Wayfarer Tales: Aquafay Von Athalius

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย aquafay, 4 ธันวาคม 2007.

  1. aquafay

    aquafay Member

    EXP:
    97
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    นิทานผู้พเนจร


    ภาค ภูตแห่งสายน้ำ


    ***PROFILE: AQUAFAY VON ATHALIUS

    .
    .
    .
    .
    .
    “พันธะสัญญาที่ถูกลืม”

    ปฐมบท







    0: Prelude





    _______เจ็บ เจ็บเหลือเกิน


    _______คำโอดครวญนี้ดังก้องในห้วงคิด ทว่ากายอันอ่อนแรงมิอาจกระทั่งจะเปล่งเสียงโหยไห้ออกมา ร่างของเขาถูกฉีกเฉือนจนแหลกเหลวเป็นชิ้น ท่ามกลางซากศพนับพันนับหมื่นของเพื่อนร่วมเผ่าพงศ์ เนื้อสีอ่อนฉีกขาดกระจาย เห็นหัวใจสีแดงเถือกเต้นรัวอยู่หลังซี่โครงขาว ดิ้นรนประคับประคองชีวิตที่เหลืออยู่น้อยนิดให้อยู่รอด ดวงตาสีน้ำเงินเบิกโพลง กลิ้งกลอกไปมาในเบ้าที่เลือดคั่ง คล้ายเจ้าตัวพยายามหาฟางเส้นสุดท้ายเพื่อยึดเหนี่ยวชีวิตไว้ให้คงอยู่ ทว่าภาพที่เห็นกลับมีเพียงสีเพลิงพร่าเลือน ฉับพลันนั้น ชายหนุ่มสำนึกได้ว่า... มรณาเยือนตนทุกลมหายใจ




    _______แขน และท่อนล่างของข้าเล่า หายไปไหนเสียแล้ว




    _______เขาไม่ได้คิดอยากขยับตัว เพียงแค่โหยหาตัวตนของอวัยวะที่คุ้นเคยเท่านั้น


    _______เงาหนึ่งบดบังแสงอาทิตย์ที่แผดเผากายของเขา ปากขยับเอ่ยอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มไม่เห็นปากของมันหรอก อย่าว่าแต่ปาก กระทั่งใบหน้า เขายังไม่เห็นเลย ดวงอาทิตย์ล้อกับสายตาของเขา แสงเปี่ยมไอร้อนระอุสาดส่องจากเบื้องบน ส่งให้ร่างสูงทั้งร่างเป็นเพียงเงามืดมน กระนั้น เขาก็รู้ว่าเงานั้นกำลังพูดอะไรกับเขาอยู่


    _______และในวินาทีนั้นเอง เพลิงแค้นปะทุพุ่งพล่านในจิตใจ ความอาฆาตเปี่ยมล้นในดวงตาสีน้ำเงิน ความอาฆาตที่แทบจะเผาปฐพีทั้งผืนให้ลุกเป็นไฟ




    ต้องฆ่าให้ได้


    ต้องฆ่ามันให้ได้


    ต่อให้ต้องแลกอะไร ต่อให้ต้องเสียอะไรไป


    ข้าต้องฆ่ามันให้ได้!







    _______แล้วรอบข้างก็พลันดับวูบ


















    1: Awakeness



    _______เขาตื่นขึ้น


    _______แค่การผวาตื่นจากฝันก็เป็นเรื่องไม่น่าภิรมย์เสียแล้ว เพราะชายหนุ่มกลืนน้ำเย็นยะเยือกเข้าไปอึกใหญ่จนสำลัก เขาพรวดพราดลุกจากน้ำ แล้วก็ต้องเสียใจกับการกระทำของตนอย่างใหญ่หลวง เมื่อความเจ็บแล่นตั้งแต่ศีรษะจนปลายเท้า ร่างสูงโก่งโค้งลง ปากร้องครางอย่างเจ็บปวด


    _______เขาพาตนเองออกจากสายธารได้สำเร็จ ยามนั้นแสงแดดกำลังแผดเผาจากฟากฟ้า พอออกจากน้ำเย็นมาเจออากาศร้อนระอุแบบนี้ ก็ทำให้รู้สึกปานไข้จะขึ้น



    _______ที่นี่ ที่ไหนกัน




    _______คิดในใจอย่างอ่อนแรง พลางกวาดตามองไปรอบด้าน ทั้งสี่ทิศเต็มไปด้วยพฤกษานานาพรรณ ไม้ใหญ่ขึ้นเบียดเสียดแน่นหนา บริเวณที่เขานั่งอยู่เป็นลานหินที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เบื้องหน้าเขา ธาราหลั่งไหลจากต้นธารที่เป็นน้ำตกสายใหญ่ เสียงครึกโครมของน้ำตกดังกระทบโสต นอกจากเสียงน้ำตก ก็มีเสียงนก เสียงแมลง เสียงหัวร่อต่อกระซิกของสายธาร คล้ายภูตพรายที่สถิตอยู่ในนั้นขบขันท่าทางเป๋อเปิ่นของเขา ไกลออกไป พฤกษาชราถอนหายใจเฮือกใหญ่


    _______และจังหวะที่สรรพเสียงแผ่วหาย ชายหนุ่มก็ได้ยินถ้อยคำกระซิบของสายลมอยู่ข้างหู




    เจ้ามาไกลมาก สหายรักของข้า





    _______เจ้าของเนตรสีไพลินนิ่งงัน งุนงงสับสน เขาได้ยินเสียงเหล่านี้ได้อย่างไรกันหนอ? ชายหนุ่มคอยให้เสียงกระซิบนั้นดังขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ยินอะไรอีก












    _______เมฆคงเคลื่อนเข้าบดบังดวงอาทิตย์ เพราะแสงสีทองอ่อนลง กระแสลมเย็นพัดต้องผิวหนัง ชายหนุ่มแหงนหน้ามองฟ้า ฟ้ากระจ่างใส มีเมฆเพียงเบาบาง แต่เขากลับรู้ว่า ฝนจะตกในทันทีที่ดวงตะวันลับหาย เขาอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้ ชายหนุ่มก้มลงสำรวจตนเอง ทั้งร่างของเขาโชกไปด้วยเลือด

    _______ไม่ใช่เลือดของข้าแน่ ความคิดนี้ผ่านเข้าสู่หัวสมอง เขาเจ็บทั้งเนื้อทั้งตัวก็จริง แต่บาดแผลที่มีอยู่คงไม่ถึงขนาดทำให้เลือดออกเยอะถึงปานนี้ ชายหนุ่มฝืนกายลุกขึ้น พยายามไม่ใส่ใจความเจ็บร้าวที่เข่าซ้าย เขาเลื่อนสายตาไปมองสายธาราอีกครั้งหนึ่ง ก่อนสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่ต้องแสงเป็นประกาย เขาเก็บมันขึ้น



