อภิมหากาพย์สงครามอวกาศ All Final Wars : Chapter 11 - นับถอยหลัง Updated 13/1

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย repeat, 15 ธันวาคม 2007.

  1. repeat

    repeat Member

    EXP:
    112
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    และแล้ว หลังจากหายไปนานนับปี สองปี สามปี
    อภิมหานิยายสงครามอวกาศแอคชั่นดรามาไซไฟแฟนตาซีคอมเมดีฟิลม์นัวร์มั่วสุดๆของใจสยิวแฟมิลี่ก็ได้กลับมาอีกครั้ง
    โดยโปรดิวเซอร์ Re-Peat Againเจ้าเก่า และโคโปรดิวเซอร์ มิสเตอร์ซีหน้ามนคนเดิม

    การกลับมาคราวนี้ จะเป็นการรีรัน และรีไรท์ All Final Wars ใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่จุดกำเนิดแรกเริ่ม ยาวไปจนถึงบทสรุปในตอนสุดท้าย ถ้าไม่ตายไปซะก่อน
    สำหรับในฉบับรีไรท์ใหม่นี้ เป็นการเขียนเพิ่มความสมจริงและความแน่นของเนื้อเรื่องขึ้น โดยจำใจต้องตัดทอนมุขตบกไร้สาระออกไปบ้าง จนถึงขั้นมากทีเดียว ต้องขออภัยแฟนเก่าของเรื่องนี้ด้วย เนื่องจาก All Final Wars ฉบับรีไรท์นี้ เป็นฉบับที่จะนำไปตีพิมพ์เป็นเล่ม จึงถูกติงมาว่าให้เขียนแบบจริงจังดีกว่าทำเป็นเรื่องตลก ซึ่งทั้งนี้ ผมก็พยายามจะอธิบายแล้วว่าผมไม่ใช่คนตลก กูจริงจังนะไอ้สัตว์ แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือแต่อย่างใด ช่างเถอะ ไม่เป็นไร รีไรท์ใหม่ก็ได้ แล้วอย่าไปบอกเจ้าของสำนักพิมพ์ล่ะว่าผมพูดอย่างนี้ :p

    All Final Wars ฉบับ Re-Write Again มีอะไรเพิ่มขึ้นมาบ้าง ก็จะเป็นส่วนของเนื้อหาและรายละเอียด หลายๆสิ่งที่ไม่ได้กล่าวถึงในฉบับเก่า ความไม่สมเหตุสมผล ความไร้สาระที่พาเรื่องออกทะเล จะถูกตัดทิ้งและเขียนใหม่ รวมไปถึงเนื้อเรื่องและฉากใหม่ๆที่ไม่เคยมีมาก่อน แน่นอนว่ามีการทำคาแร็คเตอร์ดีไซน์ใหม่ด้วย

    แต่ว่าถึงอย่างไรก็เป็น All Final Wars ที่ผมเคยเขียนมาแล้ว เพียงแต่เพิ่มเติมตัดต่อเนื้อหา ดังนั้นเนื้อภาษาอาจไม่พริ้วเท่างานเขียนในปัจจุบันของผม และคงเป็นอย่างนี้ไปจนถึงตอนที่ 50 ซึ่งเป็นตอนล่าสุดที่ฉบับเก่าเคยเขียนไว้ แน่นอนว่าเมื่อเป็นงานรีไท์ มันย่อมต้องเสร็จเร็วกว่างานธรรมดา All Final Wars ฉบับรีไรท์อาจได้ลงอย่างเร็วถึงสองวันต่อหนึ่งตอน หรืออย่างช้าก็สัปดาห์ละตอนละน่า

    อย่างไรก็ตาม ทั้งแฟนเก่า และหน้าใหม่ ขาประจำและขำจร กัปตันและบริกร
    ขอเชิญพบกับ All Final Wars ได้แล้วครับ
  2. repeat

    repeat Member

    EXP:
    112
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: อภิมหากาพย์สงครามอวกาศ All Final Wars

    All Final Wars #1

    ทางของฉัน ฝันของเธอ

    [​IMG]

    ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล ท่ามกลางความเงียบสงัดแห่งสุญญากาศ ดวงดาวมากมายที่ลอยอยู่นั้นเป็นเพียงเศษฝุ่นละอองเล็กๆที่ไร้ความหมายเมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่อันไร้ขอบเขตของจักรวาล ปริศนามากมายที่ซ่อนเร้นอยู่ดูราวกับจะไม่วันถูกไขให้หมดสิ้น แม้ว่าจะใช้มันสมองของสิ่งมีชีวิตและเครื่องจักรกลอีกสักกี่ชนิดก็ตาม แม้จะยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ แต่ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่คาดหวังและเฝ้าฝัน ว่าตนจะสามารถเป็นผู้กุมชะตาแห่งจักรวาล เป็นผู้อยู่เหนือทุกเหตุผลและความหมายในขอบเขตอันไร้ที่สิ้นสุดนี้ได้

    แต่จะมีใครบ้างที่กล้าฝันและทำเช่นนั้น

    ยานอวกาศลาดตระเวนขนาดเล็กสองลำกำลังแล่นฝ่ากระแสแห่งละอองอุกกาบาตไปท่ามกลางความมืดมิดและประกายระยิบระยับของหมู่ดาวที่อยู่ห่างไกล ยานทั้งสองแล่นตีเกลียวโฉบไปโฉบมาอย่างน่าดูก่อนจะลอยตัวสงบนิ่งบริเวนนอกชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์น้อยดวงหนึ่งไม่ไกลจากดวงอาทิตย์อาร์ติเคล แสงไฟจากตัวยานทั้งสองดับสนิทจนแทบจะกลมกลืนกับความเวิ้งว้างของห้วงอวกาศในเวลาไม่นาน

    “เปิดระบบต้านแรงโน้มถ่วงด้วยสิบโท” เสียงแหบห้าวดังขึ้นจากเครื่องมือสื่อสารบนคอนโซลในยานลาดตระเวนหมายเลขสอง “แถวนี้มีค่าแรงดึงดูดไม่คงที่ มีดาวเคราะห์น้อยสองสามดวงเพิ่งระเบิดตัวเองไป”

    “ระเบิดตัวพร้อมกันสองสามดวง ฟังดูน่าขนลุกนะครับผู้ฝูง” น้ำเสียงของนักบินในยานหมายเลขสองไม่ได้รู้สึกอย่างที่เขาพูด การระเบิดของดาวเคราะห์น้อยเนื่องจากถูกอุกกาบาตพุ่งชนเป็นเรื่องปกติในบริเวณที่มีดาวเคราะห์น้อยเป็นจำนวนมาก “แต่แถวนี้อุกกาบาตมันเยอะจริงๆนะครับ ทั้งๆที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์อาร์ติเคลมากแท้ๆ หรือจะเป็นงานชุมนุมสังสรรค์อุกกาบาต หรืองานเลี้ยงรวมรุ่นโรงเรียนอุกกาบาตวิทยา”

    “อุบาทว์วิทยาน่ะสิ” ผู้ฝูงขี้เกียจฟังมุขไร้สาระของลูกน้อง เขาหันไปเปิดหน้าจอมอนิเตอร์ผลึกเหลวอีกตัวทันที “ยุงก้นปล่องติดต่อป่าดิบ” ออกชื่อรหัสของฐานบัญชาการใหญ่ของกองทัพพิทักษ์จักรวาลบนดาวเอคท์ ดวงดาวอันเป็นฐานทัพใหญ่ซึ่งถูกเรียกว่าบ้านของทหารทั้งมวล ไม่เข้าใจ ทำไมรหัสเขาถึงได้เป็นแค่ยุงก้นปล่อง ยศระดับเขาน่าจะได้เป็นถึงแมลงวันหัวเขียว หรือไม่ก็แมงมุมลายตัวนั้นฉันเห็นมันอยู่บนหลังคามากกว่า

    “ป่าดิบรอฟังอยู่ ยุงก้นปล่อง ยุงลาย” ฐานทัพใหญ่ตอบกลับ แม้จะต้องใช้เวลาในการเดินทางของสัญญาณสื่อสารอยู่บ้าง แต่ก็ไม่นานเกินรอ ใบหน้าของนายทหารสื่อสารชาวเครเตอร์ผู้มีดวงตาหกดวงปรากฏขึ้นในจอผลึกเหลว “บันทึกการรายงานหมายเลขศูนย์สามหนึ่ง เริ่มได้”

    “เรากำลังอยู่บริเวณวงโคจรของดาวเคราะห์น้อยที่ยังไม่ได้ระบุนามหมายเลขเจ็ดสิบสี่ขณะนี้กำลังตรวจสอบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า” ยุงก้นปล่องเว้นช่วงให้ลูกน้องรายงาน

    “ไม่พบความผิดปกติใดๆในคลื่นแม่เหล็กครับ ไม่มีร่องรอยการเดินทางหรือสะเก็ดเชื้อเพลิงเลยแม้แต่น้อย” รหัสยุงลายกดมอนิเตอร์อย่างคล่องแคล่ว “ค่าความเข้มของรังสีเป็นปกติ ตรวจจับชีพจรในระดับละเอียดอ่อนได้บางๆ แต่จากอัตราชีพจร คาดว่าน่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกกาฝากในอวกาศมากกว่า”

    “สรุปผลการรายงานในเบื้องต้นว่า...” เจ้าหน้าที่สื่อสารที่ฐานทัพใหญ่ถอนใจ เหมือนกับทุกครั้ง ไม่มีอะไรผิดปกติ

    “ไม่มีปฏิกริยาของพวกกองกำลังปลดปล่อย927แถวๆนี้เลยครับ” ร้อยตรียุงก้นปล่องตัดบท ในใจยังคงคิดฝันว่าถ้ากลับไปที่ฐานคราวนี้ เขาจะขอยื่นเรื่องเปลี่ยนรหัสอย่างเป็นทางการซักที เอาเป็นตัวอะไรดีหว่า จิงโจ้น้ำดีมั้ย ไม่ดี เขาไม่อยากมีกระเป๋าหน้าท้อง

    “อย่าว่าแต่ลอร์ด927เลยครับ เศษเหล็กซักชิ้นยังไม่มีเลย” นักบินรุ่นน้องเสริม

    “อย่าเพิ่งด่วนสรุปไป ที่ผ่านมาเราก็คว้าน้ำเหลวมาตลอด แต่คราวนี้เบื้องบนค่อนข้างมั่นใจทีเดียว เฝ้าสังเกตการณ์ไปเรื่อยๆก่อน มีหลักฐานค่อนข้างชัดเจนว่าพวกมันใช้เส้นทางแถบนั้นในการลำเลียงยุทธปัจจัย” ฐานทัพใหญ่กล่าวพลางส่งรหัสตัวเลขชุดใหม่ให้แก่ร้อยตรีหนุ่ม “เปลี่ยนช่องติดต่อเป็นรหัสนี้แทน เฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวทุกอย่างให้ดี ถ้ามีอะไรผิดปกติก็รีบรายงานมา”

    “ครับผม” สิบโทรับคำก่อนที่สัญญาณจากฐานทัพใหญ่จะถูกตัดไป “พวกที่ฐานทัพนี่ขี้ระแวงจังแฮะ แถวนี้ทั้งเงียบทั้งร้อน ถ้าผมเป็นไอ้พวกกบฏ ผมคงไม่มาอบตัวเองอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์อย่างนี้หรอก ว่ามั้ยครับผู้ฝูง”

    “คงงั้นมั้ง” ร้อยตรีตอบส่งๆ ในใจครุ่นคิดอยู่แต่ว่าจะเปลี่ยนชื่อรหัสเป็นอะไรดี “เราหลบไปเกาะอยู่ใต้เงาอุกกาบาตกันดีกว่า เฝ้าสังเกตการณ์แบบนี้อาจกินเวลาเป็นสัปดาห์ บินไปบินมา เชื้อเพลิงหมดพอดี”

    โดยไม่ต้องรอคำตอบรับ ยานลาดตระเวนขนาดเล็กทั้งสองลำก็เคลื่อนตัวออกไปเพื่อหาตำแหน่งดีๆในการสังเกตการณ์ อุกกาบาตบางส่วนดูราวกับจะลอยนิ่งอยู่กับที่ เนื่องจากอยู่ในรัศมีแรงดึงดูดของดาวเคราะห์แร็คนาร็อคกับดวงอาทิตย์อาติเคลพอดี จึงเกิดการต้านทานกันของแรงดึงดูด

    “ไม่เห็นมีอะไรเลยจริงๆนะครับ” นักบินยศสิบโทเอ่ยอย่างเหนื่อยหน่าย ในใจหวังจะเจอฝูงมังกรอวกาศซักฝูงมาให้ว้าฮู่กันเล่นๆ “แบบนี้มันน่าเบื่อเกินไปรึเปล่า”

    “ไม่มีอะไรก็ดีแล้วน่า อย่ามาทำเป็นพวกทหารฝึกใหม่อยากโชว์ฝีมือไปหน่อยเลย ในสนามรบน่ะ การอยู่ในที่ที่ปลอดภัยถือเป็นลาภอันประเสริฐรู้มั้ย” ผู้บังคับบัญชายักไหล่ เขาคิดออกแล้ว หิ่งห้อยดีกว่า เป็นชื่อที่ดูมีไฟในตัวเอง อมยิ้มภูมิใจกับความคิดได้ไม่นาน นักบินรุ่นน้องก็ส่งเสียงขัดจังหวะขึ้นมา

    “เอ๊ะ แล้วแสงตรงนั้นมันอะไรน่ะครับ” รหัสยุงลายกดสัญญาณซูมภาพแสงที่พุ่งเข้ามาจากทางด้านซ้ายของยานพวกเขา จากความมืดมิดที่ห่างไกล มันกำลังพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ แม้แต่คลื่นดักสัญญาณก็จับไม่ทัน ภาพนั้นถูกส่งไปให้ยานอีกลำด้วยทันที ขณะที่รหัสยุงก้นปล่อง หรือที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นหิ่งห้อยได้แต่อ้าปากค้าง ไอ้หนุ่มยุงลายเพิ่งเข้ากองทัพได้ไม่นานคงไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เขารู้จักแสงสว่างเจิดจ้าชนิดนี้ดี เขาเคยเห็นมันในสนามรบ

    “ปืนใหญ่อิออนแม็กน่า ชิบหายแล้ว” ร้อยตรีแห่งกองยานลาดตระเวนร้องออกมายังไม่ทันจบประโยค คลื่นลำแสงก็เข้ามาถึงตัวพวกเขาที่กำลังซ่อนอยู่ใต้อุกกาบาต ก่อนที่หิ่งห้อยจะลอยลับหายไปในแสงไฟอันเจิดจ้า



    ไกลแสนไกลในห้วงจักรวาลอันแสนวุ่นวาย ท่ามกลางหมู่มวลดารานับล้าน แกแล็คซี่นับหมื่น ทั้งที่ใหญ่โตและเล็กกระจ้อยร่อย ล้าสมัยและล้ำสมัย ความแตกต่างทางวัฒนธรรมและชาติพันธุ์มากมายที่ถูกขีดกั้นด้วยระยะทางอันแสนห่างไกลเกินกว่าหนึ่งชีวิตจะท่องเที่ยวไปได้ทั่ว ยังมีแกแล็คซี่แห่งหนึ่งซึ่งเจริญล้ำหน้าด้วยศิลปะวิทยาการ จิตวิญญาณและเทคโนโลยี เป็นสถานที่ซึ่งเผ่าพันธุ์ต่างๆมากมายใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ภายใต้การปกครองระบอบเดียวกันของกลุ่มดาวเคราะห์ทั้งสิบสามแห่งแกแล็คซี่ออลไฟนอล

    จากเอไนม์ คอม ดวงดาวอันแสนป่าเถื่อนปลายสุดของวงโคจรหมายเลขหนึ่งซึ่งมีจุดศูนย์กลางคืออาร์ติเคลดวงอาทิตย์สีแดงไปจนถึงไฟนอล ดวงดาวแห่งราชวงศ์ซึ่งอยู่สุดขอบอีกฟากของวงโคจรหมายเลขสอง ซึ่งหมุนวนอยู่รอบฟอรัมดวงอาทิตย์สีน้ำเงิน โครงสร้างของแกแล็คซี่ซึ่งมีดวงอาทิตย์สองดวงนั้นมีจุดศุนย์กลางอยู่ที่ดาวเคราะห์ยักษ์ใหญ่ที่ไม่เคยหลับใหลและไม่มีวันเคลื่อนที่ อัลฟอรัม ซึ่งหมุนรอบตัวเองด้วยแรงดึงดูดจากดวงอาทิตย์ทั้งสองดวงที่มาปะทะกันตรงจุดกึ่งกลางพอดี การมีวงโคจรถึงสองวงทำให้บางครั้งตำแหน่งของดวงดาวอาจเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่โดยหลักๆแล้วตำแหน่งของดวงดาวจะคงเดิมเสมอ โดยมีการสับเปลี่ยนตำแหน่งตามวงโคจรเกิดขึ้นเป็นปรากฏการณ์แบบนานๆครั้งเท่านั้น

    แม้จะกลมกลืนในความหลากหลาย แต่ความแตกต่างระหว่างเชื้อชาติและวัฒนธรรมก็ยังไม่อาจผนึกประชาชนในออลไฟนอลให้เป็นหนึ่งเดียวได้ ประวัติศาสตร์ของแกแล็คซี่อันเก่าแก่แห่งนี้ถูกชโลมด้วยเลือดและไฟสงครามมานับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่ยุคสมัยที่ชนเผ่าบนดาวเคราะห์แต่ละดวงแย่งกันเป็นใหญ่ จนกระทั่งปัจจุบันซึ่งดาวเคราะห์ทั้งสิบสามถูกปกครองภายใต้ราชอำนาจแห่งราชวงศ์จักรพรรดิเร็นเดอร์เรอร์สูงสุดเพียงหนึ่งเดียว ภายใต้การปกครองอันเด็ดขาดด้วยอำนาจที่เข้มแข็ง ประชาชนทั่วทั้งออลไฟนอลจึงทำได้เพียงก้มหน้าอยู่ภายใต้อุ้งมือของชนชั้นสูงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง แต่แม้จักรพรรดิจะได้รับการยอมรับ ทว่าทั่วทั้งแกแล็คซี่อันกว้างใหญ่ย่อมมีผู้ต้องการจะต่อต้านอยู่ไม่น้อย และแม้ประชาชนส่วนใหญ่จะยอมอยู่ในการปกครองของราชวงศ์ แต่ก็มีจำนวนหนึ่งที่ฝันถึงการมีอิสรเสรีภาพเต็มรูปแบบ พวกที่คนใหญ่คนโตในสภาสูงเรียกว่าพวกหัวกบฏ

    อย่างไรก็ตาม ราชวงศ์เร็นเดอร์เรอร์ก็ยังคงทรงอำนาจด้วยกำลังทหารที่เข้มแข็ง หลายต่อหลายครั้งที่การกบฏแม้เพียงความคิดถูกปราบปรามลงอย่างเด็ดขาด ในจำนวนผู้มีแนวคิดต่อต้านราชวงศ์ทั้งหลาย เห็นจะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่ถูกเรียกว่าเป็นภัยคุกคามที่ราชวงศ์ต้องยำเกรงอย่างแท้จริง

    เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ไม่เคยมีทหารหรืออัศวินคนใดในกองทัพของราชวงศ์สามารถหยุดยั้งเขาไว้ได้เลย



    “ท่านจอมพลอโลฮา โกโมราครับยานลาดตระเวนทั้งสองลำที่ส่งไปตรวจสอบพิกัดต้องสงสัยขาดการติดต่อไปอีกแล้วครับ” นายทหารในชุดเครื่องแบบเต็มยศคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาพร้อมข่าวด่วน เสียงของเขามาถึงก่อนที่เท้าจะพาร่างมาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ในห้องซึ่งประดับประดาด้วยเครื่องเหล็กที่ทั้งหนา หนักและแข็งแกร่งทั่วห้อง กลิ่นยาสูบลอยอบอวลอยู่ในทุกอณูของห้อง ขับเน้นให้บรรยากาศที่ดูเคร่งขรึมยิ่งอึมครึมขึ้นไปอีก ชายร่างใหญ่ที่นั่งอยู่หลังโต๊ะ เพียงปรายตามามองนายทหารก็แทบจะเข่าอ่อน ดวงตาสีน้ำตาลเข้มแข็ง เจือด้วยเส้นเลือดฝอยสีแดงที่แสดงถึงอาการอดนอนอย่างหนัก หนวดเคราตัดไว้อย่างเป็นระเบียบ ใบหน้าเหี้ยมหาญและรอยแผลเป็นยาวพาดผ่านโหนกแก้มซ้ายบ่งบอกถึงประสบการณ์ที่โชกโชน ในมือมีกล้องยาสูบซึ่งส่วนปลายยังคงเหน็บอยู่บนริมฝีปาก “นี่เป็นครั้งที่แปดแล้ว ที่ยานลาดตระเวนของเราหายไปในภารกิจสืบหาพิกัดของฐานทัพเคลื่อนที่สยมภู”

    “ถ้านับตั้งแต่เมื่อคราวที่ลอร์ด927ชิงฐานทัพเคลื่อนที่สยมภูไปจากเรา ต้องนับว่าเป็นครั้งที่เก้าแล้ว ที่หน่วยสอดแนมของเราพลาดท่า” ควันยาสูบล่องลอยออกมาจากปากในทุกคำที่พูด กลิ่นฉุนเหมือนหญ้าแห้ง

    “พวกมันมีการป้องกันที่ดีมาก” นายทหารคนสนิทส่งไมโครชิพซึ่งบันทึกผลการเฝ้าติดตามทั้งหมดของยานที่สาบสูญไปให้จอมพล “จนบัดนี้ แม้แต่เงาของพวกมันเราก็ยังหาไม่พบ

    “แต่ก็เริ่มได้กลิ่นบ้างแล้ว” จอมพลอัดยาสูบเข้าปอดอีกครั้ง สีหน้าสงบนิ่ง “นี่เป็นครั้งแรกที่มันโจมตีใส่ยานของเราโดยตรง หลังจากใช้วิธีส่งมือสังหารมาเล่นงานสายของเรา ปืนใหญ่ระดับอิออนแม็กน่าไม่มีทางเป็นของยานลาดตระเวนหรือยานล่าสังหารแน่ ยานชั้นที่มีปืนใหญ่อิออนแม็กน่าย่อมต้องเป็นระดับแบ็ทเทิลชิพคลาสขึ้นไป และพวกมันก็ไม่มีทางปล่อยยานระดับนั้นออกมาเพ่นพ่านไกลจากฐานทัพใหญ่นักหรอก”

    “หมายความว่า พวกมันต้องอยู่บริเวณพิกัดที่ยานของเราถูกจู่โจม” ทหารคนสนิทยิ้มอย่างมีความหวัง “พวกเรามูกทางแล้ว ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง”

    “และคราวนี้ เราจะไม่ส่งยานลาดตระเวนกิ๊กก๊อกกับนักบินสอดแนมไปตายเปล่าอีกแล้ว” จอมพลสูงสุดระบายควันยาสูบออกมาทางจมูก “เราจะส่งยานชั้นอาร์มคอมมานเดอร์ไปเยี่ยมพวกมัน”

    อาร์มคอมมานเดอร์คลาส คือยานบัญชาการระดับแม่ทัพสำหรับกองยานรบทั้งหมด ด้วยขนาดที่เป็นรองเพียงยานชั้นแคริเออร์คลาสและชั้นวอร์ลอร์ดคอมมานเดอร์คลาสเท่านั้น แต่ก็เปี่ยมไปด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์และความสามารถในการศึกครับครัน ใช้บุคลากรถึงหนึ่งกองพันในการควบคุม พร้อมด้วยฝูงบินจู่โจมในตัว กล่าวคือเป็นป้อมปราการรบเคลื่อนที่ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งมีเพียง 24 ลำเท่านั้น แน่นอนการใช้ยานรบระดับนี้ออกปฏิบัติงานถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่กองกำลงปลดปล่อย927 คือกองกำลังใต้ดินต่อต้านระบอบการปกครองของราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแกแล็คซี่ออลไฟนอล ซึ่งนำโดยลอร์ด927 อดีตผู้บัญชาการกองยานรบของราชวงศ์ กองกำลังฝ่ายกบฏที่อันตรายที่สุดเท่าที่ยังเหลืออยู่ในปัจจุบัน ซึ่งแม้กองทัพจะพยายามตามหาเท่าไหร่ก็ไม่มีใครเคยพบตัว ระดับความเป็นภัยคุกคามต่อราชวงศ์ของท่านลอร์ด927นั้นสูงกว่าอาชญากรคนใดในแกแล็คซี่

    “ต่อให้สยมภูแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่มีทางจัดการยานชั้นอาร์มคอมมานเดอร์ได้ง่ายๆหรอก” อัดยาสูบเข้าไปอีกครั้ง เป็นที่รู้กันว่าจอมพลอโลฮ่าติดยาสูบชนิดเข้าไส้

    มันเป็นความจริงที่น่าเศร้า แม้กฎหมายระหว่างดวงดาวซึ่งตราออกมาโดยราชวงศ์จะไม่นับยาสูบเป็นยาเสพติดผิดกฎหมาย แต่คนตรากฎหมายคงไม่คาดว่าผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพจะติดยาสูบขนาดนี้ ในอดีตจอมพลอโลฮ่าวัยหนุ่มเคยเป็นชายร่างใหญ่ที่เข้มแข็ง เก่งกาจ ทว่าปัจจุบันความเข้มแข็งของเขาถูกยาเสพติดทอนอำนาจลงไปมาก ยิ่งไปกว่านั้น ภายในกองทัพเองก็มีการใช้ยาเสพติดร้ายแรงกันอย่างโจ่งแจ้งโดยไม่มีการควบคุม เนื่องด้วยหากเป็นคนของกองทัพจะมีสิทธิพิเศษหลายอย่างในแกแล็คซี่ รวมไปถึงสิทธิที่เหนือกฎหมายบางฉบับ ด้วยเหตุนี้เด็กหนุ่มสาววัยรุ่นจำนวนมากจึงเลือกจะเข้ามาทำงานรับใช้ราชวงศ์

    “และถ้ายานรบหุ้มเกราะสามารถฝ่าด่านระวังภัยของพวกมันได้สำเร็จ เราก็จะสามารถสาวรอยไปถึงต้นทางของมันได้ใช่มั้ยครับ” รอยยิ้มบนริมฝีปากของนายทหารหนุ่มคนสนิทดูมั่นใจมากขึ้นทุกที “แต่ว่าท่านจะส่งใครไปล่ะครับ ในจำนวนกัปตันยานบัญชาการของเรา 24 คน ผมคิดว่าไม่มีใครกล้าเสี่ยงเอายานของตัวเองไปชนกับฐานทัพสยมภูตามลำพังหรอกครับ”

    แน่นอน เป็นแผนที่เข้าท่า แต่กัปตันยานรบชั้นอาร์มคอมมานเดอร์ ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงที่สุดของทหารอวกาศยานในกองทัพพิทักษ์จักรวาล แน่นอนต้องเป็นคนที่เก่ง วิสัยทัศน์กว้างไกล ละเอียดรอบคอบ และที่สำคัญพวกเขารักยานของตัวเองยิ่งชีพ ยานบัญชาการในครอบครองของเขาถือเป็นดาบอาญาสิทธิ์ที่จักรพรรดิทรงประทานให้ ไอ้เรื่องจะเอาไปดวลกับมังกรไฟตามลำพังนั้นแทบไม่มีทาง แม้ว่าสุด้ายพวกเขาก็ต้องทำตามคำสั่งอยู่ดี

    “มีอยู่สองคน” จอมพลใหญ่ขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด “ใช่แล้ว หนึ่งในสองคนนี้ต้องกล้ารับคำสั่งแน่ๆ คนหนึ่งเป็นกัปตันมือเก๋าที่ทั้งทะเยอทะยานและบ้าบิ่น อีกคนเป็นกัปตันเลือดใหม่ ไฟแรงและมากความสามารถ”

    “แล้วท่านจะเลือกคนไหนล่ะครับ” นายทหารคนสนิทเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ใกล้ๆเพื่อจดหมายคำสั่งทันที “หน้าใหม่หรือหน้าเก่า”

    “นั่นสินะ” ควันยาสูบล่องลอยอบอวลไปทั่ว ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจับนิ่งไปยังกลุ่มควันจางๆในอากาศ “จะเลือกคนไหนดี”



    ท่าอวกาศยานหลักของกองบัญชาการการบินนั้นอยู่ไม่ไกลจากกองบัญชาการใหญ่มากนัก ฐานทัพใหญ่ของกองทัพพิทักษ์จักรวาลตั้งอยู่บนบนดาวเอคท์ ดาวเคราะห์ซึ่งเป็นของกองทัพพิทักษ์จักรวาลโดยตรง ด้วยกว่าครึ่งของดาวดวงนี้เป็นสิ่งก่อสร้างสำหรับกิจกรรมทางการทหาร ดวงดาวแห่งปราการเหล็กที่พิทักษ์แกแล็คซี่ด้วยคมดาบและกระสุนปืนมานานตั้งแต่ยุคราชวงศ์ก่อกำเนิด ชายหนุ่มผู้มีรอยสักบนแขนขวาลูบเปลวไฟสีแดงคล้ำยืนถอนใจอยู่บนรันเวย์ท่าเทียบจอดยาน สายตาที่แหลมคมภายใต้แว่นกรอบกลม หรือเรียกอีกอย่างว่า ตาตี่ เพ่งพินิศไปเบื้องหน้าอย่างใคร่ครวญ สงบนิ่งสุขุมองอาจเฉกเช่นนักปราชญ์ที่กำลังมองความเปลี่ยนแปลงของท้องฟ้าอย่างใจเย็น ท้องฟ้าของดาวเอคท์ยามราตรีที่ไร้ดวงจันทร์

