Gundam seed destiny parody fanfiction : SHINING STAR กระทู้1

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย whitewing, 13 พฤศจิกายน 2007.

  1. kisa

    kisa New Member

    EXP:
    150
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    กะจะอ่านรวดเดียว2หน้า แต่ไม่สามารถค่ะ ตาลายไปเลย ^^"

    คห.เล็กน้อย :ตรงสีเหลืองอ่านลำบากพอสมควรเลยค่ะ ลองใช้สีอื่นจะดีกว่ามั้ยคะ ^^"
  2. laiga

    laiga New Member

    EXP:
    11
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ท่านไวท์วิงอึดสุดยอดเลยแฮะ
  3. whitewing

    whitewing New Member

    EXP:
    120
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ตายแล้ว รู้สึกผิด คือที่ใช้สีออกส้มๆเหลืองๆเพราะคิดจะใช้แทนมุมมองของคางาริน่ะค่ะ (สีม่วงแทนคิระ สีเขียวอมฟ้าแทนของอัสรัน สีชมพูของลักซ์ สีแดงเข้มแทนอีน้องชิน) อันที่จริงก็มีคนบ่นมาเยอะนะว่าแสบตา เดี๋ยวจะลองเพิ่มเป็นเฉดที่เข้มขึ้นนะคะ :china: ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ค่า

    เอ....จะทำยังไงดีน๊ากับปัญหาของท่านๆที่อ่านแล้วรู้สึกตาลาย...? จะให้ลองเพิ่มขนาดฟอนท์แล้วลดปริมาณที่โพสต์ลงแต่ละครั้งดีมั๊ยคะ?
  4. Alcard

    Alcard New Member

    EXP:
    6
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    เรื่อง font ผมว่าไม่ต้องเปลี่ยนแล้วนะคับเปลี่ยนตรงสีช่วงของคางาริก็พอ ที่เวียนหัวก็เพราะอ่านที 2 หน้าอ่ะ แต่ถ้าอ่านทีละตอนก็ไม่เป็นไรครับ
  5. bellx16

    bellx16 New Member

    EXP:
    8
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    สนุกมากเลยครับ ลงที่ 2 หน้าเลย อึดสุดเลยครับ ยังไงก็ช่วยมาต่อหน่อยน่ะครับ
  6. kisa

    kisa New Member

    EXP:
    150
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    คิดว่าขนาดfont+ปริมาณโพสต์ก็โอเคแล้วค่ะ เพียงแต่ตรงสีเหลืองพออ่านนานๆแล้วมันจะชวนตาลายอะค่ะ(แบบว่าต้องเพ่ง^^")
  7. whitewing

    whitewing New Member

    EXP:
    120
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    เดี๋ยวจะลองเพิ่มเฉดสีให้เข้มขึ้นดูนะคะ มาดูกันว่าจะอ่านสบายขึ้นมั๊ย

    CHAPTER 30:prepare to Dance

    เช้าวันต่อมา ณ St. Angela Ursuline Convent

    ถามว่าชั้นรู้สึกตื่นเต้นเหมือนสาวๆคนอื่นมั๊ยน่ะเหรอ?
    หึ! งั้นชั้นก็ตอบได้เลยว่า

    “ไม่เลยซักกะนิด!”

    เพราะเวลามันไม่ใช่เวลาของการมาตื่นเต้นยินดีซักหน่อยนี่!! สำหรับชั้น ย้ำอีกครั้งชัดๆว่าการที่ต้องควงเจ้าSirหัวม่วงที่ชื่อ Yuna Roma Zerun นั่นน่ะไปงานเต้นรำในฝันที่เฝ้ารอมานานแบบนี้.....สู้ให้ชั้นขัดพื้นโบสถ์ใหญ่หรือล้างส้วมหอพักมันทั้งเดือนยังดีกว่าร้อยเท่าพันทวี!!!

    อี๊ยยย์!!! แค่นึกภาพตัวเองต้องไปเต้นวอลซ์อยู่ในวงแขนที่เต็มไปด้วยกลิ่นน้ำหอมสุดฉุนชวนอาเจียนของหมอนั่นแล้ว มันก็ชวนให้ชั้นเกิดอาการคลื่นเหียนวิงเวียนขึ้นมาจริงๆเลยล่ะ

    ดังนั้น ในชั่วโมงโฮมรูมตอนเช้าที่บรรดาMadameผู้จัดงานได้เรียกให้บรรดานักเรียนสาวๆตั้งแต่เกรด 7 ถึงเกรด 12 มารวมตัวกันเพื่อซ้อมการเต้นรำที่ฮอลล์ใหญ่ ขณะที่Madame Abby Windsorกำลังคุมน้องๆเกรด 7, 8 และ 9 ซ้อมเต้นวอลซ์ในเพลงหมู่ ชั้นกับพวกยัยAsagiเพื่อนรักทั้งสามคน ก็เลี่ยงออกมานั่งจับกลุ่มแอบคุยอยู่หลังเสาตึกใหญ่
    เพราะเจ้า “วิกฤต” ที่ว่านี้กำลังจะมาถึงตัวของชั้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงแล้ว!! พวกเราจึงต้องวางแผนเตรียมการรับมือให้รัดกุมที่สุด!!

    “เอาล่ะนะ ชั้นจะทวนยุทธวิธีของพวกเราในคืนนี้ให้ฟังอีกครั้งนะ”
    เมื่อไหร่ก็ตามที่กระจกแว่นบนดั้งของJuri ส่องแสงแว้บ นั่นหมายความว่า ถึงเวลาจริงจังซีเครียดของจริงแล้ว พวกเราที่เหลืออีกสามคนกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่แทบจะพร้อมกัน ขณะตั้งใจฟังเต็มที่ เพื่อนสาวแว่นโตมองซ้ายมองขวาก่อนควักบัตรเชิญสามใบที่จ่าหน้าถึงบรรดาพ่อๆของตระกูล Labat, Cordwell และ Nien ออกมาจากกระเป๋าเสื้ออย่างรวดเร็ว
    “ชั้นขโมยบัตรเชิญในส่วนของชั้น Asagi แล้วก็ Mayuraมาได้สำเร็จก่อนที่มันจะถูกส่งไป เพราะฉะนั้น...ปีนี้พวกพ่อๆของพวกเราถึงมาไม่ได้เพราะไม่ได้รับบัตรเชิญ จึงถือว่านี่เป็นทางสะดวก”

    พวกเราที่เหลือสามคนพยักหน้าหงึกๆพลางเอ่ยขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย “แจ่ม!” Juriจึงว่าต่อ
    “ทีนี้ ต่อไปชั้นจะแจกแจงเรื่องหน้าที่ของแต่ละคนนะ คนแรก Cagalli”
    เสียงเรียกชื่อเข้มซะจนทำเอาชั้นต้องสะดุ้งเฮือก
    "จ....จ๋า!!"
    ”หน้าที่ของตัวเองคือไม่ว่ายังไง จะอยากหรือไม่อยาก ตัวเองก็ต้องออกมาพบเจ้าท่านเซอร์หัวกะหล่ำม่วงนั่น ห้ามงอแงง๊องแง๊งเด็ดขาด ไม่งั้นแผนการณ์ของพวกเราถึงกาลจบเห่หมด เข้าใจมั๊ย??”

