Grand Gaia Online บทที่ 45 [ UPDATE ]

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย Azemag, 10 ตุลาคม 2012.

  1. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    เวทสายฟ้าผสานกับเทสายลมกลายเป็นการโจมตีผสาน

    สะกดผิดไปหน่อยน่ะฮะ ทีนี้ก็ได้เวลาไปแก้มือแล้วสินะ

    ว่าแต่ตอนนี้พวกมอนสเตอร์ดีไซมากเสียเปล่าไปหน่อยนะเนี่ย เป็นแค่ตัวประกอบคำอธิบายเท่านั้นเอง >_<"
  2. soulmaster

    soulmaster Endorphinlism

    EXP:
    403
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    18
    รอดูบทสาวๆ จะมีอะไรเกิดขึ้นตอนที่4สหายมะอยู่บ้างน้อ
  3. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    คำผิดเล็ดรอดสายตามาอีกแล้ว
    ส่วนมอนสเตอร์พวกนั้นก็อย่าไปสนใจมากเลย มันมีหน้าที่เป็นแค่ตัวประกอบไม่ต่างอะไรกับดับเบิลฮาร์ทหรอก

    ต้องรอถึงตอนที่ 41 โน่นละครับ
  4. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    Grand Gaia Online 40 – The Return of the Maldito




    เมืองอารันด์เวลานี้บรรยากาศคึกคักและครื้นเครงเป็นอย่างมากด้วยเพราะกำลังจะมีอีเวนต์สำคัญเกิดขึ้น เมืองอารันด์เปิดภารกิจใหญ่ให้ผู้เล่นเข้าร่วมได้ถึงสามหมื่นคน เป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของผู้เล่นทั้งหมดในเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์ ในเมืองจึงแออัดยัดเยียดด้วยผู้เล่นที่เดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศ ทั้งที่มาเข้าร่วมกับภารกิจและมาหาความสนุกสำราญด้วยการเป็นการเป็นไทยมุง ภารกิจนี้เป็นภารกิจโดยตรงจากเจ้าเมืองอารันด์ เนื่องจากฤดูกาลนี้เหล่ามังกรดินในป่าที่ใจกลางทวีปจะตื่นขึ้นจากการจำศีลและมุ่งหน้ามายังเมืองอารันด์ ผู้เล่นคือป้อมปราการที่คอยปกป้องเมืองนี้ด้วยชีวิต ยับยั้งการรุกรานของมอนสเตอร์ที่หิวโซอดอยากมานานให้ได้

    ค่าตอบแทนของผู้เล่นในครั้งนี้อยู่ที่คนละสองหมื่นกิล และไอเท็มใดๆก็ตามที่ได้จากการต่อสู้ให้เป็นของผู้เล่นคนนั้น ซึ่งไอเท็มที่ได้จากมอนสเตอร์เผ่ามังกรล้วนแล้วแต่เป็นไอเท็มชั้นสูงทั้งนั้น ไม่มีทางที่แคลนเซเลสเทียลจะปล่อยภารกิจระดับนี้ให้หลุดลอยไปได้

    แต่เดิมกลุ่มผู้เล่นที่รู้ข่าวสารภารกิจนี้เป็นกลุ่มแรกได้กำหนดแผนการคร่าวๆไว้ว่าจะจัดหน่วยไปซุ่มโจมตีที่ชายป่าทางตะวันออกก่อน รวมทั้งสร้างกับดักและจัดทีมย่อยไว้คอยโจมตีตามทางที่มอนสเตอร์จะบุกเข้าเมือง แต่เมื่อมีผู้เล่นกว่าเจ็ดพันคนจากเซเลสเทียล โฮลี่คิงด้อมและเฮฟเวนลี่ปรินเซสเข้าร่วมในภารกิจโดยการนำของดับเบิลฮาร์ท บัลลาร์ด และกัปตันคนอื่นๆ พวกเขากลายเป็นตัวตั้งตัวตีในการวางแผนและกำหนดกลยุทธ์ทั้งหมด ไม่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นคนอื่นได้แสดงความคิดหรือข้อเสนอแนะใดๆ สถาปนาตนเองและพวกเดียวกันให้กลายเป็นแม่ทัพนายกองและกดคนนอกให้กลายเป็นเพียงไพร่ราบ ฉวยโอกาสกว้านซื้อไอเท็มฟื้นพลังรวมไปถึงไอเท็มอื่นๆที่จำเป็นสำหรับการต่อสู้ในเขตตลาดไปผูกขาดขายในราคาแพงเพียงฝ่ายเดียวได้กำไรไปเป็นกอบเป็นกำ สร้างความโกรธแค้นให้กับผู้เล่นคนอื่นที่เข้าร่วมในภารกิจครั้งนี้อยู่ลึกๆในใจ เพียงแต่ไม่มีใครกล้าพอจะเอ่ยปากพูดหรือเอาเรื่องเลยแม้แต่คนเดียว

    คลื่นใต้น้ำก็ได้เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆเป็นเวลาสองสัปดาห์ก่อนจะเกิดอีเวนต์

    และแล้วก็มาถึงวันกำหนดชะตากรรมของเหล่าผู้เล่น วันที่กำหนดไว้ในภารกิจว่ามอนสเตอร์เผ่ามังกรดิน จำนวนหนึ่งร้อยตัวจะยกพลบุกเมืองอารันด์ ทุกคนรอคอยด้วยใจระทึกอยู่ที่ทุ่งหญ้าด้านเหนือของเมืองอารันด์ แผนการที่ผู้เล่นจากสามแคลนวางไว้ก็คือตรึงกำลังป้องกันอยู่ที่กำแพงเมืองเป็นหลัก อาศัยเนินสูงรอบเมืองเป็นชัยภูมิที่ได้เปรียบ ให้ผู้เล่นที่ใช้ธนูรวมถึงอาวุธโจมตีระยะไกลและเหล่านักเวทโจมตีสนับสนุนจากหอคอยและกำแพงเมือง แน่นอนว่าพวกเขาเป็นทัพหลักที่จะคอยประจัญบานกับศัตรูส่วนผู้เล่นนอกแคลนเป็นเพียงทัพหนุน

    เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงจากเวลาที่ระบุไว้ในภารกิจไม่มีวี่แววของกองทัพมังกรดินจะบุกเข้าเมืองมาแต่อย่างใด เกิดความงุนงงสงสัยในกลุ่มผู้เล่นทั้งหมื่นคนและบรรดาไทยมุง ใครคนหนึ่งเสนอให้ส่งหน่วยสอดแนมไปดูลาดเลาที่ริมป่า ทหารม้าหน่วยที่สามจำนวนร้อยคนถูกส่งไปสอดแนมสถานการณ์ พวกเขาขึ้นม้าควบขี่จากไปอย่างรวดเร็วจนฝุ่นฟุ้งตลบ

    ไม่ถึงสิบนาที กองทหารม้าสอดแนมร้อยนายควบม้ากลับมาอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าตอนขาไป แถมยังมีสีหน้าตื่นตระหนกตกใจเหมือนเห็นภูตผีปีศาจ หลายคนใจชื้นเพราะนี่อาจเป็นสัญญาณว่าฝูงมังกรดินกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้

    แต่คำตอบของหัวหน้ากองทหารม้าที่พูดออกมาอย่างยากลำบากราวกับมีอะไรจุกคอหอยอยู่มันน่าหวาดหวั่นยิ่งกว่าการได้พบเจอฝูงมังกรดินยิ่งนัก

    “มัล...มัลดิโตมันกลับมาแล้ว! กำลังมาหน้ามาทางนี้!”

    เสียงฮือฮาดังระงม เสียงซุบซิบพูดคุยดังเซ็งแซ่ สถานการณ์ยิ่งสับสนชวนงงเข้าไปใหญ่

    “เดี๋ยวก่อน! แล้วมอนสเตอร์ละ? มังกรพวกนั้นหายไปไหน?” ดับเบิลฮาร์ทถามอย่างฉุนเฉียว

    “น่าจะฝีมือพวกมันนั่นแหละ ป่าตรงนั้นพังพินาศไปหมดเลย มีซากมังกรนอนตายอยู่ด้วย!”

    “พวกมันฆ่ามังกรทั้งฝูง!? มังกรหนึ่งร้อยตัวเนี่ยนะ แถมยังเป็นมอนสเตอร์แรงค์ซีทั้งหมดอีกด้วย!? เป็นไปไม่ได้! ข้าไม่เชื่อหรอก!”

    ไม่มีใครทำใจเชื่อลงเช่นเดียวกับดับเบิลฮาร์ท แม้แต่ทหารม้าสอดแนมร้อยคนที่เห็นมังกรดินนอนตายแทบเท้าแคลนมัลดิโตกับตาตัวเองก็ตาม มีเพียงผู้เล่นกลุ่มเดียวที่เชื่อว่าแคลนมัลดิโตทำแบบนั้นได้จริง เพราะพวกเขาเคยต่อสู้ร่วมเป็นร่วมตายกันมาก่อนในสมัยที่พวกนั้นยังเป็นทหารรับจ้างอยู่ การกลับมาอย่างพาวเวอร์อัพเกินคาดแบบนี้ทำให้พวกเขาแอบดีใจอยู่ลึกๆ

    ชายสี่คนที่กำลังกล่าวถึงเดินตรงมาทางพวกเขาอย่างช้าๆ เนื้อตัวหน้าตาและเสื้อมอมแมมเปื้อนดินโคลนบ่งบอกว่าพวกเขาเพิ่งจะต่อสู้กับอะไรสักอย่างมาอย่างดุเดือด ทางซ้ายสุด...เอเซ แมคโดเวล คอนดาบเคลย์มอร์พาดบ่าอย่างอารมณ์ดี ถัดมาคืออากิรอส คีฟ แบกถุงขนาดใหญ่มาด้วย ตามมาด้วยชายในชุดสีดำทั้งตัวกับผ้าคลุมขาดกะรุ่งกะริ่ง...ซารุวาตาริ ทากะ ผู้เป็นหัวหน้าแคลนมัลดิโต และคนสุดท้าย กุห์ฟาน รีส ริยาส เสนาธิการประจำแคลนที่เดินไปพิมพ์ตอบหน้าต่างสนทนาไปพร้อมกัน

    ทากะเอียงคอมองคนกลุ่มใหญ่ “หือ? คนมาทำอะไรกันเยอะแยะละนี่”

    “สาวๆพวกนั้นมารอต้อนรับเรายังไงละ!” อากิรอสผายมือทั้งสองกว้างไปยังนักเวทหญิงสังกัดแคลนเฮฟเวนลี่ปรินเซสบนกำแพงเมือง

    “พนันกันแสนนึงว่าไม่ใช่เอาปะ?” เอเซท้าพนันด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

    “พนันกันแสนนึงว่าพี่เอเซมีเงินไม่ถึงแสน”

    นักดาบเวทหันไปโวยรุ่นน้อง “บ๊ะ! อย่าเพิ่งขัดคอสิวะไอ้นี่”

    “สหายเอเซไม่ลองไปถามเพื่อนสุดที่รักคนนั้นดูละ?” ทากะชี้ไปที่ผู้เล่นชายคนหนึ่งซึ่งยืนขบฟันมองมาทางพวกเขาอย่างโกรธแค้น...ดับเบิลฮาร์ท

    “เพื่อนสุดที่รัก? เกรงว่าจะเป็นศัตรูสุดที่รักมากกว่านะ”

    ทากะ กุห์ฟานและอากิรอสหยุดยืนเว้นระยะห่างจากกองทัพของเซเลสเทียลเล็กน้อย ปล่อยให้เอเซเป็นคนออกหน้าไปรับหน้าที่เจรจา

    “ช่วยเปิดทางให้หน่อยได้ไหม พวกผมมีธุระที่จะต้องเข้าไปทำในเมือง”

    แต่อีกฝ่ายกลับมองจ้องตาเขียวราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเอเซ

    “ไม่ได้ยินรึไง? บอกว่าของทางหน่อย”

    “อย่ามาสั่งข้านะโว้ย!”

    ดับเบิลฮาร์ทสะกดกลั้นความเดือดดาลไม่ได้อีกต่อไป กระชากดาบคู่ใจวิ่งตรงเข้าโจมโจมตีเอเซทันที นักดาบเวทแห่งแคลนมัลดิโตถอยหายใจเบาๆมองด้วยสายตาเบื่อหน่าย ดาบเคลย์มอร์ที่วางพาดบนบ่าซ้ายขยับเล็กน้อยตามแรงกระชับจากปลายนิ้ว ดาบของดับเบิลฮาร์ทฟันมาจากทางซ้ายมือโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ซอกคอ เอเซแค่เบี่ยงตัวเล็กน้อยก็หลบได้อย่างง่ายดายแถมเข้าประชิดด้านขวาที่ไร้การป้องกันของคู่ต่อสู้ได้อีกด้วย ขอเพียงเขาฟาดดาบสวนกลับไปอีกฝ่ายไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บหนักอย่างแน่นอน

    แต่เขากลับโจมตีด้วยการถีบ! ถีบด้วยเท้าขวาเข้าเต็มๆสีข้างจนดับเบิลฮาร์ทล้มคว่ำหน้าคะมำแล้วยืนจ้องอยู่อย่างนั้น สำหรับดับเบิลฮาร์ทแล้วคงไม่มีการกระทำไหนจะเหยียดหยามเขาได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว เขากู่ร้องถีบเท้าลุกขึ้นอีกครั้งด้วยโทสะ

    และเอเซก็ถีบเขาลงไปคลุกฝุ่นอีกครั้ง

    บัลลาร์ดและกัปตันคนอื่นของเซเลสเทียลรวมถึงผู้เล่นในแคลนเดียวกันขยับจะเข้าไปช่วยเหลือดับเบิลฮาร์ทแต่ทั้งเจ็ดพันกว่าคนก็ถูกทากะ อากิรอส และกุห์ฟานที่เข้ามาขวางทางไว้โดยไม่มีใครทันรู้สึกตัว เพียงแค่แรงกดดันจากสายตาของทากะก็ทำให้ไม่มีกล้าขยับตัวเหมือนหนูถูกงูจ้องมอง ไหนจะมีอากิรอสที่สามารถอัญเชิญสัตว์เวทระดับมอนสเตอร์บอสแรงค์ดีได้อีกด้วย

    ท่ามกลางสถานการณ์สุดแสนจะสับสนทำให้สมาชิกแคลนเซเลสเทียลลืมที่จะติดต่อกับรองหัวหน้าแคลนของพวกเขาเพื่อให้มาจัดการกับผู้เล่นที่ถูกประกาศค่าหัวทั้งสี่คนนี้

    กัปตันดับเบิลฮาร์ทแทบจะทำอะไรไม่ได้เมื่ออยู่ต่อหน้าเอเซ เขาถูกถีบยอดอกหรือหน้าทุกครั้งที่จะลุกขึ้น แม้แต่จังหวะจะเรียกใช้ทักษะต่อสู้ก็ยังถูกขัดขวางได้ทั้งหมด เอเซเริ่มเบื่อหน่ายกับความบ้าของอีกฝ่ายจึงปักดาบลงกับพื้น ถ่ายทอดพลังเวทมนตร์ผ่านพื้นดินสร้างกำแพงดินสี่ทั้งหนาทั้งสูงใหญ่ด้านขังดับเบิลฮาร์ทไว้ด้านใน

    เขาเดินไปหาบัลลาร์ด กัปตันอีกคนหนึ่งของแคลนเซเลสเทียล

    “พวกผมขอผ่านเข้าไปในเมืองหน่อยได้ไหม?”

    ไม่มีทางเลือก...บัลลาร์ดยกมือขึ้นเป็นสัญญาณเปิดทางให้แคลนมัลดิโต พวกเขาเดินผ่านคนร่วมหมื่นสู่ประตูเมืองราวกับโมเสสแหวกทะเลแดงสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญาพร้อมกับเสียงไชโยโห่ร้องของบรรดาไทยมุงดังแซ่ซ้องต้อนรับการกลับมาของ ‘ปีศาจทั้งสี่’

    เสียงไชโยนั้นดังต่อเนื่องยาวนานแม้ว่าพวกเขาจะเข้าสู่เมืองอารันด์แล้วก็ตาม

    ทั้งสี่คนเดินมุ่งหน้าลงสู่ทิศใต้ เลี้ยวเข้าตรอกซอกซอยลัดเลาะไปจนถึงร้านไนซ์ช็อป แต่โชคร้ายเหลือเกินที่วันนี้ร้านปิดและสาวสวยผู้เป็นเจ้าของไม่อยู่ รุ่นพี่ทั้งสามมองหน้ารุ่นน้องพร้อมกันแทนคำถามว่าจะเอายังไงต่อ กุห์ฟานได้แต่ยกมือเกาหัวเหมือนเคย

    “งั้นไปที่ประตูเมืองทิศใต้ก่อนละกัน”

    สี่หนุ่มเดินทอดน่องดูความงดงามและอลังการของเมืองอารันด์ที่ไม่ได้เห็นมานานแสนนาน เป็นเวลาถึงหนึ่งปีแปดเดือนที่พวกเขาอุดอู้อยู่ในอนุทวีปจนไม่ได้เห็นแสงสีอื่นนอกจากสีขาวของหิมะและน้ำแข็ง พวกเขาโหยหากลิ่นหอมของดินกลิ่นหญ้าและดอกไม้ สัมผัสความร้อนของแสงอาทิตย์ที่สาดส่องทะลุปุยเมฆ และถูกโอบล้อมสายลมอบอุ่นในเวลาบ่ายบนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่

    ทันทีที่พวกเขาออกจากประตูเมืองสู่ทุ่งหญ้าเขียวขจีสุดลูกหูลูกตาและหันมองทางซ้ายมือซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของเพิงหมาแหงน ฐานบัญชาการของทหารรับจ้างซึ่งถูกเผาไปเมื่อตอนเกิดเหตุการณ์ล่าค่าหัว

    เอเซ ทากะและอากิรอสก็ตะลึงมองจนตาค้าง

    “เซอร์ไพร์สไหมละ?”

    กุห์ฟานตบบ่าพี่ๆเรียงตัวและเดินนำหน้าไปยังเพิงที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ ทั้งใหญ่โตและแข็งแรงมั่นคงมากกว่าเดิม มีชุดโต๊ะและเก้าอี้พร้อมสรรพ และในเพิงนั้นก็มีหญิงสาวสี่คนที่แสนจะคุ้นหน้าคุ้นตานั่งอยู่อย่างพร้อมเพรียง เฟรเทียร์ เอเดลไรย์ ตัวแทนสมานักสำรวจในต่างเมืองกำลังวุ่นอยู่กับแผนที่มากมาย ไนซ์สวมชุดเมดเหมือนเช่นเคยและกำลังรินชาส่งให้นักสำรวจสาว มิยูและนัตสึมิพูดคุยหยอกล้อกันอย่างร่าเริงระหว่างตรวจสอบอาวุธและเครื่องป้องกันต่างๆ

    “มาขอความช่วยเหลือเหรอคะ...อ๊ะ!”

    มิยูตกใจกับการปรากฏตัวของกุห์ฟานจนทำโล่เหล็กหล่นพื้นเสียงดังโครมคราม อีกสองสาวนอกจากไนซ์ก็พลอยตกใจที่ได้เห็นพวกเขาสี่คนกลับมาอย่างกะทันหัน

    “มาช้าไปเจ็ดนาทีกับอีกสิบแปดวินาทีนะ”

    คำแรกที่ไนซ์ทักกุห์ฟานก็ช่วยเฉลยให้คนอื่นๆเข้าว่าเธอรู้อยู่แล้วว่ากุห์ฟานและคนอื่นจะกลับมา สามสาวต่างรุมซักไซ้และต่อว่าเธอว่าทำไมถึงอุบเงียบเรื่องสำคัญแบบนี้ไว้

    อากิรอสพาตัวเองไปนั่งลงที่เก้าอี้และชี้ไปที่กาน้ำชา

    “ไม่ได้ดื่มชาผลไม้ฝีมือไนซ์มานานขนาดไหนแล้วนะ”

    “เตรียมของไว้ให้แล้ว รอเดี๋ยวนะคะ” เมดสาวยิ้มแย้มอย่างดีใจ “ส่วนพี่ทากะเป็นกาแฟดำแล้วพี่เอเซก็เป็นชามะนาวเปรี้ยวๆนะคะ”

    เอเซและทากะตามไปนั่งล้อมวงบนโต๊ะด้วย “จัดมาเลยน้องสาว”

    จู่ๆพวกเขาก็กลับมาอยู่ต่อหน้า คำพูดต่างๆที่เคยคิดเตรียมไว้ถามไถ่และทักทายก็ละลายหายไปจากหัวจนหมด หญิงสาวทั้งสามคนกลายเป็นคนประหม่ายืนเก้กังๆทำอะไรไม่ถูกแม้แต่สาวมั่นอย่างเฟรเทียร์ก็ยังไม่รู้จะทำอะไรต่อ ชายหนุ่มทั้งสี่คนรับรู้ถึงบรรยากาศนั้นก็แกล้งพวกเธอด้วยการนั่งนิ่งๆไม่พูดอะไรเช่นกัน

    และก็เป็นเอเซที่ทนไม่ไหวหลุดขำออกมาเสียงดัง

    “อะไรของนายน่ะ!?” ทั้งเฟรเทียร์และนัตสึมิว้ากใส่เขาพร้อมกัน

    “ก็พวกเธอ...พวกเธอยืนบื้อเป็นก้อนหินเลยนี่นา ไม่ดีใจที่พวกเรากลับมาเหรอ?”

    “คะ...ใครจะไปดีใจกัน หา!? พวกนายไม่ต้องกลับมาน่ะดีจะตาย พวกฉันจะได้ยึดกิจการทหารรับจ้างมาเป็นของตัวเองซะเลย”

    “ว้าว!”

    อากิรอสอุทานขึ้นมาอย่างไร้ความหมายเมื่อนัตสึมิพูดจบ แน่นอนว่าเขาก็ถูกเธอทั้งทุบทั้งหยิกข้อหาทำตัวกวนประสาทไม่ยอมเปลี่ยน

    มีดสั้นเล่มหนึ่งปักลงตรงหน้าทากะด้วยมือของเฟรเทียร์ เธอฉีกยิ้มกว้างที่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นการยิ้มกลบเกลื่อนความโกรธ “ตอนนั้นฉันบอกว่าให้รอด้วยแล้วทำไมไม่รอกันคะ?”

    “คุณเฟรเทียร์พูดเรื่องอะไรน่ะ? ผมไม่เห็นจำได้เลย”

    ทากะตอบหน้าตายและรับแก้วกาแฟจากไนซ์มาสูดกลิ่นอย่างสบายใจ เฟรเทียร์โกรธจนหน้าดำหน้าแดงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน และเอเซที่หัวเราะเสียงดังอีกครั้งให้กับการเนียนขั้นสุดยอดของทากะ

    “เพิ่งจะกลับมาก็หาเรื่องชวนทะเลาะกันเลยเหรอคะ?” เมดสาวพูดขึ้นมาพร้อมกับตบมือสามครั้งช่วยทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงได้

    “ก็เพราะเธอไม่ยอมบอกกันก่อนน่ะสิ!” เฟรเทียร์ยังไม่ยอมหยุดโวยวาย

    “บอกก่อนก็ไม่เซอร์ไพรส์น่ะสิพี่เฟรเทียร์” ไนซ์ฉีกยิ้มกว้างตอบเธอ แค่รอยยิ้มนี้ก็ทำให้เฟรเทียร์สงบลงได้

    “...มิยู”

    นักดาบเวทสาวสะดุ้งจนไหล่สั่นที่จู่ๆก็ถูกเรียกชื่อ “ค่ะ...เอเซมีอะไรคะ?”

    “สบายดีแบบนี้ก็คงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงสินะ”

    “ค่ะ...สบายดีค่ะ เอเซละสบายดีไหม?”

    ยิ่งพูดเธอก็ยิ่งหน้าแดงมากขึ้น

    “ก็เหมือนเดิม”

    “เอาละพี่ๆ หมดเวลาพัก ได้เวลาทำงานกันแล้วนะ”

    กุห์ฟานปิดหน้าต่างสนทนาลง เฟรเทียร์ นัตสึมิและมิยูหันมองเขาพร้อมกัน

    “เพิ่งจะมาก็จะไปอีกแล้วเหรอ ยังมีเรื่องจะถามอีกเยอะเลยนะ”

    “ต้องเอาของไปส่งที่เมืองบลูเพิร์ลน่ะ เป็นภารกิจจากเอ็นพีซี ไปแปปเดียวเดี๋ยวก็กลับทางนี้ก็มีเรื่องที่อยากจะถามอยู่เหมือนกันแหละ”

    “จากที่นี่ไปบลูเพิร์ลไม่ใช่ใกล้ๆเลยนะ”

    กุห์ฟานหยิบวาร์ปคริสตัลขึ้นมาให้พวกเธอดู พูดคุยกันอีกเล็กน้อยแล้วพวกเขาก็ถูกแสงสว่างจากวาร์ปคริสตัลทำให้หายตัวไปพร้อมกับการมาถึงของหญิงสาวรองหัวหน้าแคลนเซเลสเทียล รองหัวหน้าแคลนพันธมิตรอีกสองคนและผู้ติดตามอีกมากมาย

    เฟรเทียร์และหญิงสาวอีกสามคนแล้วคุ้นหน้าคุ้นตากับไวโอเล็ตแซฟไฟร์เป็นอย่างดี เพราะเธอมักจะแวะเวียนมากดดันให้พวกเธอเลิกกิจการทหารรับจ้างรุ่นที่สองอยู่เสมอ

    “มาช้าไปหน่อยนะ พวกเขาเพิ่งจะไปเมื่อตะกี๊นี้เอง”

    เอรันด้ากระชากเสียงไม่พอใจ “ไปไหน!?”

    “ทำไมฉันต้องบอกเธอด้วยละ มีสมองก็คิดเอาเองสิ” เฟรเทียร์ตอบตอกหน้าอย่างไม่เกรงกลัวฐานะของอีกฝ่าย

    เอรันด้าถลึงตามองเฟรเทียร์และขู่อาฆาต “สักวันเธอจะต้องเสียใจที่บังอาจปากกล้าใส่ฉัน!”

    “ถ้าจะท้าตบกันละก็ตอนนี้เลยก็ได้นะ ฉันพร้อมเสมอ”

    “ว่าไงนะ!?”

    เอรันด้าถลันจะเข้าไปเอาเรื่อง เฟรเทียร์ก็ง้างมือเตรียมตบสวนคืนไป แต่เคียวในมือของไวโอเล็ตแซฟไฟร์ก็ขวางทั้งสองคนไว้ก่อนและพูดเตือนสติเอรันด้า

    “เสร็จธุระกับสี่คนนั้นเมื่อไรค่อยกลับมาที่นี่ก็ไม่สายไปหรอกนะ”

    เอรันด้าจำใจเป็นฝ่ายถอยกลับมาแต่สายตายังคงจ้องเฟรเทียร์ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อให้ได้




    สามคนจากสามแคลนใหญ่ได้รับแจ้งจากสมาชิกว่าเห็นพวกมัลดิโตเดินนวยนาดกินลมชมวิวอยู่ที่ท่าเรือเมืองบลูเพิร์ล เอรันด้ายิ่งโมโหมากขึ้นไปอีกเพราะพวกเธอเพิ่งจะมาจากเมืองบลูเพิร์ล พอมาถึงเมืองอารันด์แล้วพวกนั้นกลับไปปรากฏตัวที่เมืองบลูเพิร์ลแทน

    “แบบนี้มันกวนประสาทกันชัดๆเลย!” เอรันกระทืบเท้าอย่างขัดอกขัดใจ

    “ระวังไว้หน่อยละกัน ทางนั้นอาจจะวางแผนให้เราไล่ตามเรื่อยๆจนเราเป็นฝ่ายติดกับดักซะเอง” แพททริคพูดปรามเพื่อนสาวไว้แต่สีหน้าก็กระสันอยากสู้เต็มที่แล้วเหมือนกัน

    พวกเขาใช้วาร์ปคริสตัลพาตัวเองกลับเมืองบลูเพิร์ลและรีบตรงดิ่งไปที่ท่าเรือทันที แต่ที่นั่นก็ไม่มีแม้แต่เงาของแคลนมัลดิโตทั้งสี่คน พวกเขาหายตัวไปดื้อๆท่ามกลางสายตาของสมาชิกแคลนเซเลสเทียลนับพันที่ตามมองทุกฝีเก้า ยิ่งถามแล้วไม่มีใครตอบได้ยิ่งทำให้เอรันด้าอารมณ์เดือดดาลจนถึงขีดสุด

    “ไร้ประโยชน์! พวกแกมันไร้ประโยชน์จริงๆเลย!”

    “ใช้วาร์ปคริสตัลหนีไปอีกแล้วสินะ”

    “...ไม่ใช่หรอก”

    ไวโอเล็ตแซฟไฟร์ปฏิเสธความเห็นของแพททริค ดวงตาสีม่วงของเธอทอประกายแสงเล็กน้อยเพราะกำลังใช้งานทักษะ ‘สืบรอย’ ที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าทักษะ ‘แกะรอย’

    “รอยเท้าพวกนั้นยังอยู่และมุ่งหน้าเข้าไปในเมือง”

    “ทักษะนี้มันสะดวกดีแฮะ เอาไว้ฉันไปทำเป็นทักษะเสริมบ้างดีกว่า”

    “สองคนนี้ก็ใจเย็นอยู่ได้ เจอร่องรอยแล้วก็รีบๆตามไปสิเดี๋ยวพวกมันก็หนีไปหรอก!”

    ไวโอเล็ตสั่งงานสมาชิกในแคลนให้ไปเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู จุดพักตามเส้นทางและทางเข้าดันเจียนทุกแห่งไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัยแล้วเดินนำเอรันด้าไปตามทางที่รอยเท้าของทั้งสี่คนทิ้งไว้ไปจนถึง...

    อาคารสภาผู้บริหารเมืองบลูเพิร์ล!

    ที่ทำการอย่างไม่เป็นทางการของแคลนเซเลสเทียลและแคลนพันธมิตร

    ตอนนี้สมาชิกแคลนมัลดิโตทั้งสี่คนกำลังเอร็ดอร่อยกับสารพัดเมนูอาหารทะเลชื่อดังของที่นี่ แถมตอนที่ไวโอเล็ตแซฟไฟร์และอีกสองคนมาถึงพวกเขาก็เพียงชำเลืองหางตามองแล้วไม่ให้ความสนใจใดๆอีก

    คงไม่มีการกระทำใดที่จะหักหน้าและท้าทายไปมากกว่านี้อีกแล้วในสายตาของเอรันด้า วิเลนเซีย

    ปกติแล้วภายในอาคารแห่งนี้เป็นสถานที่ห้ามต่อสู้ระหว่างผู้เล่นด้วยกันเพื่อป้องกันความเสียหาย แต่เพราะสี่คนแห่งแคลนมัลดิโตติดสถานะผู้เล่นมีค่าหัวอยู่จึงทำให้สามารถเกิดการต่อสู้ขึ้นได้ และเอรันด้าก็เรียกไม้คทาคริสตัลออกมาโจมตีด้วยแรงโกรธจนลืมตัว

    ห้องอาหารหรูหราพังพินาศย่อยยับในพริบตาที่เวทมนตร์แห่งไฟทรงพลานุภาพสำแดงฤทธิ์เดช

    สี่หนุ่มมัลดิโตกระโดดทะลวงหน้าต่างออกมายืนอยู่บนถนนท่ามกลางความตกอกตกใจของชาวเมือง สมาชิกแคลนเซเลสเทียลและผู้เล่นที่ติดตามมาเป็นไทยมุงเพราะอยากเห็นคนตีกัน พวกเขาแทบไม่เป็นอะไรเพราะวินาทีที่เอรันด้าลงมือ กุห์ฟานก็สร้างอาณาเขตป้องกันการโจมตีจากเวทมนตร์ เอเซและอากิรอสประสาทเวทมนตร์น้ำและน้ำแข็งลดทอนพลังของมนตราแห่งไฟ และทากะใช้ดาบปัดปลายคทาให้เปลี่ยนทิศทางไป

    สามผู้ยิ่งใหญ่จากสามแคลนกระโดดผ่านช่องหน้าต่างที่แตกเสียหายตามออกมายืนประจันหน้า

    แต่เอเซไม่ได้สนใจสามคนนั้นมากไปกว่ากุ้งมังกรที่หยิบติดมือมาแถมยังชวนอากิรอสกินด้วย

    “พี่อากิอย่าเพิ่งสนใจกุ้งได้ปะ? ผมจะบอกให้ว่าผู้หญิงคนนั้นน่ะเป็นผู้หญิงที่พี่อยากเจอมากที่สุดเลยนะ”

    “ไหนๆ คนไหน?” นักเวทผมเทาแกล้งยกมือป้องตามองไปทางอื่นทั้งๆที่กุห์ฟานชี้ตรงไปที่เอรันด้า

    ทากะทนเห็นมุขแป้กไม่ได้จึงช่วยตบมุขด้วยการจับหัวเพื่อนและบิดกลับมาให้มองถูกคน

    “คนนี้แหละที่ส่งพี่เข้าโรงพยาบาล มีฉายาสุดน่ารักว่าปรินเซสเอรันด้าแถมเป็นหัวหน้าแคลนเฮฟเวนลี่ปรินเซส แคลนหญิงล้วนหนึ่งเดียวของเกมนี้ด้วยนะ”

    “ว้าว! หน้าตาจิ้มลิ้ม ปากนิดจมูกหน่อย ผิวขาวราวหยวกกล้วย ผมยาวสลวยสวยเก๋ ตรงสเปคสุดๆเลยว่ะ”

    “แต่คัพเอแบบนั้นนายสนใจด้วยเหรอ? ปกติเห็นบอกว่าชอบพวกหน้าประถมนมมหาลัยไม่ใช่เหรอวะ?”

    “โวะ! ไอ้คุณเอเซ เราไม่ได้เป็นสมาชิกคนนิยมกินเด็กแบบนายหรอกนะ”

    นอกจากจะเมินกันแล้วยังปากหมาวิจารณ์รูปร่างกันต่อหน้าต่อตา มีหรือที่เอรันด้าจะไม่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง เธอหมุนคทาคริสตัลโจมตีด้วยศรเพลิงนับร้อยดอกใส่พวกผู้ชายที่ทำตัวน่ารังเกียจ อากิรอสฉีกยิ้มกว้าง เรียกไม้เท้าออกมาหมุนควงกลับด้านตรงข้ามและยิงศรน้ำแข็งออกไปปะทะกับกับศรเพลิงทุกดอกจนสลายไปเหลือเพียงควันไอสีขาวเป็นม่านหมอกคั่นกลางระหว่างพวกเขา

    แม้จะโกรธจัดแต่เอรันด้าก็ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะใช้เวทบทเดียวกันแต่เป็นธาตุตรงข้ามป้องกันการโจมตีของเธอได้อย่างง่ายดายแบบนี้ และในเวลาเดียวกัน...เอเซก็วกอ้อมเข้าประชิดด้านหลังเอรันด้า ดาบเคลย์มอร์กำลังจะตัดคอของเธอขาดกระเด็น

    เคร้ง!

    เคียวดำของไวโอเล็ตแซฟไฟร์ช่วยป้องกันไว้ได้ทันก่อนที่เอรันด้าจะตายโดยไม่รู้ตัว

    หญิงสาวหัวหน้าแคลนเฮฟเวนลี่ปรินเซสชี้หน้าด่าเอเซ “ขี้ขลาด! หมาลอบกัด!”

