Gundam seed destiny parody fanfiction : SHINING STAR กระทู้1

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย whitewing, 13 พฤศจิกายน 2007.

  1. watabo

    watabo New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ขอให้น้องหมาของพี่ไปสบายขอรับ
    ทำใจให้สบาย ขอให้พี่กลับมาร่าเริงไวๆขอรับ
  2. kisa

    kisa New Member

    EXP:
    150
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ขอแสดงความเสียใจเช่นกันค่ะ
    ตอนนี้อาจจะยากแต่พอผ่านไปซักระยะก็จะเริ่มทำใจได้
    เวลาจะช่วยบรรเทาทุกสิ่งค่ะ ขอให้หายเศร้าเร็วๆนะคะ
  3. Alcard

    Alcard New Member

    EXP:
    6
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    เสียใจเรื่องน้องหมาด้วยนะคับ
  4. windbell

    windbell New Member

    EXP:
    16
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    อ่านง่ายเยอะขึ้นมากเลยคร้า พี่ไวท์วิงก์ รอฉากหนูถีบจักรอยู่นะค้า
  5. cuci537

    cuci537 New Member

    EXP:
    1
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    สมาชิกใหม่คะ อ่านแล้วนะคะ แต่เสียใจด้วยนะคะเรื่องน้องหมา
  6. ShadowKung

    ShadowKung New Member

    EXP:
    58
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    เม้นท์รวดเดียวเลยละกัน............

    พี่โนช่างพยายามมากๆ =A=!!!!!! อัพกระจุยกระจายเลยสินะ.......

    เรื่องต่อไป.............

    น้องหมา....ถ้าเป็นเราเราก็เสียใจเรื่องน้องหมาเหมือนกัน ที่บ้านมีน้องหมาหลับสบายแล้วก็ 10 ตัวได้...
    น้องหมารุ่นแรกๆ ที่ไปดี เราก็เสียใจร้องไห้ หลังๆ มาชักชิน = =" เอาเป็นว่าเสียใจด้วยเน้อ
    มีเกิดก็ต้องมีตาย
  7. bellx16

    bellx16 New Member

    EXP:
    8
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ขอแสดงความเสียใจด้วยน่ะครับ สำหรับเรื่องน้องหมา ถือว่าน้องหมาของพี่ได้ไปอยู่ในโลกที่สบายแล้วล่ะครับ สู้ต่อไปน่ะครับ
  8. whitewing

    whitewing New Member

    EXP:
    120
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    หายไปทำใจกับชีวิตพักนึง T-T
    ตอนนี้กลับมาละ ยังไงชีวิตนี้็ก็ยังขาดการอัพฟิคเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ดี (จนกว่าจะจบ ไม่ยอมแพ้ค่ะ คนอ่านยอมแพ้ยังคะ?)
    มีเรื่องต้องทำเยอะก่อนเข้าปีใหม่ แต่พอเข้ามาเก็บกำลังใจในบอร์ด ก็รู้สึกเข้มแข็งขึ้นทุกครั้งค่ะ :cool:

    มาต่อๆๆๆๆๆๆ ถูกทวงฟิคประจำ ยังไม่เจียมตน

    CHAPTER 31: Waiting For My Fair Lady.


    “ถ้าเช่นนั้น ดิชั้นฝากStellaด้วยนะคะ หมวด Asuka”
    ดิชั้นกล่าวกับผู้หมวดหนุ่ม ผู้ซึ่งขณะนี้กำลังยืนอยู่เคียงข้างสาวน้อยนักฮาล์ปมือใหม่ของRosettaด้วยท่าทีเขินๆ วันนี้เขาดูแปลกตาไปนิดหน่อย จากปกติที่มักจะได้เจอกันในชุดเครื่องแบบสก็อตแลนด์ยาร์ดสีคราม แต่ก็ดูดีทีเดียวในชุดสูททับด้วยทักซิโด้สีดำ ผูกริบบิ้นหูกระต่ายสีแดงสด คุณAliceอุตส่าห์ไปหาเข็มกลัดสวยๆที่เข้ากับชุดสำหรับติดอกซ้ายมาให้ด้วย ผมสีดำที่ปกติจะดูยุ่งๆก็ถูกจัดแต่งเสียเรียบร้อย

    “วางใจเถอะครับ Miss Clyne ผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดครับ”
    เขาตอบเสียงดังฟังชัดจนดิชั้นต้องอมยิ้มให้กับความจริงจังนั้น
    ดูดีๆแล้ว คุณร้อยตรีShin Asuka นี่ เธอก็เป็นเด็กหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาสะอาดสะอ้านมิใช่น้อยเลย ดิชั้นนึกชมอยู่ในใจขณะที่ลอบสังเกตวิธีการที่เขายื่นมือมาให้ Stella เขาโน้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อให้เกียรติฝ่ายหญิง แม้มือที่ยื่นมาให้นั้นจะดูสั่นนิดๆ แต่นิ้วมือก็เรียบชิดติดกัน ขณะที่มืออีกข้างไขว้อยู่ด้านหลัง แอบคิดอยู่ในใจว่า เขาคงได้รับการอบรมมารยาทสังคมมาพอสมควรเลยทีเดียว

    เท่าที่ได้รู้จักกันมา....หมวดAsukaเองก็ไม่เคยหลุดปากกล่าวถึงเรื่องของครอบครัวตนเลยสักครั้ง ถึงแม้ดิชั้นจะนึกสงสัยอยู่บ้าง แต่ดิชั้นกับเขาก็มิได้สนิทสนมกันถึงขนาดที่จะไต่ถามกันถึงเรื่องนี้ได้ สิ่งที่ทำได้คือ เก็บคำถามนั้นไว้ในใจ และเชื่อมั่นในตัวของเขา อย่างที่เขาเป็นในวันนี้

    แล้วเมื่อมองไปที่สาวน้อย Stella ดิชั้นก็ต้องยิ้มอย่างชื่นใจ Stellaวันนี้ดูสดใสมีชีวิตชีวา ไม่เพียงแต่ภายนอกที่ดิชั้นและคุณ Alice ช่วยกันแต่งจนสวยน่ารักสมวัยด้วยชุดราตรีผ้าซาตินแบบพองบานสีน้ำเงินสด เข้าชุดกับรองเท้าหนังสีดำคู่ใหม่ดูเป็นสมกับเป็นสุภาพสตรีน้อยๆเท่านั้น แต่ทั้งดวงตาและรอยยิ้มของเธอที่มีให้ผู้หมวดคนสำคัญของเธอนั้น ทำให้ดิชั้นสุขใจยิ่งกว่า
    ดิชั้นยื่นนามบัตรของตัวเองและบัตรเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดงานให้สาวน้อยนักฮาล์ปคนใหม่
    “Stellaจ๊ะ พอไปถึงหน้าคอนแวนต์แล้ว จะพบซิสเตอร์ท่านหนึ่งยืนต้อนรับอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า หนูยื่นบัตรสองใบนี้ให้ท่านนะจ๊ะ เรียนท่านว่ามาจาก Rosetta เพื่อเตรียมเรื่องการแสดงและดนตรีภายในงาน”
    “ค่ะคุณหนู” หล่อนรับคำเป็นมั่นขณะที่รับบัตรทั้งสองใบไปแนบไว้กับอกราวกับเป็นสิ่งล้ำค่า
    “ไหน?ทวนกำหนดการของพวกเราในคืนนี้ให้ชั้นฟังอีกหนได้มั๊ยจ๊ะ?”
    “เอ่อ..ค่ะ!” ดวงตาสีลูกหว้ากลมโตฉายความกระตือรือร้นขณะกล่าวตอบ “พอเข้าไปที่ฮออล์เต้นรำแล้ว Stellaต้องเข้าไปตั้งสายฮาล์ปให้เสร็จก่อนที่แขกคนแรกจะเดินเข้ามา...”

    เสียงแจ้วๆหายไป เมื่อดิชั้นเห็นแม่หนู Stellaขมวดคิ้วนิ่วหน้าเหมือนกับกำลังคิดว่า...เอ่อ...แล้วยังไงต่อนะ? วินาทีต่อมา ดิชั้นจึงได้ยินเสียงของหนุ่มน้อยข้างกายหล่อนพูดงึมงำเหมือนกำลัง”ส่งซิก”ให้กันเอง
    “เพลงแรกให้เริ่มจากTwink....”
    สาวน้อยถึงกล่าวแก้ต่อขึ้นมาได้
    “เริ่มเพลงแรกที่ Twinkle Little Starค่ะ จากนั้นก็ค่อยๆเล่นเพลงตามโน้ตที่เตรียมไว้ในหนังสือ แล้วก็... เอ้อ....”
    ดิชั้นกลั้นขำ เมื่อเห็นหมวดสะกิดบอกนักฮาล์ปมือใหม่ของพวกเราอีกครั้ง “พอจบเพลง...”
    “ค..ค่ะ!! พอจบเพลงทั้งหมด คุณNicolก็จะเริ่มเล่นเปียโนเพลง Canon in D minor ให้Stellaคอยเล่นประสานจนจบเพลงค่ะ ถึงตอนนั้นก็จะเป็นช่วงเดี่ยวเปียโนของคุณ Nicol พร้อมกับเริ่มการแสดงของกลุ่มบัลเล่ต์”

    ดิชั้นฟังจนจบก่อนจะรีบปรบมือให้กำลังใจ ถึงแม้จะเหลือบไปเห็นคุณครูสอนฮาล์ปของแม่หนูกำลังแอบกุมขมับด้วยสีหน้าหนักใจก็ตาม
    “ใช่จ้ะ ใช่แล้ว เก่งมากเลย”
    ดิชั้นก็พอจะเข้าใจดีว่าสำหรับการออกแสดงครั้งแรก แม้จะเป็นเพียงการเล่นคลอในงาน แต่เพราะStellaเองก็ตั้งใจกับงานครั้งนี้มาก จนบางทีจริงจังมากจนก็กลายเป็นว่า เครียดและเกร็งกับมันไปเลย

    เพราะดิชั้นเองก็เคยผ่านประสบการณ์แบบนั้นมาแล้ว... ดิชั้นยังจำได้ดี คืนที่ได้รับเชิญให้ขึ้นร้องเพลงในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของเพื่อนร่วมงานคุณพ่อ ตอนนั้นดิชั้นอายุเพิ่งครบสิบสี่ปี.... ความตึงเครียด เกร็ง หวาดกลัวที่จะต้องร้องเพลงต่อหน้าผู้คนมากมาย ไม่รู้ความคิดของพวกเขา ไม่อาจตีความสายตาที่จับจ้องทั้งหลายเหล่านั้นได้ แต่ในที่สุด เราก็สามารถผ่านเวลานั้นไปได้ และทำให้ก้าวแรกนั้น นำไปสู่ก้าวที่ไกลกว่าเดิมมากขึ้น ...มากขึ้นไปอีก

    ถึงดิชั้นจะโชคดีกว่า Stellaตรงที่ ไม่เคยผ่านช่วงชีวิตที่ขมขื่นเช่นเด็กคนนี้มาก่อน....แต่สำหรับStellaในเวลานี้ ดิชั้นมั่นใจว่าทุกอย่างต้องผ่านไปด้วยดีแน่นอน โดยเฉพาะเมื่อเธอมีหมวดAsukaคนเก่งเคียงข้างอยู่เช่นนี้

    ก็แหม...ตั้งแต่เริ่มแรก ดิชั้นก็เห็นทั้งสองคนช่วยเหลือกันดีเสียอย่างนี้ ดิชั้นนึกขำอยู่ในใจ เมื่อนึกถึงภาพตอนที่หมวดหนุ่มกับแม่หนูนักฮาล์ปกำลังช่วยกันท่องลำดับการแสดงแทบแย่ ดูๆแล้วเหมือนเด็กนักเรียนช่วยติวหนังสือก่อนสอบกันยังไงไม่รู้

    “ทีมการแสดงอื่นๆของเราล่วงหน้าไปก่อนหน้านี้แล้ว เพราะฉะนั้น ก็สบายใจได้นะจ๊ะว่าไปแล้วจะวางตัวไม่ถูก”
    ดิชั้นกล่าวกับ Stella จบ ก็หันไปบอกหมวดหนุ่มคนเก่งต่อ “หมวดเองก็เหมือนกันนะคะ ทำใจให้สบาย ไม่มีอะไรต้องกังวล พอหมดคิวงานของStellaแล้ว ก็ปล่อยให้ตัวเองสนุกไปกับงานบ้างก็ได้นะคะ”
    “ค...ครับ”
    เขารับปากอย่างขันแข็งแต่ก็ยังดูขัดเขินอยู่ไม่น้อย ดิชั้นก็เลยโน้มตัวเข้าไปกระซิบบอกเขา พยายามเบาเสียงจนแน่ใจว่า คนอื่นๆน่าจะไม่ได้ยิน
    “ที่บอกให้สนุกน่ะ ก็หมายถึงจะชวนStellaไปเต้นรำบ้างก็ได้นะคะ”

    หมวดหนุ่มหน้าแดงไปจนถึงใบหู ขณะที่ร้องขอความเห็นใจ
    “โธ่...!! คุณหนูLacus!”
    Stellaมองดิชั้นหัวเราะคิกคักด้วยสีหน้างุนงง เอาล่ะ ตอนนี้ดิชั้นก็พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไม Athrun ถึงชอบแกล้งหมวดรุ่นน้องคนนี้นัก

