[G-Seed Fiction แปล] Princess' Sonata (*จบตอนแล้วจ้ะ 26/10/08*)

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย kumi, 4 ธันวาคม 2007.

  1. aunna

    aunna New Member

    EXP:
    18
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [G-Seed Fiction แปล] Princess' Sonata (*อัพ Chapter 13*)

    /me อ่านละนะพี่สาว (ฮา)

    คางะจังโดนจับแต่งตัวอีกล่ะสิน้า

    พี่เทพกำลังเข้าสู่ขั้นตอนการแย่งสาวน้อยผมชมพู...

    สู้ต่อไปซาล่า อย่าทำตัวงี่เง่านัก (ฮา)

    ไปละเน้อ อาดิโอส!!

    >>EDIT<<

    พอดีแอบหันไปมองเรพล่างแล้วอดไม่ได้....

    มันแสดงความเป็นชาโดว์ได้ดีมากเลยล่ะ 555
  2. ShadowKung

    ShadowKung New Member

    EXP:
    58
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [G-Seed Fiction แปล] Princess' Sonata (*อัพ Chapter 13*)

    ยังห่างไกลจากต้นฉบับสินะ.....

    ด่าเข้าไปเถอะคางะจัง เดี๋ยวก็ตกหลุมรักไอ้เผามัน 555

    นอกเรื่อง
    The Girl Next Door เปลี่ยนเรทจาก T เป็น M แล้ว=A=!! ตอนแรกเห็นอยู่เรท T ไม่อ่าน
    พอเปลี่ยนเรท คลิกเข้าไปอ่านตอนสุดท้าย55555
  3. kumi

    kumi Active Member

    EXP:
    805
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    Re: [G-Seed Fiction แปล] Princess' Sonata (*อัพ Chapter 13*)

    ^
    ^
    อะไรกัน ชาโดว์คุง...อ่านฟิคด้วยเรทเหรอจ๊ะ (ฮา...) เรื่องนั้นพี่ไม่เคยอ่านแฮะ...สนุกเหรอ = A =???

    มาอัพใหม่อีกแล้ว...ขยั๊นขยันกับช่วงปิดเทอม ฮ่าฮ่า ภาษายังคงความแปร่งอยู่เหมือนเดิม ที่เร่งอัพเพราะอยากอัพให้ทันคริสมาสต์!! ไม่รู้ทำไม = =" ทั้งๆ ที่เนื้อเรื่องก็แฝงความช้ำใจไม่เห็นสุขสมเหมือนคริสมาสต์เลย (ฮา...)

    เนื่องจากตอนที่ 13 ซึ่งเป็นตอนก่อนจบภาคแรกนั้นยาวมาก จึงขอแยกออกมาเป็น 2 เรฟแล้วกัน ตอนนี้ลงจบตอนแล้วนะคะ ถูกใจแฟนๆ คิระลักซ์ละมั้ง....???

    ยังไงก็ฝากเม้นต์ด้วยนะก๊ะ ทุกคน * *~

    (เอ๊ะ...ตอนที่โพสนี่ 20 หน้าเวิร์ดเชียวเหรอเนี่ย =[]="!!!?? มิน่า...เสียเวลาแปลนานชะมัด - 3 -)


    + + + + + + + + + + + + + + + + + +


    “บ้าชะมัด ฉันอยากจะออกไปจากที่นี่” คำบ่นเดิมๆ ยังคงดังไม่หยุดแม้เวลาจะล่วงเลยไปกว่าสองชั่วโมงแล้วก็ตาม ยามนี้ร่างบางกำลังนอนแช่น้ำอุ่นที่เต็มไปด้วยกลีบกุหลาบและเครื่องหอมสารพัดที่เธอไม่รู้จักทั่วไปหมด และถึงแม้จะไม่อยากยอมรับ แต่คางาริก็เรียนรู้ว่าการได้นอนแช่น้ำแบบนี้ช่างให้ความรู้สึกดีจริงๆ ราวกับกล้ามเนื้อและสมองที่เคยอ่อนล้าเพราะเรื่องวุ่นวายทั้งหมดที่ผ่านมาได้ผ่อนคลายเสียที


    หลังจากนั้นไม่นาน หญิงสาวก็ถูกบังคับให้นั่งลงบนเก้าอี้ไม้รายล้อมด้วยกระจกสามบานใหญ่ขนาดเท่าตัว เรือนผมสีทองเปียกชุ่มจากการสระผมมานานกว่าครึ่งชั่วโมง ทำเอาเส้นผมที่เคยยุ่งเหยิงทิ้งตัวอยู่ทรงและส่องประกายเงางามกว่าที่เคย เป็นความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ร่างบางในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวอดประหลาดใจน้อยๆ ไม่ได้


    “คางาริ อาหารกลางวันมั้ย” เสียงใสๆ ของลูน่าดังขึ้น ขณะที่เจ้าหล่อนก้าวเท้าเข้ามาในห้องทั้งมือสองข้างยังถือถุงกระดาษ ก่อนจัดแจงวางของเหล่านั้นลงบนโต๊ะขนาดเล็กข้างๆ


    สิ้นคำคางาริก็กระโดดลุกจากเก้าอี้ไปหาสาวน้อยผมแดงด้วยความรวดเร็ว เนื่องจากกระเพาะเธอส่งเสียงร้องประท้วงมาสักพักใหญ่แล้ว


    ...ก็ตั้งแต่เช้ามายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยนี่นา!


    “แหงอยู่แล้ว!” ลูน่าหัวเราะคิกกับคำตอบนั้น ก่อนส่งกล่องอาหารตรงหน้าให้คนหิวจัดที่แบมือรอรับด้วยรอยยิ้ม ทว่าความดีใจเมื่อครู่ก็มลายหายไปทันทีที่เห็นสิ่งข้างใน


    “อะไรเนี่ย...ผักเหรอ...?”


    “อ้าว ไม่ชอบผักเหรอ?” ลูน่ามาเรียเอ่ยถาม ขณะทรุดตัวนั่งบนโต๊ะข้างๆ เตรียมพร้อมจะกินอาหารในมือ


    “โอ้ย ไม่เอาอ่ะ” คางาริครางพลางเบ้ปาก เธอไม่เคยนึกชอบไอ้ของกินสีเขียวๆ นี่เลยสักครั้ง นัยน์ตากลมโตตวัดมองไปยังเพื่อนใหม่ ก่อนพูดออดอ้อนด้วยท่าทางน่ารักอย่างที่สุด


    “ไม่มีอย่างอื่นให้กินเหรอ? อย่างเช่นพวก...เบอร์เกอร์? สปาเกตตี? โค้ก? สเต๊ก? เค้ก? ไอศกรีม???”


    ใช่...อะไรก็ได้ที่มันเป็นของกิน! ไม่ใช่อาหารมังสวิรัติ!


    เมื่อได้ฟังรายการอาหาร ลูน่าก็ได้แต่เคาะปลายนิ้วไปมา ก่อนจะเอ่ยเสียงดุอย่างอดไม่ได้ “แน่ะๆ! เดี๋ยวเถอะคางาริ นี่เธอคิดจะรักษารูปร่างเธอได้ยังไง ถ้าหากยังรักจะกินแต่อาหารแบบนั้นน่ะ”


    “รูปร่างอะไรนั่นช่างมันเถอะ ฉันสนใจท้องฉันมากกว่า!”


    “เสียใจด้วยนะ แต่ผักมันดีต่อสุขภาพนะจ๊ะ”


    คำยืนกรานที่เรียกเสียงโอดครวญคำรบใหญ่ ก่อนร่างเล็กจะยอมทรุดตัวลงนั่ง พลางใช้มือคว้าส้อมจิ้มก้อนเขียวๆ ตรงหน้าเข้าปากอย่างเสียไม่ได้


    เอาวะ...ก็ดีกว่าไม่มีอะไรให้กิน!


    “เห็นมั้ย ฉันบอกแล้ว อร่อยใช่มั้ยล่ะ” ลูน่าเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นคนข้างๆ จ้วงสลัดตรงหน้าเข้าปากไม่หยุด


    “ที่ฉันยอมกินไอ้ของบ้าๆ พรรค์นี้ก็เพราะว่าหิวหรอกนะ” คนหัวดื้อยังไม่วายเถียงขณะเอื้อมมือคว้าขวดน้ำข้างตัวมากระดกรวดหมายจะลบรสชาติขมๆ ที่ติดลิ้นอยู่ให้จางลงไปบ้าง


    คำกล่าวที่เรียกเสียงหัวเราะจากหญิงสาวผมแดงอีกระลอก หลังจากที่เจ้าหล่อนจัดการกับสลัดตรงหน้าเสร็จ เธอคว้าน้ำเปล่ามาดื่ม ก่อนจะโยนกล่องพลาสติกทั้งหมดลงถังขยะไป ลูน่าหันมาระบายเล็กๆ ขณะเขยิบไปสะกิดลูกค้าสาวผมทองบนเก้าอี้ที่ดูจะอิ่มกับมื้อกลางกลางวันเรียบร้อยแล้ว


    “งั้น มาต่อกันเลยมั้ย?”


    “ไม่เอานะ! ขอร้อง!” เสียงคัดค้านดังขึ้นแทบจะทันที พร้อมกับการขยับพรืดของร่างกายที่ตอบสนองได้ไวพอกัน แม้คางาริจะรู้อยู่แก่ใจว่าหญิงสาวท่าทางใจดีคนนี้เป็นโคออดิเนเตอร์ที่มีพละกำลังเหนือกว่าเธอในทุกๆ ด้าน เพราะฉะนั้นถึงจะพยายามดิ้นรนแค่ไหน ผลก็มีแต่เธอจะหมดแรงฟรี เสียก็แต่ว่า...จนบัดนี้สัญชาตญาณมันก็บอกให้หนีทุกครั้งไปสิน่า!


    “เอางี้มั้ย...มาตกลงกันดีกว่า” น้ำเสียงร่าเริงของลูน่าเอ่ยขึ้น ทำเอาคนเพิ่งตั้งการ์ดต้องลดมือลงด้วยความสงสัย


    “ตกลงเหรอ...?”


    “ฉันสัญญาว่าจะไม่แต่งหน้านาน ถ้าหากเธอยอมนั่งนิ่งๆ เป็นไง??” ใช้เวลาตรึกตรองครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบฉับ


    “ไม่เอา” คำยืนยันที่คนพยายามเกลี้ยกล่อมได้แต่ถอนหายใจเฮือกอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะหมุนตัวไปหยิบแปรงหวีผมออกมาจากลิ้นชัก


    “ให้ตายซี่~ รู้สึกเปล่าผู้หญิงทุกคนก็สวยได้กันทั้งนั้นนะ” ริมฝีปากบางพร่ำพูดต่อระหว่างหวีผมคนตรงหน้าอย่างเบามือ “แล้วเราก็ต้องรู้จักใช้ความสวยนั่นให้เป็นประโยชน์ด้วยรู้มั้ย”


    คำสอนที่คนฟังได้แต่กลอกตา แต่ก็ไม่ได้เอ่ยทักท้วงอะไร บางครั้ง...เธอก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างประหลาดเมื่ออยู่กับผู้หญิงคนนี้


    มือนุ่มไล้ตามเส้นผมเล็กละเอียดสีทองไปเรื่อย แล้วกล่าวต่ออย่างใจเย็น “แต่ความสวยนั่นไม่ได้หมายความถึงภายนอกอย่างเดียวหรอกนะ คนเราจะต้องมีความงดงามจากภายในด้วย”


    “คำพูดเชยชะมัด” คางาริไม่ได้คิดจะหาเรื่อง เพียงแค่อยากจะบอกความจริงก็เท่านั้น ก็แหม่...ที่ผ่านมาเธอได้ยินคำพวกนี้มากี่ครั้งแล้วนะ? สอง...หรือสามร้อยครั้งได้มั้ง...


    แทนที่จะโกรธหญิงสาวกลับระบายรอยยิ้มน้อยๆ และแปรงผมต่อไปเงียบๆ “ถึงแม้มันจะเชย แต่ก็มีใครอีกหลายๆ คนที่ไม่เข้าใจความหมายตั้งเยอะ” พูดพลางเหลือบตามองลงมา ทำเอาคนถูกมองอดเลิกคิ้วไม่ได้


    “อะไร?”


    “สำหรับใครบางคนที่มีความงามในจิตใจอยู่แล้ว คราวนี้ก็ต้องสนใจดูแลภายนอกบ้างล่ะนะ” ลูน่ากล่าวสรุปพลางขยิบตาให้เธอทีนึง ทำเอาสาวน้อยผมทองถึงกับใบหน้าร้อนผ่าว


    ลูน่าต้องการสื่ออะไรกันแน่? จะบอกว่าฉันเป็นคนดีรึไง? เฮอะ~!


    “ฉันไม่มีความงดงามอะไรที่ว่านั่นหรอก” คางาริบ่นพึมพำเบาๆ ทว่ากลับไม่รอดโสตประสาทของคนหูดีไปได้ ลูน่าส่ายหน้าปฏิเสธน้อยๆ ก่อนจะเหลือบมองภาพสะท้อนในกระจกด้วยสีหน้าอ่อนโยน


    “สิ่งที่ว่ามันก็อยู่นี่ไงล่ะ...คางาริ เธอเป็นคนใจดีออก--”


    “ทั้งที่เธอยังไม่รู้จักฉันดีพอเลยแท้ๆ”


    “…อย่างเธอน่ะ แค่มองตาเธอก็รู้แล้วล่ะ ดวงตาสีทองนั่นเต็มไปด้วยความกล้าหาญและอบอุ่น...นั่นล่ะคือสิ่งที่ฉันเห็น” ชั่วขณะหนึ่งที่คางาริเกือบเผลอตัวเชื่อคำพูดของหญิงสาวตรงหน้าเข้าแล้ว


    …แต่เดี๋ยวก่อนสิ! คำพูดพวกนี้มันไร้สาระชัดๆ! จะมาบอกว่ารู้จักฉันดีจากการมองตาเนี่ยนะ??? ขำตายล่ะ...


    แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เจ้าหญิงแห่งออร์บเลือกที่จะเงียบ


    “และเธอเองก็สวยอยู่แล้ว คางาริ” พูดต่อพลางขยับรอยยิ้ม “แค่ต้องฝึกทำตัวให้เป็นผู้หญิงมากกว่านี้หน่อย”


    คำชมที่คนถูกชมได้แต่ขยับรอยยิ้มแหย บางครั้งคำพูดของลูน่าก็ปลุกส่วนที่หลับใหลมานานของเธอให้ตื่นขึ้นมานิดนึง...ความเป็นหญิงในตัวเอง...ความจริงที่ลืมไปนานแล้วว่าเธอเองก็เป็น...ผู้หญิง...