    “ก็เหมือนที่เธอมีสันดานเป็นหมาตัวเมียที่ชอบลอบกัดนั่นแหละ” เอเซคตอกกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน เอรันด้าโกรธหน้าดำหน้าแดงกลายเป็นฝ่ายที่พูดไม่ออกเสียเอง

    แพททริค โอลิเวีย กิ๊บสัน เรียกเกรทซอร์ดอาวุธคู่ใจออกมาและมองเอเซด้วยสายตาท้าทาย “ท่าทางนายจะเก่งขึ้นนี่หว่า มาต่อยกสองกันเลยดีมะ?”

    เอเซแสยะยิ้มกว้างตอบกลับ “งั้นจะรออะไร?”

    สองหนุ่มเลือดร้อนควงดาบวิ่งเข้าหากันเหมือนวัวกระทิงติดมัน เสียงหัวเราะร่าดังประสานกับเสียงดาบฟาดฟันและเสียงเฮจากไทยมุง

    อากิรอสเข้าโหมดคาสโนว่ายิ้มหวาน มือขวาทาบอก มือซ้ายยื่นออกไปเชิญ

    “ถ้าอย่างนั้น...ระหว่างที่พวกบ้าพลังไปฟาดปากกัน เจ้าหญิงผู้เลอโฉมพอจะประทานเวลาสักเล็กน้อยไปดื่มชากับนักเวทต้อยต่ำอย่างกระผมได้หรือไม่ครับ?”

    แน่นอนว่าสิ่งที่ตอบกลับมาไม่ใช่คำตอบรับแต่เป็นสารพัดศรเพลิงสาดเข้าใส่ด้วยความโกรธ นักเวทจอมเจ้าชู้ควงไม้ท้าสร้างม่านเวทมนตร์ป้องกันตัวพลางถอยล่อให้เอรันด้าตามติดมาโดยไม่รู้ตัวว่าถูกหลอกให้แยกออกมาจากไวโอเล็ตแซฟไฟร์

    น้องเล็กแห่งแคลนมัลดิโตเดินไปนั่งบนลังสินค้าที่อยู่ใกล้ๆเปิดหน้าต่างสนทนาคุยกับเพื่อนในเน็ตเวิร์คเพราะตัวเขาเป็นส่วนเกินระหว่างรองหัวหน้าแคลนเซเลสเทียลและหัวหน้าแคลนมัลดิโต แต่นักสำรวจผมดำกลับไม่สนใจใยดีผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า ดันเข้าโหมดโลนลี่บอยเหม่อมองท้องฟ้าด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ไปเฉยๆ

    เคียวดำเล่มยาวสะบัดตัดอากาศจนเกิดเสียงดังน่าสะพรึงกลัว ไวโอเล็ตแซฟไฟร์หรี่ตามองอีกฝ่ายด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย

    “ไม่แคร์กันเลยนะคะ”

    เขาเหลือบหางตามองอีกฝ่าย “จะให้ผมทักว่า ‘สวัสดี! ไม่ได้เจอกันนานสบายดีรึเปล่า’ อย่างนั้นเหรอ?”

    หญิงสาวเม้มปากสะกดอารมณ์ตัวเองไว้ “ก็ไม่ได้คาดหวังถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ แต่อย่างน้อยก็น่าจะให้ความสนใจมากกว่านี้อีกสักหน่อยนะคะ”

    “กับคนที่ผมไม่อยากสนใจทำไมผมต้องสนใจด้วยละ?”

    คำพูดเย็นชาหลุดจากปากชายหนุ่มพร้อมกับการโจมตีของหญิงสาว ทากะหลบออกจากจุดที่ยืนอยู่ได้โดยไม่เป็นอะไรแต่พื้นตรงนั้นถูกเคียวเจาะเป็นรอยขนาดใหญ่ และใบหน้าของไวโอเล็ตแซฟไฟร์ก็เข้าสู่สภาวะเคลิบเคลิ้มอย่างมีความสุขไปแล้ว

    กุห์ฟานเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “ยิ่งเย็นชาก็ยิ่งหลงใหลสินะ ยันเดเระตัวแม่เลยวุ้ย”

    เสนาธิการแห่งแคลนมัลดิโตยิ้มมุมปาก การต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นตัวตัดสินว่าความสามารถของพวกเขาพัฒนาขึ้นมาถึงระดับที่จะต่อกรกับผู้เล่นระดับสูงสุดของแคลนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศได้แล้วหรือยัง




    กระแสลมแรงกำลังพัดเอากลุ่มเมฆสีดำก้อนใหญ่จากทางทิศตะวันตกเคลื่อนเข้ามาปกคลุมเหนือน่านฟ้าเมืองบลูเพิร์ล สายฝนกระหน่ำทุกพื้นที่ให้เปียกฉ่ำ เสียงฟ้าร้องฟ้าคำรามดังสนั่น ชาวเมืองหรือชาวท่าต่างวิ่งหาที่หลบฝนกันจ้าละหวั่น ท้องทะเลปั่นป่วนเสียงคลื่นลูกใหญ่สาดซัดกับผนังท่าเรือดังอย่างต่อเนื่อง แต่สายฝนเย็นฉ่ำสดชื่นไม่อาจหยุดอารมณ์ร้อนของชายหนุ่มเลือดเดือดสองคนลงได้ เสียงเกรทซอร์ดปะทะกับดาบเคลย์มอร์ดังสนั่นไม่แพ้เสียงฟ้าผ่า ทั้งสองต่างเป็นผู้เล่นประเภทแรงวัวแรงควาย ใช้มัดกล้ามเนื้อมากกว่าเซลสมอง การต่อสู้จึงดุเดือดถูกใจบรรดาไทยมุงสายฮาร์ดคอร์นับพันคนที่ไม่ยอมขยับหนีฝนไปไหนด้วยเช่นกัน

    ผิดกับไทยมุงอีกด้านที่เลือกชมการต่อสู้ระหว่างสาวสวยหัวหน้าแคลนหญิงล้วนหนึ่งเดียวในเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์ พวกเขาผิดหวังเพราะอากิรอสเลือกที่จะวิ่งหนีไปรอบๆตัวเอรันด้าไม่ยอมปะทะด้วยซึ่งๆหน้า และคู่ที่สามที่กำลังต่อสู้อยู่ไม่ไกลนักคือการต่อสู้ของซารุวาตาริ ทากะและไวโอเล็ตแซฟไฟร์ ซึ่งดำเนินไปอย่างเรียบๆและเงียบเชียบ ฝ่ายหนึ่งรุกฝ่ายหนึ่งหลบ ยังไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นเร้าใจให้เห็น

    หญิงสาวรองหัวหน้าแคลนเซเลสเทียลเพิ่งจะโจมตีด้วยการเหวี่ยงเคียวฟันแต่ก็ไม่เฉียดแม้แต่ปลายผ้าคลุมเก่าๆของทากะ กุห์ฟานก็ทักขึ้นมาเสียงดัง

    “พี่ทากะ เจ๊เฟรเทียร์ฝากบอกว่าสาวๆคนอื่นจะรออีกแค่หนึ่งชั่วโมงนะ”

    ชื่อเฟรเทียร์สะดุดหูไวโอเล็ตแซฟไฟร์ “อย่าบอกนะว่าหมายถึงนักสำรวจที่เป็นตัวตั้งตัวตีสร้างกลุ่มทหารรับจ้างรุ่นที่สองนั่นขึ้นมา”

    “เกมนี้คงมีได้แค่เฟรเทียร์เดียวแหละ เขาห้ามตั้งชื่อซ้ำนี่นา” กุห์ฟานยักไหล่ตอบ

    “อย่างนี้นี่เอง แล้วเฟรเทียร์คนนั้นมีความสัมพันธ์ยังไงกับคุณทากะอย่างนั้นหรือคะ?”

    “เอ...จะว่ายังไงดีละ ถ้าถามผมๆก็ตอบว่าน่าจะเป็นแฟนกันละมั้ง แต่เรื่องแบบนี้น่าจะถามกับพี่ทากะตรงๆดีกว่านะ”

    หัวหน้าแคลนมัลดิโตเหล่มองอย่างรู้ทันเจตนาว่าเจ้ารุ่นน้องจงใจนำพาเรื่องน่าปวดหัวมาให้ ไวโอเล็ตแซฟไฟร์จ้องทากะด้วยสายตาคาดคั้นเอาคำตอบ

    เขาถอนหายใจอย่างหน่ายเหนื่อยแล้วหันไปถามกุห์ฟาน “มีเวลาเท่าไรนะ?”

    “ประมาณหนึ่งชั่วโมง”

    “ยังไม่ตอบคำถามเลยนะคะ”

    ทากะถอนหายใจอีกรอบ “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณและการต่อสู้ครั้งนี้นี่นา”

    “เกี่ยวสิคะ” ไวโอเล็ตแซฟไฟร์ฉีกยิ้มกว้าง “ถ้าคุณทากะยังไม่มีแฟนก็หมายความว่าฉันยังมีสิทธิ์เป็นแฟนของคุณทากะได้ยังไงละ”

    “...ไม่ถามหน่อยเหรอว่าอยากเป็นแฟนกับคุณรึเปล่า?”

    “อย่าคิดมากกับเรื่องเล็กน้อยแค่นั้นสิคะ แรกๆอาจจะไม่ชินแต่เดี๋ยวก็ติดใจเองแหละค่ะ”

    เธอยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจแต่ทากะไม่ได้รู้สึกยินดีสักนิด

    “เอาอย่างนี้ดีกว่า ถ้าดิฉันชนะคุณต้องยอมมาเป็นแฟนกับดิฉัน ตกลงไหมคะ?”

    กุห์ฟานยกมือปิดปากกลั้นไว้ไม่ให้เสียงหัวเราะเล็ดลอดออกมา

    “คุณกุห์ฟานขำอะไรหรือคะ?”

    “ก็ถ้าสมมติว่าพี่ทากะชนะ เจ๊จะย้ายมาอยู่แคลนนี้เหรอ?”

    “ไม่จำเป็นค่ะ เป็นศัตรูกันแค่ในเกมแต่เป็นแฟนในโลกแห่งความเป็นจริงก็ไม่แปลกอะไรนี่นา”

    “โห! นี่ถ้าพี่เอเซได้ยินคงหัวเราะก๊ากแน่ๆ ส่วนถ้าพี่อากิได้ยินก็คงอิจฉาพี่ทากะไปสามวันเจ็ดวันแน่นอน” กุห์ฟานยักคิ้วให้ทากะแล้วโบกมือลาไปทันที ปล่อยให้รุ่นพี่ของเขาแก้ปัญหาเอาเอง

    “ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนั้นนะคะ”

    ไวโอเล็ตแซฟไฟร์เป็นฝ่ายเปิดฉากรุกเข้าใส่ก่อน เคียวดำเล่มยาวตวัดเป็นวงโค้งอย่างงดงามเฉียดปลายคางทากะไปไม่กี่มิลลิเมตร เธอใช้มือซ้ายจับปลายด้ามเคียวบังคับให้อาวุธคู่ใจเปลี่ยนทิศทางไล่ตามโจมตีชายที่เธอหมายปองอย่างดุเดือด

    แต่ก่อนที่หัวของทากะจะถูกบั่นขาดจากคอ เขาพลิกดาบที่ยังสวมปลอกอยู่ขึ้นมาฟาดด้ามเคียวให้เบี่ยงเบนออกห่างจากตัว หญิงสาวฉีกยิ้มกว้างแต่เป็นรอยยิ้มของฆาตกรโรคจิตตอนลงมือแล่เนื้อของเหยื่อ เธอบีบเคียวให้แน่นแล้วเร่งความเร็วขึ้นถึงจะรู้ดีว่าทากะเร็วกว่าก็ตาม แต่เธอสนุกที่ได้เป็นฝ่ายไล่ตามจับตัวเขาแบบนี้ สำหรับเธอแล้วการที่ทากะหลบพลางปัดป้องโดยไม่ลงมือตอบโต้เป็นเหมือนคำเชิญชวนประมาณว่า ‘แน่จริงก็มาถึงให้ถึงตัวผมสิ’ และนั่นยิ่งทำให้เธอเร่าร้อนมากขึ้นไปอีก

    เกมวิ่งไล่จับผ่านไปห้านาที ในที่สุดไวโอเล็ตแซฟไฟร์ก็ต้องจริงจังขึ้นอีกระดับด้วยการใช้ทักษะ ‘ชาโดว์วอริเออร์’

    เงาดำขยายออกจากใต้รองส้นสูงสีม่วงคู่งามและแปรเปลี่ยนเป็นดาบเงาแล่นไปตามพื้นเข้าโจมตีทากะจากทุกด้าน เหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อการต่อสู้ที่เมืองอารันด์เมื่อหนึ่งปีกับแปดเดือนก่อน

    ทากะฉีกตัวออกด้านข้างไปยังพื้นที่ว่างในพริบตา ดาบเงาบนพื้นเปลี่ยนทิศทางไล่ตามโจมตีราวกับฝูงฉลามไล่ล่าเหยื่อ แต่อีกด้านหนึ่งไวโอเล็ตแซฟไฟร์ในชุด ‘ชาโดว์สูท’ ก็พุ่งเข้ามาพร้อมกับเคียวยาวในท่าพร้อมโจมตีแล้วเช่นกัน

    ดวงตาสีดำเปล่งประกายพร้อมจิตต่อสู้รุนแรงออกมาในพริบตา

    เคียวที่โจมตีเข้าหาทากะถูกฟันกลางใบดาบขาดกระเด็น และพร้อมกันนั้นดาบเงาบนพื้นก็ถูกตัดขาดและสลายไปจนหมดรวมถึงชุดเกราะเงาที่ไวโอเล็ตแซฟไฟร์สวมใส่อยู่ด้วย ทากะวกไปอยู่ด้านหลังคู่ต่อสู้ห่างออกไปประมาณห้าถึงหกเมตร เก็บดาบคาตะนะลงฝักเกิดเสียงดังกริ๊กเบาๆ

    ท่ามกลางความตะลึงและสับสนของไทยมุงที่มองไม่ทันว่าการปะทะที่เพิ่งจบลงไปเกิดอะไรขึ้นบ้าง มีเพียงไวโอเล็ตแซฟไฟร์เท่านั้นที่รู้ว่าเมื่อครู่ทากะสามารถโจมตีให้เธอตายได้แต่เขาไม่ทำ เขาเล็งโจมตีสวนกลับเพื่อทำลายเคียวเพียงอย่างเดียว

    แต่สิ่งที่เธอไม่เข้าใจคือเขาใช้ความสามารถอะไรถึงทำลาย ‘เงา’ ของเธอได้ในพริบตา




    เสียงฟ้าร้องฟ้าคำรามดังสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับการระเบิดรุนแรงเกิดขึ้นทางซ้ายมือของเธอ รองหัวหน้าแคลนเซเลสเทียลหันกลับไปดูก็เห็นทะเลเพลิงกำลังเผาไหม้กลืนกินย่านการค้า แสงสว่างวาบจากสายฟ้าขนาดใหญ่ทำให้ทั้งเมืองสว่างไปชั่วขณะ และเสียงระเบิดก็ดังขึ้นอีกนับสิบครั้ง

    “เฮ้อ! พี่เอเซทำเมืองพังอีกแล้ว”

    กุห์ฟานกลับมานั่งอยู่บนลังไม้ที่เดิมตั้งแต่ตอนไหนไม่มีใครทันสังเกต “พี่ทากะยังสู้ไม่เสร็จอีกเหรอ? ผมว่าทางโน้นอีกไม่นานก็คงจบแล้วละ”

    “ทำไมจู่ๆมันถึงได้บ้าพลังขึ้นมาแบบนี้วะ”

    “ผมดันไปพูดแหย่ว่าอีกสิบห้านาทีมิยูจะล็อกเอาท์น่ะสิ พี่เอเซเลยปลดปล่อยพลังเวทออกมาทั้งหมดเลย ตะกี๊น่าจะเป็นเวทสายฟ้าแรงค์ซีสามชุดแล้วตบท้ายด้วยแรงค์บีมั้ง”

    เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับความโกลาหลวุ่นวายของชาวเมืองบลูเพิร์ลที่ระดมกันไปช่วยดับไฟที่ลุกลามขยายวงกว้างแม้จะมีฝนตกหนักก็ตาม

    “ผมว่าเจ๊ไวโอเล็ตรีบไปทำงานดีกว่านะเดี๋ยวเรื่องมันจะยุ่งยิ่งกว่านี้”

    ไวโอเล็ตแซฟไฟร์ตื่นตะลึง เธอมีตำแหน่งเป็นผู้บริหารเมืองบลูเพิร์ลเช่นเดียวกับกลอเรียส เมื่อเกิดปัญหาขึ้นเธอต้องเป็นผู้รับผิดชอบแก้ไขและนั่นหมายถึงเธอต้องละทิ้งการต่อสู้ที่ยังค้างคา แต่ถ้าเธอเลือกที่จะสู้ต่อโดยละทิ้งหน้าที่ก็เท่ากับว่าเธอจะเพิกเฉยต่อความเสียหายที่เกิด และอาจส่งผลให้แคลนเซเลสเทียลถูกปลดจากการเป็นผู้บริหารเมืองได้

    ทันทีที่เห็นรอยยิ้มของกุห์ฟาน เธอก็เข้าใจได้ทันทีว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแผนการของเขา หญิงสาวกัดฟันกรอดด้วยความโกรธแล้วสะบัดตัววิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว

    “เอาละพี่ทากะ เราไปหาพี่อากิกันดีกว่า”

    ทั้งสองคนเดินผ่านกลุ่มผู้เล่นที่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบและเต็มไปด้วยความสงสัยมากมายไปหาอากิรอส คีฟ ที่กำลังเล่นเอาเถิดเจ้าล่ออยู่กับเอรันด้า วิเลนเซีย ตอนนี้หญิงสาวหัวหน้าแคลนเฮฟเวนลี่ปรินเซสมีสีหน้าโกรธจัดทั้งที่เหนื่อยหอบจนเกือบจะยืนไม่ไหว กลับกันอากิรอสยังดูฟิตปั๋งคึกคักให้วิ่งอีกสองชั่วโมงก็ยังไหว

    “หมดเวลาแล้วพี่อากิ”

    “หยอดเหรียญสิบได้ต่อเวลาเพิ่มอีกสิบห้านาทีป่าววะ?”

    เสียงห้าวๆของเอเซ แมคโดเวล ดังขึ้นจากด้านบนหลังคาทำให้ทุกคนหันขึ้นไปมอง เขาบาดเจ็บจากการต่อสู้ แขนเสื้อโค้ทฝั่งซ้ายขาดแหว่งจนถึงไหล่มีรอยแผลถูกฟันขนาดใหญ่จนเลือดไหลเป็นทาง ขมับขวาก็มีแตกจนเลือดไหลอาบหน้าไปซีกหนึ่ง

    “ไม่ใช่ตู้วินนิ่งนะพี่เอเซ”

    นักดาบเวทกระโดดลงมาสมทบกับกุห์ฟานและทากะ

    “จบแล้วเรอะ?”

    “ยังไม่จบแต่เวลาไม่ค่อยมีเลยจัดชุดใหญ่ให้ตามที่เขาอยากได้แล้วก็ผละมานี่แหละ”

    ทากะได้ฟังคำตอบแล้วก็ต้องถามซ้ำ “ไม่รู้ผลแพ้ชนะ?”

    เอเซยักไหล่ “งั้นมั้ง”

    เอรันด้างงเป็นไก่ตาแตกเพราะคนที่มาหาเธอกลับไม่ใช่ทั้งไวโอเล็ตแซฟไฟร์และแพททริค แต่เป็นคนที่น่าจะถูกกำจัดไปแล้วอย่างเอเซ ทากะและกุห์ฟาน

    “ไปกันได้แล้วไอ้อากิ”

    นักเวทผมเทาตอบทันที “ไม่!”

    “เมื่อกี๊ว่าไงนะ?”

    เอเซเอียงคอมองและคอนดาบขึ้นพาดบ่า อากิรอสทำหน้างอแงเป็นเด็กสามขวบถูกสั่งให้กลับบ้านเดินคอตกกลับมารวมกลุ่ม

    “คิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไปอย่างนั้นเรอะ!?”

    เอรันด้าตวาดเสียงดัง ควงคทาคริสตัลเรียกใช้เวทมนตร์ ‘หอกวารี’ เปลี่ยนน้ำฝนปริมาณมหาศาลที่เจิ่งนองอยู่เต็มพื้นเป็นหอกน้ำขนาดใหญ่นับร้อยเล่มโจมตีแคลนมัลดิโตทั้งสี่คน อากิรอสยิ้มมุมปากกระแทกไม้เท้าลงพื้นสร้างหอกน้ำแบบเดียวโจมตีกลับไป

    หอกน้ำปะทะกับศรน้ำจนสูญสลายไปด้วยกันทั้งสองฝั่ง ละอองน้ำสาดกระจายไปทั่วบริเวณ ในพริบตาที่เธอตะลึงเพราะเป็นครั้งที่สองแล้วที่อากิรอสใช้เวทมนตร์บทเดียวกันสลายการจู่โจมของเธอได้อย่างง่ายดาย ทั้งทากะและกุห์ฟานก็เข้าประชิดด้านหลังเธอแล้ว ส่วนเอเซยืนอยู่ด้านซ้ายมือและยกดาบจ่อคอหอยเธอไว้

    “ไปนอนโรงพยาบาลสักคืนเถอะนะ”

    วินาทีที่เอเซจะกระชากดาบกลับเพื่อเชือดคอเอรันด้า มือซ้ายของอากิรอสก็คว้าข้อมือของเพื่อนร่วมแคลนเพื่อหยุดดาบ

    นักดาบเวทมองหน้าเพื่อนนักเวทด้วยแววตาสงสัย

    “ถือว่าเราขอ”

    “โห! เมื่อกี๊พี่อากิเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าพี่ทากะใช้ท่าแดชอีกนะ”

    นักเวทจอมหน้าม่อยกมือขวาแตะคางของเอรันด้าขึ้นและโน้มหน้าเข้าไปใกล้คล้ายจะจูบเธอท่ามกลางความตื่นตะลึงของผู้เล่นนับพันที่มุงอยู่เพราะการกระทำแบบนั้นมันเข้าข่ายทำผิดกฎของเกมในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศซึ่งมีโทษถูกระงับการใช้งานไอดีถาวร

    แต่ริมฝีปากของอากิรอสก็เลยผ่านใบหน้าของเธอไปหยุดใกล้ๆใบหูและพูดกระซิบเบาๆ

    “แล้วเจอกันใหม่นะ...เจ้าหญิงเอรันด้า”

    กุห์ฟานถือวาร์ปคริสตัลรอไว้พร้อมแล้ว ทั้งสี่คนถูกแสงสว่างห่อหุ้มและหายไปทันที ทิ้งให้เอรันด้ายืนอับอายอยู่ท่ามกลางสายตานับพันคู่ของผู้เล่นคนอื่น

    ความแค้นและความโกรธที่ถูกหยามหน้าทะลักออกจากริมฝีปากของเธอ




    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!”
    soulmaster ถูกใจสิ่งนี้
  5. soulmaster

    soulmaster Endorphinlism

    EXP:
    403
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    18
    ถ้าlogout ไปเจอกันข้างนอก จะเป็นยังไงนะ
  6. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    ทากะคงได้เผ่นเจ๊ไวโอเล็ตแหงๆ
  7. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    คงไม่ได้เจอกันหรอกครับ ไม่มีใครรู้จักตัวจริงของกันและกัน
    แต่ถ้าเจอกันก็คงเหมือนในเกมครับ สี่คนจากมัลดิโตเกรียนใส่แน่นอน
  8. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    Grand Gaia Online 41 – Intelligence War




    สมาชิกแคลนมัลดิโตถูกวาร์ปมาที่หน้าหมู่บ้านเล็กๆริมชายป่าที่พวกเขาเคยใช้เป็นที่หลบซ่อนเมื่อตอนโดนตามล่าตัว และทุกวันนี้ที่นี่ก็ยังคงเป็นหมู่บ้านลับที่ผู้เล่นคนอื่นไม่รู้จักนอกจากพวกเขาและบางคนใน ‘กุห์ฟานเน็ตเวิร์ค’ เท่านั้น ทั้งสี่คนเดินตรงไปที่โรงแรม ขึ้นไปชั้นสอง ห้องหมายเลขสองศูนย์หนึ่งที่สี่สาวมาเปิดใช้บริการรอไว้แล้ว อาหารคาวหวานสารพัดจานบนโต๊ะพร้อมเครื่องดื่มหลากหลายชนิดตั้งแต่ชาผลไม้ น้ำผลไม้ เบียร์และไวน์เตรียมไว้พร้อมรอให้พวกเขามาถึงเท่านั้น

    สี่หนุ่มสี่สาวกินมื้อค่ำอย่างเปรมปรีดิ์และสุขสันต์ ในขณะที่เพื่อนจากกุห์ฟานเน็ตเวิร์คคอยรายงานสถานการณ์ว่าตอนนี้ที่เมืองบลูเพิร์ลกำลังวุ่นวายอย่างหนัก บ้านเรือนถูกไฟไหม้ไปกว่าร้อยหลัง สินค้าในโกดังสองแห่งกลายเป็นตอตะโก สมาชิกแคลนเซเลสเทียลส่วนใหญ่ถูกระดมไปช่วยกันดับเพลิงและขนย้ายสินค้าที่ยังเหลืออยู่ อีกส่วนหนึ่งแยกย้ายออกตามตัวมัลดิโต

    “พรุ่งนี้คงโดนประกาศค่าหัวหรือไม่ก็เรียกเก็บหนี้เพิ่มแหงๆ”

    “แล้วไง? หนี้มากหนี้น้อยก็ ไม่มี-ไม่หนี-ไม่จ่าย เหมือนเดิมนั่นแหละ” เอเซตอบเฟรเทียร์แล้วละเลียดเบียร์แก้วใหญ่อย่างเป็นสุข

    “เรื่องของวันพรุ่งนี้ก็เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ วันนี้ไม่เห็นต้องคิดอะไรให้วุ่นวายเลยนี่นา” อากิรอสนอนไขว่ห้างบนเตียงอย่างเป็นสุขยิ่งกว่าเอเซเสียอีก

    “กลับมาคราวนี้ดูท่าจะนิสัยเสียกว่าเดิมอีกนะ” นัตสึมิได้โอกาสก็แซวอากิรอสทันที

    “นี่ๆ ไม่เจอกันแปปเดียวลืมไปแล้วหรือไงว่าต้องเรียกด้วยสรรพนาม ‘นายท่าน’ น่ะ”

    “ฮัลโหลๆ พูดอะไรนะไม่เห็นได้ยินเลย สงสัยสัญญาณไม่ดี”

    เอเซขำก๊ากที่นัตสึมิปรับตัวและเรียนรู้วิธีต่อล้อต่อเถียงกับอากิรอสได้แล้ว

    “นี่ๆ เล่าเรื่องอนุทวีปให้ฟังหน่อยสิ” มิยูทำตาใสแป๋วใส่กุห์ฟาน

    “งั้นก็บอกมาก่อนว่าทำไมถึงมารวมกลุ่มกันเป็นทหารรับจ้าง”

    ไนซ์ มิยูและนัตสึมามองหน้ากันแล้วพร้อมใจชี้ไปที่เฟรเทียร์

    นักสำรวจสาวถอนหายใจก่อนจะตอบคำถาม

    “ก็เหตุผลเดียวกับที่พวกนายเลือกเป็นทหารรับจ้างนั่นแหละ ใครจะไปทนเห็นคนของแคลนนั้นเดินกร่างคับเมืองคอยกดขี่คนอื่นได้ละ พอปรึกษากับอีกสามคนว่าพอจะทำอะไรได้บ้างก็ได้ข้อสรุปที่ว่าพวกเราจะรับช่วงต่อทหารรับจ้าง อาศัยข้อมูลที่จำเป็นจากเน็ตเวิร์ค ไอเท็มก็ให้ซื้อผ่านไนซ์ในราคาต้นทุนบวกกำไรอีกนิดหน่อย แรกๆก็ขลุกขลักลำบากอยู่แต่ก็ต้องขอบคุณพวกนายด้วยละนะที่ไปช่วยผู้เล่นคนอื่นไว้เยอะ พวกเขาถึงได้ยอมเชื่อใจให้ความร่วมมือและความช่วยเหลืออื่นๆจนทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง พวกนายรู้จักกับเมลม็อกใช่ไหมละ ตอนที่พวกนายหายไปช่วงแรกๆหมอนั่นก็ตั้งใจจะเข้ามาเป็นทหารรับจ้างแทนเหมือนกัน พอได้คุยกันหมอนั่นก็เลยถอยไปเป็นฝ่ายสนับสนุน คอยให้เพื่อนๆที่เป็นนักบวชมาช่วยตอนที่ต้องขึ้นปีรามิดทุกครั้งเลย”

    “ตอนนี้พี่ม็อกเป็นหัวหน้าแคลนแล้วนะคะ เป็นแคลนที่มีแต่อาชีพสายนักบวชเท่านั้นด้วย” มิยูบอกข้อมูลเพิ่มเติม

    “ใช่ๆ พี่ม็อกบอกว่าพวกพี่กลับมาแล้วให้ติดต่อไปหาเขาด้วยนะคะ”

    “โอเค” กุห์ฟานพยักหน้าตอบรับคำพูดของนัตสึมิ

    “แล้วทางโน้นเขาไม่มีวุ่นวายอะไรด้วยเหรอ?” อากิรอสถามขึ้นมา

    “เซเลสเทียลน่ะเหรอ? มีเหรอจะไม่มาป่วน ช่วงแรกส่งคนมาด้อมมองๆ พอเห็นว่าพวกเราตั้งตัวได้แล้วก็มาข่มขู่บอกให้เลิกทำแบบนี้ แถมไนซ์กับมิยูมีสิทธิ์ลงดันเจียนประจำเมืองพวกนั้นก็เลยขาดรายได้ คราวนี้คงทนกันไม่ได้รองหัวหน้าแคลนเลยมาเอง พูดจาก็ดีอยู่หรอกแต่ไม่ไหวเลยกดดันกันทั้งทางตรงทางอ้อม เอาผลประโยชน์มาล่อบ้างละ เสนอให้เข้าแคลนแล้วจะให้ตำแหน่งกัปตันบ้างละ”

    “แล้วทำไมเจ๊ไม่ตอบรับเข้าแคลนเขาไปเลยละ?”

    “ใครจะไปอยากอยู่แคลนแย่ๆที่เห็นทุกอย่างเป็นผลประโยชน์แบบนั้นกันละ”

    “แล้วสถานการณ์อื่นๆละ? พวกนั้นทำอะไรกันบ้าง”

    “ถามเยอะไปแล้วนะกุห์ฟาน เล่าเรื่องอนุทวีปให้ฟังก่อนสิ” มิยูทำหน้างอนแก้มป่องพูดขัดขึ้นมา

    “เดี๋ยวก่อนสิ”

    “เดี๋ยวนี้แหละ!”

    เขาถอนหายใจให้กับความดื้อของมิยูจนต้องเรียกประชุมเพื่อนๆในเน็ตเวิร์คให้เข้ามาฟังพร้อมกันเพราะไม่อยากเล่าซ้ำหลายรอบ นักดาบเวทสาวฟังอย่างตื่นเต้นและตั้งอกตั้งใจเหมือนเด็กน้อยได้ฟังนิทานก่อนนอน หลังจากนั้นเขาก็ได้รับฟังข้อมูลและข่าวสารช่วงที่เข้าอนุทวีปจากปากเฟรเทียร์และเน็ตเวิร์คจนเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว

    “ทำหน้าแบบนั้นแสดงว่าคิดอะไรออกแล้วสินะ” อากิรอสทักเมื่อเห็นรอยยิ้มมุมปากของเจ้ารุ่นน้อง

    “หือ? ก็ไม่มีอะไรนี่”

    “ตอแหล!” เอเซผสมโรงด่ากุห์ฟานด้วยอีกคน

    “อย่ามาอมพะนำทำเป็นเนียน” เฟรเทียร์มองด้วยสายตาดุๆ

    เสนาธิการแห่งแคลนมัลดิโตยิ้มด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ กวักมือเรียกทุกคนให้มาสุมหัวประชุมกัน เขาแจกแจงขั้นตอนของแผนชั่วร้ายที่เขาคิดให้ทุกคนฟังอย่างละเอียด เมื่อทุกคนได้ฟังแล้วต่างลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าถ้าแผนนี้ประสบความสำเร็จก็ถึงเวลาที่แคลนเซเลสเทียลต้องน้ำตาตกในกันบ้างแล้ว

    “รออีกสองวันที่จะปิดเซิร์ฟเวอร์ปรับแพทซ์ก่อนละกัน ดูรายละเอียดของแพทซ์ที่เพิ่มเข้ามาว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างถึงตอนนั้นค่อยลงมือตามแผน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็เลิกประชุมได้”

    กุห์ฟานกลายเป็นประธานในการประชุมไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้โดยมีเฟรเทียร์ทำหน้าที่เลขาของการประชุม จดทุกรายละเอียดของการสนทนาลงในสมุดโน้ตส่วนตัว อากิรอสสงสัยจึงถามว่าเธอจดไปทำไม นักสำรวจสาวตอบว่าเอาไว้อ่านเล่นแก้เซ็งตอนไม่มีอะไรทำและเผื่อคิดต่อยอดอะไรบางอย่างได้

    “ทำอะไรต่อดีละ? ไนซ์เอาเกมการ์ดหรือไม่ก็เกมกระดานมาด้วยรึเปล่าน่ะ”

    “เตรียมไว้แล้วค่ะพี่อากิ”

    นักเวทผมเทาเหล่มองนักธนูสาวด้วยแววตาเจ้าเล่ห์และพูดด้วยน้ำเสียงยียวนตามสไตล์ของเขา “ดีเลย งานนี้ต้องมีคนโดนเกมลงทัณฑ์กันบ้างละ”

    “เหรอออออ?” นัตสึมิเหล่กลับด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม

    เหมือนมีประกายแสงจากการสบตาเกิดขึ้นมาตรงกลางระหว่างพวกเขา นักดาบเวทสาวเดินมือไขว้หลังอ้อมหลบทั้งสองคนที่กำลังเปล่งจิตสังหารใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใครไปหาเอเซและแบมือออกพร้อมรอยยิ้มหวาน

    “ก่อนจะไปบลูเพิร์ลเอเซสัญญาว่าถ้ากลับมาแล้วจะมีของฝากนี่นา”

    ชายหนุ่มตอบกลับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เอื้อมมือปลดดาบเคลย์มอร์อีกเล่มหนึ่งจากเข็มขัดส่งให้เธอ มิยูมองดาบเล่มนั้นและมองเขาอีกครั้งเหมือนจะถามว่าที่เขาจะให้ดาบเล่มนี้แน่หรือ เฟรเทียร์และไนซ์ที่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นได้แต่ลอบมองตากันด้วยความคิดว่า ‘พวกผู้ชายนี่ไม่โรแมนติคเลยสักนิด’

    มิยูรับดาบมาจากเอเซมาในที่สุด และก็ต้องแปลกใจเมื่อดาบเล่มนี้ไม่หนักเท่าที่เธอคิดและดูเหมือนจะมีความยาวเหมาะสมกับเธออย่างไม่น่าเชื่อ

    “จำได้ไหมตอนที่ทดสอบเปลี่ยนอาชีพมิยูบอกว่าดาบของผมหนักไป ผมเลยขอให้ช่างตีดาบคนหนึ่งตีดาบเล่มนี้ขึ้นมา กะว่าไม่ให้หนักเกินไปหรือยาวเกินไป คิดซะว่าเป็นของฝากแทนคำขอโทษที่ผมหายตัวไปนานก็แล้วกันนะ”

    วินาทีที่มิยูยิ้มตอบ เอเซก็เอื้อมมือไปดึงมือซ้ายของเธอมาบรรจงสวมแหวนวงหนึ่งที่นิ้วนาง และเป็นแหวนแบบเดียวกับที่เขาใส่อยู่ด้วย หญิงสาวที่โดนสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายอย่างกะทันหันได้แต่ยืนหน้าแดงแถมเกิดอาการอ้ำอึ้งขึ้นมาทันที

    “แหวนวงนี้แทนคำขอบคุณสำหรับความห่วงใยนะ”

    คราวนี้ทั้งเฟรเทียร์และไนซ์ต่างกรี๊ดออกมาลั่นห้องด้วยความเขินอายแทนเพื่อนสาวในขณะที่คนอื่นๆได้แต่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะเอเซขยับลุกขึ้นไปลากโต๊ะมาต่อกันและเอ่ยปากชวนเล่นไพ่ทันที

    ค่ำคืนวันนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะครื้นเครง อิ่มเอมด้วยบรรยากาศแห่งความสนุกสนานและความสุขอย่างแท้จริง






    วันเสาร์ เที่ยงกับอีกสองนาที สองวันหลังจากเหตุการณ์ ‘มัลดิโตบุกเผาเมืองบลูเพิร์ล’

    เกมแกรนด์ไกอาออนไลน์เปิดให้บริการอีกครั้งหลังจากปิดให้บริการชั่วคราวเพื่อปรับปรุงฐานข้อมูลและอัพเดทแพทซ์ครั้งที่สอง ชายหนุ่มเจ้าของตัวละคร ‘เอเซ แมคโดเวล’ ได้ผ่านแสงสว่างเจิดจ้าระหว่างช่วงเวลาล็อกอินมายืนอยู่บนทุ่งหญ้าหน้าประตูเมืองอารันด์ฝั่งทิศใต้ตำแหน่งเดียวกับที่เขาล็อกเอาท์ออกไป เวลาในเกมตอนนี้หกโมงเช้ากับอีกสี่สิบแปดนาที เป็นเวลาเช้าตรูที่แสนสดชื่นด้วยอากาศเย็นสบาย สายลมโชยเบาๆและแสงแดดอ่อนๆ

    พอหันไปทางขวามือ เพื่อนร่วมแคลนทั้งสามคนก็นั่งเล่นไพ่รอเขาอยู่ก่อนแล้ว เขาเดินไปนั่งลงอีกฝั่งของโต๊ะที่ยังว่างอยู่ “มีอะไรอัพเดทมั่ง?”

