[บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ ** อัพเดท ถึงภาค 8 **

กระทู้จากหมวด 'All Final Fantasy' โดย zieghart, 13 พฤศจิกายน 2007.

  1. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    ในที่สุดก็ได้อ่านต่อสักทีครับ สุดยอดเหมือนเคย :)
    เป็นกำลังใจให้ครับ

    ซึ้งมากครับ กินใจเหลือคณา

    [action]ใครสาวกไฟนอล 10 คุยกันหลังไมค์ได้จ้า[/action]
  2. wow

    wow Member

    EXP:
    161
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    มาแปะภาค 5 ให้ได้อ่านกัน :D

    อย่างเยี่ยมเลยครับ ผมขอเป็นกำลังใจให้ภาคต่อไปนะครับ
  3. shinya

    shinya Active Member

    EXP:
    625
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    ตามมาอ่านอีกภาค:D

    แอบคิดเหมือนกันว่าภาคนี้ดูจะไม่ค่อยดังเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับภาค4และภาค6ที่ขนาบอยู่ แต่ตัวเกมภาคนี้ก็มีเสน่ห์จริงๆ
    (ถึงเราจะไม่มีปัญญาเก็บเกี่ยวความลับในเกมก็เถอะ=w=")

    อ่านท่อนส่งท้ายแล้ว นึกถึงเรื่อง"ฮิคารุ โนะ โกะ"เลย
    หลายๆคนอาจบ่นว่ามันโดนตัดจบ...
    แต่ส่วนตัวเราคิดว่าเรื่องมันจบโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ตอนที่ซาอิมาส่งพัดให้ฮิคารุในฝันแล้วล่ะค่ะ
    ความฝันและความหวังที่อาจจะไม่สำเร็จในยุคของซาอิ ตัวซาอิเองได้ส่งไม้ต่อให้ฮิคารุ เด็กที่ไม่เคยสนใจกีฬาโกะเลยแม้แต่น้อยสำเร็จแล้ว
    (ส่วนภาคแข่งนานาชาติก็คล้ายๆภาคแถมให้เราได้เห็นชีวิตหลังจากนั้นของฮิคารุ ฮาๆ)

    ปล.เป็นแม่ยกให้เจ๊ฟาริสสาวเท่ค่ะ หุๆ=w=
  4. mogca

    mogca モーグリ:零式

    EXP:
    3,681
    ถูกใจที่ได้รับ:
    44
    คะแนน Trophy:
    98
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    ภาคนี้เป็นอีกภาคที่เล่นน้อยครั้งเพราะผม....ไม่ชอบระบบจ๊อบ!!

    แต่เนื้อเรื่องที่รู้สึกว่าซับซ้อนชวนติดตามอยู่แล้ว....มาอ่านของปัดแล้วยิ่งรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันช่างดีจริงๆเพิ่มขึ้นไปอีก

    ปล. ปกติเราจะเห็น anime Harem กัน ครั้งนี้จะเห็น rpg Harem ฮ่าๆ
  5. natchi

    natchi New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    กำลังเล่นภาคสี่อยู่พอดี (แต่เป็นGBAอ่ะนะ) อินกับเนื้อเรื่องมากมาย ยิ่งมาอ่านบทความของคุณ Ziegheart แล้วยิ่งอินมากขึ้นอีก ขอบคุณที่เขียนบทความดีๆ มาให้ได้อ่านกันค่ะ รอภาคต่อๆ ไปอย่างใจจดใจจ่อ
  6. boomkungzx

    boomkungzx New Member

    EXP:
    271
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    คราวนี้ก็ใกล้จะถึงมหากาพย์อมตะอย่างFF VII แล้วสินะ หุ หุ

    จะรออ่านต่อไปนะครับผม ^ ^
  7. khakhana

    khakhana New Member

    EXP:
    4
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    สุดยอดมากครับ...ผมคงต้องไปลองหามาเล่นตั้งแต่ภาคแรกแล้ว

    ได้เล่นจริงๆจังๆก็แค่ภาค 6 7 เท่านั้นเอง
  8. natchi

    natchi New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    เล่นภาคสี่กับ ภาคหนึ่งจบแล้ว สนุกมากมายถึงแม้จะเป็น GBA
    รอบทความภาคต่อๆไปค่ะ ^^ ยิ่งอ่านยิ่งอยากเล่นภาคอื่นๆ ที่เหลือ
  9. Cantona

    Cantona New Member

    EXP:
    7
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    ภาคนี้หล่ะ ภาคโปรดของผมเลย อ่านแล้วคิดถึงจังเลยครับ

    10 กว่าปีแล้วสิเนี่ย รออ่านต่อครับ
  10. Jobbeins

    Jobbeins New Member

    EXP:
    19
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    ชอบบทความสำหรับภาค IV มากๆเลยครับ

    เขียนได้ เสียดแทงอารมณ์มากเลย อ่านแล้วอยากเล่น T^T

    ผมชอบ เสน่ห์ของ Final Fantasy อย่างหนึ่งนะครับ ที่เนื้อหามักจะมีข้อคิดดีๆ ตลอดๆ แฝงปรัชญา เอาไว้
  11. kuraii

    kuraii Active Member

    EXP:
    569
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    รอบทความต่อไปค่า

    คัวเองรู้จักแค่ไฟนอลเจ็ด ถงไฟรอลสิบภาคสองเอง ส่วนใหณ่ทั้งเวลาและทรัพย์ไม่อำนวยนี่แหละ

    หลายๆอย่างในเกมมันน่าทึ่งมาก หลายส่วนมีทั้งที่มาที่ไป เพลงประกอบทีลุงโนบุโอะทำก็ยอดเยี่ยม จนรู้สึกว่า แกสามารถใส่ความแฟนตาซีลงเพลงได้ ไม่มีแกแล้วรู้สึกเหมือนไม่ใช่เพลงไฟนอลยังไงไม่รู้
  12. romcpe06

    romcpe06 Member

    EXP:
    210
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    รอบทความต่อไปของท่านซิกอยู่นะครับ

    รอนานแล้วด้วยน้า อิอิ

    ผมแซวเล่นนะครับไม่ได้เร่ง

    เพราะใจจดใจจ่ออยากอ่านภาคที่เรา "เคยเล่น เคยจบ"

    FF 1-5 นี่ผมไม่ได้เล่นเลย อาจจะเป็นเพราะผมเริ่มเล่นอย่างจริงจัง ที่ภาค FF7 พอตอนจะย้อนเล่นภาคเก่าๆ ก้อจบ FF9 ไปแล้ว ผมอาจจะทำใจไม่ได้กับความละเอียดน้อยของตัวเกมเก่าก็ได้ ก็เลยเล่นแค่ภาค 6 ภาดเดียว (ผมว่าภาค 6 สวยดีนะ ทำได้ดีมากสำหรับเครื่อง SFC )

    บทความ 5 ตอนแรกนั้นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ที่ทำให้ผมได้รู้จักกับ FF Original 1-5

    ตอนนี้ก็เลยรอบทความภาคที่เราเล่น จะได้รู้ว่า มีบางอย่างเราคิดถูก คิดผิด คิดเหมือน คิดต่าง จากความคิดของท่านซิกหรือเปล่า
  13. xylitol

    xylitol RPG Enthusiast

    EXP:
    122
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    ร่วมลงชื่อให้กำลังใจด้วยคน

    เรารอคุยอยู่ -0-
  14. cdaz

    cdaz นักเล่นแร่ แปรภาพ

    EXP:
    2,015
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    มานั่งรอภาค 6 ด้วยคน อิๆ
  15. namipanisa

    namipanisa New Member

    EXP:
    51
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    นานจังเลยน้า...ยังมะลงอีกเหรอค่ะ มานั่งรอดูทุกวันเลยค่ะ
    อยากให้ถึงภาคเจ็ดเร็วๆ *-*
  16. yoshiki

    yoshiki FATE

    EXP:
    862
    ถูกใจที่ได้รับ:
    17
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    รอภาค 7 อยู่เหมือนกันครับ อิอิ
  17. abolora

    abolora New Member

    EXP:
    392
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    ^
    ^
    เห็นด้วยอย่างยิ่ง We Want Final Fantasy VII
  18. zieghart

    zieghart New Member

    EXP:
    351
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    /me ขุดกระทู้

    ขาดช่วงไปครึ่งปี...ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่า ไม่ได้มาแปะบทความต่อในบอร์ด AF นี้เลย ขออภัยอย่างสุดซึ้งครับ T__T"

    ...จริงๆตอนนี้ เขียนไปถึงภาค 8 แล้วครับ ก็ขอรวบยอด เอามาแปะต่อเลยละกันครับ ฉลองคริสมาสต์อีฟ กับกระทู้ข้ามปีนี่เอง เฮ~~

    --------------------------------------------------------------
    --------------------------------------------------------------

    Though the hours take no notice
    Of what fate might have in store,
    Our love, come what may,
    Will never age a day.
    I’ll wait forevermore!

    Maria ~toward her beloved,Draco~


    [​IMG]

    Final Fantasy VI – The Affection ประกายไฟสงคราม กับนิยามรักที่สวนทาง

    Prologue

    สงครามและความกระหาย เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับสรรพสิ่งมาเนิ่นนาน…เหตุการณ์อันน่าสลดมากมายบนหน้าประวัติศาสตร์ ที่ทยอยหมุนเวียนกันปรากฏขึ้น พร้อมด้วยเสียงกรีดร้องและละอองเลือดนั้น...ต่างคอยตอกย้ำให้ชนทุกผู้ได้เห็นพ้องกันว่า...หลายครั้งหลายครา...มันอาจไม่จำเป็นต้องมี ”เหตุผล” ที่ยิ่งใหญ่หรือสลักสำคัญอะไรเลย...ที่จะคร่าชีวิต...ที่จะทำลายสายสัมพันธ์...ที่จะจบสิ้นทุกลมหายใจ...

    กว่าหนึ่งพันปีเมื่อกาลก่อน...ณ จุดสูงสุดของโลกและอารยธรรมทั้งปวงนั้น ถูกปกครองโดยเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสาม (Warring triad)ซึ่งรั้งตำแหน่งเป็นสามขั้วอำนาจ คอยเฝ้าดูแลวิถีแห่งเหล่าสิ่งมีชีวิตเบื้องล่าง และเป็นผู้ให้กำเนิดขุมพลังที่ทรงพลานุภาพเหลือคณานัป...ซึ่งคนทั่วไปรู้จักกันในนามของ ”เวทย์มนตร์” และ”สัตว์อสูร”

    เมื่อพลังและอำนาจของแต่ละองค์ เพิ่มพูนสูงขึ้นไปถึงจุดๆหนึ่ง...ความขัดแย้งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ก็พลันอุบัติขึ้น...”ขั้วอำนาจ” ทั้งสามนั้น ไม่สามารถควบคุมพลัง ความกระหายเลือด และความปรารถนาจะเป็นหนึ่ง ซึ่งแผดเผาอยู่ในร่างกายได้...การต่อสู้ของเทพทั้งสาม จึงเป็นชนวนที่สำคัญที่สุด ที่กระพือไฟแห่งสงคราม ให้กระจายไปทั่วพื้นโลก...เหล่าสัตว์อสูรถูกสร้างขึ้นมานับไม่ถ้วน...แสงแห่งเวทย์มนตร์แผดเผาผืนพิภพจนพังพินาศ...แม้นเหล่าปุถุชนคนธรรมดา ก็ถูกดึงให้เข้ามาร่วมในวังวนเปื้อนเลือดนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    ...ช่วงเวลาแห่งการต่อสู้ ที่ถูกขนานนามว่า “สงครามเวทย์มนตร์” (War of Magi) ดำเนินไปหลายต่อหลายปี...เนิ่นนานเสียจนเสียงกรีดร้องที่ระงมติดหู เริ่มจะจางหายไป...ชีวิตน้อยๆค่อยๆดับสูญลงอย่างต่อเนื่อง แม้นธรรมชาติก็เสียสมดุลจนสิ้น...โลกของเรา กลายเป็นเพียงผืนดินที่แห้งแล้ง...เต็มไปด้วยซากศพที่กองพะเนิน !!