    “ในที่สุดก็เจอเสียที!” เสียงกังวานใสดังขึ้นจังหวะเดียวกับที่ประตูบานใหญ่ของห้องถูกเปิดออก เผยให้เห็นเรือนร่างเล็กบางของสเตลล่าที่มาพร้อมกับชุดกระโปรงสีเขียวหยกในมือ เด็กสาวขยับรอยยิ้มกว้างขณะชูชุดราตรีให้แขกผู้มีเกียรติดูเห็นอย่างตื่นเต้น


    “สวยมากใช่มั้ยล่ะคะ”


    ภาพที่ทำให้ความเป็นหญิงในตัวเมื่อครู่หายไปแทบจะทันที ก่อนความก๋ากั่นจะสั่งให้ปากโพล่งสิ่งที่ใจคิดออกไปด้วยความรวดเร็ว


    “ฉันไม่อยากใส่กระโปรง~~~!!!”


    + + + + + +


    อัสรันสาวเท้าเดินเข้ามาในบูติกก่อนเวลานัดสิบนาที ชายหนุ่มร่างสูงอยู่ในชุดทักสิโด้สีเข้มเข้ากันได้ดีกับใบหน้าหล่อเหลาเรียบสงบของเจ้าตัว
    ไม่นานนักสเตลล่าก็เดินออกมาทักด้วยรอยยิ้ม ขณะกล่าวต้อนรับเสียงใส


    “ยินดีที่ได้พบคุณอีกครั้งนะคะ ท่านประธานซาล่า”


    ทว่าภาพสาวน้อยร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้านั้นกลับดูไม่จืดเอาเสียเลย ใบหน้าเนียนใสดูอ่อนล้าเช่นเดียวกับสภาพร่างกายที่ดูอ่อนแรงไปมากผิดกับเมื่อตอนกลางวันลิบลับ


    “เป็นอะไรรึเปล่า คุณลูซิเอ้?”


    สเตลล่าส่ายหน้าเชิงปฏิเสธอย่างสุภาพ ก่อนสูดลมหายใจเข้าปอด “ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายหรอกค่ะ…” แต่แล้วคำพูดที่ว่าก็ต้องถูกกลบด้วยเสียงตะโกนที่ดังมาจากห้องข้างๆ แทน


    “ฉันไม่ยอมใส่..ไอ้...ไอ้ส้นสูงนรกนั่นเด็ดขาด!!”


    “แต่คางาริ...”


    “ไม่!”


    เสียงโวยวายชวนคุ้นหูเรียกเสียงหัวเราะจากประธานหนุ่มได้อย่างไม่ยากเย็น พร้อมกับความคิดในใจที่ว่า บางทีคุณลูซิเอ้อาจจะประมาณเลขาฯ ส่วนตัวของเขาต่ำไปหน่อยตอนที่บอกว่าจะใช้เวลาแต่งตัวเจ้าหล่อนแค่หกชั่วโมง...บางทีเวลาทั้งคืนอาจจะยังไม่พอด้วยซ้ำ!


    หญิงสาวเจ้าของร้านปัดปอยผมสีทองที่หล่นลงมาเคลียแก้มไปด้านหลังด้วยสีหน้าอ่อนใจ


    “ดิฉันต้องขอประทานโทษด้วยจริงๆ นะคะ ท่านประธาน คุณคางาริเธอไม่อยากใส่กระโปรงจริงๆ ค่ะ”


    “ผมเข้าใจครับ”


    แกร๊ก~


    เสียงลูกบิดดังขึ้น ก่อนประตูไม้บานใหญ่สีขาวจะเปิดออกเผยให้เห็นเรือนร่างบอบบางของหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังสาวเท้าเดินตรงมาข้างหน้าอย่างเก้ๆ กังๆ


    ทว่ากลับเป็นการยากเหลือเกินสำหรับคนอย่างเขาที่จะห้ามไม่ให้ตัวเองแสดงอาการอ้าปากค้าง!


    ...ช่วงชีวิตตลอด 20 ปีที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่อัสรัน ซาล่าแห่ง ZAFT...พูดไม่ออก!!


    บุคคลที่ยืนอยู่เบื้องหน้าคือเลขาฯ ส่วนตัวของเขาไม่ผิดแน่ ที่แปลกไปก็คือผู้หญิงตรงหน้าบัดนี้กลายเป็นกุลสตรีอย่างสมบูรณ์ เรือนผมสีทองถูกปล่อยลงมาเคลียไหล่กลมมนทั้งสองข้างผูกด้วยริบบิ้นเส้นเล็กสีเขียวดูเรียบร้อยไม่ชี้ฟูอย่างทุกครั้ง ลำคอยาวระหงประดับด้วยจี้ห้องคอสีทองเข้าชุดกับกำไลและต่างหูสีเดียวกันที่ส่องประกายล้อแสงไฟจากโคมระย้าเบื้องบนวิบวับ ใบหน้าขาวเนียนที่แม้ไม่ได้รับการตกแต่งมากมายนัก ทว่าเพียงแค่ลิปสติกสีชมพูอ่อนและการปัดแก้มเบาๆ กลับทำให้เธอดูสวยหวานสมหญิงขึ้นมาอย่างประหลาด


    เรือนร่างแบบบาอยู่ในชุดราตรีสีเขียวหยกเปิดไหล่ข้างหนึ่งเผยให้เห็นสัดส่วนกลมมนสมหญิงของเจ้าตัวได้อย่างดี ผ้าไหมสีอ่อนปลิวไสวน้อยๆ ยามหล่อนก้าวเดิน งดงามราวกับเทพธิดากรีก...


    ใบหน้าสวยมุ่ยน้อยๆ ขณะพยายามยกชายกระโปรงยาวกรอมเท้านั่นให้พ้นทางระหว่างก้าวเดินตรงไปข้างหน้า ท่าทางที่ทำให้เขาอดแปลกใจนิดๆ ไม่ได้ที่เห็นเจ้าหล่อนรับมือกับชุดราตรีได้ดีขนาดนั้น...ราวกับว่าเธอเคยสวมใส่มันเป็นประจำอย่างนั้นแหละ...ไม่น่าเป็นไปได้...ก็ยูละไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่ชอบแต่งตัวทำนองนี้เสียหน่อย…


    หลังจากปล่อยตัวเองให้ไล่สายตามองตามนานพอดู นัยน์ตาสีอำพันของคนถูกจ้องก็หรี่ลงเล็กน้อย ก่อนน้ำเสียงสะบัดอย่างไม่พอใจจะตามมา


    “มองอะไรอยู่ได้!”


    แทนที่จะหงุดหงิด รอยยิ้มบางเบากลับปรากฏขึ้นแทนที่ แน่นอนว่าไม่ใช่รอยยิ้มหยันอย่างเช่นทุกครั้ง..หากแต่เป็นรอยยิ้มที่...อ่อนโยน...ผิดกับทุกที


    อัสรันไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะบรัชออนรึเปล่าทำให้พวงแก้มของเลขาฯ สาวตรงหน้าดูจะมีเลือดฝาดกว่าปกติ คิดแค่นั้นก็ระบายรอยยิ้มขัน ก่อนร่างสูงจะสาวเท้าเดินเข้าไปไกล แล้วมือใหญ่ก็คว้าฝ่ามือเรียวบางมาจุมพิตเบาๆ ตามมารยาท


    “เธอสวยมากนะ” คำชมจริงใจที่ทำเอาใบหน้าหวานถึงกับร้อนผ่าวอย่างไม่นึกชินกับการกระทำของบุคคลตรงหน้า คางาริรีบดึงมือกลับทันที พยายามเบือนซ่อนดวงหน้าสวยที่เริ่มขึ้นสีเรื่อๆ ไปอีกทาง


    “ห...หุบปาก!”


    แม้จะแหวกลับไปเช่นนั้น แต่หญิงสาวกลับละสายตาจากร่างสูงโปร่งตรงหน้าไม่ได้เลยแม้สักนิด ชายผู้ดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ ยามนี้ดูหล่อเหลานักในชุดทักสิโด้สีดำสนิทพอดีตัวปลดกระดุมออกเล็กน้อยเผยให้เห็นเสื้อเชิ้ตเข้ารูปสีขาว เรือนผมสีน้ำเงินเข้มถูกหวีจัดเป็นทรงอย่างดูดีชนิดที่เหล่าสาวๆ ผู้คลั่งไคล้ในตัวเขาคงแทบละลายลงไปกองกับพื้นทันทีที่ได้เห็น


    เสียงหัวเราะขบขันดังขึ้นในเวลาต่อมา ใบหน้าคมเข้มพยักหน้าเบาๆ อย่างพึงพอใจ ก่อนหันไปพูดกับพนักงานสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ


    “ผมประทับใจมากที่คุณสามารถแต่งตัวเธอให้ได้สวยขนาดนี้ คุณลูซิเอ้”


    คำชมที่เรียกรอยยิ้มกว้างจากหญิงสาวผมบลอนด์และเพื่อนร่วมงานอีกคนแทบจะพร้อมกัน ร่างเล็กทั้งสองย่อกายลงตามมารยาท ก่อนสเตลล่าจะเป็นฝ่ายเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสดใส


    “ด้วยความยินดีค่ะ ท่านประธาน”


    “ค่าใช้จ่ายทั้งหมดลงบัญชีไว้ในชื่อผมแล้วกันนะ คุณลูซิเอ้”


    “รับทราบค่ะ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนตวัดสายตากลับมามองคู่เต้นคนข้างๆ ที่จนบัดนี้ใบหน้าหวานก็ยังคงขึ้นสีแดงระเรื่อ อัสรันขยับยิ้มอีกครั้ง ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล


    “เราจะไปกันได้รึยัง?” โดยไม่รอคำตอบ มือใหญ่ก็ฉวยข้อมือเรียวบางเข้าเสียก่อน ต่างก็แต่ว่า...ครั้งนี้ไม่ได้ใช้กำลังบังคับขู่เข็ญ...
    การกระทำ...อ่อนโยนกว่าทุกที..


    พนักงานสาวทั้งสองคนมองดูภาพชายหนุ่มร่างสูงจูงมือหญิงสาวผมทองออกจากร้านไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พลางโบกมือให้ลูกค้าคนใหม่ด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข


    “ลาก่อนนะ คางาริ”


    + + + + + +


    หญิงสาวผมทองนั่งเงียบมาตลอดทางบนรถสปอร์ตสีแดงเข้มของบุรุษคนข้างๆ ร่างเล็กออกอาการขึงเครียดอย่างคนทำอะไรไม่ถูกพักหนึ่ง ก่อนสายตาจะไปหยุดที่วิทยุตรงหน้า แล้วนิ้วเล็กๆ ก็กดเปลี่ยนช่องสถานีทันทีอย่างไม่คิดจะถามคนเป็นเจ้าของเลยสักนิด


    ไม่นานนักมือของคนขับก็เลื่อนปุ่มกลับไปช่องเดิมโดยไม่แม้แต่จะชายตากลับมามองเลยด้วยซ้ำ! เรียกความหงุดหงิดแล่นปราดขึ้นในใจคนหัวดื้อ ก่อนสงครามประสาทของเขาและเธอจะเริ่มขึ้น...


    คางาริกดเปลี่ยน


    อัสรันเลื่อนกลับ


    คางาริกดเปลี่ยน


    อัสรันเลื่อนกลับ


    เปลี่ยนช่อง


    เลื่อนกลับ


    เปลี่ยนช่อง


    เลื่อนกลับ


    เปลี่ยนช่อง


    เลื่อนกลับ


    วนต่อไปเรื่อยๆ จนในที่สุด คนที่มีความอดทนต่ำกว่าก็ยอมแพ้โอดครวญขึ้นมาเสียก่อน


    “ให้ตายสิ! ก็ฉันอยากฟังสถานีอื่นนี่!”


    “ไม่ได้”


    “อ๊ากกก ทำไมยะ!”


    “เพราะต่อไปจะเป็นเพลงของลักซ์” สิ้นคำกล่าว ดีเจก็ประกาศชื่อเพลงต่อไปทันที ‘ค่ำคืนอันเงียบสงบ โดยลักซ์ ไคลน์’


    นั่นทำให้สาวเจ้ายอมเงียบและนั่งนิ่งอยู่กับที่แต่โดยดี ดวงตาสองข้างปิดสนิทระหว่างปล่อยใจให้เคลิบเคลิ้มไปกับเสียงไพเราะอ่อนหวานดังนางฟ้าของไอดอลสาวที่แสนคุ้นเคย


    แต่แล้วบรรยากาศอันน่าผ่อนคลายนั้นก็ต้องสลายไปเมื่อเสียงโทรศัพท์แสบแก้วหูดังขึ้นแทน


    “ชี่~~!!” คางาริส่งเสียงลอดไรฟันออกมาอย่างหงุดหงิด แต่เมื่อนิ้วมือกดปุ่มรับสายก็พลันต้องชะงัก


    “คางาริ~~~!!!!!!!!!! เธอไปมุดหัวอยู่ที่ไหนเนี่ยยยยยยยยยยยยยยย!!!!” เสียงทุ้มห้าวที่ตะคอกมาตามสายทำเอาหญิงสาวต้องดึงโทรศัพท์ออกห่างหูด้วยความเร็วแสง ใบหน้าสวยปรากฏรอยยิ้มแหยเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาอยากรู้อยากเห็นของโคออดิเนเตอร์หนุ่มข้างกาย


    “อัฟเหม็ด ใจเย็นหน่อยซี่”


    “ใจเย็นงั้นเหรอ!! คางาริ! นี่เธอหายหัวออกไปจากบ้านมาตั้ง 6 ชั่วโมง 31 นาที 19 วินาทีกับอีก 73 เสี้ยววินาทีแล้วนะแม่คุณ!! แล้วยังจะมาบอกให้ฉันทำใจเย็นๆ อีกเรอะ ห๊า~~!!”