    “พี่เอเซไม่ได้อ่านในเว็บบอร์ดเหรอ?”

    “ขี้เกียจว่ะ เข้ามาถามเอ็งเร็วกว่าเยอะ”

    “กะแล้ว” กุห์ฟานส่ายหน้า

    “พี่ทากะกับพี่อากิก็เหมือนกัน ผมเลยบอกให้รอพี่เอเซเข้ามาแล้วค่อยคุยกันทีเดียวจะได้ไม่ต้องพูดหลายรอบ”

    “พวกเราก็น่าจะรู้สันดานกันดีอยู่แล้วนี่นา” ทากะตบบ่ากุห์ฟานแล้วรวมไพ่เป็นสำรับและเก็บลงกล่อง รู้สึกว่าช่วงนี้น้องเล็กแห่งแคลนมัลดิโตจะถอนหายใจถี่เป็นพิเศษ

    “หลักๆเลยก็ประกาศใช้งานพื้นที่เขตอนุทวีปเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์โดยให้ข้อมูลกับผู้เล่นล่วงหน้าว่าในพื้นที่นั้นมีแต่มอนสเตอร์แรงค์ซีทั้งหมด ข้อสองก็คือการปรับระดับความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์ทั่วทั้งทวีป มอนสเตอร์ในแรงค์เดียวซอยย่อยออกเป็นหกระดับโดยใช้สัญลักษณ์ดาวต่อท้ายชื่อแบบเดียวกับที่พวกเราเจอในอนุทวีปนั่นแหละ มอนสเตอร์บอสคือระดับสูงสุดมีห้าดาว มินิบอสและมอนสเตอร์แรร์มีสี่ดาว หลังจากนั้นก็ไล่ลงไปจากสามดาวจนไม่มีดาวสักดวง และในอนาคตอาจมีการปรับระดับของมอนสเตอร์อีกครั้งตามความเหมาะสม แต่ตอนนี้สูงสุดคือห้าดาว”

    สองเรื่องนี้รุ่นพี่ทั้งสามคนรู้ดีอยู่แก่ใจแล้ว

    “เรื่องถัดไป...มีการปรับโซนของแผนที่ใหม่ แต่ละโซนจะเพิ่มเป็นมอนสเตอร์แรงค์ซีเข้ามาเพื่อรองรับกับภารกิจบางอย่างที่ปรับระดับสูงขึ้น”

    “ตายๆๆ แค่มอนสเตอร์แรงค์ดีผู้เล่นส่วนใหญ่ก็สู้ไม่ไหวแล้วนี่ดันเพิ่มมอนสเตอร์แรงค์ดีเข้ามาอีก แบบนี้สถานการณ์ก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่น่ะสิ”

    “พี่เอเซจำตอนที่พวกเรากลับมาจะถึงเมืองอารันด์แล้วมีมังกรแรงค์ซีโผล่มาได้รึเปล่า ที่พอถึงหน้าเมืองแล้วเจอกับพวกเซเลสเทียลพอดี”

    “จำได้ดิ ทำไมวะ?”

    “ผมเพิ่งรู้ทีหลังว่ามังกรแรงค์ซีที่พวกเราฆ่าตายกันร้อยตัวนั่นน่ะเป็นมอนสเตอร์ของภารกิจใหญ่ระดับซีที่พวกเซเลสเทียลเขารับทำน่ะสิ ที่จริงแล้วมังกรพวกนั้นจะต้องบุกเมืองอารันด์แต่ดันมาจ๊ะเอ๋กับพวกเรากลางทางแล้วก็โดนพวกเราเชือดซะหมด ไอเท็มที่ได้จากตอนนั้นมีแต่วัตถุดิบแรงค์ซีทั้งนั้นซึ่งปกติการที่จะได้ไอเท็มระดับนี้มาจะต้องทำภารกิจต่อเนื่องอย่างเดียวเท่านั้น บอกแค่นี้พวกพี่น่าจะวิเคราะห์กันได้แล้วล่ะ”

    “นั่นเป็นอีเวนต์ที่จะช่วยกระจายไอเท็มระดับสูงเข้ามาในระบบให้ผู้เล่นส่วนใหญ่ได้มีวัตถุดิบสำหรับสร้างอุปกรณ์ อาวุธ เครื่องป้องกัน เครื่องมือเครื่องใช้ในระดับแรงค์ซีเพื่อใช้ต่อสู้กับมอนสเตอร์แรงค์เดียวกันได้อย่างสูสีหรือก็คือพื้นที่อนุทวีปที่เพิ่งเปิดใช้งาน นายหมายความว่าอย่างนี้สินะไอ้น้องชาย”

    กุห์ฟานยกนิ้วโป้งให้ทากะที่เป็นเจ้าพ่อเกมอาร์พีจี

    “พวกเซเลสเทียลลงทุนกับภารกิจนี้ไว้เยอะเพราะหวังจะได้ครอบครองวัตถุดิบแรงค์ซีแต่เพียงกลุ่มเดียวแต่ตอนนี้ของทั้งหมดดันมาอยู่ในมือพวกเราแทน นอกจากพวกนั้นจะขาดทุนย่อยยับแล้วยังถูกประกาศให้เป็นภารกิจล้มเหลวอีกด้วย”

    “เสียสองเด้งแบบนี้คงแค้นพวกเราน่าดูสินะ” อากิรอสแสดงความคิดเห็นบ้างหลังจากนั่นฟังอยู่นาน

    “แล้วพวกเราก็ไปเผาเมืองบลูเพิร์ลซะวอดวาย แถมโกดังสินค้าตรงนั้นดันเป็นของเซเลสเทียลด้วยนี่สิ”

    “ว้าว! ซวยเด้งที่สาม! และแผนของนายก็จะทำให้พวกนั่นกำลังจะซวยเด้งที่สี่สินะ”

    กุห์ฟานยิ้มออกมา รุ่นพี่ทั้งสามคนก็ยิ้มออกมา

    “เตรียมการถึงขั้นไหนแล้วละ?”

    “คนอื่นๆล็อกอินเข้ามาแล้วตอนนี้อยู่ระหว่างเดินทาง ที่เหลือก็แค่รอให้เซเลสเทียลเป็นฝ่ายเดินหมากเท่านั้น”

    เจ็ดโมงเช้า...เป็นเวลาปกติที่ชาวเมืองอารันด์เริ่มต้นกิจวัตรประจำวันและเป็นเวลาที่ผู้เล่นทุกคนรอคอยเพราะสามารถรับภารกิจต่างๆไปทำได้แล้ว แน่นอนว่าสมาชิกแคลนเซเลสเทียลก็ทำภารกิจหาเงินเลี้ยงปากท้องด้วยเช่นกัน ภารกิจที่พวกเขาเน้นทำคือภารกิจจากเครือข่ายภัตตาคาร เป็นงานรวบรวมวัตถุดิบทำอาหาร เมื่อเริ่มต้นรับภารกิจจะต้องเดินทางไปยังหมู่บ้านที่กระจายอยู่รอบเมืองอารันด์ จากนั้นช่วยงานเล็กน้อยๆในหมู่บ้านเป็นการเคลียร์เงื่อนไขขั้นต้น และลงมือรวบรวมวัตถุดิบด้วยตัวเอง เช่น รีดนมวัว เกี่ยวข้าวสาลี ชำแหละเนื้อแกะ เก็บเกี่ยวผักและผลไม้ จากนั้นนำมาส่งที่ภัตตาคารเป็นอันเสร็จสิ้น ภารกิจของที่นี่มีระบบแข่งขันระหว่างกลุ่มผู้เล่น ผู้เล่นที่นำวัตถุดิบมาส่งมอบเป็นกลุ่มแรกจะได้รับค่าตอบมากกว่าปกติถึงสี่เท่าและได้คูปองส่วนลดค่าอาหารอีกด้วย อีกเก้ากลุ่มหลังจากนั้นจะได้รับค่าตอบแทนพิเศษลดหลั่นกันลงไป และตั้งแต่กลุ่มที่สิบเอ็ดเป็นต้นไปจะได้เพียงค่าตอบแทนตามปรกติ

    แต่เมื่อสมาชิกแคลนเซเลสเทียลรับภารกิจจากเจ้าของภัตตาคารและแยกย้ายไปยังหมู่บ้านต่างๆแล้วปรากฏว่าพวกเขาไม่สามารถรวบรวมวัตถุดิบที่ต้องการได้ เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นทุกหมู่บ้านที่เป็นเงื่อนไขของภารกิจโดยที่ไม่อาจล่วงรู้ถึงสาเหตุได้ เมื่อเรื่องนี้รู้ถึงหูบัลลาร์ดและดับเบิลฮาร์ทในตอนบ่ายๆ ทั้งสองคนก็เดาได้ว่าใครที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ เขาระดมสมาชิกใต้สังกัดกว่าห้าร้อยคนมุ่งหน้าสู่ประตูเมืองทิศใต้ แต่เมื่อไปถึงเพิงด้านนอกเมืองพวกเขาไม่พบสี่หัวโจกมัลดิโตที่คาดว่าน่าจะอยู่ที่นี่รวมถึงสี่สาวทหารรับจ้างรุ่นที่สองด้วยเช่นกัน เขาระดมคนออกหาทั้งในเมืองและพื้นที่รอบเมืองแต่ก็คว้าน้ำเหลว

    “อาจจะไม่ใช่พวกมันก็ได้นะ”

    “ถ้าไม่ใช่พวกมันแล้วจะเป็นใครอีก!? ภารกิจพวกนี้กว่าจะเคลียร์เงื่อนไขที่หมู่บ้านเสร็จรวมเวลาเดินทางไปกลับก็หลายชั่วโมงแล้วแถมกลางทางยังมีมอนสเตอร์แรงดีอีก ขนาดพวกเรารวมกลุ่มห้าสิบคนไปบางครั้งยังสู้แทบไม่ได้เลย”

    “เมื่อกี๊ให้คนไปตรวจสอบแล้ว คนที่มาส่งภารกิจไม่ใช่พวกมัลดิโตแต่เป็นผู้เล่นกลุ่มอื่นทั้งสิบกลุ่ม”

    “จะบอกว่ามีคนอื่นทำแบบนี้ได้ตั้งสิบกลุ่มเลยเหรอ?”

    “ไม่ใช่แค่ที่ภารกิจของภัตตาคาร แต่ภารกิจที่สมาคมพ่อค้าก็มีผู้เล่นรวบรวมไอเท็มมาส่งให้ตั้งแต่ก่อนเที่ยงแล้วเหมือนกัน”

    “ก่อนเที่ยง!? บ้าน่ะ!?”

    บัลลาร์ดพยักหน้าอย่างยากลำบาก แววตาของเขาเองก็บอกว่าไม่อยากเชื่อเช่นนั้น ภารกิจของสมาคมพ่อค้าเมืองอารันด์คล้ายกับภารกิจจากเครื่องข่ายภัตตาคาร เริ่มจากต้องนำใบสั่งซื้อจากสมาคมไปรับสินค้าจากหมู่บ้านรอบเมือง แค่เวลาเดินทางไปกลับก็ใช้เวลาร่วมๆสี่ห้าชั่วโมง ถ้าต้องสู้กับมอนสเตอร์เยอะก็ยิ่งใช้เวลามากขึ้น การไปรับสินค้าจากหมู่บ้านมาส่งให้สมาคมก่อนเที่ยงจึงเป็นเรื่องที่เกือบเป็นไปไม่ได้ และภารกิจของสมาคมพ่อค้าเองก็มีระบบแข่งขันและแคลนเซเลสเทียลมักทำควบคู่ไปกับภารกิจจากเครือข่ายภัตตาคาร

    วันถัดมาและวันต่อๆไปเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก มีผู้เล่นกลุ่มอื่นตัดหน้าเคลียร์เงื่อนไขภารกิจด้วยความเร็วเหลือเชื่อ และเกิดขึ้นเฉพาะภารกิจที่สมาชิกแคลนเซเลสเทียลทำอยู่เป็นประจำเท่านั้น และข่าวที่ทำให้ดับเบิลฮาร์ทยิ่งโกรธและงุนงงมากขึ้นคือผู้เล่นกลุ่มนี้เป็นคนละกลุ่มกันทั้งหมด และพอส่งภารกิจแล้วก็หายตัวไปราวกับหมอกควันไม่สามารถจับมือใครดมได้

    ความหงุดหงิดของดับเบิลฮาร์ทเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงวินาทีสุดท้ายที่เขาล็อกเอาท์ออกจากเกม

    ตอนที่เขาล็อกอินกลับเข้ามาอีกครั้งก็รู้ว่าเหตุการณ์แบบนี้ยังคงเกิดขึ้นอยู่ทุกวันตั้งแต่เขาล็อกเอาท์ไป ยี่สิบสี่ชั่วโมงในโลกแห่งความเป็นจริงหรือก็คือยี่สิบสี่วันในเกม ทุกคนในแคลนเซเลสเทียลที่อยู่ในเมืองอารันด์ไม่สามารถทำภารกิจระดับสูงที่เคยทำได้เลยนอกจากภารกิจดาษดื่นทั่วไปเท่านั้น

    หมดปัญญาที่ดับเบิลฮาร์ทจะตามหาเงื่อนงำเพื่อสืบสาวหาความจริง เขาและบัลลาร์ดจึงบากหน้าไปรายงานสถานการณ์ให้กลอเรียส อัลติมัส รองหัวหน้าแคลนที่กลับเข้ามาในเกมอีกครั้งหลังจากหายตัวไปจัดการธุระส่วนตัวเป็นเวลานาน

    กลอเรียสเมื่อได้ฟังสถานการณ์ทั้งหมดแล้วจึงรีบไปที่เมืองบลูเพิร์ลเพื่อปรึกษากับไวโอเล็ตแซฟไฟร์และหัวหน้าแคลนพันธมิตรอีกสองคน

    “ได้ข่าวว่านายโดนเล่นงานซะแย่เลยเหรอ”

    แพททริคหัวเราะออกมาดังๆ “ถ้าพูดตรงๆเราก็เป็นฝ่ายแพ้นั่นแหละ โดนเวทสายฟ้าเล่นงานจนขยับตัวไม่ได้เลย ถ้าหมอนั่นไม่ถอนตัวไปเองละก็เราคงได้ไปนอนที่โรงพยาบาลเป็นครั้งแรกแล้วละ”

    “ถ้านายอากิรอสอะไรนั่นไม่ห้ามไว้เธอก็คงต้องไปนอนโรงพยาบาลครั้งแรกเหมือนกันสินะ? เอรันด้า”

    หญิงสาวหัวหน้าแคลนเฮฟเวนลี่ปรินเซสไม่พูดอะไรมีแต่รังสีสังหารที่ปะทุออกมาจากดวงตาบ่งบอกว่าเธอกำลังโกรธอย่างรุนแรง

    “ดูท่าพวกนั้นจะกลายเป็นศัตรูที่รับมือยากที่สุดไปแล้วนะ”

    “ถ้าพูดถึงเรื่องฝีมือการต่อสู้ละก็ถือว่าสูสีกันค่ะ แต่ถ้าเรื่องเล่ห์เหลี่ยมละก็พวกเราก็คงแพ้อยู่หลายระดับ โดยเฉพาะเล่ห์เหลี่ยมของกุห์ฟาน รีส ริยาส” ถึงไม่อยากยอมรับสักเท่าไรแต่ไวโอเล็ตแซฟไฟร์ก็รู้ดีว่าถ้าให้เธอประลองปัญญากับกุห์ฟานละก็เธอเป็นฝ่ายแพ้หลุดลุ่ยแน่ๆ

    “ปัญหาคราวนี้ก็ดูท่าจะเป็นฝีมือของเขาละนะ ผู้เล่นกลุ่มเล็กๆแค่ไม่กี่กลุ่มคงไม่สามารถทำให้พวกเราลำบากถึงขนาดนี้ได้ พวกเขาคงซ่อนตัวอยู่ในเงามืดคอยบัญชาการให้ผู้เล่นกลุ่มเล็กๆที่พวกเรามองข้ามให้ทำหน้าที่เป็นเบี้ยแทนตัว ต่อให้เราไล่ต้อนเบี้ยเท่าไรก็ไม่มีทางไปถึงตัวขุนได้”

    “ถ้ารู้ตัวเร็วกว่านี้พวกเราคงหลีกเลี่ยงความสูญเสียได้บ้าง นี่กลายเป็นขาดรายได้ไปเกือบเดือนเต็มๆ”

    “ผมเตือนสองคนนั้นไว้แล้วละว่าต่อไปนี้ถ้าเกิดปัญหาหรือมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นให้รายงานทันที”

    แคลนเซเลสเทียลได้ทำสัญญาซื้อไอเท็มฟื้นฟูพลังจำนวนมากจากเอ็นพีซีที่เมืองอารันด์ไว้เป็นรายเดือน ไว้สำหรับแจกจ่ายให้สมาชิกใช้ในการต่อสู้และทำภารกิจโดยหักเงินค่าตอบแทนภารกิจจากทุกคนเป็นเงินกองกลางของแคลน ไอเท็มที่ได้มาแล้วเอาไว้ใช้ประโยชน์ในอนาคตได้จริงอยู่ แต่รายได้ที่ควรมีจึงหายไปเป็นจำนวนมากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้เล่นและเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่ไม่ได้ทำภารกิจเลย

    “ถึงจะรู้ว่ามัลดิโตอยู่เบื้องหลังจริงแล้วนายจะทำยังไงต่อไปละ? เราว่าต่อให้เป็นนายตอนนี้ก็สู้กับพวกนั้นลำบากอยู่เหมือนกันนะ” แพททริคพูดเตือนเพื่อนอย่างหวังดี

    “การต่อสู้มีแพ้มีชนะเป็นเรื่องธรรมดา คนอื่นที่เก่งกว่าพวกเราก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ระหว่างเป้าหมายของพวกเราในตอนนี้กับการต่อสู้ที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลยนายคิดว่าเราควรจะเลือกเดินทางไหนละ?”

    “น่าแปลกนะที่นายยอมเป็นฝ่ายถอยแบบนี้”

    “ตอนนี้เราควรให้สำคัญกับงานที่ต้องรีบดำเนินการให้เสร็จมากกว่าจะทุ่มเทกำลังปราบพวกเขาแค่สี่คนเข้าทำนองขี่ช้างจับตั๊กแตนให้เสียทั้งเวลาและกำลังคนไปเปล่าๆ อย่าลืมว่าผู้เล่นที่ถูกส่งไปโรงพยาบาลต้องอยู่ในนั้นถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยนะ”

    เขาตอบแพททริคและหันไปหาไวโอเล็ตแซฟไฟร์เพื่อถ่ายทอดคำสั่ง

    “เตรียมให้สมาชิกถอนตัวกลับจากเมืองอารันด์แต่ให้ทยอยกลับทีละกลุ่ม และให้มาช่วยทำภารกิจที่บลูเพิร์ลแทน อีกส่วนหนึ่งให้ไปช่วยภารกิจสร้างทางรถไฟ เร่งดำเนินการให้เสร็จก่อนกำหนดให้ได้ พอเกมนี้เปิดเข้าสู่ทวีปที่สองเมื่อไรพวกเราจะเข้าไปบุกเบิกเป็นกลุ่มแรกให้ได้ ถึงตอนนั้นค่อยรวบรวมตัวหมากให้พร้อมแล้วค่อยเปิดฉากล่าแม่มดก็ยังไม่สายเกินไปหรอก”

    แววตาของกลอเรียส อัลติมัส ฉายแววมุ่งมาดอาฆาตร้ายออกมาพร้อมกับไหวพริบรู้เท่าทันกลลวงของกุห์ฟาน รีส ริยาส




    วันถัดมาเมื่อสมาชิกแคลนเซเลสเทียลเกือบทั้งหมดถอนตัวกลับเมืองบลูเพิร์ลเหลือเพียงสมาชิกไม่กี่ร้อยคนอยู่เพื่อดำเนินการบางอย่างก่อน หนังสือพิมพ์ของเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์ก็พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งด้วยจิตวิญญาณแห่งนักหนังสือพิมพ์ที่ดีว่า

    “มัลดิโตผงาด เซเลสเทียลล่าถอย”
    taleoftrue และ soulmaster ถูกใจสิ่งนี้
  9. soulmaster

    soulmaster Endorphinlism

    EXP:
    403
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    18
    บ.ก หนังสือพิมพ์เป็นกึ่งnpcแหง
  10. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    ไม่แน่นะ อาจจะตาม stalk ปาร์ตี้มัลดิโต้อยู่ห่างๆแบบไม่มีใครทันรู้ตัวก็ได้
  11. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    เป็นผู้เล่นนั่นแหละครับ เป็นกลุ่มผู้เล่นอย่างที่บอก
    แต่วิธีการหาข่าวของพวกเขาในฐานะผูุ้เล่นสายข่าวสารมีความพิเศษอยู่ครับ
  12. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    Grand Gaia Online 42 – Happy Sunshine Day




    มัลดิโตผลาด เซเลสเทียลล่าถอย

    เป็นที่รู้กันดีว่าเซเลสเทียลคือแคลนอันดับหนึ่งของประเทศโดยไม่มีผู้เล่นคนไหนกล้ายกมือใช้สิทธิ์วีโต้อย่างแน่นอน แต่ในเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์ได้เกิดปรากฏการณ์ที่ยากจะเชื่อ ผู้เล่นกลุ่มหนึ่งที่มีแค่สี่คนได้เป็นกลายเป็นศัตรูที่ร้ายกาจของเซเลสเทียลไปแล้ว นับตั้งแต่การต่อสู้ระหว่างกลอเรียส อัลติมัส และเอเซ แมคโดเวล ที่เมืองแบล็คแซนด์ในช่วงต้นของเกมไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะผงาดขึ้นมาเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งที่ทำให้เซเลสเทียลต้องเจอกับปัญหาหลายอย่าง ไม่ว่าเซเลสเทียลจะใช้มาตรการใดๆก็ไม่อาจหยุดยั้งแคลนมัลดิโตได้อย่างสมบูรณ์และถาวร เหตุการณ์ล่าค่าหัวมัลดิโตที่เมืองอารันด์ทำให้พวกเขาสี่คนหายตัวไปชั่วคราวแต่เมื่อพวกเขากลับมาอีกครั้งก็ยิ่งทำให้เซเลสเทียลต้องปวดหัวหนักกว่าเดิม เมืองบลูเพิร์ลถูกเผาเป็นตอตะโกอีกครั้งและครั้งนี้ยิ่งหนักหนาสาหัสกว่าครั้งก่อน เท่านั้นยังไม่พอ...มีข่าวไม่ได้กรองหลุดออกมาว่าต้นเหตุที่ทำให้เซเลสเทียลต้องล่าถอยจากเมืองอารันด์กลับไปเลียแผลที่ฐานบัญชาการหลักที่เมืองบลูเพิร์ลก็เพราะมัลดิโตเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง แม้ว่าไวโอเล็ตแซฟไฟร์จะให้สัมภาษณ์ว่าเพราะต้องการกำลังคนไปช่วยในภารกิจสร้างทางรถไฟก็ตาม
    แคลนมัลดิโตจะสร้างปรากฏการณ์น่าตื่นเต้นเร้าใจแบบไหนจะเกิดขึ้นอีกเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้และแคลนเซเลสเทียลจะตอบโต้คืนได้อย่างไรเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่ากระพริบตาแม้แต่ครั้งเดียว


    นี่เป็นพาดหัวบนและบทวิเคราะห์จากหนังสือพิมพ์ประจำเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์ที่ผู้เล่นกลุ่มหนึ่งทำขึ้นมาเพื่อรายงานข่าวสารและสถานการณ์ต่างๆภายในเกม และทำหน้าที่เป็นเสมือนคู่มือเล่นเกมด้วยเพราะเกมนี้ไม่มีคู่มืออย่างเป็นทางการออกวางขาย

    เมื่อเอเซ แมคโดเวล ได้อ่านบทวิเคราะห์แล้วก็พับหนังสือพิมพ์ร่อนไปให้ซารุวาตาริ ทากะ

    “สหายเอเซอ่านแล้วหงุดหงิดก็อย่าอ่านสิ”

    “พอดีจะอ่านข่าวอื่นแต่ไอ้ข่าวนี้มันอยู่ข้างๆน่ะสิ”

    “นายก็หลับตาไว้ข้างนึงสิจะได้ไม่เห็นข่าวนั้น”

    “ไม่ทันแล้วโว้ย”

    เสียงเอะอะโวยวายของพวกเขาดังลั่นไปทั่วทุ่งหญ้าแดนใต้ของเมืองอารันด์ ตอนนี้พวกเขากลับมาประจำการทำงานเป็นทหารรับจ้างเหมือนเดิมแล้วแต่สี่สาวสี่สไตล์เองก็ไม่ได้เลิกเป็นทหารรับจ้างเช่นกัน พวกเขาแปดคนรวมเป็นกลุ่มเดียวผลัดกันรับงานจากผู้เล่นที่มาขอความช่วยเหลือและมีเมลม็อกกับนักบวชในแคลน ‘ซาคราเมนทัลร็อด’ แวะเวียนมาช่วยเป็นครั้งคราวด้วย ใจจริงเมลม็อกอยากจะใช้ชื่อแคลนว่า ‘โฮลี่คิงด้อม’ แต่เพราะมีแคลนชื่อนี้แถมยังเป็นแคลนพันธมิตรของเซเลสเทียลอีกด้วย จะใช้โฮลี่ร็อดก็เกรงว่าชื่อที่คล้ายกันจะทำให้คนเข้าใจผิดจึงต้องใช้ชื่อซาคราเมนทัลร็อดที่แปลว่าไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์เหมือนกันแทน

    ตอนนี้สี่หนุ่มมีเวลาว่างเหลือเฟือ ส่วนหนึ่งเพราะผู้เล่นส่วนใหญ่เริ่มตั้งตัวได้แล้วอีกส่วนหนึ่งก็เพราะสี่สาวที่ติดลมและติดใจกับการเป็นทหารรับจ้างเหมาเอางานไปเกือบหมด ถ้าพวกเขาสี่คนถูกขนานนามว่าเป็น ‘สี่ปีศาจ’ พวกเธอก็ได้รับสมญานามว่า ‘สี่นางฟ้า’ ผู้เล่นหญิงในเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์มีอยู่น้อยนิด ที่มีอยู่ส่วนใหญ่ก็ไปรวมกันที่แคลนเฮฟเวนลี่ปรินเซสของเอรันด้าเสียหมด ผู้เล่นหญิงที่ไม่สังกัดแคลนใดๆจึงเป็นยิ่งกว่าแรร์ไอเท็มระดับดับเบิลเอสเสียอีก

    อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พวกเขาสี่คนต้องอยู่โยงเฝ้าฐานบัญชาการก็เพราะต้องคอยแลกเปลี่ยนไอเท็มระดับซีที่ได้จากมังกรดินกับผู้เล่นคนอื่น ที่จริงแล้วถ้าขายไอเท็มพวกนี้รวมกับไอเท็มที่ได้มาจากอนุทวีปทั้งหมดพวกเขาคงมีเงินพอจะปลดหนี้ที่ติดค้างเมืองบลูเพิร์ลได้ทั้งหมดแถมยังมีให้เหลือกินเหลือใช้อีกด้วย แต่พวกเขาเลือกที่จะไม่ขายเป็นเงินแต่ใช้วิธีแลกเปลี่ยนกับไอเท็มฟื้นพลังหรือวัตถุดิบที่ผู้เล่นอื่นไม่ต้องการแทน

    ผู้เล่นส่วนใหญ่ต่างก็ชอบวิธีแลกเปลี่ยนโดยตรงแบบ ‘บาเตอร์ซิสเต็ม’ มากกว่า แต่ที่ผ่านมาเซลเลสเทียลทำตัวเป็นนักธุรกิจใหญ่ผูกขาดครอบงำตลาดกลางของผู้เล่นภายในเมืองอารันด์ กว้านซื้อไอเท็มสำคัญๆไปเกือบทั้งหมดและขายในราคาที่ค่อนข้างแพงในสายตาของผู้เล่นคนอื่นๆ เมื่อไม่มีเซเลสเทียลอีกแล้วเมืองอารันด์จึงกลับมาเป็นสรวงสวรรค์ของผู้เล่นอิสระไม่สังกัดกลุ่มก๊วนใดอีกครั้ง เพียงแต่มัลดิโตตั้งหลักปักฐานอยู่นอกประตูเมืองทิศใต้ผู้เล่นที่ต้องการไอเท็มแรงค์ซีจากมังกรจึงต้องเป็นฝ่ายถ่อมาหาเสียเอง

    อากิรอส คีฟ มองเห็นผู้เล่นหญิงคนหนึ่งกำลังเดินมาที่พวกเขา สัญชาตญาณดิบของเขาถูกกระตุ้นทันทีเหมือนสัตว์กินเนื้ออย่างสิงโตมองเห็นละมั่งน้อยเล็มกินหญ้าอ่อนอย่างสุขสบายโดยไร้การป้องกัน

    “พนันกันเลยว่าจะต้องมาติดต่อเรื่องขอแลกไอเท็ม” กุห์ฟานมองเห็นเธอแล้วเหมือนกันและก็เริ่มต้นบทสนทนาด้วยการท้าพนันเหมือนเคย

    “ของแบบนั้นใครๆก็รู้กันทั้งนั้น มาพนันกันดีกว่าว่าจะน่ารักรึเปล่า?”

    “แล้วพี่อากิคิดว่ายังไง?”

    “น่ารักชัวร์ล้านเปอร์เซ็นต์ ผิวไม่น่าจะขาวมาก ตาโต คางเรียวหน้าเป็นรูปสามเหลี่ยม” อากิรอสพรรณายิ่งกว่าได้เห็นผู้เล่นหญิงคนนั้นแล้ว

    “นายไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหนวะ?” เอเซเคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้มาหลายครั้งแล้ว และครั้งนี้ก็อดสงสัยจนต้องถามออกไป

    “หึหึหึ” อากิรอสยิ้มด้วยใบหน้าเปี่ยมความมั่นใจ ยกนิ้วชี้ส่ายไปมา “ก็เหมือนนายนั่นแหละ แต่ลางสังหรณ์ของเราใช้ได้กับเรื่องเฉพาะทางเท่านั้นแหละ”

    “เป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติอย่างมากเลยนะเนี่ย” ทากะที่นั่งเหม่อมองท้องฟ้าด้วยใบหน้าเอ๋อๆมาเกือบครึ่งค่อนวันเปิดปากพูดครั้งเดียวแต่ส่งผลรุนแรงเทียบเท่าระเบิดปรมาณูเลยทีเดียว

    “โวะ!”

    เสียงหวานใสเหมือนเสียงเปียโนดังจากริมฝีปากเล็กๆที่อยู่ใต้ฮู้ดสีดำปิดบังใบหน้าไว้ “เอ่อ...ไม่ทราบว่าที่นี่คือที่ทำการทหารรับจ้างของแคลนมัลดิโตรึเปล่าคะ?”

