เก้าอี้ ดอกไม้ ผู้หญิง ความรัก คำสี่คำนี้ตามปกติไม่สามารถนำมาเชื่อมโยงกันได้ แต่ถ้าหากเราคิดและวิเคราะห์ดีๆ คำสี่คำนี้มีความเกี่ยวเนื่องกันโดยนัยประหวัด อันที่จริงนั้นเรื่องมันก็มีอยู่แค่ว่าผมเห็นเก้าอี้ที่โรงเรียนเห็นแล้วรู้สึกอนาจใจมันช่างเปราะบางไม่แข็งแรง ง่ายที่จะโค่นล้ม หากเป็นเมื่อก่อนนั้นผมคงไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้เท่าใดนัก แต่เมื่อผมได้ทำงานด้วยตัวเอง และเริ่มมีความรักต่อสิ่งของเครื่องใช้ของผมแล้ว มุมมองที่มีต่อ"เก้าอี้" นั้นก็เริ่มเปลี่ยนไป ทุกอย่างเริ่มต้นที่ตรงนี้ ตรงนี้ และจุดนี้ เก้าอี้ตัวนี้เป็นผลงานของผมและเพื่อนอีกสามคนที่ร่วมกันทำเมื่อตอนที่ผมอยู่ม. 3 (แต่กว่า 60%ก็เป็นฝีมือผม) มันเป็นงานงานที่ต้องส่งครูในวิชางานช่าง ทุกอย่างทุกขั้นตอนทำด้วยมือ ไม่ว่าจะเลื่อยไม้หน้าสามให้เหลือท่อน 12 นิ้วกับ 20นิ้ว หรือการตัดไม้แผ่นกระดาน จนกระทั่งการทำเดือย ตอกตะปูลงสี ทุกอย่างทำขึ้นด้วยมือ จากความอยากลอง อยากทำเปลี่ยนเป็นความรัก ความรักที่มีต่อผลงานต่อเก้าอี้ตัวนี้ ต่อมาเมื่อผมเริ่มมีความรู้สึกที่ดีต่อผู้หญิงในห้องคนหนึ่ง ความรู้สึกนั้นก็เหมือนกับความรู้สึกที่มีต่อเก้าอี้ตัวนี้ เป็นความรู้สึกอยากทะนุถนอมอยากดูแล อยากให้มันงดงามยิ่งขึ้น แต่นั่นเป็นเพียงความรู้สึกเมื่อแรกพบเจอไม่ใช่ความรู้สึกที่ยั่งยืน จนเมื่อผมได้เข้ามานั่งในห้องเรียนได้เข้าห้องน้ำในโรงเรียนและตามที่สาธารณะแห่งอื่นทำให้ผมได้พบเห็นและได้สังเกตข้อเท็จจริงอย่างหนึ่ง นั่นคือสิ่งรอบข้างที่สวยงามที่น่ารื่นรมย์ไม่ว่าจะเป็นทั้งเก้าอี้ ดอกไม้ แจกันล้วนแต่ได้รับความเสียหาย เป็นความงามที่มันไม่ได้เป็นตั้งแต่เดิม เก้าอี้ที่แสนจะใหม่เอี่ยมลงแลกเกอร์ ลงสีอย่างละเอียดแต่กลับมีข้อความรับปากฝากรัก บ้างก็มีข้อความเรียกหาบิดามาดาซึ่งกันและกัน บ้างก็มีข้อความทอดสัมพันธ์สืบสวาท นั้นสิ่งเหล่านี้คือความงามของมันแน่แล้วเหรอ และเพราะเหตุใดจึงมีข้อความเหล่านี้เกิดขึ้น แจกันที่ถูกปั้นได้ได้รูปทรง มีการลงลายสีที่อ่อนช้อยละเอียดอ่อน มีการวาดด้วยเส้นสายที่พริ้วพราย กับบิ่นเบี้ยว มีตระไคร้เกาะ บ้างก็เหม็นเน่าจนกลบกลิ่นหอมของดอกไม้สิ่งเหล่านี้ล้วนสืบเนื่องมาจากความงามเมื่อแรกเริ่มตั้งใจของผู้ทำได้ก่อเอาไว้ทั้งสิ้น ดอกไม้เองก็เช่นกัน เมื่อเรามองดอกไม้ทึ่เบ่งบานอยู่บนต้นของมันเราบอกว่ามันสวยน่าชื่นชม น่าสัมผัส