[ฟิครับสมัคร] School Labyrinth บทเรียนที่ 7

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย taleoftrue, 2 กันยายน 2011.

  1. shinkyoto

    shinkyoto Well-Known Member

    EXP:
    580
    ถูกใจที่ได้รับ:
    3
    คะแนน Trophy:
    88
    love and peace

    ช่างเป็นพลังที่น่ากลัวจริงๆ (คงไม่ได้ทำควันรูปสันติภาพตอนพูดด้วยหรอกนะนั่น?)

    ให้กลุ่มผู้กล้ามาเจอศึกใหญ่(?)ตั้งแต่ต้นเรื่องเลย จะโหดไปไหมครับเนี่ย?

    เรื่องตัวละคร ถ้าคนอย่าง vinz ผ่านการพิจารณาได้ก็นำไปใช้เลยน่อ
  2. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    เรื่องชื่อตัวละครเดี๋ยวคงต้องขอเปลี่ยนด้วยเพราะ "วินซ์" กับ "วินด์" คล้ายกันเกินไปหน่อย เดี๋ยวคงเปลี่ยนไปใช้เป็น "วินเซนต์" แทนนะครับ
  3. sumiyo

    sumiyo Vincent4ever!!!

    EXP:
    267
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    18
    เรื่องประกวดอนุญาตนำไปใช้ได้เต็มที่เลยค่ะ! ></

    รู้สึกเหมือนเป็นตัวถ่วงยังไงไม่รู้สิเรา มีแต่พลังรักษา ยืนดูเค้าสู้กันตาปริบๆ.... TvT
  4. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    บทเรียนที่ 4 – กำลังเสริม

    ท่าม กลางหมอกควันสีฟ้าที่ลอยคลุ้งไปทั่วนั้น กลับปรากฏเปลวเพลิงสีแดงฉานกำลังลุกไหม้สิ่งที่เคยมีรูปร่างของมนุษย์ซึ่ง กำลังบิดเบี้ยวไปด้วยความร้อนจนกระทั่งกลายเป็นเพียงเถ้าธุลีไปในเพียงเวลา ชั่วอึดใจ

    "โอ๋ ไหม้หมดซะแล้ว น่าเสียดายๆ”

    น้ำเสียงของหมอนั่นยังดูยียวนไม่เปลี่ยน ยิ้มกวนประสาทนั่นก็ด้วย

    ..แต่เดี๋ยวฉันจะทำให้มันหุบปากเอง!

    "ปัง!"

    ลูกตะกั่วหมุนเกลียวทิ้งไว้เพียงรอยยาวไว้กับกลุ่มควันเบื้องหลังก่อนเสียงร้องจะดังขึ้นพร้อมกับคำสบถซึ่งมีน้ำเสียงต่างออกไปจากเดิม

    ชาย คนนั้นกำใบหูข้างหนึ่งไว้แน่นในขณะที่ของเหลวสีแดงยังคงซึมผ่านซอกนิ้วออกมา อย่างช้าๆ แววตาถมึงทึงจับจ้องผ่านม่านควันไปยังอีกฟากหนึ่งของห้องมองหาตัวต้นเหตุของ ความเจ็บปวดที่เขาได้รับ

    "เฮอะ พลาดไปหน่อย”

    เมื่อ กลุ่มควันเบาบางลงเบื้องหลังนั้นคงมีม่านเกราะโปร่งใสซึ่งเพจส์สร้างเอาไว้ ปกป้องคนของสีขาว และในบรรดากลุ่มคนเหล่านั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยท่าทีสงบ นิ่งโดยมีตุ๊กตาสีขาวถือปืนจิ๋วกระบอกยาวยืนอยู่บนศีรษะของเธอ

    "จะยิงอีกนัดแล้วนะ ยืนนิ่งๆล่ะแมรี่”

    ช็อต ตี้ลั่นไกปืนอีกครั้งทว่าคราวนี้คมกระสุนกลับถูกการ์ดเข้ามาขวางเอาไว้ได้ ช็อตตี้ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอแต่ก็ยังคงตั้งท่าเล็งรอจังหวะยิงอีกครั้ง

    "เป็นอะไรมากมั้ยคะ?"

    แม รี่ถามขึ้นโดยไม่ได้หันกลับไปมองพวกเพจส์ที่กำลังรับการปฐมพยาบาลอยู่ด้าน หลัง พวกเขาแทบจะไม่มีร่องรอยบาดเจ็บบนร่างที่ควรจะได้รับเพราะก่อนที่พวกเขาจะ ถูกควันสีฟ้าพวกนั้นเผาทั้งเป็นแมรี่ก็ได้ใช้ความสามารถของเธอสลับตำแหน่ง ของพวกเขากับตุ๊กตาตัวแทนเสียก่อน

    "ว่าแต่... จะทำยังไงกันต่อดีล่ะคะ?"

    ตั้งแต่ เมื่อครู่คนๆนั้นก็เอาแต่บ่นพึมพำเสียงดังด้วยเนื้อหาที่เธอไม่เข้าใจ ที่แน่ๆท่าทีนั้นดูไม่น่าไว้ใจจนเธออยากจะไปให้ไกลๆแต่ในสภาพที่ถูกควันสี ฟ้าล้อมไว้ซะทุกด้านแบบนี้เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะหนีไปได้อย่างไร

    "ถ้าทำอะไรไม่ได้ก็คงต้องยอมทำตาม..."

    "จะบ้าหรือไงยะ! ขืนยอมทำตามพวกมันก็ไม่พ้นตายทั้งเป็นหรอกย่ะ”

    "แต่พวกเราตอนนี้ก็หมดทางรับมือแล้วจริงๆนั่นล่ะค่ะ”

    "เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ”

    เม ลพูดแทรกขึ้นมาระหว่างทุกคนกำลังถกเถียงกันอยู่พร้อมกับชูมือถือที่หน้าจอ ส่องสว่างอยู่ขึ้นมาให้ทุกคนเห็น ภายในนั้นมีเพียงข้อความสั้นๆเพียงประโยคเดียวซึ่งมีใจความว่า...

    [มาถึงแล้ว]

    ทัน ใดนั้นเสียงฮือฮาของคนรอบข้างพลันดังขึ้นจนพวกเขาต้องหันไปมองและภาพที่เห็น นั้นก็คือกลุ่มควันสีฟ้าภายนอกเขตป้องกันนั้นกำลังม้วนวนจนดูราวกับพายุขนาด เล็กก่อนที่กลุ่มควันทั้งหมดนั่นจะถูกกระแสลมที่ม้วนวนนั้นเองหอบพัดขึ้นไป ด้านบนจนหมด

    “ค่ำคืนมืดมิดยากปิดเร้นประกายแสง สายลมแรงไม่อาจขวางกั้น...”

    แสงไฟในห้องดับมืดลงเหลือเพียงแสงสว่างซึ่งสาดส่องเข้ามาภายในห้อง ทว่าก็ถูกเงาร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งบดบังไว้

    “..เงาจันทร์หลอกหลอนมิสั่นคลอนให้ไหวหวั่น พิชิตวันคืนหมองหม่นให้มลายสิ้น...”

    เงาร่างนั้นชี้ไปยังคนทั้งสามที่อยู่กลางห้อง

    “....ด้วยนามแห่งผีเสื้อพิทักษ์ธรรม อาเกฮะผู้นี้จะกำราบเหล่าอีกาชั่วช้าให้สิ้นซากเอง!”

    สิ้น คำแสงสว่างก็เริ่มแจ่มชัดขึ้นจนสามารถมองเห็นเจ้าของเงาร่างนั้นได้ เธอเป็นหญิงสาวผิวขาวนวลตัดกับริมฝีปากชมพูระเรื่อ ส่วนเรือนผมดำขลับนั้นยาวสลวยจนเกือบถึงเอว

    “เฮ้อ... ยัยนั่นอีกแล้ว” พอเห็นผู้ปรากฏตัวมาใหม่ช็อตตี้ก็ถึงกับถอดถอนหายใจ

    “โว้ย! เดี๋ยวไอ้โน่นมาไอ้นี่มาน่ารำคาญจริงว้อย!”

    พร้อม กับเสียงตะโกนดังขึ้นแลนซ์กับการ์ดก็พุ่งตรงเข้าหาหญิงสาวทันทีทว่าเธอยังดู ใจเย็นไม่ร้อนรนอะไร เธอเพียงถอยหลังทิ้งระยะห่างออกมาในขณะหยิบพัดเล่มหนึ่งออกมาถือไว้ในมือ

    “แหม มาพร้อมกันแบบนี้คงต้องขอเรียกผู้ช่วยบ้างแล้วสิ”

    เธอ หุบพัดในมือก่อนที่มันจะขยายขนาดขึ้นแล้วใช้มันฟาดปัดปลายหอกที่พุ่งมายังตน ออกไป ในเวลาเดียวกันก็ปรากฏลูกเหล็กขนาดใหญ่ลูกหนึ่งพุ่งเข้ามากระแทกใส่การ์ดจน เขาถูกผลักถอยออกไป เมื่อมองไล่ตามสายโซ่ซึ่งคล้องติดลูกเหล็กไว้นั้นก็พบรูคยืนอยู่ไม่ไกลจาก ตรงนั้นนัก

    “รีบร้อนนำหน้ามาก่อนคนเดียวเดี๋ยวก็พลาดท่าศัตรูจนได้หรอก อาเกฮะ”

    “กรณีฉุกเฉินนี่คะ ขืนรอเคลื่อนพลกันมาถึงสีขาวก็คงโดนเก็บกวาดราบคาบแล้วล่ะคะ”

    อา เกฮะรับมือการจู่โจมของแลนซ์โดยไม่ยี่หระแต่อย่างใด จนเมื่อเธอปัดรับการจู่โจมของฝ่ายตรงข้ามอีกครั้งเธอก็อาศัยแรงปะทะถอยฉาก ทิ้งระยะห่างออกมาพร้อมกับคลี่พัดเล่มโตออกตั้งท่าออกแรงพัดเต็มที่พลันเกิด กระแสลมแรงพวยพุ่งออกมาราวกับระเบิด แรงลมนั้นมากเสียจนพัดเอาร่างของชายทั้งสามให้ลอยคว้างขึ้นกลางอากาศ

    คราว นี้หญิงสาวพลิกด้านพัดแล้วเปลี่ยนเป็นโบกจากบนลงล่างเปลี่ยนการเคลื่อนไหว ของกระแสอากาศที่เกิดขึ้นในพริบตาทำให้คนทั้งสามถูกแรงลมอัดกระแทกเข้ากับ พื้นอย่างจัง

    “คิก.. เสียท่าง่ายๆแบบนี้คงเป็นพวกทหารเลวถูกส่งมาดูท่าทีกระมังคะ”

    “ว้อย! ยัย.. อุ๊ก!” ก่อนคำหยาบคายจะทันได้หลุดออกจากปากลูกเหล็กก็ถูกหญิงสาวฟาดลอยละลิ่วเข้ากระแทกท้องตัวการจนจุกลงไปกองอีกครั้ง

    “ไม่ดีไม่เอาค่ะ สุภาพบุรุษมาเรียกสุภาพสตรีว่า 'ยัย' เนี่ยไม่มีสาวที่ไหนอยากเสวนาด้วยหรอกนะคะ”

    เธอ ทำท่ายิ้มแย้มสั่งสอนซะเหมือนอาจารย์สอนเด็ก แต่พอเห็นแลนซ์กับการ์ดลุกขึ้นมาได้อีกครั้งอาเกฮะก็เปลี่ยนมาตั้งท่าพร้อม รับมือ คราวนี้กระแสลมถูกม่านพลังจากโล่กั้นเอาไว้ได้แต่ก็ไม่นานนักเพราะรูคพุ่ง ตามเข้าไปติดๆพร้อมกับใช้ดาบที่มีรูปร่างเหมือนเข็มนาฬิกาฟันม่านจนเกิดรอย แยก จังหวะนั้นเองกระแสลมก็พัดแทรกเข้าไปตามรอยแยกและหอบร่างของคนทั้งสองขึ้นไป อีกครั้ง

    “นีดเดิล! ถ่ายโอนแต้มให้เรียบร้อยแล้ว จับตัวทั้งคู่ไว้ก่อนครับ”

    ทันที ที่ถูกเรียกนีดเดิลก็พุ่งตัวออกจากเกราะกำบังพร้อมกับปาเข็มซึ่งมีเส้นด้าย ร้อยติดอยู่ออกไปหลายเล่ม พวกมันเคลื่อนไหวเข้าไปล้อมมัดร่างทั้งสองเอาไว้ราวกับงูพุ่งเข้ารัดเหยื่อ ก่อนจะดึงทั้งคู่ลงสู่พื้น จากนั้นเข็มชุดที่สองก็พุ่งตรงไปหาอีกระลอกแล้วยึดร่างเป้าหมายไว้ให้ติดกับ พื้นเสียแน่นหนาจนขยับไม่ได้

    “มาช่วยทันเฉียดฉิวเลยนะคะรูค”

    “ขอโทษนะ ความสามารถหมอนี่รับมือยากน่าดูเหมือนกันเลยเสียเวลาตามคนที่รับมือได้มานี่ล่ะ”

    คน ทั้งสามล้อมกรอบคนของราเว่นเอาไว้ แต่จู่ๆชายคนนั้นก็หัวเราะขึ้นมาราวกับคนเสียสติจนคนรอบข้างต่างสับสนกับ พฤติกรรมนั้น ก่อนที่จะไหวตัวทันชายคนนั้นก็พ่นควันออกมาบดบังตัวเองเอาไว้ อาเกฮะรีบพัดกลุ่มควันออกไปในทันทีแต่เมื่อควันจางหายไปสิ่งที่เหลืออยู่ก็ มีเพียงพื้นห้องที่ถูกเจาะเป็นรูด้วยสภาพที่เหมือนกับถูกละลายด้วยฝีมือของ อะไรบางอย่าง

    “หยุดก่อน.. พวกนั้นอาจรอดักเล่นงานอยู่ก็ได้”

    อาเกฮะทำท่าไม่พอใจนิดหน่อยที่โดนห้ามแต่เธอก็เลิกคิดตามศัตรูไปตามคำเตือน

    “ปลอดภัยกันดีหรือเปล่าครับ นีดเดิล”

    “ส่วนใหญ่พาหนีกันทันแต่ก็บาดเจ็บกันไม่น้อยน่ะค่ะ แล้วก็มีคนที่หนีไม่ทัน...”

    พอ คิดถึงสมาชิกกลุ่มที่เพิ่งตายไปเธอก็พาลพูดอะไรไม่ออก ควันนั่นเผาร่างผู้เคราะห์ร้ายเสียจนไม่เหลือแม้พวกเธออยากจะกลบฝังร่างให้ ตามพิธีก็ไม่อาจทำได้ แม้คนอื่นๆอาจจะมองว่าเป็นเรื่องแปลกแต่ทุกคนในกลุ่มสีขาวต่างไม่อยากเห็น ความตายของผู้คนรอบตัวเป็นเพียงเรื่องธรรมดาจนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับมัน

    อาจ จะเพราะคนที่มีความสามารถสายสีขาวมักจะมีนิสัยชอบช่วยเหลือคนอื่นและไม่อาจ นิ่งดูดายกับชีวิตคนได้แบบนี้ล่ะมั้งถึงทำให้เธอคิดก่อตั้งกลุ่มสีขาวนี่ ขึ้นมา..

    “ไม่เป็นไรแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงกันนะคะ”

    หลัง จากพักสงบใจได้นีดเดิลก็ลุกไปดูอาการคนเจ็บพร้อมกับพวกเพื่อนๆ ปริมาณแต้มที่รูครับมาส่งต่อให้พวกเธอนั้นมีมากพอที่จะแจกจ่ายให้สมาชิก กลุ่มใช้รักษาคนเจ็บอื่นๆได้โดยไม่มีปัญหา ตอนนี้เธอจึงหันมาใช้เวลาตรวจสอบอาการของแลนซ์กับการ์ดที่ตอนนี้ยังคงไม่ได้ สติขึ้นมาเลยหลังจากการต่อสู้เมื่อครู่

    “หัว หน้าคะผลการตรวจดูเหมือนว่าอาการของทั้งคู่จะเป็นผลของฤทธิ์ยาบางอย่างไม่ ใช่ความสามารถประเภทควบคุมจิต ถ้าคิดเทียบกับความสามารถของที่มาบุกคราวนี้แล้วก็เป็นไปได้ว่าคนๆนั้นจะมี ความสามารถในการสร้างยาหลอนประสาทด้วย แต่ว่า...”