    อากิรอสรีบกุลีกุจอลุกขึ้นต้อนรับทันที “ใช่ครับ เชิญทางนี้เลยครับ”

    เธอค้อมหัวขอบคุณกุห์ฟานที่ยกเก้าอี้ของตัวเองให้เธอนั่ง เมื่อเธอคลี่ฮู้ดที่คลุมหัวออกทุกคนก็ได้รู้ว่าเฉพาะเรื่องนี้เท่านั้นที่ต้องยกให้อากิรอสอยู่เหนือชายใดบนโลก ผู้เล่นหญิงคนนี้มีดวงตาสีฟ้าอ่อนกลมโตอย่างที่เขาว่าจริงๆ ผมสีดำแซมบลอนด์สั้นประบ่าหยักศกเป็นลอนเล็กน้อย แว่นกรอบหนาสีดำเข้ารูปกับใบหน้าเรียวยาวแม่นเหมือนตาเห็นยิ่งกว่าหมอดูฟันธงสำนักใดๆเสียอีก

    ชื่อของเธอคือ ‘คลาเดีย’ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยเสื้อดัฟเฟิลโค้ทแขนยาวสีเลือดหมูกับกางเกงขาสั้นสูงเลยหัวเข่าขึ้นมาเล็กน้อย สวมรองเท้าบูทสูงหนังสากๆสีเดียวกับเสื้อดัฟเฟิล และด้วยความหน้าด้านของอากิรอสจึงรู้ว่าเธอมีอายุสิบแปดปี เกินเกณฑ์ขั้นต่ำของเกมนี้มาอย่างฉิวเฉียด

    เป้าหมายที่สาวน้อยวัยสิบแปดมาติดต่อมัลดิโตในวันนี้ก็เหมือนอย่างที่พวกเขาคาดไว้ เธอมาติดต่อเรื่องไอเท็มที่ได้จากการล้มมังกรดินแรงค์ซี แต่สิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่เขี้ยว เล็บ เกล็ดหรือหนังของมังกรที่ผู้เล่นเกือบทุกคนยกเว้นเธอต้องการนำไปสร้างและพัฒนาอาวุธและเครื่องป้องกันแต่เป็นเลือดของมังกร

    อาชีพประจำตัวเธอคือ ‘นักปรุงยา’ เป็นหนึ่งในอาชีพสายเทคนิคที่ไม่ค่อยมีใครอยากเล่นเท่าไรเพราะไม่มีทักษะสำหรับต่อสู้มากมายเหมือนอาชีพอื่น เรียกได้ว่ามีทักษะต่อสู้นับนิ้วได้และมีน้อยที่สุดในบรรดาสายอาชีพทั้งหมด แต่เหตุผลที่เธอเลือกเล่นอาชีพนี้ก็เหมือนที่ทากะเลือกเล่นอาชีพนักสำรวจ อาชีพนักปรุงยาสามารถค้นหาวัตถุดิบเฉพาะทางและนำมาสร้างไอเท็มที่จำเป็นต่อการเอาชีวิตรอดในเกมนี้ได้ เป็นอาชีพสายคราฟไอเท็มที่จำเป็นต่อสมดุลของเกมแต่มักถูกมองข้ามยิ่งกว่าอาชีพนักสำรวจเสียอีก

    “หนูอยากได้เลือดมังกรไปผสมยาน่ะค่ะ ไม่งั้นก็พัฒนาสกิลไปขั้นต่อไปไม่ได้สักที แล้วก็เปิดสกิลใหม่ๆไม่ได้ด้วย”

    “ใช้ค่าประสบการณ์ปลดล็อกไม่ได้สินะ” ทากะเอ่ยถามอย่างเข้าใจดีเพราะตอนนี้เขาก็ปลดล็อกทักษะผสมระเบิดขั้นสูงไม่ได้สักที

    “ใช่ค่ะ เลือดมังกรแพงแค่ไหนหนูก็สู้ทุกราคาค่ะ” แววตาของเธอบ่งบอกความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างแรงกล้า

    สี่หนุ่มมัลดิโตมองหน้ากันและตกลงให้กุห์ฟานรับหน้าที่พูดคุย

    “แล้วปกติแล้วเขาขายกันยังไงละ พวกพี่ก็ไม่เคยเอาไปขายที่ไหนด้วย”

    “ปกติก็รับซื้อกันหลอดละพันสองร้อยค่ะ แต่ถ้าขายในร้านค้าแผงลอยก็สองพันห้าถึงสามพัน”

    กุห์ฟานเรียกหีบสมบัติประจำตัวออกมา ล้วงมือควานหาสิ่งที่คลาเดียต้องการ เลือดมังกรสีแดงข้นๆในหลอดกลมยาวแบบเดียวกับหลอดทดลอง “หลอดแบบนี้ใช่ไหม?”

    “ใช่ค่ะๆ”

    “อืม...ที่มานี่รู้อยู่แล้วรึเปล่าว่าพวกพี่มีนโยบายไม่ขายไอเท็มแต่ใช้วิธีแลกเปลี่ยนเอาน่ะ”

    “ทราบค่ะ จริงๆแล้วหนูเตรียมเงินไว้ค่อนข้างเยอะเพราะว่าตอนแรกจะไปซื้อกับแคลนเซเลสเทียลแต่ตอนนี้มันอยู่ในมือพวกพี่ซะแล้ว แต่ว่าไอเท็มหายากและมีคุณสมบัติดีขนาดนี้พวกพี่จะไม่ขายแต่ใช้วิธีแลกจริงๆเหรอคะ?”

    “พวกเรามีมาตรฐานเดียวและใช้มาตรฐานนี้กับทุกคนอย่างเท่าเทียม สิ่งไหนที่พูดออกไปแล้วจะไม่กลับคำพูดเด็ดขาด” กุห์ฟานตอบสาวน้อยวัยสิบแปดไปอย่างตรงไปตรงมา “สิ่งที่พี่ต้องการไม่ใช่เงินทองมากมายแต่เป็นยาทั้งหลายที่เธอผสมได้นั่นแหละ และก็จะดีมากถ้าช่วยบอกด้วยว่ามันมีสรรพคุณอะไรแต่ไม่ต้องบอกไปถึงส่วนผสมหรอกนะ ของแบบนั้นมันเป็นความลับทางการค้านี่นา”

    “จริงๆให้บอกสูตรก็ได้ค่ะ บอกพี่ๆไปคงได้ประโยชน์มากกว่าโดนบังคับถามจากเซเลสเทียลอยู่แล้ว”

    “ก๊าก! ฮ่าๆๆ พูดได้ดี” เอเซทั้งหัวเราะเสียงดังทั้งตบเข่าฉาดใหญ่

    “เรื่องสูตรน่ะไม่เป็นไรหรอกต่อให้ได้มาก็ผสมเองไม่ได้อยู่แล้ว ขอเป็นรายชื่อวัตถุดิบที่ต้องใช้ละกัน ต่อไปในอนาคตคงต้องติดต่อธุรกิจกันอีกเยอะเลยละ”

    บอกแค่นี้คลาเดียก็เข้าใจทันทีว่ากุห์ฟานต้องการสื่ออะไร พวกเขาจะหาวัตถุดิบมาให้เธอเป็นฝ่ายปรุงยาให้เอง แบบนั้นได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย มัลดิโตได้ยา เธอได้พัฒนาทักษะปรุงยาและอาจไหว้วานให้พวกเขาหาวัตถุดิบมาเผื่อด้วย

    เสนาธิการแห่งแคลนมัลดิโตแลกเปลี่ยนไอเท็มตามที่สาวน้อยนักปรุงยาต้องการ แลกกับยาฟื้นพลังระดับอี ยาแก้พิษ และวัคซีนป้องกันสถานะผิดปกติรวมถึงรายชื่อไอเท็มที่เป็นส่วนผสมของไอเท็มเหล่านั้น โดยเฉพาะวัคซีนป้องกันสถานะผิดปกติเป็น ‘ยูนิคไอเท็ม’ ที่เฉพาะอาชีพนักปรุงยาและอาหารทำขึ้นมาได้เท่านั้น เหมือนสารพัดระเบิดที่มีแต่นักสำรวจเท่านั้นที่ผสมได้

    ในขณะที่กำลังแลกเปลี่ยนกันอยู่ สี่สาวทหารรับจ้างรุ่นที่สอง เฟรเทียร์ มิยู นัตสึมิ และไนซ์ และอีกหนึ่งตัวแถมอย่างเมลม็อกก็กลับมาจากภารกิจสำรวจดันเจียนใต้เมืองอารันด์พอดี

    ไนซ์สังเกตเห็นบนโต๊ะไม่มีอะไรเลย “ทำไมพวกพี่ไม่หาน้ำหาท่าให้น้องเขาละคะ?”

    สี่หนุ่มมัลดิโตสอบตกหล่นวิชามารยาทของเจ้าบ้านเสียแล้ว ในเวลาแค่ชั่วครู่เมดสาวก็ยกชาผลไม้กาใหญ่มาวางให้บนโต๊ะพร้อมขนมขบเคี้ยวพร้อมสรรพ

    “ขอบคุณค่ะ”

    ไนซ์ยิ้มรับคำขอบคุณจากสาวน้อยวัยใสแล้วหันไปบริการเพื่อนสาวอีกสามคนที่เหน็ดเหนื่อยมาครึ่งค่อนวัน

    “พวกพี่ๆได้เข้าไปที่ป่าโอลด์เวอนัลกันแล้วรึยังคะ?”

    “หือ? ที่ไหนนะ?” เอเซไม่เคยได้ยินชื่อแผนที่หรือดันเจียนนี้มาก่อนจึงถามกลับไป

    “อ่า...จริงๆแล้วก็คือป่าตรงทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองน่ะค่ะ ที่ถัดออกไปจากหุบเขามนุษย์หมูป่า หนังสือพิมพ์เขาตั้งชื่อให้ป่าตรงนั้นว่าป่าโอลด์เวอนัลน่ะค่ะ แต่เดิมพื้นที่ตรงนั้นยังไม่เปิดให้ผู้เล่นเข้าไปแต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะเปิดให้เข้าไปสำรวจพร้อมกับอนุทวีปแล้วน่ะค่ะ”

    เอเซหยิบหนังสือมาพลิกหาหน้าอัพเดทข่าวสารอย่างรวดเร็ว และก็พบข้อมูลตรงตามที่ได้ยิน

    “หนูใช้สกิลค้นหาวัตถุดิบเลยรู้ว่าข้างในป่าลึกมากๆมีน้ำแร่กับสมุนไพรแล้วก็ผลไม้ป่าที่นำมาปรุงเป็นยาได้อยู่ แต่หนูเข้าไปได้แปปเดียวก็ต้องถอยแล้วค่ะ สู้ไม่ได้เลย ตอนนี้เลยตั้งใจจะไปลุยอนุทวีปดูสักหน่อย เห็นว่าผู้เล่นส่วนใหญ่แห่กันไปที่นั่นแล้วด้วย”

    รุ่นพี่ทั้งสามคนส่งสัญญาณผ่านสายตาให้รุ่นน้อง กุห์ฟานเองก็ตั้งใจแบบเดียวกันอยู่แล้ว

    “งั้น...พวกพี่ขอพิกัดของไอเท็มพวกนั้นหน่อยสิ แลกกับข้อมูลท็อปซีเครตสำหรับเอาชีวิตรอดในอนุทวีป”

    “เห! จริงเหรอคะ? เอาสิคะ” ดวงตาของเธอมีประกายระยิบระยับเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า

    กว่าจะเสร็จขั้นตอนการแลกเปลี่ยนก็ใช้เวลาเกือบยี่สิบนาที สาวน้อยนักปรุงยาชื่อคลาเดีย จากไปด้วยรอยยิ้มและคำขอบคุณ แน่นอนว่าอากิรอสไม่พลาดที่จะขอเพิ่มเธอเป็นเพื่อนในรายชื่อเพื่อน

    หลังจากนั้นกุห์ฟานก็ขอให้ทากะช่วยวิเคราะห์คุณสมบัติของไอเท็มชนิดใหม่ที่เพิ่งได้มา เฟรเทียร์ไม่ยอมพลาดเรื่องแบบนี้ต้องขอมีส่วนร่วมด้วยคน

    โพชั่นฟื้นพลังที่ผลิตจากอาชีพนักปรุงยานอกจากฟื้นฟูพลังชีวิตได้มากกว่าโพชั่นที่ซื้อได้จากร้านค้าเอ็นพีซี แล้วยังช่วยเพิ่มความเร็วการฟื้นฟูพลังชีวิตและพลังเวทมนตร์หลังดื่มอีกด้วย ยาแก้พิษเองก็ให้ผลเป็นของเซรุ่มและวัคซีนไปพร้อมกัน หลังจากใช้ยาแก้พิษแล้วผู้เล่นจะอยู่ในสถานะมีภูมิคุ้มกันพิษเป็นเวลาอีกห้านาทีทำให้หมดห่วงเรื่องป้องกันการติดพิษซ้ำในระหว่างต่อสู้ วัคซีนป้องกันสถานะผิดปกตินี่ก็ถือว่าคุ้มค่าเพราะใช้ครั้งเดียวป้องกันไปได้นานถึงสามสิบนาที ช่วยประหยัดค่ายาแก้สถานะผิดปกติไปได้หลายตังค์

    กุห์ฟานดูรายชื่อไอเท็มที่เป็นส่วนผสมของยาพวกนี้แล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

    “เป็นอะไรไป?” อากิรอสถามเมื่อจับสีหน้าของรุ่นน้องได้

    “ก็...ยังไงดีละ ไอเท็มพวกนี้ส่วนใหญ่อยู่ที่แถบตะวันตกของทวีปทั้งนั้นเลย แถบนั้นเป็นพื้นที่รกร้างไม่ค่อยมีทั้งมอนสเตอร์และพืชอะไรเลย ถ้าไม่ได้ความสามารถค้นหาวัตถุดิบประจำอาชีพละก็คงลำบากหน่อยละ”

    “มีนักสำรวจมือดีอยู่ตรงนี้ทั้งคนยังจะกลัวอะไรละ?” อากิรอสหันไปยักคิ้วไปทางทากะ

    “ก็จริงอย่างที่พี่พูด แต่อย่าคาดหวังอะไรกับพี่ทากะมากนักเลยจะดีกว่านะ”

    “ก๊ากๆๆ” เอเซหัวเราะเสียงดังเป็นครั้งสามของวันนี้

    ทากะยักไหล่ผายมือให้เหมือนกับบอกว่านั่นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เพราะการหวังพึ่งความสามารถของเขาก็เท่ากับเพิ่มภาระหน้าที่มาให้เขาด้วย ถ้าเป็นไปได้เขาขออยู่เฉยๆทำตัวเรื่อยเปื่อยดีกว่า

    “ถ้าจะไปฝั่งตะวันตกน่ะอย่าคาดหวังอะไรน่ะดีแล้ว มีแต่หน้าผาสูง คิดซะว่าเหมือนแกรนด์แคนยอนก็แล้วกัน” เมลม็อกผู้มาจากฝั่งตะวันตกของทวีปช่วยบอกข้อมูลเสริม

    “แล้วผู้เล่นแถวนั้นเค้าล่าตัวอะไรกันวะ?”

    “ที่หน้าผาสูงใหญ่สุดเขตทวีปมีเมืองตั้งอยู่ มอนสเตอร์ส่วนใหญ่เป็นกระทิงกับควายไบซันละมั้ง ตัวใหญ่ๆอยู่เป็นฝูง อ้อ! แล้วก็มีม้าด้วย ภารกิจส่วนใหญ่นอกจากล่าวัวกระทิงแล้วก็ตามจับม้านี่แหละ ตรงไหนใกล้แหล่งน้ำสักหน่อยก็เป็นไร่ข้าวโพด ไร่มันฝรั่งกับฟาร์มวัวเล็กๆ หน้าผาด้านหลังเมืองมีสุสานอยู่ ตอนแรกก็ยังไม่มีอะไรแต่ตอนหลังเห็นว่ามีมอนสเตอร์จำพวกผีดิบโผล่ออกมาเยอะแล้วละ พวกนักบวชที่เมืองนั้นก็เลยสบายหน่อย ฝึกอยู่ที่นั่นสักพักแล้วค่อยมาที่นี่หรือไปลุยดันเจียนในทะเลทราย”

    “ก็ว่าจะถามตั้งนานแล้วทำไมโบสถ์หลักของอาชีพนักบวชถึงไปอยู่ที่เมืองนั้นแต่ไม่ใช่เมืองเวเนส แต่ดันมีสมาคมอาชีพอยู่ที่นั่นซะได้”

    “ไม่รู้เหมือนกัน” เมลม็อกยักไหล่เลียนแบบทากะตอบอากิรอส

    “เวเนสมันเมืองเวทมนตร์นี่นา ตามหลักแล้วเวทมนตร์ถือเป็นพลังที่อยู่ตรงข้ามกับอำนาจของพระเจ้า เป็นอำนาจที่สามารถท้าทายพระเจ้าได้ เขาเลยแยกๆเมืองกันอยู่ละมั้ง” เอเซลองวิเคราะห์เล่นๆแต่พวกเพื่อนๆดันเชื่อซะได้

    “ถ้าพวกนายจะไปฝั่งตะวันตกกันละก็เราพาไปให้ก็ได้นะ”

    “ยังไม่ต้องหรอกพี่ม็อก ที่นี่ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ” กุห์ฟานยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่แม้แต่เมลม็อกยังรับรู้ได้ว่าไอ้หมอนี่คิดอะไรได้อีกแล้ว

    “เออ! ว่าจะถามเหมือนกัน ตกลงพวกนายทำอะไรถึงได้ไล่เซเลสเทียลไปได้วะ?”

    “พูดอะไรของนาย? พวกเราไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”

    “โถๆๆ อย่ามาปากแข็งทำเป็นซึนเดเระไปหน่อยเลยไอ้คุณอากิรอส ถ้าไม่ใช่ฝีมือพวกนายสี่ตัวแล้วจะเป็นหมาตัวไหนทำล่ะวะ”

    “อาจจะเป็นบลูด็อก บ็อกเซอร์ หรือไซบีเรียสฮัสกี้ก็ได้น่า”

    “อย่ามาเฉไฉสไลด์เดอร์ บอกมาเร็วๆ”

    “ม็อกๆอยากรู้ก็บอกไปหน่อย เดี๋ยวมันน้อยใจเอาหัวโขกเต้าหูตายไปจะทำยังไง?”

    “ก็ไปกินข้าวต้มฟรีสิวะ” เอเซตบมุขที่ทากะอุตส่าห์หยอดมาให้

    “โวะ!”

    ทั้งเมลม็อกและอากิรอสอุทานขึ้นมาพร้อมกัน เสียงหัวเราะคิกคักจากสาวๆสี่คนด้านหลังบ่งบอกว่ากลั้นขำกับมุขตลกคาเฟ่จนถึงขีดจำกัดแล้ว พวกเขาจึงให้พวกเธอขึ้นมานั่งล้อมวงทานของว่าง จิบชายามบ่ายไปและฟังนิทานไปพร้อมกันเลย

    “ก่อนอื่นเลยผมถามพี่ม็อกก่อนว่า ถ้าพี่จะทำภารกิจสักอย่างพี่ต้องทำอะไรก่อน?” กุห์ฟานเริ่มต้นเล่าเรื่องในสไตล์ของเขาด้วยคำถามหลังจากยกชากุหลาบขึ้นจิบหนึ่งคำ

    “ก็ต้องไปรับภารกิจจากเอ็นพีซีในเมืองน่ะสิ จะหาตามป้ายประกาศหรือจะใช้วิธีไปสุ่มคุยก็ได้”

    “สมมติถ้าพี่ทำตามทั้งสองวิธีนั่นแล้วได้ภารกิจมา สมมติเป็นภารกิจรวบรวมไอเท็มเหมือที่เซเลสเทียลทำเป็นประจำก็ได้ พี่ต้องทำยังไงต่อ?”

    “ก็ต้องไปหาตามหาไอเท็มนั้นสิ หาได้แล้วก็เอากลับมาส่ง จบภารกิจรับตังค์ไปหาอย่างอื่นทำต่อ”

    “พี่คิดว่าสามารถทำอะไรลัดขั้นตอนสามอย่าง รับภารกิจ-ตามหาไอเท็ม-ส่งภารกิจ ได้บ้าง?”

    “มันลัดขั้นตอนไม่ได้ไม่ใช่เหรอวะ? นี่ไม่ใช่เกมอีมิลโครนิเคิลออนไลน์ที่จะสะสมไอเท็มไว้ก่อนแล้วค่อยไปรับภารกิจนี่นา เพื่อตัดปัญหานั้นเขาถึงออกแบบมาให้ต้องรับภารกิจก่อนถึงจะรู้ว่าไอเท็มที่ต้องใช้คืออะไรบ้างนี่นา”

    กุห์ฟานยิ้ม แสยะยิ้ม “ที่พูดมาก็ถูกนี่นา มันลัดขั้นตอนไม่ได้เลย”

    “เอ้า! ตกลงพวกเอ็งทำอะไรกันแน่? ถ้าไม่บอกตูจะเอาหัวไปโขกเต้าหูตายจริงๆด้วยนะเว้ย!”

    “พี่ม็อกเคยรับภารกิจแบบเป็นกลุ่มรึเปล่า?”

    “ไม่เคย”

    “นั่นแหละคือกุญแจของปริศนาที่พี่ม็อกไม่เข้าใจ”

    “พอเลยๆ อธิบายมาเลยดีกว่า”

    กุห์ฟานยกชาขึ้นจิบล้างคออีกคำหนึ่ง

    “พี่คิดว่าขั้นตอนการทำภารกิจมีแค่สามข้อ แต่จริงๆแล้วมันมีมากกว่านั้น คำตอบก็คือ ‘เวลาในการเดินทาง’ อุปสรรคใหญ่ของภารกิจที่รับจากสมาคมพ่อค้าหรือภัตตาคารคือเสียเวลาเดินทางไปกลับค่อนข้างนาน ระหว่างทางก็มีมอนสเตอร์แรงค์ดีเดินเพ่นพ่านไปมา ซวยหนักจริงๆอาจจะได้เจอบอสด้วยก็ได้ เพราะฉะนั้นถ้าสามารถตัดเวลาเดินทางขาไปให้เหลือแต่เวลาเดินทางขากลับ พี่คิดว่ามันเร็วจะช่วยให้ทำภารกิจเร็วขึ้นรึเปล่า?”

    “มันก็ต้องเร็วขึ้นอยู่แล้ว แต่ทำยังไงถึงตัดเวลาเดินทางขาไปได้ ถ้าขากลับพี่ยังพอเข้าใจว่าใช้คริสตัลกลับเมืองได้ แต่แบบนั้นก็ไม่คุ้มค่าภารกิจอยู่ดีนี่หว่า”

    “งั้นพี่ม็อกฟังให้ดีๆนะ นี่เป็นท็อปซีเครตที่ห้ามหลุดถึงหูของเซเลสเทียลโดยเด็ดขาดเลย เวลาที่ผู้เล่นรวมกลุ่มไปทำภารกิจด้วยกันก็มักจะไปรับภารกิจพร้อมกันซึ่งไม่จำเป็นเลย ขอแค่หัวหน้าปาร์ตี้ไปรับภารกิจเพียงคนเดียวก็เท่ากับทุกคนในปาร์ตี้ร่วมรับภารกิจด้วยแล้ว เข้าใจแล้วสินะ?”

    แผนของกุห์ฟานก็คือให้ผู้เล่นที่เป็นเครือข่ายของกุห์ฟานเน็ตเวิร์คส่วนใหญ่รออยู่ใกล้ๆกับหมู่บ้านที่เป็นเป้าหมายต้องเคลียร์เงื่อนไขเพื่อรวบรวมไอเท็ม ส่งหัวหน้ากลุ่มไปรับภารกิจจากเอ็นพีซีเพียงคนเดียวเพื่อไม่ให้เป็นเป้าสะดุดตา เมื่อภารกิจได้รับการยืนยันแล้วผู้เล่นคนอื่นที่อยู่ในปาร์ตี้ก็เข้าไปเคลียร์เงื่อนไขของภารกิจในหมู่บ้าน พอได้ไอเท็มที่ต้องการก็ทยอยเดินทางกลับมาซึ่งสวนทางกับที่เซเลสเทียลกำลังเดินทางไป จับกลุ่มสิบถึงสิบสองคนแกล้งทำทีเข้าไปส่งภารกิจเพื่อให้เตะตาสมาชิกของเซเลสเทียล จากนั้นล็อกเอาท์ออกไปสักพักเพื่อลบร่องรอยทั้งหมด วันถัดไปก็ทำแบบเดียวกันแต่เปลี่ยนกลุ่มที่จะเข้าไปส่งภารกิจให้ดูเหมือนเป็นคนละกลุ่มคนละพวกกันสร้างความสับสันให้ฝ่ายเซเลสเทียล ดำเนินแผนการนี้ทุกวันอย่างต่อเนื่อง ภารกิจใหญ่ๆที่มีระบบแข่งขันซึ่งเซเลสเทียลรับทำ พวกเขารับทำและตัดหน้าด้วยวิธีนี้ทั้งหมด

    ชาหมดแก้ว กุห์ฟานก็อธิบายจบพอดี

    เมลม็อกได้แต่นั่งอึ้ง อึ้งเพราะเป็นวิธีที่แสนง่ายดายอย่างคาดไม่ถึง

    “เคยได้ยินมาว่าสมัยเทสต์เบต้ามีคนใช้วิธีนี้แล้วมีปัญหาก็เลยเลิกใช้กันไป กลายเป็นเวลารวมกลุ่มไปรับไปส่งภารกิจต้องยกโขยงไปพร้อมหน้ากัน”

    “ปัญหาอะไรหว่า?” เมลม็อกสงสัย

    “ตอนไปส่งภารกิจน่ะ ถ้าไม่ไปกันทุกคนเอ็นพีซีจะฝากเงินตอบแทนภารกิจไว้กับหัวหน้ากลุ่ม แล้วก็เกิดการหักหลัง เบี้ยวเงิน อมเงินกันน่ะสิ”

    “ปัญหาโลกแตก เพื่อนฝูงแตกคอกันก็เพราะเงินทองนี่แหละ”

    เอเซตงิดปากอยากจะพูดต่อท้ายว่าเรื่องผู้หญิงก็ทำให้เพื่อนฝูงแตกหักฟาดปากกันก็เยอะแต่ติดที่มีสี่สาวนั่งอยู่ร่วมโต๊ะด้วยเลยไม่พูดดีกว่า

    “แล้ว...จะทำอะไรต่อละ? เราไม่คิดว่าพวกนายสี่คนจะหยุดอยู่แค่นี้หรอกนะ”

    “ต่างคนต่างอยู่ก็ดีแล้วนี่นา”

    “ตอแหล!” เมลม็อกสบถใส่อากิรอสได้อย่างเต็มปากเต็มคำ

    “ในเมื่อเขาชักเรือกลับ เรื่องอะไรเราจะต้องเอาม้ากระโดดเข้าไปกลางวงด้วยละพี่ม็อก?

    “นั่นสินะ”

    “ก่อนอื่นคงต้องเข้าไปลุยป่าโอลด์เวอนัลนี่กันก่อนละ น้ำแร่กับสมุนไพรที่ยังไม่เคยปรากฏออกมาเนี่ยน่าจะเอามาทำประโยชน์อะไรได้หลายอย่าง อาจจะมีความลับอะไรในนั้นอีกก็ได้ ส่วนฝั่งตะวันตกของทวีปนี่ค่อยไปสำรวจทีหลังก็ได้มีเวลาอีกเหลือเฟือ”

    “ว่าไงว่าตามกัน”

    “ลูกค้ามาพอดีแน่ะ”

    เฟรเทียร์ชะเง้อหน้าไปทางกลุ่มผู้เล่นที่จับกลุ่มเดินมาจากหน้าประตูเมือง ตามกำหนดการวันนี้ยังมีผู้เล่นอีกกลุ่มที่จะต้องลงไปทำภารกิจสำรวจใต้เมืองอารันด์ สี่หนุ่มลุกขึ้นเพื่อให้พวกเธอคุยกับผู้เล่นกลุ่มนั้นได้อย่างสะดวกโยธิน หลังจากตกลงรายละเอียดกันเสร็จแล้วก็ได้เวลาตะลุยดันเจียนใต้เมืองอารันด์เป็นรอบที่สองในวันนี้ แต่รอบนี้สี่หนุ่มขอร่วมวงลงไปยืดเส้นยืดสายด้วยหลังจากนั่งแกร่วมาทั้งวันแล้ว อากิรอสยังคงทำตัวเหมือนเดิม ได้โอกาสเมื่อไรก็จิกกัดนัตสึมิเพื่อลากเข้าประเด็นแข่งกันฆ่าแบบมีเกมลงทัณฑ์สำหรับคนที่แพ้

    ระหว่างที่ปล่อยให้สี่สาวเดินนำไปพร้อมกับผู้เล่นที่มาขอความช่วยเหลือ เมลม็อกที่เดินรั้งท้ายขบวนอยู่กับสี่หนุ่มมัลดิโตก็ถามขึ้นมาเบาๆ

    “ถามจริงๆเหอะ ถามจากใจเลย พวกนายไม่ได้วางแผนจะบุกไปเผาเมืองพวกโน้นตั้งแต่แรกแล้วเหรอ?”




    “ก็ไม่แน่”

    สี่ปีศาจตอบพร้อมกันแล้วแต่ละคนก็ยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มเฉพาะตัวของแต่ละคน คำตอบและรอยยิ้มเหล่านี้เล่นเอาเมลม็อกเสียวสันหลังวาบทันที
    taleoftrue และ soulmaster ถูกใจสิ่งนี้
  13. soulmaster

    soulmaster Endorphinlism

    EXP:
    403
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    18
    ลางสังหรณ์ของอากิรอส ใช้ไม่ใด้กับพี่เมลม็อกรึเนี่ย อิอิ

    ในที่สุด สายคราฟก็โผล่ จะมาคู่กะเมลม็อกป่าวน้อ น้ำยากะน้ำมนต์ หุหุ
  14. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    ตอนนั้นพลังตัณหาอยู่เหนือสัญชาตญาณครับ
  15. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    Grand Gaia Online 43 – Rematch




    ค่ำคืนนี้ที่เมืองอารันด์ค่อนข้างเงียบเหงากว่าปรกติ ผู้เล่นส่วนใหญ่บ่ายหน้ามุ่งขึ้นสู่เมืองไวท์พิลล่ารับภารกิจเพื่อเข้าสู่พื้นที่อนุทวีปที่เพิ่งเปิดให้เข้าไปสำรวจและผจญภัย แถมผู้เล่นจำนวนเรือนหมื่นของแคลนเซเลสเทียลก็ถอนกำลังกลับไปตั้งหลักที่เมืองบลูเพิร์ลกันหมดแล้ว บรรยากาศที่เงียบสงบจึงมาเยือนเมืองแห่งนี้ ร้านค้าร้านอาหารหลายแห่งรีบปิดตั้งแต่ยังไม่หัวค่ำ

    แต่ไม่ใช่ด้านนอกเมืองที่มีเสียงเอะอะมะเทิ่งออกมาจากเพิงไม้ริมกำแพงเมือง อากิรอสกับนัตสึมิเปิดศึกสาดน้ำลายใส่กันหลังจากเขารู้ว่าเธอเป็นคนเอางานอดิเรกอย่างการถักโครเชต์มาเผยแพร่ให้เพื่อนสาวอีกสามคน

    “อย่างเธอกับฉันอันที่จริงเราก็มีหัวใจให้กัน แล้วทำไมเธอกับฉันคอยขัดกันทุกทีเรื่อยไป เธอก็เสือฉันก็สิงห์ทั้งที่จริงไม่มีอะไร รักกันแต่ทำไมเป็นอย่างงี้”

    เอเซร้องเพลงคู่กัดของนักร้องชื่อดังคนหนึ่งขึ้นมาลอยๆ

    “โวะ”

    “ไมได้รักกันสักหน่อย!”

    ทั้งอากิรอสและนัตสึมิหันมาโวยวายใส่เอเซพร้อมกัน แต่นักดาบเวทยังไม่ยอมหยุดร้องเพลงแถมยิ่งตะเบ็งเสียงร้องขึ้นอีกเจ็ดเดซิเบลครึ่ง

    ในห้วงเวลาแห่งเสียงหัวเราะ จู่ๆความตึงเครียดก็วิ่งเข้ามาชนพวกเธอและเขาจังเบ้อเร่อ

    “มัล...มัลดิโตใช่ไหม? ไปช่วยหน่อยสิ!”

    ผู้เล่นคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบมาขอความช่วยเหลือ ทากะจำหน้าได้ว่าผู้เล่นชายคนนี้เป็นสมาชิกคนหนึ่งในปาร์ตี้กลุ่มใหญ่ที่ออกมาล่าบอสเมื่อตอนหัวค่ำ ไม่ต้องรอให้อธิบายอะไรมากไปกว่านี้ ทากะพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วเป็นคนแรกตามด้วยเอเซพร้อมกับกุห์ฟานและอากิรอส อีกสี่สาวหายตะลึงแล้วจึงรีบวิ่งตามไปทันที

    ห่างออกไปประมาณเจ็ดร้อยเมตร มอนสเตอร์บอส ‘มิโนทอร์’ กำลังอาละวาดพร้อมกับลูกน้องอีกสี่ตัว ผู้เล่นเกือบสามสิบคนต่างแยกย้ายหนีตายกันอย่างอลหม่าน ปีศาจที่มีร่างกายเป็นมนุษย์แต่มีหัวเป็นวัวฟาดขวานยักษ์ในมือโจมตีผู้เล่นอีกคนหนึ่งที่หนีไม่ทัน สายลมกรรโชกสีดำวูบหนึ่งเข้าแทรกกลางระหว่างบอสและผู้เล่นคนนั้น ขวานยักษ์จามลงพื้นดินที่ว่างเปล่าเกิดเสียงดังสนั่นแต่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเพราะทากะพุ่งเข้าไปหิ้วผู้เล่นคนนั้นออกมาก่อนที่จะโดนฆ่าตาย

    เสียงกู่ร้องตะโกนดังมาจากด้านหลังบอสพร้อมกับดาบเคลย์มอร์ที่เจิดจ้าประหนึ่งดาวศุกร์บนท้องฟ้า มิโนทอร์หันกลับมาใช้ด้ามขวานยักษ์ป้องกันตัวเองได้

    “เสร็จข้าละโว้ย! อิเลคตริก้าชาร์จจิ้ง!”

