อ่านก่อนนิดนึง บทความนี้ คือบทความReview หนังในมุมมองของผมแค่คนเดียว ไม่ใช่มุมมองของคนส่วนมาก ฉะนั้นไม่แปลกถ้าท่านจะรู้สึก เอ๊ะทำไมนายไม่ชอบตรงนี้ เอ๊ะทำไมนายมาด่าเรื่องนี้ เอ๊ะนายบอกเรื่องนี้ดี นายเพี้ยนรึเปล่า อยากจะบอกว่า ผมเป็นแค่คนดูหนังคนนึง มิอาจสามารถเอาใจของคนทั่วโลกมารวมในคนเดียว แล้วประมวลคะแนนให้พอใจทุกคนได้ เพราะคนเราย่อมมีรสนิยมการดูหนังไม่เหมือนกันทุกคนครับ ฉะนั้น ถ้าอ่านReview ของผมแล้ว จงอย่าตัดสินทันที ขอให้พิสูจน์หนังเรื่องนั้นด้วยตัวท่านเอง ไม่แน่ หนังที่ผมบอกห่วย อาจเป็นหนังในใจท่านก็ได้ครับผม ด้วยความเคารพครับ และขอความกรุณาอย่าSpoil หนังนะครับผม จะSpoil ก็ขอให้ใช้การซ่อนข้อความ การติชมต่อผลงานของSoma สามารถเขียนได้ในกระทู้อย่างเปิดเผยและตรงๆอย่างไม่ต้องกังวล เข้ามาอ่านReview เล็กๆก่อนตัวเต็ม หรือถ้าใครที่เข้ามาอ่านธรรมดาแต่อยากติชม สามารถเข้าไปติได้ที่Facebook ของกระผมนะครับ http://www.facebook.com/profile.php?id=100000512771067 Captain America : The First Avenger แนวหนัง : แอ็คชั่น ไซไฟ ตัวอย่าง เรื่องย่อ สตีฟ โรเจอร์ ชายหนุ่มผู้มีใจรักชาติ และยาอกรับใช้ชาติด้วยการเป็นทหารในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ด้วยปัญหาสุขภาพและร่างกายที่อ่อนแอทำให้เค้าไม่ได้รับเลือกจากที่ไหน จนกระทั้ง ดร. อาบราฮัม ได้เห็นในจิตใจอันกล้าแกร่งและมุ่งมั่นของเค้า จึงได้เอาเค้าเข้ามาสู่การวิจัย ซุปเปอร์โซลเยอร์ ทำให้สตีฟมีร่างกายที่แข็งแกร่งจนกลายเป็น Captain America และในเวลานั้นเองเค้าได้รับรู้ถึงองค์กรไฮดร้า ที่มีแหล่งพลังงานอันชั่วร้ายหมายจะยึดครองโลก มีผู้นำนามว่า Red Skull การต่อสู้เพื่อปกป้องโลกของกัปตันจึงเริ่มขึ้น มุมมองของ Soma แม้จะได้ขึ้นชื่อว่า Captain America ก็ตาม แต่ด้วยชื่อผู้กำกับที่มีผลงานอย่าง Wolfman และ Jurassic Park 3 (แม้จะมีผลงานอย่างจูแมนจิก็เถอะ) ชวนทำให้กังวลถึงคุณภาพของตัวหนังอย่างมาก แต่หลังจากดูแล้วก็ขอยอมรับว่าเป็นความกังวลของกระผมมากไป นี้ยังคงเป็นหนังที่ได้มาตราฐานหนังฮีโร่จาก MARVEL ไม่ได้เสียชื่อเสียงแต่อย่างใด เป็นการผสมผสานหลากหลายอารมณ์ในหนังเข้าไปได้อย่างกลมกล่อม แต่หนังกลับไร้จุดเด่นอย่างสิ้นเชิง