GSD-FF : The Legend of Light and Dawn

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย windbell, 2 ธันวาคม 2007.

  1. windbell

    windbell New Member

    EXP:
    16
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Gundam Seed Destiny Fan Fiction :
    The Legend of Light and Dawn
    By furin_a


    แสงแดดยามเช้าของรุ่งอรุณแห่งฤดูใบไม้ผลิสาดส่องไปทั่วพื้นผิวน้ำสีคราม เหล่านกน้อยกำลังส่งเสียงเจื้อยแจ้วไปตามสายลม คืนแห่งคิมหันต์ได้ผ่านลุล่วงมาไม่นานแต่บรรยากาศรอบตากลับดูส่องสว่างราวกับสรวงสวรรค์

    เจ้านกน้อยสีเขียวเหลืองโผบินออกจากหน้าต่างบานใหญ่ของคฤหาสน์หินโบราณ ก่อนจะส่งเสียงอันแปลกประหลาดของมัน ยามรัตติกาลได้ผ่านลุล่วงไปแล้ว เหลือไว้เพียงความเงียบสงัดของเช้าวันใหม่เท่านั้น

    Prologue

    “ไอ้เจ้าลูกบ้านั่น!! มันหายหัวไปไหนของมันห๊ะ!” เสียงของนายท่านใหญ่แห่งคฤหาสน์ตะโกนลั่น หลังจากที่พบว่า ไม่มีสมาชิกในครอบครัวของเขาอยู่ในห้องรับประทานอาหารแม้แต่คนเดียว โดยเฉพาะบุคคลที่เขากำลังเอ่ยถึง ชายหนุ่มเดินไปที่โต๊ะ ก่อนจะกระแทกลงไปจนดังโครมเล่นเอาสาวใช้ในห้องต่างสะดุ้งโหยงไปเป็นแถบ

    “เกิดอะไรขึ้นหรือคะ ท่านแพทริค” หัวหน้าสาวใช้เดินมาหาเจ้านายของตน หลังจากที่เพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน

    มาก็ดีแล้ว!...ช่วยไปตามเจ้าลูกชายตัวดีของข้าลงมาทีสิ สายป่านนี้แล้วมันยังไม่โผล่หัวออกมาเลย” หญิงสาวโค้งรับ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป...เอาอีกแล้วนะ ตื่นสายได้ทุกครั้งเลยสิ...

    “คาริด้าซัง อรุณสวัสดิ์ครับ”
    “อรุณสวัสดิ์คะ ท่านชิน...แล้วไม่ได้ลากลูกพี่ลูกน้องของท่านลงมาด้วยหรือคะ”

    “คิกๆ รายนั้นหน่ะ ต่อให้ห้องระเบิด คงไม่ตื่นง่ายๆหรอกครับ ข้าเรียกจนหลอดเสียงจะแตกแล้วเนี่ย” ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องรับประทานอาหารแต่เมื่อนิ้วมือของเขาห่างจากลูกบิดได้ไม่ถึงนิ้ว เขาก็รับรู้ถึงบรรยากาศไม่โสภาภายในห้อง “อ...เอ่อ...เกิดอะไรขึ้นหรือครับ ทำไมถึง - ”

    “ก็ ท่านอัสรันนั่นแหละคะ ป่านนี้แล้วยังไม่ลงมาเลย ท่านแพทริคก็เลยอารมณ์บ่จอยนิดหน่อย”

    “ร...เหรอครับ แฮ่ๆๆ” เหงื่อตกสิงานนี้ นายใหญ่ของบ้านก็ใช่จะใจดีซะเมื่อไหร่ “ถึงว่า ทำไมท่านป้ารีนัวร์ถึงได้ดูกระสับกระส่ายแบบนั้น...........มาโน้นแล้วไงครับ อรุณสวัสดิ์ครับ ท่านป้ารีนัวร์”

    “อรุณสวัสดิ์จ๊ะ ชินคุง...คาริด้าจ๊ะ ให้ใครไปตามอัสรันลงมาหน่อยสิ ป่านนี้แล้วยังไม่ตื่นเลย เดี๋ยวแพทริคเขาก็อารมณ์เสียหรอก” ก่อนจะสะดุ้งโหยง เมื่อเสียงกระแทกของโต๊ะและเก้าอี่ดังออกมาจากภายในห้อง “อ่า...สงสัยจะไม่ทันแฮะ...เดี๋ยวข้าจะหาทางระงับให้แล้วกัน เจ้าไปตามอัสรันลงมาเถอะ”

    “ค่ะ...ท่านรีนัวร์” ก่อนจะหันไปหาเยื่อใกล้ตัวที่สุด “อ้าว มาพอดีเลย ไปตามท่านอัสรันลงมาหน่อยสิ”

    “เอ๊ะ ข้าหรอ ท่านแม่...ไม่เอาด้วยหรอก รายนั้นหน่ะ ตื่นยากจะตายทำไมไม่ให้ - ”
    “น้องเขาไม่ว่างนะตอนนี้ ทำตัวเป็นพี่ที่ดีหน่อยสิ!!” เสียงของหญิงสาวเริ่มเพิ่มระดับ เมื่อเจ้าลูกตัวดีเริ่มบ่ายเบี่ยงคำสั่งของมารดา

    “ท่านแม่ก็อ้างแบบนี้ทั้งปีนั่นแหละ” คุณลูกคราง ก่อนจะหันตัวไปทางห้องของทายาทอันดับหนึ่งของตระกูลซาล่าด้วยสีหน้าไม่ดี โดยมีเสียงพึมพำออกมาเบาๆ “หวังว่า เจ้าตัวคงจะตื่นแล้วนะ ท่านแม่”

    ++ ห้องนอนของอัสรัน ++

    ภายในห้องนอนสะอาดสีเขียวอ่อน ร่างของเจ้าของห้องกำลังขยับไปมาบนเตียงนอนขนาดใหญ่ โดยเจ้านกสีเขียวแกมเหลืองกำลังส่งเสียงร้อง โทรี่ โทรี่ อยู่ริมหน้าต่าง

    ก๊อก~!! ก๊อก~!!

    “ท่านอัสรัน ตื่นหรือยังหน่ะ ท่านรีนัวร์เรียกแล้วนะ” เมื่อไร้เสียงตอบรับจากเจ้าของห้องมัน เจ้าตัวก็เลยถือวิสาสะเดินเข้าไปเองซะเลย ‘ถือว่า ข้าขออนุญาตท่านแล้วก็แล้วกันนะ’

    เจ้าตัวสอดส่ายสายตาไปรอบๆห้อง ก่อนจะประทะเอากับร่างที่นิ่งสนิทอยู่บนเตียง ก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆหนึ่งที ‘ให้มันได้งี้สิ นี่ข้าต้องมาปลุกเองเลยเรอะ’

    “ท่านอัสรัน ได้เวลาตื่นแล้วนะ - ” เจ้าตัวชะงักเสียง ก่อนจะหันไปหาเจ้านกน้อย “อย่าสิ ข้าต้องปลุกเจ้านายเจ้านะ....โทรี่ ฟังที่ข้าพูด - ”

    “ใครหน่ะ ส่งเสียงเอะอะหนวกหูจะตายชัก” เสียงของเจ้าของห้องดังออกมาจากข้างหลัง โดยที่เจ้าตัวมันก็ยังคงมุดอยู่ในเตียงเหมือนเดิมนั่นแหละ

    “ท่านอัสรัน ได้เวลา - ”
    “หนวกหูน่า ข้าจะนอน เลิกกวนข้าได้แล้ว”
    “แต่ว่า - ”

    “โว๊ยยยยยยยยยยยยยย~!! ข้าบอกว่า ข้าจะนอน เจ้าฟังไม่รู้เรื่องหรือไงกัน!” อัสรันสะบัดมือใส่เจ้าคนข้างๆทันที และมันก็ไปปะทะเอาเข้ากับแก้มของอีกฝ่ายซะด้วย “ออกไปจากห้องข้าเดี๋ยวนี้เลยนะ คางาริ!!”