    “เพราะงั้นฉันถึงบอกให้ใจเย็นยังไงเล่า!!” เสียงแหลมเล็กตวาดสู้กลับไปด้วยความดังพอกัน ทำเอาคนหูดีอดไม่ได้ที่จะเบ้หน้านิดๆ ด้วยความรำคาญ


    ครู่หนึ่งที่เสียงตะคอกเงียบลง...ดูเหมือนฝ่ายนั้นจะขึ้นเสียงสู้เธอไม่ได้เสียละมั้ง...


    คางาริสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะว่าต่อ “ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า อย่าโมโหซี่...ตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหนน่ะเหรอ?” คำกล่าวสุดท้ายหันไปถามคนขับรถที่ไม่มีแม้แต่จะชายตามอง “ฉัน..อ่า กำลังจะไปงานเลี้ยงน่ะ...หือ? โธ่ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันดูแลตัวเองได้น่า...อ๊ากก! ก็บอกแล้วไงเล่า! ...อือ กลับก่อนเที่ยงคืนอยู่แล้วล่ะ..เออน่า~ ...งืม...อือ...อย่าห่วงเลยน่า...รู้แล้วน่ะ รู้แล้ว...อือๆ ...แค่นี้นะ”


    อัสรันเหลือบตามองภาพเลขาฯ ส่วนตัวกดวางสายพลางถอนหายใจยาวยืดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด


    เมื่อกี้คงจะเป็นอัฟเหม็ด...ผู้ชายเมื่อคืนก่อน...


    ในที่สุดเขาก็อดเก็บความสงสัยไว้ในใจไม่ไหว เสียงทุ้มห้าวดังขึ้นอย่างพยายามปรับให้เรียบที่สุด


    “ตาอัฟเหม็ดนั่นใคร?”


    “หือ?” คางาริกะพริบตาสองสามครั้งอย่างงุนงง ก่อนเอ่ยตอบอย่างว่าง่าย “อ๋อ อัฟเหม็ดนะเหรอ? เขาเป็นเพื่อนสมัยเด็กของฉันบนโลกน่ะ”


    อัสรันพยักหน้ารับรู้ ไม่กล่าวอะไรต่อ นัยน์ตาสีเขียวคู่สวยยังคงจับจ้องอยู่บนถนนเบื้องหน้า


    สรุปว่าเจ้าอัฟเหม็ดนั่นเป็นเพื่อนสนิทเธอ...และมีความเป็นไปได้ว่าน่าจะเป็นเนเชอรัลด้วยสินะ


    ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ปล่อยให้ความเงียบชวนอึดอัดโรยตัวล้อมรอบสักพักใหญ่ จนกระทั่งรถยนต์ราคาแพงนั้นเลี้ยวเข้าที่จอดรถในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง..สถานที่จัดงานเลี้ยงที่ว่า...


    ร่างสูงก้าวลงจากรถเป็นคนแรก ก่อนจะเดินอ้อมมายังประตูข้างคนขับเพื่อเปิดประตูให้ตามมารยาท มือใหญ่ผายออกมาข้างหน้าพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ ที่ทำเอาคนถูกปฏิบัติดีด้วยถึงกับงงเต๊ก


    “นายใจดีเกินไปแล้วมั้ง”


    คำกล่าวที่เรียกสายตาใสซื่อแปลกๆ จากอัญมณีมรกตคู่งามที่แม้แต่เธอก็ยังต้องยอมรับว่าช่างดู...น่ารักเสียจริงๆ...


    “ไม่ชอบเหรอ?”


    หญิงสาวพ่นลมหายใจเฮือก “มีแต่จะทำให้น่าสงสัยน่ะสิ”


    “ไม่ว่าฉันจะทำอะไรเธอก็สงสัยทุกเรื่องอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”


    “นั่นมันก็จริงหรอก ว้าย!” คางาริเผลอตัวร้องเสียงหลงเมื่อมือเล็กๆ ถูกคนตรงหน้าจับไว้และดึงพรวดออกมาจากรถ ทำเอาคนไม่ทันตั้งตัวถึงกับหัวเสีย


    “ทำอะไรน่ะ!”


    “ก็เธอไม่ยอมออกมาสักที ฉันถึงต้องช่วยไงล่ะ” อัสรันกล่าวตอบเรียบๆ ทั้งยังไม่ยอมปล่อยมือ


    นัยน์ตาสีน้ำผึ้งตวัดไปมองอย่างเอาเรื่อง แต่ทว่าเมื่อเห็นรอยยิ้มบางเบาและสายตาเชิงขอโทษกลับมาใบหน้าสวยก็ถึงกับหน้าขึ้นสีอีกหน


    “หนวกหู...” คำตอบที่เรียกเสียงหัวเราะหึเบาๆ แล้วคนตัวสูงกว่าก็จูงมือหญิงสาวตรงไปยังอาคารใหญ่เบื้องหน้า ตลอดทางแม้คางาริจะพยายามดึงมือออกยังไง ชายหนุ่มตรงหน้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยมือเลยสักนิด ทันทีที่เหล่าทหารยามเห็นร่างของประธานสภาฯ ชายเหล่านั้นก็กรูกันเข้ามาต้อนรับและนำทางทั้งคู่ไปยังสถานที่จัดปาร์ตี้...นั่นคือห้องโถงกว้างใหญ่ที่รายล้อมด้วยสวนดอกไม้งดงามนานาพันธุ์...


    และแน่นอนว่าอัสรัน...ยังคงจับมือเธอไว้แน่น...สร้างความลำบากใจให้เธอไม่น้อยเลยทีเดียว


    “อัสรัน!”


    น้ำเสียงคุ้นเคยทำเอาคางาริถึงกับชะงัก เมื่อหันไปเห็นยัยผู้หญิงหน้าเหมือนลักซ์วิ่งระริกระรี้เข้ามาหา เรือนร่างสมส่วนอยู่ในชุดราตรีสีเข้มวาบหวามยาวจรดพื้น เรือนผมสีชมพูอ่อนที่เคยยาวถึงกลางหลังบัดนี้ถูกตัดสั้นเหลือเพียงไหล่ ใบหน้าสวยยิ้มหวานมาแต่ไกลจนกระทั่งเห็นมือของ ‘ผู้ชายที่หมายปอง’ เกาะกุมอยู่กับ ‘ยัยศัตรูตัวฉกาจเข้า’ นั่นแหละ คิ้วเรียวถึงกับกระตุกเล็กๆ ก่อนตวัดนัยน์ตาสีฟ้าอ่อนไปยังหญิงสาวผมบลอนด์อย่างหาเรื่อง แล้วจึงกลับมาฉีกยิ้มหวานให้บุรุษตรงหน้าเหมือนเดิม


    “ฉันดีใจมากที่ได้เจอคุณอีกครั้งนะคะ ท่านประธานซาล่า” ไม่พูดเปล่าเจ้าหล่อนยังแทรกตัวเข้ามานัวเนียด้วยอีกต่างหาก จนในที่สุดมีอาร์ก็สามารถปลด ‘สิ่งรำคาญลูกตา’ ให้หลุดออกมาจนได้


    “สวัสดีค่ะ คุณคางาริ หวังว่าคุณคงสบายดีนะคะ” เธอพูดก่อนหันมาฉีกยิ้มหวานจอมปลอมให้ แน่นอนว่าคางาริก็ขยับยิ้มหวานหลอกๆ นั่นกลับทันทีเหมือนกัน


    “เช่นกันค่ะ มีอาร์ ดิฉันอภิมหาจะสบายดี คงไม่เหมือนกับคุณที่ช่วงนี้สบายน้อยหรอก จริงมั้ยคะ” น้ำคำแดกดันที่กล่าวเรียบๆ เรียกสายตาไม่พอใจได้ชะงัดนัก


    “ระวังปากหน่อยเถอะ แม่เนเชอรัล” ถ้อยคำบริภาษเอ่ยดังพอจะให้เธอได้ยิน ก่อนหญิงสาวจะเบี่ยงเบนความสนใจไปยังบุรุษร่างสูงข้างๆ รอยยิ้มหวานหยดย้อยถูกงัดมาใช้อีกครั้ง


    “ฉันไม่เคยคิดเลยนะคะ ว่าคุณจะยอมลดตัวลงมาคบค้าสมาคมกับพวกเนเชอรัลอย่างนี้น่ะค่ะ ท่านประธาน”


    ได้ยินเช่นนั้นคางาริถึงกับเผลอตัวกำหมัดแน่น แต่แล้วร่างบางก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆ ก็รู้สึกได้ถึงท่อนแขนแข็งแรงที่โอบรัดสะโพกบางของเธอไว้แน่น นัยน์ตาสีอำพันตวัดมองคนกระทำการอุกอาจข้างๆ ด้วยสีหน้าไม่ใคร่จะพอใจนัก


    อัสรันขยับรอยยิ้มบางเบา ก่อนเอ่ยตอบราบเรียบแต่ชัดเจน


    “ผมว่ามันคงไม่เหมาะนักที่คุณจะพูดจาแบบนั้นกับ ‘คู่ควง’ ผมคืนนี้นะครับ คุณแคมเบลล์” คำเน้นหนักที่คางาริได้แต่เบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง เช่นเดียวกับมีอาร์ที่ถึงกับชักสีหน้าเหวอเลยทีเดียว


    “ค...คู่ควงงั้นเหรอคะ? ต...แต่คุณมีคู่หมั้นแล้วนะคะ!”


    ชายหนุ่มพยักหน้าตอบด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “ใช่ครับ แต่ผมก็ยังไม่ได้แต่งงานนี่นา ในเมื่อฝ่ายนั้นมีอิสระที่จะคบหากับสุภาพบุรุษท่านอื่นอย่างเสรี ตัวผมเองก็น่าจะมีสิทธินั้นเช่นกันครับ”


    รอยยิ้มหยันปรากฏใบหน้าเนียน นึกสะใจกับปฏิกิริยาของยัยแม่มดตรงหน้าอย่างที่สุด ขณะที่อีกฝ่ายใช้เวลาครู่หนึ่งในการปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เธอสะบัดผมสีชมพูยาวประบ่านั่นไปข้างหลัง ก่อนจะกลับมาฉีกยิ้มกว้างให้เหมือนเดิม


    “ฉันว่าที่คุณพูดมันก็ถูกนะคะ อัสรัน แต่ตอนนี้ฉันคงต้องขอตัวก่อน” มีอาร์พูดเจื้อยแจ้วก่อนจะส่งสายตาอาฆาตทิ้งท้ายมายังคางาริ แล้วร่างบางก็หมุนตัวเดินจากไปพร้อมกับกลุ่มฝูงชนตรงหน้า


    ภาพที่อัสรันอดไม่ได้ที่จะขยับรอยยิ้มพึงใจนิดๆ ความจริงเขาเองก็ไม่อยากจะพูดจาทำร้ายจิตใจเธอแบบนั้นหรอก เพียงแต่..มีอาร์ทำให้ความอดทนเขามาถึงขีดสุดทุกครั้งไปสิน่า


    “แล้ว...เมื่อไหร่จะเอามือนายออกไปสักทียะ?” เสียงแหวเดิมๆ ดังขึ้นในเวลาต่อมา แถมไม่พูดเปล่าแม่คุณยังส่งสายตาจิกกัดมาให้ด้วย แล้วไหนจะอาการดิ้นไปดิ้นมาอยู่ไม่สุขนี่อีกเล่า


    ดื้อจริงๆ...


    “ฉันไม่ปล่อยหรอก”


    คำตอบเรียบที่เรียกอารมณ์กรุ่นเมื่อครู่ให้ทวีความโกรธขึ้นโดยฉับพลัน


    “บ้าชะมัด” หญิงสาวอุทานเบาๆ อย่างเหลืออด พลันร่างเล็กก็ศอกเข้าที่ท้องน้อยคนข้างๆเต็มแรง! ทำเอาคนถูกทำร้ายถึงกับบ่นอุบยอมปล่อยมือจากเธอชั่วขณะ คางาริฉวยจังหวะนั้นหนีออกมาโดยไม่ลืมจะหันมาแลบลิ้นเย้ยหยันใส่เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินกลืนกับเหล่าฝูงชนหายไป


    + + + + + +


    ฉันนี่โง่ชะมัดเลย


    ความคิดที่วูบเข้ามาในสมองทำให้เธอได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงตก เมื่อเดินไปทางไหนก็เจอแต่กลุ่มคนไม่คุ้นหน้าเต็มไปหมด อีกอย่าง...ตอนนี้เธอเองก็ไม่มีความคิดหรือแผนการดีๆ ที่จะทำเลยเสียด้วยสิ


    เพราะงั้นก็เลยไม่รู้ว่าจะไปไหนดี...


    ทั้งที่คิดแค่ว่าอยากจะออกห่างจากตาซาล่าให้ไกลที่สุดเท่านั้นเอง...



    คางาริไม่ชอบการทำตัวเป็นสุภาพบุรุษของหมอนั่นเอาเสียเลย...ยิ่งทำก็ยิ่งดูน่าสงสัย...โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเนเชอรัลที่เขาเกลียดนักหนาอย่างเธอด้วยแล้ว!! หญิงสาวได้แต่นั่งคิดถึงความเป็นไปได้ร้อยแปดประการที่ทำให้จู่ๆ เจ้านายเธอนึกอยากปฏิบัติตัวน่ารักกับลูกน้องขึ้นมาเสียเฉยๆ


    บางทีหมอนี่อาจจะกินยาผิด...หรือไม่ก็โดนแมลงกลายพันธุ์กัดเอา...หรือว่าจะถูกมนุษย์ต่างดาวจับตัวไปทดลองกันนะ!?...เอ๊ หรือว่าหมอนี่ความจริงแล้วเป็นโคลนนิ่ง...!!!


    ให้ตาย ยิ่งคิดก็ยิ่งเพ้อเจ้อ...ที่ฉันต้องคิดอะไรเพี้ยนๆ แบบนี้ก็เป็นเพราะการทำตัวผิดมนุษย์มนาของอีตาซาล่านั่นแท้ๆ เชียว...



    “คุณคางาริ” เสียงเรียกชื่อทำเอาสาวผมบลอนด์ถึงกับชะงักฝีเท้า ทำให้ถูกชายคนข้างหลังเดินชนเข้าอย่างจังจนร่างบอบบางหวิดจะเซถลาตามแรงกระแทกเสียแล้ว คางาริกัดฟันกรอดอย่างหงุดหงิด ก่อนหมุนตัวกลับหมายจะต่อว่าคนก่อเรื่องด้วยความรู้สึกโมโหเต็มแก่ แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องชะงักเมื่อภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือเรือนร่างบอบบางของสตรีผมสีชมพู...ผู้ที่เธอพิศแล้วเพ่งอีกจนแน่ยัยว่าไม่ใช่ยัยแสบมีอาร์แน่ๆ ใบหน้าหวานจึงค่อยระบายรอยยิ้มโล่งใจ


    “ขอบคุณพระเจ้า ลักซ์ ดีใจจังที่เจอเธอ!”


