Eliminate Chaos Chapter 13 - บทที่ 3 ตอนที่ 1

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย Azemag, 27 พฤศจิกายน 2011.

  1. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    บทที่สอง ปฐมบทแห่งหายนะ
    ตอนที่ 2 วิหคสายฟ้า ปักษาอัคนี

    ในห้องแห่งหนึ่ง แสงไฟสลัวสาดส่องร่างชายผมดำ เขาถูกล่ามกับผนังหินด้วยตรวนทั่วร่างมีบาดแผลนับไม่ถ้วน

    ห่างไปไม่ไกลนัก อากิรอส คีฟ กำลังดื่มชาตอนสายอย่างสบายอารมณ์

    “ไม่กินไม่ดื่มตั้งสองวัน เจ้าไม่หิวรึไงกัน?”

    เงียบ ไม่มีคำตอบ

    “เฮ้อ ทำไมพวกนักสู้ทั้งหลายถึงให้ความสำคัญกับสิ่งที่มองไม่เห็นจับต้องไม่ได้อย่าง 'ศักดิ์ศรี' มากกว่าชีวิตกันนะ”

    แส้สะบัดด้วยความเร็วฟาดเข้ากลางอก เสียงเนื้อแตกดังลั่นแสบแก้วหู

    เงียบ ไม่มีเสียงร้องโอดครวญใดๆ

    “เอาละ ข้ายอมแพ้ก็ได้” อากิรอสทิ้งแส้ในมือ หยิบถ้วยชาจากโต๊ะข้างตัว เดินเข้าหาชายผู้มีรอยสักรูปปีกสีดำที่คอ

    “คนฉลาดอย่างเจ้าน่าจะรู้ว่าข้าต้องการสิ่งใด” เด็กหนุ่มยกถ้วยชาผ่านจมูกเขา

    ชายผมดำเบิกตากว้างสีหน้าตื่นตระหนกทันที

    “ก็แค่ชาธรรมดาเท่านั้นไม่เห็นต้องตกใจเลย เพียงแต่...” อากิรอสยิ้มสนุกสนาน “มีบางอย่างผสมลงไปเพื่อให้ชาถ้วยนี้อร่อยขึ้นอีกนิด”

    “ใช่แล้ว ดอกของต้นไม้เวทมนต์ที่มีชื่อว่า 'อิลลูชั่น' ดอกไม้มายาที่มีฤทธิ์กล่อมประสาท ทำให้เห็นภาพหลอนแห่งความฝัน”

    “ถ้าเจ้าทนไม้แข็งได้ ข้าก็จะลองใช้ไม้อ่อนดูบ้าง”

    นักเวทผมเงินยกมือซ้ายบีบปากอีกฝ่ายให้เปิดออก นักฆ่าผู้อ่อนแรงดิ้นรนขัดขืนด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมด

    “อย่าดิ้นสิ” น้ำแข็งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อผนึกการเคลื่อนไหว ชาผสมยากล่อมประสาทถูกกรอกลงปากนักโทษจนหมด อากิรอสดีดนิ้วหนึ่งครั้ง กาป้านใหญ่บนโต๊ะลอยมาอยู่ในมือเขา

    “นี่จะช่วยให้เจ้าไม่หิวน้ำไปอีกนาน”

    ชาทั้งกาถูกรินลงคอชายผมดำจนหมด เด็กหนุ่มโยนกาเปล่าทิ้งลงพื้นจนแตกละเอียด กลับไปนั่งจิบชาอย่างสบายอารมณ์อีกครั้ง

    สองวันหลังการต่อสู้

    เอเซ ซีวิลและเทรนเดินทางถึงสถานที่นัดหมาย - นครแห่งปัญญา 'อเลกซานเดรีย'

    "ว้าว สวยจัง"

    เด็กสาววิ่งพลางหมุนตัวมองรูปสลักหินอ่อนตั้งเรียงรายบนสองฟากถนน ตึกรามก่อสร้างจากหินอ่อนอย่างวิจิตรงดงามประณีตหรืออย่างน้อยก็ก่ออิฐฉาบปูนทาสี ต่างจากหมู่บ้านที่ผ่านๆมาซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอาคารไม้หรือกึ่งอิฐกึ่งไม้เกือบทั้งหมด กระจกแก้วหลากสีสะท้อนแสงอาทิตย์ก่อกำเนิดประกายรุ้งเลื่อมลอยกลางอากาศ ชาวเมืองล้วนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสวยงามและเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม

    "นัดไว้ที่ไหน" ซีวิลชวนคุยเป็นการเป็นงาน

    "ลานน้ำพุซ้ายของจัตุรัส อีกสองชั่วโมง" เอเซตอบ

    "ยังมีเวลา แวะหาอะไรกินก่อนแล้วกัน"

    ทั้งสามคนใช้เส้นทางสายรองตัดไปทางตะวันตกมุ่งไปที่จุดนัดพบ

    น้ำพุขนาดใหญ่เป็นรูปเทพธิดาเทน้ำจากคนโทรอบล้อมด้วยแปลงดอกไม้ ถนนตีเส้นโค้งเป็นวงเวียนขนาดย่อมรายล้อมด้วยโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ร้านขายของ ผู้คนจอแจพลุกพล่าน เด็กเล็กๆวิ่งเล่นสนุกสนานโดยมีพ่อแม่นั่งดูอยู่ไม่ไกล

    ภายในร้านอาหาร บทสนทนาของทุกคนทุกโต๊ะคือเหตุการณ์ที่พวกเขามีส่วนร่วมอย่างสดๆร้อนๆ

    "เห็นเขาว่าหมู่บ้านพังไปครึ่งนึงเลยนะ"

    "นักเวทจากเวเนสงั้นรึ"

    "มากันสองคน ผู้หญิงคน ผู้ชายคน"

    "คนที่เห็นบอกว่าเป็นเด็กทั้งคู่เลย มาตามจับคนว่ะ"

    "พับผ่า! นักเวทสู้กันก็บรรลัยหมดน่ะสิ"

    "สู้กับ 'วิหคสายฟ้า' ต่างหาก"

    "วิหคสายฟ้า!?"

    “ทำไมกัน?”

    "วิหคสายฟ้าก็ล่าตัวหมอนั่นอยู่เลยแย่งตัวกัน สู้กันเละเทะเลย"

    "วิหคสายฟ้าก่อเรื่องอีกแล้วเรอะ"

    "ตัวหายนะชัดๆ"

    "มื้อนี้เจ้าออกเงินนะ! เอเซ"

    ซีวิลตั้งใจพูดเสียงดังตั้งแต่หน้าประตูร้าน ทุกสายตาหันมองเป็นจุดเดียว บรรยากาศอึดอัดทันทีเมื่อนักสู้หลายคนแผ่พุ่งจิตต่อสู้ท้าทาย

    เอเซเดินไปยืนกลางร้าน ยิ้มมุมปาก จิตสังหารปะทุจากตัวเขาราวกับสายฟ้าฟาด กรรโชกเหมือนลมพายุ

    เหงื่อกาฬของนักสู้ทุกคนแตกทะลักทันทีเมื่อได้สัมผัสถึงความแตกต่างของตนเองกับอีกฝ่าย

    เป็นความรู้สึกเหมือนไก่บ้านประจันหน้าพญาอินทรีย์

    เอเซเดินตรงไปที่โต๊ะว่าง นั่งลงแล้วสั่งอาหารทันที ซีวิลเดินผิวปากตามมาผิดกับเทรนที่หันซ้ายหันขวาระแวงกับสายตาไม่เป็นมิตรจากทั้งร้าน

    "ขอบใจที่เลี้ยงนะ" ซีวิลบอกหลังจากกระดกน้ำแก้วใหญ่ดื่มจนหมด

    "ใครบอกว่าข้าจะเลี้ยงเจ้า" เอเซสวนกลับ

    “มีเงินตั้งเยอะจะเก็บไว้ฝังดินรึไงวะ” นักสู้รุ่นพี่กระแทกแก้วกับบาร์เสียงดัง

    “ให้เลี้ยงเจ้าเอาเงินไปโยนทิ้งแม่น้ำเทมส์ให้ปลากินยังดีกว่า” รุ่นน้องก็ไม่ลดราวาศอก

    "งั้นข้าเลี้ยงเอง"

    ชายคนหนึ่งยืนด้านหลังพวกเขา เหรียญเงินมูลค่าห้าหน่วยถูกดีดเข้าหาเจ้าของร้าน

    "ไม่ต้องทอน ที่เหลือเก็บเป็นค่าเสียหาย"

    ซีวิลคว้าตัวเทรนหลบทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงความเป็นศัตรูจากชายคนนี้

    ดาบฟาดเปรี้ยงกับโต๊ะจนขาดเป็นสองส่วน จานชามหล่นแตกกระจัดกระจาย

    "เคยบอกไว้แล้วใช่ไหมว่าอย่าโผล่มาให้ข้าเห็นหน้าอีกครั้ง"

    "ไม่ใช่เจ้าแส่เสนอหน้ามาหาข้าเองหรอกรึ? เฟท!" เอเซกระชากดาบฟาดกลับ อีกฝ่ายขยับหลบล่วงหน้าเหมือนรู้ท่วงท่าโจมตีของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี

    คนทั้งร้านลุกหนีทันที

    ชายหนุ่มหน้าตาคมคายผมสีน้ำตาลแดงใส่เสื้อสีเลือดหมู กางเกงยีนส์สีดำซีดกับเข็มขัดโลหะรมควัน ดวงตาสีแดงเข้มเปล่งประกายวูบวาบราวกับเพลิงไฟ

    ดาบเคลย์มอร์เช่นเดียวกับเอเซอยู่ในมือขวาของเขา

    "ใครกันน่ะพี่ซีวิล" เทรนกระซิบถาม

    "'เฟท ฟาน เลวานธีน' นักล่าค่าหัวชื่อดังไม่แพ้เจ้าเอเซนั่นหละ"

    "สองคนนี้ไม่ถูกกันเหรอ"

    ซีวิลหันมายิ้มให้เธอ "ถ้าเป็นเพื่อนกันจะอยากฆ่ากันขนาดนี้เหรอ"

    เฟทเป็นฝ่ายรุกเข้าหาก่อน ดาบปะทะดาบจนเกิดเสียงดังลั่น

    "ที่แส่มาก็เพื่อมาฆ่าเจ้านี่แหละ"

    "งั้นเรอะ" เอเซออกแรงกระแทกอีกฝ่ายจนกระเด็นออกนอกร้านแล้วกระโจนซ้ำเงื้อดาบฟาดสุดแรงแต่เฟทก็ขยับหลบได้เหมือนรู้ล่วงหน้าอีกครั้ง

    ทั้งสองตั้งท่าเตรียมพร้อมอยู่กลางถนน จำนวนคนมุงดูเริ่มมากขึ้นเมื่อรู้ว่าใครสู้กับใคร

    สายลมพัดมาวูบหนึ่ง พัดใบไม้จากหลังคาตกบนพื้นระหว่างพวกเขาเป็นสัญญาณเริ่มการต่อสู้อีกครั้ง

    เอเซเพียงแค่เอียงคอก็สามารถหลบดาบที่จู่โจมเข้ามาได้ เฟทเพิ่มความเร็วมากขึ้นจนเอเซต้องขยับหลบทั้งตัวแต่ไม่อาจทำให้เขาขยับออกจากจุดเดิมได้

    "ดูถูกข้างั้นเรอะ"

    อีกฝ่ายเปลี่ยนท่วงท่าโจมตีที่ขา เอเซจำต้องกระโดดถอยหลังหลบอย่างเลี่ยงไม่ได้ เฟทเล็งจังหวะนั้นพุ่งตัวด้วยความเร็วสูงสุดเข้าประชิดทันที

    ทันทีที่ดาบปะทะกัน เอเซเป็นฝ่ายกระเด็นกระแทกกับกำแพงบ้านหลังหนึ่ง

    "ชิ ยังบ้าพลังเหมือนเดิมเลยนะ"

    ใบหน้าของเฟทบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เขาพุ่งเข้าโจมตีสุดกำลัง เอเซขยับหลบไปก่อน กำแพงบ้านหลังนั้นพังทลายราวกับถูกค้อนยักษ์ฟาดใส่มากกว่าถูกฟันด้วยดาบเล่มเล็กๆ

    "อย่ามาพูดเหมือนรู้จักข้าดีนะ!"

    เอเซไม่ตอบแต่ยิ้มเล็กๆ แฝงความเศร้าจากก้นบึ้งหัวใจ

    เฟทรุกไล่อีกครั้ง แต่เอเซหลบเลี่ยงด้วยความเร็วที่เหนือกว่าไม่ยอมปะทะด้วย

    "ถ้าไม่คิดจะสู้ก็ตายไปซะ"

    คลื่นความร้อนมหาศาลแผ่ออกจากตัวเขา ใบดาบแดงราวกับถูกเผาในเตาหลอม

    ทันทีที่ดาบสองเล่มปะทะกัน เสียงระเบิดดังสนั่น สะเก็ดดินและไฟปลิวว่อน

    เอเซถลันตัวออกจากกองเพลิง รอยไหม้ปรากฏที่หน้าและแขน เสื้อผ้าถูกไหม้ควันโขมง

    "ตั้งใจจะฆ่าจริงๆสินะ" ซีวิลเพียงสังเกตการณ์ไม่คิดจะแทรกแซง เขาเหลือบมองเด็กสาวข้างกาย มองสายตาของเธอที่เต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้

    "เมื่อก่อนสองคนนั้นเป็นคู่หูกวาดล้างโจรค่าหัวได้มากมาย สู้กับกองโจรสองต่อร้อยเอาชนะก็เคยมาแล้ว จนสุดท้ายทั้งสองคนได้ฉายา 'วิหคสายฟ้า-ปักษาอัคนี'"

    "ทว่า...เมื่อหกปีก่อน เกิดอะไรขึ้นข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ทั้งสองคนแยกเส้นทางเดิน คนหนึ่งเป็นนักล่าค่าหัวไร้สังกัด อีกคนตั้งกลุ่มขึ้นมาและกลายเป็นหัวหน้ากลุ่มนักล่าค่าหัวที่โด่งดังในตอนนี้"

    "และสู้กันทุกครั้งที่เจอหน้ากัน" เทรนพูดเติมท้ายประโยค

    "ราวกับเป็นศัตรูที่มีความแค้นต่อกัน" ซีวิลพูดปิดให้สมบูรณ์

    เสียงระเบิดดังอีกครั้ง ดังมากกว่าครั้งก่อน เอเซบาดเจ็บมากขึ้น รอยแผลไหม้แม้จะไม่ใหญ่แต่ก็มีเกือบทั่วแขนสองข้าง

    "อย่าบีบบังคับข้ามากเกินไป" เอเซตั้งท่าอีกครั้ง สายตาไม่มีความลังเลอีกต่อไป

    "อย่าดีแต่ปากก็แล้วกัน" เฟทคำราม สะบัดดาบโจมตีด้วยลูกไฟขนาดใหญ่อีกครั้ง

    เอเซสะบัดดาบสวนกลับเกิดแสงสว่างวาบลูกไฟระเบิดกลางอากาศก่อนถึงตัวเขา พร้อมกับไหล่ซ้ายของเฟทเกิดบาดแผลจนเลือดกระฉูด

    "ทางนี้ก็เอาจริงแล้วสินะ" ซีวิลผิวปาก

    ใบดาบเคลย์มอร์ในมือเอเซเรืองแสงสีฟ้าจางขึ้นมา

    ทั้งสองฝ่ายจรดดาบตั้งท่าของตนเตรียมปะทะกันอีกครั้ง จิตสังหารลุกโชนจนบรรยากาศในบริเวณนั้นอึดอัดจนหายใจไม่ออก

    เทรนทรุดตัวลงนั่งชันเข่าเหงื่อไหลเต็มหน้า เช่นเดียวกับชาวบ้านที่มุงดูรอบๆ

    "แย่แฮะ อีแบบนี้อเลกซานเดรียพินาศแหงๆ" ซีวิลก้มลงประคองเด็กสาว

    ก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายมากไปกว่านี้ เงาดำทะมึนเข้าปกคลุมทั้งสอง ลมพัดแรงจนหลายคนต้องยกแขนปิดหน้ากันฝุ่นดินที่คลุ้งขึ้นมา

    มังกรดำบินลงตรงกลางระหว่างนักดาบทั้งสอง หญิงสาววัยสะคราญถือบังเหียนควบคุมอยู่บนอานกลางหลัง

    "พอแค่นั้นแหละ ทั้งสองคนเลย"

    เธอสวมเสื้อกล้ามสีขาวตัดปลายไม่สม่ำเสมอเผยให้เห็นหน้าท้องขาวเนียนแบนราบ เสื้อเชิ้ตสีฟ้าครามแขนกุดกลัดกระดุมบนเม็ดเดียว กระโปรงยีนส์สั้นสีม่วงอ่อนขับให้ขาเรียวยาวคู่นั้นดูงดงามมากยิ่งขึ้น

    ดวงตาดำขลับดวงโตเป็นประกายดุจราตรี ผมสีเดียวยาวประบ่ากันพลิ้วตามจังหวะมังกรดำขยับปีก

    ซีวิลเป่าปากโล่งอก "รอดไปที"

    "กี่ครั้งกันแล้วที่ข้าต้องคอยห้ามพวกเจ้าไม่ให้ทะเลาะกันเหมือนเด็กสี่ขวบ" เธอพูดอย่างระอาพลางถอนหายใจ "แล้วนี่คิดจะเผาเมืองอเลกซานเดรียรึไงกัน"

    เอเซปิดตาลงสงบจิตสังหารลงจนหมดเก็บดาบเข้าฝัก เฟทหัวเสียเตะพื้นระบายอารมณ์อย่างช่วยไม่ได้

    "จะแยกย้ายกันเองหรือจะให้มังกรคาบไปโยนทิ้งนอกเมือง?" เธอถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนล้อเล่น แต่กลับทำให้ทั้งสองคนขยับเดินทันที

    เอเซเดินกลับมาหาซีวิลและเทรน ส่วนเฟทหันหลังเดินกลับมีนักสู้จำนวนหนึ่งวิ่งตาม

    "พี่เฟท ทำไมถึงยอมผู้หญิงคนนั้นง่ายๆละ" คนที่ถามแต่งกายพกอาวุธคล้ายนักล่าค่าหัว

    "ไอ้บ้านี่" คนถามถูกเขกหัวด้วยกำปั้น "ขอโทษด้วยนะพี่ ไอ้นี่มันเด็กใหม่"

    "ขืนมีเรื่องกับเธอละก็ ชาตินี้ไม่ต้องทำมาหากินกับอาชีพนักล่าค่าหัว รู้แค่นี้ก็พอแล้ว" เฟทตอบน้ำเสียงไม่สบอารมณ์เท่าไร

    “เจอกันคราวหน้าข้าฆ่าเจ้าแน่นอน เอเซ!”

    ‘จ่าฝูง’ กระโดดลงจากหลังมังกร มันกระพือปีกลอยตัวขึ้นบินกลับทิศทางเดิมที่บินมา เธอเดินตรงดิ่งไปหาเอเซทันที

    "คราวนี้จะแก้ตัวว่ายังไงละ"

    เอเซนั่งบนบันไดหน้าร้านไม่ตอบคำถาม

    "เจ้าก็เหมือนกันซีวิล ทำไมไม่รู้จักห้าม"

    "เอ่อ..คือว่าข้า...มันกะทันหันเกินไปน่ะ" ต่อหน้าจ่าฝูงเขากลายเป็นคนประหม่าพูดจาติดขัดในทันที หน้าก็เริ่มแดงมากขึ้นเรื่อยๆ

    "อย่างงั้นเหรอ"

    "ใช่ๆ เมื่อกี๊ข้าก็ตั้งใจจะเข้าไปห้าม เจ้าก็มาพอดีน่ะ แหะๆ"

    "ฟังเหมือนคำแก้ตัวมากกว่า จะโกหกข้านี่คิดดีแล้วนะซีวิล" เธอส่งยิ้มหวาน ซีวิลถึงกับพูดอะไม่ออก หน้าแดงปากสั่นทำอะไรไม่ถูก

    “เรื่องนั้นคงต้องถามคนชื่อเฟทอะไรนั่นแล้วละ พวกเรานั่งกินข้าวอยู่เฉยๆต่างหาก” เทรนสอดปากแทรกขึ้นมา “พวกเราไม่ได้ผิดซะหน่อย”

    ซีวิลทึ่งที่เธอเป็นฝ่ายตอบแทน เอเซขยับมองเด็กสาวเล็กน้อย

    “เจ้าคงชื่อเทรนสินะ” หญิงสาวเบนความสนใจมาที่เธอ “ข้าชื่อ ‘คีน อเลกซิส’ จ้ะ”

    “รู้ชื่อ...ของข้าได้ยังไงกัน?”

    “เรื่องแค่นี้ยังไม่รู้ ข้าก็คงต้องเลิกอาชีพ ‘แม่ค้าข่าว’ แล้วละนะ” คีนเอื้อมมือลูบหัวอีกฝ่ายอย่างเอ็นดูก้มลงกระซิบข้างหู “ข้ารู้หมดทุกเรื่องแหละ เรื่องพ่อของเจ้า เรื่องของโดมินิคที่พยายามข่มขืนเจ้ารวมถึงหนี้สองร้อยเหรียญทองด้วย”

    “แล้วก็นะ ใครเริ่มก่อนเริ่มหลังไม่เกี่ยวหรอก สำคัญที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนรึเปล่า”

    เทรนจะอ้าปากถามแต่ถูกนิ้วมือเรียวของคีนยกขึ้นมาแตะริมฝีปากเสียก่อน

    “เอาละ ไหนๆก็เจอกันก่อนเวลานัดแล้ว ไปพบ ‘ผู้ว่าจ้าง’ กันเลยไหม?”

    ทุกคนเดินมาถึงใจกลางเมือง คูน้ำใหญ่ล้อมรอบกำแพงสูงใหญ่ กำแพงสูงใหญ่ล้อมรอบพื้นที่กว้างขวาง หมู่อาคารน้อยใหญ่ด้านหลังกำแพงปลูกสร้างอย่างเป็นระบบระเบียบ หอคอยฐานแปดเหลี่ยมตั้งตระหง่านอยู่กลางหมู่ตึกหินอ่อนสีขาว

    นายทหารผู้มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่หน้าประตูใหญ่ตบเท้ายืนตรงทำความเคารพ ‘คีน อเลกซิส’ เมื่อเธอและกลุ่มของเอเซเดินมาถึง

    ชั้นไม้สูงต่ำหลากหลายบรรจุหนังสือมากมายไว้ โต๊ะไม้โอ๊กขัดมันตั้งแถวเรียงรายเป็นระเบียบ ผู้คนต่างจดจ่ออยู่กับหนังสือของตน

    “หนังสือเยอะจัง” เทรนหมุนตัวมองตู้หนังสือที่รายล้อมชนิดนับไม่หวาดไม่ไหว

    “ที่นี่คือห้องสมุดอเลกซานเดรีย เท่าที่ข้ารู้มันก็มีอายุมากกว่าปู่ของข้าซะอีกนะ” คีนอธิบาย

    “เราจะไปพบผู้ว่าจ้างที่ชั้นบนสุดกัน” แม่ค้าข่าวสาวสวยเดินนำไปยังเสาต้นใหญ่ใจกลางห้องสมุด นายทหารทำความเคารพเธอแล้วกดสัญลักษณ์บนผนัง แผ่นหินอ่อนเปิดออกเป็นประตู

    ภายในเป็นลิฟท์ขนาดใหญ่สามารถจุคนได้หลายสิบคนในครั้งเดียว

    จักรกลไต่ระดับพาทุกคนขึ้นมาถึงชั้นบนสุดของหอคอยห้องสมุด เป็นห้องโล่งกว้างสองชั้น ผนังทุกด้านถูกเติมเต็มด้วยชั้นหนังสือ กลิ่นกระดาษและหมึกอบอวลอยู่ทุกอนู

    ชายสูงอายุในชุดทักซิโด เข็มกลัดสีเงินรูปนกพิราบบนหน้าอกซ้ายติดตั้งตรงสนิท

    “กรุณารอสักครู่คุณหนูอเลกซิส นายน้อยกำลังร่างหนังสือสำคัญอยู่”

    “มิเป็นไรค่ะ” คีน อเลกซิสตอบอย่างสุภาพพร้อมค้อมตัวทำความเคารพ

    “มีแขกมางั้นหรือ 'ลุงเอิร์ลเกรย์'” เสียงของหนุ่มน้อยดังจากชั้นสอง

    “คุณหนูคีนมาถึงแล้วครับ”

    “หาน้ำชาของว่างให้แขกทานก่อน อีกประเดี๋ยวจะตามไปครับ”

    ชายชรารับคำสั่งพาทุกคนไปยังโต๊ะรับรองทางขวามือ เป็นเก้าอี้ไม้ยาวบุนวมสีแดงเลือดนก แจกันใส่ดอกไม้สดส่งกลิ่นหอมตั้งกลางโต๊ะหกขาทรงกลมขัดผิวมันวาว

    สักครู่เขายกชุดน้ำชามาบริการทุกคน “เชิญตามสบายครับ”

    แม่ค้าข่าวโค้ดเนมจ่าฝูงยกชาขึ้นจิบอย่างสบายใจ

    ห้านาทีกว่าๆน้ำชายังไม่หายร้อน เด็กหนุ่มรุ่นๆในชุดลำลองสวมเสื้อเชิ้ตสีเหลืองอ่อนปลายชาย กางเกงขาวยาวสีดำเดินเข้ามาหาทุกคน

    แว่นตาล้ำค่าไม่อาจซ่อนประกายเฉียบคมในดวงตาสีส้มของเขา ผมสีอ่อนกว่าดวงตาเล็กน้อยหวีเป็นทรงเรียบร้อย คางเรียวยาวและผิวกายที่คล้ำกว่าคนทั่วไปทำให้เขาดูมีอายุมากกว่าอายุจริง

    ชายชรายกถ้วยชามาให้ทันทีที่เขานั่งลง

    “ขออภัยที่ต้องให้ทุกท่านรอ พอดีมีงานด่วนเข้ามาน่ะครับ”

    “นี่คือคนที่ท่านต้องการพบตัว - เอเซ แมคโดเวล นักล่าค่าหัวฉายาวิหคสายฟ้า ส่วนท่านนี้คือซีวิล ไฮด์เฮฟเว่น นักสู้อิสระค่ะ” คีนแนะนำตัวให้พวกเขา “ท่านนี้คือผู้ว่าจ้าง นามว่า 'เทราสเฟียร์ เอล เซราฟีเตอร์'

    “หลานชายอัจฉริยะของตระกูลเซราฟีเตอร์ที่ได้แต่งตั้งเป็นปราชญ์แห่งอเลกซานเดรียที่อายุน้อยที่สุด” เอเซยกชาจิบมองอีกฝ่ายอย่างพินิจพิเคราะห์

    “รอบรู้สมกับเป็นท่าน” เด็กหนุ่มอัจฉริยะยกชาขึ้นจิบเช่นกัน “ถ้าสะดวกก็เรียกว่าเทร่าเฉยๆก็ได้ครับ”

    “ต้องการให้ข้าทำสิ่งใดกัน?”

