Eliminate Chaos Chapter 13 - บทที่ 3 ตอนที่ 1

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย Azemag, 27 พฤศจิกายน 2011.

  1. Aki

    Aki Paradox Observer

    EXP:
    485
    ถูกใจที่ได้รับ:
    41
    คะแนน Trophy:
    48
    เอาหล่ะ ถ้าไม่ร่ายยาวหน่อยคงจะโดนเจ้าของฟิคสวดเป็นแน่แท้ จริง ๆ แล้วอ่านมา ตอนแรกก็มีข้อสังเกตหลายอย่างเหมือนกัน แต่ถ้ารู้ว่าเขียนตอนสิบสามกลับมาได้แบบนี้ก็ไม่รู้จะแนะนำอะไรแล้วแหะ ฮา ๆ


    ขอย้อนความกลับไปเม้นท์แบบภาพรวมตั้งแต่ตอนที่ 2-2 จนถึง 2-6 ก่อนละกันนะ จริง ๆ แล้วปกติจะได้อ่านฟิคนี้ก่อนที่จะเอามาโพสต์ลงกระทู้ และการอ่านแต่ละครั้งเป็นการอ่านแยกตอนกัน ก็เลยสงสัยกับความเห็นของหลาย ๆ คนที่ว่าภาษากระโดด เพราะตอนอ่านในแต่ละครั้งนั้นไม่พบว่าลักษณะการใช้ภาษามีส่วนไหนที่ไม่ดี แต่พอมาอ่านย้อนแบบรวดเดียว ก็รู้แล้วว่าไอ้กลิ่นความประหลาดมันมาได้ยังไง บางทีอาจเพราะเจ้าของฟิคเป็นคนถนัดเขียนภาษาในหลาย ๆ แนวทั้งบทพูดและบทบรรยายก็ได้ เลยทำให้สิ่งที่ควรจะเป็นจุดแข็งนี้กลายเป็นจุดอ่อนได้อย่างไม่น่าเชื่อ ถ้ามองย้อนไปในแต่ละตอนแล้วจะพบว่า ลักษณะการใช้ภาษาของแต่ละตอนไม่เหมือนกัน ในบทที่ 2-2 ภาษาที่ใช้เป็นภาษาสั้น ๆ กระชับ ลดการบรรยายที่ยืดเยื้อ เล่นสำบัดสำนวนในบางส่วน ฉาก สถานการณ์ และกริยาท่าทางเป็นแบบรวบรัดและรวดเร็ว ซึ่งขัดกับการบรรยายในช่วงบทแรกมากที่เน้นการปูพื้นเรื่อง การบรรยายฉาก และการใช้คำขยายซึ่งให้อารมณ์อีกแบบ ก็เข้าใจได้ว่ามันเป็นสถานการณ์เผชิญหน้าและการสนทนาเลยต้องใช้ภาษาที่กระทัดรัด สั้น และกระชับ แต่ในความรู้สึกคนอย่าง (อย่างผม ซึ่งอาจจะเป็นผมคนเดียว) มันเลยรู้สึกโดดละมั้งนะ ในบทนี้การอธิบายลักษณะตัวละครก็เปลี่ยนไปจากช่วงแรก คือใช้บทพูดบรรยายลักษณะตัวละคร และนั่นก็ทำได้ดีนะ ตัวละครแต่ละตัวมีเอกลักษณ์และการพูดที่โดดเด่น เห็นภาพชัดเจน สามารถจินตนาการได้ แต่กลิ่นไอของการไม่พูด (ตามที่เคยตั้งข้อสังเกตไป) มันดันหายไป -- บางทีอาจเป็นเพราะคนอ่านชอบคิดมากและคิดลึกกับลักษณะตัวละครอยู่แล้วมั้ง เลยไม่โดนใจในจุดนี้เท่าไหร่ -- แต่ถ้าพูดเรื่องสำนวนภาษา และการใช้บทพูด ถือว่าทำได้ดีเลย เพียงแต่ไปกลบเสน่ห์ของเรื่องในบทแรก ๆ มากกว่า (ก็ขึ้นอยู่กับว่าคนเขียนจะชอบมุมมองแบบไหนและอยากสื่อมุมมองแบบไหนในการเขียน) ถ้าให้เทียบกับบทที่ 1 มันเป็นฟิคบรรยากาศที่คลุมเครือ ออกแนวนิยายลึกลับซับซ้อน คนอ่านไม่เข้าใจตัวละคร ไม่รู้ว่าคิดอะไร และมันผลักดันให้เราอยากอ่านต่อ อยากรู้ต่อ จุดนี้โดยส่วนตัวเป็นจุดที่จะทำให้เราเชื่อมตัวเองกับตัวละครได้ดีที่สุด แต่ในบทที่ 2-2 (และหลังจากนั้นอีกหลายตอน) บรรยากาศที่เกิดขึ้นในเรื่องมันชัดเจน กระจ่าง แม้ว่าจะมีปม แต่ตัวละครแสดงออกและพูดแบบที่เห็นถึงความคิดได้โดยไม่จำเป็นต้องจินตนาการหรือคิดแทนเพิ่ม ซึ่งก็เหมาะกับนิยายเชิงแนวต่อสู้ ที่ต้องให้ข้อมูลทั้งลักษณะและสถานการณ์ที่ชัดเจน


