เนื่องจากดองนิยาย GRAND GAIA ONLINE ที่เคยเขียนตอนว่างงานเอาไว้เพราะมีงานทำ และตอนนั้นก็เขียนตามใจฉันแบบเรื่อยเปื่อยมากๆ เอาเป็นว่าจะขอแก้ตัวใหม่กับฉบับ rewrite นี้ก็แล้วกัน ส่วนมันจะโดนดองอีกรึไม่ คนเขียนก็บอกไม่ได้แต่จะพยายามไม่ให้เป็นแบบนั้นก็แล้วกัน ด้วยจิตคารวะ Aze McDowell
บทที่ 1 – Log in ตี๊ด! เสียงจากเครื่องอ่านแถบแม่เหล็กดังขึ้นพร้อมกับประตูเปิดกว้าง ร่างของชายคนหนึ่งเดินแทรกผ่านช่องว่างเข้าไป เขาหยุดเท้าอยู่หน้าตู้ใส่เอกสารของผู้เช่าแต่ละห้อง หยิบซองจดหมายที่ใส่บิลรายจ่ายต่างๆจำพวกค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบริการอินเตอร์เน็ตติดมือมาด้วย เขาก้าวขึ้นบันไดไปทีละ 2 ขั้น เป้าหมายอยู่ที่ชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของหอพักกลางเก่ากลางใหม่ในซอยเล็กๆย่านใจกลางเมือง ระหว่างทางเขาสวนทางกับสาวออฟฟิศที่อาศัยอยู่ชั้น 3 เขาเคยเห็นหน้ากันบ้างในฐานะที่อยู่หอเดียวกันแต่ไม่เคยคุยกันเกินไปกว่าการทักทายตามมารยาท ชายหนุ่มมาถึงห้องของตัวเอง ห้องเหมายเลข 503 ที่เช่าอยู่มานานหลายปีตั้งแต่เรียนอยู่ยันเรียนจบ เขาปลดล็อกลูกบิด ใช้ขาซ้ายเตะประตูให้เปิดออกแล้วก้าวเข้าไปในห้องเล็กๆที่ใช้เป็นที่ซุกหัวนอน เป้ใบใหญ่ที่สะพายไว้บนบ่ามาทั้งวันถูกโยนลงบนเตียง ซองค่าใช้จ่ายต่างๆถูกวางไว้ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ เขานั่งพักเหนื่อยจากการเดินทางในวันนี้พร้อมกับรอให้คอมพิวเตอร์บู้ทเครื่องจนเสร็จ นาฬิกหาที่มุมซ้ายล่างของหน้าจอบอกว่าอีกไม่กี่นาทีก็จะหนึ่งทุ่มแล้ว เจ้าของห้อง 503 ลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่ระเบียงแล้วไปอาบน้ำ เสร็จแล้วก็กลับมานั่งหน้าคอมฯ หยิบข้าวกล่องที่แวะซื้อจากร้านอาหารตามสั่งที่หน้าปากซอยมากินเป็นมื้อเย็นพลางเช็คข่าวสารต่างๆจากอินเตอร์เน็ต ปิ๊ง ~ป่อง! เสียงจากสมาร์ทโฟนดังขึ้นพร้อมแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อย มีข้อความใหม่ในแอพไลน์ รุ่นน้องของเขาส่งข้อความมาหา คืนนี้ล็อกอินเข้าเกมแล้วเจอกันที่ประตูเมืองทิศใต้นะพี่ เขาพิมพ์ตอบกลับไป รู้แล้ว ตอนนี้ขอทำงานก่อน ปิ๊ง ~ป่อง! โอเค แล้วเจอกันพี่ เขาวางโทรศัพท์ ลุกไปที่เตียง เปิดเป้ออกหยิบกล่องที่อยู่ข้างในออกมา ของข้างในกล่องเป็นอุปกรณ์พิเศษสำหรับเล่นเกมออนไลน์เสมือนจริงเกมใหม่ที่จะเปิดบริการตอนห้าทุ่นในคืนนี้ –––– แกรนด์ ไกอา ออนไลน์ อุปกรณ์ที่ว่ามีหน้าตาคล้ายที่คาดผมที่มีแกนคาด 2 อันที่มีสายรัดคาง แกนแรกใช้คาดกลางหัวเหมือนที่คาดผมปกติ อีกแกนใช้คาดแถวๆหน้าผาก พอลองดูคู่มือการใช้ก็รู้ว่ามันเป็นอุปกรณ์จับคลื่นสมองขนาดพกพา ทำงานด้วยซิมการ์ดรุ่นพิเศษที่เขาได้รับตอนไปซื้อที่คาดผมหน้าตาประหลาดอันนี้ที่บริษัทตัวแทนผู้ให้บริการเกมในประเทศ ข้อมูลในซิมการ์ดก็คือข้อมูลทั้งหมดในไอดีของเขาที่มีเพียงเขาใช้งานได้เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เขาจะสนใจเรื่องของเกม เขาวางที่อุปกรณ์จับสัญญาณสมองไว้แล้วกินข้าวเย็นต่อให้หมด จากนั้นก็เปิดโปรแกรมเวิร์ดโปรเซสซิ่งขึ้นมาเพื่อพิมพ์งานที่ทำค้างไว้ เขานั่งทำงานอย่างใจเย็นไปเรื่อยๆจนเวลาผ่านไปจนถึงสี่ทุ่มครึ่งก็เซฟงานและปิดไป แล้วก็หยิบคู่มือการใช้งาน คู่มือเกมและสรุปงานวิจัยการใช้อุปกรณ์ว่าไม่มีอันตรายหรือผลข้างเคียงทั้งระยะสั้นและระยะยาวต่อผู้ใช้ มีคำแนะนำจากทีมงานแถมท้ายให้ด้วยว่า ––– ควรเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนเชื่อมต่อสัญญาณจะได้ไม่ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำกลางดึกให้เสียอรรถรสระหว่างเล่นเกม เวลาเปิดให้บริการเกมใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาจัดแจงล็อกประตูห้อง ปิดคอมฯและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น สวมที่คาดผมหน้าตาประหลาดที่ทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์ล็อกอิน เตรียมพร้อมเข้าเล่นเกมออนไลน์เสมือนจริงเกมใหม่ล่าสุด เขาทำตามคำแนะนำในคู่มือเล่นเกม นอนด้วยท่าที่สบายที่สุดแล้วเริ่มต้นการเชื่อมต่อสัญญาณ จากนั้นสติสัมปชัญญะของเขาก็ดับวูบไปในไม่ช้า เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งเขาก็พบว่าตัวเองยืนอยู่ในห้องเล็กๆ มีกระจกบานใหญ่ตั้งอยู่ตรงหน้าสะท้อนภาพตัวเขาในชุดเริ่มต้นของนักผจญภัยที่เห็นได้บ่อยๆในเกมอาร์พีจีทั่วไป เสื้อแขนสั้นกับกางเกงขายาวสีกากีที่ดูคล้ายกับชุดลูกเสือ รองเท้าที่ใส่อยู่ตอนนี้เป็นรองเท้าหนังบางหุ้มข้อ นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ยินดีต้อนรับเข้าสู่เกมแกรนด์ ไกอา ออนไลน์ค่ะ เสียงไพเราะของหญิงสาวดังขึ้นจากความว่างเปล่า โปรดปรับแต่งตัวละครของท่านก่อนเริ่มการผจญภัยค่ะ มีหน้าต่างโปร่งใสปรากฏขึ้นมาพร้อมกับตัวเลือกสำหรับปรับแต่งรูปลักษณ์ตัวละครไม่ว่าจะเป็นสีผม สีดวงตา ทรงผมและความยาวเส้นผม ลักษณะดวงตา เค้าโครงใบหน้ารวมถึงรายละเอียดด้านต่างๆอีกเยอะแยะ เขาเลือกสีน้ำตาลเข้มให้หัวข้อสีของเส้นผมและสีของดวงตา ปรับความยาวเส้นผมให้เพิ่มขึ้นจากเดิมเล็กน้อย ลดความหนาบริเวณโหนกแก้มให้หน้าดูเรียวลงนิดหน่อย เมื่อดูโฉมหน้าของตัวละครที่จะใช้ในเกมจากภาพสะท้อนบนกระจกจนพอใจแล้วเขาก็กดปุ่มยืนยันการปรับแต่งตัวละคร จากนั้นหน้าต่างโปร่งใสอีกบานก็ปรากฏขึ้นมาพร้อมคีย์บอร์ดเพื่อตั้งชื่อตัวละคร โดยมีข้อแนะนำว่าอย่าใช้ชื่อและนามสกุลจริงเป็นชื่อตัวละคร เขาพิมพ์ที่ใช้อยู่เป็นประจำลงไป ––– เอเซ แมคโดเวล แล้วก็กดปุ่มยืนยันการตั้งชื่อตัวละคร ขอให้มีความสุขกับการผจญภัยในแกรนด์ ไกอา ออนไลน์ค่ะ เสียงของโอเปอเรเตอร์หญิงล่องหนดังขึ้นอีกครั้ง กระจกบานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าเปล่งแสงแล้วกลายเป็นประตูบานหนึ่งแทน