[ฟิครับสมัคร]Fantasy Inside Online Story [ 6 ตอนจบ ]

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย joi100, 29 กันยายน 2011.

  1. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    ห้องรับแขกกับอีตานักเดินทาง

    ตอนใหม่มาไวจนน่าตกใจคนเขียนเองยังตกใจอาจเป็นพล๊อตที่ค้างๆอยู่ในหัวมันหาทางไปจนถึงจุดสุดท้ายแล้วก็เป็นได้ทำให้งาน(อาจจะ)ออกมากันแบบต่อเนื่อง ฟิคเรื่องนี้อาจจะเกรียนขึ้นทุกตอนทุกตอน และมีความโฉดปนอยู่ด้วยขอให้เด็กอายุต่ำกว่าสิบห้า สตรีมีครรภ์โปรดหลีกเลี่ยง

  2. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    Fantasy Inside Online Story บทที่ 3 : ล่อง(จุ๊น)






    การออกเดินทางทำภารกิจแรกของ Guvhan นักพนันน้องใหม่แห่งแคลน `Maldito´ มันมีแต่เรื่องวุ่นวาย ตั้งแต่เริ่มรับทำภารกิจเป็นต้นมาแทบไม่ได้หยุดพักหายใจและการที่มาขึ้นเรือช้าทำให้ชื่อของเขาและห้องพักที่จัดเตรียมไว้ใต้ท้องเรือถูกจำหน่ายว่าตกเรือแล้วขายตั๋วสำรองให้กับผู้โดยสารคนอื่น นี่แหละคือเหตุผลที่ทำให้เขามานั่งเหวอพิงกราบเรือมองฟ้า เสากระโดง ใบเรือ และท้องทะเลยามค่ำคืนอยู่บนดาดฟ้าแบบนี้

    แต่ในความโชคร้ายมันก็ไม่ได้เลวร้ายซักเท่าไรตรงข้ามกลับเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้ง่ายๆซะด้วยซ้ำ ภาพของท้องฟ้าเดือนมืดที่กระจ่างใส เต็มไปด้วยดวงดาวนับไม่ถ้วนลอยอยู่บนท้องทะเลยามค่ำคืนที่กลืนกินอาณาเขตโดยรอบ สายลมเอื่อยๆหอบเอากลิ่นไอเกลือของทะเลมากระทบใบหน้า

    เวลากลางดึกแบบนี้ ผู้เล่นที่มาจับกลุ่มดูโน่นดูนี่บนดาดฟ้าเรือรวมไปถึง NPC ที่เป็นกะลาสีต่างก็หลบไปพักผ่อนใต้ท้องเรือกันหมดเหลือแต่เขาที่นั่งพิงกราบเรือเพราะไม่มีที่พักด้านล่าง บรรยากาศมันคงจะสงบเงียบและเขาอาจจะดื่มด่ำกับมันได้มากกว่านี้ถ้าไม่มีใครบางคนวิ่งขึ้นมาจากใต้ท้องเรือมาเกาะขอบโก่งคออ้วกอยู่ห่างจากที่เขานั่งไปไม่ถึงสามเมตร

    ผ่านไปพักใหญ่ๆเสียงอ้วกก็หยุดลงพร้อมๆกับร่างนั่นทรุดลงกับพื้นอย่างหมดแรง ถึงจะเป็นคืนเดือนมืดแต่แสงจากคบเพลิงที่จุดไว้เกือบรอบดาดฟ้าเรือทำให้เห็นร่างนั้นชัดพอสมควร

    เด็กชายอายุประมาณม.ต้นอยู่ในชุดที่ดูยังไงก็บอกว่าเจ้าหมอนี่น่าจะอยู่สายนักผจญภัยไม่ก็ชอบในสายนี้พอสมควรล่ะถึงแต่งตัวแบบนี้ เสื้อยืดสีขาวทับด้วยแจ๊คเก็ตแขนสั้น กางเกงขาสั้น รองเท้าหนังที่หุ้มขึ้นมาเกือบถึงเข่า ที่สะดุดตาก็คงไม่พ้นปลอกแขนทั้งสองข้างที่หุ้มขึ้นมาถึงศอก ผ้าพันคอสีสดที่ขอบเป็นขนๆแบบที่เขาเคยเห็นตามหนัง คาวบอยทั่วๆไปและแว่นกันลมที่คาดอยู่บนหัว

    ถึงแสงจากคบเพลิงมันจะออกสีส้มแต่ใบหน้าของเด็กชายที่นั่งหมดแรงไม่ห่างจากเขาออกไปมันซีดจนสังเกตได้

    "ท่าทางจะอาการหนัก สงสัยจะไม่ได้นอนแน่ๆถ้าเจ้าเด็กนี่มันมาเมาเรืออ้วกจะเป็นจะตายอยู่ใกล้ๆแบบนี้"

    Guvhan ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเองหยิบตลับสี่เหลี่ยมเล็กๆขึ้นมาเขย่าเอายาลูกกลอนเม็ดกลมๆขนาดเท่ายาอมที่มีขายตามร้านค้าทั่วไปออกมากลิ้งอยู่บนฝ่ามือ แล้วคว้าขวดน้ำที่ตั้งอยู่ข้างๆตัวลุกขึ้นเดินตรงไปนั่งยองๆตรงหน้าร่างที่พิงกราบเรืออยู่อย่างหมดแรง พร้อมกับยื่นยาเม็ดนั้นและขวดน้ำไปให้

    "นี่น้องชายกินลงไปแล้วหลับตานิ่งๆซักห้านาทีเดี๋ยวก็ดีขึ้น"

    ใบหน้าที่ซีดเซียวขมวดคิ้วจ้องมองเขาอย่างมึนงงปนสงสัย นักพนันหนุ่มยิ้มบางๆ

    "ไม่ใช่ยาพิษหรอกน่าถึงมันจะดูเหมือนก็เถอะ ขืนปล่อยนายมาโก่งคออ้วกแถวนี้ก็ไม่ได้นอนกันพอดี"

    "ถึงจะไม่น่าไว้วางใจเท่าไรแต่มันก็คงดีกว่านั่งเมาเรือ จนหน้าซีดหมดแรงจะตายแหล่ไม่ตายแหล่แบบนี้ไม่ใช่เรอะ?"

    เด็กชายที่นั่งหมดแรงยังคงจ้องมองเขาอย่างสงสัย โดยที่ไม่พูดอะไรและไม่รับสิ่งที่เขายื่นให้

    "โว๊ะ!!"

    เสียงอุทานของนักพนันหนุ่มพร้อมๆกับวางขวดน้ำในมือ ยื่นมือเข้าไปบีบกรามจนปากอ้าออก ดีดยาเม็ดนั้นเข้าไป แล้วคว้าขวดน้ำกรอกปากพร้อมดันคางบังคับเงยหน้าเพื่อให้ยาไหลลงคอทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตาโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัว

    เด็กชายคนนั้นสำลักน้ำทันทีแล้วทรุดลงไปนอนหมอบกับพื้นด้วยท่าทีที่ทรมาน

    "ยอมกินดีๆก็ไม่ลำบากแล้วนอนไปอย่างนั้นแหละเดี๋ยวอีกห้านาทีก็หายจับเวลาดูเอา ถ้าไม่หายเดี๋ยวถีบตกเรือให้พ้นทุกข์เอง"

    Guvhan ลุกขึ้นหิ้วขวดน้ำของตนไปนั่งอยู่ที่เดิมพลางเปิดหน้าต่างสถานะเช็คเวลาในเกมส์โดยไม่สนร่างที่นอนกองอยู่กับดาดฟ้าเรือแม้แต่น้อย

    "สี่ทุ่มสิบสามงั้นเรอะ? ตามกำหนดเรือจะถึงท่าที่`อุเอรุโตะ´ตอนหกโมงเช้ามีเวลาร่วมๆแปดชั่วโมงเลยแฮะ ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดร่วมๆสิบกว่าชั่วโมงนี่เอง วันนึงๆถึงมีเรือออกจาก`เวลเจ´ไป`อุเอรุโตะ´แค่สองรอบ ถ้าไม่นับคืนนี้จะเหลือเวลาในการออนไลน์อีกหกวันภารกิจนี้จะเสร็จมั๊ยนี่มีแต่เรื่อง"

    นักพนันหนุ่มก็เปิดของแคลนขึ้นมาทักทายเพื่อดูว่าพวกพี่ๆในแคลนเป็นไงบ้าง

    ถึงใน FIO แทบทุกอย่างจะสมจริงไปซะทุกอย่างแถมเป็นเกมส์ที่ไม่ค่อยแจ้งเตือนอะไรเลยปล่อยให้ผู้เล่นงมโข่งกันเอาเอง ผู้เล่นหน้าใหม่หลายๆคนรับภารกิจจาก NPC ต่างๆโดยไม่รู้ตัวเพียงเพราะไปพูดคุยกับ NPC หรือไปปากไวตกลงทำงานให้คนที่มาขอร้องตน แล้ว พอเปิดหน้าต่างภารกิจก็พบว่ามีภารกิจค้างอยู่ทำให้ค่าประสบการณ์ไม่ขึ้นเดือดร้อนต้องรีบไปทำภารกิจให้เสร็จโดยเร็ว

    การที่มีระบบรายชื่อเพื่อนไว้ช่วยจดจำแต่ก็ไม่สามารถเปิดหน้าต่างติดต่อสื่อสารได้โดยตรงต้องลำบากไปหาซื้อจดหมายเวทมนต์เพื่อส่งข้อความหากัน แถมการจะตอบข้อความกลับอีกฝั่งต้องใช้จดหมายเวทมนต์ด้วยเช่นกันซึ่งลำบากลำบนพอดู ผู้เล่นหลายๆคนจึงเลือกที่จะติดต่อพูดคุยกันในโลกจริงให้มารวมตัวออกผจญภัยตอน Login กันซะส่วนใหญ่

    แต่ถึงอย่างนั้น FIO ก็ไม่ใจร้ายเกินไปนักเพราะระบบแคลนของที่นี่มีหน้าต่างติดต่อสื่อสารรวมเหมือนเกมส์ทั่วๆไป ถึงจะทำได้แค่คิดแล้วมีตัวอักษรขึ้นบนหน้าต่างเล็กๆตรงหน้า จึงเป็นภาพที่ชินตาตามเมืองต่างๆสำหรับผู้เล่นที่มีสัญลักษณ์ของแคลนต่างๆนั่งจ้องหน้าต่างเล็กๆตรงหน้าพวกเขา

    นอกจากนั้นถ้าแคลนใหญ่ขึ้นมีเงินมากพอจะซื้อ "บ้าน" เป็นของตัวเองแล้วล่ะก็ความสะดวกสบายก็จะเพิ่มขึ้นอีกเพราะมีสถานที่ส่วนตัวในการเก็บสิ่งของต่างๆที่ไม่ใช้ นอกจากคลังเก็บของของทางระบบที่เก็บของได้เพียงหนึ่งร้อยชิ้นเท่านั้น และเป็นสถานที่พักรวมตัวเฉพาะกลุ่มโดยไม่ต้องไปวุ่นวายกับผู้อื่น

    แต่ความโรคจิตของ FIO ก็ยังคงแอบแฝงอยู่ในสิ่งเหล่านี้เพราะแทนที่ทุกๆคนจะสามารถวาปมายัง "บ้าน" ของแคลนได้สะดวกสบายแบบเกมส์อื่นๆ แต่ใน FIO ผู้เล่นต้องเดินทางไปยัง"บ้าน"เหล่านั้นด้วยตัวเองโดยที่ไม่มีระบบอะไรให้ความช่วยเหลือ ซึ่งราคาของบ้านที่ต้องจ่ายทุกๆเดือนในการเช่าจะถูกจะแพงก็ขึ้นอยู่กับความใกล้ไกลจากเมือง

    แคลนใหญ่ต่างๆจึงมักจะมีบ้านอยู่ตามเมืองใหญ่เพื่อความสะดวกของสมาชิกแคลนซึ่งราคาค่าเช่าแพงลิบลิ่ว นอกจากนี้อาจถูกโจมตีจากทั้ง NPC หรือผู้เล่นเพื่อเข้ามาชิงทรัพย์สินในแคลนในช่วงเวลาที่ระบบกำหนดทำให้ต้องจัดผู้เล่นมาป้องกันหรือจ้าง NPCรวมไปถึงผู้เล่นจากสมาคมต่างๆที่เกี่ยวข้องมาช่วย

    นี่คือเหตุผลที่จนแล้วจนรอดแคลน `Maldito´ ไม่มี "บ้าน" เช่นแคลนอื่นๆซักทีเพราะมันเปลืองเงิน และแทบจะไม่มีประโยชน์อะไรกับแคลนเล็กๆที่มีคนอยู่แค่สี่คนเลยแม้แต่นิดเดียว ในที่สุดหน้าต่างแคลนของเขาก็มีอะไรเคลื่อนไหวซักที








    แล้วหน้าต่างแคลนตรงหน้านักพนันหนุ่มก็ถูกปิดลง เขาลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วเงยหน้ามองฟ้าสูดหายใจเข้าเต็มปอด

    "นครแห่งทะเลทราย`กรานาด้า´ ฟังดูน่าสนุกจังคราวหน้าให้พี่ๆลองพาไปดูดีกว่า"

    Guvhan เดินตรงไปนั่งยองๆตรงร่างของเด็กชายที่นอนแผ่อยู่กับดาดฟ้าเรือไม่ห่างออกไปนักอีกครั้ง

    "ท่าทางไม่ทรมานแล้วสินะเดี๋ยวพอครบห้านาทีก็หายสนิทไม่มีอาการตกค้าง ไอ้ยาผีบอกสูตรนี้ถึงกินเข้าไปแล้วจะรู้สึกแย่สุดๆจนต้องนอนเดี้ยง แต่พอครบห้านาทีมันรักษาหายทุกอาการจริงๆ ตามที่คนที่ปรุงมันขึ้นมาโฆษณาไว้ล่ะนะ"

    ร่างตรงหน้าค่อยๆขยับพยายามจะลุกขึ้นนักพนันหนุ่มช่วยพยุงขึ้นมานั่งพิงกับกราบเรือสีหน้าของเด็กชายตรงหน้าดีขึ้นมาก

    "เป็นการช่วยเหลือที่ดูป่าเถื่อนจริงๆเลยนะครับ แต่ก็ขอบคุณมากพี่ชาย"เด็กชายตรงหน้าเอ่ยออกมาเป็นประโยคแรก

    "ป่าเถื่อนหรือ? มันธรรมดาจะตายในแคลนพี่เวลาออกลุยกันนรกกว่านี้เยอะ เรา Guvhan แล้วนายล่ะ?"
    นักพนันหนุ่มหัวเราะเหอะๆเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่เขาโดนลากไปกับพวกพี่ๆในแคลน

    "Zales ครับ"
    เด็กชายตรงหน้าตอบกลับมา

    "งั้นถ้าหายแล้วก็กลับลงไปนอนที่ห้องพักนายได้แล้วล่ะ อยู่แถวนี้เดี๋ยวจะติดร่างแหซวยไปด้วยซะเปล่าๆ"
    Guvhanโบกมือไล่เขา ลางสังหรณ์บางอย่างเข้าจู่โจมเขาทันทีเมื่อจู่ๆสายลมที่พัดโชยเอื่อยมาตลอดตั้งแต่เรือลำนี่ออกจากท่าที่`เวลเจ´มันหายไปดื้อๆ "คำสาป" ประจำแคลนมันมาเยี่ยมเขาอีกแล้วสินะ

    "ซวย? คงไม่ล่ะมั๊งครับ เพราะใครๆก็เรียกผมว่าคนโชคดี"
    Zales ตอบปนขำๆ

    "งั้นคืนนี้มาพนันกันเปล่าว่าความโชคดีของนายมันจะไม่มีเหลือแม้แต่นิดเดียวถ้านายยังยืนคุยกับเราอยู่แบบนี้ เอาเป็นข้าวซักมื้อที่`อุเอรุโตะ´เป็นไง"
    นักพนันหนุ่มเอ่ยปนหัวเราะ

    "ข้าวฟรีก็น่าสนใจอยู่นะครับ"
    เด็กชายตรงหน้าพยักหน้าตกลง




    หน้าต่างขอเป็นเพื่อนปรากฏตรงหน้าเขาทันที

    "กลัวชักดาบจนต้องขอเป็นเพื่อนไว้ทวงหนี้เลยสินะ เอาก็เอา"
    หลังจากตกลงเด็กชายตรงหน้าเขาก็หยิบการ์ดแสกนก็ถูกหยิบขึ้นมาเพื่อดูรายละเอียด

    "เอ๋? ผมนึกว่าพี่จะLv.มากกว่าผมอีกนะเนี่ย"
    "เอ๋? ไม่ใช่สายอาชีพนักสู้หรือครับ นักเวทย์ นักพนัน ดูไม่เข้ากับชุดที่พี่ชายใส่เลยนะ"
    Zales เอ่ยทักขึ้นเป็นชุดเมื่อข้อมูลปรากฏบนการ์ดแสกน

    "อื้อ เพิ่งเริ่มเล่นเกมส์นี้ได้ไม่นานเท่าไรเอง ก็ชุดมันเท่ดีนี่ เกมส์นี้ไม่ได้บังคับเรื่องแต่งตัว หรือใช้อาวุธให้ตรงสายอาชีพไม่ใช่เรอะ? แถมไอ้อาชีพทั้งหลายแหล่นี่มันไม่ได้เป็นตัวกำหนดรูปแบบการต่อสู้ทั้งหมดซักหน่อยนี่"

    "ท่าทางพี่ชายจะเล่นเกมส์นี้แบบไม่ดูตำราที่เขียนไว้ซักเท่าไรเลยนะครับ ทั้ง Job และ Class ภายในเกมส์นี้จะเป็นตัวกำหนดรูปแบบของทักษะพิเศษต่างๆรวมถึงภารกิจและสิทธิพิเศษหลายๆอย่างที่จะได้รับเฉพาะสายอาชีพ นอกจากนั้นยังมีอุปกรณ์หลายๆชนิดที่ใช้ได้เฉพาะสายอาชีพเท่านั้น"
    เด็กชายตรงหน้าเอ่ยเรื่องพื้นฐานให้เขาฟัง

    "เออ จริงสินะจำได้ว่าเคยอ่านเจออยู่ในคู่มือผู้เล่นใหม่อยู่เหมือนกัน" Guvhan ยกการ์ดแสกนขึ้นเพื่อดูรายละเอียดของเด็กชายตรงหน้าบ้าง










    "นักผจญภัยกับพ่อครัว ไม่ค่อยเน้นต่อสู้ซักเท่าไรสินะนายเนี่ย"นักพนันหนุ่มเอ่ยถามขึ้นบ้าง

    "ก็ได้แค่พอเอาตัวรอดล่ะครับพี่ชาย แต่ถ้าเรื่องล่าหาไอเท็มหรือระดับของสะสมในคอลเลคชั่น ผมเองก็ถือว่าอยู่ในระดับสูงเหมือนกัน"
    เด็กชายนักผจญภัยตอบกลับมาแบบไม่มีถ่อมตัว

    "เป็นเน้นไปทางล่าของสินะ แล้วจะที่ไป`อุเอรุโตะ´นี่ก็ไปล่าของงั้นสิ?"