    ชั้นนิ่วหน้า ฮึ๊ยย...!! ยัยเพื่อนสาวพวกนี้มันช่างรู้ดีไปหมด ชั้นเลยได้แต่ตอบรับไปเสียงอ่อยๆว่า
    “งือ...จ้า”

    เพื่อนสาวนักวางแผนพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนว่าต่อ
    “ดีมาก หน้าที่ต่อไปคือ พาเจ้านั่นมาที่ฮอลล์จัดงาน ห้ามลากไปตีหัวแตกตายที่ไหนก่อนด้วย”
    เอ๊ะ!! ยัยJuriนี่ยังไง เห็นชั้นเป็นพวกป่าเถื่อนไปได้ (ถึงใจจริง ชั้นล่ะอยากจะทำแบบนั้นแทบตายก็เถอะ!!)

    “พอพาเจ้านั่นมาที่ฮอลล์แล้ว ตัวต้องทำตัวดีๆกับมันให้มันตายใจก่อนด้วย"
    "...ทำให้ตายใจ? พูดน่ะมันง่าย แต่จะให้ชั้นทำยังไงล่ะ? พวกตัวก็รู้ว่าเจ้านั่นน่ะฉลาดแกมโกงยังกับหมาจิ้งจอก"
    พอฟังชั้นถามจบ ยัยJuriก็ดันแว่นบนดั้งด้วยท่าทีมีเลศนัยมากกว่าเดิม แถมยังหัวเราะหึๆๆๆอย่างน่ากลัวอีกด้วย
    "โธ่เอ๊ย....เรื่องทำให้พวกผู้ชายตายใจน่ะมันง่ายนิดเดียว"
    ชั้นขมวดคิ้วยุ่ง ยิ่งงงเข้าไปใหญ่
    "หา??"

    เพื่อนสาวแว่นหนา ผู้เป็นมันสมองของกลุ่มเรายืดตัวขึ้น ก่อนชี้นิ้วไปบนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ (ซึ่งจะชี้ทำไมชั้นก็ยังไม่เข้าใจเลย!)พร้อมกับประกาศเสียงกร้าว
    "พวกผู้ชายน่ะชอบคิดว่าตัวเองฉลาด แต่จริงๆแล้วพวกนี้น่ะถูกหลอกให้ตายใจง่ายๆด้วย "รอยยิ้ม" ของสาวสวยอย่างพวกเรานี่แหล่ะ!"

    หล่อนเน้นคำว่า "SMILE"หนักแน่น เล่นเอาชั้นกับเพื่อนอีกสองคนถึงกับมึน!!

    หา???
    ยิ้มเนี่ยนะ???

    แต่ยัยJuriก็ยังคงพล่ามต่อไปด้วยน้ำเสียงและแววตาหมายมั่นสุดฤทธิ์
    "ตามทฤษฎีที่ชั้นค้นพบและสรุปได้จากนิตยสารผู้หญิงที่แอบลักลอบเอาเข้ามาอ่านอย่างลับๆผ่านทางLady Milliaria Hawl เพื่อนสาวที่น่ารักของพวกเรา ต่างก็มีข้อมูลตรงกันว่า บุรุษเพศมักจะพ่ายแพ้ให้กับรอยยิ้มและกิริยาท่าทางอันอ่อนหวานของอิสตรี เพราะฉะนั้น....Cagalli! หน้าที่ของตัวเองคือ ต้อง"ฉีกยิ้ม"งามๆเข้าไว้!!!"
    ห๊ะ??? อะไรนะ????
    "มันจะชวนให้ไปเต้นรำเพลงไหน ตัวเองก็ต้องไปเต้นกับมันไปก่อน อย่าอิดออดกระบิดกระบวนให้มันมากนักนะยะ จากนั้นพยายามพาตัวเองไปจุดที่มีคนเยอะๆ อย่าออกจากงานไปแอบหลบมุมสงบทำใจที่ไหนก่อนด้วย!ทนๆฝืนไปก่อน แต่ถ้าทนไม่ไหวมันอยากจะอ้วกจริงๆ ชั้นอนุญาตให้แอบไปอ้วกที่ห้องน้ำได้ แต่ชั้นให้เวลาหล่อนแค่ห้านาทีนะยะ ขอบอก!”

    ชั้นอ้าปากค้าง อะไรมันจะขนาดนั้น??? นี่ชั้นต้องเล่นละครฉากใหญ่ขนาดนั้นเลยเรอะ???
    โอ๊ยยย!!! อยากจะบ้า!!!

    แต่ไม่ทันจะได้โวยอะไรออกไป ยัยJuriก็หันไปทางAsagiเป็นรายต่อไป

    “ต่อไป Asagi เอ้านี่! อุปกรณ์ของหล่อน เก็บไว้ดีๆล่ะ”
    พูดจบแม่เพื่อนสาวแว่นโตก็โยนห่อผ้าอะไรบางอย่างไปให้Asagi ฝ่ายหลังรับไปงงๆขณะที่เปิดดู ซึ่งชั้นก็ขอชะโงกหน้าเข้าไปดูด้วยคน ก็มันอยากรู้นี่ ปรากฏว่าเป็นหลอดแก้วเล็กๆบรรจุยาสองหลอด หลอดแรก แน่นอนว่ามันคือสลอทที่ยัยJuriหามาได้ก่อนหน้านี้ และเป็นไอเท็มสำคัญสำหรับปฏิบัติการณ์ลับของพวกเรา แต่ไอ้หลอดที่สองนี่สิ มันอะไร?

    ยังไม่ทันจะได้ถามอะไร Juriก็อธิบายขึ้นทันที
    "Asagi หน้าที่ของตัวคือ ปลอมตัวเป็นสาวเสิร์ฟในงานเลี้ยงเพื่อทำหน้าที่ผสมเครื่องดื่มสูตรพิเศษให้เจ้าเซ่อ เอ้ย! Sirหัวม่วงนั่นตามแผนการณ์ที่เราวางไว้ก่อนหน้านี้"
    "เดี๋ยวๆ ดิชั้นมีคำถามค่ะคุณ" Asagiรีบยกมือขึ้นขออนุญาตถาม สีหน้าหวาดระแวงอย่างที่สุด
    "ว่ามา"
    "ไอ้ยาสองหลอดเนี่ยหลอดแรกชั้นแน่ใจว่ามันคือสลอท แต่ไอ้หลอดหลังเนี่ยมันอะไรกัน?? แล้วจะให้ชั้นเอามันไปทำอะไรไม่ทราบ?? นี่ถ้าจะให้ชั้นถึงกับเอามันไปฆาตกรรมเจ้านั่นเลยนี่ ชั้นไม่เอาด้วยนะ!!! เกิดมันตายขึ้นมาจริงๆ กลายเป็นผีมาหลอกชั้นอ่ะ!!"

