Gundam seed destiny parody fanfiction : SHINING STAR กระทู้1

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย whitewing, 13 พฤศจิกายน 2007.

  1. kumi

    kumi Active Member

    EXP:
    805
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    มีคนคอมเม้นต์จนได้แฮะ

    คุมิไม่กล้าเม้นต์คั่นพี่เพราะท่าทางเหมือนยังไม่จบ (ฮา...)

    ว่าไงก็ว่าตามกันฮะ

    ข้อมูลปึ๊กจริงๆ ภาพชัดแจ่มมากค่ะ ความรู้ใหม่มากๆ =[]=b!!!!!!! ว่าแต่..........ใส่ชุดวิกตอเรียนต้องเสริมก้นด้วยอ่ะ O[]o!!!!!!!??????

    มิน่าล่ะชุดพี่สาวซินเดอเรลล่าทั้งคู่มันถึงได้ก้นงอนเด้งๆ นัก =A=~

    สี POV ของคางาริแสบตาไปหน่อยค่ะพี่ คุมิต้องแดรกเม้าส์อ่านเลยทีเดียว ^^" แก้สีให้เข้มกว่านี้หน่อยก็ดีค่ะ คำผิดมีเล็กน้อยประปราย ถือว่าหยวนๆ

    มีอีกอย่างที่อยากจะค้าน.........................คางาริไม่แบนนะคะพี่ =[]=!!!!!!!!!!! อ้างอิงจากภาพ Office และพวก Special Edition ได้แน่นอน!!

    คนที่ไม้กระดานน่ะสาวผมชมพูต่างหาก - -+

    [action]โดนเตะกระเด็นออกนอกกระทู้ไป![/action]

    [action]ครั้งนี้เม้นต์ได้สาระจริงๆ ก๊ากกกกกกกกก[/action]
  2. whitewing

    whitewing New Member

    EXP:
    120
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0


    ร่างระหงและสง่าในเครื่องแบบนางชีสีดำทะมึนของ Madame ก้าวเข้ามาในห้องชั้นอย่างเงียบเชียบหากรวดเร็วราวพายุ ในมือถือกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมสีดำมะเมื่อม ที่ชั้นรู้ได้ในทันทีว่าจะต้องมีบรรดาอุปกรณ์แต่งหน้าอยู่แน่ๆ ชั้นรู้สึกว่าตัวลีบลงๆ แทบจะหายไปกับเงาบนกำแพง ท่านเดินมาหยุดอยู่กลางห้อง ตรงหน้าเตียงนอน แล้วสายตาคมกริบดุจนางพญาเหยี่ยวก็กวาดไปรอบๆ ราวกับจะสำรวจด้วยความระแวงว่า “ตัวแสบประจำคอนแวนต์” คิดเตรียมการณ์สร้างความปั่นป่วนอะไรให้แก่สถาบันอีกกระนั้น

    “แต่งหน้าให้เสร็จก่อนก็ดีเหมือนกัน” Madameเอ่ยขึ้นเรียบๆขณะนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งของชั้น และโดยไม่ต้องสั่ง ชั้นรีบไปยกเก้าอี้จากโต๊ะเขียนหนังสือมาอีกตัวทันที “จะได้สะดวกขึ้นเวลาลงแป้ง ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะหกเลอะเทอะชุดหมด ทีนี้คุณก็คงจะหาเรื่องไม่ลงไปงานเต้นรำได้พอดี”

    ชั้นฟังพลางยิ้มเฝื่อนๆ อยู่คอนแวนต์มา 5 ปี ดูเหมือนบรรดาอาจารย์นางชีทั้งหลายจะรู้ไส้รู้พุงชั้นหมดสิ้นแล้วสิเนี่ย

    มือขาวตัดกับชุดคลุมสีดำเปิดกระเป๋าหยิบแปรงและกระปุกแป้งสีขาวนวลออกมาวางอย่างเบามือ พลางพูดไปเรื่อยๆ เหมือนกำลังบรรยายวิชาอะไรสักอย่างในห้องเรียน และชั้นก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่า นั่งหลังตรงตัวแข็งแล้วพยักหน้าตามหงึกๆ
    “เอาล่ะ คุณคงรู้นะว่า การแต่งหน้าเยอะมากจนเกินไปนั้นไม่ใช่สิ่งที่หญิงสาวในตระกูลสูงพึงกระทำ คุณก็ไม่ใช่เด็กน้อยไม่ประสาเรื่องภายนอกก็คงทราบดีว่า เครื่องสำอางค์ที่มากจนเกินไปนั้นเหมาะสำหรับผู้หญิงประเภทไหนใช้”

    ค่า...ทราบค่า...ชั้นตอบอยู่ในใจ เหอะ สำหรับยุคที่เต็มไปด้วยกฎระเบียบและมารยาทสังคมมากมายก่ายกองที่บีบรัดสตรีเพศไม่ให้ทำอะไรนอกลู่นอกทาง คนที่นึกรักสวยรักงามอยากจะทาปากให้แดงฉ่ำขึ้นมานี่ คงมีแต่จะถูกมองว่าเป็น “ผู้หญิงหากิน” อย่างเดียวเลยสิเนี่ย ??

    “และคุณก็ไม่ใช่พวกดารานักร้องนักแสดงอย่างแม่ Lacus Clyne ที่พวกคุณชื่นชอบกันด้วย จึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องสวยบรรเจิดอยู่ใต้แสงไฟขนาดนั้น กุลสตรีชั้นสูงควรจะมีความงามที่ดูบอบบาง บริสุทธิ์ โดยไม่ต้องแต่งเติมอะไร”
    พูดจบ Madameก็นิ่งพิศหน้าชั้นอย่างใช้ความคิด ชั้นกลืนน้ำลายเอื้อกอย่างรู้สึกอึดอัด (จากทั้งสายตาพินิจพิจารณาของอีกฝ่าย และไอ้เจ้าคอร์เซ็ตรัดติ้วนี่ด้วย)

    “คุณเป็นคนผิวขาวนะ คุณAthha แต่ก็ไม่ใช่ขาวแบบที่นิยมกันเสียด้วยสิ” Madame St. Natale กล่าวอย่างใช้ความคิด
    “? ยังไงเหรอคะ? Madame”

    ชั้นเผลอหลุดปากถามออกไปด้วยความงุนงง มารู้ตัวว่าไม่ค้วรไม่ควรเลย ก็เมื่อเห็นเรียวคิ้วของนางพญาแห่งฝ่ายปกครองขมวดเข้าหากัน ชั้นร้อง ”อึ๋ย!!” อยู่ในใจ เตรียมพร้อมถูกหยิกเต็มที่ แต่อาจเป็นโชคดีของชั้นที่วันนี้Madameท่านอารมณ์ดีหรืออย่างไรจึงเพียงแต่ตอบมาว่า
    “กุลสตรีชั้นสูงน่ะ ไม่มีใครถูกปล่อยให้ออกไปถูกแดดถูกลมข้างนอกโดยไม่จำเป็นหรอกนะ ผิวของพวกเธอจึงควรจะขาวเหมือนหินอ่อน แลดูบอบบางเหมือนตุ๊กตากระเบื้อง”
    พูดจบท่านก็ปรายตามาที่ชั้น และเอ่ย

    “ไม่มีกุลสตรีที่ไหนนิยมวิ่งเล่นกลางแจ้งจนหอบแฮ่กๆแบบคุณหรอก”

    ชั้นรู้สึกเหมือนตัวหดเหลือนิ้วเดียว ก็จริงหรอก อาจจะเพราะชั้นมันพวกอยู่เฉยๆในที่ร่มไม่เป็น ตั้งแต่เด็กๆมาแล้วก็ชอบวิ่งเล่นกลางแดดจัดๆ พอมาอยู่ที่คอนแวนต์นี่ถึงชั่วโมงพละเมื่อไหร่ล่ะได้เรื่อง เพราะขณะที่สาวๆคนอื่นๆเอาแต่หลบแสงอาทิตย์อยู่ใต้ตึก แต่ชั้นกับพวกเพื่อนๆกลับสนุกสนานชนิดไม่หมดแรงไม่หยุดกัน เพราะงั้นเลือดลมมันอาจจะสูบฉีดดีเกินไปหน่อยล่ะมั้ง ผิวชั้นก็เลยอมชมพูๆแบบนี้

    ก็ช่วยไม่ได้นี่นา อีกอย่างชั้นก็ไม่ได้อยาก “สวย”ตามอย่างที่ Madame บอกซักหน่อย เหอะ! สวยแบบบอบบางราวลมหอบได้เรอะ? ไม่ไหวล่ะ!

    เอ๊ะ? แต่เดี๋ยวก่อน ชั้นว่าคนที่สวยตามแบบสมัยนิยมที่เขาว่ากันอยู่ตรงหน้าชั้นนี่นา ชั้นนึกขึ้นมาได้ขณะแอบมอง Madame เจ้าของฉายานางสิงห์ที่นั่งอยู่ตรงหน้า ท่านยังกล่าวสั่งสอนอะไรอีกเยอะแยะ อย่างเรื่องกิริยามารยาทที่พึงแสดงต่อคู่เต้นรำหรืออะไรแบบนั้น แต่ชั้นไม่ได้สนใจฟัง เพราะมัวแต่มองดวงหน้าเรียวได้รูป สุดสวยและเย็นชาภายใต้ผ้าคลุมศีรษะผ้าสักหลาดสีขาวนั้น....