    "พอดีได้ข่าวมาว่าที่เกาะนั่นมีต้นไม้ใหญ่ที่สูงทะลุเมฆเหมือนต้นถั่วของแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์ไม่มีผิดและว่าจะแวะเข้าไปดูซักหน่อยน่ะครับ"

    "อ้อก็เห็นคนที่เวลเจพูดถึงอยู่เหมือนกัน ไอ้ดันเจี้ยนต้นไม้ยักษ์ประจำเกาะเนี่ยเขาว่าโหดเอาเรื่องเลยนี่จะไปคนเดียวแสดงว่าก็พอตัวสินะ แต่ก่อนนายจะได้เข้าดันเจี้ยนนายคงได้เลี้ยงข้าวก่อนล่ะนะ Zales"
    นักพนันหนุ่มชี้ไปทางกราบเรืออีกด้านที่เวลานี้แสงจากคบเพลิงรอบตัวเรือส่องให้เห็นเงาตะคุ่มๆของเรือขนาดใหญ่อยู่ไม่ห่างออกไปนัก

    เด็กชายนักผจญภัยหันขวับไปยังทางลงใต้ท้องเรือซึ่งตอนนี้มีกำแพงเวท ปรากฏขึ้นขวางอยู่นั่นหมายความว่าคนที่อยู่ใต้ท้องเรือไม่อาจขึ้นมาช่วยพวกเขาได้เลย และพวกเขาเองก็ไปหลบใต้ท้องเรือไม่ได้เช่นกัน

    หน้าต่างจากระบบปรากฏขึ้นตรงหน้า















    "จับกลุ่มกันมั๊ยมีกันอยู่สองคนเองนี่ อย่างน้อยๆก็พอช่วยโยนยา ใช้เวทช่วยเหลือให้กันได้ ขืนนายเดี้ยงจนถูกส่งไปนอนโรงพยาบาลซะก่อนแล้วใครจะเลี้ยงข้าวตอนไปถึงอุเอรุโตะล่ะ จริงมั๊ยคนโชคดี”
    “อ้อ! ไม่ต้องห่วง รอบนี้ค่าประการณ์นายรับเต็มๆเพราะเราเพิ่งรับภารกิจมาแหมบๆ"
    นักพนันหนุ่มเอ่ยชวนแกมแอบเหน็บแนบเล็กๆ








    เด็กชายนักผจญภัยตรงหน้าตอบตกลงในการร่วมกลุ่มพลางขยับตัวยืดเส้นยืดสาย
    "ที่เขาว่ากันว่าถ้าเจอคนจากแคลน `Maldito´ ที่ไหนให้รีบออกห่างจากที่นั่นให้ไกลและเร็วที่สุดมันหมายถึงแบบนี้เองสินะครับ"

    "มันก็น่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วล่ะคนโชคดี นายนี่โชคดีอย่างที่บอกเลยจริงๆ"
    นักพนันหนุ่มหักนิ้วเสียงดังเตรียมพร้อมรับการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นเช่นกัน

    "เคยมีคนบอกพี่ Guvhan มั๊ยว่าพี่นี่ปากเสียสุดๆเลย" เด็กชายนักผจญภัยสวนกลับแบบตรงๆ

    นักพนันหนุ่มไม่ตอบอะไรเพียงแต่ยิ้มมุมปากแล้วเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง อึดใจถัดมาเรือโจรสลัดที่เห็นเป็นเพียงเงาตะคุ่มๆลอยมาเทียบเรือโดยสารที่บัดนี้บนดาดฟ้าเรือมีเพียงนักพนันและนักผจญภัยอยู่รอรับการโจมตีเพียงสองคนเท่านั้น

    Guvhan ร่ายเวทเสริมความเร็วอันเป็นเวทมนต์ทำมาหากินของเขาในใจเงียบๆแล้วเดินเข้าไปตบบ่าเด็กชายพนักผจญภัยเพื่อใช้เวทเวทบทนี้เสริมให้ Zales ด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าตัวเรียกออร่าสีขาวนวลขึ้นมาห่อหุ้มไว้ทั้งตัว




    "พลังที่หลับใหลอยู่ในร่ายกายของเราเอ๋ย จงสำแดงตัวตนของเจ้าออกมา Battle Aura!!"






    "โหยเรียกออร่าออกมาใช้ได้ด้วยท่าทางจะสูบพลังจิตน่าดูนะนั่น คราวนี้เปลืองยาเติมพลังจิตแหงๆ"
    นักพนันหนุ่มผิวปากแซวพลางบุ้ยปากไปที่กราบเรือฝั่งตรงข้ามซึ่งเวลานี้เหล่าโจรสลัดแห่กันเข้าหาพวกเขาแล้ว Guvhan กวาดสายตาคร่าวมากันราวๆสามสิบถึงสี่สิบคนได้

    "คืนนี้คงสนุกพิลึกล่ะถึงอาจจะไม่เร้าใจเท่าไร แต่มันคงจะไม่น่าเบื่อล่ะนะ"
    แล้วไพ่ในมือ Guvhan ถูกซัดเข้าใส่พวกโจรสลัดชุดแรกที่ดาหน้าเข้ามาพร้อมกับร่างของทั้งสองคนวิ่งเข้าตะลุมบอนทันที




    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~



    ยามรุ่งสางที่พระอาทิตย์เริ่มจะโผล่พ้นขอบฟ้า เบื้องหน้าของเรือเห็นแผ่นดินอยู่ในสายตาลิบๆแต่สภาพบนดาดฟ้าเรือเวลานี้เละเทะเหมือนเพิ่งมีสงครามผ่านไปหมาดๆ

    แต่บนดาดฟ้าเรือทุกคนที่เพิ่งขึ้นมาจากใต้ท้องเรือพบเพียงร่างของเด็กชายผมหางม้าคาดแว่นกันลมนั่งพิงเสากระโดงเรืออยู่อย่างหมดแรง ไม่ห่างออกไปมีชายหนุ่มในชุดคาราเต้นั่งดื่มน้ำอยู่อย่างสบายใจ
    และไม่ว่าใครจะถามเช่นไรทั้งสองคนต่างไม่มีใครปริปากพูดอะไรกันแม้แต่คำเดียวจนถึงท่าเรือ `อุเอรุโตะ´

    ทันทีที่นักพนันขึ้นฝั่งเขาก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศของญี่ปุ่นสมัยเก่าที่เขาคิดว่าชีวิตนี้จะได้เห็นแค่ในหนังหรือการ์ตูนเท่านั้น ท่าเรือที่เป็นสะพานไม้ยื่นไปในทะเล บ้านเรือนที่ทำจากไม้ในรูปแบบของญี่ปุ่นสมัยเอโดะ NPC ที่แต่งตัวตามแบบพื้นเมือง

    "จะเลี้ยงเป็นข้าวเช้าหรือข้าวเที่ยงดีล่ะน้องชาย"
    Guvhan ขยิบตาถามไปยังเด็กชายนักผจญภัยที่เดินตามหลังเขามา

    "ตามใจเลยพี่"

    นักพนันหนุ่มแห่งแคลน `Maldito´ เดินตรงไปยังแผงลอยขายอาหารยามเช้า สั่งอาหารเช้ามาสองชุด ซึ่งมันเป็นเพียงข้าวร้อนๆโรยด้วยงามีบ๊วยดองแปะอยูบนข้าวพร้อมซุปอีกถ้วย ซึ่งราคาเพียงยี่สิบทองแดงหรือเท่ากับขนมปังก้อนหนึ่งเท่านั้น

    "กินแค่นี้จะดีหรือ พี่จะกินแพงกว่านี้ก็ได้นะผมเองยังพอมีเงินอยู่บ้าง"
    Zales เอ่ยขณะหยิบเงินจ่ายให้คนขาย

    นักพนันหนุ่มไม่สนใจในคำพูดของเด็กชายนอกจากก้มหน้ากินอย่างหิวโหย หลังจากจัดการอาหารเช้าที่ท่าเรือเสร็จแล้ว Guvhan ก็ขอตัวไปจัดการธุระของเขาทันที

    หลังจากเดินตัดเมืองไปตามแผนที่ ที่อยู่ในมือซึ่งมันก็มีแต่ความน่าสนใจเต็มไปหมดอาจจะเป็นเพราะตัวเขาเองชอบญี่ปุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทุกอย่างในเกาะแดนใต้ `อุเอรุโตะ´ มันจึงน่าสนใจสำหรับเขาไปซะหมด

    แต่เหมือนกับว่านักพนันหนุ่มจะลืมอะไรไปบางอย่างแต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้สิ่งที่เขาลืมมันคืออะไร จนในที่สุด Guvhan เดินมาถึงจุดหมายที่เขาจะต้องมาส่งของซึ่งเป็นบ้านหลังเล็กๆห่างออกจากตัวเมืองมาเล็กน้อยตั้งอยู่ในกลางป่าไผ่บรรยากาศเงียบสงบสมเป็นกับบ้านของช่างตีดาบที่ต้องการสมาธิในการทำงานจริงๆ

    ภารกิจของเขาในครึ่งแรกมันควรจะจบลงด้วยการส่งแร่ให้แก่ช่างตีดาบแล้วรับอาวุธแล้วกลับไปส่งยังร้าน `Albatross´ ถ้าภาพตรงหน้าของเขาไม่ใช่สภาพของบ้านที่พังยับเหมือนโดนอะไรมาถล่มจนราบเป็นหน้ากลอง

    ไม่มีวี่แววของคนหรืออะไรที่พอจะสืบค้นแม้แต่น้อยนอกจากเศษไม้ที่ครั้งหนึ่งมันน่าจะเคยเป็นบ้านของช่างตีดาบที่เขาควรจะเอาแร่มาส่งแล้วเอาอาวุธจากที่นี่กลับไป

    Guvhan ยืนเกาหัวแกรกๆในที่สุดเขาก็นึกออกว่าไอ้สิ่งที่เขาลืมไปมันคืออะไร
    "คำสาป" ของแคลน `Maldito´ ชื่อที่แปลแล้วมีความเป็นสิริมงคลแบบสุดๆ
    .
    .
    .
    .
    .
    "หายนะ"



    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

  3. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    นึกว่าจะได้เห็นบทบู๊กับโจรสลัดกันซะหน่อยแฮะ งานนี้สงสัยต้องสืบข่าวหาเจ้าของร้านใหม่อีกล่ะสิเนี่ย
  4. sumiyo

    sumiyo Vincent4ever!!!

    EXP:
    267
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    18
    ระบบบ้านนี่...คิดจะมีบ้านกับเค้าทั้งที ต้องคิดหนักหน่อยซะแล้วสิเนี่ย... = ="

    รอติตดามตอนต่อไปอยู่นะคะ! XD
  5. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    อู...อา...โอ้เย่


    ตอนใหม่มาแล้ว มีอะไรคอมเมนต์เพราะคอมเมนต์หลังไมค์ไปหมดแล้ว
    แถมตรวจคำผิด จัดวรรคย่อหน้าเองกับมือ

    อู...อู้(เนียนๆ)
  6. derick

    derick Member

    EXP:
    339
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    18
    เหยดดดดดดดดดดด อ่านตอนที่แล้วแต่ไม่ได้เมนท์ พอนึกได้จะเข้ามาเมนท์ก็มีตอนใหม่โผล่!! ขอให้ฟิตแบบนี้ไปเรื่อย ๆ นะเธอ 555

    ตอนที่แล้วเหมือนสั้น.........หรือเพราะตัวละครออกมาเยอะ(??) ก็ไม่รู้เลยรู้สึกว่ายังกระจายบทได้ไม่ึค่อยดีเท่าไหร่ ส่วนตอนนี้ไม่ค้องพูดถึง...555 มีอยู่ไม่กี่ตัว

    เห็นระบบต่าง ๆ มากขึ้นอีกนิด แล้วก็เห็นความเกรียน(?)และความซวยของกุฟานมากขึ้นอีกหน่อย(กร๊ากกกกกกกกกก)

    รอตามอยู่นะจ้า~
  7. Ryuto

    Ryuto 終わる道、始まる夢

    EXP:
    964
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    88
    เห้ย เล่นงี้เลยเหรอ มันต้องตามหานักตีดาบกันแบบสุดล่าฟ้าเขียวเลยไหมเนี่ย สงสารกุฟานจริงๆมันจะซวยไปถึงไหน แล้วทำไมมันถึงเกรียนเช่นนี้ธรรมดามันไม่เกรียนเลยน้าาาาา

    ปอลิง เรื่องสำนวนการแต่งผมชอบนะเพราะมันดูผจญภัยดี เรียกพลังในการแต่งฟิคขึ้นมาเลย แต่ตอนนี้ผมไม่เห็นคำผิดเลยแฮะ ฮ่าๆๆๆๆๆหมดไฟแต่งยังพี่ สู้ๆนะ
  8. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    เจอก็แปลก ช่วยกันตรวจสามรอบ ถ้ามันยังผิดอีกก็เลิกคิดไปทำงานในสนพ.ได้เลย
    -3-
  9. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    ห้องรับแขกกับอีตานักเดินทาง

    หลังจากหายไปพักหนึ่งนิยายเกรียนๆมันก็กลับมาอีกแล้วอูอาา มากันเรื่อยๆเกรียนแบบต่อเนื่องไม่ขาดสาย

  10. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    Fantasy Inside Online Story บทที่ 4 : ลางร้าย






    สามวันเต็มๆนับตั้งแต่เท้าของนักพนันหนุ่มเหยียบย่างเข้ามายังเกาะแดนใต้ `อุเอรุโตะ´ เพื่อทำภารกิจที่ฟังดูเหมือนจะง่ายแค่เอาของมาส่งแล้วรับสินค้ากลับ ทั้งๆที่เขาเตรียมใจไว้แล้วว่าภารกิจที่ดูเหมือนง่ายรอบนี้มันไม่ง่ายแน่นอนแต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาเตรียมใจที่จะพบเจอนั้นมันยังน้อยไปสำหรับสิ่งที่เขาเผชิญอยู่ขณะนี้

    บ้านของเป้าหมายราบเป็นหน้ากลองไม่ว่าจะพยายามหาข่าวสารจากทั้งผู้เล่นและ NPC ทั้งเกาะก็ไม่มีข่าวสารใดๆเกี่ยวกับช่างตีดาบคนนั้นเลย Guvhan นั่งมึนตึ๊บกับความลึกลับของภารกิจนี้อยู่หน้าร้านขายอาหารริมทาง

    เขากำลังนั่งกินข้าวปั้นลูกขนาดเหมาะมือเงยหน้ามองต้นไม้ยักษ์ที่สูงเทียมฟ้าอันเป็นดันเจี้ยนหลักประจำเกาะแห่งนี้ บนนั้นคือสถานที่สุดท้ายที่เขายังไม่ได้สำรวจบนเกาะแห่งนี้แต่มันก็ไม่ได้มีความหวังอะไรมากนักนอกจากไปสำรวจมันให้ครบๆ

    "อ้าวพี่ชายยังอยู่บนเกาะนี้อีกเหรอ ภารกิจยังไม่เสร็จหรือ?"
    เสียงของใครบางคนเอ่ยทักเขา

    เด็กชายนักผจญภัยที่เคยร่วมรับมือฝูงโจรสลัดบนเรือโดยสารเดินตรงเข้ามานั่งลงบนแคร่ข้างๆเขาสั่งข้าวปั้นและน้ำชาจากเจ้าของร้าน

    "ขึ้นดันเจี้ยนต้นไม้มาเป็นไงบ้างล่ะ?"
    นักพนันจากแคลนหายนะเลือกที่จะไม่ตอบเรื่องภารกิจที่ยังแทบไม่คืบหน้าอะไรเลย

    "ก็ใช้ได้นะพี่ชายมอนสเตอร์ส่วนใหญ่ก็เป็นสัตว์ป่ากับพวกแมลงที่อาศัยอยู่ตามต้นไม้ ดันเจี้ยนใหญ่มากขนาดผมขนเสบียงขึ้นไปเต็มอัตราศึกยังเกือบไม่พอ สุดท้ายก็ไปได้แค่เจอหน้าหัวหน้าใหญ่ประจำดันเจี้ยน มันออกจะเกินกำลังไปพอสมควรเลยสงสัยต้องหาเพื่อนขึ้นไป"
    Zales เล่าถึงดันเจี้ยนที่เขาเพิ่งกลับมาอย่างออกรสออกชาติ

    "หัวหน้ามันเป็นปรสิตประจำต้นไม้อยู่ชั้นบนสุดเลยเป็นดันเจี้ยนที่ถือว่าไม่ยากเท่าไร ถ้าไม่ติดว่ามันสูงและยาวมากขนาดผมไม่ค่อยได้สู้อาศัยหนีเป็นหลักยังทำได้แค่ไปดูหน้าบอสเฉยๆเลย”

    “แถมขากลับถ้าเป็นคนอื่นคงต้องต้องเดินทางกันแบบรวดเดียวเพราะแทบไม่มีอะไรเหลือติดกระเป๋า โชคดีที่ทักษะประจำสายอาชีพช่วยไว้เลยเอาตัวรอดมาได้แบบไม่ลำบากเท่าไร เลยมีเวลาไปดูรอบๆดันเจี้ยน"

    "แล้วมีอะไรแปลกๆหรือน่าสนใจมั๊ยล่ะ Zales"

    "ก็ไม่มีอะไรนะพี่นอกจากความยาวกับจำนวนมอนสเตอร์ที่ออกมากันแบบต่อเนื่องยิ่งสูงจากพื้นยิ่งเก่งขึ้นไปเรื่อยๆ ตัวดันเจี้ยนเองก็ไม่มีอะไรสลับซับซ้อนเท่าไรเพราะมันยาวมากแต่นี้ก็ลำบากจะตายอยู่แล้ว"
    เด็กชายนักผจญภัยเอ่ยพลางกินข้าวปั้นในมือ

    หลังจากได้ฟังคำบอกเล่าจาก Zales นักพนันหนุ่มก็รู้ทันทีเลยว่าเขาไม่จำเป็นต้องขึ้นดันเจี้ยนต้นไม้ยักษ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าให้เสียเวลา