    พลังเวทที่อัดแน่นอยู่ในดาบถูกปลดปล่อยออกมา มอนสเตอร์บอสถูกช็อตด้วยสายฟ้าที่เปี่ยมด้วยพลังทำลายมหาศาล มันถูกดีดกระเด็นออกไปไกล เปิดโอกาสให้ผู้เล่นคนอื่นถอนตัวออกจากสมรภูมิที่แสนวุ่นวาย

    ลูกน้องบอสอีกสี่ตัวเป็นครึ่งคนครึ่งวัวโถมเข้าหาเอเซเพื่อจู่โจม แต่ยังไม่ทันเข้าถึงตัวเขา มิยูและไนซ์ก็กระโดดเข้ามาแทรกกลางและผลักให้ลูกน้องบอสสองตัวทางด้านหลังถอยกลับไป ลูกน้องบอสอีกหนึ่งตัวก็ถูกลูกธนูอาบเวทมนตร์ของนัตสึมิปักขมับเข้าให้สองดอกพร้อมกันตายคาที่ ส่วนตัวสุดท้ายถูกแช่แข็งอยู่ภายในผลึกน้ำแข็งขนาดใหญ่ด้วยฝีมือของอากิรอส คีฟ

    กุห์ฟานและเฟรเทียร์ผันตัวไปเป็นหน่วยพยาบาลช่วยชุบชีวิตให้คนที่โดนเล่นงานจนตายก่อนที่จะโดนส่งไปถึงมือหมออีวาน ไอแซค ที่โรงพยาบาล

    “เอาไงไอ้เอ๋อ?” เอเซหันไปถามทากะที่กลับไปยืนทำหน้ามึนๆ

    “ยกให้สหายก็แล้วกัน”

    เอเซได้ฟังคำตอบแล้วก็พุ่งเข้าไปมิโนทอร์ที่วิ่งสวนเข้ามาเช่นกัน บอสฟาดขวานใส่ด้วยพลังมหาศาลถ้าเป็นคนทั่วไปคงต้องหลบแต่เอเซชาร์จพลังเวทมนตร์ใส่ดาบแล้วฟาดสวนกลับไป ผลจากการปะทะทำให้ขวานยักษ์ของมิโนทอร์แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกลางอากาศ จากนั้นคมดาบสายลมชุดใหญ่ก็เฉือนร่างใหญ่โตเป็นแผลเหวอะนับสิบแห่งพร้อมกัน เลือดของมันกลายเป็นหมอกโลหิตฟุ้งไปทั่วอากาศ ตบท้ายด้วยท่าไม้ตายประจำตัว ‘เบิร์สติ้งวินด์’ ในระยะประชิดส่งมันไปสู่ความตาย

    กว่าสามสิบคนยืนนิ่งตะลึงงันเพราะพวกเขาสู้กับบอสได้แค่แปปเดียวก็สู้ไม่ไหวแล้ว แต่เอเซกลับจัดการมันลงได้อย่างง่ายดายในเวลาแค่กระพริบตาไม่กี่ครั้ง

    สี่สาวชวนปาร์ตี้ล่าบอสกลับไปพักผ่อนที่เพิงริมกำแพง จัดแจงลงมือทำบาร์บีคิวเลี้ยงเป็นมื้อดึกแถมให้เป็นบริการพิเศษอีกด้วย บรรยากาศจึงครึกครื้นรื่นเริง มีการหยิบกีตาร์มาร้องเล่นเป็นเพลงอย่างสนุกสนาน

    “ไม่ๆๆ พวผมรับไว้ไม่ได้หรอก”

    หัวหน้าปาร์ตี้ล่าบอสยืนกรานเด็ดขาดว่าจะไม่ขอรับไอเท็มทุกชิ้นที่ดรอปจากบอสและยกให้เป็นของมัลดิโตทั้งหมด

    “เดิมทีพวกผมรวมปาร์ตี้กันมาล่าบอสเพราะมากันสนุกๆไม่ได้หวังอยากได้ไอเท็มอะไรหรอกแต่บอสดันเก่งขึ้นกว่าปกตินี่สิแถมมีลูกน้องอีกสี่ตัวด้วย พอผิดแผนเข้าก็เลยลำบากกันถ้วนหน้า นี่ยังดีที่ไม่มีใครต้องไปนอนโรงพยาบาลสักคน คุณมาช่วยพวกเราไว้ก็ดีแค่ไหนแล้วจะให้พวกเรารับไอเท็มอีกคงไม่ได้หรอก”

    กุห์ฟานพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจแล้ว

    “ตะกี๊บอกว่าบอสเก่งขึ้นหมายความว่าเคยสู้มาก่อนหน้านี้ครั้งหนึ่งแล้วสินะ”

    “พวกเราเคยรวมปาร์ตี้สู้กับมันมาแล้วสองครั้ง แต่ครั้งนี้นอกจากจะมีลูกน้องบอสเพิ่มขึ้นมาแล้วตัวบอสเองยังเก่งขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย”

    ทากะร่อนหนังสือพิมพ์ฉบับหลายวันก่อนไปตกข้างตัวกุห์ฟานได้พอดิบพอดีพร้อมกับเปิดหน้าข่าวสารอัพเดทให้ด้วย กุห์ฟานหยิบขึ้นมากวาดสายตาอย่างรวดเร็วแล้วก็พับปิดไป

    “บอสถูกปรับระดับจากแรงค์อีให้กลายเป็นแรงค์ดีน่ะ ลูกน้องสี่ตัวที่เพิ่มเข้ามาก็เก่งเท่ามินิบอสแรงค์อี”

    “มิน่าละ รู้งี้พวกผมน่าจะหาข้อมูลกันสักหน่อยจะได้ไม่ต้องเจ็บตัวกันแบบนี้” หัวหน้าปาร์ตี้ล่าบอสถอนหายใจแล้วก็หัวเราะออกมาเสียงดัง

    “ไปร่วมวงกับพวกโน้นกันดีกว่า”

    “นี่ขนาดไม่มีแอลกอฮอล์ยังสุดเหวี่ยงแบบนี้เลยนะเนี่ย ถ้ามีจะขนาดไหนเนี่ย?”

    เสนาธิการแห่งแคลนมัลดิโตตบบ่าเขา มองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์นิดๆ “อยากให้มีรึเปล่าละ?”

    งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ปาร์ตี้ล่าบอสขอตัวแยกย้ายไปล่าบอสที่ทุ่งหญ้าตะวันออกของเมืองต่อ พอรู้ว่าพวกเขาจะไปลุยกับบอสหมาป่าเฟนริล กุห์ฟานจึงให้ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการต่อสู้และเตือนให้ระวังตัวด้วยพร้อมกับแอดรายชื่อไว้สำหรับติดต่อหากว่าต้องการความช่วยเหลือ

    สาวๆนั่งถักโครเชต์กันต่อพร้อมกับพูดคุยหัวเราะต่อกระซิกกัน หนุ่มๆก็นั่งเล่นไพ่มาจองอย่างครื้นเครงด้วยความเกรียนในกมลสันดาน






    ตะวันทอแสงรำไรที่ขอบฟ้าบอกเวลาว่ารุ่งเช้าได้กลับมาถึงอีกครั้ง สี่หนุ่มออกไปยืนบิดขี้เกียจรับน้ำค้างยามเช้าแล้วก็ออกกำลังกายกันเบาๆด้วยการจับอากิรอสเป็นคู่ซ้อมมวยโดยเจ้าตัวไม่สมัครใจ ในขณะที่สี่สาวกำลังสนุกกับการเตรียมอาหารเช้าง่ายๆด้วยการทำขนมปังปิ้งกับไส้กรอกและแฮมทอด ผู้เล่นที่ทำหน้าที่ส่งหนังสือพิมพ์ก็เดินออกจากประตูเมืองเอาหนังสือพิมพ์มาส่งให้แล้วกลับไปอย่างรวดเร็ว

    “ไอ้พวกนี้นี่เร็วจริงๆ จับตัวไม่ทันสักครั้งเลย”

    กุห์ฟานเดินมาถึง คนส่งหนังสือพิมพ์ก็เลี้ยวกลับเข้าเมืองไปแล้ว

    “จะจับตัวมาทำไมเหรอ?” เฟรเทียร์ขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย

    “อยากรู้มานานแล้วว่าคนพวกนี้หาข่าวกันยังไง ขนาดผมมั่นใจว่าปิดข้อมูลได้เนียนสุดๆบางครั้งยังโดนเอาไปเขียนข่าวได้เลย”

    “เอ...นั่นสินะ เห็นว่ามีผู้เล่นรวมกลุ่มกันทำนี่นาแต่เป็นกลุ่มไหนก็ไม่มีใครรู้เหมือนกัน”

    “แต่นัตว่าต่อให้จับตัวคนส่งหนังสือพิมพ์ได้ก็เค้นเอาข่าวอะไรไม่ได้มากหรอกค่ะ”

    “นั่นสินะ”

    กุห์ฟานถอนหายใจไหล่ตกแล้วก็เปิดหนังสือพิมพ์อ่านดูข่าวสารสักหน่อย ไนซ์ยกกาแฟกับชุดอาหารเช้ามาให้พร้อมกับเรียกอีกสองหนุ่มที่กำลังรุมแกล้งอากิรอสให้กลับมาทานด้วยกัน

    กุห์ฟานอ่านหนังสือพิมพ์ไปก็ยิ้มที่มุมปาก แววตาเปล่งประกายอย่างแรงกล้าขึ้นมา “ไนซ์ วันนี้มีคิวงานเยอะใช่ไหม?”

    “ก็ใช่นะ เช้ามีสองปาร์ตี้ขอลงดันเจียนใต้เมืองอารันด์ ตอนบ่ายมีภารกิจเล็กๆไปส่งของที่เมืองแบล็คแซนด์ ตอนเย็นกลับมาลงดันเจียนอีกทีน่ะ”

    “งั้นวันนี้ลุยเดี่ยวกันได้ไม่มีปัญหาสินะ”

    “ก็ได้อยู่หรอกว่าแต่จะไปไหนกันเหรอ?”

    กุห์ฟานโยนหนังสือพิมพ์ที่มีภาพท่าเรือเมืองบลูเพิร์ลมีหลุมยุบขนาดใหญ่ และไม่ใช่เฉพาะที่ท่าเรือแต่เป็นแบบนี้หลายจุดในเมือง

    “รายละเอียดในข่าวบอกว่ามีความเป็นไปได้ที่ด้านล่างหลุมนั่นจะเป็นดันเจียน เซเลสเทียลส่งคนลงไปสำรวจหลายชุดแล้วแต่ก็ต้องล่าถอยกลับมา ข่าวล่ามาไวว่าพวกคุณๆผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่คนจะออกโรงเองในเย็นนี้ พวกพี่คิดว่าไงละ?”

    เสนาธิการแห่งแคลนมัลดิโตยิ้มกริ่ม รุ่นพี่อีกสามคนก็ยิ้มกริ่มอย่างรู้ทัน

    “พวกนายสี่คนเนี่ยนิสัยไม่ดีเลยนะ” เฟรเทียร์ถอนหายใจบ่น

    “คบกันมาตั้งนานเพิ่งรู้ว่าพวกเรานิสัยไม่ดีเหรอ?”

    เอเซยักคิวตอบเธอแล้วหันไปบอกมิยู “วันนี้อาจจะกลับช้าหน่อยนะ แต่ยังไงก็กลับแน่ๆ”

    “กลับช้าก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่ถ้าจะไม่กลับก็ช่วยติดต่อมาสักหน่อยนะคะ”

    อากิรอสคิดอะไรไม่รู้ไปพูดแบบเดียวกับนัตสึมิแต่โดนนักธนูสาวตอกกลับหน้าหงายแทนที่บอกว่าไม่ต้องกลับมาตลอดไปเลยยิ่งดี เรียกเสียงหัวเราะครื้นเครงได้หนึ่งครั้งก่อนที่จะแยกจากกัน สี่หนุ่มมัลดิโตใช้วาร์ปคริสตัลพาตัวเองไปปรากฏหน้าเมืองบลูเพิร์ลในตอนเช้าตรู่ที่ลมทะเลพัดเอาความสดชื่นและกลิ่นเกลือเค็มๆเข้าสู่ผืนแผ่นดิน หลังจากจ่ายค่าผ่านเข้าเมืองคนละหนึ่งพันกิลด้วยความเต็มใจแล้วพวกเขาก็มุ่งหน้าไปทางตะวันตกของเมืองเพื่อตามหาตำแหน่งหลุมยุบที่เกิดขึ้น

    พอไปถึงที่เกิดเหตุก็เจอกับพื้นที่กลายเป็นหลุมลึกมองไม่เห็นก้น กว้างประมาณสี่เมตร มีการนำเชือกมาล้อมไว้ไม่ให้คนอื่นเข้าใกล้ แต่สำหรับมัลดิโตแล้วต่อให้เอารั้วหนามเหล็กมีกระแสไฟฟ้าแรงสูงมาล้อมไว้พวกเขาก็จะฝ่าเข้าไปให้ได้อยู่ดี กุห์ฟานจุดคบเพลิงขึ้นมาหนึ่งอัน มองหน้ารุ่นพี่ทั้งสามที่พยักหน้าตอบกลับว่าพร้อมแล้วก็โยนคบเพลิงลงไปในหลุม แล้วพวกเขาสี่คนก็กระโดดลงตามลงไปทันที

    ดำดิ่งในความมืดมิดราวกับจะลงสู่ขุมนรกไม่ถึงหนึ่งนาที แสงจากคบไฟที่สะท้อนขอบหลุมหลุดหายลงไปในความมืดที่กว้างใหญ่ เอเซปักดาบเคลย์มอร์กับผนังของหลุมเอื้อมมือให้อากิรอสจับ อากิรอสจับมือเอเซและส่งมือให้ทากะจับ และทากะจับมืออากิรอสและส่งมือให้กุห์ฟานจับเป็นคนสุดท้าย พวกเขาสี่คนห้อยต่องแต่งอยู่อย่างหมิ่นเหม่จะหลุดออกไปจากหลุมและค่อยๆหย่อนตัวลงมาทีละคน ด้านล่างเป็นโพรงแนวขวางขนาดใหญ่ มีกองดินขนาดใหญ่เกิดจากดินที่ยุบตัวลงมา

    กุห์ฟานใช้ทักษะประจำอาชีพนักล่าสมบัติตรวจสอบก็รู้ได้ทันทีว่าที่นี่เชื่อมต่อกับดันเจียนที่ยังไม่ถูกค้นพบและมีปฏิกิริยาของหีบสมบัติอยู่ด้านในด้วย รุ่นพี่ทั้งสามคนปล่อยให้กุห์ฟานเป็นคนนำทาง เดินไปตามอุโมงค์ที่คดเคี้ยวได้สักพักก็มาถึงทางแยก เอเซตัดสินใจโยนหัวก้อยแล้วก็ได้เส้นทางขวามือ แต่เส้นทางนี้นำพวกเขาออกไปสู่ด้านหลังภูเขาที่เชื่อมต่อกับทะเล

    “สงสัยตรงนี้เป็นทางเข้าที่ถูกต้องของดันเจียนละมั้ง แต่ไม่มีใครมาเจอสักทีก็เลยมีอีเวนต์เกิดขึ้นให้ผู้เล่นลงไปเจอดันเจียนด้วยวิธีอื่น”

    ไม่มีใครโต้แย้งข้อสันนิษฐานของกุห์ฟาน

    พวกเขาเดินย้อนกลับไปเข้าไปด้านในอุโมงค์อีกครั้ง ไปตามเส้นทางที่ไม่ได้เลือกและไปสุดทางที่ปลายทางซึ่งเป็นประตูโค้งมีอิฐก่อเรียงอย่างสวยงามที่ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติอย่างแน่นอน พวกเขาเดินลงไปตามบันไดที่ทอดตัวลงสู่เบื้องล่างที่มืดมิดยิ่งกว่า ดีว่าพวกเขาทุกคนมีทักษะมองเห็นในที่มืดในระดับสูงเป็นทักษะเสริมกันทุกคนเลยไม่ต้องกังวลกับสภาพแวดล้อมรอบตัว

    ข้างล่างไม่ต่างจากข้างบน เป็นอุโมงค์ที่ชื้นแฉะมืดมิดและคดเคี้ยว เมื่อไปต่อได้สักพักอุโมงค์ก็กลายสภาพเป็นคลองสายเล็กๆเมื่อมีน้ำขังลึก ตอนแรกก็ท่วมแค่ข้อเท้าและค่อยๆลึกลงจนท่วมถึงเข่า บางจุดลึกเกือบถึงเอว

    และสิ่งที่พวกเขาคาดไว้ก็ปรากฏตัวออกมา

    ‘บลัดดี้ฟิช’ มอนสเตอร์ปลาสายพันธุ์กินเนื้อแบบเดียวกับปลาปิรันย่าแห่เข้ามาหาพวกเขาอย่างหิวโหยในเลือดและเนื้อสดๆ แต่มอนสเตอร์สังกัดธาตุน้ำแบบนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าเอเซผู้เชี่ยวชาญเวทสายฟ้าก็ไม่ต่างอะไรกับปลาซิวปลาสร้อย แถมอากิรอสยังควบคุมน้ำรอบๆตัวให้ปั่นป่วนเป็นน้ำวนเพื่อป้องกันไม่ให้ปลาพวกนี้เข้าถึงตัวได้ กุห์ฟานกางอาณาเขตลดความเร็วของศัตรูและทากะคอยจัดการบลัดดี้ฟิชที่ใจกล้าที่กระโดดขึ้นมาจากน้ำหมายจะขย้ำคอหอยพวกเขา

    ไปต่ออีกหน่อยก็ได้เจอกับ ‘ปิรันย่า’ ของจริงแถมมากันเป็นฝูงใหญ่เป็นร้อยตัว แต่พวกมันก็เป็นเพียงมอนสเตอร์แรงค์ดีเท่านั้น เพียงแค่เวทสายฟ้าไม่กี่ชุดจากเอเซและอากิรอสก็ทำให้พวกมันกลายเป็นปลาย่างได้ไม่ยากนัก

    จากอุโมงค์เส้นเดียวนี้นำทางไปถึงใจกลางของดันเจียนที่มีทางลงไปสู่ชั้นต่อไป แต่การลงไปดันเจียนชั้นต่อไปต้องทำลาย ‘ผลึก’ ที่สถิตอยู่ ณ ทิศทั้งสี่ให้ครบก่อน พวกเขาตัดสินใจตามหาผลึกที่ทิศเหนือก่อน ระหว่างทางก็ยังต้องผจญกับบรรดาปลากินเนื้อทั้งหลายที่กรูเข้ามาขอกัดน่องพวกเขาสักคำก็ยังดี

    สุดทางฝั่งเหนือเป็นแอ่งน้ำกว้างๆดูยังไงก็ไม่เห็นมีผลึกที่ว่า แต่เมื่อกุห์ฟานชี้ลงไปในน้ำทุกคนก็รู้ได้ว่างานนี้ต้องดำน้ำกัน แต่คนที่ดำน้ำก็มีเพียงทากะและกุห์ฟานที่มีทักษะดำน้ำเป็นทักษะประจำอาชีพเท่านั้น หากว่าเจอกับมอนสเตอร์ใต้น้ำคงต่อสู้ได้ลำบาก อากิรอสเลยผนึกพลังเวทธาตุสายฟ้าไว้ในศิลาเวทและส่งให้พวกเขาไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน

    “จบงานนี้สหายสองคนเตรียมไปเรียนดำน้ำกันได้เลย” ทากะบอกกับเอเซและอากิรอส

    ทั้งสองคนดำน้ำลงไปได้ลึกถึงระยะหนึ่งก็พบกับแสงสว่างสีฟ้าอยู่ที่ก้นแอ่งน้ำแห่งนี้ เมื่อดำน้ำลึกลงไปอีกก็พบกับผลึกสีฟ้าขนาดใหญ่ ทั้งสองคนใช้มีดแทงและใช้ดาบฟันเท่าไรก็ทำลายผลึกไม่ได้สักทีเลยตั้งจะเอาศิลาเวทระเบิดผลึกทิ้งแต่ปัญหาก็มีอีกตรงที่ทั้งทากะและกุห์ฟานใช้เวทมนตร์ไม่ได้เลยคงไม่มีทางใช้ศิลาเวทได้แน่ๆ จะเสี่ยงใช้ระเบิดใต้น้ำก็ไม่รู้ว่าจะได้ผลแค่ไหนพวกเขาเลยต้องจำใจกลับขึ้นมาและบอกเล่าให้เอเซและอากิรอสฟัง

    ผลึกอีกสามแห่งที่อยู่อีกสามทิศก็เช่นเดียวกัน ดาบและมีดเมื่ออยู่ใต้น้ำก็ไม่อาจทำให้มันเกิดรอยได้แม้แต่แผลเท่าแมวข่วน เมื่อผลลัพธ์ลงเอาเช่นนี้พวกเขาจึงตัดสินใจถอนตัวกลับออกมาอย่างมือเปล่า พวกเขาย้อนกลับออกมาที่ปากถ้ำที่ริมทะเล ด้านหลังของภูเขาที่อยู่ทางทิศเหนือของเมืองบลูเพิร์ล จากตำแหน่งนั้นสามารถเดินลัดเลาะโขดหินมาถึงท่าเรือบลูเพิร์ลได้

    แต่เมื่อพวกเขามาถึงบริเวณท่าเรือก็มีคนกลุ่มใหญ่รอต้อนรับอยู่แล้วด้วยการนำของกลอเรียส อัลติมัส และไวโอเล็ตแซฟไฟร์ รองหัวหน้าแคลนทั้งสองคนของเซเลสเทียล รวมไปถึงเอรันด้า วิเลยเซีย หัวหน้าแคลนเฮฟเวนลี่ปรินเซสที่พกพาความแค้นที่มีต่ออากิรอสมาเต็มเปี่ยมดวงตา และแพททริค โอลิเวีย กิ๊บสัน หัวหน้าแคลนโฮลี่คิงด้อม






    สี่หนุ่มมัลดิโตไม่ได้แสดงท่าทีตื่นตระหนกหรือแปลกใจแต่อย่างใดเพราะสถานการณ์แบบนี้คาดเดาได้อยู่แล้วว่าต้องเกิดขึ้น

    “ต้องบอกไม่ได้เจอกันเสียนานนะครับ” กลอเรียส อัลติมัสกล่าวทักทายและยิ้มต้อนรับ

    “ถ้าคุณว่าอย่างนั้นก็คงใช่ครับ” อากิรอสยักไหล่ตอบกลับด้วยท่าทีสบายๆ “แล้วไม่ทราบว่าวันนี้ยกขบวนมากันทำไมเยอะแยะเหรอครับ?”

    “ก็มารอพวกคุณอากิรอสกับเพื่อนๆน่ะสิครับ”

    “มารอพวกผม? จะเลี้ยงข้าวกลางวันเหรอครับ? แหม! ดีใจจังเลยจะได้นั่งทานข้าวร่วมกับคุณกลอเรียส คุณไวโอเล็ต คุณแพททริคแล้วก็องค์หญิงเอรันด้า”

    อากิรอสพูดจบก็ขยิบตาซ้ายให้เอรันด้าหนึ่งที

    “ก็อยากเลี้ยงข้าวกลางวันอยู่หรอกครับแต่เผอิญว่าวันนี้คงไม่สะดวกเท่าไร วันนี้มาเพราะมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบน่ะครับ”

    “ว่ามาได้เลยครับพวกผมไม่ได้พิการทางการได้ยิน”

    “ก่อนอื่นเลยก็คงเป็นข่าวการประกาศเพิ่มหนี้สินของพวกคุณจากเจ็ดล้านกิลเป็นยี่สิบล้านกิลจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้ของคุณเอเซ ตอนแรกผมก็ตั้งใจจะไปบอกด้วยตัวเองแต่ไหนๆพวกคุณก็มาที่นี่แล้วก็ถือโอกาสบอกซะเลย”

    “อุตส่าห์มากันตั้งเยอะแยะขนาดนี้เพื่อบอกข่าวแค่นี้ผมละซาบซึ้งในน้ำใจของทุกคนจริงๆเลยครับ แล้วมีอะไรอีกรึเปล่าครับ? ถ้าไม่มีผมก็จะขอเชิญทุกท่านไปรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันสักหน่อย เดี๋ยวพวกผมสี่คนเป็นเจ้ามือให้ก็ได้ โดยเฉพาะองค์หญิงเอรันด้านี่ต้องขอเชิญเป็นพิเศษเลยนะครับ”

    หัวหน้าแคลนเฮฟเวนลี่ปรินเซสถลึงตามองอากิรอสด้วยความรู้สึกอยากจะฉีกกระชากเอาออกเป็นเศษเนื้อ ถ้าไม่ติดว่าไวโอเล็ตแซฟไฟร์ดึงข้อมือไว้ละก็เธอคงพุ่งเข้าไปจัดการเขาตั้งนานแล้ว

    “เรื่องนั้นเอาไว้วันหลังดีกว่านะครับ ถึงตอนนั้นผมจะไปเชิญด้วยตัวเองเลยด้วย วันนี้คงต้อรบกวนขอให้พวกคุณสี่คนไปนอนโรงพยาบาลกันสักรอบ เพราะในฐานะสมาชิกสภาผู้บริหารเมืองบลูเพิร์ลผมคงไม่ปล่อยให้พวกคุณที่มีสถานะเป็นนักโทษมีค่าหัวไปได้ง่ายๆหรอกครับ คงต้องขอให้พวกคุณสี่คนยอมจำนนและอย่าขัดขืนจะดีที่สุดนะครับแล้วปัญหาทุกอย่างก็จะคลี่คลายไปเอง”

    “ว่ายังไงครับ? จะยอมจำนนหรือว่าจะให้พวกผมลงมือเอง”

    “ก่อนจะฆ่ากันนี่ขอถามอะไรสักหน่อยเถอะ ข่าวที่ลงในหนังสือพิมพ์เนี่ยจงใจให้สัมภาษณ์แบบโกหกใช่ไหม ที่คุณบอกว่าคืนนี้จะเริ่มต้นสำรวจดันเจียนใต้ดินแต่ที่จริงแล้วแอบลงไปสำรวจตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว มีหรือที่เซเลสเทียลจะปล่อยให้ดันเจียนที่จู่ๆก็ปรากฏออกมาไว้เฉยๆแบบนี้”

    กลอเรียส อัลติมัส ยิ้มบางๆที่มุมปาก “ใช่ครับ ผมให้สัมภาษณ์ไปแบบนั้นแหละเพราะคิดไว้อยู่แล้วว่าพวกคุณจะต้องมาสำรวจและเคลียร์ดันเจียนตัดหน้าให้พวกเราเสียแรงเสียเวลาเปล่าเหมือนที่กับที่พวกคุณแย่งทำภารกิจที่เมืองอารันด์นั่นแหละครับ แต่ผมก็ไม่คิดเหมือนกันนะว่าแผนตื้นๆแบบนี้จะล่อพวกคุณมาติดกับได้”

    กุห์ฟาน รีส ริยาส ยิ้มบางๆที่มุมปากเช่นกัน “พวกผมไม่ได้ติดกับดักแต่จงใจติดกับดักต่างหากละ”

    “จงใจ? ทำเรื่องแบบนั้นไปเพื่ออะไรละครับ?”

    เสนาธิการแห่งแคลนมัลดิโตอ่านสีหน้ากลอเรียสออกว่าเขารู้ความหมายชัดเจนดีอยู่แล้วแต่แกล้งทำเซ่อ เขาก็เนียนตามน้ำกลับไป “ผิดคาดนะครับเนี่ย ไม่คิดว่าคุณกลอเรียสจะไม่เข้าใจเรื่องง่ายๆแบบนี้”

    “จริงๆก็พอเข้าใจนิดหน่อยนะครับแต่ไม่มั่นใจว่าตัวเองคิดถูกรึเปล่าก็เลยถามออกไปดู ถ้าคุณกุห์ฟานอยากฟังผมก็อธิบายให้ฟังได้”

    กุห์ฟานยักไหล่ตอบกลับ

    “โบราณว่าถ้าไม่เข้าถ้ำเสือก็ไม่ได้ลูกเสือ พวกคุณรู้อยู่แล้วว่าทางนี้จงใจปล่อยข่าวลวงแต่ก็ยังมาที่นี่ก็เพื่อหยั่งเชิงว่าพวกเราจะดำเนินการกับพวกคุณอย่างไร อีกทั้งเพื่อหยั่งประสิทธิภาพและกำลังรบของพวกเราว่ามีขุมกำลังในระดับไหนเพื่อที่จะได้วางแผนต่อไปในอนาคต ผมตอบถูกรึเปล่าครับ?”

    “เต็มร้อยคะแนนเลยครับ” กุห์ฟานตบมือให้กลอเรียส อีกฝ่ายก็ค้อมหัวรับไว้

    “ขอบคุณครับ แต่ผมว่าตอนนี้ถึงเวลาปิดรายการถามตอบแล้วละ”

    กลอเรียส อัลติมัส ดึงดาบออกจากปลอก แววตามั่นคงห้าวหาญบ่งบอกว่าคราวนี้เขาจะจัดการขั้นเด็ดขาดกับมัลดิโตให้ได้ สมาชิกที่มีฝีมือต่อสู้ในระดับสูงของทั้งสามแคลนถือเอากิริยานั้นเป็นสัญญาณให้เตรียมพร้อมเปิดศึกต่างเตรียมอาวุธตั้งท่าอย่างพร้อมเพรียงกัน

    บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันที บรรดาไทยมุงต่างลุ้นระทึกว่าการต่อสู้จะเปิดฉากในแบบไหนและจบลงด้วยผลลัพธ์อย่างไร






    “เฮ้! กลอเรียส” เสียงของเอเซ แมคโดเวล ดังขึ้นจากด้านหลังสุด “ยังจำได้ไหมว่าคราวก่อนนายติดค้างอะไรเราไว้?”

    “จำได้สิครับ ครั้งนั้นเราเจอกันแต่ไม่ได้ต่อสู้เพราะผมติดประชุม”

    “งั้นคราวนี้เราขอให้นายชดใช้หนี้ครั้งนั้นละกัน”

    “ชดใช้หนี้? จะให้ผมปล่อยพวกคุณไปงั้นเหรอครับ?”

    “แค่ครั้งนี้จะขอเพิ่มเดิมพันลงไปอีกอย่างน่ะ”

    “เดิมพัน?”

    “ใช่! ถ้านายไม่ชนะก็แค่ปล่อยเรากลับไป แต่ถ้านายชนะได้พวกเราจะเป็นฝ่ายยอมแพ้เอง”

    ในขณะที่กลอเรียสกำลังคิดหาทางโต้ตอบความนัยที่ซ่อนอยู่ในคำพูด เอเซก็โพล่งขึ้นมาอย่างรู้ทันเช่นกัน

    “หรือว่านายไม่มั่นใจ?”

    คำพูดของเอเซได้ยินชัดเจนไปทั่วทั้งบริเวณท่าเรือ ศักดิ์ศรีของผู้เล่นระดับเอ็มวีพีในยุคเทสต์เบต้ารวมถึงชื่อเสียงอีกมากมายกำลังกลายเป็นบ่วงเส้นใหญ่รัดคอเขาเอง จริงอยู่ว่าเขาสามารถเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องนี้ได้และออกคำสั่งคำเดียวสมาชิกทุกคนก็พร้อมที่จะสู้กับมัลดิโตทันที แต่ถ้าทำแบบนั้นทั้งชื่อเสียงและบารมีของแคลนเซเลสเทียลที่สั่งสมมานานก็เท่ากับพังครืนลงทั้งหมด เพราะมัลดิโตจะหนีด้วยคริสตัลเหมือนครั้งก่อนก็ได้แต่ก็เลือกที่จะไม่หนีแต่ท้าสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งแทน

    หมากตานี้จึงกลายเป็นว่าม้าของทั้งสองฝ่ายออกมายืนประจันหน้ากันกลางกระดานโดยที่ม้าฝ่ายหนึ่งถอยกลับไม่ได้แล้ว

    เอรันด้าไม่ชอบใจกับสถานการณ์นี้ตั้งใจจะพูดให้กลอเรียสเพิกเฉยต่อคำยั่วยุแต่ก็ช้ากว่ามือของกลอเรียสที่ยกขึ้นห้ามและส่งสัญญาณให้ทุกคนถอยออกห่าง

    “มั่นใจนะว่าถ้านายแพ้แล้วเพื่อนๆของคุณจะไม่หลบหนี?”

    “มัลดิโตยืนยันคำไหนคำนั้น”

    ทากะเป็นคนตอบกลับแทนเอเซพร้อมกับโยนวาร์ปคริสตัลส่งให้ด้วย กุห์ฟานและอากิรอสเองก็โยนวาร์ปคริสตัลให้ด้วยเช่นกัน

    “เริ่มกันรึยัง? คราวนี้ไม่ต้องเปลี่ยนอาวุธหรืออะไรทั้งนั้นนะ”

    เอเซอยู่ในท่าเตรียมพร้อมยกดาบเคลย์มอร์คอนบ่าไว้แล้ว กลอเรียสเปลี่ยนท่าร่างเป็นจับดาบหันปลายลงพื้นไว้ด้านขวาของลำตัว ทั้งสองคนยืนจดจ้องอยู่เป็นเวลานานทำให้หลายคนเกร็งจนเกือบลืมหายใจ ทากะต้องเป็นคนช่วยเคาะระฆังเปิดศึกอีกครั้งด้วยการดีดเหรียญทองแดงขึ้นสู่ท้องฟ้าและปล่อยให้มันตกลงมาระหว่างกลางทั้งสองคน

    เสียงกังวานของเหรียญทองแดงตามมาด้วยเสียงดาบปะทะดาบและประกายไฟกลางอากาศ เอเซกลับตัวพร้อมกับกลอเรียสและฟาดดาบใส่กันอีกครั้งแต่ครั้งนี้กลอเรียสกลายเป็นฝ่ายผงะถอยหลังเพราะแพ้กำลัง ฝ่ายได้เปรียบก้าวเท้ารุกไล่อย่างต่อเนื่อง ดาบเคลย์มอร์แทงเข้ามาอย่างรวดเร็วแต่กลอเรียสก็รอจังหวะอยู่แล้ว เขาย่อตัวลงและปัดดาบของเอเซจากด้านล่างและถีบเท้าแทงสวนกลับ แต่เอเซก็หลบได้แถมหมุนตัวฟันขนานมากับดาบของกลอเรียสที่อยู่ในท่วงท่าการแทง กลอเรียสถูกบังคับให้ต้องพลิกข้อมือปัดดาบของเอเซอีกครั้ง

    สะเก็ดไฟกระจายออกแล้วเลือนหายไป ทั้งสองคนถอยออกห่างจากกันหลังจากการปะทะ

    ไทยมุงหลายคนดูไม่ทันว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น มีเพียงสามคนจากแคลนมัลดิโต รองหัวหน้าแคลนเซเลสเทียลอีกหนึ่งคนและหัวหน้าแคลนพันธมิตรทั้งสองที่มองออกว่าเมื่อครู่พวกเขาปะทะกันอย่างไร

    เอเซวิ่งเข้าหากลอเรียสเพื่อไม่เปิดโอกาสให้เขามีเวลาคิดวางแผนต่อสู้ แต่อาจผิดไปจากที่เขาคาดไว้ อาจเพราะศักดิ์ศรีหรือความมั่นใจหรืออาจจะเป็นทิฐิ กลอเรียสกลับเลือกที่จะเข้าปะทะซึ่งๆหน้า ไม่ว่าจะโจมตีพลิกแพลงแบบไหนทั้งสองคนก็ทัดเทียมกันในด้านกระบวนท่าพื้นฐานของอาวุธประเภทดาบสองมือ

    ทั้งสองถอยออกห่างอีกครั้ง เอเซประจุพลังเวทมนตร์เข้าสู่ดาบเคลย์มอร์จนเปล่งแสงสว่าง กระแสลมก่อตัวขึ้นมาพัดวนอยู่รอบตัวเขาราวกับพายุ แม้จะต้องเจอกับการโจมตีด้วยเวทมนตร์แต่กลอเรียสยังไม่มีสีหน้าวิตกกังวลแม้แต่นิดเดียว เอเซตวัดดาบไปด้านหลังและวาดกลับมาด้านหน้าเหมือนท่าฟันดาบปรกติ กระแสลมที่อยู่รอบตัวเขาแปรเปลี่ยนเป็นคมดาบวายุนับไม่ถ้วนเข้าฟาดฟันศัตรูด้วยอำนาจแห่งเวทมนตร์ทรงพลัง

    กลอเรียสทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดรวมถึงเอเซด้วย เขาปักดาบลงกับพื้นตรงหน้า รอบๆตัวเขาเกิดเป็นพายุหมุนที่รุนแรงไม่แพ้กับที่เอเซสร้างขึ้น คมดาบวายุที่โจมตีเข้ามาไม่อาจฝ่ากำแพงลมเข้าไปได้และสูญสลายไปพร้อมกับพายุที่อ่อนกำลังลงเมื่อดาบถูกถอนจากพื้น

    ไวโอเล็ตแซฟไฟร์ยิ้มราวกับว่าพวกเขาได้รับชัยชนะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    “เห...เป็นนักดาบเวทเหมือนกันเหรอเนี่ย?”