    “หาว่าไงนะ ข้าหน่ะ - ”

    “เจ้าหูแตกหรือยังไงเนี่ย ออกไปได้แล้ว!!” อัสรันโผล่หน้าออกมาจากเตียง ก่อนจะจ้องหน้าอีกฝ่าย แล้วก็ตาค้างแบบช่วยไม่ได้ “นี่...เจ้า~!.....................!!...คิระ! เจ้าเข้ามาแต่เมื่อไหร่ แล้ว -”

    “โทษทีนะที่ต้องพูดตรงๆ แต่วันนี้ท่านรีนัวร์และท่านแม่สั่งให้ข้ามาปลุกท่าน! และข้าก็ไม่นึกว่า ท่านจะรุนแรงกับน้องข้าได้ถึงขนาดนี้~!!” คิระว๊ากใส่ ก่อนจะหันหลังกลับไป

    “คิระ...ข...ข้า...”
    “รีบลุกออกมาจากเตียงเถอะ ท่านอัสรัน...ข้ามีงานอื่นต้องไปทำอีก”

    โครม~!!
    เสียงประตูปิดลงอย่างจงใจๆสุด ...ดังจนแก้วหูแทบระเบิด... อัสรันจ้องเจ้าบานประตูไม้อย่างหน่ายๆ …ทำไงดีวะเนี่ย ‘ว๊าก~!! ไอ้บ้านั่นมันก็ยิ่งโมโหยากๆอยู่แล้ว เรื่องให้มันหายโกรธเนี่ย ลืมไปได้เลย...ทำไงดีวะเนี่ย’

    ++ หน้าห้องรับประทานอาหาร ++

    สองสาวใหญ่ยืนเจรจากันอย่างสนุกสนาน ก่อนจะหันไปกับเสียงลงส้นตึงๆของใครบางคน คิระ ยามาโตะ เดินลงมาจากบันไดหินของปราสาท ก่อนจะเดินผ่านหน้าสองสาวโดยไม่มีแม้แต่จะเหลือบมามอง

    “คิระจังจ๊ะ แล้วอัสรันล่ะ” รีนัวร์ถามอย่างแปลกๆ ปกติมันต้องเดินตามลงมาด้วยนี่นา แล้วไหงวันนี้ - …ท่านหญิงซาล่าผงะนิดๆ ก่อนจะเห็นรอยบางอย่างที่เมื่อก่อนหน้านั้นมันไม่มี “แล้วหน้านั่นไปโดนอะไรมาล่ะเนี่ย”

    “รอถามท่านอัสรันเองเถอะ ข้าหน่ะ.........ชิ ข้าไม่อยากเอ่ยชื่อคนบ้าอารมณ์ แถมยังรุนแรงอย่าง...อีกแล้ว!”
    “สงสัยลูกข้าคงไปทำอะไรเข้าแน่ๆเลย.........!!...นั่นไง มาแล้ว เจ้าตัวดี บอกแม่มาสิว่า ไปทำอะไรคิระจังเขา”

    “ป…เปล่าซักหน่อย ก็แค่ - ” อัสรันพยายามหลบหนี แต่ท่านแม่ของเขาก็ขัดเข้าซะก่อน

    “อัสรัน ซาล่า ถ้าแม่จับได้ว่าเจ้าโกหกล่ะก็ น่าดูแน่ บอกมาว่าไปทำอะไรน้องเขา” (ปล. ในเรื่องนี้อัสรันเกิดก่อนคิระและคางาริ 1 ปี)

    “อ…เอ่อ ก็แค่…ท่านแม่!! เรื่องนี้ข้าจัดการเองได้นะ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงมากหรอกครับ”

    “งั้นก็ดี แต่ถ้าไปทำให้คิระจังเขาโมโหมากกว่านี้ ลูกเจ็บตัวแน่!!” รีนัวร์ขู่ลูกชายหัวปลีของนางทิ้งท้าย ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องรับประทานอาหาร

    ‘…ตกลงใครเป็นลูกของท่านกันแน่เนี่ย…’ อัสรันอดน้อยใจนิดๆไม่ได้ที่ท่านแม่ของตนดูท่าจะถูกใจ ‘คิระจังของนาง’ เป็นพิเศษ แถมยังรักแบบออกหน้าออกตากว่าลูกแท้ๆของนางซะด้วย เขาถอนหายใจหนึ่งเฮือก ก่อนจะเอามือวางที่ลูกบิดประตู แต่ก็ยังไม่ทันจะได้เปิด คาริด้า หัวหน้าสาวใช้ก็เดินเข้ามาหาเขาพอดี “อรุณสวัสดิ์ครับ คาริด้าซัง”

    “ไม่ต้องมาอรุณสวัดิ์ข้าหรอกค่ะ ท่านอัสรัน ห่วงตัวเองก่อนเถอะ” แต่พอเห็นอัสรันเอียงศีรษะอย่างสงสัยนิดๆ นางก็อดหัวเราะไม่ได้ “ท่านแพทริคอารมณ์เสียแต่เช้าเพราะท่านนั่นและค่ะ ขืนไม่เข้าไปตอนนี้มีหวังเจ็บแน่ๆ”

    “อ…อึ๊ย” พอได้ชื่อพ่อของตนอัสรันก็อดที่จะกลัวไม่ได้ เพราะงั้นมือของเขาก็เลยสั่นนิดๆขึ้นมา “ขอบคุณครับที่เตือน ข้ากำลังจะเข้าไปเดี๋ยวนี้แหละ”

    "อีกอย่างข้ายังไม่อยากคิดบัญชีที่ทำกับลูกข้าหรอกนะคะ"
    "ข...ขอโทษครับที่ข้า - "

    "ไปขอโทษเจ้าตัวเถอะคะ" นางพูดเรียบๆแต่แฝงอารมณ์ทิ้งท้ายไว้ ก่อนจะเดินกลับไปทำงานต่อ

    "คฤหาสน์นี่ มันยังไงของมันกันแน่เนี่ย ใครเป็นนายเป็นบ่าวกันแน่นะ" อัสรันพึมพำ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องทานอาหาร และพอเจ้าตัวเปิดประตูปุ๊บ เสียงที่คาดไว้ก็ดังขึ้นลั่นปราสาท

    “อัสรัน ซาล่า~!! ไอ้ลูกบ้า นี่เจ้าหายหัวไปไหนมาฮ่ะ ไอ้ลูกไม่รักดี!!!”