    “ผู้พันครับ รบกวนช่วยออกจากรันเวย์ด้วยครับ ยานกำลังจะลงจอดแล้ว” นายทหารในหอควบคุมการบินตะโกนออกไมโครโฟนเตือนชายหนุ่มตรงรันเวย์ น้ำเสียงไม่แสดงความเคารพมากไปกว่าความระอา “อีกแล้วนะครับ เดี๋ยวก็โดนรายงานไปที่เบื้องบนอีกหรอก”

    “โธ่ ใจลอยหน่อยเดียวเอง กำลังสุนทรีย์เลย” บุรุษที่ถูกเรียกว่าผู้พันในชุดเครื่องแบบทหารสีดำแดงบ่นอุบอิบก่อนจะเดินสะบัดชายเสื้อออกมาจากรันเวย์ หากเป็นนายทหารคนอื่นที่มียศเท่าๆกับเขา คงไม่โดนไล่ออกมาง่ายๆอย่างนี้แน่ จริงอยู่ เขาไม่ค่อยเป็นที่รักของผู้บังคับบัญชาเท่าไหร่ แต่ถึงกับโดนผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาหมิ่นเอาบ่อยๆแบบนี้มันก็เกินไป

    “เอ่อ ขอโทษครับท่านคือ.....” ก่อนที่ผู้พันหนุ่มจะก้าวพ้นจากลานรันเวย์ พลทหารชาวออร์คคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาทักอย่างเก้ๆกังๆ

    “กัปตัน ทริกเกอร์ ทิง แห่งยานรบหุ้มเกราะเฮลไฟร์69 ยินดีรับใช้ครับ” กัปตันทริกเกอร์ยืดอกแนะนำตัวอย่างภูมิใจ ก่อนจะค่อยๆสลดลง “เอ่อ จริงๆแล้วต้องเรียกว่า อดีตกัปตัน ล่ะนะ”

    “เอ่อ ต้องขออภัยด้วยครับ ผมมาตามหาคนอื่น”เมื่อได้ยินชื่อ พลทหารแทบจะเมินใส่อย่างไม่ใยดี นี่แม้แต่พลทหารก็เป็นไปด้วยเหรอเนี่ย “พอจะทราบมั้ยครับว่านาวาอวกาศเอกไคต์ แกรนด์อยู่ที่ไหน ได้ยินมาว่าเขามารอรับยานที่ส่งไปซ่อมบำรุงที่นี่”

    “เชอะ ไอ้หมอนั่นน่ะนะ จะมารอรับยานรบด้วยตัวเอง ป่านนี้คงจะมัวไปเมาอยู่ที่ผับในโซนพลาซ่าล่ะมั้ง” ทริกเกอร์สบถ พลางเหลียวไปยังยานรบหุ้มเกราะชั้นอาร์มคอมมานเดอร์ที่ชื่อว่า แบล็คสมิธ ซึ่งกำลังเข้าจอดเทียบท่าตรงที่เขายืนอยู่อย่างเบื่อหน่าย “ผมนาวาอวกาศตรี ทริกเกอร์ ทิง รองกัปตันยานบัญชาการแบล็คสมิธ ในสังกัดของกัปตันไคต์ มีอะไรจะฝากถึงกัปตันมั้ยครับ”

    “หมายคำสั่งถึงกัปตันไคต์ครับ” พลทหารยื่นซองเอกสารให้ทริกเกอร์ ทิง “จากท่านจอมพล”

    “ผมจะจัดการให้เอง” เป็นอีกครั้งที่ทริกเกอร์มีสีหน้าเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด ทุกครั้งที่เขาเอ่ยชื่อผู้บังคับบัญชาของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทุกครั้งที่เอ่ยคำว่ากัปตัน



    “ไม่เอาน่า ตลอดมาชั้นเองก็เอ็นดูเธอไม่น้อยเลยไม่ใช่เหรอ” เสียงแหบต่ำฟังดูราวกับหยอกล้อคู่สนทนาตลอดเวลา ซิการ์ในปากส่งควันกลิ่นหอมออกมาเป็นระยะๆ ร่างกายกำยำเปลือยท่อนบนเผยให้เห็นมัดกล้ามแข็งแกร่งเกลื่อนกลาดไปด้วยรอยแผลเป็น ขนรกรุงรังหยาบแข็งดกหนาเต็มแผ่นหลัง แขนและแผงอก จมูกย่นและเขี้ยวยาวโง้งขึ้นด้านบนแบบชาวคาฮาเรียน เผ่าพันธุ์นักรบที่แข็งแกร่งเผ่าพันธุ์หนึ่ง “เงินนี่ก็น่าจะพอปิดปากเธอได้แล้วนี่ จริงมั้ย”

    “ดิชั้นจะรายงานเรื่องนี้ต่อเบื้องบน” หญิงสาวชาวเครเตอร์ร่างเล็กปาดน้ำตาออกจากดวงตาทั้งหก ใบหน้ากลมมนที่ไร้สันจมูกขาวซีดมีรอยฟกช้ำดำเขียว ร่างกายเปลือยเปล่ากองอยู่บนพื้น ราวกับตุ๊กตาตัวเล็กๆที่ไร้ค่า “ผู้บังคับบัญชาไม่ควรใช้กำลังขืนใจผู้ใต้บังคับบัญชาแบบนี้”

    “อย่าพูดไม่รู้เรื่องน่า” กัปตันไคต์สำรอกคำนั้นออกมาอย่างหงุดหงิด “ถ้าอย่างนั้นจะเอาเท่าไหร่ แลกกับการที่เธอจะปิดปากเงียบเรื่องนี้ ไม่เอาน่า เราเองก็สนุกด้วยกันไม่ใช่เหรอ”

    “สนุกด้วยกัน ขอโทษ ความจริงคือท่านข่มขืนดิชั้นนะคะ อยากรู้เหมือนกันว่าเบื้องบนจะมองเรื่องนี้ยังไง” หญิงสาวยันกายลุกขึ้นอย่างอ่อนแรง น้ำเสียงเคียดแค้น “ดิชั้นจะขอลงจากยาน หวังว่าคงมีกัปตันคนอื่นที่เป็นสุภาพบุรุษมากกว่าท่าน”

    “อย่างเช่นไอ้กัปตันทริกเกอร์อะไรอย่างนั้นใช่มั้ย” นาววาอวกาศเอกหัวเราะต่ำๆในลำคอ “สุภาพบุรุษของเธอน่ะ เป็นยังไงล่ะ ตกต่ำจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วมั้ง”

    “อย่าได้กล่าววาจาเช่นนั้นกับอดีตกัปตัน ลูกเรือของคุณเองครึ่งหนึ่งก็เป็นคนของเฮลไฟร์69มาก่อน” ดวงตาทั้งหกจ้องตอบชาวคาฮาเรียนอย่างไม่ลดละ

    “รวมทั้งเธอด้วย” กัปตันไคต์ยิ้มกริ่ม “แต่น่าเสียดาย ที่ไอ้เจ้าทริกเกอร์มันไร้ความสามารถไปหน่อย เฮลไฟร์เลยเป็นของคนอื่นไปแล้ว และตอนนี้พวกเธอก็เป็นของชั้น”

    “ไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว” ทหารหญิงชาวเครเตอร์คำราม “รับรองได้ว่าไม่เกินเย็นนี้ท่านต้องถูกไต่สวนแน่”

    “งั้นเหรอ” ไม่ทันขาดคำ อุ้งมือใหญ่และหนาทั้งสองข้างของไคต์ก็คว้าหมับเข้าไปที่คอของทหารหญิงตรงหน้า ทั้งแข็งแกร่งและเยือกเย็นราวกับคีมเหล็ก “จะบอกให้รู้ไว้นะ คำว่าผู้ใต้บังคับบัญชาสำหรับชั้น หมายถึงชั้นจะทำอะไรกับแกก็ได้ ถึงแกจะตายหายไปตรงนี้ ก็ไม่มีใครมาเอาผิดอะไรกับชั้นได้หรอก แม่หกตาตัวน้อย”

    แน่นขึ้นและแรงขึ้น ท่อนแขนทรงพลังของไคต์ยกร่างของหญิงสาวลอยขึ้นจากพื้น ร่างน้อยๆดิ้นรนได้เพียงชั่วครู่ ก่อนที่กัปตันร่างยักษ์จะออกแรงอีกเพียงเล็กน้อย เสียงกระดูกอ่อนลั่นดังกร๊อบ แล้วร่างบอบบางของหญิงสาวชาวเครเตอร์ก็แน่นิ่งไปตลอดกาล

    “กัปตันไคต์!!!” ที่ประตูห้องซึ่งน่าจะถูกสั่งห้ามใครเข้ามารบกวนไว้แล้ว ทริกเกอร์ยืนอยู่ตรงนั้นหน้าซีดเผือด ไคต์หันไปมองอย่างมุ่งร้าย “ทำอะไรน่ะ”

    “รองกัปตัน...” นาวาอวกาศเอกชาวคาฮาเรียนปล่อยร่างที่ไร้วิญญาณลงกับพื้น ก่อนจะคว้าเอาเสื้อคลุมกัปตันยานบัญชาการมาสวมอย่างลวกๆ “เจ้าหน้าที่เดินเรือของเราประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในขณะที่กำลังพักผ่อน คุณช่วยจัดการเรื่องเอกสารทีนะ”

    “กัปตันไคต์ เธอเป็นคนของผม” ทั้งน้ำเสียงและมือข้างที่ถือหมายคำสั่งสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม “คุณทำอะไรลงไป”

    “ทริกเกอร์ ทำตามที่ชั้นบอก” ร่างกายใหญ่โตก้าวเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้ารองกัปตันชาวมนุษย์อย่างคุกคาม แม้แต่สรรพนามก็เปลี่ยนไป น้ำเสียงแหบต่ำไร้อารมณ์โดยสิ้นเชิง “ชั้นไม่ชอบคนปากโป้ง”

    “แต่นั่นมัน...” ครั้งที่เท่าไหร่แล้ว ที่อดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาซึ่งถูกเทครัวย้ายมาสังกัดยานแบล็คสมิธต้องถูกไอ้กัปตันคนนี้เล่นงานอย่างไม่เป็นธรรม จริงอยู่ กัปตันไคต์เป็นมือหนึ่งของกองทัพ ทั้งฝีมือและความสามารถนั้นไม่มีใครเทียบได้ แต่เรื่องนิสัยก็ร้ายสุดๆ ซึ่งเขาก็ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้

    “ไหนแกเอาอะไรมา” ไคต์คว้าหมายคำสั่งในมือของทริกเกอร์ขึ้นมาอ่าน อ้อ หมายคำสั่งจากจอมพล ไอ้นี่เองที่ช่วยให้ทริกเกอร์ผ่านคนของเขาซึ่งเฝ้าอยู่ที่ชั้นล่างขึ้นมาได้ “โอ้โห งานใหญ่ทีเดียว”

    ทริกเกอร์ไม่ได้ฟังที่ไคต์พูดเลย สายตาของเขาจับนิ่งไปยังร่างเล็กๆที่นอนสงบนิ่งอยู่ด้านหลังของกัปตันชาวคาฮาเรียน เธอเป็นลูกน้องคนหนึ่งที่ติดตามเขามาตั้งแต่แรกๆ ดวงตาทั้งหกที่เคยสดใสมีชีวิตชีวา บัดนี้เลื่อนลอยไร้แววราวกับกระจกสีขุ่นที่ไม่มีวันสะท้อนอะไรออกมาได้อีกแล้ว ตลอดมาเขาเคยคิดว่าไคต์ยังพอมีความเมตตาอยู่บ้าง แต่นี่มันไม่ใช่เลย บนยานแบล็คสมิธ อดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของทริกเกอร์ถูกแบ่งแยกเป็นพลเมืองชั้นสอง โดนกดขี่ข่มเหงตลอดเวลา

    ถ้าเพียงแต่ตอนนั้นเขาไม่ถูกยึดยาน พร้อมกับลดตำแหน่งลงสองขั้น มันก็คงไม่เป็นแบบนี้

    “ยานของชั้นสมบูรณ์พร้อมดีแล้วใช่มั้ยทริกเกอร์” คำนั้นไคต์ตั้งใจพูดกับรองกัปตันของเขาโดยตรง ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือกก่อนจะหันมามองหน้าผู้บังคับบัญชาอย่างไม่ตั้งใจ “ว่าไง ชั้นส่งแกไปดูแลยานนะโว้ย”

    “ผมจะรายงานเรื่องนี้ต่อเบื้องบน” จู่ๆทริกเกอร์ก็โพล่งออกมา พลางชี้ไปที่หญิงสาวบนพื้นห้อง “ผมเอาแน่”

    “อีกแล้ว เบื้องบนอีกแล้ว ไอ้พวกสวะ ถ้าไม่มีเบื้องบนคุ้มหัวก็ทำอะไรไม่เป็นเลยรึไง” กัปตันไคต์คำรามหนักแน่น พลางตบอกตัวเองแล้วก้าวเขาหาทริกเกอร์อย่างมุ่งร้าย “เอาสิ ถ้าคิดว่ามีปัญญาก็เชิญเลย แต่เอาหัวเป็นประกัน แกไม่รอดจากห้องนี้ไปแน่ ไอ้ไส้เดือน”

    สิ้นคำนั้นแขนใหญ่โตสองข้างก็พุ่งเข้ามาคว้าคอทริกเกอร์ไว้อย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับที่เพิ่งสังหารทหารหญิงชาวเครเตอร์มาหยกๆ รองกัปตันหนุ่มดิ้นพล่าน พยายามแกะอุ้งมือที่แข็งแกร่งนั้นออก แต่มันไร้ผล

    “ไอ้โง่เอ๊ย จะบอกให้นะ คนอย่างแกมันก็แค่สวะ ที่แกถูกยึดยาน ถูกลดชั้นมาเป็นขี้ข้าอย่างนี้ มันก็เพราะแกมันไร้ความสามารถ” กัปตันไคต์ตะคอกจนน้ำลายพุ่งเป็นฝอย โทสะบดบังเหตุผลไปจนสิ้น “แล้วไอ้ที่ลูกน้องแกต้องมาตายแบบนี้ก็เป็นเพราะแกมันห่วย สาบานได้เลยว่าต่อไป ไอ้พวกลูกน้องเก่าของแกจะไม่ได้อยู่กันอย่างสบายแน่ๆทิงเอ๋ย”

    “แกต่างหาก ไอ้...” แค่นเสียงลอดไรฟันอย่างยากลำบาก อดีตกัปตันหนุ่มดึงมีดสั้นออกมาจากแขนเสื้อ ก่อนจะแทงเข้าไปในลำคออวบหนาของไคต์จนมิดด้าม “สวะ”

    พริบตานั้น ร่างของทริกเกอร์ถูกทิ้งลงกับพื้นทันที เขาทรุดลงสำลักอากาศ ในศีรษะมีเสียงดังวิ้งๆอื้ออึง กว่าทริกเกอร์จะรวบรวมสติลุกขั้นใหม่ได้ก็ใช้เวลาพอดู ไคต์เองก็ทรุดลงกับพื้นเช่นกัน เลือดไหลทะลักออกจากบาดแผลข้นคลั่ก เขาพยายามอุดปากแผลไว้ แต่เลือดไหลไม่ยอมหยุด แม้จะฉลาดพอที่จะไม่ดึงมีดออกมา แต่มันก็ดูไร้ประโยชน์ กัปตันไคต์อ้าปากราวกับจะสบถอะไรบางอย่าง แต่ก็มีเพียงเสียงลมหายใจดังวี้ดๆออกมาเท่านั้น ก่อนที่เขาจะล้มลง แล้วแน่นิ่งไปตลอดกาล

    ยังไม่ทันที่รองกัปตันจะทันตั้งตัว เขาก็รีบลุกออกมาจากห้องนั้นทันที เลือดไหลเปรอะอยู่บนเสื้อ เขาก้าวออกมาอย่างสับสน เกิดอะไรขึ้น เขาลงมือสังหารผู้บังคับบัญชาไปแล้ว แบบนี้ไม่พ้นศาลทหารแน่ รวมกับความผิดที่ผ่านมา เขาคงถูกลงโทษประหาร ทริกเกอร์เดินผ่านยามด้านล่างออกมาอย่างรวดเร็ว พวกนั้นมองตามเขามาอย่างงงๆ คงจะเอะใจเรื่องคราบเลือด แต่ก็ไม่ฉุกใจสงสัยอะไร ถึงอย่างนั้นก็อีกไม่นานหรอก ก่อนที่คนของไคต์จะรู้ว่าเจ้านายของเขาตายแล้ว และทริกเกอร์จะโดนตามล่า

    ในมือของรองกัปตันหนุ่มมีหมายคำสั่ง เขาหยิบติดมือออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่มันจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อผู้ที่ต้องรับคำสั่งเพิ่งจะโดนเขาเอามีดปักคอดับดิ้นไปเมื่อไม่กี่นาทีนี้เอง ทริกเกอร์เดินโซซัดโซเซไปตามทางอย่างเคว้งคว้าง ผู้คนที่เดินผ่านพากันจ้องมองรอยเลือดบนเสื้ออย่างประหลาดใจ เขาต้องหนี แต่จะหนีไปไหนล่ะ

    ก่อนอื่น เขาต้องกลับไปหาลูกน้องของเขาก่อน ลูกน้องที่เป็นของเขามาแต่แรกเริ่ม พวกที่ไม่ใช่คนของไคต์ อดีตเจ้าหน้าที่ยานบัญชาการเฮลไฟร์69ของเขา



    “มอบตัวเถอะครับกัปตัน เราลองสู้คดีดูได้ บอกเบื้องบนไปว่าทางเราแค่ป้องกันตัว” ใครคนหนึ่งพูดขึ้น หลังจากที่ทริกเกอร์เล่าเรื่องที่เกิดให้พวกลูกน้องฟังจบ “คนของเราก็ตายไปแล้วคนนึงด้วย เบื้องบนน่าจะเข้าข้างเรา”

    “ไอ้สารเลวนั่น ผมน่าจะได้ฆ่ามันด้วยมือของผมเอง” นายทหารชาวคาฮาเรียนอีกคนที่ตัวเล็กกว่าไคต์มาก ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของทริกเกอร์มาก่อนกล่าวอย่างเจ็บแค้น “เสียชื่อเผ่าพันธุ์เราหมด”

    “แต่พวกที่ศูนย์บัญชาการเกลียดขี้หน้ากัปตันจะตาย แถมกัปตันไคต์ยังเป็นมือหนึ่ง พวกนั้นต้องเล่นงานเราแน่” ต้นหนยานชาวฮิลเดียนซึ่งมีจงอยปากแหลมเหมือนนกกล่าว “เราน่าจะหนี ผมพอจะมีพรรคพวกอยู่ที่เอไนม์คอม กัปตันไปอยู่ที่นั่นซักระยะดีกว่า”

    “เอไนม์คอมพวกล่าเงินรางวัลเยอะจะตาย กัปตันเพิ่งฆ่านายทหารชั้นสูงไป มีหวังโดนตั้งค่าหัวแน่ๆ ถ้าไปอยู่ที่นั่นคงไม่รอด” ใครอีกคนแสดงความเห็น

    “ถ้างั้นกลับไปกบดานอยู่ที่บ้านเกิดของกัปตันดีกว่ามั้ยครับ” ทหารหนุ่มคนแรกเสนอ แต่คราวนี้ทริกเกอร์กลับโบกมือเป็นเชิงว่าพอแล้ว เขาตื้นตันจริงๆ ไม่เพียงแต่ไม่กล่าวโทษเรื่องที่เขาสังหารผู้บังคับบัญชา แต่ทุกคนยังพยายามหาทางช่วยเหลือเขาด้วย อดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาสามสิบชีวิตที่เหลืออยู่ซึ่งถูกใช้ให้คอยเฝ้าดูแลศูนย์รวมพลของกองพันประจำยานรบแบล็คสมิธ ยังคงภักดีต่อเขาเสมอ แม้เขาจะถูกปลดจากตำแหน่งนานแล้ว แต่พวกนี้ก็ยังเรียกเขาว่ากัปตันตลอดเวลา นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักๆที่ทำให้กัปตันไคต์เกลียดพวกเขา

    “ลำบากพวกนายเปล่าๆ ชั้นว่าชั้นมอบตัวดีกว่า ขืนหนีไป พวกนายอาจเดือดร้อนไปด้วย” ทริกเกอร์วางหมายคำสั่งที่หยิบติดมือมาลงบนโต๊ะ “บางทีมันอาจจะถึงเวลาของชั้นแล้วก็ได้”

    “ขอโทษนะครับกัปตัน หมายคำสั่งนี่มีตราของจอมพลอโลฮ่า” ต้นหนชาวฮิลเดียนใช้จงอยปากแหลมๆบุ้ยใบ้มาทางซองคำสั่ง “มีเรื่องอะไรงั้นเหรอครับ”

    “เอ ไม่รู้สิ งานของกัปตันไคต์น่ะ” งานของกัปตันไคต์ ในเมื่อไคต์ตายไปแล้ว ทริกเกอร์ซึ่งเป็นรองกัปตันจึงมีสิทธิจะเปิดอ่านแทนได้ ชายหนุ่มถอนใจเฮือกหนึ่งก่อนจะเปิดซองเอาเอกสารออกมาผ่านตาอย่างไม่ใส่ใจ

    ทว่าทันทีที่ตัวอักษรทั้งหมดปรากฏแก่สายตา ทริกเกอร์ก็ไม่อาจจะไม่ใส่ใจได้อีกต่อไป

    “สืบหาที่ตั้งของฐานทัพสยมภู และกองกำลังปลดปล่อย927 นี่มันหมายตามล่าพวกกบฏนี่นา มิน่าไคต์ถึงบอกว่าเป็นงานใหญ่” ทริกเกอร์สอดเอกสารกลับใส่ซอง ความรู้สึกผิดจับขึ้นมาที่ปลายขั้วหัวใจ “ขาดไคต์ไป จะเหลือใครอีกที่ทำหน้าที่สำคัญขนาดนี้ได้”

    วงสนทนาเงียบไปครู่ใหญ่ ลอร์ด927คือรอยด่างพร้อยที่ราชวงศ์ต้องการจะกลบให้มิด ทั้งยังไม่ต้องการให้ตัวตนและการคงอยู่ของกองกำลังนี้รู้ถึงหูประชาชนมากนัก ด้วยเกรงว่าอาจมีคนจำนวนมากที่ไม่ฝักใฝ่การปกครองของราชวงศ์จะไปเข้าร่วมกับกองกำลัง927 การดำเนินการตามล่าเขาจึงต้องเป็นไปอย่างเงียบเชียบ ที่ผ่านมามีเพียงการสืบหาร่องรอยฐานทัพสยมภูด้วยยานลาดตระเวนเล็กและพวกจารชนเท่านั้น แต่ตอนนี้ หมายคำสั่งระบุชัดเจนว่าให้กัปตันยานระดับอาร์มคอมมานเดอร์ออกไปด้วยตัวเอง นี่จึงนับเป็นก้าวแรกที่สำคัญยิ่งในการปฏิบัติการกวาดล้างกองกำลังปลดปล่อย927

    “ก็....กัปตันไงครับ” ท่ามกลางความเงียบงัน อดีตผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ทริกเกอร์หันมามองอย่างงุนงงและไม่เชื่อหู ทีแรกเขาคิดว่าหูฝาดไปด้วยซ้ำ “ติดตามเสาะหาฐานทัพของพวกกบฏ งานนี้ถ้าสำเร็จ ความผิดของกัปตัน รวมทั้งเรื่องผิดพลาดคราวก่อนที่ทำให้เราเสียยานไปจะกลายเป็นเรื่องขี้ผงไปเลยนะครับ”

    “เผลอๆได้เลื่อนขั้นกลับไปที่เดิม แล้วอาจได้เพิ่มอีกซักสองขั้น” ลูกเรืออีกคนเสริมให้ฝันหวาน “กลายเป็นพลอวกาศโท เป็นนายทหารชั้นเสนาธิการไปเลย”

    “พูดเป็นเล่น อีกฝ่ายมันลอร์ด927เชียวนะ อดีตพลอวกาศเอกผู้บังคับบัญชากองยานรบหุ้มเกราะ 12 กอง วีรบุรุษสงครามแห่งสมรภูมิอัลทิมาเลยนะ” อดีตกัปตันหนุ่มโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “ชั้นว่าจะตายเอาซะเปล่าๆ”

    “แต่กัปตันเองก็เป็นระดับท็อปของกองทัพในด้านยุทธการนะครับ เกณฑ์การประเมินในการควบคุมกระบวนรบก็ดีเยี่ยม ถึงจะไม่ผ่านเกณฑ์ในด้านการต่อสู้ภาคพื้นดินก็เถอะ” ต้นหนเรือชาวฮิลเดียนกล่าวสำทับ “ถ้าไม่นับเรื่องพวกนั้นแล้ว กัปตันอาจจะเก่งกว่ากัปตันไคต์อีกนะครับ”

    “พวกนายก็พูดเกินไป” แต่ก็หลงปลื้มอยู่ไม่น้อย ทริกเกอร์เองก็เป็นพวกบ้ายอเหมือนกัน “แต่มันจะดีเหรอ นี่มันอันตรายมากนะ แล้วมันก็เท่ากัลป์เราฝ่าฝืนคำสั่งกองทัพ กระทำการโดยพลการด้วย”

    “ถ้ากัปตันสู้ พวกเราก็ไม่ถอยครับ” ใครคนหนึ่งลุกขึ้นกำหมัดพลางหันไปกล่าวกับเพื่อนคนอื่น ซึ่งแน่นอน อดีตผู้ใต้บังคับบัญชาที่แสนภักดีของเขาตอบรับอย่างพร้อมเพรียง “แค่สืบหาที่ตั้ง ใช่ว่าเราจะต้องเข้าปะทะตรงๆซะเมื่อไหร่ ถ้าเราทำได้สำเร็จ เราอาจได้กลับไปผงาดในกองทัพกันอีกครั้งนะครับกัปตัน”

    “เชื่อเลยพวกแก” ทริกเกอร์ ทิงส่ายศีรษะพลางอมยิ้มขันๆ “ตั้งแต่วันซ้อมรบคราวนั้นที่ชั้นยิงปืนใหญ่โฟตอนพลาดไปโดนศูนย์บัญชาการ จนพวกเราต้องสูญเสียทุกอย่าง ไม่คิดเลยว่าจะได้มีโอกาสแบบนี้อีก”

    ซ้อมรบผิดพลาด คำนั้นทำเอาลูกเรือทั้งหลายที่กำลังฮึกเหิมนิ่งอึ้งกันเป็นแถบ นั่นคือที่มาของยุคตกต่ำสำหรับทริกเกอร์และคนของเขา ยานถูกยึด โดนลดขั้น ลูกน้องส่วนใหญ่กระจัดกระจาย เหลือเกาะกลุ่มกันอยู่เพียงไม่กี่สิบจากทั้งกองพัน กลายเป็นประชากรชั้นสองในยานของคนอื่น ทั้งหมดนี้กำลังจะผ่านพ้นไปแล้ว

    “เอ่อ มีปัญหาอีกอย่างนึงครับกัปตัน” ลูกเรือคนหนึ่งยกมือขึ้นถามอย่างข้องใจ “เฮลไฟร์ซิกตี้ไนน์ของเราโดนกองทัพยึดคืนไปตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนแล้วนะครับ ตอนนี้เราไม่มียานใช้นะครับ ไอ้ครั้นจะเอายานแบล็คสมิธไปใช้ พวกลูกน้องเก่าของกัปตันไคต์คงไม่ยอม เผลอๆเราจะโดนล้อมจับเอากันหมด”

    “ที่สำคัญ พวกเรามีกันอยู่แค่ไม่กี่สิบ จะไปควบคุมยานบัญชาการที่ต้องใช้คนเป็นกองพัน คงไม่มีทาง” ต้นหนมนุษย์นกพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “เราคงต้องหาทางอื่น”

    “แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะ กัปตันยานบัญชาการ ไม่มียานก็เป็นแค่ไอ้โง่น่ะสิ” ทริกเกอร์กุมหัวเลิ่กลั่ก ลูกเรือหลายคนพยักหน้าเห็นด้วย สภาพแบบนี้ต่อให้มียานก็เป็นไอ้โง่อยู่ดี

    “ผมมีวิธีครับ เราซื้อยานต่อจากพวกขายของเถื่อนได้” ลูกเรือคนหนึ่งเสนอทางออก “ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ในเมื่อเราก็ผิดวินัยทัพขั้นรุนแรงไปแล้ว จะทำผิดเพิ่มอีกซักหน่อยคงไม่เป็นไร”

    “เข้าท่า ถ้าอย่างนั้นเราเลือกคลาสของยานที่เหมาะสมได้” ทริกเกอร์ดีดนิ้ว ใช่ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ยังไงมันก็คงไม่เลวร้ายมากไปกว่านี้