    “ถ้าอย่างนั้น...” เทร่าวางถ้วยชาลง “ขออนุญาตท่านคีนและท่านซีวิลใหเข้าคุยกับท่านเอเซตามลำพังได้หรือไม่ครับ?”

    “ตามสบายค่ะ” เธอลุกขึ้นดึงมือเทรนให้ลุกตาม “ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเถอะ”

    เด็กสาวดวงตาลุกวาวเมื่อได้ยินคำว่าอาบน้ำ

    “อ้าว แล้วข้าละ” ซีวิลร้อง ชี้นิ้วเข้าตัวเอง

    "คิดจะไปเฝ้าพวกข้าหน้าห้องอาบน้ำรึไงกัน?" คีนถามอย่างมีเลสนัย น้ำเสียงกึ่งจริงกึ่งเล่น

    "คิด...เอ๊ย! ไม่ใช่ ไม่ได้หมายความแบบนั้น" ชายหนุ่มรีบแก้ตัวพัลวัน

    "แล้วคิดจะทำอะไรกัน หือ?" เธอเขยิบเข้าใกล้เขา

    "อ้า...แบบว่า" ซีวิลหน้าแดงก่ำอีกครั้ง "แบบว่า...ข้า"

    "ไปอาบน้ำกันเถอะ" คีนจูงมือเทรนออกไปหัวเราะกันคิกคัก ทิ้งชายหนุ่มยืนนิ่งเป็นก้อนหินอยู่ตรงนั้น

    "เชิญท่านซีวิลอ่านหนังสือภายในห้องนี้ก่อนนะครับ อีกประเดี๋ยวผมจะขอคุยธุระด้วยเช่นกัน" เทร่าสเฟียร์ลุกขึ้นผายมือเชิญ

    เมื่อทุกคนจากไปแล้วเหลือเพียงพวกเขาสองคน

    “ผมจะไปสำรวจนครที่ล่มสลายภายในหุบเขาตะวันตกและอยากให้ท่านเป็นผู้คุ้มกัน”

    เอเซชะงักแก้วชาที่กำลังจะจิบ

    “ใช่ ผมหมายถึงหุบเขาทมิฬที่ทอดกายกั้นโลกเก่าและโลกใหม่เอาไว้”

    “รู้ใช่ไหมว่าอันตรายขนาดไหน?”

    “ผมย่อมทราบถึงได้ต้องการผู้คุ้มกันที่มีฝีมือและชำนาญเส้นทาง”

    “รู้ได้ยังไงว่าข้าชำนาญเส้นทางในหุบเขาทมิฬ” เอเซถามหยั่งเชิงอีกฝ่าย

    “หกปีก่อน...ท่านเคยเข้าไปที่นั่น” เทร่ายกชาขึ้นจิบ “ภารกิจในครั้งนั้นแม้จะล้มเหลวแต่ก็มีประโยชน์ในครั้งนี้”

    “ถ้าให้พูดตามตรง หกปีก่อนข้าเองก็ไปได้แค่ครึ่งทางเท่านั้น” เอเซวางถ้วยลง ปิดตานึกถึงความทรงจำที่ก้นบึ้งหัวใจ “อาจจะไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำไป”

    “หรือว่า...ท่านจะปฏิเสธ” ครั้งนี้เทร่าสเฟียร์ถามหยั่งเชิงเขากลับ

    “ข้าก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องรับงาน อีกอย่างข้ามีคนที่หมายหัวไว้ว่าจะตามล่าอยู่ด้วย”

    “ถ้าผมเสนอค่าตอบแทนให้มากกว่าค่าหัวของคนที่ท่านต้องการละ?”

    “หัวของเจ้านั่นไม่มีสิ่งใดมาแทนได้”

    “อย่างนี้นี่เอง” นักปราชญ์อัจฉริยะแห่งอเลกซานเดรียยิ้มเล็กน้อย “ถ้าอย่านั้นข้ามีหนึ่งคำสองพยางค์ที่สามารถทำให้ท่านรับปากข้าได้”

    นักล่าค่าหัวยกชาในกาเติมแก้วตัวเองและของคู่สนทนา “ลองว่ามาสิ”

    “ปีกทมิฬ”

    ดวงตาของวิหคสายฟ้าเป็นประกาย

    “สนใจจะฟังรายละเอียดปลีกย่อยไหมครับ?”

    เทรายิ้มมุมปาก แต่เอเซยิ้มด้วยความดุดันเหี้ยมเกรียม

    ในห้องแห่งหนึ่ง

    แววตาเลื่อนลอยของชายผมดำสะท้อนแสงไฟวูบวาบจากเชิงเทียน เขายืนนิ่ง ไร้ลมหายใจ

    "ได้ข้อมูลแล้วรึยัง?" อิซาเบลนั่งจิบชาอยู่บนโต๊ะใต้ร่มสีขาวคันใหญ่

    "ท่าทางเราคงต้องไปที่หุบเขาทมิฬ" อากิรอสขยับเก้าอี้ทิ้งตัวลงนั่ง รินชาให้ตัวเอง

    "แค่นี้?" นักเวทสาวถามเสียงเรียบ

    "คาดหวังอะไรจากเบี้ยแค่เม็ดเดียว?"

    "...นั่นสินะ" เธอวางถ้วยชาสีขาวลง ลุกขึ้นจากเก้าอี้

    "จะไปเมื่อไรก็บอกแล้วกัน"

    นักเวทหนุ่มยกชาดื่มจนหมด แววตาคุกรุ่นลุกวาว รอยยิ้มบิดเบี้ยวปรากฏอีกครั้ง
  2. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    ตอนนี้ไม่มีอะไรให้ติเพราะจังหวะบู๊จังหวะเดินเรื่องดีเลยล่ะ >_<

    แต่ถึงขนาดทำพวกเลือดร้อนทั้งคู่ยอมลงให้ได้นี่ท่าทางคีนจะแกร่งน่าดูแฮะ
  3. Jammaster

    Jammaster New Member

    EXP:
    26
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    3
    สองตัวละครแบบ อัลเตอเนทีฟเวอชั่นมาแล้ว ตอนนี้ระเบิดเถิดเทิงดี แต่เทรนว่าง่ายไปหน่อยรึเปล่าน่ะเห็นกับเอเซดื้อเอาๆ
  4. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    อย่าให้คุณเธอได้โกรธเชียว...

    เทรนดื้อกับเอเซแค่คนเดียวเท่านั้นแหละครับ -3-
  5. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    บทที่ 2 ปฐมบทแห่งหายนะ
    ตอนที่ 3 ความตั้งใจ

    _______เวลาบ่ายแก่ๆเป็นช่วงที่ร้อนที่สุดของวัน แต่ภายในห้องโออ่ากว้างขวางชั้นบนสุดแห่งหอสมุดนครอเลกซานเดรียกลับเย็นสบายเหมือนไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากไอร้อนระอุจากพื้นดินและแสงร้อนแรงจากดวงอาทิตย์

    _______เอเซแยกไปนั่งใช้ความคิดเพียงลำพัง สักพักก็ลงมือเขียนอะไรบางอย่างลงในกระดาษตรงหน้า แม้จะเขียนอย่างช้าและบรรจง แต่ดวงตาของเขากลับแสดงถึงความกังวลคล้ายไม่มั่นใจในความคิดตนเอง
    _______สิบสองนาทีผ่านไป เขากลับมาพร้อมกระดาษที่เต็มไปด้วยข้อความ

    _______“นี่คือ...?” เทราสเฟียร์ถาม ขยับแว่นให้อ่านได้ชัดเจน
    _______“ของที่ต้องการ ทุกชิ้นหาได้บนโลก” วิหคสายฟ้าทิ้งตัวลงนั่งพิงพนักเก้าอี้
    _______“ถ้าต้องการความตื่นเต้นระหว่างเดินทางก็ขยำทิ้งซะ”
    _______“ความเห็นของผู้มีประสบการณ์เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้หรอกครับ ผมจะจัดเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง”
    _______ชายชราผู้ดูแลกิจการทุกอย่างในห้องนี้เดินมาหยุดยืนด้านข้าง รับกระดาษแผ่นนั้นไปดำเนินการอย่างรู้หน้าที่ของตน
    _______“เจ้ามีประสบการณ์เดินทางบ้างรึเปล่า?” เอเซเอ่ยถามขึ้น
    _______“ผมเคยร่วมคณะเดินทางไปสำรวจป่าด้านเหนือของเมืองออกัสตินสองครั้งครับ” เทราสเฟียร์ตอบ “เคยฝึกวิชาต่อสู้ป้องกันตัวกับท่านเนียร์ด้วยครับ”
    _______เอเซขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อ ‘เนียร์’
    _______“ใช่แล้วครับ ท่านเนียร์ แห่งตระกูลเซเว่นสตาร์ที่ท่านรู้จักดี” ปราชญ์หนุ่มวัยสิบเก้าปีช่วยตอบข้อสงสัยของอีกฝ่าย
    _______“ท่านเนียร์เป็นหนึ่งในผู้ที่รับรองฝีมือของท่านตอนข้าไปขอคำปรึกษาน่ะครับ”

    _______นักดาบหนุ่มเข้าใจเรื่องราวได้ทันทีว่าเพราะอะไรเขาถึงถูกเสนอชื่อให้เป็นผู้คุ้มกันในภารกิจครั้งนี้

    _______เสียงกระดิ่งจากลิฟท์ดังหนึ่งครั้ง คีนและเทรนเดินออกมาเมื่อประตูเหล็กเปิดออก

    _______“หนุ่มๆคุยงานกันเสร็จแล้วรึยัง” เสียงสดใสของคีนเรียกความสนใจจากทุกคน
    _______แต่ทุกสายตาจับจ้องไปที่เทรนเหมือนถูกดึงดูดด้วยมนตราทรงพลัง

    _______เด็กสาวสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนทับด้วยเสื้อสเวตเตอร์ไหมพรมแขนยาวสีน้ำตาลเข้มติดกระดุมเม็ดแรกเม็ดเดียว กระโปรงพลีทสีดำสูงเหนือเข่าเล็กน้อย ถุงเท้าสีเทาอ่อนสูงครึ่งแข้งกับรองเท้าผ้าใบสีขาวผูกเชือกสีแดงสด
    _______ผมด้านหน้าถูกเล็มตัดให้เข้ากับใบหน้าเรียวยาวและดวงตากลมโตสีน้ำเงินที่สุกสกาวราวกับไพลิน

    _______“ดูประหลาดมากเหรอ” เทรนถาม กวาดตามองทุกคนด้วยความกังวล
    _______“ขออภัยครับ พอเปลี่ยนชุดแล้วรู้สึกว่าเทรนน่ารักขึ้นน่ะครับ” เทราตอบเป็นคนแรก
    _______“น่ารัก? คิดแบบนั้นจริงๆเหรอ” เด็กสาวดวงตาเป็นประกาย
    _______“ใช่ครับ ท่านซีวิลคิดว่าเธอน่ารักไหมครับ”
    _______“ก็นะ ดูดีขึ้นกว่าตอนที่เจอกันครั้งแรกเยอะเลยละ” เขาตอบ “ตอนอยู่ที่ร้านของมาสเตอร์ก็น่ารักอยู่ แต่ปล่อยผมแล้วแต่งตัวแบบนี้ก็ไม่เลว”
    _______“นี่ถ้าไปเดินในเมืองคงมีผู้ชายหลายคนเผลอหยุดหายใจแน่ๆครับ” เทรายังชมไม่หยุด
    _______“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า” เทรนตอบปัดด้วยความเขินอายเมื่อถูกชมตรงๆ
    _______เพราะทุกคนมัวแต่คุยกันจึงพลาดที่จะเห็นสีหน้าของเอเซในเวลานี้

    _______ยกเว้นคนหนึ่ง
    _______คีนเดินเลี่ยงทั้งสามไปหาเอเซ เขาหรี่ตามองแทนคำถามว่า ‘ต้องการทำอะไรกันแน่?’

    _______“ฮุฮุฮุ” เธอตอบด้วยรอยยิ้มแฝงเลศนัย “ก็แค่อยากเห็นหน้าตาตอนตกใจของใครบางคน”
    _______เอเซจ้องคีนด้วยสายตานิ่งแข็ง แต่สุดท้ายก็แพ้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเจ้าหล่อน
    _______“สมใจแล้วรึยังละ”
    _______“ได้เห็นเต็มๆตาเลยละ ไม่คิดเลยน๊าว่านี่คือชายผู้ได้รับสมญานามวิหคสายฟ้าที่ทำให้ผู้มีค่าหัวทั่วทั้งแผ่นดินหวาดผวา”
    _______“เอาเถอะ อยากทำอะไรก็ทำ”
    _______วิหคสายฟ้าเมื่ออยู่ต่อหน้าจ่าฝูงก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กชายห้าขวบกับพี่สาวแก่นแก้ววัยสิบแปด
    _______เทรนเหลือบมองทั้งสองคนคุยกันอย่างสนิทสนม ความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้เกิดขึ้นในใจเด็กสาว
    _______“มองอะไรกัน?” เอเซพูดเสียงเข้มเมื่อรู้สึกว่าตัวเองถูกจ้องอยู่
    _______“ทำไม? มองไม่ได้รึไงกัน”
    _______“คิดว่าข้าจะชมเจ้ารึไงกัน? อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย”
    _______“ข้าก็ไม่เคยหวังให้คนปากหนักหัวแข็งใจแคบอย่างเจ้าชมหรอก” เทรนรัวเป็นชุด
    _______“จับลิงอาบน้ำแต่งตัวใหม่ ยังไงก็เป็นลิงเหมือนเดิมนั่นแหละ”
    _______“ว่าไงนะ!” เด็กสาวถมึงตาใส่
    _______“เอ้าๆ พอแค่นั้นแหละ” คีนสะบัดมือคั่นกลางระหว่างทั้งสองคนไว้ “ที่นี่งดใช้เสียงดังนะจ๊ะ”
    _______เอเซยกแก้วชาขึ้นดื่มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เทรนก็สะบัดหน้าหนีไปอีกทาง ส่วนคีนแอบอมยิ้มให้เทราสเฟียร์และซีวิล
    _______“แล้วจะเดินทางกันเมื่อไรละ”
    _______“คงอีกสองสามวัน ยิ่งเร็วยิ่งดี” เอเซตอบ “แล้วก็ขอฝากยัยเด็กนี่ไว้ด้วย”
    _______“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาสั่งข้า” เทรนตะคอกใส่
    _______“สิทธิ์ที่เจ้าติดหนี้ข้าสองร้อยเหรียญทองยังไงละ” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยความเยือกเย็น
    _______เทรนเถียงไม่ออกได้แต่ยืนกำหมัดตัวสั่นกัดฟันแน่นกรอด
    _______“อ่า...ไปทำอะไรมาถึงได้เป็นหนี้จำนวนมหาศาลขนาดนั้นละครับ” เทราสเฟียร์ตกใจกับจำนวนหนี้ของเด็กสาว
    _______“ก็หลายเรื่องน่ะนะ” เอเซตอบแบบเลี่ยงๆ
    _______“ที่ไม่ให้ข้าไปเพราะคิดว่าข้าจะเป็นภาระรึไงกัน” เด็กสาวถามเสียงสั่น
    _______“ข้าบอกตั้งแต่ตอนอยู่ที่ร้านของมาสเตอร์แล้วว่าไม่ว่างพอจะพาเจ้าไปเดินเล่นในสนามรบหรอกนะ” เขาตอบพร้อมมองเธอด้วยสายตาเย็นชา มองดวงตาที่ปริ่มน้ำตา
    _______“แล้วจะตามข้าไปทำไมกัน?” เอเซเป็นฝ่ายถามกลับ

    _______คนถามและคนตอบประสานสายตากัน ไม่มีใครยอมหลบยอมถอยให้แก่กัน

    _______เด็กสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่แฝงด้วยความเศร้าเล็กๆ

    _______“ทันทีที่ข้ารู้ว่าเงินสองร้อยเหรียญทองมันมากแค่ไหนก็รู้สึกว่ามันไร้เหตุผลสิ้นดี พยายามคิดแค่ไหนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าต้องทำแบบนี้ ข้าโกรธและเกลียดเจ้าถึงขนาดอยากให้เจ้าโดนฆ่าตาย เคยคิดจะหนีไปให้ไกลที่สุด หนีไปจากฝันร้ายนี้สักที”
    _______“แต่พอได้คุยกับมาสเตอร์ คุยกับพี่ซันนี่และคนอื่นๆ ข้าก็เปลี่ยนใจ”
    _______ดวงตาของเธอทอประกายมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า แสดงถึงความมั่นคงและเข็มแข็งในการตัดสินใจ
    _______“ข้าจะไม่หันหลังหนีเด็ดขาด ไม่มีวัน!”
    _______“จนกว่าจะรู้ว่าจริงๆแล้วเจ้าเป็นคนประเภทไหน นิสัยใจคอที่แท้จริงเป็นยังไง ชอบหรือเกลียดอะไร จนกว่าจะรู้ทุกเรื่องของเจ้า ข้าจะตามเจ้าไปทุกที่ต่อให้ลำบากแค่ไหนก็เถอะ”
    _______เอเซมองลึกลงไปในดวงตาสีน้ำเงินเข้มคู่นั้น
    _______“ต่อให้ต้องตายอย่างนั้นรึ?”
    _______“ถึงไม่อยากพูดก็เถอะนะ แต่ข้าคงตายไปนานแล้วหากเจ้าไม่ช่วยข้าหลายต่อหลายครั้ง เพราะฉะนั้นข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่ปล่อยให้ข้าตายไปง่ายๆหรอก”
    _______“อีกอย่างถ้าข้าตาย เจ้าก็ขาดทุนสองร้อยเหรียญทองน่ะสิ”
    _______เด็กสาวตอบประชดแต่น้ำเสียงของเธอไม่ได้เป็นเช่นนั้น กลับรู้สึกเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าเอเซจะช่วยเธอจริงๆ

    _______พริบตานั้นเทรนรู้สึกเหมือนเอเซจะยิ้มที่มุมปาก แม้แต่ดวงตาก็แฝงด้วยความอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
    _______“ก็ตามใจ แล้วข้าจะจิกหัวใช้จนไม่มีเวลาหลับเวลานอนเลย”
    _______เด็กสาวย่นไหล่แลบลิ้นให้คล้ายจะบอกว่า ‘เชิญตามสบาย ข้าไม่กลัวหรอก’

    _______ซีวิลและคีนต่างมองทั้งสองคนเหมือนมองคู่รักที่หยอกเย้ากันมากกว่าจะเป็นคู่กัด สบตาแล้วก็ยิ้มให้กันต่างรู้ว่าอีกฝ่ายคิดเช่นไร

    _______“ขออภัยที่ขัดจังหวะครับ” เอิลเกรย์กระแอมไอเล็กน้อย “เชิญทุกท่านที่ห้องอาหารได้แล้วครับ”
    _______“เย้! ได้เวลากินข้าวเย็นแล้ว” คีนส่งเสียงกระดี๊กระด๊าแล้วเดินตามชายชราไปทันที

    _______ในเวลาไล่เลี่ยกันที่เมืองแห่งหนึ่งสุดเขตแดนทางตะวันตกของอเลกซานเดรีย ข้ามจากเมืองนี้ไปจะเป็นทุ่งหญ้ารกร้างและป่าทึบก่อนจะถึงแนวเทือกเขาที่ขนานนามว่า ‘หุบเขาทมิฬ’

    _______เสียงกระดิ่งพรวนหน้าร้านขายยาดังขึ้นเมื่อประตูถูกเปิดออก กลิ่นยาและควันจางๆที่อัดแน่นอยู่ด้านในทะลักออกมาทันที

    _______ชายคนหนึ่งก้าวเดินเข้ามาด้านใน ความสูงของเขาคงไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรเมื่อเทียบกับความสูงของประตูร้าน เขามีดวงตาดำขลับเหมือนความมืดในยามรัตติกาล ผมสีดำยุ่งเหยิงเหมือนไม่เคยหวี ผ้าคลุมขะมุกขะมอมขาดตรงโน้นแหว่งตรงนี้ถูกปลดออกจากตัว เสื้อและกางเกงที่เขาใส่ล้วนแต่เป็นสีดำสนิท แทนที่จะใช้เข็มขัดเหมือนการแต่งกายของคนทั่วไปแต่เขากลับใช้ผ้าสีดำกว้างประมาณหนึ่งคืบพันรอบเอวแทน
    _______มีดาบเล่มหนึ่งเหน็บอยู่ข้างเอวซ้าย หากคะเนรูปร่างจากฝักที่ห่อหุ้มอยู่จะเห็นได้ว่าดาบเล่มนี้เรียวยาว ต่างจากนักสู้หรือทหารรับจ้างในแถบนี้ที่เลือกใช้ดาบเคลย์มอร์หรือหอกเป็นหลัก

    _______“อ้าว! นึกว่าใครที่ไหนกัน” คุณป้าร่างท้วมเจ้าของร้านทักขึ้นเมื่อหันมามองแขกผู้มาเยือน สองมือวางตะกร้าลงแล้วเดินมาหาเขา
    _______“ข้าน้อยเก็บเห็ดน้ำตาลแดงมาให้ตามคำขอขอรับ”
    _______“ขอบใจนะพ่อหนุ่ม พอดีมีเด็กท้ายหมู่บ้านถูกงูกัดเข้าตอนนี้กำลังแย่ทีเดียว ได้เห็ดชนิดนี้มาช่วยทำยาแก้พิษแบบนี้ช่วยได้เยอะเลยล่ะ”
    _______“เรื่องเล็กน้อยขอรับ” ชายหนุ่มยื่นถุงย่ามให้ ถอยหลังไปสองก้าวก้มหัวคำนับเล็กน้อยแล้วหยิบผ้าคลุมขึ้นสวม
    _______“เดี๋ยวก่อนสิ” คุณป้าร้องขึ้นเมื่อเห็นเขากำลังจะออกจากร้านไป “เอานี่ไปด้วยสิ”
    _______ซองกระดาษสีขาวนวลใส่ขนมปังยาวอบที่ยังส่งกลิ่นหอมชวนกินถูกส่งให้
    _______“ไม่เป็นไรหรอกขอรับ ข้าน้อยเพียงได้ยินว่ามีคนจำเป็นต้องใช้เห็ดชนิดนี้เลยไปเก็บมาให้เท่านั้นเอง” ชายหนุ่มยกมือขึ้นเป็นเชิงปฏิเสธ
    _______“โธ่ จะเป็นไรไป รับไปเถอะน่า” คุณป้ายัดเยียดถุงใส่มือเขาได้ในที่สุด
    _______“นอกจากจะช่วยหาสมุนไพรในป่าแล้ว เจ้ายังช่วยจับพวกที่มาฉกชิงวิ่งราวในเมืองอีกไม่ใช่รึไงกัน ชาวบ้านแถวนี้ต่างก็ชอบเจ้ากันทั้งนั้น ถ้าไม่ติดว่าเจ้าชอบไปนอนที่ชายป่าพวกเขาจะช่วยกันสร้างเพิงเล็กๆให้เจ้าพักตรงที่ว่างด้านหลังเมืองแล้วละ”
    _______“ข้าน้อยไม่อยากรบกวนคนอื่นน่ะขอรับ”
    _______“เถอะน่า เอ้า เอาของโปรดของเจ้าไปด้วย” ถุงเล็กๆถูกยัดเข้ามือมาอีกชิ้น ชายหนุ่มเปิดดูแล้วก็ยิ้ม
    _______ข้างในถุงนั่นเป็นถั่วหลากชนิดอบจนหอมฉุย
    _______“ขอบคุณมาก ถ้าอย่างนั้นข้าน้อยขอตัวก่อนขอรับ”
    _______“ว่างๆก็แวะมาเที่ยวได้นะ”

    _______ชายหนุ่มผลักประตูเดินออกจากร้านแล้วเดินเลาะข้างทางไปเรื่อยๆจนกระทั่งออกนอกเมือง เขามุ่งหน้าไปยังป่าเขียวขจี
    _______เป็นเวลาเดียวกับที่ดวงอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าทิศตะวันตกแล้ว
    _______เมื่อเข้ามาในป่าลึกพอสมควร ชายหนุ่มผมดำวางถุงใส่ขนมปังลงกับโคนต้นไม้
    _______“ออกมากันได้แล้วขอรับ” ชายหนุ่มพูดเสียงดังกลางป่าเหมือนพูดกับต้นไม้

    _______มีคนกระโดดพรวดลงมาจากด้านบน นับรวมได้สิบสองคน ทุกคนล้วนใส่ชุดดำพรางกายไว้ กระทั่งใบหน้ายังมีผ้าดำปิดไว้เหลือเพียงดวงตาที่เต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน
    _______“มีธุระอันใดกับข้าน้อยหรือขอรับ” ชายผู้มีเส้นผมยุ่งเหยิงถามเสียงเรียบพลางเหลือบมองอาวุธในมือพวกเขา
    _______ดาบคมเดียวใบยาวบางเหมือนกับดาบในฝักของเขา – ดาบคาตานะ อาวุธประจำกายซามูไรแห่งอาณาจักรนิฮง

    _______“หากยังรักชีวิตอยู่ก็วางดาบไว้ซะ”

    _______นักฆ่าที่ยืนเผชิญหน้ากับชายผมดำข่มขู่ กระชับดาบสองมือยกขึ้นไว้เหนืออกขวา ใบดาบตั้งฉากกับพื้น สายตาเผยเจตนาสังหารชัดเจน สองขาย่อลงตั้งหลักเตรียมพร้อมทะยานเข้าจู่โจมทุกขณะ

    _______“แล้วถ้าไม่รักชีวิตละขอรับ”

    _______คำตอบของเขาเหมือนน้ำมันราดเข้ากองไฟ นักฆ่าคนแรกพุ่งเข้าหาสะบัดข้อมือบังคับดาบพุ่งแทงคอหอย ชายผมดำขยับหลบเพียงเล็กน้อยกระแทกสันมือเข้าที่หลังคอศัตรูอย่างแม่นยำและรวดเร็วจนอีกฝ่ายสลบคาที่