    เพื่อนสาวมันสมองของกลุ่มหัวเราะหึๆขณะดันแว่นบนดั้งให้เข้าที่
    "อ๊อ....เรื่องนั้นเองน่ะรึ? ไม่ต้องกังวลไปหรอกจ้ะเพื่อนจ๋า หน้าที่ของหล่อนคือผสมสลอทให้ถูกต้องตามอัตราส่วน คือหนึ่งหยดต่อน้ำหนึ่งแก้วเท่านั้น อย่างที่ชั้นเคยบอกก่อนหน้านี้ ว่ามันจะออกฤทธิ์ในสิบนาที แค่นั้นก็จู๊ดๆมันทั้งคืนแล้ว แต่ปฏิบัติการณ์ขั้นนั้นมันจะบังเกิดขึ้นไม่ได้ หากมันปราศจากเจ้ายาขวดใหม่ที่ชั้นให้พวกพี่ชายที่อยู่บ้านนอกดั้นด้นหามาให้เลยทีเดียวนะนั่น"
    คำอธิบายนั่น ยังไงมันก็น่างงอยู่ดี บนใบหน้าพวกเราที่เหลือจึงเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
    "หา???"

    ยัยJuri ยืดตัวขึ้นพลางชี้นิ้วตรงไปที่หน้าของแม่Asagiผู้โชคร้ายพลางสั่งการด้วยเสียงเฉียบขาด
    "Asagi!!เนื่องจากหล่อนจะต้องปลอมตัวเป็นสาวเสิร์ฟที่ถูกจ้างเข้ามาในงานนั้น ดังนั้นหน้าที่แรกของหล่อนก็คือ ต้องเอายาในขวดนี้หยดใส่ผ้าเช็ดหน้าแล้วเอาไปโปะจมูกสาวเสิร์ฟคนใดคนหนึ่งเพื่อขโมยชุดเครื่องแบบของหล่อนมาซะ!!!!"
    นี่หมายความว่า ไอ้หลอดแก้วที่สองนี่ก็คือ....
    ยาสลบเรอะ?????!!!!

    "ห๊า~~~~~!!!!!!" ยัยAsagiฟังเท่านั้นก็ถึงกับต้องร้องเสียงหลงด้วยความตกใจสุดขีด "จะบ้าเรอะ??? นี่ชั้นต้องทำขนาดนั้นเลยเหรอยะ???นั่นมันเข้าข่ายอาชญากรรมเลยนะนั่น!!!!"
    "ก็ใช่น่ะสิ!! ไม่อย่างนั้นหล่อนจะหาเวลาตอนไหนเอาสลอทไปหยดลงในแก้วเครื่องดื่มเจ้าเซ่อ(Sir)นั่นยะ??? ถ้าไม่ได้เครื่องแบบสาวเสิร์ฟมาอยู่ในกำมือเพื่อปลอมตัวน่ะ?? หรือว่าหล่อนมีความคิดที่ดีกว่านี้ไม่ทราบ ไหนว่ามาซิ?? หือ?? หือ???"

    เจอสวนมาไม้นี้เข้าไป ยัยAsagiเลยถึงกับอึ้ง พูดอะไรไม่ออกทีเดียว ต้องก้มหน้ายอมรับชะตากรรมของตัวเองไป ขณะที่Juriยังคงร่ายยาวภารกิจหน้าที่ของเพื่อนสาวผู้โชคร้ายต่อไป
    "ฟังนะ หลังจากที่พวกเราแต่งเนื้อแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว จะต้องรีบมาที่ฮอลล์เต้นรำนี่ก่อนใคร โดยเฉพาะหล่อน เพราะชั้นไปสืบมาแล้วว่าห้องแต่งตัวของพวกสาวเสิร์ฟที่ทางคอนแวนต์จ้างมาอยู่ที่ไหน หล่อนต้องไปที่นั่น เลือกเหยื่อที่เหมาะสมแล้วจัดการโปะยาสลบก่อนจะชิงชุดของหล่อนคนนั้นมาซะ!! พอถึงเวลาที่Cagalliส่งสัญญาณให้ชั้นกับMayuraเข้าไปสมทบ นั่นแสดงว่าถึงเวลาแล้วที่หล่อนจะต้องผสมเครื่องดื่มส่งเจ้านั่นไปนรก หึๆๆๆ เอ้อ อาจจะผิดไปหน่อย ส่งเจ้านั่นไปนอนที่ส้วมสินะ หึๆๆๆๆ เหอๆๆๆ"
    สีหน้าท่าทางสุดโหดของยัยJuriที่กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งตอนนี้ ทำให้Asagi Mayuraและชั้นต้องกอดกันกลมตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัว
    "....ยัยJuriนี่....เวลาเอาจริงน่ากลัวชะมัดเลยอ่ะ ฮือๆๆๆ"
    "เหมือนแอบโรคจิตหน่อยๆด้วย บรื๋ยย์"
    "คิดแง่ดีว่า ถ้ายัยนี่จะโรคจิต ก็โรคจิตเพื่อเพื่อนสุดที่รักเหอะนะ"

    แล้วในที่สุด แม่Juriที่จิตหลุดไปชั่วขณะก็กลับสู่โลกของความจริง เมื่อหล่อนหันกลับมาพูดกับMayuraเป็นคนสุดท้าย
    “Mayura ตัวเองกับเค้าต้องอยู่ด้วยกัน หน้าที่ของเราสองคนคือ คืนนี้ต้องสวยแจ่มสุดฤทธิ์!”
    “เอ๋????”
    Mayuraร้องอย่างแปลกใจ แต่หน้าตานี่แสดงออกว่าดีใจสุดๆกับหน้าที่นี้ .ในทางกลับกัน Asagiนี่ถึงกับปรี๊ดแตกทีเดียว
    “เฮ้ยๆๆๆ!!ไหงงั้นยะ??”

    แต่ไม่เปิดโอกาสให้ถูกตั้งคำถามใดๆ แม่Juriก็หันขวับมาและกลับเข้าสู่โหมดหฤโหดโรคจิตอีกครั้ง
    “อะไร? ตัวมีปัญหากับแผนการณ์สุดเลิศของชั้นอีกรึไงยะ?? ยัยAsagi”
    น้ำเสียงและแววตาเชือดอารมณ์ที่ส่งมา ทำให้Asagiตัวหดลีบเหลือสองนิ้วในบัดดล
    "....ง่ะ.....ป....เปล่าจ้า....."

    เพื่อนสาวผู้(หลงตัวเองสุดๆว่า)ปราดเปรื่องยืดตัวขึ้นกะว่าให้พลังอำนาจในการพูดของตัวเองเหนือผู้อื่นได้มากที่สุด
    "ที่คืนนี้ ชั้นกับMayuraจำเป็นต้องสวยเลิศที่สุดในปฐพีน่ะ ก็เพราะมันเป็นหนึ่งในแผนการณ์ย่ะ! หล่อนคิดว่าจะทำยังไงถึงทำให้ผู้ชายโง่ๆคนหนึ่งเข้ามาติดกับได้ง่ายที่สุดเรอะ?? มันก็ต้องอาศัยความงามของเราเข้าช่วยนี่แหล่ะ!! เพื่อล่อให้เจ้าเซ่อ (Sir)นั่นเข้ามาติดกับได้ง่ายขึ้นยังไงล่ะ!!”