หนังเรื่องนี้เป็นการผสมอารมณ์ของ หนังแอ็คชั่น โรแมนติค ใช่ครับท่านอ่านไม่ผิด กัปตันอเมริกาของเรานั้นมีความเป็นหนังโรแมนติคที่สูงมาก ภายในหนังท่านจะเห็นฉากกุ๊กกิ๊กของตัวพระนางที่ทำออกมาได้น่ารักน่าหยอกน่าเชียร์เป็นอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าเป็นการนำอารมณ์ในส่วนของ THOR มาได้อย่างดี ในด้านฉากแอ็คชั่นนั้นในหนัง สามารถที่จะดูเพลินๆได้ สิ่งแรกที่ต้องทำความเข้าใจก่อนคือ กัปตันเรานั้นไม่ได้มีพลังพิเศษเหนือมนุษย์มากมายนัก ฉะนั้นถ้าใครต้องการดูฉากต่อสู้ที่มีเอฟเฟคอลังการยิ่งใหญ่ล่ะก็ หนังเรื่องนี้ไม่ใช่แนวทางของคุณแน่นอน แต่ถ้าชอบหนังแอ็คชั่นที่ออกไปทางแนวการต่อสู้แบบเน้นทักษะ และ แผนการ ผสมความตื่นเต้นลงไป กัปตันพอที่จะสนองในจุดนี้ได้ระดับนึง ส่วนด้านบทนั้นอาจไม่โดดเด่น หรือมีอะไรให้พูดถึง แต่หนังก็ไม่ถึงขั้นละเลยจนบทไม่น่าติดตาม หรือบทที่ขาดเหตุผลจนเกินไป (ซึ่งหลายจุดของบทนั้นคาดว่าน่าจะเอาไปพูดถึงใน The Avenger มากกว่า) และหนังก็ยังมีการหยอดมุกตลกมาให้เป็นระยะๆได้อย่างน่ารัก (ชอบมุกชุดกัปตันที่สุดแล้ว ฮาจริง อะไรจริง) แปลกไหมครับ ทำไมผมถึงพูดข้อดีของหนังแค่นี้ เพราะว่าข้อดีของหนังนั้นมันเป็นการเอาหลายๆอย่างมาผสม แต่เหตุเพราะว่าการผสมนั้นกลับกลายเป็นหนังไร้ซึ่งจุดเด่นทั้งหมด ฉากแอ็คชั่นที่ดูเพลินๆแต่ก็ไม่ได้พีคหรือน่าจดจำอะไร โรแมนติคแม้จะทำได้ดีแต่ Thor นั้นทำออกมาได้ดูดีไปแล้ว บทในหนังนั้นก็ไม่ได้มีจุดเด่นอะไร ฉะนั้นจุดอ่อนที่สุดของหนังเรื่องนี้คือ หนังไร้จุดเด่นและค่อนข้างจืดครับ และด้วยการที่หนังเดินเรื่องได้เรียบๆไปเรื่อยๆ ทำให้หนังเรื่องนี้ขาดจุดพีคหรือจุดไคล์แม็กที่น่าติดตามหรือตื่นเต้น แม้กระทั้งตอนท้ายเรื่องก็ตามที อีกอย่างคือหนังขาดการให้เสน่ห์ตัวละครหลายตัว อย่างทีมของกัปตันนั้นหลายคนน่าจะใส่เอกลักษณ์ให้มีอะไรมากขึ้นเพื่อเราจะได้รู้สึกมีส่วนร่วมและเชียร์ไปกับเค้า โฮเวิร์ดสตาร์ค ที่น่าจะใส่ความสัมพันธ์กับกัปตันให้มากกว่านี้ เพื่อให้รู้สึกว่าเค้าเป็นเพื่อนกับกัปตันจริงๆ หรือตัวร้ายอย่าง Red Skull ที่น่าจะใส่ปมอะไรไว้ซักหน่อยเพื่อให้รู้สึกว่าเป็นตัวร้ายที่น่าเกรงขามกว่านี้นอกจากร้ายไปวันๆ แต่ตัวละครนอกนั้นก็ได้ใส่เสน่ห์ออกมาได้ดีไม่มีปัญหาครับ แต่สำหรับการมารับบทเป็น สตีฟ โรเจอร์ ของ Chris Evans นั้นถือว่าทำได้ดีครับ นอกจากกล้ามของแก (อุ้ย) ยังแสดงตอนอ่อนแอให้รู้สึกว่าอ่อนแอจริงๆ หรือตอนที่ทำท่าเหมือนคุยกับสาวไม่เก่งก็ทำได้น่ารัก บทที่แสดงความแข็งแกร่งก็ทำออกมาได้ดี จึงบอกได้เลยว่าเค้าเหมาะกับบทนี้อย่างมาก ดาราสาวที่รับบทเป็นเพ็คกี้ก็ใช่ย่อย เพราะสามารถส่งบทไปมากับสตีฟได้อย่างลงตัว และแสดงท่าทางต่างๆได้ดี สิ่งที่ชอบที่สุดคือหล่อนสวยมากครับ สวยจริงๆ แต่คนที่ผมว่าโดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้น Hugo Weaving ที่นอกจากจะสามารรถพูดอังกฤษสำเนียงเยอรมันได้เจ๋งแล้ว ท่าทางของแกยังออกมาดูดีเหมือนตัวร้ายมากๆ มุมกล้องในหนังเป็นอีกจุดที่ผมขอชมนะ เพราะทำออกมาได้สวยงามอย่างมาก อย่างฉากในเมืองยุค 40 นั้นก็ทำออกมาได้ดี และเพลงประกอบในหนังนั้นโคตรตรักชาติเลยให้ตายสิ อนึ่ง หนังจบแล้วห้ามลุกจากเก้าอี้นะครับ เพราะท้ายเครดิตนั้นจะมีตัวอย่าง Avengers แบบชัดๆให้เราดูกันไปเลย สรุป : น่าจะเป็นเพราะว่าหนังเรื่องนี้คือใบเปิดทางไปสู่ Avengers ที่จะฉายในปีหน้า เลยทำให้หนังนั้นไม่มีจุดโดดเด่นและออกทางค่อนข้างจืดซักหน่อย แต่ว่าด้วยส่วนผสมต่างๆในหนังนั้นกลับผสมออกมาได้กลมกล่อมดูแล้วรู้สึกเพลินไม่ติดขัดอะไร ขอพิสูจน์แบบเต็มๆกับ Avengers ปีหน้าล่ะกัน เกรด B+ ครับ โดยสรุปการดูหนังฮีโร่ของผมปีนี้ก็เรียงตามความชอบได้ดังนี้ครับ X-Men First Class > THOR > Captain America > Green Lantern แล้วเจอกันใหม่ ลาล่ะ 555
Borne ไม่รู้เหมือนกันว่าชอบรึเปล่า... ^-^; จำได้ว่าดูทุกภาค แต่ก็แค่ดูเพลินๆ น่ะครับไม่ได้สนุกกรี๊ดกร๊าดอะไรมากมาย
อย่างน้อยๆ ก็ยังดีกว่าเวอร์ชั่นที่ได้ดูเมื่อตอนตัวกะเปี๊ยกเดียว (ราวๆ 20 ปีที่แล้ว) สำหรับผมตอนนี้ฝั่ง marvel มาวินเสียนี่ เพราะชอบที่จะดูจุดเชื่อมโยงทั้งหลายที่จะนำพาไปสู่ภาพยนต์เรื่องต่อไปของค่ายนี้แล้วละครับ โดยเฉพาะฉากสุดท้ายหลังจบเครดิทนี่เซอร์ไพรส์อย่างแรง (ฮา)
เพิ่งดูมาเหมือนกัน ถือว่าเป็นหนังที่ดูเพลินได้ตลอดเรื่องนะครับไม่ถึงกับซึ้งกินใจอะไรมากมาย แต่ แหม ทีแรกผมนึกว่ามันจะน่าเบื่อซะอีก ^-^; ในการ์ตูนจริงๆ นี่ ตัวกับตันมีหลับไปยาวๆ แบบนั้นจริงรึเปล่าครับ?