    _______นักฆ่าอีกสองคนพุ่งมาจากด้านหลังฟาดดาบเป็นเส้นตรงแต่ทำได้แค่แหวกอากาศเมื่ออีกฝ่ายหมุนตัวเข้าประชิดพร้อมกับต่อยเข้าลิ่นปี่เต็มแรงจนทั้งสองคนตัวงอเป็นกุ้งทรุดลงกองกับพื้น
    _______อีกสองมือสังหารชิงจังหวะจู่โจมมาจากซ้ายขวาพร้อมกัน เขายิ้มเหมือนเป็นเรื่องเคยชินก้าวเท้าพุ่งสวนคนทางขวามือแล้วผลักให้รับดาบสังหารแทนตังวอง เลือดพวยพุ่งชโลมต้นไม้ให้กลายเป็นสีแดงสด เขาอาศัยจังหวะที่นักฆ่าคนนั้นกำลังตะลึงที่ลงมือกับพวกเดียวกันอ้อมไปด้านข้างกระแทกฝ่ามือเข้ากกหูสลบเหมือดไปอีกราย
    _______ชายหนุ่มก้าวเท้าเข้าหานักฆ่าที่อยู่ใกล้ที่สุดใช้ขาขวาถีบเข่าซ้ายอีกฝ่ายจนเสียหลักทรุดลง เป็นจังหวะเดียวกับที่เขายกมือเสยคางอีกฝ่าย เสียงกระดูกแตกดังลั่นป่า

    _______หกนักฆ่าถูกปราบได้ในพริบตาเดียว ที่เหลืออีกหกแม้จะรู้แก่ใจว่าสู้ไม่ได้แต่ก็ไม่มีใครหันหลังหนีหรือแสดงทีท่าหวาดกลัว
    _______ชายหนุ่มผู้ตกเป็นเป้าสังหารแต่ล้มมือสังหารไปแล้วหกคนยิ้มมุมปาก มือซ้ายดึงดาบออกจากผ้าคาดเอวมาถือไว้

    _______“ถ้าใช้สิ่งนี้พวกท่านจะเจ็บมากเลยนะขอรับ”

    _______แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงสงบและสุภาพเพียงใด แต่ความหมายคือการข่มขู่อยู่ดี
    _______หกนักฆ่าเลือดเข้าตาลืมความกลัวและความตาย เงื้อดาบพุ่งเข้ามาพร้อมกัน
    _______สายลมพัดคั่นกลางพวกเขาทุกคนในระหว่างพุ่งสวนทางกัน ชายหนุ่มเก็บดาบคาดเอวไว้เหมือนเดิมพร้อมๆกับร่างของทั้งหกคนร่วงลงพื้นดุจใบไม้ร่วง

    _______“วางใจได้ขอรับ แค่ปลอกดาบฟาดจุดตายคนละสามครั้งเท่านั้น”
    _______เขาพูด แต่ไม่มีใครมีสติรับรู้อีกต่อไปแล้ว

    _______ชายหนุ่มขยับผ้าคลุมให้เข้าที่ เดินกลับไปหยิบถุงขนมปังขึ้นมาแล้วเดินหายเข้าไปในพงไพรกว้างใหญ่
  6. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    บทที่ 2 ปฐมบทแห่งหายนะ
    ตอนที่ 4 มุ่งหน้าสู่หุบเขาทมิฬ

    _______ช่วงเวลาเช้ามืดที่ทุกสิ่งเงียบสงัด ท้องฟ้าถูกผืนผ้าสีดำปกคลุมโดยมีดวงดาวน้อยใหญ่เปล่งประกายระยิบระยับประดับประดา เป็นช่วงเวลาที่ใครหลายคนยังนอนซุกกายอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาบนเตียงแสนนุ่ม

    _______ยกเว้นนักล่าค่าหัวสมญานามวิหคสายฟ้า - เอเซ แมคโดเวล
    _______ดาบคู่ใจนอนสงบนิ่งอยู่บนตัก คมดาบสะท้อนแสงไฟวูบวาบจากตะเกียง ต่างกับเจ้าของที่ร้อนรนจนไม่อาจข่มตาให้ปิดข่มใจให้หลับได้ตั้งแต่เมื่อคืน

    _______จวบจนรุ่งสาง ท้องฟ้าสว่างขึ้นเรื่อยๆตามวิถีโคจรของดวงอาทิตย์ เสียงจากด้านล่างของห้องพักเริ่มดังขึ้นตามจำนวนคน
    _______“เอาเถอะ ร้อนใจไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น”

    _______เขาถอนหายใจ พูดเบาๆให้ตัวเองฟังเผื่อจะช่วยให้ใจที่เต้นแรงสงบลงบ้าง เขาวางดาบลงบนเตียง ลุกขึ้นแต่งตัวเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น

    _______เขาใส่เสื้อเกราะเชนเมลเป็นอย่างแรกตามด้วยเสื้อคอปิดแขนยาวถึงข้อมือสีน้ำตาลแก่และกางเกงผ้าเนื้อหนาสีดำสนิท สวมรองเท้าบูทสีน้ำตาลอ่อนพื้นหนาสูงครึ่งแข้งพร้อมเกราะเหล็กไม่ทับขากางเกง หยิบเกราะแขนสีเงินสองชิ้นใส่กระชับพอดีข้อมือและแขน
    _______เอเซหยิบซองมีดสองเล่มผูกไว้กับรองเท้าแล้วเก็บมีดยาวเกือบฟุตลงไป ลองเหวี่ยงขาเตะดูความเรียบร้อยแล้วร้อยซองปืนเข้ากับเข็มขัดแล้วสวมรัดเอวจัดตำแหน่งไว้ด้านหลัง เขาตรวจปืนสั้นที่บรรจุกระสุนเต็มอัตราก่อนจะเก็บลงซองกลัดกระดุมไว้ ดาบเคลย์มอร์คู่ใจถูกเหน็บข้างเอวขวาในตำแหน่งที่พร้อมจะกระชากออกมาใช้งานได้ทุกเมื่อ

    _______เสื้อคลุมสีดำยาวถึงเข่าถูกหยิบจากเตียงมาใส่เป็นสิ่งสุดท้าย



    _______เทราสเฟียร์กำลังตรวจอุปกรณ์ที่วางเรียงรายตรงหน้าโดยมีเอิร์ลเกรย์คอยรับคำสั่งอยู่ไม่ห่าง วันนี้เด็กหนุ่มอยู่ในชุดทะมัดทะแมงเตรียมพร้อมเดินทางเช่นกัน สวมเสื้อคอกลมสีเทาและแจ็กเก็ตหนังสีดำ กางเกงขายาวมิดชิดและรองเท้าเดินป่าหุ้มข้อ แว่นตาถูกเปลี่ยนเป็นแว่นกรอบไม้เลนส์บางสีชาอ่อน สะพายดาบสั้นเล่มหนึ่งอยู่กลางหลัง
    _______คีนนั่งดื่มชาอ่านหนังสืออย่างสบายใจที่โต๊ะรับแขก ส่วนเทรนเดินดูหนังสืออยู่รอบๆ เธอถูกจับแต่งตัวใหม่ให้พร้อมเดินทางด้วยเสื้อเชิ้ตสีอ่อนสวมเสื้อแจ็กเก็ตมีฮู้ดแขนยาวทับนอกกับกางเกงขายาวเรียบร้อย ผมถูกมัดไว้อย่างเรียบร้อย ใส่รองเท้าผ้าใบหุ้มส้นสีครีมแก่แบบผูกเชือก

    _______เสียงกระดิ่งดังขึ้นหนึ่งครั้งเป็นสัญญาณบอกว่ามีคนมา เอเซก้าวออกจากลิฟท์ทันทีที่ประตูเหล็กเปิดกว้าง

    _______“พร้อมรึยัง?”
    _______“ขอเวลาอีกสักครู่นะครับ” เด็กหนุ่มตอบด้วยรอยยิ้มตามแบบฉบับของตัวเอง เอเซจึงเดินเลี่ยงไปหาคีนที่ต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้มในแบบฉบับของเธอเองเช่นกัน
    _______“เมื่อคืนนอนหลับสบายดีไหม” เธอถามเหมือนเห็นกับตาว่าเขาไม่ได้นอนทั้งคืน
    _______“...นอนไม่หลับ”
    _______“แล้ว ‘เตรียมใจ’ หรือยัง?” แม้น้ำเสียงที่พูดออกมาจะแฝงด้วยความขี้เล่น แต่แววตาของแม่ค้าข่าวผู้ได้ฉายา ‘จ่าฝูง’ จ้องเขาเขม็งราวกับจะมองให้ทะลุไปถึงก้นบึ้งหัวใจ
    _______วิหคสายฟ้าหลับตาลงสูดลดหายใจเข้าจนสุดปอดแล้วผ่อนระบายออกมาช้าๆ
    _______ดวงตาของเขามั่นคงเด็ดเดี่ยวไม่เหลือเค้ารางของความไม่มั่นใจหรือความร้อนรนกระวนกระวายที่มีมาตลอดทั้งคืน
    _______คีนยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนเหมือนพี่สาวยิ้มน้องชาย

    _______“พร้อมแล้วครับ”
    _______ชายชราเดินเข้ามาบอก เอเซและคีนลุกขึ้นพร้อมกันเดินไปหาเทราเฟียร์ซึ่งแบกกระเป๋าขึ้นบ่าเตรียมพร้อมอยู่ก่อน เทรนวิ่งไปหยิบกระเป๋าของตัวเองแล้วมารวมกลุ่มกับทุกคน
    _______“จากนี้ไปก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับท่านเอเซ” เด็กหนุ่มกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น
    _______นักดาบหนุ่มมองดวงตาที่อยู่หลังเลนส์สีชาแว่บหนึ่งแล้วหันไปมองเด็กสาว
    _______“ไปกันได้แล้ว” เอเซหยิบเป้ใบใหญ่ที่เทราสเฟียร์จัดเตรียมไว้ให้ตรงไปที่ลิฟท์ทันที
    _______“แล้วพบกันใหม่นะครับ”

    _______เทราก้มหัวให้คีนแล้วตามเอเซเข้าไปในลิฟท์ เธอมองส่งพวกเขาด้วยรอยยิ้มสดใส เป็นสิ่งเดียวที่เธอจะทำให้พวกเขาทุกคนได้ในเวลานี้เท่านั้น



    _______ทั้งสามขึ้นรถเทียมม้าที่จ้างมาไปตามถนนมุ่งหน้าสู่ประตูเมืองทิศตะวันตก
    _______เทราสเฟรียร์หยิบสมุดจดและดินสอจากกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตแล้วเริ่มต้นทำงาน “คิดว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไรในการเดินทางครับ”
    _______“...”
    _______“นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของงานน่ะครับ ผมต้องบันทึกรายละเอียดทุกอย่าง กำหนดการ เส้นทางรวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย” เด็กหนุ่มบอกเมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบคำถามแรกของตัวเองและส่งสายตาเป็นเชิงถามว่า 'จะถามไปทำไม' มาแทน
    _______“ใช้เวลาหนึ่งวันจากอเลกซานเดรียนั่งรถม้าไปเมืองฮิลการ์ด พักที่นั่นหนึ่งคืน พอรุ่งสางเดินทางไปทางทิศตะวันตกเข้าป่าไปเรื่อยๆประมาณหกวันจนถึงช่องแคบเซนต์เทียร่าเกตส์”
    _______เทราสเฟียร์สะบัดปากกาจดคำตอบอย่างรวดเร็ว
    _______“หลังจากนั้นจะช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความเสี่ยง”
    _______เด็กหนุ่มขมวดคิ้วแล้วถาม “พอจะยกตัวอย่างได้ไหมครับ”

    _______“ภายในหุบเขาทมิฬแบ่งความลึกได้สี่ระดับตามความอันตรายและความยากลำบาก”
    _______“ระดับแรกก็เหมือนป่าและภูเขาทั่วไป เต็มไปด้วยสัตว์ป่าดุร้ายและเส้นทางที่ซับซ้อนวกวน”
    _______“ระดับที่สองเต็มไปด้วยพืชและสัตว์มีพิษที่สามารถทำให้คนตายได้เพียงแค่แผลถลอก”
    _______“ระดับที่สามเป็นหุบเขาแห่งหมอก เต็มไปด้วยหน้าผาสูงชันและเหวลึกหนำซ้ำ มี 'ฮาปี' และ 'การูดา' อสูรเผ่าวิหคที่ร้ายกาจคอยดักเล่นงานอยู่ตลอดเวลา”
    _______“และจุดที่ลึกที่สุดก่อนจะถึงโลกเก่าเป็นป่ากว้างสุดลูกหูลูกตา เต็มไปด้วยอสูรมากมายแทบทุกตารางเมตร”

    _______ปราชญ์อัจฉริยะแห่งอเลกซานเดรียก้มหน้าก้มตาจดบันทึกทุกอย่างก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถามคำถามสำคัญ “แล้วพวกเราจะเดินทางผ่านไปอย่างไรครับ?”
    _______“อย่าทำนอกเหนือจากที่ข้าสั่ง” เอเซตอบด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดจ้องเทราจนเขารู้สึกกดดันและหลบสายตาไปเอง
    _______“อะไรกันละ!” เทรนก็ถูกจ้องจนต้องโวยวายกลบเกลื่อน “จะบอกว่าข้าชอบขัดคำสั่งเจ้ารึไง”
    _______“อย่าให้เหมือนตอนถูกพวกพ่อค้าเถื่อนจับได้คราวที่แล้วก็แล้วกัน”
    _______“รู้แล้วละน่า” เทรนบ่นอุบอิบเมื่อถูกพูดจี้ความผิดในอดีต

    _______เทราสเฟียร์เก็บสมุดและดินสอแล้วหยิบหนังสือมาอ่านเงียบแทน เอเซก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เทรนจึงได้แต่นั่งมองทิวทัศน์ผ่านกรอบหน้าต่างสี่เหลี่ยม บรรยากาศภายในรถจึงเงีบบสนิทมีเพียงเสียงจากเกือกม้าที่ควบเป็นจังหวะสม่ำเสมอให้ได้ยินเท่านั้น ม้าสองตัวด้านหน้าลากรถเทียมที่พวกเขานั่งอยู่ไปตามทางจากเช้าถึงบ่ายแก่ๆก็มาถึงจุดหมายของวันแรก


    _______เมืองฮิลการ์ดเป็นเมืองทางตะวันตกของอเลกซานเดรีย ตั้งอยู่บนที่ราบสูงเชิงเขา ชาวเมืองส่วนใหญ่เป็นกสิกรและปศุสัตว์ เป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบหล่อเลี้ยงชาวอเลกซานเดรียทั้งเมือง
    _______เอเซเลือกพักที่โรงแรมขนาดกลางที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมือง ทั้งสามพักอยู่ในห้องเดียวกัน มีเตียงสองชั้นและห้องอาบน้ำภายในตัว สามารถมองเห็นทุ่งข้าวสาลีสีทองตัดกับแนวป่าเทือกเขาสูงใหญ่เป็นกำแพงสีเขียวเข้มอมสีน้ำตาลแก่
    _______หลังจากรับประทานอาหารเย็นและอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้ว เทรนก็ฟุบหลับทันทีที่เตียงชั้นล่าง เราจึงต้องปีนขึ้นเตียงชั้นบนอ่านและเขียนหนังสืออยู่จนกระทั่งเข็มสั้นของนาฬิกาหมุนมาถึงเลขเก้า
    _______“ท่านเอเซก็นอนพักบ้างเถอะครับ” เทราบอก หรี่ไฟตะเกียงตรงหัวนอนลงจนเกือบจะสุดทำให้ทั้งห้องมืดสลัว
    _______“ไม่ต้องห่วงข้าหรอก” เอเซตอบ เขานั่งเก้าอี้พิงประตูทางเข้าออกไว้
    _______“ถ้าอย่างนั้น...ราตรีสวัสดิ์ครับ”



    _______เทราและเทรนถูกปลุกให้เตรียมตัวตั้งแต่เช้ามืด
    _______“ไอ้นี่คืออะไรน่ะ?” เด็กสาวถามเมื่อเอเซยื่นเสื้อเกราะเชนเมลให้เธอและเทรา
    _______“ของที่จะทำให้ตายช้าลง” เอเซตอบขวานผ่าซาก
    _______เด็กสาวยังไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงกับสิ่งที่อยู่ในมือจึงหันไปมองหน้าเทรา
    _______“ใส่เสื้อเกราะไว้ด้านในเสื้อน่ะครับ ท่านเอเซก็ใส่อยู่ตลอดเวลา” เด็กหนุ่มช่วยไขข้อสงสัย
    _______“...นี่ด้วย” เอเซยื่นสร้อยโลหะพร้อมจี้รูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนเล็กๆให้อีกสองเส้น “สวมติดคอไว้ตลอดการเดินทาง ถ้าเป็นไปได้ก็ห้ามถอด”


    _______ทั้งสามเดินเท้าฝ่าความมืดไปยังผืนป่ากว้างใหญ่ จนกระทั่งพระอาทิตย์ส่องแสงไล่หลังมาทุกคนก็มาถึงชายป่า ถึงจะเป็นชายป่าแต่ต้นไม้ก็ขึ้นค่อนข้างหนาแน่นแถมมีเถาวัลย์ระโยงระยางเต็มไปหมด ยิ่งเดินลึกเข้าไป ต้นยิ่งสูงใหญ่และเบียดเสียดจนแสงอาทิตย์ส่องผ่านลงมาได้ลำบาก ซากใบไม้ทับถมเป็นชั้นหนาจนหยั่งเท้าเดินได้ยาก เทรนและเทราจึงสะดุดรากไม้ที่มองไม่เห็นอยู่บ่อยครั้ง แต่เอเซเดินย่ำผ่านไปได้เหมือนซากใบไม้เหล่านี้เป็นพรมนุ่มๆธรรมดา
    _______พอเริ่มสาย เอเซจึงให้ทั้งสองหยุดพักเพราะทั้งคู่เริ่มเดินเฉื่อยลงและทิ้งระยะห่างกับเขามากขึ้น
    _______“แค่สี่ชั่วโมงก็แย่กันแล้ว” เอเซยืนพิงต้นไม้ดูทั้งสองนั่งหอบราวกับจะขาดใจ “จะกลับก็ได้นะ”
    _______“เจ้าจะเดินเร็วเกินไปหน่อยแล้วอีตาบ้า เดินเร็วยิ่งกว่าตอนที่เดินทางด้วยกันครั้งแรกซะอีก” เทรนโวยวาย
    _______“ผมไม่กลับหรอกครับ” เทราตอบกึ่งหอบ “ก่อนหน้านี้ที่ไปกับทางออกัสตินผมเดินสำรวจได้ทั้งวันเลยนะครับ ผมก็คิดว่าท่านเอเซเดินเร็วมากๆเลยละ”
    _______“เอาข้าไปเทียบกับทหารเลวของออกัสตินแบบนี้ก็แย่สิ” นักดาบหนุ่มหัวเราะหึหึในลำคอ
    _______“ผมขอทานอะไรสักหน่อยนะครับ”
    _______“ตามใจ” เอเซตอบ “แต่ขอแนะนำอะไรหน่อย อย่ากินจนอิ่ม อย่าดื่มน้ำเยอะเกินไปจะทำให้ร่างกายหนักและเหนื่อยง่าย”
    _______“เข้าใจแล้วครับ” เทราสเฟียร์รับคำอย่างว่าง่าย หยิบห่อขนมปังและกระบอกใส่น้ำออกมาแบ่งกันกินกับเทรน ส่วนเอเซล้วงกระเป๋าหยิบบางสิ่งที่เหมือนบุหรี่ออกมาจุดไฟแล้วสูบ
    _______“ท่านเอเซสูบบุหรี่ด้วยหรือครับ” เด็กหนุ่มถาม
    _______“ไม่ใช่บุหรี่แต่ก็ไม่เชิง” เอเซบอก “ถ้ารำคาญข้าเดินไปสูบตรงโน้นก็ได้”
    _______“ไม่เป็นไรครับ เชิญตามสบายเลย”

    _______กลุ่มควันจางหายไปพร้อมกับม้วนยาสูบ พอดีกับที่เทราและเทรนพร้อมเดินทางอีกครั้ง เอเซจึงออกเดินเข้าป่าลึกทันทีปล่อยให้ทั้งสองกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหลังมา พอบ่ายแก่ๆแสงแดดเริ่มอ่อนแรง เอเซก็นำทางทั้งสองมาถึงลำธารอีกฟากหนึ่งของป่า ปล่อยให้ทั้งสองคนพักผ่อนแล้วไปจัดหาที่พักและฟืนสำหรับคืนนี้ เขาเดินเลาะขึ้นไปทางต้นน้ำจนเจอสถานที่ที่เหมาะสม จัดการตัดกิ่งไม้ไว้ก่อกองไฟแล้วย้อนกลับไปตามทั้งสองคน
    _______“ไม่เร็วเกินไปหรือครับ?” เทราสงสัยที่เอเซเตรียมหาที่พักทั้งที่ฟ้ายังสว่าง
    _______“ถ้ารอจนค่ำจะลำบาก ยิ่งดึกป่าจะยิ่งอันตราย”
    _______เอเซให้คำตอบและเหตุผลขณะที่กำลังเหลาไม้ทำเป็นคันเบ็ดชั่วคราว “ช่วงที่ยังไม่ลำบากต้องเร่งเดินทางให้เต็มที่และพักให้มาก หลังจากนี้ข้าบอกได้เลยว่าแม้แต่เวลาจะนอนอาจะไม่มีด้วยซ้ำ”
    _______เอเซยื่นคันเบ็ดให้เทรา “อยากกินปลาอะไรก็เลือกเอาเองแล้วกัน”
    _______เขาเดินย้อนขึ้นต้นน้ำไปพร้อมเบ็ดอีกหนึ่งคัน อีกหนึ่งชั่วโมงเขากลับมาพร้อมปลาเป็นพวง เห็ดโคนอีกจำนวนหนึ่งและกระต่ายป่าอีกหนึ่งตัว เขาจัดการตัดหัวปลาสี่ตัว แล่เนื้อเลาะก้างออก โรยเกลือและพริกไทยเล็กน้อย จัดการรมควันห่อด้วยใบไม้สดเก็บไว้เป็นอาหารเช้า ส่วนอาหารเย็นมื้อแรกของการเดินทางเป็นปลาเนื้อขาวพอกโคลนเผาไฟและบาร์บีคิวเนื้อกระต่าย

    _______กองไฟถูกจุดขึ้นมาเพื่อให้ความอบอุ่นและป้องกันสัตว์ร้ายที่ออกหากินในเวลากลางคืน เอเซนั่งอยู่ฟากหนึ่งของกองไฟหันหลังให้กับป่าและความมืด เขาคาบยาสูบมองเด็กสาวขดตัวหลับในถุงนอนพลางคิดถึงครั้งแรกที่ได้เจอเธอ
    _______“ข้าชื่อเทรน โคลฟเวอร์ลีฟ”
    _______“เป็นใบ้หรือไงกัน? ข้าแนะนำชื่อของตัวเองแล้ว เจ้าก็ต้องแนะนำชื่อของเจ้าสิ”
    _______“ข้าขอให้เจ้าแนะนำตัวด้วยหรือ?”
    _______“ไม่! แต่เมื่อคนหนึ่งบอกชื่อตัวเองออกไป อีกคนก็ควรจะบอกด้วย นั่นเป็นมารยาทไม่ใช่รึไงกัน?”

    _______เอเซพ่นควันสีเทาออกมาคล้ายถอนหายใจ ไม่รู้เป็นเพราะสูบมากเกินไปหรือเปล่าเขาเลยสำลักและไอแรงๆต่อเนื่องจนทำให้เทรนตื่นขึ้นมา เด็กสาวดันตัวเองออกจากถุงนอนแล้วนั่งมองข้ามกองไฟมองเจ้าหนี้ของตัวเองที่ไอไม่ยอมหยุด
    _______“ไอหนักขนาดนี้ยังไม่ยอมหยุดสูบอีก เดี๋ยวก็ได้ตายหรอก” เด็กสาวบอกด้วยสีหน้าเวทนา
    _______“ไม่ต้องสนใจเรื่องของข้าหรอก เจ้ารีบนอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า” เอเซตอบแล้วสูบต่อไม่สนใจคำเตือนของเธอแม้แต่น้อย
    _______“ก็เจ้าเสียงดังจนข้านอนไม่ได้น่ะสิ” คราวนี้เด็กสาวเป็นฝ่ายถอนหายใจเหนื่อยๆ
    _______“...งั้นเรอะ” เอเซพูดเหมือนไม่ใช่ความผิดของเขา
    _______“ยังจะมีหน้ามาถามอีก” เทรนถอนใจหนักกว่าเดิม “หยั่งกับคุยกับคนบ้า ยิ่งคุยยิ่งไม่รู้เรื่อง”
    _______เอเซลุกขึ้นพร้อมเทรนทันที “จะไปไหน?”
    _______“จะไปเข้าห้องน้ำ” เธอตอบเสียงแข็งจ้องหน้าเขาเขม็ง “ห้ามไปรึไงกัน?”