    ไอดอลสาวแห่ง PLANT ขยับรอยยิ้มอบอุ่นมาให้ ร่างเล็กอยู่ในชุดราตรีสีชมพูปักลูกไม้สีขาวยาวกรอมพื้นที่เธออดไม่ได้ที่จะยืนมองด้วยความชื่นชม หญิงสาวตรงหน้ามีเรือนร่างที่สมบูรณ์แบบจริงๆ ...งดงามทุกกระเบียดนิ้วเสียจนผู้หญิงทุกคนต้องอิจฉา! (แต่ก็แน่ล่ะ ละเธอไว้คนนึงแล้วกัน...ก็เธอไม่ค่อยจะนับรวมเป็นผู้หญิงปกตินี่นา) เรือนผมสีชมพูยาวสลวยถูกรวบเป็นทรงสูงประดับด้วยอัญมณีเม็ดงาม เผยให้เห็นใบหน้าขาวใสที่แต่งแต้มแค่เครื่องสำอางอ่อนๆ แต่นั่นก็เพียงพอให้นักร้องสาวดูเปล่งประกายงดงามยิ่งกว่าทุกวันแล้ว


    “ฉันดีใจนะคะที่คุณมา” เสียงหวานเอ่ยขึ้นเรียกรอยยิ้มบางให้ปรากฏบนใบหน้าเนียนครู่หนึ่งอย่างยินดีเช่นกัน


    “มากับคิระเหรอ?”


    “ใช่ค่ะ ตอนนี้คงกำลังนั่งรออยู่ที่โต๊ะ” ลักซ์ตอบพลางพยักเพยิดไปยังทิศทางดังกล่าว ก่อนจะขยับยิ้มอย่างชื่นชม “วันนี้คุณสวยมากเลยนะคะ! ฉันพนันได้เลยว่าอัสรันคงไม่ยอมละสายตาจากคุณไปไหนแน่ๆ เลยค่ะ”


    คำชมตรงๆ ที่เรียกสีใบหน้าขาวให้ซับสีเลือดแดงระเรื่อ ทว่าปากกลับตัดสินใจพูดในสิ่งตรงข้ามแทน


    “อย่าพูดให้ฝันร้ายหน่อยเลย!” คำตอบที่ลักซ์หัวเราะกิ๊ก


    “ไม่ว่าคุณจะพูดยังไงก็เถอะ แต่ฉันก็คิดว่าคุณสวยจริงๆ นะคะ คางาริ เมื่อครู่ฉันยังจำแทบไม่ได้ว่าคุณคือคนๆ เดียวกับที่ฉันเคยพบที่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าคราวนั้น”


    “พอได้แล้วน่า ลักซ์...สยองจะตายอยู่แล้ว” หล่อนพูดปัดพลางยกมือสองข้างขึ้นกอดอกทั้งใบหน้ายังติดแดงๆ อยู่


    อาการที่เรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากสตรีร่างเล็กข้างๆ อีกระลอก


    + + + + + +


    “อ..อัสรัน....??”


    “หือ..คิระ?”


    อัสรันตวัดสายตาไปยังเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันบนโต๊ะกลมสีขาวขนาดสำหรับสี่ที่ เขตพิเศษที่ถูกกั้นด้วยเส้นสีแดงสำหรับแขก VIP เท่านั้น
    แทนที่จะมองหน้าคู่สนทนา นัยน์ตาสีม่วงกลับจดจ้องไปยังแก้วไวน์ของตัวเองด้วยสีหน้าหนักใจ ก่อนร่างสมส่วนจะขยับตัวเข้าไปใกล้ พลางสูดลมหายใจเข้าปอด


    “อ..อัสรัน...ฉัน...มีเรื่องบางอย่างอยากจะบอกนาย...”


    ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินได้แต่เลิกคิ้วสูงอย่างงุนงงกับท่าทางที่แปลกไปของคนตรงหน้า อมิธิสต์คู่สวยที่เคยสงบอยู่เสมอตวัดกลับมาสบตาเขานิ่งอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน


    “มีอะไรรึเปล่า..คิระ?”


    “อ่า...คืองี้นะ อัสรัน...คือว่า...”


    “คิระคะ อัสรัน~”


    บรรยากาศตึงเครียดเมื่อครู่ถูกทำลายลงในพริบตาที่เสียงกังวานใสของเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงดังขึ้น ก่อนร่างเพรียวบางจะเดินตรงมาที่โต๊ะพร้อมกับหญิงสาวผมทองอีกคน


    ทันทีที่เห็นหน้าคู่หมั้น อัสรันก็ผุดลุกขึ้นด้วยความรวดเร็ว ร่างสูงก้มลงจุมพิตเบาๆ ที่แก้มแฟนสาวพร้อมเอ่ยคำชมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล


    “วันนี้คุณสวยมากนะ ลักซ์”


    “เอ๋...อย่างนั้นเหรอคะ...?” ไอดอลสาวหัวเราะแห้งๆ อย่างหนักใจ แล้วตวัดนัยน์ตาสีฟ้าใสไปมองชายหนุ่มผมน้ำตาลใกล้ตัวที่รีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่นด้วยสีหน้าเศร้าหมอง


    “คิระ” น้ำเสียงร่าเริงของคางาริดังขึ้น ก่อนเจ้าหล่อนจะทรุดตัวลงบนที่นั่งว่างข้างๆ


    เมื่อชายหนุ่มขยับรอยยิ้มบางเบาส่งมาให้ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นร่างตรงหน้าเต็มตา คิระใช้เวลาชั่วครู่ในการเรียกสติ โคออดิเนเตอร์หนุ่มกะพริบตาสองสามครั้งอย่างชั่งใจ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นในที่สุด


    “นี่ผมฝันไปรึเปล่า...เธอยอมใส่กระโปรงจริงๆ เหรอเนี่ย??” คำกล่าวที่ทำเอาคนฟังชักสีหน้าหงิก


    “อย่าถามเลยน่า” คิระหัวเราะเบาๆ กับปฏิกิริยาดังกล่าว เขารู้ดีว่าไม่ควรจะพูดอะไรให้สะกิดใจแม่สาวผมบลอนด์เลือดร้อนคนนี้นักจึงตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องไปถามอะไรที่มันธรรมดากว่าแทน


    “แล้ว...ช่วงนี้เป็นไงมั่ง” แต่แล้วก็ต้องพบว่ามันแย่กว่า เมื่อสิ้นคำคางาริก็สาธยายกลับออกมาเป็นชุด


    “แย่! เซ็งชะมัดยาด ไหนจะต้องยอมทนใส่กระโปรงยาวเฟื้อย ไอ้ชุดราตรีบ้าๆ นี่ แถมวันดีคืนดีก็มีอีตาผู้ปกครองขี้จุกจิกเพิ่มมาเป็นสองคน ยัง...ยังไม่พอ! ล่าสุดก็มาเจออีตาโคออดิเนเตอร์ประสาทกลับนี่...เซ็ง..เซ็งจริงๆ!”


    คำตอบยาวยืดที่คนฟังได้แต่หัวเราะแหะๆ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจคำบ่นที่ว่าสักเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เธอคงจะหัวเสียน่าดูชมแหละ...ทั้งเรื่องถูกจับแต่งชุดนี่และก็อีกหลายๆ อย่าง...


    “อืม...อย่างนั้นเหรอ”


    นัยน์ตาสีน้ำผึ้งตวัดมาสบตาเขาครู่หนึ่ง ก่อนร่างบางจะถอนหายใจน้อยๆ อย่างรู้สึกผิด


    “ขอโทษนะคิระ ที่อารมณ์เสียใส่น่ะ ฉันก็แค่...” พูดได้แค่นั้นก็กลอกตากลับไปมองคนมีศักดิ์เป็นเจ้านาย “...กำลังหงุดหงิดจริงๆ”


    “ฮ่ะๆ นั่นสินะ...ผมก็พอจะเดาออกอยู่หรอก...ว่าแต่ ขนมปังกระเทียมหน่อยมั้ย??” ชายหนุ่มชักชวนเสียงใส พร้อมกับส่งตระกร้าขนมเล็กๆ ให้เธอด้วยรอยยิ้มอย่างหวังจะให้หญิงสาวอารมณ์ดีขึ้นบ้าง ซึ่งเธอก็ยอมยื่นมือรับอย่างยินดี


    “ขอบใจนะ”


    “เล็กน้อยน่า”


    แม้ใบหน้าคนพูดจะยิ้มแย้ม แต่ทว่าคางาริกลับสังเกตเห็นได้...ถึงแววตาเศร้าหมองที่ปรากฏอยู่บนอัญมณีเลอค่าคู่นั้น...


    + + + + + +


    งานเลี้ยงเชื่อมสัมพันธไมตรีก็เป็นเหมือนงานเลี้ยงบอลรูมทั่วๆ ไป เริ่มต้นด้วยการกล่าวสุทรพจน์ยาวยืด และเสร็จสิ้นด้วยการเปิดไวน์ซึ่งคางาริเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะทำกันไปเพื่ออะไร...เพราะสภาพท้องเธอตอนนี้ส่งเสียงครวญครางด้วยความอยากอาหารจะตายอยู่แล้ว... หลังจากเวลาล่วงเลยไปสักพัก สำรับก็ถูกนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะเสียที ทำเอาสาวน้อยผมทองเมื่อครู่ค่อยหายอารมณ์บูดหน่อยเมื่อรสชาติมื้อเย็นตรงหน้านั้นคุ้มค่ากับที่รอคอย


    เป็นเวลาหลายชั่วโมงที่อัสรันแทบไม่ได้เดินกลับมาที่โต๊ะเลย เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับรองแขกจากกองทัพโลก และเสียเวลาไปกับการทักทายเหล่าสหายเก่าในกองทัพ ขณะที่คิระกับลักซ์ดูจะสนุกสนานกับการเต้นรำกันดี


    เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็เหลือแค่เธอเฝ้าโต๊ะอยู่คนเดียว...นั่นทำให้เจ้าหญิงแห่งออร์บรู้สึกหงุดหงิดพอสมควร แต่ก็ใช่ว่าจะใส่ใจกับมันมากมายนัก ความจริงเธอเป็นฝ่ายปฏิเสธคำชวนของคิระเองด้วยซ้ำไป...แหงแหละ...เธอไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากเต้นรำกับคิระหรอกนะ แต่ว่า...คนอย่างคางาริ ยูละ อัสฮาเต้นรำเก่งเสียที่ไหนกัน...อีกอย่างไอ้ส้นสูงบ้าๆ นี่มันก็ทำให้อารมณ์ที่กรุ่นอยู่แล้วคุเข้าไปใหญ่ จะเดินจะเหินไปไหนก็ไม่สะดวก เพราะงั้นอย่าว่าแต่ออกไปเต้นรำเลย...แค่ลุกออกจากโต๊ะเธอยังไม่อยากทำเลยด้วยซ้ำ!


    ด้วยเหตุนี้เจ้าหล่อนก็เลยผลาญเวลาไปกับการจิบไวน์รสดีในมือแทนการสังสรรค์กับชาวบ้านเสียอย่างนั้น แล้วนัยน์ตาสีอำพันคู่โตก็เหลือบมองคู่หนุ่มสาวที่กำลังโลดแล่นอยู่บนฟลอร์เต้นรำตรงหน้า เรือนร่างบอบบางของนักร้องสาวสวยแห่ง PLANT กำลังอยู่ในอ้อมแขนชายหนุ่มร่างสมส่วนที่ดูจะมีความสุขมากกว่าเมื่อครู่มากนัก


    นี่ถ้าหากเธอไม่ได้รู้จักพวกเขามาก่อน...คงจะมองเห็นว่าเป็นคู่รักที่เหมาะสมกันมากทีเดียว...


    ความรู้สึกอิจฉาเล็กๆ แล่นปราดเข้ามาในจิตใจ ก่อนเจ้าตัวจะตัดสินใจข่มมันลงไป...จริงอยู่ที่เธอมีความรู้สึกดีๆ ให้กับคิระ แต่เธอก็ไม่มีสิทธิจะไปหึงหวงเขาอยู่ดี! อีกอย่าง...ลักซ์เองก็เป็นคู่หมั้นคู่หมายกับอัสรัน ซาล่าอยู่แล้ว...เรื่องที่จะมาคิดอะไรลึกซึ้งกับคิระก็คง...


    “โอ้...ดูซิว่าเจอใคร” คำกล่าวลอยๆ เรียกสายตาเธอให้เบือนขึ้นมาสบ แต่แล้วก็ต้องชักสีหน้าแหยทันทีเมื่อพบร่างสูงๆ ของบุคคลที่เธอเกลียดนักเกลียดหนา...ยูน่า โรม่า เซรัน...ในชุดทักสิโด้สีดำสนิท เรือนผมสีม่วงอ่อนถูกรวบไว้หลังต้นคออย่างเรียบร้อย ขณะขยับรอยยิ้มกริ่มส่งมาให้


    ทำเอาเธออยากจะสำลักไวน์ราคาแพงที่กินไปเมื่อครู่ชะมัด....


    “ต้องการอะไร!” น้ำเสียงแหลมเล็กตวาดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ แต่แล้วคางาริก็ต้องแปลกใจเมื่อจู่ๆ บุรุษตรงหน้าก็ดึงดอกกุหลาบแดงออกมาจากกระเป๋าและยื่นส่งให้เธอ


    “เลดี้แสนสวยอย่างคุณสมควรได้รับดอกกุหลาบจากคนรูปงามอย่างผมแล้วล่ะครับ”


    คำพูดหวานเลี่ยนที่เรียกอารมณ์ปึ๊ดให้ปรากฏบนใบหน้าเนียนทันที มือสองข้างเกร็งแน่นอย่างพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้หลวมตัวต่อยผู้ชายปัญญาอ่อนตรงหน้าเต็มกำลัง เพราะเธอเองก็ไม่อยากจะสร้างปัญหาในสถานที่แบบนี้เท่าใดนัก


    ในที่สุดคางาริก็ยอมยื่นมือไปรับดอกไม้แสนสวยตรงหน้า ก่อนเจ้าหล่อนจะจัดการโยนมันทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดี


    “ไสหัวไปซะ!” พูดจบก็ตวัดสายตาพิฆาตให้เป็นคำรบสองอย่างคนหงุดหงิดเต็มแก่....