    กว่าเทพทั้งสาม จะตระหนักถึงความโง่งม และความผิดพลาดซึ่งพวกตนเป็นผู้ก่อไว้ โลกทั้งใบก็แทบจะไม่เหลือชีวิตใดๆให้ดำรงอยู่ต่อไปอีก...เหล่าผู้ให้กำเนิดสัตว์อสูรและเวทย์มนตร์ ยอมรับความผิดแต่โดยดี และเปลี่ยนตนเองให้กลายเป็นเทวรูปสลักหินอันงดงาม วางตัวอยู๋ในระนาบสามเหลี่ยม อันเป็นตำแหน่งสมดุลแห่งพลัง...พร้อมกล่าวอย่างเชื่อมั่นว่า ตราบเท่าที่สนามพลังนี้ ยังรักษาสมดุลได้เฉกเช่นยามแรกเริ่ม...พวกตนทั้งสาม ก็จะเข้าสู่นิทราอย่างสงบต่อไป...ตราบนานเท่านาน

    เหล่าสัตว์อสูรกล่าวขอบคุณต่อพระผู้สร้าง และรับหน้าที่ปกป้องเทวรูปทั้งสามด้วยชีวิต พร้อมกับเริ่มปลีกตัวเอง แยกห่างจากศัตรูอย่างเหล่ามนุษย์ผู้ก้าวร้าว เข้าไปสู่ดินแดนแห่งสัตว์อสูรอันลึกลับและซ่อนเร้น...ที่ซึ่งสิ่งมีชีวิตทั้งสองสายพันธุ์ จะไม่มีทางได้ประสบพบเจอกันอีกเลย...

    และแล้ว...เมื่อกาลเวลาผ่านไป เส้นทางวิวัฒนาการของสองเผ่าพันธุ์ ต่างก็ค่อยๆทอดแยกห่างออกจากกัน...อย่างช้าๆ...และมั่นคง...

    [​IMG]

    Dead End of Evolution

    1000 ปีผ่านพ้น...โลกมนุษย์ ก้าวเข้าสู่ยุคที่อารยธรรมของเครื่องจักรไอน้ำ แท่งเหล็ก และดินปืน เจริญก้าวหน้าถึงขีดสุด สิ่งไร้สาระเหนือสามัญสำนึกอย่าง “เวทย์มนตร์” หรือ “สัตว์อสูร” ก็กลายเป็นเพียงแค่นิทานก่อนนอน สำหรับเด็กน้อยที่ไม่ประสาเท่านั้น

    ทว่า ฝันร้ายเมื่อครั้งกาลก่อน กลับถูกพลิกฟื้นขึ้นมาบนโลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง โดยจักรวรรดิกัสทร่า ผู้ทะเยอทะยานจะปลุกพลังอันยิ่งใหญ่ที่แสนเพ้อฝัน อย่างสัตว์อสูรและเวทย์มนตร์ ให้กลับขึ้นมาเป็นที่ประจักษ์อีกครา...จักรวรรดิได้ค้นพบประตูมิติ ที่แยกกั้นโลกทั้งสองมายาวนาน พร้อมยกกำลังเข้าบุก จับเหล่าสัตว์อสูรมามากมาย หมายจะสูบพลังเวทย์มนตร์อันยิ่งใหญ่ที่อยู่ภายในร่างของพวกมัน มาใช้เพื่อเสริมกำลังให้กับกองทัพของตน

    บทสรุปของการดิ้นรน ทำลายเส้นแบ่งกั้นของสองเผ่าพันธุ์ จบลงที่การปิดกั้นประตูมิติเป็นครั้งสุดท้าย...โลกทั้งสอง ถูกแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิงอีกครั้ง...กองกำลังกัสทร่ากระเด็นกลับออกมาโลกภายนอก พร้อมกับสัตว์อสูรจำนวนหนึ่ง...และทารกน้อยคนสำคัญ..ลูกครึ่งหญิงเพียงหนึ่งเดียว ของหนุ่มอสูรและสาวมนุษย์ นามว่า ทีน่า

    เมื่อสาวน้อยมีสายเลือดครึ่งหนึ่ง สืบทอดมาจากเหล่าสัตว์อสูร ทำให้เธอครอบครองคุณสมบัติพิเศษ ที่จะใช้พลังอันยิ่งใหญ่อย่าง”เวทย์มนตร์” ได้ตั้งแต่แรกเกิด...เมื่อผสมร่วมกับเทคโนโลยีขั้นสุดยอดของกองทัพ ที่นำเอา”พลังเวทย์” (Magitek) ที่สูบจากเหล่าสัตว์อสูร มาผสมรวมไว้กับพลทหารและเครื่องจักรกลแล้ว...โฉมหน้าของกองทัพ ก็พลิกเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ !!

    “แม่มดสาว” ผู้เกิดมาพร้อมพรสวรรค์แห่งการเข่นฆ่า และถูกควบคุมจิตใจโดยจักรวรรดิอย่างสมบูรณ์
    ”กองทัพนักรบเวทย์” (Magitek Knight) ที่สามารถเรียกใช้พลังเวทย์มนตร์ประดิษฐ์ ซึ่งถูกฝัง ผสานรวมอยู่ภายในร่างกาย
    “เวทย์ยนตร์มาโดอาร์เมอร์” (Magitek armor) ที่สามารถสังเคราะห์พลังเวทย์ทำลายล้างทรงพลานุภาพ ออกมาแผดเผาศัตรูเบื้องหน้าให้เป็นจุล

    ...เมื่อปัจจัยทั้งสาม มาร่วมกับการนำทัพโดยมือขวาของจักรพรรดิกัสทร่า...พ่อมด ตัวตลก และฆาตรกรผู้เลือดเย็น...ร่างทดลองแรก ผู้เสียสติจากการพยายามฝังเวทย์ประดิษฐ์ไว้ในร่างกาย นาม “เคฟก้า”...เมื่อนั้น พลานุภาพอันมากมายเหลือคณานัปของจักรวรรดิกัสทร่า ก็แผ่ขยายไปทั่วทุกมุมโลก ก้าวข้ามขอบเขตของความปราณีและสามัญสำนึกทั้งปวง...ย้อมโลกทั้งใบให้เป็นสีแดงฉาน !!

    [​IMG]

    Forceful Rebellion

    สงครามเลือด เริ่มบานปลายไปอย่างหยุดไม่ได้ นำพาไปสู่เหตุการณ์และตัวแสดงอีกมาก ที่ต้องก้าวเข้ามาอยู่บนเวทีที่เน่าเหม็นและเสื่อมโทรมนี้...ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังใต้ดิน ที่คอยรวบรวมผู้คน ต่อต้านจักรวรรดิอย่างสุดความสามารถ นักล่าสมบัติที่ออกเดินทางตามหาสมบัติชิ้นสำคัญเพื่อนางอันเป็นที่รัก กษัตริย์ผู้เปี่ยมความสามารถทางจักรกล นักพรตผู้สำเร็จทักษะการต่อสู้ด้วยมือเปล่า นายพลหญิงผู้ทรยศของจักรวรรดิ ยอดนักรบผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายจากการล้างบางอันโหดเหี้ยม นินจาพเนจรลึกลับผู้เลือดเย็น นักพนันผู้ครอบครองเรือเหาะเพียงหนึ่งเดียวบนน่านฟ้า นักเวทย์ชราผู้สืบทอดสายเลือดล้ำค่ามาแต่กาลก่อน ฯลฯ

    ...และเมื่อได้รับไพ่ใบสำคัญ ที่อาจจะพลิกเกมส์รบที่เสียเปรียบอยู่หลายขั้น อย่าง ทีน่า แบรนฟอร์ด...สาวน้อยผู้เสกร่ายพลังอำนาจที่ไม่เคยพบเห็น ถูกเลี้ยงดูขึ้นมาให้เป็นเครื่องจักรสังหารที่ไร้ความรู้สึกโดยจักรวรรดิผู้โหดร้าย...ซ้ำยังเป็นกุญแจสำคัญ ที่จะเปิดเส้นทางสู่โลกอันซ่อนเร้นของเหล่าสัตว์อสูร ให้เผ่าพันธุ์ทรงพลังนั้น ออกมาสู่โลกภายนอกได้อีกครั้ง !! การโจมตีกลับครั้งสำคัญ กำลังจะเริ่มต้นขึ้น !!

    การปะทะกันอย่างรุนแรง ระหว่างกองกำลังปฎิวัติ และทหารจักรวรรดิ ดำเนินไปนับครั้งไม่ถ้วน บ้างได้เปรียบ บ้างเสียเปรียบ ผลัดกันร่วมมือ ผลัดกันหักหลัง แผนทางตรง แผนทางอ้อม แผนสะอาด แผนสกปรก ถูกงัดออกมาใช้อย่างไม่ต้องคำนึงถึงปัจจัยและความรู้สึกอะไรให้มากมาย...ราวกับว่า หากไม่ตัดใจจากความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเพียงเล็กน้อย และมาคาดหวังถึงอนาคตที่สว่างไสวเบื้องหน้าแล้ว...แม้นรุ่งอรุณของวันพรุ่ง ก็อาจจะไม่มีเหลือให้เรามานั่งเชยชมอีกต่อไป

    [​IMG]

    The Great Warring Triad

    ...ที่สุดของที่สุด จักรพรรดิกัสทร่า และเคฟก้าคนสนิท ก็ได้เข้าถึงขุมพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด อันเป็นต้นกำเนิดของเวทย์มนตร์และสัตว์อสูรทั้งปวง...เทวรูปสลักหินทั้งสาม อยู่เบื้องหน้าคนทั้งสองนี้เอง...หากผู้ใดได้ครอบครองแหล่งกำเนิดอำนาจอันไร้ขีดจำกัดนี้ไว้กับตัว...โลก ก็แทบจะมาอยู่ในกำมือของคนผู้นั้นไปแล้วเสียครึ่งใบ !!

    การดิ้นรนเฮือกสุดท้ายของกองทัพปฎิวัติ นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิด..ระหว่างวินาทีเป็นตายของการปะทะกันเบื้องหน้าเทวรูป...จอมเวทย์ผู้มีจิตพิกลพิการ เคฟก้า ถูกโจมตีจนเลือดกระเซ็น...เส้นสติอันเบางบาง ที่คอยคลุมครอบสำนึกผิดชอบชั่วดีอันน้อยนิด ก็พลันขาดผึง...ตัวตลกบ้าคลั่ง สูญเสียการควบคุมตัวเองโดยสิ้นเชิง พุ่งเข้าใส่เทวรูปทั้งสาม หมายจะ”เคลื่อนย้าย” ตำแหน่งอันเป็นสมดุลแห่งพลัง “เปลี่ยนแปลง”การจัดวางที่ธำรงไว้ซี่งความสงบสุขของพื้นพิภพมานับพันปี...เพื่อสร้างหายนะให้เกิดกับผืนโลก และครอบครองพลังทำลายล้างนั้นไว้กับตน

    เวทย์มนตร์ใดๆ ไม่สามารถทำอันตรายให้แก่เคฟก้าได้อีกต่อไป...จักรวรรดิกัสทร่า ถูกคนสนิทของตน สังหารอย่างเหี้ยมโหด...กองทัพปฎิวัติ หนีรอดออกมาได้อย่างทุลักทุเล...เคฟก้าทำการเคลื่อนย้ายตำแหน่งของสามเทวรูปได้สำเร็จ...ฉับพลัน สมดุลแห่งพลังก็ปั่นป่วน...พลังอำนาจอันมากมายสุดหยั่งถึง ก็พวยพุ่งออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ พลังที่เคยทำลายล้างโลกทั้งใบให้กลายเป็นดินแดนที่แห้งแล้งและไร้ชีวิต ถูกพลิกกลับมาอีกครั้ง...โดยการควบคุมของ มนุษย์ผู้เสียสติคนนี้ แต่เพียงผู้เดียว...