    “ถ้างั้น ผมรู้จักพ่อค้าของเถื่อนเจ๋งๆคนนึงครับ” ราวกับสวรรค์เป็นใจ ลูกเรืออีกคนเสริมขึ้นมา “แต่ก่อนอื่น เราต้องรีบหนีออกไปจากฐานทัพให้เร็วที่สุด ไม่สิ ออกากดาวเอ็คท์นี่ไปเลยดีกว่า ผมว่าป่านนี้พวกคนของกัปตันไคต์คงรู้เรื่องแล้ว ไม่แน่ว่าตอนนี้สารวัตรทหารอาจกำลังมาตามหากัปตันที่นี่ก็เป็นได้”

    วินาทีนั้น อดีตกัปตันทริกเกอร์ได้แต่พยักหน้าตามผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาไปอย่างไม่มีทางเลือก แล้วเขาก็ไม่รู้เลยว่าเส้นทางของนายทหารนอกคอกของเขา กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล



    ไม่ไกลเท่าไหร่จากดาวเอ็คท์อันเป็นที่ตั้งของศูนย์บัญชาการใหญ่กองทัพพิทักษ์จักรวาล มีสถานีอวกาศเก่าๆแห่งหนึ่งซึ่งหลุดประจำการไปแล้วที่ชื่อว่า ธรณีนี่นี้ใครครอง ในอดีต ธรณีนี่นี้ใครครองถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานีรบเคลื่อนที่คู่กันกับกับสยมภู โดยถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นสถานีอวกาศขนาดใหญ่ที่สุด มีการจำลองสภาพเมืองใหญ่เอาไว้ภายใน ทว่าหลังจากสถานีรบทั้งสองถูกสร้างขึ้นไม่นานก็เกิดการปฏิวัติระหว่างหมู่ดาวครั้งใหญ่ขึ้น แม้ราชวงศ์จะเป็นฝ่ายกำชัย แต่ความสูญเสียจากการปฏิวัติครั้งนั้นก็ทำให้ความมั่นคงของราชวงศ์เปราะบางลง ทั้งยังสูญเสียจักรพรรดิองค์ก่อนรวมทั้งฐานทัพเคลื่อนที่สยมภูไปด้วย ทางกองทัพจึงต้องเร่งระดมทุนครั้งใหญ่เพื่อเรียกอำนาจกลับคืนมา ธรณีนี่นี้ใครครองจึงถูกแบ่งขายไปในตลาดมืด ปัจจุบันสถานีอวกาศธรณีนี่นี้ใครครองเป็นตลาดค้าของเถื่อนแหล่งใหญ่ ทั้งยังเป็นแหล่งชุมนุมของอาชญากรตัวเอ้เป็นจำนวนมากราวกับจะเป็นการตบหน้ากองทัพ น่าแปลกที่ตลาดค้าของเถื่อนแห่งนี้อยู่ใกล้กับศูนย์บัญชาการกองทัพพิทักษ์จักรวาล แต่กลับไม่เคยโดนเจ้าหน้าที่เล่นงานเลยซักครั้ง นั่นเป็นเพราะตลาดค้าของเถื่อนแห่งนี้มีบุคคลผู้มีอิทธิพลซึ่งกองทัพให้ความยำเกรงอยู่เบื้องหลังนั่นเอง ที่สำคัญตลาดมืดแห่งนี้ปีหนึ่งๆทำกำไรเข้ากระเป๋ากองทัพพิทักษ์จักรวาลได้มหาศาลทีเดียว

    และเนื่องจากเป็นตลาดการค้านอกกฎหมาย จึงมีคนนอกกฎหมายมารวมตัวกันอยู่ที่นี่เป็นจำนวนมาก ผู้คนต่างเผ่าพันธุ์ต่างเชื้อชาติและไอ้ที่ไม่เป็นผู้เป็นคนก็มาสุมหัวกันอยู่ที่นี่มากมาย จึงไม่แปลกนักที่บางครั้งจะมีการทะเลาะวิวาทหรือมีคนตายบ้าง จนมีผู้กล่าวว่าทุกชั่วโมงของธรณีนี่นี้ใครครอง จะต้องมีคนถูกฆ่าอย่างน้อยหนึ่งคน

    “นี่เป็นครั้งที่ยี่สิบแล้วนะ ที่แกเล่นโกงในบ่อนชั้น” มนุษย์ต่างดาวร่างใหญ่หนาในชุดสูทสีดาท่าทางทรงอำนาจพ่นควันซิการ์ปุ๋ยๆ ดวงตา นับสิบดวงรอบศีรษะของเขาพยายามจะจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าเป็นทางเดียว แต่ดวงตาที่อยู่ด้านหลังศีรษะไม่สามารถทำได้ ก้านสตรอว์เบอร์รี่บนหัวเต้นตุบๆ ด้วยความโกรธ เถาวัลย์ที่กลางหลังขยับไปมาน่าสะพรึงกลัว ในห้องที่สร้างจากไม้สักหายากทั้งห้องซึ่งถูกประดับประดาไว้อย่างสง่างามน่าเกรงขามบนชั้นสูงสุดของโรงแรมอันดับหนึ่งในธรณีนี่นี้ใครครอง เสียงเพลงของเนเชอรัล เอ็คโค นักร้องสาวชื่อดังของแกแล็คซี่หวานแว่วแผ่วคลอออกมาจากลำโพงเครื่องเสียงชั้นเลิศ คละเคล้าไปกับบรรยากาศอันแสนกดดันที่มีเพียงเขากับชายที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น “จะว่ายังไง พีท เดอะโลนลี่วูลฟ์”

    “โธ่ คุณดันไบน์ ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ได้โกง ผมแค่ไม่รู้จะเก็บตะกั่วไว้ที่ไหน ก็เลยเก็บไว้ในลูกเต๋าเท่านั้น” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มทำหน้าตากะล่อนปลิ้นปล้อนตอแหลแก้ตัวพัลวัน ดวงตาของเขาฉายแววเจ้าเล่ห์แม้แต่ในตอนที่กำลังหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้

    “เฮอะ ไม่รู้จะเก็บไว้ที่ไหน งั้นเดี๋ยวชั้นช่วยยัดไว้ในสมองแกให้ดีมั้ย” มาเฟีย ดันไบน์ สตรอว์บาลัม ชาวไอน์เบอร์รี่ ชนเผ่าผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายผลไม้เมืองหนาว เจ้าของบ่อนเถื่อน ตลาดโลกมืด และโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในธรณีนี่นี้ใครครองคำรามกึกก้องพร้อมกับเอาปืนลูกโม่รุ่นเก่าลายครามจ่อหัวพีท

    “โอ้โห คุณดันไบน์ จนป่านนี้แล้ว ยังใช้ปืนแบบนั้นอยู่อีกเหรอ เดี๋ยวนี้เค้าใช้ปืนเลเซอร์กันหมดแล้ว” ชายหนุ่มอีกคนเดินเข้ามาสมทบในห้องที่มีแต่กลิ่นควันซิการ์ อายสโคปที่ครอบบริเวณดวงตาของเขาส่องแสงสีแดงเรืองๆในม่านควันเป็นเอกลักษณ์ เช่นเดียวกับเครารกๆบริเวณคางที่มาเฟียใหญ่แห่งธรณีนี่นี้ใครครองรำคาญนักหนา

    “พวกแกมันไม่รู้อะไร ไอ้ปืนเลเซอร์อะไรของแกน่ะ มันไร้จิตวิญญาณ มันต้องนี่ โคลท์รีวอลเวอร์ ยิงทีหัวโบ๋ ไม่ต้องมานั่งชาร์จไฟให้เสียเวลา” ดันไบน์ตบปืนตัวเองเบาๆอย่างพอใจ “ว่าแต่แกมีธุระอะไรล่ะมิสเตอร์ซี ถึงได้เข้ามาในห้องชั้นทั้งๆที่ชั้นสั่งห้ามเข้าไว้น่ะ”

    “ไม่มีอะไรมากหรอกคุณเจ้าพ่อ แค่คิดถึงเลยแวะมาเยี่ยมน่ะ” ซี หรือมิสเตอร์ซี นักค้าของเถื่อนชื่อดังแห่งวงการตลาดมืดนั่งลงบนโต๊ะของเจ้าพ่อดันไบน์ แต่เจ้าพ่อหันมาทำสายตาข่มขู่ว่าอย่าลามปาม ซีจึงจำต้องเดินอ้อมกลับไปนั่งที่โซฟาใกล้ๆ “ไอ้พีทมันเล่นโกงอีกแล้วเหรอครับ”

    “เออ ไอ้นี่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา เห็นทีต้องจัดการมันจริงๆซะทีแล้วมั้ง” ดันไบน์เอาปืนจ่อหัวพีทอีกที พีทหลับตาปี๋นึกถึงพ่อแก้วแม่แก้ว

    “โธ่คุณดันไบน์ ซีเรียสไปได้ ผมก็เห็นมันโกงอย่างนี้มาเป็นสิบๆครั้งแล้ว คุณก็ไม่เห็นจะเก็บมันจริงๆซะที ปล่อยๆมันไปเหอะน่า ยังไงก็รู้จักกันมานาน” อย่างที่ซีพูด ภาพดันไบน์เอาปืนจ่อหัวพีท เป็นสิ่งที่ทุกคนในสตรอว์บาลัมแฟมิลี่เห็นกันจนชินตาแล้ว

    “ก็ชั้นปล่อยมันไป มันก็กลับมาโกงอีกทุกที แล้วจะให้ชั้นทำยังไงฮะ ไอ้เวรนี่ถ้าไม่ติดเรื่องเล่นโกงอย่างเดียว มันก็ทำงานได้ดีอยู่หรอกนะ” ดันไบน์ตอบอย่างหงุดหงิด ก่อนจะตบกะโหลกพีทเข้าไปฉาดใหญ่ “เวรเอ๊ย ใช้ให้ไปคุมบ่อน เสือกเล่นโกงซะเอง”

    “เอาอย่างนี้สิครับ ผมกำลังจะไปติดต่อซื้ออะไหล่เถื่อนจากคลังแสงกองทัพ พอดีเพิ่งได้เส้นสายใหม่มาน่ะ ยังไงให้ไอ้พีทมันไปช่วยผมก็ได้ มันจะได้หาตังค์มาจ่ายค่าปรับให้คุณได้ไง” ซียื่นข้อเสนอ

    “เอางั้นเลยเหรอ อืม....” ดันไบน์ทำท่าเหมือนจะคิดหนัก แต่ก็คิดไม่นาน “เอ้า ตามใจ เอามันไปด้วยแล้วกัน รอดไปนะเอ็ง” มาเฟียใหญ่ได้แต่ยักไหล่ก่อนจะเดินกลับไปที่นั่งอัดซิการ์เข้าปอดอย่างเซ็งๆ ขณะที่มิสเตอร์ซีตรงเข้าไปพยุงพีทเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็วแทบไม่กล่าวคำลา



    “ขอบใจว่ะซี ไม่ได้นายชั้นแย่แน่” พีทพูดพร้อมกับถูมือตัวเองแรงๆไล่อากาศเย็นยะเยือก ถนนในธรณีนี่นี้ใครครอง ไม่ว่าจะสายนี้หรือสายไหนก็เต็มไปด้วยผู้คน และความเสื่อมโทรม พวกเร่ร่อนจับกลุ่มกันอยู่ตามมุมต่างๆคอยหาจังหวะปล้นชิงทรัพย์สินผู้อื่น เด็กแก๊งค์เดินกร่างอยู่บนท้องถนน ชี้หน้าด่ากันไปมา กรรมกรและคนงานท่าอวกาศยานจับกลุ่มดื่มเบียร์กันพลางครุ่นคิดถึงอนาคตที่จะมาถึง โสเภณีราคาถูกถุนยาอยู่ตามซอกมุมของอาคาร รอให้มีผู้ชายสักคนมาจ่ายเงินเพื่อใช้ร่างกายของเธอเป็นที่ระบายความใคร่ เด็กๆข้างถนนที่ไร้อนาคตกำลังจะโตขึ้นมาเป็นหนึ่งในพวกที่กล่าวมาข้างต้น ที่นี่คือสถานีอวกาศที่ใหญ่ที่สุดในแกแล็คซี่ ธรณีนี่นี้ใครครอง “โกงนิดโกงหน่อย ทำเป็นมากเรื่อง งกชิบเป๋ง”

    “นายก็อย่างนี้ทุกที คราวหน้าชั้นไม่ช่วยแล้วนะโว้ย เราไปคุยเรื่องงานกันที่บาร์ข้างหน้าดีกว่า” ซีชี้ไปยังบาร์โทรมๆสภาพราวกับรังหนูที่อยู่ใกล้ๆ “ว่าแต่เงินหมดอีกแล้วรึไง ทำไมใช้เงินเปลืองจัง ต้องไปเสี่ยงโกงกับคุณดันไบน์ตลอดเนี่ย ซักวันก็โดนเค้าเก็บเข้าให้จริงๆหรอก”

    “พอดียัยคนที่รู้จักกันในบาร์เมื่อเดือนก่อนอยากได้กระเป๋าใหม่น่ะ” พีทตอบ สายตาเคลิบเคลิ้ม มิสเตอร์ซีลอบถอนใจ เอาอีกแล้ว “ไอ้ชั้นมันก็ใจอ่อนกับผู้หญิง”

    “ไร้สาระ ยัยนั่นมันหลอกแดกแกแล้วล่ะ” มือปืนหนุ่มฟันธง แต่พีทไม่ใส่ใจ เขาถือคติ สตรีถูกเสมอ

    “แต่เธอบอกว่าเธอเป็นพวกมีพลังจิตด้วยนะ เลี้ยงไว้อาจเอาไว้ใช้งานได้” พีทแก้ต่างให้สาวงามพัลวัน “เธอต้องมีพลังจิตจริงๆแน่ๆ ชั้นเผลอไปแป๊บเดียว แม่คุณเสกเงินในเครดิตของชั้นหายไปหมดเลย สุดยอดมั้ยล่ะ”

    “โดนหลอกแดกจริงๆด้วย” ซีได้แต่คิดในใจ ในแกแล็คซี่ออลไฟนอล ผู้มีพลังจิตที่สามารถใช้พลังของตัวเองได้อย่างเชี่ยวชาญหายากซะยิ่งกว่ายาก ส่วนมากมักโดนกองทัพซื้อตัวไปหมดแล้ว แน่นอน เหล่าผู้มีพลังจิตนับเป็นสิ่งล้ำค่า พวกเขาถือเป็นที่ต้องการตัวของทุกหน่วยงาน และมักได้รับความเป็นอยู่ที่สุขสบาย ดังนั้นจึงมีคนจำนวนไม่น้อยสวมรอยเป็นผู้มีพลังจิต และอีกจำนวนหนึ่งซึ่งมีพลังจิตเพียงเล็กๆน้อยๆ แต่กลับอวดอ้างเสียใหญ่โต

    ประตูเก่าๆที่ทั้งบางและผุถูกเปิดออก ซีก้าวเข้าไปในบาร์เล็กๆแล้วตรงไปยังเคาน์เตอร์อย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยพีทซึ่งเดินเนิบๆเข้ามานั่งข้างๆ กลิ่นเหม็นฉุนของไอระเหยจากหลายๆสิ่งที่ปะปนกันอยู่ในร้านทำเอาเกิดอาการเวียนหัวแทบจะทันที แต่ก็เป็นปกติของบาร์ทุกแห่งในสถานีอวกาศแห่งนี้ ผู้คนมากมายหลายสายพันธุ์นั่งอยู่ตามมุมต่างๆกันอย่างเงียบๆ มีเสียงพูดคุยจ้อกแจ้กดังขึ้นบ้างเป็นระยะๆ เสียงเพลงจังหวะทึมๆที่กดประสาทดังอยู่ในอากาศ เห็นได้ชัดว่าที่นี่ไม่ใช่บาร์ประเภทที่คนหนุ่มสาวจะนิยมออกมาเริงระบำกัน กรุ่นกลิ่นของเบียร์ต้มร้อนๆทำเอาพีทรู้สึกคอแห้งผากขึ้นมาทันที

    “นี่เห็นว่าที่ตลาดค้าอวัยวะเถื่อนมีของใหม่เข้ามาเต็มเลยนะ ดูเหมือนข่าวที่ว่าพวกโจรสลัดจูดุ๊บส์กำลังไล่บุกถล่มสถานีอวกาศแถวๆนี้จะเป็นเรื่องจริงแน่ะ” เบียร์ในแก้วตรงหน้าหายเข้าคอไปอย่างรวดเร็วราวกับเวทย์มนต์ ก่อนที่พีทจะยกนิ้วไปเชิงสั่งอีกแก้วโดยไม่เกรงใจซีที่เป็นคนจ่าย โดยทั่วไปบาร์ชั้นล่างที่รับแขกซึ่งไม่ค่อยมีเงินจะขายเบียร์เป็นแก้ว ซึ่งราคาถูกกว่าแบบที่ขายเป็นขวดมาก “ไม่รู้จะบุกมานี่บ้างรึเปล่า สยองว่ะ”

    “ไร้สาระน่า โจรสลัดเล่นงานแต่สถานีอวกาศเล็กๆเท่านั้นแหละ” มิสเตอร์ซีขยับแก้วเบียร์ในมือไปมาโดยที่ยังไม่ดื่ม อันที่จริงของเหลวสีเหลืองอ่อนฟองฟอดในแก้วไม่ค่อยถูกปากเขาเท่าไหร่ แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงชอบเผลอสั่งตามพีทอยู่เรื่อย “เฮ้ย เอานี่ก่อนก็ได้ แก้วที่สามแล้วนะโว้ย กินเป็นน้ำก๊อกเลย”

    “ทำงกไปได้ เดี๋ยวนี้นายไม่ได้เล่นยาแล้วนี่ จะเก็บเงินไว้ทำไมเยอะแยะ” พีทก็พูดไปอย่างนั้นเอง เขาเป็นคนหนึ่งที่ยินดีกับการเลิกเล่นยาของซีเป็นอย่างยิ่ง ใครจะรู้ ในอดีตซีคนนี้เคยติดยางอมแงมแทบไม่เป็นผู้เป็นคนมาแล้ว “แต่ก็ดีแล้ว เลิกยาจะได้มีเงินเหลือมาเลี้ยงเพื่อนได้”

    “เอะอะก็จะให้เลี้ยงยันเลย แล้วเรื่องงานล่ะ ว่าไงล่ะ นายจะไปกับชั้นมั้ย” ซีตัดบทเข้าเรื่องทันที สมเป็นมืออาชีพ “ชั้นเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าสายคนนี้เชื่อถือได้รึเปล่า”

    “ก็ต้องเสี่ยงดู ทำไงได้ ขืนไม่มีเงินไปจ่าย คุณดันไบน์เอาชั้นตายแน่” พีทส่ายหน้าช้าๆ “ไม่น่าโดนจับได้เลยจริงๆ ซวยชะมัด เซ็งโว้ย!!!”

    อันที่จริง ชายหนุ่มเพียงต้องการทุบเคาน์เตอร์แรงๆเพื่อระบายความเครียด แต่พีทดันไม่ทันมองตำแหน่งที่ฟาดกำปั้นลงไป เขาจึงทุบลงไปบนมือของชายคนหนึ่งซึ่งบังเอิญวางพาดอยู่บนเคาน์เตอร์พอดี

    “โอ๊ย!! อะไรวะ” อดีตกัปตันทริกเกอร์ ทิงแหกปากลั่น “เจ็บนะโว้ย!!!”

    “เฮ้ย อะไร ใครทำกัปตันเรา” ลูกเรือสามสิบชีวิตที่นั่งกระจายอยู่ทั่วทุกมุมในบาร์หันมามองกันเป็นทางเดียว ส่วนคนที่ไม่เกี่ยวข้อง เมื่อเห็นคนกำลังจะมีเรื่องจึงลุกออกจากบาร์ทันที โดยไม่จ่ายตัง ฉวยโอกาสกันเป็นหมู่คณะ

    “ซวยแล้วไง พวกเยอะซะด้วย เอาไงดีซี” พีทกระซิบกับซีพลางกวาดสายตาไปยังลูกเรือทั้งหลายของทริกเกอร์ ซึ่งแต่ละคนล้วนแต่เป็นทหารหาญ

    “แกมันตัวซวยจริงๆ ไม่รู้ทนคบกับแกอยู่ได้ยังไง พับผ่าสิ” ซีบ่นอุบอิบ พร้อมกับชักปืนเลเซอร์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว กล่าวกันว่าซีเป็นผู้ที่ชักปืนได้เร็วที่สุดในสถานีอวกาศแห่งนี้ และถ้าไม่เป็นการเข้าข้างตัวเองจนเกินไปนัก เขาก็น่าจะเป็นสิงห์ปืนไวที่สุดในแกแล็คซี่ด้วย แน่นอนกินแล้วชักดาบก็เร็วไม่แพ้กัน “ใครขยับโดนส่องหัวหลุดแน่ อย่าลองดีนะโว้ย”

    “เออ ให้มันได้อย่างนี้สิ” พีทยิ้ม พร้อมกับล็อกคอทริกเกอร์ที่ยืนทึ่มอยู่แล้วเอามีดพกจ่อคอทันที “อย่าเข้ามานะโว้ย ไม่งั้นไอ้นี่มีเลือดพุ่ง”

    “ไปเร็วพีท ตอนนี้แหละ” ซีสะกิดให้สัญญาณโกย

    พีทค่อยๆ ลากทริกเกอร์ซึ่งยังคงช็อกกับเหตุการณ์อยู่ออกไปด้วย โดยมีซีถือปืนคุมเชิงระวังหลังไว้ให้ พวกลูกเรือทำท่าจะขยับ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเสี่ยงซักคน ลูกเรือของทริกเกอร์เป็นทหารบนยานรบ ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่เป็นหน่วยจู่โจมภาคพื้นดิน และไม่มีใครเคยถูกฝึกมาเพื่อรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้

    “อย่าตามมานะโว้ย ไม่งั้นไอ้เวรนี่ตาย” ซีพูดทิ้งท้ายก่อนจะปิดประตูแรงๆจนประตูหลุดไปทั้งบาน

    ในที่สุดพีทกับซีก็ลากทิงวิ่งมาจนถึงเขตโกดังสินค้า จึงได้โอกาสหยุดพัก ทั้งสามคนยืนหอบแฮ่กๆ สบถอยู่ในใจไปต่างๆนาๆด้วยความหมายที่ต่างกัน แน่นอน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พีทเกือบพาซีมาตาย

    “ไอ้ชิบหาย ทีหน้าทีหลังทำอะไรก็ดูให้ดีก่อนสิวะ ตัวซวยเอ๊ย ไม่น่าช่วยเลยจริงๆ น่าจะปล่อยให้คุณดันไบน์มันเก็บมันซะให้รู้แล้วรู้รอด” ซีโวยวายพลางเตะคอนเทนเนอร์เก็บสินค้าระบายความเครียด แต่เตะแรงไป เท้าเคล็ดอีก

    “เอาน่า เรื่องมันก็แล้วไปแล้ว” พีทยักไหล่พูดอย่างกับไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แล้วหันไปทางทริกเกอร์ที่ยืนเซ่ออยู่ “แล้วจะเอาไงกับไอ้นี่ดี”

    “ไม่รู้โว้ย ปล่อยมันไปแล้วกัน เดี๋ยวเราก็จะไปจากที่นี่อยู่แล้ว อีกอย่างไม่เคยเห็นหน้ามันมาก่อนด้วย คงไม่ใช่พวกที่ประจำอยู่แถวนี้หรอก” ซียังหงุดหงิดอยู่ “บ้าเอ้ย เสียอารมณ์ชะมัด วันนี้ฤกษ์ไม่ดีแล้ว พรุ่งนี้ค่อยคุยเรื่องงานดีกว่า วันนี้ชั้นกลับไปนอนก่อนล่ะ ไม่ได้กลับไปนอนห้องตัวเองมาหลายเดือนแล้ว ขาดส่งจนโดนคุณดันไบน์ยึดไปแล้วก็ไม่รู้”

    “เดี๋ยว เมื่อกี้แกพูดถึงดันไบน์ใช่มั้ย” ทริกเกอร์พูดขึ้น “ดันไบน์ เจ้าของโรงแรมแกรนด์สตรอว์เบอร์ลัมน่ะ”

    “เออ ทำไมวะ อย่าบอกนะว่าแกเป็นญาติไอ้พืชเมืองหนาวนั่น” ซีตอบฉุนๆ ดูยังไงไอ้ผู้ชายตรงหน้านี่ก็หน้าตาไม่เหมือนผลไม้สักสายพันธุ์ เอ จะว่าไปก็เหมือนเงาะโรงเรียนอยู่นิดหน่อย แต่ขนน้อยกว่า

    “เปล่า แต่ชั้นมาที่นี่เพื่อไปพบเค้า เอาอย่างนี้ ถ้าพวกแกพาชั้นไปหาเค้าได้ ชั้นจะไม่เอาเรื่องที่แกก่อในบาร์” ทริกเกอร์ยื่นข้อเสนอด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

    “หือ.....แค่นั้นเองเหรอ ไม่เอาน่า นี่เป็นการเจรจาธุรกิจแล้วนะ” มิสเตอร์ซีเริ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ “จ่ายมาห้าพันเครดิต แล้วชั้นจะพาไป”

    “หา ห้าพัน จะบ้าเหรอ นั่นมันใช้ชีวิตอู้ฟู่ในคาสิโนของอัลฟอรัมได้เป็นวันเลยนะ” ทริกเกอร์ ทิงปาดเหงื่อ ท่าทางจะเจอเขี้ยวเข้าซะแล้ว

    “เออ คิดดูดีนะ คนอย่างคุณดันไบน์ หาตัวไม่ได้ง่ายๆหรอก” ซีได้ทีว่าถือไพ่เหนือกว่า ทั้งข่มทั้งขู่

    “บ้าเหรอซี คุณดันไบน์น่ะ ใครๆก็รู้ว่าอยู่ที่....อุ๊บ” พีทพูดไม่จบประโยคเพราะโดนเพื่อนสนิทเอามืออุดปากไว้ซะก่อน

    “จะบ้าเหรอ ไปบอกมันทำไม” หยิกต้นแขนพลางทำท่ากระซิบเบาๆ แต่ด้วยน้ำเสียงแล้ว มิสเตอร์ซีแทบจะคำรามใส่พีทเลยทีเดียว

    “แพงไป ลดให้หน่อยแล้วกันสามพันได้มั้ย” ทริกเกอร์พยายามต่อรอง หารู้มั้ยสามพันก็เกินคุ้มแล้วสำหรับซี

    “ตกลงตามนั้น ไปกันเลย” ซีตอบ พลางยิ้มในใจ จริงๆต่อให้ลดมากกว่านี้ เขาก็ตกลง

    เมื่อตกลงกันได้ตามนั้น ทั้งสามคนที่ไม่มีอะไรเหมือนกันเลยจึงพากันเดินทางไปยังโรงแรมแกรนด์สตรอว์บาลัม ที่ซึ่งจุดโค้งหักศอกแห่งเส้นทางชีวิตของพวกเขากำลังรออยู่ โดยลืมพวกลูกเรือไว้ที่บาร์ และแน่นอน ทริกเกอร์ ทิงไม่ได้จ่ายค่าดริ๊งค์



    Character
    นาวาอวกาศตรี ทริกเกอร์ ทิง -- พี่ทิงของน้องๆ
    มิสเตอร์ซี -- พี่อัดของน้องๆ
    พีท เดอะโลนลี่วูลฟ์ -- พี่พีทของน้องๆ
    มาเฟียดันไบน์ สตรอวเบอร์ลัม -- พี่ดันของน้องๆ
    จอมพลอโลฮ่า โกโมร่า -- ลุงนุกของหลานๆ
    นาวาอวกาศเอก ไคต์ อังเคิล -- ปู่กิตของหลานๆ

    Free Talk
    และแล้ว มันก็กลับมา ในบอร์ดใหม่ ไฉไลกว่าเดิม โพสเรียงกันยาวเป็นพรืดได้แล้ว ก็ถือโอกาสที่เปลี่ยนบอร์ดเอาตัวรีไรท์มาลงซะเลย ไม่รู้ว่าคุณๆท่านๆจะยังจำเรื่องนี้กันได้อยู่มั้ย สำหรับแนวเรื่องที่เปลี่ยนไปให้จริงจังขึ้น ชอบไม่ชอบยังไงก็ติชมกันได้นะครับ เนื้อเรื่องถัดจากนี้ไปอีก 48 ตอน ผู้อ่านเก่าๆคงคุ้นตา แต่ว่าลองอ่านเถอะครับ มีรายละเอียดที่คุณยังไม่รู้อีกมาก แต่ถ้าอดคิดถึงเหยี่ยวข่าวตาคิออน คุณหนูอริมิโจรสลัดจูดุ๊บส์ หรือหน่วยพลังม้าสุดอหังการไม่ไหว ลองไปหาเวอร์ชันเก่ามาแก้ขัดก่อนอ่านแบบใหม่ดูก็ได้ครับ ขอบคุณที่ติดตามครับผม :D
    ปล. เออ ทำไมรูปเปิดตอนไม่มีทิง ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม
  3. tales

    tales อัครเทวดาแมวเหมียว

    EXP:
    546
    ถูกใจที่ได้รับ:
    6
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: อภิมหากาพย์สงครามอวกาศ All Final Wars

    มันกลับมาแล้ว!!

    Re-Write Again ซะด้วย!!

    คุณพระ!!
  4. ratatosk

    ratatosk All hile Kino!