    ให้ตาย...เธออยากจะกระทืบไอ้คนหน้าด้านนี่ให้แบนติดดินนักเชียว!


    เมื่อเห็นการกระทำของหญิงสาวตรงหน้า ยูน่าก็ชักสีหน้าเหยเกเหมือนคนเจ็บขึ้นมาทันควัน “อ๊า..พูดอะไรอย่างนั้น นี่เธอป่วยรึเปล่าน่ะสาวน้อย! จู่ๆ ก็มาบอกให้ฉันไสหัวไปซะ เป็นวิธีแก้เขินที่ดูไม่ดีเสียเลย~ เอางี้ มาเต้นรำด้วยกันดีกว่า” สิ้นคำเจ้าตัวก็ก้มตัวลงโค้งให้เธออย่างสุภาพ ก่อนจะส่งมือให้พร้อมรอยยิ้มอวดฟันขาวชวนแสบตา


    คำกล่าวที่คางาริได้แต่อ้าปากค้าง


    ...ห...หมอนี่....อ๊ากกก! หน้ามันฉาบด้วยปูนซีเมนต์รึไงวะเนี่ย!!


    และแล้วความอดนของเธอก็มาถึงที่สุดจนได้...


    “คนอย่างนายนี่มัน…! ไปห่างๆ ฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวยันอวัยวะส่วนบนของนายลงไปกองกับพื้น!” ไม่พูดเปล่าแม่คุณยังตั้งการ์ดเตรียมพร้อมจะซัดคนตรงหน้าอย่างปากว่าอีกต่างหาก ถ้าหากแรงดึงบริเวณข้อมือไม่เรียกสติของเจ้าหล่อนไว้ได้เสียก่อน


    “มีอะไรรึเปล่า คุณยูละ?” เสียงทุ้มห้าวอันคุ้นเคยดังขึ้นในเวลาต่อมาพร้อมกันกับร่างสูงๆ ของประธานสภาหนุ่มแห่ง ZAFT


    “ซาล่า!” ยูน่าเผลอตัวร้องเสียงหลง ก่อนจะตวัดสายตามองโคออดิเนเตอร์หนุ่มอย่างไม่สบอารมณ์ “มาทำอะไรที่นี่”


    “ฉันคงไม่จำเป็นต้องตอบคำถามนั่นละมั้ง” อัสรันตอบกลับเรียบๆ


    “ถ้าอย่างนั้นนายคงไม่ว่าอะไรสินะ ถ้าหากฉันจะขอชวนแม่สาวน้อยคนนี้เต้นรำด้วยสักเพลงน่ะ” ชายหนุ่มร่างเพรียวยังคงจ้องมองบุรุษตรงหน้าไม่เลิก


    “เสียใจด้วยนะ เห็นทีจะไม่ได้” พูดจบเจ้าตัวก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือของสตรีตรงหน้า เรียกสายตาขุ่นเคืองจากเจ้าหล่อนพอสมควร ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับท่านชายจากกองทัพโลก


    “เธอเป็นคู่เดทของฉันคืนนี้ และที่สำคัญฉันก็กะว่าจะชวนเธอไปเต้นรำพอดีเลย” สิ้นคำอัสรันก็หมุนตัวลากเลขาฯ ส่วนตัวของเขาเดินตรงไปยังฟลอร์เต้นรำเบื้องหน้าทันที


    + + + + + +


    “ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลย ให้ตาย” ชายหนุ่มผิวแทนเงยหน้าจากแก้วไวน์ในมือขึ้นสบตาเพื่อนซี้ฝั่งตรงข้ามที่ยังคงรักษาสีหน้าอารมณ์บูดทุกเวลาของเจ้าตัวได้เก่งเหมือนเดิม ก่อนจะตวัดสายตามองตามอีซาคไป


    แล้วดีอัคก้าก็สังเกตเห็นร่างของอดีตเพื่อนร่วมกองทัพกำลังเต้นรำอยู่กับสาวน้อยผมบลอนด์หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูคนหนึ่งอยู่กลางฟลอร์ ทั้งๆ ที่แน่ใจว่าไม่เคยเห็นมาก่อน ทว่าดวงหน้าอ่อนวัยนั้นกลับให้ความรู้สึกคุ้นเคยแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก


    “นั่นอัสรันเหรอวะ?”


    “มันก็แหงอยู่แล้วไม่ใช่รึไง” คำยืนยันที่เรียกรอยยิ้มหยันให้ปรากฏบนใบหน้ากร้านแดดทันที


    “โว้ว~ ไม่เลวนี่หว่า...ไอ้หมอนี่มันหาสาวสวยควงก็เป็นแฮะ” ผู้บัญชาการผมขาวได้แต่เลิกคิ้วน้อยๆ กับคำแซวของเพื่อนสนิท ก่อนจะตัดสินใจพูดเตือนความทรงจำคนหัวทึบกว่าปกติให้ระลึกชาติสักหน่อย


    “นั่นมันยัยเนเชอรัลคนนั้นต่างหากเล่า ไอ้บ้า”


    “ฮะ?”


    “ก็ยัยเนเชอรัลคนนั้นไง” อีซาคกล่าวย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงดูแคลนนิดๆ “แค่เห็นเจ้าหมอนั่นเต้นนำก็รู้แล้ว”


    “แต่โคออดิเนเตอร์ทุกคนก็ใช่ว่าจะเต้นรำเก่งสักหน่อยนี่” ดีอัคก้ากล่าวทักท้วง พลางขยับรอยยิ้มกริ่มอย่างคนตั้งใจกวนโมโห ซึ่งก็ทำได้ดีเสียด้วย...


    “เงียบไปเลย ดีอัคก้า! หรือจะให้ฉันเป็นฝ่ายจับนายโยนออกไปดี?” มือสองข้างของคู่สนทนาถูกยกขึ้นอย่างยอมศิโรราบแต่โดยดี ก่อนชายผมทองจะเป็นฝ่ายเอ่ยคำยอมแพ้ “คร๊าบๆ รับทราบ”


    นัยน์ตาสีฟ้าใสตวัดกลับไปมองภาพคู่เต้นตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนจะพึมพำเบาๆ อย่างอดไม่ได้


    “พิลึกชะมัด...”


    + + + + + +


    “เอามือสกปรกของนายออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ซาล่า!” คางาริเอ่ยเสียงเข้มพลางกัดฟันกรอดขณะพยายามขืนตัวจากการเกาะกุมของชายตรงหน้า


    “เธอน่าจะขอบคุณฉันมากกว่านะ หรือว่าจริงๆ แล้วอยากจะเต้นรำกับเจ้ายูน่านั่น?” น้ำเสียงรายเรียบที่เปี่ยมความตั้งใจกวนโมโหตอบกลับมา เรียกสายตาไม่พอใจจากหญิงสาวได้ชะงัด


    “ฉันไม่ได้ขอร้องให้นายช่วยสักหน่อย อีกอย่าง...แค่หมอนั่นคนเดียวฉันจัดการเองได้”


    “หือ?” อัสรันย้อนกลับพลางขยับยิ้มให้...แน่นอนว่าไม่ใช่รอยยิ้มอวดดีอย่างที่เคยทำประจำ “แต่ฉันไม่ได้โกหกเรื่องที่จะชวนเธอเต้นรำนะ” นัยน์ตาสีน้ำผึ้งเบิกกว้างทันทีเมื่อจู่ๆ เขาก็คว้ามือเธอมาวางบนไหล่กว้างของตัวเอง ขณะที่เอื้อมมืออีกข้างไปแตะที่สะโพกเล็ก แล้วคว้ามือบอบบางมากุมไว้แน่น


    “นี่นายคิดจะทำ...!”


    ดนตรีบรรเลงเพลงช้าดังขึ้นในวินาทีต่อมา พอรู้สึกตัวอีกครั้งคางาริก็พบว่าถูกอัสรันก้าวนำเธอให้สาวเท้าตามจังหวะเพลงเข้าเสียแล้ว นัยน์ตาสีมรกตที่ทอดมองลงมาดูนุ่มนวลกว่าทุกครั้ง ใบหน้าคมคายระบายรอยยิ้มอ่อนโยนชนิดเรียกดวงหน้านวลให้ซับสีเลือดร้อนผ่าวแทบไม่ทัน


    “เรียนรู้ได้เร็วดีนี่” เขาเอ่ยชมเบาๆ


    “หนวกหูน่า!” น้ำเสียงหวานตวาดกลับด้วยความรวดเร็ว ขณะพยายามขืนตัวให้หลุดจากอ้อมของชายตรงหน้า แต่คนตัวสูงกว่าดันรู้ทันรีบกระชับเอวบางแน่น ก่อนหลุดหัวเราะขัน


    “ขนาดแต่งตัวสวยสมหญิงขนาดนี้ยังไม่วายฤทธิ์มากอีกนะ”


    “แล้วเกี่ยวอะไรกับนายมิทราบ? จะปล่อยฉันออกไปได้รึยัง!” คำสั่งที่อัสรันส่ายหน้าปฏิเสธ


    “ตรงกันข้าม ฉันว่าใกล้กันกว่านี้อีกหน่อยดีมั้ย?” ไม่พูดเปล่ามือใหญ่ยังออกแรงดึงตัวเธอให้เข้ามาใกล้ตามปากว่าอีกต่างหาก ทำให้ระยะห่างระหว่างใบหน้าทั้งสองต่างเพียงแค่คืบ!


    ดวงหน้าหวานถึงกับซับโลหิตแดงก่ำ รู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด ผิดกับคนตรงหน้าที่ยังเฉยพลางหมุนตัวเธอไปรอบๆ ฟลอร์เต้นรำตามจังหวะเพลงอย่างชำนาญ นัยน์ตาคู่โตหลุบต่ำ พยายามอย่างยิ่งที่จะหลบตาจากอัญมณีสีเขียวคู่สวยนั่น...แต่ก็น่าแปลกที่ร่างกายกลับไม่ยอมทำตามที่สมองสั่งเอาเสียเลย


    “เธอมีดวงตาสีทองที่สวยนะ” ชายหนุ่มเอ่ยชมเบาๆ เมื่อสบตากับเธอตรงๆ


    ถ้าหากทำได้ เธอคงหน้าแดงหนักกว่านี้แล้วกระมัง


    “นายนี่มัน...!” เมื่อถูกเอาเปรียบบ่อยๆ เข้า หญิงสาวก็เลยงัดวิธีใหม่ พยายามไล่เหยียบเท้าคู่เต้นแทน แต่เจ้าตัวก็ดันรู้ทันขยับเท้าหลบได้อีกต่างหาก! สีหน้าผิดหวังสุดๆ ของเลขาฯ ส่วนตัวทำให้อัสรันได้แต่กลั้นหัวเราะ


    “ซาล่า! ฉันขอบอกนายอีกครั้งนะ เอามือออกไปซะ!”


    “เธอก็ดูสนุกดีออกนี่” น้ำคำเย้าแหย่เรียกสายตาพิฆาตมาอีกเป็นคำรบสอง


    “...ฉันเตือนแล้วนะ ซาล่า…” คราวนี้ขู่ด้วยน้ำเสียงเข้มกว่าเดิม แม้ในใจอดจะยอมรับนิดๆ ไม่ได้ว่าร่างกายเธอก็ดูพอใจอย่างว่าจริงๆ แหละ ให้ตายสิ!


    ใบหน้าคมคายปรากฏรอยยิ้มพึงใจ ทำเอาใบหน้าสวยขึ้นสีใหม่อีกระลอก ก็ใครจะไปทนไหวล่ะ..ในเมื่อตอนนี้คนตรงหน้าช่างดูหล่อเหลา...อบอุ่น และอ่อนโยน....แทบจะทุกคำที่จะสรรหามาชมได้นั่นแหละ! ฝ่ามือใหญ่ทั้งสองข้างนำเธอโลดแล่นบนฟลอร์เต้นรำอย่างนุ่มนวล แล้วไหนจะรอยยิ้มจริงใจที่แปลกไปนั่นอีกล่ะ!


    ให้ตาย! ความจริงแค่เปลี่ยนจากรอยยิ้มอวดดีเสมอมาเป็นยิ้มจริงใจนั่นได้ก็ทำให้ภาพพจน์แปลกไปมากโขอยู่แล้วนะ!


    ตอนนั้นเองที่คางาริตระหนักได้ว่าชายตรงหน้าเป็นเพียงคนหนุ่มที่มีอายุแค่ยี่สิบเท่านั้น...ไม่ใช่สี่สิบกว่าอย่างที่เธอเคยเข้าใจ


    “เธอน่าจะใส่กระโปรงบ่อยๆ นะ เหมาะดีออก” อัสรันเอ่ยขึ้นเบาๆ ทำลายความเงียบงันโดยรอบลง


    “หุบปาก! นี่นายใช่อัสรัน ซาล่าจริงๆ รึเปล่าเนี่ย?” คำถามที่ดังบ่อยครั้งในใจถูกโพล่งออกไปในที่สุด ทำเอาคนถูกถามอดไม่ได้ที่จะกะพริบตาอย่างงุนงง


    “ทำไมล่ะ?”


    “ก็นาย..ใจดีกว่าตาอัสรัน ซาล่าที่ฉันรู้จักน่ะสิ”


    “งั้นเหรอ? บางทีฉันอาจจะไม่ใช่เขาก็ได้” คำตอบง่ายๆ ที่เรียกสายตาเหลือเชื่อจากสาวน้อยผมบลอนด์ ก่อนสมองจะคิดทบทวนบุรุษตรงหน้าใหม่อีกหน


    ซาล่าทำตัวพิลึกจริงๆ...พิลึกมากๆ...แปลกเสียจนน่าสงสัย...


    “นายแปลกไปนะ”


    “ทุกคนก็มีด้านแปลกๆ ของตัวเองกันทั้งนั้นแหละ”


    “แต่นายแปลกกว่านี่”


    “เธอเองก็แปลกพอๆ กันนั่นแหละ”


    “หา?”


