[ฟิครับสมัคร]An Oratorio (Chapter 1 final/Update 06/02/51)

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย Siegfried, 3 ธันวาคม 2007.

  1. Siegfried

    Siegfried Member

    EXP:
    69
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    An Oratorio

    แนวเรื่อง : Action / Fantasy / Love / Comedy / Parody

    เนื้อเรื่อง


    บนโลกที่ทุกสรรพสิ่งต่างต้องพึ่งพาอาศัยกัน มีอยู่ 2 เผ่าพันธุ์
    ด้วยความผูกพันตั้งแต่โบราณกาลทำให้พวกเขาไม่สามารถขาดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปได้
    ทั้งสองเผ่าพันธุ์คือ มนุษย์และโซนาเร่

    มนุษย์ คือผู้ที่มีความฉลาดปราดเปรื่อง แสวงหา สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้ด้วยสองมือเสมอ
    โซนาเร่ คือผู้ที่สามารถร้องเพลงได้ไพเราะที่สุดในโลก บทเพลงของพวกเธอมีทั้งการสรรเสริญและทำลายล้าง

    ด้วยความต้องการจากกันและกัน มนุษย์นั้นต้องการบทเพลงของพวกเธอเพื่อสรรเสริญและทำลายล้าง ส่วนพวกเธอต้องการพลังสร้างสรรค์ของมนุษย์เพื่อค้นหาบทเพลงใหม่ๆ
    ความสงบสุขดำเนินเรื่อยมา

    .....จนกระทั่ง.....

    มีมนุษย์ผู้ชายคนหนึ่งต้องการทำลายโซนาเร่ไปให้หมดโลก เขาร่ายคำสาปที่มีรูปร่างเป็นอสูรกายให้นิทราอยู่เหนือโลก วันใดที่เขาปลุกมันขึ้นมา วาระสุดท้ายของโซนาเร่ทุกผู้ก็จะมาถึง
    หากแต่โซนาเร่หญิงก็ได้มาขัดขวางเอาไว้ ทั้งคู่จากไปโดยทิ้งเรื่องราวไว้ให้เป็นเรื่องเล่าและคำสาป

    ปัจจุบันเรื่องเล่ากำลังกลายเป็นจริงอีกครั้ง คำสาปกำลังหวนกลับมา
    เมื่อเรื่องราวทั้งหมดย้อนกลับไปเหมือนเมื่อ 10 ปีก่อนไม่ผิดเพี้ยน
    วาระสุดท้ายของโซนาเร่กำลังจะมาถึงจริงๆ แล้วงั้นหรือ?​


    + + + + + + + + + + + +​


    สามารถดูรายละเอียดตัวละครได้จาก ที่นี่http://all-final.com/forum/viewtopic.php?f=15&t=431
  2. Siegfried

    Siegfried Member

    EXP:
    69
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    Re: [ฟิครับสมัคร]An Oratorio (Chapter 1 phase 1)

    Chapter 1 : เพลงโหมโรงแห่งไฮเดิร์น
    phase - 1




    เสียงเพลงที่เคยได้ยิน เวลานี้เงียบหาย…...
    ใบหน้าที่เคยได้เห็นไกลๆ เวลานี้เลือนหาย.....


    ไกลออกไปจากหน้าต่างบานเล็กๆ ต้นไม้ใหญ่ฝังรากลึกที่นั่น กิ่งก้านหมู่ใบของมันล้อลมที่พัดผ่าน
    เสียดสีส่งเสียงขับขาน เป็นบทเพลงแห่งพงไพร

    ข้างหลังบานหน้าต่าง มีชายหนุ่มผู้เงียบงัน ดวงตาสีดำและเขียวจับจ้องไปยังต้นไม้ใหญ่ข้างนอก ตาซ้ายสีเขียวสุกสว่างส่องประกายยามต้องกับแสงแดดที่ผ่านลอดเข้ามา ตาขวาสีดำซ้อนทับกับเงามืดภายในห้อง ผมสีดำยาวระต้นคอยิ่งทำให้บรรยากาศรอบเขาหม่นหมองแม้จะสวมเสื้อแขนยาวสีขาวอยู่ก็ตาม

    เสียงเพลงของต้นไม้แม้จะไพเราะ แต่ก็ไม่สามารถทำให้จิตใจของเขาเบิกบานได้เลย กลับกันมันยิ่งทำให้จิตใจรู้สึกว้าเหว่และเจ็บปวด
    ยามที่นึกถึงความทรงจำที่ถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้ต้นนั้น
    ชายหนุ่มหลับตาลง
    เสียงของใครบางคนเรียกชื่อของเขา


    คาซ....... คาซ.....


    เสียงที่คุ้นเคย ลอยแผ่วมาจากสถานที่อันห่างไกล
    เสียงของเด็กชายหนึ่ง เด็กหญิงหนึ่ง
    พวกเขานั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่แห่งนั้น กำลังรอให้ชายหนุ่มเข้าไปหา
    เด็กหญิงร้องเพลง บทเพลงที่ไพเราะยิ่งกว่าเพลงของต้นไม้
    บทเพลงที่ไพเราะยิ่งกว่าเพลงไหนๆ
    ชายหนุ่มส่งยิ้มตอบรับคำเชิญชวน


    ไปไม่ได้นะ


    อีกเสียงคัดค้านอยู่ข้างหลัง คนๆ นั้นคือตัวเขาเอง


    มันหายไปเสียแล้วล่ะ..... คาห์ซาน ครอคซ์เอ๋ย มันหายไปเสียแล้ว....
    ตัวตนของนาย ไม่มีอยู่ ณ ที่แห่งนั้น



    เสียงของเขาเงียบลงและร่างของเขาอีกคนก็หายไป
    ชายหนุ่มตระหนักได้ถึงความโหดร้ายในความมืดที่ตัวเขาพยายามจะบอกกับตัวเอง


    คนหนึ่งลืมเลือน คนหนึ่งสูญหาย
    เด็กชายหายไป เด็กหญิงหายไป
    ชายหนุ่มลืมตา


    “ไม่มีจริงๆ เหรอ....”
    คาห์ซานพูดกับตัวเอง กำกระดาษในมือไว้แน่น ก่อนจะลุกออกจากห้องไป



    ข้างนอกอากาศหนาวเย็นเพราะใกล้ฤดูหนาวแล้ว แม้จะเป็นช่วงสาย พระอาทิตย์ลอยสูง อากาศก็ยังหนาวไม่เปลี่ยนแปลง น้ำค้างจึงยังหยดลงจากต้นไม้ใหญ่หลายต้นที่ถูกดัดแปลงให้เป็นบ้านรอบๆ บริเวณนี้
    บนถนนที่ทอดยาวขึ้นไปบนเนิน คาห์ซานย่างเท้าก้าวลงไป ผ่านบ้านเรือนหลายหลัง หมู่บ้านของเขาเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในป่าที่อาศัยต้นไม้ใหญ่รอบมาดัดแปลงให้เป็นบ้าน แม้แต่ละครัวเรือนจะมีบ้านหลังไม่ใหญ่นัก แต่ทุกคนก็อาศัยอยู่กันอย่างสงบสุข