    แล้วเสียงแว้ดนั่นก็ดังติดต่อกันเป็นเวลาถึงสองชั่วโมงกว่าจะสงบลงได้

    +++ หลังจากนั้น 2 ชั่วโมง +++
    ++ ห้องหนังสือ ++

    “ว๊ากกกก~!! ไอ้พ่อบ้านั่น ไม่ติดว่า มีงานนะไม่งั้นจะกระทืบให้!!”
    “ท่านพี่อัสรัน อย่าอารมณ์เสียเลยครับ ความจริงมันก็เป็นความผิดของท่านพี่ด้วยแหละ”

    “พอเลย ชิน แทนที่เจ้าจะช่วยข้า เจ้ากลับมาซ้ำเติมข้างั้นเรอะ” อัสรันตวาดกลับ ก่อนจะก้มกลับไปหาหนังสือบนต๊ะต่อ มือข้างหนึ่งเกาศีรษะจนผมสีน้ำเงินนั้นยุ่งไปหมด

    ชินส่ายศีรษะอย่างสุดทน เจ้าพี่บ้าของเขานี่ โดน ‘พ่อของอัสรัน’ หรือ ‘คุณลุงของชิน’ ว่ากี่เที่ยวก็ไม่เคยเข็ดซักที แต่ก่อนที่เด็กหนุ่มจะได้เถียงอะไรกลับ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

    ก๊อก~!! ก๊อก~!!
    ประตูไม้เปิดออก ร่างของคนๆนึงเดินเข้ามาภายในห้อง

    “ท่านอัสรัน ท่านชินได้เวลาของว่างแล้วค่ะ” หญิงสาวผมทองถือถาดเค้กสตอเบอร์รี่เข้ามา ก่อนจะวางตรงหน้าชายหนุ่มทั้งสอง “นี่ค่ะ วันนี้ท่านแม่ของข้าทำเองเลยนะคะเนี่ย”

    “ขอบคุณนะครับ พี่คางาริ ถ้ามีน้ำส้มด้วยคงดีไม่น้อยเลยนะครับ”
    “เดี๋ยวพี่คิระก็คงยกเข้ามาให้นั่นแหละค่ะ”

    “…!!...” พอได้ยินชื่อนี้อัสรันก็สะดุ้งขึ้นมาดื้อๆ จะว่าไปเมื่อเช้าก็ยังไม่เคลียร์กับ ‘หมอนั่น’ เลยแฮะ พอเงยหน้าขึ้นมาอีกที ทั้งเจ้าชินและคางาริก็หันมามองเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

    “ท่านอัสรันไปทำอะไรพี่ข้าหรือค่ะ เจ้าตัวถึงได้อารมณ์เสียขนาดนั้นหน่ะ”
    “ป…เปล่าซักหน่อย ข้าแค่ - ”
    “แค่อะไรหรือครับ ท่านพี่อัสรัน”

    “ก็…ก็…ทะเลาะกันนิดหน่อย เท่านั้นแหละ” อัสรันตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อย ก็แหงล่ะ ทั้งเจ้าตัวดีที่เป็นลูกพี่ลูกน้องเขา กับ น้องสาวฝ่ายโจทก์ กำลังจ้องเขาตาขวางเลยนี่นา ‘ทำไมคิระถึงได้มีคนรักมันเยอะจังนะ’

    “ไม่นิดหรอกค่ะ หน้าคิระน่ะแดงเถือกเลยนะคะ………หรือว่าท่านไปตบหน้าพี่เขาคะ”

    ได้ยินอย่างงั้น อัสรันก็ผงะสิครับ ก็แม่คุณเล่นแทงใจดำเอาเข้าเต็มๆเลยนี่นา ทั้งชินและคางาริพอเห็นหน้าอัสรันที่สะดุ้ง ทั้งสองก็เข้าใจทันที ก่อนจะหัวเราะออกมา จนอัสรันหัวเสียหนักกว่าเดิม ‘จำไว้เลยนะ เจ้าพวกบ้านี่ ฝากไว้ก่อนเหอะ’

    ก๊อก~!! ก๊อก~!!
    ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออก ร่างของคนที่เพิ่งโดนนินทาแหมบๆเดินเข้ามา หน้าตาของเจ้าตัวนั้นดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรกันแน่ แก้มข้างหนึ่งบนใบหน้าสีแทนของอีกฝ่ายแดอย่างเห็นได้ชัด

    “คางาริ ท่านแม่บอกว่า เจ้าสั่งให้ข้าถือมางั้นเรอะ”
    “ใช่แล้ว ท่านพี่ที่รัก”

    คิระส่ายหน้า ก่อนจะจัดการน้ำส้มใส่แก้วให้เรียบร้อย และยื่นแก้วออกไปให้ชิน อัสรันทำท่าจะรับ แต่คิระไม่กระดิกซักนิดเดียว “ของท่านอัสรันไม่มีหรอกนะ”

    “ว่าไงนะ!! นี่เจ้าเป็นแค่คนใช้หัดมีมารยาทต่อเจ้านายซะมั้งสิ แยกแยะอารมณ์กับหน้าที่ตัวเองไม่ออกหรือไง”
    “ท่านนั่นแหละ เห็นคนอื่นเป็นคนใช้แล้วคิดว่า จะทำตามใจอารมณ์ของตัวเองได้หรือไง!! ท่านซาล่า!”

    อัสรันผงะอีกครั้งทันที ตั้งแต่คิระเข้ามาเป็นคนรับใช้ของตระกูลของเขา นี่เป็นครั้งแรกเลยที่คิระเรียกเขาว่า ‘ท่านซาล่า’ แล้วพอเจ้าตัวสงบสติได้ก็เพิ่งรู้ตัวว่าดันพูดจาน่าเกลียดเข้าให้ เสียงของเขาเลยเริ่มอ่อนโยนขึ้นมาทันที “ค…คิระ ข้า…”

    “เฮอะ! คิดว่าคนอื่นเขาจะหายโกรธง่ายๆก็ฝันไปเหอะ!” พูดเสร็จก็เดินกระทืบเท้าออกจากห้องแทบจะทันที

    “สงสัยงานนี้จะโกรธจัดเลยแฮะ ไม่เคยเห็นพี่คิระโกรธขนาดนี้มาก่อนเลยนะคะ ท่านอัสรัน”
    “ท่านพี่นั่นแหละที่ผิด ขอโทษเขาแต่แรกก็สิ้นเรื่องไปแล้ว นี่ดันไปว่าเขาเพิ่มเติมซะอีก คราวนี้เลยโกรธหนักกว่าเดิมแล้วเห็นมั๊ยเนี่ย ปากพาจนจริงๆเลยนะท่านพี่หน่ะ”
    “ข…ข้าไม่ได้ตั้งใจ”

    ปัง~!!!!!!
    เสียงประตูเปิดดังโครม ก่อนจะตามมาด้วยร่างของหญิงสาวสูงศักดิ์ รีนัวร์ ซาล่า!…อัสรันถึงกับหน้าซีดทันที ก็ท่านแม่เขาหน่ะเวลาเดือดล่ะก็น่ากลัวกว่าท่านพ่อตั้งเยอะ แถมยังมีเรื่องเมื่อเช่า น…นี่ ไอ้ที่ขู่เขาเมื่อเช้านี้คงจะไม่ได้เอาจริงหรอกใช่มั๊ย คงจะแค่ล้อ -

    “อัสรัน ซาล่า ไอ้ลูกบ้า~!!!! ไปทำอะไรคิระจังเขาห๊ะ แม่บอกแล้วไงว่า ถ้าทำน้องเขาโมโหมากกว่านั้น ลูกจะเจ็บตัวหน่ะ ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเรอะ หรือว่า หูเจ้ามันพิการไปแล้วห๊ะ!!”

    “ข้าแค่สติขาดชั่ววูบเท่านั้นแหละ ข…ข้าไม่ดั้งใจให้เป็นแบบนี้ซักหน่อย”
    “ไปขอโทษคิระจังเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้นอดข้าวหนึ่งอาทิตย์!!”
    “ห…ห๋า เดี๋ยวก่อนสิท่านแม่ ไม่ได้กินข้าวตั้งอาทิตย์ ข้าไม่ตายพอดีเรอะ แล้วอีกอย่างข้าหน่ะ - ”

    ปัง~!!!!!!