    ผิวบางขาวใสจนเรียกได้ว่าแทบจะมองเห็นเส้นเลือด แก้มไร้สี ปากบางเจือสีเลือดเล็กน้อย แต่ที่ดึงดูดมากที่สุดคงจะเป็นดวงตาทรงพลังด้วยขนตางอนหนาราวปีกนก

    น่าแปลก ทั้งๆที่ Madame ก็ไม่ใช่แม่ชีสาวรุ่นๆแล้ว ชั้นก็ยังอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าท่านไม่เข้าพิธีรับศีลถือสมณเพศอย่างเช่นทุกวันนี้ล่ะก็ จะต้องได้เป็นสาวสังคมเนื้อหอมที่หนุ่มๆทั่วลอนดอนหมายปองเป็นแน่แท้

    Madame St. Natale จุ่มแปรงขนฟูนุ่มลงในกระปุกแป้ง ก่อนจะเคาะผงแป้งส่วนเกินออกอย่างเบามือ และเมื่อท่านเงยหน้าขึ้น ก็พบว่าชั้นกำลังจ้องท่านเป๋ง
    “? มีอะไรเหรอ?มาจ้องชั้นแบบนั้น?”
    “อ่ะ! เอ่อ! เปล่าค่ะ”
    ชั้นรีบส่ายหน้าปฎิเสธทันควัน แต่นางพญาแห่งฝ่ายปกครองมีสีหน้าไม่เชื่อ พอถูกมองด้วยสายตาแสดงความสงสัยเต็มที่ ชั้นก็เลยรู้สึกเขินๆขึ้นมาจนต้องยกมือขึ้นเขี่ยแก้มตัวเองแก้เก้อ

    “ก็หนูคิดว่าแบบ Madame นี่ล่ะค่ะ ที่สวยตามแบบที่เค้านิยมกันเดี๋ยวนี้ คือทั้งสูงสง่า ทั้งขาวใส แล้วก็ดูบอบบางน่าทะนุถนอม ถ้า Madame ไม่ได้ถือศีลอย่างทุกวันนี้ หนูว่า....”

    Madame St.Natale มีสีหน้าแสดงความประหลาดใจตอนที่ฟังชั้นพูด แต่ยังไม่ทันที่จะปล่อยให้ชั้นพูดจบ ท่านก็เอาแปรงขนฟูปัดแป้งสีขาวนวลลงบนหน้าชั้นเต็มที่

    โอ๊ยยย!! ละอองแป้งเข้าจมูก!!! จนชั้นต้องทั้งไอทั้งจามฮัดเช่ยติดๆกันออกมา

    “ใช้คำพูดแบบนั้นกับนักบวชได้รึ? คุณ Athha” Madame ฝ่ายปกครองสุดเฮี้ยบเอ่ยดุๆ “สตรีผู้ตัดสินใจเข้าพิธีรับศีลเป็นนักบวชนางชีทุกคนย่อมตัดแล้วซึ่งกิเลสทั้งมวล ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของความงามส่วนตัว หน้าที่ของชั้นในฐานะครูเป็นเพียงผู้คอยสนับสนุน อบรม กล่อมเกลาทั้งการศึกษา มารยาทสังคมและศีลธรรมให้กับพวกคุณๆเท่านั้นเอง เพราะชีวิตของพวกคุณยังต้องดำเนินต่อไปในสังคมโลกภายนอก จำไว้ว่าพวกคุณมีอนาคตที่รออยู่ต่างกับชั้น”

    ชั้นไอจามเพราะสำลักละอองแป้งจนน้ำตาไหล รู้สึกเหมือนกำลังถูกดึงเข้าสู่การอบรมอีกครั้ง มือเรียวขาวและเย็นนิดๆของ Madame จับหน้าของชั้นหันมา และใช้แปรงขนฟูนุ่มอันเดิมเกลี่ยแป้งส่วนเกินบนหน้าชั้นออก ให้เหลือแต่สัมผัสของแป้งบางๆเนียนๆเท่านั้น
    “สิ่งที่สังคมคาดหวังกับผู้หญิงก็คือ การเติบโตขึ้นอย่างสวยงาม มีจิตใจอ่อนโยน มีกิริยามารยาทที่น่าชม พร้อมที่จะแต่งงานออกเรือนเพื่อหน้าที่ของภรรยาและแม่ที่ดีต่อไป ถึงคุณไม่ชอบ ก็ต้องยอมรับความจริงในข้อนี้”

    เสียงที่อบรมชั้นเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสียงเบาหากชัดเจน
    “ถ้าคุณยอมรับการคาดหวังจากสังคมข้อนี้ไม่ได้ ที่เดียวที่คุณจะมีอิสระจากกฎเกณฑ์เหล่านั้น ก็มีแต่ใต้ร่มเงาแห่งพระตรีเอกานุภาพเท่านั้น”

    คำกล่าวนั้นทำให้ชั้นต้องนิ่งงัน ไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคเช่นนั้นจากปากของ Madame St. Natale ท่านยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ชั้นพยายามมองหาสิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังน้ำเสียงที่เอ่ย อารมณ์ความรู้สึกเศร้า ขื่นขม หากก็ไม่พบสิ่งใด
    “กระนั้น....หากไม่คิดจะอุทิศตนเพื่อพระเจ้าอย่างแท้จริง การละทางโลกย์นั้นก็ไร้ความหมายใดๆ เพราะมันก็ไม่ต่างอะไรกับการบินออกจากกรงแรก มาเข้ากรงใหม่ จิตใจจะยังต้องเผชิญกับความคับข้องใจสืบไป ไม่มีทางค้นพบความสงบที่แท้จริงได้”

    กรงเหรอ?...อืม เป็นการใช้บุคลาทิศฐานที่น่าสนใจ

    อาจเป็นเพราะ Madame St.Natale เอง ก็เป็นหนึ่งในสตรีหลายๆคนที่เดินออกจากกรงที่เรียกว่า “กรอบความเป็นแม่และเมียที่ดี” ตามที่สังคมนิยามไว้ แล้วมองความเป็นไปของสังคมที่มีต่อผู้หญิงด้วยสายตาของคนที่อยู่นอกกรอบนั้นแล้วกระมัง?
  3. kandida

    kandida New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ><
    จะมาเมนท์คั่นหรือเปล่านิ แต่ไม่เห็นมาต่อ
    สรุปว่าน้องคางะเราสลบจมกระปุกแป้งLaura Mercier ไปแล้วช่ายมั้ยคะ
    นึกไม่ออกว่าแต่งหน้าออกมาแล้วจะเปนไงเน้อ
  4. watabo

    watabo New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    โอ้ยยย อ่านตอนนี้แล้วนึกถึงIFตอนนึงเลย นาธาลที่ร้ากก โฮกกกก (ไม่เป็นภาษาแล้วเรา==)
    “กุลสตรีชั้นสูงน่ะ ผิวของพวกเธอจึงควรจะขาวเหมือนหินอ่อน แลดูบอบบางเหมือนตุ๊กตากระเบื้อง” ฟังดูน่ากลัวพิกลๆมากกว่าแฮะ
    สมัยก่อนเค้าฮิตแบบข๊าวขาวหรือนี่ สมัยนี้้ต้องแบบคางะสินะ ขาวอมชมพู - -+

    ปล.คิดไปเองหรือเปล่าหว่า ที่สาวๆใช้สรรพนามแทนเพื่อนกับตัวเองว่า "ตัว"กับ"เค้า" จำได้ว่าตอนก่อนไม่ได้ใช้แบบนี้ พอมาอ่านแล้วมันจั๊กกะเดียมแปลกๆ ลองกลับไปอ่านตอนเก่าๆ ฟิ้ววว
  5. whitewing

    whitewing New Member

    EXP:
    120
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ก๊ากกกก สมัยนั้นยังไม่มีป้าลอร่านะคะคุณแคนดี้!!แต่เราชอบนะ แป้งป้าแกปัดแล้วหน้าหมองๆมันๆ เด้งงงงงงงงงอย่างแรง อยากได้อีกๆๆๆ :aha:
    ยุควิคตอเรียน สาวๆไม่แต่งหน้ากันเยอะค่ะ เพราะจะถูกมองว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี (อ่านแล้วเซ็งเลยตรู จุดนี้ -_-; ) ที่ใช้ได้ก็นิดๆหน่อยๆ จำพวกน้ำกุหลาบทาแก้ม แต้มปาก (ประมาณทินท์น่ะค่ะ) ทาแป้งพอหน้านวลๆ อุปกรณ์เสริมนอกจากนี้พวกดินสอเขียนขอบตา เขียนคิ้ว อายแชโดว์ ขนตาปลอม...มีไว้สำหรับพวกนักร้องนักแสดง และโสเภณีค่ะ :waaa:

    ยุควิคตอเรียนเป็นยุคที่ค่อนข้างเคร่งครัดกับผู้หญิงมากๆ ทั้งเรื่องการแต่งกาย การวางตัว การแต่งหน้าก็ด้วยจ้ะ สมัยโน้นพี่ไปค้นมาละ พบว่าอุดมคติความงามสมัยนั้นคือ ซีดๆ ยิ่งขาวแบบเห็นเส้นเลือดได้ยิ่งดี เพราะเธอจะดูบอบบาง ดูชวนปกป้องดี ฮ่าๆๆๆๆ

    สมัยนั้นผู้หญิงถูกคาดหวังเอาไว้ว่าต้องเป็นฝ่ายได้รับการดูแล อย่างที่พี่ย้ำเอาไว้ว่า พื้นที่ของผู้หญิงสมัยนั้นคือในบ้าน โดยเฉพาะผู้หญิงชนชั้นสูง ไม่มีใครปล่อยให้ออกไปทำงานแน่นอน ผู้หญิงจะี่ออกไปทำงานได้ก็คือชนชั้นกลาง และชนชั้นล่าง อาชีพที่ทำได้ก็อย่างพวกกอเวอร์เนส รับจ้างเย็บปัดถักร้อย เป็นเมด เป็นแม่บ้านไรงี้ ไม่นับอาชีพนักร้องนักแสดงนะคะ นั่นอาจจะเป็นข้อยกเว้น อันที่จริงก็เพิ่งจะพบเมื่อเร็วๆนี้เองว่า ทัศนคติของคนสมัยนั้นต่อนักแสดงหญิงไม่ดีนักหรอกค่ะ เฮ้ออออ (ลำบากLacusชั้นแล้วสิ รักมีอุปสรรคซะแล้ว T-T) แต่เพราะนี่เป็นฟิค ดังนั้นถ้าหวังว่าสาวๆของอิชั้นจะเป็นคุณหนูอ่อนแอ วันๆนั่งรอคนมาสู่ขอ ก็ผิดแล้วล่ะค่ะ!!