    ลักษณะแบบนี้มันยิ่งชัดขึ้นในบทต่อ ๆ มา เช่นบทที่ 2-3 ซึ่งเป็นบทที่เน้นบทพูดมาก เมื่อดูเฉพาะตอนนี้แยกจากตอนอื่นแล้ว ก็พบเช่นเดิม คือคงธีมและเนื้อหารวมถึงอารมณ์ได้ราบรื่นในบท การใช้ภาษา การชงมุข การตบมุข ทำได้เยี่ยมและทำให้คนอ่านเพลินตาม แต่เมื่อมันมาอยู่ในเรื่องเดียวกันกับตอนอื่น ๆ แล้ว นี่อาจเป็นส่วนที่ทำให้คนอ่านรู้สึกว่าระดับภาษากระโดด -- ไม่ใช่ใช้ภาษาไม่เหมาะสม หรือใช้สำนวนแปลก ๆ นะ แต่ใช้ได้ดีเหมาะกับสถานการณ์เลย เพียงแต่อารมณ์และบรรยากาศของตอนนี้มันฉีกจากเรื่อง ก็เลยทำให้รู้สึกแปลกขึ้นมา --

    ยิ่งใช้บทพูดแสดงอารมณ์และท่าทางได้ชัด ก็ยิ่งทำให้คนเห็นตัวละครได้ชัด และลดความสงสัยในตัวละครลง ซึ่งโดยส่วนตัวไปลดบรรยากาศความคลุมเครือและน่าเคลือบแคลงของเรื่องไปอีก เท่าที่คิดได้คือน่าจะเพราะตัวละครเยอะขึ้น ความหลากหลายและอารมณ์ของเรื่องในเชิงการบรรยายก็เลยต้องหลากหลายขึ้น และการจะไปคงความคลุมเครือแต่ของเอเซคนเดียวก็ทำได้ยากขึ้น ที่สังเกตคือบรรยากาศของเรื่องที่มันฉีกไปอาจทำให้คนอ่านเรื่องโดยรวมเป็นตอนยาว ๆ รู้สึกขัด เพราะว่าการใช้ภาษาในนิยายมันให้ความรู้สึกต่างจากการ์ตูน -- ไม่ใช่ว่าจะเทียบกับการ์ตูนนะ -- แต่ความคล่องตัวและความไหลลื่นของเรื่องโดยปกติมันจะมีสำนวนการเขียนที่เด่นชัดแบบเดียว แต่เพราะว่าคนเขียนถนัดและเชี่ยวชาญการใช้ภาษาในหลาย ๆ แนว เมื่อต้องการสร้างบรรยากาศในตัวละครแต่ละตัวให้มีอารมณ์ที่หลากหลายกับตามสถานการณ์ก็เลยทำให้คุมภาพรวมของน้ำหนักของเรื่องได้ยาก และด้วยเหตุนี้การบรรยายถึงอารมณ์ของตัวละครทุกตัวจึงเป็นเรื่องลำบาก การใช้บทพูดจึงสะดวกและชัดเจนกว่า (ก็เป็นที่เข้าใจได้) และเมื่อทั้งบทพูดก็ทำได้ดี บทบรรยายก็ทำได้ดี การเขียนไปตามสถานการณ์จึงมีความยืดหยุ่นมากกว่า และนั่นก็เลยไปกลบอามณ์เดียวของเรื่อง -- ซึ่งจริง ๆ สำหรับเราชอบอารมณ์แบบต้นเรื่องมากกว่าอ่ะนะ แต่อันนี้มันก็นิยายแนวแฟนตาซี จะคงอารมณ์ไว้ตลอดก็คงทำไม่ได้ แต่ก็อยากอ่านแบบนั้นเยอะ ๆ อ่ะ ฮาาาา