    _______ขลุ่ยเงินเลาหนึ่งนั่นเอง วินาทีที่มองมัน เขาก็รู้สึกผูกพันกับมันอย่างประหลาด



    _______“เจ้า... เป็นของของข้า” เสียงแหบแห้งด้วยยังไม่ได้พูดอะไรเลยนับแต่ลืมตาตื่น เขาเอ่ยประโยคนั้นออกมาคล้ายพยายามยืนยันตนเองให้แน่ใจ “ใช่แล้ว ข้าได้เจ้ามาจากพ่อมดเทา เจ้าเป็นสีเทา พ่อมดที่ให้เจ้ามาก็เป็นสีเทา ข้าเลยเรียกเจ้าว่า เจ้าเทา ซะเลย แต่นางไม่พอใจมาก นางเขกหัวข้า บอกว่า แค่ข้าชอบทำอะไรบ้าๆ บอๆ ผิดมนุษย์มนาก็ทำให้นางปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว นี่ยังไร้รสนิยมเรื่องการตั้งชื่ออีก”



    _______รอยยิ้มแต่งแต้มริมฝีปากบาง เมื่อหวนนึกถึงท่ายืนเท้าสะเอวของใครบางคน ท่านั้นเป็นเหมือนเอกลักษณ์ของเธอผู้นั้นโดยแท้ เพราะถ้าเธอทำท่าเช่นนั้น หมายถึงเธอกำลังอารมณ์เสียอย่างหนัก และเขาก็เตรียมรับกรรมต่อจากนั้นได้เลย ชายหนุ่มหลับตา พยายามนึกถึงรายละเอียดบนดวงหน้ารูปไข่นั้น แต่ทันทีที่เหมือนจะนึกอะไรออก ศีรษะก็พลันเจ็บแปลบจนเผลอกลั้นหายใจ เขางอตัวลง เจ็บปวดจนเจียนตาย กระทั่งความเจ็บนั้นจางลงจนหายไป ภาพความทรงจำที่เพิ่งจะผ่านเข้ามาเมื่อครู่ก็เลือนหายตามไปด้วย



    _______ทำไมกันนะ



    _______ชายหนุ่มคิดอย่างสับสน



    _______ทำไมกัน ทำไมกัน ทำไมข้าจำนางไม่ได้? นางชื่ออะไร? พอคิดถึงตรงนี้ ความเจ็บที่ศีรษะก็เริ่มแล่นมาเป็นระลอก พร้อมภาพเปี่ยมแสงสีนานาวูบผ่านมโนสำนึก กระนั้น เขาจับรายละเอียดจากภาพเหล่านั้นไม่ได้เลยสักอย่าง


    _______นางชื่ออะไร? ทำไมข้าจะจำชื่อนางไม่ได้? นางมีชื่อที่ข้าโหยหา... เป็นชื่อที่ข้ารัก...



    _______แล้วข้าล่ะ?



    _______คำถามหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในห้วงคิด ชายหนุ่มชะงักงัน เรียวเนตรสีน้ำเงินประหนึ่งไพลินนั้นเบิกกว้าง ความว่างเปล่าอยู่ในดวงตาคู่นั้น



    _______แล้วข้าล่ะ?



    _______ข้าเป็นใคร?


















    _______คุยกับผู้อ่าน

    EDIT :

    ในที่สุด ก็แต่งได้ซักที \TwT/ กับความหลังตัวละครสุดที่รักอย่าง อควาเฟย์ วอน เอธาเลียส บทนี้เป็นหนึ่งในคลังนิทานผู้พเนจร เป็นบทที่ค่อนข้างพิเศษ เพราะเกี่ยวข้องโดยตรงกับตัวละครสำคัญ คือ อควาเฟย์ ครับผม ทีแรกว่าจะชวนตัวละครของคนอื่นๆ มาร่วมด้วย ถ้าเกิดตัดสินใจได้ยังไง อาจจะลองติดต่อขอดูนะครับ หรือไม่ก็เปิดฟิครับสมัครไปเลย (แต่ถ้าจะเปิดฟิครับสมัคร คงต้องรอให้จบบทของเฟย์ก่อน เพราะผมไม่อยากแต่งฟิครับสมัคร ที่มีตัวละครของตัวเองเป็นตัวเอกซะด้วยสิ)
  2. Siegfried

    Siegfried Member

    EXP:
    69
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    โอว..... นี่คืออดีตของเฟย์ที่แท้จริงสินะ=_="
    แต่ยังไม่รู้เลยว่าทำไมเฟย์ถึงปางตายแล้วมีคนที่อยากฆ่า
    ตอนหน้าจะเฉลยึเปล่าน๊อ*-*
  3. Jelphyr

    Jelphyr แมวจรจัด

    EXP:
    443
    ถูกใจที่ได้รับ:
    5
    คะแนน Trophy:
    38
    รู้สึกแก่ๆ.... อ่านพวกภาษาหรูๆแล้วเหนื่อยๆ ( ฮา )

    อืม ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ ภาษาสละสลวยดีมากเลยทีเดียว แต่เราว่าเราชอบอะไรที่อ่านง่ายๆสบายๆมากกว่าแฮะ

    ดำเนินเรื่องได้ดี ชอบการสื่อความรู้สึกนะ :D
  4. train

    train Member

    EXP:
    498
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    กร๊าก ผมก็รู้สึกเหมือนป้าเจลนะ(นิดนึงๆ)แต่ภาษาสวยมากเลยล่ะแดนนี่ อ่านลื่นมากๆ ^^

    นี่คืออดีตของเฟย์สินะ โฮ่ สื่อความรู้สึกได้ดีมากอ่ะ ทำให้รู้สึกร่วมไปกับตัวละครเลย * 0 *
  5. derick

    derick Member

    EXP:
    339
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    18
    สมกับเป็นแดนนี่ ภาษาหรูและสวยมาก

    ได้อารมณ์ร่วมไปกับตัวละครเลย

    แต่แอบรู้สึกอารมณ์เดียวกัน สงสัยจะแก่ 555
  6. Zear

    Zear New Member

    EXP:
    23
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    3
    *-*/

    สวัสดีครับ ในที่สุดก็ได้เข้ามาอ่านสักที
    เรื่องของสำนวนไม่เปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ จริงๆก็เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจออกนะ ^^

    แต่ผมอ่านแล้วไม่ยักเหนื่อยนะ กร๊าก เพราะว่าชินล่ะมั้ง (ตัวผมเองก็แต่งฟิคสำนวนทำนองนี้อยู่บ่อยๆ คุ้นๆเนอะ เหมือนเมื่อนานนนนนนนนนนมาแล้ว)

    /me โดนเขกหัว - แล้วไหนใครบอกฟะว่าจะต่อฟิค

    จะว่าไป นี่เป็นครั้งแรกที่ได้อ่านเรื่องราวของเฟย์ตรงๆ ก่อนหน้านี้จำได้คร่าวๆว่ามูนนี่เคยเกริ่นให้ฟังบ้างนิดหน่อย และเพราะเราเอาตัวละครของแต่ละฝ่ายไปใช้ในเรื่องราวที่มีส่วนคล้ายกัน(เรื่องเทพๆภูติๆที่คล้ายกันเนอะ?) ก็เลยทำให้มีการทับซ้อนของอิมเมจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ล่ะนะ

    เหมือนกับว่า อควาเฟย์ในเรื่องนี้ กับอควาเฟย์ในเรื่องของผม และกลาเซียร์ที่จะอยู่ในเรื่องนี้ กับกลาเซียร์ในเรื่องของผม จะเป็นบุคคลเดียวกัน ที่อยู่กันต่างมิติ