เอเซ แมคโดเวลเปิดประตูบานนั้นเพื่อก้าวเข้าสู่โลกอีกใบหนึ่ง หลังจากเจอแสงสว่างเจิดจ้าสาดเข้าใส่หลังเปิดประตู เขาก็พบว่าตัวเองยืนอยู่บนลานกว้างขนาดใหญ่ เอเซไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยวเพราะมีผู้เล่นคนอื่นในชุดสีกากีเหมือนกับเขายืนอยู่ในลานกว้างแห่งนี้ด้วย เสียงพูดคุยดังทับซ้อนกันจนฟังไม่รู้เรื่องว่าใครกำลังพูดคุยประเด็นไหนอยู่กับใคร เขากวาดตามองไปรอบๆตัว มีอาคาร 2 ชั้นทอดตัวล้อมลานแห่งนี้ไว้อีกชั้นหนึ่ง มีถนน 4 สายแยกออกไปจากลานแห่งนี้ พอเอเซขยับยืนให้ตรงกับถนนเส้นที่ใกล้ที่สุด ปลายทางของถนนคือประตูเมืองสไตล์ยุคกลางและแนวกำแพงเมืองสูงใหญ่ ขณะที่เขากำลังชื่นชมความยิ่งใหญ่ของทัศนียภาพและความสมจริงของเมืองแห่งนี้ เขาก็รู้สึกว่าผิวกายรับรู้ถึงความเย็นจากกระแสลมและความร้อนจากแสงแดดพร้อมๆกัน ชายหนุ่มลองขยับแขนและบิดข้อมือไปมา สิ่งที่เขารู้สึกได้คือมวลแข็งๆของกระดูกภายในกล้ามเนื้อที่อ่อนนุ่ม สัมผัสต่างๆล้วนเหมือนร่างกายจริงเกือบจะไม่ผิดเพี้ยน เขาพูดเบาๆกับตัวเอง “เอาล่ะ ประตูเมืองทิศใต้สินะ” เขานึกถึงสถานที่นัดพบภายในเกมกับรุ่นน้อง จากนั้นเดินไปที่ต้นถนนเพื่อดูป้ายบอกทาง ถนนที่อยู่ใกล้เขาที่สุดดันเป็นถนนทิศเหนือ เขาจึงต้องฝ่าฝูงคนเดินตัดลานกว้างที่ใหญ่สนามฟุตบอลไปยังถนนทิศใต้ พอเดินห่างออกจากกลุ่มคนเสียงพูดคุยก็ห่างออกไปเรื่อยๆ และเมื่อเดินได้ระยะทางประมาณ 1 ใน 3 ของถนน “ว่าแล้วว่าพี่เอเซต้องทำหัวสีน้ำตาลช็อกโกแล็ตเหมือนเดิมแน่ๆ” คนที่แซวเรื่องสีผมของเอเซคือรุ่นน้องของเขาเอง “สีน้ำตาลช็อกโกแล็ตที่ไหนวะ? สีนี้เรียกสีน้ำตาลเปลือกไม้ตะหากละเว้ยไอ้กุห์ฟาน” กุห์ฟาน รีส ริยาส คือชื่อของตัวละครที่รุ่นน้องของเขาใช้ นอกจากความสูงในระดับมาตรฐานแล้วสิ่งที่ทำให้รุ่นน้องของเขาโดดเด่นเหนือกว่าใครๆก็คือเส้นผมสีแดงเพลิงและดวงตาสีส้มอ่อนๆ “สีน้ำตาลช็อกโกแล็ตก็เหมาะดีนี่นา เข้ากับชื่อเอลเซ่ด้วย เอลเซ่รสช็อกโกแล็ตไงล่ะ” เอเซทำหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นใบหน้าของชายที่อยู่ด้านหลังกุห์ฟานอย่างชัดๆ เพื่อนอีกคนหนึ่งในกลุ่มของเขา ––– อากิ ชายผู้มีรอยยิ้มยียวนกวนประสาท “งั้นนายก็เป็นกระดาษเงินที่ใช้เผากงเต๊กสินะ?” เอเซแซวกลับเพราะอากิเลือกปรับแต่งเส้นผมของตัวเองเป็นสีเงิน “เปรียบเทียบได้แย่มากเลยนะนาย” “แล้วจะให้เทียบกับอะไรล่ะ? กระดาษฟลอยด์ห่อไก่ย่างห้าดาวงั้นเหรอ?” “แย่หนักกว่าเดิมอีกว่ะ” “การที่นายอยู่กับกุห์ฟานแบบนี้ก็หมายความว่าหมอนั่นก็อยู่ด้วยสินะ?” เอเซเปลี่ยนประเด็นดื้อๆ ‘หมอนั่น’ ที่เอเซพูดถึงปรากฏตัวออกมาจากเงามืดของตรอก ชายร่างสูงผู้มีใบหน้ามึนๆเหมือนคนง่วงนอน นอกจากความยาวของเส้นผมสีดำที่เพิ่มขึ้นแล้วเอเซก็ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นในร่างกายจำลองของเพื่อนคนนี้เลย “ถ้าอยู่ก็หัดทักทายกันบ้างสิวะไอ้ทากะ” เพื่อนคนที่ 3 ของเอเซ ––– ซารุวาตาริ ทากะ ยกมือให้เป็นการทักทาย เพียงแค่นั้นจริงๆ “เกมนี้เขาให้เลือกใช้ตัวละครที่เป็นใบ้ได้ด้วยสินะ?” ทากะไม่ตอบ ได้แต่ยืนทำหน้ามึนๆเป็นหมาง่วงนอนอยู่เหมือนเดิม พอทากะเงียบ เอเซก็หันไปถามอากิแทน “แล้วไงเนี่ย? พวกนายจะจัดงานคืนสู่เหย้ากันรึไงถึงต้องชวนให้เรามาเล่นด้วยเนี่ย?” ทั้ง 4 คนรู้จักกันมานานหลายปีแล้วจากสมัยที่เว็บบอร์ดต่างๆยังรุ่งเรือง ไปมีทติ้งเว็บบอร์ดด้วยกันหลายครั้ง นัดกินข้าวกันตามแต่เวลาจะเอื้ออำนวยรวมถึงนัดชนแก้วเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอลบ้างตามเทศกาลพิเศษ นอกจากนี้กุห์ฟานยังเป็นรุ่นน้องต่างคณะที่มหาวิทยาลัยของเอเซด้วย ทั้ง 2 คนรู้จักกันผ่านการทำกิจกรรมของคณะและมารู้ทีหลังว่าเล่นเว็บบอร์ดเดียวกัน “คิดมากไปได้นาย พวกเราก็แค่อยากให้นายมาเล่นเกมนี้ก็แค่นั้นเอง ตอนเปิดให้เล่นโคลสเบต้านายก็ไม่ได้มาเล่นกับพวกเรานี่นา” “ก็ไม่ว่างนี่หว่าจะให้ทำไงวะ?” “ไม่ว่างก็ไม่เป็นไรไง แค่วันนี้นายยอมมาเล่นก็โอเคแล้วนี่” “งั้นเรอะ? เกมนี้มันสนุกขนาดนั้นรึไงกัน?” “ถ้าพี่อยากรู้คำตอบก็ลองดูด้วยตัวเองเป็นไง” กุห์ฟานยักคิ้วให้แล้วชี้ไปที่ประตูเมือง คนที่เคยเล่นเกมพาร์พีจีและเกมออนไลน์มาบ้างอย่างเอเซรู้ได้ทันทีว่ารุ่นน้องของเขาต้องการจะสื่ออะไร “มันก็น่าสนใจหรอกแต่พี่ยังไม่มีอาวุธสักชิ้น เมนูส่วนตัวจะเข้าตรงไหนก็ยังไม่รู้เลยเนี่ย” กุห์ฟานยกนิ้วชี้ขึ้นมาส่ายช้าๆพร้อมกับจุ๊ปาก “ไม่-ต้อง-ห่วง-เดี๋ยว-น้อง-จัด-ให้” กุห์ฟานพาทั้ง 3 คนเดินตรงไปยังประตูเมืองฝั่งทิศใต้ แต่อีกไม่กี่สิบเมตรจะถึงประตูเมืองกุห์ฟานก็พาทุกคนมาหยุดอยู่หน้าอาคารใหญ่หลังหนึ่ง ด้านบนมีป้ายวาดรูปดาบคู่ไขว้ทับโล่อยู่ “ร้านขายอาวุธเรอะ?” “เกือบถูกแล้วพี่ ที่นี่ไม่ใช่ร้านขายอาวุธแต่เป็นคลังแสงที่ให้ผู้เล่นยืมอาวุธไปทดลองใช้ตามความถนัดน่ะ” “โฮ่!? เกมใจดีๆแบบนี้มีไม่มากงั้นข้าก็ไม่เกรงใจละกันวะ” เอเซก้าวเข้าไปในด้านในอาคารก่อนใครเพื่อน เขาทึ่งกับชั้นวางอาวุธสารพัดชนิดทั้งอยู่บนพื้นและแขวนติดเพดาน อาวุธก็มีให้เลือกมากมายไม่ว่าจะเป็นดาบ มีดขนาดต่างๆ ขวาน หอก พลอง กระบอง 2 ท่อน มีกระทั่งหน้าไม้และธนูให้ทดลองใช้ ในส่วนของอุปกรณ์ป้องกันมีโล่แบบต่างๆทั้งโล่กลม ทรงรี ทรงสี่เหลี่ยม นอกจากโล่ก็มีเกราะลำตัว เกราะแขนและเกราะขาที่ทำจากไม้ ส่วนชั้น 2 ของที่นี่เป็นพื้นที่สำหรับคนที่อยากลองใช้เวทมนตร์หรือเล่นอาชีพสายเวทมนตร์ เพราะมีคทาและไม้เท้าแบบต่างๆให้เลือกอีกมากมายไม่ต่างจากชั้นล่างเช่นกัน เอเซเดินเลยผ่านชั้นวางดาบมือเดียวไปที่ชั้นวางดาบ 2 มือ ลองหยิบดาบขึ้นมาเหวี่ยงดูทีละเล่ม ส่วนคนอื่นๆก็แยกย้ายไปเลือกอาวุธที่ตัวเองต้องการ ไม่เกิน 10 