    ชั้นอดทำหน้าปู้เลี่ยนไม่ได้ น....นั่นน่ะมันก็สมเหตุสมผลอยู่หรอกนะ แต่...ที่หล่อนร่ายยาวมาน่ะ ชั้นว่ามันฟังดูแหม่งๆยังไงไม่รู้สิ
    นั่นน่ะ....ไม่ใช่ว่าหล่อนอยากจะงามที่สุดในงานเลี้ยงเหรอยะ แม่Juri???

    “เอาล่ะๆ! เมื่อไม่มีใครมีคำถามแล้ว”
    ฮื๊อ?? ใครพูดคำนั้นออกไปเรอะ?? งงนะเนี่ย!
    “มานี่ๆ ชั้นจะเรียบเรียงลำดับการปฏิบัติการณ์ให้ฟัง”
    เพื่อนสาวแว่นโตกวักมือเรียกให้พวกเราล้อมวงเข้าสุมหัวกัน แล้วพอได้ฟังแผนการณ์ทั้งหมดที่พรั่งพรูออกมาเป็นฉากๆจากปากของหล่อนแล้ว ชั้นกับพวกเพื่อนๆที่เหลือก็ต้องกลั้นหัวเราะกันกิ๊กกั๊กจนปวดท้องไปหมด

    อดที่จะคาดเดาเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้ไม่ได้ คงสนุกน่าดูชมกันเลยทีเดียวเชียวล่ะ!!

    “อะแฮ่ม!! มัวมาหลบมุมคุยอะไรกันตรงนี้จ๊ะ? คุณAthha คุณLabat คุณCordwell คุณNien!!”
    เสียงหวานติดดุนิดๆของMadame Abby Windsor ทำให้พวกเราต้องสะดุ้งโหยงกันยกกลุ่ม แล้วพอหันไปก็พบว่า Madameท่านกำลังยืนกอดอกจ้องตรงมา ยิ้มเย็น แต่น่ากลัวเป็นบ้า!!!

    “M…Madame Windsor!!” พวกเราสี่สาวลุกขึ้นยืนพรวด
    “ได้เวลาซ้อมของพวกเกรด 10, 11และ 12ตั้งโกฐปีแล้วนะจ๊ะ ครูเรียกพวกคุณตั้งนานแล้วด้วย!!”
    “ขอ ขอประทานโทษค่ะ Madame!!” พวกเรารัวเสียงกันแทบแย่
    “ไปเดี๋ยวนี้เลยเชียว! รีบไปรวมกลุ่มกับพวกเพื่อนๆคนอื่นๆเร็วเข้า ทุกคนเค้ารอกันอยู่นะจ๊ะ! เดี๋ยวนี้เลย!!” Madameออกคำสั่งเสียงเฉียบขาด ทำให้พวกเราต้องลนลานยอบตัวลงทำความเคารพกันแทบไม่ทัน
    “ค...ค่ะ Madame!!”
    ว่าจบพวกเราสี่สาวก็รีบโกยอ้าวไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆที่กำลังรออยู่โดยพลัน เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า Madame Abby Windsor ท่านนี้น่ะไม่เหมือน Madame St. Ericaที่ใจดีเสมอ เพราะMadame Windsorท่านนี้น่ะ เวลาปกติก็ใจดีหรอกนะ แต่อย่าให้มีน้ำโหเด็ด!

    ไม่งั้นจากใบหน้าใจดียิ้มๆอยู่เนี่ย จะกลายสภาพเป็นนางมารทันที!!!

    “อ้อเดี๋ยว! คุณ Athha มานี่เดี๋ยวจ้ะ”
    ชั้นหยุดฝีเท้ากึกหันไปตามเสียงเรียกของMadameผู้คุมการซ้อมเต้นรำอย่างงงๆ แอบหวาดๆอยู่เหมือนกัน
    “ค...ขา? Madame?”
    แล้วจึงได้รับคำตอบว่า
    “ช่วยมาเป็นคู่เต้นวอลซ์ให้ครูทีนะ เดี๋ยวครูจะนำ ช่วยมาแสดงเป็นตัวอย่างทีเถอะ เมื่อกี๊พวกเด็กๆรุ่นน้องเต้นไม่ได้เรื่องกันเอาซะเลย ถึงเวลาหมุนกลับทีไรคร่อมจังหวะกันทุกทีสิน่า” Madame บ่นทิ้งท้ายอย่างเหนื่อยๆ

    “อ่า...ค่ะ”
    ชั้นได้แต่หัวเราะแห้งๆขณะที่เดินตามท่านไปอย่างว่าง่าย ไม่ได้ใส่ใจกับสายตาของรุ่นน้อง รุ่นพี่ หรือรุ่นเดียวกันที่มองมาแล้วหันไปซุบซิบอะไรกันเองก็ไม่รู้มากนัก
    ชั้นเพียงแต่เดินตาม Madame Windsorไปยังกลางฟลอร์เต้นรำ ท่านตบมือเพื่อให้ทุกคนหยุดพูดคุย ก่อนจะกล่าว
    “เอ้าๆ เลิกวิพากษ์วิจารณ์กันได้แล้ว ตั้งใจดูกันหน่อยนะจ๊ะ ดูแล้วจำจังหวะกันให้ได้ด้วยนะ ครูจะคอยนับไปด้วย”
    Madameหันไปสั่งชมรมดนตรีและขับร้องให้เตรียมพร้อมเล่นเพลงวอลซ์ได้ ชั้นเหลือบไปเห็นสีหน้าแสดงความสงสัยใคร่รู้ของสาวน้อยรุ่นน้องเกรด 8 คนหนึ่งที่อยู่วงดนตรี ผมสีแดงผูกด้วยโบว์สีฟ้าเป็นพวงสองข้างหู ในมือถือฟลู้ตสีเงินค้างอยู่

    ...Lady Merin Hawk? น้องสาวของLady Lunarmaria Hawk รุ่นพี่ที่เป็นนักเรียนดีเด่นของเกรด 12 นี่นา ชั้นเคยได้ยินมาว่าหล่อนเองก็เป็นที่นิยมชมชอบของเพื่อนฝูงรุ่นเดียวกันไม่น้อย พอๆกับที่พี่สาวของหล่อนเป็นที่รักใคร่ของบรรดาครูบาอาจารย์เลยทีเดียวเชียวล่ะ...อืม...ก็สมแล้วล่ะนะที่เป็นบุตรีของผู้พันHawk นายทหารชั้นผู้ใหญ่ชื่อดัง กิริยามารยาทคงเรียบร้อย หน้าตารึ ก็น่ารักน่าเอ็นดูเหมือนตุ๊กตา....

    ว่าแต่....ชั้นลืมอะไรไปรึเปล่านะ?
    เอ...เรื่องอะไรนะ? นึกไม่ออกแฮะ

    จะยังไงก็ช่างมันก่อนแล้วกัน เพลงเริ่มบรรเลงขึ้นพอดี ชั้นเริ่มด้วยการยอบกายลงตามที่เคยเรียนเอาไว้ ส่วนจังหวะการก้าวเท้า 1 2 3, 1 2 3 ….. การหมุนตัวไปทางขวา ได้ยินเสียงนับให้จังหวะช้าๆ ขณะที่ขยับยืดตัวขึ้นและลดตัวลงพลิ้วไหวไปกับท่วงทำนองเพลง
    แต่ละก้าวย่างรู้สึกสบายๆ ไม่รีบร้อนอะไร เพลงที่ใช้ก็เพราะเสียด้วยสิ.....


