คิดว่าจะมีโอกาสได้เล่นไฟนอลแบบพวกไฟนอล9อีกครั้งป่าวครับ

กระทู้จากหมวด 'All Final Fantasy' โดย Bert1570, 26 มีนาคม 2013.

  1. Bert1570

    Bert1570 New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    2
    คะแนน Trophy:
    3
    หมายถึงว่าไฟนอลที่มีเนื้อเรื่องแบบแนวแฟนตาซีแบบไฟนอล 9 อ่ะครับโดยส่วนตัวผมถือว่าเป็นไฟนอลที่ดีที่สุดครับทั้งเนื้อเรื่อง ระบบ การออกแบบตัวละคร อยากให้ไฟนอลกลับมามีแนวแบบนี้อีกครั้งครับ ไฟนอลใหม่ๆจะเน้นไปทางกราฟฟิคอย่างเดียว คือเล่นจบก้อจบเฉยๆไม่ได้อินอะไรมากมายไม่เหมือนกับไฟนอลเมือก่อนช่วง 7-9 เรียกว่าฉากจบนี่น้ำตาซึมเลย(โดยเฉพาะภาคเก้าเป็นฉากจบที่ผมชอบที่สุดตั้งแต่เล่นเกมมา) อยากให้ไฟนอลกลับมามีแนวแบบแฟนตาซีอีกครั้งครับ
    taleoftrue ถูกใจสิ่งนี้
  2. BoN

    BoN แกนนำไร้วิญญาณ

    EXP:
    1,776
    ถูกใจที่ได้รับ:
    66
    คะแนน Trophy:
    113
    แต่ละภาค แต่ละทีมงาน จุดเด่นมันก็ไปกันคนละแนวครับ

    ภาค 9 เนื้อหาดี ฉากจบดี ถูกยกขึ้นหิ้งเป็นฉากจบที่ดีที่สุด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเกมนี้จะสมบูรณ์พร้อมเหนือกว่าภาคอื่นๆ ไปซะทุกด้าน การกำกับอีเวนต์ของฉากจบมันก็ยังธรรมดา แต่มันเรียกความประทับใจได้ด้วยเนื้อหาที่นำเสนอ

    ลอง มาดูภาคหลังๆ อย่าง Crisis Core เอง ระบบเกมเพลย์อาจจะไม่ได้ดีเด่อะไร แต่ก็ได้รับการยอมรับว่าทำฉากจบออกมาได้ดีที่สุด เทียบเท่ากับภาค 9 ซึ่งอันที่จริงแล้วเนื้อหาของฉากจบ Crisis Core มันไม่มีอะไรเลย แต่เขากำกับออกมาได้ยอดเยี่ยม และสื่อถึงธีม 'ความหวังที่ถูกส่งต่อไปยังอนาคต' ได้เป็นอย่างดี เมื่อประกอบกับการกำกับที่ดี ก็จึงเรียกความประทับใจได้มากโข

    หรือ กระทั่ง Final Fantasy Type-0 เอง.... ก็ได้รับการยอมรับว่าทำฉากจบออกมาได้ดีที่สุด เทียบเท่า 2 ภาคด้านบนด้วยซ้ำ บางคนยังมีแซวว่าจบดีกว่า Crisis Core ถึง 12 เท่า (ด้วยเหตุผลบางอย่างซึ่งขอละไว้เพราะเป็นการสปอยล์) แม้สมดุลของเกมนี้จะไม่ค่อยจะดี แต่รวมๆ แล้วระบบของมันที่ทำออกมาเป็น Action-RPG เต็มตัว ก็แปลกใหม่และน่าสนใจมาก ส่วนตัวผมอยากยกให้ภาคนี้เป็นภาคที่เนื้อเรื่องแจ๋วสุดด้วยซ้ำ