    _______ครั้งนี้เอเซเป็นคนถอนหายใจบ้าง ก้มหยิบท่อนไม้แหย่เข้ากองไฟสักพักจนปลายไม้ติดไฟกลายเป็นคบเพลิงแล้วยื่นให้เธอ “เดินไปใต้ลมทางโน้น รีบไปรีบกลับ”
    _______เทรนรับคบเพลิงจากเขาแล้วหายไปตามทางที่เอเซบอก

    _______“ท่าทางจะเป็นห่วงเธอมากเลยนะครับ” เสียงของเทราสเฟียร์ดังขึ้นทั้งๆที่เขานอนหันหลังให้
    _______“...ไม่ได้อ่านหนังสือเลยนอนไม่หลับสินะ” น้ำเสียงที่เขามีต่อผู้ว่าจ้างแข็งกระด้างบ่งบอกความไม่พอใจที่ถูกแอบฟัง
    _______“ขอโทษครับ ผมตื่นเต้นไปหน่อยเลยเกร็งจนนอนไม่ได้ครับ” เด็กหนุ่มพลิกตัวกลับมาเผชิญหน้ากับเอเซ รู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังโกรธ
    _______“ไม่รู้หรอกนะครับว่าเธอผ่านเรื่องร้ายๆอะไรมาบ้าง แต่เธอไม่อ่อนแอเหมือนเด็กผู้หญิงทั่วไปหรอกครับ”
    _______เอเซยกยาสูบขึ้นสูบอีกครั้งจนสุดลมหายใจ ทิ้งลงพื้นแล้วขยี้ดับด้วยรองเท้า “นอกจากจะเป็นหนอนหนังสือแล้วยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านปัญหาชีวิตของคนอื่นด้วยสินะ”



    _______“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!”
    _______เสียงกรีดร้องของเทรนดังสะท้านความมืดของค่ำคืน เทราสเฟียร์ลุกขึ้นทันทีแต่ยังช้ากว่าเอเซที่กระโจนไปยังทิศที่เสียงดังมา ดาบในฝักถูกปลดจากตัวล็อกพร้อมจะกระชากออกมาใช้งาน เขากวาดสายตาจนเจอตำแหน่งแสงสว่างจากคบเพลิงของเทรนแล้วพุ่งไปด้วยความเร็วสูงสุดทันที

    _______เด็กสาวนั่งคุกเข่าตัวสั่นเทิ้มยกสองมือปิดหน้า คบไฟตกอยู่ข้างตัว เอเซมาหยุดยืนอยู่หน้าเธอ กวาดตามองรอบๆเพื่อมองหาสัตว์ป่าที่จู่โจมเด็กสาวหรืออะไรก็ตาม แต่ไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆ
    _______“เกิดอะไรขึ้น” เอเซจับไหล่แขนเทรนแล้วดึงเธอให้ยืนขึ้น
    _______“กรี๊ดๆๆๆ ออกไปให้พ้น” เธอหลับตาปี๋ไม่มองว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือเอเซ สะบัดมือเปะปะตบตีเต็มแรงแถมยังข่วนหน้าเขาอีกหลายที
    _______“เฮ้! ตั้งสติหน่อยสิ” ชายหนุ่มตะคอกเสียงดัง โยกไหล่เธอแรงขึ้นจนแขนขากระเพื่อมอย่างรุนแรง
    _______“เกิดอะไรขึ้น บอกข้ามาเดี๋ยวนี้!”
    _______เด็กสาวหน้าตาตื่นมองหน้าเอเซแล้วหันซ้ายหันขวา หน้าซีดปากซีดเหงื่อไหลโชกชโลมหน้า แววตาตื่นตระหนกแสดงความกลัวถึงขีดสุด
    _______“ข้า...ข้าเห็น...เห็น” เทรนพยายามจะพูด แต่เสียงแหบพร่าเกินกว่าจะเข้าใจได้
    _______“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?” เทราเพิ่งมาถึง หน้าตาท่าทางตื่นเต้นไม่แพ้เทรน
    _______“กลับไปก่อนแล้วค่อยคุยกัน” ชายหนุ่มสั่งเฉียบขาด ลากแขนทั้งสองเดินกลับทันที

    _______เด็กสาววัยสิบหกยังไม่หายตระหนกหันซ้ายหันขวาหวาดระแวงทุกอย่างรอบตัวแม้จะกลับมาที่ที่พักแล้วก็ตาม เทราเทน้ำใส่ผ้าบิดจนหมาดแล้วส่งให้ เธอพยักหน้าเล็กน้อยขอบคุณเขาแล้วเช็ดหน้าเช็ดคอทั้งๆที่มือยังสั่นไม่หยุด
    _______เอเซรอจนเธอเป็นปรกติ ความตื่นเต้นและความหวาดกลัวจางหายไปจากสีหน้าจึงเริ่มต้นถามอีกครั้ง
    _______“เกิดอะไรขึ้นที่นั่น”
    _______เทรนกลืนน้ำลายลงคอ เปล่งเสียงอย่างยากลำบาก “พอเสร็จธุระข้าก็หันหลังกลับมาเห็นผู้หญิงยืนจ้องข้าแถมตาของเธอเรืองแสงเป็นสีแดงแจ๋เลย”
    _______“พอพวกเจ้ามาถึงผู้หญิงคนนั้นก็หายไปแล้ว”
    _______เอเซมองดวงตาสีน้ำเงินที่เต้นระริก “แน่ใจนะว่าไม่ได้ตาฝาดหรือคิดไปเอง?”
    _______“ข้าจะคิดไปเองได้ยังไงกันเล่า!” เด็กสาวโวยวาย “ภาพผู้หญิงคนนั้นยังติดตาข้าอยู่เลยนะ”
    _______“ที่เจ้าเห็นน่ะ...หน้าตารูปร่างการแต่งตัวเป็นยังไง” เอเซซักไซ้ต่อ
    _______“จะไปจำได้ยังไง พอเห็นก็กลัวจนกรี๊ดลั่นป่าแล้ว” น้ำเสียงของเทรนไม่พอใจที่เขาถามเหมือนไม่เชื่อเธอ
    _______“เทรนคงเหนื่อยเกินไปจนเห็นภาพหลอนน่ะครับ” เทราลองวิเคราะห์ดู
    _______“ข้าเห็นจริงๆนะ! ผู้หญิงผมยาว ตาแดงๆ หน้าซีดๆ”
    _______เอเซเหลือบไปมองเทราสเฟียร์แวบหนึ่ง เด็กหนุ่มเองก็ยักไหล่ไม่รู้จะพูดอะไรแล้วจึงหันกลับมาจ้องตาเทรน
    _______“แน่ใจนะว่าไม่ได้กุเรื่องให้ข้าเห็นใจเจ้า”
    _______“เฮ้!” เทรนว้ากใส่ทันที “ข้ากลัวจนจะฉี่ราดซ้ำสองแล้วยังหาว่าข้าโกหกอีกเหรอ พูดแล้วยังขนลุกไม่หายเลยเนี่ย”
    _______นักดาบหนุ่มถอนหายใจ ยกมือขึ้นห้ามให้เธอหยุดโวยวาย “จบเรื่องเหลวไหลนี่แล้วรีบนอน ทั้งคู่เลย”
    _______“แต่ว่า...” เธอยังไม่ทันพูดจบก็ต้องหยุดเพราะสายตาคมปลาบของเอเซ
    _______“ลืมๆมันไปแล้วรีบนอนซะ”

    _______เด็กสาวทำหน้างอนที่เขาไม่ยอมเชื่อแต่ก็ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ ยิ่งนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นสดๆร้อนๆยิ่งทำให้กลัวจับใจรีบมุดตัวเข้าถุงนอนทันที เทราสเฟียร์ทำท่าจะอ้าปากพูดบางอย่างแต่ก็ต้องล้มเลิกความคิดไปเมื่อเอเซเริ่มแสดงความไม่พอใจผ่านดวงตาสีน้ำตาลเข้มจึงมุดตัวเข้าใต้ถุงนอนไปอีกคนหนึ่ง

    _______เอเซส่ายหน้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ หยิบยาสูบออกมาคาบแล้วจุดไฟ แหงนหน้ามองท้องฟ้าที่สวยงามด้วยแสงดาวเปล่งประกายผิดกับสีหน้าของเขาที่เคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า
  7. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    ท่าทางอะไรซํกอย่างที่ทำให้กังวลจนต้องให้เทร่าหาของมาใช้รับมือจะออกมาแล้วสินะ
  8. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    ดองไว้นานมันก็เม้นท์ลำบากแบบนี้แหละวุ้ย

    2-3
    ตัวละครออกเยอะจนจำไม่ไหว สลับฉากไม่ทัน แต่ผมว่าอาเซทำได้ดีแล้ว ถึงจะมึนไปหน่อยก็เถอะ จริงๆแล้วการเอาตัวละครออกมาเยอะๆ จะต้องใช้เวลาถ่วงบท --- หมายถึงว่า ต้องให้ค่อยๆปรากฏตัว แต่นี่เป็นลักษณะคล้ายชุมนุมจอมยุทธ์ เลยสับสนไปนิดหน่อย ยังไงก็ดี คีนเป็นตัวละครที่ช่วยให้เกิดความโดดเด่นในบทขึ้นมามาก และคาแรคเตอร์แบบคีนก็ทำให้เรื่องมีสีสันขึ้นมามากเลย นับจากมีแต่ซีวิลกับเอเซซึ่งคุยแต่เรื่องเถื่อนๆเครียดๆ
    ส่วนเทรนกลายเป็นตัวประกอบ ฮา

    2-4
    แปลกใจที่โผล่มาอีกทีตัวหนังสือติดกันพรืดๆ
    บทนี้เรื่องสำนวน เสมอกับตอน 2-3 ที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในสองตอนหลังคือ การพูดการจาของแต่ละคน ที่กลับมาคมคาย สื่อคาแรคเตอร์ได้ดี (ช่วงนึงดร็อปไป) เห็นชัดๆแล้วว่าใครเป็นใครบ้าง

    เนื้อเรื่องมีการเคลื่อนไหว แต่บทละฉากก็ถือว่าช้าไปนิดหน่อย ในฟิคที่ตัวละครเยอะๆแล้ววางพล็อตซ้อนเป็นหางว่าวแบบนี้ต้องหมั่นทยอยพล็อตออกมาทีละตอนๆนะครับ

    โดยรวมผมว่าสนุกดี อย่างที่บอกนั่นแหละ ความหลากหลายของตัวละครช่วยให้เรื่องมีสีสันขึ้นมาก โดยเฉพาะเจ๊คีนนี่ ชอบจริงๆ! ถึงจะมามาด "จ่าฝูง" หรือแม่เสือสาว แต่ก็ไม่ได้สดอรรถรส หรือทำให้เรื่องออกทะเลกลายเป็นฟิคสีสันมีนางร้ายมาโฮะๆๆ ถ้าทำให้กลมกล่อมได้แบบนี้ในตอนต่อๆไป กับตัวละครอื่นๆด้วย จะดีมากๆเลยน่อ
  9. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    จะใช่รึเปล่า... ก็ต้องตามอ่านกันต่อไปครับ

    ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ครับ
  10. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    บทที่ 2 ปฐมบทแห่งหายนะ
    ตอนที่ 5 ซารุวาตาริ ทากะ


    ______สายลมเย็นสดชื่นในตอนเช้าทำให้รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า แสงสีทองย้อมทุกอย่างให้สว่างเรืองรอง ดอกไม้ชูช่อส่งกลิ่นหอมจางๆ เทรนคู้ตัวนอนอย่างมีความสุข หลับตาพริ้มนอนฟังบทเพลงจากธรรมชาติที่สายน้ำ สายลมและเหล่าสกุณาร่วมขับขานอย่างสบายอารมณ์ เพราะเอเซล่วงหน้าไปสำรวจเส้นทางตั้งแต่เช้ามืด ทางด้านเทราสเฟียร์กำลังเขียนบันทึกการเดินทางอย่างขะมักเขม้น

    ______“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด”
    ______จู่ๆเธอก็แผดเสียงร้องลั่น เทราสะดุ้งโหยงดึงดาบออกจากฝักกระโดดลงมาหาเธอทันที
    ______“เกิดอะไรขึ้นครับ!?” เขามองรอบด้านหาเสือ หมี หมาป่าหรือตัวอะไรก็ตามแต่ที่ทำร้ายเธอ
    ______“กิ้งก่ามันเกาะแขนข้าน่ะ ขอโทษทีนะ” เด็กสาวหัวเราะแห้งๆ ยิ้มฝืดๆให้เขา
    ______เขาถอนหายใจโล่งอก “ผมเลยอดแสดงฝีมือเลย”
    ______“มัวแต่เขียนหนังสืออยู่นั่นแหละ ถ้าเป็นเสือมันคงคาบข้าไปกินไม่เหลือแล้วนะ” เด็กสาวพูดติดตลกแก้เขิน อย่างน้อยๆก็ทำให้เด็กหนุ่มตรงหน้าลดความตึงเครียดลงและยิ้มออก
    ______เอเซพุ่งพรวดออกมาจากป่าราวกับพายุ ไถลตัวหยุดอยู่ด้านหลังเทรนจนผมของเธอปลิวสะพัดพร้อมกับฝุ่นที่คลุ้งขึ้นมา
    ______“เกิดอะไรขึ้น?”
    ______“เอ่อ...” เทราอ้ำอึ้ง เหลือบมองหน้าเทรนแวบหนึ่ง “กิ้งก่ากระโดดเกาะเธอ เธอเลยตกใจน่ะครับ”
    ______แววตาของเอเซแสดงความไม่พอใจเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้บ่นหรือต่อว่าอะไร
    ______“เส้นทางด้านหน้าเป็นยังไงบ้างครับ”เทรารีบชวนเอเซคุยเรื่องการเดินทางทันที
    ______“เตรียมตัวให้พร้อม จะต้องเดินตัดไหล่เขาไปทางจะตะวันตกคงถึงหน้าช่องแคบเซนต์เทียร่าเกตส์ ถ้าเร่งหน่อยคงถึงก่อนค่ำ”
    ______“ถ้าอย่างนั้นทานข้าวเช้าแล้วออกเดินทางกันเถอะ” เด็กสาวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มเหลือบหางตามองเธอแล้วส่ายหน้าเล็กๆ ยกแขนขึ้นปาดเหงื่อที่หน้าผาก


    ______พอเริ่มสายทุกคนก็เริ่มต้นเดินทางอีกครั้ง วันนี้เข้าวันที่ห้าของการเดินทางไกลมุ่งหน้าสู่ทวีปที่ถูกขนานนามว่า ‘โลกเก่า’ โดยมีแนวเทือกเขาสูงชันกว้างใหญ่ทอดตัวขวางจากเหนือลงใต้ เส้นทางเดียวที่สามารถเดินทางได้กลับเป็นเส้นทางที่อันตรายที่สุดที่ไม่เคยมีใครผ่านไปได้ ‘หุบเขาทมิฬ’
    ______ผ่านมาห้าวัน เทรนและเทราเริ่มปรับลมหายใจเข้ากับการนำทางของเอเซได้มากขึ้นทั้งจังหวะการเดิน วิถีและความเร็วในการก้าว แม้จะตามไม่ทันในทันทีแต่ก็ไม่ถูกทิ้งห่างมากเหมือนช่วงแรก

    ______“อีตาบ้านั่นรีบเดินอย่างกับจะตายวันตายพรุ่งอย่างนั้นแหละ”
    ______“ได้ยินแบบนี้ทุกวันแต่ก็ตามทันตลอดนะครับ” เทรายิ้มเล็กน้อย “เขาเป็นคนที่เข้มงวดไม่หย่อนยานอ่อนข้อให้กับคนอื่นและตนเองไม่ว่าวันนี้หรือหกปีที่แล้ว ผมถึงได้เลือกให้เขาเป็นผู้คุ้มกัน”
    ______“หกปีก่อน...” เทรนนึกถึงเรื่องที่มาสเตอร์พูดกับเธอบนดาดฟ้า “เทรารู้ด้วยเหรอว่าหกปีก่อนหมอนั่นทำอะไรไว้?”
    ______เด็กหนุ่มยิ้มมากขึ้น “หกปีก่อนเขาเป็นผู้คุ้มกันคณะสำรวจของออกัสตินและอเลกซานเดรียที่จะไปสำรวจโลกเก่าเหมือนที่พวกเรากำลังจะไปนี่แหละครับ เป็นช่วงที่เขาเพิ่งได้รับฉายาวิหคสายฟ้า”
    ______“ทว่าความล้มเหลวในครั้งนั้นทำให้เขาหายไปจากวงการนักล่าค่าหัวสองปีเต็มๆ ผมก็ทราบเพียงคร่าวๆเท่านี้แหละครับ”
    ______“แล้วรู้รึเปล่าว่าอะไรเป็นสาเหตุของความล้มเหลว” เอเซถามเสียงดังฟังชัดจนทำให้เทราและเทรนหยุดชะงักเพราะไม่คิดว่าเขาจะได้ยิน ชายหนุ่มกลับตัวเดินย้อนมาหยุดตรงหน้าทั้งสองคน
    ______“ช่วยบอกผมด้วยเถอะครับ”
    ______“คนฉลาดตายเพราะความฉลาดของตัวเองยังไงละ” คำตอบของเอเซทำให้เทราขมวดคิ้ว
    ______“ตอบให้มันชัดๆหน่อยได้ไหมล่ะ!” เทรนพูดแทรก ท่าทางไม่พอใจเล็กๆทำให้เอเซหัวเราะในคอ
    ______“ในห้วงเวลาวิกฤต พวกเขาห่วงความรู้มากกว่าชีวิต บางคนตายทั้งที่ยังกำปากกาในมือและนั่นเป็นส่วนเดียวของร่างกายที่หาเจอ พูดแบบนี้ชัดพอรึยัง”
    ______เด็กสาวกลืนน้ำลายลงคอด้วยความกลัว เทราตีหน้าเครียด ส่วนคนพูดเดินจากไปทันที พวกเขาสองคนจึงไม่มีโอกาสเห็นสีหน้าแสนเศร้าของเอเซจากความทรงจำที่เจ็บปวด


    ______เดินทางเกือบหมดวัน ในที่สุดเอเซก็พาหนึ่งผู้ว่าจ้างและหนึ่งคนติดตามมาจนถึงจุดหมายแรกของการเดินทางได้สำเร็จ ช่องแคบเซนต์เทียร่าเกตส์ – หุบเขาที่ถูกสายลมสายฝนกัดกร่อนต่อเนื่องยาวนานจนกลายเป็นหน้าผาสูงชันคับแคบและซับซ้อน เส้นทางเดียวที่เชื่อมต่อระหว่างโลกเก่าทางฟากตะวันออกและโลกใหม่ทางฟากตะวันตกของหุบเขาทมิฬเขาด้วยกัน
    ______ชื่อของหุบเขาแห่งนี้ถูกตั้งตามชื่อกษัตริย์พระองค์สุดท้ายของอาณาจักรในโลกเก่าที่สามารถพาประชาราษฎร์อพยพข้ามหุบเขาทมิฬได้สำเร็จ

    ______“นี่สินะ ก้าวแรกของการเดินทางอย่างแท้จริง”

    ______เทราสเฟียร์ยืนบนเนินเขาลูกสุดท้ายก่อนจะเป็นทางลาดกว้างใหญ่จรดหน้าผาสูงเสียดฟ้า มีเพียงช่องว่างแคบๆตั้งฉากเชื่อมต่อแผ่นฟ้าและผืนดินเข้าด้วยกัน ดวงอาทิตย์สีแสดกลมโตกำลังจะหายลับไปด้านหลังหน้าผาแห่งนี้ในอีกไม่ช้า

    ______“คืนนี้พักผ่อนให้เต็มที่ หลังจากนี้ข้าจะเร่งความเร็วขึ้นอีกสองเท่า”

    ______แม้จะถูกกดดันด้วยคำพูดและสายตาคมปลาบของเอเซ แต่เด็กหนุ่มผู้เปี่ยมด้วยความฝันที่จะไปยังโลกเก่าไม่ได้แสดงความหวั่นไหวแต่อย่างใด หากแต่บังเกิดรอยยิ้มราวกับเฝ้ารอประโยคนี้อยู่แล้ว
    ______ความมืดเริ่มเข้าปกคลุมทุกตารางนิ้วของป่า บริเวณนี้เป็นป่าสนสูงใหญ่แน่นขนัดยิ่งทำให้บรรยากาศวังเวงมากขึ้นเพราะแม้แต่เสียงนกร้องยังไม่มีให้ได้ยิน มีเพียงกองไฟดวงเล็กๆที่ให้แสงสว่างและเสียงกิ่งไม้แตกเพราะถูกไฟเผาให้ได้ยินเท่านั้น

    ______“เทรา...ไปด้วยกันหน่อยสิ” เทรนกระซิบเทราสเฟียร์กันหลังจากกินมื้อเย็นเสร็จ
    ______ชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันถามด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน “เอ่อ...จะไปไหนตอนนี้เหรอครับ?”
    ______“อ่า...” กลายเป็นคนชวนหน้าแดงเสียเอง “ข้าจะไปปลดทุกข์น่ะสิ แต่ข้ากลัวน่ะ ไปเป็นเพื่อนข้าหน่อยนะ ไปนะ!”
    ______“ว่าแล้ว” เทราถอนหายใจ “ไปบอกท่านเอเซดีกว่านะครับ มีอะไรเขาจะได้ช่วยเหลือได้ทัน”
    ______“โธ่!”

    ______เด็กสาวตัดพ้อ เมื่อเห็นอีกฝ่ายปฏิเสธด้วยสีหน้าเธอจึงลุกไปคนเดียว แม้จะกลัวเหตุการณ์แบบคราวก่อนแต่ทิฐิในใจทำให้เธอไม่เอ่ยปากขอให้เอเซช่วย เทราลอบมองท่าทีเอเซก็ได้แต่ยิ้มเพราะถึงจะไม่ตามไปแต่มือขวาก็ไม่ยอมปล่อยจากด้ามดาบ วิถีสายตาก็ตามหลังเทรนไปติดๆ

    ______เด็กสาวทำธุระอย่างรวดเร็วด้วยความกลัว แต่พอจะเดินกลับก็พบว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางความมืดหาทางกลับทางเดิมไม่เจอแล้ว เพราะเธอรีบจนลืมหยิบคบไฟมาด้วย
    ______“บ้าเอ๊ย!” เธอหัวเสีย “ขืนตะโกนเรียกให้มารับ อีตานั่นต้องโมโหแหงๆ”
    ______เธอพยายามนึกว่าเมื่อครู่เธอเดินมาจากทางไหน แต่ทิวทัศน์รอบตัวก็เหมือนกันหมด ป่าสนสูงใหญ่ กิ่งไม้แห้งระเกะระกะทับถมรวมกับซากใบไม้ ความมืดที่ทำให้ทุกอย่างลางเลือนแม้แต่ลายเส้นบนฝ่ามือตัวเองก็มองเห็นไม่ชัด ทุกสิ่งสงบนิ่งราวกับถูกหยุดแม้กระทั่งสายลม

    ______ระหว่างที่หันรีหันขวาง เด็กสาวสะดุดกับบางอย่างจนล้มคะมำหน้าทิ่มพื้น พอลุกขึ้นมาเธอก็ได้แต่บ่นแล้วคลำดูที่พื้นว่าสิ่งที่ขวางเท้าของเธอคืออะไร

    ______“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

    ______ครั้งนี้เธอร้องดังยิ่งกว่าเก่าหลายเท่า เพราะที่เจอกำลังจับอยู่คือขาซ้ายของชายคนหนึ่งในท่านั่งพิงต้นไม้คอพับคอตกไม่ต่างอะไรจากศพ เด็กสาวหน้าซีดปากสั่นน้ำตานองดันตัวถอยกรูดจนชนเข้ากับต้นไม้ด้านหลังอย่างจังแต่ความกลัวทำให้เธอลืมเจ็บในทันที
    ______เอเซมาถึงอย่างรวดเร็วเหมือนทุกครั้งตามมาด้วยเทราสเฟียร์
    ______“มีคนอยู่แถวนี้? ทำไมถึงไม่เห็นร่องรอยแม้แต่น้อย”
    ______ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งชันเข่าข้างๆตัวชายผมดำ เอื้อมมือแตะลำคอเพื่อตรวจสัญญาณชีวิต ทันทีที่นิ้วสัมผัสลำคอ ร่างที่นั่งนิ่งไม่ไหวติงกลับลุกพรวดขึ้นยืนได้ทันที เทรนกรีดร้องเสียงดังยิ่งกว่าเดิมด้วยภาวะเสียสติ
    ______“หือ? เช้าแล้วหรือขอรับ”
    ______“ยังไม่ตายหรอกรึ?” เอเซลุกขึ้นยืนประกบเขาทันที
    ______“...คงจะใช่ขอรับ”
    ______อีกฝ่ายตอบกลับด้วยทีท่าเนือยๆ ไม่แม้จะหันมองหน้าเอเซ เทราปลอบเทรนจนหายตกใจแล้วพยุงให้ลุกขึ้นยืนแต่เธอยังตัวสั่นไม่หยุด
    ______“เจ้าเป็นใคร?” เอเซอ้อมมายืนตรงหน้ามองด้วยสายตาดุดัน
    ______“นักเดินทางพเนจรคนหนึ่งเท่านั้นขอรับ” อีกฝ่ายตอบเรียบๆ
    ______เอเซเหลือบมองดาบที่เอวของเขา “เจ้าเป็นคนของอาณาจักรนิฮงงั้นรึ?”