    “ถึงสมาชิกในกลุ่มเราจะมีคนที่ถอนพิษได้ แต่ก็ไม่มีใครมีความรู้เรื่องยาจริงๆสินะ...”

    พอได้ฟังคำอธิบายจากสมาชิกของสีขาวที่มีหน้าที่ตรวจดูอาการแต่ละคนก็พากันทำหน้าเครียด

    “แย่ล่ะสิ สองคนนี้เป็นกำลังสำคัญตอนสู้กับฟุลมูนซะด้วยสิครับ”

    “ถ้าพูดถึงเรื่องยาก็ต้องหมอนั่นไม่ใช่หรือไง”

    “อุ๊ย เสียงนี้คุณช็อตตี้สินะคะ ไม่ได้เจอกันตั้งนานตัวเล็กลงไปเยอะเลยนะ”

    “หุบปากไปเถอะน่ายัยปากมากนี่”

    “แหม~ ดิฉันอุตส่าห์ทักทายด้วยความคิดถึงนะคะ”

    “เงียบทั้งคู่นั่นล่ะ! ตอนนี้ไม่ใช่เวลามานั่งเสียเวลาเถียงกันหรอกนะครับ”

    รู ครีบเข้าไปห้ามทัพไม่ให้ช็อตตี้กับอาเกฮะต่อปากต่อคำกันจนบานปลาย แต่ดูเหมือนทั้งคู่จะไม่ลดราวาศอกเล่นแข่งจ้องตากันต่อแทนถึงแม้จะยอมเงียบ กันแล้วก็เถอะนะ

    “ที่พูดถึงเมื่อกี้หรือว่าคุณช็อตตี้หมายถึงใครกันเหรอคะ?”

    เพจส์เป็นฝ่ายถามขึ้นมาบ้างเพราะสงสัยเรื่องที่ช็อตตี้พูดค้างเอาไว้

    “หมอนั่นไงยะ เจ้าคนพิลึกที่ชอบเก็บตัวอยู่ในดงต้นไม้นั่นน่ะ”

    “จริงด้วยสิคะ ถ้าเป็นคนๆนั้นล่ะก็คงไม่มีปัญหาหรอกค่ะ”

    “ปัญหาน่ะอยู่ที่ว่าเราจะมีค่าจ้างพอจ่ายให้หรือเปล่าน่ะสิจ๊ะนีดดี้”

    “เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง พิ้งกี้แบงค์ให้แต้มมาเยอะเหลือเฟือเลยล่ะ”

    “ปัญหาคือใครจะไปติดต่อกับเขาสินะคะ คุณด็อกเตอร์ขึ้นชื่อว่าเกลียดเรื่องยุ่งยากสุดๆซะด้วยถ้าไม่ไปติดต่อเองตรงๆคงไม่ยอมมาแน่ๆ”

    พูดจบต่างคนต่างพากันถอนหายใจเฮือกใหญ่จนแมรี่ได้แต่งงจับต้นชนปลายกับเรื่องที่ทุกคนพูดถึง จนเมลสังเกตเห็นนั่นล่ะถึงได้อธิบายให้ฟัง

    “คือ งี้นะแมรีรี่ ด็อกเตอร์ที่พูดถึงกันนี่น่ะเป็นคนที่มีความสามารถรักษาระดับพอๆกับนีดดี้ เลยล่ะ ถึงจะรักษาไม่เร็วเท่านีดดี้ก็จริงแต่รักษาได้รอบด้านสุดๆล่ะนะ”

    “แต่คุณด็อกเตอร์น่ะเป็นคนเกลียดเรื่องยุ่งยากอย่างที่พูดนั่นล่ะค่ะ ก็เลยปลีกตัวไปอยู่คนเดียวไม่ค่อยคบหาสมาคมกับใครสักเท่าไหร่”

    “เอา เป็นว่าฉันจะไปติดต่อเขาเอง อาเกฮะเธอช่วยอยู่คุ้มครองคนที่นี่ต่อก็แล้วกัน รบกวนจัดการเรื่องเตรียมสถานที่จัดตลาดใหม่ด้วยล่ะที่นี่คงไม่ปลอดภัยเท่า ไหร่แล้ว ส่วนเรื่องแจ้งข่าวให้เมลกับรันเนอร์ช่วยก็แล้วกัน”

    รูคสรุปเรื่องให้รวบรัดพลางแจกแจงหน้าที่ให้สมาชิกกิลด์แต่ละคนเสร็จสรรพ

    “ถ้า จะไปติดต่อล่ะก็ พาคนมาใหม่อย่างคุณแมรี่ไปด้วยก็ดีนะคะ เคยได้ยินมาว่าด็อกเตอร์น่ะชอบวิเคราะห์ความสามารถที่มีลักษณะแปลกๆอยู่ ถ้าเป็น'วูดูดอล'ของคุณแมรี่ล่ะก็อาจจะสนใจก็ได้ค่ะ”

    “อืม.. แต่ฉันคนเดียวถ้าโดนราเว่นโจมตีเข้าคงคุ้มกันเด็กใหม่ไม่สะดวกเท่าไหร่...”

    “มีฉันอีกคนย่ะ เดี๋ยวนี้ขึ้นเป็นฝ่ายบริหารแล้วหัดมองข้ามหัวคนอื่นหรือไงยะนายหัวกะลาครอบ”

    “ตัวกระจิดริดแค่นั้นให้คนอื่นช่วยปกป้องดีกว่ากระมังคะ?”

    “เงียบน่า!”

    “เอ่อ.. แค่ฉันกับช็อตตี้ก็ได้ค่ะ ถ้าเพจส์อยู่ที่นี่น่าจะช่วยอะไรได้เยอะกว่ามั้งคะ”

    แมรี่ที่นั่งเงียบมานานเสนอความเห็นแบบกล้าๆกลัวๆ แต่ในเมื่อพูดออกไปแล้วก็เลยได้แต่รอคำตอบจากคนอื่น

    “เห็นเงียบมาตั้งนาน เริ่มเสนอความเห็นเองเป็นแล้วนี่ยะ แบบนี้ค่อยเข้าท่าหน่อย”

    “ใน เมื่อมั่นใจว่าไหวก็คงต้องให้ช่วยคุ้มครองตัวเองด้วยแล้วกันครับ เดี๋ยวเราจะเริ่มออกเดินทางกันเลยถ้าอยากได้อะไรก็รีบไปหาซื้อก่อนเถอะ”

    แต้ม จำนวนหนึ่งถูกโอนมาให้กับแมรี่ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปจัดการเรื่องตาม หน้าที่ตัวเอง หลังจากหญิงสาวจัดเตรียมของสำหรับเดินทางเรียบร้อยแล้วเธอก็รีบมาพบกับรู คซึ่งยืนคอยอยู่

    “ถ้าพร้อมแล้วก็ออกเดินทางเลยเถอะครับ กว่าจะถึงที่หมายคงต้องใช้เวลาเดินทางมากอยู่”

    เมื่อตกลงกันเรียบร้อยสมาชิกสองคนกับอีกหนึ่งตุ๊กตาก็เริ่มออกเดินทางกันสู่จุดหมายถัดไป

    ______________________________

    Omake

    เมล : นี่ๆ อาเกจจี้
    อาเกฮะ : ชื่อเล่นอะไรกันคะนั่น...
    เมล : ที่จริงตอนที่ 4 นี่เป็นเวลากลางวันไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนอาเกจจี้ออกมาถึงมืดได้ล่ะ
    อาเกฮะ : แหม~ ตัวเอกจะปรากฏตัวทั้งทีก็ต้องอลังการหน่อยสิคะ ดิฉันก็เลยใช้ความสามารถตัวเองทำลูกเล่นนิดหน่อยไง
    เพจส์ : จะว่าไปความสามารถของคุณอาเกฮะเป็นอะไรเหรอคะ
    อาเกฮะ : เรื่องนั้น..
    อาเกฮะ : เป็น-ความ-ลับ-ค่ะ
    เมล : อ้าว ไหงงั้นล่ะอาเกจจี้
    อาเกฮะ : ลูกผู้หญิงก็ต้องมีความลับบ้างไว้บ้างจะได้ดูลึกลับมีเสน่ห์น่าค้นหายังไงล่ะคะ
    อาเกฮะ : แต่ถ้าช่วยเลิกเรียกดิฉันด้วยชื่อเล่นแบบนั้นจะดีมากเลยล่ะค่ะ
    เมล : งั้นก็เอาเป็น 'อามาเกดดี้' ดีมั้ย?
    อาเกฮะ : ไปกันใหญ่แล้วค่ะ...


    -------------------------------------------------
    ปรับ font ให้ครับ - Azemag McDowell
    -------------------------------------------------
    ManaswinPipatponglert ถูกใจสิ่งนี้
  5. Jammaster

    Jammaster New Member

    EXP:
    26
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    3
    อ่านละ ตอนนี้ผมว่ารีบออกตัวละครใหม่ไปนิดนึง+ห่างจากตอนเก่านานเลยทำให้เกิดอาการจำไม่ได้ไปบ้าง แต่ปริมาณของตอนกำลังดีแล้วครับแถม omake ซะด้วยตอนนี้
    ยอมรับว่าเปิดตัวละครได้น่าสนใจดีตอนนี้ มีคำถามนิดหน่อยคือ ฝั่งสีขาวมักเป็นความสามารถในการช่วยเหลือเลยทำให้ไม่ค่อยมีคนที่มีพลังสายต่อสู้มาเท่าไหร่ แล้วเหตุผลของคนพลังสายต่อสู้ที่เข้ากลุ่มสีขาวละครับ ?
  6. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    เป็นตอนต่อยอดจากคราวก่อนที่สถานพยาบาลถูกก่อกวนสินะ...นานจนเกือบลืมแน่ะ
    และเอซก็จืดจางจนไม่มีบทไปจริงๆด้วย OTL


    ปล.มีบริการส่งแต้มแบบเดลิเวอรี่ด้วยแฮะ
  7. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    กลุ่มสีขาวไม่ได้มีแต่สีขาวเพียวๆซะทีเดียวครับ ส่วนใหญ่จะเป็นประเภทที่ความสามารถมีส่วนผสมของสีขาวอยู่ด้วย

    เช่น นีดเดิล เป็นสีเหลืองนวล (ผสมระหว่าง ขาว กับ เหลือง)

    ส่วนเรื่องแต้มเรียกว่าเป็นค่าแลกเปลี่ยนสารพัดประโยชน์ของเรื่องเลยก็วาาได้ เพราะใช้ได้ทั้งจ่ายใช้พลัง, แปรสภาพเป็นของใช้ดำรงชีพ, เจรจาแปลกเปลี่ยนกับคนอื่นๆ ฯลฯ
  8. shinkyoto

    shinkyoto Well-Known Member

    EXP:
    580
    ถูกใจที่ได้รับ:
    3
    คะแนน Trophy:
    88
    นานมากทิ้งช่วงไป (แต่ไม่ลืมเพราะเข้ามาเช็กประจำ)

    สาวใหญ่ออกมากู้วิกฤิต หนุ่มเกรียนหลบเข้าฉาก สาวซื่อจะทำอย่างไรต่อไป อ่าน่าติดตาม น่าติดตาม อ้างงงง....
  9. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    บทเรียนที่ 5 – อีกา

    "สภาพดูไม่จืดเลยนี่หว่า วินเซนต์”

    ภายในห้องเรียนเล็กๆชายที่บุกเข้าไปโจมตีกลุ่มสีขาวกำลังถูกจับจ้องจากดวงตา หลายคู่ หนึ่งในนั้นคือชายร่างโตร่วมสองเมตรผู้มีรูปร่างบึกบึนราวกับยักษ์

    "มัวแต่เล่นจนเสียเรื่องนี่นา ให้ผมไปจัดการซะก็สิ้นเรื่อง”

    ข้างๆ ชายร่างใหญ่นั้นเด็กหนุ่มผมยาวท่าทางผอมซีดกล่าวด้วยท่าทางอวดดี แต่ฝ่ายคนถูกกล่าวถึงก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรออกมานอกจากแววตาโกรธเคือง

    "พอได้แล้วออร์เกร, ยาเรฟ ไม่ใช่เวลามาทับถมความผิดพลาดคนอื่นหรอกนะ”

    เสียงหญิงสาวเอ่ยขัดอย่างเฉยชาเหมือนไม่ใส่ใจจะห้ามแต่อย่างใด

    "กลุ่มราเว่นของเราน่ะขาดสีขาวมานานแล้ว ถึงต้องส่งวินเซนต์ไปชิงตัวคนของสีขาว.."

    "แต่ก็พลาด”

    ยาเรฟเอ่ยแขวะพลางหันไม่รู้ไม่ชี้เมื่อถูกหญิงสาวจ้องเขม็งไปหา เธอถอนหายใจเล็กน้อยกับท่าทีของเด็กหนุ่มแต่ก็เลิกสนใจแล้วพูดต่อไป

    "ตอน นี้พวกกิลด์คงวางกำลังคุ้มกันเพิ่มแล้วถึงบุกเข้าไปอีกครั้งก็คงเสียแรง เปล่า อีกอย่างแผนลอบโจมตีกองสำรวจของกิลด์เองก็สำเร็จดีหัวหน้าคงไม่ใส่ใจเท่า ไหร่”

    "จริงสิพี่เฮล ตอนโจมตีทีมสำรวจน่ะพี่เป็นคนไปเจรจากับหัวหน้าของสเลเยอร์ที่มาด้วยใช่มั้ย”

    "ดูลังเลอยู่ก็จริงแต่ก็ขึ้นกับเวลาเท่านั้นล่ะนะ”

    เธอตอบแบบไร้ท่าทีสนใจเช่นเคยพลางหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาดูรายชื่อภายในนั้น

    "ตอน นี้พวกเราต้องการผู้รักษาโดยด่วน แต่ส่วนใหญ่ก็ไปอยู่กับกลุ่มสีขาวซะหมดแล้ว ถึงจะมีหลุดออกไปนอกกลุ่มอยู่บ้างแต่พวกนั้นก็คงไม่สนใจจะร่วมมือกับเรานัก หรอก ส่วนพวกที่เพิ่งเข้ามาใหม่ก็นานเกินไปกว่าจะใช้การได้เพราะงั้นตัดทิ้งไปได้ เลย”

    เฮ ลจัดการขีดฆ่าชื่อคนที่ไม่เข้าข่ายออกไปทีละคน หลังจากผ่านไปพักหนึ่งรายชื่อบนนั้นก็เหลือเพียงไม่กี่ชื่อ แต่เมื่อดูรายชื่อที่เหลือแล้วก็ยังไม่ค่อยมีตัวเลือกที่น่าพอใจเท่าไหร่นัก

    "เห~ ด็อกเตอร์? ดูชื่อแล้วน่าจะใช้การได้นี่ครับ แถมเลเวลก็สูงด้วยอีก”

    ยา เรฟที่ชะโงกหน้าไปดูรายชื่อในสมุดเอ่ยทักชื่อหนึ่งที่เหลืออยู่บนนั้น แต่พอพูดจบเขากลับได้ยินเสียงถอนหายใจของเฮลกับออร์เกรดังขึ้นมาจนเด็กหนุ่ม สงสัยกับอาการที่ทั้งคู่แทบจะไม่แสดงออกให้ใครเห็น

    “คนๆนั้น.. ฝีมือก็ดีอยู่หรอก แต่นิสัยน่ะเกินรับมือไหวแล้วล่ะนะ”

    “ข้าไม่เอาด้วยนะเว้ย ไปเจอหมอนั่นสู้ฝ่าพวกกิลด์ไปฉุดสีขาวมาซักคนยังง่ายกว่าจมว่ะ”

    “ถ้ามีปัญหานักแค่จับมารมควันก็เรียบร้อยแล้วนี่พี่เฮล”

    “สโมกกิ้งเฮฟเวนใช้กับด็อกเตอร์ไม่ได้ผลหรอก”

    หญิง สาวส่ายหน้าพร้อมคำตอบแต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรมากกว่านั้นก่อนจะหันไปพูดกับ วินเซนต์ที่นิ่งเงียบเป่าควันผ่านกล้องยาสูบเหมือนหลุดเข้าโลกส่วนตัวไป เรียบร้อยแล้ว

    “เอาเป็นว่าฉันกับวินเซนต์จะไปรายงานผลกับบอสก่อน ส่วนยาเรฟกับออร์เกรพวกเธอสองคนไปจัดการหาผู้รักษาตามรายชื่อที่เหลือก็แล้วกัน”

    พอส่งสมุดบันทึกให้กับยาเรฟเรียบร้อยเฮลก็ลากวินเซนต์ออกไปทันทีเหมือนไม่อยากเสียเวลาโดยใช่เหตุ

    “รีบชะมัดเลยแฮะ”

    “แกเองก็รีบลุกมาได้แล้วไอ้หนู ขืนมัวโอ้เอ้ข้าจะถีบส่งให้”

    พอได้ยินแบบนั้นเด็กหนุ่มเลยรีบวิ่งลิ่วตามร่างคนร่างยักษ์ไปไม่ห่างก่อนจะโดนเล่นงานตามที่พูดจริงๆ

    “ถ้าอย่างนั้นระดับเลเวลก็เป็นตัววัดระดับคร่าวๆสินะคะ”

    แมรี่อาศัยแสงจากหลอดไฟจดบันทึกไปพลางเดินตามรูคไปพลางในขณะที่ชายหนุ่มคอยอธิบายเรื่องต่างๆที่เธอสงสัยให้ฟัง

    “ก็ ใช่ว่าคนที่เลเวลสูงจะสู้เก่งเสมอไปล่ะนะ บางคนก็พัฒนาความสามารถไปด้านอื่นมากกว่า อย่างเมลเองก็เลเวลไม่น้อยแต่แทบต่อสู้ไม่ได้เลย แต่กับพวกลูนาติคถ้าเจอเลเวลสูงล่ะก็ให้ถือว่าอันตรายไว้ก่อนได้เลยเพราะ งั้นส่วนใหญ่แล้วก็มักจะมีพกกันไว้คนละเล่มสำหรับเช็คข้อมูลแบบนี้”

    รู คโชว์สมุดบันทึกเล่มเล็กรูปร่างคล้ายสมุดพกนักเรียนให้หญิงสาวดูก่อนจะเก็บ ลงไว้ในกระเป๋าเสื้อตามเดิม ส่วนแมรี่เองก็ใช้เวลาตรวจสอบข้อมูลในสมุดบันทึกเล่มใหญ่ในมือพลางมองสำรวจ รอบๆที่มืดสนิทเพราะพระอาทิตย์ตกดินไปได้พักหนึ่งแล้ว

    “พอผ่านแยกหน้าเดินตามทางไปเรื่อยๆก็..”