    ที่เขาเรียกว่า Parallel World? ฮา

    เพราะถึงคาร์แรคเตอร์จะคล้ายกัน แต่ก็มีประวัติที่มาต่างกันนี่นะ อันนี้ถ้าผมได้เอาเรื่องกลาเซียร์มาลงเล่นๆเมื่อไหร่ สงสัยต้องเขียนWarningไว้ที่หัวเรื่องอีกครั้ง ว่ามันเป็นคาร์แรคเตอร์ตัวเดียวกันที่ไม่ใช่ตัวเดียวกัน (โอ้ว งง)

    สำหรับสำนวน ผมว่าไหลลื่นดีออกนะ คิดถึงฟิคกลิ่นอายแบบนี้ ไม่ได้เห็นมาสักพักแล้ว (ยกเว้นของนัท ซึ่งดองจนผมปลงแล้ว) เพราะอ่านแต่ฟิคสำนวนกลางๆบ่อยๆด้วยล่ะมั้งพักนี้ แต่ก็ว่าไม่ได้ เพราะมันขึ้นอยู่กับแนวของเรื่องด้วย ขืนเป็ฯเรื่องเฮฮาเป็นพี้กัญชาตกเก้าอี้ ใช้สำนวนพรรณาแบบนี้ ....... คงจะฮากันแบบผู้ดีเกินไป ฮากันแบบไม่รู้ตัวว่ากำลังฮา มันก็ไม่ได้อรรถรสอย่างใจเท่าไหร่ เนอะ

    ยังไงก็ตาม จะรอดูตอนต่อไปครับ ^^
  7. aquafay

    aquafay Member

    EXP:
    97
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    ก่อนอ่าน อยากให้กดเปิดเพลง A Raindrop For Every Tear ของ Celtic Shores ก่อนนะครับ :D เข้ามาก เลยอยากให้ฟังประกอบ

    Celtic Shores

    หลังเปิด url แล้ว กดฟังปุ่ม Play หลัง A Raindrop For Every Tear ได้เลย ถือว่าไว้ฟังคลอเท่านั้น ไม่ได้ต้องการแอบอ้าง หรือแจกจ่ายแต่อย่างใด เพลงยังเป็นลิขสิทธิ์ของศิลปินทุกประการ :china:








    2. When the rain falls




    __________ฝนตก


    __________เสียงฝนซัดสาดดังกระทบโสต ยามนี้ ชายหนุ่มนั่งทอดสายตาเหม่อลอยอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง เขาบังเอิญพบถ้ำแห่งนี้ระหว่างหาทางออกจากป่า ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ในเมื่อปราศจากเส้นทางแน่นอนให้ก้าวเดิน รอบด้านมีแต่ต้นไม้ใหญ่ อากาศในพงไพรแห่งนี้ช่างหนักอึ้ง คล้ายดูดซับลมหายใจของพันธุ์พฤกษ์เข้าไปจนเต็มอิ่ม ความหนักหน่วงราวของเหลวเข้มข้นของชั้นบรรยากาศแทบจะกดบ่าของเขาให้ลู่ตกลง... บ่าที่แบกรับความเจ็บปวดจากการสูญเสียความทรงจำไว้


    __________แต่เมื่อฝนตก ก็ราวเม็ดฝนชะล้างทุกอณูที่เจือในอากาศ คงไว้เพียงความบริสุทธิ์ อากาศพลันเบาหวิวยิ่งกว่าปุยขนนก ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่า สรรพสิ่งในป่ากำลังต้อนรับสายฝนอย่างชื่นมื่น เบิกบานหรรษาอยู่ในความเงียบงัน กลิ่นเลือดคาวแตะกระทบจมูก แต่เขาก็ไม่รู้ควรจะทำอย่างไรกับสภาพที่เป็นอยู่ จึงปล่อยเสื้อกางเกงให้ติดเลือดเกรอะกรังอยู่อย่างนั้น ชายหนุ่มเหม่อมองเพดานถ้ำ ถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำหินเกิดโดยธรรมชาติ ขนาดเล็กคับแคบ อาจเคยมีสัตว์อาศัยในที่แห่งนี้ แต่ก็อพยพโยกย้ายไปที่อื่นแล้ว เขาหันมองสายฝนเบื้องนอก ตกหนักจนทำให้ทัศนียภาพพร่าเลือน


    __________แปลกเหลือเกิน เขารู้สึกผูกพันกับสายฝนนั้น คลับคล้ายคลับคลาว่า เขาเคยพูดคุยกับพวกมัน เคยแบ่งปันความทรงจำกับพวกมัน


    __________ความทรงจำ


    __________ถ้าบุคคลเป็นบุคคลที่สมบูรณ์ได้ด้วยการสั่งสมความทรงจำแล้ว เขาเล่า...? เขาที่ไม่มีความทรงจำเลยเล่า เป็นอะไรได้? บุคคลที่ ว่างเปล่า ไร้ตัวตน กระนั้นหรือ?


    __________เขาไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าตนเองชื่ออะไร


    __________ชายหนุ่มถอนหายใจยาว ก้มลงมองขลุ่ยในมือ เรียวสีเงินดูงดงามพิสุทธิ์ผ่องแผ้ว พ่อมดเทาอาจเสกมนตร์บางอย่างให้มันด้วยกระมัง เขาคิด ก้มค้อมศีรษะลงเล็กน้อย ยิ้มแย้ม ขณะกระซิบกับขลุ่ยแผ่วเบา คล้ายคนโง่ที่พยายามพูดคุยกับรูปปั้นศิลาแลง


    __________“แปลกดีเหมือนกันนะ เจ้าเทา เวลามีเจ้าอยู่ในมือ ข้ารู้สึกว่า ตัวตนของข้ายังไม่สูญเสียไป อย่างน้อย ทุกครั้งที่มองเจ้า ความทรงจำเกี่ยวกับเจ้าก็ผ่านเข้ามาเสมอ...”


    __________เขาจำพิธีกรรมในมหาวิหารได้



    __________ในสถาปัตยกรรมศักดิ์สิทธิ์ที่พี่น้องร่วมพงศ์พันธุ์ของเขาสร้างขึ้นเพื่อบวงสรวงแด่เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ใช่บทเพลง ‘สายฝน’ หรือไม่หนอที่เขา และเจ้าเทาขับขานขึ้นในวันนั้น นักบวชรายล้อมเขาเป็นวงกลม โคมสีทองชัชวาลเรียงรายเวียนไปเวียนมาคล้ายบันไดวน เขาอยู่ ณ จุดสูงสุดของโคมสีทองที่ลอยนิ่งกลางอากาศธาตุเหล่านั้น เป่าขลุ่ยร่ายบทเพลงสดุดีแก่สายฝน เพราะสายฝนจึงทำให้พวกเรายังคงอยู่ เพราะสายฝนจึงยังสามารถรักษาความทรงจำหลากหลายไว้ เพราะสายฝนพวกเราจึงยังรักใคร่ปรองดองกัน



    ดังนั้น จงร่วมขับขานบทเพลงสรรเสริญสายฝนเถิด เพราะแม้ในยามที่ชีวาของเจ้ามอดม้วยไป สายฝนก็จะยังเก็บรักษาจิตวิญญาณของเจ้าไว้