    ______ยังไม่ทันที่ชายผมดำจะตอบ สายลมหนึ่งพัดมาพร้อมจิตสังหารน่าหวาดหวั่น นักฆ่าในชุดดำปิดหน้าเหลือแต่ดวงตาเผยเจตนาฆ่าฟันทะยานลงจากยอดสน เงื้อดาบเหนือหัวเข้าใส่ทุกคน
    ______เอเซกดหัวเทรนและเทราลงติดพื้น ถีบนักฆ่าที่พุ่งลงมาคนแรกกระเด็นไปพร้อมกับเสียงกรี๊ดของเด็กสาว วิหคสายฟ้ากระชากดาบออกมารับกระบวนท่าสังหารจากด้านบนไว้ได้ทันแล้วหมุนตัวฟาดดาบในแนวขวางกระแทกมือสังหารอีกคนให้ร่นถอย
    ______นักฆ่าอีกกลุ่มพุ่งเป้าไปที่ชายผมดำ แต่พริบตาเดียวก็ถูกเขาเล่นงานด้วยสันมือเข้ากกหู ต้นคอ ปลายคาง ล้มคว่ำไปสามราย แต่ยังเหลือหลายคนล้อมเขาไว้

    ______“ศัตรูของเจ้าเรอะ”
    ______“ใช่...คงใช่ขอรับ”

    ______ชายผมดำตอบด้วยน้ำเสียงเนือยๆเหมือนเป็นเรื่องปกติ หลบคมดาบจากสองมือสังหารแล้วสวนหมัดซ้ายเข้ากลางอกหนึ่งคน ยกขาขวาเตะเสยปลายคางอีกหนึ่งแทบจะพร้อมกัน
    ______วิหคสายฟ้ารับมือกับสี่มือสังหารปริศนาพร้อมกับปกป้องเทรนและเทรา นักฆ่าคนหนึ่งปราดเข้ามาทางซ้ายแทงดาบเข้าใส่ เขาเอี้ยวหลบในพริบตาแล้วตวัดดาบจากล่างขึ้นบนตัดสองแขนศัตรูขาดกระเด็นแล้วเตะสีข้างให้ไปขวางทางนักฆ่าอีกคนที่พุ่งเข้ามา ย่อตัวก้มตัวหลบดาบที่ฟาดใส่หลังคอถีบเข่าศัตรูจนเสียหลักแล้วหมุนตัวฟันสะพายแล่งขาดจากไหล่ขวาทะลุออกเอวซ้าย ดีดตัวกระโดดถีบขาคู่เข้าปลายคางนักฆ่าคนที่สาม ตีลังกาพลิกตัวกลางอากาศฟาดดาบผ่าร่างในชุดดำเป็นสองส่วนตั้งแต่หัวจรดก้นกบ
    ______อีกหนึ่งมือสังหารที่ยังเหลือกระโดดเข้าแทงแต่ก็ช้ากว่าเอเซที่พุ่งสวนทางเสือกดาบเข้ากลางอกทะลวงแผ่นหลังตายคาที่ คมดาบจากนักฆ่าชุดดำทำได้เพียงตัดปลายผมข้างหูของวิหคสายฟ้าเท่านั้น
    ______นักฆ่าอีกห้ายังคงตั้งท่าประจันหน้าชายผมดำเอาไว้ จนกระทั่งเอเซเดินลากดาบเปื้อนเลือดเข้ามายืนคุมเชิงอยู่ห่างๆ ดูไปเหมือนจะได้เปรียบสองต่อห้าแต่มือสังหารที่มากประสบการณ์ย่อมรู้ดีว่าในสถานการณ์เช่นนี้พวกเขาเสียกำลังรบไปแล้ว หากดึงดันมากกว่านี้ย่อมเสียหายหนักขึ้นจึงยอมล่าถอยหายไปในความมืดทิ้งไว้เพียงประโยคข่มขู่อาฆาต

    ______“ระวังหัวของเจ้าไว้ให้ดี เอ็นมะโนะเฮียวคัง!”


    ______เด็กสาวมองรอบตัวอย่างสับสน ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนเธอจับต้นชนปลายไม่ถูก “เป็นอะไรรึเปล่าขอรับ” ชายผมดำเดินเข้ามาช่วยประคองเธอยืน ทว่าลำแสงสีเงินเส้นหนึ่งเข้าจ่อที่ลำคอของเขา แรงลมทำเอาผมของเทรนปลิวกระเจิง

    ______“ทำไมถึงไม่หลบดาบ” เอเซจ้องอีกฝ่ายไม่กระพริบตา
    ______ชายผมดำยิ้มมุมปาก “ดาบที่ไร้เจตนาสังหารไม่จำเป็นต้องหลบขอรับ”
    ______“เหมือนที่เจ้าไม่คิดจะฆ่ามือสังหาร แต่สนุกกับการเป็นฝ่ายถูกไล่ฆ่าแทนอย่างนั้นสินะ”
    ______แม้ปลายดาบจะจ่อที่คอแต่ชายผมดำกลับไม่มีท่าทีจะต่อสู้หรือป้องกันตัว ยังคงสงบนิ่งเหมือนก้อนหินก้นแม่น้ำ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มปะทะเข้ากับดวงตาสีดำสนิท ไม่มีใครยอมหลบตาใคร บรรยากาศอึดอัดและกดดันหนักหน่วงแผ่กระจายออกจากพวกเขาทั้งสองคน
    ______ชายผมดำที่ถูกมือสังหารเรียกว่า ‘เอ็นมะโนะเฮียวคัง’ ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “พูดเรื่องอะไรหรือขอรับ?”
    ______ทั้งสองยังคงจ้องตากัน เทรนและเทราสเฟียร์มีท่าทีกระอักกระอ่วนไม่รู้จะแก้ไขสถานการณ์อย่างไรดี
    ______สุดท้าย เอเซก็ยอมถอนดาบออกจากคอของอีกฝ่ายแล้วเดินฝ่าความมืดกลับไปยังที่พัก
    ______“เป็นอะไรของเขาน่ะ” เทรนบ่นไล่หลังเขา
    ______“ขอโทษด้วยนะครับ” เด็กหนุ่มผมสีส้มก้มหัวเล็กน้อยให้ชายผมดำ
    ______“ข้าน้อยไม่ถือสาหรอกขอรับ”
    ______ปราชญ์แห่งอเลกซานเดรียยกนิ้วดุนแว่นสีชาให้เข้าที่ ดวงตาเปล่งประกายบางอย่าง “ถ้าไม่รังเกียจ คืนนี้ไปพักกับพวกเราก็ได้นะครับ”
    ______“ขอรับไว้แค่น้ำใจก็พอขอรับ” เขากวาดตามองรอบๆเพื่อให้ทั้งสองมองตาม ซากศพเกลื่อนกลาด กลิ่นคาวเลือดเริ่มรุนแรง
    ______“ถ้าอย่างนั้นอยู่คนเดียวก็ยิ่งอันตรายน่ะสิ ไปพักกับพวกเราเถอะนะ ถึงจะมีคนนิสัยไม่ดีอยู่ก็เถอะ” เทรนไม่ยอมให้เขาไป
    ______“นั่นสินะครับ” เด็กหนุ่มสี่ตาเห็นด้วยกับเหตุผลของเธอ ชายผมดำมองสายตาอ้อนวอนของเด็กสาวอยู่นาน
    ______“ถ้าอย่างนั้นขอรบกวนด้วยขอรับ”


    ______ทั้งสามกลับมาที่ที่พักพร้อมกัน เอเซเหลือบมองชายผมดำที่ตามหลังเทรนและเทรามาแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร นั่งสูบยาสูบอยู่เงียบๆหน้ากองไฟ เช็ดคราบเลือดจากดาบอย่างระมัดระวัง
    ______“กินอะไรสักหน่อยไหมครับ?” เทราถาม แต่เขาส่ายหน้าปฏิเสธและเดินไปนั่งอยู่ตรงข้ามเอเซโดยมีเปลวไฟสีแสดคั่นกลาง
    ______“ข้าชื่อเทรน โคลฟเวอร์ลีฟ แล้วท่านชื่ออะไรเหรอคะ?” เทรนเริ่มต้นแนะนำตัวและถามชื่ออีกฝ่ายตามแบบฉบับของเธอ
    ______“ซารุวาตาริ ทากะขอรับ”
    ______“ซา-รุ-วา... ชื่อเรียกยากจังแฮะ” เด็กสาวหัวเราะเบาๆ
    ______“ชื่อทากะ ตระกูลซารุวาตาริ คนของอาณาจักรนิฮงใช้ชื่อตระกูลนำหน้าชื่อตัวเอง ชื่อทากะก็แปลว่า – นกเหยี่ยว” เสียงของเอเซดังข้ามกองไฟมาพร้อมดวงตาแวววาว สายตาของทั้งสองปะทะกันอีกครั้ง เด็กสาวเหลือบมองเขาเหมือนจะบอกว่า ‘ไม่ได้ขอให้ช่วยอธิบาย’ แล้วหันไปยิ้มคุยกับทากะโดยไม่สนใจเอเซ
    ______“แล้วจะไปไหนกันถึงมาอยู่กลางป่ากลางเขากันขอรับ?”
    ______ทากะเป็นฝ่ายถามบ้าง เทรนไม่รู้จะตอบอย่างไรจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากเทรา “จะว่าไป...เราเองก็ยังไม่รู้จะไปไหนเหมือนกันนี่นะ”
    ______ปราชญ์แห่งอเลกซานเดรียวางสมุดและปากกา หันหน้ามาร่วมวงสนทนา “ผมได้รับมอบหมายให้ไปค้นหาและนำบันทึกทางประวัติศาสตร์จากเมืองที่ชื่อนีโอบาบิลอนในทวีปเก่าครับ”
    ______ชายผมดำพยักหน้าเล็กน้อย
    ______“ป่านนี้แล้วหนังสือนั่นไม่เปื่อยเป็นเศษกระดาษไปแล้วเหรอ?”
    ______เด็กสาวถาม แต่เด็กหนุ่มยิ้มผ่านแว่วสีชาขุ่น “หนังสือที่มีความสำคัญมากๆจะมีวิธีในการเก็บรักษา บางเล่มผ่านเวลานับพันปียังเหมือนหนังสือใหม่ หมึกยังชัด กระดาษยังไม่กรอบแม้แต่น้อย ที่อเลกซานเดรียก็มีอยู่ ไว้กลับไปแล้วผมจะพาไปดูครับ”
    ______“หนังสือที่ผมตามหาได้บันทึกเหตุการณ์สำคัญที่เปลี่ยนแปลงทวีปตะวันตกให้กลายเป็นทวีปร้าง ผู้คนจำนวนมากต้องอพยพมายังฟากตะวันออกของหุบเขาทมิฬ”
    ______“นั่นคือ…?” เทรนถาม
    ______“สงครามศักดิ์สิทธิ์ระหว่างมนุษย์และอสูรครับ”
    ______“นั่นเป็นเรื่องเมื่อพันสองร้อยปีที่แล้วน่ะนะ” เอเซบอกข้ามกองไฟมาอีกครั้ง
    ______“นับจริงๆก็หนึ่งพันกับอีกหนึ่งร้อยเจ็ดสิบแปดปีครับ” เทรายิ้มอย่างทึ่งๆ “ท่านเอเซรู้ด้วยเหรอครับ?”
    ______นักดาบผู้มีผมสีน้ำตาลโยนเศษบุหรี่ที่หมดแล้วลงกองไฟ “หกปีก่อนมีคนพร่ำพรรณนาความสำคัญของหนังสือเล่มนั้นให้ฟัง”
    ______“จะไปเมืองที่มีหอคอยเยอะๆสูงๆสินะขอรับ”


    ______ทั้งเทราและเอเซลุกขึ้นยืนพร้อมกันจนเทรนตกใจ สีหน้าของเทรามีเค้าลางของความประหลาดใจ แต่ในดวงตาของเอเซเผยความตื่นตะลึง
    ______“เคยไปที่นั่นมาอย่างนั้นเหรอ!?” เด็กหนุ่มตั้งใจจะถามคำถามนี้แต่ช้ากว่าเอเซ เขากระชากทากะลุกขึ้น จ้องดวงตาสีดำราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ความโกรธแผ่ออกมาจากร่างของเขา ร้อนแรงคุกคามยิ่งกว่ากองไฟของจริง รอยยิ้มปริศนาผุดขึ้นที่มุมปากของซารุวาตาริ ทากะ
    ______“โมโหเรื่องอะไรขอรับ?”
    ______“เจ้าเคยไปที่นครแห่งหอคอยนั่นมาแล้วใช่ไหม? เจ้าเห็นอะไรบ้าง เจอใครบ้าง ตอบข้ามาเดี๋ยวนี้!” ราวกับเอเซสูญเสียความเยือกเย็นที่เคยมีมา เขากลายเป็นคนละคนจนแม้แต่เทรนและเทรายังอดวิตกไม่ได้
    ______“นครร้างแบบนั้นจะมีคนอยู่ได้อย่างไรขอรับ”
    ______เอเซขบฟันแน่น มือที่กำคอเสื้อสีดำของทากะยิ่งกำแน่น คิ้วขมวดแทบจะชนกันเป็นเนื้อเดียว แต่คนที่ถูกจ้องตา ถูกตะคอกใส่กลับยิ้มเหมือนไม่รับรู้ความโกรธของอีกฝ่าย
    ______“ใช่ขอรับ ข้าน้อยเคยไปนครร้างที่มีหอคอยเยอะๆมาแล้ว”
    ______“เมื่อไร!” เอเซถามต่อทันทีไม่มีเว้นช่องว่าง
    ______“จำไม่ได้แล้วขอรับ”

    ______ความโกรธของวิหคสายฟ้ายิ่งทวีมากขึ้นผลักเขาออกแล้วกระชากดาบฟาดใส่ทันที ทากะขยับหลบวูบออกด้านข้าง ต้นสนขนาดสองคนโอบถูกฟันขาดในดาบเดียวล้มโค่นเสียงดังสนั่น เทราสเฟียร์คว้าข้อมือเทรนวิ่งหนีออกจากจุดศูนย์กลางการต่อสู้ทันที

    ______“จะตอบคำถามข้าหรือจะนอนจมกองเลือด?” เอเซยืนคำขาดครั้งสุดท้าย แต่ทากะยังคงยิ้มรับรังสีสังหารอย่างไม่สะทกสะท้าน
    ______“หากท่านเอาจริง...ข้าน้อยก็คงต้องเอาจริงบ้างไม่อย่างนั้นคงเป็นเรื่องเสียมารยาท” ทากะยกมือขวาจับด้ามดาบของตน เพียงเท่านั้นสายลมหนึ่งพุ่งออกจากตัวเขาเข้าปะทะกับต้นสนด้านหลังเอเซทันที ต้นสนโชคร้ายอายุหลายร้อยปีขาดผ่ากลางตั้งแต่โคนขึ้นไปหักโค่นลงในพริบตา
    ______“มิฉะนั้นแล้วฉายา ‘เอ็นมะโนะเฮียวคัง’ ของข้าน้อยคงต้องร่ำไห้แน่ๆเลยละขอรับ” ทากะยิ้มเหมือนเด็กไร้เดียงสา
    ______“อย่างนี้นี่เอง” วิหคสายฟ้าเผยรอยยิ้มถูกใจ ยกดาบชี้หน้าอีกฝ่าย “ในที่สุดก็นึกออกสักที ‘เอ็นมะโนะเฮียวคัง’ แปลว่า ‘มัจจุราชความเร็วเสียง’ ...ที่แท้เจ้าก็คือ ‘เหยี่ยว’ แห่งหน่วยลวงตาของอาณาจักรนิฮงสินะ”
    ______“เอ...ข้าน้อยจะเป็น ‘เหยี่ยว’ ตัวนั้นรึเปล่าก็ไม่แน่ใจขอรับ”

    ______สายลมที่ไม่รู้ที่มาที่ไปพัดคั่นกลางระหว่างทั้งสอง การต่อสู้ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นระหว่างวิหคสายฟ้าและมัจจุราชความเร็วเสียงกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
    joi100 ถูกใจสิ่งนี้
  11. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    ขอตอบเป็นข้อๆนะ

    - บทนี้สิ่งที่ชอบมากคือ การปรากฏตัวของทากะแห่งดินแดนนิฮง ความกลมกลืนที่ผสานเรื่องราวแฟนตาซีแล้วมีอารยธรรมตะวันออกเข้ามาแต่ไม่ทำให้กระโดด ชอบตรงนี้
    - ชอบพัฒนาการของเทรน แรกๆดูเป็นเด็กสาวหวาดผวา ตอนนี้แลพูดมากขึ้น เริ่มซักเริ่มถามมากขึ้น ร่าเิริงขึ้นด้วย (หรืออาจจะเพราะมีเทร่าคอยเปิดใจ ฮา)
    - แต่ทากะชอบใช้คำว่า ข้าน้อย - ขอรับ ผมว่ามันทำให้ผิดอิมเมจเขาไปนิดหน่อย ดูเป็นคนนอบน้อมมากเกินไป (รู้นะว่าทากะไม่ใช่แนวนี้เสียเท่าไร เจ้าตัวลองเช็คดูก็ได้)
    - สำนวนคงที่ คำพูดแหลมๆคมๆ มีตลอดการต่อสู้
    - เนื้อเรื่องดี น่าลุ้น ตัวละครที่มีส่วนเกี่ยวพันกับเอเซเริ่มโผล่เข้ามาเรื่อยๆ อยากรู้เรื่องราวของดินแดนหอคอยเยอะๆเช่นกัน ฮา

    ประทับใจบทนี้มาก แต่อยากให้ปรับการพูดของทากะ ครับผม
    joi100 ถูกใจสิ่งนี้
  12. Ryuto

    Ryuto 終わる道、始まる夢

    EXP:
    964
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    88
    เข้ามาเม้นว่าอ่าน 1-3 เพิ่งจะเสร็จ (ฮา)

    พออ่านเสร็จก็ไล่มาดูคอมเม้น พี่อากิกับพี่อิวานสองคน ก็เหมือนกับอ่านนิยายไปอีกตอนนึง (เพลีย) ยาวได้อีก

    กำลังไล่(แอบอ่าน)อยู่ที่ทำงาน ส่วนเรื่องการบรรยายนี่ผมวิจารณ์ไม่ได้(เพราะไม่สามารถ)แต่ผมว่าแต่ละคนก็ทีสไตล์เขียนที่เป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว (ซึ่งแนวพี่เกมก็ออกแนว........เถื่อนดิบ)

    ถ้าวัดกันจริงๆด้านสไตล์ ผมว่าพี่จ้อยน่าจะสดใสสุดเท่าที่ผมอ่านมาแล้ว (แฟนตาซีสดใส มิตรภาพ และหญิงสาวบริสุทธิ์) ขัดกับท่านพี่อีกสองท่านเสียจริงๆ(เอะอะ ก็จะ ขมขื่น /โดนเตะ)

    เท่าที่ดูผมยังเห็นคำผิดอยู่นะพี่ (ไม่เยอะๆ) โอเคเม้นแค่นี้ก่อน

    /อ่านต่อ
    Azemag และ joi100 ถูกใจสิ่งนี้
  13. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    เรื่องบทพูดของทากะที่ใช้ "ข้าน้อย" , "ขอรับ" จนดูเหมือนนอบน้อมเกินไป ส่วนหนึ่งก็เพราะมันเป็นคนของอาณาจักรนิฮงที่อ่อนน้อมถ่อมตน
    แล้วทากะกับกลุ่มของเอเซก็เพิ่งเจอกันครั้งแรก ตะแกเลยต้องแอ๊บนิดนึง

    อีกไม่นานหรอก เดี๋ยวหางก็โผล่ กวน-ีนเหมือนตัวจริงเอง


    ฟิคเรื่องนี้ไม่เน้นสดใสโลกสวยอยู่ตั้งแต่ต้นแล้ว
  14. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    บทที่ 2 ปฐมบทแห่งหายนะ
    ตอนที่ 6 ร่วมทาง


    _______กลางทุ่งหญ้าก่อนถึงช่องแคบเซนต์เทียร่าเกตส์มีกระโจมตั้งอยู่หลายหลัง ทหารยามชุดเกราะโลหะถือหอกคมกริบยืนรักษาการณ์อย่างแข็งขันรอบบริเวณ อีกหน่วยออกลาดตระเวนเป็นวงกลมรอบที่พัก
    _______แสงไฟในกระโจมก่อให้เกิดเงาลางๆบนผืนผ้าสีขาว


    _______“ตะกี๊เสียงอะไรกัน? ผู้กองดาวิด”
    _______ผู้ถามคือเด็กหนุ่มผมสีเงินกึ่งนอนกึ่งบนเก้าอี้สองตัวต่อกัน - อากิรอส คีฟ ผู้ใช้เวทมนต์จากอาณาจักรเวเนส
    _______“อาจะเป็นเสียงไม้ล้มน่ะครับ”
    _______ผู้กองดาวิดเป็นชายวัยกลางคนในชุดทหารสีน้ำเงินเข้ม หมวกสีขาวประดับด้วยดาวสีทองสามดวงบ่งบอกว่าเขาเป็นนายทหารระดับสูง แต่จากท่าทีของเขาแสดงให้เห็นว่าผู้กองคนนี้ยำเกรงอากิรอสเป็นอย่างมาก
    _______“ท่านจะบอกว่าอะไรๆก็เกิดขึ้นได้ในป่าสินะ”
    _______อิซาเบล โซดิแยร์อยู่ในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนปล่อยผมสีเขียวสยายกลางหลัง นั่งอ่านหนังสืออยู่บนโต๊ะกลมปูผ้าลูกไม้สีขาวสะอาด ทำตัวตามสบายเหมือนอยู่ในบ้านตัวเอง
    _______“ใช่แล้วครับ” นายทหารระดับผู้กองตอบพร้อมกับโค้งคำนับ
    _______“แล้วอีกนานแค่ไหนจะถึงที่ตั้งของพวก 'ปีกทมิฬ' กันละ?” อากิรอสถามพลางควงแก้วชาเล่น
    _______“จากข้อมูลที่เรามี คาดว่าใช้เวลาเดินทางอย่างน้อยอีกแปดวันครับ”
    _______“ฮ่าๆ แบบนี้พวกมันก็หนีไปหมดน่ะสิ” แม้อากิรอสจะพูดเล่นๆ แต่แววตาที่ส่งออกมาบอกว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น
    _______“ขออภัยด้วยครับ เส้นทางในหุบเขาทิมฬนั้นซับซ้อนและวกวน หากไม่สำรวจเส้นทางให้ดีอาจทำให้พวกเราเสียเวลามากกว่าเดิม อีกทั้ง...”
    _______“ข้าเบื่อที่จะฟังคำอธิบายซ้ำๆซากๆ” น้ำเสียงของนักเวทหนุ่มเย็นชาและไม่พอใจ “พรุ่งนี้ออกเดินทางเร็วขึ้นหนึ่งชั่วโมง ไปได้แล้ว”
    _______ผู้กองดาวิดโค้งคำนับ เดินถอยหลังสามก้าวแล้วหมุนตัวเดินออกจากกระโจมไปโดยไม่มีข้อโต้งแย้งใดๆ
    _______อิซาเบลพูดทั้งที่ยังก้มอ่านหนังสือ “ไม่เห็นต้องกดดันเขาขนาดนั้นเลย”
    _______“เฮอะ! เดี๋ยวก็อสูรปีศาจ เดี๋ยวก็กลัวหลงทาง ก็แค่ข้ออ้างเท่านั้นแหละ” อากิรอสดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้ทั้งที่อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน “ถ้าไม่เจออะไรเลยสิถึงจะน่าเบื่อ”
    _______“...งั้นเรอะ?” เธอไม่ใส่ใจกับท่าทีของเขา “ถ้าเกิดอะไรขึ้นข้าฝากเจ้าจัดการก็แล้วกัน”
    _______เด็กหนุ่มชำเลืองหาตามองเธอ เดินไปที่ทางออกกระโจม “ถ้าจำไม่ผิด...เจ้าก็ไม่เคยให้มือตัวเองเปื้อนเลือดนี่นะ”
    _______นักเวทสาวปิดหนังสือวางลงบนโต๊ะ ใบหน้าวูบวาบด้วยแสงไฟจากตะเกียงบอกไม่ได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่




    _______อีกด้านหนึ่งก่อนถึงช่องแคบเซนต์เทียร่าเกตส์กลางป่าสน เอเซประจันหน้าทากะพร้อมจะเข้าห้ำหั่นสังหารได้ทุกเวลา

    _______“ทำยังไงดีละ? เทรา” เทรนกระวนกระวาย สีหน้าตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด
    _______“ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันครับ เข้าไปห้ามตอนนี้ก็อันตรายเกินไปด้วย”

    _______สายลมหนึ่งพัดเอากิ่งไม้แห้งลอยละลิ่วลงมาระหว่างทั้งสอง ราวกับเป็นเสียงระฆังศึกเริ่มการต่อสู้ เอเซเป็นฝ่ายบุกก่อนพุ่งเข้าหาทากะ อีกฝ่ายยิ้มรับด้วยท่าทีสนุกสนาน
    _______คมดาบสีเงินแหวกอากาศเพราะทากะหลบและเข้าประชิดขวามือของเขาภายในพริบตา แต่เอเซอ่านการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายไว้ล่วงหน้า รั้งตัวชักข้อมือกลับใช้ด้ามดาบโจมตีใส่ขมับคู่ต่อสู้แทน ทากะคว้าข้อมืออีกฝ่ายอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ย่อตัวลงบิดเอวบิดข้อมือในทิศทางเดียวกับที่เอเซโจมตีมา ร่างสูงร้อยเจ็บสิบเซนติเมตรถูกกระชากลอยขึ้นราวกับไม่มีน้ำหนัก
    _______ก่อนจะกระแทกกับต้นสน เอเซพลิกตัวกลางอากาศใช้สองขายันต้นสนลงสู่พื้นได้อย่างปลอดภัย
    _______“วิชาแบบนี้...ไอคิโดสินะ?”
    _______“น่าจะใช่ขอรับ” คำตอบจากปากทากะยังเหมือนเดิม
    _______“อย่ามัวแต่กั๊กฝีมือ ใช้วิชาดาบตะกี๊ดีกว่าน่า” วิหคสายฟ้าท้าทาย ทำท่าหมุนคอบิดไหล่เพื่อบอกว่าเมื่อครู่ยังไม่ได้เอาจริง
    _______“ข้าน้อยว่า...คนที่กั๊กฝีมือคงไม่ใช่ข้าน้อยแน่ๆขอรับ”

    _______เอเซยิ้มมุมปากพุ่งเข้าใส่แต่เปลี่ยนท่าโจมตีจากแทงเป็นฟาดแนวตั้งและฟันแนวขวางถี่ยิบจนอีกฝ่ายไม่สามารถใช้วิชาไอคิโดได้แต่ทากะก็หลบได้ทั้งหมด
    _______นักล่าค่าหัวสมญานามวิหคสายฟ้ายกขาซ้ายถีบแต่อีกฝ่ายหลบได้เช่นเคย เอเซยิ้มเจ้าเล่ห์ยื่นมือกระชากมีดที่เหน็บอยู่กับรองเท้าแล้วปาใส่เป้าหมายทันที แต่การโจมตีแค่นี้ไม่มีทางทำอันตรายต่อทากะที่รวดเร็วได้ มีดจึงพุ่งเข้าปักกับต้นสนแทนที่
    _______ทว่าทิศทางการหลบของทากะอยู่ในแผนการของเอเซ เขาย่อตัวพุ่งเรียดพื้นบุกเข้าทางซ้ายมือของศัตรูทันที
    _______ซารุวาตาริ ทากะ เป็นฝ่ายยิ้มที่มุมปากบ้าง

    _______พริบตานั้นทั้งสองกระเด็นออกจากกันเหมือนแม่เหล็กขั้วเดียวกันผลักกันเอง ต้นแขนซ้ายเอเซได้แผลเลือดไหลโชก แต่ทากะก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันได้แผลที่แขนขวาท่อนล่างยาวเกือบคืบแต่ไม่ลึกมากนัก
    _______“เฉือนเนื้อตัดกระดูก...สินะขอรับ” มัจจุราชความเร็วเสียงถามผ่านสายลม
    _______เอเซจรดดาบพาดเฉียงลำตัวคืบเท้าเข้าหาก่อน “ประมาทไปหน่อย ไม่คิดว่าอยู่ในตำแหน่งนั้นแล้วยังถูกโจมตีได้อีก”
    _______ ทากะคืบเท้าเข้าหาบ้าง มือขวากุมด้ามดาบ แววตาเปล่งประกายไม่แพ้กัน
    _______จิตต่อสู้ของทั้งสองปะทะกันเกิดคลื่นพลังกระจายออกรอบด้านเหมือนจุดศูนย์กลางพายุ ทั้งคู่พุ่งเข้าหากันและกันในพริบตา ผลลัพธ์จากการปะทะครั้งนี้ทำให้เอเซมีแผลเพิ่มที่ต้นขาขวาอีกแห่ง ทากะเองก็ได้แผลที่ศอกซ้ายเช่นกัน
    _______สีหน้าของวิหคสายฟ้าและมัจจุราชความเร็วเสียงบ่งบอกว่ากำลังสนุกสนานกับเกมสังหารแลกเป็นแลกตายในพริบตา ในตอนนี้ความเจ็บปวดและความกลัวตายหายไปจากความคิดของพวกเขาหมดแล้ว

    _______“แบบนี้คงสู้กันจนกว่าจะมีใครสักคนตายแน่ๆ” เทราพึมพำกับตัวเองแต่เทรนที่ยืนอยู่ข้างๆกลับได้ยินอย่างชัดเจน สะท้อนกลับไปกลับมาในความคิดของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดวงตาสีน้ำเงินฉายแววมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า

    _______ก่อนที่ทากะและเอเซจะเข้าปะทะกันอีกครั้ง เธอก็วิ่งออกไปกางแขนขวางทั้งสองไว้
    _______ดาบของเอเซหยุดอยู่ห่างจากคอของเทรนอีกเพียงไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น ชายหนุ่มมองเธออย่างตื่นตะลึงก่อนจะเปลี่ยนเป็นจ้องเขม็ง “...อยากตายรึไง?”
    _______“หยุดสู้กันได้แล้ว พอสักที!”