    ...ในที่สุด โลกทั้งใบ ก็เป็นอันจบสิ้นลง...

    [​IMG]

    Final Fantasy VI – บทแห่ง “ห้วงความรัก” นั้น นับเป็นชื่อๆหนึ่ง ที่อยู่บนจุดสูงสุดของเกมส์ภาษาในยุคนั้นอย่างไร้ข้อกังขา ไม่ว่าจะด้านงานภาพ ซึ่งพิถีพิถันแม้ในเรื่องของการใส่แสงและเงา อย่างที่ไม่เคยได้ทำในภาคก่อนๆ จนเกิดมาเป็นภาพสองมิติที่สวยงาม และเต็มไปด้วยรายละเอียดที่เหนือชั้น สูงสุดเท่าที่ความสามารถของเครื่องเกมส์จะเอื้ออำนวย...ละเอียดมากเสียจนยังอดทึ่งไม่ได้ เมื่อย้อนกลับไปมองถึงภาพของเหล่าศัตรูที่แสนจะอลังการนั้น

    ด้านงานเพลง ภาคนี้ ก็เฉกเช่นทุกๆภาค ที่มีเพลงประกอบที่งดงาม ไพเราะ และติดหูอยู่มากมาย ทั้งแช่มช้า ทั้งเศร้าสร้อย ทั้งดุดัน ทั้งรุนแรง ผสมผสานกันอย่างลงตัว แม้เวลาจะผ่านมานับสิบปี แต่เพลงหลายๆเพลง ก็ยังคงถูกหยิบยกขึ้นมาฟัง ขึ้นมาเล่น และขึ้นมาปรับปรุง เปลี่ยนแปลงอีกหลายต่อหลายเวอร์ชัน Main theme / Tina theme / Decisive battle / Aria di Mezzo Carattere และอื่นๆอีกมาก ต่างก็อยู่ในใจของผู้ที่เคยได้รับฟังทุกๆคน

    ด้านระบบของเกมส์ ภาคนี้จะเน้นการใช้ประโยชน์จาก”กลุ่มสมาชิก” หลากหลาย ที่แต่ละคนก็มีความสามารถเป็นของตัวเองที่เด่นชัด ไม่ทับซ้อนกันเลย เป็นข้อดีที่พบได้น้อยลงมากอย่างน่าเสียดาย ในไฟนอล แฟนตาซีภาคหลังๆ...และการ”แบ่งพรรคพวก” ออกเป็นสามกลุ่ม กระจายกันไปตามจุดต่างๆของฉาก ร่วมกันแก้ปริศนา ร่วมกันฝ่าฟันไปจนจบเส้นทาง ก็นับเป็นจุดเด่นที่สำคัญ และถูกนำมาใช้หลายต่อหลายครั้งตลอดทั้งภาค นับเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ไม่มีภาคไหนทำได้อีก

    แต่เหนืออื่นใด สิ่งที่ต้องชื่นชมมากที่สุดของไฟนอล แฟนตาซี 6 ก็คงหนีไม่พ้น“พลอตเรื่อง” ที่ยิ่งใหญ่ ละเอียดอ่อน และเชื่อมโยงกันอย่างน่าประทับใจ จนพูดได้ว่า น่าจะเหนือกว่าภาคต่างๆที่มีมาก่อนหน้า และไม่ต่างชั้นกับภาคอื่นๆ ที่ตามมาในภายหลัง

    [​IMG]

    นักเขียนหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า เรื่องราวที่ถ่ายทอดได้ยากที่สุด คือเรื่องราวที่มี ”ตัวละครหลัก”หลายคน เพราะหากต้องการที่จะใส่รายละเอียดของเนื้อเรื่อง และเน้นหนักที่มิติของตัวละครแล้ว...ปัญหาต่างๆย่อมตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งการคุมทิศทางของเรื่องไม่อยู่ ทั้งการแบ่งบทอย่างไม่สม่ำเสมอ ทั้งการสับสนของโครงเรื่องจนจับประเด็นไม่ได้ ทั้งการหลงลืมประเด็นยิบย่อยต่างๆ ฯลฯ

    ...แต่ไฟนอล แฟนตาซี 6 ดูจะพิสูจน์ให้เห็นว่า คำกล่าวนั้น ไม่จำเป็นต้องถูกต้องเสมอไป ด้วยการนำเสนอเรื่องราวทั้งหมด ผ่าน”ตัวละครหลัก” ที่มีจำนวนมากที่สุดในซีรีย์...มากถึง 14 คนด้วยกัน และแทบจะทุกคน ต่างก็มีปูมหลัง มีที่มาที่ไป มีแรงขับดัน มีเหตุผล และมีเป้าหมายเป็นของตัวเอง อย่างเด่นชัด สมเหตุสมผล และเข้าถึงได้อย่างแท้จริง…ภายใต้คอนเซปต์หลักเพียงข้อเดียว ที่เชื่อมโยงทุกตัวละครเข้าหาแก่นของเรื่องได้โดยพร้อมเพรียง...นั่นคือ “ความรัก”
  19. zieghart

    zieghart New Member

    EXP:
    351
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    To Warship and Adore

    จากการที่มีตัวละครมากมาย ที่ต่างก็เน้นให้มีมิติเหมือนจริงกันทั้งสิ้น ทำให้ไฟนอล 6 นี้ มี”วัตถุดิบ” เหลือเฟือ ที่จะให้หยิบยกตัวละครต่างๆ ทั้งหลักและรอง มาสร้าง ”รูปแบบความสัมพันธ์” ที่ไม่ซ้ำซาก…แม้ดูเผินๆแล้ว ”แกนหลัก” ของเรื่อง จะยังหนีไม่พ้นเรื่องของการ “กอบกู้โลก” ซึ่งเป็นเรื่องของเหล่าตัวเอกกลุ่มหนึ่ง กับความรู้สึก”อยากช่วยโลก” มาเผชิญหน้าเหล่าตัวร้ายอีกกลุ่มหนึ่ง กับความรู้สึก “อยากทำลายโลก”...เป็นแนวคิดที่เข้าใจได้ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน และถูกใช้เสมอมา ตั้งแต่ภาคที่หนึ่ง...

    แต่เบื้องหลังความจำเจที่ดูแสนจะคร่ำครึนั้น กลับแฝงไปด้วยรายละเอียดปลีกย่อยที่ลึกซึ้ง ละเอียด และแปลกใหม่อย่างที่สุด...จุดสำคัญของการต่อสู้ ไม่ได้อยู่ที่ “ผลลัพธ์” ภายหลังจากการมารวมกลุ่ม เพื่อตัดสินใจปกป้องโลกเลยซักนิด แต่อยู่ที่”จุดเริ่ม” ก่อนหน้าของแต่ละตัวละคร ซึ่งต่างก็หลงวนเวียนอยู่ในวังวนแห่งความสุข ความทุกข์ ความเปลี่ยนแปลง และความไม่มั่นคงของความรักกันทั้งสิ้น

    เมื่อตัวเนื้อเรื่องหลัก ที่มีฉากหน้าเป็นการเดินทางกอบกู้โลก ดำเนินไปถึงจุดๆหนึ่ง...ตัวเกมส์จะค่อยๆเผยให้เห็นถึง “ปูมหลัง” ของเหล่าตัวละครแต่ละตัวออกมาทีละน้อย เพียงพอที่จะให้ผู้เล่นได้ซึมซึบ คาดเดา ร่วมลุ้น และรับรู้เรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มต้น จนมาถึงบทสรุปของชีวิตแต่ละคน ในช่วงท้ายของเกมส์

    เราจะได้เข้าใจเหล่าตัวละครนั้นๆขึ้นมาทีละนิดว่า...ทั้งเหตุผลในการต่อสู้ ที่มาของอารมณ์ที่ปรากฏ ต้นเหตุของความรู้สึกที่เด่นชัด ตลอดจนถึงแนวคิดในการตัดสินใจ ซึ่งเราได้เห็นตั้งแต่ต้นเกมส์นั้น มี”จุดเริ่มต้น” เป็นมาเช่นไร มีพัฒนาการมาอย่างไร ก่อนที่จะมาให้”ตัวเรา” ซึ่งเป็นผู้เล่น ได้พบเห็นในช่วงแรก...ก่อนที่จะมาให้ “ตัวเรา” ซึ่งเป็นผู้เล่น ได้เห็นจุดจบในช่วงท้าย

    ผู้เขียนบทของเรื่อง ฉลาดพอที่จะไม่ปล่อยภาพรวมของเรื่องราวออกมาในคราวเดียว แต่จะค่อยๆสอดแทรกไปตามบทสนทนา บันทึก ภาพอดีต ความฝัน และเรื่องเล่าต่างๆ ให้คนเล่นค่อยๆหยิบยกชิ้นส่วนของความทรงจำ มารวมเป็นภาพใหญ่ด้วยตัวเอง ก่อนที่จะเปิดเผยเรื่องราวเต็มๆออกมาในที่สุด...เป็นการกำหนดจังหวะในการดึงอารมณ์ของผู้เล่นได้อย่างเป็นลำดับขั้นโดยแท้จริง

    [​IMG]
    ....
    ......
    .........
    Last page’s story – The Last Will to Fight

    เคฟก้า ผสานพลังของเทวรูปสลักหินทั้งสามเข้าไว้กับตัว ก่อเกิดเป็นชีวิตอันยิ่งใหญ่ มีพลังอำนาจเทียบเคียงกับพระเป็นเจ้า...คอยปกครองโลกทั้งใบอยู่ที่ชั้นบนสุดของหอคอยยักษ์ ที่สร้างจากเศษซากของอารยธรรมเครื่องจักรที่เคยเกรียงไกร...ผู้คนถูกครอบงำด้วยความหวาดกลัว ผู้ต่อต้านทุกคน จะถูกสังหารอย่างไร้ปราณี เมืองที่เป็นปฏิปักษ์ จะถูกลำแสงพิพากษา ทำลายจนพินาศสิ้น...

    เซเลส ผู้ครอบครองพลังเวทย์ประดิษฐ์ อดีตนายพลสาว คนทรยศของจักรวรรดิ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาบนเกาะร้าง หลังจากสลบไสลไปในวันที่โลกล่มสลายเป็นเวลาเนิ่นนาน...เมื่อพบกับความโดดเดี่ยว บนโลกที่แห้งแล้ง แทบไม่เหลือสัมผัสของสิ่งมีชีวิตอื่นใดแล้ว...เธอก็ค่อยๆยอมรับขึ้นมาทีละนิดว่า บางครั้ง การมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยว ก็ทุกข์ทรมานยิ่งกว่าความตายอันแสนเงียบสงบเสียอีก...

    แต่ก่อนที่เธอจะได้ทันจบชีวิตของตัวเองลง ฟางเส้นสุดท้ายก็พลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้า...ผ้าคาดผมของล๊อค หนึ่งในสมาชิกสำคัญของกองทัพปฎิวัติ...ชายผู้ช่วยให้เธอกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่...ชายผู้เป็น “คนพิเศษ” เหนืออื่นใดของเธอ ก็ได้บรรจงลอยล่องลงมาเบื้องหน้าของเธอ...เมื่อระลึกถึงความรู้สึกที่คุ้นเคย ทำให้สาวน้อยตัดสินใจได้อีกครั้งว่า “การมีชีวิตอยู่” อาจไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอย่างที่คิด...หากซักครั้งในช่วงชีวิตของเรา ได้รับ”ความอบอุ่น” จากคนอันเป็นที่รักแล้ว...มันก็มีคุ้มค่าแล้ว ที่จะดิ้นรนนำช่วงเวลานั้นกลับคืนมา...