    พูดจบนักดาบเวทแห่งแคลนมัลดิโตก็พุ่งเข้าหากลอเรียสด้วยพลังสายลมหนุนเสริม กลอเรียสชี้ดาบสวนออกไปตรงๆ เพียงแค่นั้นเอเซก็รู้สึกถึงอันตรายได้ด้วยสัญชาตญาณแต่ตอนนี้เขากำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง การเปลี่ยนทิศทางกะทันหันแทบจะเป็นไปไม่ได้ เปลวไฟก่อตัวขึ้นที่ปลายดาบของกลอเรียสและขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ลูกบอลเพลิงพุ่งออกไปดุจลูกกระสุนแล่นออกจากปากกระบอกปืนใหญ่

    เสียงระเบิดดังสนั่นพร้อมกับลูกไฟดวงใหญ่พวยพุ่งเป็นรูปดอกเห็ดขึ้นสู่ท้องฟ้า เอเซผงะถอยออกจากพื้นที่ที่เกิดการระเบิด โชคดีที่ปลอกแขนทั้งสองข้างเขามีคุณสมบัติป้องกันการโจมตีทางเวทมนตร์ไว้ด้วยจึงทำให้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บมาก

    จังหวะที่เอเซถอยออกมาจากกองไฟ กลอเรียสก็อ้อมมาอยู่ด้านหลังพร้อมด้วยดาบที่ห่อหุ้มด้วยเปลวไฟร้อนแรง ทันทีที่เอเซยกดาบขึ้นป้องกันตัวตามสัญชาตญาณก็เกิดระเบิดเพลิงขึ้นแผดเผาเขา นี่คือทักษะดาบเวท “เอ็กโพลดเฟลมมิ่ง” ซึ่งเอเซก็ทำได้แต่ไม่รุนแรงเท่านี้ รองหัวหน้าแคลนเซเลสเทียลตามโจมตีซ้ำ เอเซฟันดาบสวนกลับทั้งที่ยังติดอยู่ในกองไฟ เกิดระเบิดซ้ำอีกครั้งแต่คราวนี้กลอเรียสก็ถูกดีดกระเด็นด้วยทักษะดาบเวท “อิเล็คตริก้าชาร์จจิ้ง” ด้วยเช่นกัน

    เอเซกระโจนออกมาจากกองกองไฟพร้อมเสียงหัวเราะร่า กวัดแกว่งดาบโจมตีกลอเรียสอย่างไม่เกรงกลัวว่าจะโดนระเบิดสวนกลับเพราะเขาก็ตั้งใจจะช็อตกลอเรียสด้วยเช่นกัน

    “สะใจจริงๆโว้ย ฮ่าๆๆๆ”

    เกิดระเบิดติดๆกันอีกสามครั้งพร้อมกับเสียงที่เหมือนฟ้าผ่าอีกสามหน ทั้งสองคนกระเด็นออกจากกันในสภาพบาดเจ็บทั้งคู่

    รอยยิ้มมั่นใจหายไปจากใบหน้าของไวโอเล็ตแซฟไฟร์ เธอเห็นกลอเรียสเอาจริงมานับครั้งไม่ถ้วนไม่ว่าจะตอนสู้กับมอนสเตอร์บอสระดับสูงหรือกับผู้เล่นฝีมือฉกาจที่มาท้าสู้ แต่ฉากที่กลอเรียสต่อสู้ทุ่มอย่างสุดตัวและได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ก็เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก

    เอเซชี้ดาบตรงไปที่กลอเรียส กลอเรียสก็ชี้ดาบตรงมาที่เอเซ กระแสลมหมุนมารวมตัวกันที่ปลายดาบของเอเซ ลูกไฟก็ขยายตัวขึ้นที่ปลายดาบของกลอเรียส ท่าไม้ตายปะทะกับท่าไม้ตาย!

    “เบิร์สติ้งวินด์”

    “ไฟเออร์บุลเล็ต”

    เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวยิ่งกว่า เปลวไฟฉาบย้อมทุกที่ให้เป็นสีแดงสว่าง พายุเพลิงที่งดงามตระการตาก่อตัวขึ้นพร้อมกับลมร้อนพัดปั่นป่วนไปทั่วทั้งท่าเรือแห่งนี้ ผลลัพธ์ของการยิงท่าไม้ตายเข้าใส่กันจบลงด้วยการเสมอและพลังทั้งสองสายสูญสลายไป

    แต่การต่อสู้ยังไม่จบ!

    ทั้งสองคนแม้จะบาดเจ็บแต่ก็พุ่งเข้าหากันอย่างไม่กลัวเกรงต่อความเจ็บและความตาย ดูนัยหนึ่งงดงามสมเป็นนักรบผู้องอาจห้าวหาญ แต่อีกนัยหนึ่งก็ดิบเถื่อนประหนึ่งสัตว์ป่าสองตัวห้ำหั่นกันอย่างไม่มีตัวไหนยอมถอยจนกว่าจะดับลมหายใจของอีกฝ่าย

    แต่จะเป็นแบบไหนก็ถูกใจกองเชียร์ที่ได้เห็นการต่อสู้มันส์ๆของผู้เล่นอันดับหนึ่งของเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์กับผู้เล่นหน้าใหม่ที่ต่อกรได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ

    ในตอนนี้แม้แต่ไวโอเล็ตแซฟไฟร์ก็ไม่อาจพูดรับประกันชัยชนะของกลอเรียสได้อย่างเต็มปากเต็มคำ

    ดาบของเอเซตวัดฟันจากล่างขึ้นบนเฉียดผ่านหน้าอกของกลอเรียส แต่ตัวเขาเองก็ถูกดาบของกลอเรียสฟันจากไหปลาร้าลงมาด้วยเช่นกัน สองนักดาบเวทผงะกระเด็นโซเซเกือบจะเสียหลักแต่ก็ยังฝืนด้วยพลังใจไม่ให้ล้มลง แม้ใบหน้าจะเปื้อนไปด้วยเลือด แต่รอยยิ้มสะใจยังไม่จางหายไปจากใบหน้าของเอเซ

    ไม่รู้ตั้งแต่ตอนไหน เมฆดำได้ก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้าเหนือบริเวณการต่อสู้ แสงจากฟ้าแลบและเสียงฟ้าร้องคำรามทำให้หลายคนคิดว่ากำลังจะเกิดพายุ

    “ไม่ใช่! นี่มันเวทสายฟ้าต่างหาก!”

    แพททริคพูดด้วยเสียงทุ่มต่ำสั่นเครือ เขาเคยโดนเวทสายฟ้าของเอเซเล่นงานมาหลายครั้งย่อมรู้ดีถึงสาเหตุของการเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ สีหน้าเคร่งเครียดของเขาพลอยทำให้เอรันด้าและไวโอเล็ตเครียดตามไปด้วย

    กลอเรียสเองก็รับรู้ได้ว่าเอเซกำลังจะตัดสินทุกอย่างด้วยท่าไม้ตายระดับสูงสุดแล้ว เขาเองก็รวบรวมพลังเวทเตรียมพร้อมไว้เช่นกัน

    “ระ-วัง-ตัว-ให้-ดี-นะ”

    เอเซหัวเราะเฮะๆๆราวกับคนเสียสติ ค่อยๆประสานมือทั้งสองชูดาบเคลย์มอร์ชี้ขึ้นฟ้า ลำแสงสายฟ้าเส้นมหึมาฟาดลงมาที่ดาบเคลย์มอร์เสมือนมันเป็นสายล่อฟ้า แสงสว่างวาบสาดส่องไปทั่วทั้งท่าเรือ หลายคนยกมือขึ้นป้องตาและนั่นก็เท่ากับพลาดโอกาสที่จะดูผลแพ้ชนะแล้ว

    เอเซพุ่งเข้าโจมตีกลอเรียสอย่างรวดเร็วในโหมดร่างอวตารเทพสายฟ้า โจมตีห้าครั้งรวดด้วยความเร็วสูงและพลังทั้งหมด

    แต่เมื่อการโจมตีสิ้นสุดลง กลอเรียสยังหยัดยืนอยู่ได้ ถึงโดนโจมตีอย่างหนักหน่วงห้าครั้งแต่เขาก็ป้องกันตัวด้วย “เกราะสายฟ้า” เพื่อลดทอนความเสียหายจากเวทมนตร์สายฟ้าของเอเซ

    นักดาบเวทแห่งแคลนมัลดิโตทรุดลงนั่งชันเข่าเพราะหมดพลังจากการเคลื่อนไหวที่รุนแรง กลอเรียส อัลติมัสปักดาบลงพื้นถ่ายทอดพลังเฮือกสุดท้ายเพื่อใช้โจมตีปิดฉากการต่อสู้ แต่การโจมตีของนักดาบเวทแห่งแคลนมัลดิโตยังไม่สิ้นสุดแค่นั้น การโจมตีห้าครั้งเป็นการเชื่อมต่อไปสู้เวทมนตร์สายฟ้าแรงค์บี การโจมตีห้าครั้งได้สร้างสัญลักษณ์เวทขึ้นมาบนพื้นเป็นรูปดาวห้าแฉกเพื่อใช้เรียกสายฟ้าลงมาโจมตีอีก เป็นท่าที่ล้มเหลวเมื่อตอนต่อสู้กับแพททริคครั้งแรก

    “เมก้าโวลท์”

    กลอเรียสถูกฟ้าผ่าใส่อีกห้าครั้งซ้อนจนพลังชีวิตเป็นศูนย์ แต่เอเซก็ถูก “ไฟร์พิลล่า” การโจมตีเฮือกสุดท้ายของคู่ต่อสู้แผดเผาอยู่ในเสาพระเพลิงจนพลังชีวิตเป็นศูนย์เช่นกัน ร่างของทั้งสองคนลอยละลิ่วขึ้นกลางอากาศและตกลงมานอนแน่นิ่ง

    ทากะขยับวูบเข้ามาถึงกลอเรียสที่นอนนิ่งอยู่ ทั้งไวโอเล็ตแซฟไฟร์ เอรันด้าและแพททริคได้แต่ตกละตึงเพราะคิดว่าทากะจะโจมตีซ้ำกลอเรียสเพื่อให้ไม่ชุบชีวิตได้

    แต่พวกเขาคิดผิด

    ทากะใช้คริสตัลชุบชีวิตให้กลอเรียสก่อนแล้วค่อยไปชุบชีวิตให้เอเซ หัวหน้าแคลนมัลดิโตประคองเอเซลุกขึ้นยืนและหันไปพูดกับทั้งสามคนที่มีความสงสัยอยู่บนหน้า “คิดว่าผมจะทำอะไรถ่อยๆงั้นเหรอ?”

    กลอเรียสยันตัวลุกขึ้นยืนและยื่นมือไปขอจับมือกับเอเซ

    “ตามสัญญานะครับ เสมอก็คือไม่ชนะ”

    ทั้งสองคนจับมือกันท่ามกลางเสียงโห่ร้องของบรรดาผู้เล่นที่อยู่ดูเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีใครคาดคิดว่าสุดท้ายแล้วการต่อสู้ดุเดือดรุนแรงจะจบลงโดยที่ไม่มีใครเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง และเอเซจะสามารถพาเพื่อนร่วมแคลนอีกสามคนออกจากเมืองบลูเพิร์ลไปได้อย่างปลอดภัย

    หนังสือพิมพ์ฉบับวันถัดไปลงข่าวพาดหัวอย่างเอิกเกริกว่า ‘มัลดิโตบุกท้าสู้เซเลสเทียล ดวลเดี่ยวสุดมันส์’
    soulmaster ถูกใจสิ่งนี้
  16. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    ทำเอาสงสัยขึ้นมาเชียวว่าพวกกลุ่มนักข่าวนี่จงใจจัดฉากเพื่อทำข่าวกันหรือเปล่าแฮะ >_<
  17. soulmaster

    soulmaster Endorphinlism

    EXP:
    403
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    18
    ถึงขนาดเสี่ยงตายมาส่งหนังสือพิมพ์ด้วยตัวเอง +__+

    ถ้าบอสไปนอน รพ.นี่ คงจะมีคนไปเยี่ยมเต็มไปหมด

    ปล. หนี้จะพุ่งไปถึงไหนนิ
  18. powder

    powder Member

    EXP:
    260
    ถูกใจที่ได้รับ:
    9
    คะแนน Trophy:
    18
    มาคอมเมนท์จากที่เคยให้สัญญาไว้นานมากแล้วค่ะ

    ตอนมาเห็นจำนวนตอนก็ตกใจพอดู รู้สึกได้ถึงความขยันของอเซซังมากๆเลย แต่เล่นเอาซีดเหมือนกันว่าจะอ่านจบไหมนะ (ฮา)

    ตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 5 ค่ะ อ่านสะดุดแค่บางจุดแต่เวลาพูดกันรู้สึกลื่นไหลใช้ได้เลย มีความเกรียนที่แผ่ซ่านในทุกๆตอน(?)ด้วย โดยส่วนตัวอ่านแล้วก็ยังงงๆในเรื่องเลเวลกับระบบสกิล และจ็อบของเกมนี้อยู่เหมือนกัน แต่อ่านที่อเซซังเขียนหลังตอนห้าแล้วก็เข้าใจขึ้นเยอะค่ะ

    ในแง่ตัวละครนี่คุ้นๆทั้งนั้น น่าสนใจว่าหลังจากตอนนี้จะมีเรื่องราวอะไรอีกบ้าง มิยูเหตุผลมุ้งมิ้งมากๆ แต่ก็น่ารักดีนะคะ อยากรู้ว่าจะเกี่ยวข้องอะไรกันได้อีก

    ส่วนตอนที่ดวลกันนั้น ส่วนตัวยังไม่รู้สึกว่ามันสุดยอดจนเป็นเหตุร่ำลือ คิดว่าบรรยายมากกว่านี้น่าจะอินได้มากขึ้นละมั้งคะ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงนิสัยของเอเซแม็กขึ้นอีกนิด

    สรุปเท่าที่อ่านมา สไตล์เขียนถึงจะไม่ได้อ่านนานแล้วแต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความแฟนตาซีดั้งเดิมสไตล์อเซซังอยู่ แต่เรื่องนี้ผสมความออนไลน์ทำให้ดูมีอะไรใหม่ๆขึ้น น่าสนใจดีว่าผิคชั่นเกมออนไลน์นี้จะมีเรื่องราวอะไรอีกถึงสี่สิบกว่าตอนแล้ว

    ถ้าว่างยังไงจะมาอ่านต่อนะคะ
    Azemag ถูกใจสิ่งนี้
  19. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    คิดซะว่าเป็นเว็บดราม่าฉบับแกรนด์ไกอาก็แล้วกันครับ


    หนี้ไม่มีลิมิตเช่นเดียวกับความร้อนครับ ไอน์สไตน์ไม่ได้กล่าวไว้

    ขอบคุณมากๆเลยจ้า ช่วงแรกๆนั่นเขียนพลาดไปจริงๆนั่นแหละ
    ที่ไม่ได้อธิบายอะไรเลยก็เพราะว่าไม่อยากอัดระบบของเกมลงไปเยอะๆในช่วงแรกไม่งั้นมันจะกลายเป็นหนังสือคู่มือเล่นเกมไปอย่างที่บอกแหละจ๊ะ
  20. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    Grand Gaia Online 44 – Reset




    หลายวันหลังจากเหตุการณ์ดวลเดี่ยวระหว่างเอเซ แมคโดเวลและกลอเรียส อัลติมัส สถานการณ์ทุกอย่างเป็นปรกติไม่มีเรื่องรุนแรงอะไรตามที่หลายคนคาดว่าอาจจะเกิดการตามล่าย้อนหลัง กลอเรียสสั่งระดมกำลังสมาชิกทั้งหมดให้มาช่วยในภารกิจสร้างทางรถไฟช่วงสุดท้ายระหว่างเมืองบลูเพิร์ลและเมืองไวท์พิลล่าให้เสร็จให้ได้ รวมถึงสมาชิกจากแคลนพันธมิตรทั้งสองแคลนด้วย ส่วนมัลดิโตก็ปักหลักทำหน้าที่ทหารรับจ้างอยู่ที่เมืองอารันด์ต่อไป ผู้เล่นเกือบทั้งหมดก็ไปกระจุกกันที่เมืองไวท์พิลล่าเพื่อทำภารกิจเข้าสู่อนุทวีป เมืองอารันด์จึงสงบและเงียบเหงาไปเล็กน้อย

    วันนี้กุห์ฟานก็ยังวุ่นวายกับหน้าต่างสนทนามากมายรอบตัวเหมือนนักธุรกิจติดตามราคาขึ้นลงของหุ้นที่เก็งกำไรไว้ก็ไม่ผิดนัก วันนี้เป็นวันพักผ่อนสบายๆของพวกเขาสี่หนุ่มมัลดิโตและสี่สาวทหารรับจ้างรุ่นที่สอง แต่ถึงไม่มีผู้เล่นอื่นมาขอให้ไปช่วยทำภารกิจแต่ก็มีผู้เล่นแวะเวียนมาขอแลกเปลี่ยนไอเท็มอยู่เรื่อยๆ

    ทุกวันในเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์ดำเนินไปอย่างราบเรียบในจังหวะที่ควรจะเป็น ตอนกลางวันผู้เล่นทำภารกิจหาเงิน กลางคืนออกต่อสู้กับมอนสเตอร์ฝึกฝนเพิ่มพูนฝีมือของตัวเอง

    จนกระทั่ง...วันที่ทางรถไฟสายบลูเพิร์ล-ไวท์พิลล่าสร้างเสร็จ ทีมงานเกมแกรนด์ไกอาได้ประกาศว่าในวันที่ x เดือน xx เวลา xxxx ที่เมืองรีดจ์เบิร์ก เมืองรกร้างห่างไกลทางตะวันตกของทวีป จะมีตัวแทนทีมงานหรือก็คือเกมมาสเตอร์ไปพบกับผู้เล่นเพื่อแจ้งเงื่อนไขสุดท้ายของการเคลียร์ทวีปแรกเพื่อเปิดทางไปสู่ทวีปที่สอง

    ตอนแรกสี่หนุ่มมัลดิโตไม่ได้กระเหี้ยนกระหือรือจะไปเหยียบทวีปที่สองสักเท่าไร แต่มีจดหมายจาก <อีวาน ไอแซค> ส่งมาถึงพวกเขา นายแพทย์หนึ่งเดียวของโรงพยาบาลบอกว่าพวกเขาให้ไปที่นั่นด้วย แถมยังทิ้งท้ายด้วยว่าถ้าเบี้ยวไม่ไปละก็อย่าโผล่หน้ามาให้เห็นที่โรงพยาบาลอีกไม่งั้นเจอดีแน่ พวกเขาเลยจำใจไปที่เมืองรีดจ์เบิร์กอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ งานนี้เลยต้องขอพึ่งเมลม็อกให้ช่วยนำทางให้และโชคดีที่สี่สาวไม่ว่างล็อกอินเข้าในช่วงเวลานี้ด้วยไม่อย่างนั้นพวกเธอต้องขอติดตามไปด้วยแน่ๆ

    พอออกจากเมืองอารันด์ตามทางที่พระอาทิตย์ เดินทางพ้นป่าที่มีแต่คิลเลอร์ฮอร์เน็ตทำรังอยู่เป็นจำนวนมากก็เจอกับกำแพงภูเขาเตี้ยๆแต่สูงชัน ลัดเลาะไต่ไปตามทางเดินสัตว์ป่าไปจนถึงช่องแคบที่เชื่อมต่อไปถึงหุบเขาด้านในได้ มอนสเตอร์แถวนี้ไม่ได้เก่งอะไรมากเป็นเพียงมอนสเตอร์แรงค์เอฟและอีที่ไม่โจมตีก่อน แต่ถ้าเจอกับมอนสเตอร์แรงค์ดีละก็มันจะพุ่งเข้ามาโจมตีก่อนเสมอและก็จะถูกสี่ปีศาจมัลดิโตส่งไปเกิดใหม่ในพริบตา

    หนึ่งวันเต็มๆกว่าจะฝ่าภูเขาออกมาได้ และภูมิทัศน์หลังจากนั้นก็เป็นเหมือนกับคนละโลกเพราะที่ราบรกร้างกว้างใหญ่ทอดตัวยาวไปจนถึงเส้นขอบฟ้าไกลลิบๆ ฝุ่นผงปลิวตามลมมาเข้าตาจนต้องหยิบแว่นกันลมมาใส่กันทุกคน สภาพของที่นี่ไม่ต่างอะไรกับทะเลทรายสักเท่าไร ร้อน แห้งแล้ง กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา จะต่างกันก็แค่ไม่ต้องเดินย่ำทรายให้ทรายไหลเข้าไปในรองเท้าจนรู้สึกคันยิบๆเท่านั้น มอนสเตอร์แถวนี้ก็เป็นกระทิงและควายป่าอย่างที่เมลม็อกว่าไว้ พวกเขาห้าคนเลี่ยงการต่อสู้เป็นส่วนใหญ่เพราะต้องการไปให้ถึงเมืองรีดจ์เบิร์กให้เร็วที่สุด การต่อสู้ที่เลี่ยงไม่ได้ก็ต่อสู้ให้เสร็จไปในเวลาที่สั้นที่สุด

    ถ้าเป็นผู้เล่นทั่วไปที่เดินทางจากรีดจ์เบิร์กไปอารันด์หรือจากอารันด์ไปรีดจ์เบิร์กคงใช้เวลาเจ็ดวันเต็มของการล็อกอินเพื่อเดินทางเลย แต่มัลดิโตบวกหนึ่งใช้เวลาเพียงแค่สี่วันเท่านั้น บ้านเรือนส่วนใหญ่เป็นกึ่งไม้กึ่งอิฐสร้างอยู่บนภูเขาหินขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอย่างโดดเดี่ยวกลางพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ห่างออกไปเป็นหน้าผาหินที่สูงไม่มากแต่กว้างออกตลอดแนวเหนือใต้เป็นกำแพงที่เกิดจากธรรมชาติ ในซอกหน้าผาเป็นสุสานที่ผู้เล่นอาชีพนักบวชมักจะเข้าไปต่อสู้กับมอนสเตอร์ผีดิบในตอนกลางคืน ภารกิจส่วนใหญ่ของที่นี่ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับโบสถ์ของเมืองที่ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของเมืองก็จะเป็นการไหว้วานจากชาวบ้านให้ช่วยจับม้า ล่ากระทิง คุ้มกันฟาร์มหรือไม่ก็ไปขุดแร่ที่ริมแม่น้ำ หลังจากเดินสำรวจทั้งเมืองจนพอใจพวกเขาก็ล็อกเอาท์ออกไปจากเกมรอจนกว่าจะถึงเวลานัดหมาย





    เมื่อใกล้ถึงวันที่กำหนด ผู้เล่นส่วนใหญ่ก็ทยอยเดินทางมาที่เมืองรีดจ์เบิร์กรวมถึงแคลนเซเลสเทียลที่ขนผู้เล่นเกือบครึ่งหนึ่งมาด้วยและเมื่อรวมกับแคลนพันธมิตรทั้งสองที่มาไม่น้อยไปกว่ากัน เมืองเล็กๆแห่งนี้จู่ๆก็แออัดยัดเยียดด้วยผู้เล่นที่มากันอย่างมืดฟ้ามัวดิน

    สถานที่สำหรับประชุมผู้เล่นจำนวนมากขนาดนี้คงไม่มีอยู่ในเมือง ทีมงานจึงมีประกาศให้ผู้เล่นไปรวมกันที่หน้าผาด้านหลังของเมือง ที่นั่นมีเก้าอี้ที่ทำจากหินวางเรียงเป็นรูปครึ่งวงกลมแผ่ขยายออกจากหน้าผาให้ผู้เล่นใช้นั่ง ดูยิ่งใหญ่คล้ายการประชุมสภาแห่งแรกของโลกที่เกิดขึ้นริมหน้าผาในไอซ์แลนด์ก็ไม่ปาน มีที่นั่งพิเศษอยู่ด้านหน้าสำหรับแคลนเซเลสเทียล เรื่องนี้ไม่แปลกสักเท่าไรในสายตาผู้เล่นคนอื่น แต่มีที่นั่งพิเศษสำหรับสมาชิกแคลนมัลดิโตอยู่ด้วยนี่สิที่ทำให้หลายคนเริ่มคิดว่าแคลนนี้มีอะไรพิเศษถึงขนาดจีเอ็มต้องจัดให้มีที่นั่งพิเศษด้วย

    ผู้เล่นต่างจับกลุ่มพูดคุยคาดเดาว่าคราวนี้เงื่อนไขภารกิจจากจีเอ็มจะเป็นอะไรบ้าง เสียงจ้อกแจ้กจอแจเงียบลงในทันใดเมื่อถึงเวลานัดหมายและจีเอ็มปรากฏตัวขึ้นจากวงแหวนของเวทเคลื่อนย้ายที่เวทีหินด้านหน้า

    จีเอ็มมากันสองคน หนึ่งชายและหนึ่งหญิง จีเอ็มชายสวมชุดสีขาวทั้งเสื้อและกางเกงขายาว ใบหน้าหล่อเหลาคมคายชนิดที่ว่าเอาหัวหน้าแคลนโฮลี่คิงด้อมที่สาวๆหลงใหลไปยืนเทียบแล้วกลายเป็นคนหน้าตาธรรมดาไปเลย ในขณะที่จีเอ็มหญิงสวมเสื้อและกระโปรงมินิสเกิร์ตสีชมพู ผมสีบลอนด์แดงเป็นลอนใหญ่ยาวลงมาถึงหน้าอกที่ใหญ่เวอร์ เรื่องความสวยไม่ต้องพูดถึงเพราะถ้าเอาไวโอเล็ตแซฟไฟร์กับเอรันด้าไปยืนประกบข้างทั้งสองคนก็กลายเป็นเด็กน้อยไปเหมือนกัน

    “ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณผู้เล่นทุกคนนะที่มาที่นี้ในวันนี้แม้จะต้องเดินทางมากันไกลหน่อย” จีเอ็มชายเริ่มกล่าวอย่างเป็นทางการ

    “ที่มากันวันนี้ก็คงรู้อยู่แล้วเรื่องการเคลียร์ภารกิจสุดท้ายจากทางทีมงานเพื่อเปิดให้เข้าสู่ทวีปที่สอง สองภารกิจแรกที่ให้ไปก็สำเร็จด้วยดีทั้งการสร้างทางรถไฟสายเมืองบลูเพิร์ล-ไวท์พิลล่า ส่วนเรื่องการสำรวจทุกซอกทุกมุมของทวีปแรกก็ทำได้มากกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว ทางทีมงานก็เลยคิดว่าน่าจะประกาศภารกิจสุดท้ายไปเลยเพื่อให้ผู้เล่นทำควบคู่ไปกับการสำรวจพื้นที่ที่ยังเหลืออยู่”

    เสียงไพเราะเพราะพริ้งของจีเอ็มหญิงดังกังวานไปทั่วที่ประชุมกลางแจ้ง ทุกคนยังคงนั่งนิ่งเพื่อรอฟังว่าภารกิจสุดท้ายจากทีมงานคืออะไร

    “ขอเชิญคุณกุห์ฟาน รีส ริยาส จากแคลนมัลดิโตออกมาด้านหน้าด้วยค่ะ”

    จู่ๆก็ถูกเรียกตัวอย่างกะทันหัน ถึงจะได้ยินอย่างชัดแจ้งเต็มสองหูแต่เสนาธิการของแคลนมัลดิโตก็แกล้งทำเป็นหูทวนลม

    “ขอเชิญคุณกุห์ฟาน รีส ริยาส จากแคลนมัลดิโตออกมาด้านหน้าด้วยค่ะ และถ้าต้องให้ดิฉันเชิญเป็นครั้งที่สาม ดิฉันจะเดินไปลากคอคุณมาเองนะคะ”

    เจอขู่แถมท้ายพร้อมรอยยิ้มที่อ่านได้ทันทีว่าเธอทำจริงแน่ๆ กุห์ฟานก็ต้องลุกออกไปยืนข้างหน้าตามที่ถูกเรียก

    “มีไรเหรอป้า?”

    เอเซหลุดขำก๊ากออกมาทำลายความเงียบที่เป็นมนต์ขลังของที่ประชุมแห่งนี้ ในขณะที่คนอื่นนั่งเหงื่อตกใจแป้วกันเป็นแถบเพราะไม่คิดว่ามัลดิโตจะกล้าลองดีกระทั่งกวนประสาทจีเอ็มซึ่งๆหน้าแบบนี้

    เอรันด้าเม้มปากกัดฟันพูดออกมาดังๆ “ไม่มีมารยาท!”

    เอเซก็ยิ่งหัวเราะเสียงดังมากขึ้นไปอีกเหมือนจงใจยั่วประสาทเธอ “ไอ้เอ๋อ มารยาทมันหน้าตาเป็นยังไง อร่อยป่าววะ?”

    “ไม่รู้สิสหาย เราก็ไม่เคยเห็นไม่เคยกินเหมือนกัน” ทากะยักไหล่ตอบ

    “เอาละๆ พอได้แล้ว” จีเอ็มหญิงต้องพูดปรามพร้อมส่งสายตาดุๆเพื่อเป็นสัญญาณให้เอเซหยุดหัวเราะ

    “คุณกุห์ฟาน ขอไอเท็มที่ระบุว่าเป็น <อันโนนไอเท็ม> ที่คุณครอบครองอยู่ด้วยค่ะ”

    กุห์ฟานล้วงหาลูกแก้วสีม่วงจากในคลั่งไอเท็มส่งให้จีเอ็มหญิง เธอนำไปให้จีเอ็มชายและให้เขาเป็นคนแจ้งข้อมูลต่อไป

    “ไอเท็มชิ้นนี้เป็นหนึ่งใน <คีย์ไอเท็ม> ที่จำเป็นสำหรับปลดผนึกเวทมนตร์ที่ผนึกเส้นทางเชื่อมต่อไปสู่ทวีปที่สอง ต้องใช้คีย์ไอเท็มแบบนี้ทั้งหมดสิบสองชิ้น เงื่อนไขในการหาไอเท็มพวกนี้ก็คือทำการภารกิจตามหมู่บ้านต่างๆ อีกทางหนึ่งก็คือดันเจียนทุกแห่งมีคีย์ไอเท็มพวกนี้อยู่ด้วยเช่นกัน”

    “แล้วก็ยังมีอีกเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่จะต้องแจ้งให้ทราบด้วย...”

    จีเอ็มชายทิ้งท้ายไว้ให้ทุกคนสงสัยและถอนหายใจออกมาเหมือนหนักใจกับเรื่องที่จะพูดต่อไป

    “มีกำหนดเวลาหนึ่งปีตามเวลาภายในเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์ หรือก็คือสิบห้าวันตามเวลาบนโลกจริง ถ้าไม่สามารถเคลียร์เงื่อนไขนี้ได้ ทางทีมงานจะทำให้ทุกอย่างในโลกแกรนด์ไกอาออนไลน์ให้กลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง พูดง่ายๆก็คือรีเซ็ตละนะ”

    ข่าวสารนี้เรียกเสียงครางฮือจากผู้เล่นทุกคนพร้อมกัน แต่ผู้เล่นที่ไม่พอใจมากที่สุดที่และลุกขึ้นประท้วงก็คือรองหัวหน้าแคลนเซเลสเทียล ไม่ใช่กลอเรียสแต่เป็นไวโอเล็ตแซฟไฟร์

    “แบบนี้ไม่ยุติธรรมเกินไปนะคะ แบบนี้ทุกอย่างที่พวกเราลงทุนลงแรงทำในตลอดเวลาที่ผ่านมาก็กลายเป็นเรื่องสูญเปล่าทั้งหมด ทางทีมงานคิดดีแล้วหรือคะสำหรับเงื่อนไขนี้ เงื่อนไขที่จะทำให้ผู้เล่นเลิกเล่นเกมนี้และหันไปเล่นเกมออนไลน์เสมือนจริงอื่นๆแบบนี้เหมาะสมแล้วหรือคะ?”

    จีเอ็มชายยักไหล่และถอนหายใจ

    “เสียใจด้วยนะครับ นี่คือสิ่งที่ทีมงานตัดสินใจและลงมติแล้วคงจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรไม่ได้ หากจะมีผู้เล่นเลิกเล่นไปพวกเราก็ทำใจยอมรับสภาพนั้นอยู่แล้วละครับ”

    เมื่อเอรันด้าได้ฟังคำตอบแล้วก็ลุกขึ้นประท้วงบ้าง “นี่คือความรับผิดชอบของทีมงานหรือคะ? คิดว่าจะได้คำตอบอะไรที่บ่งบอกถึงความเป็นมืออาชีพมากกว่านี้เสียอีก”

    เสียงหัวเราะดังลั่นด้วยน้ำเสียงและทำนองเสียดสีประชดประชันดังขึ้นจากฟากที่นั่งของมัลดิโต เจ้าของเสียงหัวเราะนั้นคือ อากิรอส คีฟ

    “ท่าทางคุณเอรันด้าและคุณไวโอเล็ตแซฟไฟร์คงจะลืมอะไรไปสักอย่าง”

    เอรันด้าสะบัดเสียงใส่เขา “หมายความว่ายังไง?”

    “ไม่ใช่พวกคุณเองหรือที่กดตกลงยอมรับเงื่อนไขและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงต่อร่างกายและการเปลี่ยนแปลงใดๆก็ตามภายในเกม นี่เป็นกฎข้อแรกของข้อตกลงทั้งหมดเลยนะครับ และพวกคุณก็เป็นคนกดตกลงเองด้วย หรือว่าตอนกดปุ่มนั้นมีคนอื่นบังคับให้พวกคุณกดกันเอ่ย? คงไม่ใช่...ใช่ไหมละครับ”

    อากิรอสฉีกยิ้มเยือกเย็นให้หญิงสาวทั้งสองคนที่ยืนหน้าชาตอบโต้ใดๆไม่ได้ เพราะทุกอย่างที่เขาพูดนั่นเป็นทั้งข้อเท็จจริงและความจริงที่ไม่ว่าใครก็ปฏิเสธไม่ได้

    เอเซพูดเสริมขึ้นมา “ถ้าไม่พอใจก็เลิกเล่นไปจีเอ็มเขาก็บอกอยู่แบบนั้นนี่นา ถ้าเธอสองคนไม่พอใจก็เลิกเล่นไปสิ ไปเล่นเกมออนไลน์เสมือนจริงเกมอื่นอย่างที่พูดไว้นั่นไง”

    เอรันด้าเถียงไม่ได้ได้แต่กัดฟันอย่างโกรธแค้น

    “ผมจะบอกอะไรให้สักอย่างนะ ที่สถานการณ์มันเป็นแบบนี้ก็เพราะพวกคุณทำตัวเองทั้งนั้น พวกคุณละเลย ไม่ใส่ใจและไม่ให้ความสำคัญกับภารกิจเล็กน้อยๆจากเอ็นพีซีทั่วไป มุ่งหน้าแต่แสวงหาผลประโยชน์จากภารกิจใหญ่ๆที่ให้สิ่งตอบแทนคุ้มค่าและเป็นประโยชน์แต่กับพวกคุณเท่านั้น แค่มาที่เมืองนี้พวกคุณก็น่าจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างแล้ว แต่ถ้ายังไม่เห็นผมก็จะบอกให้เอง”

    ทากะลุกขึ้นยืนและหันไปเผชิญหน้ากับไวโอเล็ตแซฟไฟร์

    “ความเจริญของเมืองนี้เทียบได้กับความเจริญสักครึ่งหนึ่งของเมืองบลูเพิร์ลรึเปล่า ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะไม่มีผู้เล่นมาช่วยสร้างความเจริญให้กับเมืองนี้ ภารกิจถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้เล่นช่วยเหลือชาวเมืองในแง่มุมต่างๆและให้เงินหรือไอเท็มเป็นสิ่งตอบแทนเพื่อให้ผู้เล่นสามารถเอาชีวิตรอดได้ แต่พวกคุณตีความภารกิจเป็นผลประโยชน์จึงมองไม่เห็นความหมายที่แท้จริงของภารกิจ เมืองนี้จึงไม่อาจพัฒนาได้ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วทุกเมืองควรจะพัฒนาไปพร้อมๆกัน หรือไม่แน่ที่เมืองนี้อาจมีภารกิจที่อาจให้คีย์ไอเท็มก็ได้แต่จะมีรึเปล่าพวกคุณก็ลองทำดูเอาเองละกัน”

    เมื่อทากะพูดจายาวเหยียดไม่สมกับเป็นตัวเองก็กลับไปนั่งอยู่เงียบๆตามลำพังเหมือนเดิม

    “ลองถามตัวเองดูสิว่าเคยไปช่วยเหลือหมู่บ้านชาวประมงห้าแห่งนอกเขตเมืองบลูเพิร์ลบ้างหรือเปล่า หมู่บ้านรอบเมืองอารันด์ที่เป็นหมู่บ้านธรรมดาพวกเธอเคยชายตามองบ้างไหม? หมู่บ้านเล็กๆที่เกาะนิฮงต้องการความช่วยเหลือเคยรู้บ้างไหม?”