    _______เอเซเหลือบมองทากะ เขายอมปล่อยมือจากดาบและก้าวถอยหลังไป








    _______เพียะ!

    _______เด็กสาวหน้าหันตามมือของเอเซ ผมสีน้ำเงินเข้มปลิวสะบัด รอยแดงช้ำปรากฏบนแก้มขวา แต่เธอก็ยังฝืนทนยืนอยู่ต่อหน้าเขาได้
    _______“คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้าสอดปากในการต่อสู้ของข้า”
    _______เด็กสาวตอบ ค่อยๆหันกลับมาจ้องเขา “ข้าก็คือข้านี่แหละ เทรน โคลฟเวอร์ลีฟ”
    _______ดวงตาสีน้ำตาลสะท้อนภาพของเทรน ดวงตาสีไพลินก็สะท้อนภาพของเอเซ
    _______“ผมก็ขอร้องด้วยคนครับ” เทราสเฟียร์ค่อยๆเดินเข้ามาแต่ก็ต้องหยุดเมื่อปะทะเข้ากับสายตาคมกริบ

    _______วิหคสายฟ้ายกดาบพาดบ่าเดินอ้อมเทรนไปหามัจจุราชความเร็วเสียง

    _______“ข้าบอกให้หยุดยังไงละ!” เด็กสาวตะโกนห้ามแล้วก็หน้าสะบัดเลือดกบปากเพราะถูกหลังมือของเอเซตบใส่ ครั้งนี้เธอไม่อาจทนความเจ็บปวดได้อีกต่อไปทรุดตัวลงนั่งพับเข่ายกมือกุมหน้าพยายามกลั้นเสียงร้องไห้เอาไว้

    _______“เจ้ายังไม่ตอบคำถามนะ”
    _______“ไม่เห็นต้องรุนแรงกับเธอเลยนี่ขอรับ” ทากะตอบแล้วก็ต้องขยับตัวหลบวูบออกจากจุดที่ยืนอยู่เพราะเอเซพุ่งเข้ามาฟาดดาบสังหารด้วยความเร็วที่เหนือกว่าตอนต่อสู้หลายเท่าและไม่มีช่องว่างให้โต้กลับได้
    _______เอเซหันกลับประจันหน้ากับเขาอีกครั้ง จิตต่อสู้และรังสีสังหารแผ่พุ่งจากตัวเขาราวกับเปลวไฟ “ตอบไม่ตรงคำถาม!”
    _______ชายผมดำชำเลืองมองเด็กสาวนั่งร้องไห้และเทราคอยปลอบอยู่ข้างๆแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ จิตต่อสู้สลายไปจนหมด

    _______“แปดเดือนก่อนข้าน้อยไปถึงเมืองร้างที่มีหอคอยมากมาย ไม่มีสิ่งชีวิตใดอาศัยอยู่ มีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้นขอรับ”
    _______“ไปทำไม?”
    _______ทากะตีหน้ามึนเฉยเมย “ข้าน้อยขอไม่ตอบคำถามนี้ขอรับ” ทากะจ้องกลับไปยังเอเซที่กดดันด้วยสายตา

    _______วิหคสายฟ้ายอมเป็นฝ่ายลดดาบลงแล้วเดินไปหาเทรน กระชากเธอขึ้นมาทั้งน้ำตา
    _______“อย่าสอดเข้ามาในการต่อสู้ของข้าอีก เข้าใจไหม?”
    _______“...เข้าใจแล้ว”
    _______เธอตอบเสียงสั่นเครือ สะอึกสะอื้นจ้องเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยหยดน้ำ ชายหนุ่มผลักเธอออกแล้วเดินไปนั่งพิงต้นสนที่เหลือแต่ตอ ปลดเสื้อคลุมออกแล้วเริ่มห้ามเลือดทำแผลให้ตัวเองทันที





    _______เทราสเฟียร์ก้าวเข้าไปยืนตรงหน้าทากะ ดวงตาสีส้มบ่งบอกเจตนาบางประการ
    _______“มีอะไรขอรับ”
    _______“ผมต้องการให้ท่านทากะนำทางพวกเราไปที่นีโอบาบิลอน หรือก็คือเดินทางร่วมกับพวกเราครับ”
    _______เอเซหยุดมือเหลือบมองเทรา ทากะก็แสดงสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย “ทั้งที่เมื่อครู่พวกเราเกือบจะฆ่ากันน่ะหรือขอรับ”
    _______เด็กหนุ่มยกนิ้วขึ้นดุนแว่น ยิ้มกว้างเปิดเผย “ก็แค่เรื่องเข้าใจผิดกัน ไม่เห็นต้องคิดมากนี่ครับ”
    _______“หา!” เทรนอุทานเสียงสูง
    _______“พวกท่านทั้งสองต่างเป็นนักสู้และการต่อสู้ย่อมต้องมีบาดเจ็บแต่ทุกอย่างก็จบลงแล้วนี่ครับ” เทราหันไปทางเอเซ
    _______“คิดอะไรอยู่กันแน่” วิหคสายฟ้าลุกขึ้นเดินเข้าไปหาผู้ว่าจ้าง
    _______“ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อฝีมือท่านเอเซนะครับไม่อย่างนั้นก็คงไม่เลือกท่านตั้งแต่ต้น เพียงแต่ว่า...” เด็กหนุ่มหัวส้มหันกลับไปทางทากะอีกครั้ง “ตอนนี้ผมดีใจเป็นอย่างมากที่ได้พบกับคนที่เคยไปที่นั่นมาแล้ว ได้เห็นทุกอย่างกับตา ได้สูดกลิ่นอายและสัมผัสกับสายลมของนีโอบาบิลอน”
    _______เขาพูดรัวเร็วด้วยความตื่นเต้นถึงขีดสุดเหมือนพวกขุดเหมืองพบขุมทอง ตัวสั่นเทิ้มระรัว แววตาลุกวาวเปล่งประกายอย่างน่าประหลาด
    _______“ผมอดใจไม่ไหวแล้ว ผมอยากจะไปให้ถึงที่นั่นให้ได้ ไปถึงพรุ่งนี้เช้าได้ยิ่งดี!”
    _______“ก็เพราะอย่างนั้นแหละครับ กรุณาอย่าปฏิเสธคำขอร้องของผมจะได้ไหมครับ” เทราสเฟียร์วิ่งเข้าไปจับมือของทากะขึ้นมากุมไว้ราวกับชายหนุ่มวัยฉกรรจ์กำลังขอความรักจากหญิงสาว
    _______“ข้าน้อยว่า...เขาคงจะป่วยนะขอรับ” ทากะชะเง้อหน้ามาคุยกับเอเซ
    _______“เออ ก็ว่างั้นแหละ”

    _______ทั้งสองเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยทั้งที่ไม่ถึงสามนาทีที่ผ่านมาเพิ่งจะควงดาบฆ่ากัน

    _______“อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ ฟังดูเหมือนผมเห็นแก่ตัวแต่การเดินทางครั้งนี้จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ต่อทุกคน ไม่สิ...จะต้องเกิดประโยชน์ต่อมนุษยชาติอย่างแน่นอน”
    _______“นะครับ ท่านทากะ ถือว่าผมขอร้อง” เทราคุกเข่าลงตรงหน้าทากะ ส่งสายตาอ้อนวอนให้ ชายจากอาณาจักรนิฮงแหงนหน้ามองฟ้า ยิ้มเล็กๆที่มุมปาก
    _______“ข้าน้อยก็ตั้งใจจะไปที่นั่นอีกครั้งตั้งแต่แรกแล้วขอรับ”
    _______เทรายิ้มกว้างดีใจสุดขีด ซารุวาตาริ ทากะหันไปทางเอเซ แมคโดเวล
    _______“การต่อสู้ของเราคงต้องไว้ตัดสินวันหลังแล้วละขอรับ”
    _______“โฮ่!?” เอเซแสยะยิ้ม “ตรงนี้ตอนนี้เลยก็ได้นะ”

    _______เทราสเฟียร์ลุกขึ้นมาขวางทั้งสองคน “เทรนก็มาช่วยห้ามหน่อยสิครับ”
    _______“เรื่องแน่ะ! ข้าไม่ยุ่งด้วยหรอก” เธอปฏิเสธเสียงแข็ง พอสบตากับเอเซก็สะบัดหน้าหนีทันที
    _______“อ้อใช่! ข้าคิดดอกเบี้ยเจ้าเพิ่มอีกห้าเหรียญทองที่กล้าออกคำสั่งกับข้า”
    _______“เฮ้ย! ได้ไงกัน”
    _______“ถ้ายังพูดมาก ข้าจะเพิ่มอีกห้าเหรียญทอง”
    _______“หนอย! ได้ทีขี่แพะไล่เลยนะ เรื่องอื่นข้ายอมได้ แต่จะมาเพิ่มหนี้แบบไร้เหตุผลข้าไม่ยอมหรอกนะ” เทรนโวยวาย เดินปรี่เข้าหาเจ้าหนี้ขี้งกทันที

    _______ทากะถอยออกมายืนดูเทรนยืนทุ่มเถียงกับเอเซโดยมีเทราคอยห้าม ค่ำคืนที่แสนเอิกเกริกยังคงดำเนินต่อไปจนกว่ารุ่งเช้าจะมาถึง








    _______การเดินทางที่แท้จริงเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น
  15. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    - Azemag's Living Room -


    Eliminate Chaos ได้ดำเนินมาถึงบทสุดท้ายของเนื้อเรื่องช่วงแรกแล้วครับ
    ทั้งหมดก็ 2 บทๆละ 6 ตอน ทั้งสิ้น 12 ตอน

    คงต้องรบกวนเพื่อนๆสมาชิกทุกท่านช่วยให้ความคิดเห็นและข้อแนะนำสำหรับทั้ง 12 ตอนที่ผ่านมาเพื่อนำไปปรับปรุงการเขียนในช่วงต่อไปให้ดีที่สุด
    ส่วนคำแนะนำระหว่างตอนที่ผ่านมาก็จะน้อมรับไปใส่ใจ เป็นข้อมูลเพื่อใช้อ้างอิงในการเขียนให้ดียิ่งขึ้นครับ

    ขอคำติชม แนะนำ วิจารณ์ในด้านต่างๆดังนี้ครับ

    - ภาษา / สำนวนการเขียน
    - การดำเนินเนื้อเรื่อง
    - ตัวละคร / การบรรยายตัวละคร
    - เนื้อหา / ความน่าสนใจ




    ด้วยจิตคารวะ
    Azemag A.C. McDowell
  16. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    - ภาษา / สำนวนการเขียน
    Drop ลงไปในตอนต่อสู้กับทากะ คารมคมคายหายไป สำนวนการพูดของเทรนดูขัดแปลกๆ

    - การดำเนินเนื้อเรื่อง
    ไม่ค่อยประทับใจอ่ะ... เฉพาะบทนี้นะ คือรู้สึกเหมือน จริงๆมันเป็นภารกิจยิ่งใหญ่ แต่สุดท้ายก็ตกลงร่วมทางกันแบบขัดแย้งๆชอบกล

    - ตัวละคร / การบรรยายตัวละคร
    แปลกใจที่พัฒนาการของเทรนเปลี่ยนไปมากจนอ่านแล้วสะดุด เดิมทีเทนเป็นเด็กสาวเดินตามต้อยๆก็จริง แต่เฉพาะตอนล่าสุดดูแข็งขึ้นมาทันทีทันใด ถึงขนาดกล้าลุกขึ้นมาตบตีกับเอเซ ในส่วนนี้ผมรู้สึกว่ามันเป็นจังหวะที่สะดุดอย่างมาก อย่างน้อยถ้าเทรนจะลุกขึ้นมาเอาดีกับเอเซ น่าจะเป็นเรื่องที่หนักแน่นกว่านี้มากกว่าเรื่องหนี้เหรียญทอง
    บุคลิกเทร่าไม่ชัดเจน ไม่มั่นใจว่าเป็นคนอ่อนน้อม หรือเป็นคนง่ายๆอะไรก็ได้กันแน่
    คนที่ดูดีที่สุดตั้งแต่ต้นจนจบก็ยกให้เอเซคนเดียว ที่ขวางโลกยังไงก็ยังงั้น

    - เนื้อหา / ความน่าสนใจ
    ถ้าอ่านแต่แรกจนถึงบัดนี้ก็นับว่าน่าสนใจมาก มีปมหลายอย่างที่ชวนติดตาม ถ้าจะให้ดีลองเพิ่ม content แปลกๆที่แฟนตาซีทั่วไปเขาไม่ทำกัน จะยิ่งทำให้ฟิคนี้โดเด่นมากขึ้นครับ
  17. Ryuto

    Ryuto 終わる道、始まる夢

    EXP:
    964
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    88
    กำลังไล่อ่านอยู่พี่ ยังอ่านไม่จบกระบวนความขอยังไม่วิจารณ์อะไร (ที่จริงผมวิจารณ์ไม่เก่งอยู่แล้ว)

    เท่าที่อ่านมาแทบไม่เห็นคำผิดเลย (สงสัยจะเช็คกันมาดี) เรื่องภาษาเริ่มมีเรื่องของการพูดคุยกันเยอะ ขัดกับตอนแรกๆที่บรรยายเยอะมาก ทำให้ผมไม่ค่อยชินเท่าไร

    เรื่องบทบู๊ก็โอเคพี่ ส่วนเนื้อเรื่องก็เริ่มสร้างปมขึ้นมาทีล่ะเล็กทีล่ะน้อย (รอดูว่าจะคลายหมดรึเปล่า ฮ่าๆๆ)

    ส่วนเรื่องบุคลิกของเทรนก็อ่านแล้วสะดุดนิดๆ สงสัยจะได้กำลังใจเยอะ (ตบซะขนาดนั้น)

    เอาเป็นว่าสู้ๆพี่ ถ้ามีโอกาสแอบอ่านที่ บ.จะค่อยๆไล่อ่าน ฮ่าๆๆ
  18. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    ไม่รู้จะคอมเมนท์อะไรดีนี่สิ ขอผ่านก่อนละกันฮะ />_<"
  19. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    อันนี้คุยกันหลังไมค์ไปแล้ว แต่ยังมีประเด็นอยู่อีกนิดหน่อย เดี๋ยวหลังไมค์ไปวันหลังก็แล้วกัน


    ไม่ค่อยชินช่วงไหน?
    ช่วงแรกที่บรรยายเยอะ หรือช่วงหลังที่บทพูดเยอะ?

    มีแต่คนบอกว่าบุคลิกเทรนเปลี่ยนไป... เดี๋ยวจะพยายามแก้เรื่องการแสดงออกของตัวละครก็แล้วกัน


    รอคอมเมนต์วันหลังก็แล้วกันครับ


    ปล.ช่วงนี้ยุ่งมากทั้งเรื่องงานและเรื่องเรียน
    บทที่ 3 ก็รอกันไปก่อนนะครับเพราะว่าจะมีการแก้ story line ใหม่ด้วย

    เจอกันเมื่อ....มีเวลาว่างก็แล้วกันครับ ฮ่าๆๆ
  20. pentita

    pentita Aqouze

    EXP:
    642
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    38
    เพิ่งจะมาเริ่มอ่าน เห็นแบบฟอร์มการวิจารณ์แล้วอยากลองขโมยไปใช้มั่งจังแฮะ xD
    ออกตัวก่อนนะครับ ว่าผมจู้จี้มาก TwT" บางทีอาจจะไปตามรสนิยมตัวเองโดยไม่ทันรู้ตัว ถ้าเป็นแบบนั้นก็สต๊อปผมก่อนได้เลย

    และก็เป็นคนจู้จี้เรื่องสำนวนภาษา แต่ด้านเนื้อเรื่องแทบไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร =w=" เวลาเม้นท์ใครทีไร จะชอบไปไล่จิกเรื่องภาษาลูกเดียว TAT" ก็คงพูดเรื่องภาษาเยอะกว่าเรื่องอื่นนะครับ

    ตอนนี้อ่านจบถึง 1-3 นะครับ :D ผมเห็นว่าภาษาหลังบท 1-3 สำนวนเปลี่ยนไป เลยวิจารณ์ในส่วนของ 1-1/1-2 ก่อน

    - ภาษา / สำนวนการเขียน
    ->ช่วงแรกใช้คำขยายมากไปครับ
    ประมาณว่าถ้าลบคำขยายทิ้งหมด เนื้อความที่จะสื่อมีกะจิ๋วเดียว ทำให้มันฟุ่มเฟือยโดยไม่จำเป็น

    "สีเหลืองอร่ามยามต้องแสงอาทิตย์งดงามราวกับประกายระยิบระยับของทองคำ"
    ทั้งประโยคความหมายมันมีแค่ "สีเหลืองสวยมาก" ^^'
    พออ่านจนจบประโยค จุดประสงค์หลักของประโยคที่จะบอกเกี่ยวกับ ทุ่งข้าวสาลีอยู่ฝั่งตะวันออกของหมู่บ้าน ก็ลืมไปแล้วครับ (ฮา) ในหัวนึกภาพตามแล้วมีแต่รวงข้าวสีทองคำ แต่ไปงอกอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้

    -> ตอนที่1 บทที่1 นึกภาพเด็กๆ ตอนโผล่มาเกาะแกะขาพระเอกไม่ทันครับ เพราะขึ้นมาเป็นบทพูดรัวๆ แล้วมีกันหลายคน น่าจะมีบรรยายแทรกหน่อย รู้สึกเหมือนที่ลุงวานบอกครับว่า ใช้บทพูดแทนการบทบรรยายมากเกินไป

    -> เว้นวรรค บ้างครับ T-T บางท่อนเขียนติดยาวมาก กว่าจะได้พักหายใจ ปาไปห้าหกประโยคแล้ว (ฮา)

    -> จวบคนกระทั่งสามวันให้หลัง
    คำพิมพ์ผิดครับ :D

    ถ้าให้สรุปโดยรวมก็
    เริ่มต้นมา ตั้งแต่ 1-1 และ 1-2
    มันเป็นลักษณะการบรรยายที่คำขยายเยอะมาก แต่ใจความที่จะบรรยายมีอยู่นิดเดียว ^^" ทำให้การอ่านบางครั้ง จะลืมโฟกัสถึงเนื้อหาหลักที่คนเขียนจะพูดถึง เพราะมัวแต่มองคำขยาย แล้วก็มีประโยคที่ติดกันจนอ่านยาก แบบอยากให้เว้นวรรค

    พออ่านลงมาเรื่อยๆ คำขยายน้อยลง ตรงนี้ผมชอบนะ แต่ว่าการบรรยายก็น้อยลงตามในหลายจังหวะจนรู้สึกอยากให้เพิ่ม เพราะมองไม่่ค่อยเห็นภาพอะไรเท่าไหร่

    พอมาถึง 1-3 ที่แก้ไขแล้ว
    จะมีปัญหาหลักๆ คืออยากให้เว้นวรรคครับ 555+
    ยกตัวอย่างก็

    ผิดกับทหารใต้บังคับบัญชาของเขาที่อยู่ในชุดผ้าเนื้อดีสีน้ำเงินเข้มเก็บชายไว้ในกางเกงขายาวสีดำคาดด้วยเข็ดขัดสีขาวสนิท
    ประโยคนี้ผมคิดว่า ต้องเว้นวรรคเพื่อให้จังหวะคิดตามบ้าง อ่านไปถึงคำสุดท้าย ผมเห็นแต่ภาพเสื้อผ้าลอยมา แต่ลืมไปว่าเสื้อผ้าของใคร

    เหมือนจะมีปัญหาเรื่องคำซ้ำในบางช่วงด้วย

    - การดำเนินเนื้อเรื่อง
    ที่จริงมันเป็นเนื้อเรื่องที่ดีนะครับ TwT" แต่ด้วยความที่อ่านการ์ตูนมาเยอะ
    บทที่1 ตอนที่1 ผมจึงเห็นฉากเป็นภาพการ์ตูนออกมาเลยครับ =w="
    เพราะเนื้อเรื่องแนวนี้มีอยู่ในการ์ตูนเก่าๆ หลายเรื่อง เลยดูไม่แปลกใหม่เท่าไหร่
    บทที่1 ตอนที่2 ก็ยังเห็นอะไรที่มันซ้ำๆ อยู่ บ้าง แต่เริ่มเห็นถึงจุดเปลี่ยนที่ทำให้เนื้อเรื่องเริ่มไม่ไปซ้อนทับกับการ์ตูนหลายเรื่อง

    ตอนที่มีฉากตะโกน จะจ่ายไม่จ่ายวะ ผมนึกก่อนเลยว่า คนขโมยของต้องเป็นเด็กหิวโซกำลังร้องไห้ แน่ๆ 5555+ แต่ไม่ใช่แฮะ เป็นผู้ชายโตแล้ว โดนตัดแขนด้วย=O+ จุดนี้ล่ะมั้งครับ ที่ทำให้รู้สึกว่า เออ เริ่มไม่คุ้นล่ะ เนื้อเรื่องจะไปทางไหนหว่า

    - ตัวละคร / การบรรยายตัวละคร
    ความรู้สึกที่มีต่อเทรนตอนนี้ คือ ตัวไร้ประโยชน์แล้วแส่หาเรื่องตายครับ ^^!!
    ดูไม่ค่อยฉลาด เพราะเอะอะก็ลุยๆ แบบรักความยุติธรรมเกินไปจนสงสัยว่ารอดมาได้ไงจนป่านนี้ (ฮา)
    ตัวเอเซ ผมชอบนะครับ แต่ติดภาพจากการ์ตูน เลยเห็นภาพซ้อนจากการ์ตูนมาก ช่วงหลังๆ ที่ทำให้หลุดจากความซ้ำซ้อนได้ เลยดูเท่ห์ขึ้น แต่ก็บอกอะไรไม่ได้เกี่ยวกับตัวละครนี้เท่าไหร่ เพราะดูยังไม่มีข้อมูลอะไรที่คนเขียนให้ผ่านตัวหนังสือมาก

    - เนื้อหา / ความน่าสนใจ
    ยังบอกไรมากไม่ได้ เพิ่งจะตอนต้นๆ เอง

    ปล. ถ้าอยากเขียนฉากติดเรทที่ไม่แรง ผมแนะนำ เวป วาย ใต้ดินของสาวๆ ครับ 555555+ เพราะสำนวนจะไปในลักษณะสวยงาม นุ่มนวลแทน

    เดี๋ยวจะไล่อ่านไปเรื่อยๆ นะครับ
    Azemag ถูกใจสิ่งนี้
  21. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    ขอบคุณ Aquoze ที่เข้ามาคอมเมนต์นะครับ คอมเมนต์ยาวๆแบบนี้ผมชอบมากเลยละ
    เพราะจี้ตรงจุดตรงประเด็น ชี้แจงเป็นฉากๆ ยกตัวอย่างให้เหตุผล

    ถูกใจมากๆเลยครับ

    ขอติดคำตอบไว้ก่อนนะครับ เพราะช่วงนี้งานเยอะมากจนคิดอะไรไม่ค่อยออก ตอนใหม่เลยยังไม่ได้เขียน
    กลัวว่าจะอ่านคอมเมนต์แล้วตีความผิดพลาดหรืออ่านตกหล่นไปบ้าง

    ด้วยจิตคารวะ
    Azemag A.C. McDowell
  22. pentita

    pentita Aqouze

    EXP:
    642
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    38
    วันก่อนที่ผมอ่าน ผมง่วงๆ เลยอ่าน 1-3 แบบไม่ละเอียด วันนี้ลองอ่านดีๆ แล้ว
    พอเข้าใจที่ลุงวานบอกว่า เยิ่นเย้อแล้วครับ

    มันบรรยายเยอะขึ้น ละเอียดดี โอเคกว่าเก่าเยอะ แต่ผมรู้สึกว่าสำนวนมันยืดๆ เพราะไม่เว้นวรรค
    แล้วบทแอคชั่นก็ยืดนิดหน่อย
    รู้สึกว่า พวกฉากแอคชั่น น่าจะใช้คำอธิบายสั้นๆ แล้วไปพูดถึงแอคชั่นเยอะๆ จะมันส์กว่า
    อย่างเช่น "เลือดพุ่งออกมาเป็นห่าฝนบดบังสายตาคนอื่น ทำให้เอเซมีเวลาใช้มือขวาเอื้อมหยิบแท่งไดนาไมต์ข้างเข็มขัด" (แต่อันนี้เป็นสำนวนสไตล์ผมนะครับ ><" ถือว่ายกตัวอย่างไปนะ)

    อ่าน 1-4 ล่ะครับ
    คิดว่าถ้าหาทางให้ทั้งหมดนี้ อยู่ย่อหน้าเดียวกันน่าจะอ่านสบายกว่า
    เวลาเคาะขึ้นบรรทัดใหม่มันจะบรรยายง่ายขึ้น แต่พอถี่ๆ หลายช่วงแล้วทำให้คนอ่านรู้สึกเหนื่อย (อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวตอนอ่านนะครับ)

    แต่บทบรรยายของ 1-4 พัฒนาขึ้นมาจากสามตอนแรกอย่างเห็นได้ชัดเลย (คือ 1-1/1-2 ก็ตามที่บอกไปแล้ว ส่วน1-3 ผมรู้สึกว่ามันดีกว่าสองตอนแรก แต่อ่านแล้วชวนง่วงแปลกๆ)