    สถานที่ที่เขาจะไปเป็นบ้านของเพื่อนเก่าคนหนึ่ง มันเป็นนักเดินทางเร่ร่อนที่มักไม่ค่อยได้อยู่กับบ้าน นานๆ จะกลับมาทีซึ่งก็หาโอกาสได้ยากยิ่ง มันเดินทางมานานแรมปีแล้ว ไม่มีทีท่าว่าจะเลิกเลย บ้านก็รกร้างเต็มที เพราะเจ้าของมันก็เกือบๆ จะเป็นคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าอยู่แล้ว

    ประตูไม้ของบ้านต้นไม้ถูกเปิดออก เจ้าคนที่ถูกนินทาในความคิดกำลังง่วนอยู่กับการเก็บสัมภาระใส่กระเป๋าใบเล็กๆ โดยไม่สนใจแขกที่มาเยือนเลยแม้แต่น้อย
    หรือจะบอกว่าแม้กระทั่งตัวเองมันก็ยังไม่ใส่ใจ ผมเผ้ายาวรุงรังถูกรวบเป็นหางไม้ไว้อย่างลวกๆ ผมบางส่วนจึงตกลงมาปรกหน้าปรกตา ซึ่งเจ้าตัวก็แค่ปัดมันเฉียงขวาเพื่อไม่ให้ปิดดวงตาสีไพลินก็เท่านั้นเอง
    สำคัญกว่านั้นคือมันกำลังเก็บของ ทั้งๆ ที่เพิ่งมาถึงได้ไม่กี่วัน สมกับเป็นอควาเฟย์จริงๆ

    “เฟย์ แกจะไปอีกแล้วเรอะ”
    “อือ ฉันแค่กลับมาเอาของที่ลืมไว้เท่านั้น”

    อควาเฟย์ตอบโดยไม่หันมามองคาห์ซาน แน่นอนว่าคาห์ซานไมได้ใส่ใจกับท่าทีของมันเท่าไรนัก แค่กำลังคิดว่ามันยังจำได้อยู่อีกเหรอว่าลืมเอาไว้

    “แกลืมเอาไว้กี่ปีกันวะนั่น ยังจะเอาอีกเหรอ”
    “เอาสิ ของสำคัญ”
    “ถ้ามันสำคัญจริงแกก็ไม่น่าจะลืมแต่แรกนี่หว่า” คาห์ซานพูดพลางถอนหายใจ ก่อนแววตาจะดูจริงจังขึ้นมากระทันหัน “หรือไม่ค่อยอยากจะเอามันไปเท่าไรกันล่ะ.... เข็มกลัดวิโอล่านั่น”

    อควาเฟย์หยุดชะงักทันทีที่ได้ยิน ในมือของเขาตอนนี้กำเข็มกลัดที่ว่าเอาไว้แน่น เข็มกลัดรูปเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย ‘วิโอล่า’ ซึ่งสลักชื่อของเขาเอาไว้ด้านหลัง ‘Aquafay Von Athalius’
    เข็มกลัดซึ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกว่ามันสำคัญ สำคัญต่อตัวเขามากๆ แม้ว่าตัวเขาจะไม่รู้จักมันเลยก็ตาม

    “ก็จะเก็บเอาไว้กับตัวน่ะสิ เข็มกลัดนี่น่ะ” อควาเฟย์ตอบ ดวงตาแข็งกร้าวมองไปยังเข็มกลัดที่อยู่ในมือ “เพราะมันคือสิ่งที่แสดงว่าฉันเคยมีตัวตนอยู่....”


    ความมุ่งมั่น.... ที่อยากจะมีตัวตน
    อดีต... ที่ได้ลืมเลือนไป


    สองสิ่งนี้คือตัวเขาในปัจจุบัน
    เพราะในเวลานี้เขาไม่มีความทรงจำอยู่เลย ไม่มีมาตั้งแต่แรก ไม่มีตั้งแต่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
    ความทรงจำอันว่างเปล่ากลับถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ติดตัวมาตั้งแต่ตอนที่เขาฟื้นขึ้นมาด้วยร่างโชกเลือด


    ต้องฆ่า...... ต้องฆ่ามัน.... ต้องฆ่ามันให้จงได้


    เสียงของเขาที่พูดประโยคนั้นซ้ำๆ ดังก้องอยู่ในหัวของตัวเอง ณ เวลานั้น เขายังจำมันได้ดีราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ความรู้สึกชิงชังรุนแรงปะทุขึ้นแม้ร่างกายจะบอบช้ำ
    แล้วเจ้านั่นก็ปรากฏตัวขึ้นมา.. คาห์ซาน ครอคซ์

    ท่ามกลางความรู้สึกชิงชังกลับมีรอยยิ้มของเจ้านั่นเท่านั้นที่ทำให้เขาสงบลงได้

    “เมื่อเช้าฉันฝันด้วย”
    คาห์ซานพูดขึ้นมา ทำหายห้วงภวังค์ของอควาเฟย์
    “แกฝันว่าอะไร?”
    “ก็.... ฉันฝันถึงต้นไม้ที่เราไปเล่นด้วยกันบ่อยๆ กับเฟย์เรีย”
    “ในฝันนั้นมีฉันด้วยหรือเปล่า?”
    อควาเฟย์ถาม คาห์ซานมองเพื่อนเก่าแล้วส่งยิ้ม หลับตาลงช้าๆ ก่อนจะให้คำมั่น

    เพื่อสร้างรอยยิ้มขึ้นมา

    “แน่นอน”



    กระเป๋าถือสีดำใบเล็กถูกพับปิดลงดังพั่บ อควาเฟย์จัดกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมออกเดินทางได้ทุกเมื่อ
    แต่ยังมีปัญหากับเจ้าคาห์ซานที่ยังจัดไม่เรียบร้อยอยู่ดี เขาจึงเดินไปปิดประตูที่มันเข้ามาแล้วไม่ยอมปิดก่อนจะถาม