    “ว๊ากกก นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!!” เด็กหนุ่มปิดหนังสือดังปัง ก่อนจะทรุดตัวลงกับโต๊ะ

    “ขอโทษนะท่านพี่งานนี้ ข้าเขาข้างท่านป้ารีนัวร์หน่ะ” ชินเอ่ยเรียบๆ ก่อนจะขอตัวออกไปจากห้อง ตามด้วยคางาริที่เจ้าตัวก็รีบขอตัวไปทำความสะอาดต่อทันที …งานนี้ไม่ขอเสี่ยงโชค อยู่กับอัสรัน ซาล่าที่กำลังโมโหอยู่หรอก…อีกอย่างอีกฝ่ายก็เป็น พี่คิระที่มีสายเลือดเดียวกับเธอด้วยนี่นา

    “ใครก็ได้บอกทีเหอะ นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นมากันแน่เนี่ย~!!!”

    ++ End of Prologue ++

    แฮ่ เรื่องใหม่มาแล้ว ส่วนเรื่องเก่า Do you want...? ไปตามอ่านที่เด็กดีนะงับ ไม่อยากรอเราโพสต์ใหม่ (แต่ตอนใหม่ก็ยังไม่ออกอยู่ดี - -") เพราะงั้นเราจะเอาเรื่องนี้โพสต์ไปก่อนซักพัก และถึงจะย้อนอีกครั้ง

    พบกันใหม่ตอนหน้านะงับ
  2. ShadowKung

    ShadowKung New Member

    EXP:
    58
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    อัสรันเป็นคนตื่นยากหรอเนี่ย =A=......

    รู้สึกจะเจอคำหนึ่งผิดมั้ง??? ประทะ ต้องเป็น ปะทะ ? สินะ???
  3. windbell

    windbell New Member

    EXP:
    16
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Gundam Seed Destiny Fan Fiction :
    The Legend of Light and Dawn
    By furin_a


    “ดูท่าท่านอัสรันกำลังอารมณ์เสียสุดๆนะเนี่ย...พี่ก็ด้วยนะ ทำไมต้องไปประชดซะขนาดนั้นด้วยล่ะ”
    “พี่ไม่ได้ประชดนะ คางาริ แต่ท่านอัส - ...ท่านซาล่านั่นแหละผิดก่อน คิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่นแล้วจะมาโขกสับคนที่มีฐานะต่ำกว่าตัวเองเนี่ยนะ ฝันไปก่อนเหอะ! ไม่มีใช้กำลังกันก็บุญโขแล้ว” ก่อนจะเดินหลีกหนีน้องสาวตัวดีไปอย่างไม่ใยดี

    Chapter 1: ปากหนอ...ปาก

    จากข่าวลือเมื่อเช้าที่แพร่กระจายไปทั่วปราสาท ทำให้บรรดาสาวใช้ หรือ ใครต่อใครต่างพากันหลีกหนี คุณชายอัสรัน ทุกราย พวกเขาไม่เพียงแต่จะเข้าข้างคิระนิดๆเท่านั้น แต่ยังคงเสียวลูกหลงของคุณชายอารมณ์ร้ายอีกด้วย เพราะตั้งแต่พวกเขารับใช้คุณชายคนนี้มา ก็มีครั้งนี้แหละที่ดูท่าจะอารมณ์เสียเป็นพิเศษ

    จนกระทั่งตอนบ่ายๆ สองต้นเหตุก็เดินสวนกันกลางปราสาท ท่ามกลางสายตาจ้องมองของผู้สังเกตการณ์จำนวนมาก และสงครามเล็กๆก็กำเนิดขึ้น

    “สวัสดีตอนบ่าย ท่านอัสรัน” สาวใช้คนหนึ่งเอ่ยขึ้น ก่อนจะเดินปลีกตัวหนีไปอย่างรวดเร็ว เพราะหน้าตาคุณชายนั้นบูดได้ที่ทีเดียว หลังจากที่เจ้าตัวพึ่งพบว่า ที่ท่านแม่เขาขู่นั้น เอาจริงซะด้วย นางซาล่านอกจากจะสั่งไม่ให้จัดอาหารให้อัสรันแล้ว ก็ยังสั่งห้ามคนให้อัสรันเข้าไปในห้องครัวอีกตะหาก เค้กที่คางาริและน้ำส้มที่คิระเอามาให้ตอนสายนั้นก็ยังโดนยกออกไปซะอีก เล่นเอาอัสรันจ้องตาขวางใส่เหยื่อที่เดินผ่านทันที

    อัสรันเดินมาตามทางเดินเรื่อยๆ ก่อนจะพบเหยื่อรายใหม่ ร่างสูงเจ้าของผมสีน้ำตาลเกาลัดยาวถึงเอว และ โดนรวบไว้ง่ายๆด้วยเชือกสีน้ำเงิน ใบหน้านั้นก้มต่ำมองของในมือนิดๆ อัสรันยืนนิ่งมองร่างอีกฝ่ายเขม็ง

    ฝ่ายคิระนั้นหลังจากงเงยหน้ามาเห็น เจ้าคนที่ยืนขวางตนอยู่ ก็กำลังจะตวาดกลับนิดๆ คิดแต่ว่า ดันเป็นหนึ่งในเจ้านายตัวเอง แถมยังอามรณืเสียอีกฝ่ายอยู่ด้วย ทำให้เจ้าตัวรีบเดินหลบและผ่านอีกฝ่ายไป โดยไม่มีคำทักทายประจำใดๆถูกเอ่ยออกมาจากปากของเขาทั้งสิ้น

    ฝ่ายอัสรันนั้นกลับเดือดมากกว่าเดิม เพราะนอกจากไม่มีคำทักทายตามมารยาทแล้ว เจ้าตัวยังทำราวกับเขาเป็นเพียง ฝุ่นละอองในอากาศเท่านั้น ด้วย “คิระ มันจะมากไปแล้ว...ทำไมไม่ทักทายตามมารยาทห๊ะ!”

    “ไม่มีสิ่งนั้นสำหรับคนที่เอาแต่ใช้กำลังกับคนที่ฐานะต่ำกว่าตัวเองหรอกนะ”
    “คิ - ”

    “ถ้าไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัวก่อนนะ ท่านซาล่า” ก่อนจะเดินหนีไปอย่างไม่ใยดี ทิ้งให้อัสรัน หน้ามุ้ยขึ้นมาอีกรอบทันที เพื่อนสมัยเด็กที่สนิทกันขนาดไหนก็เหอะ มาทำเล่นกับเจ้านายตัวเองแบบนี้.........เดี๋ยวจะสอนให้เข็ดหลาบเลย!

    ++ ทางด้านคิระ ++

    “พี่คิระ พี่ไม่คิดว่า พี่ใจร้ายกับท่านอัสรันไปหน่อยหรือ...อย่างน้อยแค่ทักทาย - ”
    “ไม่มีอะไรสำหรับคนพรรค์นั้นทั้งนั้นแหละ คางาริ อีกอย่างท่านอัสรัน ซาล่านั่นแหละที่เป็นฝ่ายผิด”

    หญิงสาวส่ายหน้า เธอไม่รู้จะจัดการยังไงกับเจ้าพี่จอมอาฆาตของเธอ กับ เจ้านายที่ไม่รู้จะทรนงตัวเองไปถึงไหนแล้ว คางาริถอนหายใจหนึ่งครั้ง ก่อนจะจ้องมองเจ้าพี่ตัวดี “แล้วตกลงพี่จะยกโทษให้ท่านอัสรันเมื่อไหร่คะ”

    “จนกว่าเจ้าตัวจะยอมขอโทษเรื่องที่ทำผิดนั่นแหละ”

    นี่แหละ คิระ ยามาโตะล่ะ ไม่มีคำว่า ‘อภัย’ สำหรับคนที่ไม่สำนึกตัวเองหรอก ส่วนเรื่องที่จะให้เจ้าตัวลืมแล้วยกโทษให้หน่ะ ก็ลืมไปเลยได้เช่นกัน

    “คิระ...คิระ มานี่หน่อยสิ” เสียงหวานๆของหญิงสาวสูงวัยร้องเรียกมา แต่ไกล ก่อนจะยื่นถาดน้ำชาสองถ้วยให้อีกฝ่ายรับไป “วานเอานี่ไปให้ท่านชินหน่อยสิ แม่กำลังยุ่งอยู่ด้วย”

    “แต่ทำไมถึงมีสองถ้วยล่ะ หรือว่ามีใครเป็นแขกหรือ”
    “เปล่า อีกอันหน่ะของท่านอัสรัน...อดข้าวก็แย่อยู่แล้ว ขืนอดน้ำเดี๋ยวก็ได้ขาดน้ำตายพอดี”
    “แต่ว่าทำไมต้องเป็นข้าล่ะ ไม่ใช่ - ”

    “น้องเขาไม่ว่างนะตอนนี้ ทำตัวเป็นพี่ที่ดีหน่อยสิ!!” เสียงของหญิงสาวเริ่มเพิ่มระดับ เมื่อเจ้าลูกตัวดีเริ่มบ่ายเบี่ยงคำสั่งของมารดา ...ไอ้ประโยคนี้มันคุ้นๆหูชอบกลแหะ...