    ที่ทำให้ตระหนักถึงข้อสังเกตนี้ก็เกิดมาจากการอ่านตอนที่ 2-4 ที่พบว่ากลับมาเน้นการบรรยายเหมือนเดิม ลดการใช้บทพูดลง และลักษณะของการบรรยายก็ทำได้ดี ซึ่งก็เลยทำให้เห็นความแตกต่างระหว่างตอนนั่นเอง ข้อสังเกตโดยรวมในบทที่ 2 จึงพบว่า ระดับภาษาและการใช้ภาษาไม่ได้ขัดกัน สำนวนและวิธีการเขียนก็ทำได้ดี แต่ที่มันขัดกันคือฉากและอารมณ์ของแต่ละตอน
    ฉากต่อสู้เน้นบทบู้
    ฉากคุยเล่นเน้นบทพูดและการยิงมุข
    ฉากเดินทางเน้นบทบรรยาย
    ฉากแฝงปมและเนื้อเรื่องเน้นความลึกลับและความคิดของตัวละคร
    เมื่อรวมเป็นเรื่องเดียวกันจึงทำให้รู้สึกว่าภาษากระโดดเหมือนเขียนคนละแบบ แต่จริง ๆ แล้วอารมณ์และภาษาของแต่ละตอนมันเป็นคนละอย่างกันเลย แม้เขียนด้วยภาษาระดับเดียวกัน ยังไงก็โดด แถมตัวละครก็เยอะ การนำเสนออารมณ์ของตัวละครทั้งหมดจึงยิ่งทำให้เกิดความหลากหลายในอารมณ์ของเรื่องไปด้วย

    สำหรับตอนที่ 2-5 และ 2-6 ก็กลับเข้าสู่การบรรยายและการต่อสู้ซึ่งก็เป็นไปตามแบบที่ตั้งข้อสังเกตมาข้างต้น เพราะฉะนั้นถ้าจะถามว่าควรปรับภาษาตรงไหนก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน น่าจะขึ้นอยู่กับความชอบและมุมมองที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอมากกว่า และคนอ่านก็เป็นความชอบส่วนตัว แต่ถ้าหากมีแนวทางที่จะเขียนมันและปรุงออกมาเป็นอาหารจานเดียวได้ซึ่งมีรสกล่อมกล่อมหลาย ๆ รส แต่ไม่รู้สึกขัดกัน ก็คงจะทำให้สนุกกว่านี้มาก (ซึ่งคนวิจารณ์เองก็ยังทำไม่ได้หรอกนะ ฮ่าาา แต่ถ้าจะให้แนะนำก็น่าจะเป็นส่วนนี้)