    “ว่าแต่แกเหอะ มาหาถึงนี่มีธุระอะไรเรอะ”
    “อ๋อ.... ธุระน่ะเหรอ มีแน่ๆ อยู่แล้ว ฉันไม่ได้ถ่อมาเพื่อฟังคนที่แค่จำอะไรไม่ได้ก็เพ้ออยู่แล้ว”
    “วะ แกนี่ จำอะไรไมได้ก็ยิ่งเฮิร์ทนะเฮ้ย ทำเป็นเล่นไป”
    อควาเฟย์เดือดใส่เจ้าเพื่อนตัวดี ที่ดันมาทำเป็นเล่นกับคนกำลังเฮิร์ท แต่เจ้าตัวดีกลับทำแค่ส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย แถมยังย้อนอควาเฟย์อีกต่างหาก
    “แค่จำอะไรไม่ได้ ไม่ตายก็บุญโขแล้ว แกน่ะ”
    “ถ้าตายแกก็เปิดประตูแก่นแท้สิวะ เพื่อนกันไม่ใช่เหรอ ช่วยกันแค่นี้”
    “ไม่เอาว่ะ ไม่อยากเป็นไอ้ด้วนเหล็กไหล”
    คาห์ซานปฏิเสธทันควัน ไม่สนใจถึงแฟนๆ ของไอ้ด้วนเหล็กไหลว่าอาจจะมากระทืบมันตายคาบ้านเลยแม้แต่น้อย อควาเฟย์เห็นว่าเถียงกับมันไปก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา รีบเข้าเรื่องเลยคงจะดีกว่า
    “เอ้า เลิกๆ ว่าธุระมาได้แล้ว”

    ชายหนุ่มตาสองสีอมยิ้มหลังจากกวนพระบาทเพื่อนได้สำเร็จ ก่อนจะหยิบซองกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าแล้วชูให้อควาเฟย์ดู
    “เมื่อสองสามวันก่อนฉันได้จดหมายฉบับนี้มา ไม่ได้จ่าหน้าเอาไว้ว่ามาจากไหน แต่ส่งถึงฉัน”
    “เนื้อหาว่าไง?”
    ชายหนุ่มผมยาวถาม เปลี่ยนอิริยาบถเป็นยืนกอดอก รอฟังคาห์ซานอธิบาย
    “เนื้อหาเหมือนในกระทู้รับสมัครไม่มีผิดเพี้ยน”
    “วะ แกนี่ อย่าอู้งานสิ แต่ก็เข้าใจล่ะ.....”
    “ก็ตามนั้นแหละ”


    “งั้นเหรอ......”
    อควาเฟย์เอามือลูบคางพลางทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะรับจดหมายจากคาห์ซานมาดูเพื่อพิจารณา
    “หายตัวไปแล้วงั้นเหรอ.... โซนาเร่บนโอราโทริโอ...”
    “อืม... ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น” คาห์ซานสนับสนุนคำพูดของอควาเฟย์แบบขอไปที แต่ดวงตาของเขากลับจ้องไปยังสหาย ราวกับกำลังชั่งใจอะไรบางอย่าง “แกพอจะนึกอะไรออกบ้างไหม....?”

    “ไม่” อควาเฟย์ตอบสั้นๆ ก่อนจะละสายตาจากจดหมายแล้วมองไปที่คาห์ซานแทน “ฉันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วยเหรอ?”
    “ก็....เปล่า แค่ลองถามดู แกเดินทางไปไหนมาไหนเยอะ เผื่อจะได้ยินข่าว”
    “ไม่เลย ไม่เคยได้ยิน ให้ฉันเดาว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้ทางราชสำนักต้องไม่ประกาศให้ประชาชนทั่วไปรู้แน่”
    “ก็คงเป็นแบบนั้น..... เพราะไม่อย่างนั้นคงวุ่นวายกันใหญ่” คาห์ซานเอ่ย พลางก้มหน้ามองพื้น “จู่ๆ โซนาเร่ที่เคยร้องเพลงเพื่อรักษาความสงบสุขหายตัวไปแบบนี้ ทุกคนคงผวากันน่าดู”
    “ว่าไอ้ตัวที่นอนหลับอยู่เหนือฟ้านั่น..... จะตื่นเมื่อไรสินะ” อควาเฟย์ช่วยต่อประโยคให้ ก่อนจะส่งจดหมายคืนให้คาห์ซาน “ว่าแต่แกเหอะ จะเอาไง จะทำตามที่จดหมายนั่นบอกไหม?”

    เป็นคำถามที่รอคอยคำตอบนานกว่าที่อควาเฟย์คิดเอาไว้ เพราะเจ้าเพื่อนตาสองสีของเขากลับเงียบไปโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย มันมองพื้นเหมือนกับกำลังพยายามนับตัวแบททีเรีย ทำหน้าตาเหมือนท้อใจเพราะแบททีเรียนั้นเยอะเกินกว่ามันจะนับได้
    ทว่า..... ก็เป็นใบหน้าเศร้าสร้อย ที่ไม่ค่อยจะได้เห็นจากมันซักเท่าไรเลย

    “นั่นสิ..... ไม่รู้เหมือนกัน”

    คาห์ซานตอบสั้นๆ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากบ้านไปเงียบๆ ไม่ล่ำลาเลยซักคำ นั่นทำให้อควาเฟย์มองตามอย่างสงสัย ทว่าไม่ติดใจอะไร เพราะสิ่งที่หมอนั่นมี เขาเองก็มีเหมือนกัน


    จดหมายที่ดูเหมือนพยายามจะบอกใบ้อะไรซักอย่าง
    จดหมายที่ราวกับจะชี้เส้นทางสู่อดีต


    ชายหนุ่มหยิบจดหมายแบบเดียวกับคาห์ซานออกมาจากกระเป๋ากางเกงของตัวเอง เพื่อวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของอะไรบางอย่าง
    คนเขียนตั้งใจส่งมาให้เขาและคาห์ซาน ราวกับว่ารู้เรื่องของพวกเขาดีอย่างนั้นแหละ ถึงได้เจาะจงชื่อเอาไว้บนซอง
    และดูเหมือนว่ายังมีอะไรบางอย่างที่คาห์ซานยังไม่ได้บอกเขา อะไรบางอย่างที่อาจจะโยงไปหาตัวเขาในอดีต

    “มีอะไร..... เกี่ยวข้องกันจริงๆ สินะ”


    + + + + + + + + + +


    ตัวละคร
    Kahzan crocx - Zan~Naz
    Aquafay Von Athalius - - AQUAFAY -
  3. train

    train Member

    EXP:
    498
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: [ฟิครับสมัคร]An Oratorio (Chapter 1 phase 1)

    กร๊าก มีการสอดแทรกมุขไว้ในเนื้อเรื่องจนได้ แต่ก็ดีจะได้ไม่ดูซีเรียสจนเกินไปเนอะซิกกี้ * 0 *
    การบรรยายผมว่าอ่านได้ไหลลื่นดีนะ >w<b
    บทแรกก็มีปริศนาแล้ว งี้เราต้องคอยติดตามต่อปาย - -+
  4. Hell

    Hell Member

    EXP:
    405
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: [ฟิครับสมัคร]An Oratorio (Chapter 1 phase 1)

    โอ้ตอนแรกมาลงแล้ว~~~! ตอนแรกคงเป็นตอนปูพื้นเรื่องสินะ
    อ่านแล้วได้อารมณ์สบายๆดีแฮะ นึกภาพตามเรื่องออกเลยว่าตัวละครตัวไหนเป็นยังไง
  5. choco

    choco Interpreter

    EXP:
    65
    ถูกใจที่ได้รับ:
    5
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: [ฟิครับสมัคร]An Oratorio (Chapter 1 phase 1)

    หั่นเป็นช่วงๆรึนี่ น่าลองทำบ้างแฮะ...( *-* )+ <(แต่ก่อนอื่นต้องเขียนฟิคก่อน - -'')

    ~จะติดตามตอนต่อไปเน้อครับ ( >.<)/
  6. aquafay

    aquafay Member

    EXP:
    97
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    Re: [ฟิครับสมัคร]An Oratorio (Chapter 1 phase 1)

    ไอ้ด้วนเหล็กไหลมาได้ยังไง้ =[]=!!