    แค่ข่าวดีคือ ท่ามกลางข้อจำกัดเสรีภาพมากมายของยุควิคตอเรียน ก็มีสาวๆไม่น้อยที่ลุกขึ้นสู้เพื่อสิทธิสตรีนะคะ ถ้าสนใจก็ลองอ่านบทความที่นี่ดูค่ะ
    http://en.wikipedia.org/wiki/History_of_feminism

    อา...รักวิกิ คิดอะไรไม่ออก คลิกวิกิโล้ด
    เอาล่ะ ต่อๆๆ จริงๆจะลงให้หมด แต่ติดแก้ตอนท้ายๆนิดหน่อยค่ะ

    แปรงขนฟูนุ่มปัดแป้งกลิ่นหอมมีประกายวาวๆลงมาตามลำคอและแขนของชั้น ขณะที่ Madame ยังกล่าวต่อไปเรื่อยๆ
    “ชั้นไม่เคยคิดสนับสนุนให้หญิงสาวคนไหนๆหนีไปจากกรอบ ด้วยการโกนผมบวชเป็นแม่ชี ไม่ ตราบใดที่นั่นคือการหนี ไม่ใช่ความต้องการที่จะอุทิศตนอย่างแท้จริง”

    มือขาววางแปรงลง ก่อนจะใช้นิ้วแต้มน้ำกุหลาบสีชมพูใสในขวดแก้วเล็กๆ เกลี่ยลงบนแก้มและปากของชั้น กลิ่นมันก็หอมดีหรอก แต่ชั้นไม่สนใจเท่าคำอบรมของ Madame ในเวลานี้

    “ดังนั้น ในฐานะของครูแม่ชีที่ต้องทำหน้าที่ขัดเกลาเด็กสาวให้เป็นหญิงสาวที่สังคมพึงปรารถนา ชั้นและ Madame ท่านอื่นๆจึงต้องทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดในการดูแลพวกคุณ เราล้วนหวังสิ่งเดียวกันคือการได้เห็นบรรดาลูกสาวของเราแต่ละรุ่นๆจบไปและได้มีชีวิตที่มีความสุข
    แต่ก็นั่นแหละ หลังจากที่พวกคุณเรียนจบพ้นรั้วคอนแวนต์ไปแล้ว ครูๆอย่างพวกเราก็คงไปช่วยแก้ปัญหาชีวิตให้พวกคุณไม่ได้แล้ว ก็ได้แต่หวังว่าพวกคุณจะใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนไปใช้ให้เป็นประโยชน์บ้างเท่านั้น”

    กล่าวจบท่านก็ลุกขึ้นเดินอ้อมไปด้านหลังชั้น ก่อนจัดการใช้แปรงหวีผมบรรจงสางผมของชั้นอย่างคล่องแคล่ว ก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วล่ะ สำหรับ Madame St.Natale รวมทั้ง Madame ท่านอื่นๆด้วย การจัดงานเลี้ยงเต้นรำต้อนรับฤดูร้อนรวมไปถึงการช่วยบรรดาเด็กสาวชาวคอนแวนต์เตรียมเนื้อเตรียมตัวให้สวยสง่าที่สุดสำหรับค่ำคืนนี้ ล้วนแต่ถือเป็นหนึ่งใน “งาน” ในหน้าที่ของพวกท่าน ที่ต้องทำเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว

    ความงดงามทั้งหมดที่พวกท่านตระเตรียมไว้ เป็นไปเพื่อบรรดาลูกศิษย์ทั้งสิ้น ไม่ใช่เพื่อตนเองเลย เพราะไม่ว่าค่ำคืนงานเต้นรำอันหรูหราจะดำเนินไปอย่างไร บรรดานักเรียนสาวๆจะสร้างความประทับใจให้กับคู่เต้นรำของเธอหรือไม่ ชีวิตของพวกท่านหลังกำแพงคอนแวนต์ก็จะยังดำเนินไปในวิถีทางอันเคร่งครัดของนักบวชหญิงแห่งคริสตศาสนาไม่เปลี่ยนแปลง

    “เสร็จแล้ว” ท่านปัดเศษผมออกจากบ่าของชั้นพลางเอ่ยเบาๆ
    ชั้นเงยหน้าขึ้นมองตัวเองในกระจกแล้วรู้สึกขัดๆเขินๆยังไงไม่รู้ Madame แบ่งผมชั้นเป็นสองข้างม้วนไว้บริเวณหลังใบหูแล้วตรึงกลุ่มผมแต่ละข้างด้วยช่อดอก Spider Lily สีส้มสดที่จัดรวมกันเป็นทรงกลมและกิ๊บซ่อนปลายติดมุกขาว ปล่อยปลายผมทั้งสองด้านเคลียข้างแก้มชั้นอย่างเป็นธรรมชาติ
    “แบบนี้ค่อยน่าดูหน่อย” ท่านมองอย่างพอใจ รอยยิ้มบางเบาสะท้อนอยู่ในกระจกเพียงแว่บเดียว

    ก็ไม่ใช่ว่าทรงผมที่ Madame ทำให้ไม่น่ารักหรอกนะ ท่านก็คงเลือกแบบที่เหมาะที่สุดสำหรับผมสั้นกุดขนาดชั้นแล้วล่ะ แต่ที่รู้สึกขัดๆเขินๆแบบนั้นคงเพราะชั้นไม่ชินกับหน้าตัวเองที่ดูแปลกไปมากกว่า

    ชั้นไม่เคยเลี้ยงผมให้ยาวเพราะรำคาญ แล้วก็ขี้เกียจจะมานั่งเก็บผมให้เป็นมวยมุ่นหรือถักเป็นเปียด้วย ไหนจะต้องเสียเวลาคอยดูแลอีก ดังนั้นพอผมชักจะยาวเลยบ่า ชั้นก็เป็นอันที่จะต้องวิ่งไปให้เพื่อนสาวที่พอจะมีฝีมือช่วยซอยออกให้ทุกที Manaเองก็บ่นเรื่องที่ชั้นไม่ไว้ผมยาวซะทีด้วย แกชอบอ้างบ่อยๆว่าผมชั้นสวยเหมือนผมของท่านแม่ อยากให้ไว้ยาวมากกว่าจะได้ดูสวยเหมือนท่าน แต่ชั้นก็มักจะกลอกตาแล้วคิดค้านอยู่ในใจว่า ไม่จริงหรอก ท่านแม่น่ะผมสีบรูเน็ต ไม่ได้ผมสีบลอนด์น้ำผึ้งแบบชั้นซะหน่อย อย่ามาหลอกกันเสียให้ยากเลย

    “อุตส่าห์ทำผมซะสวยทั้งที อย่าซนจนผมเผ้ายุ่งอีกล่ะ แล้วก็แต่งตัวซะให้เรียบร้อย นี่ใกล้จะได้เวลาที่คู่เต้นรำของคุณจะมารับแล้ว”
    Madame St. Natale กล่าวพลางเก็บอุปกรณ์ลงกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมของท่าน หารู้ไม่ว่าประโยคหลังที่ท่านกล่าวมานี่ทำให้จิตใจชั้นรู้สึกห่อเหี่ยวแค่ไหน

    “เอ่อ!Madameคะ แล้วตอนที่งานเต้นรำเริ่ม....”
    ชั้นหาเรื่องชวนท่านคุยก่อน ไม่รู้ยังไงแฮะวันนี้ ทั้งที่ปกติชั้นกลัว “นางสิงห์"”แห่งฝ่ายปกครองท่านนี้ยังกับอะไรดี แต่ตอนนี้กลับอยากจะรั้งท่านให้อยู่ด้วยกันก่อน
    อาจจะเพราะ...ลึกๆแล้วชั้นกลัว...ที่จะต้องเผชิญเรื่องราวต่อจากนี้

    Madameมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยที่ชั้นถาม แต่ท่านก็ตอบเรียบๆตามวิสัย
    “Madameแต่ละท่านก็มีหน้าที่ต่างๆกันไป อย่างชั้นกับ Madame St. Erica ก็ทำหน้าที่ต้อนรับแขกร่วมงานและตรวจบัตรเชิญที่ด้านหน้าประตูทางเข้าคอนแวนต์ อย่างไรก็ตาม เราจะไม่เข้าไปยุ่งภายในงานเต้นรำ เพราะข้างในงานเลี้ยงก็มีผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการงานคอยประสานแทนอยู่แล้ว ชั้นหมายถึงพวกจากโรงละคร Rosettaน่ะ”

    ท่านเงียบไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงเข้มงวดตามปกติดูผ่อนลงเล็กน้อย
    “แต่ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกได้ เพราะยังไงพวกเราก็จะคอยเฝ้าดูอยู่จากด้านนอกอยู่แล้ว”

    ชั้นรู้สึกใจชื้นขึ้นเล็กน้อยที่ได้ฟังเช่นนั้น Madameหิ้วกระเป๋าลุกขึ้นเดินไปที่ประตู แต่ก็ยังหันมาบอกชั้น
    “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก็แต่งตัวให้เรียบร้อยซะนะ อย่าช้านัก เพราะการไม่ตรงต่อเวลาไม่ใช่วิสัยที่ดีของสุภาพสตรี”
    ชั้นลุกขึ้นย่อตัวทำความเคารพท่านขณะรับคำ
    “ค่ะ Madame”

    นางสิงห์ในเครื่องแบบนางชีสีดำพยักหน้ารับเบาๆ แต่ก่อนที่ท่านจะเดินออกจากประตูไป ชั้นก็ตัดสินใจเรียกท่านไว้อีกครั้ง
    “ดะ...เดี๋ยวค่ะ Madame”
    Madameหันมา เรียวคิ้วขมวดเข้าหากัน
    “มีปัญหาอะไรอีกล่ะ คุณAthha คุณนี่ขี้สงสัยจริง”
    น้ำเสียงห้วนๆของท่านเริ่มทำชั้นใจฝ่อ แต่...

    แต่ก็เป็นเรื่องที่ชั้นอยากถาม เพราะมันยังค้างคาอยู่ในความรู้สึกของชั้น

    “ขอโทษค่ะ แต่หนูขอถามอีกคำถามเดียวค่ะ” ชั้นย่อตัวลงอย่างรวดเร็ว ก่อนยืดตัวขึ้น “ที่ Madame บอกหนูเมื่อกี๊....ว่าสังคมคาดหวังกับผู้หญิงอย่างพวกเราว่าจะเป็นแม่และเมียที่ดี ถ้าอยากจะเดินออกจากกรอบนั้น ก็มีแต่การละทางโลกย์ถือสมณเพศเท่านั้น...”