    หรือ หากจะย้อนกลับไปไกลกว่านั้น อย่างภาค 12 จุดเด่นมันก็ไม่ได้อยู่ที่กราฟฟิค การกำกับคัตซีนก็ไม่ค่อยจะดี.... แต่ที่โดดเด่นก็คือระบบเกมเพลย์ ระบแกมบิทที่ได้ดั่งใจมาก อยากให้ AI เป็นแบบไหนเราก็จัดได้ดั่งใจ ตัวโลกก็กว้างขวาง เดินกันได้สนุก สถานที่ต่างๆ ไม่ได้ออกแบบมาชุ่ยๆ แต่มีประวัติศาสตร์รองรับในทุกจุด

    วกมาปัจจุบันหน่อยที่ ภาค 13 ....กราฟฟิคมันก็ใช่ว่าจะดีอะไรนัก แต่จุดเด่นของมันก็ไปอยู่ที่การกำกับศิลป์ที่หลายๆ ฉากดูแล้วทำแสงสี การออกแบบมาได้เจ๋็ง เมืองโบดัมเอย ป่าขาวกาปราเอย งานออกแบบต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดี แล้วฉากคัตซีนธรรมดาก็กำกับออกมาได้เยี่ยม... แต่ภาคนี้ไปตายตรงการเล่าเรื่องที่กระโดดไปมาจนจับความลำบาก กับโครงสร้างเกมที่เป็นเส้นตรง

    ซึ่งปัญหาต่างๆ ที่เกิดในภาค 13 ก็ถูกแก้ไขลงใน 13-2.... ที่ประชดด้วยการสร้างเมืองอเคเดเมียมาด้วยโครงสร้างที่ดูแล้ว "ตรูมึน" ซับซ้อนเกิน.... แต่ก็ยังคงจุดเด่นด้วยการกำกับที่ดี การออกแบบที่ดี และพัฒนาระบบต่อสู้ได้ลึกขึ้นเยอะ โดยมีตัวละครหลัก 2 ตัวเป็นตัวประกอบ แล้วให้มอนสเตอร์ 3 ตัวเป็นแกนหลัก โดยเราสามารถปรับแต่งสเตตัสและอบิลิตี้ของมอนสเตอร์ได้หลากหลายมากๆ ให้อิสระในการปรับแต่งสูง ทำให้วางกลยุทธในการต่อสู้ได้หลากหลายมาก

    ทั้ง หมดที่กล่าวมาีนี้ก็เพื่อจะบอกว่า จุดเด่นของภาคหลังๆ มันไม่ได้อยู่ที่กราฟฟิึคซะทีเดียวหรอกครับ ทีมงานสร้างแต่ละภาคเขาก็พยายามจะทำองค์ประกอบทุกอย่างในเกมออกมาให้ดีที่ สุด ทว่าด้วยความที่ทีมงานแต่ละทีมก็มีความถนัดที่แตกต่างกัน มันจึงทำให้เกมแต่ละภาคมีจุดเด่นจุดด้อยที่แตกต่างกันออกไป ทว่าอย่างน้อยที่สุด ทีมงานทุกทีมก็พยายามจะรักษามาตรฐานของกราฟฟิคซึ่งพอจะควบคุมได้ง่ายกว่า ด้านอื่นๆ ไม่ให้มันแกว่งลงมากนัก ซึ่งนั่นไม่ได้หมายความว่าเขาใส่ใจแต่กราฟฟิคจนละเลยองค์ประกอบด้านอื่นไป

    ซึ่ง ทุกภาคที่กล่าวมานี้ เอาจริงๆ มันก็เป็นแฟนตาซีหมดแหละครับ เพียงแต่มันก็เป็นแฟนตาซีต่างยุคกัน ไม่ใช่แฟนตาซียุคกลางแบบที่หลายคนชื่นชอบและยึดติดกันมากที่สุด ซึ่งหากต้องการแบบนั้น Final Fantasy 11, Final Fantasy 14, Final Fantasy Crystal Chronicle -The Crystal Bearers- เขาก็มีให้ อย่าง FF11 ระบบของมันมหัศจรรย์มาก จนผมยังมองว่ามันก้าวข้าม FF7-9 ไปเยอะแล้วด้วยซ้ำ