    จู่ๆ ชายหนุ่มก็ส่งสัญญาณให้หยุดเดินก่อนเสียงฝีเท้าจะดังแว่วมาจากทางแยกด้าน หน้า จนกระทั่งเจ้าของเสียงปรากฏตัวขึ้นรูคถึงกับแสดงสีหน้าลำบากใจออกมา

    “เฮ้ย รูคนี่หว่า! ไม่ได้เจอหน้าแกมาเป็นชาติแล้วมั้ง”

    ชายร่างโตเอ่ยทักดังลั่นจนแมรี่เผลอสะดุ้งด้วยความตกใจ แต่พอตั้งสติได้ก็หันไปถามชายหนุ่ม

    “เพื่อนเหรอคะคุณรูค?”

    “ศัตรูต่างหากย่ะ ไอ้ยักษ์นั่นก็สมาชิกราเว่นเหมือนไอ้ขี้ยานั่นล่ะ”

    เมื่อได้ยินแมรี่จึงมีท่าทีระวังตัวขึ้นในขณะที่รูคเองก็เรียกอาวุธมาถือไว้พร้อมในมือ

    “พวกบ้าต่อสู้อย่างนายมาทำอะไรแถวนี้กัน”

    รูคตั้งท่าจรดปลายดาบตรงไปยังคนเบื้องหน้าแต่คนร่างยักษ์ดูไม่ตื่นกลัวกับอาวุธแม้แต่น้อย ทว่ากลับกอดอกยืนยิ้มอย่างสบายอารมณ์

    “ไม่ต้องห่วง วันนี้ข้าไม่ได้มีธุระกับพวกแกหรอกน่าหรือไอ้แว่นอย่างแกอยากจะมาดวลกับข้าให้สมอยากซะหน่อยล่ะ?”

    พอ พูดแบบนั้นออร์เกรก็เปลี่ยนท่ายืนจนเหมือนจะเข้าปะทะกับอีกฝ่ายได้ทุกเมื่อ แต่ระหว่างทั้งสองกำลังจ้องดูท่าทีกันอย่างเคร่งเครียดนั้นเองก็มีเสียง หนึ่งดังขึ้นมาก่อน

    “ไม่ได้นาพี่ออร์เกร ขืนมัวแต่สู้อยู่นี่จนเสียเรื่องเดี๋ยวพี่เฮลก็โกรธจนได้หรอก”

    เด็ก หนุ่มร่างเล็กคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังของออร์เกร คงเพราะเมื่อครู่โดนร่างกายใหญ่โตบังไว้ซะมิดพวกแมรี่จึงไม่ทันเห็นจนถึงตอน นี้

    “ซวยชะมัด เจอพวกพรรค์สองตัวเชียว”

    “เอ๋ แต่ทางนั้นดูจะไม่อยากสู้เหมือน..”

    แม รี่พูดไม่ทันจบเสียงปืนพลันดังหลายต่อหลายนัดก่อนที่เศษขนนกปลิวฟุ้งไปทั่ว โดยที่แมรี่เห็นเพียงแค่ว่าเด็กหนุ่มนั้นมีปากกาขนนกสีขาวอยู่ในมืออีกหลาย ด้าม

    “อ๋า.. ตุ๊กตานั่นเกะกะจังแฮะ อุตส่าห์เล็งทีเผลอแล้วเชียวนะ”

    เด็ก หนุ่มกล่าวทั้งรอยยิ้มพร้อมกับปาปากกาขนนกออกมาอีกกำหนึ่ง พวกมันลอยล่องอยู่บนอากาศครู่เดียวก็พลันพุ่งตรงมาทางแมรี่อีกครั้ง แต่ช็อตตี้ก็ยิงสกัดขนนกพวกนั้นเอาไว้ได้

    “อย่ามัวยืนบื้อสิยะหัดป้องกันตัวเองซะบ้าง ไอ้เด็กบ้านี่ก็วุ่นวายชะมัดเดี๋ยวแม่จับถอนขนหัวซะเลยนี่”

    ช็อตตี้ถือโอกาสกระหน่ำกระสุนใส่ยาเรฟแต่ออร์เกรกลับยื่นแขนมาบังกระสุนเอาไว้โดยที่เจ้าตัวไม่บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย

    “ออกมาเลย ฮันนี่ดอล”

    ตุ๊กตา หมีตัวหนึ่งถูกขว้างออกมาข้างหน้าก่อนมันจะขยายใหญ่จนมีขนาดพอๆกับคนคนหนึ่ง เจ้าหมียืนทื่อขวางระหว่างพวกแมรี่กับยาเรฟเอาไว้คอยใช้แขนโตๆราวกับท่อนซุง คู่นั้นปัดขนนกที่จู่โจมมาจากเด็กหนุ่ม

    “ช่วยหน่อยสิพี่ออร์เกร ตุ๊กตาพวกนี้เอาแต่ขวางทางมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”

    “ข้าก็คอยคุมเชิงไอ้แว่นนี่แล้วไง”

    ออร์ เกรตอบสั้นๆแทงใจดำรูคที่ได้แต่ยืนรับมืออยู่นิ่งๆตั้งแต่เมื่อครู่ ชายหนุ่มรู้ดีกว่าถ้าเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้าคนร่างยักษ์ตรงหน้าก็คงพร้อม จะโจนเข้าใส่ทันทีซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องดีเลยซักนิดเพราะเขารู้ดีกว่าออร์เก รเป็นคู่มือที่รับมือยากแค่ไหน แต่ถ้ายังคงคุมเชิงกันแบบนี้ตัวเขาเองก็ยังพอสกัดไม่ให้ออร์เกรเข้ามาร่วมวง ต่อสู้ได้เหมือนกัน เพียงแต่ตัวเขาเองไม่แน่ใจเลยว่าแมรี่กับช็อตตี้จะรับมือกันไหวหรือไม่

    “แกล่ะไอ้หนูมัวแต่เล่นอยู่นั่น จะรีบจัดการเรื่องให้จบๆไปไม่ใช่หรือไง”

    “นั่นสิน้า ว่าจะเล่นทีเผลอแต่ดันกันได้หมดเลยเนี่ยสิ แบบนี้สู้ไปก็เปลืองแรงรีบไปต่อกันเหอะพี่ออร์เกร”

    ชาย ร่างยักษ์ตอบรับส่งๆแต่ในขณะเดียวกันก็ออกแรงชกลงเบื้องล่างเต็มแรงจนพื้น บริเวณนั้นไล่พังทลายเป็นแนวยาวบีบให้พวกแมรี่ต้องถอยร่นกันแทบไม่ทัน

    “จริงๆก็อยากดวลกับแกอยู่หรอกว่ะรูค แต่ไว้คราวหน้าตอนข้าว่างๆก็แล้วกัน”

    ออร์ เกรตะโกนมาจากฟากตรงข้ามโดยที่ทั้งสองฝ่ายนั้นถูกขวางไว้ด้วยเส้นทางที่ขาด ตอน เบื้องล่างส่วนที่พังลงไปนั้นแทนที่ควรจะเป็นชั้นที่อยู่ถัดลงไปทว่าพวกแม รี่กลับเห็นเป็นช่องโล่งๆที่ลึกลงไปจนมองไม่เห็นพื้นด้านล่าง

    “แบบนี้คงข้ามไม่ไหวต้องอ้อมไปทางอื่นแล้วล่ะ”

    รูคที่ดูสภาพทางขาดหันมาบอกกับสองสาวพลางหยิบแผนที่ขึ้นมาเช็คเส้นทางไปต่อ แต่ก่อนจะได้ออกเดินทางแมรี่ก็ยกมือเสนอขึ้นมาก่อน

    “เอ่อ.. คิดว่าน่าจะพอมีวิธีข้ามไปอยู่นะคะ” หญิงสาวพูดขึ้นขณะอุ้มพวกตุ๊กตาตัวจิ๋วเอาไว้

    เบื้อง หน้าราเว่นทั้งสองนั้นเต็มไปด้วยสีเขียวละลานตา พืชพรรณใบหญ้าหลากชนิดเติบโตเรียงรายไปตามทางเดินราวกับผืนพรมและผืนม่าน มีแม้กระทั่งไม้ยืนต้นเติบโตแผ่กิ่งก้านอยู่ตามจุดต่างๆจนดูราวกับมีป่าถูก ย้ายมาตั้งไว้ในอาคารเรียน

    “ไปต่อได้แล้วไอ้หนู”

    ออร์เกรลากยาเรฟที่มัวแต่สนใจกับพวกต้นไม้เดินเข้าไปต่อตามเส้นทางนั้นก่อนจะหายลับไปใต้ร่มเงาของเหล่าพืชพรรณทั้งหลาย

    “ไม่คิดว่าจะใช้วิธีนั้นข้ามมาได้นะครับ”

    รู ควิ่งนำสองสาวมาตามทางเดินหลังจากที่พวกเขาข้ามทางขาดมาได้ด้วยการใช้ความสา มารถของแมรี่สลับตำแหน่งของพวกตัวเองกับตุ๊กตาที่ขว้างข้ามมาอีกฝั่งหนึ่ง พอพวกเขาเริ่มเข้าใกล้เขตที่เติบโตไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่มรูคก็ส่งสัญญาณให้ ทุกคนหยุดก่อน

    “จาก ตรงนี้ค่อยๆเดินไปช็อตตี้อย่าใช้ปืนเด็ดขาด ส่วนแมรี่อย่าใช้พวกตุ๊กตายักษ์นั่น ถ้าแค่เดินเหยียบนิดหน่อยล่ะก็ไม่เป็นไร แต่ห้ามโจมตีพวกต้นไม้ในเขตนี้เด็ดขาดครับ”

    พอ นัดแนะกันเสร็จรูคก็เป็นฝ่ายเดินนำไปเช่นเคย เส้นทางภายในไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากนักแม้จะมีต้นไม้เกะกะขวางทางอยู่บ้างแต่ ก็พอมีช่องให้เดินผ่านไม่ยากเท่าไหร่ แถมต้นไม้พวกนี้ก็เหมือนเป็นป้ายนำทางให้พวกเขารุดหน้าได้โดยไม่ต้องกังวล ว่าจะหลงทางนักหลังจากเดินทางต่อมาได้พักหนึ่งพวกเขาก็เข้าใกล้ที่หมายแต่ กลับต้องเจอสิ่งที่ทำให้ทั้งสามประหลาดใจกองอยู่ตรงหน้าเสียก่อน

    ยา เรฟกับออร์เกรต่างนอนฟุบอยู่ด้านหน้าห้องพยาบาลที่เป็นที่พักของด็อกเตอร์ สภาพของทั้งคู่ไม่มีบาดแผลแม้แต่น้อยทว่ากลับดูเหมือนกำลังหลับสนิทอยู่เสีย มากกว่าจนทั้งสามต่างแปลกใจกับสถานการณ์แปลกประหลาดตรงหน้า

    คลิ๊ก..

    “หยุดก่อนช็อตตี้!” ชายหนุ่มรีบเข้าไปขวางช็อตตี้ทันทีที่ได้ยินเสียงเธอขึ้นไกปืน

    “อะไรยะ โอกาสดีงี้ดันเกิดอยากทำตัวเป็นพ่อพระขึ้นมาหรือไง”

    ตุ๊กตาสาวบ่นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดแต่รูคก็ยังคงยืนขวางทางปากกระบอกปืนโดยไม่มีทีท่าว่าจะถอย

    “เลิกใช้แต่อารมณ์ซักทีเถอะน่าช็อต! เธอก็รู้ดีนี่ว่าในเขตของด็อกเตอร์น่ะห้ามฆ่ากันเองเด็ดขาด”

    รู คตวาดลั่นผิดไปจากเวลาปกติจนแมรี่เริ่มรู้สึกใจเสียที่ทั้งคู่ยังเขม่นกัน ไม่เลิก แต่จู่ๆรูคก็ทรุดลงไปโดยไม่ทราบสาเหตุส่วนช็อตตี้เองก็ถูกเถาวัลย์ขนาดเล็ก รัดพันเอาไว้เสียแน่นหนาโดยที่แมรี่ไม่ทันได้รู้ตัว

    “นั่งสำนึกผิดไปก่อนทั้งคู่นั่นล่ะ.. ไม่ว่าจะพวกนี้พวกนั้นก็ทำตัวหนวกหูน่ารำคาญเป็นเด็กๆกันอยู่ได้”

    เสียงๆหนึ่งดังออกมาจากห้องที่อยู่ใกล้ๆพอแมรี่มองตามไปก็เห็นป้ายที่เขียนบอกว่า 'ห้องพยาบาล' แปะอยู่เหนือบานประตู เสียงเดินลากเท้าแผ่วเบาแว่วออกมาก่อนประตูจะถูกเลื่อนเปิดออกเผยให้เห็นร่างของเจ้าของเสียงนั้น

    “ปลุกสองคนนั้นแล้วพากันเข้ามาให้หมด”

    'เขา' ดู มีอายุมากกว่าแมรี่เพียงไม่กี่ปีแต่กลับดูอ่อนเยาว์ด้วยลักษณะที่เหมือนวัย รุ่นซึ่งยังเติบโตไม่เต็มที่ เส้นผมดำขลับนั้นถูกตัดสั้นเผยให้เห็นใบหน้าและดวงตาคมเข้มซึ่งมีสีดำสนิท เช่นเดียวกัน ตัดกับเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดตัวใหญ่หลวมโพรกจนเจ้าของดูเหมือนเด็กที่พยายาม ใส่เสื้อผ้าของผู้ใหญ่ แต่กระนั้นบุคลิกท่าทางที่แสดงออกกลับทำให้หญิงสาวรู้สึกว่าคนๆนั้นดูเป็น ผู้ใหญ่มากกว่าภาพลักษณ์ที่เห็นภายนอก

    “ไม่ได้ยินหรือไง?”