    I wondered should I go or should I stay,
    ในตอนนั้น ฉันกำลังลังเลว่าจะกลับหรือจะอยู่ต่อ
    the band had only one more song to play.
    ขณะที่เหลืออีกเพียงบทเพลงเดียวเท่านั้นที่วงดนตรีจะบรรเลง
    And then I saw you out the corner of my eye,
    แล้วฉันก็เหลือบไปมองเห็นเธอ
    a little girl, alone and so shy.
    สาวน้อยผู้อยู่เพียงลำพังและขลาดอาย
    I had the last waltz with you,
    ฉันได้เต้นรำเพลงวอลซ์สุดท้ายกับเธอ
    two lonely people together.
    มีเพียงเราสองคน
    I fell in love with you,
    เราสองได้ตกหลุมรักกัน
    the last waltz should last forever.
    อยากให้เพลงวอลซ์สุดท้ายนั้นบรรเลงต่อไปชั่วนิรันดร์
    But the love we had was going strong,
    หากเมื่อรักของเราได้เติบโตไป
    through the good and bad we get along.
    ก้าวผ่านเรื่องดีและร้ายที่ผ่านเข้ามา
    And then the flame of love died in your eye,
    และแล้วความรักก็มอดดับไปในดวงตาของเธอ
    my heart was broke in two when you said goodbye.
    หัวใจฉันแหลกสลายเมื่อเธอกล่าวร่ำลา
    I had the last waltz with you...
    ฉันได้เต้นรำเพลงวอลซ์สุดท้ายกับเธอ
    two lonely people together.
    มีเพียงเราสองคน
    I fell in love with you,
    เราสองได้ตกหลุมรักกัน
    the last waltz should last forever.
    อยากให้เพลงวอลซ์สุดท้ายนั้นบรรเลงต่อไปชั่วนิรันดร์
    It's all over now, nothing left to say,
    มันได้จบลงแล้ว ไม่เหลืออะไรต้องกล่าวอีก
    just my tears and the orchestra playing.
    มีเพียงน้ำตาของฉันกับดนตรีที่ยังคงบรรเลงต่อไป
    La la la la la la la la la,
    la la la la la la la la la.

    I had the last waltz with you...
    ฉันได้เต้นรำเพลงวอลซ์สุดท้ายกับเธอ
    two lonely people together.
    มีเพียงเราสองคน
    I fell in love with you,
    เราสองได้ตกหลุมรักกัน
    the last waltz should last forever.
    อยากให้เพลงวอลซ์สุดท้ายนั้นบรรเลงต่อไปชั่วนิรันดร์
    La la la la la la la la la...

    [Special Credit from “The Last Waltz” โดย Engelbert Humperdinck]


    บทเพลงจบลงในที่สุด ชั้นหมุนตัวสองรอบเพื่อย่อตัวลงในท่าจบ Madame Abby Windsor ซึ่งเต้นแทนฝ่ายชายไปเมื่อคู่ก็โค้งในท่าจบเช่นกัน อึดใจต่อมา ชั้นก็ได้ยินเสียงปรบมือด้วยความชื่นชมดังไปทั่ว จนทำตัวไม่ถูกขึ้นมาบ้างเหมือนกัน ที่ทำได้ก็เพียงแต่ยิ้มรับอย่างเขินๆไปรอบๆ แล้วรู้ตัวอีกที Madame Windsor ก็ดึงชั้นเข้าไปกอดเต็มรัก
    “ขอบคุณมากนะคุณ Athha มันต้องอย่างนี้สิจ๊ะ จะเต้นวอลซ์ทั้งทีแต่ละคนมัวแต่นับจังหวะหนึ่ง สอง สาม แบบนั้นมันจะเป็นธรรมชาติได้ยังไงกัน” Madameท่านกล่าวด้วยน้ำเสียงปลาบปลื้มดีใจเป็นที่สุด “เอ้า! เด็กๆคนอื่นๆก็ดูเป็นตัวอย่างด้วยนะจ๊ะ อย่างที่ครูบอกน่ะแหล่ะว่า หลักสำคัญคือเต้นยังไงให้ไม่เกร็ง และเป็นธรรมชาติ คู่เต้นจะได้ประทับใจนะจ๊ะ”

    ชั้นยิ้มเออออไปแห้งๆ คือ....อันที่จริงชั้นก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเต้นวอลซ์ได้เก่งอะไรนักหรอก เพียงแต่ว่า....ถ้าเป็นวิชาประเภทพลศึกษาน่ะ ชั้นก็มั่นใจเต็มร้อยอยู่แล้วล่ะ
    แต่ไอ้ประโยคหลังของMadame ที่บอกว่า ....”คู่เต้นจะได้ประทับใจ” นี่สิ แหยะ! แค่คิดถึงเรื่องนั้นชั้นก็สยองจะแย่แล้ว พอเหอะ!

    Madame Windsor ปล่อยชั้นให้กลับไปรวมกลุ่มกับพวกเพื่อนสาวที่ยิ้มแป้นรอรับอยู่ในที่สุด ค่อยโล่งอกหน่อยที่งานนี้ตัวเองไม่ได้ปล่อยเปิ่นอะไรออกไป เพื่อนคนอื่นๆหลายคนแอบเข้ามากระซิบชมกันใหญ่ เขินนะเนี่ย!
    “สมเป็น Cagalliเลย เก่งจริงๆ”
    “จริงด้วย แต่อย่างCagalliน่ะ วิชาอะไรก็เก่งอยู่แล้ว ยิ่งพวกพละน่ะ เอาไปเต็มสิบเลย”
    ชั้นยกมือขึ้นเกาต้นคอแก้เขิน
    “โอ้ย! ไม่เอาแล้ว พูดอะไรแบบนั้น ไม่จริงซักหน่อย”

    เลยเป็นโอกาสเปิดช่องให้ยัย Asagi แซวจนได้สิ
    “นั่นสิ ยัยCagalliน่ะ จะวิชาไหนนะ ขอให้บอก ยกเว้นวิชาคหกรรมการเรือนอย่างเดียวแหล่ะ จริงมั๊ย?”
    ทำเอาฮากันครืนเลยเชียว ชั้นทำหน้าง้ำที่ยัย Asagiตัวแสบพูดแทงใจดำขึ้นมาจนได้ ว่าจะเงียบๆเรื่องนี้ไปแล้วเชียว
    “หนอย! อะไรกันน่ะ ตัวเองก็ไม่ได้เรื่องวิชานั้นเหมือนกันแหล่ะ ไม่ต้องมาทำพูดมากเลย”
    ชั้นสวนกลับไปบ้าง พอดีMadameสาวผู้ดูแลการซ้อมเต้นรำเรียกให้แต่ละชั้นปีมารวมตัวกันเป็นวงใหญ่เพื่อเตรียมตัวซ้อมเต้นรำในแบบ Country Dance ซึ่งโดยปกติในการเต้นรำประเภทนี้ จะจับคู่ชายหญิง แล้วก็จะเต้นกันเป็นกลุ่มๆ โดยจัดกลุ่มเป็นวงกลม แต่ละคู่ในแต่ละกลุ่มจะมีท่าเต้น แล้วก็ตำแหน่งที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้ภาพรวมของแต่ละกลุ่มออกมาแล้วดูสวยงาม แต่เมื่อเต้นครบรอบก็จะมีการแตะสลับมือกับคู่เต้นที่อยู่ในกลุ่มถัดไปในลักษณะทวนเข็มนาฬิกา เป็นเช่นนั้นไปเรื่อยๆจนวนกลับมาที่คู่เต้นเดิม ซึ่งก็คือตอนจบของเพลงพอดี