    อากิรอสสำทับซ้ำ แต่คลื่นแห่งความเป็นจริงยังถาโถมใส่ไวโอเล็ตแซฟไฟร์และเอรันด้าอย่างไม่หยุดยั้งเมื่อกุห์ฟานลุกขึ้นพูดต่อทันที

    “เอางี้ไหมละ? ประชาธิปไตยดีด้วย เปิดให้ผู้เล่นทุกคนโหวตเลยว่าสมควรจะรีเซ็ตหรือเปล่า และนี่เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะ ผมมั่นใจว่าผู้เล่นที่ไม่ได้สังกัดแคลนเซเลสเทียล แคลนโฮลี่คิงด้อมและแคลนเฮฟเวนลี่ปรินเซส อีกจำนวนอีกสี่หมื่นสามพันคนยินดีให้รีเซ็ตอย่างแน่นอน”

    ทั้งเอรันด้าและไวโอเล็ตแซฟไฟร์อึ้งหนัก ไม่คิดว่าจะถูกกดดันด้วยวิธีการแบบนี้ในเวลานี้

    และคนที่เข้ามาทำให้สถานการณ์การเผชิญหน้าคลี่คลายลงก็คือกลอเรียส อัลติมัส เขาไม่ได้พูดตอบโต้กับแคลนมัลดิโตทั้งสี่คนแต่หันกลับไปพูดกับจีเอ็มทั้งสองคนแทน

    “เริ่มต้นนับเวลาถอยหลังเมื่อไรครับ?”

    “วันที่หนึ่งของเดือนหน้าในโลกจริงสิ้นสุดภารกิจภายในวันที่สิบห้า หากเคลียร์เงื่อนไขไม่ได้ก็เริ่มต้นรีเซ็ตทุกอย่างในวันที่สิบหก เท่ากับมีเวลาอีกสามวันบนโลกจริงหรืออีกเจ็ดสิบสองวันในเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์ก่อนการนับถอยหลัง”

    “ทราบแล้วครับ”

    กลอเรียสพยักหน้าอย่างเข้าใจ ตอนนี้ในสมองของเขาคงเริ่มประมวลผลแล้วว่าจะต้องทำอะไรก่อนหลังในเวลาที่เหลืออยู่อย่างจำกัดนี้

    จีเอ็มทั้งสองปล่อยให้ความเงียบโอบล้อมทุกคนไว้สักพักหนึ่งแล้วก็ประกาศอีกครั้ง

    “เรื่องที่จะแจ้งให้ทราบมีเท่านี้ ผู้เล่นทุกท่านสามารถอ่านรายละเอียดได้จากประกาศภายในเมืองทุกเมืองได้ตลอดเวลาหรือจากทางหน้าเว็บไซต์ของเกม ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งที่สละเวลามารับฟังในวันนี้และขอให้ทุกท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพ”

    ผู้เล่นส่วนใหญ่ทยอยเดินทางกลับออกจากที่ประชุมรวมถึงแคลนเซเลสเทียลและพันธมิตรทุกคนด้วย แต่แล้วทุกคนก็ต้องหยุดอยู่กับที่เมื่อจู่ๆแคลนมัลดิโตได้ทำสิ่งที่ไม่มีใครคิดจะทำ

    “จีเอ็มรีบไปไหนป่าว?” คนถามคำถามคือเอเซ แมคโดเวล

    “ก็รีบอยู่ เดี๋ยวต้องกลับไปเคลียร์งานที่โต๊ะอีกหลายเรื่องแน่ะ”

    “เป็นจีเอ็มนี่ก็ลำบากเหมือนกันนะ”

    “ก็ไม่ได้แย่เท่าไรหรอก ว่าแต่ถามทำไม?”

    นักดาบเวทแห่งแคลนมัลดิโตแสยะยิ้ม

    “จีเอ็มเกือบทุกเกมที่ผ่านมานี่เก่งเวอร์ เลยอยากรู้ว่าจีเอ็มเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์เนี่ยเก่งแบบนั้นบ้างรึเปล่าแค่นั้นเอง”

    “ฮ่าๆๆ” จีเอ็มชายหัวเราะดังๆออกมา “พวกเอ็งนี่มันบ้าเข้าเส้นจริงๆ”

    “เซย์เยสหรือเซย์โนละ?”

    จีเอ็มชายลุกขึ้นจากก้อนหินที่นั่งอยู่ไปยืนอยู่อีกฟากของเวทีห่างออกไปประมาณสิบเมตร

    “พร้อมแล้ว เข้ามาได้เลย”

    เอเซแสยะยิ้มอีกครั้ง เขาสร้างสายลมขึ้นรอบตัวเป็นพลังหนุนเสริมความเร็วในการเคลื่อนที่ แต่คนที่ชิงลงมือก่อนกลับเป็นอากิรอส คีฟ นักเวทผมเทายิงลูกไฟขนาดเล็กเข้าใส่ก่อน แต่การโจมตีเล็กน้อยแค่นี้ไม่อาจทำอันตรายจีเอ็มได้เพราะเขาหลบออกจากจุดที่ยืนอยู่ได้ทันที แต่ทิศทางการหลบของจีเอ็มก็อยู่ในการคาดคำนวณของเอเซอยู่แล้ว เขาพุ่งเข้าไปโดยอาศัยควันที่เกิดจากการระเบิดช่วยพรางตัว แต่ดาบเคลย์มอร์ที่โจมตีเข้าไปถูกอะไรบางอย่างปัดดาบเขาออกมา

    และพริบตานั้นเขาก็ถูกหอกเล่มหนึ่งทะลวงคอหอยตายคาที่ และในขณะที่อากิรอสกำลังร่ายเวทชุดที่สองอยู่ จีเอ็มชายก็วิ่งเข้าหาทันทีพร้อมรอยยิ้มเย็นยะเยือก

    ทากะในตอนแรกว่าจะไม่ยุ่งด้วยแต่เห็นแบบนี้คงจะต้องลงมือช่วย แต่พอเขาจะพุ่งเข้าไปรับมือกับจีเอ็มที่ควงหอกเข้าใส่เพื่อนร่วมแคลน ข้างกายเขากลับมีจีเอ็มหญิงเคลื่อนที่ตามมาด้วยความเร็วเท่ากัน พอเขาตัดสินใจจะลงมือกับจีเอ็มหญิง เสียงปืนก็ดังขึ้นหนึ่งนัดพร้อมกับการสูญเสียความสามารถในการควบคุมร่างกาย เพราะเขาถูกกระสุนจากปืนในมือของจีเอ็มหญิงยิงทะลวงขมับลงไปนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น

    และพร้อมกันกันนั้นอากิรอสก็ถูกหอกยาวทะลวงหัวใจตายไปอีกคนด้วย

    จีเอ็มหญิงยกปากกระบอกปืนลูกโม่ขึ้นป่าควันออก หันไปถามกุห์ฟานด้วยรอยยิ้มหวานๆ “คุณกุห์ฟานสนใจจะต่อสู้ด้วยไหมคะ?”

    เขายกสองมือขึ้นเป็นสัญญาณว่ายอมแพ้พร้อมกับส่ายหน้าปฏิเสธ

    เอเซตะโกนมาทั้งที่นอนคว่ำหน้าเลือดไหลนองพื้น “เฮ้ย! ไม่ลงมานอนกับพื้นหินดูบ้างละ เย็นดีนะโว้ย”

    “ถ้าผมตายแล้วใครจะชุบชีวิตพวกพี่ละ? หรือว่าอยากไปเจอหมออีวานที่โรงพยาบาลผมจะได้ไม่เปลืองไอเท็มชุบชีวิต”

    “เออว่ะ ฮ่าๆๆ ลืมไปเลยนะเนี่ย”

    เป็นจีเอ็มชายก็ช่วยชุบชีวิตให้ทั้งสามคนในทันที

    “พวกเอ็งนี่มันบ้าผิดมนุษย์มนาจริงๆเลย”

    จีเอ็มชายส่ายหัวแล้วก็บอกจีเอ็มหญิงให้เตรียมตัวกลับ แล้วทั้งสองคนก็ถูกแสงสว่างจากวงเวทใต้เท้ากลืนหายไปเหลือเพียงความว่างเปล่า





    สี่หนุ่มใช้วาร์ปคริสตัลตรงดิ่งกลับมาที่เมืองอารันด์ทันที สี่สาวรออยู่ที่ฐานทัพของทหารรับจ้างแล้ว

    “เป็นไง? ซ่าส์ผิดที่ผิดเวลาเจอจีเอ็มแทงคอตายเลยสินะ”

    “ข่าวไวไปนะเฟรเทียร์”

    “เขามีถ่ายทอดสดให้ดูทุกเมืองต่างหากละ พวกฉันก็เพิ่งกลับมาจากลานน้ำพุเหมือนกัน”

    “งั้นเรอะ?”

    “ก็เคยคิดอยู่เหมือนกันว่าพวกนายเก่งๆกันขนาดนี้ถ้าสู้กับจีเอ็มจะเป็นยังไง แต่วันนี้ก็ได้คำตอบแล้วละ” ประโยคนี้เธอพูดให้กับทากะ

    “ลองสู้ดูก็ไม่เสียหาย” หัวหน้าแคลนมัลดิโตยักไหล่ตอบ

    กุห์ฟานรับแก้วน้ำชาจากไนซ์แล้วไปนั่งหลบมุมเปิดหน้าต่างคุยกับเพื่อนในเน็ตเวิร์คตามลำพัง เขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องคิดอะไรหลายๆในเวลาที่เหลืออยู่อย่างจำกัดเช่นกัน ทุกคนรู้ดีถึงเหตุผลข้อนี้จึงเงียบเสียงลงและปล่อยให้เขาใช้ความคิดอย่างเต็มที่

    อีกครึ่งชั่วโมงต่อมากุห์ฟานจึงลุกขึ้นมานั่งร่วมวงน้ำชากับทุกคนได้

    “ว่าไงบ้างละ?”

    “ทุกคนในเน็ตเวิร์คไม่มีปัญหากับเรื่องรีเซ็ต” เขาตอบอากิรอสเพียงสั้นๆ

    “ก็คงไม่มีใครมีปัญหาหรอก...ยกเว้นคนบางกลุ่มบางพวกเท่านั้นแหละ”

    อากิรอสยักไหล่ตอบ

    “คนบางกลุ่มบางพวกที่นายว่าใช่กลุ่มเดียวพวกเดียวกับที่กำลังเดินมารึเปล่า”

    ทากะชี้ไปที่ประตูเมือง คนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินเข้ามาหาพวกเขา คนที่นำหน้ามาสี่คนล้วนแล้วแต่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีทั้งนั้นเพราะเพิ่งจะจากกันที่เมืองรีดจ์เบิร์กได้ไม่นานเท่าไรนัก

    อากิรอสลุกขึ้นจากเก้าอี้ มือซ้ายแตะอก มือขวาวาดวงโค้งในอากาศโน้มหัวลงเชิญผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่เข้าสู่เพิงไม้ซึ่งเป็นฐานบัญชาการของทหารรับจ้าง

    เป็นภาพที่น่าแปลกประหลาดสำหรับบรรดาไทยมุงที่คอยติดตามดูพวกเขาต่อสู้กับมาตลอดเมื่อสมาชิกแคลนมัลดิโตทั้งสี่คนนั่งร่วมโต๊ะดื่มน้ำชากับรองหัวแหน้าแคลนเซเลสเทียลทั้งสองคน รวมถึงหัวหน้าแคลนโฮลี่คิงด้อมและหัวหน้าแคลนเฮฟเว่นลี่ปรินเซส และครั้งนี้พวกเขาก็ตามมายืนมุงอยู่รอบเพิงไม้ด้วยเช่นกัน

    “ที่มากันกะทันหันแบบนี้คงจะมาคุยเรื่องรีเซ็ตเกมใช่ไหมครับ” กุห์ฟานพูดเริ่มต้นการสนทนาด้วยการถามคำถามแทงใจพวกเขาทันที

    “คุณกุห์ฟานเข้าใจถูกต้องแล้วละครับ”

    “คุณกลอเรียสยังไม่ตัดใจอีกเหรอ? ผมว่าโอกาสสำเร็จมันต่ำมากเลยนะครับ”

    “โอกาสสำเร็จต่ำไม่ได้หมายความว่าเป็นไปไม่ได้นี่ครับ”

    “ว้าว! มองโลกในแง่บวกดีจริงๆเลยนะครับเนี่ย ขอดื่มให้หนึ่งแก้วเลยครับ” อากิรอสยกแก้วชาขึ้นมาทำท่าคารวะให้

    “ผมมั่นใจว่าถ้าเป็นไปได้ก็คงไม่มีใครอยากให้รีเซ็ตหรอกนะครับ ลองคิดดูนะครับถ้าคุณสร้างบ้านขึ้นมาจนใกล้จะเสร็จแล้วจู่ๆก็มีเจ้าหน้าที่ถือหมายศาลมาสั่งให้รื้อถอนแล้วสร้างใหม่พวกคุณจะรู้สึกยังไง”

    “ต่อให้เสียใจแค่ไหนผมก็ต้องรื้อสร้างใหม่อยู่ดี หรือนายจะลองฝ่าฝืนคำสั่งศาลดูละ?” เอเซเป็นฝ่ายชิงตอบแทนเจ้ารุ่นน้อง

    ทากะเอ่ยขึ้นบ้าง “ผมว่า...มันก็เหมือนเราหัดเล่นเกมใหม่ที่เพิ่งวางตลาด ไม่มีบทสรุป ไม่มีคู่มือ ไม่มีใครให้ปรึกษา ลองผิดลองถูกเล่นไปตามที่เราพอจะเล่นได้ ผ่านไปสักพักพอบทสรุปออกหรือในเว็บบอร์ดมีคนคุยกันถึงเทคนิคต่างๆ เราจะเล่นใหม่เพื่อให้ได้เซฟที่ดีกว่าสมบูรณ์กว่าก็ไม่เห็นแปลกอะไรนี่ครับ ทำแบบนั้นแล้วอาจช่วยให้เล่นสนุกมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ”

    กลอเรียสคิ้วกระตุกเล็กน้อย ไม่ว่าจะพูดอะไรก็คงโน้มน้าวให้พวกเขาคิดคล้อยตามได้

    “ถ้าพวกคุณคิดแบบนั้นผมก็คงทำอะไรไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นผมขอพูดเข้าประเด็นเลยละกัน”

    “เชิญ”

    “พวกผมต้องการข้อมูลแผนที่ ดันเจียน มอนสเตอร์และรายละเอียดภารกิจที่พวกคุณมีอยู่ทั้งหมด โดยเฉพาะที่แบล็คฟอเรสและป่ามายารอบเมืองเวเนส”

    “ขอกันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ?” เฟรเทียร์ที่นั่งอยู่ด้านหลังถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจสักเท่าไร

    “ไม่ได้ขอกันง่ายๆค่ะคุณเฟรเทียร์ ทางเรายังไม่ทันแจ้งข้อเสนอเลยนะคะ” ไวโอเล็ตแซฟไฟร์ต้องพูดแทรกขึ้นมาเช่นกัน

    “มูลค่าของข้อมูลชุดนี้พวกคุณต้องการเท่าไรขอให้บอกมาได้เลย ต่อให้เป็นเงินยี่สิบล้านกิลก็ไม่มีปัญหา”

    “ท่าทางจะทุ่มไม่อั้นจริงๆนะเนี่ย” เฟรเทียร์ยังประชดมาจากด้านหลัง

    “จ่ายแค่นี้ถือว่ายังน้อยเมื่อเทียบกับการถูกรีเซ็ตนะครับ ต่อให้จ่ายมากกว่านี้อีกสามเท่าผมก็พร้อมจ่ายให้ขอแค่พวกคุณตกลงเท่านั้น”

    “ตกลง”

    ทากะตอบออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ แม้สี่สาวด้านหลังจะไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไรโดยเฉพาะเฟรเทียร์แต่ก็ต้องทนเงียบไว้ก่อนเพราะรู้ดีว่าการตัดสินใจของเขาย่อมมีเหตุผลรองรับอยู่แล้ว

    “ผมนับถือในความพยายามของพวกคุณ”

    นี่เป็นเหตุผลของทากะ เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับให้เขาตัดสินใจ

    “ส่วนเรื่องเงินทองพวกผมไม่ต้องการ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากยกให้ฟรีๆด้วยซ้ำเพราะของแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะเอามาค้าขายทำกำไรอยู่แล้ว แผนที่มีกี่ฉบับจับคูณราคาสี่พันตามที่สมาคมนักสำรวจกำหนด ข้อมูลภารกิจผมแถมให้ฟรี”

    ข้อเสนอของทากะทำให้ทั้งกลอเรียส ไวโอเล็ต เอรันด้าและแพททริคอึ้งกันไปหมด รวมถึงผู้เล่นที่ตามมามุงดูอยู่รอบนอกเพิงไม้ด้วยเช่นกัน เงินยี่สิบล้านกองอยู่ตรงหน้าแต่เขาปฏิเสธไปง่ายๆ

    “จะดีเหรอครับ ต่อให้ตอนเทรดข้อมูลคุณรับเงินได้เพียงเท่านั้นแต่ทางเราก็ยินดีจ่ายส่วนต่างให้นะครับ”

    หัวหน้าแคลนมัลดิโต ซารุวาตาริ ทากะ ยกแก้วชาขึ้นจิบก่อนจะตอบคำถาม

    “ผมพูดคำไหนคำนั้นครับ อย่างที่บอกไว้หลายครั้งแล้วเงินทองไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับพวกเรา สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเราสี่คนคือความสนุกและความตื่นเต้นที่ได้เล่นเกมไปในแบบฉบับของพวกเราเท่านั้น”

    แววตาเด็ดเดี่ยวของทากะและสมาชิกในแคลนมัลดิโตอีกสามคนยืนยันตรงกัน

    “เข้าใจแล้วครับ ตกลงตามนั้น”

    กลอเรียสยื่นมือไปจับกับทากะเป็นอันสิ้นสุดการเจรจาธุรกิจ ไม่ต้องบอกทุกคนก็คงเดาได้ ข่าวพาดหัวตัวใหญ่บนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ฉบับวันพรุ่งนี้คงไม่ใช่ข่าวการประกาศภารกิจสุดท้ายและเงื่อนไขการรีเซ็ตโลกแกรนด์ไกอา แต่เป็นข่าวการเจรจาระหว่างมัลดิโตและเซเลสเทียลที่น่าตื่นตระหนกมากกว่าเมื่อมัลดิโตโยนเงินยี่สิบล้านทิ้งไปแบบไม่ไยดี

    เมื่อคนของแคลนแห่งสรวงสวรรค์เดินทางกลับไปแล้ว เฟรเทียร์เก็บอาการคันปากไว้ไม่อยู่จนต้องถามทากะว่าทำไมถึงยอมตกลงง่ายๆแบบนั้นแถมเงินทองก็ไม่เอาสักแดงเดียวอีก

    แต่กุห์ฟานถูกโบ้ยให้ตอบคำถามนี้แทน

    “เอาน่า เรื่องนี้ก็อยู่การคาดการณ์ของผมกับเน็ตเวิร์คอยู่แล้ว ไม่ว่าแบบไหนก็เป็นผลดีกับเราทั้งนั้นแหละไม่ว่ารีเซ็ตหรือไม่รีเซ็ต”

    “โอ๊ย! ฉันไม่อยากได้คำตอบกำกวมแบบนี้”

    เสียงเฟรเทียร์แผดลั่นดังสนั่น เขาผละจากบทสนทนายากๆของกุห์ฟานไปคาดคั้นคำตอบตรงๆกับทากะ

    หัวหน้าแคลนมัลดิโตถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายแล้วตอบเพียงสั้นๆว่า



    “ถึงเวลาก็จะรู้เอง”
  21. soulmaster

    soulmaster Endorphinlism

    EXP:
    403
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    18
    กุห์ฟานล้วงหาลูกแก้วสีม่วงจากในคลั่งไอเท็มส่งให้จีเอ็มหญิง >> คลัง

    ทัศนคติของคนกิลฟ้าจะเปลี่ยนก็ตอนนี้ล่ะ

    ปล. gm ไม่ /kill ตายยกกิล ก็บุญละ lolz
  22. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    จริงๆแล้วจีเอ็มอยากกระซวกไอ้พวกนี้มานานแล้ว แถมรับฝากคำขอจากทั้งอีวานและซีวิลมาด้วย XD
  23. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    Grand Gaia Online 45 – Hide and Seek





    ณ ผืนแผ่นดินแห้งแล้งทางตะวันตกของเมืองอารันด์ที่ไม่มีอะไรนอกความร้อนและฝุ่นผงฟุ้งกระจายตามสายลม ยังมีคนกลุ่มหนึ่งปักหลักอยู่ที่นี่ภายใต้ร่มเงาของเต็นท์ผ้าใบที่ทำขึ้นมาอย่างลวกๆเพื่อป้องกันแสงแดด คนในกลุ่มมีอยู่สี่คน คนหนึ่งรูปร่างเล็กกำลังวุ่นวายกับหน้าต่างสนทนาจำนวนมากในเวลาเดียว ชายรูปร่างสูงผมดำอีกคนหนึ่งนั่งเหม่อลอยมองริ้วเมฆสีขาวบนท้องฟ้า คนที่สามนั่งอยู่เงียบๆมีดาบเคลย์มอร์วางพาดอยู่บนบ่าซ้าย และชายคนสุดท้ายกำลังใช้ปลายไม้เท้าเขี่ยดินทรายเล่นอย่างไร้ความหมาย

    เสียงคำรามของสัตว์ร้ายบางตัวดังลอยมาตามลม เสียงกระทืบฝีเท้าหนักๆดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆจากทิศทางที่พวกเขาสี่คนจับจ้องไป เงาตะคุ่มของตัวอะไรบางอย่างที่สูงใหญ่อย่างมากเดินฝ่าม่านหมอกสีน้ำตาลตรงมาทางนี้ ยิ่งมันเข้ามาใกล้เท่าไรแผ่นดินก็ยิ่งสั่นสะเทือนราวกับสั่นกลัวต่อการปรากฏตัวของอสูรร้าย

    ชายหนุ่มที่มีเส้นผมเป็นสีเงินเปล่งประกายลุกขึ้นยืนจัดปมผ้าคลุมสีดำตรงคอให้เข้าที่เข้าทาง ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของดาบเคลย์มอร์ก็ลุกขึ้นยืนยืดแขนและเหน็บดาบไว้ที่เอวฝั่งซ้าย ชายร่างเล็กปิดหน้าต่างสนทนาไปจนหมดและเอื้อมมือไปตบบ่าชายผมดำที่นั่งเหม่อมองท้องฟ้าอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการมาถึงของมอนสเตอร์บอส

    “ได้เวลาแล้วพี่ทากะ”

    เขาลุกขึ้นยืนด้วยท่วงท่าเกียจคร้านและหยิบดาบคาตะนะในปลอกไม้สีดำที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมาด้วย

    บีฮีมอท มอนสเตอร์บอสแรงค์ดี-ห้าดาวที่มีรูปร่างเป็นกระทิงตัวใหญ่ราวกับภูเขาลูกหนึ่ง ตลอดทั้งร่างคือกล้ามเนื้อทรงพลัง เขาสีดำคู่ใหญ่ที่งอกออกมาจากขมับทั้งสองข้าง ขาทั้งสี่ข้างแทนที่จะเป็นกีบกลับเป็นมีนิ้วและกรงเล็บเหมือนพวกเสือหรือสิงโต แผงขนสีเหลืองจากหลังคอลากยาวไปจนถึงปลายหางตัดกับขนสีม่วงคล้ำตลอดตัว

    มันคำรามด้วยเสียงทรงพลังแทนคำประกาศให้มนุษย์ตัวกระจ้อยหลบไปจากเส้นทางของมัน แต่แทนที่มนุษย์พวกนั้นจะหลบกลับมีสายฟ้าฟาดลงมาเส้นหนึ่งตอบคำขู่ บีฮีมอทคำรามด้วยเสียงดังยิ่งกว่าเดิม มันยืดตัวยืนขึ้นแล้วเหวี่ยงขาหน้าข้างขวาที่กางกรงเล็บออกเต็มที่แล้วฟาดตะปบลงมาอย่างรวดเร็ว แต่มันก็ทำได้เพียงแค่ทำลายพื้นดินที่อยู่ตรงนั้นเพราะทั้งสี่คนต่างขยับออกจากจุดที่ยืนอยู่ตั้งแต่มันเริ่มยืดตัวขึ้นยืนแล้ว

    เวทมนตร์สายฟ้าจากดาบเคลย์มอร์ประสานกับเวทมนตร์แห่งไฟจากไม้เท้าโจมตีมาจากซ้ายขวาพร้อมกัน เกิดระเบิดอย่างรุนแรงที่ทำให้มอนสเตอร์บอสชะงักการเคลื่อนไหวไปเล็กน้อย และเวลาเพียงแค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับให้ซารุวาตาริ ทากะพุ่งฝ่าเปลวเพลิงเข้าไปกระโดดฟันเฉียงๆจากล่างขึ้นบนฝากรอยแผลเป็นทางยาวไว้ที่กลางอกของบีฮีมอท มันตอบโต้ความเจ็บปวดด้วยสัญชาตญาณสัตว์ป่า สะบัดหัวขวิดด้วยเขาคู่ทรงพลัง แต่การโจมตีนี้ก็ทำได้เพียงแหวกอากาศเป็นเสียงดังเพราะทากะหลบได้อย่างง่ายๆแถมยังสะบัดดาบฟันกลับที่ลำคอของมันให้เป็นแผลได้อีกหนึ่งแห่ง

    ลูกบอลเพลิงขนาดใหญ่พุ่งมาระเบิดที่หน้าของบีฮีมอทอย่างถนัดถนี่ มันคำรามอยู่กลางกองเพลิงและกระโจนพรวดออกมาหมายวิ่งเข้ากระทืบอากิรอส คีฟที่โจมตีมันด้วยเวทมนตร์ให้แหลกเละ นักเวทผมเทายิ้มมุมปากแล้วกลับหลังหันวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว บีฮีมอทก็วิ่งไล่กวดอย่างไม่ลดละโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังโดนวิ่งล่ออ้อมเป็นวงกลมไปหากุห์ฟาน รีส ริยาส ที่วางกับดักรอไว้อยู่แล้ว

    เมื่ออากิรอสเข้าสู่อาณาเขตที่กุห์ฟานกำหนดไว้ก็หายตัวไปราวกับสลายเป็นหมอกควัน แต่บีฮีมอทที่วิ่งตามมาไม่ได้กลายเป็นหมอกควันไปด้วยแต่ถูกเผาด้วย “กับดักระเบิดกัมปนาท” แทน มันกระโจนออกจากเปลวเพลิงเห็นเงาคนตัวเล็กๆยืนอยู่ห่างออกไป ด้วยความโกรธและความเจ็บมันจึงทำจมูกฮึดฮัดใช้ขาหน้าตะกุยดินวิ่งเข้าไปโจมตีโดยไม่รู้ว่าคนที่ยืนรออยู่ตรงนั้นคือยมทูตสำหรับมัน

    “พี่เอเซออมๆมือไว้หน่อยนะ อย่าให้มันตายละ”

    เอเซ แมคโดเวลแสยะยิ้ม “จะพยายามละกันวะ”

    มีฟ้าผ่าลงมาที่ตัวเขา พลังมหาศาลไหลไปรวมกันที่ดาบเคลย์มอร์จนเกิดเป็นประกายแสงสายฟ้าเจิดจ้าแสบตา ร่างของเขาถูกห่อหุ้มด้วยสายฟ้าและวิ่งสวนเข้าใส่ศัตรูด้วยทักษะ “บิ๊กไฟว์ธันเดอร์เรียส”

    บีฮีมอทถึงจะเป็นมอนสเตอร์ระดับบอสแต่ก็เป็นเพียงบอสแรงค์ดีเท่านั้น เมื่อเจอกับการโจมตีด้วยเพลงดาบสายฟ้าแรงค์บีแถมด้วยฟ้าผ่าอีกห้าครั้งซ้อนก็หมดสภาพต่อสู้แต่ยังไม่ถึงกับตาย มันนอนลงกับพื้นมีควันลอยขึ้นจากทั่วร่างกลายเป็นวัวกระทิงย่าง

    ทากะหยิบมีดสำหรับชำแหละเนื้อที่สั่งตีเป็นพิเศษจากซีวิลโยนให้กุห์ฟาน อากิรอส และเอเซคนละเล่ม

    และเทศกาลชำแหละร่างบอสก็เริ่มต้นขึ้น

    อีกสองชั่วโมงต่อมา ณ สถานที่แห่งเดิม มีกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งเดินทางมาถึง เป็นชายสองและหญิงอีกสอง พวกเขากวาดตามองดูสภาพพื้นที่ที่พังพินาศจากการต่อสู้ไปรอบๆ

    “มาช้าไปอีกแล้ว ร่องรอยแบบนี้เห็นปุ๊บก็รู้ปั๊บว่าเป็นเวทสายฟ้าของหมอนั่นแหงๆ”

    ชายผมทองผ่อนแรงที่แขนขวาปล่อยดาบเล่มใหญ่ลงจากไหล่ตกกระแทกพื้นเสียงดังตึง

    “น่าโมโหจริงๆเลย” หนึ่งในสองหญิงสาวพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิด คิ้วของเธอแทบจะขมวดชนกันอยู่แล้ว

    “เอายังไงต่อดีคะ?”

    หญิงสาวอีกคนหนึ่งในชุดโกธิคโลลิต้าสีม่วงอ่อนถามชายหนุ่มที่ยืนกอดอกครุ่นคิดและจับจ้องไปยังดินแดนที่แห้งแล้งเบื้องหน้า

    “ตามหาพวกเขาต่อไป”

    ถึงน้ำเสียงจะยังเป็นปรกติ แต่เพราะเขาหันหลังให้จึงไม่มีใครได้เห็นแววตาและสีหน้าเคร่งเครียดของกลอเรียส อัลติมัส แม้แต่คนเดียว





    ณ ชายป่าแห่งหนึ่งไม่ห่างไกลจากเมืองอารันด์มากนัก เสาแสงสี่เส้นปรากฏขึ้นพร้อมกับสี่ปีศาจแห่งแคลนมัลดิโต พวกเขาแต่ละคนมีถุงผ้าใบใหญ่แบกอยู่บนบ่าคนละสองถุง ทั้งสี่คนเดินตัดชายป่าเข้าไปอีกไม่ไกลก็พบหมู่บ้านเล็กๆที่กลายเป็นแหล่งกบดานประจำของพวกเขาในเวลาที่ไม่ต้องการให้มีใครตามหาพบ กุห์ฟานเดินนำทางไปที่โรงแรมละขึ้นไปยังห้องพักที่จ่ายค่าเช่าห้องล่วงหน้าไว้แล้ว ห้องเปล่าๆที่มีเพียงเตียง ตู้ โต๊ะ และเตาผิงขนาดเล็กสำหรับทำความอุ่นตอนกลางคืน

    อากิรอส คีฟ เดินหน้ามุ่ยไปหยิบผ้ากันเปื้อนมาสวมแทนผ้าคลุมสีดำ วันนี้เขาเป็นเวรทำอาหาร

    “วันนี้จะกินอะไร?”

    “เอาง่ายๆละกันพี่อากิ แกงป่าปลาบึกกับต้มยำกุ้งล็อบสเตอร์ ผัดเผ็ดเห็ดโคนกับเนื้อลูกแกะ ลิ้นวัวย่างยำเปรี้ยวหวาน”

    “โวะ! นั่นง่ายแล้วเหรอ?”

    “อย่าไปแกล้งมันสิ”

    ทากะเดินเข้ามาตบบ่ากุห์ฟานแล้วก็เดินเลยไปนั่งมองท้องฟ้าริมหน้าต่างอยู่เงียบๆคนเดียว

    เอเซโยนถุงผ้าที่ใส่สารพัดวัตถุดิบที่ได้จากการแล่เนื้อแล่หนังบีฮีมอทไปกองรวมกัน “พรุ่งนี้ล่าตัวอะไรต่อ?”

    “พวกพี่อยากไปล่าบอสแพะหรือบอสงูละ?”

    เงียบ ไม่มีใครตอบคำถาม

    เอเซตั้งท่าจะล้วงหยิบเหรียญออกมาทำพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ประจำแคลนแต่ทากะก็พูดขัดขึ้นมาจากริมหน้าต่าง

    “ช้าก่อนสหาย เรามีมอนสเตอร์ตัวนึงที่อยากกลับไปแก้แค้นสักหน่อย”

    “ตัวอะไรวะ?”

    “กริฟฟอนน้ำแข็ง”

    “บอสแถวๆไวท์พิลล่าก่อนไปถึงหมู่บ้านชาวเหมืองน่ะเหรอพี่?”

    ทากะพยักหน้ารับ

    กุห์ฟานเปิดหน้าต่างข้อมูลตรวจสอบอะไรสักอย่างแล้วตอบว่า “อืม จริงๆแล้วตัวนี้ก็อยู่ในลิสต์แต่อยู่ท้ายๆเลย แต่ไหนๆพี่ทากะอุตส่าห์เอ่ยปากขอมาทั้งทีผมจัดให้ก็ได้”

    วันรุ่งขึ้น พวกเขาสี่คนก็มุ่งหน้าขึ้นเหนือไปที่เมืองไวท์พิลล่าเพื่อไปดักรอสู้กับบอส “ไอซ์ซิงกริฟฟอน” และการปรากฏตัวของพวกเขาก็อยู่ในขอบข่ายสายตาของสมาชิกแคลนเซเลสเทียล พวกเขารีบรายงานไปที่กลอเรียส อัลติมัสทันทีเพราะได้รับคำสั่งไว้แบบนี้

    กลอเรียสรีบใช้วาร์ปคริสตัลไปที่ไวท์พิลล่าทันทีที่ได้รับแจ้งข้อมูล เขาฝ่าลมหนาวและเกล็ดน้ำแข็งที่ปลิวว่อนในอากาศไปตามเส้นทางที่สมาชิกในแคลนสะกดรอยตามมัลดิโตทั้งสี่คนไป ตลอดทางเต็มไปด้วยหมีขาวหลายฝูงที่ตรงเข้ามาโจมตีก่อน แต่หมีขาวเหล่านี้ไม่อาจทำอันตรายกลอเรียสที่เก่งกาจในระดับเป็นผู้เล่นเอ็มวีพีของเทสต์เบต้าได้ หมีขาวตัวแล้วตัวเล่าล้มลงในเส้นทางที่เขาใช้ผ่านไปอย่างเร่งรีบเพื่อไปให้ทันก่อนที่มัลดิโตจะหายตัวไป

    แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาไปถึงแล้วพบเพียงความพินาศของภูมิประเทศจากการต่อสู้ดุเดือดเท่านั้น

    กลอเรียสกลับถึงเมืองบลูเพิร์ลด้วยมือเปล่า ขึ้นไปที่ห้องอาหารส่วนตัวบนชั้นสองของอาคารสภาผู้บริหารเมืองบลูเพิร์ล ถึงแม้บริกรจะยกอาหารมาวางไว้ให้แล้วแต่เขาก็ยังไม่คิดจะลงมือกินเพราะตอนนี้ปัญหาหลายอย่างกำลังเกาะกุมความคิดของเขาอยู่

    “เพิ่งเคยเห็นนายทำหน้าเครียดเป็นแบบนี้ครั้งแรกเลยนะ”

    เขาเงยหน้ามองแพททริคที่เข้ามาในห้องโดยที่เขาไม่รู้ตัว และยังมีเอรันด้าและไวโอเล็ตแซฟไฟร์อีกด้วย

    “ได้ข่าวพวกนั้นบ้างรึเปล่า?”