    "งานนี้มันชักจะไม่สนุกแล้วสิ" Guvhan คิดในใจ

    "นี่พี่ชายขอแรงขึ้นไปช่วยปราบบอสหน่อยสิไปคนเดียวไม่ไหวอ่ะ" เด็กชายผมหางม้าขยับถอดแว่นกันลมบนหัวออกมาเช็ดหลังกินข้าวปั้นเสร็จ

    "ก็อยากไปอ่ะนะนายลองหาปาร์ตี้แถวๆนี้ไปก่อนละกันท่าทางภารกิจที่รับมามันจะไม่จบง่ายๆคงต้องกลับ `เวลเจ´ ไปหาเงื่อนงำเพิ่มล่ะ"

    "โทษที ถ้าจบเรื่องแล้วยังหาใครขึ้นไปช่วยลุยบอสไม่ได้ไว้ค่อยมาทวงสัญญาแล้วกันนะ" นักพนันหนุ่มโบกมือลาแล้วเดินตรงเข้าไปตีตั๋วเรือเพื่อกลับ `เวลเจ´ ทันที







    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~










    หน้าต่างแคลนถูกปิดลงนักพนันหนุ่มเอนหลังลงบนที่นอนในห้องพักบนเรือ แล้วหลับตาลงอย่างอ่อนล้าเพราะสามวันมานี่เขาแทบไม่ได้พักซักเท่าไรมัวแต่วิ่งไปทั่วเกาะเพื่อหาข่าวสารแต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเลย นี่เขาคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่นะที่รับภารกิจมาเนี่ย

    ยามเช้ามาถึงพร้อมๆกับที่ตัวเขากลับมายืนอยู่บนท่าเรือที่ `เวลเจ´ Guvhan เดินลงจากเรือก็พบรุ่นพี่ทั้งสามคนรออยู่แล้ว

    "เป็นไงพี่ได้ข่าวไปถล่ม `กรานาด้า´ พังไปเป็นแถบ" นักพนันหนุ่มในชุดคาราเต้เอ่ยแซวรุ่นพี่ทั้งสามคนตรงหน้าทันที

    "ก็เพราะเมิงไปก่อเรื่องไว้นั่นแหละไอ้มีน" Azemag ตอบกลับมาพลางกระโดดลงมาจากลังสินค้าที่นั่งอยู่

    "ได้ข่าวว่าพวกพี่ก็มีหนี้แค้นอยู่แล้วไม่ใช่เรอะ แค่ผมเพิ่มไปอีกนิดหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก" Guvhan ยักไหล่เล็กน้อยขณะตอบ

    "กวนจริงๆนะเมิง ศาสดาดูแลลูกศิษย์หน่อยสิวะ"

    Keene ที่กำลังพูดคุยอยู่กับ NPC สาวน้อยที่อยู่ตรงที่ขายตั๋วเรือหันมามองเพื่อนเขาแวบหนึ่งแล้วก็หันกลับไปคุยกับ NPC สาวน้อยตรงหน้าต่อโดยไม่ใส่ใจ

    นักรบรับจ้างหนุ่มเหลือบไปดูเพื่อนนักดาบผู้เป็นหัวหน้าแคลนแบบยัดเยียดก็พบว่าเจ้าตัวนั่งเอนหลังพิงลังสินค้าอยู่กับพื้นเหม่อมองทะเลเข้าโลกส่วนตัวไปซะแล้ว

    "บร๊ะ!! ให้มันได้อย่างนี้สิวะเพื่อนตรู แต่ละคนนี่ดีๆทั้งนั้น" Azemag ถอนหายใจออกมาดังเพื่อเพื่อนเขาจะรู้สึกอะไรบ้างแต่มันก็ไรผลนอกจากรอยยิ้มของเจ้ารุ่นน้องตัวแสบตรงหน้า

    "คบกันมาตั้งนานยังไม่ชินกับสองคนนี้อีกเรอะ พี่เอ-เซ่-แม๊กกก" นักพนันหนุ่มเอ่ยหน้านิ่งเรียบแต่คำพูดและน้ำเสียงมันกวนประสาทคนตรงหน้ายิ่งนัก

    "เออ ชินแล้วเว้ย ไอ้มีนเมิงจะไม่กวนซักวันมันจะขาดใจตายมั๊ยเนี่ย แคลนนี้มันรวมไว้แต่คนบ้าจริงๆวุ้ย"
    นักรบรับจ้างบ่นงึมงำเป็นหมีกินผึ้ง

    "น่าสงสารจังเลยนะคะ♥"

    เสียงหวานใสดังมาจากใกล้แต่กระแสเสียงนั้นมันทำให้ทั้ง Azemag และ Keene สะดุ้งเฮือกหันไปยังที่มาของเสียงทันที

    นักพนันหนุ่มก็หันไปตามเสียงนั้นเช่นกันก็พบหญิงสาวทั้งสามคนที่เขาเคยพบในร้านอาหารเมื่อสามวันก่อน

    "เออ ลืมบอกไปว่าพวกเจ๊ๆเขาฝากความคิดถึงไปยังพวกพี่ๆด้วยแน่ะ"

    เวลานี้ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ Keene เดินมายืนอยู่ข้างๆ Azemag สองสหายมองหน้ากันเองเลิกลักพลางลาก Guvhan เข้ามากระซิบกระซาบ

    "ไอ้มีนทำไมเมิงไม่บอกตรูว่าเมิงเจอพวกเจ๊ๆที่นี่ ฉิบหายกันยกคณะแน่ๆ" นักรบรับจ้างเอ่ยออกมาด้วยเสียงดังไม่เกินกระซิบ

    "นี่ถ้ารู้มาก่อนนะจะได้ชิ่งไปอื่น" จอมเวทย์หนุ่มล็อกคอรุ่นน้องคุยกันในวงสนทนาซุบซิบ

    ร่างของทั้งสามสาวเดินตรงเข้ามาหาสามหนุ่มที่จับกลุ่มกันอยู่สีหน้าไม่สู้ดีนัก Azemag เหลือบไปทางสหายอีกคนที่ยังคงนั่งมองท้องฟ้าไม่สนใจโลกอยู่เช่นนั้น

    "เฮ้ย! ไอ้จ้อยช่วยกันหน่อยสิวะ" Azemag เดินเข้ามาตบบ่า

    สายตาที่จับจ้องอยู่ที่ท้องฟ้าจึงเหลือบลงมามองสหายของเขาอย่างเนือยๆ

    "ถ้าจำไม่ผิดปัญหานี้เราไม่ได้ก่อและไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียเลยนะ"

    "ช่วยกันหน่อยสิวะพวกตรูรับมือเจ๊ไม่ไหวสหายก็รู้" Keene เดินเข้ามาตบบ่าอีกข้างเหมือนจะโยนภาระทันทีแล้วขยิบตาให้รุ่นน้องให้มาช่วยเสริมไวๆ

    "พี่จ้อยเป็นหัวหน้าแคลนนาช่วยเพื่อนที่เป็นลูกแคลนซักหน่อยก็คงไม่เป็นไรหรอกมั๊งพี่" Guvhan ช่วยเสริมมาอย่างขัดรุ่นพี่เช่นคีนไม่ได้

    นักดาบหนุ่มหัวยุ่งกวาดสายตามองเพื่อน และรุ่นน้องที่เวลานี้มายืนอยู่ล้อมเขาอยู่ด้วยท่าทีไม่ กระตือรือร้นอะไรมากนัก

    "ได้ข่าวว่าสหายรวมหัวกันโกงไพ่แล้วยัดเยียดตำแหน่งหัวหน้าให้เราไม่ใช่เรอะ สหายยังจะหวังอะไรกับหัวหน้าอย่างนี้ด้วยรึ?"

    "บร๊ะ สรุปจะช่วยหรือไม่ช่วย?" นักรบรับจ้างพูดออกมาอย่างเหลืออด

    "หนึ่งมื้อในร้านอาหารที่เราเลือกตกลงไหม?"

    "เออ จะหนึ่งมื้อหรือสองมื้อไม่มีปัญหาเดี๋ยวตรูกับไอ้คีนช่วยกันหารเองส่วนไอ้มีนออกเองนะเว้ย"
    Azemag ตอบตกลงโดยไม่ต้องคิดมาก

    "คุยกันเสร็จกันหรือยังคะหนุ่มๆ♥" เสียงหวานใสดังขึ้นอีกครั้งคราวนี้ดูเหมือนว่าจะมีแววไม่พอใจปนอยู่น้อยๆ

    นักดาบหัวยุ่งผู้แบกตำแหน่งหัวหน้าแคลนยื่นดาบในมือให้สหายนักรบรับจ้าง Azemag แล้วลุกขึ้นจากพื้นเดินตรงเข้าไปหาหญิงสาวทั้งสามคนที่จ้องมองมาอยู่แล้ว

    ชายหนุ่มก้มหัวเล็กน้อย

    "ยินดีที่ได้พบอีกครั้งนะครับ ไม่คิดว่าจะได้พบคนดังอย่างทั้งสามท่านแบบนี้ไม่ทราบว่าท่านหญิงผู้ทรงเกียรติทั้งสามคนมีธุระอะไรกับผู้เล่นระดับกลางที่อยู่ในแคลนเล็กๆอย่างพวกเรางั้นหรือครับ"

    หญิงสาวผมทองในชุดสูทสีดำแสยะยิ้มให้
    "ก็แค่เจอคนคุ้นเคยเลยแวะมาทักทายน่ะค่ะ"

    "สุมิ แอน คราวนี้ช่วยยืนดูอยู่เฉยๆจะได้มั๊ยจ๊ะ?"

    "ตามสบายเลย แต่ชั้นเตือนเธอแล้วนะมาเรีย มาโทษกันทีหลังไม่ได้ โอเค?"
    หญิงสาวผมน้ำเงินเข้มยักไหล่ให้เล็กน้อย

    ส่วนแอสซาซินสาวผมน้ำตาลพยักหน้าให้โดยไม่พูดอะไร ดูเหมือนหญิงสาวสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังทั้ง Sekai และ Beatrix จะปล่อยให้ราชินีผมทองตรงหน้าเป็นผู้สนทนากับชายหนุ่มผมยุ่งนี้โดยลำพังโดยที่พวกตนยืนดูอยู่อย่างสนุกสนาน

    "อ้อ เช่นนั้นเองหรือครับ" Taka พยักหน้างึกๆ

    "เห็นว่าเพื่อนๆคุณไปมีเรื่องกับคนในแคลนของพวกชั้นที่ `กรานาด้า´ ไม่ใช่หรือคะ คุณเป็นหัวหน้าแคลนคงลำบากน่าดูเลยนะคะเนี่ย"
    Scarlet Queen เอ่ยพลางยิ้มหวานให้คนตรงหน้าแต่ทำเอาอีกสามคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเสียวสันหลังวาบ

    "เพื่อนฝูงก็ต้องช่วยเหลือกันน่ะครับองค์ราชินี หวังว่าคงจะไม่ถือสาคนหนุ่มเลือดร้อนอย่างพวกเพื่อนของผม"
    Takaตีหน้ามึนพูดกับหญิงสาวตรงหน้าโดยเลือกที่จะใช้สรรพนามตามความหมายของ ID ของเธอ

    "คึคึคึคึคึ♥ ไม่ถือสาหรอก ยังไงพวกชั้นก็ไม่ค่อยลงรอยกับคนในแคลนซักเท่าไรแต่ที่ยังอยู่เพราะหาแคลนใหม่ไม่ได้ซักที แคลนนายสนใจจะรับคนเพิ่มมั๊ยล่ะคะท่านหัวหน้าแคลน"
    เสียงหัวเราะจากหญิงสาวผมทองในชุดสูทสีดำทำเอาสามหนุ่มเหงื่อตกแต่ Taka ที่ยืนเผชิญหน้ากับทำหน้าเรียบๆไม่ทุกข์ไม่ร้อน

    นักดาบหัวยุ่งเบิกตาโตเล็กน้อยสีหน้าตื่นเต้น แต่ทำไมทุกคนที่อยู่ตรงนั้นจะไม่รู้ว่านั่นเป็นการแกล้งทำเท่านั้น
    "โอ้ แคลนเล็กๆของผมคงไม่กล้าอาจเอื้อมรับท่านหญิงทั้งสามคนผู้ที่มี LV เกินร้อยไปแล้วซึ่งจัดว่าเป็นผู้เล่นระดับสูงของเกมส์นี้แถมยังถูกจัดเป็นหนึ่งในสิบสองเทพของวาลฮาลลา หอทรงเกียรติแห่งเกมส์นี้"

    "ราชินี เทพธิดา และอัญมณี นั้นควรจะอยู่ในที่ที่เหมาะสมซึ่งผมคิดว่าแคลนอันดับหนึ่งอย่าง `Detrimentum´ แคลนที่ไม่ว่าจะถามผู้เล่นคนไหนในเกมส์ FIO ก็ไม่มีใครที่ไม่รู้จักนั้นคู่ควรมากกว่าแคลนเล็กๆของพวกผมนะครับ"

    "แหมยกย่องกันเกินไปแล้วล่ะค่ะ ถึงแคลนของคุณจะเป็นแคลนเล็กแต่ก็มีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้กันไม่ใช่หรือคะ"
    หญิงสาวผมทองยิ้มเหมือนเด็กที่กำลังเล่นสนุกอยู่กับของเล่นชิ้นใหม่ เวลานี้นักพนันหนุ่มน้องใหม่ของแคลนรู้ทันทีเลยว่าทำไมพี่ๆของเขาถึงโยนให้ชายหนุ่มผมยุ่งคนนั้นไปรับหน้าเพราะถ้าเป็นเขาเองคงไม่อาจทนต่อสายตา และรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยอำนาจแฝงไว้ด้วยความน่าสะพรึงกลัวของหญิงสาวผมทองคนนี้ได้เลยนี่แค่ยืนดูเขายังหายใจไม่ทั่วท้อง

    "เป็นเรื่องน่าตลกน่ะครับที่หัวหน้าแคลนพูดเองแบบนี้ แต่ก็ต้องยอมรับนะครับว่าที่โด่งดังน่ะเรื่องแย่ๆทั้งนั้น ขนาดที่ว่าผู้เล่นส่วนใหญ่เล่ากันปากต่อปากเลยนะครับว่าเจอคนของแคลนนี้ที่ไหนให้ออกห่างให้เร็วที่สุด แคลนที่เสียงไม่ดีแบบนี้มันควรแล้วหรือครับที่ท่านหญิงจะมาอยู่โดยเฉพาะคุณ Scarlet Queen"

    "ราชินีไม่ควรมาอยู่กับพวกต่ำต้อยด้อยค่าไม่มีผลประโยชน์อันใดเลยที่องค์ราชินีผู้สูงศักดิ์จะมาอยู่กับคนบ้าอย่างแคลนแห่งนี้"
    นักดาบผมยุ่งเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเนือยๆ

    "มันไม่เกี่ยวหรอกนะคะว่าจะต่ำต้อย หรือสูงส่ง จะมีผลประโยชน์ หรือไม่มีผลประโยชน์ เพียงแต่เป็นความต้องการของราชินีมันต้องถูกตอบสนองไม่ใช่หรือคะ?"
    ใบหน้าของหญิงสาวผมทองระบายไปด้วยรอยยิ้มแต่สายตานั้นคมกร้าวและมันถูกจ้องมายังนักดาบผมยุ่งที่ยืนคุยอยู่กับเธออย่างไม่อาทรร้อนใจใดๆทั้งสิ้น

    "มันก็ถูกนะครับแต่ว่าองค์ราชินีลืมอะไรไปหรือเปล่า?"
    Taka เผชิญกับสายตาและรอยยิ้มของหญิงสาวตรงหน้าด้วยท่าทีเฉยๆเนือยๆอันเป็นบุคลิกประจำตัวโดยไม่มีแววสะทกสะท้านอะไรทั้งสิ้น ทั้งๆที่สามคนที่ยืนอยู่หลังเขาตอนนี้อยู่ไม่สุขเตรียมเผ่นกันเต็มที่แล้วถ้าเขาขยับซักก้าว

    "ลืมอะไรหรือคะคุณหัวหน้าแคลน?"
    คำถามของ Taka ถูกตอบในรูปของคำถามย้อนกลับ สายตาคมกร้าวและเต็มไปด้วยอำนาจคู่นั้นยังคงจับจ้องไปยังนักดาบหนุ่มตรงหน้า

    "ราชินีนั้นอาจมีอำนาจที่จะได้มาในสิ่งที่ต้องการ คนมากมายไม่อาจขัดขืนต่ออำนาจนั้น หลายๆคนถือว่าสิ่งที่ทำต่อราชินีนั้นเป็นเกียรติและศักดิ์ศรี บังเอิญที่ว่าตัวผมเองหาใช่อัศวินหรือนักรบที่ทรงเกียรติเป็นเพียงแค่นักสำรวจต่ำต้อยด้อยค่าไม่มีศักดิ์ศรีใดๆ จึงไม่เห็นความจำเป็นใดๆที่ต้องพยายามเพื่อตอบสนองความต้องการขององค์ราชินีแม้แต่นิดเดียว"
    คำตอบเรียบๆจากนักดาบหนุ่มพร้อมกับสายตาเนือยๆที่จ้องดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยอำนาจคู่นั้นโดยไม่สะทกสะท้านใดๆ

    ทั้งคู่จ้องอยู่อยู่ชั่วอึดใจใหญ่ๆความตึงเครียดแผ่ไปทั่วบริเวณจนรู้สึกได้แต่นักดาบหัวยุ่งกลับมีท่าทีเหมือนไม่ได้รู้สึกถึงความรู้สึกเหล่านั้นเลยยังคงมีสีหน้า และสายตาเนือยๆที่จ้องไปยังหญิงสาวผมทองในชุดสูทดำตรงหน้า

    "อย่างนั้นถ้าจะใช้กำลังบังคับเพื่อสนองความต้องการของราชินีนี่คงไม่ผิดใช่มั๊ยคะ บังเอิญเหมือนกันที่ชั้นชอบวิธีแบบนี้มากกว่าการที่ยอมทำตามสิ่งที่ชั้นต้องการง่ายๆ คึคึคึคึคึ♥"
    กำไลสีแดงสดบนข้อมือเธอเปล่งแสงแล้วพริบตาต่อมาก็กลายดาบเล่มงามขนาดเหมาะมือสีแดงโลหิตตลอดทั้งเล่มบัดนี้รอยยิ้มและแววตาของหญิงสาวตรงหน้าถ้าจะให้อธิบายทั้งสามหนุ่มที่ยืนอยู่หลัง Taka ต่างมีความเห็นตรงหันว่าฆาตกรโรคจิตที่เคยเห็นในหนังมันยังน่ากลัวน้อยกว่าหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเยอะ





    ถึงจะรู้ว่าหญิงสาวทั้งสามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้น Lv เกินหนึ่งร้อยไปแล้วแต่หน้าต่างที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านักดาบผมยุ่งทำให้ชายหนุ่มทั้งสี่คนรู้ถึงตัวเลขที่ชัดเจนอย่างน้อยๆก็หนึ่งคนล่ะว่ามันเกินหนึ่งร้อยสิบไปแล้วซึ่งอีกสองคนก็ไม่น่าจะต่างกันนัก Azmag Keene และ Guvhan ต่างมองแผ่นหลังของหัวหน้าแคลนด้วยสายตาสงสัยว่าเขาจะเอายังไงต่อไปเพียงแค่เจ้าหมอนี่ขยับออกตัวเพื่อจะหนีซักก้าวเดียวแล้วล่ะก็ พวกเขาทั้งสามคนก็คมที่จะสลายกลุ่มแยกย้ายไปคนละทิศทันที

    นักดาบผมยุ่งเอียงคอมองหน้าต่างตรงหน้าด้วยท่าทีตื่นเต้น "หน้าต่างสวยดีนะครับองค์ราชินี"

    คำพูดสั้นๆของ Taka แต่เล่นเอาทุกคนที่ยืนดูการตอบโต้ของทั้งคู่อึ้งในคำตอบของนักดาบผมยุ่งคนนี้ เหมือนอะไรบางอย่างของหญิงสาวผมทองขาดผึงในวินาทีนั้น

    "ตอบตกลงเดี๋ยวนี้"
    เสียงที่เคยหวานใสบัดนี้มันกลับเย็นเฉียบรอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของหญิงสาวมีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉยและสายตาที่คมกริบ

    Guvhan ที่เป็นน้องใหม่และอายุที่น้อยที่สุดถึงกับตัวสั่นในความน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ออกมาจากหญิงสาวผมทองในสูทสีดำตรงหน้าของ Taka อย่าว่าแต่น้องใหม่อย่าง Guvhan เลยเวลานี้ ทั้ง Keene และ Azemag ต่างก็อดหวาดหวั่นไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาไม่สบายใจนั้นหาใช่หญิงสาวที่ถูกขนานนามว่าราชินีตรงหน้า หากแต่เป็นนักดาบผมยุ่งที่ยืนเอียงคอมองหน้าต่างท้าประลองโดยไม่ใส่ในอากัปกิริยาของหญิงสาวที่ยืนถืออาวุธเผชิญหน้ากับเขาแม้แต่นิดเดียว

    "บังเอิญอีกเช่นกับที่หัวหน้าแคลนอย่างผมขี้ขลาดเป็นที่สุดฉะนั้นผมเลือกที่จะไม่ตอบตกลงในการท้าประลองในครั้งนี้"
    Taka เอ่ยด้วยใบหน้าเนือยๆแล้วกดปฏิเสธทันที

    "ฉิบหายแล้ว!!!"
    ทั้ง Azemag และ Keene ที่รู้นิสัยเจ้าหัวหน้าแคลนหน้ามึนคนนี้ดีร้องออกมาพร้อมกันลองเจ้าหมอนี่มันเลือกที่จะปั่นประสาทใครแล้วล่ะก็มันไม่สนหรอกว่าตัวเอง หรืออีกฝ่ายจะเป็นยังไงมันจะเล่นจนเสียสติกันไปข้างนึงล่ะ

    วินาทีนั้นเองร่าง Scarlet Queen พุ่งเข้าหานักดาบผมยุ่งอย่างรวดเร็วแต่เจ้าตัวไม่ได้อยู่ตรงที่เคยยืนอยู่แล้วเบี่ยงตัวหลบดาบเล่มสวยได้อย่างฉิวเฉียดแล้วคว้าข้อมือข้างที่จับดาบของหญิงสาวไว้แน่นปานคีมเหล็ก

    "ปล่อย!!"
    ราชินีผมทองร้องออกมาอย่างขัดใจพลางจะสะบัดแขนให้หลุดถึง LV จะต่างกันห้าสิบกว่าระดับแต่กำลังพื้นฐานของผู้หญิงก็ไม่อาจสู้แรงของผู้ชายได้อยู่ดี

    "ใจเย็นๆก่อนสิถ้าโจมตีผู้เล่นด้วยกันโดยไม่ผ่านการท้าประลองเดี๋ยวจะถูกประกาศจับมีค่าหัวเอานะครับองค์ราชินี ยิ่ง LV สูงค่าหัวยิ่งเยอะองค์ราชินี LV ตั้งหนึ่งร้อยสิบสี่ถ้าโดนตั้งค่าหัวขึ้นมานี่รับรองติดหนึ่งในสิบแน่นอน จะเข้าเมืองไปใช้บริการจาก NPC ของทางระบบไม่ได้อีกลำบากมากเลยนะ แถมผมก็ไม่มีอาวุธในมือจะเอาอะไรไปต่อกรองค์ราชินีล่ะครับ"
    Taka เอ่ยด้วยน้ำเสียงเนือยๆอันเป็นปกติของเขา

    "ก็ช่างหัวมันชั้นไม่สนใจ"
    หญิงสาวคำรามพลางกระทืบส้นสูงของเธอใส่เท้าของนักดาบผมยุ่งพร้อมกับมือข้างที่ไม่ได้จับดาบฟาดเข้าที่ใบหน้าแต่เหมือน Taka จะรู้อยู่แล้วปล่อยมือกระโดดหลบออกมาอย่างรวดเร็ว Scarlet Queen บิดข้อมือเล็กน้อยดาบสีแดงสดในมือก็แยกออกจากกันเป็นชิ้นๆกลายเป็นแส้ดาบพุ่งเข้าหา Taka อย่างรวดเร็ว

    คราวนี้นักดาบผมยุ่งไม่ได้กระโดดหลบแต่พุ่งเข้าหาด้วยความเร็วที่มองด้วยตาเปล่าแทบมองไม่เห็นพริบตาเดียวแขนของหญิงสาวข้างที่จับดาบถูกจับบิดมาด้านหลังจนดาบแส้เล่มสวยตกลงกับพื้นร่างบางของ Scarlet Queen ถูกรวบเข้ามาอยู่ในวงแขนของนักดาบหนุ่ม

    "ปล่อยชั้นเดี๋ยวนี้นะ!!! คนฉวยโอกาส"
    Scarlet Queen พยายามดิ้นรนแต่ก็เหมือนว่ามันจะไร้ผลราชินีสีชาดผู้เป็นที่น่าเกรงขามของคนทั้งเกมส์เวลานี้ก็ไม่ต่างจากหญิงสาวธรรมดาที่โดนชายหนุ่มแหย่เล่น พริบตาเดียวกันนั่นเองที่ร่างของ Sekai และ Beatrix ที่กำลังจะขยับไปช่วยเพื่อนที่กำลังเสียเปรียบเต็มประตู แต่ก็พบว่าพวกเธอถูกยืนขวางโดย Azemag และ Keene ที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ตรงหน้าพวกเธอตั้งแต่เมื่อไร

    "ก็เป็นข้อหาที่ถูกต้องนะครับฉวยโอกาสเนี่ย แต่ก็คงได้แค่นี้แหละสงสัยว่างานใหญ่จะเข้า" นักดาบผมยุ่งปล่อยร่างบางของ Scarlet Queen แล้วชี้ให้ดูรอบๆท่าเรือที่เวลานี้ถูกล้อมไว้หมดแล้ว

    ไม่ว่าจะเอียงคอมองยังไงเจ้าพวกที่แห่มาล้อมท่าเรือไว้ที่ดูยังไงก็ไม่ใช่ผู้เล่นแน่ๆเล่นใส่ชุดเกราะแบบเดียวกันมาทุกคนเลย

    "บร๊ะ!! ไอ้มีนเมิงไปรับภารกิจอะไรมาเนี่ย"
    Azemag ร้องถามออกมาขณะโยนดาบคู่มือของ Taka ส่งไปให้ยังเจ้าของ

    นักพนันหนุ่มน้องใหม่ประจำแคลนได้หัวเราะแห้งๆ
    "ก็เขาบอกภารกิจส่งของง่ายๆอ่ะพี่"

    "ท่าทางการเล่นสนุกของพวกสาวๆคงต้องขอพักไว้ก่อนนะครับ บังเอิญมีภารกิจเร่งด่วนซะแล้ว"
    จอมเวทย์นักสะกดจิตก้มหัวให้ทั้งสามสาวอย่างสุภาพ

    เวลานี้สีหน้าและท่าทีของทั้ง Azemag Keene และ Taka ไม่มีแววล้อเล่น หรือเฮฮาอย่างที่เห็นเป็นประจำถึงจะเพิ่งเล่นเกมส์นี้มาไม่นานแต่การที่โดนลากไปเก็บค่าประสบการณ์ด้วยกันมาตลอดทำไม Guvhan จะไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่สู้ดีเลย และรุ่นพี่ของเขาทั้งสามคนตอนนี้ก็พร้อมจะถล่มฝูงอัศวินที่ล้อมท่าเรือนี้ทันทีเมื่อมันบุกเข้ามาโจมตี

    งานนี้เละเทะแน่ๆไหนจะฝูงอัศวินที่แห่มาล้อมท่าเรือเอาไว้ ไหนจะเจ๊ๆทั้งสามคนที่อยู่ด้านหลังแถมเฮียจ้อยหัวหน้าแคลนของเขาเล่นไปปั่นประสาทซะจนสติหลุดไปคนหนึ่งแล้ว ไม่รู้ว่าด้านไหนจะน่ากลัวกว่ากัน แต่ถ้าถามเขาก็ตอบได้ทันทีเลยว่าไอ้สายตาที่แบบจะกินเลือดกินเนื้อที่จ้องไปยังหลังของ Taka นี่แหละที่น่ากลัวกว่าไอ้พวกอัศวินที่ล้อมพวกเขาไว้เป็นไหนๆ




    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

  11. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    อูอา......

    อวยทากะเห็นๆ มึนๆกวนตีนๆแบบนี้ ไม่ต้องช่วยก็ได้มั้ง
  12. Aki

    Aki Paradox Observer

    EXP:
    485
    ถูกใจที่ได้รับ:
    41
    คะแนน Trophy:
    48
    55555555+

    เข้ามาหัวเราะว่าแม่งฮาไว้ก่อน... สมเป็นพี่จ้อยขริง ๆ ชอบว่ะ

    เม้นท์สาระที่ยาวกว่านี้ต่อคิวจากฟิคไอ้เกมนะ กร๊ากกกก

    ชอบบบบว่ะ.... อารมณ์ออนไลน์มากกกกกก
  13. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    พวกเอ็งมันทั้งหน้าม่อ ทั้งเกรียน ไร้สาระ ไม่มีอะไรดีเล้ย ไอ้แคลนนี้ = ="

    สาวๆสามคน ปรากฏตัวครั้งแรก มันช่าง... อื้อหือ = = เจิดจรัสไปด้วยรัศมีของราชินี
    มาเรียนี่ลองเปลี่ยนบทบาทดูไหม เห็นมาหลายฟิคแล้ว ขนลุกขิงๆ
    แต่...
    ทากะเกรียนเงียบ!!! เอ็งน่ะมันเกรียนนนนนน!!!!!!!!!!!!! สนุกใช่ไหม แหย่ผู้หญิงเล่นนี่!

    เขียนออกมาได้ดีมาก ยิ่ง part ล่าสุดนี่แหล่มจริงๆ สิ่งที่ชอบคือ บทเดินทางที่ไม่ต้องเร่งมาก แต่ไหลไปตามจังหวะของเนื้อเรื่อง (แม้จะเต็มไปด้วยบทสนทนาเกรียนแตก ซึ่งอาจทำให้หลายคนไม่ชอบ แต่มันก็เป็นจุดขายของฟิคนี้นี่หว่า ...บ่งบอกมากว่าเจ้าของฟิคแม่ง...) กับบทสนทนารับส่งที่ประสาทแดกมากๆ แต่เออ มันก็เข้ากับคาแรคเตอร์แต่ละคนดี

    ...ลงท้ายก็ยังซวยซ้ำซวยซ้อน เป็น pattern การจบตอนไปแล้วมั้งสำหรับ FIO (Fantasy Inside Story)
  14. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    พวกโจรสลัดกลับมาแก้มือสินะ แต่ขนาดพวกรุ่นมือยังตีหน้าเครียดนี่ท่าทางจะไม่ง่ายๆแบบตอนอยู่บนเรือสิเนี่ย
  15. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    พวกโจรสลัดกลับมาแก้มือสินะ แต่ขนาดพวกรุ่นมือยังตีหน้าเครียดนี่ท่าทางจะไม่ง่ายๆแบบตอนอยู่บนเรือสิเนี่ย

    edit : โทษทีฮะ เผลอกดเบิ้ล >_<"
  16. sumiyo

    sumiyo Vincent4ever!!!

    EXP:
    267
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    18
    พอถึงประโยคตรงที่มาเรียพูดว่า "ตอบตกลงเดี๋ยวนี้" ไม่รู้ทำไมเราฮากร๊ากกกเลยค่ะ!! XD
    เรา 2 แคลนคงจะเป็นคู่กัดกันไปอีกนานนะคะ! 555

    ปล.หวังว่าคงจะเห็นบทของ 2 สาวที่เหลือเพิ่มมาหน่อยนะคะ หุหุหุ ><
  17. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    Fantasy Inside Online Story บทที่ 5 : สัจจะ

    ทันทีที่คีนเงยหน้าจากการก้มหัวให้สามสาว รอยยิ้มบางๆปรากฏบนใบหน้าของจอมเวทนักสะกดจิต แอสซาซินสาวเซไกรู้สึกตัวก่อนใครพุ่งตัวออกมาในวินาทีนั้นแต่ก็ช้าไป
    โดมแสงขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นขวางไว้ ทั้งสามมองไปรอบด้านก็พบว่าโดมแสงอันนี้มันกินพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของท่าเรือแห่งเมืองท่าเวลเจ

    “เสียท่าพวกนายจนได้สินะ ชั้นก็รู้สึกแปลกใจอยู่แล้วว่าทำไมนายหน้ามึนคนนั้นถึงยอมมาต่อปากต่อคำกับมาเรียนานขนาดนี้” แอน หรือบีทริกซ์มองหน้าจอมเวทนักสะกดจิตด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

    คีนก็ยิ้มตอบกลับเช่นกัน
    “ต้องขออภัยที่เสียมารยาทกับท่านหญิงทั้งสามคนนะครับ แต่ผู้เล่นระดับกลางค่อนไปทางล่างที่อยู่ในแคลนเล็กๆอย่างพวกผมคงรับมือผู้เล่นระดับสูงของแคลนอันดับหนึ่งไม่ไหวจริงๆ”

    คีนค่อยๆคุกเข่าลงตรงหน้าหญิงสาวทั้งสามคนที่มีกำแพงของโดมแสงขวางไว้ ถึงจะสงสัยแต่ทั้งสามสาวไม่อาจทำอะไรได้

    คุณสมบัติของโดมแสงมีไว้เพื่อป้องกันการโจมตีจากภายนอกแต่ถ้าอยู่ด้านในก็ไม่ต่างจากถูกขังจนกว่าเวทบทนี้จะสลายไปเอง ทั้งเซไกและมาเรียต่างทดลองโจมตีโดมแสงอย่างรุนแรงจนเมืองแห่งนี้สั่นสะท้านราวกับมียักษ์เดินผ่านแต่โดมแสงที่ถูกสร้างจากจอมเวทหน้าม่อหาได้สะทกสะท้านต่อการโจมตีของผู้เล่นระดับเกินหนึ่งร้อยสิบไปแล้วถึงสองคนแต่อย่างใด

    ความแข็งแกร่งและขนาดของโดมแสงจะอิงจากทักษะพื้นฐานของผู้ใช้ บีทริกซ์กวาดตามองขนาดของโดมที่ครอบตัวพวกเธออยู่แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ใบหน้าก็ยังคงมีรอยยิ้ม

    คีนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าเอามือแนบลงกับพื้นตรงหน้า วงแหวนปรากฏขึ้นกินพื้นที่ทั้งหมดภายในโดมแสง

    “เวทเคลื่อนย้าย? ”
    บีทริกซ์ในฐานะจอมเวทระดับสูงคนหนึ่งของเกมส์ เจอผู้เล่นสายเดียวกันมาก็มากแต่นี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่ได้เห็นความสามารถเต็มรูปแบบของจอมเวทที่ถูกเรียกขานว่า “นักบำบัดวิปลาส”

    “นายระดับแค่ห้าสิบกว่าๆแน่เหรอ? ถึงใช้เวทสายแสงและเวลาได้ชำนาญขนาดนี้?”