    ชั้นยังคับข้องใจกับมันไม่หาย...ทางเลือกของผู้หญิงมีอยู่เท่านั้นรึ?

    “แล้วถ้า...หนูเลือกจะปฏิเสธทั้งสองทางนั้นล่ะคะ?”

    ถ้าปีกของเรายังอยากรู้จักโลกกว้างที่มากกว่าการซ่อนตัวอยู่หลังครัว ใช้ชีวิตตามแบบแผนสตรีทั่วไปที่เกิด เติบโต แต่งงาน มีลูก มีชีวิตที่พอใจอยู่เพียงในพื้นที่เล็กๆที่เรียกว่าบ้าน ถ้าปีกของเรายังอยากเรียนรู้โลกให้มากกว่านี้
    ถ้า....ความเป็นหญิงจะไม่ใช่ข้อจำกัดอีกต่อไปล่ะ?
    “ถ้าหนูปฏิเสธทางเลือกทั้งสองทาง โดยที่ยังสามารถดำรงไว้ซึ่งความภาคภูมิใจในตัวเองได้ล่ะคะ?”

    นี่คงเป็นคำถามที่ไม่เคยมีใครถามท่านมาก่อน Madame St. Natale จึงมีสีหน้าแปลกใจเช่นนั้น ท่านนิ่งไปนานก่อนจะถอนหายใจหนักหน่วง
    “คุณคิดว่าการเปลี่ยนแปลงอะไรซักอย่าง มันทำได้ง่ายดายอย่างนั้นเชียวหรือ คุณ Athha?”
    ชั้นยังนิ่ง สองมือบีบกันแน่น รอคอยคำตอบ

    “มันไม่ใช่เรื่องง่ายนักหรอกนะที่คุณคิดจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงความคิดใครต่อใคร จำไว้นะว่า ตราบใดที่ทฤษฎีเดิมยังมีคนเชื่อถืออย่างเหนียวแน่น ตราบใดที่คุณพิสูจน์ทฤษฎีใหม่ของตัวเองไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้น”
    คำตอบนั้นทำให้ความรู้สึกของชั้นห่อเหี่ยวขึ้นมาทันใด เพราะที่ Madame กล่าวนั้นไม่ผิดเลยสักนิด

    ประตูห้องเปิดออก ชั้นมองตามชายกระโปรงยาวสีดำขลับ แล้วจึงได้ยินท่านกล่าวประโยคสุดท้าย
    “ชั้นหมายถึง....คุณต้องพิสูจน์ให้ทุกคนเห็น ถ้าคุณต้องการการยอมรับ”
    ชั้นเงยหน้าขึ้นทันที Madame St. Natale ไม่ได้หันกลับมากล่าว แต่ชั้นรู้สึกถึงความอ่อนโยนในน้ำเสียงดุๆนั้น

    “ชั้นไม่ได้พูดว่ามันไม่มีทางนะ”

    แล้วประตูห้องนอนก็ปิดลง ทิ้งชั้นไว้เพียงคนเดียวในห้องนั้น แต่น่าแปลก ครั้งนี้ชั้นกลับไม่รู้สึกเงียบเหงาในใจอีกต่อไป
    อาจเพราะ...คำพูดของท่านเมื่อครู่....

    ต้องพิสูจน์ให้ทุกคนเห็น ถ้าต้องการการยอมรับ

    ชั้นมองไปที่ชุดราตรีที่วางแผ่อยู่บนเตียงนอนอีกครั้ง...
    ใช่...เวลานี้อาจจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะ “ต่อต้าน” ไม่ได้นี่

    งั้นก็รอดูแล้วกัน....การต่อต้านในการเล่นตามกฏของชั้น!
    ############################################

    Spider Lily เก๊าะคือดอกคางาริบินั่นเองค่ะ!!! O-O เจ๊ก็เพิ่งค้นพบนี่เอง หน้าตามันเป็นแบบเน้!!!
    [​IMG]
    และเพราะชื่อมันพ้องเสียงกับลูกสาวแม่ :aiii: แม่ก็เลยหยิบเอามาใช้ซะเรย อิๆ เร็วๆนี้คงได้เห็นมันโผล่มาอีกละนะคะ แต่แหม ไม่อยากบอกเลยว่า ความหมายแฝงของมันอ่ะนะ....อิๆๆ แอบแรงทีเดียว ถ้าอยากรู้ว่าความหมายภาษาดอกไม้ของมันคืออะไร เม้นท์มาเยอะๆสิ แล้วเจ๊จะบอก ฮ่าๆๆ
    สำหรับทรงผมก็ยึดตามแบบในspecial Editionนะคะ
    เจอหันตอนหน้า ขึ้นตอนใหม่แล้ว อีผู้กองเผาเมื่อไหร่จะมาเนี่ย???? ไปรถติดหล่มที่ไหนอยู่รึเปล่าวะ??ฮ่วย -_-;
  6. kandida

    kandida New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    แปลว่าไรเหรอคะดอกคาการิบิอยากรู้ๆๆๆๆ

    ดำๆอย่างเราไปอยู่ยุคนั้นคงเป็นได้แค่สาวใช้ฮะๆๆๆ
    น้องคางะจะรู้สึกผิดไหมนะ ได้ฟังซิสเตอร์พูดอย่างนั้นแล้ว
    แล้วตาผู้กองไปไหน
    จะวาเลนไทน์แล้ว คนอ่านขอฉลองวาเลนไทนแบบสองคนนี้ได้เจอกันสักทีได้ไหมคะ อิอิรีเควสท์มากไปหรือเปล่านิ
  7. Dissidia

    Dissidia New Member

    EXP:
    239
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    เพิ่งจะมารู้จักกันดั้มซื๊ดเมื่อเร็วนี้ๆ เพราะท่านเพื่อนเอามาให้ดู ติดเลย(/อีนี้ไปอยู่หลังเขามา) แต่ก็พอจะรู้เรื่องบ้างนิดหน่อย

    แบบว่าเห็นเยอะมากๆ กะจะอ่านซัก2หน้า กลายเป็นว่าอ่านมายันหน้า5 (แบบว่าติดลม สนุกด้วย) แต่อ่านแบบคร่าวๆนะค่ะ

    แบบว่า ชอบคางาริ แก่น ซน น่ารัก อัสรัน จะเท่ไปไหน (เชียร์ให้ได้เต้นรำในงานอยู่ ส่วนตายูน่า .... หึๆๆ)

    หนูสเตล่าน่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตาชินชอบโลลิหรือ เพิ่งจะรู้ 555+
  8. kandida

    kandida New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    -_-''
    นึกแอบดีใจว่าคุณไวทวิงมาอัพฮือๆๆๆๆๆ
  9. dadajang

    dadajang New Member

    EXP:
    140
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    สวัสดีค่ะ

    สงสัยคงต้องไปหาแว่นใส่แล้วล่ะค่ะ

    มองตั้งหลายรอบหลาบชั่วโมงแล้วเพิ่งจะเจอ

    ไม่รู้ว่าพี่จำหนูได้หรือเปล่านะคะ

    หนู dada-jang จากเว็บเด็กดีค่ะ

    อ่านทางโน้นมาแล้ว

    ก็มาเสริมทางนี้ต่อ

    ตอนนี้กำลังดูซอดองโย(เคเบิ้ลเอามาฉาย)

    ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาอ่านรวบยอดไปเลยค่ะ

    เพราะยังไงก็เคยอ่านมาแล้วที่บอร์ดเก่า

    ยังพอจำเนื้อเรื่องได้บ้างค่ะ
  10. zerofreedom

    zerofreedom Member

    EXP:
    305
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    แฮ่กๆๆๆๆๆ อ่านตั้งแต่ตอน 22 ลงมา =[]=!! แถบตาย
    คางาริจะแหกกฏทางสังคมซะแล้ว แต่ถ้าพูดถึงสมัยวิคตอเลียกับสมัยนี้ เรื่องการทำตามธรรมเนียม
    ผมว่ายังมีอยู่บ้างนะครับ บางส่วน
    โดยเฉพาะคนญี่ปุ่น (แต่เริ่มน้อยแล้ว)
    สองสาม Rep ที่ผ่านมา รู้สึกข้อมูล ลึกมากๆเลย ชอบบทสนทนา มาก(เข้มข้น 5555)

    ยังไงก็จะรอตอนต่อไปนะครับ
  11. dadajang

    dadajang New Member

    EXP:
    140
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    รู้สึกว่าพี่จะไม่สนใจอัพทางเด็กดีมากกว่าทั้งนี้ซะล่ะมั้ง

    ลืมไปหรือยังเอ่ย?ว่ายังมีทางนี้คนมีคนรอคอยจะอ่านอยู่เหมือนกัน
  12. behypnosis

    behypnosis Member

    EXP:
    62
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    ชอบกันดั้มภาคนี้ ขั้นรุนแรง !!!!



    ติดใจมากเลย โดยเฉพาะเพลง Fields of hope กินใจโครตครับ




    จะติดตามเรื่อยๆน่ะครับ
  13. dadajang

    dadajang New Member

    EXP:
    140
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ~รอคอยมานานแสนนาน~
  14. kumi

    kumi Active Member

    EXP:
    805
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    มาลงชื่อว่ายังมีชีวิตและตามอ่านอยู่ (ฮา...)

    สอบเลขน่ะค่ะ ไว้สอบเสร็จแล้วจะมาเม้นต์นะ TAT
  15. MiyuCagalli

    MiyuCagalli New Member

    EXP:
    10
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    คอยอ่านอยู่น้าค้า พี่ไวท์ *0*
  16. dadajang

    dadajang New Member

    EXP:
    140
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    หนูยังมีลมหายใจอยู่

    แล้วบอกพี่ทำไมน่ะเหรอ?