แต่แล้วเมื่อเราเข้าไปหยิบจับมันมาแต่งช่อออกดอกเรากลับเห็นว่ามันไม่งดงามเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เหตุจึงเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น เช่นเดียวกันกับความรัก เมื่อแรกเริ่มสัมผัสความรู้สึกที่รับสุดแสนจะหอมหวาน แต่เมื่อนานวันเข้ากลับกลายเป็นว่า รักซึ้งถึงคราจืดจางคงเหลือแต่การหวนระลึก ปัญหาเหล่านี้หากนำมาทบทวนให้ดี ให้ละเอียดลึ้กซึ้งเราสามารถมองเห็นปัญหาได้โดยง่าย ที่แท้จริงเพียงเป็นความรู้สึกที่ไม่แน่นอนของบุคคล หากเราพบเห็นผู้หญิงสวยหรือน่ารัก ตามปกติเรามักจะอยากชิดใกล้ อยากทำความรู้จักอยากจ้องมอง อยากชืนชม หรือหากเกิดจิตปฏิพัทธ์ขึ้นรุนแรงก็ถึงขั้นอยากครอบครอง สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดา เช่นเดียวกันเมื่อเราพบดอกไม้งามเราก็อยากเข้าไปดม เข้าไปเด็ดเข้าไปเชยชม แต่เมื่อเราทำลงไปแล้วเรากลับพบว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นทำให้สูญเสียความงามเมื่อแรกเริ่มเดิมที่ของมัน เช่นเดียวกันกับแจกันและเก้าอี้ที่เป็นสิ่งของ เราพบเห็นแจกันที่สวยงามเราอยากเข้าไปลูบคลำอยากเข้าไปสัมผัส แต่เมื่อนานวันเข้าการสัมผัสยิ่งมากมีก่อให้เกิดเป็นคลาบสกปรกร่องรอยแห่งมลทิลไป สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติของคนทุกรูปทุกนาม แต่ถ้าหากว่าเราหันมองกลับแล้วนึกย้อยคิดถึงความรู้สึกเมื่อแรกสัมผัสแล้วทบทวนย้อยนึกกับสิ่งที่ทำลงไป แล้วพบเห็นว่าสิ่งที่เรียกว่าความรักคือการรักษาให้ดำรงคงอยู่ตลอดไปแล้วหละก็ นั่นแหละจึงถือเป็นความรักที่ยั่งยืนและแท้จริง สำหรับวันนี้ผมอยากให้ทุกคนย้อยนึกถึงความรู้สึก"เมื่อแรกเริ่มรัก"ให้ดี Do you remember love ?
อืมม.... ไม่เกี่ยวมั้ง.... ดอกไม้นี่ขอโนคอมเมนท์ ไม่ชอบดอกไม้เป็นการส่วนตัว .... ( เพราะมองว่ามันบอบบางเกินไป แป๊บๆเฉา แม้จะดูแลดีๆยังไงก็ตาม... อายุขัยมันสั้นไป =A=" ) ไม่เคยคิดว่าดอกไม้เหมาะกับการเอามาเปรียบกับความรัก แต่แจกันกับเก้าอี้นี่.... มันอยู่ที่ "ดูแลรักษา" ยังไง มากกว่านะ ^^" .... ถ้าชอบเก้าอี้/แจกันนั้นๆจริงๆ ... ใครจะเอาปากกาไปเขียนให้สกปรก หรือจับบ่อยๆจนดำแล้วไม่ล้างทำความสะอาด.... ถ้าไม่ดูแลรักษา มันย่อมเน่าไปตามยถากรรม แต่ถ้ารักษาให้ดี มันก็จะยังดูใหม่ งดงามอยู่เสมอ ความรักเองก็เช่นกัน ถ้าดูแลรักษาดีๆ ด้วยความเอาใจใส่ ไม่ปล่อยปละละเลย ไม่ประมาท มันก็น่าจะดูสดใหม่อยู่เสมอ เหมือนเมื่อแรกรัก แม้เวลาจะผ่านไปนานนะเจลว่า : ) ปล. คำสะกดแปลกๆเพียบเลยฮะ ^^" ตรวจทานอีกทีก็ดีเน้อ.... ( แต่รู้สึกว่าจะมีทั้งผิดเพราะพิมพ์พลาด...กับผิดเพราะไม่รู้นะ = ="""" คราบ งี้ มลทิน งี้.. )