    “ก็เมื่อกี้ เธอยังพยายามจะหนีห่างจากฉันอยู่เลย แต่ตอนนี้...เธอดูสนุกกับมันดีนะ” ถ้อยคำเรียบๆ เรียกนัยน์ตาคู่สวยให้เบิกกว้างขึ้นอีกรอบ ก่อนแก้มเนียนใสจะปรากฏรอยสีชมพูระเรื่ออย่างคุมไม่อยู่ แล้วคางาริก็ตระหนักได้ว่าเมื่อครู่เธอลืมความคิดที่จะหนีจากคนตรงหน้าไปเสียสนิทจริงๆ


    ...แต่ตอนนี้...มันกลับมาใหม่ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว!


    “อะ...เอามือออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้นะ! ปล่อยซี่!”


    การเปลี่ยนแปลงชัดเจนทำให้อัสรันหลุดหัวเราะขำ ชายหนุ่มยอมคลายมือออกช้าๆ เมื่อเพลงบรรเลงใกล้จบลง ทว่าก่อนที่จะปล่อยหญิงสาวในอ้อมแขนเป็นอิสระ คนตัวโตกว่าก็ก้มตัวลงกระซิบบางอย่างข้างหูเธอเบาๆ ลมหายใจอุ่นๆ ข้างแก้มทำเอาร่างบางถึงกับกระตุกวาบ


    “เวลาเธอหน้าแดงนี่ก็น่ารักดีนะ” คำกล่าวแผ่วเบาที่เรียกดวงหน้าหวานของเจ้าหญิงแห่งออร์บให้ขึ้นสีแดงก่ำที่สุดของวัน


    + + + + + +


    อัฟเหม็ดเผลอตัวกำหมัดแน่นเมื่อสายตามองไปเห็นฉากบาดตาเบื้องหน้า ไอ้บ้าซาล่านั่นกล้าเต้นรำกับเจ้าหญิงของเขาอย่างนั้นเหรอ! แถมคางาริ...ก็ดูจะพออกพอใจเสียอีก!!


    ร่างสันทัดเบียดตัวให้กลืนไปกับเสาใหญ่ต้นหนึ่งที่ซึ่งเจ้าตัวมั่นใจว่าหญิงสาวจะมองไม่เห็น แน่นอนว่าเขาทนรอจนหล่อนกลับบ้านไม่ไหว ในใจรู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยของนายเหนือหัวจนแทบคลั่ง สุดท้ายก็เลยพยายามรวบรวมข้อมูลเดินทางมาจนถึงงานเลี้ยงที่ว่าจนได้ และอัฟเหม็ดก็เป็นคนฉลาดพอสมควรที่เลือกจะลอบเข้ามาในงานในฐานะบอดี้การ์ดของคางาริ


    แต่ภาพตรงหน้าสร้างความขุ่นเคืองในใจเด็กหนุ่มไม่น้อย นอกจากเจ้าหญิงของเขาจะดูผ่อนคลายในอ้อมกอดของไอ้คนฉวยโอกาสนั่นแล้ว! แถม...ยังหน้าแดงอีกต่างหาก!!


    รู้สึกราวกับหัวใจถูกบีบ ปวดร้าวไม่น้อยที่พบว่าผู้หญิงที่เขารักและเทิดทูนมาตลอดมองเห็นเขาเป็นเพียงแค่เพื่อนคนหนึ่ง แต่กลับให้ความสนใจอีตาซาล่าที่เพิ่งพบกันแค่ไม่กี่เดือนขนาดนั้น!


    มันช่างเจ็บปวด...เจ็บปวดจริงๆ


    อัฟเหม็ดก้มหน้าลงอย่างขมขื่น ก่อนตัดสินใจหมุนตัวเดินออกจากงานกลับบ้าน


    + + + + + +


    “นายนี่มัน...!!” คางาริถึงกับหัวเสียขึ้นมาทันทีเมื่อสมองตรึกตรองได้ว่าทั้งหมดที่ผ่านมาเป็นแผนการของตาโคออดิเนเตอร์ชั่วร้ายนี่! เจ้าหมอนี่คงรู้สึกสะใจมากสินะที่คำพูดหวานๆ ของเขาทำให้เธอหน้าแดงเอาๆ แบบนี้!! อ๊ากก! เธอนึกเกลียดตัวเองตอนนี้เสียจริงๆ! ไม่น่าไปตกหลุมพรางงี่เง่าของหมอนี่เลย ให้ตาย!


    คิดได้เจ้าหล่อนก็สะบัดมือออกจากบุคคลตรงหน้าแล้วหมุนตัวเดินฉับๆ ออกจากฟลอร์เต้นรำด้วยความรวดเร็ว


    เธออยากให้หมอนี่ตายๆ ไปเสียจริงๆ เลย!


    ท่าทางที่เรียกรอยยิ้มขบขันจากบุรุษร่างสูง ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาอย่างคุมไม่อยู่เมื่อเลขาฯ ส่วนตัวของเขาเริ่มจะปล่อยรังสีอำมหิตออกมาอีกระลอก เขารักที่จะเห็นตอนเธออายหน้าแดงเสียจริงๆ ...เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเธอแสดงอารมณ์แบบนั้น แถมท่าจะหาดูได้ยากอีกด้วย


    แต่แล้วหางตาก็ดันเหลือบไปเห็นสิ่งที่คุ้นตาเข้าเสียก่อน...


    เส้นผมสีชมพู....?


    มีอาร์ละมั้ง...?
    ทั้งที่ในใจสรุปแบบนั้น แต่บางสิ่งบางอย่างนั้นกลับดึงความสนใจจากเขา อัสรันหยุดยืนนิ่งครู่หนึ่ง ก่อนจะตวัดสายตาตามทิศทางที่ภาพนั้นหายไป


    เมื่อจู่ๆ ร่างสูงที่เคยเดินตามต้อยๆ เกิดหยุดไปเสียเฉยๆ คางาริก็ชะงักฝีเท้า ก่อนจะเบือนหน้ามองตามสายตาคนข้างๆ ไปด้วยความสงสัย


    “มีอะไรเหรอ?” ประธานสภาหนุ่มไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับก้าวเท้ายาวๆ เดินไปยังเข้าสวนดอกไม้รอบนอกที่เขาเห็นภาพเมื่อครู่นี้ลางๆ สร้างความงุนงงให้กับหญิงสาวไม่น้อย คางาริจึงตัดสินใจสาวเท้าตามไป


    “หาอะไรอยู่งั้นเหรอ?” เธอเอ่ยถามขณะที่ทั้งคู่เดินผ่านสวนกุหลาบหลากสีสันที่ส่องประกายล้อแสงจันทร์สีเงินยามค่ำคืนดูสวยงาม ทว่าอัสรันกลับไม่ปริปากเอ่ยสิ่งใดเช่นเดิม


    เส้นผมสีชมพูเมื่อครู่หายไปแล้ว...ตอนนึ้คงต้องอาศัยลางสังหรณ์ส่วนตัวอย่างเดียวเท่านั้น


    ความเงียบงันที่สาวน้อยผมบลอนด์ได้แต่ยักไหล่ ก็ในเมื่อคนเขาไม่อยากตอบ ฉันก็ไม่เห็นอยากจะรู้เลย! คิดแล้วเธอก็กวาดนัยน์ตาสีทองคู่โตไปมาหมายจะมองหาบางสิ่งที่เรียกความสนใจซาล่าให้เจอ


    ในที่สุดชายหนุ่มก็หยุดเดิน เมื่อสังเกตเห็นเส้นสีชมพูไหวๆ บริเวณหลืบพุ่มไม้และใบหญ้าสีหม่นๆ ที่กว่าจะมองเห็นก็เสียเวลาไปนานพอดูจนอัสรันเกือบจะนึกถอดใจเสียแล้ว ไม่ช้าคางาริก็รู้สึกได้ เจ้าหล่อนจึงตวัดสายตามองตามเขาไปอีกคน


    เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ เรือนผมสีชมพูนั้นเป็นของมีอาร์จริงๆ หญิงสาวร่างบางกำลังทรุดตัวลงนั่งบริเวณรอบนอกของน้ำพุกลางสวนหย่อม ร้องเพลงเบาๆ เพียงลำพัง


    “ที่นายมองหาอยู่ก็คือยัยนั่นน่ะเหรอ?” สาวน้อยผมบลอนด์บ่นออกมาเบาๆ ขณะตวัดสายตามองคนหน้าเหมือนลักซ์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทว่าภายในก็อดรู้สึกสงสารเธอไม่ได้ เมื่อใบหน้าหวานยามนี้ดูจะหม่นหมองกว่าทุกที


    อัสรันยักไหล่วืดอย่างไม่หยี่ระ ขณะนึกตำหนิความขี้สงสัยของตัวเองในใจว่าทำเสียเวลาเปล่าเข้าอีกแล้ว ทว่าระหว่างที่ร่างสูงกำลังหมุนตัวกลับไปนั้น สายตาก็ดันเหลือบไปมองเห็นภาพบางอย่างที่ทำให้เขาถึงกับ...ตะลึงค้าง...


    นัยน์ตาสีมรกตที่จู่ๆ ก็เบิกกว้างทำเอาหญิงสาวข้างตัวถึงกับตกใจ ก่อนตวัดมองตามเขาไปด้วยอีกคน


    “มีอะไร...” แล้วคำถามที่ว่าก็ถูกกลืนลงคอทันทีที่ร่างบางหันมา ดวงตาสีทองคู่โตเบิกโพลงพร้อมกับน้ำใสๆ ที่เริ่มไหลรินปริ่มขอบตา


    ที่นั่น...เบื้องหลังพุ่มไม้ใหญ่ มีร่างของคิระและลักซ์โอบกอดกันแน่นพร้อมบดริมฝีปากเข้าหากันด้วยจูบลึกซึ้ง!


    -------------------------To Be Continued...



    ยาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!! เป็นความผิดของคุมิเองแหละที่กะครึ่งตอนผิด =[]="' (จริงๆ ต้องบอกว่าตอนนั้นมีอารมณ์จะแปลแค่นั้น ก๊าซซซซซ~!)

    หวังว่าคน(หลงผิด)มาอ่านคงไม่ตายสลบไปกับตัวอักษรเสียก่อนนะ ^^"

    Merry X'Mas นะคะ ทุกคน *0*~!!

    (สมกับบรรยากาศฟิคจริงจริ๊ง~ ก๊ากกกกกกกกกกกก)
  4. elementer

    elementer New Member

    EXP:
    15
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [G-Seed Fiction แปล] Princess' Sonata (*อัพฉลอง X' Mas*)

    ว้าวสนุกมากเลยครับ
    แล้วจะรองานแปลตอนต่อไปครับ
  5. watabo

    watabo New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [G-Seed Fiction แปล] Princess' Sonata (*อัพฉลอง X' Mas*)

    อ่านแบบภาษาไทยมันสบายตา สบายใจกว่าภาษาอังกฤษจมหูเลยแฮะ
    ในที่สุดก็ถึงตอน"เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด"แล้ว (ฮา) อัสรันเอ๋ยแกจะทำไงล่ะที่นี้ เหอๆ
  6. princess

    princess New Member

    EXP:
    322
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [G-Seed Fiction แปล] Princess' Sonata (*อัพฉลอง X' Mas*)

    ^
    ^
    ^
    เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหหรือคะ ตรงเป๊ะเลย =w=
  7. kandida

    kandida New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [G-Seed Fiction แปล] Princess' Sonata (*อัพฉลอง X' Mas*)

    :D :D ว้าวเมอรรี่คริสต์มาสฟิกนะคะ
    ช่วงนี้อัพกันใหญ่เลยดีใจจัง
    ชอบมากตอนที่แปลว่า ไอ้ส้นสูงนรก
    ฮ้ะๆๆๆขำกลิ้งตกเก้าอี้ไปเลย
    สนุกเหมือนอ่านต้นฉบับในff.netเลยค่ะ (รายนั้นมาอัพไปครั้งนึงในรอบปีแล้วก็หายตัวไปตอนที่ลุ้นๆๆๆๆๆระทึก)

    เขียนต่อนะคะ จะเป็นกำลังใจให้ค่ะ
    สวัสดีปีใหม่ค่า
  8. ShadowKung

    ShadowKung New Member

    EXP:
    58
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [G-Seed Fiction แปล] Princess' Sonata (*อัพฉลอง X' Mas*)

    Merry Christmas ช้าไปไหม?? = =" แฮปพี้นิวเยียร์ เลยละกัน
    ก๊ากกกกกกกกก บางท่อนอ่านไปก็ขำไป เอิ๊ก
    โอ้ว ตอนนี้นี่เองสินะ....ชักอยากอ่านตอนต่อไปซะแล้วสิ :D

    แอบเขินแฮะ อ่านฟิคด้วยเรทเนี่ย (ฮา) :555:
    ถามว่าเรื่องนั้นสนุกไหม? พูดตามตรงเฉยๆ อ่ะ อ่านตอนแรก อ่านไปอ่านมาชักเบื่อ ไม่อ่านเลย
    พอมาเห็นเปลี่ยนเรทเนี่ยแหละ ไม่อ่านตอนแรกหรอก อ่านตอนล่าสุดมันนี่ล่ะ 5555 :E
    อ่านตอนล่าสุดจบ เริ่มมีอุปสรรคให้ลุ้นล่ะ....ฮี่ๆๆๆ

    ถูก...!!!!!!!!

    อยากอ่านต่อ (ฮา)
  9. bellx16

    bellx16 New Member

    EXP:
    8
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [G-Seed Fiction แปล] Princess' Sonata (*อัพฉลอง X' Mas*)

    มาแปลต่อแล้วหรอครับพี่คุมิโกะ
    เจ้าเผาแกอกหักแล้วน่ะ โดนพี่เทพหักเหลี่ยมโหดไปแล้วน่ะครับ
    คางาริ ช่วยปลอบใจเจ้าเผาหน่อยน่ะ
    พี่คุมิโกะอย่าลืมมาต่อด้วยน่ะครับ
  10. aunna

    aunna New Member

    EXP:
    18
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [G-Seed Fiction แปล] Princess' Sonata (*อัพฉลอง X' Mas*)

    555 เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด...

    อัสรันเอ้ยยย รีบคว้าคนข้างๆ มาดามหัวใจเร็วๆนะ =[]=!

    สงสารท่านประธานจริง...