    ผมแอบสะดุ้งตอนซิกคุง (ขอเรียกในบอร์ดว่างี้เน้อ) แต่งถึงความคิดของอควาเฟย์ตอนตื่น ที่บอกว่า "ต้องฆ่ามัน ต้องฆ่ามันให้จงได้" ...เพราะประโยคเหมือนกับเหมือนกับในฟิคที่ผมแต่งถึงอควาเฟย์เล่นๆ เลย =[]=!! (ลบไปจากเครื่องแล้ว เพราะนึก plot ต่อไม่ได้) ใจเราตรงกันนะ ว้าย = =,, *โดนซิกคุงกระทืบ "อย่านะเว้ย!! หลอน!!!"*

    ตอนนี้เป็นแค่ตอนแรก... แถมเป็นแค่ "เสี้ยว" ของตอนแรกอีก ฉะนั้น เลยยังไม่ค่อยรู้อะไรมากอะเนอะ แต่สำนวนดีครับผม อ่านได้ลื่นดี

    รอตอนต่อปาย...
  7. logon

    logon New Member

    EXP:
    59
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [ฟิครับสมัคร]An Oratorio (Chapter 1 phase 1)

    อ่านเพลินๆเจอมุขประตูแก่นแท้ที่เหวอเลย กร๊ากกกกกกกกก
    ต้นๆเหมือนจะจริงๆจัง ทำไมหลังๆรั่วซะล่ะครับ 55555
    แต่อ่านเพลินดีนะ บรรยายยังลื่นเหมือนเคยแฮะซิก - -b นับถือๆ

    ปล. ผมเป็นพระเอกสินะ - -+

    /me ยืนอกเก็กก่อนโดนเหยียบ
  8. derick

    derick Member

    EXP:
    339
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: [ฟิครับสมัคร]An Oratorio (Chapter 1 phase 1)

    -*- หมาเป็นพระเอกเหรอ?....... *เหล่มอง* รับไม่ได้ว่ะ - - *โดนถีบ*

    555...บรรยายลื่นครับ แอบเห็นด้วยว่าแรกๆมันจริงจังทำไมหลัง ๆ มันรั่วกร๊ากกกกกกกกก

    รอตามต่อ ๆ
  9. alladiya

    alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

    EXP:
    1,207
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: [ฟิครับสมัคร]An Oratorio (Chapter 1 phase 1)

    อย่าเรียกชั้นว่าเจ้าเปี๊ยกนะเฟ้ย~~~~~~~~~~!!!! [action]Yukihime : รู้สึกว่าจะผิดมุขนะ นั่นน่ะ[/action]

    ตอนแรกมาแล้ว~~>< มุขเล่นเอาสำลักได้ คิดถึงเอ็ดวุ้ย ( อย่านอกเรื่องสิ - -)
    ชอบการบรรยายจังเลยค่ะ แสดงอารมณ์ได้ดี
    อยากรู้จังเน้อ ว่าคนเขียนจดหมายนี้เป็นใคร
  10. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    Re: [ฟิครับสมัคร]An Oratorio (Chapter 1 phase 1)

    ลงตัวดีนะครับระหว่างบรรยากาศแฟนตาซีสบายๆสไตล์โซนาเร่(มันเป็นยังไงวะ??)กับปมลึกฝังใจของตัวละครที่ดูจะซีเรียส แต่ใจจริงผมแอบนึกให้มันซีเรียสกว่านี้นะเนี่ย ชอบอะไรแบบนั้น (ซิก- โรคจิตรึไงเพ่อีวาน)

    ฉากในเรื่องสวยมาก โดยไม่ต้องบรรยายเลิศหรู นับว่าไม่เลว เปิดมาองก์แรกปมก็ซับซ้อนจนคนอ่านสมองฝ่อๆอย่างผมตามไม่ค่อยทัน ว่าตกลงเฟย์กับคาซมีอะไรฝังใจขนาดนั้น แต่ก็พอจะเดาได้แล้วล่ะว่าอะไรเป็นตัวนำพาทุกคนมาพบเจอกันได้ จริงๆแล้วไม่น่าเชื่อเลยว่าบุคลิกอย่างอควาเฟย์จะมีปมแค้นรุนแรงขนาดนั้น เพราะดูเป็นคนร่าเริงสายๆ อาชีพเหมือนนักเดิทางเร่ร่อนเลย

    ผมเองเพิ่งคิดไปเมื่อวานนี่เองเรื่องแบ่งฟิคออกเป็นเฟสเล็กๆ แต่ดูๆไปถ้าผมทำแบบนั้นผมน่ะแหละจะดองเอง ไม่นึกว่าเราคิดตรงกันนะเนี่ย (แต่ผมคิดก่อน ผมชนะ /me โดนถีบ) คิดเหมือนยูกิฮิเมะคุงนะครับ ว่าใครนะที่เขียนจม.มา
  11. kumi

    kumi Active Member

    EXP:
    805
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    Re: [ฟิครับสมัคร]An Oratorio (Chapter 1 phase 1)

    พรืดดดด....ตาถั่วแดงโผล่มาไงน่ะเหอ =[]="""

    สักพักเอามีน้องงอกด้วยนะ จะได้อยู่คู่ประสาตระกูลถั่ว(???)

    [action]เล่นมุขอะไรของฉันวะเนี่ย....[/action]

    บรรยายสั้นได้ใจความจิ้นภาพออกเหมือนเดิม ปกติปิ๊กกี้ก็เขียนฟิคดีอยู่แล้วล่ะ เพียงแต่...สั้นไปหน่อยนะเง้อ = A ="" ไอ้ไอเดียเขียนเป็นซีนมันก็ดีหรอก แต่บางทีมันจิ้นเรื่องราวคร่าวๆ ไม่ค่อยจะออก (พวกชอบจิ้นต่อเอง ฮา...)