    __________ชายหนุ่มจรดขลุ่ยกับริมฝีปาก สร้างท่วงทำนองที่ผ่านเข้ามาในห้วงคิด


    __________ท่วงทำนองพริ้งพราย พิสุทธิ์ผ่องแผ้ว อ่อนหวานประหนึ่งสัมผัสจากอิสตรี หากขณะเดียวกันก็แฝงความเคร่งขรึมเอาจริงเอาจังอย่างนักรบชาญชัยไว้ เสียงเพลงสอดรับกับเสียงของสายฝนเบื้องนอกถ้ำประหนึ่งเจตนา สรรพสิ่งในผืนไพรกว้างหยุดนิ่งงันคล้ายตายซาก สดับฟังเสียงเพลงอย่างผู้ตกในภวังค์


    __________ตราบจนเพลงนั้นสิ้นสุด มนต์เสน่ห์ของดนตรีก็ยังหลงเหลืออยู่ในความเงียบงันนั้น ตราตรึงในจิตวิญญาณของผืนไพร


    __________ชายหนุ่มปิดตาลง เอนหลังลงพิงผนังถ้ำ เขานิ่งงัน ฟังเสียงสายฝนที่ยังคงดังกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง เขาผูกพันกับพวกมัน เขารู้ดี เขาสามารถ เข้าใจ ภาษาของพวกมันได้ มิใช่ภาษาที่เป็นถ้อยคำ หากเป็นภาษาที่เป็น ภาพ เป็น ความทรงจำ สายฝนถือกำเนิดจากแหล่งน้ำทุกแหล่งในผืนพิภพ ระเหยขึ้นรวมเป็นหมู่เมฆบนฟากฟ้า ก่อนร่วงตกลงมากลายเป็นหยาดน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตทุกชีวิต แหล่งน้ำที่ให้กำเนิดสายฝนนั้นก็มีความทรงจำของสรรพสิ่งหลากหลาย ของปลาที่แหวกว่ายไปมาอย่างหฤหรรษ์ ของตะไคร่ที่เกาะจับตามหิน ของมนุษย์หญิงผู้อาศัยถังไม้ใบหนึ่งตักน้ำเพื่อไปใช้


    __________ดูเหมือนว่า ทันทีที่ชายหนุ่มปล่อยจิตใจให้ว่าง ให้หลุดพ้นจากอารมณ์ความรู้สึก ทั้งความรวดร้าวจากการสูญเสีย หรือความเจ็บปวดทั่วสรรพางค์กาย ภาพต่างๆ ก็ผ่านเข้ามาในมโนทัศน์ของเขาอย่างรวดเร็ว คล้ายการไหลเชี่ยวกรากของสายน้ำ ภาพเหล่านั้นล้วนมาจากสายฝน สายฝนต้องการบอกเล่าเรื่องราวแก่เขา



    ไกลออกไป มีเมืองของผู้ใช้เวทอยู่ ถ้าท่านเดินเท้าไปคงใช้เวลาสักเจ็ดวัน


    __________ท่านเห็นผู้หญิงนางนั้นหรือไม่? นางกำลังตักน้ำจากพวกเราไปใช้เลี้ยงคนในบ้าน นางเป็นชาวบ้านมิสลักสำคัญ เป็นผู้ใช้เวทที่มีพลังเวทอยู่ในกระแสเลือดเพียงน้อยนิด นางถูกดูถูกจากบรรดาพี่น้องของนาง ด้วยว่าครึ่งหนึ่งของสายเลือดนางมาจากมนุษย์ ผู้ใช้เวทเกลียดมนุษย์ นางเคยมีลูกชายถึงสี่คน แต่ทั้งสามคนจบชีวิตไปในสงครามระหว่างสองเผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ ลูกชายคนสุดท้องที่รอดชีวิตกลับมาหานางได้ ก็พิการ ไม่มีแขน ไม่มีขา ไม่มีตา ไม่มีปาก ไม่มีหู


    __________แต่ทุกวันนี้ นางมีความสุข เสียงครวญเพลงในลำคอของนางส่งมาถึงพวกเรา นางมีเสียงแสนไพเราะ


    __________ท่านเข้าใจหรือไม่ว่าด้วยเหตุอันใด?


    __________นั่นเพราะนางมีความทรงจำถึงครอบครัวของนางเสมอ นางอาศัยความทรงจำนั้นหล่อเลี้ยงจิตใจอันเศร้าโศกของนาง และนางก็มีลูกชายที่นางรัก และเขาก็รักนาง ถึงเขาพิการ ไม่อาจพูดกับนางได้ ไม่อาจฟังเสียงนางได้ ไม่อาจหัวเราะ หรือร้องไห้ได้ แต่เขาก็รักนาง


    __________ท่านเล่า? ท่านผู้เป็นเทวาปกปักรักษาพวกเรา ท่านมี ความทรงจำ นั้นอยู่มิใช่หรือ?


    __________อย่าได้สูญเสียมันไป ตามหามันให้พบเถิด


    __________และในสุดปลายทางที่ท่านเลือกก้าวเดิน คำตอบ ของทุกคำถามที่ท่านสงสัย รอคอยท่านอยู่



    __________ชายหนุ่มลืมตา ภาพทั้งมวลพลันสูญสลายหายไป


    __________จิตใจของเขาแห้งแล้งในยามนี้ ถ้อยคำจำนรรจาของสายฝน หากจะช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ก็เพียงน้อยนิด ยามนี้ เขารู้ตัวว่าแบกภาระอันหนักอึ้งไว้ มิใช่เป็นภาระของการตามหาความทรงจำเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นภาระของผู้ที่ยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา หรือกับคนในความทรงจำทั้งหลายของเขา บางอย่างในถ้อยคำของสายฝนบอกเขาว่า เขาเหลือตัวคนเดียวแล้ว และมีเพียงเขาเท่านั้นที่ยังสามารถเก็บรักษาความทรงจำไว้


    __________นั่นเป็นหน้าที่ของเผ่าพันธุ์ของเขามิใช่หรือ นักบวชผู้ยิ่งใหญ่ผู้หนึ่งกล่าวไว้แก่เขา คำอบรมสั่งสอนด้วยน้ำเสียงเนิบนาบสุขุมอ่อนโยน


    __________จงจำเอาไว้ หน้าที่ของพวกเราคือ ปกปักคุ้มครองแหล่งน้ำ ถนอมดวงชีวีของทุกสรรพสิ่ง และเก็บรักษาความทรงจำของโลก


    __________เศษเสี้ยวความทรงจำอีกเศษเสี้ยวตกลงลงสู่ตำแหน่งที่ควรจะเป็นของมัน ถึงจะจำอะไรไม่ได้มาก แต่อย่างน้อย เขาก็จำเรื่องราวเล็กน้อยที่เคยประสบมาได้












    3. Celebrate to the new dawn




    __________รุ่งอรุณใหม่เข้าเยือนผืนปฐพี ทิวากาลอุบัติ หลังรัตติกาลสิ้นสุดลง


    __________ชายหนุ่มออกเดินทางต่อ แต่ก่อนจะไปไกลกว่านี้ เขาต้องจัดการอะไรสักอย่างกับเสื้อผ้าที่มีเลือดแห้งกรังย้อมติดทั้งตัวก่อน เขาเดินทางโดยเลือดแดงเข้มเปรอะทั้งตัวเช่นนี้ไม่ได้