    ก็พี่จะได้รู้ว่าหนูยังมีตัวตนและติดตามอยู่ไงคะ
  17. PunzZala

    PunzZala New Member

    EXP:
    12
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    /me ปูเสื่อรอวันที่ท่านพี่กลับมาT^T

    สีเหลืองแสนสวยงามและสีเขียวที่แสนคิดถึงงงงงงงงงงงง

    กลับมาเต๊อะ~!
  18. zeryu

    zeryu New Member

    EXP:
    72
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    เกร็ดของ Spider Lily นิดนึงๆ
    - ชื่อหนังเลสเบี้ยนเรื่องหนึ่งอ่ะพี่
    - (อันนี้ไม่ชัวร์) แต่เหมือนจะคล้ายดอกไม้นรกของคนญี่ปุ่นเลย ที่ขึ้นในวัดอ่ะค่ะ

    ปล. คิดถึงพี่โนนะคะ ไม่ได้เจอกันนานชาติมากๆๆ
  19. whitewing

    whitewing New Member

    EXP:
    120
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ไม่ได้มาอัพซะนานนนนนนนน ดองจนเปรี้ยวแล้วเปรี้ยวอีก ดีว่าหนอนไม่ขึ้น ฮ่าๆๆๆ ดิชั้นจะโดนข้อหาขุดฟิคมั้ยเนี่ย คุณwmอย่าเพิ่งมีกริ้วกันนะคะ เพิ่งจะว่างมาอัพตอนใหม่ ณ บัดนี้น่ะแหล่ะ ต้องขอโทษคุณน้องคุณหนูทุกท่านที่รออ่านอยู่ด้วย ไม่ได้ลืมน้า~~ แต่มันไม่มีเวลาจะทำจริงๆ (ลองมาเรียนโทไป เลี้ยงหลานไปสิ เหอๆๆๆๆ :waaa: )
    เรื่องของเรื่องคือ วันนี้วันเกิดคิระกะคางาริจังลูกสาวคนโปรด อิๆๆ ก็เลยขออัพหน่อย แล้วก็...แบบว่า มันเครียดค่ะ เรียน เครียด อัพฟิค เหอๆๆๆ (การทำทีซิสแล้วจะพยายามจมอยู่กับหัวข้องานโดยไม่เกลียดมันซะก่อนนี่ มันยากมากเลยนะเนี่ย!!!)

    ฮ่าๆๆๆ เจ๊ก็คิดถึงจ้า ไม่ได้โผล่หัวออกไปเจอเพื่อนฝูงร่วมชาติมานานมากแล้วเนี่ย สวยหล่อขึ้นกันบ้างอย่างไร วานบอก เอ้า!!เฉลยซะเถิดเพื่อป้องกันการเข้าใจผิด ข้อมูลจากพจนานุกรมภาษาดอกไม้ยุควิคตอเรียน (ถูกใจเมิ่ก) ดอก spider lily มีความหมายได้แก่....

    "พาฉันหนีไปกับเธอเถอะ"

    อ๊ายย แรง (แอบตั้งใจ จงใจ) แต่แน่นอนเรื่องนี้ อีหนูคอนแวนต์เรามิได้ระแคะระคาย ดังนั้น เพื่อป้องกันความลับรั่วไหล พวกเราช่วยกันเงียบๆไว้ก่อนนะคะ อย่าเพิ่งกระโตกกระตาก ปล่อยให้พี่เผาเค้าจัดการเรื่องนี้ไปเองเต๊อะ (ส่วนพวกเราก็แต่งตัวสวยงาม ไปปาร์ตี้เต้นรำกันเต๊อะ!!)

    อัพๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อัพให้หายเสี้ยน

    CHAPTER 32: A Summer Night’s Dream Party (Part 1)

    ผมยกนาฬิกาพกสีเงินขึ้นดูเวลาก่อนทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างรถม้าที่กำลังวิ่งอย่างเชื่องช้าบนท้องถนนกลางกรุงลอนดอน ทุ่มกว่าแล้ว...แต่ฟ้าข้างนอกกลับยังไม่มืดสนิท ยังสามารถมองเห็นแสงแดงๆพาดอยู่ที่ริมขอบฟ้าได้ ช่วงเวลาของแสงสว่างที่ยาวนานมากขึ้นเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า ฤดูร้อนได้มาถึงแล้วในที่สุด เจ้าหน้าที่เทศบาลในเครื่องแบบสีน้ำเงินออกมาจุดตะเกียงบนเสาสูง เพื่อให้แสงสว่างแก่ค่ำคืนที่กำลังจะมาถึง หน่วยลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยสวมชุดคลุมสีดำและหมวกทรงสูงออกตรวจการณ์ตามตรอกซอกซอยต่างๆ ปะปนไปกับประชาชนทั่วไปที่ยังคงเดินกันขวักไขว่ ท้องถนนยังคงคึกคัก ร้านรวงตลาดนัดถนน St.George ราวกับเป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่า ชีวิตที่แท้จริงของชุมชนแห่งนี้จะเริ่มขึ้นอย่างจริงจัง ก็หลังพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วกระนั้น

    เมื่อรถม้าขับผ่านย่านการค้าออกมาเพียงไม่กี่ช่วงถนน แสงตะเกียงสว่างวับวาวที่ให้แสงสว่างแก่ท้องถนน กลับเทียบอะไรไม่ได้กับความสว่างไสวด้วยแสงตะเกียงที่ส่องสว่างมาจากตึกสีขาวสูงใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่เบื้องหลังกำแพงสูงอันรายล้อมด้วยทิวต้นแมกโนเลียที่เริ่มจะออกออกสีชมพูสด ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆเย้ายวนลอยไปตามสายลมโชยแผ่วๆ

    รถม้าชลอความเร็วลง เพื่อต่อคิวส่งผู้โดยสารหน้าประตูวิหารใหญ่แห่ง St. Angela Ursuline Convent ดูเหมือนแขกจะทยอยมาแล้วทั้งๆที่งานเลี้ยงยังไม่เริ่มอย่างเป็นทางการ ผมยกสติกค์ (ไม้เท้ายาวที่มีหัวสลักเป็นโลหะรูปต่างๆ อาจเป็นเงิน ทองหรือประดับอัญมณีต่างๆ แล้วแต่ฐานะของเจ้าของ เป็นหนึ่งในแอ็กเซสเซอรี่ของสุภาพบุรุษยุควิตอเรียนที่ต้องมีติดตัว นอกจากผ้าเช็ดหน้าและหมวกทรงสูง – ผู้เขียน) ขึ้นเคาะเพดานรถม้าเป็นสัญญาณให้จอดเพียงเท่านั้น ก่อนจะเปิดประตูก้าวลงมา

    แล้วสายตาหลายคู่ก็เริ่มทำให้ผมอึดอัด พอๆกับสายตาที่มองตรงมาด้วยความสนใจใคร่รู้ของบรรดาผู้อยู่อาศัยแมนชั่นเดียวกันก่อนหน้านี้ ทั้งบรรดาสุภาพบุรุษสุภาพสตรี ทำไมจะต้องจ้องผมด้วยสายตาแบบนั้นนักหนานะ? ยิ่งพวกสาวแก่แม่ม่าย สาวน้อยสาวใหญ่ ยิ่งจ้องผมตาเป็นมัน ไม่รู้หรือไงว่ามันทำให้คนถูกจ้องรู้สึกขนลุกน่ะ??

    เอาล่ะ ผมเข้าใจว่าโดยตามปกติ ถ้าไม่ใช่เวลาที่ต้องเข้าเฝ้าฯสมเด็จฯ พวกเขาก็คงไม่เห็นผมแต่งชุดทักซิโด้เสียเต็มยศขนาดนี้หรอก แต่มันก็ไม่ใช่ว่าเรื่องแปลกนี่นา เพราะผมกำลังจะไปงานเลี้ยงเต้นรำ ซ้ำในยุคนี้งานเลี้ยงเต้นรำก็ถือว่าเป็นงานสังคมที่จัดกันแทบจะทุกวันเป็นปกติ ไม่ใช่เรื่องประหลาดเสียหน่อย

    “ผู้กองZala จะออกไปงานเต้นรำเหรอครับ? ให้ผมเรียกรถม้าให้นะ”
    มาสเตอร์ผู้ดูแลแมนชั่นซึ่งเป็นชายสูงวัยผมสีเทาทักผมที่ล็อบบี้ และออกปากให้ความช่วยเหลือโดยที่ผมยังไม่ทันขอ
    “ครับ เอ้อ...รบกวนด้วยนะครับ”
    ผมกล่าว และนึกขอบคุณแกที่ทำให้ผมไม่ต้องอึดอัดกับสายตาของบรรดาสาวๆที่พร้อมใจกันจ้องมองมานานไปกว่านั้น

    แต่แล้วผมก็ต้องมาพบเจอสายตาแบบนั้นที่นี่จนได้สิน่า บรรดาสาวน้อยในชุดเต้นรำหรูหราหลายคนเพิ่งจะยื่นมือให้คู่เต้นรำที่มารับหน้าประตูคอนแวนต์แท้ๆ กลับจ้องเป๋งมาที่ผม ซ้ำพอผมเผอิญมองตอบ เจ้าหล่อนก็รีบหลบสายตาอย่างเอียงอายซะนี่

    แล้วหลังจากนั้น.... ผมก็พบว่านอกจากสายตาที่แสดงความสนใจของสาวๆแล้ว ผมยังตกเป็นเหยื่อสายตาอาฆาตของพวกหนุ่มๆคู่เต้นรำของพวกหล่อนด้วย!!