นาทีแต่ละคนก็มารวมตัวกันหน้าทางออก ทากะได้ดาบคาตะนะมา 1 เล่ม เอเซได้ดาบเคลย์มอร์ 1 เล่มกับเกราะแขน 1 คู่ อากิได้ไม้เท้าที่ดูเหมือนกิ่งไม้ยาวๆมา 1 ด้าม และกุห์ฟานได้มีด 1 คู่ เล่มแรกเป็นมีดคมบางสันหนายาวประมาณ 6 นิ้ว มีดเล่มที่สองสองคมยาว 4 นิ้ว “เอาดีด้านนักเวทอีกแล้วเหรอวะ?” เอเซถามอากิหลังจากเห็นเพื่อนจอมกวนยืนลูบคลำๆไม้เท้าอย่างพออกพอใจ “เราเป็นผู้ชายอ่อนแอที่ต่อยตีไม่เก่งก็ต้องเล่นอาชีพสายผู้ใช้เวทมนตร์อยู่แล้ว” เอเซเหล่มองดาบคาตะนะในปลอกไม้สีดำขลับในมือทากะแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร เขารู้อยู่แล้วว่าทากะจะต้องเลือกดาบคาตะนะเพราะทากะเป็นพวกชื่นชอบคาคาตะนะ ชอบถึงขนาดเก็บเงินสั่งซื้อชุดดาบคาตะนะมาตั้งไว้ในห้องนอนเลย “มาพนันกันดีกว่า ผมว่าพี่เอเซต้องเลือกอาชีพนักดาบเวทแน่นอน” “ทำเป็นรู้ดีนะเอ็ง” เอเซยกขาขวาเตะกุห์ฟานไป 1 ป้าบเพราะโดนอ่านใจได้ ตอนที่พวกเขาออกมาจากคลังแสงก็เริ่มมีผู้เล่นทยอยเดินมาจากลานกลางเมืองบ้างแล้ว ผู้เล่นหลายคนเมื่อเห็นทั้ง 4 คนมีอาวุธครบมือก็เข้ามาถาม กุห์ฟานก็ตอบไปตามตรงและเดินทางออกจากเมืองได้ในที่สุด ทุ่งหญ้าเขียวขจีกว้างใหญ่ทอดตัวยาวไปไกลสุดสายตา สายลมเย็นพัดเอากลิ่นหอมจางๆของดอกไม้มาแตะจมูก เนินดินลูกเล็กลูกใหญ่ซ้อนทับกันจนทำให้เส้นขอบฟ้ากลายเป็นลูกคลื่น มองไปไกลๆจะเห็นต้นไม้ใหญ่ที่ล้อมรั้วเอาไว้เหมือนเอาไว้เป็นที่พักผ่อนให้ผู้เล่นด้วย “เอาล่ะนะ ก่อนที่จะไปถึงตำแหน่งที่ผมตั้งใจไว้ผมก็จะอธิบายพื้นฐานของเกมนี้ให้พี่ฟังคร่าวๆก็แล้วกัน พี่อากิกับพี่ทากะถือว่าฟังผ่านหูไปก็ได้” กุห์ฟานเริ่มต้นพูดพร้อมกับเดินนำทุกคนไป “ก่อนอื่นเลยที่นี่ยังไม่ใช่ภายในเกมจริงๆแต่เป็น <ติวเตอเรียลโซน> สำหรับผู้เล่นมือใหม่ วิธีที่จะออกไปจากบีกินเนอร์โซนก็ง่ายแสนง่ายแค่ปราบศัตรูในทุ่งหญ้ารอบเมืองจนกว่าจะได้ <คริสตัล> ก็พอ” เอเซพยักหน้าว่ากำลังฟังอยู่ กุห์ฟานพูดต่อไป “กฎข้อแรกของการต่อสู้ เกมนี้อิงหลักกายวิภาคศาสตร์เป็นหลัก ผู้เล่นอย่างเราต่อให้เก่งขนาดไหนถ้าโดนฟาดเข้าขมับหรือปลายคางจังๆก็ลงไปนอนวัดพื้นได้เหมือนกัน ฉะนั้นมอนสเตอร์ทุกตัวเองก็มีจุดอ่อนและจุดตายไม่เว้นแม้กระทั่งบอส ถ้าโจมตีได้แรงและแม่นพอก็สามารถทำ <วัน-ฮิต-คิล> ได้เลย” “กฎข้อที่ 2 เกมนี้นับได้ว่าเป็นเกมประหลาดเพราะไม่มีสเตตัสอะไรสักอย่าง” เอเซพูดแทรกขึ้นมา “ไม่มีสเตตัส?” “ใช่ แต่เรื่องนั้นผมจะอธิบายอย่างละเอียดให้ฟังทีหลัง สิ่งที่ผมจะบอกก็คือพี่ต้องหลบหลีกการโจมตีของศัตรูด้วยตัวเองเพราะเกมไม่มีสเตตัสเรื่องการหลบมาคอยช่วยเหมือนเกมอื่น” “รวมถึงการป้องกันตัวด้วย นายจะป้องกันตรงไหนก็ต้องตัดสินใจเอาเอง” อากิช่วยอธิบายเพิ่มเติม “กฎข้อที่ 3 เกมนี้เล่นจริงเจ็บจริงถึงจะไม่เจ็บเจียนตายเท่ากับโลกแห่งความเป็นจริงแต่ก็เจ็บเข้าขั้นอยู่เหมือนกัน” “มันไม่ดีก็ตรงเนี้ยแหละ!! เกมนี้มีผู้หญิงเล่นน้อยมากก็เพราะความสมจริงจนเกินไปนี่แหละ!!” อากิทำหน้าผิดหวังสุดๆ “หน้าหม้อเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยนะเอ็ง” แทนที่จะโกรธ อากิกลับยืดอกรับคำเหน็บแนมด้วยความภาคภูมิใจ “กฎข้อสุดท้าย” กุห์ฟานเมินกับปฏิกิริยาของอากิแล้วพูดต่อไปเลย “ผมขอให้พี่คิดว่าที่นี่เป็นโลกอีกใบหนึ่งที่มีระบบของเกมมาช่วยมากกว่าจะให้คิดว่าที่นี่คือโลกสมมติ พี่ออกแรงมากเท่าไหร่ก็เหนื่อยเร็วเท่านั้น หมดแรงก็ต้องนั่งพักเอาแรงคืนซึ่งกินเวลานานเสียเวลาไปเปล่าๆ” “ต่อสู้ให้เหมือนมีสมอง อย่าดีแต่ใช้แรงเข้าว่าเป็นสัตว์ป่า” ทากะที่เงียบมาตั้งแต่ต้นจนจบอ้าปากพูดสรุปนัยยะในกฎข้อสุดท้ายของกุห์ฟาน “ว้าว! พูดน้อยแต่พูดซะหล่อเลยนะ” อากิปากไวแซวไปตามสันดาน ทากะก็มือไวเอาดาบในมือเคาะหัวอากิไป 1 ที “แล้วเอาไง? จะช่วยกันล่าหรือว่าแยกกันล่าล่ะ?” “ผมอยากเห็นฝีมือพี่เอเซมากกว่า เลิกเล่นเกมแนวนี้ไปหลายปีไม่ใช่ว่าสนิมเกาะฝีมือหมดแล้วนา” กุห์ฟานยักคิ้วเป็นเชิงท้าทาย “น้องของมา พี่จัดให้!” ไม่นานนักทั้ง 4 คนก็มาถึงเนินดินที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดในบริเวณนั้น พอกวาดตามองลงเนินไปเอเซก็ต้องทึ่งและอึ้งอีกครั้งเพราะในทุ่งหญ้ามีมอนเสตอร์ <กระต่าย> อยู่เต็มไปหมด เพียงแต่เป็นกระต่ายที่ตัวใหญ่พอๆกับสุนัขพันธุ์ใหญ่อย่างบ็อกเซอร์หรือร็อตไวเลอร์เลย “แม่เจ้าโว้ย! จีเอ็มเกมนี้เลี้ยงกระต่ายด้วยอะไรวะเนี่ย!?” “ไม่น่าจะใช่เพ็ดดีกรีถุงสีเหลืองนะ” เอเซเตะอากิเข้าให้ 1 ป้าบข้อหากวนประสาท “โวะ! เราไม่ใช่กระสอบทรายนะเว้ย ถ้านายมีแรงเหลือเฟือก็ลงไปลองของกับน้องกระต่ายเองเด้” “รู้แล้วน่า” เอเซ แมคโดเวล ดึงดาบเคลย์มอร์ออกจากฝักเหล็ก เดินลงเนินไปหากระต่ายยักษ์ที่อยู่ใกล้ที่สุด กระต่ายโชคร้ายตัวนั้นเป็นกระต่ายลาย 3 สี หูตั้ง หางสั้นปุย มันกำลังเล็มกินยอดหญ้าอย่างสบายอารมณ์โดยไม่รู้ว่าอันตรายค่อยๆคืบคลานเข้ามาหาจากด้านหลัง พอมั่นใจว่าอยู่ในระยะที่ตัวเองวิ่งแล้วกระโดดถึงเอเซก็เปลี่ยนจากเดินย่องเป็นวิ่งเหยาะๆเป็นจังหวะแล้วถีบเท้าพุ่งออกไปสุดตัว กระโดดลอยตัวเข้าหามอนสเตอร์ที่เป็นเป้าหมาย สองมือเงื้อดาบขึ้นเหนือหัว เล็งตำแหน่งโจมตีที่หลังคอของกระต่าย 3 สี วืด! เอเซจั่วลมเต็มเปา กระต่าย 3 สีกระโจนหนีไปได้ก่อนที่จะถูกดาบฟันใส่ แถมมันกลับตัวกระโดดชนคนที่มุ่งร้ายกับมัน เอเซไม่ทันตั้งตัวโดนมอนสเตอร์พุ่งชนไหล่ซ้ายเต็มๆจนเกือบล้มแต่ก็เอาดาบยันพื้นประคองตัวไม่ให้ล้มก้นจ้ำเบาได้ทัน นอกจากนี้ แถบพลังชีวิตในขอบเขตการมองเห็นที่มุมซ้ายบนก็ลดลงนิดหน่อยด้วย “ให้ช่วยม๊ายยยยยย?” เสียงของอากิแว่วมาจากด้านหลัง เอเซกัดฟันดันตัวขึ้นแล้วตอบไป “ไม่ต้องโว้ย” กระต่ายยักษ์ใช้ขาสั้นๆของมันวิ่งห้อเข้ามาอีกครั้ง เอเซฉากหลบไปก่อนจะถูกพุ่งชนเพราะแขนซ้ายยังไม่หายชา เขารอเกือบ 