    โทน เสียงเรียบเฉยดังขึ้นอีกครั้งในขณะที่เจ้าตัวยังคงชี้นิ้วไปที่ราเว่นทั้ง สอง กว่าจะรู้ตัวแมรี่ก็เผลอทำตามคำสั่งไปเรียบร้อยแล้วตอนนี้คนทั้งหมดจึงได้มา นั่งอยู่ภายในห้องเดียวกัน ออร์เกรกับรูคนั่งสงบนิ่งหลังจากด็อกเตอร์ถอนฤทธิ์ยาที่ใช้เล่นงานทั้งคู่ ออกแล้ว แต่ช็อตตี้นั้นกลับดูอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่นักหลังจากหลุดออกมาจากเถาวัลย์พวก นั้นได้ ส่วนยาเรฟลับดูลุกลี้ลุกลนเหมือนเด็กที่อยู่นิ่งไม่ค่อยได้

    ระหว่าง ที่คนทั้งห้าเล่นเกมจ้องหน้ากันอยู่นั้น ชายหนุ่มในเสื้อกาวน์สีขาวก็ยังคงจัดเก็บตัวยาต่างๆที่ตั้งเรียงรายอยู่บน โต๊ะทำงานให้เข้าที่ จนกระทั่งเวลาผ่านไปพักใหญ่ในที่สุดยาขวดสุดท้ายจึงได้กลับไปอยู่บนตู้เก็บ ยา

    “มีธุระอะไร?”

    ชาย หนุ่มกอดอกมองดูผู้มาเยือนทั้งห้า ทว่าเวลาผ่านไปพวกเขาก็ยังมัวแต่คอยดูท่าทีของอีกฝ่ายจนไม่มีใครยอมเริ่มพูด ขึ้นมาก่อน กระทั่งด็อกเตอร์ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายกับท่าทีของทั้งสองฝ่าย

    “ไม่มีธุระก็ไปซะ”

    เขายื่นคำขาดเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมส่งสายตาคาดคั้นใส่บรรดาแขกไม่ได้รับเชิญ

    “พวกเราอยากจะจ้างให้คุณไปช่วยรักษาคนหน่อยน่ะครับ”

    รูคตัดสินใจเริ่มพูดก่อนคู่เจรจาจะหมดความอดทนไปจริงๆ ในขณะที่ยาเรฟยังคงนั่งนิ่งเหมือนไม่กล้าพูดออร์เกรเลยเป็นฝ่ายพูดขึ้นแทน

    “ข้าถามตรงๆเลยแล้วกัน จะเข้าเป็นสมาชิกราเว่นหรือไม่เข้า”

    “ไม่ทั้งคู่นั่นล่ะ”

    ด็อกเตอร์ตอบกลับแทบจะในทันทีแต่ออร์เกรกลับแสดงสีหน้าพอใจเหมือนคาดไว้ก่อนแล้วว่าจะถูกปฏิเสธ

    “งั้นก็หมดหน้าที่ข้าขอตัวก่อนล่ะ”

    ออร์เกรพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะใช้แขนข้างเดียวหิ้วยาเรฟออกไปจากห้อง ส่วนด็อกเตอร์เองก็หันไปหาหนังสือจากบนชั้นวางใกล้ๆแทน

    “เดี๋ยวก่อนสิครับด็อกเตอร์..”

    “กิลด์ทำสัญญากับพวกสีขาวอยู่ไม่ใช่หรือไง?”

    “เรื่องนั้นสีขาวเองก็รักษาไม่ได้... อีกฝ่ายเป็นสโมกกิ้งเฮฟเวนน่ะครับ”

    ดูเหมือนชื่อนั้นจะเรียกความสนใจจากชายหนุ่มได้ เขาหยุดหาหนังสือบนชั้นแล้วหันมาคุยกับพวกรูคต่อ

    “จะรักษาก็ได้แต่มีเงื่อนไข...”

    “โล่งชะมัดโว้ย!”

    ออร์เกรตะโกนลั่นอยู่นอกเขตต้นไม้ท่าทางเหมือนยกภูเขาออกจากอกเช่นเดียวกับเด็กหนุ่มข้างๆ

    “เหลือรับอย่างพวกพี่ว่าจริงๆนั่นล่ะ เล่นแผ่จิตคุกคามออกมาซะขนาดนั้นแค่นั่งด้วยก็อึดอัดแย่แล้ว”

    “ก็ แกดันจ้องจะเล่นพวกกิลด์น่ะสิวะไอ้หนู อยู่ในนั้นห้ามหาเรื่องฆ่ากันเด็ดขาดจำใส่กบาลไว้ให้ดีๆเลยนะเว้ย ยังดีที่แกอดทนได้ไม่งั้นได้เผ่นกันแทบไม่ทันล่ะว่ะ”

    “หมอนั่นเก่งขนาดนั้นจริงอ่ะ? เมื่อที่โดนวางยานอนหลับน่ะเผลอไปก็จริงแต่ถ้าสู้ตรงๆผมว่าพี่ออร์เกรก็ชนะอยู่ดีนา”

    พอได้ยินคำพูดของยาเรฟจู่ๆออร์เกรก็หัวเราะขึ้นมาพลางขยี้หัวเด็กหนุ่มเบาๆด้วยความเอ็นดู

    “ก็ไอ้ทีเผลอนั่นล่ะว่ะที่มันน่ากลัว เอ้า! กลับฐานได้แล้วเว้ยป่านนี้เฮลเตรียมงานของจริงรอไว้ให้ทำเป็นตั้งแล้วมั้ง”

    คน ร่างยักษ์ตอบค้างไว้แค่นั้นก่อนลากเจ้าตัวเล็กให้ตามกลับฐานไป ไม่นานนักร่องรอยของคนทั้งสองก็หายท่ามกลางความมืดมิดของราตรีที่ไร้แสงเดือน




    ----- แก้ไขเรื่อง font เล็กไปให้แล้วครับ Azemag McDowell -----
  10. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    อืมม ด็อคเตอร์ปริศนาฝีมือสูงส่ง พาลคิดไปถึงแจ็คเคิลใน Get Backers เลยแฮะ

    ตอนนี้เปิดตัวองค์กรฝั่งร้ายที่มีหัวหน้าชื่อ เฮล
    โดยรวมยังดูไม่ออกว่าต้องการอะไร ก็คงต้องตามอ่านต่อไปเรื่อยก่อนละนะ
  11. shinkyoto

    shinkyoto Well-Known Member

    EXP:
    580
    ถูกใจที่ได้รับ:
    3
    คะแนน Trophy:
    88
    แต่จากวิธีการทำงาน และ แนวคิดเรื่องชีวิตต่อคนอื่นๆ(กรุ๊ปอื่นๆ ถ้าเราไม่ตระหนักว่า วินเซ็น พึ่งจะไปฆ่าหมู่อีกฝ่ายมาอย่างอำมหิต) ต้องไม่ใช่ฝ่ายที่น่าอยู่เป็นแน่

    แต่ฝ่ายคุณหมอนี้ดูไม่ออกจริงๆเลยว่าอยู่ฝากไหนกันแน่?
  12. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    บทเรียนที่

    "ช่วยกันมั่งสิยะ!”

    ช็อตตี้กำลังวิ่งหลบพวกศัตรูที่บินโฉบเฉี่ยวไปมาจนเธอไม่มีโอกาสให้ตั้งหลักตอบโต้กลับ ยิ่งทางแมรี่กับรูคซึ่งตัวใหญ่กว่ากันแล้วยิ่งตกเป็นเป้าของพวกมันได้ง่ายจนลำบากกว่ากันเห็นๆ เพราะศัตรูคราวนี้นั้นเป็นค้างคาวที่มีขนาดพอๆกับค้างคาวธรรมดาทั่วไปทว่ามันนั้นมีลักษณะผอมแห้งเสียจนเป็นเพียงหนังหุ้มกระดูก ส่วนตาทั้งคู่นั้นกลวงโบ๋หากแต่กลับมีดวงตากลมโตดวงหนึ่งกลิ้กกลอกไปมาอยู่บนหน้าผากเพื่อมองหาเป้าหมายของพวกมัน

    พวกมันไม่ได้ใช้วิธีตะครุบจับเหยื่อหากแต่คอยบินฉวัดเฉวียนด้วยความเร็วอันยากจะจับทางแล้วใช้ส่วนปลายของปีกที่แหลมคมราวกับใบมีดคอยกรีดเฉือนผิวของเป้าหมายเพื่อบั่นทอนกำลังไปทีละน้อย ขนาดช็อตตี้ที่มีร่างเป็นตุ๊กตาขนาดเล็กก็ยังโดนมันฝากรอยกรีดไว้บ้าง ทางสองคนที่ตัวใหญ่กว่าจึงมีบาดแผลตามตัวอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

    ทว่านั่นก็ยกเว้นอยู่คนหนึ่งที่โดนช็อตตี้ตะโกนใส่เมื่อสักครู่ ด็อกเตอร์ยังคงนั่งจดอะไรบางอย่างลงในสมุดบันทึกเล่มเล็กโดยไม่ทุกข์ร้อนเหมือนคนอื่นๆ รอบข้างชายหนุ่มนั้นมีไม้เถาห้อยลงมาจากเพดานราวกับผืนม่านขวางไม่ให้พวกค้างคาวเข้ามาใกล้ได้หรือหากมีตัวไหนเข้าใกล้ก็จะถูกส่วนที่มีลักษณะคล้ายกับใบของพืชจับแมลงพุ่งเข้าขย้ำซะก่อนทันบินหลบ

    "อย่าทำหูทวนลมนะยะ!”

    ช็อตตี้ตะเบ็งใส่ไปอีกรอบชายหนุ่มถึงยอมเก็บสมุดบันทึกนั่นก่อนจะดีดนิ้วเป็นสัญญาณหนึ่งครั้ง บรรดาพืชกินแมลงพวกนั้นพลันพ่นละอองบางอย่างออกมาปะปนในอากาศ พอค้างคาวสัมผัสโดนละอองพวกนั้นเข้าก็ร่วงลงพื้นกันซะดื้อๆ

    "ยาชาน่ะ... กินนี่ซะ”

    ด็อกเตอร์โยนยาให้รูคกับแมรี่ที่ยังพอขยับได้ ดูท่าว่าปริมาณของยาชาจะถูกกะให้ออกฤทธิ์กับพวกค้างคาวก่อน เสียงดีดนิ้วดังขึ้นอีกครั้งคราวนี้พวกพืชกินแมลงเริ่มหดตัวลงอย่างช้าๆราวกับภาพวีดีโอที่ถูกถ่ายย้อนกลับ ไม่นานนักพืชทั้งหมดก็กลายเป็นเพียงเมล็ดพืชขนาดพอๆกับเม็ดส้มแล้วถูกเก็บใส่ไว้ในขวดแก้วเล็กๆ

    "เพิ่มค่าจ้างนอกจากที่ตกลงไว้เข้าไปด้วยล่ะ”

    ด็อกเตอร์พูดขณะส่งกระปุกครีมที่ทำจากแก้วให้กับรูค เขาพยักหน้าตอบรับก่อนส่งกระปุกยาต่อให้กับแมรี่

    "คุณใช้ก่อนเถอะครับ ทาทับแผลตรงๆเลยนะ”

    แผลของรูคส่วนใหญ่เป็นเพียงแผลฉากๆที่ไม่รุนแรงเท่าไหร่นักเขาจึงให้ยากับแมรี่ไปก่อน พอใช้ยานั่นทาลงไปแผลที่มีก็เริ่มสมานตัวจนหายดี

    "พกยาบำรุงเลือดมาด้วยใช่มั้ยครับ ขอซื้อนั่นด้วยก็แล้วกัน”

    ชายหนุ่มสังเกตเห็นสีหน้าของแมรี่ไม่ค่อยดีนักพอคิดว่าอาจจะเพราะเสียเลือดมากไปเขาเลยหันไปถามด็อกเตอร์ก่อนจะได้รับยาน้ำสีแดงใสซึ่งบรรจุไว้ในขวดแก้วทรงกระบอกขนาดเล็กพอๆกับนิ้วมือ

    หลังจากนั้นไม่นานนักพวกเขาก็ออกเดินทางต่อจนถึงบริเวณพื้นที่จัดงานรวมตัวใหม่ซึ่งได้รับตำแหน่งสถานที่มาจากข้อความของเมล ดูเหมือนพื้นที่ใหม่จะไม่ค่อยกว้างเท่าที่เก่าบริเวณทางเดินด้านนอกจึงถูกใช้งานไปด้วยเห็นได้จากกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยเดินสวนกันไปมาบนทางเดิน บ้างก็ตั้งร้านง่ายๆอยู่ริมทางขายพวกข้าวของมือสองที่พวกตนใช้แต้มแลกมา บ้างก็เปิดบริการบางอย่างที่ใช้ความสามารถส่วนตัว

    แต่ไม่รู้ว่าทำไมแมรี่รู้สึกเหมือนกับว่ามีสายตาคนจับจ้องมาที่พวกเธออยู่ไม่น้อยพร้อมกับเสียงพูดคุยดังกระซิบกระซาบไปทั่ว แถมพอพวกเธอเดินเข้ามาคนส่วนใหญ่ก็หลักทางให้โดยดีพวกเขาเลยใช้เวลาไม่นานนักสำหรับการมาถึงบริเวณห้องใหญ่ที่ใช้ดูแลคนเจ็บเป็นหลัก

    "อาจารย์คะ! ทางนี้ค่ะ!"

    นีดเดิลโบกมือโบกมือส่งเสียงเรียกจากมุมหนึ่งของห้องทันทีที่เห็นพวกแมรี่

    "ด็อกเตอร์เป็นคนสอนวิธีให้นีดเดิลใช้ความสามารถมารักษาคนอื่นเป็นน่ะครับ”

    รูคแอบบอกคลายข้อสงสัยให้แมรี่ขณะกำลังเดินเข้าไปหานีดเดิลตรงพื้นที่มุมห้องซึ่งถูกจัดไว้มีพื้นที่สำหรับดูแลคนป่วยทั้งสอง หลังจากทักทายกันเล็กน้อยพวกแมรี่ก็พากันแยกตัวไปปล่อยให้ด็อกเตอร์เริ่มลงมือรักษาคนไข้โดยมีนีดเดิลทำหน้าที่ผู้ช่วย

    "อาจารย์ไม่คิดจะเข้าร่วมกลุ่มกับทางนี้จริงๆเหรอคะ..”

    นีดเดิลถามคำถามที่ตัวเองก็รู้คำตอบดี คนๆนี้ไม่เคยคิดร่วมกลุ่มกับใครแถมยังเลือกทำอะไรตามความสนใจของตนเองเป็นหลัก เพราะงั้นเธอจึงไม่คิดคาดคั้นเอาคำตอบที่อีกฝ่ายไม่ได้ตอบกลับมา

    "ดูอาการก่อนสักระยะ ถ้าไม่มีปัญหาอีกไม่กี่วันก็คงฟื้น..”

    ชายหนุ่มพูดพลางจุดไฟเผาไม้หอมในโถกำยานปล่อยให้ควันฟุ้งออกมารอบๆบริเวณเตียงของคนป่วย

    "ยาพวกนี้เอามาเจือจางก่อนใช้ให้วันละครั้งก็พอรายละเอียดอยู่ในสมุดนี่แล้ว ส่วนไม้หอมพวกนั้นเผาทีละน้อยแต่อย่าให้ขาด”

    พูดจบเขาก็วางสมุดกับหลอดบรรจุยาจำนวนหนึ่งไว้บนโต๊ะก่อนทำท่าเหมือนจะไปที่ไหนซักที่

    "จะไปไหนเหรอคะอาจารย์?"