    ว่าแต่ในจดหมายนั่นใครส่งมากันหว่า = A =~

    เขียนต่อเร็วๆ ล่ะเน้อ อย่ารีบดองเร็วนักนะ อ่านอยู่

    (เรื่องที่แล้วรู้สึกกี่ตอน..3 ป๊ะ?? เรื่องนี้เอาให้เกิน 3 นะ จะได้รู้สึกว่าพัฒนา ฮ่าฮ่าฮ่า!!)

    [action]โดนคนเขียนกระทืบแบนติดดิน!!![/action]

    P.S. ว่าแต่ทำไม Genre เรื่องมันเยอะจังฟะ....เรื่องนี้ครบทุกแนวเลยว่างั้นเต๊อะ~
  12. angelgirl

    angelgirl New Member

    EXP:
    69
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [ฟิครับสมัคร]An Oratorio (Chapter 1 phase 1)

    ไอ้ด้วนเหล็กไหลกับประตูแก่นแท้ =[]=!! คิดไปได้นะคะเนี่ย (แต่คนไม่เคยอ่านFMAคงไม่เก็ท)

    บรรยายได้งดงามเหมือนเดิมนะคะ แต่ตอนเจอมุขเข้าไปทีนี่แบบว่า... อึ้งค่ะ แต่ก็ทำให้บรรยากาศในฟิคดูผ่อนคลายลงนะคะ

    ว่าแต่ แบ่งแต่ละตอนเป็นเฟส ไหนๆก็ไหนๆ เรื่องมันออกแนวดนตรี แทนที่จะแบ่งเป็น phase ก็แบ่งเป็น movement (ท่อน) เลยจะดีมั้ยคะ แล้วเขียน chapter แทนด้วย opus (เอิ้กๆๆ เอาเข้าไปใหญ่แล้ว)

    จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ อย่าดองล่ะ^^
  13. l2eenai2y

    l2eenai2y New Member

    EXP:
    533
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [ฟิครับสมัคร]An Oratorio (Chapter 1 phase 1)

    Parody!!

    =[]=

    อารมณ์ได้ฟีลลิ่ง!

    แต่อ่านๆไปเหมือนจะรู้สึกได้ถึงออร่าYอันเบาบาง
    [action]GrezZZ อย่าวิ่งมาทางนี้!![/action]
  14. Jinx

    Jinx New Member

    EXP:
    58
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [ฟิครับสมัคร]An Oratorio (Chapter 1 phase 1)

    เอ๊ะ อ่านแล้วมันออกกลิ่น Y ชอบกล...หรือว่าเราคิดไปเอง?
  15. Siegfried

    Siegfried Member

    EXP:
    69
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    Re: [ฟิครับสมัคร]An Oratorio (Chapter 1 phase 1)

    Chapter 1 : เพลงโหมโรงแห่มไฮเดิร์น
    phase 2




    คาห์ซานย่างเท้ากลับไปตามเส้นทางเดิมที่เขามา เสียงของเฟย์ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเขาไม่ไปไหน ราวกับใจของเขาเองก็ต้องการคาดคั้นเอาคำตอบจากตัวเองเช่นกัน


    ‘ว่าแต่แกเหอะ จะเอายังไง จะทำตามที่จดหมายนั่นบอกไหม’

    ‘นั่นสิ..... ไม่รู้เหมือนกัน’



    นั่นคือคำตอบที่เขาใช้เวลาครุ่นคิดอยู่นาน ไม่รู้เหมือนกัน..... ไม่รู้ ไม่รู้อะไรเลยแม้แต่อย่างเดียวว่าจะต้องทำยังไงต่อไป ราวกับหลงทางอยู่ในป่าวงกต
    หลงทางมาตั้งแต่ 2 ปีก่อนแล้ว........
    ตั้งแต่เธอหายตัวไปหายไปจากหอคอยสูงเสียดฟ้าที่ไม่มีใครกล้ำกรายได้ ไม่มีปีศาจตนใด ไม่มีมนุษย์คนไหน ขึ้นไปบนนั้นได้แท้ๆ ทั้งที่ไม่มีใครแตะต้องเธอได้แท้ๆ


    เฟย์เรีย.......


    ชายหนุ่มหลับตาลง รำลึกถึงชื่อของสาวน้อยผู้หายสาบสูญ
    เรือนผมสีแดงยาวของเธอยังอยู่ ดวงตาสีน้ำตาลอมแดงดุจใบไม้แห้งยามหลุดร่วงจากต้นยังไม่เลือนหาย
    ร่างเล็กที่ต้องสวมชุดพิธีการสีขาวทั้งร่างด้วยความไม่เต็มใจ ยังคงอยู่ในความทรงจำ


    ความมืดในห้วงความคิดเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสถานที่แห่งความทรงจำ
    ต้นไม้ใหญ่ สายลม สาวน้อยผมแดง และเสียงเพลง
    เธอยืนอยู่ ณ ที่ตรงนั้น
    ขับร้องบทเพลงที่ดังแว่วไปตามสายลม
    บทเพลงแสนไพเราะ
    บทเพลงละมุนละไม
    บทเพลงที่สร้างแสงสว่างระยิบระยับรอบกายของสาวน้อย ดุจดั่งภูตพรายรายล้อม


    เด็กชายยืนฟังอยู่อย่างเงียบๆ ห่างไกลจากต้นไม้ต้นนั้นพอสมควร
    เด็กชายมีสองคน คนหนึ่งคือคาห์ซาน อีกคนคืออควาเฟย์
    เด็กหญิงคือ เฟย์เรีย


    เสียงเพลงเงียบลง กลายเป็นเสียงเอ็ดตะโรของสาวน้อยดังกระแทกลมเข้าหูพวกคาห์ซานแทน

    “นี่!! เฟย์ไม่ชอบให้ใครมาแอบฟังนะ! ไปให้พ้นป๊าย!”

    “หา!? อะไรนะยัยเปี๊ยก แค่นี้ทำงกเหรอ!”
    อควาเฟย์น้อยสวนกลับ พลางวิ่งเข้าไปกดหัวยัยเปี๊ยกเล่นอย่างสนุกสนาน

    “อี๊ ไม่เอานะ เฟย์ไม่ชอบนาย เพราะนายชื่อเหมือนเฟย์!”
    เธอโวยวาย แต่ด้วยความตัวเล็กกว่าจึงสู้แรงเด็กผู้ชายไม่ได้ซักที เด็กผู้ชายอีกคนที่มาด้วยกันจึงจับทั้งคู่แยกออกจากกัน

    “ไม่เอาน่า จะแกล้งกันไปทำไมเล่า ขอโทษนะเฟย์เรีย พวกเราแค่บังเอิญได้ยินเท่านั้นเอง”

    “คาซน่ะเฟย์ไม่ว่าหรอก แต่ทำไมนายนี่ต้องมาด้วย”
    เด็กน้อยชี้นิ้วไปยัง ‘เจ้านี่’ อย่างไม่สุภาพ

    “ลำเอียงนี่หว่า!? แบบนี้มาเจอกันเลยเซ่ มาเลย”

    “อี๊! อย่ามาจับเฟย์นะ แค่ชื่อเหมือนกันก็น่ารังเกียจพอแล้ว!”


