึงดูดของดวงดาวแบบนั้น แต่จากที่ฟังมาฉันก็เห็นด้วยที่เราน่าจะเลือกยานขนาดกลาง อาจดูจุกจิกเวลาปรับแต่งและความคล่องแคล่วเวลาใช้ไปบ้าง แต่ด้วยสถานะงานของเราคือการสำรวจไม่ใช่การออกรบ จึงน่าเหมาะสมที่จะเลือกขนาดกลางมากกว่า ฉันขอให้ความเห็นว่าขนาดกลางเหมือนกัน” ______อาจดูเหมือนเกินคำตอบที่อยากได้ของเซเรน่า และเม่ยอิง ที่ยืนฟังอยู่ กับท่าทางเก๊กเท่แบบคุณชายของรีฟ ริเวอร์ ริเวนเดลล์ หนุ่มแว่นน่ารำคาญหนึ่งเดียวคนนี้ ______“ฉันก็เห็นว่าเราควรเลือกยานขนาดกลางเหมือนกันค่ะ คุณเซเรน่า” ______ลูกมือเม่ยอิง ออกตัวสนับสนุนความเห็นด้วยอีกคน ______แน่นอนเมื่อมติความเห็นส่วนรวมมาแบบนี้ ประชาธิบไตยก็มักจะหล่นทับลงมาที่ตัวหัวหน้าเสมอๆ ______“เหมือนว่ายังไม่ทันที่ฉันจะได้ถามอะไร พวกเธอก็หาคำตอบกันได้แล้วสินะ” ______เธอยักคิ้วด้านซ้ายขึ้น พร้อมมอบรอยยิ้มที่มุมปากให้กับลูกทีมของเธอ ______“โอเค เม่ย เธอไปซื้อเสบียงที่ต้องใช้มา ส่วนอาเรียร์ไปเดินเรื่องหายานและใบอนุญาตการบินกับฉัน ส่วนรีฟนายอยู่เฝ้าของอยู่ที่นี้แล้วกัน และถ้ามีคำสั่งอะไรจากตาแก่นั้นก็เมล์มาบอกฉันด้วยตามที่อยู่นี้นะ” ______เธอทำท่าโยนแสงอะไรบางอย่างออกจากข้อมือของเธอ และปรากฏเป็นชื่อเมล์ขึ้นอยู่ที่จอแสงในมือของรีฟหลังจากนั้นทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันออกไป ท่ามกลางความวุ่นวายของฝูงชนที่ก็กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ไม่ต่างกัน เป้าหมายอาจเป็นจุดดาวเดียวกันแต่เป้าหมายอาจต่างกันคนล่ะฟ้าก็เป็นได้ ______“ทำไมถึงเหลือฉันแค่คนเดียว? นี้ล่ะน้า...ฉันถึงล่ะเกลียดผู้หญิงที่สุด โดยเฉพาะกับยัยเจ๊ใหญ่เซเรน่านั้น” ______เสียงบ่นกลางอวกาศของนักสำรวจชายหนุ่มดังขึ้น เขาอาจไม่ได้ตั้งใจจะเอ่ยให้ใครฟัง แต่บางครั้งคำพูดของคนเราก็มักจะแอบซุกซนไปกระทบกับใบหูของคนอื่นอย่างไม่ได้ตั้งใจอยู่เสมอๆ ______“เซเรน่า?” ______เสียงนั้นดังขึ้น พร้อมน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความหมายของคำว่าฉันรู้จักคำนั้น -------------------------------------------------------- **คำผิดมีบ้างต้องขอโทษด้วยจริงๆครับ ไว้ยังไงจะกลับมาแก้ไขให้อีกทีนะครับ Orz ***เขียนยังไม่จบบทแต่อัพให้ก่อนนะครับ กลัวจะร้างเกินไป :-3 -----------------------------------------------------------
มุมคุยกันนะฮ้าฟ :-3 จะโฉดขึ้นเรื่อยๆแน่นอนครับป๋าวิน หึหึ อัพช้าไปหน่อยขออภัยจริงๆครับ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นมากมายครับ พี่อาเซ (เดี่ยวจะตามไปคอมเม้นฟิคที่จบไปแล้วนะ ช่วงนี้ยุ่งมากเลยครับ ^^ ) ขอบคุณมากครับ แล้วจะพยายามทำให้ร้อนแรงไปเรื่อยๆนะ - -b บอกเลยว่าเจอตัวละครนี้ครั้งแรก รู้เลยว่าต้องโดนแกล้ง แต่รับรองเลยว่าผมเอ็นดูนู๋อาเลียร์เป็นพิเศษแน่นอนครับ ไข่สีฟ้านี้ไม่บอกแล้วกันเน้อ :-P ตอนนี้ยังไม่ได้ไปสำรวจเลย แต่กำลังจะไป ไม่ว่ากันเหนาะค้าฟฟ T.T รอมีมุขอยู่นะ!! พี่จ้อย ชอบตัวละครของพี่เวลาสมัครดี อ่านอย่างเดียวไม่มันส์หรอกเชื่อดิ(จะได้ช่วยกันออกไอเดีย 55+) ขอบคุณสำหรับคอมเม้นยาวๆแบบนี้ครับเป็นกำลังใจให้มากเลย จะพยายามเขียนให้ดีขึ้นเรื่อยๆเลยครับ - -b อยากจะรู้เหมือนกันว่าทำไมมีแต่ผู้หญิง ฮ่าๆ ส่วนทางฝั่ง metal hill สงสัยต้องรออีกหน่อยล่ะครับ (อยากเขียนเปลี่ยนfeel แล้วเนี้ยย) อยู่ในฉากด้วยครับ!! สงสัยผมเขียนงงเองรึเปล่าไม่รู้ แหะๆ
เปิดตอนมาน้ำตาก็ร่วงแผละๆ... น้องหนูอาเลียร์เจอรับน้องแต่หัววันเลย เซเรน่าก็ทำหน้าที่หัวหน้าทีมที่ดีช่วยออกตัวปกป้องและแสดงให้เห็นว่าไม่ได้กลัวกับอำนาจสั่งการที่เหนือกว่าแต่อย่างใด เม่ยอิงกับรีฟ...คู่นี้คงจะกัดกันไปตลอดการเดินทางแหงๆ ส่วนเนื้อเรื่อง ยังไม่มีอะไรคอมเมนต์ครับเพราะยังไม่ได้ออกเดินทางไปไหนเลย แต่เสียงปริศนาในบรรทัดสุดท้ายกำลังจะตัวเปิดเนื้อเรื่องในองก์ใหม่ให้น่าสนใจขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ถือว่าเป็นการปิดท้ายที่ดีครับ ชวนให้เกิดอารมณ์อยากอ่านตอนต่อไปไวๆ ตอนนี้ถ้าถามว่าสั้นไหม ? ก็คงสั้นไปหน่อยครับแต่ก็ไม่เสียหายอะไร เหมือนเป็นรอยต่อระหว่าง [การเตรียมพร้อมลงสำรวจ] กับ [การลงสำรวจ] ก็ช่วยให้เปิดเนื้อเรื่องไปได้อีกระดับนึง ส่วนเรื่องภาษาก็ยังคงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผู้เขียนอยู่เช่นเดิม ในตอนนี้สำนวนที่เคยโดดเด่นเหมือนตอนที่หนึ่งหายไปบ้างเพราะเนื้อเรื่องสั้น และเป็นบทสนทนาภายในกลุ่มเป็นส่วนใหญ่ สำนวนคมๆกวนๆในช่วงการบรรยายก็เลยหายไปบ้างก็ไม่ได้ทำให้อรรถรสของเรื่องเสียไปกลับได้ความหนักแน่นของเนื้อหาเพิ่มขึ้นมาและแสดงความสัมพันธ์ของคนในทีมสำรวจให้ชัดเจนขึ้นด้วย สุดท้ายก็ยังคงรออ่านตอนต่อไปนะครับ
อารมณ์ฝั่งมนุษย์นี่เคร่งเครียดเหลือเกินเชียวแฮะ ชักอยากรู้ว่าฝั่งเมทัลฮิลจะบรรยากาศแบบไหน ว่าแต่ใครกันนะที่สะดุดกับชื่อเซเรน่า