    แล้วคำตอบอัตโนมัติก็เลยออกมาจากปากเองทันที “ท่านแม่ก็อ้างแบบนี้ทั้งปีนั่นแหละ” ก่อนจะจำใจถือไปอย่างช่วยไม่ได้ เพราะแม่ของเขาหน่ะ เวลาโหดหน่ะ น่าเข้าใกล้ซะที่ไหน

    “อ้อ แล้วอย่าลืมไปรดน้ำสวนดอกไม้ของท่านรีนัวร์ล่ะ คิระ”
    “รับทราบแล้วน่า ท่านแม่”

    ++ ด้านอัสรันและชิน ++

    “ว้อย~!! หิวจะตายอีกแล้วนะ ท่านแม่ก็เหมือนกัน เขาคิดอะไรนะถึงอดข้าวลูกตัวเอง แค่ข้าไม่ขอโทษ ‘หมอนั่น’ แค่นี้เนี่ยนะ บ้าไปแล้วแน่ๆเลย”

    “หมอนั่น? ใครกันหน่ะที่ท่านพี่พูดถึงหน่ะ” ชินเกาหน้าแกรกๆ จนอัสรันอดส่ายหน้าไม่ได้ ‘ไอ้ลูกพี่ลูกน้องความจำปลาทองเอ๊ย!’

    “จะมีใครที่ไหนที่กล้าทะเลาะกับข้านอกจากสองแฝดยามาโตะหน่ะ” ...ยกเว้นเฉพาะคนพี่ที่นานๆทีจะออกลายก็เข้าบ้าง... “ว่าแต่เจ้าเหอะ ไม่มีอะไรทำหรือไงมาเดินตามข้าอยู่นั่นแหละ”

    “ท่านป้ารีนัวร์กลัวว่า ท่านพี่จะหลบไปห้องครัวก็เลยให้ข้ามาตามดูท่านพี่นั่นแหละ.........โอ๋~! ล้อเล่นน่า ท่านพี่ชายแสนรัก ใครมันจะเข้มงวดสั่งได้ถึงขนาดนั้นล่ะ” ชินพยายามเต็มที่ที่จะกลั้นเสียงหวัเราะของตน ทำไมหน่ะหรอ? ก็เจ้าลูกพี่ลูกน้องตัวดีของเขานั่นแหละที่ตอนนี้หน้าซีดไปเรียบร้อยแล้ว “อีกอย่างท่านป้ารีนัวร์คงไม่อดอาหารท่านพี่อาทิตย์นึงจริงๆหรอกมั้ง”

    “ข้าก็ไม่คิดแบบนั้นหรอกนะ แต่ข้า.........สารภาพตามตรงว่า ข้าเสียวอยู่นิดๆเหมือนกัน ก็ท่านแม่หน่ะรัก - ”

    ก๊อก~!! ก๊อก~!!
    แล้วประตูไม้ก็เปิดออก ร่างตัวปัญหาในความคิดของอัสรัน ซาล่าเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้า...ที่ไม่อาจบรรยายได้

    “ไม่อยากรบกวนการนินทาของใครหรอกนะ แต่ท่านแม่ของข้าให้เอาน้ำชามาให้” ก่อนจะวางถ้วยกระเบื้องสีสะอาดตรงหน้าทั้งสอง ...มาแปลกแหะ ไหหงรอบนี้ยอมเสิร์ฟให้อัสรันด้วยล่ะ...

    “ขอบคุณนะครับ พี่คิระ...ว่าแต่หายโกรธท่านพี่เขาหรือยังหน่ะ”
    “เรื่องนั่นหน่ะหรอ...เฮ้อ สารภาพตามตรงคือไม่อยากทะเลาะกันด้วยเรื่องที่คนไร้สมองมัวแต่สนอกสนใจได้หรอกนะ อีกอย่างข้าหน่ะมีงานเยอะ ไม่ว่างเหมือน ‘เจ้านาย’ บางคนที่มัวแต่คิดเรื่องปัญญาอ่อนแบบนั้นได้หรอกนะ ท่านชิน”

    ทั้งสองหัวเราะนิดๆ ในขณะที่เจ้าคนที่รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายจงใจประชดตัวเองนั้นหน้าแดงก่ำสนิท ‘ไร้สมองเรอะ...ปัญญาอ่อนบ้างล่ะ แบบนี้ทนไม่ไหวแล้งนะว้อย!!’

    หยุดพูดแค่นั้นแหละ คิระ ยามาโตะ! ข้าเป็นเจ้านายของเจ้านะ เลิกนินทาเจ้านายลับหลังได้แล้ว”
    “ข้าไม่ได้นินทาลับหลังข้าพูดต่อหน้าต่างหาก อีกอย่างข้ายังไม่ได้เอ่ยชื่อ ท่านซาล่าซักนิด...หรือท่านกำลังจะบิกว่า คนที่ข้าพูดถึงคือท่านล่ะ ท่านซาล่า”

    “แต่ก็นั่นแหละ ไม่สำนึกตัวเองหรือไงว่า ทำผิดกฎและมารยาทของคนใช้หน่ะ ไม่มีใครสั่งใครสอนไม่ให้นินทาเจ้านายตัวเองหรือไง” อัสรันแสยะยิ้มนิดๆ “หรือว่าเจ้าสมองเสื่อมไปแล้วเหอะ”

    “เฮอะ ข้าความจำดีสมบูรณ์แบบ ขอบคุณมากที่ท่านซาล่าอุตส่าห์เป็นห่วง...แต่สำหรับข้า ไอ้ของพรรค์นั้นมีแค่คนที่ข้า ‘สมควร’ จะนับถือเป็นเจ้านาย ไม่ใช่ คนที่ดีเอาแต่ใช้กำลัง ไม่มีสมอง แถมยังมัวแต่ถือถิฐิ ไม่รู้จักยอมรับผิดอย่างท่าน ...ถามจริงเถอะ ท่านซาล่า คำว่าขอโทษคำเดียวหน่ะพูดไม่เป็นหรือไง หรือท่านไม่รู้สึกเลยว่า การใช้กำลังกับคนอื่นแถมเอาแต่ใจของท่าหน่ะเป็นฝ่ายผิด...”
    “................”
    “อีกอย่าง ข้าจะบอกอะไรให้ท่านซาล่า เจ้านายอย่างท่าน ข้าไม่อยากมีหรือรู้จักหรอก จำเอาไว้ด้วย!”