    "เดี๋ยวกลับมาน่ะ”

    ด็อกเตอร์ตอบไว้เพียงแค่นั้นก่อนจะเดินออกไปไม่นานนักร่างของเขาก็กลืนหายไปกับกลุ่มคน นีดเดิลจึงหันกลับมาจัดการหน้าที่ดูแลคนป่วยของตนต่อ

    ขณะเดียวกันห่างออกไปจากตำแหน่งที่ผู้คนรวมตัวกันอยู่ ในบริเวณห่างไกลผู้คนเอซและเพจส์ได้อยู่ที่นั่นโดยมีเฮลสมาชิกคนหนึ่งของราเว่นยืนอยู่เบื้องหน้าพวกเขา

    "ไม่คิดว่าจะได้เจอเธอที่นี่นะเพจส์”

    "ที่ช่วงนี้ราเว่นเคลื่อนไหวผิดปกติเป็นฝีมือเธอเองสินะคะเฮล คราวนี้ฉันไม่ปล่อยให้รอดไปได้แน่ๆค่ะ”

    โดยไม่ลังเลเพจส์สร้างบอลเพลิงออกมาแล้วยิงใส่เฮลทันที ทว่าก่อนที่มันจะถึงร่างของเป้าหมายลูกไฟดวงนั่นกลับพลันขาดเป็นสองส่วนก่อนเปลวไฟจะกระจายหายไปในอากาศ พร้อมกันนั้นด้านหน้าเฮลก็ปรากฏร่างของชายคนหนึ่งกำลังถือดาบยืนขวางอยู่

    "ไม่ปล่อยให้รอดงั้นหรือ... ทั้งที่ต่อให้พวกเธอร่วมมือกันก็ใช่ว่าจะชนะได้”

    ในมือของเฮลมีหนังสือที่คล้ายกับของเพจส์อยู่เล่มหนึ่ง ทว่าปกของมันัน้นมีสีดำคล้ำและส่องแสงสลัวออกมาจากหน้ากระดาษ เธอเอ่ยขานคำๆหนึ่งซึ่งไม่อาจจับศัพท์ได้ออกมาก่อนที่บริเวณพื้นข้างๆตัวเธอนั้นจะมีร่างกระดูกสีขาวโพลนสองตนผุดขึ้นมา พวกมันตนหนึ่งถือหอกเอาไว้ในขณะที่อีกตนหนึ่งมีโล่อยู่ในมือ

    "ถ้ายอมถอยตั้งแต่ตอนนี้จะยอมปล่อยไปก็ได้นะ... แต่พวกเธอคงไม่คิดจะรับข้อเสนอล่ะสิ”

    เมื่อสังเกตเห็นแววตาทั้งคู่ไม่มีวี่แววว่าจะยอมถอยแม้แต่น้อยเฮลก็เลิกความคิดที่จะต่อรอง เธอโบกมือเป็นสัญญาณจากนั้นกระดูกทั้งสองตนก็เคลื่อนตัวพุ่งเข้าหาเอซกับเพจส์ทันทีในขณะที่นักดาบคนนั้นยังคงยืนนิ่งอยู่ข้างเฮล

    "อย่าดูถูกกันนักเลยค่ะ!"

    เพจส์รวบรวมเปลวเพลิงจนมีขนาดใหญ่แล้วปล่อยเข้าพุ่งปะทะพวกนักรบกระดูกจนเกิดแรงระเบิดขึ้น ส่วนเอซอาศัยจังหวะนั้นปาไพ่หลายสิบใบกระจายออกไปก่อนที่มันจะเปลี่ยนทิศโอบล้อมเข้ามาโจมตีเฮลจากทิศทางรอบด้าน

    ทว่าเพียงพริบตาเดียวนักดาบคนนั้นกลับตวัดดาบฟาดฟันออกมาหลายต่อหลายครั้งตัดไพ่ที่ปาออกไปนั้นจนกลายเป็นชิ้นๆเสียทั้งหมด พร้อมกันนั้นจากภายในกลุ่มควันของแรงระเบิดโครงระเบิดที่น่าจะถูกทำลายไปแล้วกลับพุ่งกระโจนออกมา เอซจึงปาไพ่โจมตีสวนกลับไปอีกครั้งหากแต่นักรบกระดูกตัวที่ถือโล่กับสร้างกำแพงโปร่งใสขึ้นมาขวางไพ่พวกนั้นเอาไว้จากนั้นนักรบกระดูกอีกตนหนึ่งก็ขว้างหอกเข้าใส่ก่อนที่มันจะระเบิดขึ้นทันทีที่กระทบกับกำแพงเวทของเพจส์

    เพจส์รีบกระโจนถอยห่างออกจากจุดระเบิดทันทีก่อนที่เธอจะเปลี่ยนมาเป็นยิงคลื่นไอเย็นเข้าปะทะร่างกระดูกพวกนั้นแทนจนมันถูกแช่แข็งเอาไว้ในก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่

    "ความสามารถพวกนั้นมัน..."

    พอมีจังหวะหยุดคิดเพจส์ก็รู้สึกตัวขึ้นมาได้ถึงลักษณะของอาวุธที่พวกโครงกระดูกกับความสามารถที่พวกมันใช้

    "อย่างที่คิดนั่นล่ะเพจส์ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันแต่การเคลื่อนไหวนั่นเหมือนแลนซ์กับการ์ดไม่มีผิด”

    เอซยืนยันความคิดกับคู่หูพลางมองหาช่องทางที่จะโจมตีอีกฝ่าย ทว่าตั้งแต่เมื่อสักครู่เขาพยายามหาวิธีโจมตีดูหลายๆทางแล้วแต่กลับหาวิธีที่จะโจมตีฝ่าการป้องกันของนักดาบคนนั้นไปไม่ได้เลย

    "รู้ตัวกันไวจังนะ ถ้าอย่างนั้นจะบอกให้ฟังเป็นรางวัลเสียหน่อยก็แล้วกัน ความสามารถของฉันน่ะไม่ใช่แค่วิญญาณของคนตายที่จับมาใช้ได้หรอกนะ ต่อให้เป็นคนที่มีชีวิตอยู่แต่ถ้าจัดการถูกวิธีก็เอาวิญญาณมาเก็บไว้ในหนังสือนี่ได้เหมือนกัน”

    "แบบนั้นมันเกินไปแล้ว!"

    เพจส์ตะโกนลั่นด้วยความโกรธทว่าเฮลกลับทำท่าเฉยชาราวกับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย

    "แทนที่จะห่วงคนอื่น ห่วงตัวเองก่อนดีกว่าล่ะมั้ง”

    สิ้นคำวงเวทขนาดใหญ่พลันปรากฏขึ้นบนพื้นกินบริเวณกว้างโดยมีเฮลเป็นจุดศูนย์กลาง จากนั้นร่างของโครงกระดูกอีกจำนวนมากก็ค่อยๆผุดขึ้นมาจากวงเวทเหล่านั้น

    "ดูสิว่าพวกเธอจะอยู่รอดกันได้นานแค่ไหน”

    พอหญิงสาวให้สัญญาณพวกนักรบต่างก็พากันกรูเข้าใส่คนทั้สองราวกับฝูงสัตว์ป่าที่มองเห็นเหยื่อ ในขณะเดียวกันเพจส์และเอซต่างก็ระดมการโจมตีสวนกลับใส่พวกกระดูก การโจมตีของทั้งสองฝ่ายต่างเข้าปะทะกันจนเกิดแรงระเบิดอย่างรุนแรง

    ในกลุ่มควันที่เกิดจากการระเบิดนั้นเพจส์ยังคงมีแววตาที่ไม่ยอมแพ้ ริมฝีปากนั้นเอ่ยคำร่ายขานดังระรัวพร้อมกับแสงที่ส่องสว่างออกมาจากหน้าหนังสือที่เริ่มสว่างจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ

    แสงสว่างห้อมล้อมร่างของเพจส์ก่อนจะกระจายออกเป็นดวงแสงหลายดวง จนกระทั่งแสงสว่างนั่นจางหายไปจึงปรากฏเป็นหนังสือลอยวนอยู่รอบตัว ทว่าจังหวะนั้นเองทหารกระดูกของเฮลได้กระโจนออกมาจากกลุ่มควัน

    เพจส์ตวัดมือไปทางด้านหน้าของตนพร้อมๆกับหนังสือเล่มหนึ่งที่ขยับวนมาอยู่ด้านหน้า จากนั้นเธอจึงเอ่ยคำขึ้นมาคำหนึ่งแท่งน้ำแข็งจำนวนมากพลันพุ่งเข้าเสียบทะลุร่างของทหารกระดูกตนนั้น ก่อนน้ำแข็งจะเริ่มขยายตัวและขังมันเอาไว้

    "ฉันจะโจมตีเต็มกำลังแล้วรบกวนทำหน้าที่ป้องกันด้วยนะคะเอซ”

    ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำเบาๆขณะยืนอยู่ข้างๆ เพจส์ชูมือข้างหนึ่งขึ้นฟ้าพร้อมกับที่หนังสือรอบข้างกางหน้ากระดาษของมันออกหันไปทางเป้าหมาย พอหญิงสาวตวัดมือลงทุกเล่มก็ส่องแสงสว่างออกมาอย่างพร้อมเพรียงก่อนที่จะมีแท่งน้ำแข็งขนาดเล็กถูกระดมยิงออกมาราวกับห่ากระสุน

    กระสุนเยือกแข็งพุ่งเข้ากราดทำลายกลุ่มทหารกระดูกที่ขวางทางจนกลายเป็นเพียงเศษซาก แต่เพียงพริบตาชิ้นส่วนที่เกลื่อนกลาดอยู่นั้นกลับเคลื่อนเข้ามารวมตัวกันจนกลายเป็นกำแพงขวางกระสุนน้ำแข็งเอาไว้แม้ว่ามันจะถูกทำลายแต่กระสุนทั้งหมดก็ถูกสกัดเอาไว้ได้

    จากนั้นเฮลได้หยิบมีดขึ้นมากรีดนิ้วตนเองก่อนจะปล่อยหยดเลือดลงไปแต่งแต้มจุดเล็กๆบนพื้น หากแต่จุดเล็กๆนั้นกลับค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นทุกขณะที่เฮลขับขานมนตราออกมา ไม่นานนักหยดเลือดเพียงเล็กน้อยกลับกลายเป็นแอ่งเลือดขนาดใหญ่อยู่ตรงพื้น

    "จงรับบัญชาข้า”

    เสียงนั้นเป็นดั่งสัญญาณกระตุ้นให้มวลเลือดเคลื่อนไหว มันยกตัวสูงขึ้นก่อนจะรวมตัวจนมีโครงร่างแบบมนุษย์หากแต่มีขนาดสูงใหญ่ราวกับยักษ์

    "ของแค่นั้นหยุดฉันไม่ได้หรอกค่ะ”

    พายุกระสุนน้ำแข็งถูกยิงออกไปอีกครั้งแต่ร่างโลหิตนั้นกลับยืนทื่อรับเอากระสุนเหล่านั้นเอาไว้ ทว่าแท่งน้ำแข็งเหล่านั้นกลับจมหายเข้าไปโดยไม่เกิดอะไรขึ้นอีก

    "ถ้าฉันต้องการโกเลมตนนี้ก็สามารถละลายของที่มันสัมผัสได้ทั้งหมด ดูสิว่าคราวนี้เธอจะจัดการกับมันยังไง”

    เฮลดีดนิ้วเป็นสัญญาณโกเลมเลือดก็ยิงมวลเลือดออกมาจากร่างแล้วพุ่งเข้าไปหาเพจส์ แต่เอซกลับโยนไพ่ใบหนึ่งออกมาขวางเอาไว้ ไพ่ใบนั้นหมุนควงอยู่กลางอากาศพร้อมกับขนาดของมันที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆก่อนที่มันจะหยุดนิ่งและร่วงลงปักตรึงกับพื้นเป็นกำแพงขวางกระสุนเลือดที่โกเลมยิงออกมา

    ก้อนเลือดปะทะเข้ากับกำแพงไพ่แรงปะทะนั้นทำให้ตัวไพ่โยกคลอนเล็กน้อยก่อนจะแตกกระเซ็นออกมาโดยรอบ เพียงแต่หลังจากนั้นกำแพงไพ่ก็ค่อยๆเสียรูปร่างของมันราวกับกำลังถูกน้ำกรดย่อยสลายลงไปจนกระทั่งหายไปจนหมด

    ทว่าเพจส์ก็ไม่ได้นิ่งเฉย ระหว่างที่เอซป้องกันการโจมตีด้วยเลือดนั้นเธอก็เตรียมการโจมตีต่อไปไว้พร้อมแล้ว ทันทีที่กำแพงไพ่ถูกละลายไปหญิงสาวก็ยิงลูกไฟออกไปจำนวนมากแต่ลูกไฟพวกนั้นไม่ได้เข้าปะทะแล้วระเบิดอย่างครั้งก่อนๆ จุดที่เพจส์ยิงเข้าใส่นั้นคือบริเวณพื้นที่อยู่รอบๆตัวโกเลมส่วนลูกไฟพวกนั้นพอสัมผัสโดนเป้าหมายก็เริ่มลุกโชนขึ้นอย่างรุนแรงจนกระทั่งกลายเป็นเปลวไฟขนาดใหญ่ล้อมรอบร่างโลหิตนั้นไว้

    ร่างของโกเลมค่อยๆระเหยเป็นไอสีแดงอย่างช้าๆตามเป้าหมายของเพจส์ เธอจึงเตรียมร่ายมนต์สำหรับการโจมตีต่อไปแต่ขณะนั้นเองเพจส์ก็สังเกตเห็นสีหน้าที่ไม่ทุกข์ร้อนของศัตรูตรงหน้า

    เฮลเอ่ยคำสั้นๆออกมาคำหนึ่งไอเลือดที่ลอยอยู่ด้านบนก็เริ่มรวมตัวกันหนาแน่นก่อนจะรวมตัวกันกลายเป็นหยดเลือดตกลงมาด้านล่างเม็ดแล้วเม็ดเล่าจนกระทั่งกลายเป็นฝนห่าใหญ่ เพจส์ที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบยิงเวทที่ร่ายเตรียมเอาไว้ออกไปโจมตีเฮล แต่เวทบทนั้นก็ถูกคนคุ้มกันฟาดฟันจนสลายหายไปเช่นเดียวกับครั้งก่อนๆ

    ระหว่างนั้นเองกองเพลิงก็ได้ดับมอดไปส่วนโกเลมเลือดเองก็คืนสภาพกลับมาเหมือนเดิม เฮลเองก็ฉีกยิ้มด้วยความมั่นใจในชัยชนะของตัวเองเต็มที่พร้อมสั่งให้โกเลมยิงกระสุนเลือดออกไปอีกหลายนัด

    เอซขว้างไพ่ออกไปขวางเป็นกำแพงอีกครั้ง ทว่าพอโดนกระสุนเลือดเข้าไปสองสามนัดกำแพงก็ถูกละลายเป็นช่องให้กระสุนอื่นๆพุ่งผ่านไปได้ต่อ จังหวะจวนตัวเช่นนั้นเอซจึงได้แต่ปาไพ่ออกไปสกัดกระสุนเลือดเพราะไม่มีเวลาสร้างกำแพงขึ้นมาใหม่ให้ทันการณ์ ทว่ากระสุนเลือดนั้นมีจำนวนมากเกินไปจนเอซไม่สามารถสกัดได้หมดเพจส์จึงต้องรีบสร้างกำแพงเวทขึ้นมาป้องกันการโจมตีไว้แทน ดูเหมือนว่าเลือดพวกนั้นจะไม่สามารถละลายสิ่งที่เป็นพลังงานอย่างเช่นเวทมนต์ได้ เกราะป้องกันที่เพจส์สร้างขึ้นจึงไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย

    ในขณะที่เพจส์กำลังโล่งใจอยู่นั้นเฮลกลับร่ายมนต์ต่อไปโดยไม่รีรอ เศษซากกระดูกที่ตกหล่นอยู่ตามพื้นลอยขึ้นมาอยู่บนฝ่ามือของเฮลก่อนที่เธอจะบรรจุพลังเวทลงไปในนั้นแล้วยิงมันออกไปอย่างรวดเร็ว เร็วเสียจนเพจส์ไม่ทันได้สังเกตเห็นเพราะกว่าที่เธอจะรู้ตัวกระสุนกระดูกก็ได้เจาะรูโหว่บนเกราะเวทและอยู่ห่างจากเธอเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

    จังหวะนั้นเองเอซที่อยู่ใกล้ๆได้พุ่งเข้ามาตะครุบตัวเพจส์ให้หลบลงพื้น ทว่ากระสุนกระดูกนั้นได้คว้านเนื้อบนแผ่นหลังของเอซเป็นทางยาวจนเลือดไหลทะลักออกมาจากปากแผล

    "เอซ! ทำใจดีๆไว้ก่อนนะคะ”

    เพจส์ร้องออกมาด้วยความตกใจแต่เธอก็ไม่ลืมที่ร่ายมนต์รักษาออกมาเพื่อห้ามเลือดจากบาดแผลของชายหนุ่ม

    "ตั้งสติไว้ก่อนน่า.. เธอคงรู้แล้วนะว่าพวกเราตอนนี้ยังเอาชนะผู้หญิงคนนั้นไม่ได้”