    การเดินทางตามหาพลพรรคที่สาบสูญ การไล่ตามหาความหมายของการต่อสู้ของตัวเอง และการเผชิญหน้ากับเหล่าศัตรูที่อยู่จุดสูงสุดของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง...กำลังจะเริ่มต้นขึ้น...

    ...ภายใต้ไหล่น้อยๆ ของหญิงสาวร่างเล็กเพียงคนเดียว...

    [​IMG]

    True Feelling within

    จุดที่เป็นที่จดจำอีกอย่างหนึ่งของภาค คือเรื่องของ”ไซด์เควส”ที่มากมายมหาศาล ไม่แพ้แม้ไฟนอล แฟนตาซีภาคหลังๆ และการตามหา”สมาชิก” ทั้งกลุ่ม ที่กระจัดกระจายกันไปตามที่ต่างๆทั่วโลกอยู่หลายครั้งหลายครา...คนเหล่านั้น บางคนก็หมดความรู้สึกที่จะต่อสู้เพื่อโลก บางคนก็กลับไปตามล่าความฝันและความหวังของตัวเอง บางคนก็มุ่งหน้าทำหน้าที่ดั้งเดิมของตนเองต่อไป แม้จะเหลือเพียงคนเดียว

    ...การได้เห็นทั้งความคิด ทั้งการตัดสินใจในหลากรูปแบบ หลายสถานการณ์เช่นนี้ จึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่เหล่าแฟนๆจะชื่นชมว่า ไฟนอล แฟนตาซี 6 ได้ตีแผ่แง่มุม”ชีวิต” ของผู้คนแต่ละระดับชั้นออกมาได้ชัดเจนเพียงไร

    ...และยิ่งสัมผัสเรื่องราวของภาคนี้ หลายต่อหลายครั้งเข้า ตัวผมยิ่งมั่นใจขึ้นมาเรื่อยๆว่า ใจความหลักของเรื่องนั้น ช่างห่างไกลจากภารกิจกอบกู้โลกไปหลายขุมอยู่...แม้ภาพภายนอก อาจจะเห็นเพียงแค่การร่วมเดินทาง เพื่อปราบศัตรูคนสำคัญ แต่คนนอกกลุ่ม...จะมีซักกี่คนที่รู้ว่า ภายในใจของพวกเขาและเธอ...ครุ่นคิดอะไรอยู่ คาดหวังอะไรอยู่ และต้องการสิ่งใดอยู่...

    ดังได้กล่าวแล้วว่า “ความรัก” เป็นหัวใจสำคัญของเรื่อง ที่จะเชื่อมโยงทุกตัวละครที่หลากหลาย ให้เข้ามาร่วมเป็นหนึ่งเดียวกัน...ความรักระหว่างชายหญิง ระหว่างพี่น้อง ระหว่างครอบครัว ระหว่างพ่อลูก ระหว่างเพื่อนพ้อง ความรักที่มีต่ออาณาจักร มีต่ออิสรภาพ มีต่อความต้องการมีชีวิตอยู่...ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ ต่างเป็นเหตุผลของแต่ละตัวละคร ที่นำพาให้ทุกๆคน มาร่วมเดินทางเพื่อเป้าหมายสุดท้ายเดียวกัน...เพื่อปกป้อง”โลก” ที่ “คนอันเป็นที่รัก” ของตน อาศัยอยู่นั่นเอง...

    ไฮไลต์หลักของภาค ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องราวการตามหานิยาม “ความรัก” ของสาวน้อยตัวเอก ทีน่า ของเรา ซึ่งถูกเลี้ยงดู และควบคุมมาโดยจักรวรรดิตั้งแต่ครั้งยังเล็ก ทำให้ไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกทั้งปวง...ตลอดทั้งเรื่อง เธอจะเฝ้าถามตัวเองและคนรอบข้างเสมอ ว่าตัวเองเกิดมาเพื่อสิ่งใด และสิ่งที่เรียกว่า “ความรู้สึก” นี่เป็นเช่นไร...ชั้นควรจะดีใจมั๊ย ควรจะร้องไห้มั๊ย นี่คือความรักหรือ นี่คือความผูกพันหรือ...แม้จะใช้เวลาไปไม่น้อย...แต่เมื่อถึงเวลาที่ภาพคำตอบนั้น เด่นชัดขึ้นมา ก็ไม่ได้สายเกินไปเลย สำหรับเธอ ที่จะได้เรียนรู้..และสำหรับพวกเรา ที่ได้ร่วมเป็นสักขีพยาน ถึงช่วงเวลาอันน่าประทับใจนั้น...

    [​IMG]

    Closing comment

    แม้จะมีไฟนอล แฟนตาซีภาคอื่นๆ ที่ถูกกล่าวขวัญ ทั้งติ ทั้งชม ในเรื่องการนำประเด็น”ความรัก” มาเน้นอย่างออกนอกหน้า แต่สำหรับตัวผมแล้ว คิดว่า ไฟนอล แฟนตาซี 6 นี่ต่างหาก ที่แสดงภาพรวมที่ชัดเจน และกว้างขวางที่สุด ในเรื่องของความรัก...เราได้เห็นนิยามรักที่หลากหลาย บางเรื่องก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม บางเรื่องก็เต็มไปด้วยน้ำตา...แต่อย่างไรก็แล้วแต่ สิ่งที่ทุกคนได้รับรู้โดยทั่วกันก็คือ “ความรัก” ทำให้เกิดแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ได้เพียงไร...สิ่งเล็กๆนี้ กลับผลักดันให้เกิดเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เป็นสิ่งที่มีผลต่อสังคม มีผลต่อโลกของเราได้อย่างไร

    ...เหล่านักรบทั้ง 14 คน ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ความรู้สึกอันแรงกล้าที่มีต่อคนสำคัญ แม้จะดูคับแคบ แต่ที่สุดแล้ว มันก็จะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงที่เป็นวงกว้าง...ไม่ว่าจะดีหรือร้าย อย่างน้อยที่สุด ก็จงอย่าได้ลืมเลือนสิ่งนี้ไป...อย่าได้ปล่อยทิ้ง “ความรัก” อันสำคัญนี้ไปโดยเด็ดขาด...

    ...แม้ความสนุกที่ผมได้รับในตอนเล่น จะไม่มากเท่าภาคก่อนหน้า...แต่หากพิจารณาภาพโดยรวมทุกๆแง่มุมแล้ว ก็คงจะพอพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า ไฟนอล แฟนตาซี 6 นี้ เป็นอีกมาสเตอร์พีชชิ้นสำคัญของซีรีย์ และภาคที่ดีที่สุด ของไตรภาคที่สองครับ


    แด่ความเพ้อฝัน ที่บรรเลงเป็นท่วงทำนองของความรัก


    --Trace Memory...Trace Fantasy--

    To be continued...Final Fantasy VII - กระแสแห่งชีวิต ลิขิตจากดวงดารา


    >>ลิงค์บทความภาค 6<<
  20. zieghart

    zieghart New Member

    EXP:
    351
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    .
    ต่อเนื่องกันเลยนะครับ อัพรวดเดียวไปเล้ยยยยยย ^o^//

    --------------------------------------------------------------
    --------------------------------------------------------------


    What I have shown you is reality.What you remember, that is illusion

    ~Sephiroth~


    [​IMG]

    Final Fantasy VII - The Terrestrial กระแสแห่งชีวิต ลิขิตจากดวงดารา

    Prologue

    ทั่วทั้งมหาโลกไกอา ดาวดวงใหญ่ที่แสนสวยงามแห่งนี้ ถูกหล่อเลี้ยงด้วยกระแสธารแห่งชีวิต นามว่า "ไลฟ์สตรีม" (Lifestream)...ทุกสรรพสิ่ง ต่างวนเวียนอยู่ภายใต้วัฎจักรแห่งการเกิดดับนี้มาช้านาน...ชีวิตหนึ่ง ถูกหล่อหลอม ถือกำเนิดขึ้นจากกระแสไลฟ์สตรีมสีเขียวสด...และเมื่อชีวิตนั้นดับสูญ ก็ย่อมต้องเสื่อมสลาย ทอดกายกลับคืนสู่ผืนดิน

    ...ทั้งร่างเนื้อ อารมณ์สัมผัส และความทรงจำ ทุกสิ่งต่างกลับคืนสู่จุดกำเนิด ก่อนจะหลอมรวม ก่อกำเนิดเป็นชีวิตใหม่ ให้แก่พื้นโลก และสรรพสิ่งต่อไป

    ณ จุดสูงสุดของดวงดาวเมื่อครั้งกระนั้น ก็คงไม่พ้นเหล่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงแห่งดวงดาว...เผ่าพันธ์ที่สูงส่ง และทรงภูมิปัญญา นาม "เซทร่า" (Cetra) หรือที่เรียกขานกันภายหลังว่า "ชนเผ่ายุคโบราณ"...ชนเผ่าซึ่งดำรงชีวิตอยู่ร่วมกับจิตวิญญาณแห่งผืนดินอย่างสงบสุข และเร่ร่อนอพยพอยู่ร่ำไป โดยมีจุดหมายอยู่ที่ "ดินแดนแห่งพันธสัญญา" (The Promised Land) ซึ่งเชื่อกันว่า เป็นสถานที่สูงสุดของจิตวิญญาณ ที่ซึ่งกระแสแห่งไลฟ์สตรีมมารวมกันอย่างเนืองแน่น

    [​IMG]

    ทว่า วัฎจักรที่ดำเนินมาเนิ่นนาน กลับต้องพังทลายลงเพียงชั่วเสี้ยวเวลา...เมื่อวันหนึ่ง ฝันร้ายในรูปของอุกกาบาตขนาดยักษ์ ก็ได้พุ่งตรง ฝ่าชั้นบรรยากาศลงมาสู่ผืนโลก พร้อมกับสิ่งมีชีวิตอันเป็นปรสิตจากมหาอวกาศ...สิ่งมีชีวิตที่สามารถรับรู้ แทรกแซง และเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ให้สัมพันธ์กับเหยื่อได้ดังต้องการ...หายนะแห่งฟากฟ้าที่ถูกขนานนามว่า..."เจโนว่า"

    สิ่งมีชีวิตชั่วร้ายจากเวิ้งฟ้า ใช้เวลาไม่นานนัก ที่จะแทรกซึม และแพร่พันธ์ทำลายล้างชาวเซทร่าจนแทบพินาศสิ้น...ก่อนที่จะดำเนินการขั้นสุดท้าย เหมือนกับที่เคยทำกับดวงดาวอื่นๆที่ผ่านมา...ใช้โลกใหม่อันแห้งแล้งและพังพินาศ เป็นพาหนะขนาดใหญ่ เร่ร่อนต่อไปในจักรวาล...จวบจนวันที่จะได้พบเจอดาวเคราะห์ดวงใหม่อีกครา...