    ดวงตาของเด็กหนุ่มเบิกโพลง ความจำเก่าๆเริ่มย้อนกลับมา

    Flashback

    “สวัสดี ข้าชื่อ อัสรัน.........เอ่อ...เจ้าจะเป็นเพื่อนข้าได้มั๊ย”
    “ได้สิ ข้าชื่อ เฮนรี่ ส่วนนี่น้องชายของข้าชื่อ อเล็กซ์ พวกข้าอยู่ที่บ้านของตระกูลคาสเทอร์หน่ะ แล้วเจ้าล่ะ”
    “ข้าหรอ ข้าอยู่ที่คฤหาสน์ซาล่าหน่ะ”

    “ซาล่า? ไม่ใช่ลูกของคนที่ปกครองเมืองนี้หรือ...” ก่อนที่เด็กทั้งสองจะถอยห่างทันที “ไม่เอาล่ะ ข้าไม่อยากสุงสิงกับลูกคนชั้นปกครองหรอก เกิดเรื่องอะไรขึ้นมา เดี๋ยวก็มาโดยนความรับผิดชอบให้พวกข้าพอดี อีกอย่างอนาคตเจ้าก็จะเป็น เจ้าเมืองเหมือนกันใช่มั๊ยล่ะ”

    “เดี๋ยวก่อนสิ พวกเจ้าข้าหน่ะ - ”

    “ข้าจะบอกอะไรให้ท่านซาล่า เจ้านายอย่างพวกท่าน ข้าไม่อยากรู้จักและเป็นเพื่อนด้วยหรอก” ก่อนจะวิ่งออกไปโดยมีเสียงทิ้งท้ายเบาๆ “นั่นสิ ท่านพี่ เกิดท่านซาล่าเป็นอะไรขึ้นมา ทั้งครอบครัวของเราและพวกเราไม่โดนท่านพ่อของเขาสั่งประหารพอดีหรอกเรอะ”
    .
    .
    “ไม่เอาแล้วนะ ท่านพ่อ ข้าไม่อยากปกครองใครทั้งนั้นแหละ”

    เพียะ~!!
    รอยช้ำสีแดงปรากฏที่แก้มของผู้เป็นลูก อัสรันถึงกับผงะนิดๆ แพทริคเดินย่างเข้ามาใกล้

    อย่ามาพูดบ้าๆนะ อัสรัน ซาล่า! เจ้าเป็นลูกคนเดียวของข้า เป็นคนตระกูลปกครองของเมืองนี้ เพราะฉะนั้นในอนาคตเจ้าต้องเป็น คนปกครองของเมืองนี้เช่นกัน! อย่ามาพูดอะไรบ้าๆแบบนั้นนะ”
    “แต่ข้าไม่มีเพื่อนเลยซักคนนะท่านพ่อ พวกเขาไม่อยากคบกับคนอย่างข้า เพราะข้า - ”

    “เป็นเจ้านายคนไม่จำเป็นต้องไปสนใจความรู้สึกคนอื่น เจ้าไปได้ความคิดบ้าๆแบบนั้นมาจากไหน” แพทริคตวาดใส่

    “งั้นข้าก็ไม่อยากเป็นเจ้านายแบบท่านที่ดีเอาแต่ใช้กำลังและเอาแต่ใจตัวเอง ของแบบนั้นข้าไม่ต้องการ และ ข้าก็เกลียดส่วนนั้นของท่านพ่อที่สุด!” ก่อนจจะวิ่งออกไปจากห้องโดยไม่สนใจเสียงที่ไล่ตามออกมาของแพทริคซักนิด น้ำตาไหลลงอาบแก้มของเด็กชายวัย 6 ขวบอย่างโศกเศร้า
    .
    .
    “ขอโทษนะ ช่วยส่งลูกบอลให้หน่อยสิ” เด้กคนนึงร้องเรียก อัสรันหันมามองเจ้าของเสียง ใบหน้ายังคงอาบไปด้วยน้ำตาจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ทำให้เด็กคนดังกล่าวชะงัก “ทำไมถึงร้องไห้ล่ะ เป็นอะไร บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

    “ไปเถอะ ข้าไม่เป็นอะไร อีกอย่างข้าเป็นลูกของซาล่าที่ปกครองเมืองนี้” ...ใช่ เด็กคนนี้ก็คงรังเกียจข้าเหมือนกันกับทุกๆคนในเมืองนั่นแหละ...

    “เป็นลูกเจ้าเมืองแล้วทำไมล่ะ เจ้าก็เป็นคนธรรมดาๆเหมือนกันไม่ใช่เรอะ”
    “แต่ข้า - ...เจ้าไม่กลัวพ่อข้าประหารเจ้า หากข้าเกิดบาดเจ็บอะไรขึ้นมาหรอกเรอะ”
    “ทำไมกลัวแบบนั้นล่ะ แล้วทำไมท่านแพทริคถึงจะต้องทำแบบนั้นล่ะ ท่านแพทริคไม่ใช่คนโหดร้ายแบบนั้นซักหน่อย เข้าใจท่านแพทริคอะไรผิดหรือเปล่า”

    “ไม่ผิดหรอก!” อัสรันตวาดกลับ ไอ้เด็กคนนี้มันอะไรของเขากันแน่เนี่ย “ท่านพ่อหน่ะเอาแต่ใจตัวเองและใช้กำลัง ขนาดแก้มของข้ายังโดนตบมาเลยนี่นา”

    “ไปทำอะไรให้ ท่านแพทริคถึงตบล่ะ”
    “ข้าบอกว่า ข้าไม่ปกครองใครทั้งนั้น ข้า - ”
    “งั้นก็สมควรแล้วล่ะ ก็ท่านหน่ะทำแบบนั้นเรียกไม่รู้จักหน้าที่ของตนเองนี่นา”

    อัสรันรีบเถียงกลับทันที “แต่ข้า - ...หากข้าเป็นเจ้านายใคร ข้าก็...ข้าก็จะไม่มีใครยอมเป็นเพื่อนข้า ข้าไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น ข้าอยากมีเพื่อนเล่นเหมือนคนทั่วไป”

    “งั้นเป็นเพื่อนข้าสิ ข้าจะเป็นเพื่อนให้ท่านเอง ว่ายังไงล่ะ” เด็กคนนั้นยิ้มๆ ก่อนจะยกมือมา ทำท่าจะเช็คแฮนด์อีกฝ่าย

    “เจ้าจะ...เจ้าจะยอมเป็นเพื่อนของข้าจริงๆหรอ”
    “อื้อ ข้าจะยอมเป็นเพื่อนของท่านนะ ข้าชื่อ คิระ ยามาโตะ แต่เรียกว่า คิระ เฉยๆก็ได้ ท่าน - ...เอ่อข้าไม่รู้ชื่อท่านหน่ะ”

    “คิกๆ ข้าชื่อ อัสรัน ซาล่า.........แต่ว่นะ คิระ เป็นเพื่อนกันแล้วก็อย่าใช้คำว่า ‘ท่าน’ เลยนะ ข้ารู้สึกแปลกๆ” ก่อนจะจับมืออีกฝ่ายแน่น อีกฝ่าย.........เพื่อนคนแรกของเขา “เรียกชื่อข้าก็พอนะ คิระ”

    “อื้อ อัสรัน...งั้นเราเป็นเพื่อนกันนะ” ก่อนจะหยิบลูกบอลขึ้น “มานี่สิ มาเล่นกับข้าและน้องสาวข้า ข้าจะแนะนำให้รู้จักนะ อัสรัน.........ถ้าอยู่ในปราสาทแล้วไม่มีใครเล่น มาชวนข้าหรือน้องข้าก็ได้นะ พวกข้าเป็นคนรับใช้ที่ปราสาทซาล่านี่แหละ...แต่ต้องรอให้ข้าทำงานเสร็จก่อนนะ ไม่งั้นท่านแม่คาริด้าของข้าฆ่าข้าทิ้งแน่ๆ”

    “อื้อ”