    ผมได้แต่พยายามไม่ใส่ใจสายตายากตีความเหล่านั้นขณะเดินตรงไปยังหน้าประตูคอนแวนต์ซึ่งตกแต่งด้วยซุ้มดอกไม้นานาพันธุ์อย่างงดงามน่ารัก ซิสเตอร์สองท่านในเครื่องแบบสีดำยืนรออยู่เพื่อทำหน้าที่ต้อนรับด้วยท่วงท่าสงบและสง่างาม ท่านหนึ่งดูใจดีกว่าด้วยดวงหน้ายิ้มแย้ม หากอีกท่านดูเคร่งขรึมมากกว่า

    “ยินดีต้อนรับสู่ St.Angela Ursuline Convent ค่ะ ท่านสุภาพบุรุษ”
    Madame ท่านที่ยิ้มแย้มแจ่มใสมากกว่าเอ่ยกับผม ขณะที่อีกท่านเพียงแต่ค้อมกายลงเล็กน้อยเป็นเชิงทักทาย ผมโค้งตอบ
    “สายัณห์สวัสดิ์ครับ Madame” ผมกล่าวพลางยื่นบัตรเชิญให้ท่าน “ผมได้รับบัตรเชิญจากคุณหนูตระกูล Hawk ทั้งสองท่านสำหรับงานเลี้ยงในวันนี้”

    Madame อีกท่านรับบัตรเชิญทั้งสองซองของผมไป สีหน้าเรียบเฉยขณะกล่าว
    “คู่เต้นรำของ Lady LunamariaและLady Merin Hawk สินะคะ” ท่านผายมือไปยังเบื้องหลัง “เชิญค่ะ ท่านสุภาพบุรุษ กรุณาเข้าไปรอในบริเวณที่เราจัดไว้สำหรับแขกด้านในก่อน ดิชั้นจะไปตามทั้งสองคนให้”

    ผมขยับตัวจะเดินตามร่างในเครื่องแบบนางชีที่เดินไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับถูกเรียกไว้ก่อน
    “เชิญทางนี้ค่ะ ผู้กองZala”
    ผมหันกลับไป และพบว่า Madame ท่านที่มีใบหน้ายิ้มแย้มกำลังกล่าวแนะ
    “ Madame St. Natale จะไปตามเด็กทั้งสองคนนั้นที่หอพักให้ค่ะ บริเวณนั้นบุคคลภายนอกจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปนะคะ กรุณาเดินไปทางขวามือเถอะนะคะ จุดนั้นจะมีบริเวณที่ทางเราจัดไว้สำหรับรับรองแขกอยู่แล้ว”
    “ขอบพระคุณครับ Madame ที่ท่านกรุณาชี้แจง แต่ เอ....” ยิ่งมองท่านผมก็ยิ่งรู้สึกคุ้นๆ “ไม่ทราบว่าก่อนหน้านี้ ผมเคยได้พบกับท่านมาก่อนหรือเปล่าครับ?”

    Madame ในชุดนางชีผู้มีใบหน้าอ่อนโยนยิ้มขันอย่างอารมณ์ดี
    “ดิชั้นประจำอยู่ห้องพยาบาลค่ะ วันก่อนนู้นที่คุณอุ้มแม่หนู Athha ตัวแสบมาส่งไงล่ะคะ คงจำได้”

    เสียงในอกเต้นแรกขึ้นเล็กน้อย แม้ภายนอกผมจะแสร้งยิ้มเป็นปกติ

    ใครจะไปลืมได้กัน...เรื่องวันนั้น ตอนที่ผมช้อนร่างเล็กๆไร้เรี่ยวแรงในชุดกระโปรงนักเรียนขึ้นมาไว้ในวงแขน
    “หล่อน” ดูแปลกตาจากที่ผมเคยเห็นตามปกติ...แต่...ก็เป็นหล่อนจริงๆ

    “Madame St.Erica ที่อยู่ห้องพยาบาลตอนนั้นเอง จำได้แล้วครับ วันนั้นต้องขออภัยด้วยนะครับที่ทำให้ตกอกตกใจกันไปหมด”
    ท่านได้ฟังดังนั้นก็แย้มริมฝีปากพลางกล่าว
    “มิได้ค่ะ เพราะผู้กองต่างหากที่ตัดสินใจได้รวดเร็ว เพราะที่นี่ ก็มีแต่ดิชั้นและซิสเตอร์เพียงสองสามคนเท่านั้นล่ะค่ะที่มีความรู้ด้านงานทางพยาบาล แต่เวลามีเด็กๆบาดเจ็บด่วนมา ก็มักจะตกใจกันจนทำอะไรไม่ถูกอยู่บ่อยๆ ต้องขอบคุณผู้กองต่างหากล่ะคะ”

    ท้ายประโยค Madame ประจำห้องพยาบาลจึงกล่าวกับผมอย่างชื่นชม
    “ดูเหมือนผู้กองรู้เรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้นดี หยิบจับหยูกยาอะไรต่อมิอะไรคล่องแคล่วไปหมด เป็นทักษะที่ต้องใช้ในงานสินะคะ”

    ผมยิ้มรับเบาๆและตอบให้สั้นที่สุด
    “ก็ต้องใช้บ้างน่ะครับ” เป็นข้อดีของการจบแพทย์มาสินะ “เพราะงานของผมจะว่าไปก็เป็นงานที่เสี่ยงกับการเจ็บตัวอยู่บ้างเหมือนกัน”

    ซิสเตอร์ประจำห้องพยาบาลฟังแล้วจึงยิ้ม
    “เช่นนั้นหรือคะ? ดิชั้นก็ลืมนึกไปว่าคุณคือ Athrun Zala มือปราบชื่อดังคนนั้น”
    “อย่าชมกันเช่นนั้นเลยครับ Madame”

    การสนทนาอย่างเป็นกันเองกับซิสเตอร์ท่านนี้ ทำให้ผมคลายความกังวลจากสายตาที่จ้องมองมาไปได้เยอะทีเดียว ผมนึกขอบพระคุณท่านอยู่ในใจเรื่องนั้น
    และที่ต้องขอบคุณมากที่สุดคือ ทำให้ผมสงบใจจากความคิดวนเวียนในสมองเรื่องหนึ่งได้

    ...ถ้าได้พบหล่อนอีกครั้ง....เราจะทำหน้าอย่างไร?
    จะพูดอะไร?

    แม้ท่านจะได้กรุณาบอกทางไปจุดรับรองแล้วก็ตาม แต่ผมและMadame St. Erica ก็สนทนากันอีกสองสามเรื่อง โดยที่ผม...พยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเหตุการณ์ที่ห้องพยาบาลในวันก่อนให้แนบเนียนที่สุด และแล้วท่านก็เอ่ยขึ้น
    “แน่ะ คู่เต้นรำของคุณมาแล้วล่ะค่ะ”

    ท่านกล่าวเตือนเบาๆพลางปรายตาไปอีกทาง ซึ่งผมเห็นร่างสูงสง่าเครื่องแบบสีดำขลับของ Madame St.Natale เดินนำสาวน้อยสองพี่น้องตระกูล Hawk ตรงมา Lady Lunamaria อยู่ในชุดราตรียาวคอปาดสีไวน์ตกแต่งลูกไม้ขาว แต่งผมง่ายๆด้วยดอกกล้วยไม้คัทลียาดอกใหญ่ ส่วนLady Merin คนน้องอยู่ในชุดราตรีสีโอลด์โรสพิมพ์ลายดอกสีขาวเล็กๆ ดูแปลกตาจากที่เคยพบกันด้วยครั้งนี้หล่อนรวบผมครึ่งหนึ่งเกล้าสูง ดูเป็นสาวกว่าทุกที

    สองพี่น้องดูอ่อนหวานน่ารักในแสงไฟยามกลางคืน แต่แม้จะอยู่ในชุดราตรีสวยงามเตรียมพร้อมสำหรับออกงานเต้นรำ หากทั้งคู่ก็ยังมีทีท่าสงบเสงี่ยม

    “ดิชั้นพาคู่เต้นรำของคุณมาส่งแล้วค่ะ ท่านสุภาพบุรุษ จากนี้ดิชั้นก็คงต้องฝากให้เป็นธุระของคุณแล้ว” คำกล่าวของ Madame ผู้เคร่งขรึมทำให้ผมนึกถึงบทพูดตามมารยาทที่เตรียมไว้มากกว่าจะมาจากความจริงใจ ผมนึกขันอยู่ในที “เอาล่ะ ทั้งสองคน....”

    สองพี่น้องตระกูล Hawk เดินประสานมือเอาไว้บริเวณเอวขณะก้าวขึ้นมาตรงหน้าผม ก่อนจะย่อกายลงแทบพร้อมกันอย่างแช่มช้อย
    “สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ ผู้กอง Athrun Zala”
    “สายัณห์สวัสดิ์ครับ เลดี้ทั้งสอง” ผมแตะมือขวาที่อกขณะโค้งรับ “คืนนี้คุณทั้งสองช่างเปล่งประกายเหลือเกิน”

    นั่นเป็นประโยคที่สุภาพบุรุษต้องกล่าวโดยมารยาทอยู่แล้ว แต่ผมกลับสังเกตเห็นว่าเลดี้ผู้น้องกำลังก้มหน้างุดเพื่อซ่อนใบหน้าแดงระเรื่อ ดูราวกับว่าแม้หล่อนจะพยายามข่มอาการแล้ว แต่ก็ยังซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้ไม่ได้
    “ขอบพระคุณที่ชมค่ะ” เลดี้คนพี่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม สำหรับหล่อนในฐานะพี่สาวคนโต จะคุ้นชินกับการออกงานสังคมมากกว่าน้องสาวหรือเปล่านะ?

    Madame ทั้งสองถอยห่างออกไปตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ แต่เมื่อผมเหลือบไปมอง ก็เห็น Madame St. Erica กำลังส่งยิ้มให้ ขณะที่ Madame อีกท่านมิได้มองกลับมา ผมอนุมานเอาว่า นั่นเป็นการอนุญาตให้พาเลดี้ทั้งสองไปที่งานเลี้ยงได้แล้ว

    ผมยื่นมือขวาให้ Lady Lunarmaria ขณะกล่าว
    “เชิญครับ”
    “ขอบพระคุณค่ะ”
    หล่อนย่อกายลงถอนสายบัวอีกครั้ง ก่อนจะวางมือบางซึ่งอยู่ใต้ถุงมือยาวผ้าซาตินสีเดียวกับชุดลงบนมือของผม เมื่อผมเอียงหน้าไปหาเลดี้ผู้น้อง หล่อนหลบสายตาวูบทันที ผมกลั้นยิ้มขันพลางกล่าว
    “เชิญครับ คุณหนู Merin”

    บุตรีคนเล็กสุดของตระกูล Hawk เงยหน้าขึ้นสบตาผมด้วยดวงตาฉายความประหม่า แต่เมื่อผมยื่นท่อนแขนซ้ายให้หล่อน สาวน้อยก็น้อมตัวลงถอยสายบัวแช่มช้อย ก่อนจะสอดมือคล้องแขนของผมไว้อย่างเขินอาย
    “ค่ะ”

    ผมพาทั้งสองสาวเดินไปตามทางเดินเล็กๆที่นำไปสู่ฮอลล์จัดงาน สายตาหลายคู่มองมาอีกครั้ง ถึงการตกเป็นเป้าสายตาจะทำให้ผมรำคาญใจไม่น้อย หากในทางตรงกันข้าม ดูสาวน้อยทั้งสองที่ควงผมมาจะภาคภูมิใจกับสายตาหลายคู่เหล่านั้นเป็นพิเศษ

    ครั้นเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงรถม้าควบตะบึงตรงมาจากถนนใหญ่ ก่อนจะมีเสียงลงแส้เพื่อให้ม้าหยุดตามมา สาวน้อยคอนแวนต์ต่างพากันร้องวีดว้ายด้วยความตกอกตกใจ ไม่เว้นแม้แต่ซิสเตอร์บางท่านก็ยังต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจระคนไม่พอใจ
    “Goodness!!!”