เก้าอี้มีไว้ใช้นั่ง แจกันมีไว้ใส่น้ำ การอยู่ร่วมกับของพวกนี้ ย่อมหลีกเลี่ยงไม่พ้นความสกปรก ยิ่งผูกผันมากก็ยิ่งต้องสัมผัสมาก ยิ่งสัมผัสมากก็ยิ่งสกปรกมาก ประเด็นคือ ความสกปรกเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ และย่อมต้องเกิดขึ้นตามกาลเวลา หากไม่ต้องการให้มันสกปรกมากนัก ทางที่ดีที่สุดคือ...เก็บมันไว้เฉยๆ ประเด็นคือ...ต่อให้ของพวกนี้สกปรก เปรอะเปื้อนเพียงใด เก้าอี้ก็ยังมีไว้ใช้นั่ง และแจกันก็ยังคงมีไว้ใส่น้ำ จะเห็นว่าความสะอาดหรือสกปรกนั้น ไม่ได้ลดทอนคุณค่าของสองสิ่งนี้ลงเลยแม้แต่น้อย! ปล. ดอกไม้เป็นสัญลักษณ์แทนความรักได้ไม่ทั้งหมดหรอกครับ ผมให้มันแทนได้แค่ 1/3 ของความรักที่สมบูรณ์ตามหลักจิตวิทยา คือ passion เท่านั้น (ส่วน companionship และ commitment นั้น ไม่อยู่ใน "ความเป็นดอกไม้" เลยแม้แต่น้อยครับ )
โหข้อความโดนใจสุดๆ^^ มันทำให้สะท้อนเห็นตั้งหลายอย่าง ดอกไม้ตอนแรกสวยๆแต่พออยู่ไปนานๆมันก็เหี่ยวเฉาลง<<<ใช่เลย ปล.เก้าอี้สวยดี^^
reply ของปูทัน กับ เทราสเฟียร์ เอล เซราฟีเตอร์ แจ่มครับ : ) "มีไม่ใช้เหมือนไม่มี" เราทำเก้าอี้ไว้ ไม่มีใครมานั่ง พังไปตามกาลเวลา ดอกไม้เหี่ยวเฉาลงไปจากต้น โดยที่ไม่มีใครเห็น แจกันตั้งเฉยๆไม่มีอะไรใส่.... ของทุกอย่างมันพังตามกาลเวลาครับ อยู่ที่ว่าตอนสิ่งนั้นมาอยู่กับเรา เราทำให้มันพังช้าลงรึเปล่า? ราใช้มันคุ้มค่าอย่างที่ควรจะเป็นรึเปล่า
^ ^ ^ "ใครว่า...เก้าอี้ ดอกไม้ แจกัน ความรัก เหมือนกันตรงที่ ... กินไม่ได้ ต่างหากล่ะ" จะให้ผมตอบแบบนี้ใช่มั้ยครับลุง TTwTT~~ ผมไม่ใช่เครื่องจักรผลิตมุขรุ่น mass production นะคร้าบบบบ~~
เข้ามาตอบคำถาม ที่จริงผมแค่อยากเขียนอะไรที่มันออกแนวอนุรักษ์นิยมแต่ความจริงนั้นมันออกจะแหกตาประชาชนเพราะว่า Spoiler เนื้อหาที่เขียนมาทั้งหมดไม่ถือว่ามีความสำคัญมาก ประโยคสำคัญคือ Do you remember love? เพราะความตั้งใจจริงคือการโปรโมทmacross ภาคใหม่โดยการเล่นแง่ทางภาษาและจิตวิทยาอื่นๆ แท้ที่จริงไม่มีเจตนาเปรียบเทียบดอกไม้กับความรักหรืออื่นๆแต่อย่างใด แต่แค่อยากให้ทุกคนรักษาสมบัติของสาธารณะชนด้วยแค่นี้แหละครับ Spoiler [action]เผ่นสิ :bad: :bad: :bad: :bad:[/action]