10 วินาทีกว่าแขนซ้ายจะกลับมาเคลื่อนไหวได้เหมือนเดิม และเมื่อหายจากอาการบาดเจ็บเขาก็พร้อมที่จะเอาคืนแล้ว 10 วินาทีที่ผ่านไปไม่สูญเปล่าเพราะเขาคอยสังเกตรูปแบบการโจมตีของมอนสเตอร์อยู่ตลอดและก็เห็นว่ากระต่ายยักษ์ 3 สีมีการโจมตีรูปแบบเดียวคือพุ่งชนเอาหัวโหม่งซึ่งๆหน้า เมื่อกระต่ายยักษ์ 3 สีพุ่งเข้ามาอีกครั้ง เขาก็รอจนมันพุ่งตัวลอยขึ้นจากพื้นส่วนตัวเองก็เบี่ยงหลบออกทางขวา บิดข้อมือแทงดาบเข้าที่ซอกคอของมอนสเตอร์ แต่กระต่ายยักษ์แห่งแกรนด์ ไกอา ออนไลน์ยังไม่ตาย แถบพลังชีวิตที่มองเห็นได้จากด้านบนตัวของมันลดลงประมาณ 1 ใน 5 บริเวณคอล้วนเป็นหนึ่งในจุดอ่อนและจุดตายของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ถึงการโจมตีเมื่อครู่จะไม่ทำให้ศัตรูตายในดาบเดียวแต่ก็ทำให้มันชะงักไป เอเซไม่ปล่อยโอกาสทองให้หลุดมือ เหวี่ยงดาบจากล่างขึ้นบน ปลายดาบลากผ่านยอดหญ้าก่อนจะตวัดผ่านปลางคางของกระต่ายยักษ์ 3 สี เขาเกร็งกำลังฟาดดาบซ้ำกลางกะโหลกของมอนสเตอร์ซ้ำอีกครั้ง คมดาบตัดผ่ากลางแนวหว่างคิ้วของมันเป็นแนวตั้งฉากกับพื้นอย่างงดงาม กระต่ายยักษ์ 3 สีไปสู่สุคติในที่สุด ร่างของมันเรืองแสงขึ้นแล้วกระจายออกเหมือนรูปปั้นที่ระเบิดจากภายใน จากนั้นทุกอนูของมันสลายหายไปอย่างสมบูรณ์ สิ่งที่หลงเหลืออยู่คือ <หนังกระต่าย> 1 แผ่น “ชิ ไม่ได้คริสตัลว่ะ” เอเซหยิบหนังกระต่ายขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ “หนังกระต่ายก็มีประโยชน์นะพี่ เก็บเยอะๆเอาไปแลกเสื้อผ้ากับช่างตัดเสื้อแถวฝั่งตะวันออกของเมืองหรือจะเอาไปแลกกระเป๋าคาดเข็มขัดไว้ใส่ไอเท็มฉุกเฉินก็ได้” “เรอะ? แล้วจะเอาหนังกระต่ายนี่เก็บเข้าช่องไอเท็มยังไงวะ?” “งั้นนายไปเรียนพื้นฐานกับไอ้กุห์ฟานมันละกัน เรื่องคริสตัลเดี๋ยวเรากับทากะจัดการให้เอง” อากิตบบ่าเอเซแล้วยกนิ้วโป้งให้ “เออ ฝากด้วยละกัน” ระหว่างที่อากิและทากะออกล่า กุห์ฟานหยิบนาฬิกาพับสีเงินออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วก็อธิบายว่าสิ่งนี้ก็เหมือนบัตรประจำตัวของผู้เล่นภายในเกมนี้ เอเซหยิบล้วงกระเป๋ากางเกงของตัวเองบ้างแล้วก็เจอกับนาฬิกาแบบเดียวรุ่นน้อง พอลองเปิดฝาพับของนาฬิกาออกก็พบกันหน้าปัดนาฬิกาที่ค่อนข้างประหลาด ตัวเลขบนสุดแทนที่จะเป็นเลข 12 กลับเป็นเลข 1 และเรียงไล่ไปจนถึงเลข 6 เท่านั้น “นั่นคือเวลาเล่นเกมที่เหลืออยู่ เกมนี้เปิดบริการแค่ 6 ชั่วโมงต่อวันตั้งแต่ 5 ทุ่มถึงตี 5 เท่านั้น” “6 ชั่วโมง....