    “อ้อ! จริงสิจ๊ะ Stella ชั้นมีของขวัญมาให้หนูแน่ะ”
    สาวน้อยนักฮาล์ปมีสีหน้างุนงง จนเมื่อดิชั้นสวมสายสร้อยมุกสีขาวอมชมพูเข้ากับลำคอของหล่อน
    “ดีจัง พอดีเลย” ดิชั้นยิ้ม อดจะออกปากเช่นนั้นไปไม่ได้ “ชั้นได้เส้นนี้มาตอนอายุพอๆกับหนูน่ะ สวมเอาไว้นะจ๊ะ คอจะได้ไม่โล่งจนเกินไป”
    “....คุณหนู....”
    Stellaเงยหน้าขึ้นมองชั้น ตาแดงๆเหมือนจะร้องไห้จนชั้นต้องดุเบาๆ
    “แน้! ไม่เอา ไม่ร้องนะ! เดี๋ยวหน้าเลอะ หมดสวยกันพอดีนะจ๊ะ”
    Stellaรีบสูดลมหายใจเข้าไปสุดแรง ขณะที่น้อมตัวลงทำความเคารพ
    “ค่ะ ขอโทษคะ....ขอบคุณมากค่ะ คุณหนูLacus”

    ดิชั้นยิ้มให้ทั้งสองคนอีกครั้ง รถม้าพร้อมแล้ว ถ้ามัวแต่คุยกันนานกว่านี้คงไม่ดี
    “ไปกันได้แล้วล่ะ เดี๋ยวจะสายเอานะจ๊ะ ชั้นจะตามไปในอีกสองชั่วโมงนี้ หมวดคะ กรุณาอย่ารำคาญถ้าดิชั้นจะบอกคุณอีกครั้งว่า ฝาก Stellaด้วยนะคะ”
    ประโยคท้าย ดิชั้นหันไปกล่าวกับหมวดหนุ่มอีกครั้ง เขายกหมวกทรงสูงสีดำขึ้นสวมบนศีรษะ ยิ้มประหม่าเล็กน้อยขณะกล่าวตอบ
    “ผมยินดีและพร้อมจะทำหน้าที่นี้เสมอครับ Miss Clyne”

    ดิชั้นโบกมือให้ ขณะส่งสายตาตามไปจนรถม้าคันงามที่พาทั้งสองคนลับตาไปกับหัวโค้งถนน พอดีกับที่คุณNicoleซึ่งเตรียมพร้อมอยู่แล้วในชุดสูททักซิโด้สีดำแบบTail Suit พร้อมกับเสื้อกั๊กตัวในสีเขียวเข้ม และเน็คไทผ้าไหมสีเขียวอ่อนเข้าชุดกันเดินมาสมทบ ดิชั้นพินิจดูสีหน้าบึ้งตึงเขาแล้ว ก็อดจะกลั้นยิ้มไม่ได้
    “มีอะไรหรือคะคุณ Nicole? หน้าบึ้งมาเชียว”
    “ผมเพิ่งทะเลาะกับคนของบารอน Allster มาน่ะสิครับ” นักดนตรีหนุ่มน้อยบ่นดังๆขณะที่ขยับเน็คไทให้เข้าที่ “โทรศัพท์มาตื๊อไม่เข้าท่า น่ารำคาญมากเลย”

    ชื่อของเจ้าของที่ดินทำให้ดิชั้นต้องเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
    “คนของบารอน Allsterหรือคะ?”
    “ครับ”
    เขาตอบด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายพลางสะบัดเสื้อโค้ทขึ้นสวม ปกติเขาก็เป็นหนุ่มน้อยร่างสันทัดอยู่แล้ว พอมาสวมชุดสีดำแบบนี้ ดิชั้นยิ่งรู้สึกว่าตัวเขาดูผอมบางลงไปอีก คุณNicoleยังอธิบายต่อด้วยสีหน้าดุจเดิม
    “วันนี้ก็โทรมาเข้าสำนักงานหลายหนแล้ว บอกว่าจะส่งรถม้ามารับคุณหนูไปร่วมดินเนอร์คืนนี้ ผมตอบไปปากจะฉีกว่า วันนี้คุณหนูมีงานแสดงจนดึกดื่นเที่ยงคืนโน่น กว่าจะเลิกงานก็คงเข้าวันใหม่นู่นแล้ว นอกจากนี้ เขาควรจะส่งบัตรเชิญมาก่อนล่วงหน้าด้วย ไม่ใช่มาบอกกระทันหันแบบนี้ นี่ก็ยังจะตื๊อโทรมาตั้งหลายหน เอาเลย! จะโทรมากี่หนผมก็พูดตอบไปแบบเดิมนี่ล่ะครับ จนคงจะทำให้ฝ่ายโน้นหงุดหงิดรำคาญไม่น้อยจนวางหูไปเอง เฮ้อ! ไม่รู้อะไรนักหนา ผมว่าผมก็พูดสำเนียงอังกฤษออกจะชัดเจนนะครับ ไม่ได้ใช้สำเนียงอื่นด้วย”

    นั่นทำให้ดิชั้นต้องกลั้นหัวเราะคิก เพราะนานๆจะเห็นคุณNicoleบ่นอะไรยาวๆแบบนี้ ซ้ำยังมีทีท่าอารมณ์เสียอย่างเห็นได้ชัดด้วย ดิชั้นวางมือบนบ่าของเขาอย่างสุภาพขณะเตือน
    “อารมณ์เสียก่อนเริ่มงานน่ะ จะทำให้ไม่มีสมาธิในการทำงานไปทั้งวันนะคะ คุณ Nicole”
    “ครับ ผมทราบดี.... แต่แหม!! มันก็อดไม่ได้นี่ครับ!”

    ดิชั้นฟังอย่างใจเย็น เพราะนี่มิใช่ครั้งแรกที่เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้น คุณNicoleถึงได้หงุดหงิด นี่ถ้าคุณDarcostaไม่หายตัวไปในเวลาแบบนี้....พวกเขาก็คงช่วยกันตอกกลับทางโน้นได้สนุกกว่านี้แน่

    “ใจเย็นๆเถอะค่ะ อย่าให้เรื่องเล็กน้อยมาทำให้ขุ่นข้องหมองใจดีกว่านะคะ ยิ่งไปกว่านั้น…..” ดิชั้นชูกระดาษสองแผ่นขึ้นให้เขาดูด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “วันนี้อุตส่าห์มีเรื่องดีๆเข้ามาถึงสองเรื่องแท้ๆ ทั้งโทรเลขด่วนจากคุณ Walfeldที่เธอบอกมาว่า อยู่บนรถไฟสายพิเศษที่กำลังวิ่งตรงมายังลอนดอนแล้ว นั่นแสดงว่าไม่เกินคืนนี้ เธอจะกลับมาถึงที่นี่แน่นอน แล้วก็ยัง...”
    “จดหมายจากคุณพ่อของคุณ” คุณNicoleกล่าวขึ้นอย่างรู้ทัน ทำให้ดิชั้นต้องหัวเราะกิ๊ก “คุณหนูอวดจดหมายนั่นกับผมแต่เช้าแล้วนะครับ แหม!ยังกับเด็กๆแน่ะ”
    “ก็แหม! ดิชั้นรอการติดต่อของทั้งสองคนมานานแล้วนี่คะ”
    ดิชั้นค้านเสียงสูง คุณNicoleหัวเราะอย่างอารมณ์ดี บรรยากาศรอบตัวเริ่มกลับมาดีมากขึ้น แต่กระนั้น....

    “ในที่สุด...ดิชั้นก็ต้องรอให้คุณWalfeldกลับมาเป็นฮีโร่ช่วยเหลือในตอนท้ายจนได้” ดิชั้นกล่าวยิ้มๆขณะพูดติดตลก “บอกตามตรงว่า...การที่ต้องรอให้คุณWalfeldกลับมาสะสางเรื่องการหายตัวไปของคุณ Darcosta ครั้งนี้ ทำให้ดิชั้นเสียหน้าไม่น้อยเลยล่ะค่ะ”
    “อ้าว! ทำไมคิดแบบนั้นล่ะครับ คุณหนู??” ทำให้คีตกวีหนุ่มของโรงละคร ซึ่งตอนนี้ทำหน้าที่”รักษาการตำแหน่งผู้จัดการ” โดยกลายๆมีสีหน้าตกใจขึ้นมาทันที
    “ก็อดคิดแบบนั้นไม่ได้น่ะสิคะ” ดิชั้นเผลอถอนใจออกมา “เพราะก่อนที่คุณ Walfeldจะออกเดินทางไป เธอก็ฝากฝัง Rosetta กับดิชั้นเอาไว้อย่างดี ในฐานะของหุ้นส่วนกิจการ แต่....”

    สุดท้าย....ความเป็น “สตรี” ของเราในยุคสมัยนี้....ก็ยังคงเป็นกรอบอันยากลำบากที่จะทำลายลง...ดิชั้นยังคงตระหนักรับรู้ได้ดีถึงความแตกต่างในข้อนี้ ถึงแม้ร่างกฎหมายการสืบทอดมรดก รวมทั้งการเข้าสู่อาชีพการงานต่างๆของสตรีจะผ่านสภาไปหมดแล้ว หากในทางปฏิบัติ ความเป็นสตรีของเรานี่เองที่ยังคงเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ ที่สกัดกั้นมิให้เราเข้าร่วมในกิจกรรมทางธุรกิจหลายอย่าง
    มิใช่ว่า....ดิชั้นจะไม่เคยพบอุปสรรคในเรื่องทำนองนี้ หากทุกครั้ง เรื่องราวก็จะผ่านไปได้ด้วยดี
    แต่สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้....ทำให้ดิชั้นต้องกลับมาทบทวนความอ่อนด้อยของตนเอง

    เรายังอ่อนแอเกินไปสำหรับแวดวงธุรกิจเช่นนี้

    แน่นอน ดิชั้นทราบดีว่าโดยธรรมชาติ ตนเองมิใช่นักธุรกิจ ดิชั้นไม่ได้ถูกปลูกฝังจากคุณพ่อในด้านนี้เท่าใดนัก แต่...แม้ว่าโดยส่วนตัวจะมีความเป็นศิลปินสูงกว่า เมื่อเติบโตขึ้น และอยากจะกระโจนเข้าสู่วงการนี้ เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ดิชั้นต้องเรียนรู้ และรู้เท่าทัน
    ดิชั้นจึงเลือกที่จะลงร่วมทุนกับคุณ Walfeld เพราะเขาเป็นนักธุรกิจที่ไว้วางใจได้ในด้านความซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา เลือกที่จะเรียนรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงละครกับเขา และในเวลาเดียวกัน ด้านกฎหมายดิชั้นก็โชคดีที่ได้ร่วมงานกับคุณ Darcosta
    ความโชคดีของดิชั้น....ทำให้ดิชั้นทะนงตน....

    ดิชั้นอยากพิสูจน์ตัวเอง ว่าดิชั้นเข้มแข็ง และพร้อมที่จะรับกับสถานการณ์ต่างๆได้ ในฐานะที่พึ่งของ Rosetta ในยามที่เจ้าของกิจการที่แท้จริงไม่อยู่
    แต่นั่น...อาจเป็นเพียง “ความทะนงตน” ของดิชั้นเอง

    “ดิชั้นยังอดคิดไม่ได้ว่า หากเป็นดิชั้นรับเป็นตัวแทนของคุณ Walfeld และเข้าร่วมการประชุมของสมาคมด้วยตัวเอง คุณDarcostaก็คงจะไม่....”
    บางครั้ง ดิชั้นคิด....ที่ผ่านมา....นั่นอาจเป็นเพียง “ความเย่อหยิ่งจองหอง” ของตัวเองก็ได้
    ดิชั้นอาจไม่เคยรู้เท่าทันวงการธุรกิจพวกนี้เลยก็ได้....?
    มันอาจเป็นเพียงความทะเยอทะยานของผู้หญิงคนหนึ่ง....ที่หวังจะ...พิสูจน์ว่า ตนเองมีความสามารถ และไม่มีทางพ่ายแพ้ให้แก่โลกธุรกิจที่แต่เดิมเป็นพื้นที่ของบุรุษ

    สายตาของดิชั้นหลบต่ำลง....

