ผมไม่ใช่เบื่อแล้วไม่สใจนะ ปัญหาคือผมสนใจนี่แหละ แต่ทุกคนก็สนใจแล้วมองคนละทาง นั่นก็ยังดี ปัญหาคือ รู้ๆ อยู่ว่ามันแบ่ง 2 ขั้วชัดเจน แล้วโคตรแรงทั้ง 2 ฝ่ายเลย แม่กับผมก็เชียร์คนละฝ่าย เพื่อนผม 2 กลุ่ม ก็คนล่ะฝ่าย (เพื่อนเก่ามีแต่คนใต้ เพื่อนใหม่มีแต่คนเหนือ) ตอนนี้อึดอัดจริงๆ ไม่สามารถคุยเรื่องการเมืองกับมนุษย์ได้เลยให้ตายสิ ทำไมแต่คนคนช่างปล่อยออร่า ออกมาแรงกันจัง
ถ้าคุยกันโดยใช้เหตุผลกับข้อเท็จจริง ( หมายถึงข้อมูลที่ค่อนข้างมีหลักฐานยืนยัน อ้างอิงที่มาได้แน่ชัด ไม่ใช่ข้อมูลที่มีที่มาแค่ " เค้าว่ากันว่า " ) ไม่ใช้อารมณ์หรืออคติมากจนเกินพอดี ก็น่าจะพอคุยกันได้นะเจลว่า แล้วก็ แทนที่จะคุยกันแค่ว่า ไอ้พรรคที่เราไม่เชียร์มันมีข้อเสียแบบนั้นชาติชั่วแบบนี้ เปลี่ยนมาเป็น พูดถึงว่าพรรคที่เราเชียร์ เคยมีผลงานอะไรบ้าง เคยทำอะไรให้เราประทับใจบ้าง มีนโยบายอะไร มีวิธีการรับมือกับปัญหาอย่างไร ที่เห็นแล้วเราเลยอยากเชียร์อยากเลือก .... แลกเปลี่ยนทัศนะโดยไม่ต้องว่าร้ายผู้อื่น ( แล้วตอนฟังก็ฟังด้วยใจเป็นกลาง อย่าอคติไปก่อนว่ามันตอแหล ) น่าจะพอทำให้ดีกรีความร้อนแรงลดลงได้บ้างมั้งฮะ ^^" แต่เรื่องแบบนี้มันก็ห้ามกันยาก lol
ฮา..พูดยากนะคะ เพราะการเมืองมันก็เหมือนเป็นทัศนคติของคนๆ นั้นน่ะคะ ไม่มีทั้งคนที่ถูกร้อยเปอร์เซนต์และผิดร้อยเปอร์เซนต์ เพราะฉะนั้นคุมิคิดว่าควรจะพูดกันเป็นประเด็นๆ แล้วคนพูดต้องเปิดใจยอมรับให้กว้างเสียก่อนค่ะ ไม่อย่างนั้นมีโกรธกันตายแน่เลย อย่างหลายๆ คนเขาบอกแหละค่ะว่ารักจะคบเพื่อนคุยก็อย่าพูดเรื่องการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโต๊ะอาหาร ^^" จริงๆ ก็อยากจะแนะนำว่าถ้าจะคุยกันกับเพื่อนก็เลือกคุยเรื่องอื่นเถอะค่ะ แล้วถ้าหากมีคนถามความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องการเมืองก็อย่าแสดงแง่ของตัวเองออกมาให้เยอะนัก แสดงออกเป็นกลางๆ ไปเสียดีกว่า อย่างเช่นพอถูกถามว่าคิดยังไงกับทักษิณ?? ก็ควรเลือกที่จะบอกว่าเขาก็เป็นคนธรรมดาที่มีทั้งด้านดีและไม่ดีอยู่ในตัว ในส่วนที่ดี ที่นำพาชาติไปในทางที่เหมาะที่ควร ทำให้มีใครหลายๆ คนได้รับประโยชน์ก็ควรจะว่าเป็นเรื่องๆ ไป ส่วนสิ่งที่ไม่ดีที่เราเห็นๆ กันอยู่ก็ถือว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่เหมาะสม ไม่สมควรเอาอย่าง ควรจะมองเป็นบทเรียนและคราวหลังก็พยายามอย่าเลือกคนที่มีปัญหาลักษณะนี้ที่เราไม่ชอบขึ้นมาบริหารประเทศสิ ฯลฯ ความจริงถ้าคนเราคุยกับทะเลาะกันบ่อยๆ แบบนั้นแสดงว่าคนส่วนใหญ่ใจแคบนะคุมิว่า ^^" ฟังข้อสรุปแล้วดูแย่จังเลยแฮะ....