    1-5 *[]*

    ก็ยังมีเหมือนใน 1-4 บ้าง ที่รู้สึกว่าอยากให้อยู่ย่อหน้าเดียวกัน ดีกว่าแยกมาคนละประโยค

    ในตอนนี้ ทำให้ผมเห็นว่า การบรรยายตัวละครที่หน้าตาดีของเอเซ จะมีแต่สีผม ทรงผม สีตา และรูปร่างตัวละคร ซึ่งจุดที่น่าสนใจจุดเดียวคือ รูปร่างตัวละคร ที่ทำให้ผมมองเห็นเทรนเป็นสาวน้อยร่างเล็ก ส่วนเอเซตัวใหญ่กว่า ยืนเคียงข้างกัน ความแตกต่างของสองตัวละครนี้มีมากทีเดียวจึงรู้สึกว่าทั้งคู่มีคนละจุดเด่นให้จดจำ

    แต่พอตัวละครเริ่มเยอะขึ้น คิดว่าน่าจะมีการเปรียบเปรยว่าใครลักษณะเหมือนอะไร หรืออาจจะจมูก ปาก หน้ามีจุดเด่นตรงไหนให้จดจำ บางทีเวลาผมนึกไม่ออกว่าจะบรรยายไปแบบไหน ลองใช้ แฮร์รี่ พอตเตอร์เป็นคู่มือก็เวิร์คนะครับ เพราะป้าเจเค แกเป็นคนที่บรรยายตัวละครได้สนุกมากคนหนึ่งเลย

    ของเอเซ พออ่านไปได้สักพักนึงที่ตัวละครเริ่มเยอะ มีการพูดถึงสีผมสีตาหลายรอบเข้า มันก็จะเผลออ่านข้ามไปเลย =w=" (บรรทัดนี้ก็ความเห็นส่วนตัวอีกครับ)

    ส่วน 1-6 เท่าที่อ่านมา ไม่ค่อยเจออะไรเท่าไหร่นอกจาก
    มันเหมือนคนเขียนลบคำว่า สูงทิ้งเพราะไม่อยากให้ออกมาเป็นคำซ้ำ แต่ผมว่าอ่านแล้วไม่ได้ใจความน่ะ (ผมก็เป็นบ่อยครับ เลยเข้าใจว่า ทำไมประโยคนี้ไม่มีคำว่า สูง 555555+)

    รู้สึกเหมือนมาจับผิดเลยแฮะ =w="
    แต่ส่วนไหนถ้าผมไม่พิมพ์คือทำได้ดีแล้วนะครับ เลยไม่รู้จะพิมพ์อะไร (อารมณ์เดียวกับพี่อากิ ฮา)

    วันนี้อ่านจบ บทที่1 ^o^
    Azemag ถูกใจสิ่งนี้
  23. Topaz

    Topaz Member

    EXP:
    40
    ถูกใจที่ได้รับ:
    5
    คะแนน Trophy:
    8
    เท่าที่อ่านมาก็ดีนะไม่มีอะไรต้องปรับปรุงร้ายแรง
    แต่ถ้าจะเอาแบบตรวจเข้มๆเดี๋ยวต้องมายาวแน่เลย
    ว่าจะเม้นแต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนเลยมาสรุปก่อนละกัน บทที่ 1ตอนที่1-6
    พลาดอะไรบอกกันได้นะ

    -สงสัย 1-1 ไร้สังกัด แล้ววิหคสายฟ้า เกี่ยวกันตรงไหน อ่านเจอบทที่2-2 เป็นฉายานี่เอง
    จงใจละคำว่าฉายาหรือเปล่าเริ่มงงตัวเองที่สงสัย
    -ฉากเอเซกินข้าวในความมืดนี่เป็นความสามารถส่วนตัวหรือบทขาดแสงเทียนไป
    -มีพิมพ์ตกบางจุด ช ต้องเป็น ข จะปล่อยผ่านแต่จำไม่ได้ว่าคำว่าอะไร -.-
    -ฉากเรทที่ขื่นขมดีอยู่แล้วเพิ่มมาแล้วแรงไปนิดนะที่คลุมขาว
    -ฉาก1-3คนหล่นชั้นสองทำไมหล่นลงมาได้ และพอถึงตอนชาวเมืองเฮฮาแล้วเงียบขาดความต่อเนื่องไปนิด
    น่าจะเพิ่มบทว่าล้มจนตลกเลยเฮฮาแล้วค่อยมาเจอขู่เลยเงียบ

    บทที่ 1 นักล่าค่าหัว
    1-1 วิหคสายฟ้า
    ฉาก..วิ่งๆๆๆ จบตอน
    ความเดิมตอนที่แล้ว

    "เอเซ แมคโดเวล"นักดาบฝีมือไร้เทียมทาน หรือนักล่าค่าหัวไร้สังกัด วิหคสายฟ้า
    ได้เดินทางมาหมู่บ้านแห่งหนึ่งและได้ช่วย"เทรน โคลฟเวอร์ลีฟ"หญิงสาววัย16ปีให้รอดพ้นจากเงื้อมือกองโจรได้
    เอเซปลิดชีพบัลคัสทันทีที่เทรนตัดสินใจจ้างเขาขณะที่กำลังโดนบัลคัสย่ำยี
    สมุนคนอื่นกว่า20คนและหัวหน้าโจรตาเดียวก็หนีไม่พ้นชะตากรรมเดียวกับบัลคัส
    เพียงแค่เอเซตวัดดาบเดียวก็สังหารเหล่าสมุนได้อย่างน้อยหนึ่งชีวิต
    ส่วนหัวหน้าโจรตาเดียวก็โดนมีดเล่มยาวปักทะลุคอหอยในพริบตา
    วันรุ่งขึ้นเทรนจึงต้องตอบแทนความช่วยเหลือครั้งนี้
    ด้วยการยอมเป็นคนรับใช้ให้เอเซเพื่อแลกกับค่าจ้างที่เขาช่วยชีวิตเธอและคนในหมู่บ้าน
    ค่าจ้างที่ตีราคาได้200เหรียญทองไม่มากเกินไปสำหรับเอเซแต่คนในหมู่บ้านก็ไม่มีใครสามารถช่วยจ่ายให้ได้
    เด็กกำพร้าอย่างเทรนเมื่อรับปากจ้างเอเซไปแล้วจึงต้องติดตามเอเซไปทำงานแลกค่าจ้างนั้น
    ทั้งสองออกเดินทางจากหมู่บ้านเพื่อเผชิญโชคชะตา
    เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรโปรดติดตามได้ใน

    1-2 น้ำใจ
    ฉาก..วิ่งๆๆๆ จบตอน
    ความเดิมตอนที่แล้ว

    "เอเซ แมคโดเวล" และ"เทรน โคลฟเวอร์ลีฟ" เดินทางรอนแรมจากหมู่บ้านผ่านป่าระหว่างทาง
    เทรนต้องทำงานตอบแทนเอเซเพื่อทดแทนค่าจ้างที่เอเซช่วยชีวิตคนในหมู่บ้าน
    เธอจากหมู่บ้านมาทั้งที่กำพร้า เอเซได้มอบงานเก็บใบไม้ให้เทรนเป็นครั้งแรก
    เมื่อถึงเมืองแห่งการค้าและพ่อค้าวานิช เมืองที่เต็มไปด้วยสิ่งของน่าตื่นตาสำหรับเทรน
    เทรนเกิดไม่ฟังคำเตือนของบริกรหญิงที่มาเตือนถึงที่ห้องพัก
    คำเตือนห้ามเทรนออกจากห้องพักซึ่งเป็นข้อความสุดท้ายที่
    เอเซฝากมา เทรนหนีออกจากห้องพักแล้วก็ได้พบกับ
    ชายร่างยักษ์ที่ขูดรีดพ่อค้าแถวนั้นซึ่งทำตามคำสั่งของชายผมดำ
    โดยเขาถึงกับใช้ขวานตัดข้อมือซ้ายของพ่อค้าเพื่อประจานที่ไม่จ่ายค่าที่ให้
    เทรนจึงตัดสินใจเข้าไปช่วยแต่เทรนหารู้ไม่ว่าตัวเองกำลังตกที่นั่งลำบากเสียแล้ว
    เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรโปรดติดตามได้ใน

    1-3คลี่คลาย
    ฉาก..วิ่งๆๆๆ จบตอน
    ความเดิมตอนที่แล้ว

    "เทรน โคลฟเวอร์ลีฟ" นายจ้างที่ต้องตอบแทนค่าจ้างราคา200เหรียญทอง
    ค่าจ้างที่เธอใช้เป็นเงื่อนไขในการช่วยชีวิตตัวเธอเองและคนในหมู่บ้าน
    ระหว่างทางเธอต้องทำงานเก็บใบไม้ให้ "เอเซ แมคโดเวล"
    นายจ้างหรือที่รู้จักในนามนักล่าค่าหัวไร้สังกัด วิหคสายฟ้า
    พวกเขาเดินทางรอนแรมจนมาถึงเมืองแห่งพ่อค้าวานิช
    ที่ซึ่งเทรนไม่ฟังคำเตือนจากเอเซที่ให้เธออยู่แต่ในห้องพัก
    เธอลอบออกมาดูตลาดแล้วเกิดเจอชายผมดำจับตัวไป
    ชายผมดำกำลังจะย่ำยีเทรน ชายปริศนาก็มาจัดการชายผมดำ
    จนตกจากระเบียงชั้นสอง
    ปรากฏว่าเอเซก็คือชายปริศนาคนนั้นเอง
    เขาสังหารพวกลิ่วล้อทั้งหมดรวมทั้งชายร่างยักษ์ด้วย
    ส่วนชายผมดำนั้นคือโดมินิค เอนริเก้ซึ่งเป็นหนึ่งในหมายจับของทางการ
    เนียร์ เซเวนสตาร์ทหารในกองทัพสหพันธรัฐออกัสตินัสเดินทางมากุมตัวโดมินิคไป
    และมอบรางวัลนำจับให้เอเซ
    ฝ่ายเทรนหลังจากไม่ทันหายป่วยดีนักก็ถูกเอเซพาเดินทางต่อไป

    เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรโปรดติดตามได้ใน

    1-4 ความเชื่อใจ
    ฉาก..วิ่งๆๆๆ จบตอน
    ความเดิมตอนที่แล้ว

    เอเซ และเทรน เดินทางมาที่เมืองการค้า
    แล้วจับโดมินิค เอนริเก้
    โดยเนียร์ เซเวนสตาร์ทหารในกองทัพสหพันธรัฐออกัสตินัสมอบรางวัลนำจับให้แก่เอเซ
    เอเซสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างเทรนกับเนียร์ ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไร
    ระหว่างทางไปเมืองออกัสตินัส
    สี่คนพี่น้องลาเซีย ดาโอ เทรโช ลิเดียสะกดรอยตามพวกเขามาแสร้งทำเป็นขอร่วมทาง
    แต่หวังจะเอาเงินจากค่าหัวที่เอเซได้มา
    แล้วลิเดียจับเทรนเป็นตัวประกัน
    แต่เอเซก็ปลิชีพทั้งสี่ในป่าพร้อมเตือนเทรนว่า
    ในรอยยิ้มคนก็ซ่อนคมดาบไว้ ยากที่จะเชื่อใจใครได้
    เทรนย้อนถามว่า“แม้แต่เจ้างั้นหรือ....เอเซ”
    เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรโปรดติดตามได้ใน

    1-5 สองร้อยเหรียญทอง
    ฉาก..วิ่งๆๆๆ จบตอน
    ความเดิมตอนที่แล้ว

    เอเซและเทรนเดินทางมาถึงเมืองออกัสตินัส
    เอเซขอตัวไปทำภารกิจล่าค่าหัว30,000 เพนนี
    ส่วนเทรนได้เข้าไปยังร้านขายขนมปังก้อนละ4เพนนี
    เธอได้รู้ความจริงว่าเหรียญทอง1เหรียญมีค่าเท่ากับเหรียญเงิน100เหรียญ
    หรือมูลค่า1ล้านเพนนี นั่นเท่ากับว่าค่าจ้างที่เอเซเรียกจากเทรนคือ200ล้านเพนนี
    เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรโปรดติดตามได้ใน

    1-6 อดีต
    ฉาก..วิ่งๆๆๆ จบตอน
    ความเดิมตอนที่แล้ว

    เอเซและเทรนเดินทางผ่านเมืองการค้ามายังเมืองออกัสตินัส
    ระหว่างทางเอเซช่วยเทรนให้รอดพ้นจากการย่ำยีหลายต่อหลายครั้ง
    แล้วเทรนก็มารู้ความจริงว่าค่าจ้างของเอเซนั้นมีค่า200ล้านเพนนี
    เทรนทำงานให้ร้านกรงพยัคฆ์
    ตอนสุดท้ายของบทแรกนี่อ่านได้พริ้วมากแต่...มึน
    Azemag ถูกใจสิ่งนี้
  24. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    Before Story with Aze McDowell~!

    ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่เพื่อนๆสมาชิกช่วยกันตอบไว้นะครับ
    //กราบงามๆ

    ขอฝาก Eliminate Chaos ตอนต่อๆไปไว้ด้วยครับ
    สำหรับตอนใหม่นี้จะเป็นการเปิดบทที่ 3 เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ก็ยังคงอยู่กับเอเซ แมคโดเวลและการเดินทางของเขาเหมือนเช่นเคยครับ
  25. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    _______บทที่ 3 หุบเขาทมิฬ
    _______ตอนที่ 1 ค่ำคืนแห่งวิกฤตการณ์

    _______มหาสมุทรยามราตรีเป็นสีดำเช่นเดียวกับท้องฟ้า เรือลำใหญ่ทอดกายในความเวิ้งว้างไร้ขอบเขต แสงจันทร์สีเงินเป็นประกายระยิบระยับตามระลอกคลื่น สายลมและสายน้ำประสานเสียงเป็นบทเพลงแสนไพเราะบทหนึ่งที่มิอาจหาฟังได้จากทุ่งหญ้าเขียวขจี
    _______มีเพียงกะลาสีไม่กี่คนเดินตรวจตราบนดาดฟ้าเรือ บรรดาพ่อค้าวานิชหลับอยู่ในห้องใต้ท้องเรือ ยกเว้นซีวิล ไฮด์เฮฟเว่น ชายร่างสูงผมสั้นสีดำ และเอเลซซ่า บลู หญิงสาวร่างเล็กที่ปล่อยผมสีน้ำเงินสั้นของเธอปลิวสะบัดตามลม ระหว่างเขาและเธอมีเพียงเสียงของสายลมและสายน้ำเท่านั้น
    _______ความเงียบคือตัวตนของเอเลซซ่าแต่ไม่ใช่ซีวิลผู้ครื้นเครง

    _______“เฮ้อ” เสียงถอนหายใจของซีวิลทำลายความสงบ แต่หญิงสาวยังคงยืนนิ่ง
    _______“ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้”
    _______“อืม” เสียงตอบของเอเลซซ่าถูกคลื่นกลืนหายไปในพริบตา
    _______ซีวิลถอนหายใจอีกครั้ง แม้จะรู้จักเอเลซซ่ามานานแต่เขาก็เริ่มระอากับความตายด้านของเธอ “มีส่วนร่วมกับปัญหาของโลกบ้างก็ได้ เรื่องใหญ่ถึงขนาดจะก่อให้เกิด ‘สงคราม’ เนี่ยไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลยนะ”
    _______หญิงสาวร่างเล็กมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ไม่มีใครสามารถบังคับให้คนอื่นคิดเหมือนกับตัวเองได้ทุกเรื่องหรอกนะ”
    _______“ประโยคคุ้นหูแบบนี้...เหมือนโดนเอเซด่าเมื่อคราวก่อนเปี๊ยบเลย” ซีวิลยกมือขยี้ผมแรงๆ
    _______“อยู่ด้วยกันมากจนกระทั่งคำพูดยังเหมือนกันเลยนะ”
    _______เขาตั้งใจแซวหวังจะเห็นปฏิกิริยาของเธอที่ไม่เคยเห็น แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อดวงตาสีน้ำเงินเข้มไม่แสดงอารมณ์ใดออกมาและปากของเธอก็ยังปิดสนิท
    _______“แบบนี้ไม่สนุกเลยแฮะ”

    _______ฉับพลันทั้งสองกระโดดถอยหลังพร้อมกัน ลูกธนูฝ่าความมืดปักลงบนพื้น ณ จุดที่พวกเขายืนคุยกันไม่ต่ำกว่าครึ่งร้อย ลำเรือสั่นสะเทือนหลายครั้งเพราะถูกฉมวกปักใส่นับสิบแห่ง จากนั้นเรือทั้งลำก็ถูกลากด้วยแรงฉุดมหาศาล เป็นวิธีล่าเรือที่พวกโจรสลัดใช้เป็นประจำ

    _______“ปากหาเรื่องจริงๆเลย ซีวิล” เอเลซซ่าพูดหน้าตายพลางกระชับมีดในมือ

    _______ชายหนุ่มกระแทกกำปั้นเข้าหากัน แลบลิ้นเลียริมฝีปากพลางแสยะยิ้ม “แบบนี้ถึงจะตื่นเต้นหน่อย”
    _______โจรสลัดชุดแรกสิบคนปีนขึ้นมาบนดาดฟ้า ผิวดำแดง ใบหน้าหยาบกร้าน ผมดำหยิก ดวงตาเต็มไปด้วยความกระหายเลือด พวกมันพุ่งเข้าหาเอเลซซ่าและซีวิลพร้อมกันทันที
    _______ชายหนุ่มก้มต่ำหลบดาบที่กวาดเข้าหาถีบเท้ากระโดดแทงเข่าใส่หน้าอกโจรสลัดคนแรกจนล้มคว่ำ เบี่ยงตัวหลบดาบอีกเล่มแล้วสวนหมัดซ้ายหักดั้งจมูกพร้อมกับอัดหมัดขวาเข้าชายโครงโตรสลัดคนที่สองจนตัวงอเป็นกุ้ง เขารับรู้ว่ามีศัตรูอีกคนพุ่งมาทางด้านข้างจึงก้มตัวหมุนเตะข้อเท้าจนมันล้มคว่ำ จากนั้นกำปั้นขวาได้ถูกวาดเป็นเส้นตรงจากบนลงล่างอัดเข้าเต็มหน้าโจรสลัดคนที่สาม หัวของเจ้านั่นจมหายลงไปในพื้นพร้อมกับเสียงกะโหลกที่ถูกบดขยี้ดังสนั่น
    _______ทางด้านเอเลซซ่าแม้ต้องรับมือศัตรูถึงสามคนพร้อมกันแต่ในดวงตาไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อยนิด เธอหลบดาบที่แทงเข้ามาแล้วใช้มีดสองเล่มตัดเส้นเลือดที่ข้อมือและคอของโจรสลัดคนแรกในพริบตาที่พุ่งสวนเข้าไป โจรสลัดอีกคนวิ่งเข้าหาแต่ก็ต้องสิ้นชีพด้วยมีดที่เธอสะบัดมือไปปักทะลุคอหอย โจรสลัดคนสุดท้ายเงื้อขวานฟาดลงมาสุดแรงจากด้านหลังแต่ก็ทำได้แค่ทุบพื้นเพราะเธอตีลังกาลอยตัวเท้าชี้ฟ้าสะบัดมีดปาดคอศัตรูในพริบตาเดียว
    _______หญิงสาวกระชากมีดคืนจากร่างโจรสลัดหันหลังชนกับซีวิลที่ถอยมา ทั้งสองถูกพวกโจรสลัดนับสิบคนที่บุกขึ้นเรือมาเป็นระลอกที่สองล้อมเอาไว้ทุกด้าน

    _______“ตื่นเต้นพอไหมละ?” เอเลซซ่าถามเสียงเรียบหน้าตายอีกครั้ง
    _______“ก็ใช้ได้อยู่”

    _______ชายหนุ่มตอบแล้วกระโดดหมุนตัวถีบโจรสลัดที่พุ่งเข้ามาจากทางซ้าย ส่วนเอเลซซ่าใช้มีดปัดป้องหอกที่แทงเข้ามาเป็นพัลวัน
    _______จู่ๆเสียงเฮก็ดังสนั่นหวั่นไหวตามด้วยเสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากเข้าใกล้ดาดฟ้าเรือทุกขณะ พวกกะลาสีกรูขึ้นมาจากใต้ท้องเรือเข้าต่อสู้กับพวกโจรสลัดจนกลายเป็นการต่อสู้ตะลุมบอน กัปตันร่างสูงใหญ่ปรากฏกายเป็นคนสุดท้ายแม้จะหนวดเคราสีขาวโพลนจะบอกว่าเขาอายุมากแล้ว แต่ดวงตาที่ผ่านสมรภูมิแห่งความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วนยังคมกริบประดุจชายฉกรรจ์

    _______“ฆ่าไอ้พวกสารเลวนี้ให้หมด! ปกป้องเรือเซนต์โรแบร์โตให้ได้!”
    _______เขาตะโกนสั่งการด้วยความห้าวหาญชักปืนที่เอวยิงทะลวงหน้าผากโจรสลัดชะตาขาดที่หาญกล้าเงื้อดาบพุ่งเข้าหาตายคาที่

    _______ซีวิลทะยานไปถีบโจรสลัดที่เพิ่งปีนขึ้นมาร้องเสียงหลงตกทะเลไป เขาชะโงกมองด้านล่างดูกราบเรือที่ถูกฉมวกยิงทะลุ ปลายโซ่ในความมืดได้ยินเสียงเครื่องยนต์คำรามดังกระหึ่ม ถึงแม้จะได้เปรียบในการต่อสู้บนเรือแต่ถ้าไม่ปลดฉมวกพวกนี้ออกไปก็ไม่สามารถหลบหนีและอาจจะถูกโจมตีกระหนาบจนหมดทางสู้ได้

    _______“เฮ้! ใครทำอะไรกับไอ้โซ่พวกนี้ได้บ้าง?”
    _______เขาตะโกนเสียงดัง กัปตันหันไปมองก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรือ แต่ในจังหวะนั้นโจรสลัดคนหนึ่งจู่โจมเข้ามาก่อน ชายชราเคลื่อนไหวได้ว่องไวผิดกับรูปร่างและอายุ ท่อนแขนแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้ากระแทกโจรสลัดล้มคว่ำแล้วกระทืบซ้ำกลางอก

    _______“ไม่ต้องห่วงข้า ลงไปตัดโซ่พวกนั้นแล้วติดเครื่องยนต์มุ่งหน้าไปพิกัดเจ็ด-หก-สี่ทันที”

    _______ผู้บัญชาการเรือเซนต์โรแบร์โตบอกกับกะลาสีสามนายที่คอยระวังหลัง พวกเขายกมือตะเบ๊ะแล้วรีบลงใต้ท้องเรือเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งทันที
    _______ฉมวกเหล็กฝังอยู่กับกราบเรือ บ้างก็ทะลุเข้ามาด้านใน บรรดากะลาสีพยายามตัดโซ่ออกจากฉมวกแต่ไม่สำเร็จเพราะโซ่มีขนาดใหญ่และแข็งแรงมาก พวกเขาจึงช่วยกันทุบผนังเรือให้กว้างและช่วยกันยกฉมวกโยนทิ้งออกไปได้
    _______เครื่องจักรขนาดยักษ์ท้ายเรือส่งเสียงคำรามด้วยความเกรี้ยวกราดเพราะถูกปลุกขึ้นกลางดึก เรือยักษ์สั่นสะเทือนด้วยพลังงานมหาศาลทั่วทุกตารางนิ้ว ผืนน้ำใต้ท้องเรือปั่นป่วนถึงขีดสุดเพราะใบพัดขนาดใหญ่สามใบเริ่มหมุนเร็วขึ้นทุกวินาที
    _______เมื่อเรือเริ่มเคลื่อนตัวไปด้านหน้า กัปตันจึงสั่งการทันที “หักซ้ายสุดทาง!”
    _______พลขับในห้องบังคับการหมุนพังงาสุดแรงเมื่อได้รับสัญญาณ หัวเรือเริ่มเบี่ยงตามทิศทางของหางเสือ ฉมวกเหล็กถูกยิงเข้าหาเรือเซนต์โรแบร์โตอีกครั้ง แต่พวกมันทั้งหมดก็ทำได้เพียงพุ่งตัวลงน้ำเท่านั้นเพราะเป้าหมายเริ่มออกห่างมากขึ้นทิ้งไว้เพียงกระแสคลื่นรุนแรงเท่านั้น

    _______บัดนี้ดาดฟ้าเรือเซนต์โรแบร์โตเต็มไปด้วยซากศพ เกลื่อนกลาดด้วยอาวุธที่ไร้เจ้าของ เลือดข้นคลั่กเจิ่งนองทั่วส่งกลิ่นเหม็นอบอวลชวนให้คลื่นเหียน ขัดกับบรรยากาศสดใสของรุ่งสางที่แสงสีทองทอประกายย้อมริ้วเมฆสีขาวให้เป็นสีทองอร่ามไปด้วย
    _______ตัวเรือได้รับความเสียหายจากการต่อสู้ไม่มากนัก กัปตันจึงสั่งให้ซ่อมแซมไประหว่างเดินทางโดยไม่หยุดพักเพราะมีโอกาสที่จะถูกกองเรือสลัดทะเลตามมาโจมตีซ้ำอีกหน
    _______ซีวิลและเอเลซซ่าได้รับเชิญให้ร่วมรับประทานอาหารเช้ากับกัปตันสตีฟ ปาร์กเกอร์