    “อย่าคิดแบบนั้นสิครับ คุณหนู...โธ่! เพิ่งพูดกับผมแท้ๆว่าอย่าปล่อยให้จิตใจขุ่นมัวในวันที่ต้องออกไปทำงาน”
    คุณคีตกวีคนเก่งกล่าว ดิชั้นคิดว่าเขาคงพยายามจะหาคำพูดที่หวังจะทำให้ดิชั้นสบายใจขึ้น
    “แล้วอีกอย่าง คุณหนูไม่จำเป็นต้องแบกรับความรู้สึกผิดนั้นเอาไว้กับตัวเองแต่เพียงคนเดียวเลยนะครับ ผมอยากให้มองว่า มันไม่มีเหตุปัจจัยเดียวหรอกครับที่จะทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น พวกเราทุกคนต่างหากละครับคุณหนู พวกเราทุกคนที่นี่”
    เขากล่าวพลางหันกลับไปยังตัวตึกสูงใหญ่ของ Rosetta โรงละครแห่งความฝันของพวกเรา
    “พวกเราอยู่ที่นี่ร่วมกัน พวกเราย่อมต้องรับผิดชอบร่วมกัน”

    ดิชั้นนิ่งเงียบ....คุณNicole จับมือของดิชั้น
    “ไม่ว่าจะเจออะไรในวันข้างหน้า เชื่อเถอะครับ พวกเราก็จะยังเชื่อใจคุณ”
    “.....ขอบคุณค่ะ....”
    นั่นทำให้ดิชั้นต้องยิ้มออกมาได้ในที่สุด

    คีตกวีหนุ่มยิ้มให้กำลังใจดิชั้น ก่อนที่เขาจะขอตัวขึ้นรถม้าเพื่อมุ่งหน้าไปยังคอนแวนต์ที่จัดงานในคืนนี้
    “The show must go On ใช่มั๊ยครับ?”
    ดิชั้นรู้ดีว่า....เขาเองก็กังวลไม่น้อยไปกว่าดิชั้นเอง

    เมื่อส่งคุณNicoleขึ้นรถม้าไปแล้ว นึกถึงคุณพ่อ....จดหมายฉบับล่าสุดนี้ ท่านไม่ได้เล่าเรื่องการงานที่กำลังทำอยู่มากนัก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการเขียนตอบข้อความที่ดิชั้นเขียนระบายอารมณ์ไปเมื่อฉบับที่แล้วมากกว่า...ดิชั้นยังไม่มีเวลาที่จะอ่านอย่างละเอียดมากนัก แต่ก็สัมผัสได้ทุกตัวอักษรว่า คุณพ่อเป็นห่วงมากเพียงใด

    “บางทีอคติที่บังตาเราอยู่ด้วยความโกรธ อาจทำให้เราอยู่ในสภาวะที่ไร้เหตุผลก็ได้นะลูก”

    อคติ...ความโกรธ...เศร้าใจ...น้อยใจ....ทำให้เหตุผลที่เราเคยมี ถูกวางไว้ที่ไหนก็ไม่รู้....




    ลงมาเยอะตลอด พอลงแค่นี้เลยรู้สึกว่า....ชิ....น้อยจังว่ะเรา
    มาต่อเร็วๆนี้ล่ะจ้า

    เข้ามาอีดิท แก้ลำดับตอน กร๊าก ตอนเยอะมากจนลืมว่าซ้ำ ขอบคุณคุมิมากจ้าที่เตือน ^^; เจ๊ก็พิมพ์เพลิน ไม่ได้ดูก่อน
  9. aunna

    aunna New Member

    EXP:
    18
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    /me โอ้น้องนิโคลสุดที่รัก

    คิดถึงจริงๆ >O<
    ทั้งคุณหนูและน้องน้อยสุดน่ารัก

    ปล. เมื่อไหร่คางะจังกับผู้กองเผาจะออกน้า

    >> กลับมา edit หลังจากมองเห็นเมนต์คุมิจังและตอบกระทู้ของพี่ไวท์วิงค์<<

    อยากให้หนูล่าเสียบจังค่ะพี่ขา =[]=! ลุยเลยนังหนู (กร๊ากกกกกกกกกกกกกก)

    [action]หัวเราะแล้วจากไป[/action]
  10. Alcard

    Alcard New Member

    EXP:
    6
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    เหมือนไม่ได้อ่านมาซักเดือนเลยนะนี่แทบลงแดงแต่เอามาลงแล้วก็ขอบคุณมากคร้าบยังดีกว่าไม่มี

    ปล. อาจารย์ยามาโตะเราไม่มีบทเลยแฮะพักนี้ สงสัยผู้กำกับสั่งตัดบท
  11. kandida

    kandida New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    แอบสารภาพว่าเมื่อกี้อ่านเห็นสีชมพูไม่ใช่สีส้ม ฮือๆๆๆแอบเศร้า

    คุณพ่อเดาใจลักส์ได้ทะลุปรุโปร่งนะค้า
    นิโคลก็ช่างน่ารัก

    เรารอสีส้มสีเขียวนะคุณไวท์วิงๆๆๆๆ
  12. watabo

    watabo New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    พี่มีแรงลง คนอ่านก็จพอ่านต่อไปขอร้าบบบบ
    ชิน-ล่า อ่าาา น่าจิ้น เลี้ยงต้อย โลลิจงเจริญ ชะเอ้ย ไม่ใช่ละ = =
    ลักส์ ความรู้สึกในใจมันบดบังเหตุผลเธออยู่ไง๊ เหอๆ

    รอปัดกวาดเช็ดถูพื้นฟลอร์เต้นรำรอน้องนางคอนแวนต์อยู่น้าาาา
  13. kumi

    kumi Active Member

    EXP:
    805
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด~!!

    *เข้ามาสครีม!!*

    จะเม้นต์ยาวๆ ให้ถูกใจคนเขียนฟิคเลยค่ะ >A<V!!

    คุมิอ่านจบแล้วพี่ไวท์วิง!! เล่นเอาไม่ได้นอนกันเลยทีเดียว (อกร๊ากกกกกกกก~)

    ก่อนอื่นขอชมเชยก่อน~! พี่เขียนฟิคเรื่องนี้ได้ยอดเยี่ยมมากๆ เลยค่ะ TT{}TT|>!! ตัดประเด็นเรื่องความคลั่ง G-Seed ออกไปนะ เพราะเดี๋ยวนี้สารภาพตามตรง...ไม่ได้คลั่งความเป็นซี้ดเท่าไหร่แล้ว ส่วนเรื่องบ้าตัวละครก็ลดลงไปเยอะแล้ว...จริงๆ นะ = =,,a

    คุมิชอบตรงที่ฟิคเรื่องนี้มันไม่ใช่นิยายกุ๊กกิ๊กหวานแหววเฉยๆ แต่มันมีอะไรในนี้ด้วย~ ให้ความรู้สึกถึงยุคสมัยของช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรมจริงๆ ค่ะ! โดยเฉพาะเรื่องการตื่นตัวทางการเมืองของพวกปัญญาชน พวกนักปรัชญาวิชาการต่างๆ และเนื้อหาของหนังสือแต่ละเรื่องที่ถูกอ้างอิงในนิยายเรื่องนี้เป็นมุมมองที่น่าสนใจจริงๆ นะคะ

    สัญญาประชาคม ของรุสโซ่ ฯลฯ นั่นบอกตรงๆ คุมิก็ไม่เคยอ่านเลยล่ะค่ะ พอรู้เรื่องเนื้อหาคร่าวๆ ตอนสอบเอนทรานซ์เท่านั้นเอง ไม่ยักรู้ว่าพี่ชอบอ่านเนื้อหาแนวนี้ = A =??

    อ่านฟิคเรื่องนี้แล้วชวนให้รู้สึกอยากอ่านหนังสือหนักหัวพวกนี้จริงๆ นะ~

    อีกอย่างคือเรื่องระบบล่าอาณานิคมของจักรวรรดิ อยากมานานแล้วล่ะ =[]=~ ฟิคที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องแนวนี้ ชอบบ~~บ เพราะในฐานะประชาชนในบ้านเมืองที่ไม่ค่อยจะพัฒนาอย่างเราๆ บางทีคุมิก็รู้สึกเซ็งพวกนี้นิดนึงเหมือนกันว่า...เอาเปรียบทรัพยากรบ้านเราโดยใช้ความหวังดีมาบังหน้าชะมัดเลย! แต่พออ่านมุมมองของคาแรคเตอร์ในเรื่องนี้...มันก็ได้ความคิดใหม่ๆ ขึ้นมาบ้างเหมือนกันนะคะ >W<,,

    ชักอยากจะไปอ่านหนังสือการเมืองแล้วมาถกกับพี่จริงๆ เลย.... ประเด็นนี้เอาไว้ทีหลังแล้วกัน ก๊ากกก~

    พูดถึงเรื่องเนื้อเรื่อง ผูกปมเรื่องได้ดีนะคะ น่าสนใจ ฝีมือการเขียนไม่ต้องพูดถึง...เอาเป็นว่าเริ่มอ่านแล้วต้องต่อให้จบดีกว่า =[]=b!!

    คาร์แรคเตอร์ของเรื่องนี้คุมิว่าเวิร์กนะคะ ไม่รู้สึกถึงความเป็นตัวละครในซี้ดเลย...จริงๆ นะ รู้สึกว่าแต่ละตัวเป็นออริในเรื่องนี้จริงๆ (ฮา...) น่าแปลกใจเหมือนกันที่เจ้าซาล่าทำตัวน่ารัก...ผู้กองน่ารักกว่าที่คิดไว้เยอะเลยล่ะค่ะ >////<,, นึกว่าจะทำตัวสมโง่ (ช่วงนี้ชอบตัวละครชายโง่แปลกๆ ...ตั้งแต่ดูโอรังฯ ยัน ไซอุนโกกุฯ ทามากิ+ริวคิ สุดยอด =[]=b!!)

    คุมิว่าเรื่องนี้หมอนี่ไม่โง่นะ...น่ารักน่าเอ็นดูมากๆ =[]=~!! (ชอบฉากหัวโขกโต๊ะชะมัดเลย ก๊ากกกก)

    มีมาดเซอร์ๆ ขี้เล่น แอบชายสมแมนก็เรื่องนี้เลยนะเนี่ยตัวเอ๊ง~ - -+

    ส่วนคางาริเธอก็ไม่ได้มีมาดสาวห้าวแกร่งเหมือนในการ์ตูนมาก ดูเป็นสาวน้อยแสนซน ก๋ากั่นน่ารักดีค่ะ เหมาะกับบทในเรื่องมากๆ เลย

    ส่วนคุณครูคิระก็เวิร์ก สวมบทตาแก่ได้ดีเยี่ยมจริงๆ = A =v!! ไม่คิดว่าจะอายุแค่ 24 คือ...ถ้าให้พูดตามจริงดูเก่งไปหน่อย แต่ว่าสมัยนั้นผู้ชายอายุ 24 ก็คงถือว่าโตมากแล้ว แต่ก่อนผู้หญิงอายุสัก 17-18 ออกเรือนแล้วก็มีถมไป เพราะฉะนั้นประเด็นว่าอายุน้อยเลยไม่น่าจะมีปัญหา

    ลักซ์จังก็อยู่ในภาพลักซ์เดิมๆ รู้สึกพี่ไวท์วิงจะชอบให้บทสาวน้อยแสนงามประชดประชันเก่งตั้งแต่ฟิคเรื่องที่แล้ว (ฮา...)

    อ้อ พูดถึงเรื่องประชดประชัน...มุกเรื่องพี่นี่สุดยอดนะคะ อ่านแล้วฮาตึงเลยทีเดียว ไอ้บทสะใจก็สะใจดีจริงๆ โดยรวมแล้วชอบค่ะ!

    ส่วนเรื่องที่อยากจะติง มีอยู่เรื่องเดียว....

    คำผิดค่ะคุณพี่ขา TT[]TT,, คำผิดมากมายมหาศาล คุมิเข้าใจว่าเป็นตามสะดวกของคนเขียนฟิค แต่คือแบบ...บางทีภาษาที่ใช่เขียนฟิคมันก็ออกจะเป็นภาษาเขียน เท่าที่ดูบางคำออกจะเป็นคำโบราณเลยด้วยซ้ำไป แล้วทำไมถึงมีภาษาวัยรุ่นแอบปนละคะ?

    อีกอย่างที่อยากแซวคือไอ้พุทโธ นะโม สังโฆ...เข้าใจว่ามุขฟิค แต่คิระมันน่าจะนับถือคริสต์ใช่มั้ยคะ (ฮา...)

    อยากให้ช่วยเรื่องคำผิดติ๊ดนึง~ พวกที่พอหยวนได้ก็หยวนค่ะ แต่บางคำอย่างคำว่า แหล่ะ หรือ มั๊ย เนี่ย มันน่าจะเขียนว่า แหละ แล้วก็ มั้ย น่ะค่ะ ^^"

    นอกเหนือจากนั้นฟิคพี่คุณภาพคับเรื่องคับ >A<b!

    คุมิอยากลุ้นให้พี่ไปเขียนออริของตัวเองจริงๆ นะ....จะแนวนี้หรือแนวไหนก็ได้ คุมิว่าพี่ต้องทำได้ดีแน่ๆ เลยล่ะค่ะ T[]T,,~

    แล้วจะรอให้กำลังใจคนเขียนต่อไปนะคะ สู้ๆ ค่ะ >_____________<,,|>!!!

    P.S. ในไฟล์ Word ที่ส่งให้คุมิมาเหมือนจะมี Chapter 30 สองอัน?? ถ้าให้เดา พี่คงกะจะตัดตรงคางาริ POV แต่เปลี่ยนมาเป็นของลักซ์แทนล่ะสินะคะ?