    แต่ ท้ายที่สุด สำหรับคนที่ชื่นชอบในเกม RPG Oldschool ที่ใช้แฟนตาซียุคกลาง ยุคอัศวิน พระราชา ประสาท เจ้าหญิง และมีโครงสร้างเกมแบบเดียวกับ FF ยุค 7-9 ....หากอยากเล่นเกมโครงสร้างแบบนั้น ทางค่ายเขาก็มี 4 Warriors of Light -Final Fantasy Gaiden- ของเครื่อง NDS, หรือภาคต่ออย่าง Bravely Default -Flying Fairly- บนเครื่อง 3DS อยู่แล้วครับ แบบนั้นน่าจะตรงกับสิ่งที่คุณต้องการมากกว่า

    อนึ่ง เดิมที Bravely Default -Flying Fairly- ถูกออกแบบขึ้นมาให้เป็นภาคต่อโดย 4 Warriors of Light -Final Fantasy Gaiden- แต่ภายหลังทางค่ายก็เปลี่ยนให้มาใช้ชื่อ Bravely Default ด้วยเหตุผลว่าเพื่อป้องกันความสับสน เพราะอยากใช้ชื่อ Final Fantasy กับเกม RPG ที่มีโครงสร้างแบบปัจจุบันเท่านั้น ถ้าเป็นเกม RPG Oldschool ก็ให้ใช้ชื่อ Bravely Default ไป เพื่อที่ผู้บริโภคจะได้แยกแนวเกมได้ถูก ใครที่อยากได้เกม RPG ที่มีโครงสร้างเหมือนเกมยุคก่อน ก็จะได้เลือกเล่น Bravely Default ไปครับ
    taepoppuri, mooter และ Azemag ถูกใจสิ่งนี้
  3. mogca

    mogca モーグリ:零式

    EXP:
    3,681
    ถูกใจที่ได้รับ:
    44
    คะแนน Trophy:
    98
    ความคิดแรกแรกหลังจากได้เห็นชื่อย่อและตัวอย่างเกม BDFF แล้วก็........นี่มัน Bravely Default : Final Fantasy

    เพิ่งมาเห็นทีหลังว่าเป็น Flying Fairy

    ความเห็นส่วนตัวผมชอบเห็น FF เปลี่ยนไปเรื่อยๆนะ.....มันเป็นเอกลักษณ์ของเกมนี้จริงๆ ตรงข้ามกับ DQ ที่ไม่อยากเห็นมันเปลี่ยนไปเท่าไหร่
    taepoppuri ถูกใจสิ่งนี้
  4. BoN

    BoN แกนนำไร้วิญญาณ

    EXP:
    1,776
    ถูกใจที่ได้รับ:
    66
    คะแนน Trophy:
    113
    ผมเองก็คิดแบบพี่ม็อคครับ

    พอไปดูประวัติ ปรากฏว่าทีมงานเขาก็จงใจทำให้เราิคิดแบบนั้นเช่นกัน เหตุผลหนึ่งที่ใช้ชื่อ Flying Fairy ก็เพราะมันย่อได้ FF เหมือนกันเนี่ยแหละครับ (ส่วนอีกเหตุผลสำคัญ ก็บอกไว้ในเนื้อเรื่องของเกม)
  5. mogca

    mogca モーグリ:零式

    EXP:
    3,681
    ถูกใจที่ได้รับ:
    44
    คะแนน Trophy:
    98
    เท่าที่ได้ลองอ่านๆมา ตีความสรุปว่าจากนี้จะไม่มี FF Old School Style ออกมาแล้ว (นากจากรีเมค)....ถ้าจะทำ จะใช้ Title Bravery Default แทน....สินะ
  6. BoN

    BoN แกนนำไร้วิญญาณ

    EXP:
    1,776
    ถูกใจที่ได้รับ:
    66
    คะแนน Trophy:
    113
    เข้าใจถูกแล้วครับ
  7. pattorix

    pattorix ปองๆสุดหล่อ

    EXP:
    694
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    88
    FF13 เนื้อเรื่องก็ไม่ได้แย่ ถ้ารู้จักอ่าน log ทำความเข้าใจกับวัฒนธรรมของโลกในเกม

    ปวดตับทุกทีเวลาเจอคนถามว่าทำไมซิดปล่อยให้ตัวเองโดนยิงตาย.... :k:

Share This Page