    _______“เชิญ ไม่ต้องเกรงใจ” กัปตันร่างใหญ่เชื้อเชิญทั้งสองให้นั่งร่วมโต๊ะ
    _______“ขอบคุณมากที่เสี่ยงชีวิตปกป้องเรือเอาไว้”
    _______“พวกเราต่างหากที่ต้องขอบคุณ ถ้าหากกัปตันไม่อนุญาตให้ขึ้นเรือ พวกเราเองก็ไม่รู้จะเดินทางกันอย่างไร” ซีวิลตอบขอบคุณกลับ เอเลซซ่าก็ก้มหัวคำนับกัปตันเล็กน้อย
    _______“ฮ่าๆๆ เรื่องเล็กน้อยแค่นั้นอย่าไปคิดมากเลย แถมคุณหนูคีนแห่งตระกูลอเลกซิสเป็นคนเอ่ยปากขอทั้งทีข้าจะปฏิเสธได้ยังไงกัน” เขายิ้มแย้มและหัวเราะอย่างเป็นกันเอง
    _______“ปลายทางของเจ้าก็ดูท่าจะลำบากไม่น้อยไม่ใช่เหรอ?”
    _______ซีวิลลังเลว่าจะถามหรือไม่ถามอยู่สักพักแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจถาม “ท่านคงรู้ว่ากำลังจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ช่วยบอกหน่อยได้ไหมครับ”
    _______กัปตันยกไวน์ขึ้นจิบช้าๆอย่างใจเย็นจนกระทั่งหมดแก้ว “รู้สิ แต่ข้าไม่บอกหรอกนะ ฮ่าๆๆ”
    _______“อ้าว! เป็นงั้นไป” ชายหนุ่มร้องเสียงหลงเมื่อหลงกลรอฟังคำตอบอยู่ตั้งนาน
    _______“ยังหนุ่มยังแน่นแท้ๆแต่บ่นเป็นคนแก่ไปได้” กัปตันเรือเซนต์โรแบร์โตหัวเราะอย่างอารมณ์ดี รินไวน์องุ่นเติมลงแก้วให้ซีวิลแล้วก็เติมให้ตัวเอง
    _______“เรื่องบางเรื่องหากขวนขวายที่จะรู้เองทำให้ชีวิตมีสีสันมากขึ้นนะไอ้หนุ่ม”
    _______เสียงหนักแน่นของกัปตันผู้ยิ่งใหญ่ดังก้องอยู่ในหัวของซีวิล ชายหนุ่มชื่นชมในปรัชญาการใช้ชีวิตของยอดบุรุษผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวในชีวิตมามากกว่าหกสิบปีจนต้องขอชนแก้วไวน์ด้วย
    _______“นับจากคืนนี้ไปจงนอนหลับให้สบาย ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะพาพวกเจ้าไปส่งให้ถึงจุดหมายอย่างแน่นอน”
    _______กัปตันแห่งเรือเซนต์โรแบร์โตดีดนิ้วหนึ่งครั้ง ลูกเรือที่ยืนอยู่ไม่ไกลวิ่งเข้ามารับคำสั่งทันที
    _______“เดินหน้าเต็มกำลัง! อย่าให้ความเร็วตกแม้แต่นอตเดียว”

    _______เส้นทางในช่องแคบเซนต์เทียร่าเกตส์มีแต่ผาสูงพื้นขรุขระเต็มไปด้วยหินคมๆที่สามารถบาดเอ็นข้อเท้าให้ขาดพร้อมกับรองเท้าได้อย่างง่ายดายหากเดินอย่างไม่ระมัดระวัง แม้ว่าบางช่วงสูงชันจนยากจะเดินได้แต่ เอเซ แมคโดเวล นักล่าค่าหัวสมญานามวิหคสายฟ้ากลับเดินมุ่งตรงไปโดยไม่สนใจเทรน โคลฟเวอร์ลีฟและเทราสเฟียร์ เอล เซราฟีเตอร์ที่เดินตามหลังมาอย่างยากลำบาก ทั้งสองคนคงหลงทางในหุบเขาแห่งนี้ไปนานแล้วหากไม่มีซารุวาตาริ ทากะเดินรั้งอยู่ตรงกลาง
    _______เวลาเกือบจะเที่ยงสองหนุ่มสาวจึงพาร่างกายที่โทรมและเหนื่อยล้าขึ้นมาถึงยอดเขาได้
    _______“ปีนเขาสนุกไหม?”
    _______เอเซนั่งอยู่บนหินก้อนใหญ่ ด้านหลังของเขาคือแผ่นฟ้ากว้างเต็มไปด้วยเมฆสีขาวลอยตามลมบน เทรนไม่ตอบแค่มองค้อนเขาด้วยสายตาไม่พอใจนั่งหายใจหอบหลังพิงหลังกับเทราที่มีสภาพไม่ต่างกันมากนัก
    _______“เหนื่อยกว่าที่คิดไว้ครับ” เด็กหนุ่มถอดแว่นออกเช็ดเหงื่อด้วยมือที่สั่นระริก
    _______“งั้นดูทางนี้ก่อนเป็นไง” เขายกมือชี้ไปฝั่งตรงข้าม มุมปากเหยียดยิ้มดีใจที่ได้เห็นทัศนียภาพเช่นนี้อีกครั้งหนึ่งในชีวิต
    _______ภายใต้ชะง่อนผาลงไป ด้านล่างคือผืนป่ากว้างใหญ่เป็นอนันต์ราวกับมีใครนำผืนผ้ากำมะหยี่สีเขียวสดมาปูไว้ ทิวเขาสูงทอดตัวสลับกันเป็นทิวแถวยาว บางช่วงบางจุดมีภูเขาหินยกตัวขึ้นขวางเป็นกำแพงยักษ์
    _______เทราสเฟียร์มองความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติแล้วนึกถึงคำบอกของเอเซเมื่อเริ่มต้นการเดินทาง
    _______“นี่คือความลึกระดับที่หนึ่งสินะครับ”
    _______ชายหนุ่มหยิบยาสูบขึ้นคาบ “เมื่อหกปีก่อนเฉพาะระดับนี้ก็มีคนตายไม่ต่ำกว่าสิบแล้วละนะ”
    _______นักล่าค่าหัวสมญานามวิหคสายฟ้าโยนกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆสีดำสองกล่องให้เทราและเทรน เด็กหนุ่มเปิดกล่องดูก็พบว่ามันคือเข็มทิศแต่เป็นเข็มทิศที่แปลกไปจากปกติ แทนที่จะมีเข็มเล่มเดียวชี้ไปทางทิศเหนือและทิศใต้แต่กลับมีเข็มสั้นและเข็มยาวเหมือนนาฬิกาและทิศทางที่เข็มทั้งสองหันไปก็ไม่ใช่ทิศใดๆ และเข็มยาวชี้ตรงไปที่เอเซเท่านั้นไม่ว่าจะขยับไปยืนที่ใดก็ตาม
    _______“นี่มัน...”
    _______“ถ้าหลงทางกับข้าก็เดินตามเข็มยาว ถ้าอยากกลับบ้านก็เดินตามเข็มสั้น” เขาอธิบายหลังจากโยนก้านไม้ขีดที่ดับแล้วทิ้งลงหน้าผา “ถ้าไม่ตายระหว่างทางกลับไปก่อนนะ”
    _______“ไม่มีแบบที่ชี้ไปทางนีโอบาบิลอนตรงๆบ้างหรือครับ” เทราถามแต่ไม่ได้รับคำตอบ
    _______“เห? ไม่มีให้ข้าน้อยบ้างหรือขอรับ”
    _______ซารุวาตาริ ทากะสนอกสนใจเข็มทิศในกล่องดำจนเทราสเฟียร์ต้องยื่นให้เขาเอาไปพลิกซ้ายพลิกขวาดูเอเซไม่ได้ใส่ใจกับทั้งสองคนแต่ทอดสายตามองไปด้านล่างอย่างไร้จุดหมาย เด็กสาวมองเขาที่ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่แล้วก็เลิกล้มความตั้งใจที่จะเข้าไปคุยกับเขาแล้วทิ้งตัวลงนอนพักกายที่เหนื่อยล้าเต็มที่

    _______ทุกคนออกเดินทางอีกครั้งและครั้งนี้เทรนและเทราสเฟียร์ต่างต้องช่วยกันรั้งตัวอีกฝ่ายไว้ไม่ให้ลื่นตกหน้าผาเพราะเส้นทางนั้นลาดชันจนเกือบจะตั้งฉาก ความสูงก่อให้เกิดภาวะหวาดกลัวรุนแรงจนไม่อาจขยับขาให้เดินไปตามที่ต้องการหนำซ้ำลมยังกรรโชกแรงเสียจนไม่อาจยืนทรงตัวได้โดยง่าย บ่อยครั้งที่เทรนชะงักและเสียหลักเพราะฝุ่นเข้าตาแต่ยังดีที่เทราฉวยข้อมือไว้ทัน ทว่าเอเซและทากะกลับทิ้งตัวลงจากขอบเหวปล่อยให้แรงดึงดูดนำพาร่างกายลงสู่เบื้องล่างเหมือนหินก้อนหนึ่งกลิ้งลงไป ทิ้งไว้เพียงกลุ่มควันตลอดระยะทาง บางจังหวะก็ถีบเท้าส่งเร่งความเร็วไม่กลัวต่อความตายที่อ้าปากรออยู่ก้นเหว
    _______ลงมาถึงด้านล่างพบกับแนวป่าขนานไปกับหน้าผา ต้นไม้บริเวณนี้ขนาดใหญ่ขนาดสองถึงสามคนโอบ สูงจนต้องแหงนคอมองแผ่กิ่งก้านน้อยใหญ่ใบไม้หนาทึบจนแสงไม่อาจส่องผ่านลงมาได้ เฉพาะบางแห่งเท่านั้นที่มีแสงทะลุผ่านลงมาได้เป็นลำแสงสีเงินตัดกับความมืดของป่าทึบ เอเซออกเดินนำมุ่งตรงตัดป่าเข้าไปอย่างคุ้นเคยราวกับป่าแห่งนี้เป็นสวนหย่อมหลังบ้าน ใบไม้ที่ร่วงหล่นทับถมหนาทึบสูงพ้นเข่าในบางช่วงส่งกลิ่นเหม็นเน่าฉุนจมูก บางช่วงมีเถาวัลย์พันเลื้อยระเกะระกะก็ถูกบากตัดเปิดทางเข้าไป ชายหนุ่มนำทางไปอย่างเงียบๆจนกระทั่งถึงลานกว้างกลางวงล้อมต้นไม้ในป่าทึบ เส้นผ่าศูนย์กลางของลานแห่งนี้ประมาณสิบเมตร ด้านหนึ่งเปิดเป็นทางเดินแคบๆไว้ด้วยกิ่งไม้ที่ขัดสานกันอย่างบังเอิญจนกลายเป็นซุ้มโค้ง
    _______กลางลานกว้างแห่งนี้มีตอไม้ใหญ่เป็นจุดศูนย์กลาง ดาบเรเปียเล่มหนึ่งปักอยู่เคียงข้างอย่างพิศวง เอเซ แมคโดเวล ตรงเข้าไปปัดใบไม้แห้งออกจากตอไม้ สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าทุกคนบนผิวไม้เรียบคือลายเส้นเป็นริ้วลายคดโค้งไปมาอย่างประณีตบรรจงเพราะมีคนใช้ปลายมีดแกะวาดไว้
    _______เทราสเฟียร์ขยับแว่นเพ่งมองอย่างวินิจวิเคราะห์แล้วก็รีบหยิบสมุดปากกาออกมาก้มลงวาดลอกลายลายเส้นนั้นทันที “ถ้าผมเดาไม่ผิด นี่คือแผนที่ของหุบเขาทมิฬและคนที่วาดไว้คือท่านเอเซใช่ไหมครับ”
    _______“ใช่”
    _______เทรนเดินมาหยุดที่ดาบเรเปีย มองราวกับต้องมนต์สะกด “เกิดอะไรขึ้นที่นี่”
    _______“ตรงนี้นี่คือที่พักในคืนแรกเมื่อหกปีก่อน และในตอนกลับมีเพียงข้าและดาบเล่มนี้เท่านั้น”
    _______เด็กสาวเอื้อมมือดึงดาบออกจากพื้นแล้วก็ประหลาดใจเมื่อดาบเบากว่าที่คิด เอเซเข้ามารับดาบจากมือของเธอ ใช้ผ้าคลุมเช็ดคราบฝุ่นบนใบดาบออก ผ่านมาหกปีแล้วดาบเล่มนี้ยังคงงดงามเหมือนใหม่ ใบดาบเงาดุจกระจก ด้ามจับและเครื่องป้องกันมือแข็งแรงมั่นคง คมดาบยังคงเฉียบคมเช่นเคย
    _______ไม่มีใครทันสังเกตว่าดวงตาของเขาแฝงไว้ด้วยความเศร้าความเจ็บปวดนอกจากเทรนแต่เธอรู้ดีว่าถามไปตอนนี้ก็ไม่มีทางได้รับคำตอบจึงเงียบและเก็บคำถามไว้ในใจเท่านั้น
    _______ดาบเรเปียถูกห่อด้วยผ้าสีดำและตอนนี้ถูกผูกเคียงคู่กับดาบเคลย์มอร์ที่นอนสงบนิ่งในปลอกฝัก
    _______“ไปต่อกันได้แล้ว”

    _______ในความเงียบของป่า มีเพียงเสียงคุยกันเบาๆของเด็กหนุ่มเด็กสาว ชายหนุ่มผมดำ ซารุวาตาริ ทากะ เดินปิดท้ายอย่างเงียบเชียบไม่ต่างจากชายหนุ่มผมสีน้ำตาล เอเซ แมคโดเวล ที่เดินนำอยู่ด้านหน้าอย่างรวดเร็วแข่งกับดวงอาทิตย์ที่ร่วมทางไปด้วยบนฟากฟ้า แม้จะมีร่มเงาจากใบไม้หนาทึบป้องกันแดดโดยตรงก็ตามแต่อากาศก็ร้อนระอุเหมือนเดินกลางแดด เหงื่อเม็ดเป้งผุดตามตัวจนเปียกฉ่ำแต่ริมฝีปากแห้งผาก ยิ่งเดินไกลมากขึ้น เสียงของเทรน โคลฟเวอร์ลีฟและเทราสเฟียร์ เอล เซราฟีเตอร์ ก็เริ่มขาดห้วงจนเงียบไปในที่สุด
    _______โดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัว เอเซได้นำทางมาขึ้นมาบนเนินเขาเล็กๆลูกหนึ่ง เบื้องหน้าเป็นทางลาดกว้างๆ ต้นไม้ไม่ได้เติบโตหนาแน่นเบียดเสียดเหมือนช่วงต้นที่บุกฝ่าเข้ามา สายลมเย็นหอบเอาความชื้นเข้ามาปะทะให้ความรู้สึกสดชื่น ยิ่งเดินลงเบื้องล่างมากเท่าไรยิ่งสัมผัสถึงความเย็นมากขึ้น จนกระทั่งได้ยินเสียงสายน้ำไหลกระทบกระแทกโขนหินกลางธารอย่างชัดเจนก็รู้ได้ว่าสิ่งที่รอทุกคนอยู่คือสายน้ำเย็นฉ่ำ
    _______ความเหน็ดเหนื่อย ความร้อนและความกระหายผลักดันเด็กสาวผู้มีเส้นผมและดวงตาสีน้ำเงินเข้มออกวิ่งด้วยเรี่ยวแรงที่เหลือทั้งหมดเมื่อแน่ใจว่ามีน้ำอยู่เบื้องหน้า เอเซไม่ได้ห้ามเมื่อเธอวิ่งพ้นตัวไปแต่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย เทรนกระหืดกระหอบวิ่งหน้าตั้งตามหาที่มาของเสียงแล้วก็ชะลอความเร็วลงเรื่อยๆจนกลายเป็นหยุดยืนนิ่งเป็นต้นไม้ต้นหนึ่งในผืนป่า เทราสเฟียร์เห็นปฏิกิริยาของเธอแล้วก็วิ่งไปหาแต่เอเซยังคงเดินตามหลังมาด้วยความเร็วที่ไม่เปลี่ยนแปลง
    _______พ้นแนวชายป่าคือแนวหินผาที่ถูกกระแสน้ำกัดเซาะเป็นร่องลึกไม่ต่ำกว่าสิบเมตรกว้างราวสามสิบเมตร กระแสน้ำเชี่ยวกราดดุดันพัดพาทุกสิ่งให้จมหายภายใต้ฟองคลื่นสีขาว
    _______“โธ่! แล้วกัน” เด็กสาวทรุดตัวลงนั่งบ่นอย่างผิดหวัง
    _______“นี่รู้อยู่แล้วสินะ?”
    _______เธอแสดงสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเอเซเดินมาถึง ชายหนุ่มไม่ตอบอะไรแต่เลี่ยงไปยืนริมผามองข้ามร่องธารลึกไปยังป่าเบื้องหน้าด้วยสีหน้าหนักใจปนกับความกังวล เป็นครั้งแรกที่เทราสเฟียร์เห็นเขาแสดงอารมณ์เช่นนี้แล้วก็ลอบสังเกตเขาอยู่เงียบๆ ทากะเดินตามมาถึงในอีกอึดใจหนึ่งแล้วก็พิงต้นไม้อยู่เงียบๆเหมือนเช่นเคย
    _______“ครั้งก่อนเจ้าผ่านไปทางไหน?” เอเซเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนากับทากะ
    _______“ข้าน้อยไม่ได้ผ่านทางนี้ขอรับ” นักดาบพเนจรจากอาณาจักรนิฮงตอบแล้วเหม่อลอยมองป่าเบื้องหน้าด้วยท่าทีเป็นปรกติของเขา
    _______คนถามเหลือบมองด้วยหางตาเพราะไม่ได้คาดหวังคำตอบอย่าจริงจังตั้งแต่แรก

    _______เขามุ่งหน้าเดินสวนทางกระแสน้ำมุ่งขึ้นสู่เนินเขาเล็กๆอีกหนึ่งแห่งที่มีสภาพเป็นป่าโปร่งสลับกับพื้นหินโล่งราบ มุ่งสู่ทิศตะวันตกเดินแข่งกับดวงอาทิตย์อีกครั้งจนถึงยอดเนินแล้วตัดอ้อมลงสู่ปลายเนินเป็นที่ราบกว้าง หินก้อนใหญ่ๆขนาดสูงท่วมหัวกระจัดกระจายเต็มพื้นที่ สายน้ำถูกก้อนหินเหล่านี้กักไว้กลายเป็นแอ่งน้ำและน้ำตกขนาดย่อมๆหลายระดับ
    _______แสงแดดตอนบ่ายแก่ๆโรยลาลง เอเซให้ทุกคนหยุดพักที่นี่ก่อนและล่วงหน้าไปสำรวจเส้นทางและกำหนดที่พักสำหรับคืนนี้
    _______เมื่อเขาหายลับไปทางต้นน้ำ เด็กสาวก็ไปหาซารุวาตาริ ทากะ ที่นั่งพักพิงหินก้อนใหญ่อยู่ไม่ไกล

    _______“ท่านทากะคะ”
    _______นักดาบพเนจรจากอาณาจักรนิฮงเปิดเปลือกตามองเธอ “มีสิ่งใดให้ข้าน้อยช่วยหรือขอรับ”
    _______“ข้าอยากใช้ดาบเป็น สอนให้ข้าหน่อยได้ไหมคะ?”
    _______ชายหนุ่มผมดำแสดงความสงสัยผ่านดวงตาสีดำสนิท ครู่หนึ่งก็ยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ต้องการเรียนรู้วิชาดาบเพื่อเหตุใดกันขอรับ”
    _______“เพื่อป้องกันตัวค่ะ ข้ารู้ว่าการเดินทางเต็มไปด้วยอันตรายไม่อยากเป็นตัวถ่วงใคร”
    _______เขาขยับนั่งตัวตรง มองเธอแล้วก็ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “เป็นเหตุผลที่ดีขอรับ”
    _______เด็กสาวยิ้มอย่างดีใจ ดวงตาสีน้ำเงินเปล่งประกายด้วยความหวัง
    _______“ทว่า...ยังไม่เพียงพอที่จะเรียนวิชาดาบขอรับ”
    _______“อ้าว!” เธอร้องออกมาด้วยความผิดหวัง “ทำไมละ?”
    _______“แล้วทำไมไม่ขอให้เขาสอนให้ละขอรับ” คนที่ทากะพูดย่อมหมายถึง เอเซ แมคโดเวล
    _______เทรนอ้าปากจะตอบแต่ชะงักไว้ได้ทัน หน้ามุ่ยลงไปแล้วก็เงียบกริบ ดวงตาก้มลงต่ำมองพื้น
    _______“มิใช่ว่าหวงวิชาความรู้ แต่ข้าน้อยก็มีเหตุผลที่สอนวิชาดาบให้ไม่ได้เช่นกันขอรับ” รอยยิ้มยังเปื้อนอยู่บนหน้าของนักดาบพเนจร
    _______“อีกไม่นานก็จะเข้าใจขอรับ”
    _______เทรนตั้งท่าจะพูดอะไรสักอย่างแล้วก็หยุดไว้แค่นั้น น้ำเสียงแม้จะสดใสแต่ก็เจือไว้ด้วยความผิดหวัง
    _______“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ”

    _______เมื่อเด็กสาวผละไป ทากะลุกขึ้นเดินไปที่ริมธารวักน้ำล้างหน้าล้างตาแล้วยืนมองกระแสธารด้วยสายตาทอดไกลไร้ความหมาย

    _______ผ่านไปอีกอึดใจเอเซก็ย้อนกลับมาและนำทุกคนมุ่งหน้าขึ้นสู่พื้นที่อีกแห่งหนึ่งบนยอดเขา เป็นทุ่งหญ้าสั้นๆประปรายด้วยต้นไม้ขนาดเล็ก ที่พักสำหรับคืนนี้คือเนินเล็กๆมีกลุ่มก้อนหินขนาดใหญ่เป็นแนวยาว พื้นดินมีรอยตัดถางและมีกิ่งไม้แห้งเตรียมไว้เป็นฟืนสำหรับก่อไฟในคืนนี้
    _______เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ความมืดปลุกคลุมทุกหนทุกแห่ง อากาศเย็นลงฮวบฮาบผิดกับตอนกลางวันที่ร้อนระอุเหมือนเตาเผา กองไฟเล็กๆถูกก่อขึ้นไม่ห่างมากนัก เปลวไฟวูบวาบตามแรงลม กิ่งไม้แตกปะทุดังให้ได้ยินเป็นระยะ ซารุวาตาริ ทากะพิงกายกับก้อนหินฝั่งที่ติดกับทุ่งหญ้า ส่วนคู่เด็กหนุ่มเด็กสาวนอนขดคู้ตัวอยู่ในช่องว่างระหว่างหินใหญ่สองก้อน ส่วนเอเซ แมคโดเวลนั่งอยู่หน้ากองไฟมองดาบเรเปียอยู่เงียบๆเพียงลำพัง
    _______“ดาบของใครรึ?”
    _______เสียงของเทรน โคลฟเวอร์ลีฟแผ่วเบามาตามสายลม
    _______“รีบนอนได้แล้ว” เอเซไม่ตอบคำถามเรื่องเจ้าของดาบเพราะรู้ดีว่าหากเธอยังไม่หลับ เทราสเฟียร์ก็ยังไม่หลับเช่นกัน รวมถึงทากะที่ดูเหมือนนอนหลับแต่ประสาททุกส่วนตื่นตัวทำงานอยู่ทุกขณะ เด็กสาวขยับลุกออกมานั่งห่างที่กองไฟจากเขาไม่มากนัก
    _______“หนาวขนาดนี้หลับไม่ลงหรอก” เธอยกมือขึ้นอิงไออุ่นจากกองไฟ
    _______“คิดอะไรอยู่น่ะ?”
    _______“จะคิดอะไรหรือทำอะไรก็ไม่ใช่ธุระของเจ้า” ชายหนุ่มตอบอย่างเย็นชา
    _______“ก็ไม่ได้หวังจะได้คำตอบดีๆแต่แรกอยู่แล้วละนะ”
    _______เด็กสาวถอนหายใจเบาๆ “ข้ารู้...ว่าเจ้าไม่ได้ชอบข้ามาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ก็อยากให้รู้ว่าข้าไม่ได้เกลียดเจ้า เรื่องเงินสองร้อยเหรียญทองอะไรนั่นข้าก็ให้อภัยเจ้าไปตั้งนานแล้ว”
    _______ความในใจพรั่งพรูออกมาจากปากเด็กสาว ความเงียบก่อตัวขึ้นคั่นกลางทั้งสองคนเป็นเวลานาน
    _______“ยังไม่ได้ตอบเลยนะใครเป็นเจ้าของดาบ”
    _______เขายังเงียบอยู่ เทรนก็จ้องเขาไม่วางตา สุดท้ายคนที่ทนต่อความเงียบและความอึดอัดไม่ได้ก่อนก็คือเอเซ แมคโดเวล
    _______“อยากรู้ไปทำไมกัน?” เขาถอนหายใจยาว สายตาและน้ำเสียงผ่อนคลายลง
    _______“ก็เพราะอยากรู้ถึงได้ถามยังไงละ!” เด็กสาวประชดเริ่มมีอารมณ์โมโห
    _______“ใครเป็นเจ้าของ ไม่เอาไปด้วยแล้วปักดาบทิ้งไว้ตรงนั้นทำไมกัน? หกปีก่อนเกิดอะไรขึ้นบ้าง? เรื่องที่ข้าอยากจะรู้มีเป็นภูเขาเลากาเลย ขอบอก!”

    _______เอเซไม่ตอบคำถามแต่ลุกขึ้นยืนกะทันหันส่งสายตาดุดันไปในทุ่งโล่งที่มืดสนิท เป็นจังหวะเดียวกับที่ซารุวาตาริ ทากะลุกขึ้นเดินมาหาเขาเช่นกัน เทรนแหงนหน้ามองทากะแล้วก็เอเซสลับไปมาอย่างสงสัย

    _______“ไปปลุกเทราขึ้นมา สุมไฟไว้เยอะๆ ก่อกองไฟเพิ่มได้ก็ดีแล้วไปหลบอยู่ในซอกหินอย่าออกมาเด็ดขาด”

    _______ชายหนุ่มสั่งเสียงเครียด เทรนตั้งท่าจะถามแต่ก็ต้องรีบลุกไปทำตามที่ถูกสั่งเพราะสายตาเฉียบคมแบบเดียวกับที่เธอเห็นเมื่อครั้งเขาช่วยเธอไว้จากพวกโจรที่บุกปล้นหมู่บ้าน
    _______เป็นสัญญาณว่าเรื่องร้ายแรงกำลังจะเกิดขึ้น

    _______“เท่าไร?”
    _______“รู้อยู่แล้วจะถามทำไมขอรับ” นักดาบพเนจรตอบกลับอย่างรู้เท่าทันว่าอีกฝ่าย
    _______“หึหึหึ” เอเซยิ้มแสยะ “เจ้าดูแลด้านนี้ไว้ให้ดีละกัน”

    _______กลิ่นสาบสางของสัตว์กินซากลอยตามลมที่กรรโชกแรงขึ้นเป็นลำดับ เสียงหอนยาวๆดังขึ้นครั้งหนึ่งตามด้วยเสียงหอนรับดังสะท้านไปทั่วบริเวณ ดวงตาสีฟ้าคืบนับร้อยสว่างอยู่ในความมืด เสียงฝีเท้าวิ่งวนรอบพวกเขาบีบวงล้อมเข้ามาเรื่อยๆ เสียงขู่คำรามในลำคอสัตว์ร้ายดังระงมระคนไปกับเสียงหอนโหยหวน

Share This Page