    รอตอนต่อไปนะคะ

    Happy New Year นะงับ
  11. TEZUJI

    TEZUJI New Member

    EXP:
    26
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [G-Seed Fiction แปล] Princess' Sonata (*อัพฉลอง X' Mas*)

    ยาวมากเลยค่ะ อ่านรวดเดียวจบ สุดยอด^^

    อัสรันเห็นเข้าแล้ว คิระกับลักส์ >//<

    รออ่านตอนต่อไปนะคะ

    เป็นกำลังใจให้ค่า~~~
  12. dadajang

    dadajang New Member

    EXP:
    140
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [G-Seed Fiction แปล] Princess' Sonata (*อัพฉลอง X' Mas*)

    รู้สึกว่าจะเคยอ่านในบอร์ดเก่าค่ะ

    จำได้ว่าสนุกมากเลย

    ดีใจค่ะที่ได้อ่านต่อ

    ปล.พอจะจำเนื้อเรื่องได้คร่าวๆค่ะ (เนื้อเรื่องเท่าที่พี่ลงไว้หรือไม่ก็เท่าที่หนูได้อ่าน)
  13. nutan

    nutan New Member

    EXP:
    3
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [G-Seed Fiction แปล] Princess' Sonata (*อัพฉลอง X' Mas*)

    อ๊า...อ่านรวดเดียวเลยเล่นเอาตาลาย สนุกจังเลย
    จะรอติดตามอ่านต่อไปจ๊ะ
  14. dadajang

    dadajang New Member

    EXP:
    140
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [G-Seed Fiction แปล] Princess' Sonata (*อัพฉลอง X' Mas*)

    รอ...รอ...รอ

    แล้วก็รอต่อไป
  15. tot1996

    tot1996 New Member

    EXP:
    5
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [G-Seed Fiction แปล] Princess' Sonata (*อัพฉลอง X' Mas*)

    รอ.....รอ......รอ..... รออ่านต่ออยู่นะครับ
    มาอัพต่อเร็วๆนะครับเป็นกำลังใจให้
  16. dadajang

    dadajang New Member

    EXP:
    140
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [G-Seed Fiction แปล] Princess' Sonata (*อัพฉลอง X' Mas*)

    ...ง่า...

    ...จนป่านนี้ยังมิอัพอีกหรือ...
  17. kandida

    kandida New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [G-Seed Fiction แปล] Princess' Sonata (*อัพฉลอง X' Mas*)

    ต้นฉบับใน ff.net อัพตอนใหม่แล้วค่า
    โอยยลุ้นมากๆ เค้นหัวใจสุดๆๆๆๆ
    คุณคุมิอัพตามด้วยนะค้า อิอิ
  18. kumi

    kumi Active Member

    EXP:
    805
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    Re: [G-Seed Fiction แปล] Princess' Sonata (*อัพฉลอง X' Mas*)

    ^
    ^
    อัพแล้วเหรอคะ Owo!!!!!!!????

    ตายแล้วขอบคุณมากค่ะ ไม่ได้ตามนิยายเลยจริงๆ ช่วงนี้

    เข้าบอร์ดยังน้อยมากๆ ด้วยซ้ำ ฮ่าฮ่า

    ขอโทษจริงๆ นะคะที่หายไปนาน เรียนมหา'ลัยแล้วงานหนักมากเลยค่ะ = =""

    ไม่ค่อยได้มีเวลาแปลนิยายเลย...อืม จะว่าไปเวลาตามอ่านยังไม่มีเลย ต๊ะไปเรื่อย

    (เรื่องนี้เดี๋ยวสกิมแล้วก็เซฟเหมือนกัน - - ไม่ได้อ่านมาตั้งแต่สองตอนที่แล้วโน่นแนะ....)

    พ้นสอบมิดเทอมอาทิตย์หน้าอาจจะเอาตอนใหม่มาลง (มั้ง) แปลไว้ครึ่งนึงแล้วละมั้งคะ ^^" ถ้าไม่ลืมละก็นะ

    (แล้วโปรเจคนี้ยังดองต่อไป โอลันลา~)
  19. platypus

    platypus New Member

    EXP:
    11
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    1
    Re: [G-Seed Fiction แปล] Princess' Sonata (*อัพฉลอง X' Mas*)

    รอๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    เราจะรอคุณต่อไป
  20. kumi

    kumi Active Member

    EXP:
    805
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    Re: [G-Seed Fiction แปล] Princess' Sonata (*อัพฉลอง X' Mas*)

    เอาตอนจบภาคแรกมาลง หลังจากโดนตามทวง (ฮา...) ผ่านมิดเทอมไปแล้วค่ะ เกรดก็คงเหมือนๆ เดิม =A= เรียนมหาลัยนี่มันหนักจังเลยนะ คิดถึงสมัยม.ปลายจัง ไอ้วิชาไม่อ่านหนังสือก็ทำข้อสอบได้เนี่ย TT[]TT,,

    ทำไมเดี๋ยวนี้มันหาไม่เจอเลยว้า...เสียใจจัง

    ภาษาอังกฤษ...เรียนอินเตอร์แท้ๆ แต่ทำไมห่วยลง = ="" สงสัยไม่ภาษาอังกฤษแย่ลง ภาษาไทยก็อ่อนแอ (ก๊ากกกกกกกก)

    ตอนนี้ขอบอกว่าสั้นไปหน่อย (ฮ่าฮ่า ตอนจบนี่ คุมิอยากแปลมาตั้งนานแล้วนะตอนนี้ ของดีเก็บไว้ทีหลังแล้วกัน - -+)

    แฟนๆ พี่เทพเตรียมผ้าเช็ดหน้าไว้หน่อย ส่วนสาวกอัสรันกินใบบัวบกไว้หน่อยก็ดี ตอนนี้ท่านประธานชีช้ำมาก โอ๋ๆ.. ตอนหน้าเดี๋ยวก็มีลูกแมวน้อยมารักษาแผลใจ เพราะงั้นยามนี้อดทนไปเหอะเนอะ พี่เผา (ก๊ากกกกกก)

    คำแปลไม่สละสลวยก็ต้องขออภัยด้วยฮะ คำผิดอาจมีบ้างประปราย ถ้าใครรบกวนเผาให้จะขอบคุณมาก

    อาดิโอส *0*/

    + + + + + + + + + + +


    Chapter 14 – The Princess’ Sonata


    คิระเฝ้ามองแผ่นหลังของหญิงสาวผมสีชมพูที่ยืนนิ่งอยู่เพียงลำพังท่ามกลางสวนดอกไม้ ปล่อยให้เรือนร่างเล็กบอบบางถูกโอบล้อมด้วยความมืดหม่นของท้องฟ้ายามค่ำคืน


    ชายหนุ่มหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ตอนนี้เป็นเวลาเหมาะที่สุดสำหรับแผนการขั้นที่สองของเขา ร่างสมส่วนสาวเท้าเข้าไปใกล้ เสียงกรอบแกรบของไบไม้แห้งเรียกดวงหน้าหวานให้เบือนมาสบ ก่อนริมฝีปากบางจะระบายรอยยิ้มอบอุ่นต้อนรับ


    “คิระ!” เจ้าของชื่อเพียงพยักหน้ารับไม่กล่าวอะไร ราวกับเสียงของเขาถูกพรากออกไปเสียแล้ว ความอึดอัดในใจส่งผลให้โคออดิเนเตอร์หนุ่มซุกมือลงกระเป๋าเสื้อทักสิโด้ของตัวเองอย่างคนทำอะไรไม่ถูก


    นัยน์ตาสีฟ้าครามเหม่อมองภาพพระจันทร์ดวงโตเบื้องหลังบุรุษตรงหน้าด้วยสีหน้าอ่อนโยน


    “คืนนี้บรรยากาศดีนะคะ” เป็นอีกครั้งที่เขาพยักหน้ารับ


    “อยากรู้จังนะคะว่าอัสรันกับคางาริจะเข้ากันได้รึยังน๊า...” น้ำเสียงหวานที่เอ่ยถามเรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากชายคนข้างๆ


    “ไม่รู้สินะ...เมื่อกี้เห็นพวกเขาเต้นรำกันอยู่ ดูท่าอัสรันจะสนุกกับการปั่นหัวคางาริพอสมควรเลยล่ะ” น่าแปลกใจเหลือเกินที่เขารู้สึกสบายใจขึ้นเรื่อยๆ...ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาต้องการที่สุด...ในเวลานี้จริงๆ


    คำตอบที่ลักซ์ต้องเม้มริมฝีปากเข้าหากันอย่างนึกตำหนิ “อัสรันละก็..นิสัยแย่จริงๆ”


    หลังจากนั้นก็มีแต่ความเงียบ...ช่วงเวลาที่คิระต้องตัดสินใจ ชายหนุ่มข่มความรู้สึกกลัวในใจ ก่อนเอื้อมมือไปคว้าข้อมือเรียวเล็กของหญิงสาวคนข้างๆ ออกแรงดึงร่างบางเข้าหาตัว แล้วโอบกอดเธอไว้แน่น ลักซ์ส่งเสียงอุทานอย่างตกใจ แต่ก็มิได้ขัดขืนการกระทำของเขาแต่อย่างใด


    “ค...คิระ...?”


    ชายหนุ่มกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ซุกใบหน้าคมเข้มลงที่ลำคอระหงพลางสูดดมกลิ่นกายหอมหวานของเจ้าหล่อน นัยน์ตาสีม่วงคู่สวยปิดลงช้าๆ อย่างไม่กังวลต่อสิ่งใด ไม่นานเขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกอดตอบ คิระเงยขึ้นสบดวงตาสีฟ้ากระจ่างใส ยามนี้เขาต้องรวบรวมความกล้าเสียยิ่งกว่าสงครามครั้งสุดท้ายนั่นด้วยซ้ำ สุดท้ายน้ำเสียงแหบพร่าแต่หนักแน่นก็เอ่ยขึ้นมาอย่างยากเย็น


    “ลักซ์...ผมมีเรื่องอยากจะบอกคุณ...”


    หญิงสาวมองลึกลงในดวงตาของฝ่ายตรงข้าม ใบหน้างามปรากฏความข้องใจก่อนลักซ์จะโน้มดวงหน้าสวยเข้าไปใกล้เพื่อจ้องอีกฝ่ายได้อย่างถนัดตา


    “มีอะไรรึเปล่าคะ...คิ...?”


    ยังไม่ทันได้พูดจบ ร่างบางก็ถูกดึงเข้าไปแนบชิด ก่อนจะรับรู้ถึงรสสัมผัสบางเบาที่ทาบทับลงมา นัยน์ตาสีฟ้าคู่งามถึงกับเบิกกว้างอย่างคิดไม่ถึง


    เขา...เขาจูบฉัน??


    คิระกระชับเอวบางแน่นขึ้น ชายหนุ่มยังไม่ยอมละริมฝีปากทั้งยังจูบหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ เสียจนเรือนร่างเล็กถึงกับทรงตัวไม่อยู่ พอรู้สึกตัวอีกทีนักร้องสาวแห่งแพลนท์ก็เผลอตอบสนองการกระทำของคนอุกอาจโดยไม่รู้ตัว มือเรียวได้รูปโอบกระชับรอบลำคอคนตัวสูงกว่าตรงหน้า ก่อนนัยน์ตาคู่สวยจะปิดลงช้าๆ


    นี่เป็นสิ่งที่เธอโหยหามาตลอด...เธอรู้ตัวดี เธอเฝ้ารอคอยถึงช่วงเวลาที่จะได้อยู่ในอ้อมกอดของเขา รวมถึงสัมผัสอ่อนหวานเหล่านี้มาเนิ่นนาน...ไม่อยากให้สิ้นสุด


    ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เธอไม่คิดใส่ใจอีกแล้ว ต่อให้โลกนี้จะพังทลายลงต่อหน้า หรือต่อให้ต้องหมดลมหายใจ...ต่อให้เธอต้องเป็นผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวเพียงใด ....เธอก็ไม่สนใจอีกแล้ว


    ทว่าภาพหนึ่งที่ปรากฏขึ้นในห้วงคิดทำให้เธอต้องหยุดชะงัก...ภาพชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินเข้มและดวงตาสีเขียวมรกตคู่นั้น


    อัสรัน....



    นัยน์ตาสีน้ำทะเลเบิกกว้างทันที หญิงสาวหมุนตัวผละออกจากคนข้างกายทั้งยังหอบหายใจเล็กน้อย อาการที่ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าอดตกใจไม่ได้ แต่ก็ยังไม่ยอมคลายมือออก


    “...ลักซ์?”


    เจ้าของชื่อตวัดสายตาขึ้นสบตาเขา อัญมณีสีฟ้าครามปรากฏรอยสับสน “ท..ทำไมคะ คิระ? คุณจูบฉันทำไม...?” น้ำเสียงหวานนั้นแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ


    ชายหนุ่มดึงร่างหญิงสาวมากอดแนบแน่น ก่อนละล่ำละลักตอบด้วยน้ำเสียงร้อนรน “เพราะว่า...เพราะว่าผม...”


    “ไม่...คิระ! อย่าค่ะ...ไม่ต้องพูดแล้ว” ลักซ์ชิงกล่าวขึ้นเสียก่อน ร่างเล็กบางขึงเครียด มือเรียวเล็กกำปกเสื้อคนตรงหน้าแน่นอย่างหาที่ยึดเหนี่ยวขณะพยายามควบคุมน้ำตาอุ่นๆ ไม่ให้ไหลลงมา


    “อย่าค่ะ คิระ...ฉันขอร้อง...” ทำไมเธอจะไม่รู้ถึงความรู้สึกของคนตรงหน้า...คำกล่าวนั้นเธอรับรู้มานานแล้วด้วยซ้ำ...เพียงแค่ว่าไม่เคยได้ยินจากปากเขาตรงๆ เท่านั้นเอง...
    แต่...อัสรัน...


    “แต่ ลักซ์...” คิระเอ่ยปากพูดอย่างยากเย็น ความไม่มั่นใจแฝงอยู่ในดวงตาคู่สวย “ผม...”


    “อย่า!...ฉันขอร้องล่ะค่ะ!” ลักซ์กล่าวยืนยันหนักแน่น ทว่าขาทั้งสองข้างกลับไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะทรงตัวจนในที่สุดหญิงสาวก็ทรุดตัวลงบนพื้นหญ้าเย็บเฉียบ พร้อมกับร่างสูงของคนอีกคนที่ล้มลงไปตามกัน


    “แต่...มัน...เพราะอะไรล่ะ” น้ำเสียงห้าวขาดช่วงอย่างไม่เข้าใจ
    สาวน้อยผมสีชมพูเงยหน้าขึ้นสบตาโคออดิเนเตอร์หนุ่ม ดวงหน้างามเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา “อย่าทำให้เรื่องมันยุ่งยากไปกว่านี้เลยค่ะ คิระ...” พูดได้เท่านั้นเธอก็โผเข้าซบกับอกของชายตรงหน้า ไหล่แบบบางสั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้น


    “คุณก็รู้...เราทำอย่างนั้นไม่ได้...”