    EXP:
    684
    ถูกใจที่ได้รับ:
    3
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: อภิมหากาพย์สงครามอวกาศ All Final Wars

    จะตีพิมพ์จริง ๆ น่ะครับ? :confused:'
  5. freecss

    freecss Member

    EXP:
    145
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: อภิมหากาพย์สงครามอวกาศ All Final Wars

    ตัดความฮาความบ้าไม่มีปัญหา ยังไงคาแรกเตอร์ก็ยังคงเดิมT-T
    แล้วจะได้พิมพ์เป็นเล่มจริงๆรึ!! สุดยอดดดดดด
    **อ่านจบแล้ว รู้ตัวว่าตัวเองลืมตอนแรกๆไปหมดแล้วกร๊าก..
    *รอบที่แล้วมันคาตรงผมกำลังมีบทพอดีเลย...
  6. kumi

    kumi Active Member

    EXP:
    805
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    Re: อภิมหากาพย์สงครามอวกาศ All Final Wars

    มีภาพประกอบด้วย O_O!!

    โอ้...ฟิคยำจะถูกตีพิมพ์!!!!!

    ประวัติศาสตร์ =[]=!!!

    ตื่นเต้นแทนฮะ คุมิไม่เคยอ่านเลย แอบเสียดายนิดๆ เหมือนกัน ท่าทางต้นฉบับจะฮามาก (ฮา...)

    แล้วจะตามอ่านนะกร๊า * *d
  7. maxlancer

    maxlancer ประธานรุ่น2ตุรกีเชียงใหม่

    EXP:
    1,183
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: อภิมหากาพย์สงครามอวกาศ All Final Wars

    ตัวละครแต่ละท่าน...เก่าแก่มากมาย^^

    เคยมาดูสมัยยังไม่รีเหมือนกัน แต่ด้วยความที่ยังไมได้สนเรื่องฟิคเลยไม่ได้ใส่ใจ

    ขอรออ่านต่อไปน่ะครับ
  8. ultima

    ultima Active Member

    EXP:
    933
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    Re: อภิมหากาพย์สงครามอวกาศ All Final Wars

    ตัวละครที่เจอมานี่ เก่ามากๆ เลยครับท่าน

    พึ่งมาเคยอ่านครั้งแรก สนุกดีเหมือนกันครับ
  9. Gunfinal

    Gunfinal Member

    EXP:
    152
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: อภิมหากาพย์สงครามอวกาศ All Final Wars

    =[]=!!!! ฟิคยำในประวัติศาสตร์!!
    ีภาพประกอบด้วย! จะพิมพ์เป็นเล่มด้วยหรอคะ =[]=!!! สุดยอดเลย
    (อยากอ่านเร็วๆ 5555 ท่าทางจะฮากว่านี้เเน่ๆเลย)

    ปล.ดูจากตัวละครของแต่ละท่าน
  10. dorot

    dorot Member

    EXP:
    42
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    Re: อภิมหากาพย์สงครามอวกาศ All Final Wars

    พูดตามตรงผมแอบผิดหวังเล็กน้อยที่มุกแสบๆฮาๆของพี่พีทถูกตัดออกไปน่ะนะTvT(ผมทึกทักเอาเป็นว่านี่เป็นเสน่ห์ของพี่ไปแล้วด้วยซ้ำ อย่างไรก็ดีเรื่องที่ไม่ค่อยใส่มุกอย่างเรื่องมาเฟียของพี่ ก็สนุกมากไม่แพ้กัน ดังนั้นคุณภาพคงไม่มีทางลดลงแน่ๆ)

    ผมจะติดตามต่อไปครับ*-* แม้ว่าจะรอนานมากๆจนกว่าพี่จะแต่งไปจนถึงฉากเดียวกับฉบับก่อน และรอนานมากไปกว่านี้อีกจนกว่ามันจะจบ ผมก็จะยังติดตามครับ

    ปล. ผมยังไม่ได้อ่านเน่อ เดี๋ยวอ่านแล้วจะมา Edit ครับ

    Edit

    โอ้วพอเกลาๆแล้วใส่มุกใหม่ๆไปก็โอเคเลยครับ สนุกมาก เนื้อเรื่องไม่ขอคอมเมนต์เพราะเหมือนเดิม อ้อ มีเพิ่มมานิดนึง*-*ตรงนายพลไคต์

    ก็สำหรับตอนนี้ตัวละครทุกตัวก็ยังเก็บเอกลักษณ์ของแต่ล่ะตัวไว้ได้อยู่ ยกเว้นแต่กัปตันทิง....เพราะเวอร์ชั่นนี้กัปตันทิงดูเป็นคนดีขึ้น^ ^!!!

    เห็นว่าจะมีตัดฉากด้วย ถ้าให้เดาฉากที่จะตัดนี่..... ใช่ฉากดาวแรกนารอคทั้งฉากเลยรึเปล่าครับ(เพราะรั่วกันมากๆ...) ฉากนั้นเป็นฉากที่ผมชอบที่สุดด้วยสิ^ ^"
  11. jenovasung

    jenovasung Member

    EXP:
    152
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: อภิมหากาพย์สงครามอวกาศ All Final Wars

    ยาว.........อ๋อย...มึน

    เซฟไว้เเล้วค่อยอ่านดีกว่า

    รู้สึกจะเป็นฟิคที่2นะเนี่ยสำหรับฟิคของพี่พีทที่ผมอ่าน

    ฟิคเเรกก็มาเฟีย..............ไม่ทำต่อเเย้วเหยอมันส์ออกT[]T
  12. yoshiki

    yoshiki FATE

    EXP:
    862
    ถูกใจที่ได้รับ:
    17
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: อภิมหากาพย์สงครามอวกาศ All Final Wars

    พี่พีท ทำไมม่ะเห็นเหมือนของเก่าเลยเพ่ ความฮามันดูลดลงไปเยอะเลยนะ - -

    ออกมาเมื่อไรผมซื้อแน่ๆฟันธงเลย ฟิคแรกที่ทำให้ผมประทับใจที่สุดเลยแหละ 55+ และก็เป็นต้นแบบให้กับฟิคผมในตอนนี้ด้วย

    [action]ถึงโครงเรื่องจะยืมของพี่มาซะเยอะก็เหอะ - -[/action]
  13. obtheair

    obtheair Grado fullsize เทพกว่า Klipsch in-ear

    EXP:
    1,643
    ถูกใจที่ได้รับ:
    22
    คะแนน Trophy:
    98
    Re: อภิมหากาพย์สงครามอวกาศ All Final Wars

    เข้ามาสารภาพว่า ความรักของฉันฯ ที่ซื้อมาจากงานหนังสือ จนถึงป่านนี้ยังไม่ได้อ่านเลยยกเว้นคำนำ(รวมถึงหนังสือเรื่องอื่นอีกสองเล่ม)

    ปล. รออ่าน AF City อยู่นะ
  14. sumiyo

    sumiyo Vincent4ever!!!

    EXP:
    267
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: อภิมหากาพย์สงครามอวกาศ All Final Wars


    ทำแนะนำตัวละครอีกรอบเลยสิคะ ;D

    อยากเห็นๆ~ ><
  15. repeat

    repeat Member

    EXP:
    112
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: อภิมหากาพย์สงครามอวกาศ All Final Wars

    พี่เก้า : อัครเทวดา - ใช่แล้วครับ นอกจาก Re-Write Again แล้วยังมีวี่แววจะ Re-Late Again ด้วยนะ
    Ratatosk - ก็ถ้าเค้าโอเคกับเวอร์ชั่นนี้นะครับ แต่ยังไงผมก็จะพยายามขู่เข็ญ ดึงและดันเรื่องนี้ให้ได้พิมพ์จนได้ ฮ่าๆ
    จิน - ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวคราวนี้ได้อ่านจนมีบทแน่ แต่ถ้ามีเครื่องเซ่นอาจได้ลัดคิวออกก่อนนะเออ
    Kumiko - ถ้าอยากลองอ่านฉบับเก่า ต้องลองไปคุ้ยเอาในบอร์ดเก่านะครับ ฉบับนั้นฮาอย่างเดียว สาระหามีไม่
    MaxlanceR - เก่าแก่แน่นอนครับ ฟิคนี้ก็ปาเข้าไปเกือบสี่ห้าปีได้แล้วมั้ง ตัวละครปัจจุบันก็ล้มหายตายจาก มีลูกมีหลานไปหมดแล้ว
    Ultima Weapon - เพิ่งเจอครั้งแรก ไปอยู่ที่ไหนมาพ่อคุณ เรื่องเค้าออกจะโด่งดังสะท้านฟ้า
    Gunfinal - ฉบับตีพิมพ์ไม่น่าจะฮาไปกว่านี้หรอกครับ ถ้าไม่เป็นอันนี้เลย ก็คงจะถูกหั่นความฮาออกไปแน่เลย ไม่รู้จะให้มันจริงจังอะไรนักหนา
    รอท - พี่ก็เสียดายครับ แต่คิดในแง่ดี ก็มีโอกาสได้เกลาใหม่ทั้งดุ้น ลองติดตามกันดูครับ
    JenovaSung - ฟิคมาเฟีย....อะไรเหรอ ถามอะไรก็ไม่รู้ หยาบคาย :p
    Yoshiki - ได้ผ่านๆตาฟิค All Final No Mercy แล้วครับ ฮ่าๆ สู้ๆครับ
    อ๊อบบบบบ - เข้ามาสารภาพว่า ความรักของฉันฯ ที่ซื้อมาจากงานหนังสือ จนถึงป่านนี้ยังไม่ได้อ่านเลยยกเว้นคำนำ(รวมถึงหนังสือเรื่องอื่นอีกสองเล่ม) <--- :waaa:
    สุมิโยะ - น่าสนใจครับ เดี๋ยวอาจมีๆ
    เจล - ไม่แน่ใจว่ายังรับอย่มั้ยนะครับ เีดี๋ยววันไหนเข้าซักออฟฟิศนึงแล้วจะถามให้ ถ้าเจลสนใจ ผมดันเต็มที่ ฮ่าๆๆ
    ขอบคุณทุกท่านที่ตามติดครับ :D
  16. Jelphyr

    Jelphyr แมวจรจัด

    EXP:
    443
    ถูกใจที่ได้รับ:
    5
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: อภิมหากาพย์สงครามอวกาศ All Final Wars

    จะบอกว่า ใจนึงก็อยากอ่าน อีกใจก็ไม่อยากอ่าน กลัวว่าอ่านแล้วจะขี้เกียจซื้อตอนรวมเล่ม ( เพราะถือว่าอ่านแล้ว ผลัดไปก่อน ผลัดไปเรื่อยๆ จนไม่ได้ซื้อเอา....... มีการ์ตูนที่อ่านสปอยล์ก่อนแล้วเป็นแบบนี้หลายเรื่องแล้ว OTL )

    ไม่ทำ AF City ต่อแล้วรึฮะ TwT ( วันนี้ยังไปคุ้ยๆอ่านฉากซึ้งน้ำตาซึมอยู่เลย... ) ถ้าไม่ทำต่อก็รู้สึกเสียดายแย่ ( ถ้าหากระทู้เก่าไม่เจอเจลคุ้ยกระทู้ให้ได้นะ lol )


    ว่าแต่....มันน่าจะเป็น ยุงก้นป่อง ไม่ใช่ ยุงก้นปล่อง นะเจลว่า ^^" ( ป่อง - พอง .... ปล่อง - ปล่องไฟ... )

    ปล. สนพ.มีการเปิดรับสมัครพนักงานพิสูจน์อักษรอยู่มั้ยฮะ? lol



    อ๋า จริงด้วยแฮะ พลาดๆ ไม่ทันเปิดพจนานุกรมดู ^^" ขอบคุณที่ท้วงฮะ
    v
    v
    v
    v
  17. tales

    tales อัครเทวดาแมวเหมียว

    EXP:
    546
    ถูกใจที่ได้รับ:
    6
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: อภิมหากาพย์สงครามอวกาศ All Final Wars

    เพิ่งมาสังเกต ยังมีพิมพ์ผิดเยอะเหมือนกัน อ่านหลุดผ่านตาไปได้ยังไงเนี่ย

    ปล. ยุงก้นปล่อง น่ะถูกแล้วจะเจล
  18. repeat

    repeat Member

    EXP:
    112
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: อภิมหากาพย์สงครามอวกาศ All Final Wars

    All Final Wars #2

    ทะเยอทะยาน

    [​IMG]

    “ใช่ ผมนี่แหละ ดันไบน์ สตรอว์บาลัม คนที่คุณต้องการติดต่อขอซื้อยาน” ดันไบน์พ่นควันยาสูบใส่หน้าทิงเบาๆ สงสัยใคร่รู้นักว่าทำไมบุรุษที่อ้างตัวเป็นถึงกัปตันยานบัญชาการถึงดูซอมซ่อขนาดนี้

    เสียงเพลงหวานกังวานเยือกเย็นของเนเชอรัล เอ็คโค นักร้องชื่อดังล่องลอยอยู่ในห้องทำงานไม้สักอบอวล ดูเหมือนดันไบน์จะมีซีดีอยู่แผ่นเดียว แต่ก็บ่งบอกถึงรสนิยมหรูหราร่วมสมัยของมาเฟียรุ่นใหญ่เป็นอย่างดี ควันจากซิการ์ส่งกลิ่นหอมของสมุนไพรจางๆในอากาศ แม้จะหอมแต่ก็อันตราย

    “ผมนาวาอวกาศตรีทริกเกอร์ ทิง อดีตกัปตันยานเฮลไฟร์ซิกตี้ไนน์ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ทิงยื่นมือไปเพื่อจะจับมือกับดันไบน์ แต่ดันไบน์กลับยื่นเถาวัลย์ที่งอกออกมาจากกลางหลังมาให้จับ โดยที่มือทั้งสองยังคงคีบบุหรี่และถือแก้วไวน์อยู่ เป็นธรรมเนียมของดันไบน์ว่าถ้าไม่ใช่คนที่เขายอมรับ เขาจะไม่มีวันสัมผัสมือด้วยเป็นอันขาด

    “เข้าเรื่องธุรกิจกันเลยดีกว่า สำหรับยานชั้นแบทเทิลครุยเซอร์คลาสที่ต้องการนั้น คุณมีวงเงินเท่าไหร่ล่ะ” ดันไบน์ไม่อ้อมค้อม สำหรับเขาเวลาเป็นเงินเป็นทองยิ่งกว่าเงินทองจริงๆซะอีก “ผมไม่อยากให้พวกกองทัพอยู่แถวนี้นาน คุณก็รู้ ปกติเราไม่ค่อยจะกินเส้นกัน”

    “เอ่อ ก็หลังจากเสียค่านำทางไป เราก็เหลืออยู่.....ก็ไม่กี่หมื่น เครดิตอ่ะครับ” ทิงก้มหน้าตอบอย่างอ้อมแอ้ม จริงอยู่ แม้เขาจะลดระดับยานที่ต้องการลงมาเหลือแค่แบทเทิลครุยเซอร์คลาส ยานรบหุ้มเกราะขนาดกลาง เนื่องจากปัญหาด้านจำนวนบุคลากรแล้ว วงเงินที่เขามีอยู่ก็ยังต่ำติดดินอยู่ดี

    “หลักหมื่น จะบ้าเหรอ!!!! เงินแค่นั้นเช่ายานยังไม่ได้เลย แล้วค่านำทางนี่มันอะไรกันวะ” ดันไบน์ส่ายหน้าอย่างระอา พลางส่งสายตาติเตียนไปที่ซี ราวกับจะบอกว่าพาไอ้กระจอกคนนี้มาทำไม เขาหวังจะได้ขายยานโก่งราคาฟันกำไรให้สนุกเถาวัลย์ซะหน่อย ดันมาเจอยาจกเข้าให้ “แล้วดันบอกว่าเป็นอดีตกัปตัน เฮอะ”

    “ต้องขอทำความเข้าใจก่อนนะครับ พวกเรารีบออกมาจากฐานทัพด้วยภารกิจเร่งด่วนและลับสุดยอด” อย่างน้อย ทริกเกอร์ก็ยังฉลาดพอที่จะไม่บอกความจริงไปทั้งหมด ท่ามกลางดงอาชญากรตัวร้ายทั้งหลายในสถานีอวกาศแห่งนี้ ฐานะทางกองทัพแทบจะเป็นสิ่งเดียวที่คุ้มกะลาหัวเขาอยู่ “เราต้องการความร่วมมือ ผมมีหมายคำสั่งมาจากท่านจอมพลอโลฮ่า”

    อดีตกัปตันชูหมายคำสั่งซึ่งมีตราสัญลักษณ์ของผู้บัญชาการทหารสูงสุด ด้วยหวังว่ามันจะเป็นใบผ่านทางให้เขาได้ ทว่าทริกเกอร์คิดผิด

    “คุณนาวาอวกาศตรี ผมเองก็ไม่ได้โง่ เส้นสายในกองทัพก็พอมีอยู่บ้าง” ดันไบน์หมุนจอผลึกเหลวที่อยู่บนโต๊ะทำงานของเขาออกมาให้ทริกเกอร์ดู ภาพของชายหนุ่มปรากฏอยู่ในนั้น “ทางการกำลังจะตั้งรางวัลนำจับคุณ เนื่องจากสังหารผู้บังคับบัญชาแล้วหลบหนี ข้อมูลนี้กำลังจะถูกเผยแพร่ภายในสิบสองชั่วโมง ผมบังเอิญมีแบ็คดีเลยได้ข่าวก่อน อีกแค่สิบสองชั่วโมงหน้าของคุณก็จะไปแผ่หลาอยู่บนบอร์ดประกาศจับ นักล่าค่าหัวเป็นโขยงที่นี่คงไม่ปล่อยคุณไว้แน่ ว่ากันตามตรง ผมไม่ได้รังเกียจสิ่งที่คุณทำ แต่ถ้าจะทำธุรกิจกัน มันก็ต้องซื่อสัตย์หน่อย”

    “คุณดันไบน์....” อดีตกัปตันหนุ่มตกอับหรี่ตาลงอย่างผิดคาด เขาประเมินเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่ต่ำเกินไป ทริกเกอร์เอ่ยคำต่อไปออกมาอย่างยากลำบาก “ผมมีความจำเป็นอย่างสูง เหตุการณ์ที่เอ็คท์ ผมพูดได้เลยว่าไม่ได้เจตนา แต่ก็ไม่เสียใจที่ทำแบบนั้นลงไป ผมคงไม่อาจพูดได้ว่าสิ่งที่ผมทำมันถูก แต่ตอนนี้ผมอยากจัดการทุกอย่างให้ดีขึ้น และผมจำเป็นต้องใช้ยาน”

    “ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณไปทำอะไรมานะทริกเกอร์” มาเฟียใหญ่ถอนใจ “แต่มันอยู่ที่คุณไม่มีเงิน และเราก็กำลังเจรจาธุรกิจ ไม่ใช่การกุศล”

    “ผมสัญญาว่าผมจะรีบหาเงินส่วนที่ขาดมาคืนให้ทันที” ทริกเกอร์พยายามวิงวอน “สาบานด้วยเกียรติของผม”

    “พูดน่ะมันง่าย” อัดซิการ์เข้าไปอีกเฮือกใหญ่ ดันไบน์ไม่ใช่คนที่ยอมใจอ่อนอะไรง่ายๆแบบนั้น

    “แต่ว่า” ทริกเกอร์ขยับจะพูดอะไรอีก แต่ดันบ์โบกมือไล่เสียแล้ว

    “พอเถอะว่ะ สงสัยคงต้องโอกาสหน้าแล้ว” มิสเตอร์ซีบีบไหล่ทริกเกอร์เบาๆเพื่อรั้งให้อดีตกัปตันกลับออกไปได้แล้ว ก่อนที่ดันไบน์จะรำคาญ “นี่ถามจริง มีเงินเท่านี้ นึกยังไงจะซื้อยาน”

    “ขอร้องล่ะ ฟังผมก่อนเถอะ” อดีตกัปตันยังไม่ยอมลดละ เขากล่าวต่อไปอย่างมุ่งมั่น “สิ่งที่ผมได้ทำลงไป จริงอยู่มันผิดกฎหมาย แต่ผมก็มั่นใจว่ามันถูกต้องในหลักการของผม ทว่าถึงอย่างนั้น ผมก็ยังคงต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ไอ้ที่ผมจะเดือดร้อนคนเดียวน่ะไม่เท่าไหร่ แต่คนของผมอีกสามสิบชีวิตที่ลงเรือลำเดียวกันมาแล้ว ผมไม่อยากให้พวกเค้าเดือดร้อนไปด้วย พวกนั้นฝากความหวังไว้กับผม ขอร้อง ผมต้องการยาน”

    “ถ้าคุณไม่อยากให้คนของคุณเดือดร้อน คุณก็มอบตัวซะ” ดันไบน์ทำท่าจะยกหูโทรศัพท์ “ผมช่วยเรียกทหารที่รักษาการณ์อยู่แถวนี้มาได้นะ ค่าหัวผมยกให้คุณก็ได้”

    “คุณดันไบน์ ผมมีความฝันอยู่ ซึ่งผมกำลังเริ่มต้นที่จะไล่ตามมัน” สิ้นคำนั้น ทริกเกอร์ค่อยๆลงไปคุกเข่ากับพื้นอย่างช้าๆ ท่ามกลางความตกตะลึงของซีและพีท พวกทหารนั้นรักเกียรติอย่างยิ่ง ไอ้เรื่องจะคุกเข่าให้คนนอกกฎหมายอย่างพวกเขานั้นแทบไม่มีทาง “ได้โปรดช่วยเหลือผมสักครั้ง ผมมั่นใจว่าผมกำลังทำสิ่งที่ถูก ได้โปรดเถอะ”

    แผ่นหลังของทริกเกอร์ในยามนี้ดูราวกับกำลังแบกรับภาระมากมายเอาไว้ พีทยิ้มเยาะอย่างเหยียดหยาม เขาเห็นเพียงชายที่ทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อความฝันโง่ๆ ในขณะที่ซีได้แต่นิ่งเงียบ เขาเห็นคนที่ทิ้งศักดิ์ศรีโง่ๆเพื่อความฝัน แถมคนนั้นยังเป็นพวกทหาร

    “ขอโทษนะ ผมไม่ได้ก่อตั้งสมาคมทางการกุศล ถ้าอยากได้ความฝัน คุณก็กลับไปนอนซักตื่นเถอะ” น่าเสียดายที่เจ้าพ่อไม่เห็นในสิ่งที่มิสเตอร์ซีมอง หรือถึงเห็น เขาก็ไม่สนใจ

    “อย่าใจร้ายนักสิคุณดันไบน์ ลองหายานเก่าๆลำเล็กๆให้เค้าไปก็ได้นี่” ซีก้าวเข้ามาดึงทริกเกอร์ให้ลุกขึ้น เริ่มเห็นใจในความพยายามของอดีตกัปตันหนุ่ม เริ่มที่จะให้เกียรติผู้ชายคนนี้

    “เสียใจด้วยนะซี จะเก่าจะเล็กยังไงก็อย่างต่ำก็หลักล้าน ซื้อยานวงเงินหลักหมื่น มีที่ไหนวะ” เจ้าพ่อตัดหนทางเจรจา

    “เดี๋ยวครับ คุณดันไบน์ ขายไอ้นั่นให้เค้าไปก็ได้นี่” พีทยกมือขึ้นเสนอ เขาไม่ได้ตั้งใจจะช่วยเหลืออะไร ถ้าทริกเกอร์สังเกตไม่ผิด มีวี่แววความโลภฉายชัดออกมาทางแววตาของหัวขโมยหนุ่ม “ไอ้ยานลำนั้นน่ะ ที่ผมเอามาฝากไว้ไง”

    “ชั้นบอกตั้งกี่ครั้งแล้วพีท ยานลำนั้นชั้นไม่ได้เก็บไว้ขาย แค่รอวันแยกส่วนเท่านั้น” มาเฟียสตรอว์บาลัมส่ายหน้า แต่อดีตกัปตันหนุ่มที่พอจะมีความหวังขึ้นมาบ้างไม่ยอมปล่อยโอกาสนี้ไปง่ายๆ

    “เดี๋ยวสิครับ ถ้ามันยังเรียกว่ายานได้อยู่ ก็ขายให้ผมเถอะ ดีกว่าแยกส่วนนะ” ทริกเกอร์ยืนกราน พีทดีดนิ้วเปาะ เขาเองเป็นคนนำยานลำดังกล่าวมาฝากขายไว้กับดันไบน์ หากขายได้ เขาก็ได้กำไรไปด้วย “ผมมีช่างเครื่องเก่งๆอยู่ในกองร้อย คิดว่าคงพอจะปรับปรุงมันได้”

    “สภาพมันสาหัสกว่าที่นายคิดแน่” ไม่ได้ขู่ น้ำเสียงบ่งชัดว่าดันไบน์พูดจริง

    “แต่ก็ดีกว่าปล่อยไว้เฉยๆนะครับ ก็เค้าบอกเองไม่ใช่เหรอว่าโทรมแค่ไหนก็ได้” หัวขโมยหนุ่มกระซิบกระซาบกับเจ้าพ่อ ใจจริงเขาก็ไม่คิดว่ายานลำนั้นจะสามารถขึ้นบินได้อีกครั้ง เขาเองเคยได้เห็นกับตาแล้วว่ายับเยินเพียงใด แต่อีกใจก็อยากให้ทริกเกอร์ได้ลองวัดดวงดูสักครั้ง “อีกอย่างคุณยังไม่เคยเอายานลำนั้นมาซ่อมดูเลย มันอาจจะใช้ได้ก็ได้นะครับ”

    “ถ้ามันมีวี่แววว่าซ่อมได้ ชั้นคงจะซ่อมไปนานแล้วล่ะ” มาเฟียดันไบน์ทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะถอนใจออกมา อยู่ในวงการนี้ เขาจะทำอะไรส่งเดชไม่ได้ เพราะนั่นอาจทำให้ชื่อเสียงของเขาตกต่ำลง หากเขาขายของหมดสภาพให้ทริกเกอร์ แม้จะเป็นแค่อดีตกัปตันยานที่ถูกตั้งค่าหัวนำจับ แต่เขาก็อาจเสียภาพลักษณ์จากเรื่องนี้ได้ “ชั้นไม่สนับสนุนเลย”

    “คุณดันไบน์ ไม่เอาน่า ไอ้หมอนี่มันก็บอกแล้วว่ามันมีช่างของกองทัพ พวกนั้นคงจะทำอะได้บ้างแหละ” พีทหว่านล้อมสุดชีวิต แน่นอนไม่ใช่เพื่อทริกเกอร์ แต่เพื่อตัวเขาเอง “หรือถ้าให้จนแต้มซ่อมไม่ได้จริงๆ เราก็ยังมีพวกที่ด็อคกิ้งโฮลล์อยู่”

    “ใช่ ถ้าเป็นไอ้หนูแขนกลอัจฉริยะคนนั้นต้องซ่อมได้แน่ๆ” ซีเสริม ด็อคกิ้งโฮลล์คือเขตอู่ต่อยานนอกกฎหมายบริเวณชั้นล่างลงไปของธรณีนี่นี้ใครครอง เป็นที่รวมตัวของบรรดาวิศวกรเถื่อน ช่างกลนอกรีตที่ไม่สังกัดขึ้นทะเบียนในหน่วยงานราชการใดๆ “แล้วถ้าสุดท้าย พวกที่ด็อคกิ้งโฮลล์ก็ยังไม่ไหวจริงๆ คุณเองก็ถือว่าไม่เกี่ยวกันกับเรื่องนี้แล้ว เพราะทริกเกอร์เป็นคนยืนกรานจะซื้อเอง”

    “ใช่ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ถือว่าผมแส่หาเรื่องเสียเงินเองก็แล้วกัน” อดีตกัปตันหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เท่าที่ฟังดูสภาพยานที่ว่าทางจะหนักไม่ใช่เล่นเลย

    “ชั้นล่ะยอมพวกแกเลย” ดันไบน์ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้บุนวมอย่างอ่อนใจ ในที่สุดเขาก็ต้านทานคำขอร้องไม่ไหว ก่อนจะกดอินเตอร์คอมเรียกคนของเขาให้เข้ามาพบ “มีใครว่างๆอยู่แถวนั้นบ้าง ช่วยพาลูกค้าของเราไปดูยานที่ไซด์หกหน่อยเร็ว”



    ธรณีนี่นี้ใครครอง เป็นสถานีอวกาศที่ถูกแปลงมาจากสถานีรบในอดีต มีรปร่างเป็นทรงพีรามิดคว่ำที่มีแกนหมุนอยู่ตรงกลาง ถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน โดยปัจจุบันส่วนบนสุดซึ่งเป็นบริเวณผิวหน้าของสถานีอวกาศ เป็นเขตที่อยู่อาศัย เขตการค้า เขตธุรกิจ อุตสาหกรรม และสลัมต่างๆ ส่วนกลาง หรือที่เรียกว่าคอร์ เป็นโกดังสินค้า ท่าอวกาศยาน และแหล่งควบคุมพลังงานหลักของสถานีอวกาศแห่งนี้ และส่วนล่างสุดซึ่งอยู่บริเวณก้นพีระมิดและมีขนาดเล็กคือส่วนที่เรียกว่าด็อคกิ้งโฮลล์ แดนศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าช่างกล