    คีนลุกขึ้นด้วยใบหน้าที่ชุ่มเหงื่อ การร่ายเวทระดับสูงทั้งสองบทติดๆกันมันสูบพลังจิตของเขาไปจนเกือบหมด

    “ก็เพราะระดับห้าสิบกว่าๆยังไงล่ะครับเลยต้องชำนาญหน่อย ถือเป็นการไถ่โทษทีเสียมารยาท ก่อนที่เวทเคลื่อนย้ายจะทำงานในอีกสามนาทีผมจะตอบข้อสงสัยของคุณบีทริกซ์เท่าที่จะตอบได้ละกันนะครับ”
    “ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้น ‘เขา’ ที่วานให้พวกคุณรั้งพวกผมไว้ที่นี่คงมาถึงพอดี”

    “รู้ตัวตั้งแต่เมื่อไรล่ะคะคุณคีน?”
    ตอนนี้เป็นนักเวทสาวสวยในชุดแดงที่ได้รับฉายาว่า `อัญมนีโลหิต´ ที่ออกโรงพูดคุยกับจอมเวทนักสะกดจิตที่ยืนหอบเล็กๆอยู่อีกฝั่งของโดมแสงด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทั้งสองฝ่ายโดยที่อีกสองสาวและสามหนุ่มต่างจับจ้องบทสนทนาจากจอมเวททั้งสองอันถือว่าเป็นดั่งมันสมองของทั้งสองฝ่าย

    “พอดีเพื่อนผมมันสังหรณ์ใจไม่ดีตั้งแต่เดินเข้าเมืองเพื่อมารับหน้าใหม่ของแคลนอย่างเจ้ากุห์ฟาน ผมเองก็พอดีหูเบาใจง่ายเชื่อมันซะด้วยเลยวางศิลาเวทไปทั่วๆท่าเรือแห่งนี้ไว้เพื่อกำหนดอาณาเขตป้องกันและหลบหนีในหลายๆกรณี”
    “แต่ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ระดับทักษะของเวทเคลื่อนย้ายผมมันต่ำไปซักนิด เลยไม่สามารถกำหนดจุดที่จะส่งไปได้นอกจากสุ่มเอาซักจุดที่พวกผมเคยไปมาแล้ว” คีนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลใบหน้ายิ้มละไม

    “ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไมไม่คิดบ้างล่ะคะว่าพวกดิฉันจะถูกสุ่มมาที่จุดวาปของเมืองนี้หรือใกล้ๆที่นี่?”บีทริกซ์เอ่ยถามกลับมาอย่างเท่าทัน

    “ถ้าพวกเราซวยขนาดนั้นก็คงต้องยอมล่ะครับ จากจำนวนจุดวาปทั้งหมดที่พวกเราไปกำหนดไว้มันมากจนขี้เกียจจะจำ ฉะนั้นโอกาสที่ท่านหญิงจะปรากฏตัวใกล้กับเมืองนี้อีกครั้งมันจึงน้อยกว่าแทงหวยงวดหน้าอีกครับ”

    สาวสวยในชุดแดงยังคงยิ้มให้ชายตรงหน้าเธอ
    “ที่เขาร่ำลือกันว่า `มาดริดโต้´ เป็นแคลนที่อยู่ได้ด้วยดวงล้วนๆคงจะเป็นความจริงไม่ผิดแล้วสินะคะ”

    “ก็คงเป็นเช่นนั้นล่ะครับคุณบีทริกซ์ ถ้าเทียบกับแคลนใหญ่ๆแล้ว พวกเราไม่มีอะไรที่จะให้วางแผนมากมาย นับจากสมาชิกล่าสุดก็เพิ่งมีกันแค่สี่คน แต่ละคนก็เชื่อถือได้ในด้านที่ถนัด และเชื่อถือไม่ได้ในด้านอื่นๆที่เหลือ จะว่าฝากทุกอย่างไว้กับดวงก็ไม่ผิดแต่ถ้าจะให้ตอบจริงๆสิ่งที่พวกเราฝากชีวิตไว้ไม่ใช่ดวงแต่เป็น "เพื่อน" ต่างหากล่ะครับ”

    “เหยดดดดด” เสียงชายหนุ่มอีกสามคนร้องแซวมาจากด้านหลัง

    “เพื่อนกุแม่งตอบอย่างหล่อ” เอเซเดินเข้ามาตบบ่า

    “นี่คือวิถีสินะพี่คีน ดูดีไว้ก่อนต่อหน้าสาว” กุห์ฟานเดินมาชูนิ้วโป้งให้รุ่นพี่จอมหลีหญิงของเขา

    “พูดดี หน้าตาก็ค่อนข้างดี แต่ไหงยังหาแฟนไม่ได้ล่ะคีน?” ทากะเลิกสนใจกองทหารที่ล้อมท่าเรืออยู่หันหลังเดินมาเอามือเท้าไหล่อีกข้างของคีน

    คีนหน้ามุ่ย
    “อะไรของพวกเมิงกันนี่กุอุตส่าห์ตอบอย่างเป็นการเป็นงาน เก๊กเท่หน่อยก็ได้นะ มาดอ่ะมาดมีมาดกันหน่อยซี่”

    กุห์ฟานเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง
    “พวกพี่ๆรู้เหรอว่าใครกำลังจะมา? แล้วเกี่ยวข้องกับกองทหารของรีเวเรียที่ล้อมกรอบเราอยู่ตอนนี้ด้วยใช้ไหมพี่?”

    นักดาบหัวหน้าแคลนไม่ตอบแต่ยิ้มแล้วชี้ไปบนฟ้า บัดนี้มีเงาขนาดใหญ่ของอะไรบางอย่างบินผ่านไป อัศวินในชุดเกราะสีขาวถอยหลังไปคนละเกือบสิบก้าวเพื่อขยายวงล้อมให้กว้างขึ้นจนเกือบสุดอาณาเขตของท่าเรือเวลเจ

    คีนหันไปสบตาบรีทริกซ์อีกครั้ง
    "ภารกิจในการค้นหาตัว ระบุตำแหน่ง รวมถึงถ่วงเวลาจนกว่าผู้มอบภารกิจจะมาพบตัวสมาชิกแคลนมาดริดโต้ทั้งหมดที่ท่านหญิงทั้งสามคนแห่งแคลน `ดิทริเมนตัม´ ได้รับไว้คงภารกิจเสร็จสิ้นแล้วสินะครับ"

    "ถือว่าเจ๊าๆกับเรื่องที่แล้วๆมาละกันนะเจ๊ "นักรบรับจ้างฉวยโอกาสเนียนทันที

    บรีทริกซ์ยิ้มละไมให้แต่แววตาไม่ได้ยิ้มตามสีหน้าเลยซักนิด
    "เรื่องราวแต่หนเก่านั้นคงต้องสะสางเป็นรายคน เอาไว้พบกันคราวหน้าดิฉันจะตอบแทนเรื่องที่ท่าเรือแห่งนี้ให้อย่างสาสมละกันนะคะ"

    เอเซยิ้มแหะๆโดยไม่สนใจอัศวินบนหลังมังกรสีเขียวเข้มที่ค่อยๆร่อนลงบนพื้นท่าเรือจนครบสิบนายโอบล้อมพวกเขาไว้เป็นแถวครึ่งวงกลม โดยเว้นตรงกลางไว้ราวกับรอใครอยู่อีกซักคน
    ภาพเหล่านี้กุห์ฟานมองอย่างระวังอยู่ตลอดเวลาเพราะเขาเป็นคนเดียวที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับกองอัศวินของรีเวเรีย ต่างจากรุ่นพี่ของเขาทั้งสามคนที่เวลานี้ที่แทบไม่ใส่ใจเหล่าอัศวินเกราะขาวและอัศวินมังกรทั้งสิบนายที่ล้อมพวกเขาอยู่เลยแม้แต่น้อย

    ผู้เล่นที่อยู่ในเวลเจเวลานี้เริ่มจับกลุ่มหนาตาขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่เห็นแม้วี่แววของทหารยามของเมืองเวลเจซึ่งเป็น NPC ระงับเหตุร้ายต่างๆที่เกิดจากฝีมือของผู้เล่นแม้แต่น้อย
    กุห์ฟานสังหรณ์ใจไม่ดีเลยแต่ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยปากถามอะไรเพิ่ม มังกรตัวที่สิบเอ็ดก็ร่อนลงมาจากท้องฟ้า คราวนี้หาใช่สีเขียวดั่งเช่นตัวอื่นๆแต่กลับเป็นสีดำสนิทซึ่งบ่งบอกได้เลยว่ามันเป็นมังกรชั้นสูงแน่นอน

    สิ่งที่สะดุดตาคือคนที่ขี่มันมาหาใช่อัศวินในชุดเกราะเฉกเช่นเดียวกับคนอื่นๆแต่เป็นชายหนุ่มสูงโปร่งรูปร่างผอมบาง ใบหน้าขรึมจนดูน่ากลัว อยู่ในชุดนายทหารระดับเสนาธิการสีดำสนิทเช่นเดียวกับมังกรของเขา

    ดวงตาอันเรียบเฉยจับจ้องมายังกลุ่มของชายหนุ่มทั้งสี่คนที่บัดนี้ตกอยู่ในสถานการณ์ถูกล้อมกรอบ แต่ดูเหมือนรุ่นพี่ทั้งสามคนของนักพนันหนุ่มจะแทบไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหลังพวกเขาเลยแม้แต่น้อย

    "ระดับหัวหน้าปรากฏตัวแบบนี้ หน้าที่ของท่านหญิงทั้งสามคงจะเสร็จสิ้นแล้วสินะครับ หวังว่าเราจะไม่ได้พบกันอีก เพราะผมกลัวการตอบแทนจากพวกท่านหญิงน่ะครับ"
    จอมเวทย์ยิ้มให้สาวสวยสามคนตรงหน้าพร้อมกับดีดนิ้ว แสงสว่างจากวงแหวนเวทบนพื้นเปล่งแสงพร้อมๆกับร่างที่หายไปของสาวสวยแห่งแคลนอันดับหนึ่งทั้งสามคนปล่อยให้เหลือแต่โดมแสงอันว่างเปล่าที่กำลังค่อยๆสลายตัวลงเพราะหมดเวลา

    หนึ่งนักดาบ หนึ่งนักรบ หนึ่งจอมเวทย์ บัดนี้หันหน้ากลับมาเผชิญกับกองอัศวินที่กำลังล้อมพวกเขาอยู่โดยไม่มีความหวาดหวั่นอยู่ในแววตาแม้แต่น้อย ทำให้นักพนันน้องใหม่อย่างกุห์ฟานแทบจะโยนความกังวลต่างๆที่เกาะกินจิตใจเขาตั้งแต่แวบแรกที่กองทหารเหล่านี้ปรากฏตัวไปได้เลย
    เพราะคราวนี้แหละที่เขาจะได้เห็นฝีมือของรุ่นพี่ในแคลนของเขาทั้งสามคนเต็มๆซักที

    นักรบรับจ้างหนุ่มเดินเอาดาบเคลย์มอร์คู่ใจพาดบ่าตรงเข้าเผชิญหน้า แต่ก่อนที่เอเซจะได้เอ่ยปากอะไรจอบเวทย์ที่เดินตามมาติดๆกลับเป็นคนเอ่ยปากขึ้น

    "เป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยนะครับที่ท่านแม่ทัพใหญ่แห่ง `รีเวเรีย´ ออกมาพบพวกเราพร้อมกองทหารเต็มอัตราศึกแบบนี้มันออกจะยิ่งใหญ่เกินไปหรือเปล่าครับกับผู้เล่นจากแคลนเล็กๆแบบพวกเราทั้งสี่คน"

    "รู้สึกเกรงใจจังเลยนะครับเนี่ยที่ต้องทำให้ท่านแม่ทัพ`เรซาส´ต้องลำบากแบบนี้"
    คีนเอ่ยด้วยใบหน้าและนำเสียงที่แสนจะนอบน้อมพร้อมกับก้มศีรษะให้เล็กน้อยแทนการทำความเคารพ

    เสียงซุบซิบๆจากรอบๆท่าเรือดังขึ้น ต่างพูดคุยกันเองว่าทำไมกองทหารมังกรอันเกรียงไกรของ `รีเวเรีย´ ถึงปรากฏตัวที่นี่ แถมด้วยอัศวินเกราะขาวอันขึ้นชื่ออีกหนึ่งกองร้อย
    ชายหนุ่มที่โดนล้อมกรอบอยู่นี่สำคัญระดับไหนกันนะ ?

    แต่สำหรับผู้เล่นอีกหลายๆคนที่รู้จักหนังหน้าไอ้สามตัวที่ยืนลั้นลาอยู่กลางวงล้อม พวกเขารู้สึกว่าอัศวินหนึ่งกองร้อยกับอัศวินมังกรสิบคนมันออกจะน้อยไปด้วยซ้ำถ้า `รีเวเรีย´ ต้องการจะขยี้ไอ้สามตัวจากแคลนหายนะให้แหลกคาท่าเรือแห่งนี้

    "ไม่ต้องมาเล่นลิ้น ข้าไม่ได้ขี่มังกรจาก`รีเวเรีย´ เพื่อดูการเสแสร้งของเจ้า"
    แม่ทัพหนุ่มเซราสเอ่ยเสียงนิ่งเรียบแต่เฉียบขาดเต็มไปด้วยอำนาจทำเอาเสียงซุบซิบของเงียบลงทันที

    สายตาคมกร้าวจับจ้องมายังทั้งสี่คนแต่จอมเวทย์นักสะกดจิตหาได้สะดุ้งสะเทือนใดๆ ตรงข้ามกลับทำสีหน้าเหมือนเด็กไร้เดียงสาไม่รู้เรื่องรู้ราว

    "เอ๋? ใครเสแสร้ง ใครเล่นลิ้นงั้นหรือครับท่านแม่ทัพ ทำไมท่านถึงมองข้าในแง่ร้ายเช่นนั้นข้านั้นรู้สึกเสียใจจริงๆ"
    คีนเอ่ยด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเศร้าสร้อย

    เสียงหัวเราะ ‘หึ หึ หึ’ พร้อมรังสีฆ่าฟันโถมเข้าใส่อย่างฉับพลันทำเอากุห์ฟานที่อ่อนชั่วโมงบินที่สุดเกือบหงายหลังแต่ทากะที่ยืนห้อยเป็นคนสุดท้ายจับเอาไว้เสียก่อน
    เอเซ่สะบัดดาบในมือทั้งปลอกหมายจะฟาดไอ้คนที่แกล้งตีหน้าเศร้าอยู่ข้างๆให้เต็มหลังแต่เจ้านักเวทย์ตัวแสบเหมือนจะรู้ทันอยู่แล้วก้มหลบได้อย่างฉิวเฉียด

    "พอเหอะไอ้คีน ตรูเบื่อไอ้สันดานตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จของเมิงฉิบหายเลยว่ะ"เอเซด่าเพื่อนร่วมแคลนก่อนจะก้าวออกไปเผชิญหน้ากับแม่ทัพหนุ่ม

    "มีอะไรก็ว่ามาท่านแม่ทัพ ถึงกับต้องมอบภารกิจให้คนมาตามหาและถ่วงเวลาพวกเราจนพวกท่านแห่กันมาล้อมกรอบไว้แบบนี้ มันคงไม่ใช่แค่อยากเจอแล้วชวนไปกินข้าวซักมื้อหรอกใช่มั๊ยล่ะ?"

    "พวกเรายังมีภารกิจต้องทำอยู่อีกเยอะ NPC ผู้สูงศักดิ์อย่างท่านควรไปมอบภารกิจให้กับผู้เล่นระดับสูงที่ควรค่ามากกว่านะ"

    เอเซเอ่ยด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ขืนปล่อยให้เจ้านักบำบัดวิปลาสคงคุยกันไม่รู้เรื่องไปอีกนานแหงๆ ไอ้ครั้นจะพึ่งหัวหน้าแคลนที่อยู่ห้อยอยู่ท้ายสุดก็แทบไม่มีความหมายเพราะรู้จักนิสัยกันดี ตอนนี้มันกำลังสนุกกับการยืนดูโดยไม่คิดจะเข้ามายุ่งแม้แต่น้อย

    "วันนี้ท่าทางฝนจะตกแฮะนักรบรับจ้างเอเซของเราพูดเยอะเป็นพิเศษแถมออกหน้าเจรจากับแม่ทัพของฝ่ายตรงข้ามน่าประหลาดใจจริงๆเลย" คีนเอ่ยด้วยน้ำเสียงและสีหน้าตื่นตระหนกแต่ทันทีที่พูดจบร่างของเขาก็หายวับจากตรงที่ยืนอยู่ข้างๆเอเซ่ไปยืนอยู่ข้างๆทากะที่ยืนอยู่หลังสุดแทน

    เอเซชูนิ้วกลางใส่อย่างเพื่อนขัดเคือง "ก็เพราะเพื่อนตรูแต่ละคนมันพูดไม่รู้เรื่องทั้งนั้นไง!! ตรูถึงต้องมาพูดอะไรเยอะๆแบบนี้ เซราสมีอะไรก็ว่ามาเดี๋ยวจบเรื่องนี้คงมีเรื่องภายในแคลนเคลียร์กันยาวๆ"

    "รู้สึกว่าในสายตาของพวกนาย กองทหารอันเกรียงไกรของ `รีเวเรีย´ จะไม่ได้อยู่ในสายตาเลยสินะ" เสียงหวานใสดังมาจากด้านหลังแถวของอัศวินเกราะขาวที่เปิดช่องให้เด็กสาวในชุดเจ้าหญิงสีขาวสะอาดตา ใบหน้าสวยงามดุจเทพธิดา ผมดำขลับดุจขนของนกกาน้ำประดับด้วยมงกุฎเพชร ค่อยเดินมาหยุดอยู่เคียงข้างแม่ทัพเซราส

    ความงามของเธอทำให้ทุกคนที่เห็นเห็นแทบจะลืมหายใจไม่เว้นแม้แต่กุห์ฟาน แต่ทั้งเอเซ คีน ทากะต่างมองร่างอันแสนงดงามนั้นด้วยสายตาอันว่างเปล่าราวกับตรงหน้าเป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาๆที่พวกเขาไม่อยากจะสนใจเท่าไรนัก
    เอเซส่ายหัวดิกเรื่องยุ่งยากเพิ่มขึ้นมาอีกแล้ว พอเหลือบไปยังสหายก็พบว่าทากะนั้นเข้าโหมดเหม่อมองทะเลไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนเจ้าคีนตัวแสบเวลานี้ล้วงกระเป๋าหยิบไอเทมต่างๆขึ้นมาตรวจดูพึมพำงึมงำอยู่คนเดียว

    น้องใหม่อย่างกุห์ฟานมองท่าทีรุ่นพี่ของเขาทั้งสามคนอย่างงงๆ เพราะปกติแล้วเวลามีสาวสวยมายืนตรงหน้าต่อให้น่ากลัวขนาดสามสาวแห่งแคลนอันดับหนึ่งรุ่นพี่ของเขาทั้งสามคนยังมีท่าทีสนุกสนานคึกคักอยู่เลย แต่กับเด็กหญิงตรงหน้าสวยดั่งเทพธิดาแต่ทำไมรุ่นพี่ของเขากลับทำท่าทีไม่สนใจแบบนี้

    เจ้าหญิงแสนงามคนนั้นหันมามองกุห์ฟาน
    "นายคือน้องใหม่ของแคลนมาดริดโต้สินะ ชั้นเองก็ไม่อยากเสียเวลามากมายอะไรหรอกนะขอเข้าเรื่องเลยละกัน"

    "ของที่นายรับภารกิจจากร้านอัลบาทรอส ถ้านายเอามาให้ชั้นรางวัลตอบแทนที่นายจะได้รับจะมากกว่าที่ร้านนั้นให้นายสิบเท่า เงินสดจำนวนหนึ่งร้อยทอง และอาวุธระดับ S อีกหนึ่งชิ้นจากคลังอาวุธของรีเวเรีย แคลนของพวกนายจะได้สิทธิ์ในการรับภารกิจพิเศษต่างๆที่ขึ้นตรงกับรีเวเรีย เป็นยังไงพอหรือเล่าสำหรับค่าเสียเวลาของนาย"

    นักพนันหนุ่มกลืนน้ำลายเอื้อก ข้อเสนอที่ยื่นมาให้นั้นผู้เล่นบางคนพยายามแทบเป็นแทบตายก็ไม่มีทางหาเงินและอาวุธระดับนี้ได้ เขาหันไปมองรุ่นพี่ทั้งสามเหมือนจะขอความเห็นแต่คำตอบที่ได้รับมามันช่างชวนประสาทกินเหลือเกิน

    นักรบรับจ้างที่กำลังกอดอกทำหน้าเบื่อโลก
    "เมิงรับภารกิจมาจะเอายังไงก็เป็นปัญหาของเมิง ไม่ใช่ปัญหาของตรูแต่อย่างใด"

    จอมเวทนักบำบัดเงยหน้ามองรุ่นน้องเขาแวบหนึ่งแล้วก็ก้มหน้าสำรวจสิ่งของในกระเป๋าต่อ
    "ไม่ว่านายจะเลือกทางใดมันก็สวยงามเจ้าน้องชายเอ๋ย"

    นักดาบหัวหน้าแคลนหยุดเหม่อมองทะเลหันกลับมามองน้องใหม่ประจำแคลนแล้วก็อ้าปากหาววอดๆ
    "แล้วแต่นายเลยมีน พี่ยังไงก็ได้ว่าไงว่าตามกัน"

    กุห์ฟานหรือชื่อเล่นจริงๆมีนเกาหัวแกรกๆกับคำตอบของรุ่นพี่เขาทั้งสามคน"งั้นหมายความว่าพวกพี่โยนภาระให้ผม”

    “มั่นใจแล้วนะพี่?"