    __________ชายหนุ่มมุ่งหน้ากลับลำธาร แปลกที่การเดินหาแหล่งน้ำง่ายดายกว่าการหาทางออกจากป่า คล้ายว่าเขารู้ดีเสมอว่าแหล่งน้ำอยู่ในที่ใดบ้าง จริงแล้ว มันก็มีอยู่ทุกที่ เพราะน้ำแฝงเร้นกายใต้ผืนดินแข็งแกร่ง แต่น้ำที่ปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อหล่อเลี้ยงสรรพชีวิตนี้สิ ทรงคุณค่านัก


    __________เขาซักเสื้อผ้ากับสายธาร สีแดงหลั่งไหลจากเนื้อผ้าเจือกับน้ำ ส่งให้น้ำที่เคยกระจ่างใสขุ่นมัวด้วยเลือด ผมสีดำสนิทยาวเกือบถึงหัวเข่าของเขาก็มีกลิ่นเลือดคาวคลุ้ง ชวนให้สงสัยนักว่า เขารอดพ้นสัตว์กินเนื้อได้อย่างไรในเมื่อคืนที่แล้วเขานอนตัวอาบเลือดทั้งคืน ชายหนุ่มสระผม และลงท้ายก็ต้องชำระทำความสะอาดทั้งตัว ใบหน้าก้มลง มองเงาสะท้อนของตนเองบนผิวน้ำที่สั่นไหว ส่งให้เงานั้นสั่นพร่า เขามีรูปหน้าเรียวคม คางแหลม ผิวกายขาวสล้างจนแทบเป็นสีเดียวกับเกล็ดหิมะในหน้าหนาว เนื้อผิวที่ขาวสะอาดนั้นตัดกับผมยาวที่มีสีดำนิลกาฬโดยสิ้นเชิง เส้นผมพอชะล้างคราบแห้งกรังของเลือดออกไปแล้ว ก็นุ่มราวกับไหม


    __________ทว่า สิ่งที่โดดเด่นจากองค์ประกอบส่วนอื่นอย่างแท้จริงกลับเป็นดวงตา เรียวเนตรนั้นมีแก้วตาสีน้ำเงินดุจดั่งไพลิน สีน้ำเงินนั้นแทบจะเปล่งแสงสุกสกาวราวอัญมณี หรือไม่ก็ดวงดาวบนฟากฟ้ายามค่ำ เขาก้มลง สังเกตดวงตาของตนเอง มันไม่มีกระทั่งรูม่านตาสีดำ เป็นแต่เพียงสีไพลินเกลี้ยงเกลา โดดเด่นออกมาจากตาขาว เหนือดวงตาคู่นั้น คิ้วเรียวสีดำโก่งโค้งราวคันธนู ปอยผมเปียกชื้นแนบลู่ไปกับใบหน้า


    __________ดวงตาของเขาเปี่ยมล้นด้วยพลังเวท เขาตระหนักได้ในวินาทีแรกที่เห็น เป็นดวงตาของผู้ที่มีพลังเวทข้นคลั่กในกระแสโลหิต


    __________เช่นนี้แล้ว หากเขาไปถึงอาณาจักรของผู้ใช้เวท เขาคงไม่ถูกรังเกียจเดียดฉันท์กระมัง เพราะหากไม่แพร่งพรายความลับไปว่า เขามิได้ดำรงตนในเผ่าพงศ์นั้น ผู้ใช้เวทคงจะไม่รู้ และทึกทักเอาว่า เขาเป็นพี่น้องร่วมชาติของพวกตน




    __________พวกท่านชาวผู้ใช้เวทมนตร์ล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน อย่าได้เป็นกังวลเลย ที่รักของข้า




    __________สายธารเอ่ยกับเขา เสียงไหลหลั่ง และเสียงซัดสาดกับพื้นดินของธารา แปรเปลี่ยนเป็นเสียงพูดคุยผะแผ่ว แม้เป็นน้ำเหมือนกัน แต่ภาษาของสายธารก็ต่างจากภาษาของสายฝน สายฝนสื่อสารกับเขาเป็นรูปภาพ ส่วนสายธารสื่อสารกับเขาเป็นเสียงที่คล้ายเสียงเพรียกกระซิบหลากหลายพันเสียง ประสานเป็นถ้อยคำหนึ่งเดียว



    __________ข้าจะเล่าเรื่องเรื่องหนึ่งให้ท่านฟัง


    __________เมื่อคืนก่อนที่ท่านเดินทางหายลับไป มีบุรุษผู้หนึ่งมา ณ สถานที่แห่งนี้ เขามีร่างสูงโปร่ง มีผมสีเงิน และมีเรียวเนตรที่ประหลาดนัก ข้างหนึ่งเป็นสีดำอนธการ อีกข้างเป็นสีแดงเดือดดุจโลหิต เขายืนนิ่งข้างข้าอยู่นานมาก กระทั่งฝนตก เขาก็ยังไม่ขยับกายไปไหน ข้ามองเข้าไปในดวงตาของเขา และรับรู้ว่าเขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่นัก


    __________แล้วเขาก็ได้ยินเสียงเพลงสรรเสริญสายฝนของท่าน เขาเหลียวหาต้นกำเนิดแห่งเสียงเพลง ก็คือท่าน เขาเป็นเช่นเดียวกับสรรพสิ่งอื่น รวมถึงข้า คือ ต้องมนต์สะกดของบทเพลงจนนิ่งงันไป และกว่าเขาจะรู้สึกตัว บทเพลงก็จบลงเสียแล้ว เขาตามหาท่านไม่ได้ ไม่รู้ว่าควรตามหาอย่างไร และท่านก็มิได้บรรเลงดนตรีใดต่ออีก ใช่หรือไม่?


    __________ดังนั้น เขาจึงกลับไปยังที่ที่เขา และผู้ติดตามของเขาพำนักอยู่ ซึ่ง ที่รักของข้า อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เลย เขามาเสาะแสวงหาบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่ในป่าศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ด้วยเหตุผลที่ข้ามิอาจล่วงรู้ ข้าเป็นเพียงสายน้ำ หลั่งไหลไปอย่างไม่มีวันจะหวนกลับ ข้าจะล่วงรู้ธุระของสิ่งมีชีวิตผู้มีอาวุธคือปัญญาเช่นพวกท่านได้อย่างไร?