    End of Flashback

    ‘แต่ตอนนี้ข้ากลับเป็นคนแบบนั้นซะเอง แล้วตอนที่ คิระ...เพื่อนคนแรกคนนั้นของข้า กลับเกลียดข้าซะด้วย’

    “ข้ามันแย่จริงๆเลย ข้าลืมเรื่องนี้ไปได้ไงนะ”
    “เรื่องอะไรหรอ ท่านพี่อัสรัน”

    เด็กหนุ่มหันกลับมายิ้มให้เจ้าลูกพี่ลูกน้องนิดๆ “ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่นึกถึงตอนที่ข้าเจอกับ...คิระ ครั้งแรก”

    “อ๋อ ท่านลึงแพทริคหน่ะเคยเล่าแล้ว ว่าท่านพี่หน่ะไม่อยากเป็นผู้ปกครองเมือง เพราะอยากมีเพื่อน แถมยังไปโหวกเหวกใส่ท่านลุงแบบนั้นด้วย”
    “ก็ตอนนั้น ท่านพ่อตบข้า ข้าก็เลยเผลอนี่นา”

    “แล้วเป็นไงครับ ตอนนี้รู้แล้วใช่มั๊ยว่า ท่านลุงไม่ได้เป็นแบบที่ท่านว่า แต่แค่เห็นท่านพี่พูดจาเหมือนไม่รู้จักหน้าที่ตนเองแบบนั้น เลยโมโหออกมา.........ท่านลุงบอกว่า พี่คิระหน่ะไปขอร้องให้ท่านแพทริคให้ยกโทษให้ท่านพี่ด้วยนะครับ ถึงได้ไม่เอาเรื่องหนักกับท่านพี่ทีหลังนะ” ชินบ่นหน่าย พี่เขานี่ตกลงว่ามันซื่อบื้อ หรือ ทึ่มกันแน่เนี่ย

    “อ...เอ๊?! หมายความว่าไงชิน คิระไปพูดอะไรนะ”
    “อ้าว นึกว่า ท่านพี่รู้อยู่แล้วซะอีก พี่คิระเขาไปขอร้องไม่ให้ท่านแพทริคโกรธท่านพี่แล้วทำร้ายท่านพี่อีก ตอนนั้นหน่ะท่านป้ารีนัวร์อยู่ได้ก็เลยเหมือนแกมบังคับนิดๆ แถมท่านป้ายังรักคิระเพิ่มอีกตะหาก”

    “ข้า...ข้าไม่เห็นรู้มาก่อนเลย” อัสรันส่ายหน้านิดๆ ...ถึงว่าทำไมถึงได้ไม่จับเขาทำโทษ แต่แค่ดุนิดๆ...

    “ท่านลุงบอกว่า เพราะว่าคำพูดของคิระคำเดียวที่ทำให้ท่านลุงยอมก์คือ ‘เปล่านะ ท่านอัสรันไม่ได้บังคับข้าซักหน่อย แต่ท่านอัสรันเป็นเพื่อนข้าต่างหาก เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนสิ’ นั่นแหละ ที่ทำให้ท่านยอมเออออด้วยหน่ะ” ก่อนจะหัวเราะหึๆ ...ตอนนี้อาจจะได้ผลแหะ เรื่องนั้นหน่ะ... “เห็นยังว่า เรื่องนี้หน่ะ ท่านเป็นฝ่ายผิดนะที่ไปทำร้ายเขานะ ท่านบอกเองนะว่า ‘ไม่ชอบคนใช้กำลังหน่ะ’ ข้าว่า ท่านยอมอ่อนแล้วขอโทษเขาหน่อยเหอะนะ ท่านพี่”

    “แต่ว่าคิระเขา - ...ข้าไม่คิดว่า เขาจะยกโทษให้ข้าหรอก”
    “ยกโทษให้อยู่แล้วน่า พี่คิระไม่ได้เป็นคนไร้เหตุผลซักหน่อย ท่านพี่”

    “งั้นข้า.........ข้าจะลองดูก็ได้” ก่อนจะเดินออกประตูไป

    “เฮ้อ กว่าหนูถีบจักรจะหยุดกรงล้อของมัน เล่นเอาตัวล่ออย่างแครอทเหนื่อยซะแทบแย่”

    ++ ทางด้านคิระ ++

    สวนดอกไม้นานพันธุ์ของนายหญิงรีนัวร์ ซาล่ามีดอกไม้นับร้อยดอก อาจจะถึงพันด้วยซ้ำ คิระ ยามาโตะ เด็กน้อย...ไม่สิ วัยรุ่นวัย 16 ปี แทบจะทรุดไปกองกับพื้นหลังจาก จัดการรดน้ำจนครบทุกต้นทุกดอก

    “รดก็ทีก็อดคิดไม่ได้ ทำไมไม่รู้จักติดที่รดน้ำอัตโนมัตินะ แถมยังใช้มาคนเดียวอีกตะหาก เล่นเอาหลังแทบหักแหนะ”
    “ข้าก็คิดแบบเดียวกับเจ้านะ คิระ”

    คิระเหลือบไปมองด้านหลัง เจ้าของเสียงนั้นเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจาก อัสรัน ซาล่า นั่นเอง ก่อนที่เจ้าตัวจะถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ...เหนื่อยขนาดนี้ ไม่มีแรงปะทะคารมใครหรอกนะ... “แล้วท่านซาล่าล่ะ มาทำอะไรเอาที่แบบนี้ ไม่ได้อ่านตำราตามคำสั่งท่านแพทริครึ”

    “ข้าอ่านเสร็จไปตั้งนานแล้ว ส่วนเรื่องที่ข้ามาที่นี่เพราะว่า แม่เจ้า คาริด้าซังบอกว่า เจ้าอยู่ที่นี่ข้าก็เลยมาหาเจ้า ข้า – ”
    “ขอร้องล่ะ ท่านซาล่า ข้าเหนื่อยๆอยู่ ไม่มีแรงต่อว่าต่อขานกับท่านหรอกนะ อีกอย่างข้า - ”

    “ข้าไม่ได้จะว่าทะเลาะกับเจ้านะคิระ ข้าขอโทษ” ก่อนจะคว้าแขนเจ้าเพื่อนตัวดี ก่อนจะมันจะเดินหนีไปไหน ‘ไอบ้านี่ หยุดฟังคนพูดไม่ได้หรือไงเนี่ย’ ก่อนจะพยายามสงบสติอีกรอบ “ข้าขอโทษคิระ เรื่องเมื่อเช้าข้าไมได้ตั้งใจจะตบเจ้า...ถึงเป็นคางาริมาปลุก ข้าก็ได้ตั้วใจจะตบจริงๆ แต่เมื่อคืนข้าอ่าหนังสือดึกแล้วข้าก็ง่วงมากๆ ข้าเลยอยากนอน...เจ้าจะให้อภัยข้าได้หรือไม่”

    “ไม่ ข้าไม่ให้อภัยท่านหรอก...จนกว่า ท่านจะสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก”
    “ข้าสัญญาก็ได้ว่า ข้าจะพยายามไม่ทำแบบนั้นอีก แล้วก็อย่าใช้คำว่า ‘ท่าน’ เลยนะ ข้ารู้สึกแปลกๆ”

    “คิกๆ ข้าชื่อ อัสรัน ซาล่า.........แต่ว่นะ คิระ เป็นเพื่อนกันแล้วก็อย่าใช้คำว่า ‘ท่าน’ เลยนะ ข้ารู้สึกแปลกๆ” ก่อนจะจับมืออีกฝ่ายแน่น อีกฝ่าย.........เพื่อนคนแรกของเขา “เรียกชื่อข้าก็พอนะ คิระ”