    "เออ รีบๆตอบยัยเจ้าหญิงนี่ไปเถอะตรูเบื่อจะอยู่แถวนี้เต็มทนและ" เอเซเดินเข้ามาตบหลังกุห์ฟานดังพลั่ก

    นักพนันหนุ่มถลาออกไปเผชิญหน้ากับเจ้าหญิงผมดำตรงหน้า ยืดตัวตรงมองหญิงสาวที่เตี้ยกว่าเขาเล็กน้อยแล้วแสยะยิ้มกวนประสาทแบบที่เขาชอบทำ

    "เอ่อ...ต้องขอโทษด้วยนะครับพี่นักพนักต่ำต้อยอย่างผมใช้ราชาศัพท์ไม่เป็น ขอพูดธรรมดาละกันนะครับ เงื่อนไขที่เสนอมานี่ มันออกจะมากมายไปซักหน่อยมั๊ยครับคุณเจ้าหญิง" กุห์ฟานถามย้อนกลับไปหน้าซื่อๆ

    "ก็ดีสำหรับผู้เล่นแบบนายไม่ใช่รึไง?"องค์หญิงตอบมาห้วนๆเพราะไม่ชอบใจรอยยิ้มของเจ้านักพนันที่ตีหน้าซื่อตรงหน้าซักเท่าไร

    กุห์ฟานทำหน้าเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก"เออใช่!! มันเป็นเงินก้อนใหญ่ที่ผู้เล่นแบบผมคงไม่มีปัญญาหาได้ตลอดชีวิตในการเล่นเกมส์นี้เลย ขอบคุณที่บอกนะครับเนี่ยไม่งั้นผมก็คงนึกไปไม่ถึง"

    นักพนันก้มหัวหงึกพลางเอ่ยขอบคุณซ้ำๆทำเอาเจ้าหญิงแสนสวยตรงหน้าตัวสั่นเล็กน้อยดวงตาเต็มไปด้วยโทสะ

    "แล้วถ้าผมปฏิเสธข้อเสนอของคุณล่ะครับ คุณเจ้าหญิง?"
    กุห์ฟานเงยหน้าขึ้น ถามซื่อๆแต่รอยยิ้มบนใบหน้ามันไม่ได้ชื่อเหมือนคำถามเลยซักนิด

    "ชั้นไม่คิดว่าจะมีคนโง่และบ้าพอที่จะปฏิเสธข้อเสนอนี้หรอกนะ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงต้องใช้กำลังนะคะคุณกุห์ฟานแห่งแคลนมาดริดโต้"
    น้ำเสียงหวานใสตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มแต่ดวงตาของเจ้าหญิงตรงหน้าไม่ได้ยิ้มเหมือนใบหน้าของเธอแม้แต่น้อย

    และทันทีที่จบประโยคของเธอทหารในชุดเกราะสีขายที่ยืนล้อมท่าเรืออยู่สะบัดดาบของตนออกมาพร้อมกับโล่ขนาดใหญ่อันเป็นอาวุธหลักของกองอัศวินแห่งรีเวเรีย ส่วนทหารมังกรทั้งสิบนายก็สะบัดทวนยาวออกมาตั้งท่าเตรียมพร้อมเช่นกัน

    บรรยากาศตรึงเครียดขึ้นมาทันที เสียงของผู้เล่นที่มุงดูเหตุการณ์ที่ดังมาตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มต้นเงียบลงทันทีด้วยความกดดัน มีเพียงเสียงกลืนน้ำลายของหลายๆคนดังมาเป็นระยะ

    ตอนนี้มีเพียงใบหน้าของผู้เล่นแห่งแคลนมาดริดโต้ทั้งสี่คนที่ยังไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    กุห์ฟานเอามือทาบหน้าอกทำสีหน้าหวาดกลัว
    "แค่ลองถามดูเท่านั้นเองนะครับคุณเจ้าหญิงไม่เห็นต้องขู่กันแบบนี้เลย ผมกลัวจนใจสั่นไปหมดแล้วนะครับเนี่ย"

    เจ้าหญิงตรงหน้าโมโหที่ถูกนักพนันหนุ่มมากวนประสาทกันซึ่งๆหน้าแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนใบหน้าอันแสนงามปรากฏร่องรอยของโทสะอย่างชัดเจน

    "แสดงว่านายเลือกที่จะทำภารกิจนี้ให้เสร็จโดยปฏิเสธข้อเสนอของทางรีเวเรียสินะ?"
    เสียงที่เคยหวานใสบัดนี้มันกลายเป็นเสียงอันเต็มไปด้วยโทสะ

    "กฎเพียงข้องเดียวของแคลนที่ผมอยู่และผมเลือกที่จะยึดถือโดยไม่ลังเลก็คือ ไม่ว่าจะรับภารกิจใดๆมันคือการให้ `สัจจะ´ ฉะนั้นถ้าการรักษาสัจจะของผมมันจะทำให้หลายๆคนเดือดร้อนก็คงไม่เป็นไรหรอกมั๊งใช่ใหมพี่คีน พี่จ้อย พี่เกมส์?"

    คีน ทากะ และเอเซ่ ที่ไม่รู้ว่ามายืนถืออาวุธคู่ใจอยู่ด้านหลังของนักพนันน้องใหม่ประจำแคลนไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรเวลานี้แต่ละคนมีไพ่ในมือคนใบ

    "สิบดอกจิกนะสหาย" คีนชูไพ่ในมือขึ้นมาคนแรก

    ทากะพลิกไพ่ แล้วเลิกคิ้วให้คีน "เราได้คิงข้าวหลามตัด"

    เอเซแสยะยิ้ม "กากว่ะฟายยยย มันต้องเอซโพธิ์ดำในมือกุนี่ ฉะนั้นตัวหัวหน้าของกุที่เหลือพวกเมิงก็รับหน้าที่ไปนะจ๊ะ"

    ทากะ และคีนยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยออกมาพร้อมกัน "จัดให้ / ตามนั้น"

    บรรดาพวกที่มุงดูต่างอ้าปากค้างเมื่อไอ้สามตัวประจำแคลนมาดริดโต้ตั้งวงไพ่กลางวงล้อมของอัศวินมังกรอย่างไม่สะทกสะท้าน

    ทั้งสองคนยื่นไพ่คืนให้เอเซ่อันเป็นเจ้าของ ทากะดึงดาบในมือออกมาจากฝักอย่างช้าๆแล้วโยนฝักดาบให้สหายเขาตรงหน้า ซึ่งเอเซ่ก็โยนส่งต่อไปให้กุห์ฟาน คีนเดินตรงออกไปรออยู่กลางวงล้อมของกองทหารของรีเวเรียก่อนแล้ว เวลานี้ใบหน้าของจอมเวทหนุ่มเจือไปด้วยรอยยิ้มดุจคนสติไม่เต็ม แต่แววตาของคีนมันว่างเปล่าไม่ได้มีแววขี้เล่นอันเป็นปกติของเขาเจือปนอยู่แม้แต่นิดเดียว

    ทากะนั้นค่อยๆแกว่งดาบไปมา เสียงแหวกอากาศฟังผิดแปลกกว่าดาบเล่มอื่นๆ ใบหน้าของเขาตอนนี้เรียบเฉยราวกับใบหน้าของหุ่นยนต์ไม่มีผิดเพี้ยน

    เอเซยืนกอดอกยิ้มๆ บุ้ยปากให้รุ่นน้องของเขาดูสหายสองคนที่อยู่กลางวงล้อมของศัตรู
    "มีนเมิงดูให้ดีๆล่ะการที่จะได้เห็น `นักบำบัดวิปลาส´ กับ `มัจจุราชความเร็วเสียง´ ออกโรงพร้อมกันแบบนี้ไม่ได้หาดูง่ายๆนะเว้ย"

    "มันจะดูถูกกันมากไปแล้วนะ"
    เสียงของเจ้าหญิงผมดำที่เวลานี้โกรธจนตัวสั่นชูมือขึ้นแล้วทิ้งลงอันเป็นสัญญาณการโจมตีของกองทหารทั้งหมด มีเพียงแม่ทัพเซราสที่ยืนพิทักษ์เธออยู่เคียงข้าง

    เป้าหมายแรกคือหนึ่งจอมเวท หนึ่งนักดาบที่ยืนเด่นอยู่กลางวงล้อมราวกับจะเชื้อเชิญให้มาเอาชีวิตของพวกเขาไป




    จบFantasy Inside Online Story บทที่ 5 : สัจจะ
  18. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    Fantasy Inside Online Story บทที่ 6 : ปะทะ


    เหล่าคนที่มุงอยู่ตรงท่าเรือเพื่อดูเหตุการณ์ต่างคิดในใจว่าพวกนี้มันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่ตอบปฏิเสธข้อเสนอที่มีค่ามหาศาลเพื่อแลกกับภารกิจเล็กๆที่รับไว้ตั้งแต่แรก งานนี้เละแน่ๆ ต้องมาเจ็บตัวแถมภารกิจล้มเหลวเพราะโดนใช้กำลังแย่งชิงของภารกิจไปอีก แทนที่จะตอบตกลงไปดีๆ


    อัศวินเกราะขาวที่ล้อมท่าเรืออยู่นั้นจัดมีระดับเฉลี่ยอยู่ที่เจ็ดสิบถึงเก้าสิบเกือบทุกคน เรียกได้เป็นกองทัพ NPC ที่แทบไม่มีผู้เล่นคนไหนอยากจะสู้ด้วยซึ่งๆหน้าเลยทีเดียว ยังไม่รวมถึงอัศวินมังกรอีกสิบนายที่ระดับเฉลี่ยทะลุหนึ่งร้อยกันทุกคน และยังมีแม่ทัพเซราสหนึ่งในผู้ครอบครองหนึ่งในสิบ ราชศาสตราที่มีระดับสูงสุดในเกมส์เหนือกว่าระดับ SS จัดว่าเป็นกองกำลังไร้เทียมทานของเจ้าหญิงแห่งรีเวเรียโดยแท้จริง


    ผู้เล่นหลายคนต่างพยายามทำภารกิจเพื่อสร้างค่าชื่อเสียงเพื่อที่จะได้รับภารกิจ หรือเงื่อนไขพิเศษจากทางรีเวเรียโดยเฉพาะจากองค์หญิงผู้เลอโฉมผู้นี้ เพราะแต่ละภารกิจนั้นค่าตอบแทนมหาศาลชนิดหาทั้งชีวิตในการเล่นเกมส์ FIO ก็คงหาไม่ได้อีกแล้ว


    แต่แคลน “มาดริดโต้” กลับเลือกที่จะทำในสิ่งที่ผู้เล่นทุกคนไม่คิดจะทำคือปฏิเสธเงื่อนไขอันยิ่งใหญ่และหันอาวุธในมือเข้าหากองกำลังไร้เทียมทาน ซึ่งแค่ผู้เล่นเพียงแค่สี่คนจะเอาอะไรมาต่อกร
    ทั้งหมดนี่เป็นเพียงแค่ความคิดของผู้เล่นที่ไม่รู้จักแคลนหายนะ “มาดริดโต้” ดีพอ เพราะเหล่าคนที่เคยได้ร่วมผจญภัย หรือรู้จักเป็นการส่วนตัวกับแคลนนี้บัดนี้แต่ละคนต่างจับจ้องการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดในวินาทีต่อจากนี้ไปต่างหาก


    ทัพอัศวินเกราะขาวอันอยู่แถวนอกสุดของการล้อมกรอบคนสติไม่ดีสองคนที่ยืนอยู่ตรงกลางค่อยๆแปรขบวนจากการยืนคุมเชิงเป็นการบีบวงล้อม ส่วนอัศวินมังกรทั้งสิบนายบัดนี้ทั้งหมดต่างทะยานขึ้นไปตั้งท่าโจมตีอยู่บนท้องฟ้าเสียงคำรามของมังกรที่พร้อมรบกึกก้องไปทั่วบริเวณท่าเรือแห่งเวลเจ


    คีนเงยหน้ามองเหล่าอัศวินมังกรที่กำลังฮึกเหิมเหล่านั้นแล้วแสยะยิ้มออกมาพร้อมๆกับกวักมือเรียกท้าทายทัพอัศวินมังกรอันเกรียงไกรเหล่านั้น เสียงคำรามดังขึ้นอีกระรอกคราวนี้เหมือนกับว่าจะดังกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ


    ดุจกระแสลมพัดเพียงพริบตาเดียวอัศวินมังกรทั้งสิบนายพุ่งเข้าจนเกือบจะถึงตัวคีนที่ตอนนี้ยืนอยู่เพียงลำพังโดยไม่มีใครเห็นว่าตอนนี้ทากะที่ยืนแกว่งดาบแหวกลมเล่นอยู่ข้างๆจอมเวทผมเทานั้นหายไปตั้งแต่เมื่อไร
    วินาทีก่อนที่หอกทั้งสิบเล่มจะพุ่งเข้าปลิดชีพของจอมเวทนักบำบัด


    ดาบไม้ในมือของคีนก็ปักลงกับพื้นพร้อมถ้อยคำประหลาดที่ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นภาษาอะไร วงแหวนเวทขนาดมหึมาปรากฏขึ้นบนพื้นรอบตัวคีน


    โครม!!


    เสียงของร่างนักรบเกราะหนักบนหลังมังกรพุ่งลงกระแทกพื้นในแนวดิ่งราวกับถูกมือขนาดยักษ์กดลงจากด้านบนถ้อยคำประหลาดที่ออกจากปากของคีน และอักขระอันน่าขนลุกที่ค่อยๆปรากฏขึ้นบนวงแหวนเวทไล่จากจุดที่ตัวเขายืนอยู่ลามออกออกไป


    ยิ่งอักขระเหล่านั้นขยายไปบนวงแหวนเวทย์เท่าไรร่างของอัศวินมังกรทั้งสิบยิ่งถูกกดให้จมลงกับพื้นของท่าเรือแรงขึ้นเรื่อยๆ


    ภาพของชุดเกราะของอัศวินและมังกรอันเป็นพาหนะบุบบี้ราวกับกระป๋องที่ถูกรถทับ เสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดของทั้งอัศวินและมังกรพร้อมกับเสียงกระดูกภายในร่างที่แตกดังปนเปกันไป


    แม้จะเป็นเกมส์แต่หลายๆคนที่ได้เห็นภาพตรงหน้าก็ใจแข็งไม่พอที่จะมองตรงๆจนต้องเบือนหน้าหนี
    ใบหน้าอันเจือไปด้วยรอยยิ้มของคีนเวลานี้มันดูราวกับคนบ้าที่กำลังยิ้มแย้มให้กับเรื่องสนุกสนานตรงหน้า และทันทีที่อักขระเวทปรากฏขึ้นจนเต็มวงแหวนเวทจอมเวทนักบำบัดยกดาบไม้ในมืออันเป็นไม้เท้าเวทย์ระดับ SS ของเขาชูขึ้นไปยังท้องฟ้า


    ท้องฟ้าสีครามที่เคยสดใสเปลี่ยนสีในพริบตาช่องว่างสีดำบางอย่างปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าค่อยขยายอาณาเขตขึ้นเรื่อยๆ ตามถ้อยคำอันไม่สามารถเข้าใจได้ที่หลุดออกมาจากปากของจอมเวทย์นักบำบัด อากาศโดยรอบท่าเรือปั่นป่วนลมพัดกรรโชกแรงจนสิ่งของหลายๆปลิวกระจายไปทั่วบริเวณ คีนสะบัดคทาเวทย์ที่อยู่ในรูปแบบของดาบไม้ “เอสปาด้าอินคอนเซนเต้” ลงปักบนพื้นอีกครั้ง


    วัตถุบางอยากก็พุ่งออกมาจากช่องว่างของมิติ สะเก็ดดาวอันลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงพุ่งเข้าหาอัศวินมังกรชะตาขาดคนแรกตามแรงโน้มถ่วงของโลก และเมื่อเข้าระยะอานาเขตของวงแหวนเวทบนพื้นมันเพิ่มความเร็วในการตกลงสู่พื้นจนมองด้วยตาเปล่าไม่ทัน


    ตูม!!


    เสียงระเบิดดังสนั่น พื้นที่โดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรงจนหลายๆคนเสียหลักล้มลงกับพื้น คีนยืนยิ้มละไมมองภาพตรงหน้า พร้อมๆกับชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้วและทุกๆครั้งที่เจ้าหมอนี่ชูนิ้วเพิ่มขึ้นก็คือสะเก็ดดาวจากมิติด้านบนพุ่งลงอัดกระแทกอัศวินมังกรที่ถูกอัดอยู่กับพื้นจนร่างของทั้งอัศวินและมังกรแหลกกระจายไปคนละทิศ

    สอง!!

    สาม!!

    สี่!!

    ห้า!!

    หก!!

    เจ็ด!!

    แปด!!

    เก้า!!

    สิบ!!