    [​IMG]

    Greed and Foolishness

    ผลลัพธ์ของวิกฤติการณ์ครั้งนั้น เลือนหายไปกับประวัติศาสตร์กว่าสองพันปี แต่โลกไกอาก็ยังคงยืนหยัดต่อมาได้ถึงทุกวันนี้...วันที่วิทยาการ ความก้าวหน้าใหม่ๆ ได้ถูกพัฒนาจนเติบโตขึ้นมาก...พร้อมๆกับความโง่เขลา และละโมบโลภมาก ของเผ่าพันธ์ที่เรียกตัวเองว่า มนุษย์

    บริษัทยักษ์ใหญ่ ผู้กุมบังเหียนของวงการวิทยาศาสตร์และเศรษฐกิจกว่าค่อนโลก นามว่า "ชินระ" ได้ค้นพบวิธีการนำไลฟ์ สตรีมจากผืนโลก มาแปรสภาพเป็นพลังงานสูงค่า ใช้ควบคู่กับวิทยาการใหม่ๆมากมายเหลือคณานัป...หนึ่งในนั้น คือการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ ที่เกิดจากการ"อาบ"พลังงานนั้น ให้กับมนุษย์เป็นๆ เพื่อก่อให้เกิดสุดยอดกองทัพที่ทรงพลัง และเกรียงไกร..กองกำลังพิเศษ ที่ขึ้นตรงต่อบริษัท...กองกำลัง "โซลเยอร์" อันเลื่องลือ...

    เมื่อพลังชีวิตของดวงดาว ถูกสูบไปใช้อย่างต่อเนื่อง คนจำนวนมาก ย่อมไม่พอใจกับความโง่เขลาที่ไม่น่าให้อภัยนี้ และรวมกลุ่มเป็นกองกำลังใต้ดิน ออกต่อต้านบริษั่ทชินระ ก่อนที่ดวงดาวที่ตนรัก จะสูญสลายกลายเป็นเพียงซากที่แห้งเหี่ยวไร้สัญญาณแห่งชีวิตใดๆ

    [​IMG]

    Cloudy Insurgent

    คลาวด์ ชายหนุ่มผู้เป็นอดีตทหารชั้นเฟิร์สคลาสของกองกำลังโซลเยอร์ ได้ถูกว่าจ้างให้มาร่วมก่อการใต้ดินอวาลันซ์หลายต่อหลายครั้ง และได้แสดงให้เห็นถึงเชิงดาบอันไม่เป็นรองใคร...และเมื่อได้พานพบเจอกับ เอริธ สาวน้อยผู้สืบสายเลือดจากชนเผ่ายุคโบราณ ซึ่งสามารถสื่อสารกับจิตวิญญาณของดวงดาวได้แล้ว...ภาพสุดท้ายของภารกิจต่อต้าน ก็ดูจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นทุกที

    แต่ทว่า เมื่อถึงวินาทีเป็นตาย...ประธานบริษัทชินระ กลับถูกฆาตกรรมไปอย่างกระทันหัน! โดยฝีมือของ ยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือ...อดีตโซลเยอร์ชั้นเฟิร์สคลาสที่เก่งกาจที่สุด...ตำนานที่มีชีวิต นามว่า เซฟิรอธ

    ชายหนุ่มผมขาวและดาบยาวคู่ใจ ปรากฎตัวขึ้นเบื้องหน้า พร้อมประกาศกร้าว จะทำลายล้างเหล่ามนุษย์ผู้โง่งม และช่วงชิงผืนดิน คืนมาสู่มือของผู้ที่เหมาะสม...มือของ พระเจ้าคนใหม่แห่งสรรพชีวิต ...ตัวเขานั่นเอง...

    เวทย์มนตร์ดำต้องห้าม เมเทโอ กำลังจะถูกร่ายขึ้น เพื่อเรียกหาอุกกาบาตลูกยักษ์จากห้วงอวกาศ ให้พุ่งลง สร้างบาดแผลอันยิ่งใหญ่ให้กับดวงดาวอีกครั้ง...และเมื่อถึงเวลานั้น ตัวเซฟิรอธก็จะมุ่งตรงไปยังบาดแผลที่เอ่อล้นไปด้วยกระแสแห่งไลฟ์สตรีม และรับเอาพลังชีวิต ความทรงจำ และความรอบรู้แห่งดวงดาว มาเป็นของตนในที่สุด...

    แผนการณ์ที่ดูเลื่อนลอยและน่าขำนี้ จะเป็นไปได้จริงหรือไม่ก็แล้วแต่...กองกำลังใต้ดินอวาลันซ์รู้สึกตัวโดยพร้อมเพรียงกันว่า ความตั้งใจที่จะ "ปกป้องดวงดาว" ของพวกตน...ได้เปลี่ยนเป้าหมายไปเสียแล้ว...

    [​IMG]

    Behind the cover

    Final Fantasy VII - บทแห่ง "พื้นพิภพ" - นี้ เป็นภาคแรกของซีรีย์ ที่ได้ก้าวข้ามครื่องซูเปอร์ แฟมิคอม 16 bit มาสู่โลกแห่ง 3D โพลิกอนเต็มรูปแบบ ความจุถึง 3 แผ่น CD ...นับว่าเป็นเกมส์ยักษ์ใหญ่ หัวหอกในการเปิดฉากยุคสมัยใหม่ แห่งวงการเกมส์ RPG ยุคปัจจุบันอย่างแท้จริง

    แม้จะไม่สามารถตัดสินแทนผู้เล่นแต่ละคนได้ว่า ไฟนอล แฟนตาซี 7 เป็นภาคที่ "ดีที่สุด"หรือไม่...แต่คงไม่เกินเลยไปนัก หากจะกล่าวว่า นี่เป็นไฟนอลภาคที่ "โด่งดังที่สุด" และ "เป็นที่กล่าวขวัญมากที่สุด"อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง...ซึ่งมาถึงปัจจุบัน ก็ได้มีการแตกยอด ต่อเรื่องราวออกมาอีกมากมาย ตลอด 10 กว่าปีให้หลัง

    หากจะพูดถึงสาเหตุแห่งความโด่งดัง คงต้องย้อนกลับไปตั้งแต่จุดกำเนิดของตัวเกมส์ ที่เรียกคะแนนตั้งแต่ First impression ไปมากโขอยู่...เพราะท่ามกลางรอยต่อระหว่างตัวเกมส์ยุค 2 มิติและ 3 มิติในขณะนั้น บริษัท Square soft ได้ชิงปล่อยผลงานที่โดดเด่น และพิถีพิถันอย่างที่สุดนี้ ออกมาตบหน้าคู่แข่งน้อยใหญ่ที่กระจัดกระจายได้อย่างรุนแรง

    ด้วยศักยภาพของเครื่องคอนโซลที่พัฒนาขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด ทำให้อาณาเขตของจินตนาการ กับตัวเกมส์ เข้ามาใกล้ชิดกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เหล่าตัวละคร ฉากเหตุการณ์ และบทสนทนาเปี่ยมคุณภาพทั้งหลาย ก็สามารถแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ ดึงอารมณ์ของคนเล่นให้ยึดแน่นอยู่กับตัวเกมส์ได้อยู่หมัด

    ...และหากบวกร่วมไปกับบทเพลงที่ไพเราะ ในระบบเสียงเต็มรูปแบบ และฉาก movie ตระการตา ซึ่งไม่เคยปรากฎมาก่อนในซีรีย์เข้าไปด้วยแล้ว...แค่เพียง"รูปลักษณ์ภายนอก"ของมัน ก็เพียงพอที่จะดึงดูดผู้พบเห็นให้หันมามอง...เป็นปรากฏการณ์แห่งการเปลี่ยนยุคสมัย ที่รุนแรงมากที่สุด จนแม้แต่สมัยเปิดตัวเครื่องเกมส์ยุคหลังๆ ก็ยังไม่สามารถเรียกกระแสใดๆได้ถึงเพียงนี้

    [​IMG]
  21. zieghart

    zieghart New Member

    EXP:
    351
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    แต่เมื่อมองลงไปให้ลึกกว่านั้น เหล่าแฟนๆ ทั้งพันธุ์แท้ พันธุ์ทาง หรือพันธุ์เดนตายของซีรีย์ ต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่า...จุดเด่นที่สุด ที่สมควรถูกชื่นชม และถูกกล่าวขวัญมากที่สุด ก็คงหนีไม้พ้น มิติที่เหนือขึ้นไปอีกขั้น ของ "เนื้อเรื่อง" ซึ่งลงลึกถึงรายละเอียด หักมุมกระชากอารมณ์หลายต่อหลายหน และรวบยอดไปถึง "เหล่าตัวละคร" ที่มีเสน่ห์ สมจริง เต็มไปด้วยเรื่องราวหนหลัง และปมแต่เก่าก่อน สะท้อนออกมาชัดเจนจนจับต้องได้...เป็นจุดเด่นที่ไม่เคยเลือนหายไปไหน ตลอดช่วงเวลากว่าทศวรรษที่ผ่านมา...

    แม้วัตถุดิบหลายๆอย่างในเรื่อง จะเป็นการ"ปรับใช้"...พัฒนามุขมาจากภาคเก่าๆก็ตามที แต่เมื่อทีมงาน สามารถที่จะปล่อยไอเดียเหล่านั้น ให้ออกมาเป็นรูปเป็นร่างอย่างไม่ต้องมีขีดจำกัดแล้ว...แม้เหล้าเก่า ก็ยังดูดีขึ้นผิดหูผิดตา ในขวดที่ใหม่ขึ้น

    เป้าหมายหลัก-การต่อสู้เพื่อเดิมพันชะตาของโลกมนุษย์...เป็นแนวคิดดั้งเดิม ที่ถูกยกมาใช้จนน่าจะหมดราคาไปแสนนาน...ทว่า มูลค่าของ"ดวงดาว" ในไฟนอล แฟนตาซี 7 กลับถูกเน้นย้ำอย่างชาญฉลาด และผลักดันให้มีราคาสูงค่ามากขึ้น จนเพียงพอที่จะเป็นแก่นหลักของเรื่องราว ลากโยงทุกตัวละครไปจนถึงบทสรุปได้อย่างตลอดรอดฝั่ง

    น้ำหนักของเรื่องราว-หมายรวมไปถึง"ความสมจริง" ของเหตุผลในการต่อสู้ และออกเดินทางของตัวละครแต่ละตัว ซึ่งเคยเป็นจุดเด่นจากภาคก่อนหน้า...ได้ถูกพัฒนารายละเอียดให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยการบรรจงใส่อดีตแต่หนหลัง เหตุการณ์ที่เป็นชนวนหักเหของชีวิต และบทสนทนาที่แน่น สมเหตุสมผล...คำถามโลกแตกที่ว่า ตัวละครนี้...ทำไมต้องต่อสู้ ทำไมต้องร่วมทาง ทำไมต้องทุ่มเท...ในที่สุด เหล่าผู้เล่นก็จะได้รับคำตอบที่เข้าที ไม่ตื้นเขินอีกต่อไป

    สเน่ห์ตัวละคร-เป็นประเด็นหลักที่น่าสนใจ และพิถีพิถันมากที่สุดข้อหนึ่ง...เมื่อทีมงานได้ทุ่มเทศึกษา และเจาะลึกลงไปทางด้าน"ปม" ทางจิตวิทยาอย่างถึงแก่น พร้อมใส่เหตุการณ์ตอบสนอง ที่รองรับอาการเหล่านั้นออกมาได้อย่างตรงไปตรงมาที่สุด...ผลที่ได้รับก็คือ "ตัวละครเอก" ทั้งฝั่งดีและเลว ที่แสดงออกถึงความมืดมนได้อย่างลึกซึ้ง ละเอียดอ่อน และชัดเจนมากที่สุด จนกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของคู่พระ-นาง และคู่ตัวเอก-ตัวร้ายอมตะ ของซีรีย์ไฟนอล แฟนตาซีมาจนถึงทุกวันนี้

    [​IMG]

    Unanswered Questions

    โทษทันฑ์อันใด ที่พึงได้รับ เมื่อคนหนึ่งคน หันคมดาบท้าทายดวงดารา?