หน่ายมาพักใหญ่ๆแล้วล่ะค่ะ ไม่ว่าจะหน่ายเบื้องสูงเองแต่ละคนที่... เอิ่ม... แบบว่าการเมืองน้ำเน่าไม่เคยเปลี่ยน ยิ่งช่วงที่ผ่านมาจนถึงบัดนี้ยิ่งน่าเบื่อ เลยลดความสนใจของตัวเองลงหน่อย สาเหตุนึงที่ลดความสนใจลงก็คือเพราะคนรอบข้างด้วยแหละค่ะ ที่บ้านนี่ดีหน่อย เพราะว่าทุกคนในบ้านชอบฝ่ายเดียวกันหมด อิอิ แต่พอไปเจอเพื่อนๆนี่สิ รอบข้างมีเพื่อนอยู่ไม่กี่ประเภท อาทิเช่น 1. ไม่เคยรู้เรื่องการเมืองเลย 2. ไม่เคยรู้เรื่องการเมือง แต่อาศัยเฮโลตามคนไป สังคม ทีวีด่าใครอยู่ ด่าว่าไงก็ตามเขาไปเรื่อยๆ 3. พวกที่รู้และสนใจการเมืองอยู่บ้าง แต่เลือกพรรคพวกตัวเอง เวลาคุยด้วยก็จะมีแต่ ฝ่าย... เขาบอกว่าอีกฝ่ายนะไม่ดีอย่างโง้นๆ -_-" คุยด้วยแล้วหน่ายมากๆ 4. พวกที่สนใจการเมือง แต่เลือกพวกตัวเองไปแล้ว แล้วก็เลยฟังและอ้างแต่ข้อความจากพวกตัวเอง (คล้ายๆพวกในข้อ 3. แต่มีความรู้การเมืองมากกว่า) เผอิญว่ารอบข้างมีแต่คนแบบนี้แหละค่ะ เลยงดเว้นพูดเรื่องการเมืองดีกว่า พูดไปก็หน่ายอารมณ์ตัวเองเปล่าๆ ปล. จริงๆตัวเองก็ไม่ได้รู้มากหรอกค่ะ แค่รู้ๆไว้บ้างเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญใกล้ตัว
เบื่อที่โพสท์ไม่ได้เพราะแต่ทุกๆที่จะมีกลุ่มอำนาจๆหนึ่งอยู่ครับ ถ้าแสดงความเห็นอาจจะเจอกฏหมู่ได้ และอาจจะมีการรักพวกพ้อง ไม่ว่าคนดังกล่าวจะเกรียนแตกยังไงก็อาจได้รับการปกป้องได้ แม้ว่าเหตุผลคนนั้นจะมาจากอารมณ์ล้วนก็ตาม ติดตาีมครับ แต่ไม่อยากยุ่ง เพราะนิสัยคนไทย ชอบคือมีแต่ดีไม่เลว เกลียดมีแต่เลวไม่ดี เหตุผลไม่ต้องฟังครับ เถียงไม่ออกก็หึๆ แหะๆ ไว้ก่อนแหละ... อยากให้บ้านเรามีการโต้วาทีแบบอเมริกาจังแฺฮะ
ผมว่าการเมืองในประเทศไทยนี่น่าเบื่อพอสมควรนะ เพราะการเมืองไทยเป็นอะไรที่ไม่ค่อยจะมีเหตุผล เพื่อนผม... ขนาดตอนผมเรียนในชั้นเรียน กำลังนั่งฟังครูอาจารย์สอนอยู่ มันยังมาเกลี้ยกล่อมผมให้ชอบพรรคโน้นพรรคนี้ตามมันเลย ผมล่ะเบื่อ
การเมืองไทยไม่ได้ดูที่นโยบายหรือผลงาน แต่ดูที่ตัวบุคคล เวลาคุยกันจึงไม่ได้คุยกันด้วยเหตุผล แต่ด้วยความชอบส่วนตัวล้วนๆ มีคนเคยว่าไว้ ถ้าไม่อยากเสีย อย่าคุยเรื่องศาสนาและการเมือง
การเมืองเป็นสิ่งต้องห้ามในการพูดคุย ถ้ารู้ว่าคนนั้นชอบคนละฝ่ายกับเราก็เลิกพูดกันเรื่องนี้เลย ส่วนถ้าเจอคอเดียวกับบอกได้คำเดียวว่าคุยกัน 3 วันก็ไม่หมด(ยามด่าอีกฝ่าย) นั่นสิอยากให้ทำเหมือนกัน อยากมากๆด้วย เอาให้มันรู้ดำรู้แดงไปเลย(สะใจเหมือนดูเลือกประธานาธิบดีบ้านเขา) การเมืองแบ่งเป็น 2 ขั้วจะว่าไปมันเป็นสัจจธรรมของโลกอยู่แล้วประเทศไหนการเมืองก็น้ำเน่าเหมือนกันหมด เพียงแต่ว่าคนที่เข้าไปเป็นปากเสียงแทนเราเขามีความรักชาติมากกว่าเท่านั้นเอง......ส่วนประเทศไทยน่ะเรอ..... ของมันรู้ๆกันอยู่.... ปล.แต่ตอนนี้เบื่อฤาษีเลี้ยงเต่ามากๆ (เบื่อลูกน้องด้วย -*- )