    เด็กทั้งสองวิ่งไล่จับกันอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยมีคาห์ซานเป็นหลักกิโลตรงกลาง
    เฟย์เรียเป็นโซนาเร่ที่สามารถร้องเพลงได้ไพเราะอย่างที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้ ปัจจุบันโซนาเร่มีจำนวนมากพอๆ กับมนุษย์ กลมกลืนอยู่ในสังคมเดียวกันอยู่ทั่วไปจนแยกจากกันไม่ได้


    มนุษย์อาศัยเพลงของโซนาเร่ในการทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย เนื่องด้วยเพลงของพวกเธอมีพลังพิเศษที่สามารถทำให้มนุษย์มีขีดความสามารถเกินขีดจำกัดของตัวเองได้ ส่วนโซนาเร่ก็ต้องอาศัยความรักและประสบการณ์จากมนุษย์ในการค้นหาบทเพลงใหม่ๆ ของตัวเองเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป


    น่าเศร้านักที่ถ้าหากว่าพวกเธอไม่สามารถร้องเพลงได้ พวกเธอก็จะตาย......


    เฟย์เรียเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เป็นหนึ่งในโซนาเร่ที่ต้องร้องเพลงเพื่อมีชีวิตอยู่ แต่เธอเป็นคนมีความสามารถในการร้องเพลงสูงมาก อายุเพียงแค่สิบสามปีก็สามารถร้งเพลงใหม่ๆ ได้หลายเพลงนอกจากลัลลาบายที่เป็นเพลงพื้นฐานได้แล้ว แถมยังวิเคราะห์ได้รวดเร็วแม่นยำว่าสถานการณ์ไหนต้องร้องเพลงอะไร
    เรียกว่าเก่งหาตัวจับได้ยาก
    เพราะอย่างนั้นเรื่องนั้นถึงได้เกิดขึ้น....... เมื่อตอนที่เฟย์เรียอายุได้ 14 ปี



    ลูกดอกสั้นพุ่งผ่านหัวอควาเฟย์ไปเสียบกับต้นไม้ข้างหลัง เด็กชายซึ่งบัดนี้กลายเป็นเด็กหนุ่มถึงกับเข่าทรุดลงไปนั่งกองกับพื้น ในดวงตาของเขาแสดงความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
    หวาดกลัวต่อบุคคลที่อยู่ตรงหน้าซึ่งในมือมีหน้าไม้พร้อมลูกดอกพร้อมยิงอีกดอกใส่เตรียมไว้เรียบร้อย
    บุคคลซึ่งเมื่อก่อนเป็นเพียงเด็กหญิง บัดนี้เธอโตเป็นสาวแล้ว


    “ใจเย็นๆก่อนสิเจ๊ เล่นปืนผาหน้าไม้นี่มันอันตรายนา พ่อแม่รู้เข้าเสียใจโคตรๆ เลยแน่ๆ เจ๊ว่าป่าว....”

    “ไม่รู้ย่ะ”
    เด็กสาวผมสีแดงนามเฟย์เรียคัดบทง่ายๆ ก่อนจะเล็งหน้าไม้ไปยังเด็กหนุ่มที่นั่งตัวสั่นข้างล่าง เธอตีหน้ายักษ์น่ากลัวพอๆ กับลูกดอกบนหน้าไม้เลยทีเดียว

    “นี่เจ๊ ถ้ายิงแล้วต้องมีปัญหาแน่ๆ เลยนะ กรูว่าต้องมีปัญหาแน่ๆ! ปล่อยผมไปเถอะ!”

    “ไม่.... เมื่อก่อนนายแกล้งเฟย์ไว้เยอะ คราวนี้เฟย์จะเอาคืนบ้าง”
    นิ้วของสาวน้อยเริ่มเหนี่ยวไกช้าๆ น้ำหนักที่กดลงไปเพิ่มทีละน้อยย่างน่ากลัวจนอควาเฟย์อดระเบิดเสียงร้องเอาไว้ไมได้



    “ตาย......”

    “ม่ายยยยยยยยยยยย!!!”



    “เฟย์เรีย ใจเย็น!!!!!!!!!!!!!!!!!”



    คาห์ซานตะโกนพร้อมกับกระโดดเข้ามาคว้าตัวเฟย์เรียเอาไว้ ลูกดอกจึงพลาดเป้าพุ่งไปเสียบต้นไม้ข้างหลังเหมือนลูกแรกที่ยิงออกไป อควาเฟย์จึงรอดตายฉิวเฉียด


    “นี่ ทำอะไรน่ะ! ถ้าโดนกันจริงๆ จะทำยังไงเล่า!?”
    เด็กหนุ่มตาสองสีต่อว่าเฟย์เรียระว่างที่กำลังกดเธออยู่กับพื้น เพื่อป้องกันไม่ให้เฟย์เรียลุกขึ้นมาเจาะรูบนหัวของอควาเฟย์เพิ่มอีกหนึ่งรู

    “ฮึ... เฟย์ก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้โดนซักหน่อย....”

    “ให้ตายสิ....”


    คาห์ซานบ่น พลางฉุดสาวน้อยให้ลุกขึ้นมานั่ง
    ก็เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่นะ........ แต่ว่าในวันนี้แหละที่มันจะเปลี่ยนไป


    “คุณคือเฟย์เรีย รูจใช่ไหมครับ”


    เสียงของชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งทักเฟย์เรีย ท่ามกลางความฉงนของพวกเรา
    ชายพวกนั้นสวมเครื่องแบบทหารสีน้ำเงินของอาณาจักร มีตรารูปเปียโนสีทองปักอยู่บนผ้าคลุมไหล่ซ้ายซึ่งยาวถึงหน้าขา สวมหมวกทรงสูงมีปีกสีดำ


    “เรามารับคุณในฐานะโซนาเร่แห่งโอราโทริโอ นี่คือสารบัญชาครับ”
    พวกทหารยื่นม้วนกระดาษอะไรบางย่างให้กับเฟย์เรีย และหลังจากนั้น พวกเราก็ไม่ได้พบกับเธออีกเลย
    แต่ก็สัญญากันไว้ว่าจะต้องพบกันอีกให้ได้


    จนกระทั่ง........ เวลาล่วงเลยผ่านไปได้หลายปี


    ชายหนุ่มลืมตา ออกจากห้วงแห่งความคิด
    ใบหน้าของสาวน้อยหายไป เสียงของสาวน้อยหายไป
    แต่ชื่อของเธอยังคงอยู่


    วันวานที่ไม่มีวันหวนคืน คิดถึงไปก็ยิ่งมีแต่จะทำให้หัวใจเจ็บปวดเท่านั้น
    สู้ลืมไปเสียยังจะดีกว่า แต่..... คิดจะลืมยังไง มันก็ยิ่งหยั่งรากลึกมากขึ้นเท่านั้น ไม่มีวันลบทิ้งไปได้


    ถูกลืมเลือน ถูกทอดทิ้ง
    ตัวตนที่ค่อยๆ หายไป.....