    ทันทีที่สะเก็ดดาวอันที่สิบกระแทกลงกับพื้นอันมีร่างอัศวินมังกรชะตาขาดรออยู่ คีนดึงดาบไม้ที่ปักอยู่กับพื้นขึ้นพาดบ่ากวาดสายตาไปท่าเรือรอบๆตัวเขาอันเต็มไปด้วยหลุมขนาดใหญ่จำนวนสิบหลุม


    ทุกหลุมลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิง เต็มไปด้วยเศษของสะเก็ดดาวที่แตกกระจายปนไปด้วยซากของเกราะอัศวินและเกล็ดมังกรเกลื่อนไปทั่วบริเวณ


    คีนหันไปมองเจ้าหญิงแห่งเรียเวเรียที่ตอนนี้ยืนตาค้างกับภาพตรงหน้าโดยมีแม่ทัพเซราสยืนประกบอยู่ข้างกาย แล้วเขาก็หัวเราะออกมาราวกับคนสติไม่สมประกอบ


    “อิ อิ อิ สหายนี่ไม่มีความสุนทรีเอาเลยน๊า”


    คำกล่าวของคีนหาได้ส่งถึงสองคนชายหญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาแต่เป็นสหายนักดาบด้านหลังของคนทั้งคู่ต่างหาก องค์หญิงแห่งรีเวเรียและแม่ทัพคู่กายหันกลับไปมองด้านหลังของตนทันที


    ภาพที่ปรากฏด้านหลังของคนทั้งคู่ก็คือภาพของทากะที่ยืนหาววอดๆ เอาดาบคู่ใจวางพาดไว้บนบ่า


    แต่ที่ทำให้เจ้าหญิงแสนสวยหน้าถอดสีอีกครั้งก็คือภาพของเหล่าอัศวินเกราะขาวที่ตัวเธอแสนจะภูมิใจบัดนี้ทุกคนต่างนอนฟุบพร้อมร่องรอยของชุดเกราะสีขาวสะอาดถูกฟันขาดราวกับกระดาษถูกปาดด้วยของมีคม


    เสียงของคนที่มุงอยู่รอบท่าเรือดังขึ้นเซ็งแซ่ต่างถามกันเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ไม่มีใครตอบได้เพราะช่วงเวลานั้นทุกคนต่างถูกเรียกความสนใจทั้งหมดไปยังการต่อสู้ของจอมเวทนักบำบัดและอัศวินมังกรทั้งสิบ


    ไม่เว้นแม้แต่นักพนันหนุ่มกุห์ฟานที่หัวไปสะกิดรุ่นพี่อย่าเอเซที่ยืนอยู่ข้างๆ


    “มันอาศัยช่วงชุลมุนพุ่งเข้าใส่ฟันเอาๆอย่างที่เห็นกันประจำน่ะแหละ แต่คราวนี้มันบรรจงฟันเข้าจุดตายแทบทุกดาบ” เอเซตอบมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆโดยที่กุห์ฟานยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากถามแล้วเขาก็แบมือพร้อมกับบุ้ยปากไปยังปลอกดาบของทากะที่นักพนันน้องใหม่ถืออยู่


    “ความสุนทรี? เราว่ามันเสียงดังจนน่ารำคาญนะสหาย” ทากะที่เวลานี้กลับมาอยู่ในสีหน้าปกติค่อยๆหย่อยตัวลงนั่งบนร่างอัศวินเกราะขาวที่ล้มลงอยู่ใกล้ๆเอามือเท้าคางวางดาบคู่มือที่ไม่มีปลอกไว้บนตัก


    วินาทีนั้นวัตถุบางอย่างก็พุ่งเข้าใส่ใบหน้าของนักดาบหนุ่มที่นั่งเท้าคาง และก่อนที่มันจะพุ่งเข้ากระแทกหน้าของทากะ


    เสียงของแข็งปะทะกันดังสนั่นวัตถุที่ลอยเข้าหาใบหน้าเวลานี้มันถูกสันดาบในมือของทากะปัดจนเปลี่ยนทางลอยคว้างอยู่บนท้องฟ้าเหนือศีรษะของเขา ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นไปมองก็บนว่ามันคือปลอกดาบสีดำสนิทที่เขาฝากไว้กับเอเซในตอนแรกนั่นเอง


    “ฝากไว้นานมันเกะกะว่ะ” เอเซที่ยืนอยู่ข้างกุฟานร้องบอกมา


    ทากะลุกขึ้นยืนรอปลอกดาบของตนที่กำลังหมุนตกลงมา “สหายส่งให้ดีๆก็ได้นะถ้ามันโดนหน้าเรามันก็เจ็บอยู่นา”


    เอ่ยจบนักดาบหนุ่มคว้าปลอกดาบแล้วค่อยๆเก็บดาบคาตานะในมือเข้าฝักอย่างนิ่มนวลแล้วก็นั่งลงเอามือเท้าคางที่เดิม ส่วนคีนก็เดินไปยืนกอดอกพิงลังสินค้าที่อยู่ใกล้ๆหัวเราะร่วนอยู่คนเดียว


    “ถ้ามันโดนกุจะได้ฮาให้ไงฟาย เอาล่ะคุณหัวหน้าถึงเวลามวยคู่เอกแล้ว” นักรบรับจ้างเอเซเวลานี้หักนิ้วแล้วเดินตรงมาเผชิญหน้ากับเซราสโดยไม่สนใจหญิงสาวแสนสวยที่ยืนอยู่ข้างๆแม้แต่นิดเดียว


    แม่ทัพเซราสหันมามองเอเซด้วยสายตาเยือกเย็นเขาผายมือออกเล็กน้อยเพื่อเป็นสัญญาณให้เจ้าหญิงผู้เลอโฉมหลบออกไปซึ่งตอนแรกเธอก็เหมือนจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่างแต่เมื่อเห็นสายตาเฉียบขาดเธอจึงยอมถอยออกไปขึ้นบนหลังมังกรที่บินร่อนลงมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงผิวปากของแม่ทัพเซราส


    และทันทีที่เจ้าหญิงแห่งรีเวเรียขึ้นหลังมังกรออกไปพ้นบริเวณอันตรายแม่ทัพเซราสก็สะบัดมือพร้อมๆกับปรากฏแสงสีทองสว่างวาบ หอกสามง่ามสีทองอร่ามไปทั้งด้ามจรดปลายหอกอันเป็นหนึ่งในสิบสุดยอดศาสตราวุธของFIO ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าแม่ทัพเซราสพร้อมๆกับสายฝนที่จู่ๆก็เทกระหน่ำและทะเลที่เงียบสงบก็เกิดปั่นป่วนจนเรือใหญ่น้อยที่จอดอยู่ที่ท่าเรือโคลงเคลงอย่างน่ากลัว


    เอเซหัวเราะอย่างสะใจที่สุดในชีวิตแข่งกับสายฝนที่เทกระหน่ำลงมา “มันต้องได้อย่างนี้สิถึงนะมันส์เข้าไส้”
    ดาบเคลย์มอใหญ่ที่อยู่ในปลอกสีดำสนิทถูกนักรบรับจ้างหนุ่มเหวี่ยงลงมาปักพื้นต้องหน้าพร้อมๆกับก้อนเมฆสีดำทมึน ที่ปรากฏพร้อมๆกับเสียงฟ้าคำรามและแสงของสายฟ้าที่ปรากฏขึ้นอย่างบ้าคลั่งบนท้องฟ้าไม่ต่างจากท้องทะเลในเวลานี้


    ผู้เล่นๆหลายๆคนต่างหนีกระเจิงไปคนละทางกับสภาพอากาศที่วิปริตเกินจะรับได้แบบนี้แต่อีกหลายๆคนไม่ยอมที่จะละสายตาจากภาพตรงหน้าเพราะพวกเขารู้ดีว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นตรงหน้าพวกเขาต่อไปนี้คือหนึ่งในการดวลที่จะถูกบันทึกและเล่าต่อๆกันไปใน FIO แน่นอน


    เพราะมันคือการปะทะกันระหว่าง “วิหคสายฟ้า” และ “มังกรวารี”


    “โว๊ะ!! จะอลังกาลงานสร้างไปไหนจะสร้างตำนานกันเลยรึไงฟะ ฝนตกฟ้าคำรามแบบนี้มันดูมวยไม่มันส์นะเพื่อน” คีนตะโกนฝ่าสายฝนและเสียงคำรามของสายฟ้า


    จอมเวทนักบำบัดร่ายเวทย์อะไรบางอย่างอยู่ชั่วอึดใจแล้วเอาดาบไม้ในมือสะบัดขึ้นฟ้า จู่ๆความปั่นป่วนทั้งหมดก็หายไปราวกับเรื่องโกหกทั้งๆที่หลายๆคนยังเปียกโชก ข้าวของต่างๆในท่าเรือยังเต็มไปด้วยน้ำที่ขัง พื้นโดยรอบมีน้ำขังเจิ่งนอง ท้องฟ้าเวลานี้สดใสไม่มีเมฆเลยซักนิด ท้องทะเลเงียบสงบราวกับเมื่อไม่กี่อึดใจก่อนเป็นเพียงภาพมายา


    “ต้องอากาศสดใสแบบนี้ถึงจะเหมาะกับการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่” คีนยิ้มแฉ่งพลางกระโดดขึ้นไปนั่งบนลังที่อยู่ใกล้ๆนั่งดูอย่างสบายอารมณ์ กุห์ฟานยังคงทึ่งๆกับสถานการณ์รอบๆตัว
    ถึงเขาจะรู้อยู่แก่ใจว่ารุ่นพี่ของเขาแต่ละคนน่ะเก่งแต่พอมาเจอแบบนี้ทำให้เขาสงสัยเข้าไปใหญ่ว่าจริงๆแล้วล่ะ ทักษะต่างๆของแต่ละคนน่ะมันอยู่ในระดับไหนกันแน่?


    แต่ตอนนี้คงไม่ใช่เวลาที่จะถามเพราะการต่อสู้ของสองคนที่ยืนอยู่กลางท่าเรือมันน่าสนใจกว่าเป็นไหนๆนักพนันหนุ่มปีนขึ้นไปนั่งบนลังข้างๆคีนที่ล้วงเข้าไปในกระเป๋าสัมภาระติดตัวหยิบขนมกรุบกรอบออกมาแกะถุงพลางยืนให้รุ่นน้องเขาอีกถุง


    “โว๊ะ จะยืนจ้องหน้าเก๊กเท่อีกนานมั๊ยครับเพื่อนรอดูอยู่นะครับเนี่ย เก่งไม่กลัวนะครับกลัวช้า อิ อิ”คีนยังคงเจื้อยแจ้วแต่ทั้งเอเซ และแม่ทัพเซราส ที่ยืนจ้องหน้ากันอยู่ไม่ได้สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวแม้แต่น้อย
    ทากะที่ทำหน้าง่วงเหงาหาวนอนล้วงกระเป๋าหยิบเหรียญทองแดงขึ้นมาหนึ่งเหรียญแล้วดีดให้หมุนติ้วลอยไปอย่ระหว่างคนทั้งสองพอดิบพอดี


    ทุกคนที่จ้องมองการต่อสู้หนนี้ต่างรู้ดีว่าการดีดเหรียญของทากะหนนี้มันหมายถึงอะไร
    กิ๊ง!!!


    เสียงกังวานใสของเหรียญทองแดงที่กระทบกับพื้นนักรบรับจ้างที่ถูกเรียกขานว่าวิหคสายฟ้าเป็นฝ่ายเริ่มก่อน


    “โวเซส อาวิอุม !!”


    เสียงของเอเซเอ่ยขึ้นพร้อมกับร่างของเขาที่หายวับจากจุดที่ยืนอยู่ ภาพที่ทุกคนมองเห็นอีกครั้งก็คือดาบเคลย์มอในมือของเอเซถูกฟาดเข้าใส่ทั้งๆที่ยังอยู่ในปลอกดาบ แต่การทักทายนี้ก็ถูกอีกฝ่ายยกหอกในมือกันเอาไว้ง่ายๆ

    แม้จะดูเรียบง่ายแต่เสียงของโลหะกระทบกันที่ทุกคนได้ยินมันดังจนพวกเขาไม่อยากจะคาดถึงความรุนแรง
    เอเซเลือกที่จะบุกต่อโดยบิดทั้งตัวหมุนย้อนกลับฟาดเข้าใส่อีกทิศในชั่วพริบตาแต่อีกฝ่ายก็เหมือนจะเท่าทันกันอยู่กระโดดถอยหลังพ้นระยะปลายดาบอย่างฉิวเฉียด แล้วแทงหอกในมือสอนเข้าคอหอยของเอเซที่ฟันพลาดอย่างแม่นยำหลายๆคนต่างคิดว่าการต่อสู้จบลงแบบนี้แน่ๆ


    แต่”วิหคสายฟ้า”ไม่ใช่ฉายาที่ได้มาเพราะความฟลุคเอเซเหวี่ยงขาเตะดาบของตนเองจากด้านล่างเพื่อให้ดาบของเขาไปกระแทกหอกที่กำลังจะปักเข้าไปในคอของเขาเบี่ยงวิถีไปอย่างฉิวเฉียดแล้วก้าวเข้าหาเซราสพร้อมกับเหวี่ยงดาบในมือใส่อีกครั้งเหมือนจะช้าไปเสี้ยววินาที ลูกบอลน้ำที่ลอยอยู่หลังของแม่ทัพแห่งรีเวเรียในมุมอับสายตาของเอเซพุ่งเข้าใส่นักรบหนุ่ม


    จากคนที่กำลังจะบุกกลับต้องบิดดาบในมือยกขึ้นป้องกันลูกบอลน้ำนับสิบลูกที่กระแทกเขาจนปลิวไปอีกทางซึ่งมันก็เปิดโอกาสเป็นครั้งแรกนับจากเริ่มต่อสู้ให้แม่ทัพเซราสได้มีโอกาสร่ายเวทย์เป็นครั้งแรก ซึ่งก็เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่สุดยอดศาสตราวุธได้แสดงอนุภาพของมันอย่างเต็มที่ เพียงสะบัดหอกเป็นครึ่งวงกลมทีเดียว น้ำที่ขังอยู่บนพื้นรอบๆท่าเรือก็มารวมตัวกันเป็นก้อนรอบๆตัวแม่ทัพเซราสแล้วค่อยๆแปลสภาพเป็นมังกรแบบเดียวกับที่อัศวินมังกรขี่ไม่มีผิด แต่มันผิดกันที่ขนาดมันใหญ่กว่าเกือบสามเท่า


    “ชิบหายแล้ว!!!” เอเซหลุดปากสบถออกมาทั้งทีที่คู่ต่อสู้ของเขาวาดหอกชี้มายังเขาแล้วมังกรน้ำขนาดยักษ์อ้าปากคำรามก้องไปทั่วท่าเรือแห่งเวลเจ แล้วมันก็กางปีกถลาเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว
    เอเซทำสิ่งที่คนเกือบทั้งทั้งท่าเรือแทบจะอ้าปากค้างคือวิ่งเข้าใส่มังกรน้ำขนาดยักษ์ที่กำลังถลาใส่เขาพริบตาก่อนที่ทั้งคมเขี้ยวและกงเล็บจะฉีกร่างของนักรบรับจ้างหนุ่มเอเซ


    เขากัดฟันกระโดดลอยทั้งตัวเข้าใส่หัวของมังกรน้ำที่กำลังขย้ำเขาอยู่ในชั่วอึดใจคมเขี้ยวที่สร้างขึ้นจากเวทย์น้ำขั้นสูงเฉียดตัวเอเซไปอย่างฉิวเฉียด


    นักรบรับจ้างผู้เจนศึกรู้ดีว่าเวลาของเขามีเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นเพราะเจ้ามังกรน้ำมันต้องแว้งกลับมาเขมือบเขาในวินาทีถัดมาแน่นอน


    “อาสทรอค เทมเพรสทาส!!”


    เวทย์สายฟ้าอัสนีคลั่ง หนึ่งในเวทย์สายฟ้าขั้นสูงที่มีจอมเวทย์มีทักษะนี้นับคนได้ แต่สายฟ้าที่ควรฟาดกระจายออกในรัศมีสองร้อยเมตรกลับวิ่งวนอยู่รอบๆดาบที่ไม่ยอมชักออกจากฝักของเอเซที่กำลังฟาดเข้าใส่หัวขนาดมหึมาของมังกรน้ำยักษ์ตัวนั้น


    เปรี้ยง!!


    เสียงแรงปะทะอันมหาศาลพร้อมกับสายฟ้าที่ถูกบีบอัดแล้วกระจายออกทีเดียวทำเอาร่างของมันกรยักษ์พุ่งถลาไร้ทิศทางราวกับถูกจับขว้างพุ่งเข้าบ้านเรือนที่อยู่ใกล้ๆกับท่าเรือพังไปทั้งแถบ และไม่ต้องห่วงคนดูที่อยู่ในทิศนั้นกลับไปนอนโรงพยาบาลไม่ต่ำกว่าสิบราย


    เอเซลงสู้พื้นยืนหอบแฮ่กๆไอ้การเรียกใช้ทักษะเมื่อกี้มันไม่ยากเย็นเท่าไรหรอกสำหรับผู้เล่นที่จงใจปั๊มทักษะสายนี้มาตั้งแต่เริ่มเล่นเกมส์แต่ไอ้การใช้คุณสมบัติพิเศษของปลอกดาบระดับ S ของเขาหน่วงเวทใหญ่แล้วปล่อยมันกระจายในทีเดียวสร้างภาระหนักแก่คนใช้อยู่ไม่น้อยนี่ขนาดหน่วงแค่เสี้ยววิแล้วปล่อย ถ้าเขาหน่วงซักสามสิบวิแล้วล่ะก็ทันทีที่ปล่อยเวทย์ตัวเขาเองคงกลับจุดเกิดอย่างที่เคยทดลองมาก่อนแล้วแหงๆ


    แต่ยังไม่ทันที่จะพักหายใจตัวเอเซเลือดในกายแทบจะจับแข็งเป็นก้อนจากภาพตรงหน้า พลังเวทย์มหาศาลชนิดพังเมืองเวลเจนี้สบายๆถูกปล่อยออกมาจากหอกของแม่ทัพเซราสที่ยืนอยู่กลางวงแหวนเวท มังกรน้ำยักษ์ตัวเมื่อกี้มันแค่นกต่อเพื่อถ่วงเวลาสำหรับการปิดฉากเท่านั้นเอง


    น้ำในทะเลรอบเมืองเวลเจลดระดับลงอย่างรวดเร็วจนท้องเรือที่จอดอยู่รอบๆท่าเรือแตะกับพื้นทรายใต้ทะเลที่ตอนนี้ไม่มีน้ำเหลือแม้แต่หยดเดียว


    มวลน้ำมหาศาลลอยอยู่เหนือแม่ทัพเซราสค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างเป็นมังกรที่ถูกขนานนามว่าเป็นราชัยน์แห่งท้องทะเล “ลิเวียธาน”


    ร่างอันใหญ่ และยาวเหมือนงูขนาดใหญ่เหมือนกับที่เคยเห็นภาพของมันในหนังสือ หรือในเกมส์อื่นๆไม่มีผิด
    “แม่งเว้ย กะพังทั้งเมืองเลยรึไงวะ!!” เอเซสบถออกมาทันทีที่เห็นแต่เขาไม่ได้มีความคิดที่จะแพ้ต่อสิ่งตรงหน้าแม่แต่น้อยดาบเคลย์มอที่ยังอยู่ในฝักถูกปักลงกับพื้นอีกครั้งพร้อมกับคำประกาศเรียกทักษะที่รุนแรงที่สุดของเขา


    “จากพสุธาจรดท้องนภาข้าของวิงวอนต่อมหาเทพแห่งฟากฟ้าขอหยิบยืมแสงอันพิสุทธิ์ลงมาเพื่อฟาดฟันอริร้ายแห่งข้าให้พินาศสิ้น!!!”