    Edit ก๊ากกกกกกก พี่ไวท์วิงอุตส่าห์ตอบยาวพอกัน ขอบคุณนะคะ

    ไม่มีอะไรหรอก คุมิว่าจะมาแซวอะไรเพิ่มนิดๆ หน่อยๆ เอง เรื่องนี้ท่าทางจะมีผู้เสียสละเนอะ = A =,, ความรู้สึกมันบอกว่าเราจะเห็นตัวละครตายยังไงไม่รู้ (ฮา...) เพราะถ้าไม่ตายเรื่องมันเดินไม่ได้แปลกๆ

    สุดท้าย...เฮ้ย ตาชินมันไม่เลี้ยงต้อยนะ =[]=" อายุของผู้กองเผากับนู๋คอนแวนต์ยังห่างกันมากกว่าอีกมั้ง = =~

    น่าน คุมิว่าแล้ว = =" ไม่งั้นจะสร้างลูน่าร์ให้รู้จักกับชินทำไม

    รอเสียบล่ะสิอีหนูเอ๊ย~

    ยังไงก็ได้ค่ะ ให้ชินตายขณะปฏิบัติหน้าที่ยังได้เลย เพราสเตลล่าน่ารักชักไม่อยากให้ตาย (ฮา...)
  14. whitewing

    whitewing New Member

    EXP:
    120
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    มุมตอบจดหมายจากทางบ้าน แต่นแต๊น ;)
    ก๊ากๆๆๆๆ ดิชั้นขอแก้ข่าวค่ะ ผู้กำกับไม่ได้ตั้งใจรังแกอาจารย์ยามาโตะต๊อกต๋อยนะคะ โธ่ๆ เป็นพระเอกขั้นเทพ ยังไงก็ต้องมีบทค่ะ แต่แน่นอนว่าต้องอดใจรอนิดนึงนะคะ (เพราะตอนหน้า ขอตามใจบรรดาพ่อยกแม่ยกอาสึคางะและตัวเองค่ะ) :aha:

    ปัดต่อไปคุณน้อง เอาให้เรียบให้ลื่น เพราะเรามีฉากกลั่นแกล้งคนมากมายอยู่บนฟลอร์นี้ โดยเฉพาะไอ้หัวม่วง (รอมานานแล้วกรู :bad: ) กรุณารอหาเพลง Murder on the dance floor มาเปิดไว้ด้วย ก๊ากๆ อ้อ ส่วนชิน-ล่านั้น มาsoundเสียงกันดีเกว่อ ว่าอยากให้ชีวิตคู่จบแบบไหน จะเอาแบบซี้ด หรือจะเอาแบบตามใจคนอ่าน แบบไหนว่ามาเลยโล้ด

    กรั่กๆๆๆ คุมิจ๋า พี่อ่านเพราะพี่ต้องเรียนจ้ะ พอเรียนมันเลยจำได้ แต่พอมาเรียนป.โทแล้ว พี่ขอยอมรับว่า มันเป็นอุดมคติมากๆ อาจเพราะเราไม่ใช่คนสมัยใหม่แล้ว แต่เป็นคนยุคหลังสมัยใหม่มั้ง พอกลับไปอ่านอีกทีตอนนี้ ก็เลยชักจะยิ้มให้รุสโซได้ละ ส่วนเรื่องระบบล่าอาณานิคมนั้น ลองไปหาเรื่องเกี่ยวกับทฤษฎีระบบโลกอ่านดูนะจ๊ะ อาจจะเข้าใจอารมณ์มากขึ้น อันที่จริงพี่ไม่แน่ใจหรอกว่ายุควิคตอเรียนของบรรดาหนุ่มๆสาวๆในเรื่อง เค้าจะตระหนักเรื่องนี้แบบที่อาจารย์ยามาโตะกับอีผู้กองสมโง่แกคิดรึเปล่า มันเป็นแค่การเสนอไอเดียของคนเขียนผ่านตัวละครสองคนนี้เท่านั้นแหละ (อย่าไปจริงจังเรื่องให้ยุคสมัยกับแนวความคิดสอดคล้องกันนะ พี่เองก็ไม่แน่ใจหรอก เพราะยุคนั้นลัทธิจักรวรรดินิยมยังเจริญเฟื่องฟู เหยียบหัวประเทศโลกที่สามกันมากมายก่ายกอง เรื่องคิดถึงหลักสิทธิมนุษยชนนี่ ไม่แน่ใจว่ามีนักคิดสมัยนั้นนำเสนอกันบ้างแล้วรึยัง ยังเป็นยุคที่เต็มไปด้วยอคติต่อความเป็นอื่นอยู่เยอะค่ะ)

    อ๊ายยย ดีใจจังที่มีคนเม้นท์เรื่องตัวละครมายาวๆ อิๆ ดีใจๆๆๆๆๆๆ :aha: :aha: เอาอีกๆ ชอบๆ สมองพี่มันจิ้นไปเรื่อยอ่ะจ้ะ จริงๆพี่ก็พยาย้ามมมม พยายามจะคงลักษณะดั้งเดิมไว้ แต่พอมาเป็นฟิคเราเอง ก็อดหยอดโน่นหยอดนี่ไปไม่ได้ สุดท้ายเลยหลุดออกนอกกรอบไปเยอะ (แบบจงใจ)
    ขอบคุณที่รักผู้กองสมโง่นะคะ เอ็นดูมันด้วย เพราะมันคงโดนพี่รังแกไปอีกซักพัก ฮ่าๆๆๆๆๆ ฉากโขกหัวนี่ ฉากโปรดพี่เช่นกัน (ถึงจะน้อยกว่าตอนถูกตบหน่อยนึง ฮ่าๆๆๆๆๆ) สำหรับคางาริจัง สารภาพด้วยความสูงวัยของตัวเอง ชอบคาแรกเตอร์สาวคอนแวนต์แบบในเรื่องนางอายอ่ะ (มีใครโตทันดูมั้ยเนี่ย ฮ่าๆๆช่องสาม จอย ศิริลักษณ์แสดงอ่ะ)ก็เลยเอามาใส่ไว้เยอะ
    ส่วนอาจารย์ยามาโตะต๊อกต๋อยนี่ คนว่าพี่มาเยอะเหมือนกันว่า บุคลิกที่มาขัดแย้ง เป็นลูกทูต เป็นคนชั้นสูง แต่ดันมาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย (แต่ยุคนั้นก็เป็นได้นะ แหม ลูกคนชั้นสูงเยอะแยะไปทำอาชีพนอกกระแส ประเภทนักเขียน จิตรกร หรือนักวิชาการ เพราะเป็นยุีคที่ ชนชั้นทางสังคมมันเบลอขึ้นเรื่อยๆแล้ว )
    ลักซ์นี่ พี่ก็โดนว่าเยอะเหมือนกัน (ฮ่าๆๆ) พ่อเป็นครูบาอาจารย์ ปล่อยให้ลูกสาวไปเป็นนักร้องได้ไง แต่แน่นอนว่า พี่ก็พยายามปูพื้นเรื่องเกี่ยวกับการเลี้ยงดูในแบบของครอบครัว Clyne เอาไว้ มันอาจจะแปลกแยกจากสังคมวิคตอเรียนช่วงนั้นบ้าง แต่พี่ก็เลยอยากให้นี่เป็นประเด็นที่ทำให้ ลักซ์ดูแปลกไปจากผู้หญิงในยุคเดียวกัน (ผู้หญิงยุคนั้นเป็นแบบไหน ใช้ชีวิตแบบไหน ลองไปอ่านงานบรองเต้ หรือเจน ออสเตนดูก็ได้ค่ะ) ส่วนเรื่องสาวน้อยแสนงามประชดประชันเก่ง ฮ่าๆๆๆ พี่ชอบผู้หญิงแบบนี้อ่ะ แบบว่า ดูสวยๆสง่าๆหวานๆ แต่ปากจัด แอบแรง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ พี่ไม่ชอบคาแรกเตอร์ประเภทยอมให้จูงจมูกไปนู่นนี่นั่นง่ายๆ น่าเบื่อไปค่ะ หวานๆได้ แต่ถ้ามีมุมเชิดๆนี่ เจ๋งเลย


    อันนี้ต้องขอบคุณมากๆเลยที่ติงมา พี่ก็พยายามแก้ไขเรื่องคำผิดค่ะ :sad: แต่พี่สะเพร่าเป็นสันดอนจริงๆ ขนาดเขียนรายงานส่ง ปกรายงานชื่อตัวเอง พี่เขียนนามสกุลตัวเองตกตัวการันต์อ่ะ งั่งแมะ ฮ่าๆ ส่วนคำผิดที่หนูติงมา จะนำไปปรับปรุงค้าบ (เขียนด้วยความเคยชินจริงๆ ไม่เจตนา)
    เรื่องภาษาที่ใช้ เออ จริงแหละ ตอนแรกภาษามันโบราณๆ หลังๆมันส์มือ คิดอะไรได้เขียนเลย ลืมความตั้งใจตอนแรกหมดสิ้น ก๊ากกกก ส่วนเรื่องตอน พี่เอ๋อเอง (เห็นมั้ย บอกแล้ว พี่เอ๋อจริงๆ) มันหลายตอนอ่ะ ถึงตอนที่30แล้ว พี่ยังงง ลงตอนใหม่ซ้ำ โง่อีก ตอนนี้แก้ไขแล้วนะฮ้า :D

    สรุปตอนท้าย ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ที่เม้นต์มายาวเหยียด และละเอียดมาก พี่ชอบบบบบบ ชอบมากกก เอาอีก :aha:
  15. meiar

    meiar New Member

    EXP:
    16
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    1
    ท่านอ.บทหายเพราะเดี๋ยวผู้กองสมโง่ไม่ได้เกิด เดี๋ยวจะกลายเป็นดาวดับ
    ลักซ์เอ้ยใจอ่อนซะทีเท้อ
  16. whitewing

    whitewing New Member

    EXP:
    120
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    เย้ยยยยยยยย บอร์ดเราไม่เน่าแล้ววววววว
    เข้าไม่ได้ ไม่ใช่เพราะไม่ได้เข้าเลยไม่อัพนะจ๊ะ
    แต่ถึงยังไงก็แล้วแต่ เมื่อเข้าบอร์ดได้ตามปกติ อิชั้นก็สาดฟิคค่า เย่ห์ ค้างไว้นานแล้ว คนเขียนมันส์มือค่า

    ผมนั่งตรวจข้อสอบของพวกนักศึกษาอยู่ทั้งวันจนปวดตา รู้ตัวอีกทีฟ้าก็เริ่มแดงจนน่าตกใจ เริ่มจะเข้าหน้าร้อนแล้วสิ...ช่วงเวลากลางวันก็เริ่มเบียดเบียนเวลากลางคืน นี่คงจะเย็นมากแล้ว อาจจะเกือบๆทุ่มแล้วกระมัง ผมคิดโดยไม่หยิบนาฬิกาพกขึ้นดู ขณะเงยหน้ามองท้องฟ้าฉายแสงสีแดงเงาเมฆสีดำพาดผ่านเป็นริ้วๆ ฝูงนกกาเพิ่งจะกลับรัง

    วันแรกของการปิดเทอรมภาคฤดูร้อนทำให้มหาวิทยาลัยดูเงียบเหงาจนน่าแปลก แม้จะยังมีนักศึกษาและพวกอาจารย์เดินเข้าเดินออกกันอยู่บ้างในยามกลางวัน แต่ครั้นตกเย็น ตึกเรียนกลับเงียบเชียบ บรรดาห้องชมรมกิจกรรมต่างๆถูกปิดลงชั่วคราว ผมต้องยอมรับกับตัวเองว่า ไม่ค่อยชอบความเงียบแบบนี้เท่าไรนัก บรรดากลุ่มอาคารสูงตระหง่านทั้งหลายดูเศร้าสร้อย...เงียบเหงา

    ผมยืดแขนออกบิดขี้เกียจ เก็บหนังสือลงกระเป๋าทำงานและลุกขึ้นคว้าเทร้นท์โค้ทสีดำที่พาดไว้ที่เก้าอี้ขึ้นสวม พยายามขจัดสิ่งรบกวนจิตใจออกไป งานของวันนี้ได้หมดลงแล้ว ผมบอกตัวเองขณะที่ประตูห้องทำงานปิดลง

    ความเงียบสงัด...มักทำให้มนุษย์คิดฟุ้งซ่านมากเกินไป ผมเองก็เป็นหนึ่งในมนุษย์ที่มีนิสัยแย่แบบนั้น ผมก้าวผ่านห้องทำงานในออฟฟิศอันเงียบเชียบของคณะไปโดยไม่หยุดมอง เจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยและอาจารย์คนอื่นๆกลับกันไปตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว ดูจะมีแต่ผมคนเดียวที่ตั้งใจตรวจข้อสอบของนักศึกษาวิชาปรัชญาการเมืองทั้งสามสิบคนให้เสร็จ ถึงได้อยู่โยงเฝ้าที่ทำงานจนเวลาล่วงมาจนป่านนี้

    ี้ แต่สุดท้าย ความฟุ้งซ่านเกี่ยวกับ “ปัญหาส่วนตัวที่ยังแก้ไม่ตก” ก็รบกวนเสียจน ผมต้องวางปากกาและทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างบ่อยครั้ง เป็นผลให้...ความตั้งใจแรกเริ่มของผมเป็นอันไม่สำเร็จในท้ายที่สุด

    โดยไม่รู้ตัว อาจจะเพราะตรวจข้อสอบจนเบลอไปกระมัง อยู่ๆขาทั้งสองข้าง.....ก็พาผมมาหยุดที่ร้านขายดอกไม้หน้ามหาวิทยาลัยจนได้