เวลาพูดเรื่องการเมืองกันผมจะเงียบครับ บอกว่าไม่สนใจ อันที่จริงในใจก็คิดถ้าบอกว่าชอบคนนั้นคนนี้เดี๋ยวก็มีเถียงกันอีก สรุปตอนนี้ไม่อยากจะสนใจเลยครับ เพราะว่าสังเกตเห็นสมัยนี้เป็นคู่แข่งกัน สมัยหน้าอาจกอดคอกันก็ได้ ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรจริงๆการเมือง
เฉพาะการเมืองของประเทศด้อยพัฒนาเท่านั้น ที่ผู้สมัครลงสมัครเลือกตั้งเพื่อตำแหน่ง ต้องการตำแหน่งเพื่ออำนาจ และแสวงหาอำนาจเพราะอยาก "ใหญ่" ผู้ลงสมัครเลือกตั้ง "ส่วนใหญ่" ในประเทศที่เจริญแล้ว เขาต้องการอำนาจเพื่อใช้ทำ "งาน" และนั่นคือความแตกต่างครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะให้เบื่อจนทอดทิ้งไปเลยก็กระไรอยู่ เพราะการเมืองกับประชาชนนั้น ตัดกันไม่ขาด ถึงแม้ผมจะไม่ได้ติดตามงานของ ดร. นิธิ เอียวศรีวงศ์ เลยแม้แต่น้อย แต่ผมชอบคำพูดข้างบนนี้จริงๆ ครับ
ถ้าไม่อยากทะเลาะกันภายในบ้าน อย่ายก topic เรื่อง "การเมือง" เข้าบ้านเด็ดขาด Spoiler ไม่ยุ่งกับการเมือง แต่การเมืองก็เข้ามายุ่ง เลยตัดสินใจนอนหลับทับ...ไปแล้ว (ไม่ชอบนโยบายพรรคไหนเป็นพิเศษ, ไม่สนับสนุนให้คนอื่นเอาเป็นแบบอย่าง) แต่นั่งฟังนโยบายผู้หาเสียงปีนี้แล้ว ไม่ว่าจะของตา "ไม่มีไม่หนีจ่าย TPI แสนล้าน", "จมูกชมพู่ปากหมาแต่ชอบแมว" หรือ "หล่อเริดสะแมนแตนใครแตะไม่ได้" ดูๆ แล้วมันก็ทำยากทำเย็นทั้งนั้น ไม่ต้องเลือกเลยแล้วกัน = ='
เบื่อสุดๆ เลิกคุยมานานและ เพราะเจอไอ้ประโยคๆนี้เข้าไป ผมถามเพื่อนผมถึงเหตุผลและหลักฐานว่ารู้ได้อย่างไรว่าXXXอยู่เบื้องหลังXXX เพื่อนผมตอบว่า "ถ้าไม่ใช่XXXแล้วจะใคร มึงเชื่อก็พอ......." = ='' จบเลย พอ ไร้เหตุผลสิ้นดี
พ่ออีกฝั่งแม่อีกฝั่ง =w= การเมืองนี้พูดแล้วมันขึ้นกันจริงๆ หลังๆมาเริ่มปลง ใครได้เป็นก็........เหมือนๆกัน
ไม่ชอบก็ตรงที่นับวันๆ ก็จะทำให้คนในสังคมหันมาแบ่งพรรคแบ่งพวกกันเองนี่แหล่ะ สิ่งคนสาธารณะแสดงออกมาก็จะเป็นตัวอย่างให้คนในสังคมทำตาม ถ้านักการเมืองยังไม่ร่วมมือกันเอง แต่ยังพากันทะเลาะ โวย ฟ้องร้อง แบ่งพวก ถือหาง คนที่ฟังการเมืองและวิเคราะห์การเมืองแบบเอียงมุม ก็ยิ่งจะแบ่งพรรคแบ่งพวกกันเอง เรามาคิดหรือคุยเรื่องการเมืองกันอย่างเป็นกลางดีกว่า...
ผมไม่เบื่อนะคิดว่าดูเจ้าพ่อเซียงไฮ้อยู่อะเหมือนมันเป็นเกมส์กลับขั้วกันได้น่าติดตามมาก ของแบบนี้มันวัดกึ๋นกันอะครับ
แล้วในวันที่นักการเมือง รุ่นเก่าตายไป แล้วในวันที่เด็กรุ่นใหม่ ที่เกิดต่อจากพวกคุณเกิดมา ในวันนั้น สังคมของประเทศนี้จะเป็นอย่างไร ถ้าหากไม่มีใคร ตั้งใจและเข้าหน้าที่ทางสังคมของตัวเอง เหลืออยู่เลย