    บนวัฎจักรแห่งการเกิดดับที่ไม่รู้จบสิ้นนี้...หนึ่งชีวิต ก็แสนสั้นไม่ต่างอะไรกับช่วงตากระพริบ...มีก่อเกิด สรรค์สร้าง และแตกดับ กลับคืนสู่กระแสแห่งดวงดาวที่เป็นนิรันดร์...สิ่งใดเป็นความจริงแท้บนหน้าประวัติศาสตร์ สิ่งใดเป็นความลวงที่บดบังใต้แก่นที่ซ่อนลึก...ยิ่งต่อสู้ไปนานเท่าไหร่ คลาวด์ สไตรฟ์ก็ยิ่งสั่นคลอนกับ"ความเป็นจริง" ที่กำลังจะถูกเปิดโปง ...และเศร้าสลดไปกับ"ชะตากรรม" ที่รออยู่ เบื้องหลังภาพหลอนที่ลวงตาคนทุกผู้เหล่านั้น

    เซฟิรอธ เหยื่อทดลอง ผู้สืบทอดเซลล์ของเจโนว่าอย่างสมบูรณ์ที่สุด...เข้าใจผิดในรายละเอียดเรื่องหายนะจากฟากฟ้าเมื่อกาลก่อน และบ้าคลั่งโกรธแค้นมนุษย์ ที่ละเลย"บรรพบุรุษ"ของตน ให้ต่อสู้จนตัวตาย

    เอริธ สาวน้อยคนสุดท้าย ผู้สืบทอดเชื้อสายที่แท้จริงจากชนเผ่ายุคโบราณ...เมื่อไม่สามารถปัดเป่าความมืดมิดที่บดบังสายตาของศัตรูผู้งมงายไปได้..เธอตัดสินใจเรียกใช้มนตร์ขาวด้านสว่างที่สุด เพื่อปกป้องดวงดาวที่ตนรัก ต้านทานเงื้อมมือของมนตร์ดำอันน่าสะพรึง...แม้มันจะแลกมาด้วยชีวิตอันแสนนั้นและงดงามของตัวเธอเอง

    คลาวด์ ชายหนุ่มผู้สูญเสียความเป็นตัวเองไปทุกขณะจิต...ยิ่งเข้าใกล้เป้าหมายที่ไขว่คว้าไปทีละก้าว กระแสความหวาดหวั่นบางประการ ก็คืบคลานเข้ามาหา กระชั้นใกล้อยู่ที่ต้นคอของตัวเอง

    ท้ายที่สุดแล้ว..."พันธนาการ"อันใด ที่จะคลายไปสู่คำตอบที่คนแต่ละผู้ไขว่คว้ามากที่สุด?

    "บทสรุป"จากดวงดาว จะเปี่ยมไปด้วยความสุขหรือเศร้าหมอง ?

    "ดินแดนเห่งพันธสัญญา" ที่แต่ละคนจำเป็นต้องค้นให้พบด้วยตัวเอง จะเผยรูปลักษณ์ออกมาในแง่มุมไหน?

    ....

    ...

    ...ผืนแผ่นดินยังกู่ร้องอย่างทุกข์ทน...ความเป็นจริงยังโอดครวญอย่างเดียวดาย...

    [​IMG]



    การเดินทางยังไม่จบ ไว้พบกันใหม่ครับ

    To be continued...Final Fantasy VII [2] - คำตอบแห่งผืนดิน ชิ้นส่วนจากความทรงจำ

    >>ลิงค์บทความภาค7 ตอนที่หนึ่ง<<

    (( เนื้อหาครึ่งหลัง จะลงลึกในรายละเอียดทางด้านตัวละครและเนื้อหาหลัก ที่หักมุมกันหัวทิ่ม รวมไปถึง สรุปเรื่องโดยย่อ ของ Compilation ทั้งหลายด้วย รออ่านกันนะครับ ))
  22. zieghart

    zieghart New Member

    EXP:
    351
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    ภาค 7 ครึ่งหลัง ขอพับไว้ก่อน เพื่อดึงเรตติ้ง...เอ๊ย เพื่อใช้เวลาปวดหัวอีกซักพัก

    มาต่อภาค 8 อันนะครับ อุ่นๆจากเตากันเลยทีเดียวเชียว

    --------------------------------------------------------------
    --------------------------------------------------------------

    Right and wrong are not what separate us and our enemies. It's our different standpoints, our perspectives that separate us.
    Both sides blame one another. There's no good or bad side. Just two sides holding different views.

    ~ Squall Leonhart ~


    [​IMG]


    Final Fantasy VIII - The Intersection คำสัญญา แห่งช่วงเวลาอันเป็นนิรันดร์

    Prologue

    นับแต่อดีตกาล จวบจนถึงวันที่วิทยาการเจริญก้าวหน้าถึงขีดสุดนี้...น่าขำนัก ที่ผู้ซึ่งดำรงอยู่ในจุดสูงสุดเหนือสรรพชีวิต กลับมิใช่มนุษย์ผู้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ หากแต่เป็นเหล่าสตรีที่มีพลังพิเศษเหนือจินตนาการ ซึ่งถูกเรียกด้วยชื่อรวม ที่สะท้อนถึงความหวาดหวั่นว่า...เหล่า"แม่มด" (Sorceress) ผู้น่าพรั่นพรึง...

    ก่อนหน้ายุคปัจจุบันไปเพียงเล็กน้อย ทั่วทั้งโลกกำลังระส่ำระสายไปด้วยหายนะที่เกิดจาก แม่มดอาเดล (Adel) ผู้ชั่วร้าย...ด้วยพลังเวทย์ที่ไม่มีผู้ใดเทียบเทียม และกองทัพที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งวิทยาศาสตร์แล้ว อาเดลสามารถปกครองผู้คนด้วยความหวาดกลัวมาเป็นระยะเวลาเนิ่นนาน

    ...หากแต่ว่า ด้วยธรรมชาติของผู้ที่เป็นแม่มดนั้น เมื่อถึงเวลาที่สมควร ก็จักต้องถ่ายทอด"พลัง"ของตนให้กับผู้สืบทอดที่เหมาะสม...ก่อนที่จะจบชีวิตของตนไปได้อย่างสงบสุข

    [​IMG]

    จุดเริ่มต้นของเรื่องราว อยู่ที่วิกฤติการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของสาวน้อย เอลโอเน่ (Ellone) ผู้มีความสามารถในการ "ส่ง" สัมปชัญญะของผู้คน ให้ย้อนกลับไปยังช่วงเวลาต่างๆในอดีตได้ ตามที่ต้องการ...ด้วยพลังพิเศษที่เหนือมนุษย์ทุกผู้นี่เอง ที่ทำให้เด็กหญิงตกเป็นเป้าสายตา ทั้งในฐานะตัวอย่างวิจัยชั้นเลิศ และในฐานะ ว่าที่"ตัวแทน" แม่มดคนถัดไป ต่อจากอาเดลนั่นเอง

    ...ในที่สุด สาวน้อยก็ถูกลักพาตัวไปสู่เงื้อมมือของแม่มด...ทำให้พ่อบุญธรรมของเธอ "ลากูน่า" (Laguna) ต้องจากภรรยาและลูกในท้อง ออกเดินทางกว่าครึ่งค่อนโลก เพื่อไล่ตามหาลูกสาวสุดที่รักของตนกลับคืนมา

    ภารกิจไล่ตามสาวน้อยเอลโอเน่ จบลงด้วยดี...ลากูน่าประสบความสำเร็จในการเป็นผู้นำกองทัพปลดแอก ผนึกแม่มดอาเดลไว้ในยานแช่แข็ง และยิงทิ้งออกไปนอกอวกาศได้เป็นผลสำเร็จ...แต่เกียรติยศ และตำแหน่งผู้ปกครองที่เขาได้รับต่อมาจากแม่มดอาเดลนั้น...ทำให้เขาไม่สามารถที่จะปลีกตัวกลับบ้านเกิดพร้อมกับเอลโอเน่...จนไม่ได้แม้กระทั่งไปอยู่ดูใจ ยามที่ภรรยาเสียชีวิต และไม่ได้พบหน้าลูกชายแท้ๆ ตั้งแต่เมื่อครั้งแรกเกิด...

    [​IMG]

    Shedding Tear

    หลังจากสูญเสียแม่คนสำคัญไป เอลโอเน่ และน้องชาย ผู้ได้รับชื่อที่เข้มแข็งดุจสิงห์ว่า "สคอลล์ เลออนฮาร์ท"( Squall Leonhart) ก็ระหกระเหินไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พร้อมๆกับเด็กน้อยวัยไล่เลี่ยกัน ที่ล้วนสูญเสียครอบครัวไปในสงครามแม่มดอันป่าเถื่อนนั้นเอง

    แต่ฝันร้ายยังดำเนินต่อไป เมื่อการไล่ล่าเอลโอเน่เพื่อไปทดลองพลังพิเศษนั้น ยังไม่สิ้นสุด..อีเดีย เจ้าของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าผู้อ่อนโยน และเป็นอดีตผู้สืบทอดพลังแม่มด ได้เป็นห่วงความปลอดภัยของสาวน้อย จึงส่งตัวเอลโอเน่ไปหลบซ่อนยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ากลางทะเล...และไม่ได้กลับมาพบหน้าน้องชายของเธอเลย นับแต่นั้นเป็นต้นมา

    เด็กน้อยสคอลล์เติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวและหวาดหวั่น...ตัวเขาซึ่งไม่เคยได้รับความรักจากผู้ให้กำเนิด เมื่อต้องสูญเสียพี่สาวคนสำคัญไป...ทางเลือกที่เหลืออยู่ ในการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ของเขา...จึงต้องเป็นการ"ปิดผนึก" อารมณ์และความรู้สึกของตัวเอง ปฎิเสธที่จะสร้างสายสัมพันธ์กับใครหน้าไหน เพียงเพื่อตัวเองจะได้ไม่เจ็บปวดซ้ำสอง กับการแยกจากคนที่ตนเองรัก...

    ...และแล้ว รอยยิ้มที่เปื้อนหน้า และน้ำตาของสิงห์หนุ่ม ก็แห้งหายไป นับแต่นั้นเป็นต้นมา...

    [​IMG]

    Tales from the Future

    เรื่องราวบทที่สอง เริ่มต้นขึ้นเมื่อ "SeeD" ทหารรับจ้าง ผู้มีหน้าที่หลักในการสังหารแม่มด ได้เดินทางไล่ล่าแม่มดอัลติมีเซีย (Ultimecia) จากโลกอนาคต กลับมายังยุคปัจจุบัน เบื้องหน้าอิเดียและเด็กน้อยสคอลล์

    ...อิเดียตัดสินใจที่จะรับมอบพลังเฮือกสุดท้ายของแม่มดจากอัลติมีเซียมาไว้ที่ตนเอง เพื่อปกป้องเหล่าเด็กๆของเธอ...และได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของ SeeD เป็นครั้งแรก จากปากของเด็กหนุ่มจากโลกอนาคตนั่นเอง

    อีเดียและสามี ตัดสินใจก่อตั้งโรงเรียนพิเศษ ภายใต้ชื่อ "Garden" ขึ้นมาตามคำแนะนำของชายหนุ่ม ด้วยการนำเหล่าเด็กกำพร้า มาบ่มเพาะเป็นกองกำลัง SeeD ในฐานะนักเรียนทหาร ที่รับจ้างปฏิบัติภารกิจเสี่ยงภัยต่างๆ และมีจุดหมายสูงสุดที่ซ่อนเร้น เป็นการ"กำจัด"แม่มดผู้ก่อกลียุค...กำจัดตัว "อีเดีย" ที่รอวันจะถูกควบคุมนั่นเอง !!