    เอซปาไพ่ออกไปอีกครั้งเพื่อเบี่ยงทิศทางของกระสุนกระดูกที่เฮลปล่อยออกมาอีกระลอก แต่แผลที่ยังไม่หายดีก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะร้องโอดโอยออกมา พอเพจส์เห็นสีหน้าซีดเผือดของคู่หูเธอเองก็ต้องยอมรับว่าถึงพวกเธอสองคนจะร่วมมือกันก็ยังไม่ใช่คู่มือของศัตรูคนนี้

    เพจส์ปัดฟันแน่นเพื่อยับยั้งอารมณ์ขุ่นเคืองในใจเอาไว้พร้อมออกคำสั่งให้หนังสือทั้งหมดสร้างกำแพงเวทหลายต่อหลายชั้นออกมาเพื่อสกัดกั้นการโจมตีเอาไว้ แม้ในใจจะรู้ดีว่าเท่านั้นคงทนการโจมตีของเฮลได้ไม่นานแต่เธอก็ต้องการแค่ซื้อเวลาให้มากพอที่พวกเธอทั้งสองคนจะสามารถหนีไปได้

    ทว่าราวกับถูกอ่านความคิดออก เพจส์ที่ช่วยพยุงร่างเอซกลับต้องรู้สึกตื่นตระหนกเมื่อเห็นว่าด้านหลังพวกตนนั้นได้มีกองทัพกระดูกปิดขวางทางออกเอาไว้แล้วโดยที่ไม่ทันรู้ตัวแม้แต่น้อย

    กว่าเพจส์จะตั้งสติได้กองทัพกระดูกพวกนั้นก็ปล่อยมือจากสายธนูปล่อยให้ลูกศรลอยพุ่งออกมา หญิงสาวรีบร่ายมนต์อีกครั้งทว่าหนังสือเวททั้งหมดกลับถูกใช้งานอยู่ ครั้นจะปลดเวทออกมาใช้ซักเล่มก็ดูจะไม่ทันเวลาเสียแล้วเพจส์จึงได้แต่หลับตาแน่นด้วยความกลัว

    เวลาผ่านไปอึดใจหนึ่งหญิงสาวกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย เพจส์ค่อยๆหรี่ตาขึ้นมองอย่างช้าๆและพบว่ามีต้นไม้ขนาดใหญ่โตขึ้นมาบังพวกเธอเอาไว้จากลูกศรแถมรากของมันยังตวัดออกไปกวาดบดขยี้พวกกองทัพกระดูกจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

    "ทำไมถึงมีแต่พวกหาเรื่องใส่ตัวกันนักนะ”

    เสียงของคนๆหนึ่งดังขึ้นก่อนที่ชายในชุดกาวน์สีขาวจะเดินเหยียบย่ำซากกระดูกเข้ามา เขาเดินผ่านเพจส์กับเอซก่อนจะหยุดมองดูเฮลด้วยแววตาจริงจัง

    "ล้ำเส้นขนาดนั้นคิดจะทิ้งความเป็นคนแล้วหรือไง..เฮล”

    "ฉันควบคุมมันอยู่ค่ะด็อกเตอร์ พลังของฉันตอนนี้แม้แต่วิญญาณของพวกลูนาติคก็เอามาใช้ได้ด้วยซ้ำ”

    เฮลฉีกยิ้มตอบชายหนุ่มด้วยท่าทีผ่อนคลาย ทว่าบรรยากาศระหว่างทั้งคู่กลับดูตึงเครียดจนเพจส์รู้สึกได้

    "ฉันว่าคุณบอกธุระมาดีกว่านะคะด็อกเตอร์ ฉันไม่ค่อยอยากจะต่อล้อต่อเถียงกับคุณนักหรอก”

    "พวกที่เต็มใจอยู่กับเธอน่ะช่างเถอะ แต่ปล่อยพวกที่เธอจับเอาไว้ซะ”

    "คำขอนั้นถึงจะเป็นคุณก็ไม่ได้หรอกนะ แถม..ทั้งที่บอกว่าวางตัวเป็นกลางแต่ช่วงนี้คุณกลับมาขวางพวกเราอยู่เรื่อย คราวนี้คงยอมถอยให้ไม่ได้ง่ายๆแล้วล่ะ”

    เฮลสั่งให้โกเลมยิงกระสุนเลือดออกมา ฝ่ายด็อกเตอร์ก็กระทืบพื้นเบาๆทำให้เกิดต้นไผ่โตทะลุพื้นขึ้นมาเรียงรายกันแน่นพอส่วนที่สัมผัสเลือดถูกละลายต้นไพ่พวกนั้นก็งอกขึ้นมาใหม่แทบจะในทันทีทันใด เฮลจึงสั่งให้โกเลมเคลื่อนที่เข้าจู่โจมตรงๆแม้พวกต้นไผ่จะพยายามงอกขึ้นมาใหม่แต่พอสัมผัสถูกร่างของโกเลมก็จะถูกละลายไปอีกทางจึงถูกเปิดกว้างให้โกเลมเคลื่อนที่เข้าจู่โจมด็อกเตอร์

    "จะว่าไป..ถ้าได้วิญญาณของคุณมาก็ไม่ต้องห่วงว่าจะอยู่ฝ่ายไหนแล้วสินะคะ”

    โกเลมเลือดเอื้อมมือเข้าคว้าร่างของชายหนุ่มทว่าทันทีทื่อของมันสัมผัสถูกร่างของเขาก็กลับแตกกระจายกลายเป็นพืชน้ำที่มีใบสีแดงร่วงหล่นลงพื้นไป จากนั้นทั่วร่างของโกเลมก็ปรากฏพืชน้ำชนิดเดียวกันเติบโตอยู่ทั่ว

    พืชน้ำพวกนั้นเติบโตและเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะที่สูบเลือดในร่างโกเลมออกไปด้วยความเร็วไม่แพ้กัน ไม่นานนักโกเลมเลือดตัวนั้นก็หายไปเหลือเพียงพืชสีแดงที่หล่นเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น

    "บ้าน่า ทำไมถึงไม่..."

    "แค่สร้างพืชที่ทนทานกับเจ้านั่นแค่มีเวลานิดหน่อยก็ทำได้ จะเตือนครั้งสุดท้าย..คืนวิญญาณพวกนั้นซะ”

    "เรื่องนั้นไม่..."

    เฮลยื่นมือตั้งใจจะปล่อยกระสุนกระดูกแต่ก่อนที่เธอจะทันขานมนตราเธอก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาที่ฝ่ามือ สาเหตุนั้นก็เพราะต้นไผ่ต้นหนึ่งที่พุ่งทะลุพื้นดินขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนแทงทะลุฝ่ามือของหญิงสาว เธอแทบจะกรีดร้องออกมาแต่ก็พยายามข่มความเจ็บปวดนั้นเอาไว้

    "ดูท่าว่าพวกเราคงต้องมองคุณเป็นศัตรูจริงจังซะแล้ว..."

    เฮลพูดขึ้นมาด้วยแววตาโกรธขึ้ง

    "ถ้าคิดจะหนีก็ปล่อยพวกนั้นไปซะก่อน”

    พูดจบต้นไผ่อีกต้นพลันพุ่งขึ้นมาเสียบแขนอีกข้างของเฮล คราวนี้เธอถึงกับต้องส่งเสียงร้องออกมา

    "ต้นไผ่พวกนี้น่ะคุมพื้นที่แถบนี้ไว้หมดแล้ว จะปล่อยหรือไม่..”

    "รู้แล้วน่า! แค่ปล่อยก็พอใช่มั้ย!”

    เฮลตะโกนลั่นก่อนที่ไผ่พวกนั้นจะค่อยๆหดกลับลงไปใต้พื้นอีกครั้ง เธอหยิบเอาหนังสือออกมาเอ่ยคำบางอย่างจากนั้นดวงแสงจางๆหลายดวงก็ลอยออกมาจากหนังสือเล่มนั้นอย่างช้าๆแล้วเลือนหายไป

    "งั้นก็ไปได้แล้ว”

    ด็อกเตอร์พูดขึ้นสั้นๆบ่งบอกว่าเสร็จธุระของตนแล้วเฮลจึงรีบเร่งออกไปโดยไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้คนที่ไม่พอใจกลับเป็นเพจส์ที่ดูเหตุการณ์มาโดยตลอด เธอจ้องมองด็อกเตอร์ด้วยแววตาโกรธเคืองก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงอันดัง

    "อีกแล้วนะคะ! ทำไมไม่จัดการเฮลซะล่ะคะ ทั้งที่เธอคนนั้นน่ะฆ่าคนมาตั้งเยอะ แถมเธอยังเป็นคนฆ่า.."

    "นั่นมันเรื่องของพวกเธอ ถ้าอยากแก้แค้นล่ะก็ลงมือด้วยตัวเองซะ” น้ำเสียงในคำตอบนั้นฟังดูเฉยชาเหมือนไม่สนใจ

    "ทั้งๆที่คุณเป็นหนึ่งในต้นเรื่องแท้ๆยังจะบอกว่าไม่เกี่ยวอีกงั้นเหรอคะ เพราะแบบนี้นี่ล่ะฉันถึงได้เกลียดคุณนัก.. พอมีธุระก็มาสั่งโน่นนี่แต่พอเป็นปัญหาของคนอื่นกลับไม่ช่วยเลยซักนิด”

    "ถ้ามัวแต่ช่วยให้ตายก็จบเรื่องนี้ไม่ได้ซักทีนั่นล่ะ น่าจะรู้อยู่แล้วนะว่าหน้าที่ของทางนี้คืออะไร”

    เถียงกันถึงตรงนี้จู่ๆบทสนทนาก็เงียบลงไป หญิงสาวทรุดนั่งราวกับได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นมาหมดแล้วโดยมีเอซคอยปลอบให้เธอใจเย็นขึ้นมาบ้าง

    "ด็อกเตอร์ ที่นายยังยอมคุยอยู่แบบนี้เพราะยังมีธุระจะคุยต่อสินะ”

    เอซถามขึ้นมาเพราะเขารู้ดีว่าหากอีกฝ่ายไม่มีธุระกับพวกเขาพอจัดการเรื่องเสร็จก็คงกลับไปแล้ว ด็อกเตอร์เงียบอยู่คู่หนึ่งก่อนจะตอบคำถามของเอซออกมา

    "ทางตะวันตกโดนทำลายแล้ว.."
  13. shinkyoto

    shinkyoto Well-Known Member

    EXP:
    580
    ถูกใจที่ได้รับ:
    3
    คะแนน Trophy:
    88
    เรื่องราวเริ่มเข้มข้นขึ้นมา ชะตากรรมเบื้องหลังวาจาไม่ยี่หระของด็อกเตอร์จะเป็นเยี่ยงไร กรุณาติดตามชมในตอนต่อไป

    --- หายไปนานแต่ยังคงเนื้อหาน่าติดตามได้คงเส้นคงวานะครับ --- ฉากต่อสู้น่าสนใจและน่าติดตามมากครับ -- อารมณ์ด็อกเตอร์นี่ ดร.ไสตน มั่กๆ --
  14. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    เฮลเก่งเวอร์ ความสามารถโกงจริงๆนะ

    เนื้อเรื่องตอนนี้บู๊ทั้งตอน เขียนบรรยายการต่อสู้ได้ดีครับ อ่านแล้วจินตนาการภาพตามได้ชัดเลยทีเดียว
    ^ ^b

    แอบเปิดปมเนื้อเรื่องในอดีตไว้นิดหน่อยสินะ... ระหว่าง ดอกเตอร์-เฮล-เพจส์
    รอตามอ่านต่อครับ
  15. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    บทเรียนที่ 7

    "ทั้งหมดถอยทิ้งระยะ!”

    สิ้นเสียงทุกคนก็พร้อมใจกันถอยห่างจากสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่อยู่กลางวงล้อมก่อนที่เจ้าสิ่งนั้นจะใช้ฝ่ามือฟาดไปรอบๆตัวจนทั้งพื้นและผนังต่างก็ครูดเป็นรอยลึก

    มันมีรูปร่างผอมแห้งทว่ากลับมีความสูงมากเสียจนต้องคู้ตัวเพื่อไม่ให้ชนกับเพดาน ส่วนหัวนั้นมีเพียงผิวหนังตะปุ่มตะป่ำกับดวงตาเล็กๆอยู่คู่หนึ่ง ไม่มีทั้งปาก,จมูกหรือหู นอกจากนั้นแล้วร่างกายอันผอมแห้งนั้นกลับมีเฉพาะส่วนมือที่ใหญ่โตจนผิดปกติแถมยังมีพละกำลังมากขนาดที่ว่าทำลายคอนกรีตหนาๆได้ด้วยการฟาดมือนั่นสะเปะสะปะไปมา

    “ทีมบียิงสกัดไว้ก่อน ทีมเอที่สู้ไม่ไหวรีบไปให้ทีมซีปฐมพยาบาลซะ ส่วนคนที่เหลือเตรียมพร้อมเข้าปะทะอีกครั้ง”

    ทันทีที่เสียงเดิมสั่งการโจมตีก็เริ่มขึ้นอาวุธหลากชนิดได้ถูกกระหน่ำยิงไม่ยั้ง ไม่ว่าจะเป็นอาวุธยิงจำพวกปืนหรือจะเป็นการจู่โจมที่คล้ายเวทมนต์แบบเพจส์ แม้การจู่โจมเหล่านี้จะได้ผลจนตัวประหลาดนั่นกรีดร้องเสียงแหลมทว่าร่างกายมันก็ได้รับความเสียหายไม่มากนัก ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นเพียงบาดแผลพื้นๆเท่านั้นเอง

    แต่ถึงจะทนทายาดขนาดไหนเจอคนจำนวนมากขนาดนี้รุมโจมตีไปเรื่อยๆในที่สุดตัวประหลาดนั่นก็ทรุดฮวบลงกับพื้นก่อนจะค่อยๆละลายหายไปในเวลาไม่นานนัก ส่วนทางสมาชิกกิลด์ที่เข้าต่อสู้นั้นเพราะการประสานงานกันทำให้พวกเขาไม่ค่อยมีใครได้รับบาดเจ็บมากนักอย่างมากก็มีเพียงบาดเจ็บเล็กน้อย

    หลังจากเช็คสภาพความพร้อมเรียบร้อยพวกเขาก็เดินทัพเพื่อกำจัดศัตรูในคืนนี้ต่อไป ระหว่างนั้นเพจส์ยังคงครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อวันก่อนจนไม่ทันได้สังเกตรอบข้างมากนัก

    “ทางตะวันตกโดนทำลายแล้ว..”

    ด็อกเตอร์เป็นคนกล่าวคำนั้นขึ้นมาซึ่งหากเป็นคนที่อยู่มานานแล้วอย่างพวกเพจส์นั้นย่อมเข้าใจความหมายของมันดี

    ภายในอาคารเรียนอันวกวนราวกับเขาวงกตนั้นแม้จะดูซับซ้อนจนไม่อาจจะแน่ใจถึงโครงสร้างของมันได้ ทว่าจากข้อมูลที่พวกเขามีอยู่อาคารเรียนนั้นไม่ได้มีอยู่แห่งเดียวแต่กลับมีถึงสี่หลังโดยตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ล้อมรอบพื้นที่บริเวณหนึ่งเอาไว้ทั้งสี่ทิศ แม้ว่าจากตำแหน่งของอาคารเรียนพวกเขาจะไม่สามารถมองเห็นและยืนยันตำแหน่งของอาคารเรียนอื่นได้ แต่ก็มีข้อยกเว้นเฉพาะในคืนจันทร์เพ็ญเท่านั้นที่พวกเขาจะสามารถออกไปยังพื้นที่ซึ่งอยู่บริเวณใจกลางได้และนั่นทำให้ได้พบกับคนของอาคารหลังอื่นๆ

    ทุกคนในอาคารแต่ละหลังต่างก็พยายามต่อสู้เอาชีวิตรอดจากพวกลูนาติคเช่นเดียวกัน แต่หากบอกว่ามันถูกทำลายไปแล้วมันก็หมายความว่า...