    __________หากท่านต้องการไปยังเมืองของผู้ใช้เวทที่สายฝนได้บอกเล่าแก่ท่าน ก็จงหาเขา และผู้ติดตามของเขาให้พบเถิด



    __________จงจำคำพูดต่อไปนี้ของข้าไว้ ที่รักของข้า ธรรมชาติเป็นเพื่อนพ้องของท่าน ข้าเป็นหนึ่งเดียวของท่าน สายลมเป็นสหายคนสนิทของท่าน เพลิงเป็นเพื่อนคู่คิดคู่แค้นของท่าน ปฐพีเป็นพระแม่ผู้เอ็นดูท่าน พวกเราล้วนรักใคร่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน


    __________ตามหาความทรงจำของตนให้พบ ที่รักของข้า ณ สุดปลายทางที่ท่านก้าวเดิน คำตอบของคำถามที่ท่านค้นหารอคอยท่านอยู่





    __________ชายหนุ่มไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก นอกจากเสียงหลั่งไหลของสายน้ำ ดังนั้น เขาจึงก้าวกลับสู่ผืนดิน


    __________ถ้อยคำของสายน้ำยังก้องซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในจิตใจ เขาสวมเสื้อผ้าทั้งยังเปียกชื้น ทอดมองผิวน้ำกระจ่างใสที่ต้องแสงแดดเป็นประกายระยับ ป่าไม้ยังคงอุ้มหยาดน้ำจากสายฝนเมื่อค่ำคืนไว้ เขารับรู้การคงอยู่ของน้ำทุกหยาดทุกหยดในวณาแห่งนี้ เพียงปล่อยจิตใจให้โบยบินอย่างอิสรเสรี เขารับรู้ถึงหยดน้ำหยดหนึ่งที่กำลังจะไหลออกจากใบไม้สีเขียวเข้มของพฤกษาอ่อนเยาว์ต้นหนึ่งได้ หยดน้ำยึดเกาะปลายใบไม้แน่นอย่างหวงแหนที่พักพิง แล้วแรงดึงดูดจากปฐพีก็รั้งมันลงต่ำจนมันเลื่อนหลุดจากใบรุกขพันธุ์สีเขียว


    __________ข้าไม่ให้เจ้าตกลงหรอก เขาคิด


    __________แล้วฉับพลันที่ความคิดนั้นกึกก้องในหัวสมอง หยดน้ำก็หยุดนิ่ง ลอยค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ หัวใจของชายหนุ่มพองโต ชิ้นส่วนความทรงจำอีกชิ้นตกลงสู่ตำแหน่งของมัน เขาควบคุมน้ำได้ ไฉนเขาจึงไม่ล่วงรู้พรสวรรค์ยิ่งใหญ่นี้เสียแต่แรกหนอ เขาแยกหยดน้ำนั้นออกเป็นสองหยด และขณะที่หลับตา เพื่อให้ภาพหยดน้ำเด่นชัดในมโนทัศน์ เขาก็แตกมันออกเป็นหลากหลายพันเม็ด ละอองน้ำต้องแสงแพรวพราวราวดวงดาวสุกสกาว


    __________ชายหนุ่มลืมตา ละอองน้ำจางหายไปในอากาศ เขาเดินลุยน้ำไปอยู่กลางสายธาร ได้ยินเสียงพวกนางหัวเราะเขา เขายิ้มตอบ


    __________ข้าพูดคุยกับพวกเจ้าได้สินะ เขาคิดในใจ และรู้ในวินาทีนั้นว่าพวกนางสามารถสดับฟังความคิดของเขาได้ สรรพสิ่งสดับฟังความคิดของเขาได้ หากเพียงเขาต้องการจะให้พวกมันรับรู้ ถ้าเช่นนั้น ก็จงฟังข้าหน่อยแล้วกัน เป็นบริวารของข้า เป็นมิตรสหายที่ข้าพึ่งพาได้หน่อยเถิด



    __________เขาหลับตา สูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด ลืมตาอีกครั้ง และสะบัดมือขวาขึ้น


    __________น้ำพุ่งตามมือของเขา ไหลฉวัดเฉวียนเป็นวงกลางอากาศ ต้องแสงแดดจนเป็นประกายงาม เรียวเนตรสีไพลินเบิกกว้าง ประหลาดใจแกมพิศวงในสิ่งที่ได้เห็น เขามีพลังขนาดนี้เลยเชียวหรือ? ชายหนุ่มโบกมือซ้ายขึ้นราววาทยกร และน้ำก็หลั่งไหลเข้าหามือของเขาดั่งใจนึก โสตสดับเสียงสายน้ำหัวเราะเริงร่า เขาเองได้แต่ยิ้มตอบพวกนาง


    __________ท่านจำได้แล้ว ท่านจำได้แล้ว


    __________เสียงของพวกนางประสานกัน เป็นโทนสูงต่ำแทบจะกลายเป็นเสียงดนตรี


    __________ท่านจำพวกข้าได้แล้ว ที่รักของข้า


    __________ใช่ ข้าจำได้ เขาตอบพวกนาง ข้าจำพวกเจ้าได้ พวกเจ้าคือนางพรายวารี บริวารที่ซื่อสัตย์ของข้า มิตรสหายที่รักของข้า และมิตรสหายคู่ใจของอันดีนด้วยเช่นเดียวกัน


    __________พลัน คำพูดของเขาย้อนคืนสู่จิตใจ


    __________อันดีน


    __________ใช่แล้ว ตาของชายหนุ่มเบิกโพลง สายน้ำร่วงตกลงสู่ตำแหน่งเดิมของมันทันใดด้วยผู้ควบคุมขาดสมาธิ น้ำสาดกระเซ็นทั่ว


    __________อันดีน


    __________ข้าจำนางได้แล้ว


    __________อันดีน อันดีน อันดีน


    __________อันดีนผู้มีผมสีทองเข้มอย่างน้ำผึ้ง และดวงตาสีฟ้ากระจ่างใส นางผู้ร่าเริงสดใสประหนึ่งแสงตะวัน นางคือไอแดด นางคือละอองฝน นางคือบุปผาผลิบานแม้ในฤดูหนาวที่โหดร้ายทารุณที่สุด


    __________เขาอยู่กับนางมาตั้งแต่นางยังเยาว์วัย ใช่หรือไม่หนอ เขามีร่างเช่นนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไร ลืมตาตื่นขึ้นมาก็อยู่ในสภาพเช่นนี้ ไม่มีวันแก่ ไม่มีวันตาย ถึงตายก็ถือกำเนิดขึ้นใหม่จากสายน้ำ ก่อนหน้าจะถือกำเนิดนั้น เขาจะตกในความมืดมิดไร้ซุ่มเสียงใดนานแสนนานราวชั่วกัปชั่วกัลป์ แต่ในการถือกำเนิดครั้งนั้น เขาลืมตาตื่นขึ้นจากนิทรามืดมิดขึ้นได้ ก็เพราะเสียงร้องไห้ของนาง


    __________ครั้นแล้ว ภาพหนึ่งก็ผ่านเข้ามาในห้วงคิด ความรู้สึกท่วมท้นในหัวใจ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งกอดเข่าร้องไห้ ร่างนั้นช่างเล็กบอบบาง ดอกไม้งามที่อาจแหลกสลายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ผมสีทองปิดหน้าปิดตา ทั้งนี้เพราะเธอซบหน้าลงกับเข่า



    อย่าร้องไห้

    อย่าร้องไห้เลย ข้าจะอยู่ข้างเจ้าเอง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร



    __________ดวงตาสีฟ้าคู่งามของเด็กหญิงเบิกกว้าง ความประหลาดใจระคนอบอุ่นใจเจืออยู่ในประกายตาบริสุทธิ์ใสซื่อนั้น ครั้นแล้ว ดวงตานั้นก็ดูเคร่งขรึมลง รูปเนตรเรียวขึ้น ใบหน้ากลมกลายเป็นเรียวหน้ารูปไข่ คิ้วสีดำโก่งโค้งราวตัวไหมเหนือดวงเนตร ริมฝีปากบางเป็นสีชมพูอ่อน แก้มมีเลือดฝาดขึ้นเปล่งปลั่ง เด็กหญิงกลายเป็นหญิงสาวสวยสะคราญ


    __________‘เจ้าจะอยู่ข้างข้าใช่หรือไม่’


    __________ริมฝีปากนั้นขยับ เปล่งเสียงหวานนุ่มนวล



    ใช่ ข้าจะอยู่ข้างเจ้า ข้าสัญญา



    __________‘จงปกป้องคุ้มครองข้า อย่างที่เจ้าปกป้องคุ้มครองน้ำ เจ้าสัญญาแล้วนะ’ กล่าวแล้วแย้มยิ้มละมุนละไม รอยยิ้มสดสวยเหมือนกุหลาบ ‘ซินญา วองราเวน่า เป็นภาษาแห่งภูตลม แปลว่า โฉมงาม ข้ารักเจ้า...’