    ท่าอวกาศยานพาณิชย์ไซด์ 6 ของ ธรณีนี่นี้ใครครอง ตั้งอยู่ในส่วนปลายด้านหนึ่งของคอร์ ในอดีตถูกเตรียมไว้เป็นท่าจอดยานพาณิชย์ที่จะเข้ามาติดต่อซื้อขายในสถานีอวกาศทางการทหารแห่งนี้ แต่ปัจจุบันกลับเป็นลานเก็บยานเถื่อนที่พวกพ่อค้าโลกมืดจะเก็บสินค้าไว้ กว่า 60 % ของยานที่จอดอยู่ที่นี่เป็นสินค้าของดันไบน์ มีทั้งยานรบ ยานรบหุ้มเกราะ ยานโดยสาร ยานสอดแนม แม้กระทั่งยานแคปซูลสำหรับเดินทางตามลำพัง ทิงเดินหมุนคว้างอย่างไม่เชื่อสายตา ยานที่จอดอยู่ที่นี่มีมากกว่ายานในท่าอวกาศยานกองทัพที่เอ็คท์ซะอีก และบางลำก็ดูเหนือชั้นล้ำหน้ากว่ายานของกองทัพนัก

    “นึกว่าคุณดันไบน์จะพาพวกเรามาเองซะอีก” พีทเดินบิดขี้เกียจตามมาด้วยทั้งที่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร เพียงเพราะเขาไม่มีอะไรจะทำ “วันๆเอาแต่หมกอยู่ในห้อง ไขมันอุดตันตายพอดี”

    “คุณดันไบน์มีธุระด่วนที่ต้องเร่งจัดการครับ” ชายร่างสูงที่มีใบหน้าสั้นคล้ายแมว และมีต่อมท่อกลวงยื่นออกมาตามผิวหนังกล่าว “พวกแก๊งค์เด็กหลงเพิ่งจะออกอาละวาดครั้งใหญ่ ปล้นสะดมร้านค้าแถวควีนส์การเด้นไปจนเรียบ แถมยังฆ่าคนของเราไปไม่น้อยเลย”

    “อะไรกัน ปล้นสะดม ทำแบบนั้นแล้วคนของกองทัพมัวทำอะไรอยู่ ทำไมไม่เข้าไปจัดการ” ทริกเกอร์ร้องอย่างไม่เชื่อหู บนสถานีอวกาศที่ห่างจากดาวเอ็คท์อันเป็นฐานทัพใหญ่ของกองทัพมาเพียงนิดเดียว อาชญากรรมกลับก่อกำเนิดขึ้นมากมายถึงเพียงนี้

    “คนของกองทัพไม่เคยช่วยอะไรพวกเราได้อยู่แล้ว” ชายหนุ่มชาววิฬาร์ผู้มีใบหน้าคล้ายแมวยักไหล่อย่างดูแคลน “ขอโทษ ที่นี่เป็นเขตปกครองตัวเองนะครับ ไม่ใช่เอ็คท์หรือฟิคาเธียน”

    “แก๊งค์เด็กหลง จุน มัทสึโมโตะ” ซีส่ายหน้าอย่างระอา สำหรับแฟมิลี่ของดันไบน์ที่คอยดูแลสถานีอวกาศแห่งนี้เหมือนบ้าน แก๊งค์เล็กแก๊งค์น้อยอื่นๆในสถานีอวกาศนี้ก็เปรียบเสมือนหนูแมลงที่คอยกัดแทะสร้างความรำคาญให้พวกเขามาตลอด ในจำนวนนั้น พวกเด็กหลง เด็กกำพร้าจากสงครามปฏิวัติครั้งใหญ่ในอดีต นับว่าเป็นหนูที่ตัวใหญ่ ชั่วร้ายและเหลี่ยมจัดมากที่สุด “เพื่อนเก่าของเราไม่รู้จักโตสักทีนะพีท”

    “แล้วคุณดันไบน์จะเอายังไง คงจะหาทางส่งมือดีไปเก็บจุนอีกสิท่า” หัวขโมยหนุ่มยักไหล่ คำว่าเพื่อนเก่าที่ซีพูดดูไม่มีความหมายเท่าใดนัก “เห็นส่งคนไปกี่ทีก็เงียบหาย จุนน่ะไม่ใช่เล่นๆนะ”

    “แต่คราวนี้คงไม่เหมือนกันแล้วครับ” ชายหนุ่มชาววิฬาร์ผู้มีใบหน้าคล้ายแมวยิ้ม พลางลดเสียงลงจนเหลือเพียงเสียงกระซิบ “เห็นว่าคราวนี้คุณดันไบน์จะใช้มือดีจากเอไนม์คอม”

    เอไนม์คอม ดาวเคราะห์ที่เล็กที่สุดในแกแล็คซี่ออลไฟนอล ดวงดาวที่อยู่วงโคจรรอบนอกสุดของดวงอาทิตย์อาร์ติเคล แหล่งซ่องสุมอาชญากรและคนนอกกฎหมาย ดาวเคราะห์ที่ต่ำทรามและไร้ระเบียบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

    “โอ้โห ดีนี่ อย่างนี้พอมีหวัง” ฟังดูราวกับจะประชด ซีหัวเราะ “ใครล่ะ จตุรเนตรจินรึไง คุณดันไบน์ขี้งกจะตาย จะกล้าจ่ายแพงๆเรียกพวกนี้มางั้นเหรอ”

    “รายละเอียดเรื่องนั้นผมก็ไม่ทราบ” หรืออีกนัยหนึ่ง ถึงทราบแต่ก็ไม่บอก เนื่องจากทั้งพีทและซีก็ยังจัดว่าเป็นคนนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทริกเกอร์ที่ยืนเซ่ออยู่แถวนั้นด้วย “นอกจากนั้นเย็นนี้คุณดันไบน์ยังมีนัดทานอาหารค่ำกับนายทหารจากแร็คนาร็อค เพื่อเจรจาเรื่องการขายยานจู่โจมเล็กสองที่นั่งรุ่นใหม่ด้วย”

    นอกจากโรงแรม ยาเสพติด และธุรกิจบันเทิงผิดกฎหมายแล้ว ดันไบน์ยังค้าอาวุธสงครามอีกด้วย ซึ่งเขาเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าระหว่างยากับอาวุธ คนเราเสพติดสิ่งไหนมากกว่ากัน

    “แร็คนาร็อคไม่เคยมีศึกนี่นา จะเสริมกำลังทัพไปทำไม ผลาญภาษีเปล่าๆ” มิสเตอร์ซีออกความเห็น

    “มีข่าวลือว่าแร็คนาร็อคกำลังถูกโจรสลัดหมายหัวนะครับ” ตัวแทนของดันไบน์ตอบ ดูเหมือนเขาเองก็ไม่ค่อยจะเชื่อในข่าวลือ “ถึงจะไม่น่าเชื่อ แต่ก็เป็นข่าวจากเครือข่ายแอนนา แล้วถึงยังไง ผมก็เห็นแต่ข้อดี คุณดันไบน์ขายของได้ กองทัพก็อุ่นใจ”

    “ประชาชนก็อดตาย ราชวงศ์เอาแต่ซื้ออาวุธไปโอ๋กองทัพ” เป็นอีกครั้งที่พีทอดแขวะเบื้องสูงไม่ได้ “เอะอะก็ปล่อยข่าวลือมั่วๆแล้วก็ซื้ออาวุธมากักตุนไว้ข่มขวัญผู้คนไปอย่างนั้นเองแหละ”

    “เอ่อ ท่านสุภาพบุรุษทั้งหลาย อย่าหาว่าขัดจังหวะเลยนะ” กัปตันหนุ่มตกอับยกมือขึ้นเรียกความสนใจอย่างช้าๆ “แต่ที่เรามาที่นี่ ไม่ใช่เพื่อมาถกกันเรื่องแก๊งค์เด็กหลงหรือโจรสลัดอวกาศกันไม่ใช่เหรอ ยานของผมอยู่ที่ไหน นี่ผมนัดพวกลูกเรือให้มารอกันอยู่ข้างนอกนานแล้วนะ”

    “ต้องขออภัยด้วยครับ แต่ยานยังไม่ใช่ของคุณ จนกว่าจะจ่ายเงิน” คนของดันไบน์กล่าวอย่างนุ่มนวลทว่าชัดเจน ก่อนจะยิ้มให้ราวกับหยามหยัน “แต่ก็อีกนั่นแหละ ผมคิดว่าคงไม่ใครอีกแล้วที่กล้าซื้อยานลำนี้ นอกจากคุณ”

    ชาววิฬาร์ลูกน้องของดันไบน์พาทริกเกอร์มุ่งหน้าสู่โกดังที่อยู่ลึกเข้าไปด้านในสุด ก่อนจะสับสวิซท์เปิดลานตรงกลางออก พื้นโกดังค่อยๆแยกออกจากกัน แล้วพื้นเหล็กด้านล่างก็ดันตัวขึ้นมาแทนที่ บนนั้นมีเศษซากของเศษซากที่ไม่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นยานพาหนะสถิตอยู่ แม้จะใหญ่โตและพอมองออกว่าเป็นยานรบหุ้มเกราะขนาดกลางมาก่อนจริง แต่ก็ยับเยินจนไม่น่าจะนำขึ้นบินได้อีกแล้ว ห้องเครื่องและสะพานเดินเรือเสียหายจนประเมินไม่ได้ แม้มองจากภายนอกก็เห็นได้ชัดเจนถึงบาดแผล แผ่นโลหะบริเวณตัวยานที่ควรจะปิดสนิทเป็นแผ่นเดียวกลับฉีกออกเป็นริ้วๆ พื้นผนังบางส่วนมีรูโหว่กว้างเผยให้เห็นด้านในของตัวยานที่ยับเยินไม่แพ้กัน ต้องยอมรับว่ามันเป็นยานรุ่นที่ทริกเกอร์ไม่เคยเห็นมาก่อนแม้แต่ในแค็ตตาล็อกของกองทัพ น่าสงสัยว่าอาวุธอันใดทำให้ยานหุ้มเกราะลำหนึ่งแหลกเหลวได้ขนาดนี้ ราวกับว่ามันได้ผ่านสมรภูมิที่ดุเดือดมาแล้วยังไงยังงั้น

    “นี่มัน...อะไรกันวะ” กัปตันทริกเกอร์ได้แต่กล้ำกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก บางทีเขาอาจคิดผิด คนของเขาที่ด้านนอกต้องไม่เห็นด้วยแน่

    “ก็นี่แหละยานของคุณ” ชายหนุ่มชาววิฬาร์ล้วงมือที่มีท่อกลวงบนผิวหนังของเขาลงไปในกระเป๋าเสื้อแล้วหยิบคีย์การ์ดส่งให้ทิง “ชื่อของมันคือ ลมกรด2003”



    “กัปตัน นี่เราต้องขับไอ้ยานพรรค์นั้นจริงๆเหรอครับ” ลูกเรือคนหนึ่งทนอัดอั้นไม่ไหว พูดออกมาในที่สุด หลังจากที่พวกเขาเงียบกันมาตลอดตั้งแต่รับคีย์การ์ดจนกระทั่งมานั่งปรึกษากันที่บาร์เก่าๆแห่งเดิม “มันไม่ใช่ยานนะครับกัปตัน มันเป็นขยะชัดๆ จะเอามันขึ้นบินได้รึเปล่าก็ไม่รู้”

    “จริงด้วยครับ ถ้าต้องใช้ยานนั่นล่ะก็ ผมว่าแจวเรือยังจะเข้าท่ากว่าอีก” ลูกเรืออีกคนเสริมอย่างออกรส

    “ใจเย็นๆสิทุกคน มันเก่ามันโทรมก็จริง แต่เราน่าจะซ่อมมันได้น่า” ที่ทริกเกอร์พูดนั้น ดูราวกับว่าจะปลอบใจตัวเอง เขาเองยังไม่มั่นใจเลยว่าจะซ่อมมันได้

    “เท่าที่ผมประเมินดูแล้ว เราไม่มีทั้งกำลังคนและอุปกรณ์ รวมไปถึงเวลาด้วย เรากำลังถูกตามล่านะครับกัปตัน” หัวหน้าฝ่ายทหารช่างกล่าวกับเขาอย่างเหลืออด “แต่ต่อให้เรามีทั้งสามอย่างนั่นครบ ผมยังไม่มั่นใจเลยว่าจะทำให้มันกลับมาบินได้อีกครั้ง จริงอยู่ว่าระบบวงจรหลักยังใช้การได้ แต่มันเป็นวงจรที่แปลกมาก เราเข้ารหัสมันไม่ถูก แถมส่วนอื่นๆยังพังยับเยิน”

    “ทหารช่างของกองทัพนี่มันใจฝ่ออย่างนี้ทุกคนเลยรึเปล่าทริกเกอร์” เสียงของมิสเตอร์ซีดังขึ้น ก่อนที่ใครจะทันมองเห็นเขาเสียอีก หัวหน้าทหารช่างขยับจะลุกขึ้นอย่างมีโทสะ แต่ทริกเกอร์โบกมือห้ามเอาไว้ “รู้มั้ยว่ายานนั่นน่ะ เคยเป็นยานรบชั้นสูงของกองกำลังปลดปล่อย927 เชียวนะ”

    “อะไรนะ” อดีตกัปตันหนุ่มไฟแรงหูผึ่ง ถ้าเขาฟังไม่ผิด นั่นมันชื่อของพวกที่เขากำลังออกมาตามล่าอยู่นี่นา

    “ลมกรด2003 เป็นยานรบหุ้มเกราะแบบพิเศษที่กองกำลังปลดปล่อย927สร้างขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีล่าสุดเพื่อใช้เป็นยานจู่โจมในทัพหน้า แต่ว่าตอนที่นำออกมาซ้อมรบดันเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาซะก่อน” มือปืนชื่อดังแห่งธรณีนี่นี้ใครครองนั่งลงตรงเคาทน์เตอร์พลางอธิบาย

    “เกิดอะไรขึ้น ยานระเบิดเหรอ” ทริกเกอร์เริ่มสนใจ แน่นอน พวกลูกเรือก็เช่นกัน ชื่อของลอร์ด927เรียกความสนใจได้เสมอ “หรือมีการฆาตกรรมสยองขวัญในยาน”

    “เปล่าตอนเอายานขึ้น คนคุมหอบังคับการลืมเปิดเคบินไว้น่ะสิ มันเลยชนประตูเคบินระเบิดวินาศสันตะโร” ซีส่ายหน้าอย่างอนาถใจปนขำ “ไม่ได้ล้อเล่นนะ ข่าวนี้เชื่อถือได้ มันอยู่ในบันทึกการเดินเรือเลย”

    “โถ ยานหรูซะเปล่า แต่แปลก แค่ชนเคบินทำไมถึงแหลกยับขนาดนั้น” ทริกเกอร์ถาม ลูบปลายคางตัวเองเบาๆอย่างกังขา ซึ่งมิสเตอร์ซีเองก็พยักหน้าราวกับจะบอกว่าเขาเองก็สงสัยเช่นกัน “แล้วทำไมยานของลอร์ด927ถึงได้มาอยู่กับคุณดันไบน์ได้ล่ะ”

    “อันนั้นเป็นฝีมือของพีท” ซีตอบ เทว็อดก้าของทริกเกอร์ลงแก้วแล้วกระดกเข้าคอโดยไม่ได้ขอ “มีครั้งนึง คุณดันไบน์ออเดอร์ยานรบหุ้มเกราะมา พีทก็เลยพาทีมขนย้ายไปที่เอคท์ กะจะขโมยยานรบจากอู่ต่อยานของกองทัพ แต่ว่าตอนนั้นที่เอคท์กำลังมีการซ้อมรบครั้งใหญ่ ยานรบถูกนำออกไปใช้หมด หมอนั่นเลยเปลี่ยนเป้าหมายไปแกะรอยคลื่นสัญญาณการสื่อสารของกองกำลังปลดปล่อย927แทน”

    “อย่าบอกนะว่าไอ้หมอนั่นแกะรอยฐานทัพสยมภูได้” ทิงกล่าวแทบไม่เป็นคำ เบาะแสของงานใหญ่อยู่แค่ปลายจมูกแล้ว “ทั้งที่ผู้เชี่ยวชาญในกองทัพทำไม่ได้เนี่ยนะ”

    “พูดก็พูดเถอะ หมอนั่นเป็นหัวขโมยมืออาชีพนะ เรื่องแกะรอยแกะรหัสเนี่ย ถนัดนักแหละ” ซีทำท่าเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา “ถึงจะไม่ได้แกะรอยไปจนเจอสยมภูก็เถอะ แต่หมอนั่นตามรอยสัญญาณการสื่อสารของพวกลอร์ด927จนเจอ เลยไปแซงค์ซากยานลำนี้มาได้จากที่ที่พวกลอร์ด927กำลังจะส่งไปซ่อมบำรุงน่ะ แต่ก็อีกนั่นแหละ ในเมื่อหมอนั่นสามารถตามรอยสัญญาณการสื่อสารของกองกำลังปลดปล่อย927ได้ ฐานทัพสยมภูจะไปหายากเย็นอะไร จริงมั้ย”

    “ถ้าเก่งขนาดนั้นทำไมไม่ไปสมัครเป็นคนของกองทัพซะเลย จะได้ใช้ชีวิตสุขสบายกว่านี้อีก” อดีตกัปตันหนุ่มยังทึ่งไม่หาย

    “มันจะดีจริงๆน่ะเหรอ พูดก็พูดเถอะ นายก็น่าจะรู้ คนทั่วไปเกลียดกองทัพกับราชวงศ์มากแค่ไหน” มิสเตอร์ซีถอนใจ แก้วเหล้าว่างเปล่าในมือถูกวางลงบนโต๊ะ “ชั้นเองก็ไม่ได้อะไรกับพวกกองทัพหรอกนะ แต่อย่างนายแต่งชุดทหารมาเดินในสถานีอวกาศอย่างนี้ ไม่โดนเขม่นบ้างเหรอ”

    “ก็มีบ้าง” ทริกเกอร์นึกไปถึงตอนที่เหยียบเข้ามาในสถานีอวกาศแห่งนี้ครั้งแรก เขาถูกห้ามไม่ให้เข้าบาร์ใหญ่ๆ ถูกพวกนักเลงหาเรื่อง ลูกเรือของเขาโดนขโมยกระเป๋าเงิน หากเป็นนายทหารมาด้วยคำสั่งราชการมีทีมคุ้มกัน พวกอันธพาลกักขฬะคงไม่กล้าทำแบบนี้แน่นอน ตรงข้าม พวกนั้นจะต้องหมอบศิโรราบลงกับพื้น “ชั้นรู้ว่าพวกกองทัพทำอะไรแย่ๆกับประชาชนไว้มาก แต่ทั้งหมดนั่นก็เพื่อรักษาความสงบสุข และพวกเราก็ไม่ได้แย่ไปทั้งหมดหรอกนะ”

    “อ๋อ เหรอ พวกที่ประกาศปาวๆว่าห้ามใช้ยาเสพติด แต่ตัวเองทั้งผลิตทั้งเสพเอง แถมยังข่มขู่กรรโชก ยึดที่ดินทรัพย์สินของประชาชนไปทั่ว ใครต่อต้านก็ใช้กำลังเข้าปราบ อืม ฟังดูเป็นคนดีจังเลย” ซีพูดแทงใจดำ แก้วเหล้าในมือหมุนไปมาเชื่องช้า ทิงเถียงไม่ออก “เอาเถอะ เรื่องนั้นช่างมันก่อน ชั้นรู้ว่ามีบางคนที่ไม่เป็นอย่างนั้น”

    “ถ้างั้นพูดเรื่องพีทกันต่อ” ทริกเกอร์ขยับตัวเข้ามาใกล้ซี พวกลูกเรือเงียบกริบกันหมด “หมอนั่นไว้ใจได้แค่ไหน ชั้นจะจ้างหมอนั่นนำทางได้มั้ย”

    “พีท เดอะ โลนลี่วูลฟ์ เป็นหัวขโมยนักสะกดรอยมืออาชีพ นายคิดว่าไว้ใจพวกหัวขโมยได้มั้ยล่ะ” มือปืนหนุ่มเอ่ยเรียบๆ เลนส์ครอบตาฉายแสงสีแดงวาบ ราวกับกำลังหยั่งความคิดของทริกเกอร์ “แต่หมอนั่นเองก็ไม่ค่อยจะยอมทำงานให้ใครหรอกนะ ถ้าไม่มีเรื่องเงินมาเกี่ยวข้อง”

    “เรื่องนั้นไม่มีปัญหา งานนี้ถ้าสำเร็จ ฐานะของกัปตันทริกเกอร์ ทิงคนนี้ต้องกลับมามั่นคงเหมือนเดิมแน่ หลังจากนั้น แค่เศษเงิน เท่าไหร่ชั้นก็เบิกกองทัพได้” อดีตกัปตันตอบอย่างมั่นใจ “ชั้นจะจ้างหมอนั่นนำทาง แล้วก็......ก่อนอื่นต้องหาทางซ่อมยานก่อน”

    “นายต้องหาอะไหล่เอง ถึงจะได้ราคาถูกหน่อย แต่ถึงยังไงก็ต้องใช้เงินมากโขเลย นายจะทำยังไงล่ะ” มิสเตอร์ซีหยิบบุหรี่ออกมาจากซองของลูกเรือทริกเกอร์คนหนึ่ง แล้วจุดขึ้นจะสูบ แต่นึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่สูบบุหรี่ เลยโยนทิ้ง เพื่ออะไรก็ไม่รู้ เสียของจริงๆ “ถ้านายสนใจนะ ไปช่วยชั้นขนอะไหล่เถื่อนจากกองทัพเอามั้ย เงินดีนะ แถมนายจะได้กั๊กอะไหล่ไว้เองได้ด้วยส่วนนึง แล้วนายก็จะได้คุยกับพีทด้วยเลย”

    “จะบ้าเหรอ ชั้นเองก็เป็นคนของกองทัพนะ มาพูดแบบนี้ได้ไง” ทริกเกอร์ตวาด เขาก็ยังพอมีศักดิ์ศรีเหลืออยู่บ้าง

    “แล้วจะทำไม่ทำ” มือปืนหนุ่มถามอย่างไม่ใส่ใจ

    “..........” ทริกเกอร์ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปปรึกษาพวกลูกเรือ ซึ่งทั้งหมดลงมติเป็นเอกฉันท์อย่างไม่มีทางถอย “โอเค...ทำ ช่วยไม่ได้นี่หว่า”

    “ก็แค่นั้นแหละ” มือปืนหนุ่มเดินออกไปที่ประตูบาร์ “บอกพวกลูกเรือของนายให้รออยู่ที่สถานีอวกาศนี่แหละ ส่วนนายตามชั้นมา พีทรออยู่ที่ท่าอวกาศยานไซด์ 3 แล้ว”

    กัปตันเลือดร้อนแห่งกองทัพอวกาศยานภาคหนึ่งเดินตามซีออกไปอย่างว่าง่าย ทริกเกอร์ ทิงยังไม่ค่อยคุ้นกับบรรยากาศในธรณีนี่นี้ใครครองเท่าไหร่นัก เนื่องจากเขาไม่เคยเหยียบเข้ามาที่นี่ ได้ยินว่ากองทัพมีการจัดตั้งหน่วยทหารไว้สำหรับดูแลความสงบเรียบร้อยในสถานีอวกาศแห่งนี้ แต่เท่าที่คะเนดูด้วยเรื่องราวที่ได้ยินมา สงสัยหน่วยงานดังกล่าวคงจะไม่ใส่ใจทำงานเท่าไหร่ กลิ่นน้ำเน่าฉุนโชยแตะจมูก ระคนกลิ่นน้ำหอมราคาถูกที่โชยออกมาจากโสเภณีข้างถนนผอมๆซึ่งมีอยู่ทั่วไปตามมุมถนน อาชญากรรมยังคงมีให้เห็นบริเวณปลายสายตาของทุกๆก้าวที่ย่างไป ทริกเกอร์ได้แต่ถอนใจ นี่คือตัวอย่างความเสื่อมโทรมของราชวงศ์ที่ไม่อาจเยียวยา

    ธรณีนี่นี้ใครครองอากาศหนาวจนชวนขนลุก ทำให้ทิงหวนระลึกไปถึงสมรถูมิบนดาวเคราะห์น้ำแข็งมิสค์อันเยือกเย็น ที่นั่นทิงเคยเกือบเอาชีวิตไม่รอดเพราะความหนาวมาแล้ว แต่กับธรณนี่นี้ใครครองมันเป็นความเย็นคนละแบบกัน แค่ลมยะเยือกของที่นี่ ทิงก็สั่นไปถึงขั้วหัวใจแล้ว

    “ขอทีเถอะครับ พวกเราเพิ่งเสียคุณพ่อไป ตามกฎหมายชุดก่อน ถ้าสูญเสียเสาหลักของครอบครัวไปจะได้รับการงดเว้นภาษีหกเดือนนี่ครับ” เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาในโสตประสาทของทิง เขาหันไปมองโดยไม่ได้ตั้งใจ เลยลงไปตรงทางลาดบริเวณเขตสลัมอันเป็นที่พักอาศัยของชนชั้นล่าง ทหารติดอาวุธสี่คนกำลังยืนล้อมเด็กหนุ่มซึ่งก้มลงคุกเข่าอยู่กับพื้น ด้านหลังของเขาเป็นหญิงชราที่ท่าทางอิดโดรย และเด็กหญิงตัวเล็กๆอีกคน กับบ้านที่โทรมจนน่าจะเรียกว่ากระท่อม

    “จักรพรรดิองค์ก่อนจะว่าไงชั้นไม่รู้หรอกนะ แต่จักรพรรดิองค์ปัจจุบันแก้กฎหมายใหม่หมดแล้ว ไม่มีการงดเว้นใดๆทั้งสิ้น” ทหารชาวโทรล์ร่างใหญ่ผู้มีกระดูกแหลมงอกออกมาจากกลางหลังจิกหัวเด็กหนุ่มขึ้นมา ทริกเกอร์สังเกตเห็นบาดแผลที่หัวคิ้วของเด็กหนุ่มวัยไม่เกินยี่สิบ “แกไม่น่าต้องให้พวกชั้นลงมือเลยนี่หว่าไอ้หนู จ่ายมา หรือจะให้เผาบ้านกับยายแกไปพร้อมๆกันเลย”

    “ดีออกนะ ไม่ต้องเสียค่าฌาปนกิจด้วย” ทหารอีกคนหัวเราะร่วนราวกับเป็นเรื่องตลกซะเต็มประดา แต่ทริกเกอร์ไม่ขำ ไม่มีใครขำ ชาวบ้านและพวกที่ยืนอยู่ใกล้ๆไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับทหารติดอาวุธในราชการ พวกเขาทำได้เพียงส่งสายตาสงสารอยู่ห่างๆ

    “เรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย” อดีตกัปตันเอ่ยออกมาเบาๆ “ทำไมทหารของราชวงศ์ถึงทำตัวแบบนี้”

    “มันก็เป็นอย่างนี้กันทุกคนไม่ใช่เหรอ เรื่องปกตินี่” ซีกล่าวเรียบๆ เลนส์สีแดงเรืองแสงของเขาจับไปที่ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าสงบนิ่ง ซึ่งทริกเกอร์อ่านไม่ออกว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆเขาคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ “ไปกันเถอะ อย่าไปสนใจเลย”

    “ไม่สนได้ยังไง” พูดจบอดีตกัปตันหนุ่มเลือดข้นแห่งกองทัพก็ถลันเข้าไปหยุดทหารที่กำลังเอาด้ามปืนสั้นตบหน้าเด็กหนุ่มอยู่ทันที ซีได้แต่มองอย่างประหลาดใจ “หยุด ทหาร ทำอะไรน่ะ”

    “ไม่เห็นเหรอว่ากำลัง...” ทหารชาวโทรล์เกือบจะหันมาตะคอกทริกเกอร์แล้ว แต่พอดีเขาเห็นดาวบอกยศบนเสื้อนอกของอดีกัปตันหนุ่มซะก่อน ทหารร่างยักษ์กับเพื่อนจึงรีบผละจากเด็กหนุ่มหันมายืนชิดเท้าทำวันทยาวุธทันที “เอ้อ พวกเรากำลังอยู่ในระหว่างการปฏิบัติภารกิจของกองทัพครับ”

    “ภารกิจบ้าบออะไร นี่มันรังแกประชาชนชัดๆ” อดีตกัปตันทริกเกอร์แทบจะตะโกนออกมาแล้วในเวลานั้น ฝูงชนโดยรอบหันมาให้ความสนใจกันมากขึ้น เด็กหนุ่มก้มหน้านิ่ง “ชั้นขอสั่งให้พวกแกหยุด เด็ดขาด”

    “แต่ว่านี่เป็นงานของเรานะครับ” ทหารหนุ่มชาวโทรล์มองทริกเกอร์อย่างเหยียดๆ เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าชุดของอดีตกัปตันยับเยินรุ่งริ่งเพียงใด เนื่องเขารีบร้อนหนีออกมาจากเอ็คท์โดยไม่ทันได้เตรียมตัว “เอ่อ ว่าแต่ไม่ทราบว่าคุณเป็นกัปตันยานรบลำไหน สังกัดอะไรครับ”

    นั่นเป็นคำถามจี้ใจดำของทริกเกอร์อย่างรุนแรง ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาสามารถตอบได้อย่างเต็มภาคภูมิเลยว่าเขาคือกัปตันของเฮลไฟร์69 ยานบัญชาการรบลำดับสามของกองทัพอวกาศยานภาคที่หนึ่ง แต่ตอนนี้เขาเป็นตัวอะไรของกองทัพก็ไม่รู้

    “ว่าไงล่ะครับท่าน” ทหารร่างใหญ่รุกถามอย่างได้ที น้ำเสียงของพวกเขาคุกคามมากขึ้นเรื่อยๆ “อยู่ในราชการลับจึงไม่ยอมบอก หรือว่าไม่มีตำแหน่งจริงเลยบอกไม่ได้กันแน่ครับ”