    ส่วนตอนที่ 3-1 ขอบอกคำเดียว ว่า "ชอบมาก" โดยเฉพาะฉากทากะพูดกับเทรน และรู้สึกว่าการบรรยายแบบทิ้งปมก็กลับมาทำได้ดีด้วย :)
    Azemag ถูกใจสิ่งนี้
  2. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    ตอนล่าสุดนี่บทสู้ช่วงแรกของทั้งสองคนดูเหมือนจะทื่อๆไปหน่อยน่ะฮะ เวลาอ่านแล้วรู้สกว่า action ของตัวละครมันค่อยๆไปเป็นท่อนๆไม่ค่อยลื่นไหลเท่าไหร่นัก แล้วกับทบรรยายบางจุดในช่วงแรกของตอนนี้ก็ให้ความรู้สึกคล้ายๆกันอยู่ คิดว่าน่าจะเพราะขาดการใช้คำเชื่อมประโยคมากไปหน่อยบางจังหวะมันเลยเหมือนเป็นการบรรยายมาทีละประโยคโดยมีใจความต่อเนื่องกันมากกว่าจะเป็นประโยคที่เชื่อมโยงกันแล้วน่ะฮะ
  3. Ryuto

    Ryuto 終わる道、始まる夢

    EXP:
    964
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    88
    กำลังไล่อ่านอยู่นะพี่ ขอเวลาอีกซักพัก ตามไม่ทัน T-T
  4. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    ด้านเนื้อเรื่อง

    ไม่มีอะไรมาก บทบาทก็ยังคงเป็นการเดินทางเสียส่วนใหญ่ นอกจากจุดมุ่งหมายที่กล่าวไว้ในบทก่อนๆก็ยังไม่รู้ว่ามีจุดมุ่งหมายใหม่อะไรเพิ่มขึ้นมา

    ด้านการบรรยาย

    บทสนทนาส่วนใหญ่ยาวไป โดยเฉพาะในช่วงการเดินทาง ถ้าจะมีจุดที่น่าสนใจก็ตรงเทรนถามถึงอดีตเอเซ กับเรื่องดาบเรเปีย ถ้าการดำเนินเรื่องมันยืดไป ต้องพยายามหาอะไรมาคั่น ไม่งั้นอ่านก็เบื่อๆได้

    การใช้ภาษาส่วนใหญ่ดี บทบรรยายเยอะมาก (ฮาๆๆ) แต่ทั่วไปก็สวยงามดี เห็นภาพได้ชัดเจน มีภาษาผิดแปลกไปนิดนึงที่

    หจริงๆเทร่าน่าจะใช้คำว่า "ความสูงระดับที่หนึ่ง" มากกว่าคำว่าความลึก อ่านทีแรกนึกว่าเหว พอกลับไปอ่านเจอคำว่าพรมสีเขียว ฮ๊ะ!? สรุปคือ... เป็นฉากผาสูงนั่นเอง

    บทสนทนาของซีวิลกับเอเลซซ่า ดี ลงตัวมาก ช่วยเปลี่ยนบรรยากาศขจากคณะเดินทางที่เราอ่านมาตั้งแต่ภาคแรกจนบัดนี้ ไปอีกทางหนึ่งบ้าง แต่ตัดอารมณ์เร็วไปนิดกับโจรสลัดบุก ถึงยังไงก็ฉายภาพคาแรคเตอร์เอเลซซ่าได้ดี

    ขอโทษจริงๆ ที่วิจารณ์สับสนไปหน่อย พอดีมันยังไม่โดนเท่าไรกับตอนนี้ ถ้าตอนไหนมีอะไรโดนๆจะมาเม้นท์ยาวๆเลย
    ...รอการคลายปมเเซใจจดใจจ่อต่อไป
    Azemag ถูกใจสิ่งนี้

Share This Page