. เนื้อเรื่อง ในอนาคตอันใกล้ มีผู้คิดค้นวิธีรักษามะเร็งโดยใช้เชื้อไวรัสที่ผ่านการตัดต่อทางพันธุกรรมให้ปลอดภัย (ทุกที) การทดสอบในกลุ่มตัวอย่างจำนวนมากให้ผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ ไม่มีใครที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งอีกแล้ว ผู้คนต่างแห่กันไปรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีนี้อย่างมืดฟ้ามัวดินเหมือนคนที่นกเขาไม่ขันแห่กันไปซื้อยาไวอะกร้า แต่คล้อยหลังไปไม่กี่ปี ผู้คนที่รักษามะเร็งด้วยวิธีนี้ มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป คลุ้มคลั่งคล้ายโรคพิษสุนัขบ้า กลายเป็นตัวพาหะแพร่เชื้อไวรัสซึ่งติดต่อได้ทั้งจากการถูกกัดแบบหนังซอมบี้ทั่วไปและแพร่เชื้อไปทางอากาศ มนุษย์โลก 90 เปอร์เซ็นต์เสียชีวิต ที่รอดก็กลายพันธุ์เป็น Dark Seeker คล้ายซอมบี้ที่ออกหากินยามค่ำคืน เหลือมนุษย์ปรกติที่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันไวรัสตามธรรมชาติรอดชีวิตหยิบมือเดียวในสถานการณ์สุดแสนลำบาก ตัวเอกซึ่งเป็นนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของกองทัพ จะสามารถกอบกู้เผ่าพันธุ์ของตนไว้ก่อนจะสูญพันธุ์ได้หรือไม่ . ข้อดี - นำเสนอภาพของผู้ที่ต้องเอาชีวิตรอดอยู่โดดเดี่ยว (กับเพื่อนคู่หูอีกหนึ่งตัว) ภายใต้ความกดดันได้เป็นอย่างดี - ลำดับการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ การทำภาพฉากเกาะแมนฮัตตันที่ปรกติพลุกพล่านตลอด 24 ชั่วโมงให้ดูรกร้าง - การดำเนินเรื่องค่อนข้างจริงจัง มีหลายฉากทำให้สะเทือนใจหรือหยุดชะงักเพื่อคิดอะไรบางอย่างเหมือนกัน . ข้อเสีย - พล็อตธรรมดามากเกินไป ไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่นกว่าหนังบางเรื่องที่พึ่งเข้าโรง บางอย่างอ่อนด้อยกว่าด้วยซ้ำ - ตอนต้นเรื่องดูอืดๆ ไปบ้าง แต่ตรงกันข้าม พอถึงฉากสำคัญช่วงปลายเรื่อง กลับวิ่งไปถึงตอนจบอย่างรวดเร็ว - อารมณ์หนังที่ออกมาตอนท้ายของแต่ละช่วงเหตุการณ์ ดูเหมือนจะไปไม่สุดสักทาง ทั้งที่เกริ่นนำมาได้ดีมาก . สรุป เหมือนเอาหนังซอมบี้เก่าๆ มาผสมรวมกับหนังแนว Survival และ Drama เรื่องอื่นก่อนจะห่อให้มันสวยๆ เหมาะสำหรับท่านที่ไม่ค่อยมีเวลาดูหนังทำนองนี้(?)สักเท่าไร และ/หรือว่าเป็นแฟนคลับของ วิล สมิธเท่านั้น เพราะถึงแม้ของในกล่องจะเป็นของดีมีคุณภาพแต่บรรจุภัณฑ์ภายนอกทำให้คนคาดหวังอะไรที่เจ๋งมากกว่านี้ แต่ถ้าใครสนใจหนังแนวซอมบี้เน้น Drama หรือไม่อยากนั่งอกสั่นขวัญแขวนมากนักล่ะก็ เรื่องนี้ เหมาะครับ . .
เรื่องนี้ผมชอบครับ ผมให้คะแนนค่อนข้างสูงเลยเชียวล่ะ(อย่างที่รีวิวไป) เพราะผมเป็นประเภทไม่ชอบหนังแนวยิงซอมบี้เปรี้ยงๆเท่าไรนัก^ ^!!!พอมันเป็นดราม่าเลยโดนใจเป๊ะๆ โดยส่วนตัวจุดเด่นเรื่องนี้ต้องให้เครดิต วิล สมิธเลยนะผมว่า เจ๋งดี ถ้าไม่มีเฮียเอาคนอื่นมาเล่น เรตติ้งอาจตกได้เลย (ปล. รักแซม~)
ผมชอบพล๊อตเรื่องนี้อ่ะครับ The Last Man On Earth Is Not Alone ยังไม่ได้ดูเลย ว่าจะไปดูเร็วๆนี้แหล่ะ ^^
อยากดูเรื่องนี้ตั้งแต่เห็นtrailerแล้วค่ะ เพราะว่าหมาน่ารักดี นิสัยคล้ายๆ หมาที่บ้านเลย เหอๆๆ ส่วนพวกมนุษย์กลายพันธุ์ก็ทำได้ดีนะคะ ดูว่องไว รวดเร็ว ไม่เหมือนซอมบี้ทั่วๆ ไป สรุปง่ายๆ ว่ามันทำออกมาแล้วไม่น่ากลัวนั่นแหละ เลยกล้าดู ถ้าแบบresiden evilนี่ไม่ไหว เละเกินไปจนแม้แต่เกมยังไม่กล้าเล่นเล้ย ส่วนมุกไวรัสนี่สงสัยจังว่าในเรื่องมันเอา T-VIRUS มาดัดแปลงรึเปล่านะ มนุษย์เลยกลายพันธุ์กันขนาดนี้ แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะเหลือมนุษย์เพียงหยิบมือนะคะ เพราะถึงจะแพร่เชื้อในอากาศได้เหมือนหวัด แต่มันก็ไม่น่าแพร่ข้ามทวีปนะ ในเรื่องบอกว่าคนติดเชื้อเป็นพาหะ ไม่ใช่นกนี่นา น่าจะประมาณ 28 weeks later มากกว่าถึงจะสมจริง
ส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้จุดเด่นคือการทำฉากเมืองร้างครับ เพราะในส่วนของเนื้อหาเล่นกับความรู้สึกของคนที่ดูแล้วคิดในมุมของพระเอกว่า ถ้าตัวเองต้องอยู่คนเดียว กับหมาที่รู้เรื่องแต่พูดไม่ได้ อะไรจะเกิดขึ้น แต่ข้อเสียคือ คนที่ไปดูด้วยกันไม่สามารถจินตนาการตามความรู้สึกที่ผู้กำกับอยากจะถ่ายทอดออกมาสู่ผู้ชมได้ครบเท่าไหร่นะครับ อย่างที่ข้างบนบอกไว้ล่ะครับ ไม่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ถึงที่สุด สิ่งที่ไปดูและจำได้ติดตา กลับกลายเป็นน้องหมาเพื่อนคู่หูของพระเอกที่โดดเด่นตั้งแต่ต้นจนจบแทนครับ ...
รู้สึึกว่าหมาจะตายด้วยนี่ เรื่องนี้ (ไม่ได้ไปดูหรอก การบ้านเยอะ ฝากพี่ไปดูแล้วสปอยล์เอา) หนังซอมบี้.... ไม่ชอบเลยอ่ะ พูดตามตรง สยอง