    “พวกแก!! กล้าใช้คำพูดแบบนี้กับผู้บังคับบัญชาเชียวเหรอ” อดีตกัปตันเดือดพล่านขึ้นมาทันที แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ทำอะไร ซีก็ปราดเข้ามาคว้าไหล่ทริกเกอร์ไว้ซะก่อน

    “อย่าหาเรื่อง พวกมันกระดูกใหญ่กว่าแกนะ” ซีกระซิบ ก่อนจะเหนี่ยวตัวทริกเกอร์กลับออกมา แล้วหันไปพูดกับพวกทหาร “กัปตันต้องการพักผ่อน ถอยไปซะ”

    “กัปตันต้องการพักผ่อน โอ้โห เพิ่งรู้ว่ามิสเตอร์ซี นักค้าของเถื่อนชื่อดังทำงานให้กองทัพด้วย เรายังไม่รู้เลยว่าหมอนั่นมันกัปตันของยานอะไร” ทหารหนุ่มคนหนึ่งล้อเลียน “หรือว่าจะเป็นกัปตันกำมะลอ แต่งตัวไว้อวดสาว”

    ขาดคำนั้นกระสุนเลเซอร์นัดหนึ่งก็พุ่งเจาะต่างหูเหล็กที่ห้อนอยู่ตรงปลายหูของทหารคนนั้นจนแตกกระจาย เลนส์สีแดงที่ครอบดวงตาของซีฉายแสงวาบอย่างน่ากลัว

    “อีกคำสิ แกก็รู้ว่าชั้นมีสายสัมพันธ์อันดีกับบอสของตระกูลสตรอว์บาลัมอยู่ จริงมั้ย” ซีเอ่ยเบาๆ แต่อำนาจคุกคามเหลือล้น พวกทหารทำท่าจะเข้ามาหาเรื่อง แต่ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นเริ่มเดินมาหนุนหลังพวกทริกเกอร์และซี เมื่อเห็นท่าไม่ดี พวกทหารหนุ่มจึงได้แต่สบถกันสองสามคำ ก่อนจะแยกย้ายกันออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ “ไอ้พวกปากดี”

    “ไอ้หนู เป็นอะไรมากรึเปล่า” ทริกเกอร์ตรงเข้าไปยังเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนพื้น หมายจะประคองให้ลุกขึ้น แต่เด็กหนุ่มถอยกรูด “ไม่ต้องกลัวน่า ชั้นมาช่วย”

    “อย่าน่ากัปตัน” ซีสะกิดไหล่ทริกเกอร์ให้มองเลยไปด้านหลัง ผู้คนรอบๆมองทิงด้วยสายตาแปลกประหลาด อาจไม่ถึงกับเกลียดชัง แต่ก็ไม่เป็นมิตร อดีตกัปตันได้แต่หมุนไปหมุนมาอย่างสับสน ก่อนที่ซีจะลากเขาออกมาจากบริเวณนั้น “รีบไปกันดีกว่า”

    อดีตกัปตันหนุ่มนอกราชการยังคงเดินบ่นอุบอิบเกี่ยวกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นราวกับหมีกินผึ้ง จนทำให้ซีที่ทนฟังเงียบๆมาตลอดชักจะรำคาญ

    “ทำไมวะ ทั้งๆที่ชั้นก็ช่วยคนไว้แท้ๆ ทำไมพวกนั้นถึงมองชั้นด้วยสายตาแบบนั้น” ไม่ใช่ว่าน้อยใจ แต่ดูเหมือนทริกเกอร์จะสับสนมากกว่า

    “รู้มั้ยว่าครอบครัวของเด็กที่ถูกรังแกคนนั้นจะเป็นยังไงต่อไป” จู่ๆซีก็โพล่งขึ้นมา ทริกเกอร์อ้าปากจะตอบ แต่ซีก็ชิงพูดออกมาก่อน “พวกเขาคงอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว การเป็นต้นเหตุให้ทหารของกองทัพต้องอับอาย ถึงทำอะไรเราไม่ได้ แต่พวกทหารไม่ปล่อยให้ครอบครัวนั้นมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขแน่ พวกเขาคงต้องหนีไปจากที่นี่ ไปหาที่อยู่ใหม่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับครอบครัวยากจนแบบนั้น”

    “แต่ว่า....” ทริกเกอร์อ้าปากจะค้าน แต่ก็ค้านไม่ออก เขารู้ดีว่าคนของกองทัพจะทำอย่างที่ซีว่าจริงๆ นี่แหละ ตัวตนที่แท้จริงของกองทัพ ขณะที่ได้แต่หลับหูหลับตา ปล่อยให้มีการปล้นสะดมฆ่าฟันกันเกิดขึ้น พวกเขากลับเลือกรังแกคนไม่มีทางสู้ นับวันเด็กรุ่นใหม่ในกองทัพยิ่งจะทรามลงทุกที

    “ไอ้ที่นายทำน่ะ มันไม่ผิดหรอกนะ” ซีขยับเสื้อโค้ทให้แน่นขึ้นเมื่อลมหนาวกรูเกรียวมาปะทะร่างกาย เขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่รู้จักรสชาติความขมขื่นของชีวิตแบบนี้ดี มันขมขื่นจนเขาเคยหันไปพึ่งยาเสพติดเพื่อลืมความเจ็บปวดอยู่พักใหญ่ “แต่ภาพลักษณ์ที่โหดร้ายของกองทัพน่ะ มันฝังอยู่ในเลือดของชาวออลไฟนอลมานานแสนนานแล้ว”

    “เพราะอย่างนั้น ทหารดีๆถึงยิ่งไม่สามารถหนีไปไหนได้ไงล่ะ” ทริกเกอร์ก้าวขึ้นไปเสมอกับซี เสียงพูดคุยของผู้คนรอบกายเบาลง พวกเขาออกมาถึงเขตท่าอวกาศยานแล้ว รถจักรขนเชื้อเพลิงขนาดใหญ่เพิ่งจะแล่นผ่านพวกเขาไป ควันกรุ่นๆของระบบเผาไหม้ในเครื่องยนต์ทำให้อากาศอุ่นขึ้นเล็กน้อย “เพื่อที่ว่าสักวันหนึ่ง กองทัพของแกแล็คซี่ออลไฟนอลจะได้มีแต่คนดีๆที่ตั้งใจพิทักษ์ความสงบจริงๆซักที”

    “มันก็แค่อุดมคติ” ซีแค่นหัวเราะ สิ่งที่เขาไม่เชื่อไม่ใช่ความมุ่งมั่นในคำพูดของทริกเกอร์ แต่เขาไม่เชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ “ตราบใดที่คนส่วนใหญ่ในกองทัพไม่ได้คิดว่าพวกเขาเป็นกองทัพของออลไฟนอล แต่เป็นกองทัพของราชวงศ์”

    “ชั้นนี่แหละจะเปลี่ยนแปลงค่านิยมบ้าบอในกองทัพนั่นเอง” ทริกเกอร์ ทิงประกาศกร้าว “แต่ก่อนอื่น ชั้นต้องสร้างชื่อ สร้างฐานอำนาจในกองทัพให้ได้ซะก่อน”

    “งั้นก็อย่ามัวแต่พล่าม เริ่มงานของเรากันได้แล้ว” ซีไม่คิดว่าอดีตกัปตันหนุ่มจะทำได้จริงอย่างที่พูด แต่ฟังแล้วเขาก็อดคิดไม่ได้ว่าทริกเกอร์ต่างไปจากทหารทั่วไปของกองทัพที่เขาเคยเห็น ถนนที่ทอดยาวเบื้องหน้านำพาไปสิ้นสุดลงที่ท่าอวกาศยาน ที่นั่นทริกเกอร์กำลังจะเริ่มต้นก้าวเล็กๆก้าวแรกของความฝันอันบ้าบิ่นของตัวเอง



    ศูนย์บัญชาการใหญ่กองทัพพิทักษ์จักรวาลในเวลานี้ยังคงเงียบสงบ บางครั้งวันเวลาที่สงบสุขก็ทำให้อาวุธที่ดีที่สุดอ่อนประสิทธิภาพลงไป จอมพลอโลฮา โกโมร่ากำลังนั่งอยู่เบื้องหลังโต๊ะทำงานของเขา กล้องยาสูบงาช้างแกะสลักวางพาดอยู่บนโต๊ะ หลังจากที่ได้รับรายงานมาว่า อดีตกัปตันที่เคยซ้อมรบผิดพลาดย่างทริกเกอร์ได้สังหารกัปตันไคต์และชิงหมายคำสั่งไปแล้ว จอมพลอโลฮาเริ่มรู้สึกผิดที่ไม่ไล่ทริกเกอร์ออกไปจากกองทัพตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนแล้ว

    “ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างหมอนั่นจะกล้าทำแบบนี้” จอมพลอโลฮาถอนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น คนที่เขาคาดไม่ถึงมักทำอะไรที่เขาคาดไม่ถึงเสมอ เช่นเดียวกับผู้นำกองกำลังกบฏในปัจจุบัน ภาพอดีตบางส่วนผุดขึ้นมาในมโนสำนึก “927......ท่านลอร์ด927 นึกไม่ถึงจริงๆว่าจะเป็นนาย ทั้งๆที่นายน่าจะเป็นคนที่ภักดีต่อจักรพรรดิเจย์เร็นเดอเรอร์ที่สุดในกองทัพแห่งออลไฟนอลแล้วแท้ๆ”

    แล้วจอมพลสูงสุดแห่งหองทัพก็เริ่มรำลึกความหลังในครั้งอดีต ราวกับลิ้นชักเก่าคร่ำคร่าที่แทบไม่เคยถูกเปิดใช้ ความทรงจำมากมายแออัดอยู่ในนั้น เขาจบมาจากวิทยาลัยการทหารของราชวงศ์บนดาวไฟนอลด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง และได้บรรจุเข้าเป็นทหารชั้นนายร้อยในกองทัพตั้งแต่สมัยที่เจย์เร็นเดอเรอร์ยังเป็นเจ้าชายลำดับท้ายๆในราชวงศ์เท่านั้น ที่วังหลวงของดาวไฟนอลซึ่งเป็นดาวของราชวงศ์จักรพรรดิแห่งแกแล็คซี่ เขาได้รู้จักกับกับนักเรียนนายเรือฝีมือฉกาจคนหนึ่ง นักเรียนนายเรือผู้เป็นหลานแท้ๆของจักรพรรดิในช่วงเวลานั้น ลอร์ด927 ผู้ซึ่งได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิท และศัตรูคนสำคัญของเขานั่นเอง

    ห้วงคำนึงของจอมพลอโลฮาถูกหยุดไว้แค่นั้น เมื่อนายทหารเฝ้าประตูห้องติดต่อเข้ามา เพื่อรายงานข่าวสำคัญที่เพิ่งเกิดขึ้น

    “ท่านจอมพลครับ เมื่อยี่สิบนาทีที่แล้ว สารวัตรทหารของเราล้อมจับนายทหารช่างซึ่งเป็นสายลักลอบขายอะไหล่ของกองทัพได้ขณะกำลังเจรจาซื้อขายอะไหล่กับคนนอก ที่บริเวณโกดังเขตทอรัส ตอนนี้กำลังตามล่านักค้าของเถื่อนที่หอบของหนีไปอยู่ครับ” นายทหารหน้าประตูรายงาน “อะไหล่ในโกดังของเราถูกขโมยไปจำนวนมาก เราได้ส่งตัวนายทหารช่างที่ลักลอบค้าอะไหล่ไปยังเรือนจำทหารแล้วครับ”

    “อ้อ มีคนในของปล่อยของนี่เอง มิน่า หลังๆอะไหล่ใช้หมดเร็วอย่างกับทิชชู แล้วยังไง เรื่องแค่นี้ต้องรายงานถึงผมเลยเหรอ” ไม่ใช่ข่าวใหญ่ ไม่ใช่เรื่องน่าสนใจระดับที่ต้องรู้มาถึงหูของคนระดับเขา ตำแหน่งจอมพลไม่ได้หมายความว่าต้องรู้ไปซะทุกเรื่องเสียหน่อย

    “ผมคิดว่าท่านอาจสนใจ” นายทหารหนุ่มอ้อมแอ้มตอบ “หนึ่งในสามของผู้ลักลอบขนอะไหล่ที่กำลังหลบหนีอยู่ตอนนี้คือนาวาอวกาศตรีทริกเกอร์ ทิง ที่เพิ่งจะมีหมายจับออกไปครับท่าน”

    “ว่าไงนะ!!” จอมพลอโลฮาได้แต่อ้าปากค้าง ทำไมผู้ชายคนนี้ช่างกล้าทำแต่เรื่องที่ไม่คาดฝัน ทั้งๆที่เมื่อก่อน เขาก็เป็นแค่นายทหารชั้นดีที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากมายคนหนึ่งแท้ๆ “ไอ้ทริกเกอร์นั่น...”


    “ไปเร็วซี ไอ้พวกยานขับไล่ตามมาแล้ว” พีทร้องโหวกเหวก เขย่าเบาะที่นั่งคนขับของยานลำเลียงเคลื่อนที่เร็วนามแมนสรวงของซี จนมือปืนหนุ่มที่นั่งขับอยู่หัวโยกหัวคลอน

    “เงียบๆหน่อยเซ่ ทำไมโดนจับได้เร็วจังวะ ไม่น่าเสี่ยงกับพวกหน้าพ่อค้าหน้าใหม่เลย ทำงานไม่รัดกุมจริงๆ” ซีสบถ กุมคันบังคับแน่นเหงื่อกาฬชุ่มโชก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาขโมยอะไหล่จากเอ็คท์ไปขาย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกจับได้

    “ใจเย็นๆซี เลี้ยวซ้ายไป ลดระดับความต้านทานแรงโน้มถ่วงซะ” ทริกเกอร์รีบสั่งการเร็วปร๋อ “ข้างหน้าจะมีดวงจันทร์แฝดของเอ็คท์ ดวงแรกมีระบบดาวเทียมสอดแนมติดตั้งอยู่ อีกดวงเป็นป้อมปราการลาดตระเวน เราจะพุ่งเข้าไปในวงโคจรของดวงจันทร์ดวงแรก”

    “จะบ้าเหรอ ความเร็วแบบนี้ แถมโดนยานขับไล่จี้หลังมา ทำแบบนั้นชนดวงจันทร์แน่ ยานแมนสรวงของชั้นไม่มีระบบลงจอดฉุกเฉินในภาวะแรงดึงดูดต่ำนะโว้ย” ซีหันมาแย้ง ถ้าพุ่งชนดวงจันทร์สอดแนมก็เป็นอันจบกัน

    “เอาเถอะน่า เร็วเข้า” อดีตกัปตันย้ำหนักแน่น “ลดระดับต้านแรงโน้มถ่วง แล้วปล่อยก๊าซปรับระดับแรงเฉื่อยซะด้วย”

    ซีไม่มีทางเลือก เขาจึงลองเสี่ยงดูกับอดีตกัปตันกำมะลอคนนี้ ยานแมนสรวงซึ่งเป็นแค่ยานลำเลียงขนาดกลางถูกแรงดึงดูดกระชากจนแทบจะหลุดออกจากเส้นทาง แต่ความเร็วก็เพิ่มขึ้นอย่างเหลือเชื่อ แมนสรวงถูกเหวี่ยงไปทางซ้ายอย่างรวดเร็ว ตามวงโคจรของดวงจันทร์สอดแนม

    “ตอนนี้แหละ เปิดระบบต้านแรงโน้มถ่วง ดึงสปีดเครื่องให้สูงสุดไปเลย” อดีตกัปตันหนุ่มแทบจะตะโกนออกคำสั่งอย่างลืมตัว

    แน่นอนซีทำตามโดยไม่ต้องคิด เพราะขืนมัวแต่คิดพวกเขาคงพุ่งเข้าชนพื้นผิวดวงจันทร์ ยานแมนสรวงกลับมาทรงตัวได้อย่างเหลือเชื่อด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อกว่า ก่อนจะเหวี่ยงตัวออกจากวงโคจรของดวงจันทร์สอดแนม สลัดผู้ติดตามจนยานขับไล่ตามไม่ทันอีกต่อไป

    “รอดแล้วโว้ย ฮ่าๆๆๆ” พีทร้องออกมาขณะที่ภาพในจอผลึกเหลวบ่งบอกสัญญาณที่ค่อยๆไกลออกไปของยานขับไล่ “เจ๋งเป็นบ้าเลยทริกเกอร์”

    “ไม่เบานี่หว่า นึกว่าเป็นแค่กัปตันกระจอก มีดีเหมือนกันนี่” ซีถอนหายใจ

    “ถ้าเผื่อพวกนายลืมไป ชั้นเองก็ระดับกัปตันยานบัญชาการรบนะ” ทิงพูดขรึมๆ เหมือนไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่ถ้าสังเกตดีๆ กัปตันคนเก่งกำลังยืนขาสั่นอยู่คนเดียว “เอาเหอะ รีบกลับไปที่ ธรณีนี่นี้ใครครอง เถอะ พรรคพวกชั้นรออยู่”



    Free Talk
    ตอนที่สองแล้วนะครับ สำหรับ All Final Wars ฉบับรีไรท์ จากรูปเปิดตอน คราวนี้จะเห็นคาร์แร็คเตอร์ดีไซน์ของทิงในแบบใหม่แลว้ด้วย ดูมีมาดขึ้นกว่าแบบเก่าจมเลย จะว่าไป กัปตันทริกเกอร์ในฉบับนี้ก็ดูจะมีดีกว่าของฉบับที่แล้วจริงๆ จากของดั้งเดิมที่เป็นแ่ค่ตัวตลก และในตอนนี้ ได้มีการกล่าวพาดพิงถึงตัวละครซึ่งยังไม่มีบทในตอนนี้ แต่จะมีบทในอนาคตอยู่อีกบ้าง การรีไรท์งานเก่ามันก็ดีอย่างนี้แหละครับ เก็บเล็กเก็บน้อยได้เต็มไปหมดเลย ขอบคุณที่ตามอ่านครับ :D
  19. sumiyo

    sumiyo Vincent4ever!!!

    EXP:
    267
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: อภิมหากาพย์สงครามอวกาศ All Final Wars

    ชอบภาพมากเลยค่ะ~!! >w<

    ตอนนี้ยาวมากๆ.....จนไม่น่าเชื่อว่าจะไม่เกิน 10,000 ตัวอักษร... = ="

    ว่าแต่..ชอบชื่อ"ธรณีนี่นี้ใครจอง" ชะมัดเลย :D


    รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ ;D
  20. freecss

    freecss Member

    EXP:
    145
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: อภิมหากาพย์สงครามอวกาศ All Final Wars

    ลงต่อแล้ว~~ me/อ่านๆ ทำไมคุ้นๆว่าชื่อตัวเองโผล่มาแทนดิสโก้คิลเลอร์ฮ่าๆ
  21. Eldar

    Eldar New Member

    EXP:
    53
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: อภิมหากาพย์สงครามอวกาศ All Final Wars

    โอ้ย ตาลาย

    เซฟไปก่อนนะครับ
  22. yoshiki

    yoshiki FATE

    EXP:
    862
    ถูกใจที่ได้รับ:
    17
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: อภิมหากาพย์สงครามอวกาศ All Final Wars

    รู้สึกมาตั้งแต่ตอนที่แล้ว พี่ทิงดูเป็นคนดี้ดีผิดกับอันเก่าเยอะเลย ทำอะไรก็พลาดตลอด 55+

    ถึงจะรู้เรื่องแล้วแต่ก็ยังอ่านต่ออยู่นะคับ ฉบับนี้ดูสมเหตุสมผลมากๆเลย ว่าแต่ออกเมื่อไรบอกด้วยนะพี่พีทผมจะได้ไปอุดหนุน

    [action]ไม่ขอเซฟไปอ่านนะคับ รอซื้อเป็นเล่มเลย อิอิ[/action]
  23. repeat

    repeat Member

    EXP:
    112
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: อภิมหากาพย์สงครามอวกาศ All Final Wars

    All Final Wars #3

    เพื่อนใหม่


    [​IMG]

    ด็อคกิ้งโฮลล์แห่งธรณีนี่นี้ใครครอง ไม่ใช่สถานที่ที่น่ามาเยือนนักหากไม่มีธุระ กลิ่นน้ำมันเครื่องและกลิ่นโลหะฉุนกึกที่ล่องลอยอยู่ในทุกอณูอากาศทำเอาทริกเกอร์แทบเดินไม่ตรง มีช่างกลต่างชาติพันธุ์จำนวนนับไม่ถ้วนมาสุมหัวกันอยู่ทั่วทุกมุม ดูเผินๆเหมือนงานชุมนุมวิศวกรอวกาศ แต่ความจริงแล้ววิศวกรเถื่อนเหล่านี้ก็เป็นตัวอันตรายไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกพ่อค้าโลกมืดเลย ด้วยความที่ต้องเอาตัวรอดท่ามกลางความวุ่นวายต่างๆนาๆ หลายๆคนในจำนวนนั้นจึงมีลักษณะทางกายภาพที่แตกต่างไปจากเดิมบ้าง และในจำนวนวิศวกรเถื่อนที่นั่งเรียงหน้ากันสลอนเหล่านี้ ก็มีอยู่หนึ่งคนที่โดดเด่นเหนือใคร ด้วยฝีมือฉกาจฉกรรจ์ และความพลิกแพลง สร้างสรรค์ อันเป็นเลิศทั้งที่อายุยังน้อย

    “หวัดดีตอนบ่ายมาเท็กซ์” ซีทักเด็กหนุ่มในเสื้อช็อปเก่าคร่ำคร่าที่กำลังง่วนอยู่กับการงัดเอาแบตเตอรี่เก่าออกมาจากยานโดยสารขนาดกลางที่เก่าจนแทบดูรหัสรุ่นไม่ออก

    “นี่ใจคอจะไม่ทักทายเพื่อนฝูงกันหน่อยเลยเหรอมาเท็กซ์” พีทสะกิดไหล่เด็กหนุ่ม

    “คนอย่างนาย ต้องมากพิธีด้วยเหรอ” เด็กหนุ่มตอบโดยไม่หันมามอง

    “งั้นก็น่าจะกล่าวสวัสดีกับลูกค้าคนใหม่ไว้ซะหน่อยนะ” ซีพยักเพยิดไปทางทริกเกอร์ซึ่งกำลังวิจารณ์นิสัยไม่น่าคบของมาเท็กซ์อยู่ในใจ

    ไม่ทันขาดคำ แขนขวาของเด็กหนุ่มตรงหน้าก็หมุนกลับมา 180 องศาอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งๆที่ตัวเขายังหันหลังให้อยู่ ไขควงและ คีมอันเล็กที่ติดอยู่ตรงมือถูกหมุนกลับเข้าไปแล้วมือกลสีเทาตะกั่วก็ยื่นออกมาแทน

    “แขนกลเหรอ” อดีตกัปตันหนุ่มแหงกองทัพจับมือกับโลหะสีเทา ทั้งน้ำหนักและสัมผัสเหมาะมือดีทีเดียว ราวกับมือของมนุษย์จริงๆ “ทำได้ดีมากเลยนะเนี่ย”

    “หมอนี่เป็นคนออกแบบแขนของตัวเองด้วยนะ” ซีกระซิบ “มาเท็กซ์ ฟลิตซ์ เป็นวิศวกรดาวรุ่งที่กำลังมาแรงที่สุดในวงโคจรของอาร์คิเคลตอนนี้เลย น่าเสียดาย ดันด้วนไปข้างนึง”

    “พูดอย่างกับไม่ใช่เรื่องของตัวเองเลยนะซี ที่ชั้นต้องเสียแขนไปข้างนึงนี่มันความผิดของนายไม่ใช่เหรอ” มาเท็กซ์เพียงกล่าวเหน็บแนม แต่น้ำเสียงก็ไม่ได้แสดงอาการเคืองแค้นอย่างใด และวิศวกรหนุ่มก็ไม่คิดจะเล่าต่อว่ามิสเตอร์ซีคนนี้ไปทำอะไรเข้า ถึงกับทำให้มาเท็กซ์ต้องเสียแขนไป ทริกเกอร์ได้แต่เก็บความสงสัยที่ไม่กล้าถามไว้ตามลำพัง “แต่แบบนี้ก็สะดวกดีเหมือนกัน แล้วมาที่นี่มีธุระอะไรล่ะ ลูกค้าที่ว่าคือไอ้หมอนี่น่ะเหรอ”

    “ทำไม ดูโทรมเกินกว่าจะเป็นลูกค้าแกได้งั้นเหรอ” มิสเตอร์ซียิ้มกวนประสาท

    “ลูกค้าที่แกพามาแต่ละคน ดีๆทั้งนั้นนี่” มาเท็กซ์ยักไหล่ เขาบรรจงเช็ดคราบน้ำมันออกจากแขนกลของตัวเองอย่างทะนุถนอม ท่าทางไม่ค่อยใส่ใจกันเท่าไหร่ยิ่งทำให้ทริกเกอร์สงสัยว่าพวกซีและมาเท็กซ์นั้นรู้จักกันแบบไหน

    “งั้นเข้าเรื่องเลยนะ ไอ้หมอนี่น่ะ” พีทชี้ไปที่ทริกเกอร์ “มันซื้อยานของลอร์ด927ลำนั้นไปแล้ว”

    “อะไรนะ บ้ารึเปล่า” ขนาดคนไม่ค่อยพูดอย่างมาเท็กซ์ยังถึงกับต้องหันมาหาทริกเกอร์ ถ้าเพียงแต่คำพูดจะสุภาพกว่านี้สักนิด ทริกเกอร์คงจะรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย มาเท็กซ์เองก็เคยเห็นสภาพของยานลำดังกล่าวมาแล้ว มันไม่ใช่ของที่คนดีๆจะสนใจแน่นอน

    “ไม่บ้าหรอก แค่เพี้ยนๆนิดหน่อย ถึงได้มาหาแกไง” ซีใช้ปลายนิ้วลูบยานโดยสารที่มาเท็กซ์ซ่อมอยู่จนถึงเมื่อครู่เบาๆ คราบฝุ่นและน้ำมันติดนิ้วมาด้วยดำปี๋ “มาเท็กซ์ แกอยากลองดูไม่ใช่เหรอ ว่าฝีมือแกจะสูสีกับพวกวิศวกรของกองกำลังปลดปล่อย927หรือไม่”

    “ใช่ ถ้าแกซ่อมยานนั้นได้ แสดงว่าฝีมือแกก็พอฟัดพอเหวี่ยงกับพวก927เลยนะ” พีทยุส่งทันที สมกับที่เป็นบ่างช่างยุอันดับหนึ่งของธรณีนี่นี้ใครครอง

    “แล้วถ้าทำสำเร็จ คราวนี้ชื่อของแกจะพุ่งแรงกว่านี้อีก ต่อไปแกจะหลอกเรียกเงินจากคนอื่นยังไงก็ได้เลยนะ” มิสเตอร์ซีตบบ่ามาเท็กซ์เบาๆ อันที่จริงคือถือโอกาสเช็ดฝุ่นที่ติดนิ้วอยู่ออกไปด้วย “รวยเละเลยนะพ่อรูปหล่อ”

    “เฮ้ ถ้าไอ้หนุ่มนั่นไม่ทำ ชั้นว่าชั้นพอจะช่วยได้นะซี” นายช่างชาวคาฮาเรียนร่างใหญ่ที่นั่งขนรุงรังอยู่กับกองขวดเหล้าที่มุมหนึ่งของโรงช่างส่งความปรารถนาดีมาพร้อมกับกลิ่นแอลกอฮอลล์ “ถ้ามีเงินมาเกี่ยว ชั้นไม่เกี่ยงอยู่แล้ว”

    “ขอบคุณในความหวังดี แต่ไม่เป็นไร” มือปืนตัดบท ก่อนจะหันกลับมากระซิบกับมาเท็กซ์ “เห็นมั้ย ถ้าแกไม่ทำ ยังมีช่างคนอื่นอีกเพียบเลยนะโว้ย แต่ชั้นไว้ใจฝีมือแกนะ”

    “สรุปก็คือ จะให้ชั้นซ่อมไอ้ยานนั่นน่ะเหรอ” มาเท็กซ์หลับตาลงครู่หนึ่งอย่างชั่งใจ “ล้านแปดแสนเครดิต คำนวนคร่าวๆจากที่เคยเห็นสภาพ อาจมีขึ้นราคาเล็กน้อย”

    “เอ่อ เดี๋ยวคืองี้ ทางเราไม่ค่อยมีเงิน......” ทริกเกอร์อ้ำอึ้ง เรื่องเงินๆทองๆอีกแล้ว เขาแพ้เรื่องพวกนี้จริงๆ

    “งั้นก็จบการเจรจา ไสหัวไปซะ ชั้นกำลังยุ่ง” เมื่อเห็นเค้าว่าจะถูกต่อรอง มาเท็กซ์ก็ตัดบทเอาดื้อๆ

    “เดี๋ยวมาเท็กซ์ เราเพิ่งไปขายอะไหล่กองทัพมา พอมีเงินอยู่บ้าง แล้วก็ยังมีอะไหล่ที่เรากันไว้ส่วนนึงเหลืออยู่ด้วย” ต้องรับมือกับคนเขี้ยวอย่างมาเท็กซ์ ทริกเกอร์คงเอาไม่อยู่ ซีจึงสอดปากเข้ามาช่วยอีกแรง “ทริกเกอร์ตอนนี้นายมีเท่าไหร่นะ”