    ผมและสองพี่น้องLady Hawk จึงหันไปมองภาพรถม้าเปิดประทุนสีงาช้างลงลายสลักสีทองหรูหราที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความฉงน ด้วยเป็นรถม้ารูปทรงที่ไม่เห็นบ่อยนักในลอนดอน เทียมด้วยม้าสีขาวร่างกำยำสองตัว คนขับร่างสูงใหญ่อยู่ในชุดทักซิโด้ทับด้วยโค้ทยาวผ้ากำมะหยี่สีม่วงก่ำเกือบดำ ดูจะเป็นสีที่เจ้าตัวชอบไม่น้อยเลยสินะ ผมคิดอยู่ในใจเมื่อเห็นใบหน้านั้นชัดมากยิ่งขึ้น

    Sir Yuna Roma Zerun....

    “Ah! Bonsoir Medames,(โอ้! สายัณห์สวัสดิ์ครับ Madame)” เสียงทักทายเป็นภาษาฝรั่งเศสชัดเจนขณะที่เจ้าของเสียงโยนสายบังเหียนให้ Footman (คนรับใช้ที่คอยดูแลท้ายรถม้า) ประจำรถ ก่อนก้าวลงมา “กระผม Sir Yuna Roma Zerun มาตามบัตรเชิญนี้เพื่อรับคู่หมั้นแสนสวยของผมครับ”

    เด็กFootmanคนเดิมสาวเท้ามาพร้อมบัตรเชิญที่อยู่บนถาดเงินที่ถูกขัดขึ้นเงามันปลาบ Madane St. Natale หยิบมาหากยังไม่วายปรายสายตาตำหนิไปยังเจ้าของรถม้าคันโก้
    “กรุณาเข้าไปรอที่จุดรับรองแขกก่อนนะคะ”
    ซิสเตอร์ฝ่ายปกครองผู้เงียบขรึมกล่าวสั้นๆ ก่อนจะเดินจากไป Sir Zerun ไขว้แขนทั้งสองไว้เบื้องหลังขณะเดินมองไปรอบๆอย่างสบายอารมณ์ Lady Hawk ผู้น้องกระซิบถามผมเบาๆหลังจากชะแง้มองเจ้าของรถม้าสีขาวคันหรูอย่างสนใจ
    “ใครกันน่ะคะ? คุณ Athrun ยังกับพวกเศรษฐีฝรั่งเศสที่ไหนแน่ะ”

    ผมยังไม่ทันตอบ เลดี้คนน้องก็ถูกพี่สาวหยิกแขนเข้าทันที
    “Merin! เสียมารยาทจริง!”
    “เจ็บนะ พี่Lunaก็!”
    ทำให้เลดี้ผู้พี่เอ็ดคนน้องเสียงเขียวต่อทันที
    “ก็ให้เจ็บน่ะสิ มีอย่างรึนินทาว่าร้ายคนอื่นต่อหน้าผู้กอง Zala เค้าแบบนี้น่ะ??”
    คุณหนู Merinทำหน้าง้ำขึ้นมาทันทีที่ถูกพี่สาวของหล่อนดุเอา ปากเล็กๆขมุบขมิบบ่น แขนเล็กทั้งสองกอดแขนของผมแน่นขึ้น พลางส่งสายตาเป็นประกายขอความเห็นใจ
    “ไม่ได้ว่าร้ายซะหน่อย...ดิชั้นเพียงแต่แสดงความเห็นนิดเดียวเองนะคะ”

    ผมเพียงแต่หัวเราะเบาๆ
    “ท่านผู้นั้นก็คือ บุตรชายของท่านเคานท์ตระกูล Zerun ท่าน Sir Yuna Roma Zerun ครับ”
    ผมตอบยิ้มๆ น่าแปลกที่ตัวเองจำชื่อของบุคคลผู้นี้ได้อย่างขึ้นใจ แม้จะพบกันเพียงครั้งเดียว

    Yuna Roma Zerun ว่าที่คู่หมั้นของ....เด็กคนนั้น
    คู่เต้นรำของหล่อนในคืนนี้

    “ค...คุณ Athrun?? เป็นอะไรไปคะ ทำไมยิ้มแบบนั้นล่ะคะ??”
    “ครับ?”
    เมื่อถูก Lady Hawk ผู้น้องถามด้วยสีหน้าวิตก ผมจึงขุดตัวเองออกมาจากห้วงความคิดนั้นได้ทันที

    “ก็อยู่ๆคุณก็ยิ้มแยกเขี้ยวหัวเราะหึๆขึ้นมาน่ะสิคะ แบบนั้นน่ะ ดิชั้นกลัวนะคะ”
    “อ...เอ้อ...ขออภัยด้วยครับ ไม่มีอะไรหรอก”

    Lady Lunamaria ตีแขนน้องสาวเพี๊ยะพลางเอ็ดเสียงเขียวอีกครั้ง
    “Merin! พูดจาวิจารณ์ผู้กองแบบนั้นต่อหน้าเลยเหรอจ๊ะ?? เรานี่ไม่มีมารยาทเลย!!”
    “ฮือ! เจ็บนะพี่Luna!”
    “ไม่เป็นไรหรอกครับคุณหนู Lunamaria ผมเองก็ชอบการพูดจาตรงไปตรงมาของคุณหนู Merinครับ มีอะไรก็บอกกันแบบนี้ ผมถือว่าเป็นการแสดงความหวังดีนะครับ”
    ผมกล่าวประนีประนอมกับสองสาวข้างกายที่เริ่มจะเปิดศึกพี่น้องทะเลาะกันเอง

    เออแฮะ ดูๆไปก็ขำดีเหมือนกัน

    แล้วในตอนนั้นเอง ผมก็ได้ยินภาษาอังกฤษสำเนียงแปร่งดังขึ้นทักทายด้วยน้ำเสียงรื่นเริง
    “โอ้!! ผู้กอง Athrun Zala นี่เอง ไม่คิดเลยว่าจะเจอกันที่งานเต้นรำคืนนี้”

    Yuna Roma Zerun...

    ผมหยุดยิ้มตอบรับการทักทาย สองสาวจึงเขยิบถอยไปยืนด้านหลังผมอย่างรู้มารยาท
    “สายัณห์สวัสดิ์ครับ ท่าน Sir Zerun ช่างบังเอิญซะจริงนะครับ”
    “นั่นสินะครับ แหม! ยินดีจริงๆที่ได้พบคุณอีกครั้ง” เขายื่นมือมาเบื้องหน้า ยิ้มพรายขณะยื่นมือมาข้างหน้า “บาดแผลของคุณหายดีแล้วสินะครับ? ครั้งนี้เราคงจับมือทักทายกันได้ตามปกติโดยไม่ต้องใช้มือซ้ายแล้ว”

    “แน่นอนครับ” ผมยื่นมือขวาออกไปเพื่อจับมือตอบอีกฝ่าย “และขอขอบพระคุณสำหรับความห่วงใยอาการบาดเจ็บของผม ทุกอย่างเป็นปกติแล้วล่ะครับ”

    ท่าน Sir หนุ่มแห่งตระกูล Zerun ยิ้มกริ่ม ก่อนชำเลืองมองไปยังสองสาวพี่น้องตระกูล Hawk ซึ่งยืนอย่างสงบเสงี่ยมอยู่เบื้องหลัง
    “แล้วเลดี้น้อยผู้น่ารักทั้งสองท่านนี้คือ....”
    “....บุตรีของผู้พัน Hawk ครับ”
    ผมกล่าวแนะนำสั้นๆ ปล่อยให้สาวน้อยทั้งสองน้อมกายลงอย่างแช่มช้อยและแนะนำตัวเอง

    “Lunamaria Hawkค่ะ”
    “Merin Hawkค่ะ”

    Sir Zerun ปรบมืออย่างพึงพอใจ ขณะกล่าวอย่างอารมณ์ดี
    “ช่างน่าประทับใจ คู่ควงในคืนนี้ของผู้กอง Zala มีถึงสองคน แถมยังเป็นพี่น้องสองสาวที่น่ารักไม่แพ้กันเลยทีเดียว”
    ก่อนที่เขาจะหันมาขยิบตาให้ผม
    “คุณคงลำบากหน่อยนะครับ คุณผู้กองเจ้าเสน่ห์”

    ผมเพียงแต่ยิ้ม มิได้กล่าวโต้ตอบอะไร ขณะที่ Sir Zerun ก้าวเข้าไปโค้งตอบสองสาว ก่อนจะฉวยมือของทั้งสองขึ้นจุมพิตทีละคน
    “กระผม Yuna Roma Zerun ครับ เป็นครั้งแรกที่ได้ยลความงามของสองสาวตระกูล Hawk รู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ”
    “กล่าวเกินไปแล้วค่ะ ท่านSir Zerun”
    Lady Hawk ผู้พี่กล่าวตอบยิ้มๆ ขณะที่น้องสาวของหล่อนกลับได้แต่เขินอายหน้าแดง

    Sirหนุ่มจึงถอยออกมา เพื่อหันมาพูดกับผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพลาง
    “เช่นนั้นแล้ว ผมคงไม่รบกวนเวลาอันมีค่าของคุณและคู่เต้นรำผู้น่ารักทั้งสองล่ะครับ ผมเองก็ต้องขอตัวไปรอรับคู่ควงของตัวเองเช่นกัน อ้อ...ผู้กอง Zala คงจำได้สินะครับ”

    ผมยิ้มตอบได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งที่ในอกเริ่มคุกรุ่นพิกล
    “แน่นอนสิครับ จะลืมได้อย่างไรกัน”

    ผมหัวเราะราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องตลก แน่ล่ะ ใครจะไปลืมได้
    ผมไม่มีทางลืม....