    “เราทำได้สิ ลักซ์!” คิระยืนยันหนักแน่น อเมธิสต์คู่สวยเริ่มชื้นขณะโอบกอดคนตรงหน้าไว้แน่น “เราทำได้สิ...!”


    “อัสรันเป็นเพื่อนรักของคุณนะคะ!!” ลักซ์กรีดร้องออกมาอย่างสุดกลั้น “ฉัน...หมั้นหมายแล้ว คิระ...เรื่องแบบนี้...มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว...”


    “แต่ลักซ์...ผม..”


    “ไม่! ได้โปรด...หยุดเถอะค่ะ!” ไอดอลสาวร้องไห้จนตัวโยนขณะพยายามขืนตัวจากอ้อมแขนคนตัวสูงกว่า “เราทำแบบนั้นไม่ได้...ไม่ได้!”


    “ผมรักคุณนะลักซ์! ทำไม...เพราะอะไรคุณถึงไม่เข้าใจ!?” แน่นอน เขารู้ดี ชายหนุ่มรู้สึกได้...เขารู้มาตลอดว่าเธอเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับเขา ...รู้มาตั้งนานแล้วว่าเรารักกัน!


    เช่นเดียวกับที่เขาเองก็รู้ว่าหนทางระหว่างเรานั้นริบหรี่เหลือเกิน...


    ลักซ์เป็นคู่หมั้นของเพื่อนรักที่สุดของเขา! เพื่อนสนิทคนสำคัญขนาดที่เขายอมตายแทนได้ด้วยซ้ำ! ทั้งคู่วางแผนที่จะใช้ชีวิตร่วมกันในอนาคต สำหรับอัสรัน...คิระก็รู้ว่าชายคนนั้นรักลักซ์สุดหัวใจ หมอนั่นพร้อมที่จะทุ่มเททุกอย่าง แม้กระทั่งชีวิตเพื่อเธอ...!


    เป็นความจริงอันแสนขมขื่นที่ตามหลอกหลอนเขามาแสนนาน


    ทำไม...ในบรรดาผู้คนทั้งหลาย ทำไมถึงต้องเป็นคนๆ นี้...!?
    คิระรู้อยู่แก่ใจว่าชั่วชีวิตเขาคงไม่สามารถทำร้ายอัสรันได้


    แต่ถ้าเพื่อลักซ์แล้วละก็...


    ตลอดเวลาที่ผ่านมา ชายหนุ่มต้องอดกลั้นความทรมานใจทุกครั้งที่ลักซ์และอัสรันอยู่ด้วยกัน รู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นผู้หญิงที่เขารักมอบรอยยิ้มอบอุ่นให้กับเพื่อนสนิทของเขา และเจ็บปวดยิ่งกว่าเมื่อเห็นว่าอัสรันสามารถโอบกอดเธอได้โดยไม่ต้องรู้สึกกังวลใดๆ


    เพราะอย่างนั้น...เขาถึงทนไม่ได้อีกแล้ว ทำไม...ถึงต้องเป็นเขาคนเดียวที่ต้องเจ็บปวด! สาเหตุที่คิระเสียทั้งทอลล์ และเฟรย์ไปในสงครามครั้งก่อนก็เป็นเพราะเขาอ่อนแอเกินไป ชายหนุ่มกลัวที่จะเสี่ยง! และเขาก็ไม่อยากทำผิดพลาดอย่างเดิมอีกแล้ว! เขาไม่ต้องการสูญเสียลักซ์ไป...ไม่อีกแล้ว


    และครั้งนี้ เขาก็พร้อมที่จะเสี่ยง!


    “ลักซ์...คุณ...คุณรักผม...บ้างมั้ย?” น้ำเสียงที่เอ่ยนั้นอ่อนโยนราวกับต้องการปลอบประโลมหญิงสาวในอ้อมกอดให้คลายเศร้า ราวกับได้ผล ลักซ์หยุดร้องไห้โดยฉับพลัน นัยน์ตากลมโตตวัดขึ้นสบตาคนถามทั้งน้ำตา ก่อนจะขยับรอยยิ้มบางเบา


    “ฉัน...รักคุณค่ะ คิระ”


    คำตอบที่เรียกรอยยิ้มให้ปรากฏบนใบหน้าคมคายครู่หนึ่ง ก่อนชายหนุ่มจะโอบร่างบางเข้าหาตัวพร้อมกับหยาดน้ำใสๆ ที่เริ่มเอ่อล้นขอบตา “เรารักกันนะ ลักซ์...เราต้องผ่านพ้นมันไปได้แน่...”


    “ตุณก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้” เธอเอ่ยค้านเสียงแผ่ว “เรื่องบางอย่าง แค่รัก...มันไม่พอหรอกนะคะ คิระ...”


    “ลักซ์! ผมขอร้องล่ะ!” คิระเอ่ยค้าน “ได้โปรดเถอะ...!”


    ดวงหน้าหวานปรากฏรอยยิ้มอบอุ่นอีกครั้ง ที่คนตรงหน้ารู้ดี...ว่ามันไม่ได้มาจากหัวใจ


    “รักของเรามีแต่จะทำให้คนอื่นเจ็บปวด...คุณอยากให้เพื่อนคุณต้องเสียใจอย่างนั้นหรือคะ?” ความจริงที่ทิ่มแทงจิตใจชายหนุ่มจนพูดไม่ออก


    “ผม...” คิระอึกอัก พลางหลบสายไปที่อื่นครู่ใหญ่ ก่อนจะเบือนหน้ากลับมาสบตาคนถามด้วยแววตาแน่วแน่


    “ผม...ขอเป็นคนเห็นแก่ตัว...เป็นครั้งสุดท้าย…” สิ้นคำมือหนาก็คว้าตัวหญิงสาวตรงหน้าเข้ามากอด ก่อนใบหน้าคมคายจะโน้มตัวลงประทับริมฝีปากแนบแน่นอีกครา...


    แม้จะรู้ดีแก่ใจว่าความสุขเล็กๆ นี้จะนำมาซึ่งความปวดร้าวแก่ผู้อื่น...ทว่า...ทั้งคู่ก็อยากจะดื่มด่ำช่วงเวลานี้เป็นครั้งสุดท้าย


    ...แม้จะถูกตราหน้าว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวก็ตาม...


    + + + + + + +


    ณ วินาทีนั้น ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่าควรจะทำอะไร เขาได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น นัยน์ตาเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตากับภาพตรงหน้า อัสรันรู้สึกหัวหมุนหน้าชาวาบ ลำดับอารมณ์ไม่ถูกว่าควรจะรู้สึกอย่างไรก่อนดี


    เกลียด...?


    โกรธ...?


    ถูกหักหลัง...?


    เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ชายหนุ่มรู้สึกไม่อยากจะคิดอะไรทั้งนั้น...เขากลัว...กลัวว่าหากสมองรับรู้ถึงภาพที่อยู่ตรงหน้าแล้ว...จะไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี
    คิระกับลักซ์กำลังจูบกัน...


    ฝนตกรึเปล่านะ...? อัสรันเอ่ยถามตัวเองเมื่อรู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นๆ ที่ไหลริมข้างแก้ม ประธานสภาแห่งแพลนท์พยายามเอ่ยปากพูด แต่เสียงที่มีกลับหายไปเสียเฉยๆ


    “คิระ…?” คำพูดเรียกสติชายหนุ่มให้กลับมาอีกครั้ง ทว่าเจ้าของเสียงกลับกลายเป็นสาวน้อยผมทองข้างกายที่ยามนี้สั่นระริกไม่แพ้กัน ริมฝีปากแดงชาดเม้มแน่นขณะเอื้อนเอ่ยคำพูดอย่างยากลำบาก


    คู่หนุ่มสาวสะดุ้งตกใจหันมาทางต้นเสียงพร้อมๆ กัน ใบหน้าของทั้งคู่เปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาซึ่งถ้าเป็นยามปกติ เขาคงจะเข้าไปถามไถ่อาการของคนตรงหน้าแล้ว ...แต่ว่าครั้งนี้มันไม่ใช่...


    “อ...อัสรัน คา..งาริ...” นักร้องสาวแห่งแพลนท์เป็นคนแรกที่กล่าว ฝ่ามือเรียวขยำเสื้อคนข้างกายแน่น


    อา...นี่เธอจะอธิบายให้ทั้งสองคนเข้าใจอย่างไรดี ...แต่ถึงเธอจะพยายามเท่าไร ผลสุดท้าย...อะไรก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ดี


    สิ่งที่เธอและคิระทำมันผิด...เป็นความผิดร้ายกาจ อย่างที่เคยคาดการณ์ไว้...


    ...มีแต่ทำให้คนอื่นต้องเจ็บปวด...


    “ทำไม...?” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้นเป็นลำดับต่อมา...แม้สมองจะรับรู้เหตุการณ์เบื้องหน้า แต่จิตใจยังคงปฏิเสธอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า อัสรันกำหมัดแน่นจนเล็บคมๆ เริ่มจิกเข้าไปในเนื้อเรียกเลือดสีแดงสดให้ไหลรินซึมออกมาเล็กๆ


    นัยน์ตาสีม่วงริตนชาติหลบไม่กล้าสบแววตาปวดร้าวของเพื่อนรักเหมือนทุกที ยามนี้คิระไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากพูดอะไร เรียกอารมณ์โกรธให้ปะทุขึ้นอย่างฉับพลัน


    ฉันต้องการคำตอบ...ต้องการคำตอบเดี๋ยวนี้!!


    ความโมโหทำให้สติมีเคยมีตลอดวูบหายไป พอรู้สึกตัวอีกที ชายหนุ่มก็ย่างสามขุมเข้าไปคว้าคอเสื้อโคออดิเนเตอร์หนุ่มผมสีน้ำตาลแน่น ก่อนหมัดลุ่นๆ จะชกที่ใบหน้าเกลี้ยงเกลาเต็มแรง!


    ไอ้คนทรยศ!!


    “ทำไม...คิระ...?” อัสรันถามย้ำอีกครั้ง ทั้งยังกำคอเสื้อไว้แน่น “ทำไม!!” น้ำเสียงห้าวแข็งกร้าวขึ้นในฉับพลัน ไม่สนใจแม้กระทั่งน้ำตาที่ไหลรินของตัวเอง


    “ตอบฉันมา!! ตอบมาเซ่!!”


    คิระยังคงเงียบ สมองยังมึนงงจากแรงกระแทกที่แก้มขวาเมื่อครู่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังไม่กล้าสบตาสีมรกตนั้นตรงๆ
    “ฉัน....อัสรัน...”


    เขาควรจะรู้ตั้งนานแล้ว...ใช่ อัสรันควรจะรู้สึกถึงพฤติกรรมแปลกๆ ของคิระได้ตั้งแต่บนโต๊ะอาหารตอนนั้น...หมอนี่กำลังกังวลใจอยู่ และต้องการบอกอะไรบางอย่างกับเขา....


    แต่ถึงกระนั้น...เขาก็ไม่เคยคาดฝันเลยว่ามันจะเป็นเรื่องที่...ชวนเจ็บปวดขนาดนี้...


    ร่างของประธานสภาสูงพยุงตัวลุกขึ้น ชายหนุ่มตวัดสายตามองคู่หมั้นสาววูบหนึ่งด้วยสีหน้าปวดร้าว ปากเอ่ยคำกล่าวเย็นเยียบ


    “ผมอุตส่าห์เชื่อใจคุณ ลักซ์...แต่คุณกลับ....” พูดได้เพียงแค่นั้น แววตาก็แข็งกระด้างขึ้นฉับพลัน อัสรันยอมปล่อยมือจากเพื่อนหนุ่มแต่โดยดี ก่อนเอ่ยคำสั่งห้วนทิ้งท้าย


    “ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีก”


    สิ้นคำร่างสูงก็หมุนตัวออกจากสวนไปและไม่หันกลับมามองอีก โดยไม่ลืมคว้าข้อมือสาวน้อยอีกคนที่ยังยืนตะลึงค้างอยู่บริเวณนั้นไปด้วย


    + + + + + + +
  21. platypus

    platypus New Member

    EXP:
    11
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    1
    Re: [G-Seed Fiction แปล] Princess' Sonata (*อัพหลังจาก 6 เดือน 02/07/08*)

    กลับมาอัพต่อด้วยนะ

    กำลังมันส์เลย ลุ้นอยู่

    อยากทิ้งไปนานล่ะ
  22. TEZUJI

    TEZUJI New Member

    EXP:
    26
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [G-Seed Fiction แปล] Princess' Sonata (*อัพหลังจาก 6 เดือน 02/07/08*)

    เจ็บปวดมากมาย..........Y_Y

    แต่ไม่รู้จะสงสารใครดี ๆ*-*

    มาต่อนะคะ ><
  23. tot1996

    tot1996 New Member

    EXP:
    5
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [G-Seed Fiction แปล] Princess' Sonata (*อัพหลังจาก 6 เดือน 02/07/08*)

    สนุกมาครับตอนนี้ เศร้าจัง สงสารเฮียเผาอ่ะ
  24. Tochikawa

    Tochikawa New Member

    EXP:
    21
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [G-Seed Fiction แปล] Princess' Sonata (*อัพหลังจาก 6 เดือน 02/07/08*)

    อ่านไปตอนแรกๆ ก็เฉยๆ เพลินๆ แต่ตอนล่าสุดนี่ รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวอย่างแรง...เข้าใจดีเลยละ ความรู้สึกแบบนั้น.....
  25. PunzZala

    PunzZala New Member

    EXP:
    12
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [G-Seed Fiction แปล] Princess' Sonata (*อัพหลังจาก 6 เดือน 02/07/08*)

    กรี๊ดดดด พี่คุมิ๊~~

    เพิ่งเห็นพลาดไปได้ไงเนี่ยยย

    โอยอีปุ้นอ่านแล้วกรี๊ดดดดดดดดดดด

    อยากอ่านต่ออ๊ากกกกกกกกกกกกกก

    สองมือคว้าดิกแล้วก็ คร่อกกก แปลบ่ออก อั่กกกT[]T

Share This Page