    “เป็นไปได้ยังไงกันคะ”

    “ฝั่งตะวันตกน่าจะมีพวก 'บริษัท' เข้าไปดูแลอยู่ไม่ใช่หรือไงด็อกเตอร์”

    “ทาง 'บริษัท' ตัดสินใจถอนตัวจากทางตะวันตกไปแล้ว จริงๆตั้งแต่เต็มดวงคราวก่อนฝั่งตะวันตกก็แทบจะเสียกำลังรบไปหมด ที่พวกนั้นเข้าไปอีกฝั่งก็แค่ซื้อเวลาเพิ่มกับอพยพพวกที่ยังติดอยู่ในฝั่งตะวันตกไปไว้ทางอื่นเท่านั้นล่ะ”

    พอต้องเริ่มอธิบายมากเข้าด็อกเตอร์ก็เริ่มแสดงอาการรำคาญขึ้นมาแบบเห็นได้ชัด คู่หูทั้งสองที่พอจะรู้จักนิสัยเขาอยู่บ้างเลยเลือกที่จะถามประเด็นสำคัญต่อทันทีก่อนอีกฝ่ายจะเลิกอธิบายให้ฟังเอาซะดื้อๆ

    “ที่ว่า 'ถอนตัว' แปลว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วสินะคะ”

    เขาพยักหน้าตอบคำถามของเพจส์ซึ่งไม่ใช่คำตอบที่เธออยากได้เท่าไหร่นัก เพราะเท่ากับว่าในคืนจันทร์เต็มดวงครั้งต่อไปพวกเขาจะขาดกำลังรบไปอีกหนึ่งกลุ่ม

    “แล้วก็คุ้มครองเป้าหมายต่อให้ดี”

    นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายก่อนที่พวกเขาจะกลับไปที่ฐาน หลังจากนั้นแลนซ์กับการ์ดก็ได้รับการรักษาจนฟื้นสติกลับมาได้แม้จะยังต้องใช้เวลาพักฟื้นอีกนานกว่าจะกลับมาแข็งแรงเหมือนเก่า ทว่าเมื่อทำหน้าที่ตัวเองเรียบร้อยแล้วด็อกเตอร์ก็ออกเดินทางต่อไปอีกโดยบอกไว้เพียงแค่ว่ามีเรื่องด่วนที่ต้องไปจัดการให้เรียบร้อย

    ขณะกำลังคิดอยู่นั้นฝ่ามือของคนข้างๆได้สัมผัสลงบนศีรษะของเพจส์อย่างแผ่วเบา

    “เลิกคิดมากได้แล้วน่า”

    เอซกล่าวเบาๆเตือนสติคู่หูก่อนจะพูดสำทับไปอีกครั้ง

    “ทำเท่าที่ทำได้ก็พอน่า ถึงน่าหงุดหงิดไปบ้างแต่หมอนั่นก็ดีกว่าพวกข้างนอกนั่นแล้วกัน”

    เพจส์ถอนหายใจเบาๆทว่าสีหน้านั้นไม่ได้ดูเคร่งเครียดแบบทีแรกแล้ว เธอยิ้มน้อยๆให้กับคู่หูพลางมองกลุ่มสมาชิกกิลด์ที่เดินทิ้งระยะห่างออกไปพอสมควรแล้ว

    “คงต้องอีกซักพักสินะคะกว่าจะบอกพวกเขาได้”

    ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำถามของเธอก่อนที่พวกเขาจะตามกลุ่มคนอื่นๆไป


    “ขอบคุณที่มาส่งนะคะ”

    อาเกฮะโค้มตัวให้ชายในชุดกาวน์ขณะที่พวกเขายืนอยู่บนชั้นพักบนวันไดวนแห่งหนึ่ง

    “ฝากทักทายเธอด้วยล่ะ”

    หญิงสาวพยักหน้ารับคำด้วยรอยยิ้มก่อนตอบออกมา “ไม่ต้องห่วงนะคะด็อกเตอร์ พอกลับมาแล้วดิฉันจะช่วยดูแลเด็กพวกนั้นให้ค่ะ”

    จบคำอาเกฮะก็กลับหลังเดินขึ้นบันไดจนกระทั่งร่างของเธอหายลับไปพร้อมกับแสงสว่างซึ่งส่องผ่านความมืดมาเพียงวูบหนึ่ง ด็อกเตอร์ซึ่งยืนนิ่งอยู่นั้นหยิบเอานาฬิกาพกขึ้นมาเช็คเวลาดูอีกครั้งก่อนเดินลงขั้นบันไดไปอีกทางหนึ่งและหายไปในความมืดเช่นเดียวกัน


    “ห้ามเลยครับ ถ้าคอยช่วยตลอดก็ไม่ได้ฝึกกันพอดี”

    รูคยืนขวางพวกเพจส์ขณะกำลังยืนมองสถานการณ์ต่อสู้ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่มากนัก ตรงนั้นแมรี่, ช็อตตี้ และเมลกำลังเผชิญหน้ากับลูนาติคร่างยักษ์อยู่ แม้จะลำบากเพราะคนที่โจมตีได้เต็มที่มีแค่ช็อตตี้แต่เพราะศัตรูเคลื่อนไหวได้ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ทำให้พวกเธอไม่ค่อยลำบากในการหลบหลีกนัก

    “ลุยล่ะนะคะ..”

    แมรี่เสกตุ๊กตาหมีขึ้นมาในมือแล้วขว้างออกไป จากนั้นตุ๊กตาหมีที่ค่อยๆขยายขนาดขึ้นก็พุ่งเข้าชาร์จลูนาติคทันที ทว่าคงเพราะแรงปะทะยังไม่มากพอแถมอีกฝ่ายยังมีขนาดใหญ่กว่าเป็นเท่าตัวผลสุดท้ายก็เลยถูกฟาดกลับจนเจ้าหมีปลิวกลับไปหาเจ้าของเล่นเอาแมรี่ก้มหลบแทบไม่ทัน

    “ระวังหน่อยสิยะยัยซุ่มซ่ามนี่”

    ช็อตตี้กราดกระสุนปืนใส่บริเวณเท้าของลูนาติคเพื่อสกัดการเคลื่อนไหวก่อนวิ่งหลบฝ่ามือที่ฟาดลงไปหาอย่างคล่องแคล่ว จังหวะนั้นเองเมลถือโอกาสหลบเข้าจุดบอดของลูนาติคและถ่ายภาพมันอาไว้ให้ปรากฏขึ้นบนหน้าจอของโทรศัพท์มือถือ

    “ใช้งานสแควร์เพล!”

    บนหน้าจอปรากฏภาพวัตถุทรงเหลี่ยมหลากหลายรูปแบบอยู่รอบๆภาพของลูนาติค ทันใดนั้นพลันปรากฏวัตถุทรงเหลี่ยมหลายชิ้นจากกลางอากาศรอบๆตัวลูนาติคเช่นเดียวกับในจอภาพก่อนจะร่วงหล่นลงมาตามแรงโน้มถ่วงและกระแทกเข้ากับร่างของลูนาติค

    “ตัวใหญ่แบบนี้หาช่องโจมตียากจัง..”

    เมลบ่นอุบขณะใช้นิ้วสัมผัสวัตถุทรงเหลี่ยมบนหน้าจอแล้วลากให้มันเคลื่อนไหวไปด้านข้าง ในขณะเดียวกันวัตถุทรงเหลี่ยมที่ปราฏขึ้นจริงๆนั้นก็เปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนไหวเป็นพุ่งเข้าปะทะกับลูนาติคในทิศทางแบบเดียวกัน

    “ช็อตตี้เล่นของใหญ่เลยเถอะ เดี๋ยวฉันกับแมรี่จะช่วยหยุดมันไว้ให้เอง”

    ขณะที่ควบคุมบล็อคเหลี่ยมทั้งหลายเข้าสกัดศัตรูเมลก็บอกแผนการให้กับเพื่อนๆไปพร้อมกัน ช็อตตี้รับคำแล้ววิ่งออกนอกวงต่อสู้ไปตั้งหลักเพื่อจำลองอาวุธใหม่ขึ้นมา ส่วนแมรี่นั้นควบคุมให้ตุ๊กตาหมีที่ปลิวไปกลับเข้ามาต่อสู้กับลูนาติคอีกครั้ง

    “เล็งตรงขาเลยแมรี่”

    “โอเคค่ะ”

    ระหว่างที่ตุ๊กหมีเข้าไปวัดกำลังกับลูนาติคเมลก็คอยควบคุมบล็อคเหลี่ยมเข้าก่อกวนอีกแรง พอได้จังหวะแมรี่จึงเรียกตุ๊กตากระทิงออกมาอีกตัวนึงแล้วสั่งให้มันวิ่งเข้าชาร์จตรงส่วนขาของลูนาติคจนมันเสียหลักทรุดลงกับพื้น

    ตอนนั้นเองช็อตตี้ก็จำแลงปืนบาซูก้าออกมาประทับบ่าเล็งเป้าหมายพลางร้องเตือนให้พรรคพวกถอยออกห่าง

    “เขยิบไปให้ไกลเลยย่ะ จะยิงแล้วนะยะ!”

    จบคำกระสุนก็แล่นออกจากลำกล้องพุ่งเข้าปะทะส่วนหัวของลูนาติคแล้วระเบิดออกจนเขม่าควันคลุ้งกระจายไปทั่วจากนั้นร่างลูนาติคที่ไร้หัวก็ร่วงลงฟาดกับพื้นแน่นิ่งไปทั้งอย่างนั้น

    “ถึงจะใช้เวลามากหน่อยแต่ถ้าตั้งใจก็พอจะสู้กันเองได้อย่างที่เห็นนี่ล่ะครับ”

    รูคจ้องมองเข็มบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมูลที่เคลื่อนผ่านไปพลางคำรวณเวลาที่ทั้งสามสาวใช้ไปกับการกำจัดลูนาติคตัวนี้

    “ชอบทำอะไรผลุนผลันไม่ปรึกษาคนอื่นอยู่เรื่อยเลยนะคะ ถ้าเกิดพวกเธอสู้ไม่ไหวจะทำยังไงล่ะ”

    “ถ้าคับขับจริงๆก็ค่อยเข้าไปช่วยก็ได้นี่ครับ ศัตรูคืนนี้อืดอาดจะตายไป”

    ชายหนุ่มตอบด้วยท่าทีสบายๆจนเพจส์พาลคิดมากแทนเสียมิได้

    “ทั้งสามคนพักก่อนได้เลยครับอีกซักเดี๋ยวค่อย... ระวังข้างหลัง!”

    ขณะที่กำลังหันไปบอกทั้งสามสาวจู่ๆรูคก็เห็นร่างของลูนาติคยันตัวขึ้นมาอีกครั้งเขาจึงรีบร้องเตือนพวกเธอซึ่งไม่ทันระวังตัวพร้อมกับพุ่งเข้าไปหา

    จังหวะที่พวกแมรี่หันกลับไปมองข้างหลังฝ่ามือของลูนาติคก็ฟาดลงมาพอดีพวกเธอจึงรีบกระโจนหลบออกมาได้แบบหวุดหวิดฝ่ามือนั่นจึงฟาดลงไปที่พื้นคอนกรีตจนเกิดรอยร้าวไปทั่วบริเวณรอบๆ

    “หลบไปครับ!”

    รูคปล่อยเฟืองขนาดยักษ์ออกไปสองอัน อันแรกนั้นปักตรึงฝ่ามือของลูนาติดไว้กับพื้น ส่วนอีกอันนั้นกรีดเฉือนบริเวณไหล่ของมันจนของเหลวสีเขียวคล้ำไหลทะลักออกมาจากปากแผล

    “บาดเจ็บกันหรือเปล่าคะ?”

    เพจส์ถามพวกแมรี่ด้วยความเป็นห่วงแต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเป็นอะไร ระหว่างนั้นรูคกับเอซก็เข้าไปดูท่าทีของลูนาติคตัวนั้น

    “แปลก.. ตอนคนในกิลด์สู้แค่ทำลายส่วนหัวก็กำจัดมันได้แล้วนะ”

    เอซพูดขึ้นขณะปาไพ่เล่นงานตามข้อต่อแขนขาของศัตรูที่กำลังพยายามลุกขึ้นจนมันทรุดลงไปอีกครั้ง ส่วนรูคนั้นเตรียมเรียกอาวุธออกมาจัดการปิดฉากศัตรูให้เรียบร้อย แต่ตอนนั้นเองที่พวกเขาสังเกตเห็นว่าร่างกายของลูนาติคตัวนั้นเริ่มเปลี่ยนไปจากสีผิวเขียวซีดเริ่มกลายเป็นสีแดงคล้ำแถมยังปูดบวมออกมา

    ทันใดนั้นร่างของลูนาติคพลันระเบิดส่งแรงทำลายออกมากินพื้นที่รอบๆเป็นบริเวณกว้าง แม้จะเพียงพริบตาแต่สภาพรอบๆก็ถูกแรงระเบิดนั้นเปลี่ยนให้เป็นซากปรักหักพังไป

    “ยังมีใครรอดอยู่บ้างยะ!”

    ช็อตตี้ซึ่งหลบอยู่ในเกราะเวทกับเพจส์และเมลร้องถามคนที่เหลือไม่นานนักก็มีเสียงตอบรับดังผ่านกลุ่มควันมาให้ได้ยิน

    “สบายดี..” เอซตอบขณะผลักกำบังซึ่งสร้างจากไพ่ออกไปให้พ้นตัว

    “ฉันกับคุณรูคปลอดภัยดีค่ะ” ตอนที่กำลังจะระเบิดแมรี่สร้างพวกตุ๊กตาหลายตัวเข้ามาช่วยเป็นกำบังให้เธอกับรูคได้พอดีทั้งคู่จึงไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมายนอกจากแผลถลอกเพียงเล็กน้อย

    “เมลรีบแจ้งคนในกิลด์ก่อนเถอะครับ ถ้าเกิดตัวอื่นๆเป็นแบบนี้ด้วยล่ะก็...”

    เมลฉุกคิดได้ทันทีที่ได้ยินคำเตือนของรูค เธอรีบส่งข้อความไปหาคนในกิลด์ทันทีทว่าตอนนั้นเองจู่ๆพวกเขาก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นจากด้านล่างก่อนที่พื้นบริเวณนั้นจะถล่มลงเพราะความเสียหายจากแรงระเบิด

    “ทางนี้ค่ะ!”

    เพจส์ร้องเรียกเพื่อนๆพร้อมกับร่ายเวททำให้พื้นบริเวณรอบๆยังคงลอยตัวอยู่ได้ ส่วนเอซอาศัยถีบตัวพุ่งไปตามเศษซากของพื้นก่อนมันจะทรุดตัวลงไปแล้วเข้าไปในอาณาเขตเวทได้สำเร็จ

    “อยู่นิ่งๆก่อนนะครับ”

    รูคบอกแมรี่พร้อมกับใช้แขนข้างหนึ่งอุ้มตัวเธอขึ้นมาแล้วรีบวิ่งฝ่าพื้นที่กำลังถล่มลงไปด้านล่างอย่างรีบเร่ง แต่ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงจุดหมายเพดานส่วนหนึ่งก็ร่วงมาขวางทางจนรูคเสียจังหวะแล้วพื้นที่ยืนอยู่นั้นก็เริ่มทรุดตัวลงไปอย่างรวดเร็วจนทั้งคู่ไม่มีเวลาหาโอกาสอีก

    “กลับไปรวมตัวกับกิลด์ก่อนเลยครับ เราสองคนจะหาทางกลับไปกันเอง”

    ชายหนุ่มตะโกนบอกพลางกระโดดหลบเศษเพดานที่ร่วงลงมา ไม่นานนักคนทั้งสองก็หายไปกับความมืดเบื้องล่างเหลือไว้แต่เพียงพวกเพจส์ที่ยังคงลอยตัวกันอยู่แบบนั้น

    “ทำตามที่หมอนั่นว่าเถอะ..”

    “แต่ถ้าตามลงไปตอนนี้..”