    เสียงดนตรีเริ่มบรรเลงขึ้น ครั้งนี้ Madame เป็นผู้เล่นเปียโนเอง เพื่อให้เด็กนักเรียนทุกคนได้ซ้อมพร้อมๆกัน ชั้นมองไปรอบๆขณะที่เคลื่อนตัวไปตามจังหวะเพลง หลายคนดูสนุกสนาน ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ก็เต็มไปด้วยความตั้งใจ ทั้งการก้าวเดิน การหมุน ทั้งการเอื้อมมือออกไปเพื่อคล้องแขนคู่เต้น ทั้งหมดดูเปี่ยมไปด้วยความหวัง และความฝันเกี่ยวกับความรักในอนาคต

    การซ้อมเต้นรำเพื่องานเลี้ยงเต้นรำในคืนนี้รึ....? เฮ้อ....ถ้าเป็นแค่ “การซ้อม” อย่างเดียวก็คงไม่เบื่อแบบนี้หรอก เพราะชั้นน่ะชอบวิชาที่ได้ออกแรงแบบนี้ที่สุดเลย
    แต่ว่านี่น่ะ มันเป็น “การซ้อมเพื่องานเต้นรำ” น่ะสิ ยิ่งไปกว่านั้น พอคิดถึงเรื่องคู่เต้นรำที่ชั้นจะต้องเจอ แถมยังต้อง “ฉีกยิ้มหวาน”ให้เจ้าหมอนั่น ตามแผนการณ์ของยัย Juri…..

    โอ้ย! แค่คิดก็รันทดตัวเองแล้ว!!!

    แต่ในขณะที่กำลังจมอยู่กับความคิดอันน่าสยดสยองในชะตากรรมของตัวเอง ชั้นก็ได้ยินเสียงเล็กๆถามขึ้น
    “เอ่อ...รุ่นพี่ Athha เป็นอะไรรึเปล่าคะ?”
    ชั้นดึงสติตัวเองกลับมาสู่คู่เต้นตรงหน้าทันที ขณะที่หันไปปั้นยิ้มหวานตอบ
    “อ๊ะ...เอ้อ....ไม่มีอะไรจ้ะ ชั้นสบายดี สบายมาก”

    แต่แล้วชั้นก็ต้องแปลกใจเมื่อคู่เต้นที่มาอยู่ตรงหน้าคือ สาวน้อยรุ่นน้องเกรด 8 ผมแดงที่เฝ้ามองชั้นมาตั้งแต่เมื่อกี๊ Lady Merin Hawkนี่นา? หวา....นี่เป็นครั้งแรกนะเนี่ยที่ได้คุยกันใกล้ๆ ตายแล้ว ผิวขาวจัง ดูซิ ปากนิดจมูกหน่อย น่าเอ็นดูจริงๆด้วย เวลาเคลื่อนตัวตามท่วงทำนองเพลง ผมหางม้าสีแดงสองข้างที่ผูกเป็นพวงก็แกว่งไปมา น่ารักยังกับตุ๊กตาแน่ะ
    สงสัยชั้นจะเผลอชื่นชมในใจนานไปหน่อย จนหล่อนเอ่ยปากถามอย่างห่วงๆ
    “คือชั้นเห็นรุ่นพี่ทำหน้าเครียดๆมาตั้งแต่เมื่อกี๊แล้ว....หรือว่าจะยังเหนื่อยกับวอลซ์เพลงเมื่อครู่อยู่คะ?”
    ชั้นส่ายหน้าพรืดจนผมกระจาย ขณะยกมือดึงหล่อนให้หมุนตัว ปากก็หัวเราะแหะๆ
    “โอ๊ย ไม่หรอก ชั้นแค่คิดอะไรเพลินไปหน่อยน่ะจ้ะ”
    “ชั้นเข้าใจค่ะ เพราะรุ่นพี่Athhaก็คงตื่นเต้นกับงานเต้นรำคืนนี้เหมือนกันสินะคะ” สาวน้อยรุ่นน้องยิ้มสดใสขณะกล่าวด้วยเสียงกระตือรือร้น “แต่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ชั้นว่าคนที่ได้เป็นคู่เต้นรำของรุ่นพี่น่ะ เป็นคนที่โชคดีที่สุดเลยล่ะ ก็แหม รุ่นพี่เต้นวอลซ์ออกจะเก่งขนาดนี้นี่นา”

    ชั้นพยายามฝืนไม่ทำหน้าเหยเกออกไป แล้วกลบเกลื่อนด้วยการหัวเราะไปตามเรื่อง
    “มะ....แหมๆ มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกจ้ะ พูดเกินไปแล้ว ฮะๆๆ”

    อ๊า หยุดทีเถ๊อะ ยิ่งไม่อยากคิดถึงคำว่า “คู่เต้นรำคืนนี้” อยู่แท้ๆ เฮ้อ!! แค่จินตนาการภาพตัวเองต้องไปเต้นรำแบบนี้กับเจ้าSirหัวม่วงนั่น ชั้นก็แทบอยากจะอ้อกแล้ว
    ไม่เอ๊า ไม่คิดๆๆๆ ไม่คิดซี่!!!

    “จริงๆนะคะ ตอนรุ่นพี่ Athha เต้นวอลซ์คู่กับ Madameเมื่อกี๊ ทำเอาชั้นละสายตาไปไม่ได้เลยล่ะค่ะ นี่ถ้าเปลี่ยนเป็นชายกระโปรงพลิ้วๆแบบชุดราตรีล่ะก็ ต้องเหมือนล่องลอยอยู่บนฟลอร์แน่ๆเลย”
    เลดี้คนเล็กของตระกูลHawkนี่ช่างเจรจาจริงๆ น้ำเสียงก็ใสๆซื่อๆ จนชั้นอดที่จะชวนหล่อนคุยต่อไปไม่ได้ในระหว่างที่ยังต้องเต้นรำคู่กันอยู่ในรอบนี้
    “แล้วเธอล่ะจ๊ะ คุณหนูHawk ? ตื่นเต้นมั๊ยสำหรับงานเต้นรำนี้?”
    “ก็ตื่นเต้นเหมือนกันล่ะค่ะ” หล่อนตอบเสียงใส แก้มเรื่อขึ้นเล็กน้อย อ่ะแน่ะ สงสัยคิดถึงคู่เต้นรำที่จะมารับที่หอเย็นนี้แน่ๆเลย “เพราะคู่เต้นรำของชั้น เค้าเต้นเวียนนีซวอลซ์เก่งเหลือเกิน กลัวว่าตัวเองจะไม่คู่ควรที่จะเต้นรำคู่กับเขาน่ะสิคะ”
    “อย่างนั้นเลยเหรอจ๊ะ?”