    “ห้าแสนเครดิต” ทริกเกอร์นับนิ้วซ้ำไปซ้ำมา นั่นคือส่วนแบ่งอันน้อยนิดของเขา แต่ก็มากโขทีเดียว รู้งี้เขาน่าจะลักลอบขายอะไหล่กองทัพนานแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นกัปตันยานเกราะอยู่

    “ช่วยซ่อมให้ในราคาห้าแสน แล้วอะไหล่เราจะเป็นคนเอามาให้ ตกลงมั้ย” ถ้าฟังไม่ผิดมือปืนหนุ่มออกน้ำเสียงข่มขู่แกมบังคับ “อะไรส่วนที่ขาด ชั้นจะหักคอพีนัทให้ขนมาให้จากเอไนม์คอมเอง หมอนั่นติดหนี้ชั้นอยู่จมเลย”

    “โอ้โห ซี แกเป็นอะไรกับมันวะ ช่วยกันจังเลย” มาเท็กซ์ส่ายหน้า เขาไม่เคยต่อรองสู้มิสเตอร์ซีได้สักที และอันที่จริงเลือดวิศวกรของเขาก็สนใจจะลองรื้อค้นยานของกองกำลัง927ดูอยู่นานแล้ว “เอ้า ก็ได้ๆ เห็นแก่ที่รู้จักกันมานานนะ”

    แต่ก็อย่างที่มาเท็กซ์พูด ซีเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงได้ออกหน้าช่วยทริกเกอร์เต็มที่ขนาดนี้ อาจเป็นเพราะเขาเห็นอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนใครในตัวอดีตทหารหนีคดีคนนี้ก็เป็นได้ อะไรบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกว่าทริกเกอร์อาจสามารถสร้างความแตกต่างบางอย่างขึ้นมา ความแตกต่างที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เขาไม่เคยคิดอยากเดิมพันกับสิ่งใหม่ๆ เขาแค่อยากลองดูว่าทริกเกอร์จะไปสุดได้แค่ไหนเท่านั้น



    ท่าอวกาศยานทางการทหารบนดาวเอ็คท์นั้น ตามปกติแล้วจะมียานรบขึ้นลงมากมายตลอดเวลา ทว่าเมื่อเร็วๆนี้เองที่เพิ่งมีมาตราควบคุมการเข้าออกของยานอวกาศ เนื่องจากคดีลักลอบขายอะไหล่กองทัพรายใหญ่ที่เพิ่งเกิดขึ้น อาชญากรรมที่ก่อตัวใต้เงาจมูกของจักรพรรดิ ราวกับเป็นการตบหน้าครั้งใหญ่ ทางเบื้องบนในกองทัพจึงต้องเข้มงวดกับการจัดตารางบินมากขึ้น ในระยะนี้เหล่าเจ้าหน้าที่หอบังคับการบินซึ่งต่างก็โดนคาดโทษไว้เลยจำต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ

    “โปรดลอยลำรอสักครู่ เรากำลังจะทำการแสกนภายในยาน ขอให้ลูกเรือทุกท่านช่วยอยู่กับที่ด้วย” เจ้าหน้าที่ในดาวเทียมตรวจการณ์ซึ่งโคจรอยู่รอบดาวเอ็คท์มีหน้าที่คอยตรวจสอบยานที่จะเข้าออกจากดาวฐานทัพแห่งนี้ การจะเข้าหรือออกจากเอ็คท์ได้นั้น จำต้องได้รับคำอนุญาตจากเจ้าหน้าที่เหล่านี้เสียก่อน มิเช่นนั้นจะถูกป้อมปืนมากมายที่ลอยตัวอยู่รอบๆยิงทิ้งโดยไม่มีข้อแม้

    “ก็อย่างที่เค้าว่าล่ะนะ” น้ำเสียงเยือกเย็นแฝงความแข็งแกร่งอยู่ในที ผมสีฟางข้าวบ่งบอกว่าเป็นผู้ที่เติบโตในสถานีอวกาศยาวเกือบถึงกลางหลัง ใบหน้าอ่อนเยาว์แต่ดวงตาแข็งกร้าว แม้จะเป็นหญิงแต่ดาวที่บอกยศบนบ่ากลับบ่งถึงยศระดับนาวาอวกาศเอก กัปตันยานบัญชาการรบ ระดับเดียวกับไคท์ ระดับเดียวกับทริกเกอร์ในอดีต “อีกนิดเดียวก็จะได้พักกันแล้ว ช่วยอดทนอีกนิดแล้วกัน”

    อันที่จริง ยานบัญชาการรบระดับนี้ไม่มีความจำเป็นต้องตรวจสอบอะไรเลย ยิ่งเป็นยานที่อยู่ในราชการด้วยแล้ว มีสิทธิ์เต็มที่ในการขึ้นลงฐานทัพโดยอิสระ อีกทั้งการใช้รังสีแสกนยานนั้น ตามปกติก็เป็นมาตการสำหรับยานพาณิชย์เท่านั้น เนื่องจากการจะแสกนรายละเอียดของยานระดับอาร์มคอมมานเดอร์คลาสทั้งลำและผู้โดยสารได้นั้นต้องกินเวลามากอยู่ แต่ช่วงนี้เป็นเวลาที่กองทัพต้องการความละเอียดมากกว่าปกติ ซึ่งทุกคนต้องทำตาม

    “ภารกิจเป็นยังไงบ้างครับกัปตัน” เพื่อไม่ให้บรรยากาศดูน่าเบื่อเกินไปนัก เจ้าหน้าที่ตรวจสอบในดาวเทียมจึงพยายามชวนคุย

    “ตามที่รายงานในข่าว เราบีบให้กบฏคอร์แซร์บนดาวมิสค์ยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไขได้แล้ว ถึงแม้จะต้องสูญเสียกองทหารราบบนมิสค์ไปทั้งหน่วยก็ตาม” กัปตันสาวรายงานเรียบๆ เหมือนกับที่ประชาชนทั่วไปได้รู้ การกบฏระหว่างดวงดาวในปัจจุบันนี้แทบจะเป็นเรื่องปกติไปแล้ว “น่าเสียดายเหล่าทหารกล้า พวกเขาไม่ควรตายเลย”

    “เพราะความสามารถของกัปตัน พวกเขาถึงได้สูญเสียเพียงเท่านั้นต่างหากล่ะครับ” นายทหารบนดาวเทียมกล่าวชื่นชม เป็นเรื่องน่าทึ่งทีเดียวที่ผู้หญิงอายุเพียงเท่านี้ สามารถก้าวเข้ามาเป็นกัปตันยานบัญชาการรบได้ แถมยังทำได้ดีมากเสียด้วย

    “แต่มีบางอย่างที่ไม่ได้รายงานออกสื่อ” น้ำเสียงของกัปตันดูราวกับจะขุ่นข้องขึ้นมาทันที “กองกำลังปลดปล่อย927เป็นผู้สนับสนุนพวกคอร์แซร์ ทั้งอาวุธ เสบียง กำลังคนและแผนการ ชั้นรายงานเรื่องนี้ต่อเบื้องบนไปแล้ว ทำไมสื่อถึงจงใจปิด”

    “เรื่องนี้ ผมว่าทางเบื้องบนก็คงลำบากใจ” นายทหารตอบอ้อมแอ้ม เป็นที่รู้กันในหมู่ทหารระดับสูงว่าชื่อของลอร์ด927ไม่เป็นที่ปรารถนาเท่าใดนัก ทางราชวงศ์ต้องการจะปิดข่าวของเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากเขาเป็นอันตรายต่อกองทัพและราชวงศ์มากเกินไป หากประชาชนทั่วไปรู้ว่ามีคนอย่างลอร์ด927กำลังซ่องสุมกำลังอยู่ ต้องมีประชาชนจำนวนมากที่ไม่พอใจราชวงศ์ไปเข้าร่วมกับลอร์ด927แน่ ผลงานของท่านลอร์ดคนดังจึงต้องถูกลบออกจากสายตาประชาชนทั้งหมด “เมื่อวานยานบัญชาการเมดิสันแสควร์ก็เพิ่งออกไปปฏิบัติภารกิจล่าสลัดอวกาศ น่าเสียดายที่คุณไม่ทันได้อยู่พบกัปตันครูนาร์”

    “กัปตันครูนาร์” ดูเหมือนจะเป็นนิสัยไปแล้วที่พวกนายทหารชั้นสูงจะเปลี่ยนเรื่องเสมอเวลาพูดถึงลอร์ด927 หญิงสาวเอ่ยนามของกัปตันยานเมดิสันแสควร์ออกมาเบาๆ อาจารย์คนสำคัญของเธอ ผู้ที่คอยผลักดันเธอมาตลลอดตั้งแต่ยังเป็นนักเรียนนายเรือธรรมดาๆคนหนึ่ง ผู้มีพระคุณของเธอ “ใช่ น่าเสียดายจริงๆ”

    “เอาล่ะ เรียบร้อยแล้วครับ” ในที่สุดรังสีแสกนก็ฉาบไปจนถึงท้ายลำ นายทหารหนุ่มปิดเครื่องปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ก่อนจะเปิดทางให้ยานบัญชาการรบตรงหน้า “ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ กัปตันทรอปปิคอล และยานบัญชาการเฮลไฟร์69”

    กัปตันหญิงเพียงพยักหน้ารับ ก่อนจะออกคำสั่งให้ออกยาน บ้านเหรอ เอ็คท์อาจจะเปรียบเสมือนบ้านที่พักพิงของเธอยามว่างเว้นจากภารกิจ แต่ก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรมากกว่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับผู้ที่ไร้บ้านเกิดเช่นเธอด้วยแล้ว คำว่าบ้านดูจะไม่มีความหมายสำคัญอะไรสักเท่าไหร่เลย



    หลายวันมาแล้วที่มาเท็กซ์ง่วนอยู่กับการงัดอุปกรณ์ชิ้นโน้นชิ้นนี้เข้าๆออกๆ ยานลมกรด2003โดยมีทหารช่างของทริกเกอร์เป็นลูกมือ ลูกเรือทั้งหมดได้ย้ายมาพำนักอยู่ที่อู่ของมาเท็กซ์ซึ่งเป็นดาวเทียมศูนย์ซ่อมบำรุงขนาดเล็กซึ่งลอยอยู่ใกล้ๆธรณีนี่นี้ใครครองแล้ว ลมกรด2003มีสภาพดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ จนพวกลูกเรือที่เคยถอดใจเริ่มมีกำลังใจกลับคืนมาบ้างแล้ว ระหว่างนั้นทริกเกอร์ได้จ้าง หรืออันที่จริงต้องเรียกว่าถูกบังคับให้จ้างซีและพีทไว้เป็นคนคุ้มกันและผู้ดูแลส่วนตัว เนื่องจากสาเหตุที่ซีให้ไว้ว่าพวกทหารหนีโทษมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ตามลำพังมันอันตราย

    แสงฟลูออเรสเซนส์ฉาบผิวหนังของทริกเกอร์ขับเน้นส่วนที่ต้องการให้เห็นชัดเจนในกระจกเงา คมมีดโฟตอนอยู่ไม่ห่างจากผิวไปเท่าใดนัก ใบมีดขนาดเล็กถูกบรรจงกดลงเหนือผิวแห้งกร้าน กรีดเอาขนเส้นเล็กๆบริเวณเหนือริมฝีปากและปลายคางออกเบาๆ เป็นจังหวะสม่ำเสมอ ก่อนที่ลูกเรือคนหนึ่งจะพรวดพราดเข้ามาในห้อง ทำเอาทริกเกอร์ตกใจสะดุ้งขยับมีดโกนหนวดพลาดเฉียดคอหอยตัวเองไปนิดเดียว หวิดดับก่อนได้กู้ชื่อแล้ว

    “กัปตันครับ รีบมาที่ยานเร็ว ดูเหมือนระบบนำร่องจะใช้ได้แล้วครับ” ลูกเรือหนุ่มพูดโดยไม่สนใจว่ากัปตันของตนจะยังมือสั่นไม่หายอยู่

    ยานลมกรด2003ตอนนี้อยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่าเกือบสมบูรณ์พอให้ออกบินได้แล้ว ทริกเกอร์รู้สึกแปลกใจนิดๆที่มาเท็กซ์มีฝีมือขนาดนี้ เขาแทบไม่เคยเข้ามาดูยานตัวเองเลยในระหว่างการซ่อมแซม เพราะมัวแต่ไปเข้าบ่อนในธรณีนี่นี้ใครครองกับพีท เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาตระหนักว่าคนดีมีฝีมือมากมายไม่ยอมสวามิภักดิ์ต่ออำนาจของกองทัพ ทั้งที่คนอย่างมาเท็กซ์ หากได้เงินทุนของกองทัพสนับสนุนย่อมไปได้ไกลกว่านี้แน่

    “สวัสดีกัปตันทริกเกอร์ นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว ยานตัวเองนะโว้ย หัดมาดูๆไว้ซะบ้าง” มาเท็กซ์ทักทายอย่างสุภาพ ตามสไตล์ของเขา

    “โอ้ ไม่เจอกันนาน ทรงผมแปลกไปนะมาเท็กซ์” แทนที่จะเข้าไปหามาเท็กซ์ อดีตกัปตันดันเดินเข้าไปพูดกับชายในชุดโค้ทขนหมาป่าฮาว็อคเจ้าของทรงผมโมฮอว์คสูงตั้งแทน “แล้วนี่แขนไม่ได้เป็นจักรกลแล้วเหรอ”

    “เฮ้ย ไอ้งั่ง แกพูดอยู่กับใครวะ ชั้นอยู่ตรงนี้โว้ย” วิศวกรอัจฉริยะขี้โมโหคว้าไหล่ทริกเกอร์ให้หันกลับมาหาเขาอย่างหงุดหงิด “นี่ถึงขนาดลืมหน้าช่างที่คุมงานซ่อมยานให้เลยเหรอวะ”

    “อ้าว มาเท็กซ์ อยู่นี่เองหรอกเหรอ” เมื่อเห็นมือจักรกลข้างที่บีบไหล่เขาอยู่ ทริกเกอร์จึงเพิ่งจำได้ว่ามาเท็กซ์คือผู้ที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาคนนี้ต่างหาก จึงได้แต่ยิ้มเก้อๆ “ฮ่าๆ โทษทีๆ ชั้นมีปัญหากับการจำหน้าคนนิดหน่อย แล้วนี่ใครล่ะเนี่ย”

    “ผมชื่อพีนัท เป็นพ่อค้าอิสระจากเอไนม์คอมครับ” ใบหน้าเจ้าเล่ห์แสดงรอยยิ้มที่ไร้ความรู้สึก ดวงตาถูกซ่อนไว้ภายใต้แว่นกันรังสี พ่อค้ายื่นมือออกมาให้ทริกเกอร์ “ยินดีที่ได้รู้จักครับ อดีตนาวาอวกาศเอก”

    อดีตกัปตันแห่งกองทัพอวกาศจับมือกับพ่อค้าอิสระตอบตามธรรมเนียม เขารู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบอันไร้ชีวิตชีวาภายใต้อุ้งมือนั้น

    “ก่อนจะสนใจเรื่องอื่น แกมาดูยานของแกก่อนดีกว่านะ” ดูเหมือนมาเท็กซ์จะหงุดหงิดอยู่แทบตลอดเวลา อย่างน้อยก็ทุกครั้งที่ทริกเกอร์เห็น ไม่รู้ว่าการซ่อมยานให้เขามันมีอะไรน่าอารมณ์เสียนักหนา

    ระบบวงจรต่างๆถูกเดินสายยกเครื่องใหม่หมดแล้ว วงจรหลักที่นายช่างของทริกเกอร์เข้ารหัวไม่ได้ก็ถูกปรับแต่งใหม่ ส่วนต่างๆที่เสียหายก็ได้รับการซ่อมแซมเป็นที่เรียบร้อย แม้แต่เมนมอนิเตอร์ในห้องบังคับการก็ถูกถอดเปลี่ยนใหม่เสร็จสรรพ สภาพภายในห้องบังคับการดูไม่เลวเลยทีเดียว อันที่จริงต้องเรียกว่าดูดีมาก เมื่อเทียบกับสภาพในตอนแรก มาเท็กซ์ทำได้อย่างที่ร่ำลือจริงๆ

    “ยอดไปเลยนี่มาเท็กซ์ ฝีมือระดับนี้น่าจะเป็นนายช่างของกองทัพได้เลยนะเนี่ย” ทริกเกอร์ไม่ได้ยกยอเกินจริง “แล้วไหนล่ะ ที่ว่าระบบนำร่องคืนสภาพแล้ว ทำไมหน้าจอมอนิเตอร์ยังมืดอยู่เลย”

    “ก็เรากำลังจะเปิดทดสอบอยู่นี่ไง ส่งคีย์การ์ดมาสิ” มาเท็กซ์สะบัดหางเสียงใส่ทริกเกอร์แทบทุกคำ เห็นได้ชัดว่าไม่มีความเคารพกันเลยแม้แต่น้อย ทริกเกอร์ได้แต่ส่งคีย์การ์ดให้มาเท็กซ์อย่างหงอยๆ “เออ แล้วไอ้ระบบAIของยานลำนี้มันอาจจะมีอะไรแปลกๆหน่อยนะ มันเป็นระบบล่าสุดที่กองกำลังปลดปล่อย927พัฒนาขึ้นมา พวกนายอาจต้องใช้เวลาสักนิดถึงจะชินกับมัน ”

    “รีบๆเปิดเข้าเถอะ มันจะยังใช้ได้รึเปล่าก็ไม่รู้” อดีตกัปตันเลือดร้อนกล่าวอย่างตื่นเต้น “หวังว่าคงไม่เล่นมุขแบบเสียบการ์ดเข้าไปแล้วไฟดับทั้งยานนะ”

    มาเท็กซ์ทำเป็นไม่ได้ยินประโยคหลัง เขาเสียบคีย์การ์ดเข้าไปบนคอนโซลของที่นั่งกัปตัน ทันใดนั้นยานทั้งลำก็สั่นสะท้านราวกับแผ่นดินไหว ไฟทุกดวงดับลงพร้อมกันตามคำขอของทริกเกอร์ เสียงหวี่ๆดังอื้ออึงไปทั่วทั้งยาน ก่อนที่ดวงไฟเล็กๆตามแผงคอนโซลจะค่อยๆติดไล่กันไปทีละดวง

    “นั่นไง พูดยังไงได้อย่างนั้นเลย” ทริกเกอร์เกาะแผงคอนโซลไว้ไม่ให้เสียหลักล้มลงไป

    “โทษที ยานมันรีเซ็ทระบบใหม่ พวกค่าแรงโน้มถ่วงเลยต้องปรับใหม่หมด รอแป๊บนึงคงเสถียรเองแหละ” มาเท็กซ์กล่าว ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น เพียงครู่เดียว ยานลมกรดก็หยุดนิ่ง ไฟทุกดวงสว่างจ้า ก่อนที่กระแสไฟฟ้าจากจอสัญญาณโฮโลแกรมจะค่อยๆทอแสงออกมาตรงกลางห้องบัญชาการหลัก ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน กระแสไฟฟ้าค่อยๆก่อตัวเป็นรูปร่างราวกับสัญลักษณ์แบบดิจิตอล ซึ่งมีใบหน้ากลมเกลี้ยงทีมีเพียงดวงตาสองดวงส่องสว่างอยู่เป็นแกนหลัก ทริกเกอร์ได้แต่อ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อสายตา

    “สวัสดีครับ” เสียงดิจิตอลแสบแก้วหูดังขึ้นจากลำโพง ก่อนที่มันจะปรับเสียงให้เบาลงเองโดยอัตโนมัติ ทำเอาทริกเกอร์และลูกเรือตกใจมือไม้สั่นกันเป็นแถว “กระผมชื่อเซิร์นครับ เป็นระบบAIประจำยานลมกรด2003 ยินดีที่ได้รู้จักทุกท่าน กัปตันโปรดแจ้งนามและบันทึกรหัสผ่านด้วยครับ”

    “เฮ้ย ตัวบ้าอะไรวะ!!!” ทริกเกอร์อุทานโดยไม่ได้ตั้งใจ

    “รหัสผ่านคือ เฮ้ย ตัวบ้าอะไรวะ!!! แสกนจากคลื่นเสียง คุณคือ ทริกเกอร์ ทิง ตำแหน่งยศล่าสุดนาวาอวกาศตรี ตำแหน่งยศสูงสุดคือนาวาอวกาศเอก อดีตกัปตันยานเฮลไฟร์69แห่งกองทัพพิทักษ์จักรวาลภาคอวกาศยาน ถูกปลดเนื่องจากซ้อมรบผิดพลาดยิงปืนใหญ่ใส่ฐานทัพ จบจากโรงเรียนนายเรืออวกาศดาวเอ็คท์ด้วยเกรดปานกลางคือ B- บ้านเกิดอยู่ที่ดาวฟิคาเธียน ทางบ้านเป็นตระกูลนักปราชญ์ที่ร่ำรวย” เจ้าAIพล่ามประวัติของทริกเกอร์ยืดยาวไม่หยุด

    “ใจเย็น พอๆๆๆ จะพูดทำไมวะ” ทริกเกอร์รีบปราม พวกลูกเรือเริ่มหันมามองทริกเกอร์ด้วยสายตาแปลกๆ ฟิคาเธียนเป็นดาวของชนชั้นสูงและพวกนักปกครอง แทบไม่เคยมีใครจากดาวดวงนั้นมาเป็นทหาร และทริกเกอร์ก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้

    “นี่มันอะไรกัน โฮโลแกรมอิสระงั้นเหรอ” แม้แต่คนที่มีสีหน้าเรียบเฉยที่สุดอย่างพีนัทยังอดตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็นไม่ได้

    “โอ้โห AI ของพวก927นี่ร้ายแฮะ มีเป็นรูปเป็นร่างอย่างนี้ด้วย” มาเท็กซ์มองเซิร์นอย่างชื่นชม เขาเองก็ไม่คิดว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ “น่าเอามาแยกชิ้นส่วนวิเคราะห์ดูจัง”

    “กระผมเป็นAIรูปแบบโพลีกอนรุ่นทดลองใช้ครับ และเป็นตัวแรกและตัวเดียวของแกแล็คซี่ในขณะนี้” เซิร์นอธิบาย “การแยกชิ้นส่วนวิเคราะห์ในทางกายภาพแล้วทำไม่ได้ เนื่องจากกระผมไม่มีร่างกายจริงๆ นี่เป็นเพียงภาพจำลองเท่านั้นครับ”

    “มันมีชีวิตใช่มั้ย” ทริกเกอร์กระซิบถามมาเท็กซ์

    “บ้าสิ มันเป็นแค่จักรกล ไม่มีชีวิตหรอก” มาเท็กซ์ลูบปลายคางเบาๆ เขาเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ “แต่ที่แน่ๆ มันมีความคิด มีการตอบโต้และรูปแบบกลไกการคิดที่เหมือนสิ่งมีชีวิตที่มีปัญญา”

    “ถ้าอย่างนั้นมันก็สามารถเรียนรู้และพัฒนาได้” กัปตันทริกเกอร์ผิวปากหวือ ดูเหมือนเขาจะได้ของดีเกินคาดมาซะแล้ว “ไอ้พวกลอร์ด927คงนึกไม่ถึงว่าจะโดนของใช้แล้วทิ้งกลับมาไล่บี้ตัวเองอย่างนี้”

    “ระบบAIที่สามารถพัฒนาตัวเองได้ นี่มันหัวข้อวิจัยหลักของสถาบันอาเมเลียนที่ไฟนอลเลยนี่นา” สถาบันวิจัยอาเมเลียนที่พีนัทเอ่ยถึง คือศูนย์วิจัยหลักที่ใหญ่โตและล้ำสมัยที่สุดในแกแล็คซี่ อยู่ในความดูแลของราชวงศ์ เป็นสถาบันแห่งวิทยาการที่เต็มไปด้วยนักปราชญ์และนักวิทยาศาสตร์สาขาต่างๆมากมาย ถูกตั้งชื่อขึ้นตามนามของจอมปราชญ์อาเมเลียนา อัจฉริยะแห่งยุคเก่าผู้บุกเบิกการเดินทางด้วยระบบไฮเปอร์เสปซเวิร์มโฮลล์แบบใหม่

    “ว้าว ไม่กี่วันยานดูเป็นรูปเป็นร่างขึ้นแล้วนี่” เสียงทะเล้นๆของพีทดังขึ้นที่สะพานเดินเรือ “ทริกเกอร์ อยู่ไหนวะ”

    “อ้าว พีท มีธุระอะไรเหรอ” ทริกเกอร์ร้องเรียกผู้มาเยือน “ในห้องบังคับการนี่ มาเลย”

    “ไม่มีอะไรหรอก จะมาชวนไปคาสิโนน่ะ ไปมั้ย” หัวขโมยหนุ่มเดินยิ้มกริ่มเข้ามา ไม่ใช่แค่พีทคนเดียว ซีเองก็มาด้วย ทั้งคู่ก้าวเข้ามาในห้องบังคับการอย่างเชี่ยวชาญทิศทาง แสดงให้เห็นว่าสองคนนี้มาดูยานบ่อยกว่าทริกเกอร์ซะอีก “ที่โรงแรมของคุณดันไบน์ มีบันนี่เกิร์ลคนใหม่เข้ามา สวยแจ่มไปเลยนะโว้ย ชั้นไปตอดๆไว้แล้ว”

    “ไม่ล่ะ วันนี้ว่าจะอยู่ศึกษาระบบเจ้าAIนี่ซะหน่อย” ทริกเกอร์เริ่มทำตัวสมกับที่เป็นกัปตันยานรบขึ้นมาทันที ทำเอาพีทแอบงอน บ่นอุบอิบว่าบันนี่เกิร์ล สวยแจ่ม “นี่ไง เซิร์น ทักทายซีกับพีทหน่อยสิ”

    “สวัสดีครับมิสเตอร์ซีและพีท เดอะ โลนลี่วูลฟ์” AIสุดเฉี่ยวของลมกรด2003ที่ลอยตัวอยู่กลางห้องบังคับการ ลอยลงมาใกล้คู่หูดูโอแห่งธรณีนี่นี้ใครครองอย่างไม่ทันให้ทั้งสองตั้งตัว “ยินดีต้อนรับสู่วังเคลื่อนที่ของกัปตันทริกเกอร์ ทิงครับ”

    “เฮ้ย ตัวบ้าอะไรวะนั่น” ซีอุทานเมื่อเห็นเซิร์นลอยลงมาพูดด้วย ชั่วชีวิตเขาเคยเจอมนุษย์ต่างดาวมามาก แต่ไม่เคยเห็นตัวอะไรหน้าตาแบบนี้เลย

    “รหัสผ่านถูกต้อง โปรดสั่งการ” เซิร์นตอบรับรหัสสั่งการทันที

    “รหัส.....รหัสอะไร” ซียังงงอยู่

    “ดูท่าเพื่อนนายจะเก็บของหรูมาได้ว่ะซี” พ่อค้าอิสระจากเอไนม์คอมเอ่ยทักทายเพื่อนมือปืนของเขา

    “พีนัท ยังอยู่ที่นี่อีกเหรอ นึกว่าแค่เอาของมาส่งแล้วจะกลับเลยซะอีก” ซีเป็นคนเรียกพีนัทมาเอง เพื่อนำชิ้นส่วนและวงจรสำคัญที่ขาดหายไปมาเป็นอะไหล่

    “พอดีต้องอยู่ดูว่าวงจรควบคุมอนุภาคกลาสชีฟที่ชั้นเอามาให้มันใช้ได้สมบูรณ์มั้ย นายก็รู้ว่าชั้นดูแลลูกค้าดีเสมอ” นั่นเป็นหนึ่งในข้อดีและจุดแข็งของพีนัท ซึ่งทำให้เขาทำธุรกิจได้ราบรื่นเสมอมา “เท่าที่เห็นก็เรียบร้อยดี ระบบAIไม่มีปัญหา ชั้นก็คงได้เวลากลับแล้วล่ะ”

    “จะรีบไปไหนล่ะพีนัทไม่สนใจไปดูบันนี่เกิร์ลคนใหม่กับชั้นหน่อยเหรอ” พร้อมคำพูด พีทตรงเข้าไปกอดคอพีนัทเอาไว้ “อย่างที่บอก สวยแจ่มเลยนะโว้ย”

    “ไม่ล่ะพีท ชั้นมีผู้หญิงที่ต้องดูแลรออยู่แล้ว” แม้จะมีรอยยิ้ม แต่ก็ดูไร้อารมณ์ พีนัทแกะแขนของพีทออกจากคอของเขาอย่างสุภาพก่อนจะโบกมือลา “ผู้หญิงที่ต้องใส่ใจน่ะ มีแค่คนเดียวก็พอแล้วนะพีท”

    “เฮ้ย พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงวะ นี่นายมีผู้หญิงกับเค้าด้วยเหรอ” แม้แต่มิสเตอร์ซียังแทบไม่เชื่อหู “ใครหลงผิดวะพีนัท”

    “สวยมั้ย” พีทถามสั้นๆ

    “ไอ้บ้า” พ่อค้าอิสระหัวเราะในลำคออย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป

    “โห ดูสิซี หน้าอย่างนั้นยังหาแฟนได้เลย ชั้นออกจะรูปหล่อแพรวพราวขนาดนี้ ทำไมไม่มีใครมาสนบ้างวะ” อันที่จริงถ้าตัดไอ้ประโยคหลงตัวเองหลังๆออกซักหน่อย ซีก็เห็นด้วยกับที่พีทพูดอยู่ สภาพของพีนัทไม่น่าจะมีผู้หญิงเผ่าพันธุ์ไหนมาสนได้เลย แม้จะปิดบังไว้ด้วยผิวหนังเทียม แต่ร่างกายของพีนัทแทบทั้งหมดเป็นจักรกล นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาไม่สามารถแสดงความรู้สึกออกมาได้อย่างชัดเจน “แต่ก็อย่างว่า คนอย่างชั้นคู่ควรกับระดับเจ้าหญิงเชื้อพระวงศ์เท่านั้น”

    “แกมันบ้าจริงๆด้วยพีท” ซีเปรยกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะหันไปหาทริกเกอร์กับมาเท็กซ์ “แล้วนี่ ทุกอย่างก็เรียบร้อยหมดแล้วสิ ยินดีด้วยนะทริกเกอร์ ได้เวลาออกยานซะที”

    “ยังว่ะ นี่ชั้นแค่ลองเทสต์ระบบAIเท่านั้น ยานลำนี้ยังไม่สมบูรณ์ ถึงจะเอาขึ้นบินได้ แต่ก็ทำได้แค่ลอยเท้งเต้งอย่างไม่มีจุดหมายเท่านั้นเอง เสารับสัญญาณสื่อสารยังไม่ได้ติดตั้งเลย ตอนนี้แค่จะใช้แฮนด์ลิงค์ในยานก็หมดสิทธิ์แล้ว” มาเท็กซ์เบรกอย่างไม่ใส่ใจหน้าตาของทริกเกอร์ที่กำลังลิงโลด “ยังเหลืออะไรที่ต้องทำอีกเยอะเลย และถ้าพวกนายจะไม่ว่าอะไร ก็ไสหัวออกไปได้แล้ว ชั้นจะทำงาน”

    “โห นึกจะเรียกก็เรียก นึกจะไล่ก็ไล่นะ” ทริกเกอร์อยากจะพูด แต่ก็ทำได้แค่คิดในใจ ด้วยกลัวมาเท็กซ์จะโกรธ

    “แล้วก็แก ทริกเกอร์ ทิ้งคีย์การ์ดไว้นี่แหละ ชั้นต้องใช้ทำงาน” วิศวกรอัจฉริยะออกคำสั่งฉอดๆ “ส่วนแก AI ถ้าไม่มีความจำเป็นอะไรก็ช่วยปิดตัวลงไปก่อน ลอยไปลอยมาอยู่อย่างนี้ มันเกะกะชั้น”

    “คุณมาเท็กซ์เป็นอัจฉริยะผู้แสนจะปราดเปรื่องอยู่แล้ว ถึงแม้กระผมจะคงสภาพตัวตนเอาไว้อย่างนี้ ก็คงไม่สามารถระคายเคืองสายตาอันเฉียบแหลมของคุณยามที่จดจ่ออยู่กับงานตรงหน้าได้หรอกครับ” เซิร์นตอบอย่างฉะฉาน ทั้งยังปากหวานจนพีทแทบขำพุ่ง “ฉะนั้นจึงไม่มีเหตุจำเป็นอันใดเลยที่กระผมจะต้องปิดตัวลง เองจากกระผมจะคงสภาพอยู่หรือไม่ก็ไม่ต่างกัน”

    “เอ่อ งั้นก็ได้” ไม่น่าเชื่อ มาเท็กซ์ดันบ้ายอซะด้วย เขากลับรามือไปจากเซิร์นอย่างง่ายดาย ถ้าทริกเกอร์ไม่ได้ตาฝาด เขาสังเกตเห็นรอยยิ้มภูมิใจจางๆอยู่บนใบหน้าของวิศวกรเถื่อนแว่บนึง “อย่าเกะกะแล้วกัน”

    “โอ้โห AIยานนี้มันแจ่มแจ๋วจริงว่ะ เล่นเอามาเท็กซ์เงียบไปเลย” แม้แต่พีทยังอดออกปากชมไม่ได้ ซึ่งทริกเกอร์ก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างไม่กังขา

    “แย่แล้วครับกัปตัน!!!! มียานไม่ทราบสังกัดกำลังมุ่งตรงมาทางอู่ซ่อมครับ” ก่อนที่ใครจะทันได้ชื่นชมเจ้าAIนานนัก ลูกเรือคนหนึ่งซึ่งเฝ้ายามอยู่ด้านนอกวิ่งตรงมารายงานอย่างตื่นตระหนก

    “ยาน...แถวนี้ก็มียานผ่านมาบ่อยๆนี่” ทริกเกอร์พูดอย่างไม่ใส่ใจ สายตายังจับอยู่ที่เซิร์นนิ่ง

    “พีนัทลืมของเลยกลับมาเอารึเปล่า” มิสเตอร์ซีเดาสุ่ม

    “แต่ยานที่ว่ามุ่งตรงมาทางนี้ และกำลังหันปากกระบอกปืนมาด้วยครับ” ลูกเรือละล่ำละลัก

    “หา!!!!” ทริกเกอร์ร้อง แต่ยังไม่ทันได้หา เสียงระเบิดก็ดังกึกก้องกัมปนาท เล่นเอาพื้นเอียงวูบ ทุกคนล้มลงระเนระนาดไปตามๆกัน

    พีท ทริกเกอร์และซีรีบวิ่งออกไปดูข้างนอกตามลำดับ ภาพที่รออยู่ด้านนอกคือลานจอดเครื่องบินที่มีร่องรอยของการโจมตีเมื่อครู่ ยานแมนสรวงของซีถูกแรงระเบิดอัดจนหลุดออกจากลานตกลงไปข้างทาง เบื้องบนมียานจู่โจมเร็วขนาดเล็กบินวนอยู่ มันเป็นยานที่ประดับรูปหัวใจเต็มทั้งลำ ปีกตัดรูปตัววีแบบควิกสปีด เครื่องเจ็ทสิบสอง ตัว และที่เหนือสิ่งอื่นใด คือเพลงดิสโก้ที่ดังกระหึ่มทั่วทั้งน่านฟ้า และดังแทรกเข้ามาในอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิด

    “นั่นมัน เลิฟโพชั่นนัมเบอร์ไนน์” ซีร้องออกมา เหงื่อกาฬเม็ดใหญ่ผุดขึ้นบนหน้าผาก “บ้าเอ๊ย ไอ้หมอนั่นมาอยู่ที่นี่ได้ไงวะ”

    “ใครเหรอ มันเป็นใคร” ทริกเกอร์ตะโกนถามแข่งกับเสียงเพลงดิสโก้

    “เดอะ ข่าน ดิสโก้คิลเลอร์ นักล่าเงินรางวัลระดับเอส หมอนี่เป็นตัวอันตรายเลยล่ะ” พีทตอบ เขาไม่เคยเจอกับเดอะข่าน และไม่มีใครอยากเจอมือปืนผู้หลงรักในเสียงเพลงคนนี้ ไม่ว่าใครก็ตามที่ทำงานในวงการผิดกฎหมาย ย่อมต้องเคยได้ยินชื่อของเดอะข่านมาบ้างไม่มากก็น้อย เขาเป็นนักฆ่าไร้หัวใจผู้ยิงได้แม้แต่เด็ก สตรี และคนชรามีครรภ์ มัจจุราชร้ายผู้มีถิ่นกำเนิดมาจากดาวเกมอันพิลึกพิลั่น “แล้วไอ้พีนัทมันไปไหนแล้ว หายไปเร็วจริงๆ”

    ไม่ทันขาดคำ ยานเลิฟโพชั่นนัมเบอร์ไนน์ก็ลอยตัวนิ่งเหนือน่านฟ้า ก่อนจะส่องแสงสปอตไลท์ลงมายังลานเบื้องล่าง พร้อมกับเสียงเพลงดังกระหึ่มขึ้นกว่าเดิม เคบินตรงห้องคนขับของยานเปิดออกช้าๆ ชายหนุ่มในชุดรัดรูปสีขาวสุดเปรี้ยว แว่นกันแดดสีดำกลมกับผมทรงแอฟโรและเคราแพะอันโดดเด่นยืนตระหง่านด้วยท่าโพสสุดเชย ก่อนจะกระโดดม้วนตัวลงมาบนพื้นด้วยท่าโพสที่เชยหนักกว่าเก่าอีก มือข้างหนึ่งชี้ไปบนฟ้า อีกข้างเท้าเอว แสงสปอตไลท์จับมาที่เขาเป็นทางเดียว

    เดอะข่านโพสค้างประมาณห้าวินาที รอจนเพลงเฟดลงไป จึงได้ออกจากท่าโพส ข่านสั่งการด้วยเครื่องมือสื่อสารบนข้อมือขวาให้ยานปิดเพลงลง ก่อนจะหันมาพูดกับพวกทริกเกอร์

    “พีท อยู่ตรงนั้นด้วยรึเปล่า” เดอะข่านพูดเรียบๆ

    “ชั้นเอง มีอะไร” พีทก้าวออกไปข้างหน้าก้าวนึง ซีรั้งไว้ไม่ทัน โง่จริงๆ ไปบอกมันทำไม

    “มีคนจ้างชั้นมาเก็บแก เพราะแกดันไปแกะรอยคลื่นของฐานทัพเคลื่อนที่สยมภูได้ ชั้นได้รับคำสั่งมาให้เก็บแกและคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด” ข่านพูดพร้อมกับเหวี่ยงช็อตกันเลเซอร์ลำกล้องแฝดที่เหน็บไว้กลางหลังออกมาเล็งไปข้างหน้าด้วยมือเดียว อีกมือชี้ฟ้าเหมือนเดิม “Music Start!!!”

    สิ้นคำของข่าน เพลงดิสโก้ก็ดังกระหึ่มขึ้นอีก พร้อมๆกับกระสุนสองนัดแรกที่พุ่งเฉียดหัวพีทไปหน่อยเดียว จริงๆมันคงโดนไปแล้วถ้าพีทไม่เผลอตกใจก้าวถอยหลังแล้วเหยียบพลาดตกบันไดไปซะก่อน ซีรีบดึงพีทหลบออกมาจากพิสัยช็อตกันเลเซอร์ของข่าน กระสุนพลังงานพุ่งเข้าปะทะขอบทางเข้ายานระเบิดเป็นรูโหว่

    “ปัญหาของนายอีกแล้วว่ะ” ทริกเกอร์กระซิบกับพีทขณะพยายามช่วยดึงตัวหัวขโมยหนุ่มให้รีบลุกขึ้น เดอะข่านซึ่งไม่เคยปล่อยโอกาสไปเฉยๆ สับไกยิงอย่างต่อเนื่อง โดยมีทริกเกอร์อยู่ในวิถีกระสุนด้วย “อ้าว เอาแล้วไง”

    กระสุนเลเซอร์อีกนัดพุ่งเข้าปะทะกับกระสุนของเดอะข่านจนระเบิดกลางอากาศ เป็นซีนั่นเอง ความแม่นยำในระดับที่สามารถยิงกระสุนกลางอากาศนั้น หากได้อายส์สโคปชั้นดีคอยช่วยเหลือก็ไม่นับว่ายากเกินไปนัก แต่ความเร็วในการชักปืนออกมาของซีต่างหากที่น่ากลัว

    “หมอนั่นเป็นนักฆ่ามืออาชีพ ลำพังเราสู้มันไม่ได้หรอก เรียกพวกลูกเรือของนายมาช่วยดีกว่า” มิสเตอร์ซีกล่าวพลางก้มหลบกระสุนอีกนัดที่พุ่งเข้ามา คราวนี้กระชั้นชิดเกินกว่าจะสกัดไว้ได้อีก

    “ทำไมต้องเรียกคนของชั้นออกมาวะ อ้อ นี่ตกลงเป็นปัญหาของชั้นไปด้วยแล้วสิเนี่ย” ดูเหมือนกัปตันหนุ่มจะทำท่าอิดอออด แต่เมื่อนึกถึงน้ำใจที่ซีมีให้มาตลอด และเศษๆความเป็นเพื่อนที่พีทพอจะหยิบยื่นให้บ้าง เขาก็ใจอ่อน “เออ โอเค เอางั้นก็ได้”

    ทว่ายังไม่ทันที่ทริกเกอร์จะทันได้หันไปสั่งคนของเขาให้ไประดมพลจากในหอบังคับการออกมาช่วย ยานรบระดับคอร์เว็ตคลาส ซึ่งเป็นยานลาดตระเวณหนักสองลำก็ทะยานฝ่าอวกาศมาทางสถานีซ่อมบำรุงของมาเท็กซ์เสียก่อน ยานรบที่ติดตราของกองทัพทำเอาทริกเกอร์ขนลุกที่ท้ายทอยทันที

    “พวกกองลาดตระเวน กองใหญ่ซะด้วย ซวยจริงๆ” มิสเตอร์ซีแหงนหน้ามองยานรบสองลำที่เพิ่งมาถึง เดอะข่านเองก็เช่นกัน มันคงตามเดอะข่านมา

    “พวกคุณทุกคน กรุณาอย่าขยับ เราได้รับรายงานมาว่ามีนักโทษทหารหลบหนีอยู่แถวนี้ ขอให้พกคุณโปรดจงให้ความร่วมมือแก่พวกเราแต่โดยดี” เสียงประกาศดังกึกก้องจากในยานนั้น “เรามาอย่างสันติ”

    “คราวนี้ปัญหาแกแล้วว่ะทริกเกอร์” พีทย้อนคืนบ้าง พลางใช้ศอกกระทุ้งอดีตกัปตันเบาๆ

    “เค้ามาอย่างสันติแน่ะ พวกกองทัพคงยันเดอะข่านได้แน่ รีบออกไปให้พวกกองทัพช่วยเร็วครับ” วิศวกรลูกมือประจำสถานีซ่อมบำรุงของมาเท็กซ์คนหนึ่งไม่ฟังเสียงทริกเกอร์ ก่อนจะวิ่งทะเล่อทะล่าออกไปทันที ในมือของเขาปราศจากอาวุธ มีเพียงเสื้อคลุมสีเขียวแก่มอซฮที่ถูกกำแน่นเอาไว้ในมือซ้ายเท่านั้น “ผมอยู่ทางนี้ อย่ายิง ผมยอมแล้ว”

    สิ้นคำนั้น กระสุนแสงเลเซอร์จากปืนเลเซอร์ของยานลาดตระเวนหนักก็เจาะเข้าไปในร่างของช่างผู้เคราะห์ร้ายกว่าสิบนัด ร่างนั้นชักกระตุกเพียงเสี้ยววินาที โดยไม่มีเสียงร้องใดๆทั้งสิ้น ก่อนจะล้มลงแน่นิ่งตลอดกาล

    “เรามาอย่างสันติ” เสียงประกาศผ่านลำโพงยังคงดำเนินต่อไป ด้วยน้ำเสียงที่สงบราบเรียบ ร่างที่ถูกยิงยังคงนอนอยู่ที่เดิม “โปรดวางอาวุธ”

    “สันติห่าอะไรวะ” พีทคำรามในลำคอ ก่อนจะหันไปหาเพื่อนสนิท “ซี เอายังไง อยู่นี่ต่อไปไม่เวิร์คแล้ว”

    แม้จะมีสีหน้าลำบากใจ แต่ซีเองก็ยอมรับในข้อนั้น มาเท็กซ์ต้องมีปัญหาแน่

    “ทริกเกอร์ไม่ไหวแล้ว เอาเครื่องออกเถอะ” มิสเตอร์ซีหันกลับไปตะโกนแข่งกับเสียงลำโพง ลำพังเดอะข่านก็แย่แล้ว นี่ยังมีคนของกองทัพมาอีก พวกเขามาเพื่อจับทริกเกอร์ และที่แน่ๆ หากกองทัพเจอทริกเกอร์ การเดินทางของพวกเขาก็คงจบลงแค่นี้

    “แต่ว่า...” อดีตกัปตันพยายามนึกคำจะแย้ง แต่ก็นึกไม่ออก

    “ไม่มีแต่โว้ย หนีซะตอนที่เรายังหนีได้ดีกว่านะ” ซีก้าวฉับๆไปที่กลไกประตูสะพานเดินเรือ ในขณะที่เดอะข่านเริ่มสาดกระสุนอีกครั้ง “อ้าว เฮ้ย อะไรวะ”

    ก่อนที่ซีจะทันได้โยกสวิตช์ปิดสะพานเดินเรือ ทริกเกอร์ก็พุ่งทะยานออกไปข้างนอกแล้ว ด้วยเท้าเปล่าทั้งสองในรองเท้าบูททหารที่ย่ำฝ่าสมรภูมิมามากมาย เดอะข่านกำลังใช้ปืนและยานของเขาจู่โจมตอบโต้ยานคอร์เว็ททั้งสองลำ ในขณะที่ทริกเกอร์วิ่งแยกไปอีกทาง

    “เป็นมือปืนที่เอิกเกริกดีจริงๆ ทริกเกอร์ จะไปไหน ขึ้นยานเร็ว เราต้องหนีแล้ว” ซีร้องตะโกน แต่ทริกเกอร์ยังคงวิ่งไปข้างหน้าต่อ

    “ชั้นต้องไปเอาสัมภาระที่ห้องพักข้างๆ” ทริกเกอร์พูด เขาทิ้งสัมภาระไม่ได้ เขาทิ้งอย่างอื่นได้ในยามจำเป็น ยกเว้นเพียงแต่เสื้อคลุมราชการเพียงตัวเดียวที่เขามีอยู่ตอนนี้ เสื้อคลุมที่เขาใส่เป็นประจำ สัญลักษณ์ของผู้บังคับบัญชายานรบ

    “เร็วเข้าทริกเกอร์ ระวังกระสุนด้วย ช็อตกันยิงเป็นกระสุนแฝด พลังทำลายสูงมาก” ซีร้องเตือน ก่อนจะก้มหลบกระสุนแฝดที่พุ่งเข้าเผาคานเหล็กเหนือศรีษะเขาไปนิดเดียว

    เดอะข่านหมุนตัวสับไกยิงไปเรื่อยๆโดยแทบจะไม่เล็งด้วยท่วงท่าลีลาที่เหมือนการเต้นดิสโก้ ที่น่าทึ่งคือเขาสามารถควงปืนช็อตกันเลเซอร์ที่หนักและแรงถีบสูงมากด้วยมือข้างเดียว ทริกเกอร์รีบหิ้วสัมภาระวิ่งหลบกระสุนมา โดยมีพวกลูกเรือยิงคุ้มกันให้ แต่ด้วยลีลาของเดอะข่าน ทำให้ไม่มีใครยิงโดนนักฆ่าชั้นพระกาฬคนนี้ได้เลย อย่างน้อยนั่นก็สามารถสกัดไม่ให้เดอะข่านเข้ามาใกล้ยานได้มากเกินไปนัก

    “เร็วทริกเกอร์ เร็ว!!!” พีทตะโกนเชียร์เหมือนดูกีฬาวิ่งแข่งโอลิมปิกอวกาศ พออยู่ในที่ปลอดภัยแล้วก็ปากเก่งขึ้นมาทันที “ไอ้ข่านน่ะไม่เท่าไหร่หรอก หันไปชกหน้ามันเลย”

    “เกิดอะไรขึ้นวะ เสียงดังเป็นบ้า” มาเท็กซ์ได้ยินเสียงการต่อสู้ เลยเดินออกมาดู “เฮ้ย อะไรวะเนี่ย”

    “เข้าไปข้างในเร็วมาเท็กซ์ บอกลูกเรือเอายานขึ้นเลย” ซีพูดก่อนจะหันไปยิงสกัดบ้าง แต่ปืนเลเซอร์ขนาดเล็กของซีอานุภาพเมื่อเทียบกับช็อตกันแล้ว ก็เหมือนเอาลูกหมาไปกัดกับแรด ขณะเดียวกันพีทก็วิ่งเข้าไปบอกพวกลูกเรือให้นำยานออกแล้ว เรื่องหนีล่ะไวนัก

    “เฮ้ย แต่ชั้นไม่ไปด้วยนะ แล้วนั่นมันใครวะ มาทำอะไรกับอู่ซ่อมบำรุงของชั้น” มาเท็กซ์เริ่มหน้าเสีย เดอะข่านกำลังฝ่าแนวกระสุนเข้ามาเรื่อยๆ แค่เพียงนักฆ่าคนเดียว ลูกเรือมากมายกลับทำอะไรไม่ได้เลย แต่ก็อย่างว่า พวกเขาไม่ใช่ทหารราบหรือนาวิกโยธินที่ชำนาญการจับปืน คนพวกนี้ล้วนเป็นนักบินทั้งนั้น

    “หลบๆๆๆๆๆ หลบไป!!!!” ทริกเกอร์วิ่งพรวดเข้ามาในยานชนมาเท็กซ์ล้มลงไปในเคบินยานด้วยกัน

    “ดีล่ะ ปิดประตูเลย เปิดเกราะด้วย” มิสเตอร์ซีร้องสั่ง

    “แต่ยานยังซ่อมไม่เสร็จสมบูรณ์เลยนะโว้ย แล้วจะพาชั้นไปไหนวะ ปล่อยชั้นลงนะ” มาเท็กซ์ลุกขึ้นนั่งพลางโวยวายไม่ยอมหยุด “นี่มันจากที่ตกลงกันไว้นี่ หยุดเดี๋ยวนี้นะ”

    “จะบ้าเหรอ ลงไปก็ตายนะ หุบปากซะ” มิสเตอร์ซีตะคอก มือซ้ายกุมปืนคู่ชีพไว้แน่น เขารู้ดีว่าแม้แต่เขาเองก็ยังยากที่จะงัดกับเดอะข่าน ชื่อเสียงของดิสโก้คิลเลอร์นั้นโด่งดังมาก แถมปืนของเขาในตอนนี้ก็ด้อยคุณภาพกว่ามาก จะอาศัยจังหวะเล็งเก็บเดอะข่าน ฝ่ายนั้นก็เก๋าเกมกว่าเขามาก จึงจำต้องถอยทั้งที่จำนวนคนมากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองก็เป็นมือปืนชั้นเอก ไม่ยอมถอยโดยไม่ทิ้งอะไรไว้เลยหรอก มิสเตอร์ซีเล็งกระสุนนัดหนึ่งแล้วส่งออกไปอย่างแม่นยำ หลังจากเลิกยามาได้ เขาแม่นขึ้นกว่าเดิมเยอะมากทีเดียว เดอะข่านไม่ทันรู้ตัว เลเซอร์นัดนั้นพุ่งเลยไหล่เขาไปเหมือนกระสุนที่พลาดเป้าธรรมดาๆ แต่ซียิ้มอย่างพอใจ เขาทำสำเร็จ

    เสียงคำรามอย่างน่ากลัวของเครื่องยนต์ที่ไม่ได้ใช้งานมาแสนนานทำเอาพวกซีหวั่นใจไม่น้อยว่าลมกรด2003จะระเบิด แต่ถึงกระนั้นยานลมกรด2003ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากอู่ของมาเท็กซ์อย่างช้าๆ พร้อมๆกับประตูใหญ่ของยานที่ค่อยๆเคลื่อนปิดขึ้นมา กระสุนเลเซอร์แฝดพุ่งเฉียดไปเฉียดมาอย่างน่าหวาดเสียว โดยมีซีกำลังยิงสกัดอย่างเอาเป็นเอาตาย ในที่สุด แม้จะยังไม่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์นัก และยังไม่เกราะด้านนอกบางส่วนที่ยังไม่ได้เชื่อมต่อให้เรียบร้อย ยานลมกรด2003ก็สามารถทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าได้สำเร็จราวกับปาฏิหาริย์

    “เจอกันชาติหน้านะ เดอะข่าน” ซีเอานิ้วแตะหน้าผากราวกับจะบอกลา ก่อนที่ชัตเตอร์ประตูจะปิดสนิท ทิ้งให้เดอะข่านมองตามอย่างเคืองแค้นอยู่เบื้องล่าง

    “คิดว่าจะหนีรอดเหรอ” เดอะข่านไม่ยอมแพ้ รีบวิ่งไปที่ยานของตัวเองที่ลอยตัวอยู่ เขาสั่งการให้ยานเลื่อนลงมารับเขา แต่ทันทีที่เขาขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งคนขับ เลิฟโพชั่นนัมเบอร์ไนน์ก็ไฟดับพรึ่บ เสียสภาพต้านแรงโน้มถ่วง และหล่นลงกระแทกพื้นทันที เดชะบุญที่ตอนนั้นยานลอยตัวห่างจากพื้นเพียงไม่เท่าไหร่ จึงไม่เสียหายอะไรนัก

    “อะไรกัน” เดอะข่านตบคอนโซลอย่างหัวเสีย ก่อนจะเปิดมอนิเตอร์ตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับยาน

    รอยกระสุนนัดหนึ่ง เพียงนัดเดียว พุ่งผ่านห้องเครื่องของยานเลิฟโพชั่น ทะลวงเครื่องยนต์หลักจนเสียหายยับเยิน ด้วยกระสุนเพียงนัดดียวอันแสนแม่นยำ กระสุนนัดที่ซีตั้งใจเล็งผ่านไหล่เดอะข่านไปนั่นเอง

    “เยี่ยมมากมิสเตอร์ซี” เดอะข่านคำราม “เราต้องได้เจอกันอีกแน่”

    สายตาคมกริบเบื้องหลังแว่นกันแดดมองตามยานรบหุ้มเกราะที่ค่อยๆทะยานห่างจากเขาไปในอวกาศอย่างอาฆาต แต่ตอนนี้เขาต้องคิดก่อนแล้วว่าจะเอาตัวรอดจากกองลาดตระเวนของกองทัพยังไงดี และชาวลมกรด2003ก็ได้เริ่มเปิดฉากการผจญภัยอันยิ่งใหญ่ของพวกเขาอย่างทุลักทุเล ณ เวลานี้เอง



    Character
    กัปตันทรอปปิคอล -- คุณทรอปปิคอล
    เซิร์น -- คุณเซิร์น
    มาเท็กซ์ ฟลิตซ์ -- คุณมาเท็กซ์
    เดอะข่าน ดิสโก้คิลเลอร์ -- คุณพี่ข่านนนนนนนน!!!!!

    Free Talk
    หายหน้าไปพักนึง เนื่องจากช่วงปีใหม่ ผมชอบครับ ปีใหม่เนี่ย น่ารักและนมใหญ่ สำหรับAF Warsตอนนี้ก็เป็นตอนที่สามแล้ว มีตัวละครลัดคิวออกมาด้วย นั่นคือกัปตันทรอปปิคอล ซึ่งจริงๆต้องเปิดตัวในตอนหน้า พอดีรัศมีนางเอกมาแรง เลยได้เลื่อนมาออกตอนนี้เลย รูปเปิดตอนของตอนนี้ก็โชว์เดอะข่านไปเต็มๆ ส่วนรูปคาแร็คเตอร์แต่ละตัวนั้น อืม ก็เร็วๆนี้มั้งครับ ฮ่าๆ หมดช่วงหยุดยาวแล้ว งานตูมเลย แล้วผมก็ใกล้จะบวชแล้ว แ่ยังไงก็จะพยายามลงอย่างสม่ำเสมอไปจนจบให้ได้ครับ ขอบคุณที่ตามอ่านครับ :D
  24. repeat

    repeat Member

    EXP:
    112
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: อภิมหากาพย์สงครามอวกาศ All Final Wars

    Sumiyo -- น่าจะเกิน10000ตัวอักษรครับ แต่บอร์ดใหม่รู้สึกจะไม่จำกัดจำนวนอักษรนะ
    จิน -- ไม่ได้โผล่มาแทน ดิสโก้คิลเลอร์ออกมาตอนนี้ไง แต่ว่าอันนั้นเป็นบทใหม่ที่เพิ่มเข้ามา จะได้ออกเร็วขึ้นไงจิน ฮ่าๆ
    Nishi -- เซฟไปแล้วอ่านด้วยนะครับ อิอิ :p
    Yoshiki -- น่าจะอีกพักใหญ่ครับกว่าจะได้ออก คือพี่รีไรท์ไปลงไป ถ้าลงครบ33ตอน ถึงจะจบเล่มหนึ่ง เอาไปพิมพ์ได้ ยาวเลย

    ตอนนี้มีภาพพิเศษ อยากจะโชว์ครับ ฮ่าๆ เป็นตัวละครตัวหนึ่งที่กว่าจะได้ออกก็อีกพักใหญ่ แต่ทนเสียงเรียกร้องของแฟนๆไม่ไหว จึงต้องนำมาลงให้หายคิดถึงก่อน

    [​IMG]

    ความจริงภาพนี้จะเป็นภาพเปิดตอนของChapter 10 ซึ่งมีชื่อว่า Sassy Girl แต่นำมาปล่อยก่อน
    ใช่แล้วครับสาวมีก้านในภาพคือคุณหนูอัจฉริยะ อาริมิ ตัวละครหญิงที่ท็อปโหวตที่สุดในเรื่องนั่นเอง เวลาผ่านไปหลายปี ดูโตขึ้นและผมยาวขึ้น
    แต่ยังแสบสนิทเหมือนเดิม อีกแค่เจ็ดตอนคุณเธอก็จะได้ออกมาให้หายคิดถึงกันแล้ว
    แล้วพบกันในตอนที่สี่ เร็วๆนี้แน่นอนครับ :)
  25. freecss

    freecss Member

    EXP:
    145
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: อภิมหากาพย์สงครามอวกาศ All Final Wars

    กร๊าก รูปใหม่รึ
    *ผมว่าผมชอบชุดที่เป็นคล้ายๆชุดหน้าหนาวที่สุดแฮะ และชุดคนอื่นที่ลงด้วยกันตอนนั้นด้วย~

Share This Page