    [​IMG]

    สิงห์หนุ่มผู้เย็นชา สคอลล์ ได้เติบโตมาในฐานะ SeeD ฝีมือเยี่ยม และได้มีโอกาสพบกับสาวน้อย รีนอร์ ฮาร์ททิลลี่ (Rinoa Heartilly) ผู้ว่าจ้างให้เขาไปร่วมกับกองกำลังปลดปล่อย เพื่อเผชิญหน้ากับ "แม่มดอีเดีย" ผู้ถูกครอบงำจากพลังของแม่มดอัลติมีเซีย แห่งโลกอนาคต

    ...อาจกล่าวได้ว่า แผนรับมือของอีเดียตั้งแต่เมื่อกาลก่อน ดำเนินไปด้วยดี...เหล่า SeeD ที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง ถึงตัวตนที่แท้จริงของแม่มดผู้เคยเป็นแม่เลี้ยงของพวกเขา ได้สู้ห้ำหั่นกันจนไปถึงบทสรุป...แม่มดอีเดียถูกปลดปล่อยจากพลังด้านมืดในที่สุด...แต่พลังแม่มดนั้น กลับถูกถ่ายทอดต่อไปยังสาวน้อยรีนอร์ !!

    ที่สุดของที่สุด แผนการณ์ของแม่มดแห่งโลกอนาคต อัลติมีเซีย ก็ได้กระจ่าง เบื้องหน้าคนทุกผู้...นั่นคือความปรารถนาซ่อนเร้น ที่จะใช้พลังในการส่งสัมปชัญญะของเอลโอเน่ เดินทางย้อนกลับไปครอบงำแม่มดต่างยุคต่างสมัย...เพื่อทำการ "บีบอัด" มิติแห่งห้วงเวลา ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ให้ควบเหลือเพียงยุคสมัยเดียว

    ...และ ณ จุดบรรจบ แห่งช่วงเวลาที่บีบอัดนั้น...สิ่งมีชีวิตเพียงหนึ่ง ที่จะหลงเหลืออยู่ได้ ท่ามกลางซากปรักหักพังของกาลเวลา ก็คือเธอ...แม่มดผู้เป็นนิรันดร์ !!!

    [​IMG]

    Behind the cover

    Final Fantasy VIII - บทแห่ง "ช่วงบรรจบ" - นี้ นับเป็นอีกหนึ่งภาค ที่ปฏิวัตินิยามของไฟนอล แฟนตาซี ให้เปลี่ยนไปอย่างรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง ด้วยการปรับโทนของเรื่อง ให้มีความ"ร่วมสมัย"มากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...เน้นการประยุกต์รวมกัน ระหว่างเทคโนโลยีสุดล้ำยุค กับสิ่งเพ้อฝันที่กรั่นกรองมาจากจินตนาการ

    ...แม้จะไม่ใช่ครั้งแรก ที่มีการพยายามใส่ "อารยธรรม" ที่ล้ำสมัย หรือ "วิทยาการ" ไฮเทคจากโลกความเป็นจริงเข้าไปในตัวซีรีย์...แต่ไฟนอล แฟนตาซี 8 นี้ ก็นับเป็นภาคแรก ที่หยิบจับสิ่งเหล่านั้น มาสร้างเป็นธีมใหญ่โต จนถึงขั้นกลายเป็นโครงหลักของภาค...แน่นอนว่า แฟนๆจำนวนไม่น้อย ย่อมจะไม่พอใจเลย กับการที่ผู้สร้างได้กลบกลิ่นอายแห่งแฟนตาซี ด้วยบรรยากาศของเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่รุนแรงเป็นพิเศษ...จะยานอวกาศก็ดี สถานีภาคพื้นดินสุดหรูก็ดี ลิฟต์แก้วเคลื่อนที่ความเร็วสูงก็ดี...และอื่นๆอีกมาก ที่ก่อเกิดกระแสต่อต้านในช่วงเวลาดังกล่าว

    แต่หากมองในอีกแง่มุมหนึ่ง ก็คงกล่าวได้ว่า นี่เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของภาค ที่กล้านำแนวคิด"ร่วมสมัย"เล็กๆน้อยๆ จากภาคก่อนหน้ามาสานต่อ ฉีกรูปแบบแห่งความเป็น"แฟนตาซีย้อนยุค" ที่ผู้เล่นติดตามาแสนนาน...ซึ่งก็น่าจะพูดได้เต็มปากว่า เป็นการเสี่ยงที่ได้ผลน่าพอใจทีเดียว...เพราะองค์ประกอบที่เห็นทั้งหมดนั้น ล้วนเป็นผลลัพธ์ที่ได้กลั่นกรองมาอย่างพิถีพิถันแล้ว จนเกิดเป็นเอกลักษณ์ที่ติดตาติดใจ ไม่มีใครเหมือน

    ...เช่นเมื่อพิจารณาจากยุคปัจจุบัน แนวคิดผสมผสานหลายๆอย่าง ก็ยังคงเด่นชัดในความทรงจำ ดังเช่น เครื่องจักรเวทมนต์ที่สร้างขึ้น โดยเลียนแบบคลื่นสมองของผู้มีพลังพิเศษ / การผนึกแม่มดผู้ชั่วร้ายใส่โลงแช่แข็ง และยิงขึ้นไปปล่อยโคจรในอวกาศ หรือกระทั่งอาคารขนาดยักษ์สีดำมืด ที่ใช้ควบคุมปรากฏการณ์เรียกหาสัตว์ประหลาดจากดวงจันทร์ เป็นต้น

    [​IMG]
  23. zieghart

    zieghart New Member

    EXP:
    351
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    นอกจากธีมหลักของภาค ที่ให้อารมณ์ไซไฟแล้ว ประเด็นอื่นๆที่ก่อกระแสตอบรับที่รุนแรงก็ดังเช่น ความสัมพันธ์ของคู่พระนาง ที่หลายคนคิดว่า เน้นหลักในเรื่องของ"ความรัก" มากเสียจนออกนอกหน้า...ซึ่งในความเป็นจริง ประเด็นเรื่องความรักนั้น น่าจะเรียกว่า ไฟนอล แฟนตาซี 6 เมื่อครั้งก่อนนั้นมากกว่า ที่มีเรื่องราวความรักอยู่หลากหลายรูปแบบ และเน้นย้ำมากเสียจนเป็นประเด็นหลักของภาค

    "ความรัก" ในไฟนอล แฟนตาซี 8 นี้ แม้จะดูราวกับเป็นประเด็นสำคัญ...แต่ก็มิได้ถูกให้ความสำคัญเสียเกินพอดี จนกลบแก่นหลักของเนื้อหาไปเลย...กลับกัน เรื่องราวความรักในเชิงหนุ่มสาวของตัวละครหลักนั้น อยู่ในระดับที่ลึกซึ้งพอเหมาะแล้ว ที่จะดึงตัวเนื้อหา และปัญหาปมทางจิตของตัวเอก ให้ไปสู่บทสรุปที่ลงตัว สมเหตุสมผลได้ ในตอนท้ายเรื่อง

    [​IMG]

    ...เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบ และบรรยากาศหลายๆอย่างแล้ว อาจกล่าวได้ว่า นี่เป็นอีกภาค ที่มีเสียงตอบรับจากผู้เล่น หรือผู้ชมที่เป็น'ผู้หญิง' มากที่สุดภาคหนึ่ง...อาจด้วยการออกแบบตัวละคร ที่เน้นหน้าตาหล่อเหลา ดูดีมีสไตล์ และการเขียนบทที่ชวนให้นึกถึงภาพยนตร์ หรือหนังซีรีย์สัญชาติตะวันออกอย่างอดไม่ได้...

    ทั้งเรื่องราวความรักที่ไม่สมหวังของรุ่นพ่อแม่ เรื่องราวการสานต่อในรุ่นลูก ความสัมพันธ์เริ่มต้นแบบทะเลาะจิกกัดของคู่พระนาง รวมไปถึงเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างหนึ่งสาว และสองหนุ่มที่เป็นคู่รักคู่แค้นกันเรื่อยมา...สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ซึ่งแทบไม่เคยปรากฎในภาคก่อนๆเหล่านี้ จะมองว่ามันทำให้"อมยิ้ม" หรือ "คลื่นไส้" ก็ดี...อย่างน้อยผู้สร้างก็ประสบความสำเร็จ ในการสร้างบรรยากาศโรแมนติค ที่คนรุ่นใหม่คุ้นเคย เข้าถึงง่าย และขยายกลุ่มเป้าหมายไปได้อย่างที่ตั้งใจ

    ตัวภาพลักษณ์ของเกมส์ ก็พัฒนาขึ้นจากภาคก่อนอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสัดส่วนของตัวละคร การเคลื่อนไหวที่สมจริง และฉาก Movie ที่สวยงามโดดเด่น...ทั้งฉากต่อสู้เปิดตัวเกมส์ ,ฉากงานเต้นรำของคู่พระนาง และฉากทุ่งดอกไม้ในตอนจบ ต่างล้วนเป็นภาพที่ติดตา และจดจำกันได้อย่างแม่นยำจนถึงทุกวันนี้

    ...และเหนือสิ่งอื่นใด นี่เป็นภาคแรกของซีรีย์ ที่มีเพลงประกอบคำร้อง Vocal song ออกมาในเกมส์อย่างเป็นทางการ...เพลงสำคัญจากท้องเรื่อง ที่สะท้อนความรู้สึกอบอุ่นและโหยหา ชวนให้ผู้เล่นระลึกถึงบทสรุปแห่งความรักที่ไม่สมหวัง...เพลง Eyes on me ที่โด่งดังนั่นเอง

    [​IMG]

    มาว่ากันถึงระบบเกมส์ ที่อาจจะมีเพียงระบบการต่อสู้แบบช่วงชิงเวลา (Active Time Battle) เท่านั้น ที่ยังสืบต่อมา แต่สิ่งหลักๆที่เหลือ...ทั้งหน้าต่างเมนูสีฟ้าในตอนต่อสู้ เงินที่ได้จากการฆ่ามอนสเตอร์ อุปกรณ์เครื่องป้องกันที่หลากหลาย และการตั้งหน้าตั้งตาเก็บเลเวล...ทั้งหมดนั้น ล้วนพลิกโฉมไป แทนที่ด้วย ระบบเงินเดือน ที่จะเพิ่มขึ้นจากการปฏิบัติภารกิจและทำข้อสอบ / อาวุธใหม่ที่จะได้จากการรวบรวมวัตถุดิบมาตีอัพเกรดของเดิม / พัฒนาการของมอนสเตอร์ ที่จะเก่งขึ้นเรื่อยๆตามตัวเรา / การนำมนตร์อสูร มาเชื่อมต่อกับตัวละคร ให้ได้อบิลิตี้ใหม่ๆมาใช้...