    “คลาร่า คาเธทดรัล ฟูลเกอร์!!!”



    ทันทีที่คำประกาศไม่สั้นไม่ยาวของนักรบรับจ้างหนุ่มจบประโยคหอกทองคำอันเป็นสุดยอดศาสตราวุธในมือแม่ทัพใหญ่แห่งรีเวเรียก็ถูกฟาดลงพร้อมๆกับร่างของราชันย์มังกรทะเลที่ขนาดลำตัวมันใหญ่กว่าเรือข้ามทวีปที่จุคนได้นับร้อยเสียอีก


    คนที่เห็นภาพนี้ไม่ว่าใครก็คิดว่าเอเซชะตาขาดแน่นอนพันเปอร์เซ็นต์และพรุ่งนี้เวเจกับรีเวเรียมีปัญหาใหญ่กันแน่ๆเพราะขนาดแค่มันก็เมื่อกี้บ้านยังพังไปสี่ห้าหลังคนกลับโรงพยาบาลเป็นสิบ ถ้าเป็นลิเวียธานตัวนี้รับรองเมืองเวลเจหายไปทั้งแถบและผู้เล่นกลับโรงพยาบาลเกินร้อยแน่ๆ


    แต่ยกเว้นอยู่สามคนที่นั่งดูอยู่อย่างตื่นตาตื่นใจเพราะน้อยครั้งนักที่จะเห็นเอเซงัดสุดยอดทักษะของสายอัสนีที่กล้าบอกได้เลยว่ามีมันคนเดียวใช้ได้อยู่ทั้ง FIO เพราะกว่าจะได้เงื่อนไขในการปลดระดับทักษะขั้นสุดท้ายของสาย เอเซต้องใช้เวลาในการฝึกทักษะและทำภารกิจมากกว่าผู้เล่นธรรมดาเล่นเกมส์นี้จนได้ระดับเกินร้อยเสียอีก
    ร่างของลิเวียธานพุ่งเข้าหาร่างของเอเซที่บัดนี้ยืนนิ่งพร้อมๆกับวงแหวนเวทบนพื้นรอบๆตัวเขากำลังส่องสว่างจ้า ราวกับคลื่นยักษ์ที่โถมเข้าใส่มนุษย์ตัวจ้อย


    “มาวัดกันดู!!” เอเซคำรามก้องดึงดาบคู่ชีพขึ้นจากพื้นๆพร้อมๆกับลำแสงของสายฟ้าจำนวนนับหมื่นสายที่ฟายลงมารอบๆตัวราวกับปราสาทสายฟ้าขนาดยักษ์แสงสว่างจ้าที่มาพร้อมกับเสียงปะทะของเวทย์สายฟ้าและสายน้ำที่มีระดับสูงสุดของเกมส์สองบท


    เสียงกึกก้องดังสนั่นพร้อมๆกับแสงสว่างจ้า และพลังทำลายที่ล้างทุกอย่างโดยรอบให้กลายเป็นจุล คีนไม่มีทางเลือกนอกจากจะใช้ศิลาเวทย์มนต์ที่เตรียมไว้เหมือนจะรู้อยู่แล้วสร้างกำแพงเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาโดยมีมีน และทากะที่ไม่รู้มายืนอยู่ใกล้ๆตั้งแต่เมื่อไรถึงจะรู้อยู่ว่ารุนแรงแน่ๆแต่เขาประมาณผิดไปขั้นหนึ่งเพราะกำแพงเวทย์ที่เขามั่นใจว่าแม้กระทั่งบอสเฝ้าดันเจี้ยนยังตบไม่เข้าตอนนี้ถูกพลังเวทย์ที่แตกกระจายออกมาจากการปะทะอัดจนค่อยๆถอยหลังไปเรื่อยๆ


    ทากะ และและกุห์ฟานเห็นท่าไม่ดีจึงช่วยกันออกแรงดันร่างของคีนที่ร่ายกำแพงเวทย์ไม่ให้ถอยหลังแต่ทั้งสามคนต้องฝืนกันสุดชีวิตเพื่อไม่ให้ปลิวหายไปเพราะแรงอัด


    ผ่านไปอึดใจใหญ่แรงอัดค่อยๆน้อยลงพร้อมๆกับแสงที่ค่อยๆจางลงเผยให้เห็นสภาพอันราบเป็นน่ากลองของอดีตท่าเรือแห่งเวลเจ ร่างของเอเซยังคงยืนเอาดาบปักพื้นหอบจนตัวสั่นเขาพยายามกวาดสายตาหาคู่ต่อสู้แต่กลับไม่เห็นร่างของแม่ทัพเซราส ลางสังหรณ์ในกายมันกรีดร้องเอเซเงยหน้ามองขึ้นบนฟ้า


    แต่มันก็ช้าไปร่างของแม่ทัพเซรายพร้อมหอกสามง่ามสีทองในมือพุ่งเข้าใส่นักรบรับจ้างหนุ่มจากท้องฟ้าวินาทีดับจิดเอเซเบี่ยงตัวให้คมหอกพ้นหัวใจไปอย่างฉิวเฉียดแต่มันก็หลบไม่พ้นทั้งหมดเสียงหอกในมือแม่ทัพเซราสแหวกเนื้อบริเวณหน้าอกของเอเซจนทะลุลงไปกระแทกพื้นอย่างรุนแรง


    อ๊าก!!


    เสียงร้องอย่างเจ็บปวดจนเกือบจะถึงขีดสุดที่เกมส์กำหนดระดับไว้ถ้าเป็นผู้เล่นหน้าใหม่คงจะกลับโรงพยาบาลไปแล้ว แต่ผู้เล่นที่เล่นเกมส์นี้มาตั้งแต่โคลสเบต้ารู้ดีว่าถ้าตัวเขาทนถึงระดับไหนและนี่ก็เป็นโอกาสของเขาเช่นกัน
    “ไพ่ตายเขาต้องเก็บไว้ใช้ตอนจบสินะท่านแม่ทัพ”เอเซกัดฟันพูดกับแม่ทัพเซราสที่กำลังจะกระชากหอกกลับเพื่อโจมตีซ้ำสำหรับจบการต่อสู้หนนี้


    เอเซกำด้ามดาบเคลย์มอร์ของเขาแน่นแล้วสะบัดฟาดเข้าใส่สุดกำลังแต่คราวนี้ตัวดาบหลุดออกฝักจากตามที่เขาได้เตรียมไว้ในชั่วพริบตาก่อนที่จะถูกแทงปักอยู่กับพื้นเป็นผีเสื้อถูกจับตรึงเช่นนี้


    เวทย์สายฟ้าธรรมดาที่ถูกหน่วงไว้ในดาบแล้วเก็บในฝักดาบสำดำสนิทของเขาทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆตามระยะเวลาซึ่งตอนนี้มันแรงอยู่ในระดับสูงสุดของเวทย์สายฟ้าหรือก็คือพอๆกับ “คลาร่า คาเธทดรัล ฟูลเกอร์” เมื่อกี้นั่นเองแต่มันต่างตรงว่าขนาดมันไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้นแต่ในระยะที่เกือบจะเป็นศูนย์กับเวทย์ที่แรงระดับสุดยอดถูกฟาดใส่อย่างสุดกำลังต่อให้เป็นแม่ทัพเซราสเองก็ยากที่จะหลบพ้น


    ตูม!!!


    เสียงปะทะดังกึกก้องพร้อมกับร่างของแม่ทัพใหญ่แห่งรีเวเรียลอยดังนกปีกหักไปกระแทกพื้นนอนหายใจรวยริน เอเซกัดฟันกับความเจ็บปวดอีกครั้งกระชากตัวเองออกจากหอกสามง่ามสีทองที่ตรึงแน่นออกทางด้ามหอก


    เลือดทะลักออกมาตามบาดแผลราวกับท่อประปาแตก เอเซล้วงไปหยิบยารักษาบาดแผล และยาฟื้นพลังระดับสูงที่เตรียมไว้ฉุกเฉินสองขวดเปิดดื่มและราดลงบนบาดแผลเพื่อห้ามเลือด


    นักรบรับจ้าหนุ่มรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายเดินลากดาบเคลย์มอร์สีเงินเงาวับดุจกระจกคู่มือเดินตรงไป เอเซที่ตอนนี้แรงจะยกดาบยังไม่มีได้แค่เดินลากอาวุธคู่มือ ค่อยๆก้าวเข้าไปหาร่างของแม่ทัพเซราสที่นอนหายในรวยรินหวังจะจบการต่อสู้หนนี้ซักที


    ก่อนที่เอเซจะเดินไปถึงร่างของแม่ทัพหนุ่ม จู่ๆก็มังกรบินที่เจ้าหญิงแห่งรีเวเรียขึ้นไปขี่ตั้งแต่ก่อนเริ่มการต่อสู้ก็ถลาลงมาพร้อมกับร่างของหญิงสาวที่วิ่งร้องให้น้ำตานองหน้าเข้าไปกอดร่างที่ยับเยินไว้แน่นพร้อมกับมองมาทางเขา


    “ได้โปรดเถอะท่านเอเซอย่าทำร้ายเซราสมากไปกว่านี้เลย”


    “แล้วสิ่งที่พวกท่านทำกับพวกผมล่ะ?” เอเซเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ และมองร่างของทั้งสองด้วยสายตาว่างเปล่า แล้วเงื้อดาบขึ้นด้วยกำลังเฮือกสุดท้ายของเขา องค์หญิงแห่งรีเวเรียหลับตาพร้อมกับความรู้สึกที่มีอะไรบางอย่างที่ผ่านหน้าของเธอไปด้วยความเร็วสูง


    เคร้ง!!


    เสียงดาบในมือเอเซกระทบกับพื้นกับพื้นของท่าเรือตรงหน้าของเจ้าหญิงแห่งรีเวเรียที่น้ำตานองหน้า


    “งั้นก็ช่วยอย่ามายุ่งวุ่นวายกับรุ่นน้องของผมและเพื่อนของผมแบบนี้อีกละกันนะครับพวกเรามันแค่แคลนเล็กๆไม่มีอะไรน่าสนใจแคลนหนึ่งเท่านั้น”เอเซเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่เฉียบขาดพร้อมกับหันหลังกลับเรียกหน้าต่างยอมแพ้การต่อสู้ออกมาแล้วตอบตกลงง่ายๆ โดยไม่ใส่ใจข้อความของระบบที่แจ้งถึงสถิติที่ระบบได้บันทึกไว้เมื่อมองหน้าก็เห็นรุ่นน้องและสหายของเขาทั้งสามคนยืนยิ้มอยู่พร้อมๆกับปลอกดาบของเขา และหอกล้ำค่าของคู่ต่อสู้ของเขา


    “อย่างหล่ออ่ะเพื่อน ได้ข่าวแค่ยืนจะไม่ไหวอยู่แล้วนะ” คีนผิวปากชอบใจพร้อมกับเดินมาประคองโดยมีกุห์ฟานเดินข้ามาประคองอีกข้าง


    “พี่เกมส์อย่างเท่อ่ะทิ้งชัยชนะเพราะน้ำตาผู้หญิงพระเอกอ๊ะ”


    “อย่างกุหล่อบ้างพระเอกบ้างไม่ได้หรือไง?”เอเซถามออกมาจังหวะเดียวกับทากะที่เดินมารับดาบเคย์มอร์คู่ใจของเขาที่แทบจะถือไว้ไม่ไหวอยู่แล้วเก็บเข้าฝักแล้วถือไว้ให้ “มันจะดูดีกว่านี้ถ้าเพื่อนไม่เละเทะชนิดจะกลับโรงพยาบาลแหล่ไม่กลับโรงพยาบาลแหล่ และไม่ทำเวลเจพังฉิบหายทั้งเมืองแบบนี้”


    ทากะชี้ให้ดูท่าเรือที่ตอนนี้ราบเป็นหน้ากลองบ้านเรือนหายไปหมดเหลือแต่ทิวทัศน์โล่งๆพร้องซากปรักหักพัง น้ำในทะเลกลับสู้สภาพปกติแล้วแต่เรือทุกลำที่จอดไว้ในท่าอับปางลงทั้งหมดทั้งสี่คนมองรอบตัวๆแล้วมองหน้ากันเองไม่ต้องพูดอะไรกันมากสิ่งที่พวกเขาต้องทำให้เร็วที่สุดก็คือรีบหนีออกจากเมืองนี้ให้เร็วที่สุด!!!


    หลังจากทั้งสี่คนรีบชิ่งออกจากเวลเจ แล้วกลับมาสู้โลกปกติทุกคนต่างได้เห็นข่าวที่ทำให้ทั้ง 4คนต้องรีบติดต่อกันเองเพื่อนัดรวมตัวกันทันที


    ร้านอาหารญี่ปุ่นแบบบุฟเฟต์ใจกลางเมืองแห่งหนึ่งซึ่งตอนนี้ที่มุมร้านมีชายหนุ่มสี่คนนั่งกำลังก้มหน้าก้มตาดูเมนูสั่งหาอาหารราวกับตายอดตายอยากมาจากไหนก็ไม่รู้ พนักงานเสิร์ฟจดรายการอาหารที่พวกเขาทั้งสี่คนสั่งราวกับจะมากันซักสิบคน


    “กุบอกแล้วไงกุเบื่อปลาดิบแสรดดดด”คีนเป็นคนแรกที่เอ่ยปากขึ้นหลังจากพนักงานเสริฟเดินออกจากโต๊ะไป

    “ก็กุกะไอ้จ้อยจะกินอ่ะมีปัญหาอะไรมั๊ยฟายยย บอกเบื่อๆเมิงก็สั่งซะจัดเต็ม” ซีเกมส์ตอบกลับมาพลางยกแก้วชาเขียวขึ้นดื่ม

    “FIO จะปิด SV ยาวเพื่ออัพแพทซ์ใหม่นี่มันจะอัพอะไรบ้างวะ แก้ระบบใหม่นี่เมิงนั่งศึกษากันหน้ามืดเลยนาเหวย”จ้อยที่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้เอ่ยออกมาลอยๆ

    “เห็นข่าวที่หลุดออกมาคร่าวๆก็คือเพิ่มระบบสัตว์เลี้ยง ขยายแผนที่ เพิ่มภารกิจและมอนสเตอร์ใหม่ๆน่ะพี่” มีนตอบคำถามลอยๆของรุ่นพี่ตรงหน้า

    “ภารกิจเก่ายังไม่เคลียร์แถมทำเมืองเขาพังอีกเปิด SV คราวนี้แคลนเรามีเรื่องทำยาวเป็นหางว่าวแหงๆ ที่แน่ๆ... รีเวเรียกับเวลเจนี่เลิกหวังที่จะเดินลอยหน้าลอยตาเข้าไปซื้อของล่ะนะ” จ้อยถอนหายใจ

    “นั่นสิไอ้เกมส์แม่งทำเมืองเขาพัง แม่งเลวชิบหายเลยอ่ะ” คีนพูดปนหัวเราะ

    “อย่าไปแคร์ เราไม่ได้เปิดนี่หว่า” ซีเกมส์ตอบด้วยน้ำเสียงไม่สนใจใยดี

    “ไม่ได้เปิดแต่เมิงนี่สุมไฟเต็มเหนี่ยวเลยนะเว้ยฮ่าๆ” คีนยังไม่หยุดหัวเราะ

    “ถุย!! ทำเป็นพูดดีเหมือนว่าเมิงสองคนนี่ไม่ได้ทำเลยเนอะ” ซีเกมส์มองไปยังจ้อย และคีน รวมไปถึงมีนที่หัวเราะแหะๆด้วย

    “อย่าไปแคร์ เราไม่ได้เปิดนี่หว่า” ทั้งสามคนต่างพูดขึ้นมาพร้อมๆกัน

    “เกรียนว่ะแสรดดดด” ซีเกมส์สบถแล้วทั้งสี่ก็หัวเราะออกมาเหมือนคนบ้าทำเอาพนักงานเสิร์ฟรวมถึงลูกค้าในร้านต่างหันไปมองโต๊ะของทั้งสี่เป็นตาเดียวกัน

    จบFantasy Inside Online Story บทที่ 6 : ปะทะ

    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

    จากใจคนเขียน
    บทนี้คงเป็นบทจบแบบปาหมอนสุดๆของฟิครับสมัครเรื่องนี้ ไม่รู้ว่ามันเป็นอาถรรพ์อะไรเปิดฟิครับสมัครทีไร จบไม่สวยซักเรื่องยังไงก็ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคนที่ติดตามกันมา และต้องขอโทษทุกท่านด้วยที่เสียเวลาสมัครกันมาแล้วต้องมาปาหมอนจบแบบนี้ ต้องขออภัยอีกครั้งในความอ่อนด้อยของคนเขียนจริงๆ

    นักเดินทางแห่งมิดการ์ด
    12/07/2555
  19. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    สุดท้ายมันก็เขียนจบจนได้
    ทวงเช้า ทวงเย็น

    ถึงจะปาหมอน อย่างน้อยก็ถือว่าเขียนจบจนได้




    เจอกันใหม่เมื่อ.......sv เปิดละกัน (ยังจะเขียนต่ออีกเรอะ!?)
  20. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    น่าเสียดายที่สั้นไปหน่อย แต่จบได้ก็ดีแล้วล่ะนะ >_<
  21. Ryuto

    Ryuto 終わる道、始まる夢

    EXP:
    964
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    88
    ปาหมอนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

    สรุปไอ้ภารกิจตอนท้ายนี่ก็บ่มีรายละเอียดสินะพี่จ้อย

    เป็นการเปิดการปะทะ? ที่ เอื่ม ............

    อ่านตั้งแต่ที่ทำงานกลับมาบ้านเพิ่งอ่านจบ หนุกนะพี่ ไม่น่าตัดจบ

    สงสัยหมดมุก 5 5 5 5+

Share This Page