    ร้านเพิงไม้เล็กๆที่ผมเห็นเปิดประจำตั้งแต่เช้าตรู่จนมืดค่ำตะวันตกดิน แต่ไม่เคยคิดจะเดินเข้าไปเลยสักที แต่มาวันนี้ ผมก็ยังงงๆเหมือนกันว่า ทำไมตัวเองถึงมาอยู่ที่นี่จนได้ ขณะที่กวาดสายตามองไปทั่วร้านที่เต็มไปด้วยกอดอกไม้หลากสีละลานตาจนไม่รู้ว่าชนิดไหนเป็นชนิดไหน ก็ได้ยินเสียงทักทายสดใสที่ทำให้ผมต้องตกใจสะดุ้งเฮือกสุดตัว

    “อ้าว? อาจารย์? สวัสดีค่ะ”

    ผมหันขวับไปตามสัญชาติญาณ คุณป้าแม่ค้าเจ้าของร้านขายดอกไม้นั่นเอง ดูเหมือนว่าแกจะเพิ่งเดินออกมาจากหลังร้านหลังจากว่างงานมาทั้งวัน เนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกของการปิดภาคเรียนฤดูร้อน ทำให้บรรดาลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นพวกนักศึกษาหนุ่มๆหดหายไปเยอะ ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าตาพิลึกพิลั่นแบบไหนออกไป จนแกต้องมองอย่างงุนงงสงสัยแบบนั้น
    “อาจารย์? เป็นอะไรรึเปล่าคะ? ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ?”
    “เอ่อ...อ้า...ง่า....” ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรออกไปในเวลาแบบนี้ จึงได้แต่ตอบคำถามของแกไปอย่างโง่ๆ “ผมไม่ได้เป็นอะไรครับ เอ่อ...บางทีอาจจะ แบบนั้น...นิดหน่อย...เอ่อ”

    โอ้....!!! นั่นยิ่งทำคุณป้าคนขายดอกไม้ยิ่งทำหน้าสงสัยเข้าไปใหญ่ แกขมวดคิ้วมองหน้าผมด้วยสีหน้าเหมือนกับกำลังสงสัยว่า ผมใช้ประโยคบอกเล่าผิดหลักไวยากรณ์รึเปล่า นั่นทำให้ผมยิ่งไม่อาจห้ามใบหน้าที่กำลังร้อนฉ่านี้ได้

    “ข...ขอโทษครับ...”
    ผมคอตกโดยอัตโนมัติ ใจนึกก่นด่าตัวเอง รู้สึกราวกับว่ากลับไปเป็นเด็กวัยรุ่นงี่เง่าที่ไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับชีวิตตัวเองยังไงเวลามีปัญหา ทั้งๆที่ช่วงเวลาที่น่าอายแบบนั้นก็ผ่านมาเกือบสิบปีแล้วแท้ๆ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ผมก็เป็นถึงครูบาอาจารย์ในมหาวิทยาลัยแล้วด้วย มันน่าสมเพชตัวเองสิ้นดี แต่ก่อนที่ผมจะตัดสินใจเดินออกจากร้านขายดอกไม้ไปด้วยอารมณ์หดหู่ ก็ถูกถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเอื้ออารี
    “อาจารย์อยากจะซื้อดอกไม้รึเปล่าคะ?”
    ผมเงยหน้าขึ้น แทบไม่ต้องคิดเลย ก็หลังจากที่งมอยู่กับความคิดที่ว่า ควรจะไป...พบหน้าหล่อนยังไงดี...?มาแล้วทั้งวันจนงานการแทบจะไปขยับคืบหน้าไปสักเท่าไร นี่ไม่ใช่หรือคำตอบที่ผมควรจะได้รับ

    ก็ที่ร้านขายดอกไม้นี่ไงเล่า นายKira Yamato งี่เง่าเอ๋ย!

    “เอ่อ...ครับ”
    “อ๋อ....” ป้าคนขายดอกไม้หน้ามหาวิทยาลัยทำเสียงลากยาว ก่อนจะหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี มือไม้โบกไปมา
    “แหม ป้าเข้าใจๆ นี่อาจารย์คงไม่ค่อยซื้อดอกไม้เท่าไหร่สินะคะ คงเลือกไม่ถูกว่าจะเลือกดอกไม้แบบไหนดีสินะคะ? อย่างว่า...ช่วงนี้อากาศดี๊ดี ดอกไม้ก็เลยมีมาขายเยอะแยะไปหมดจนละลานตาเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว พวกนักศึกษาผู้ชายก็เหมือนกันละค่ะ โอ้ย ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวอะไรเกี่ยวกับภาษาดอกไม้หรอกค่ะ มีอย่างที่ไหนจะไปบอกรักสาวทั้งที จะซื้อดอกจัสมินขาวให้ โธ่ถัง! ช่างไม่รู้บ้างเล้ย!!ว่านั่นน่ะหมายความว่า ขอเป็นเพื่อนเท่านั้นน่ะ!!”

    ป้าคนขายดอกไม้บ่นให้ฟังเสียยืดยาว ผมฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มๆ ไม่อยากจะขัดแกขึ้นมากลางคันหรอกว่า ผมเองก็เป็นหนึ่งในบรรดาคนที่ “ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวอะไรบ้างเล้ย” ของแกด้วยนั่นแหละ...
    ป้าแกยิ้ม
    “อาจารย์อย่าว่าป้าเซ้าซี้เลยนะคะ แต่นี่จะเอาไปให้ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะคะ?”
    ผมหน้าแดงจนเขียวไปเลยมั้งนั่น ตอนที่ร้องขึ้นมา
    “ผ....ผู้หญิงสิครับ!!!โธ่!!!!”
    “อ้าว! อย่าเพิ่งโกรธกันสิคะอาจารย์ ป้าไม่ได้ว่าคุณเป็นพวกผิดปกติซักหน่อย ก็การให้ดอกไม้แสดงความยินดีหรืออะไรแบบนั้นกับผู้ชาย มันก็เรื่องปกติไม่ใช่เหรอคะ?? แหมๆ”

    ผมก้มหน้าสงบสติอารมณ์ตัวเอง มือทาบอกตัวเอง ได้ยินเสียงใจเต้นตุบตับๆ ปากก็พึมพำขอโทษป้าแกไปเบาๆ
    “ข...ขอโทษครับที่เสียงดัง”
    “อุ้ย!ไม่เป็นไรหรอกค่ะอาจารย์ เอาเป็นว่าจะหาดอกไม้ไปให้สาวเจ้า.... สำหรับโอกาสอะไรล่ะคะ?”

    เอ่อ...นั่นสินะ...สำหรับโอกาสอะไรล่ะ? ผมเหงื่อแตกพลั่กๆ ไม่ได้เตรียมตัวมาสำหรับตอบคำถามนั้นเลยสักนิด ผมเห็นใบหน้าอวบอ้วนใจดีของคุณป้าร้านขายดอกไม้ยิ้มแย้ม แกถามซ้ำ
    “จะใช้ดอกไม้สำหรับโอกาสอะไรล่ะคะอาจารย์? เดี๋ยวป้าจะได้เลือกให้ถูก”
    ผมรู้สึกลำคอติดขัดขึ้นมาทันที
    “ผม...”
    ทั้งๆที่ผ่านมาหลายคืนแล้ว ผมก็ยังคิดคำนึงถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นอยู่ ผมละอายใจตนเอง นั่นคือสิ่งที่ผมต้องยอมรับ “เอ่อ...ทำเรื่องร้ายกาจกับเธอไป เราเลยเข้าใจผิดกัน...”

    ผมอาจจะพูดถูกแค่ครึ่งเดียว...คือเรื่องที่ตัวเองทำเรื่องร้ายกาจ
    แต่เรื่องที่บอกว่า “เรา” เข้าใจ”ผิด”กันนั้น คงไม่ใช่ เพราะ....หล่อน”เข้าใจถูก”แล้วล่ะว่า สิ่งที่ผมทำไปมันเป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยเลยจริงๆ

    กระนั้น...ผมก็ยังโหยหาการให้อภัยจากหล่อน....

    “ผมก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงเหมือนกัน....”
    ผมหัวเราะเยาะตัวเอง น่าขำ....คนอย่างผม บุตรชายคนเดียวของท่านเอกอัคราชฑูต Haruma Yamato ได้รับการเลี้ยงดูมาจากสังคมชั้นสูง มีโอกาสและการศึกษาที่ดีจนได้รับการสนับสนุนจากรัฐให้ไปศึกษาต่อยังต่างประเทศหลายปี ได้มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดี เป็นถึงอาจารย์มหาวิทยาลัยใหญ่ ในคณะซึ่งมีอิทธิพลต่อแนวความคิดของเหล่าปัญญาชนทั่วไป

    แต่ผมกลับเงอะงะงุ่มง่าม ไม่รู้ว่าควรจะแก้ไขปัญหาส่วนตัวของตัวเองอย่างไร
    น่าอายจริง ยังกับเด็กหนุ่มวัยรุ่นไร้เดียงสา ไม่รู้เรื่องราวโลก...
  17. kumi

    kumi Active Member

    EXP:
    805
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    อ๊าพพพพแล้ว TT[]TT,,

    ไม่อยากบอร์ดว่าหลังจากบอร์ดเข้าได้กวาดตาหาเรื่องนี้เรื่องแรกเลย กร๊ากกกกกกกกกกกกกก

    หวังว่าคุมิคงไม่ได้มาเม้นต์คั่นอะไรนะคะ???

    อาจารย์ขา~ หยุดความรู้สึกสับสนในใจแว๊บ แล้วใส่เกียร์หมา เอ๊ย เกียร์หน้าเดินลุยๆ ดุ่ยๆ อย่างเดียวพอค่ะ =[]=b!!

    คิดอะไรในใจทำไปให้หมด เดี๋ยวก็ดีเองแหละเอ้อ - -+

    [action]คิดจะเปลี่ยนฟิคซีเรียสพี่ไวท์วิงเป็นแนวอะไรแล้วฟะเนี่ย =[]="""[/action]
  18. whitewing

    whitewing New Member

    EXP:
    120
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    แว๊กก ถูกปาด ฮ่าๆๆไม่เป็นไร ยินดีค่ะ พอดีเมื่อคืนขณะกำลังโพสต์ เน็ตเกิดอืดขึ้นมา เลยโพสต์ไม่สำเร็จ
    เอาใหม่ๆ

    ผมพบว่า คุณป้าขายดอกไม้กำลังฟังอย่างตั้งใจและยิ้มด้วยเมตตา
    “ไม่สำคัญว่าใครจะเป็นฝ่ายผิดฝ่ายถูก แต่เมื่อมีปัญหากัน อาจารย์ก็พร้อมที่จะเป็นฝ่ายเริ่มต้นขอโทษก่อน ป้าชอบนะ อาจารย์ไม่หมกมุ่นกับอัตตาของตัวเองเหมือนพวกนักวิชาการบนหอคอยงาช้างคนอื่นๆ”
    คุณป้าขายดอกไม้หัวเราะคิกขณะกล่าว ผมสิไม่รู้จะทำหน้าอย่างไรถูก

    อัตตาหรือ? ก็ไม่ใช่ว่า...ผมไม่มีหรอก ความรู้สึกที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางแบบนั้น ไม่ใช่เพราะสิ่งนั้นหรือที่ทำให้ผมต้องรู้สึกกระวนกระวายใจ และไม่เป็นตัวของตัวเองยามที่ไม่ได้พบเจอ ไม่ได้พูดคุยกับหล่อน
    แน่นอน...ผมยังสามารถใช้ชีวิตตามปกติทุกวันได้ ผมยังกิน ยังนอน ยังดื่ม อ่านหนังสือ ไปบรรยายในห้องเรียนได้เหมือนเดิม ทุกอย่างรอบกายเหมือนเดิม แต่....แต่แน่นอน ในความปกติสามัญนั้น มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ลึกๆ

    คนภายนอกอาจไม่รู้ แต่ตัวผมเองสิ...รู้ดีที่สุด

    “ถ้าอย่างนั้น ป้าแนะนำนี่แล้วกัน”
    ผมมองตามร่างอวบอ้วนในชุดกระโปรงยาวคลุมทับผ้ากันเปื้อนเดินไปที่กอดอกไม้ที่ปะปนกับดอกไม้ชนิดอื่นๆ ซึ่งอยู่ในเหยือกดินเผาสีน้ำตาลคอยาวที่วางอยู่บนโต๊ะไม้ยาว กลิ่นหอมอ่อนๆรวยรินโชยมาแตะจมูกเมื่อแกดึงก้านสีเขียวสดที่ประดับด้วยช่อดอกสีม่วงอมน้ำเงินเล็กๆราวกับระฆังใบน้อยเรียงกันเป็นพุ่ม หากเมื่อไล่สายตาลงมา ก็พบกับดอกที่บานออกเผยให้เห็นกลีบเป็นรูปดาวทั้งช่อ ตัดกับใบเขียวจัดเรียวยาวเป็นรูปดาบ
    “นี่ค่ะ อาจารย์ ไฮยาซินธ์สีม่วง”

    ผมเผลอเพ่งมองพุ่มดอกไม้สีม่วงอมน้ำเงินนั้นอย่างสนใจ ดอกอัดแน่นเป็นช่ออยู่บนก้านเขียวสดเพียงก้านเดียว เมื่อบานสะพรั่งเต็มที่จะพบกับเกสรสีเหลืองสดที่กึ่งกลาง เส้นสีม่วงเข้มจะพาดผ่านจากจุดศูนย์กลางสีเหลืองไปยังสุดปลายกลีบแต่ละกลีบ ราวกับดาวกระจายห้าแฉก ก่อนจะไล่สีอ่อนเรื่อไปทั้งกลีบ

    ไฮยาซินธ์....ผมคิดในใจ ผมเคยได้ยินแต่ชื่อที่เป็นตำนานกรีกโบราณที่เล่าเกี่ยวกับดอกไม้ชนิดนี้ แต่ก็ไม่เคยสนใจที่จะมองหาจริงๆว่ารูปร่างหน้าตาของมันเป็นอย่างไร ดังนั้น นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ผมได้ทำความรู้จักกับเจ้าดอกไม้ชนิดนี้จริงๆ

    “ไฮยาซินธ์สีอื่นๆก็สวย นี่ไงคะ มีสีขาว สีน้ำเงินเข้ม สีฟ้าอ่อน สีเหลือง แต่สำหรับไฮยาซินธ์สีม่วงที่ป้าเลือกให้นี่ ความหมายของมันก็คือ ฉันผิดไปแล้ว โปรดยกโทษให้ฉัน”

    โปรดยกโทษให้....