    __________เสียงร้องครางอย่างเจ็บปวดหลุดจากปากของชายหนุ่ม เขางอตัวลง เจ็บร้าวที่ศีรษะจนต้องกลั้นหายใจ กระนั้น เขาไม่อยากหยุด เขายังดื้อดึงรื้อฟื้นความทรงจำของตนเองต่อ อย่าหยุดแค่นี้ อย่าให้ใบหน้าของนางเลือนหาย ข้าอยากมองนาง อยากมองนางอยู่อย่างนี้


    __________ใบหน้าหญิงสาวพลันเปรอะเปื้อนด้วยหยาดเหงื่อ คราบไคล คราบดินสกปรก และเลือด ผมของนางชุ่มโชก โลหิตรินหลั่งจากไรผม ผ่านดวงตา ผ่านแก้ม ลงถึงคางเรียว น้ำตาเอ่อท้นในดวงเนตรคู่งามของนาง นางเจ็บปวด หากยังยิ้มด้วยรอยยิ้มสดสวย รอยยิ้มละไมที่เจือความเศร้าโศก และความเหนื่อยล้า สัมผัสจากปลายนิ้วของนางไล่บนผิวแก้มด้านชาของเขา



    ราฟาเอล

    วองราเวน่า แปลว่า ‘ข้ารักเจ้า’



    __________แล้วภาพก็พลันขาดหาย เหลือเพียงชายหนุ่มยืนเดียวดายอยู่ลำพัง















    __________คุยกับผู้อ่าน

    ควาคุง
    อะไรที่มีในเนื้อหา ผมว่าผมสปอยล์ให้ควาคุงไปหมดแล้วล่ะ ฮาๆ เอาเป็นว่า ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้นะครับ รบกวนติดตามไปจนจบด้วยเน้ ฮา


    แม่เจล
    สำนวนผมมันเป็นแบบนี้แฮะ ไม่รู้ให้แก้ไขยังไง *โดนกระทืบตายคาเท้า*

    ก็คือ... ตอนแต่งนี่ แต่งไปเรื่อยๆ สบายๆ ตามใจเลยอะครับ ถ้าหากสำนวนจะไม่ถูกใจบ้าง ก็ขออภัยเน้อ คงไม่สามารถปรับเปลี่ยนอะไรได้มากมาย แต่ยังไงก็ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ


    เทรนคุง
    ขอบคุณมากครับ :D


    นุ๊ก
    ขอบคุณครับ


    ท่านเซียร์
    ขอบคุณมากครับ ท่านเซียร์ T T ซึ้งใจมากๆ

    เรื่องตัวละคร ไปๆ มาๆ ผมก็คิดแบบท่านเซียร์นะ ว่าบางที ทั้งอควาเฟย์ และทั้งกลาเซียร์ ที่อยู่ในฟิคผม และฟิคท่านเซียร์ ก็ดูเป็นคนคนเดียวกันที่อยู่ต่างมิติกัน เป็นโลกที่เผลอๆ จะหมุนเวียนไปพร้อมกันเสียด้วยสิ ^^" อาจจะเพ้อไปนิดหนึ่ง แต่สำหรับผม อควาเฟย์ กับกลาเซียร์ ดูมีตัวตนจริงๆ ยังไงไม่รู้ กร๊ากก ไร้สาระดีเนอะ

    ถ้าท่านเซียร์จะต่อฟิคกลาเซียร์ สนับสนุนเต็มที่ครับ ปูเสื่อรออ่านเลยล่ะ =A=b ไม่ได้อ่านฟิคคุณภาพมานานมากๆ แล้ว



    ตอนต่อไป อาจเว้นช่วงไป 2 สัปดาห์ เพราะติดสอบนะครับ เสร็จเมื่อไหร่จะกลับมาโพสต์ทันทีเน้ ไม่ดองๆๆๆ สาธุ

    สุดท้าย ขอขอบคุณ เรนซ์ และ ท่านเซียร์ อย่างใหญ่หลวงขอรับที่ช่วยปรู๊ฟฟิคให้ เป็นพระคุณอย่างสูง >/||\< และก็ต้องขอบคุณ ควาคุง ด้วยเช่นกันครับที่ช่วยเตือนสติให้ว่า น่าจะแปะเพลงด้วย

    ไปล่ะครับ จรลี
  8. renze

    renze Member

    EXP:
    46
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    แย๊กกกกกกกก จะบอกว่าตอนจบนี่กระชากอารมณ์มั่กมากกกกกกก
    เศร้าตามไปด้วย =[]=!!!!!! เท่จังวุ้ย หมอนี่ เชอะชิชะ

    ภาษาสวยมากครับ มีท่อนที่ชอบอยู่หลายช่วงเลยแหละ สุดยอดๆ
    แต่ถ้าเว้นวรรคน้อยกว่านี้มันจะอ่านแล้วรู้สึกพลิ้วๆมากกว่านี้นะ ( ในความรู้สึกผมนะ )
    จะติดตามต่อไปเรื่อยๆเน้อ ( ถึงจะมาอ่านช้าหน่อยก็ตาม )

    ปล - ตัวเอียงนี่มันอ่านยากจริงๆฮู้ -A-)~
  9. Siegfried

    Siegfried Member

    EXP:
    69
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    ตอนอควาเฟย์เปล่าขลุ่ยต้องฟังคู่ไปกับเพลง=A=b
    ไม่แจกเพลงด้วยเหรอ เข๊าเข้านะ
    เสียดายผมได้อ่านก่อนฟัง พอมาอ่านอีกรอบแล้วฟังไปด้วย มันก็เลยเข้าถึงอารมณ์ได้แค่ 80%

    เชอะ.......
  10. Zear

    Zear New Member

    EXP:
    23
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    3
    .....................