    ชั้นถามอย่างแปลกใจเล็กน้อย เพราะเวียนนีซวอลซ์นั้นเป็นจังหวะการเต้นบอลรูมที่อาศัยการหมุนเป็นหลัก ผู้ชายที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำในการเต้นต้องแข็งแรงมากทีเดียวเชียวล่ะ ถึงจะพาคู่เต้นให้หมุนตัวตามไปได้อย่างสวยงาม และที่สำคัญ ไม่มีอาการเสียหลักเซถลาไปกับฟลอร์ซะก่อน

    ครั้นแล้ว เมื่อถึงช่วงที่เราต้องก้าวเท้าเคลื่อนไปตามจังหวะเป็นรูปสี่เหลี่ยม คุณหนูคนเล็กของตระกูล Hawk ก็เอ่ยขึ้น
    “แต่จะว่าไป รุ่นพี่ก็ได้เจอเค้าแล้วนี่คะ”
    “เอ๋?”
    “ก็ คู่เต้นรำในคืนนี้ของชั้นยังไงล่ะคะ เอ่อ รุ่นพี่คงจำไม่ได้กระมัง” หล่อนมีสีหน้าลังเล เหมือนเกรงใจชั้นที่จะกล่าว “เมื่อวันก่อนนู้น ที่รุ่นพี่เล่นวิ่งไล่จับจนวิ่งไปชนเสาต้นกลางใต้อาคารอเนกประสงค์แล้วสลบไปไงคะ”

    เล่นเอาชั้นไม่รู้จะทำหน้ายังไงถูกดีเลยล่ะ เรื่องที่วิ่งเอาหัวไปพุ่งชนเสาจนสลบเหมือดน่ะเรอะ?? นั่นไงล่ะว่าแล้วว่า เรื่องมันต้องแพร่สะพัดไปทั่วโรงเรียนจนได้ โอ๊ยยย!! น่าอับอายจนอยากจะเอาปี๊บคลุมหัวเป็นที่สุด!!!

    แต่เอ๊ะ....? เดี๋ยวสิ....
    ก็ตอนนั้นที่เราวิ่งใจลอยยังไงไม่ดูตาม้าตาเรือให้ตัวเองเอาหัวไปโขกเสาน่ะ....มันเพราะ...เราได้ยินชื่อของ....เขาคนนั้นไม่ใช่รึ?

    จากบทสนทนาที่สาวน้อยรุ่นน้องคนนี้คุยกับเพื่อนของหล่อน....


    “แต่ถ้าเค้าได้บัตรเชิญงานเลี้ยงเต้นรำแล้ว...เขาก็คงมาละมั้ง?”
    “ก็คนๆนั้นน่ะ...เค้าสุภาพมากๆเลยนะ สมเป็นสุภาพบุรุษเลยทีเดียว....”
    “ดวงตาของเค้าก็...อ่อนโยนมากเลยล่ะ....จริงๆนะ Athrun Zalaคนนั้นน่ะ....”

    Athrun…. Zala....พอได้ยินชื่อนั้น ใจของชั้นเต้นแรงขึ้นมา

    “ตอนนั้นทุกคนก็มัวแต่ตกใจทำอะไรไม่ถูก แต่จู่ๆเขาก็โผล่เข้ามาพร้อมกับสุภาพบุรุษอีกท่านหนึ่ง แล้วก็อุ้มรุ่นพี่ที่ตอนนั้นหมดสติอยู่ไปห้องพยาบาลเลย”
    ถ้าอย่างนั้น....เสียงตอนนั้นที่เรียกชื่อของเรา เสียงที่เบาหากหนักแน่นนั่นก็....
    “ชั้นอยากจะเข้าไปทักทายเขาเหมือนกัน แต่ตอนนั้นเห็นว่าสถานการณ์มันชุลมุนไปหมด คงไม่เหมาะนัก แล้วอีกอย่าง รุ่นพี่ก็กำลังเจ็บด้วย.....”

    ชั้นแทบไม่ได้ตั้งใจฟังสิ่งที่สาวน้อยรุ่นน้องกล่าวเลย
    พยายามบอกหัวใจที่กำลังเต้นแรงนี้ให้สงบลง...ในสมองปะติดประต่อเรื่องราวได้อย่างรวดเร็ว

    “อ๋อ...อย่างนั้นเหรอจ๊ะ เอ้อ ฮะฮะฮะ...”
    ชั้นฝืนทำหน้าตารื่นเริงต่อหน้ารุ่นน้องผู้น่ารัก
    ให้ตายสิ....ทั้งที่ข้างในใจมันเจ็บ....เจ็บนัก....
    ก่อนหน้านี้...เขาเคยเล่าให้ชั้นฟังว่า ท่านพ่อของเขาพยายามจะจับคู่เขา ให้ได้ครองคู่กับบุตรีข้าราชการชั้นสูงหลายต่อหลายคน แต่เขาก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด

    “ปีนี้ชั้นจะ24แล้ว ท่านพ่อคงกลัวว่าชั้นจะไปคว้าผู้หญิงที่ไหนเข้า ก็เลยต้องรีบหาทางป้องกันไว้ก่อน”

    นี่เขาคงจะ....บอกปัดมาตลอดจนมาเจอสาวน้อยน่ารักของตระกูล Hawk คนนี้สินะ?

    Lady Merin Hawk หมุนตัวกลับมาวางมือบนมือของชั้นพลางถามต่อไปด้วยน้ำเสียงแจ่มใส
    “ว่าแต่รุ่นพี่ หายเจ็บแผลแล้วใช่มั๊ยคะ?”
    “จ้ะ ชั้นไม่เป็นไร แข็งแรงสุดๆเลยล่ะ” ชั้นพูดติดตลกปนหัวเราะพลางเปิดหน้าผากให้สาวน้อยรุ่นน้องดู “ดูสิ ไม่เห็นร่องรอยเลยว่าเคยหัวโนมาก่อน ชั้นมันพวกอึดผิดมนุษย์อยู่แล้วล่ะ โอ๊ย กะอีแค่วิ่งเอาหัวไปโหม่งเสานิดๆหน่อยๆ มันเรื่องขี้ปะติ๋วจริงๆ”

    “แหม! รุ่นพี่ Athhaนี่ล่ะก็ มีอารมณ์ขันเสียจริงนะคะ”
    ลูกสาวคนเล็กของตระกูลHawkฟังชั้นพูดก็หัวเราะคิกคัก สดใส น่ารัก....จนชั้นต้องยิ้มตาม
    ยิ้ม....แม้ข้างในใจจะรู้สึกเจ็บเหลือเกิน....