    “อย่าทำอวดเก่งนักเลยย่ะ ที่ดอดไปสู้กับเฮลคราวก่อนก็ใช้แต้มไปแทบหมดแล้วไม่ใช่หรือไงยะ”

    พอโดนจี้ใจดำเข้าเพจส์ก็ได้แต่ยอมรับก่อนจะควบคุมพื้นที่ลอยอยู่ให้ไปยังจุดที่ยังไม่ถล่ม

    “ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ เพิ่งติดต่อไปเมื่อกี้ทั้งคู่ปลอดภัยดี”

    “ก็อย่างที่ว่าไปนั่นล่ะครับพวกคุณกลับไปก่อนได้เลย อีกสองสามวันพวกเราตามไปถึง”

    รูคตอบกลับผ่านช่องสื่อสารของเมลขณะที่เขากำลังโรยตัวอยู่ริมผนังด้วยโซ่เหล็ก เขารู้สึกปวดตามช่วงแขนอยู่บ้างเพราะแรงกระชากตอนตกลงมาแต่ก็ยังพอฝืนทนอยู่ได้ แต่ที่ทำให้เขาเป็นห่วงมากกว่าก็คงเป็นอาการของเด็กสาวที่อยู่ในอ้อมแขนเขาตอนนี้คงเพราะตกลงมากระทันหันเธอก็เลยตกใจหน้าซีดเสียจนสังเกตได้

    “เป็นอะไรมากมั้ยครับ”

    “พ..พอไหวค่ะ”

    “ถ้างั้นช่วยดูหน่อยเถอะครับว่ามีตรงไหนพอมีช่องให้เราเข้าไปพักได้บ้างมั้ย”

    เพราะต้องพยายามเกร็งกำลังแขนไว้ดึงน้ำหนักของสองคนเขาทำให้ขยับตัวไปมองรอบๆได้ไม่ถนัดนักรูคจึงต้องอาศัยให้แมรี่ช่วยมองหาจุดที่จะหลบพักได้ แต่หลังจากมองรอบๆอยู่ครู่หนึ่งเธอก็ได้แต่เห็นผนังที่กั้นขนาบด้านหน้าและหลังทั้งคู่อยู่เท่านั้น ผนังนั้นทอดยาวออกไปทั้งสองข้างจนมองไม่เห็นว่ามันไปสุดอยู่ตรงไหนเช่นกับความสูงซึ่งถูกความมืดบดบังจนมองอะไรไม่เห็นเช่นเดียวกัน

    “ถ้างั้นก็คงต้องลงด้านล่าง.. คงไม่ลึกเท่าไหร่ล่ะมั้งครับ”

    เขาลองคาดคะเนความสูงจากเสียงของเศษพื้นซีเมนต์ที่ตกลงไปถึงพื้นดูแล้วน่าจะประมาณตึกสามสี่ชั้นซึ่งไม่มากเท่าไหร่ ว่าแล้วรูคก็ค่อยๆยืดความยาวของสายโซ่ออกให้ร่างของพวกเขาทั้งคู่หย่อนลงพื้นด้านล่างอย่างช้าๆจนกระทั่งฝ่าเท้าสัมผัสได้ถึงพื้นเบื้องล่าง

    “เย็นจัง”

    แมรี่บ่นขึ้นเมื่อได้กลับมายืนบนพื้นด้วยขาตัวเอง คงเพราะซากอาคารที่หล่นมาก่อนหน้าไปโดนท่อประปาเข้าตอนนี้ตามพื้นจึงมีน้ำขังอยู่ตื้นๆ หลังจากหันมองสำรวจรอบข้างคร่าวๆแล้วเธอก็หันกลับมามองที่รูคอีกครั้งราวกับขอความเห็นซึ่งดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้สึกได้เพราะเขาเองก็จ้องกลับมาทางเด็กสาวเช่นกัน

    “รู้สึกว่าแถวนี้จะนอกเขตสำรวจ คงต้องเดินสุ่มๆหาทางเอาแล้วล่ะมั้งครับ”

    เขาตอบเหมือนไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรนักพลางขยับแว่นตาด้วยท่าทีมาดมั่น ทว่าในใจเด็กสาวกลับรู้สึกไม่ค่อยวางใจกับตัวเลือกที่เหมือนไม่ได้คิดอะไรไว้เลยนี่น่ะสิ

    ..จะเป็นอะไรมั้ยนะแบบนี้...

    เธอถอนหายใจเบาๆก่อนจะรีบเดินตามชายหนุ่มที่เดินนำออกไป
  16. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    เอซ... เอ็งคิดอะไรกับคู่หูมากกว่าคู่หูรึเปล่าเนี่ย....??

    เนื้อเรื่องตอนนี้สั้นๆ กระชับ ยังไม่หวือหวาอะไรนอกจากการเปลี่ยนแปลงแบบผิดปกติของศัตรู
    เป็นช่วงเวลาพาเด็กใหม่เข้า training ground สินะ

    ตอนนี้ A ครับ
  17. Jammaster

    Jammaster New Member

    EXP:
    26
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    3
    ตอนนี้น้อยไปหน่อยแต่ก็เนื้อเรื่องเดินไกลขึ้นนะ ยังไม่ค่อยเห็นคาแรคของแมรี่เท่าไหร่เลยแฮะ ช๊อตตี้ยังคงเหมือนเดิม แต่เอซกับเพจนี่มีลุ้นสินะ
  18. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    แนะนำตัวละคร (1)
    *ข้อมูลของบางตัวละครมีการเปลี่ยนแปลงไปจากตอนเก่าๆครับ

    Mary (แมรี่)
    โค้ดเนม : Dollscape (ตุ๊กตารับเคราะห์)
    สังกัด : กิลด์
    ไอเท็ม : ตุ๊กตา
    สี : ทอง
    จุดสังเกต : จืดจาง
    ความสามารถ
    *สร้างและควบคุมตุ๊กตาของตัวเองได้ (ขยายขนาดและเพิ่มความแข็งแกร่งเพื่อใช้ในการต่อสู้ได้)
    *สร้างตุ๊กตาเพื่อใช้เป็นตัวแทนของคนอื่นโดยตุ๊กตาจะรับการบาดเจ็บทั้งหมดที่คนๆนั้นได้รับมาแทน
    *หากมีตุ๊กตาสำรองอยู่กับตัวจะสามารถบรรจุวิญญาณของคนที่ตายในระยะใกล้เคียงมาไว้ในตุ๊กตาได้ ตุ๊กตานั้นจะมีบุคลิกและการกระทำอิสระเช่นตอนที่มีชีวิตอยู่ทุกประการรวมทั้งสามารถใช้ความสามารถของตัวเองได้ด้วย
    อื่นๆ : ตัวเอกของเรื่อง(คาดว่านะ)ปรากฏตัวมาแบบกระทันหันแล้วก็โดนชาวบ้านลากโน่นมานี่ตลอด แถมไม่มีโอกาสแสดงบทบาทของตัวเองซักที จนผ่านไปหลายตอนก็ยังคงความจืดจางได้อย่างสม่ำเสมอ ปัจจุบันคนแต่งกำลังพยายามเพิ่มบทให้แต่ก็ดูท่าจะไม่พ้นชะตากรรมจืดจางอยู่ดีล่ะมั้ง?

    Shotty (ช็อตตี้)
    โค้ดเนม : Gunner (มือปืน)
    สังกัด : กิลด์
    ไอเท็ม : ปืนพก
    สี : เหลือง
    จุดสังเกต : เตี้ย, เป็นตุ๊กตา
    ความสามารถ
    *จำลองอาวุธประเภทปืนขึ้นมาได้ทุกชนิด ยิ่งเป็นของประสิทธิภาพสูงก็ยิ่งใช้พ้อยเยอะ
    *ปืนที่สร้างไม่จำเป็นต้องบรรจุกระสุนแต่จะใช้แต้มทุกครั้งที่ยิงออกไป
    อื่นๆ : ตัวละครเคราะห์ร้ายที่ตายตั้งกะต้นเรื่องแล้วได้ความสามารถของแมรี่ทำให้กลายมาเป็นตุ๊กตา แต่ตอนที่ยังมีชีวิตปากเสียอยู่ยังไงพอเป็นตุ๊กตาก็ยังคงคุณภาพความปากเสียอยู่เช่นนั้น สนิทกับเมลและไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ

    Mail (เมล)
    โค้ดเนม : Messenger (คนส่งสาสน์)
    สังกัด : กิลด์
    ไอเท็ม : โทรศัพท์มือถือ
    สี : ฟ้า
    จุดสังเกต : พกนิตยสารแฟชั่นอยู่เรื่อย, ชอบแต่งตัวเปลี่ยนไปตามกระแสแฟชั่นตลอด
    ความสามารถ
    *สื่อสารกับคนที่เคยพบแล้วได้ด้วยโทรศัพท์มือถือแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่มีโทรศัพท์ก็ตาม ลักษณะของการสื่อสารนั้นดูจะคล้ายกับเทเลพาธี (การสื่อสารผ่านกระแสจิต)
    *ใช้ระบบ GPS ในมือถือตรวจสอบพื้นที่และเส้นทางรอบๆได้ รวมถึงตำแหน่งของคนอื่นๆหรือลูนาติค แต่ขอบเขตที่ตรวจสอบได้ไม่กว้างมากนัก
    *Square Play – ความสามารถเสริมที่ใช้ในการต่อสู้ ทำงานคล้ายกับโปรแกรมเกมตัวหนึ่งที่เล่นด้วยการควบคุมบล็อคเหลี่ยมหลากหลายรูปร่างเพื่อทำคะแนนสะสมไปเรื่อยๆ แต่ถ้าใช้คู่กับกล้องถ่ายภาพในตัวมือถือจะสามารถสร้างบล็อคพวกนั้นออกมาเล่นงานสิ่งที่ถูกถ่ายภาพเป็นแบ็คกราวด์ของเกมได้ การจู่โจมของโปรแกรมนี้จะคล้ายกับการจู่โจมด้วยคลื่นจิตและจะไม่มีผลกับสิ่งที่ไม่ได้ถูกถ่ายภาพเอาไว้
    อื่นๆ : ที่จริงมีตำแหน่งในกิลด์อยู่ในระดับค่อนข้างสูงเพราะความสามารถสารพัดประโยชน์ แต่เจ้าตัวไม่ชอบอุดอู้อยู่ในฐานเท่าไหร่นักก็เลยมักจะออกเดินทางไปกับช็อตตี้ที่เป็นเพื่อนสนิทบ่อยๆ เธอมีนิสัยแปลกๆอยู่อย่างคือชอบเรียกชื่อคนอื่นลงท้ายด้วยเสียงเดียวกันตลอด

    Pages (เพจส์)
    โค้ดเนม : Magic Librarian (บรรณารักษ์มนตรา)
    สังกัด : -
    ไอเท็ม : หนังสือปกแข็ง
    สี : แสด
    จุดสังเกต : แว่นกลม, เปียคู่, ขี้กังวล
    ความสามารถ
    *ร่ายเวทต่างๆผ่านหนังสือที่มี โดยเวทส่วนใหญ่จะเป็นเวทที่ควบคุมธาตุต่างๆ เช่น ไฟ, น้ำแข็ง, ไฟฟ้า แต่ก็มีเวทประเภทสนับสนุนอยู่บ้าง เช่น รักษาบาดแผล, สร้างเกราะป้องกัน หรือเวทที่ทำให้ลอยตัวอยู่ได้
    *Thousand Spell – ท่าไม้ตายที่ใช้ไม่ค่อยบ่อยนักเพราะกินพ้อยปริมาณมาก โดยทำการสร้างหนังสือออกมาเป็นจำนวนมากและหนังสือแต่ละเล่มก็จะสามารถใช้เวทชนิดต่างๆกันออกมาได้เล่มละหนึ่งเวททำให้เพจส์สามารถใช้เวทหลากหลายชนิดได้ในเวลาเดียวกัน
    อื่นๆ : หนึ่งในคู่หูที่ช่วยชีวิตแมรี่เอาไว้ในคืนแรกที่แมรี่อยู่ในโรงเรียนปริศนานี่ แม้จะไม่ได้สังกัดกิลด์แต่ก็เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอยู่บ่อยๆ ดูเหมือนเธอจะมีความแค้นกับเฮลที่เป็นรองหัวหน้าของราเว่นด้วยเรื่องในอดีตอยู่

    Aze (เอซ)
    โค้ดเนม : Dealer (เจ้ามือ)
    สังกัด : -
    ไอเท็ม : สำรับไพ่
    สี : เหลืองขุ่น
    จุดสังเกต : พูดน้อย, แพ็คแถมของเพจส์
    ความสามารถ
    *สร้างไพ่ออกมาใช้งานในรูปแบบต่างๆ โดยส่วนใหญ่จะใช้ปาจู่โจมเหมือนกับอาวุธบิน
    *ไพ่ที่สร้างขึ้นมาจะมีหน้าไพ่แบบสุ่มและแต่ละหน้าจะมีคุณสมบัติเสริมที่แตกต่างกันออกไป การรวมหน้าไพ่ต่างๆเข้ามาใช้ด้วยกันจะทำให้สามารถแสดงคุณสมบัติของไพ่ออกมาได้หลากหลาย
    *รูปร่างของไพ่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทั้งความยาว, ความกว้าง, ความหนา รวมไปถึงความแข็งแกร่งของตัวไพ่ด้วย
    อื่นๆ : ชายหนุ่มปากหนักคู่หูของเพจส์ที่ตามติดกันตลอดทุกที่ โดยส่วนใหญ่เขาจะยอมรับการตัดสินใจของเพจส์เป็นหลักแต่ในบางเวลาเขาก็จะคอยเตือนเธอด้วยเช่นกัน ในเวลาต่อสู้เขามักจะทำหน้าที่คอยสนับสนุนและระวังอันตรายให้เพื่อนๆซะมากกว่า

    Rook (รูค)
    โค้ดเนม : Clock Work (คล็อคเวิร์ค)
    สังกัด : กิลด์
    ไอเท็ม : นาฬิกาข้อมือ
    สี : เหลืองโลหะ
    จุดสังเกต : แว่นเหลี่ยม, ผมเรียบแปล้
    ความสามารถ
    *สร้างชิ้นส่วนกลไกของนาฬิกาขึ้นมาได้ ชิ้นส่วนที่สร้างนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงขนาดหรือรายละเอียดปลีกย่อยได้ตามต้องการ และชิ้นส่วนที่สร้างนั้นสามารถเป็นชิ้นส่วนของนาฬิกาชนิดใดๆก็ได้
    *สามารถเสริมความแข็งแกร่งของชิ้นส่วนแล้วใช้เป็นอาวุธได้ เช่น ใช้เข็มนาฬิกาแทนดาบ, ปล่อยลูกตุ้มเหล็กออกไปจู่โจม, ขว้างเฟืองยักษ์เหมือนกงจักร ฯลฯ
    อื่นๆ : สมาชิกระดับผู้บริหารของกิลด์มักชอบออกหน้ารับทำเรื่องต่างๆให้ชาวบ้าน ด้วยท่าทีนิสัยนั้นดูเป็นคนละเอียดรอบคอบแต่ก็มีจุดที่ไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลังอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องตรงต่อเวลาที่ไม่ค่อยจะทำได้ซํกเท่าไหร่นัก แต่ในบรรดาผู้บริหารของกิลด์แล้วเขาเป็นคนที่มักจะออกหน้าทำเรื่องต่างๆมากที่สุดและชอบเข้าไปช่วยเหลือสมาชิกอยู่บ่อยๆทำให้บรรดาสมาชิกรู้สึกนับถือเขาอยู่มาก

    Needle (นีดเดิล)
    โค้ดเนม : Sew Witch (แม่มดนักเย็บ)
    สังกัด : สีขาว
    ไอเท็ม : ชุดเย็บปักถักร้อย
    สี : เหลืองนวล
    จุดสังเกต : ผมม่วงแกมแดง, เสื้อกาวน์
    ความสามารถ
    *ซ่อมแซมวัตถุหรือรักษาสิ่งมีชีวิตได้ด้วยการเย็บ ต่อให้พังเสียหายแค่ไหนหรือบาดเจ็บร้ายแรงเพียงใดขอแค่เธอเย็บเข้าให้มันเชื่อมต่อกันก็สามารถทำให้กลับสู่สภาพสมบูรณ์ได้
    *ควบคุมเข็มและด้ายเข้ารัดตรึงเย็บติดเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของศัตรู
    อื่นๆ : หัวหน้าของกลุ่มสีขาวที่มีเป้าหมายในการช่วยเหลือผู้อื่นเป็นหลัก แม้ตัวเธอจะมีความสามารถการต่อสู้อยู่ไม่น้อยแต่เพราะเกลียดการต่อสู้และใช้พ้อยที่มีไปกับการรักษาคนอื่นเสียมากกว่าทำให้ต่อสู้ไม่ค่อยได้นัก เธอมีบุคลิกอ่อนโยนเช่นเดียวกับภาพลักษณ์ที่เห็นแถมยังมีฝีไม้ปลายจวักเย็บปักถักร้อยสมกับเป็นแม่บ้านแม่เรือนจนเป็นที่ชื่นชอบของหนุ่มๆและสาวๆ(?)ทั้งหลาย แต่เพราะเธอมักจะใช้เวลาดูแลคนป่วยเสียมากจนไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อนทำให้บางทีก็พลอยป้ำๆเป๋อๆทำเรื่องซุ่มซ่ามเอาได้อยู่เหมือนกัน

Share This Page