เรียบเรียงจากไฟล์เสียงเว็บ : ธรรมะติดปีก โดยท่าน ว. วชิระเมธี มองโลกแง่บวกแบบพระพุทธเจ้า ทำอย่างไร? คราวหนึ่งขณะที่พระพุทธเจ้าทรงเสด็จเยือนเมืองเวรัญชา เวรัญพราหมณ์กล่าวตำหนิพระองค์อย่างรุนแรง แต่พระองค์กลับทรงยิ้มรับคำตำหนิของพราหมณ์ทุกข้อด้วยวิธีคิดแบบ "มองโลกในแง่ดี" หรือวิธีคิดเชิงบวก จนในที่สุดเวรัณพราหมณ์ต้องยอมค้อมคารวะหันมายอมรับนับถือพระพุทธองค์ พระธรรม และพระสงฆ์เป็นสมณะที่พึ่ง ทรงมองโลกในแง่ดีอย่างไร สังเกตได้จากคำโต้ตอบต่อไปนี้ * พราหมณ์ : "พระโคดม พระองค์เป็นคนไม่มีรสชาติ" * พระพุทธเจ้า : "ท่านพูดถูกแล้วพราหมณ์ เพราะรสแห่งรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส เราละได้หมดสิ้นแล้ว" * พราหมณ์ : "พระโคดม พระองค์เป็นคนไม่มีสมบัติ" * พระพุทธเจ้า : "ท่านพูดถูกแล้วพราหมณ์ เพราะสมบัติคือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส เราละได้หมดสิ้นแล้ว * พราหมณ์ : "พระโคดม พระองค์ดีแต่สอน ไม่ให้ทำ" * พระพุทธเจ้า : "ท่านพูดถูกแล้วพราหมณ์ เพราะเราสอนไม่ให้กระทำทุจริตทางกาย วาจา และทางใจ รวมคำสอนไม่ให้กระทำชั่วบรรดามีทั้งหมด" * พราหมณ์ : "พระโคดม พระองค์สอนให้ทำลาย" * พระพุทธเจ้า : "ท่านพูดถูกแล้วพราหมณ์ เพราะเราสอนให้ทำลายกิเลส คือราคะ โทสะ โมหะ รวมทั้งความชั่วบรรดามีทั้งหมด" * พราหมณ์ : "พระโคดม พระองค์เป็นคนน่ารังเกียจ" * พระพุทธเจ้า : "ท่านพูดถูกแล้วพราหมณ์ เพราะเรารังเกียจความชั่วทางกาย ทางวาจา ทางใจ รวมทั้งความชั่วบรรดามีทั้งหมด" * พราหมณ์ : "พระโคดม พระองค์เป็นคนช่างกำจัด" * พระพุทธเจ้า : "ท่านพูดถูกแล้วพราหมณ์ เพราะเราแสดงธรรมก็เพื่อสอนให้กำจัดราคะ โทสะ โมหะ รวมทั้งความชั่วบรรดามีทั้งหมด" * พราหมณ์ : "พระโคดม พระองค์เป็นนักเผาผลาญ" * พระพุทธเจ้า : "ท่านพูดถูกแล้วพราหมณ์ เพราะเราแสดงธรรมเพื่อเผาผลาญความชั่วทางกาย ทางวาจา ทางใจ " * พราหมณ์ : "พระโคดม พระองค์เป็นคนไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด" * พระพุทธเจ้า : "ท่านพูดถูกแล้วพราหมณ์ เพราะเราละการปฏิสนธิในครรภ์และการเกิดใหม่ได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว การที่ท่านเรียกเราว่าเป็นคนไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดจึงนับว่าถูกต้องแล้ว" ไม่ว่าจะสรรหาคำต่อว่าที่รุนแรงเพียงไรมาใช้ พระพุทธองค์ก็ไม่กริ้ว กลับทรงยิ้มรับทุกคำต่อว่าอย่างมีความสุข คำต่อว่าที่พราหมณ์นำมาใช้นั้น ในสังคมอินเดียถือว่าเป็นคำต่อว่าที่รุนแรง(ด่า) แต่พระพุทธองค์กลับยิ้มรับ เพราะทรงนำคำเหล่านั้นมาใส่ความหมายเสียใหม่ พอเติมความหมายอย่างที่พระพุทธองค์ทรงนิยามให้ใหม่แล้ว คำต่อว่าก็เลยกลายเป็นคำชม เวรัญพราหมณ์ตั้งใจมาด่า แต่กลับกลายเป็นว่ามายกย่องพระพุทธองค์ไปเสีย ในที่สุดเมื่อไม่สามารถทำให้พระพุทธองค์ทรงกริ้วได้ เวรัญพราหมณ์ก็ต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้เสียเอง และได้ปฏิญาณตนเป็น พุทธมามกะนับแต่นั้นเป็นต้นมาจนตลอดชีวิต ================================================= ผมคิดว่า ถ้าใครคิดว่าการมองโลกแง่ดีเกินไปเป็นผลเสียผมว่าก็มองได้สองแบบครับคือ 1. มองโลกแง่ดีแบบไม่ใช้ปัญญา เช่นเห็นฟ้าครึ้มอยู่แล้ว ยังจะมองแง่ดีอยู่ว่าฝนไม่ตกแน่ แบบนี้เค้าเรียกประมาทแล้ว 2. มองโลกแง่ดีแบบใช้ปัญญา หากสังคมเราเป็นแบบนี้คงเกิดสันติได้ ไม่มีการเทาะเลาะวิวาทกันเพราะคำผรุสวาทเป็นแน่ ... :spin: :spin: ตัวอย่างนี้ก็อย่างเช่น รณรงค์ ย่อมดีกว่า ต่อต้าน แม่ชีทเรซ่าจึงไม่เคยเข้าขบวนประทัวงใดๆ แต่ถ้าเป็นขบวนรณรงค์ จึงจะเข้าร่วม นี่เอง...
อืม...น่าคิดนะใช่เลย การยกคำสอนของพระพุทธองค์ขึ้นมาทำให้เราได้แง่คิดอะไรดีๆเสมอ ยอมรับว่าการมองในแง่ดีทำให้โลกรอบตัวมันดีขึ้น อย่างน้อยตัวเรามันก็ไม่ร้อนจากการคิดด้านลบนั่นแหละ
เฉียบขาดมาก ขอบคุณมากครับ แต่ก่อนผมก็ไม่ยอมมองโลกในแง่ดี เพราะ ขาดปัญญานี่ละครับ เลยพลอยเข้าใจผิดไปใหญ่
เวลาผมจะมองโลกในแง่ดี ผมมักจะดูก่อนว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร ตอนหน้าเป็ฺนอย่างไรครับ ถ้ามองโลกในแง่ดีแบบแรก ก็...... ประมาทแล้ว เป็นการมองโลกในแง่ดีที่สุดยอดจริงๆครับ