    พลันสายตาก็ไปสะดุดกับชายหนุ่มผมสีน้ำเงินสั้นที่กำลังแบกของพะรุงพะรัง เขาคนนั้นสวมผ้าคลุมกันแดดสีน้ำตาลยาวจรดพื้น แบกกระเป๋าใบใหญ่ไว้กลางหลัง ใบหน้าเคร่งขรึมที่ดูกี่ทีก็ไม่เปลี่ยนไปเลย


    “นาย! เรเวน!” คาห์ซานร้องทัก อีกฝ่ายที่ได้ยินเสียงจึงหันมามอง “นายกำลังจะไปไหนน่ะ!?”

    “อ๋อ คาห์ซานเองงั้นหรือ ฉันกำลังจะเดินทางน่ะ”

    “เดินทาง?? ไปไหน”

    “ไปอาณาจักรซีนี่ พอดีมีงานด่วนเข้ามา”
    เรเว่นบอก พลางคอตกถอนหายใจ ตัวของเขาดูเหมือนงอไปครึ่งหนึ่งเพราะความใหญ่และความหนักของสัมภาระ

    “งั้นเหรอ... ท่าทางจะลำบากนะ”
    คาห์ซานพูด ส่งยิ้มแห้งๆ ให้หลังจากมองสำรวจดูสัมภาระที่เรเวนแบก เรเวเองก็เหนื่อยใจไม่แพ้กัน เขาจึงบ่นออกมา

    “ก็ไม่เท่าไรหรอก ยังไม่มีรถไฟข้ามอาณาจักร ก็ลำบากนิดหน่อย”

    “งั้นรึ... คงลำบากจริงๆ นั่นแหละ”

    “อืม ลำบากอยู่เหมือนกัน แต่เห็นว่าช่วงนี้ชาวบ้านลำบากกว่า พืชผลหลายไร่ไม่ออกผลตามฤดูกาล ดินเริ่มแห้งแล้ง ไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น”


    หายนะ......


    คำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของคาห์ซาน หายนะกำลังเริ่มคืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆแล้ว เพราะไม่มีเฟย์เรียคอยร้องเพลงกล่อมเจ้าอสูรที่อยู่บนฟ้า หายนะจึงกำลังเกิดขึ้น


    เริ่มแล้วสินะ..... เพลงโหมโรง


    “เอาเถอะ นายเองก็รักษาตัวด้วยล่ะ คาห์ซาน”
    เรเว่นบอกลา ก่อนจะเดินจากไป คาห์ซานทำได้แค่เพียงโบกมือกลับและมองเขาเดินจากไปโดยที่บอกอะไรไม่ได้


    แม้จะไม่ได้สนิทกันมากแต่เขากับเรเวนก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ เคยเล่นด้วยกันอยู่หลายหนอยู่
    เรเว่นเป็นเด็กเงียบๆ ถึงจะอยู่ด้วยกันในกลุ่มเพื่อนๆ เขาก็ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ความรู้สึกซักเท่าไรนัก ถึงอย่างนั้นคาห์ซานก็รู้ว่าเขาเป็นคนที่มีความตั้งใจสูงมาก


    เรเว่นเอง..... ก็ก้าวเดินออกไปแล้ว


    อควาเฟย์ก็ออกเดินทางเพื่อตามหาตัวเอง ทุกคนต่างก็เริ่มออกเดินในเส้นทางของตัวเอง แล้วเขาล่ะ จะทำเช่นไร?
    ทุกวันทำได้แค่ฝังอดีตเอาไว้กับตัวเอง หายใจทิ้งไปวันๆ เป็นแบบนี้ต่อไปจะดีรึเปล่านะ


    คาห์ซานกลับมาที่บ้านของตัวเอง เปิดลิ้นชักหยิบของบางอย่างออกมาดู
    มันเป็นเข็มกลัดสีเงินรูปไวโอลินคล้ายวิโอล่าของเฟย์ ข้างหลังสลักชื่อของเขาเอาไว้เช่นกัน ‘Kahsan crocx’
    เขาเอามันมาวางคู่กับจดหมายลึกลับ ซึ่งทั้งสองถูกวางเอาไว้บนโต๊ะ
    เขาถอยออกมาให้ห่างจากพวกมัน ก่อนจะจ้องมองราวกับกำลังชั่งใจ
    บางทีอาจจะถึงเวลาของเขาแล้วก็ได้ ที่จะต้องค้นหาอะไรบางอย่างอะไรบางอย่างที่ว่า จะเป็นสิ่งที่ยืนยันความมีตัวตนของเขาเช่นกัน


    “ใช่ไหม..... เฟย์เรีย”


    + + + + + + + + + + + +​


    Character

    Khazan Croxz - Zan~Naz
    Aquafay Von Athalius - - AQUAFAY -
    Fayria Rouge - IgNiTeD
    Raven Terrordeath - MaxlanceR : Hyper Mode!!



    Free talk

    กราบสวัสดีมิตรรักนักอ่านทุกท่านครับ
    อัพอย่างว่องไวแล้วครับ เพราะตุนไว้ได้เพิ่มอีก 1 ตอน ก็เลยมาอัพไว้
    ตอนผมเขียนเฟส 3 ซึ่งก็ยาวเอามากๆ ผมก็ฉุกคิดว่า เอ๊ะ ฟืคเรื่องนี้มันก็สั้นเหมือนกันนะ
    เพราะเอาจริงๆ ถ้าผมไม่แบ่งเป็นเฟส
    แต่ลงโครมเดียวทีละ 1 ตอนเลย แค่ประมาณตอน 2-3 ตัวละครก็ออกครบเกือบหมดแล้วล่ะครับเชื่อไหม=_="
    ผมก็คิดๆ อยู่ว่าถ้าไม่ยืดไอ้เรื่องนี้มันจะมีไปถึง 10 ตอนหรือเปล่าเนี่ย ฮาๆๆๆ
  16. aquafay

    aquafay Member

    EXP:
    97
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    Re: [ฟิครับสมัคร]An Oratorio (Chapter 1 phase 2/Update 05/12/51)