    และที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ ระบบการ Draw - "ดึง"เวทมนตร์จากตัวศัตรู มาสะสมไว้ร่าย หรือติดตั้งเพื่อเพิ่มความสามารถให้กับตัวละคร...ซึ่งเป็นระบบที่แฟนๆหลายคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า เป็นระบบที่ไม่เข้าท่ามากที่สุดระบบหนึ่งในประวัติศาสตร์ซีรีย์ไฟนอล แฟนตาซีกันเลยทีเดียว

    เรื่องของอบิลิตี้ และท่าพิเศษในภาคนี้ มีการพัฒนาให้น่าสนใจขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการพยายามสร้าง Interaction - ปฏิสัมพันธ์ระหว่างเกมส์กับผู้เล่นให้มากขึ้น เช่นการใช้ท่าไม้ตาย ที่ต้องกดปุ่ม ตามจังหวะ ขยี้ปุ่มรัวๆ กดสลอตแมชชีน หรือกดชุดคำสั่ง ในเวลาที่จำกัด รวมไปถึงการเรียนรู้อบิลีตี้จากการเดินไปมา อ่านหนังสือ หรือใช้ไอเทม เป็นต้น

    [​IMG]

    Last page’s story – The Junction of Time

    แม้จะมีผู้คนพยายามมาหลายต่อหลายครั้ง...แต่ รีนอร์ ฮาร์ทีลี่ กลับเป็นผู้หญิงคนแรกและคนเดียว ที่สามารถทำลายสายโซ่แห่งความทรงจำอันเปลี่ยวเหงาของชายหนุ่มจนสำเร็จ...สคอลล์รู้สึกถึงความปรารถนา และความรู้สึกอันรุนแรงที่เกิดขึ้นในใจเป็นครั้งแรก...เขาสัญญาจากหัวใจ ว่าจะกลับไปหาหญิงสาวคนสำคัญของตนให้จงได้

    ...ปฏิบัติการครั้งใหญ่ของเหล่า SeeD เริ่มต้นขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย...ทุกคนจัดการแม่มดอาเดลที่ถูกปลุกขึ้นมาได้สำเร็จ อัลติมีเซียไม่มีทางเลือกอื่น จึงต้องอาศัยร่างของรีนอร์เป็นภาชนะแห่งแม่มดยุคปัจจุบัน...เอลโอเน่ไม่รอช้า ส่งจิตของทั้งสองกลับไปยังร่างของแม่มดในยุคอดีต...อัลติมีเซียยิ้มร่า แผนการบีบอัดเวลาต่างยุคต่างสมัย...ประสบความสำเร็จแล้ว...

    แต่ก่อนที่แม่มดร้ายจะทันรู้ตัว เอลโอเน่ตัดการเชื่อมต่อของสัมปชัญญะทั้งหมด...ดึงรีนอร์กลับยุคปัจจุบัน และลากอัลติมีเซียกลับไปยังโลกอนาคตได้สำเร็จ...สคอลล์เดินทางผ่านห้วงเวลาที่ถูกบีบอัดนั้น ไปปรากฏกายต่อหน้าแม่มดร้ายในยุคอนาคต...และกำจัดเธอลงได้ในที่สุด !


    ..............ภาพรอบข้างลางเลือน...ชายหนุ่มพลัดหลงกับผองเพื่อน ในมิติเวลาที่แสนสับสน...สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของเขา คือร่างบอบช้ำก่อนสิ้นลมของอัลติมีเซีย ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เขาคุ้นเคยเมื่อครั้งอดีต...พร้อมกับอีเดีย และตัวของเขาเอง ในวัยเยาว์

    ..ณ จุดบรรจบแห่งช่วงเวลาทั้งมวลนั่นเอง สิงห์หนุ่มเข้าใจได้ทันทีว่า หน้าที่ในยุคสมัยของเขา กำลังจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า และถึงเวลาแล้ว ที่เขาจะส่งไม้ต่อ บอกผ่านเรื่องราวทั้งมวล ให้กับ"ตัวตน" ของ"ตัวเอง" ที่กำลังไล่ตามมา จากห้วงอดีตที่ห่างไกล...

    [​IMG]

    Closing Comment

    กล่าวโดยสรุป...ภาคที่สอง ของไตรภาคที่สาม ในซีรีย์ไฟนอล แฟนตาซีนี้ เป็นอีกหนึ่งจุดบรรจบ ที่เชื่อมโยงองค์รวมทั้งหมด ของซีรีย์สมัยครั้งเก่าก่อน เข้ากับเส้นทางที่ตัวมันจะมุ่งหน้าต่อไปในอนาคต...เป็นการเปลี่ยนแปลงในหลายๆด้าน ที่ย่อมเลี่ยงกระแสตอบรับที่รุนแรงไม่ได้...แต่หากมองย้อนกลับไปจากทุกวันนี้ ไฟนอล แฟนตาซี 8 นับว่าเป็นภาคสำคัญ ที่มีบทบาทต่อทิศทางของซีรีย์ในยุคต่อๆมา และช่วยขยายกลุ่มเป้าหมายของตัวเกมส์ ให้กว้างไกลขึ้นมาก จนถึงขั้นเป็นปรากฏการณ์เลยก็ว่าได้

    โดยส่วนตัวแล้ว จุดที่ผมถูกใจมากของภาคนี้ ก็เป็นเรื่องของ"ตัวละครหลัก" สิงห์หนุ่มจอมเหงาผู้ประหยัดถ้อยคำ...นายสคอลล์ของเรา ที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างซับซ้อน และเต็มไปด้วยปมทางจิตวิทยาที่สมจริงหลายๆขั้น

    ...ทุกครั้งที่เนื้อหาดำเนินไป พวกเราเหล่าคนเล่น จะค่อยๆเห็นพัฒนาการทางอารมณ์ของเจ้าหนุ่มทีละน้อย...ปมใหม่จะถูกเผยมาทีละนิด ปมเก่าจะถูกแก้ทีละหน่อย จนไปถึงบทสรุปสุดท้ายได้อย่างลงตัวพร้อมๆกับที่ตัวเกมส์สิ้นสุดลง...เหล่าผู้เล่นจะรู้สึกได้เลยว่า ชายหนุ่มหน้าบากคนนี้ เป็น "จุดศูนย์กลาง" ของปัญหารอบตัว...และเป็นกลจักรที่สำคัญที่สุด ของความขัดแย้งในตัวเรื่องอย่างแท้จริง

    [​IMG]

    ส่วนเรื่องของการกำหนดธีมหลัก เป็นเรื่องของเทคโนโลยีผสมกับแฟนตาซีนั้น...ส่วนตัวผมเอง ไม่มีข้อค้านมากนัก กลับถูกใจความคิดที่หลากหลายเสียอีก ทั้งเรื่องการบีบอัดเวลาอดีตปัจจุบันอนาคตให้เป็นยุคเดียว / การส่งสัมปชัญญะของผู้คนให้ย้อนกลับไปในต่างยุคสมัย / ปรากฏการณ์ Lunar cry ที่สัตว์ประหลาดจากดวงจันทร์ จะเดินทางลงมายังโลกมนุษย์ เป็นสายราวกับน้ำตาที่หลั่งจากดวงจันทร์/ การปลดปล่อยหญิงสาวที่ถูกพลังครอบงำ ท่ามกลางห้วงอวกาศที่เวิ้งว้าง / การกำจัดแม่มดร้าย โดยผนึกใส่โลง ยิงทิ้งไปนอกผิวโลก ฯลฯ...ทั้งหลายเหล่านี้ ล้วนเป็นส่วนผสมที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว จนต้องยิ้มชมออกมาว่า

    ...ถ้าไม่ใช่ไซไฟ-แฟนตาซี...คงทำไมได้แบบนี้เลยนะนี่...



    แด่จุดบรรจบ ศุนย์รวมแห่งโชคชะตาที่ทาบทับกัน



    --Trace Memory…Trace Fantasy--

    To be continued…Final Fantasy IX – บรรเลงเพลงร้อง ท่วงทำนองผู้วายชนม์


    >>ลิงค์บทความ ภาค8<<
  24. JStrieve

    JStrieve New Member

    EXP:
    6
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    เข้ามาอ่านจนตาแฉะเลยครับ อิอิอิ

    อ่านแล้วนึกถึงภาคเก่าๆ เลยครับ ทั้งระบบ ทั้งเนื้อเรื่อง ทั้งระดับความยาก ง่าย และระบบการเล่น การต่อสู้ที่เปลี่ยนไป ^^ ตอนนี้ขุดภาคเก่ามาเล่นอยู่ครับ อิอิอิ เพิ่งเล่น ภาค 9 จบ กำลังต่อภาค 8 และคิดว่าคงจะไล่จนครบอีกรอบนึงแน่ๆ

    สำหรับผม ผมชอบภาค 7 ครับ เพราะเป็นภาคที่ค่อนข้างลงตัวทั้งเนื้อเรื่อง ปูมหลังตัวละคร ระบบการเล่น และอื่นๆ โดยเฉพาะเนื่อเรื่องที่ค่อนข้างสมบูรณ์อยู่แล้ว และยังที่จะแยกกออกมาเป็นเกมส์อีก 3 ภาค และ CG Animation อีกภาคนึงจากเนื้อเรื่องหลัก โดยที่เนื้อเรื่องทั้งหมดสามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นภาคแรกที่ผมเล่นจบมากกว่า 10 รอบครับ อิอิอิ เพราะเล่นยังไงก็ไม่เบื่อครับ

    ส่วนความคลาสสิคในส่วนของเกมส์ซีรีย์นี้ผมมองว่าภาคที่ไม่ค่อยดังอย่างภาค 5 ให้มนต์เสน่ห์ตรงจุดนั้นน่ะครับ (อาจจะค้านกับความเห็นบางคนนะครับ) ทั้งเรื่องระบบการเล่นที่นำเอาระบบ job มาใช้ พ่วงกับการพัฒนาระบบ Ability ของแต่ละอาชีพมาใช้ร่วมกันได้ ซึ่งทำให้ตัวละครมีความสามารถมากขึ้น ด้านองค์ประกอบรวมของช่วงเวลานั้น เล่นแล้วให้ความรู้สึกว่าเป็น Fantasy จริงๆ ครับ ทั้งรูปแบบของปราสาท หมู่บ้าน ชาวเมือง และยังคงไว้ซึ่งมังกรไว้ใช้เป็นพาหนะด้วย เนื้อเรื่องที่มีความเกี่ยวโยงกับคริสตัล ซึ่งเป็นศูนย์รวมของพลังของโลก เรียกได้ว่าเป็นการรวมความคลาสสิคของยุคนั้นไว้จริงๆ เลยก็ว่าได้ เพราะตามที่ผมมองในส่วนเมนธีมของแต่ละภาคนั้น ตั้งแต่ภาคที่ 6 ขึ้นมาเนื้อเรื่องจะไม่เกี่ยวข้องกับคริสตัลอีกต่อไปแล้ว จนมาถึงภาคที่ 9 ครับที่ผมมองว่า ผมเล่นแล้วนึกถึง Final Fantasy 5 ไม่ใช่ในเรื่องระบบของการเล่นนะครับ ด้วยธีมของเนื้อเรื่อง สภาพบ้านเมือง ปราสาท ผู้คน ชาวเมือง มีอัศวิน เจ้าหญิง พระราชา พระราชินี โดยเฉพาะพ่อมดดำตัวน้อยๆ Vivi และชุดที่เหมือนนักเวทย์มนต์ขาวสมัย Final Fantasy 1-5 (ที่เจ้าหญิง Garnet ใส่หนีไปขึ้นเรือเหาะตอนแรก หากใครยังจำได้) ที่ห่างหายไปนาน

    ส่วนปัจจุบันนี้ยอมรับว่าตัวเองรอภาค 7 รีเมคที่เห็นว่าจะลง PS3 ถึงแม้ว่าอาจจะเป็นความหวังลมๆ แล้งก็ตามครับ ^^ อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวผมนะครับที่เล่นมาเกือบทุกภาค ตัวผมเองเล่นไม่ครบหรอกครับ ภาคใหม่ๆ ที่ไปลง PSP กับ PS2 และ DS อย่างภาค Crisis Core, FF X, FF X-II, FFXII, FF VII DC และ ภาค 3 รีเมคครับ

    แต่ยอมรับท่าน Zieghart ครับ ถ่ายทอดในรายละเอียดที่ผมไม่รู้ และไม่เคยรู้มาก่อน มาตีแผ่เป็นบทความครับ
    ขอคารวะจากใจครับ ^^
  25. Rishido

    Rishido New Member

    EXP:
    7
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    โอ้ววว หายไปนานเลยนะครับ คุณ zieghart นึกว่าจะไม่ทำต่อซะแล้ว ยังไงก็รอติดตามผลงานต่อไปนะครับ ภาคต่อไปเป็นอีก1ในภาคที่ผมชอบที่สุดด้วยสิ ขอบคุณนะครับสำหรับบทความดีๆ :)

Share This Page