    ผมคลี่ยิ้มออกมาได้ในที่สุด
    “ขอบคุณครับ สำหรับคำแนะนำ...งั้นคุณป้าช่วย....”
    ยังพูดไม่จบประโยค ป้าแกก็หัวเราะขึ้นมา
    “อุ๊ย!! ได้เลยค่ะ เดี๋ยวป้าจัดช่อให้ เอาให้สวยที่สุดเลยนะคะ”

    คุณป้าขายดอกไม้คนขยันรีบกระวีกระวาดยกกอดอกไฮยาซินธ์สีม่วงขึ้นมาเต็มอ้อมแขน ก่อนจะนำไปวางแผ่ลงกับโต๊ะไม้หยาบ ผมตามไปดูอย่างสนใจ ป้าแกเชิญให้ผมนั่งรอที่ม้านั่งด้านในก่อน แต่ผมอยากยืนดูให้เห็นชัดๆมากกว่า แต่ก่อนที่แกจะลงมือจัดดอกเข้าช่อ ผมก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังมาแว่วๆ
    “อาจารย์...!!!!!”

    และดูเหมือนจะชัดขึ้นเรื่อยๆ จนผมชักเอะใจ ผมเดินออกจากเพิงขายดอกไม้เพื่อชะเง้อมองหาที่มาของเสียง
    “อาจารย์ Yamato!!!!!”
    “อาจารย์!!!”
    “จารย์~~!!!อยู่ไหนครับ?? พวกเรารู้นะครับว่าคุณยังอยู่ในคณะ!!!!”

    ผมหรี่ตามองลอดกระจกแว่นเมื่อเห็นร่างของนักศึกษาหนุ่มชั้นปีหนึ่ง นำโดยนาย Tolle Kheonikเจ้าเก่า กับบรรดาสหายอีกสี่ห้าคนกำลังวิ่งหน้าตาตื่นเอะอะมาตามถนนโรยกรวดทางเข้ามหาวิทยาลัย แล้วเลี้ยวหักศอกไปตามทางที่จะพุ่งตรงไปยังคณะรัฐศาสตร์ ปาดหน้าร้านขายดอกไม้ที่ผมยืนอยู่ไปแบบฝุ่นตลบ
    อะไรมันจะรีบร้อนกันขนาดนั้น?? ผมอ้าปากค้าง เสียงพวกมันแหกปากเรียกชื่อของผมดังลั่นๆ นี่ดีว่าชาวบ้านชาวช่องกลับบ้านกันไปเกือบจะหมดแล้ว ไม่อย่างนั้น ผมคงมีแต่ต้องเอาหน้าแทรกแผ่นดินมหาวิทยาลัยหนีเป็นแน่แท้

    ผมหันไปกล่าวกับคุณป้าคนขายดอกไม้ที่กำลังทำหน้าสงสัย
    “ข...ขอโทษนะครับ รอเดี๋ยวนะครับคุณป้า” ก่อนจะชะโงกหน้าออกไปตะโกนเรียก
    “นี่!!! พวกคุณ!! จะแหกปากเรียกหาผมทำไมกันน่ะ?? ผมอยู่นี่!!”

    ได้ผลชะงักดีแท้ เจ้าบรรดาลูกศิษย์แสบทั้งหลายชะงักฝีเท้าเพื่อหันขวับมามองผม ดวงตาของบรรดาเด็กหนุ่มเลือดร้อนเป็นประกายวาววับขึ้นมาในบัดดล
    “อาจารย์!!!!!!”

    ผมผงะไปเล็กน้อยเมื่อพวกมันพร้อมใจกันยกโขยงวิ่งตรงมาหาผม สีหน้าแววตาตื่นเต้นดีใจกันสุดๆอย่างระงับไม่อยู่ เมื่อถูกรุมล้อมด้วยพวกลูกศิษย์ที่กำลังหอบแฮ่กๆกันตัวโยน ผมก็ต้องถาม
    “อะไรของพวกคุณน่ะ? เย็นค่ำป่านนี้แล้วยังมีเรื่องอะไรที่ต้องมาหาผมถึงที่คณะอีก? เอ้า! ดูสารรูปแต่ละคนสิ!!” ผมทัก เพราะแต่ละผู้แต่ละคนต่างหอบกันลิ้นห้อย เหงื่อแตกพลั่กๆท่วมตัวทั้งที่ยังไม่เข้าหน้าร้อนดี ซ้ำเสื้อผ้าก็หลุดลุ่ยเลอะฝุ่นทราย สภาพยังกับไปรบที่ไหนมา โดยเฉพาะคุณ Kheonik ที่อยู่ในชุดทักซิโด้สีดำเตรียมพร้อมจะออกงานแท้ๆ

    ผมขมวดคิ้ว ไหนหมอนี่บอกผมว่าวันนี้จะต้องไปรับสาวที่คอนแวนต์ไปงานเต้นรำไง? ทำไมถึงยังมาเสนอหน้าแถวนี้นี่? แต่ครั้นพอผมจะอ้าปากถามต่อ Kuzzy Buskirt ซึ่งพอจะหายใจทันเป็นคนแรก ก็รีบชิงกล่าวก่อนเพื่อน
    “’จารย์ต้องไม่เชื่อแน่ๆเลยฮะ”
    นั่นทำให้ผมขมวดคิ้ว
    “? เรื่องอะไร??”
    “ข่าวด่วนจากเจ้า Rey ฮะ หมอนั่นส่งโทรเลขจากบ้านพักตากอากาศไปหา Tolle ที่บ้าน”

    เขาพูดเสียงรัว เหมือนกลัวว่าตัวเองจะหายใจทันอย่างนั้นแหละ ผมพยักหน้าตามอย่างงงๆ นึกขึ้นมาได้ว่า คุณ Rey Za Barrel ซึ่งปกติเป็นคนเงียบๆ (และไม่น่าเชื่อว่าจะมารวมกลุ่มกับพวกตัวแสบพวกนี้ได้) เคยบอกผมว่า ช่วงปิดเทอรมภาคฤดูร้อนนี้คงไม่ได้เข้ามาช่วยงานที่คณะ เพราะต้องติดตามที่บ้านไปพักผ่อนที่นีซหรือไงนี่ล่ะ
    “เออ แล้วไง?”
    “แล้วไง??” นายTolle ที่พอจะหายใจทันแล้วโพล่งขึ้นมา “นี่ถ้าอาจารย์รู้ว่าเจ้า Rey ส่งข่าวอะไรมา อาจารย์ต้องไม่พูดแบบนี้แน่ๆเลยครับ!!”

    เจ้าหัวหน้ากลุ่มนักศึกษาปี 1 สอดมือเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหยิบกระดาษโทรเลขออกมาชูก่อนร้อง
    “นี่ไงครับ!!!”
    ผมฉวยมาอ่านทันที โทรเลขนั้นสั้น แต่ได้ใจความในทันที

    “อธิการบดีพร้อมให้เข้าพบเย็นวันศุกร์นี้ที่คฤหาสน์ พาอาจารย์Yamatoไปด้วย ลงชื่อ Rey Za Barrel”

    สมองผมประมวลเรื่องทั้งหมดในปราดเดียว สำหรับภาควิชาของเราแล้วข่าวที่ได้รับในวันนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อพวกเด็กๆนักศึกษาของผม

    การที่พวกเขาจะได้มีโอกาสเข้าพบพูดคุยอธิการบดี Rau Le Klueze ครั้งนี้หมายความว่า คำร้องขอจัดทำวารสารวิจารณ์การเมืองของภาควิชาได้รับการอนุมัติ! ที่เหลือคือการขอเข้าพบเพื่อพูดคุยเรื่องการสนับสนุนด้านทุนเพื่อก่อตั้งสำนักพิมพ์ของเราเองในเวลาต่อไป
    นี่อาจจะเป็นโชคดีของพวกเราอีกข้อ ที่ตระกูล Durandal ซึ่งอุปการะดู
    แลคุณ Za Barrel มีความสนิทชิดเชื้อกับทางท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัย ทำให้ท่ามกลางเอกสารมากมายที่ถูกส่งไปยังสำนักงานอธิการบดีนั้น เอกสารคำร้องของฝ่ายกิจการนักศึกษา ภาควิชาปรัชญาการเมือง ได้“ลัดคิว”ให้ไปถึงมือของท่านอธิการบดีอย่างรวดเร็วจนไม่น่าเชื่อ ทั้งที่ตามปกติ กว่าจะได้รับการตอบรับมา ก็ต้องเกือบหนึ่งเดือนเป็นต้นไป หากครั้งนี้ เพียงสองอาทิตย์เท่านั้น

    ผมเผลอยิ้มออกมาอย่างยินดี ไม่เสียแรงที่คอยผลักดันโครงการนี้มาโดยตลอด เพราะนี่นับได้เป็นก้าวสำคัญสำหรับพันธกิจในฐานะนักวิชาการสาขาการเมืองการปกครอง ทั้งผม และพวกเด็กๆลูกศิษย์พวกนี้ด้วย คือการได้ถ่ายทอดแนวความคิด การมองสังคม การปกครอง และการเมืองด้วยมุมมองใหม่ๆที่แตกต่างไป
    เพราะสิ่งที่ผมเชื่อและถ่ายทอดต่อไปยังบรรดาลูกศิษย์ด้วยก็คือ เรื่องการเมืองการปกครอง มิใช่เรื่องของกลุ่มอำนาจกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หากเป็นเรื่องของประชาชน ที่ต้องรับรู้ วิเคราะห์ได้ และรู้เท่าทันสถานการณ์บ้านเมืองในเวลานั้นๆ

    “นี่มันเยี่ยมไปเลยนี่”
    ผมกล่าวได้เท่านั้น ก็พบว่าตัวเองกำลังถูกนักศึกษาสองคนล็อคแขนทั้งสองข้างแน่นหนา
    “??เฮ่! นี่พวกคุณทำอะไรน่ะ??”
    “ก็ต้องไปด้วยกันเลยไงครับอาจารย์!!!” นาย Tolle Khoenik กล่าวเสียงขึงขังขณะรีบดึงผมออกเดิน “พวกเรารอช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว เดี๋ยวจะไปรบกวนเวลาอาหารค่ำของท่านอธิการบดีเอา ที่สำคัญ คุณเป็นที่ปรึกษาโครงการของพวกเรา ตอนนี้ก็เท่ากับมีตำแหน่งบรรณาธิการบริหารแล้ว เจ้า Rey ก็บอกมาโทรเลขแล้วนี่ครับว่า ให้เอาตัวคุณไปด้วย”
    “ถูกต้อง!!ไปกันเลย!!”
    พวกนักศึกษาคนอื่นๆรีบประสานเสียงรับ ผมอ้าปากค้างตีหน้ายุ่งขณะทักท้วง
    “เอ้าๆ!! นี่จะไม่ถามผมซักคำเลยเรอะว่าผมติดธุระที่ไหนรึเปล่า??จะพาไปแบบนี้เลยน่ะ??”
    “แล้วจะให้ต้องรออะไรอีกครับอาจารย์?? หมู่นี้ท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยก็มีธุระการงานมากมาย แทบไม่อยู่มหาวิทยาลัย ไม่สิ แทบไม่อยู่ลอนดอนเลยด้วยซ้ำ วันนี้โอกาสดีก็มาถึงแล้วด้วย!!!”

    ที่พวกเขาพูดมันก็ถูกหรอก แต่...แต่ว่า!! อ๊า! ตอนนี้ผมตระหนักได้แล้วว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับ “ภาวะความขัดแย้งทางบทบาท” เป็นแน่แท้แล้ว ผมหันไปมองหลังคาร้านขายดอกไม้อีกครั้ง ได้ยินเสียงเอะอะของเจ้าพวกลูกศิษย์แสบร้องเรียกรถม้ารับจ้างให้จอด
    “เฮ้!!ปล่อยน่า!! ไม่ต้องมาล็อคแขนล็อคขาผมแบบนี้ก็ได้หรอก!”
    ผมร้องท้วงแต่เปล่าประโยชน์ โอ๊ยยย!! เจ้าพวกนี้แรงเยอะเป็นบ้า รถม้ารับจ้างคันโตวิ่งตรงมาฝุ่นตลบก่อนจะมาจอดตรงหน้าผม เหมือนยักษ์โกไลแอ็ตที่วิ่งพุ่งตรงเข้ามาหาพร้อมไม้กระบอง พร้อมที่จะทำลายล้างทุกอย่างที่ขวางหน้าให้วินาศสันตะโรไปอย่างง่ายดาย

    ผมอ้าปากค้างอีกรอบ แล้วทุกอย่างก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะรู้ตัวอีกทีผมอยู่ถูกจับยัดใส่ตู้ผู้โดยสารแล้ว

    เฮ้ย!!นี่มันละเมิดสิทธิมนุษยชนกันชัดๆ ไอ้เด็กพวกนี้นี่!!!