    ผมนิ่งไปสักพักจริงๆนะ หลังจากอ่านจบ

    เหมือนขอเวลาปรับตัว กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง

    ขอปรบมือดังๆให้กับมูนนี่ ที่รักของข้า
    /me โดนเตะ - กร๊าก
    ขอชมจากใจจริงครับ นานแล้วที่ไม่ได้อ่านอะไรแบบติดตามทุกฉาก จินตนาการไปตามตัวอักษรของเนื้อเรื่อง ช่างใช้ถ้อยคำและสำนวนพรรณนาที่เห็นภาพ และสะกดคนอ่านได้จริงๆ (อย่างน้อยก็ผมล่ะวะ) เป็นเรื่องที่ดูเข้าทำนองมหากาพย์มากกว่านิยายธรรมดาทั่วๆไป (ฮา) อาจจะเพราะการดำเนินอย่างไม่รีบร้อน แต่ให้ความสำคัญกับทุกข้อความทุกบาทบรรทัดล่ะมั้ง ว่าไปก็คล้ายกับงานฝีมือแบบเก่าที่ปราณีตใช่ย่อย

    อ่านแล้วเข้าใจความเป็นอควาเฟย์มากขึ้นไปอีก ไม่ใช่น่าสงสารหรืออะไรนะ แต่เหมือนจะชักนำให้รู้สึกอยากเป็นกำลังใจให้

    เป็นกำลังใจให้มูนนี่ด้วย สู้ต่อไปนะครับ ทำให้จบเป็นมหากาพย์เลย! XD
    /me โดนเตะอีกที - แล้วฟิคเอ็งล่ะ (ฮา)
  11. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    จริงๆอ่านตอนแรกไปแล้วนะ แต่รู้สึกจะไม่ได้มาเม้นท์

    เป็นสไตล์การเขียนของแดนนี่นะ ซึ่งผมชอบมาก ก็ตั้งแต่เห็นฟิครับสมัครของแดนนี่แล้ว(ในบอร์ดเก่า จำได้ไหมครัี่บ) ตั้งแต่นั้นมาผมก็ึคิดว่า"เฮ้ย แต่งเก่งโคตร" และไม่ใช่แค่นั้น เพราะผ่านมาหลายปีฝีมือแดนนี่ก็ไม่ตก ผิดกับผมที่ฝีมือฟิคเปลี่ยนแปลงไปตามทัศนคติและการเติบโตของตัวเอง(แม่งเว่อรฺ์ละ)

    ที่ผมจะพูดก็คือ ผมชื่นชมแดนนี่ครับ และแอบอิจฉาด้วยที่สามารถมองเห็นโลกในอีกด้านหนึ่งได้ขนาดนี้ ผมว่าการคิดฉากแบบนี้ได้ต้องอาศัยจินตนาการที่สูงมากๆๆๆ เหมือนรังสรรโลกๆหนึ่งขึ้นมาได้เลย (ผมว่าชาตินี้ทั้งชาติผมก็แต่งไม่ได้) ที่พูดนี่ไม่ได้เพราะต้องการจะยกยอปอปั้น แต่ต้องการ express ความรู้สึกว่า แดนนี่อายุน้อยกว่าผม แต่ผมนับถือฝีมือการแต่งฟิคนะ ถึงแม้มันจะบรรยายเยอะจนผมขี้เกียจอ่านไปบ้างก็ตาม (ฮา)

    เริ่มเข้าใจอควาเฟย์แล้วหลังอ่านตอนที่สอง = = ทั้งต้นตอนแรก และท้ายตอนสอง การบรรยายกระชากอารมณ์มาก อ่านแล้วเศร้าเลยอ่ะครับ TAT นี่สินะที่อควาเฟย์ต้องกลายเป็นคนบุคลิกซับซ้อนและอมทุกข์ ทำไมต้องโหดร้ายกันขนาดนั้นด้วย ไม่เข้าใจเลย(หมายถึงเหตุการณ์ในฟิคน่ะนะ)

    ในด้านตัวละคร แดนนี่เก่งสุดๆในการตีแผ่คาแรคเตอร์ของตัวละครหญิง สุดยอดมากๆ ทำเอาผมหลงรักอันดีนไปเลย(สวยด้วย TAT ไม่น่าตายเลย ฮื้อ) แต่เชิงตัวละครชายจะติดความเป็นแฟนตาซีสูง คือออกนุ่มนวลและอ่อนไหวจนเหมือนไม่ใช่ผู้ชายบนโลกความจริง แต่นี่ไมไ่ด้ตำหนินะ ก็ฟิคมันแฟนตาซี พระเอกแบบนี้สิถึงจะเข้ากับเรื่องอมทุกข์ๆใช่ไหม :)

    เป็นกำลังใจให้แดนนี่เต็มที่นะ ผมอาจตามเม้นท์ได้ไม่หมดเพราะผมติดงาน(เดี๋ยวโดนหัวหน้าถีบตกเก้าอี้เอา กร๊าก) แต่ว่าก็อ่านทุกเรื่องเสมอ อยากบอกว่าฟิคแดนนี่มีดีในตัวเองมาก ไม่ต้องวางขายเอาเงินเหมือนพวกนิยายขยะ แต่มีค่าพอที่จะจ่ายเวลาอ่านได้มากกว่าเยอะเลย

    ปล. ถ้าเม้นท์นี้ออกเสี่ยวๆก็ทำใจหน่อยละกัน ^^;
  12. Jelphyr

    Jelphyr แมวจรจัด

    EXP:
    443
    ถูกใจที่ได้รับ:
    5
    คะแนน Trophy:
    38
    เฮ้ย ไม่ต้องแก้ๆ เรื่องสำนวนน่ะ รักษาเอกลักษณ์ของตัวเองไว้น่ะดีแล้ว เราแค่บอกว่ามันไม่ใช่แนวที่เราชอบมากเท่านั้นเอง ( คืออันนี้ก็ชอบนะ แค่ว่าเราชอบสำนวนแนวอื่นมากกว่า ) ไม่มีใครทำตามใจคนอื่นได้ทุกคนหรอก =[]=" อย่าเปลี่ยนแปลงตัวเองไปมาเพียงเพราะคนบางคนพูดว่าไม่ถูกใจเอกลักษณ์ของตนเองเลย ทำแบบนี้น่ะถูกต้องแล้ว ไม่ต้องห่วงเน้อ

    มีคนแต่งเรื่องด้วยภาษาสวยๆแบบนี้ก็ดี เด็กๆแวะมาอ่านจะได้ความรู้เรื่องศัพท์ไปบ้าง ( น่าจะมีคนที่อ่านไปพอเจอคำที่ไม่รู้จักก็ถามพ่อแม่หรือเปิดพจนานุกรมอยู่บ้างนะสมัยนี้ .... หวังว่า )

    เรื่องเนื้อเรื่อง คนอื่นเมนท์ไปหมดแล้ว =A=" ( ว่าไปแต่งให้จบแล้วน่าเอาไปเสนอสำนักพิมพ์นะ วงการนี้กำลังขาดแคลนอะไรแนวๆนี้อยู่ มีแต่อะไรก็ไม่รู้วางขายซะเยอะ ) ขอพูดตรงที่ติดใจละกัน

    ภาษาภูตลมนี่เอามาจากไหนอะ T{}T~ << บ้าพวกภาษาๆ ก๊ากก
    คิดเองเหรอ? หรือว่าดัดแปลงมา? หรือเอามาจากภาษาอื่นๆ? รู้สึกสนใจมากเลย ( ถามลึกไปถึงพวกไวยากรณ์ด้วยได้มั้ย ก๊ากกกก ) คำมันฟังดูเพราะดีนะ :D ชอบๆ

Share This Page