แล้วเท่ากับกี่วันในเกมล่ะ” “30 วันพอดีเป๊ะ” กุห์ฟานตอบแล้วสาธิตการเข้าเมนูส่วนตัวของผู้เล่นด้วยนาฬิกาในมือ วิธีการก็ง่ายแสนง่ายเพียงแค่กดหน้าปัดนาฬิกาค้างไว้ 2 วินาทีเท่านั้น นาฬิกาฝาพับหายไป สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาแทนคือหน้าต่างโปร่งแสงเหมือนที่เห็นได้บ่อยๆในภาพยนตร์ไซไฟ จากหน้าจอนี้ผู้เล่นสามารถดูรายละเอียดต่างๆของตัวเองได้ อาทิสกิล ไอเท็ม แผนที่ ข้อมูลภารกิจ รายชื่อเพื่อน ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานของเกมออนไลน์ทั่วไป “ก่อนอื่นเลยนะพี่ เกมนี้ไม่มีระบบเลเวล” กุห์ฟานเริ่มต้นอธิบาย “ถึงไม่มีระบบเลเวลของตัวละครแต่ระบบเก็บค่าประสบการณ์ยังมีอยู่แต่ในเกมนี้เรียกว่า เอพี –––– อะบิลิตี้ พอยต์ เอพีพวกนี้มีไว้เรียนรู้และพัฒนาสกิลเท่านั้น ถ้ามอนสเตอร์หนีไปหรือพี่สู้ไม่ไหวแล้วหนีเองก็จะไม่ได้เอพีสักแต้มเลย พี่ต้องฆ่าศัตรูให้ตายเท่านั้น” เอเซพยักหน้าว่าเข้าใจ กุห์ฟานอธิบายต่อ “เนื่องจากไม่มีเลเวล สเตตัสต่างๆด้านความสามารถทางกายภาพของพวกเราไม่ว่าจะเป็นพลังโจมตี ความเร็วในการเคลื่อนที่ ความอึด กำลังแขน กำลังขา พลังกระโดด แรงพุ่งตัว อะไรพวกนี้ไม่แสดงผลออกมาให้เห็นเป็นตัวเลข แต่ค่าพลังพวกนี้พัฒนาขึ้นทุกครั้งที่พี่ต่อสู้ ถ้าให้เปรียบเทียบง่ายๆก็เหมือนนักกีฬา ใช้ร่างกายส่วนไหนมากร่างกายส่วนนั้นก็พัฒนาขึ้น” “มัสเคิ่ลเม็มโมรี่?” “ราวๆนั้นแหละพี่ ทีนี้ก็อย่างที่บอกไปว่าที่นี่คือโลกที่มีระบบของเกม ความสามารถด้านเวทมนตร์ของผู้เล่นสายเวทมนตร์ต่างๆก็เลยใช้หลักการเดียวกัน ยิ่งใช้มากก็ยิ่งเชี่ยวชาญ ยิ่งใช้เวทมนตร์มากเท่าไหร่ประสิทธิภาพของเวทมนตร์ก็ยิ่งเพิ่มพูน” “อัตราการพัฒนาก็ขึ้นกับสายอาชีพเป็นหลักสินะ พวกนักดาบก็เน้นไปทางพลังกายกับพลังโจมตี อาชีพสายโจรก็เน้นความเร็วอะไรแบบนั้น” “หลักการพื้นฐานก็ประมาณนั้นแหละพี่” “ที่เหลือค่อยๆเล่นไปเรียนรู้ไปเหมือนเดิมสินะ” รุ่นน้องพยักหน้าให้รุ่นพี่ แล้วทั้ง 2 คนก็ลงไปช่วยทากะกับอากิรังแกกระต่ายยักษ์ที่ไม่มีทางหนีในทุ่งหญ้าเพื่อหา <คริสตัล> สำหรับใช้เดินทางไปยังโลกแกรนด์ ไกอา ที่แท้จริงต่อไป
อ่านจบแล้วววววว อ่านง่ายเหมือนเดิมครับ โอเคดี ผมงงที่เดียวตรงติวเตอเรียลโซน ตกลงมันคือติวเตอเรียลโซนหรือบีกินเนอร์โซนกันแน่ น่าจะเลือกซักอย่างนะ
อ่านจบแล้ว ตอนเพื่อนของเอเซโผล่มา 2คน ยังโอเคนะ แต่พอคนที่3โผล่มา จะเริ่มมึนๆ หน่อย แบบต้องเลื่อนกลับไปอ่านซ้ำ เพื่อจำตัวละครเพื่อนๆ สามคนว่าใครเอกลักษณ์ต่างอะไรกันยังไงและชื่ออะไรกันบ้างน่ะ น่าจะปล่อยออกมาเต็มที่ 3คนก่อน(รวมเอเซ) คนที่4 ปล่อยตอนหน้า หรือไม่ก็หาบทบรรยายแทรกช่วงตัวละครใหม่โผล่ ให้ได้ค่อยๆ จำตัวละครทีละตัวน่ะ และก็ในตอนที่1 ผมว่าคนอ่านยังไม่ค่อยรู้จักตัวละคร น่าจะอยากได้เนื้อเรื่องที่ดูน่าติดตาม มากกว่าเป็น tutorial ซะครึ่งตอนน่ะ สู้ๆ
ไม่เป็นไร..............เพราะตั้งใจจะ RE ตอนแรกนี้ใหม่อีก เป็น V.3 ยังไงล่ะ วะฮะฮ่า แต่เมื่อไหร่ไม่รู้หรอกนะ งานโถมบานตะเกียงเลย มีอารมณ์อยากเขียนแต่ไม่มีเวลาจะเขียนนี่โคตรทรมานเลยนาย
มากันครบเหมือนเดิม แต่ยังไม่ทันไรก็เห็นคำผิดแล้วขอรับพี่เกม เดียวมาไล่อ่านเหมือนเดิมครับ แต่ เอ๋ ผม ตา ฝาด ไป อ่ะ เปล่า