    เฮ้อ!!นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกเสียใจที่ตัวเองเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตารีบเรียนๆจนจบปริญญาโท แล้วมาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเมื่ออายุเพียงแค่ 24 ปีแบบนี้ ผมควรจะรอให้ตัวเองเรียนให้จบปริญญาเอกก่อนหลายๆใบ หรือไม่ทำผลงานวิจัยเยอะๆ ให้ได้ตำแหน่งศาสตราจารย์หรือไม่ก็ด็อกเตอร์ หรือไม่ก็ไปทำงานอย่างอื่นให้ตัวเองแก่หงำเหงือกเป็นปู่ให้มากกว่านี้ก่อน แล้วค่อยคิดจะฆ่าตัวตายด้วยการมาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย

    เพราะผลคืออายุที่ใกล้กันมากจนเกินไป ทำให้เจ้าลูกศิษย์พวกนี้หาได้มีความเคารพยำเกรงครูบาอาจารย์อย่างผมเลยไม่!!

    ผมชะโงกหน้าออกไปนอกหน้าต่างรถม้า เห็นคุณป้าแม่ค้าดอกไม้เดินตามออกมาจากเพิงพลางป้องปากถาม
    “อ้าว อาจารย์ แล้วตกลงจะรับดอกไม้มั๊ยคะเนี่ย?”

    หรือไม่นี่ก็อาจจะเป็นกรรมตามสนองจากสมัยเรียนของผมเอง?? ผมอดคิดไม่ได้ว่า นี่ถ้าวิญญาณของศาสตราจารย์ Fllaga ลอยวนเวียนอยู่แถวๆนี้ ก็คงกำลังกอดอกหัวเราะฮ่าๆอย่างสาแก่ใจพลางชี้หน้าผม
    “เป็นไงล่ะ?? รสชาติของการถูกลูกศิษย์ตามป่วนน่ะ??”
    สมัยเรียนผมเป็นไปได้แบบนี้เลยเหรอครับอาจารย์???โธ่!!!

    “ข....ขอโทษนะครับคุณป้า!! แต่พรุ่งนี้!!!”
    ผมร้องตอบกลับไปยังไม่ทันจบประโยค เจ้าพวกนักศึกษาลูกศิษย์สุดแสบกลุ่มเดิมก็กระโดดขึ้นมานั่งเบียดกันในคันรถ ผมได้ยินเสียงเจ้า Tolle หัวโจกสุดแสบที่ขึ้นไปนั่งข้างคนขับรถม้าร้องตะโกน
    “ออกตัวได้เลยเพ่!!”

    เสียงแส้ฟาดม้าดังป้าบ!! แล้วรถทั้งคันก็กระชากตัวออกไปจนผู้โดยสารทั้งรถหัวคะมำหัวทิ่มหัวตำไปตามๆกัน ผมโงหัวขึ้นได้ก็เอานิ้วดันแว่นที่ตกลงมาจากดั้งให้ขึ้นไปที่เดิม ขณะที่เจ้าพวกตัวแสบส่งเสียงเฮฮากันใหญ่

    เออ สนุกนะ สนุกมากเลยนั่น ผมทนไม่ไหวเลยชะโงกหน้าออกไปนอกหน้าต่างพร้อมกับเอาไม้เท้ากระทุ้งที่นั่งข้างคนขับแรงๆ
    “เฮ่!! คุณKheonik!! เล่นยกโขยงกันมาแบบนี้ ไม่คิดรึว่าจะสร้างความลำบากให้เจ้าบ้านเค้าน่ะ!!?”
    “ย.ห. อย่าห่วงครับอาจารย์!!” เจ้าหนุ่มผมแดง หัวโจกกลุ่มนักศึกษาหันไปตะโกนตอบแข่งกับเสียงลมที่ปะทะหน้า “นี่เป็นแผนเอาคนหมู่มากเข้าข่มของผมเอง!!”

    แผนเอาคนหมู่มากเข้าข่มเรอะ?? คิดจะใช้แผนนั้นกับคนอย่างศาสตราจารย์ Rau Le Kleuzeอย่างนั้นเรอะ?? บ้ารึเปล่า?

    “ให้ตายเหอะ!! ผมจำไม่ได้สักนิดว่าเคยสอนพวกคุณให้ใช้วิธีแบบนั้นนะ แล้วอีกอย่าง ไหนคุณบอกผมว่าสาวน้อยคู่หมั้นกำลังรออยู่ไงล่ะ?? แล้วนี่ก็เย็นมากจวนจะถึงเวลาที่ฝ่ายชายจะไปรับฝ่ายหญิงแล้วไม่ใช่เรอะ? คุณไม่กลัวแฟนคุณโมโหก็แล้วไป แต่หล่อนจะมาฉีกอกผมเอาน่ะสิ!!”
    แต่เจ้าตัวกลับหัวเราะร่า
    “โอ๊ยยย!! เรื่องนั้นยิ่งย.ห.ไปใหญ่เลยครับอาจารย์!! ผมโทรไปหาเขาที่คอนแวนต์ก่อนหน้านี้แล้วทันทีที่ได้รับโทรเลขจากเจ้า Rey แล้ว Milly นี่ล่ะที่เป็นคนสนับสนุนผมเรื่องนี้มาตลอด เค้ายังตื่นเต้นไปกับผมด้วยเลย!!”
    “แล้วนี่ ตกลงคุณจะไม่ไปงานเต้นรำแล้วเรอะ??”

    แล้วผมก็ได้รับคำตอบเสียงดังฟังชัด
    “อ้าว!ไปสิครับ!! อาจจะช้าหน่อย แต่ยังไงผมก็จะไปแน่ๆ อาจารย์ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นแทนผมหรอก”

    .ผมฟังเจ้าลูกศิษย์แสบอธิบายแล้วมึน สงสัยผมจะไม่ใช่แค่คงแก่เรียนอย่างเดียวกับที่Lacusเคยบอก สงสัยผมจะแก่แล้วด้วยถึงได้ตามเจ้าพวกนี้ไม่ทัน
    ไม่นะ!! ผมเพิ่งอายุ 24 เอง!!!
    ####################################

    ขออัญเชิญอาจารย์ยามาโตะคร่ำครวญไปเถอะนะคะ ส่วนอิชั้นก็จะขอตัวไปดูแลแต่งเนื้อแต่งตัวให้คุณหนูคอนแวนต์กับผู้กองสมโง่ก่อน คริๆๆ ;)
  19. watabo

    watabo New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    คิระเอ๋ยยย อายุยังไม่เท่าไรแล้วไปเป็นอาจารย์มหาลัยเนี่ย เพิ่งรู้ตัวว่าคิดผิดเอาตอนนี้เรอะ! แถมยังเป็นวิชาปรัชญาการเมืองที่คนสมัยนี้ยังตกกระจุยกระจายอีกต่างหาก
    คุณครูโดนลูกศิษย์ลากตัวไปซะแล้วววว จะไปหาคุณหนูทันไหมนี่ จะคอยเอาใจช่วยอยู่ห่างๆนา(เพราะตอนนี้ลุ้นทางสาวคอนแวนต์มากกว่า เหอๆ)
  20. meiar

    meiar New Member

    EXP:
    16
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    1
    กร๊ากๆคูณอาจารย์ยามาโตะสุดฮาเลยค่าฌดนลูกศิษย์ลักพาตัวไปซะแล้วหุๆ
    ฝ่ายผู้กองสมโง่หายโง่เร็วๆเน่อไม่ัง้นปลดจากบทพระเอกให้คนอื่นมาแทน(แต่ต้องไม่ใช่เจ้าหัวม่วง)
  21. kandida

    kandida New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ^^สวัสดีคุณไวท์วิงค่ะ ขอบคุณที่อุตส่าห์ไปบอกทางเข้าเวบใหม่ให้เรา
    งมโข่งอยู่หลายอาทิตย์
    ได้อ่านฟิกต่อดีใจมากๆ
    (แอบลุ้นนิดๆ ว่าจะมีสีส้มเขียวป่าว แอบเศร้านิดๆ)
    ตกลงดอกไม้ขอโทษ คิระจะได้ส่งไหมน้อ
    แอบเชียร์เฟรย์อยู่ อิอิ
  22. pikachan

    pikachan New Member

    EXP:
    1
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    อ่านฟิคพี่ทีไรมีความสุขทู๊กกก ที ในที่สุดอาจารย์ก็กลับมาแล้วสิน้า *w*
  23. whitewing

    whitewing New Member

    EXP:
    120
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    มะมะมะมะมาแวร้ววววววววววววววววววววววววค่า คุณน้องคุณผู้อ่านที่เคารพทั้งหลาย~~~
    [action](ลงไปนั่งพับเพียบหมอบกราบ)[/action]บ่าวเพิ่งแต่งเนื้อแต่งตัวให้คุณหนูเสร้จเมื่อซักครู่เองเจ้าค่ะ ได้ข่าวว่าแฟนๆรีเควสต์สีส้มกับสีเขียว วันนี้เลยเอาสีส้มมาลงเป็นกะษัยก่อน (จะลงให้หมดเลยก็ไม่ได้ค่ะอีนี่ ติดเตรียมตัวสอบหัวข้อทีซิส ช้านจะบ้า)

    ช่วงที่เขียนตอนนี้ก็ต้องลงไปคลุกข้อมูลประวัติศาสตร์ว่าด้วย "ชุดชั้นในสมัยวิคตอเรียน" พอสมควร พอค้นเรื่องชุดชั้นในได้ก็เลยไปเรื่องผู้หญิงสมัยนั้น ต่อด้วยสตรีนิยมในยุคนั้นเลย อ่อก สำลักข้อมูล!! ^^; แต่สนุกมาเลยล่ะ พอค้นข้อมูลแล้วถึงดีใจว่าโชคดีจริงๆที่เกิดมาเป็นผู้หญิงยุคนี้ โชคดีที่เกิดเป็นผู้หญิงไทยด้วย (อย่างน้อยผู้หญิงไทยโบราณก็ยังถือครองที่ดินของตัวเองได้ ไม่ต้องรีบร้อนหาปั๋วแบบผู้หญิงยุควิคตอเรียนส่วนใหญ่ แล้วก็ไม่ต้องรัดคอร์เส็ตจนท้องไส้เครื่องในรูปร่างบิดเบี้ยวด้วย)

    ถ้าสงสัยว่า คุณหนูคอนแวนต์ของพวกเรากว่าจะแต่งตัวเสร็จมีขั้นตอนยังไงบ้าง? คลิกลิ้งค์นี้โล้ดค่ะ http://knowlesville.com/matt/vintage_fashion/getting-dressed.html

    ดูภาพสวยๆกระตุ้นต่อมImaginationกันก่อนนะคะ เป็นโปสเตอร์โฆษณาสมัยก่อนน่ะค่ะ
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    เอาล่ะค่า อัพโล้ดด
    เย็นเวลาเดียวกัน ณ St. Angela Ursuline Convent

    มีหลายเรื่องในชีวิตที่เราภาวนา สวดมนต์ อ้อนวอนขอต่อพระผู้เป็นเจ้า ขอไม่ให้เกิดขึ้น ขอให้มันอย่าได้มาถึงในเร็ววันเลย อย่างเช่น วันโลกาวินาศ น้ำท่วมโลก มหันตภัยทางธรรมชาติครั้งใหญ่แบบที่เคยกวาดทวีปแอตแลนติสให้จมหายไปจนเหลือแต่ตำนานเรื่องเล่า

    แต่สำหรับชั้นในวินาทีนี้ หึๆ... ตัวอย่างทั้งหมดข้างบนดูกลายเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยไปเลยล่ะขณะที่กำลังนั่งจ่อมอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งด้วยความรู้สึกหมออาลัยตายอยาก ท้อแท้ และสิ้นหวังแบบนี้ ตามองเลยไปยังชุดราตรีผ้าไหมชีฟองที่วางแผ่อยู่บนเตียงอย่างว่างเปล่า

    พูดตามตรงมันก็สวยอยู่หรอกนะ ชุดราตรียาวผ้าพลิ้วสีหยกเหลือบประกายสีทอง เปลือยไหล่ ตกแต่งด้วยมุกสีนวลปักเป็นลวดลายละเอียดยิบทั้งที่อกและชายกระโปรงยาว เข้าชุดกับถุงมือผ้าไหมสีเดียวกัน แม้แบบจะเรียบๆแต่ก็ดูออกทันทีว่าการตัดเย็บนั้นเป็นไปด้วยความประณีต และทำให้ชั้นสามารถจินตนาการได้ทันทีว่า Mana แม่นมของชั้นจู้จี้กับช่างตัดเสื้อมากแค่ไหนกว่างานจะออกมาดีได้ขนาดนี้

    แต่มันคงจะสวยกว่านี้มากๆในสายตาชั้น ถ้ามันแขวนอยู่บนหุ่นสวยๆสักตัว หรือหญิงสาวสวยสง่างามระหงสักคน
    มันคงจะสวยกว่านี้มากๆถ้ามันจะไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ชั้นต้องมานั่งหน้าบูดบึ้งเพราะอึดอัดคับพุงกับไอ้เจ้าคอร์เส็ตรัดทรงบ้าๆที่กำลังสวมอยู่นี่ เฮ้อ!!!
    พูดง่ายๆคือ มันคงจะสวยกว่านี้มากแน่ๆ ถ้าชั้นไม่ใช่คนที่ต้องสวมมัน!! ให้ตายเหอะ!!

    ไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมอุดมคติความงามของคนสมัยนี้ที่มีต่อผู้หญิงมันถึงได้ยุ่งยากนัก?? เมื่อเย็น ตอนที่พวกMadameหลายคนมาช่วยสวมคอร์เส็ตให้นักเรียนสาวๆ ชั้นได้ยินเสียงร้องโอดโอยๆลอดผ่านฝากั้นห้องอย่างน่าสยองขวัญสั่นประสาท!! นี่ถ้าไม่บอกว่า “ที่นี่คือคอนแวนต์” และเผลอมีคนเดินผ่านมาแถวหอพักโรงเรียนเวลานั้นไปโดยไม่รู้ อาจมีการเข้าใจผิดคิดว่า เสียงร้องโหยหวนที่ดังลอดออกมาเป็นระยะๆนั่นคือเสียงกรีดร้องของอะไรบางอย่างที่....พูดด้วยศัพท์แบบที่พวกนักวิทยาศาสตร์ยุคนี้ชอบใช้ก็คือ เหนือธรรมชาติและอธิบายไม่ได้ เอ่อ...ประเภท”ผี”แม่ชีอะไรแบบนั้น...ก็ได้

    เอาล่ะ ชั้นอาจจะโชคดีกว่าสาวเจ้าเนื้อหลายคน ที่กว่าจะรัดเชือกผูกคอร์เส็ตเพื่อจัดให้เอวคอดกิ่วและหุ่นโดยรวมเหมือนรูปนาฬิกาทราย ก็เล่นเอาทั้งคนผูกและคนถูกผูกเหงื่อแตกพลั่กแทบตายกันไป พอดีชั้นไม่ใช่คนที่มีเนื้อหนังอะไรมากนัก (มองเผินๆก็ไม่ต่างอะไรกับไม้กระดานอย่างที่ยัยAsagiเคยกัดเอาไว้แหละ คิดแล้วแค้น) แล้วเอวชั้นมันก็เล็กอยู่แล้วด้วย ตอนสวมเจ้าคอร์เส็ตที่ว่านี่ก็เลยไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่

    แต่ถึงยังไงมันก็ทำให้รู้สึกอึดอัดหายใจไม่ค่อยสะดวก แล้วก็เคลื่อนไหวไม่ค่อยคล่องตัวด้วยอยู่ดี ซึ่งเป็นอะไรที่น่ารำคาญเอามากๆ

    ชั้นมานั่งคิดสรตะแล้ว สรุปโดยรวมได้ว่า มายาคติเรื่องความสวยความงามที่สังคมสร้างขึ้นนี่แหล่ะ อุปสรรคของการเป็นผู้หญิง!

    เธอเป็น “ผู้หญิง”นะ นู่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ ต้องแบบนี้ แบบนี้ แบบนี้!!

    โอ๊ย! ชั้นล่ะอยากทุบโต๊ะปัง! แล้วประกาศออกไปเลยซะจริงๆว่า ไอ้เจ้าเข็มขัดยักษ์ที่ทำหน้าที่บีบกระดูกช่วงเอวและสะโพกของหญิงสาวให้เข้ารูปตามแบบสมัยนิยมที่เรียกว่า “คอร์เส็ต” นี่แหละ คือผลผลิตของวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่และการดูถูกทางเพศ!! เพราะสาบานได้ว่า ตั้งแต่เกิดมา ชั้นไม่เคยเห็นว่าผู้ชายคนไหนจะต้องมาทนลำบากกับการแต่งตัว “ให้สวยให้งาม” แบบพวกเราเลย
    ไม่เท่าเทียมกันเลย อะไรกัน เกิดมาเป็นมนุษย์เหมือนกันแท้ๆ

    สมมุติว่า พระเจ้าให้มนุษย์ผู้หญิงคนแรกของโลกเช่นอีฟ ถือกำเนิดเกิดมาจากกระดูกซี่โครงของผู้ชายอย่างที่ไบเบิ้ลว่าจริงๆ ก็แล้วไง? ไม่ใช่เพราะว่าผู้ชายโดดเดี่ยวบนโลกเรอะ? ถึงต้องการเพื่อน ต้องการมีมนุษย์อีกคนมาอยู่ข้างๆ และนั่นก็คือผู้หญิง

    แล้วถามว่า มนุษย์ควรจะได้รับการปฏิบัติโดยเท่าเทียมกันหรือไม่?? ทั้งเพศหญิงและเพศชาย??

    เหอะ! แน่นอนว่า ถ้าชั้นเกิดหลุดปากพูดความคิดฟุ้งซ่านแบบนั้นออกไป คงมี Madame หลายคนรีบตะครุบตัวชั้นแล้วจับมัดส่งโรงพยาบาลบ้าเป็นแน่แท้ ก็เพราะแนวความคิดแบบนี้ ในยุคสมัยที่อะไรๆก็เต็มไปด้วยกฎระเบียบเคร่งครัด คงไม่มีใครคิดว่าชั้นเป็น “คนปกติ” แหงๆ

    ชั้นได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง แน่นอนว่าคงเป็นพวกของ Asagi Mayura Juri และMilliaria Hawl ยัยJuriตะโกนถามชั้นว่า ชั้นแต่งตัวใกล้เสร็จแล้วหรือยัง เพราะพวกหล่อนต้องรีบไปแล้ว
    “พวกตัวล่วงหน้าไปก่อนเลยเหอะ”
    ชั้นส่งเสียงตอบไปอย่างซังกะตาย เพราะตามแผนที่วางกันไว้ ชั้นคิดอย่างหดหู่.... ชั้นต้องอยู่รอให้ไอ้บ้าคู่เต้นรำหัวสีม่วงเหมือนดอกกะหล่ำนั่นมารับซะก่อน
    “นี่ตัวเอง” Mayura เคาะเรียกชั้นบ้าง “อดทนนะ ท่องไว้ ภาษิตปรัชญาตะวันออกบอกเอาไว้ มารไม่มี บารมีไม่เกิด ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ถ้าอยากอ้วกจริงๆ ให้เวลาได้ห้านาทีที่ห้องน้ำ”

    ช่วยได้มากเลยนั่น ชั้นนึกประชดอยู่ในใจ
    “ย่ะๆ พวกตัวรีบไปเถอะ “ ชั้นออกปาก ไม่ได้อยากอยู่คนเดียวตอนนี้หรอก แต่มันทำไงได้

    สี่สาวที่รออยู่หน้าประตูห้องนอนหันไปซุบซิบอะไรบางอย่าง ชั้นก็ฟังได้ไม่ถนัดนัก จับใจความได้คร่าวๆเพียงแค่ Juriเตือนว่า Asagiยังมีหน้าที่จะต้องปลอมตัวเป็นพนักงานประจำโต๊ะเครื่องดื่มก่อนด้วย ถ้าช้ากว่านี้จะเกินการณ์ ทำเอาเจ้าตัวบ่นงุ้งงิ้งๆ ขณะที่ Milly (ที่ยินดีจะเข้าร่วมแผนการณ์นี้ด้วยอารมณ์นึกสนุก)กระซิบบอก Asagi ว่าไม่ต้องห่วงอะไร เพราะจะช่วยดูต้นทางให้อยู่แล้ว ก่อนชั้นจะได้ยินเสียงของทั้งสี่คนประสาน
    “เออ งั้น พวกเราไปแล้วนะ”
    “จ้ะๆ”
    “พวกเรารักตัวเองนะ”

    เสียงฝีเท้าสี่คู่ไกลออกไป ชั้นกลั้นใจลุกขึ้นหน้ากระจก เท้าสะเอวมองตัวเองที่อย่างไม่ค่อยชอบใจนัก ถ้าเป็นเวลาปกติไม่มีเด็กคอนแวนต์คนไหนลุกขึ้นมารัดคอร์เซ็ตตัวเองซะแน่นขนาดนี้หรอก แค่เสื้อคามิโซลบางๆ ดราวเวอร์ใส่สบายๆ กับกระโปรงสุ่มอ่อนทับด้วยกระโปรงชั้นในก็พอแล้ว ถึงทางคอนแวนต์จะมีกฎว่าทุกเช้าวันจันทร์จะมีกลุ่ม Madame มาช่วยสวมคอร์เส็ตให้พวกเราก็เถอะนะ แต่พอพวกท่านคล้อยหลังไปสิ เชื่อขนมกินได้เลยว่ามีแต่คนคลายเชือกออก
    เพราะขืนให้นั่งเรียนทั้งๆสวมชุดชั้นในรัดติ้วซะขนาดนั้น มีหวังหายใจไม่ออก เรียนไม่รู้เรื่องกันพอดี แถมห้องพยาบาลคงจะเต็มไปด้วยคนป่วยนอนกันล้นทะลักเพราะเป็นลมกันได้ทุกวัน

    ชั้นคิดพลางขยับกระโปรงชั้นในสีขาวตัวยาวที่สวมทับสุ่มอ่อนให้เข้าที่ มือทั้งสองเอื้อมไปข้างหลัง หมายจะคลายเจ้าเชือกรัดเอวให้ผ่อนออกเสียหน่อยก็ยังดี แต่ยังไม่ได้ทำอย่างที่ใจคิดก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกถี่ๆ

    ชั้นหันขวับไปยังต้นเสียงทันที แน่แล้ว...Cagalli Yura Athhaเอ๋ย! เสียงเคาะเบาแต่ถี่ยิบแบบนี้ มีคนเดียวในคอนแวนต์ที่เคาะแบบนี้ได้!
    เจ้าแม่ฝ่ายปกครอง เจ้าของฉายา “นางสิงห์” Madame St. Natale!!!

    โอ้มายก็อด! หล่อนมาเวลานี้ คงแน่นอนแล้วว่า ชะตาชั้นคงไม่รอด

    “เอ้า! คุณAthha เปิดประตูซิ ยังมีคนอื่นที่เขารอแต่งหน้ากันอยู่นะ”
    นั่นไงล่ะ โอ้!ไม่!! คำๆนั้น “แต่งหน้า” คำที่ชั้นไม่อยากได้ยิน!!

    “คุณAthha” เสียงเรียกนั้นเข้มขึ้น “จะเปิดดีๆ หรือจะให้ชั้นพังเข้าไป เลือกเอานะ”
    เสียงเฉียบขาดของนางสิงห์แห่งฝ่ายปกครองทำเอาชั้นต้องสะดุ้งเฮือกก่อนวิ่งถลาไปที่ประตูอย่างไม่คิดชีวิตปากก็ร้อง
    “เปิด!!เปิดค่า Madame!!”

    ชั้นค่อยๆแง้มประตูอย่างกล้าๆกลัวๆ สีหน้าสุดสวยและเรียบเฉยของ Madame St. Natale รออยู่แล้ว
    “มัวทำอะไรอยู่นักหนา?” Madame สุดเฮี้ยบถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ทำให้คนฟังขนลุกไปทั้งตัว “แล้วนี่ยังแต่งตัวไม่เรียบร้อยอีกรึเราน่ะ?”
    “เอ่อ...ยังค่ะ Madame คือหนูมัวแต่วิ่งไปช่วยพวกเพื่อนๆคนอื่นๆแต่งตัวก่อนก็เลย...”

    ชั้นไม่ได้โกหกนา ก็จริงๆนี่ ชั้นวิ่งไปช่วยพวก Juri แต่งตัวจริงๆเพราะพวกหล่อนต้องล่วงหน้าไปที่งานก่อน เรียบร้อยแล้วถึงได้กลับมานั่งจับเจ่าจิตตกอยู่ในห้องตัวเองแบบนี้นั่นแหละ
  24. kandida

    kandida New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ><
    XD!!!!!!!!!!!!

    สีส้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
    ขอโทษคนอ่านท่านอื่นๆด้วยค่ะ เดี๊ยนดีใจมากไปหน่อย สุดที่รักจะขึ้นเขียงเอ้ยออกงาน

    จินตนาการเสียงคนโดนจับยัดคอรเสทเหมือนผู้หญิงกำลังเข้าห้องคลอดเลยค่ะ ฮะๆๆๆๆ
    ทีสิสสู้ๆนะคะคุณไวท์วิง มีแวลาแล้วมาต่อด่วนนะค้า เราลงแดงฮะๆๆๆๆ
  25. kandida

    kandida New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ><
    XD!!!!!!!!!!!!

    สีส้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
    ขอโทษคนอ่านท่านอื่นๆด้วยค่ะ เดี๊ยนดีใจมากไปหน่อย สุดที่รักจะขึ้นเขียงเอ้ยออกงาน

    จินตนาการเสียงคนโดนจับยัดคอรเสทเหมือนผู้หญิงกำลังเข้าห้องคลอดเลยค่ะ ฮะๆๆๆๆ
    ทีสิสสู้ๆนะคะคุณไวท์วิง มีแวลาแล้วมาต่อด่วนนะค้า เราลงแดงฮะๆๆๆๆ

Share This Page