    คิระหัวเราะนิดๆ ...ยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนเลยนะ คนๆนี้เนี่ย... “งั้นข้ายกโทษให้ก็ได้ พี่อัสรัน”
    “คิระ นี่เจ้า - ”
    “ก็พี่อัสรันแก่กว่าข้าตั้งหนึ่งปีนะ ข้าก็ต้องเรียกว่า พี่ สิ”

    “มันก็...ก็มันไม่คุ้นนี่นา อีกอย่าง เจ้านั่นแหละที่ผิดนิดๆด้วยเมื่อเช้า ข้าบอกไม่ให้เจ้าเรีกยว่า ท่านอัสรัน แต่ตอนปลุกเจ้ากลับเรียกข้าแบบนั้น ข้าเลยนึกว่า เจ้าเป็นคางาริซะอีก” ก่อนที่หน้าของเขาจะงอนิดๆ ...ไอ้บ้านี่ แกล้งเขาได้ตลอดเวลาเลยนะ... “เรียกว่า อัสรัน แบบเดิมไม่ได้เรอะ คิระ”

    “ไม่ได้ๆ โตๆกันแล้วนะ พี่อัสรัน ต้องเรียกตามมารยาทสิ...ไม่งั้นข้าก็เรียกว่า ท่านพี่อัสรัน เหมือนท่านชินแทนด้วย หรือว่าอยากให้ข้าเรียก ท่านซาล่า อีกล่ะ” คิระหัวเราะร่า ก็เจ้านายตัวดีหน่ะสิทำหน้าหนักใจชนิดคิระยังอดหัวเราะไม่ได้เลย ...สงสัยจะเล่นแทงใจดำไปนิด...

    “ก็ได้ๆ เรียกว่า พี่อัสรันก็ได้ ส่วนไอ้เจ้าชิน ข้าก็บอกให้เรียก พี่อัสรัน แล้ว แต่มันไม่ยอมเองตะหาก เจ้าก็เหมือนกัน คิระ ทำไมถึงได้เจ้าเล่ห์ได้ขนาดนี้นะ”

    “นั่นล่ะ ข้อดีของข้า - ” แต่ยังไม่ทันจะพูดจบ คิระก็ทรุดลงไปกับพื้น อัสรันรีบเอาแขนพยุงอีกทันที

    “คิระ เป็นอะไร คิระ! เฮ้ เจ้า...”
    “มันเหนื่อยหน่ะ ก็ท่านรีนัวร์สั่งให้รดน้ำ ข้าเลย - ”

    “พอแล้วๆ เกิดพูดมากไปกว่านี้ เดี๋ยวก็ได้เป็นลมกลางแดดนี่หรอก” ก่อนจะอุ้มอีกฝ่ายขึ้นมา “มานี่ เดี๋ยวข้าพาไป - ” ก่อนจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ คำพูดทุกอย่างก็ต้องหายไป ...ทำไมหน้าอกเจ้าคิระมันถึงได้นิ่มอ่ะ...หมอนี่มันเป็นผู้ชายไม่ใช่เรอะ... “คิระ...ถามหน่อยสิ ทำไมเจ้ามีหน้าอกได้ล่ะ”

    “เอ้า ก็เป็นเรื่องปกติอยู่ - ...อย่าบอกนะว่า 11 ที่รู้จักกันมา พี่อัสรันคิดว่า ข้าเป็นผู้ชายหน่ะ”
    “แล้วมันไม่ใช่หรือไงเล่า ก็เจ้าหน่ะใส่กระโปรงที่ไหนกัน คำพูดก็ห้วนๆไม่มีคำลง้ทาย”
    “ขอโทษนะที่ทำตัวเหมือนสองเพศแบบนั้นหน่ะ แต่ข้าเป็นผู้หญิงตะหาก!”

    “ใครจะไปรู้ล่ะ...” ว่าเพื่อนที่รู้จักกันมา 11 ปี ไม่เคยเห่นมันใส่กระโปรงซักครั้ง ท่าทางก็...ไม่เรียกว่า ห้าว แต่ว่ากวนส้นไปหน่อยแค่นั่นแหละ จะดันเป็นผู้หญิงซะได้... ‘ถึงว่าทำไมหน้ามันถึงได้หวานเกินผู้ชาย...แถมยังสวย - ...อ๊ากก ไอ้บ้าอัสรันเพิ่งรู้ว่า เพื่อนรักเจ้าเป็นผู้หญิงก็เริ่มเคลิ้มมันแล้วเรอะ ไอ้บ้าอัสรัน คิดได้ไงว่ะเนี่ย’

    “จากที่เห็นเจ้าอุ้มคิระจังเข้ามา แม่คงบอกได้แล้วสินะว่า เจ้าคืนดีกับคิระจังแล้วหน่ะ” ท่านรีนัวร์ยืนยิ้มร่า อยู่ที่เก้าอี้รับแขก “งั้นก็ดีเพราะ คาริด้าเพิ่งอบพายบลูเบอร์รี่เสร็จพอดี เดี๋ยวจะให้คางาริเอามาให้ทานนะ อัสรัน”

    “ดีเลยครับท่านแม่ ข้าหน่ะหิวจะตายหองอยู่แล้วนะ”
    “อัสรัน ระวังคำพูดด้วยนะ แล้วพาคิระจังไปนอนได้แล้ว...ส่วนงาน เดี๋ยวข้าให้คนอื่นทำแทนนะ คิระจัง”

    “ขอโทษนะคะ ท่านรีนัวร์” ก่อนจะผลอยหลับไป ให้อัสรันมันจ้องก่อนจะส่ายหน้าเล่น

    “เฮ้อ~! ปัญหาเก่าก็เคลียร์” แต่ปัญหาใหม่...เขากำลังหลงเจ้าเพื่อนสาวของเขา ทำไงดีเนี่ย...

    ++ End of Chapter 1 ++

    แหงบๆ อย่าตบเราน้า เราแค่อยากเขียน Yaoi ที่ไม่ออก yaoi มากก็แค่นั้นแหละ ดั่งที่เห็น ใครที่หสัง คิระ-ลักส์ เรื่องนี้ก็ขออภัยอย่างแรงว่า คงอดแหงๆ (แต่ไม่ได้หมายความว่า ลักส์จะไม่โผล่นะงับ) ส่วน อัสสึ-คางะ ก็คงได้เห็นแค่สองคนนี้แบบพี่ชายน้องสาวนั่นแหละ ส่วนใครจะคู่คางาริดีน้า เรากำลังคิดอยู่ตอนนี้ ^^;

    ส่วนที่เราโพสต์ข้า ก็ขอโทษด้วยเช่นกัน เพราะเรายุ่งมากๆ แถมถือคติไม่มีอารมณืก็ไม่แต่งซะด้วยซิ เหอๆ
  4. elementer

    elementer New Member

    EXP:
    15
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    อ๊ากกกกกกกก
    เป็น Yaoi ไปแล้วน่าสงสารลักส์จังเลยจาได้คู่กับใครเนี่ย หวังว่าไม่ใช่คางะนะ
  5. dadajang

    dadajang New Member

    EXP:
    140
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    เฮ้ย!!!

    ทำไมเป็นแบบนี้เนี่ย

    แล้วงี้คางะจังจะไปอยู่ไหนล่ะคะ
  6. watabo

    watabo New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    คนเริ่มเอาฟิคGSDมาลงแล้วววว ดีจัง> < หันไปมองฟิคดองๆของตัวเอง ขุดมาบ้างดีไหมนี่

    แนวShonen-AI ที่ดูๆแล้วมีกลิ่นอายความรักของลูุกผู้ชาย (ฮา)
    เอ้า อย่ามัวปากแข็ง รีบๆเคลียร์ความเข้าใจกันดีกว่านะ หนุ่มๆ

Share This Page