    ทั้งสามคนส่ายหน้า

    “หัวหน้านายว่ายังไงบ้างละ?” แพททริคถามกลับ

    ไวโอเล็ตเป็นคนตอบคำถามนี้แทนกลอเรียส “ขนาดจะถูกรีเซ็ตอยู่เร็วๆนี้ฉันยังไม่เห็นเขาแสดงความเดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย สมาชิกคนอื่นๆก็เริ่มหมดหวังกันแล้ว วันนี้คนล็อกอินเข้ามามีแค่ครึ่งเดียวจากปกติเองนะ”

    เมื่อพูดถึงหัวหน้าแคลนเซเลสเทียล แม้แต่เอรันด้ายังไม่กล้าจะพูดแรงๆหรือโมโหออกนอกหน้ามากเกินไป “ไม่รู้ว่าหมอนั่นคิดอะไรอยู่กันแน่นะ”

    “เธอพูดเหมือนไม่รู้จักหมอนั่นงั้นแหละ เฉพาะเรื่องฝีมือเท่านั้นแหละที่เขาให้ความสำคัญและเอาจริงเอาจังมากที่สุด ส่วนเรื่องอื่นๆน่ะเขาเคยสนใจที่ไหนกันละ”

    เอรันด้าไม่เถียงเพราะคือเรื่องจริง

    “ผมคุยกับหัวหน้ามาแล้วละ เขาบอกว่าถ้าต้องถูกรีเซ็ตจริงๆละก็ครั้งหน้าเขาจะออกโรงเอง”

    “โฮ่! ในที่สุดราชสีห์ก็จะออกจากถ้ำแล้วงั้นเหรอ?”

    “แต่ครั้งนี้ก็ไม่ทำอะไรเหมือนเดิม” เอรันด้าบ่นกระปอดกระแปด

    “หมอนั่นก็เป็นคนอย่างนี้แหละ สบายๆอะไรก็ได้ไม่ยึดติด เธอเคยเห็นเขาหัวเสียหรือโมโหบ้างไหมละ? แต่ถ้าครั้งหน้าหมอนั่นยอมออกมาเล่นหน้าฉากเองจริงๆละก็ต่อให้มีมัลดิโตสิบแคลนก็ไม่คณามือหมอนั่นหรอก...จริงไหม?”

    “พูดถึงมัลดิโตแล้วก็น่าโมโห รู้ทั้งรู้ว่าพวกเราอยากเจอก็ดันทำตัวเป็นผีสางหายหน้าไปกันหมด”

    “ก็คงเป็นสไตล์...เป็นวิธีแก้เผ็ดของพวกเขา ยิ่งอยากตามตัวเท่าไรพวกเขาก็ยิ่งหนีหายไป”

    “แล้วจะเอายังไงละ? เส้นตายกระชั้นเข้ามาแล้วนะ”

    เวลาในการรีเซ็ตโลกแกรนด์ไกอาออนไลน์เหลืออีกเพียงหกเดือน หรืออีกแค่หนึ่งสัปดาห์ในโลกแห่งความเป็นจริงเท่านั้นแต่สถานการณ์การเคลียร์เกมยังไม่คืบหน้าสักเท่าไร สมาชิกแคลนเซเลสเทียลที่แยกย้ายไปทำภารกิจที่ป่าดำต่างเจอปัญหากันถ้วนหน้า จนป่านนี้แล้วยังไม่มีกลุ่มไหนเข้าไปถึงหมู่บ้านแห่งแรกเพื่อรับภารกิจได้แม้แต่กลุ่มเดียว ถ้าไม่โดนสารพัดสัตว์สี่ขาหน้าขนมีลายเหลืองดำพาดลำตัวฆ่าก็ติดไข้ป่าต้องหามกลับมารักษากันแทบทุกราย สถานการณ์ของกลุ่มที่ต้องไปเคลียร์ภารกิจที่เมืองเวเนสก็ลำบากไม่แพ้กัน กลุ่มนักเวทหญิงจากแคลนเฮฟเวนลี่ปรินเซสตีฝ่ามอนสเตอร์ภายในป่ามายาเข้าไปถึงเมืองได้เพียงแค่ไม่กี่กลุ่ม และผู้เล่นเพียงไม่กี่กลุ่มไม่สามารถเคลียร์ภารกิจทั้งหมดของเมืองเวเนสได้ทันเวลาที่เหลืออยู่ นอกจากนี้พวกเขายังไม่ได้สำรวจพื้นที่ป่าโอลด์เวอนัลตรงกลางทวีปที่เพิ่งเปิดให้เข้าไปสำรวจด้วย

    สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างวิกฤตหนัก เพียงแค่แผนที่และข้อมูลมอนสเตอร์ไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาผ่านอุปสรรคไปได้เหมือนอย่างที่คิด พอคิดจะติดต่อมัลดิโตเพื่อขอข้อมูลเพิ่มพวกเขาก็หายเข้ากลีบเมฆ ผลุบโผล่ๆออกมาล่าบอสเป็นบางครั้งแล้วก็หายตัวไปอีก

    “ส่งคนไปติดต่อกลุ่มผู้หญิงที่เป็นทหารรับจ้างไว้หน่อย บอกว่าผมมีเรื่องอยากปรึกษา”

    ไวโอเล็ตแซฟไฟร์ติดต่อสมาชิกใต้สังกัดและถ่ายทอดคำสั่งไปทันที

    “นายคิดว่าพวกนั้นจะยอมให้ข้อมูลกับเราเพิ่มงั้นเหรอ?”

    “ก็คิดว่าคงไม่หรอกแต่ผมก็เตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์นั้นไว้แล้วละ”

    หัวหน้าแคลนโฮลี่คิงด้อมยักไหล่ “งั้นเรอะ?”

    กลอเรียสผ่อนคลายความตึงเครียดลงระหว่างรอการติดต่อกับสี่สาวทหารรับจ้างรุ่นที่สอง เขาค่อยๆทานอาหารที่เย็นชืดแล้วอย่างช้าๆ กินด้วยความรู้สึกถึงจะไม่อยากกินแค่ไหนแต่ก็ต้องกิน

    “ได้เรื่องแล้ว”

    ไวโอเล็ตแซฟไฟร์เปิดอ่านข้อความที่สมาชิกส่งกลับมา

    “พวกเธอบอกว่าถ้าจะคุยเรื่องมัลดิโตให้ไปคุยกับพวกเขาเองเดี๋ยวจะส่งพิกัดไปให้”

    แม้จะผิดไปจากที่กลอเรียสคาดคะเนไว้บ้างแต่ถ้าผลลัพธ์คือการได้คุยกับมัลดิโตแล้วก็ถือว่าไม่มีความแตกต่าง เขาจึงตอบตกลงให้มัลดิโตเป็นผู้นัดหมายสถานที่มา อีกอึดใจใหญ่ไวโอเล็ตแซฟไฟร์ก็ได้รับพิกัดนัดหมายมาอยู่ในมือแต่นั่นก็ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าอาจจะถูกมัลดิโตหลอกปั่นหัวอีกแล้ว

    เพราะพวกเขานัดเจอที่ชายหาดแห่งหนึ่งใน “อนุทวีป”

    สายลมหนาวพัดโบกพร้อมกับเกล็ดน้ำแข็งปลิวว่อนในอากาศคือภาพที่ผู้เล่นที่เคยมาเยือนเมืองไวท์พิลล่าคุ้นตาเป็นอย่างดี และวันนี้รองหัวหน้าแคลนเซเลสเทียลทั้งสองและสองหัวหน้าแคลนพันธมิตรก็มีโอกาสได้ขึ้นมาเยือนเมืองเหนือเป็นครั้งแรกด้วย

    นอกจากจะบอกพิกัดและเส้นทางให้แล้วมัลดิโตก็ไม่ได้บอกอะไรพวกเขาอีก สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือทำยังไงก็ได้ให้ไปถึงสถานที่นัดพบ

    มอนสเตอร์เจ้าถิ่นรอบเมืองไวท์พิลล่าคือหมีขาว แต่มอนสเตอร์ระดับกระจอกพวกนี้ไม่คณามือสี่ผู้เล่นระดับสุดยอดของเกมแกรนด์ไกอาออนไลน์ หมีขาวตัวแล้วตัวเล่าล้มตายเป็นใบไม้ร่วงบนเส้นทางที่พวกเขาผ่านไปจนถึงหุบเขาที่เป็นเส้นทางเชื่อมต่อเข้าสู่อนุทวีป

    พวกเขาสี่คนไม่เสียเวลากับฝูงกระต่ายที่กระโดดไปมาอย่างน่าสนุกบนพื้นน้ำแข็งเพราะเป้าหมายไม่ใช่มาต่อสู้เก็บค่าประสบการณ์หรือสำรวจดินแดนใหม่ๆ แต่เมื่อเจอกับ “หมีขาว” ที่หน้าตาเหมือนกับหมีขาวรอบเมืองแต่แข็งแกร่งในระดับมอนสเตอร์แรงค์ซีก็ทำให้พวกเขาเสียเวลาไปไม่ใช่น้อย

    ค่ำคืนแรกในอนุทวีปของพวกเขามาถึงอย่างรวดเร็วพร้อมกับพายุหิมะโถมกระหน่ำ ในตอนแรกพวกเขาตั้งใจจะเดินทางตลอดทั้งกลางวันกลางคืนแต่เมื่อสภาพอากาศกลายเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดก็บีบบังคับให้พวกเขาต้องหยุดพักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    เมื่อฟ้าสางใกล้รุ่ง สองหนุ่มสองสาวต่างรีบเดินทางต่อโดยทันทีและทันทีที่ข้ามฝั่งแม่น้ำมาได้ “ไวท์แฟงก์” ฝูงใหญ่ก็ดักรอขย้ำคอพวกเขาอยู่แล้ว หมาป่าทั้งฝูงเป็นมอนสเตอร์แรงค์ซี-สองดาวแถมมีความสามารถในการพรางตัวกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมกลายเป็นขวากหนามที่บั่นทอนความเร็วในการรุดหน้าของพวกเขา ยิ่งหลีกเลี่ยงก็ยิ่งถูกรุมล้อมจนกลอเรียสต้องตัดสินใจล้างบางหมาป่าสามฝูงไปให้หมดในครั้งเดียว

    และเมื่อพวกเขามาถึงพื้นที่ที่เรียกว่า “วงแหวนมังกร” พวกเขาก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับมังกรได้

    “ฟรอสวิง” เป็นมังกรที่มีมากที่สุดในแถบนี้และทันทีที่มนุษย์ทั้งสี่เข้าในอาณาเขตของมัน มันก็คำรามลงมาจากกลุ่มก้อนเมฆบนท้องฟ้าพร้อมกับโจมตีด้วยหอกน้ำแข็งเป็นห่าฝน เอรันด้าป้องกันการโจมตีนั้นด้วยโดมไฟ ทั้งไวโอเล็ตแซฟไฟร์ แพททริคและกลอเรียสทุ่มสุดฝีมือสู้กับมังกรถ่วงเวลาให้เอรันด้าปิดฉากการต่อสู้ด้วยเวทมนตร์ที่ทรงพลังที่สุด

    แต่การต่อสู้ครั้งนี้ก็กลายเป็นสิ่งดึงดูดให้มังกรตัวอื่นบินตรงมาทางนี้อีกหลายตัว

    “หงุดหงิดจริงๆเลย! ถ้าฉันโดนหลอกให้เรามาเสียเที่ยวเปล่าๆละก็นะกลับไปฉันจะไล่ฆ่าพวกมันเรียงตัวเลย คอยดูสิ!”

    นักเวทสาวหัวหน้าแคลนเฮฟเวนลี่ปรินเซสกรีดร้องออกมาอย่างหัวเสียเพราะตั้งแต่สู้กับมังกรตัวแรกจบแล้วพวกเขาขยับรุดหน้าไปไหนไม่ได้เลย ด้วยฝีมือการต่อสู้ของพวกเขาทั้งสี่คนแล้วการสู้กับมังกรไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงก็จริงแต่ถ้าต่อต้องสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งตลอดเวลาก็ทำให้พวกเขาเหนื่อยและเพลี่ยงพล้ำได้เหมือนกัน

    คริสตัลเพิ่มพลังต่อสู้ถูกใช้ไปก้อนแล้วก้อนเล่าเช่นเดียวกับโพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิตและพลังเวทมนตร์ระดับสูงหลายสิบขวด เมื่อรวมกับคริสตัลเติมเต็มพลังกายและคริสตัลสลายเวทมนตร์ที่ใช้ป้องกันการโจมตีของฝูงมังกรแล้วการต่อสู้ครั้งนี้เป็นการลงทุนด้วยมูลค่ามหาศาลเกินกว่าที่ผู้เล่นหลายคนจะใช้เวลาทั้งหมดหาเงินได้เท่ากับที่พวกเขาเสียไปภายในเวลาหกสิบนาที

    เมื่อสถานการณ์การต่อสู้ยืดเยื้อมากขึ้น กลอเรียสก็ตัดสินใจถอนตัวจากการต่อสู้และพยายามล่าถอยไปตามเส้นทางที่มุ่งหน้าไปสู่สถานที่นัดหมายให้ได้ และพวกเขาคงไม่รู้ว่าเส้นทางที่กุห์ฟานให้มานั้นเป็นการเดินตามเข็มนาฬิกาในเขต “วงแหวนมังกร” และนั่นทำให้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับมังกรที่แข็งแกร่งมากขึ้น





    อีกสองวันถัดมา ณ ชายหาดที่เต็มไปด้วยเพนกวินตัวเล็กตัวน้อยเดินกันเกลื่อนกลาด สี่หนุ่มมัลดิโตกำลังรวมหัวกันกลั่นแกล้งเพนกวินตัวน้อยที่ไม่มีทางสู้เป็นการแก้เบื่อและฆ่าเวลาเพื่อรอการมาถึงของกลอเรียสและคณะ

    มีเสียงระเบิดดังตูมใหญ่แว่วมาจากที่ไกลลิบๆเรียกความสนใจของพวกเขา

    “มากันแล้วละ สงสัยแวะทักทายกับแมวน้ำเจ้าถิ่นอยู่”

    “ไม่ไปช่วยหน่อยเรอะ?”

    “ไปทำไมวะ? พวกเขาเหล่านั้นเป็นถึงผู้เล่นในระดับแนวหน้าของประเทศเชียวนะเว้ย” เอเซยักไหล่ตอบอากิรอส

    “สหายเอเซไม่มีน้ำใจเลยนะ”

    “พูดอย่างกับเอ็งจะไปงั้นแหละ”

    “ไม่ไปหรอก ขี้เกียจ”

    ในระหว่างที่รอให้แขกผู้มีเกียรติทั้งสี่ท่านเดินทางมาถึงจริงๆ พวกเขาก็จัดแจงสถานที่ให้เหมาะสมกับการเจรจา มีทั้งโต๊ะกลมตัวใหญ่และเก้าอี้ครบจำนวนแปดคน ปักร่มคันใหญ่ไว้บังแดด ตั้งเตาต้มน้ำเพื่อใช้ชงน้ำชาไว้ดื่มกับของว่างด้วย

    ไม่ถึงสิบนาที กลอเรียสก็เดินนำหน้าเอรันด้าที่แสดงความหงุดหงิดผ่านทางใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด ปิดท้ายขบวนด้วยไวโอเล็ตและแพททริค

    “ยินดีต้อนรับครับ เชิญเลยๆ”

    อากิรอสผายมือเชิญพวกเขามานั่งด้วยรอยยิ้มที่กวนประสาทอย่างที่สุด และเมื่อแขกทั้งสี่คนนั่งกันครบแล้วเขาก็หน้าด้านถือวิสาสะไปนั่งผิวปากอยู่ข้างเอรันด้าที่เผลอตัวนั่งด้านนอก แต่พอเธอจะโวยวายไวโอเล็ตก็แตะหลังมือห้ามไว้ เธอจึงได้แต่กัดฟันทนไปก่อน

    เมื่อทุกคนนั่งประจำที่พร้อมแล้ว การประชุมโต๊ะกลมท่ามกลางความหนาวเหน็บริมชายหาดก็เริ่มขึ้น

    “ไม่ทราบว่าที่มากันถึงที่นี่เนี่ยมีเรื่องอะไรให้พวกผมรับใช้อีกรึเปล่าครับ?”

    กลอเรียสยกแก้วชาขึ้นจิบคำใหญ่ก่อนจะพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ตอนนี้พวกเราเจอปัญหาใหญ่ที่แบล็คฟอเรสกับป่ามายา ไม่ทราบว่าพวกคุณพอจะให้คำแนะนำได้รึเปล่าครับ?”

    “ไม่น่าเชื่อนะครับว่าจะมีปัญหาที่แม้แต่แคลนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการเกมออนไลน์เสมือนจริงยังแก้ไขไม่ได้อยู่ด้วย”

    “ก็ต้องมีอยู่แล้วละครับ พวกผมก็เป็นเพียงคนธรรมดาที่ถูกยกย่องอย่างยิ่งใหญ่เกินจริงเท่านั้น”

    “ช่างเป็นคำพูดที่ถ่อมตัวเหลือเกินนะครับ แล้วไม่ทราบว่าจะให้แคลนเล็กๆที่มีเพียงพวกเราสี่คนช่วยเหลือในด้านไหนละครับ พวกเราเองก็เป็นแค่ผู้เล่นธรรมดาเท่านั้นเอง”

    อากิรอสยิ้มแป้นแล้นให้กลอเรียสที่เริ่มรู้ตัวแล้วว่าฝั่งมัลดิโตอ่านจุดประสงค์ของพวกเขาออกแล้ว

    “ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ ผมก็แค่อยากรู้ว่าพวกคุณมีเทคนิคอะไรในการเอาชีวิตรอดในป่าแบล็คฟอเรสได้”

    ทากะยิ้มมุมปากและวางแก้วน้ำชาลงกับจานรองเกิดเสียงเบาๆเป็นสัญญาณว่าเขาจะขอพูด

    “ถ้าผมตอบว่า...ให้ไปอ่านนิยายต้นฉบับของป่าดำจะเป็นการตอบแบบกำปั้นทุบดินเกินไปรึเปล่าครับ? ผมว่าพวกคุณก็คงรู้ดีอยู่แล้วว่าพื้นที่ตรงนั้นถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ”

    “ผมรู้ดีครับและในแคลนเองก็มีสมาชิกที่เป็นผู้เชี่ยวชาญการเดินป่าในโลกแห่งความเป็นจริงอยู่ด้วยหลายคน แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ยังไม่ผ่านอุปสรรคของที่นั่นเลยทำให้ผมสงสัยน่ะสิครับว่าพวกผมมองข้ามอะไรไปรึเปล่า”

    “แบบนั้นยังกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญการเดินป่าอีกเหรอครับ? หรือว่าเป็นคนธรรมดาถูกยกย่องอย่างยิ่งใหญ่จนเกินจริงกันแน่”

    ทากะยิ้มอย่างมุมปากก่อนจะพูดอีกครั้ง “ขนาดผมกับสหายเอเซเดินป่ามานับครั้งไม่ถ้วนในชีวิตจริงยังไม่กล้าเรียกตัวเองว่าผู้เชี่ยวชาญการเดินป่าเลย แบบนี้ไม่กลายเป็นว่าพวกผมไปสอนปราชญ์ให้อ่านเขียนหรือสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำไปหรือครับ?”

    หัวหน้าแคลนมัลดิโตยกแก้วชาขึ้นจิบและวางลงที่เดิม

    “เทคนิคการเอาตัวรอดพวกผมบอกให้ได้อยู่แล้ว แต่...คนเอาไปใช้จะทำตามวิธีของพวกผมได้รึเปล่าเนี่ยสิที่ผมเป็นห่วง สมมติถ้าเอาไปใช้แล้วไม่ได้ผลขึ้นมาแล้วเข้าใจผิดคิดว่าพวกผมให้ข้อมูลหลอกๆหรือว่ากั๊กส่วนสำคัญไว้แล้วทำให้เกิดปัญหาตามหลังมา แบบนั้นก็พวกผมก็ไม่ไหวเหมือนกันนะครับ”

    “อีกอย่าง...ตอนนี้พวกคุณก็ไม่เหลือเวลาให้ทดลองหรือทดสอบอะไรแล้วด้วยนะ”

    เอเซพูดต่อท้ายด้วยใจความสำคัญที่เป็นเป้าหมายของการสนทนาครั้งนี้ของกลอเรียสด้วย

    รองหัวหน้าแคลนเซเลสเทียลถอนหายใจเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นก็เหลือทางเดียวแล้วละ”

    ทั้งไวโอเล็ตแซฟไฟร์ ทั้งแพททริคและเอรันด้าต่างคาดเดาสิ่งที่กลอเรียสจะบอกต่อไปได้แล้ว

    “พวกคุณจะให้ผมยืมกำลังและความสามารถได้ไหม?”

    สี่ปีศาจนิ่งเงียบไม่ตอบโต้อะไรกับคำขอนั้น

    “ผมหวังว่าพวกคุณจะไม่เคยปฏิเสธคำขอจากผู้เล่นที่มาขอความช่วยเหลือในฐานะทหารรับจ้าง และผมก็หวังไว้ว่าถ้าพวกคุณจะปฏิเสธก็ขอให้ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยเช่นกัน”

    ทากะยิ้ม ยกแก้วขึ้นดื่มชาที่เหลืออยู่ครึ่งแก้วจนหมด

    “ไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธอยู่แล้วนี่ครับ เพียงแต่ก่อนจะตกปากรับคำอย่างจริงจังผมมีเรื่องอยากจะถามให้แน่ใจสักหน่อย เป็นคำถามง่ายๆที่เคยถามท่านหญิงไวโอเล็ตแซฟไฟร์ไปแล้วว่าพวกคุณมาเล่นเกมนี้ทำไม วันนี้ก็เลยอยากจะฟังจากปากของคุณกลอเรียสบ้าง”

    แววตาจริงจังและหนักแน่นของทากะจ้องมองดวงตาสีน้ำเงินของกลอเรียสราวกับจะมองให้ทะลุไปถึงแก่นตัวตนที่แท้จริงของเขา

    ชายหนุ่มซึ่งเป็นผู้เล่นเอ็มวีพีของเทสต์เบต้านิ่งไปอึดใจใหญ่

    “ถ้าถามผม...ผมก็จะตอบว่าเหตุผลที่ผมเล่นเกมนี้ก็เหมือนพวกคุณเพียงแต่เป็นคนละแนวทางกัน เป็นคนละทางกันอย่างชัดเจน”

    ทากะขยับแก้วชาที่ดื่มหมดแล้วให้กุห์ฟาน น้องเล็กแห่งแคลนมัลดิโตรินชาเติมให้รุ่นพี่แล้วเลื่อนกลับไปตรงหน้าเขา

    นักสำรวจผมดำยกชาขึ้นดื่มหนึ่งคำและตอบว่า “ตกลง พวกผมรับงานนี้”

    “แต่...”

    ทากะชะงักคำพูดไว้แล้วยกชาขึ้นจิบ และคนที่พูดต่อคือกุห์ฟาน รีส ริยาส

    “งานนี้เป็นงานใหญ่ถ้าเป็นไปได้พวกผมก็อยากขอแรงสนับสนุนจากทางพวกคุณบ้าง ไม่ทราบว่าจะขัดข้องรึเปล่า?”

    คำถามนี้กุห์ฟานพุ่งเป้าไปที่ไวโอเล็ตแซฟไฟร์ไม่ใช่กลอเรียสเพราะเธอเป็นคนคุมคลังไอเท็มของแคลนเซเลสเทียลทั้งหมด

    “...ต้องการอะไรงั้นเหรอคะ?”

    เสนาธิการแห่งแคลนมัลดิโตไม่ตอบคำถามแต่ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้แทน หญิงสาวรองหัวหน้าแคลนเซเลสเทียลรับกระดาษแผ่นนั้นมาดูแล้วก็หน้าเปลี่ยนสีอย่างเห็นได้ชัด

    “โกดังที่เจ็ดถึงสิบสอง คลังสินค้าเมืองบลูเพิร์ลโซนตะวันออกมีไอเท็มพวกนี้อยู่สินะครับ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากให้คุณไวโอเล็ตเบิกออกมาให้ตามจำนวนที่ผมแจ้งไว้จนกว่าพวกผมจะล็อกอินเข้ามาอีกครั้งจะได้ไหมครับ?”

    ในกระดาษแผ่นนั้นมีแต่รายชื่อแรร์ไอเท็มและไอเท็มแรงค์สูงที่ใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตโพชั่นระดับสูงที่แคลนเซเลสเทียลรวบรวมไว้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าสู่ทวีปที่สอง และจำนวนที่กุห์ฟานต้องการไอเท็มเหล่านี้ก็ไม่ใช่จำนวนเล็กน้อยแค่กล่องหรือสองกล่อง

    “ไม่ทราบว่า...รู้ได้ยังไงคะว่าพวกเรามีไอเท็มพวกนี้อยู่?”

    “ไม่สำคัญหรอกว่ารู้ได้ยังไง ผมอยากรู้มากกว่าว่าผมจะได้ไอเท็มพวกนี้รึเปล่า”

    “ตกลง”

    คนตอบตกลงคือกลอเรียส อัลติมัส

    “ผมจะเตรียมไว้ให้สองเท่าของที่คุณกุห์ฟานขอ ของแบบนี้เกินดีกว่าขาดใช่ไหมนะครับ”

    “ถูกต้องครับ ผมกำลังจะพูดคำนั้นอยู่พอดีเลย”

    กุห์ฟานยกกาน้ำชารินเติมให้กลอเรียสจนเต็มแก้วแล้วก็บอกเพิ่มเติมว่า “ถ้าอย่างนั้นมาตกลงเรื่องรายละเอียดว่าพวกผมต้องทำอะไรกันบ้างนะครับ”

    การเจรจาเสร็จสิ้นในอีกสองชั่วโมงถัดมา และก่อนที่แขกทั้งสี่คนจะเดินทางกลับอากิรอส คีฟ ก็ชวนพวกเขาอยู่ต่อด้วยประโยคสุดคลาสลิคและรอยยิ้มแป้นแล้นกวนอวัยวะเบื้องล่าง

    “อยู่ล่าบอสกันก่อนไหมครับ?”

    กลอเรียสกลับตอบด้วยรอยยิ้มที่เดาประสงค์ไม่ออก “ก็ดีนี่ครับ”

    ทั้งแปดคนยืนเรียงหน้ากระดานอยู่บนชายหาดรอให้มอนสเตอร์บอสประจำพื้นที่นี้ปรากฏตัวขึ้นมาจากท้องทะเลที่แสนเหน็บหนาว

    “มาล่าบอสที่นี่บ่อยงั้นเหรอครับ?” กลอเรียสชวนอากิรอสคุยฆ่าเวลา

    “ครั้งที่สองหรือไม่ก็ครั้งที่สามแล้วครับ พอดีรับภารกิจมาล่าแมวน้ำแล้วเอ็นพีซีบอกว่ามีบอสอยู่ด้วย ไหนๆพวกคุณกลอเรียสมาแล้วก็อยากให้มาสนุกด้วยกันนะครับ”

    “พี่อากิก็บอกไปดิว่าอยากเห็นไวโอเล็ตหรือไม่ก็เอรันด้าโดนหนวดปลาหมึกยั้วเยี้ยรัดจนส่งเสียงครางน่ะ”

    สองสาวหันขวับมามองนักเวทผมเทาด้วยสายตาดุๆ อากิรอสเลยแก้เขินด้วยการล็อกคอกุห์ฟานมาขยี้ผม

    “แหะๆๆ เด็กมันพูดจาเลอะเทอะ อย่าไปสนใจเลยครับ”

    เกิดน้ำวนก่อตัวขึ้นไม่ห่างออกไปจากชายฝั่งมากนัก เป็นปรากฏการณ์ก่อนที่มอนสเตอร์บอสจะเกิดขึ้นมา เสียงหัวเราะหายไปจากฝั่งของมัลดิโตและความเงียบก็เข้าปกคลุมฝั่งเซเลสเทียลและหลอมรวมกันเข้าเป็นบรรยากาศตึงเครียดและกดดันอย่างหนักหน่วง เมื่อผืนน้ำระเบิดขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับ “แกรนด์ออคโตปัส” การต่อสู้ก็เปิดฉากขึ้นทันที





    เมื่อการต่อสู้จบลงและทั้งสี่คนกลับไปที่เมืองบลูเพิร์ลแล้ว สี่หนุ่มมัลดิโตก็กลับมาที่บ้านพักของซีวิลเพื่อพักผ่อนบ้างเพราะเวลาในการล็อกอินของพวกเขาใกล้จะหมดแล้ว ในระหว่างที่รุ่นพี่ทั้งสามเข้าไปจิ๊กเสบียงในครัวของเจ้าของบ้านกินแก้หิว กุห์ฟานก็เปิดหน้าต่างสนทนาติดต่อไปหาเพื่อนๆใน “เน็ตเวิร์ค”

    “เรียบร้อยแล้วสินะ?”

    “อื้อ เป็นไปตามแผนนั่นแหละ”

    “น่าแปลกที่พวกนั้นยอมตกลงง่ายๆแฮะ”

    “ถ้าเคลียร์ทวีปแรกไม่ได้ยังไงพวกเขาก็ต้องเสียไอเท็มพวกนั้นไปหมดอยู่ดี ยอมควักเนื้อตอนนี้เพื่อเอาคืนตอนหลังในทวีปสองยังไงก็คุ้มสำหรับทางโน้นมากกว่า”

    “นั่นสินะ พวกนั้นไม่ยอมขาดทุนเปล่าหรอก”

    “จากนี้ก็ต้องขอให้พวกนายเหนื่อยกันหน่อยละนะ”

    “ไม่มีปัญหา ว่าแต่ทำไมนายถึงนัดพวกนั้นมาคุยในอนุทวีปละ? แบบนี้ก็เท่ากับเผยไต๋เรื่องสถานที่เก็บค่าประสบการณ์กับแหล่งทรัพยากรให้ฝั่งโน้นรู้น่ะสิ”

    “คงไม่มีปัญหาหรอก ลำพังแค่พื้นที่อื่นพวกนั้นก็ยุ่งจนหัวหมุนแล้วคงไม่มีเวลามาวุ่นวายกับทางนี้ได้หรอก พอเคลียร์ทวีปแรกได้แล้วก็คงมุ่งหน้าไปบุกเบิกทวีปที่สองทันที นายคำนวณไว้แบบนี้ใช่ไหมกุห์ฟาน?”

    “ก็ตามนั้นแหละ ถ้าแค่นี้ยังไม่มีปัญญาผ่าเข้ามาถึงที่นัดหมายได้แล้วละก็พวกนั้นก็ควรพิจารณาตัวเองได้แล้วว่าสมควรจะรีเซ็ตมากกว่าไปทวีปที่สอง ว่าแต่ว่าข่าวสารของพวกนายน่ะคอนเฟิร์มแล้วรึยัง?”

    “ตอนนี้ยังห้าสิบห้าสิบเหมือนเดิม ยังไม่ได้บอกพวกพี่ๆนายใช่ไหมละ”

    “ยังหรอก”

    “งั้นก็ตามนั้น ถ้ามีอะไรอัพเดทจะบอกให้ละกัน”




    เสนาธิการแห่งแคลนมัลดิโตปิดหน้าต่างสนทนาไปแล้วหงายหลังนอนพิงกับโซฟานุ่มๆยกสองมือประสานไว้บนหน้าผากอย่างหนักใจกับสิ่งที่ได้รู้มาและคิดว่าควรจะบอกพวกรุ่นพี่ทั้งสามถึงสาเหตุที่แท้จริงที่เขาเปลี่ยนใจไม่ปล่อยให้โลกแกรนด์ไกอาออนไลน์ถูกรีเซ็ตดีรึเปล่าเพราะเขาก็คาดเดาปฏิกิริยาเมื่อรุ่นพี่ทั้งสามรู้เรื่องนี้ไม่ได้เหมือนกัน
    taleoftrue ถูกใจสิ่งนี้
  24. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    หนึ่งปีแล้วครับกับนิยายเรื่องนี้ เริ่มเขียนตั้งกะตกงานยันได้งานใหม่

    และตอนนี้ก็เป็นตอนสุดท้ายในสต็อกที่เขียนเก็บไว้นานมากแล้วด้วย จริงๆตั้งใจจะเขียนให้ครบ 52 ตอน จะได้เป็น 1 ตอนต่อสัปดาห์พอดี แต่สองเดือนที่ผ่านมาแทบไม่ได้เขียนเพิ่มเลยเพราะมัวแต่ปั่นงานและคาดว่าน่าจะเป็นอย่างนี้ไปอีกเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นประกาศดรอปครับ (ดองนั่นเอง)

    ดองไว้ที่วันครบรอบหนึ่งปีนี่แหละ มีเวลาแล้วจะเขียนต่อหรือไม่ก็...rewrite เลย

    ไหนๆมันก็มาไกลขนาดนี้แล้ว ขอ "คอมเมนต์" แบบเต็มๆหน่อยละกัน
    อะไรตรงไหนยังต้องปรับปรุงแก้ไข ตรงไหนต้องเขียนเพิ่ม-ตัดออก หรืออยากจะเสนอแนะอะไรเพิ่มเติมหรือเป็นความรู้สึกที่มีต่อเรื่องนี้ก็ได้ (คำผิดไม่ต้องก็ได้นะเดี๋ยวไปอ่านเองแก้เอง แต่ถ้าสำนวนตรงไหนประหลาดจัดมาโลดครับ)

    กราบขอบพระคุณล่วงหน้า
    Aze McDowell
  25. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    บอกก่อนว่าจุดที่บอกตรงนี้เป็นส่วนความชอบส่วนตัวซะส่วนมากล่ะนะฮะ

    1. อยากเห็นบทบาทของตัวละครอื่นที่มีต่อเกมบ้าง เพราะหลังจากอ่านมาหลายตอนส่วนใหญ่ก็จะกลายเป็นมัลดิโตโชว์ฝีมือปราบมอนสเตอร์ซะมากกว่า (ถ้าไม่นับการเดินเรื่องระหว่างกิลด์ใหญ่กับมัลดิโตที่มีมาเป็นระยะ) ถ้ามีส่วนที่แสดงให้คนอ่านมองเห็นโลกของเกมนี้เพิ่มมากขึ้นจากมุมมองของตัวละครอื่นหรือสถานการณ์แบบอื่นๆน่าจะดีกว่านี้ครับ

    2. อีเวนท์บางอย่างที่รีบจบไวไปหน่อย เพราะบางจังหวะการแต่งให้จังหวะการอ่านยืดออกไปบ้างเพื่อให้คนอ่านได้ซึมซับเอาบรรยากาศของเนื้อหาช่วงนั้นก็สำคัญเหมือนกัน

    3. การเดินเรื่องมีการใช้เนื้อหาประเภทสรุปเรื่องบ่อยไป ซึ่งพอเจอบ่อยๆมันก็ทำให้รสชาติของนิยายจืดลงไปเยอะ

    คร่าวๆก็ราวๆนี้ล่ะฮะ
    Azemag ถูกใจสิ่งนี้

Share This Page