    เมื่อรอบการเต้นรำของเราหมดลง หล่อนยังหันมากล่าวกับชั้น
    “คืนนี้ชั้นจะรอดูรุ่นพี่ Athha เต้นเพลงวอลซ์นะคะ”
    “จ้าๆ”
    ชั้นโบกมือให้หล่อนเป็นเชิงตอบรับ มองจนร่างเล็กในชุดนักเรียนวิ่งไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ

    แล้วจู่ๆชั้นก็รู้สึกเหมือนตัวเองจะหมดแรงยังไงไม่รู้ จนต้องรีบวิ่งไปหลบหลังเสาของอาคารต้นที่อยู่ไกลจากผู้คนมากที่สุด ก่อนทรุดตัวลงนั่งกองลงกับพื้น พละกำลังที่ฝืนเอาไว้ตั้งแต่เมื่อครู่มลายหายไปหมด ในสมองหมุนติ้ว

    Athrun Zala คนนั้น เป็นบุตรชายคนเดียวของนายพลZala... เป็นเพื่อนกับMiss Lacus Clyne ที่เราสุดแสนชื่นชม เป็นคนที่สาวน้อยตระกูลHawkที่อยู่โรงเรียนเดียวกับชั้นหลงใหลหมายปอง เป็นเพื่อนสนิทกับญาติผู้พี่ที่เรานิทสนมด้วยอย่างKira

    นี่เป็นครั้งแรกที่....ชั้นเกลียดความจริงที่กาลิเลโอเป็นผู้พิสูจน์ว่า โลกมันกลม!!
    เกลียดแมกเจแลน เกลียดโคลัมบัส!!

    ก็เพราะ ไม่ใช่เจ้าทฤษฎีที่ว่าโลกมันกลมนี่เหรอ ที่เป็นคำอธิบายพิลึกพิลั่นเกี่ยวกับห่วงโซ่ความสัมพันธ์ของบรรดาผู้คนรอบๆตัวชั้นตอนนี้น่ะ??!!!


    :( ดีขึ้นยังเอ่ย แอบกังวล
  8. kumi

    kumi Active Member

    EXP:
    805
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    มาให้กำลังใจคนโพส *W*

    พอไม่มีจำนวนตัวอักษรมาคั่น อัพทีตาลายกันเลยทีเดียว = =""
  9. kisa

    kisa New Member

    EXP:
    150
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    สีนี้โอเคเลยค่ะ ^^ อ่านสบายขึ้นเยอะเลย
  10. kandida

    kandida New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ดีค่าอ่านง่ายๆ
    ก่อนหน้านี้เราก็ไม่ได้อ่านลำบากอะไรนะเราจะไฮไลท์บรรทัดที่อ่านอยู่แล้วไม่งั้นงงว่าอ่านถึงตรงไหน

    รอฉากเจ้าสมโง่เจอคางะนะคะ ลุ้นๆๆๆๆๆๆๆๆ
  11. bellx16

    bellx16 New Member

    EXP:
    8
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ดีขึ้นมากเลยงับ อ่านง่ายขึ้นเยอะเลยครับ ยังไงก็เอาใจช่วยให้มาแต่ต่อน่ะครับ
  12. elementer

    elementer New Member

    EXP:
    15
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    อยากอ่านต่อจังเลยอัพไวๆนาครับ
  13. zeryu

    zeryu New Member

    EXP:
    72
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ฟิคชั่นสีรุ้งกลับมาอีกครั้ง เย้ๆๆ
  14. elementer

    elementer New Member

    EXP:
    15
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ฟิคดีมีคุณภาพอีกแล้วครับท่านนนน!!!!!!!
  15. princess

    princess New Member

    EXP:
    322
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ฟิคของท่านยังได้รับความนิยมเช่นเคย(สนุกจริงๆ(=w=)) เผลอไม่ทันไรเด้งมาหน้าสามเเล้ว อันตัวข้าน้อยก็ยังตามอ่านต่อไป :D

    หึๆๆ อย่างที่กล่าวไป จากบอร์ดเก่าอ่านตอนอยู่กระทู้แรกปรากฎไม่ได้เข้ามานานหน่อยเด้งไปกี่กระทู้ก็ไม่รู้ตามอ่านไม่ไหวๆๆเน็ทยิ่งช้าๆอยู่
  16. Alcard

    Alcard New Member

    EXP:
    6
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    สีกำลังดีเลยครับอ่านง่ายสบายลูกตา ตอนใหม่หนุกหนานมากคับ
  17. laiga

    laiga New Member

    EXP:
    11
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    มารอตอนต่อไปครับ
  18. aunna

    aunna New Member

    EXP:
    18
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    /me อ๊ะ อ่านใหม่ๆ

    ได้ว่างมาอ่าน (ใหม่) สักที

    ไม่ได้เล่นเน็ตนาน คิดถึงนิยายจริงๆ (ฮา)

    (หันไปมองตารางสอบข้างหลัง... ช่างมัน..)

    รอตอนต่อไปนะคะพี่ไวท์วิงค์
  19. elementer

    elementer New Member

    EXP:
    15
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ขอรอเป็นเพื่อนด้วยคน
  20. whitewing

    whitewing New Member

    EXP:
    120
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์นะคะ ดีใจที่มีคนรอฟิคค่า ค่อยมีกำลังใจฮึดหน่อย
    แต่...ต้องขอโทษนะคะที่ทำให้ต้องรอฟิคไปก่อนอีกนิด ตอนนี้เรากำลังทำใจเรื่องน้องหมาที่บ้านตายน่ะค่ะ...
    T-T เมื่อวานยังพิมพ์ค้างอยู่ พอเกิดเรื่องรีบพาเค้าไปรพ. หมอปั๊มหัวใจไม่ทันแล้วค่ะ...เราทำอะไรไม่ได้เลย เมื่อคืนเอาแต่ร้องไห้จนตาบวมตาเจ็บ ตอนนี้สมองมืดไปหมด ขอเวลาเราทำใจแป๊บนะคะ จะกลับมาสนองนีดส์พ่อแม่พี่น้องที่รัก(และตัวเอง)ภายในวันสองวันนี้แน่นอนค่ะ T-T
  21. princess

    princess New Member

    EXP:
    322
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    เสียใจด้วยนะคะ จะคอยให้กำลังใจนะคะ(TT-TT)//
  22. kandida

    kandida New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ขอแสดงความเสียใจด้วยคะ
    มันไปอยู่ที่ๆดีแล้วค่ะ เข้มแข็งไวๆนะคะ
  23. elementer

    elementer New Member

    EXP:
    15
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ
    ขอให้หายเศร้าไวๆนะครับเป็นกำลังใจให้
  24. laiga

    laiga New Member

    EXP:
    11
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ขอแสดงความเสียใจด้วยครับท่าน
  25. aunna

    aunna New Member

    EXP:
    18
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    เสียใจด้วยนะคะเรื่องน้องหมา

    เข้าใจค่ะว่ารู้สึกยังไง (ที่บ้านก็เคยมีน้องหมาตายเหมือนกัน...ตอนนั้นกลับมาจากโรงเรียน..)

    ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคะ น้องหมาคงไม่อยากให้พี่เศร้านาน (รวมถึงทุกคนที่นี่ด้วย)

    ถือว่าน้องหมาไปดีแล้วกันนะคะ หายเศร้า ไวๆ นะคะ

Share This Page