    อ่านแล้วนะครับผม

    ...เฟย์เรียน่ากลัว /T[]T\ หายๆ ไปนั่นแหละดีแล้ว!!! *โดนลูกธนูเสียบคอตายทันใด*

    เข้าเรื่องๆ เฟสนี้มีอะไรเข้ามาให้คิดเยอะขึ้นเลย อ่านบรรทัดสุดท้ายแล้วรู้สึกว่า... คาห์ซานเองก็กำลังจะออกเดินทางเหมือนกันแหะ การออกเดินทางของเขาคงจะเป็นเหมือนการเริ่มต้นจริงๆ ของเรื่องล่ะนะ ^^" (หรือจะบอกว่าเรื่องเริ่มตั้งแต่ตอนเฟย์เรียหายตัวไปหว่า...)
  17. derick

    derick Member

    EXP:
    339
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: [ฟิครับสมัคร]An Oratorio (Chapter 1 phase 2/Update 05/12/51)

    กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก ฮาอ่ะ แอบรั่วดีแท้ เฟย์นั้นเฟย์นี้และเฟย์นี้ เฟย์นั้น 55555

    ยังบรรยายได้ลื่นไหลเช่นเดิมครับ จะเริ่มต้นเรื่องราวจริง ๆ แล้วสินะ?
  18. l2eenai2y

    l2eenai2y New Member

    EXP:
    533
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [ฟิครับสมัคร]An Oratorio (Chapter 1 phase 2/Update 05/12/51)

    ปีนี้ปี 50 ครับ ยังไม่ถึง 51 *0*!!
    ไปซื้อของแปรบ อ่านแล้วจะมาอีดิธนะ
  19. jenovasung

    jenovasung Member

    EXP:
    152
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: [ฟิครับสมัคร]An Oratorio (Chapter 1 phase 2/Update 05/12/51)

    นั่น......กะฆ่ากันเรอะนั่น อุ๊ย....นึกว่าจตัวละครตายซะเเล้วนะเนี่ยT[]T


    เพิ่งจะมาอ่านนะเราเนี่ย....เฮอะ...2phaseรวดเลย
    /me โดนเจ้าของกระทู้เหยียบ...
  20. train

    train Member

    EXP:
    498
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: [ฟิครับสมัคร]An Oratorio (Chapter 1 phase 2/Update 05/12/51)

    พอเห็นเม้นท์ของคุณสตรีสีเลือดแล้วก็เหลือบมองหัวกระทู้ เออจริงด้วยแฮะ แอบรั่วนะซิิกกี้ กร๊าก 555+
    ที่แท้เฟย์เรียคือโซนาเร่ที่หายตัวไปน่ะเอง แสดงว่า เฟย์เรียเป็นนางเอกสินะ Oo!!!

    มีแต่ชายหนุ่มเดินทางจะไปช่วยแฮะ เฟสหน้าคงจะถึงเวลาเริ่มเรื่องจริงๆแล้วสิ (ที่ผ่านมาแค่น้ำจิ้มนำร่องสินะ?)
  21. Siegfried

    Siegfried Member

    EXP:
    69
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    Re: [ฟิครับสมัคร]An Oratorio (Chapter 1 phase 2/Update 05/12/51)


    เออเฮ้ย ก๊ากกกก ไม่ทักไม่เห็นนะเนี่ย พูดจริงๆ เลยเอ้า
    สงสัยรีบไปหน่อยเลยเผลอกดเลข 1 ไป ใจมันไปอยู่ปีหน้าแล้ว ก๊ากกกกก
  22. Hell

    Hell Member

    EXP:
    405
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: [ฟิครับสมัคร]An Oratorio (Chapter 1 phase 2/Update 05/12/50)

    โฮ้ตอนใหม่มาลงแล้ว ~~~~~! งึมจบตอนนี้ก็จะเป็นการเริ่มต้นเรื่องราวจริงๆแล้วสินะ
    ตกลงเฟย์เรียคือนางเอกสินะ โหดใช่เล่นเลย(ฮา)
  23. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    Re: [ฟิครับสมัคร]An Oratorio (Chapter 1 phase 2/Update 05/12/50)

    อิมเมจเฟเรียไม่เหมือนโซนาเร่เลยฟร่ะ =A=! โหดบรรลัย ผมชอบตรงซิกใช้คำว่า "หลักกิโล" ทำให้เห็นภาพคาซยืนกลางแล้วสองคนนั่นก็ อะเ้ย้ๆๆๆ รอบๆคาซอย่างสนุกสนาน น่ารักมาก ><b

    สิ่งที่ผมมองเห็นแล้วไม่เข้าใจในตอนนี้คือ ทำไมการสูญเสียโซนาเร่อย่างเฟเรียไปคนเดียวก่อเกิดหายนะได้ขนาดนั้น ทั้งๆที่ซิกก็บอกว่าโซนาเร่มีอยู่ทั่วแผ่นดินพอๆกับมนุษย์ อย่าบอกนะครับว่าเฟเรียคนเดียวที่ร้องเพลงได้ = =" คำว่าหายนะดูใหย่เกินไปกับการหายไปของเด็กสาวคนเดียว ผมรู้สึกยังงั้นนะ

    การบรรยายตอนนี้ผมยังต้องตามให้ทันอย่างมึนงง @@ เพราะเป็นฉากตัดไปตัดมามาก แต่ก็เป็นฟิคที่มีสเน่ห์แปลกๆ ยิ่งซ่อนปมเยอะยิ่งน่าตามอ่าน ยิ่งผมวิจารณ์ตัวละครมากผมยิ่งชอบตามดู พยายามเข้านะซิกคุง (ว่าแต่ไฟแรงจริงๆแฮะ)
  24. maxlancer

    maxlancer ประธานรุ่น2ตุรกีเชียงใหม่

    EXP:
    1,183
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: [ฟิครับสมัคร]An Oratorio (Chapter 1 phase 2/Update 05/12/50)

    โอ้!! ไม่ได้เข้ามาดูเลย ช่วงนี้จะสอบมิดแล้ว^^

    ขอเซฟไปอ่านก่อนละกันน่ะครับ คราวหน้าจะมาเม้นท์ให้ละเอียดครับ

    /me เฮเล็กน้อย ตัวข้าน้อยได้ออกแว้ว
  25. PaiaAznable

    PaiaAznable มนุษย์ตู้ปลาช้ำรัก

    EXP:
    744
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    Re: [ฟิครับสมัคร]An Oratorio (Chapter 1 phase 2/Update 05/12/50)

    อูย..... ไม่ได้มาเข้าบอร์ดทีออกมาสองเฟสเลยเหรอเนี่ย [action]บักไพเป็นมึน[/action]

    มีแทรกมุขด้วยแฮะ 555+ [action]ไอ้ด้วนเหล็กไหล....มาได้ไงละนั่น 555+ >w<"[/action]

Share This Page