    ผมมองตามร่างสูงใหญ่ในสูทสีม่วงเข้มเดินอาดๆไปยังห้องรับรองแขก ตามที่มีซิสเตอร์ท่านหนึ่งเดินมาเรียนเชิญ ขณะที่ Lady Merin กระซิบกระซาบกับพี่สาวของหล่อนเบาๆด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
    “เป็นท่านที่มีเสน่ห์จริงๆนะคะ พี่ Luna สำเนียงฝรั่งเศสนั่น เพราะจริงๆ ท่วงท่าก็ดูเป็นหนุ่มสังคมเจ้าเสน่ห์เนอะ”
    “ชู่!! Merin นี่ ต่อหน้าผู้กอง Zala นะ”
    ผมลอบยิ้ม แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินการสนทนาประสาสาวๆของสองพี่น้อง

    มาสะดุดก็ประโยคท้ายสุด
    “ใครน้า....คือหญิงสาวผู้โชคดีได้เป็นคู่เต้นรำของเขา หนูล่ะอยากรู้จริงๆนะพี่ Luna”

    ผมรู้แก่ใจดีว่า ถ้ายังถ่วงเวลาพาสองสาวพี่น้องเดินเถลไถลอยู่แถวนี้ ก่อนจะเข้าไปในงานเลี้ยง ผมต้องได้พบกับ “หล่อน” แน่
    แต่...ผมทำแบบนั้นไม่ได้ในตอนนี้ มันสะดุดตา และน่าสงสัยเกินไป

    ดังนั้น...สิ่งที่ผมทำได้ สุดท้ายจึงมีเพียงลอบทอดสายตาขึ้นไปยังอาคารหอพักสูงตระหง่านเบื้องหลังเท่านั้น บอกใจตัวเองให้อดทนเอาไว้

    เพราะสิ่งจริงแท้ในใจที่ประจักษ์ชัดคือ....ผมไม่ปรารถนาจะเห็นใครอื่นเป็นผู้จับมือเล็กบางคู่นั้น
    #####################################


    “เสร็จรึยัง?? Asagi!! หล่อนนี่ชักช้าจริง!!”
    สาวน้อย Mayura Labatt ในชุดราตรีผ้าทัฟต้าสีแดงอมม่วงเข่นเขี้ยวกระซิบเร่งเพื่อนสาวผู้กำลัง “ลงมือแปลงโฉม” จากชุดราตรีแสนสวยไปสู่ชุดสาวใช้ตามแผนการณ์ที่วางเอาไว้ยิกๆ แม้ว่าอีกฝ่ายจะกำลังพยายามจนเหงื่อตกแล้วก็ตาม

    “จวนแล้วๆ ปั๊ดโธ่!! ยัยนี่เอวเล็กอ่ะ กระโปรงคับเป็นบ้าเลย ตะขอมันเกี่ยวไม่ถึง”

    คำว่า “ยัยนี่” ของ Asagi ผู้กำลังพยายามปลุกปล้ำกับตะขอกระโปรงชุดเมดอยู่นั้น ย่อมหมายถึง หญิงสาวโชคร้ายผู้ถูกว่าจ้างให้มาทำหน้าที่พนักงานเสิร์ฟเครื่องดื่ม และตอนนี้ถูกแก๊งเพื่อนสาวของ Cagalli จับโปะยาสลบ แล้วลากเข้าไปขังไว้ในห้องเก็บของเรียบร้อยแล้ว

    แน่นอนว่า เหยื่อคือคนที่มาสายที่สุดตามการข่าวที่ไม่เคยพลาดของ Milliaria Hawl จึงไม่ต้องห่วงเรื่องที่ว่าจะมีใครอื่นย้อนกลับมาอีก

    “โอย!! ชักช้าจริง!!มานี่ ชั้นช่วย!!” Juri บ่นอย่างอารมณ์เสีย ขยับแว่นบนดั้งกระชับหน้าแล้วจึงยื่นมือออกไปช่วยออกแรงกับตะขอกระโปรงบ้าง ปากก็บ่น “ก็ตัวน่ะแหละ Madame อุตส่าห์รัดคอร์เส็ตให้แน่นๆแล้ว จะไปแอบคลายทำไมน่ะ?? ถ้าไม่ไปยุ่งกับมัน ป่านนี้แต่งตัวเสร็จไปแล้ว!”

    “โอ๊ยยย!! เบา!!”
    Asagi ร้องอุทธรณ์เมื่อถูกเพื่อนสาวแว่นโหดลงไม้ลงมือ ขณะด้าน Lady Milliaria Hawl เพื่อนสาวที่ได้รับเชิญให้เข้ามาสู่แผนการณ์ครั้งนี้อย่างเต็มใจมองซ้ายขวาอย่างกังวล ก่อนเอ่ยปาก

    “ใจเย็นๆพวกตัวเอง เอางี้ เดี๋ยวเราจะออกไปดูลาดเลาหน้าห้องนี่ให้ก่อน! ถ้ามีอะไร เดี๋ยวเราจะรีบเคาะประตูบอกให้ฉากหลบ โอเคนะ??”
    “ตกลงๆ ฝากด้วยนะ Milly!!”

    หล่อนพยักหน้ารับ Lady Hawl บุตรีคหบดีโรงทอผ้าแถบแมนเชสเตอร์ เป็นสาวน้อยที่ปราดเปรียวอยู่เสมอ ใบหน้าจิ้มลิ้มรับกับผมสีน้ำตาลแดงทรงสวอน ดวงตาสีฟ้าสดเหมือนท้องฟ้าในชนบทยามหน้าร้อน น้ำเสียงสดใสอยู่เสมอทำให้หล่อนเป็นที่รักของเพื่อนๆ ด้วยความที่หล่อนมีพวกพี่ชายทำงานอยู่ในมหานครเช่นกัน จึงมักได้รับความอนุเคราะห์เรื่องข่าวสารจากภายนอกอย่างรวดเร็วเสมอ

    สื่อสิ่งตีพิมพ์เรื่องราวทันต่อเหตุการณ์นอกเหนือจากหนังสือพิมพ์ที่คอนแวนต์รับแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วเพราะหล่อน จนในที่สุด ลูกสาวเจ้าของโรงทอผ้าก็ได้รับฉายาว่าเป็น “เจ้ากรมข่าวประจำตึกขาว” อันหมายถึงตึกเรียนของบรรดาสาวๆชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายทั้งหลายนั่นเอง

    หล่อนหมั้นแล้วกับคู่รักวัยเยาว์ซึ่งมาจากครอบครัวที่มีสถานภาพทางสังคมทัดเทียมกัน หากวันนี้เขาได้แจ้งกับเธอเมื่อเย็นอย่างฉุกละหุกว่า จะมาถึงงานเลี้ยงช้าหน่อยด้วยติดธุระเกี่ยวกับงานวารสารของทางมหาวิทยาลัย ถึงหล่อนจะรู้สึกน้อยใจเล็กๆ แต่ก็ดีใจไปกับคู่หมั้นหนุ่มผู้แสนดีไปด้วย ที่เขาจะได้ทำความปรารถนาให้เป็นจริง
    ก็สำหรับหญิงสาวแล้ว ปรารถนาของคนรักก็เท่ากับของตนด้วยมิใช่หรือ?

    ด้วยเพราะหมั่นไส้หัวสีม่วงของอีกฝ่ายเป็นทุนอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น คนที่เพื่อนเกลียดก็เท่ากับเป็นศัตรูของตนด้วย นั่นก็เป็นอีกหนึ่งคติประจำใจของพวกหล่อน Milliaria หรือ Millyของเพื่อนๆจึงขันอาสาร่วมมือปฏิบัติการณ์ “แก้เผ็ดคู่หมั้นหัวสีม่วงของ Cagalli” ได้อย่างไม่ลังเลเมื่อได้รับคำขอ

    นั่นเป็นเหตุให้ Milly ต้องชะโงกหน้าออกมาจากห้องแต่งตัวพนักงานเสิร์ฟที่ทางคอนแวนต์จ้างมา หล่อนเหลียวซ้ายแลขวาอย่างระแวดระวังภัย ก่อนจะค่อยๆก้าวออกมาแล้วปิดประตูอย่างเบามือ
    กริ๊ก

    แต่ไม่ทันที่หล่อนจะได้ถอนหายใจโล่งอก ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นแผ่วๆ แต่นั่นก็ทำให้เจ้าตัวต้องสะดุ้งตกใจสุดตัว
    “เอ้อ...คือว่า....”
    “!!!”
    สาวน้อยหัวขวับไปมองเจ้าของเสียงทันที แล้วนั่นก็ทำให้หล่อนต้องแปลกใจ ไม่ใช่เพราะหล่อนจะใช้ชีวิตอยู่ในคอนแวนต์เสียจนวางตัวไม่ถูกเมื่อพบบุรุษแปลกหน้า แต่ที่มันรู้สึกน่าแปลกก็เพราะ บุรุษในชุดทักซิโด้ตรงหน้าต่างหากที่ดูแปลก เขาเป็นชายหนุ่มผิวสีน้ำตาลเหมือนคนแถบเอเชียใต้ หากรูปร่างสูงโปร่งและมีโครงหน้าคมสันอย่างคนยุโรป ผมสีทองตัดสั้นจัดแต่งเรียบร้อย ดวงตาสีม่วงแอมมิทิสต์เหมือนพลอยคู่ที่มองมายังหล่อนนั้นตอนแรกมีแววฉงน

    Milliaria ถอยหนีอย่างระวังจนหลังติดประตูเบื้องหลัง นั่นทำให้สุภาพบุรุษผิวเข้มผมทองต้องกลั้นยิ้มขัน


    อ๊ะวะเฮ้ยยยย เอาล่ะเหวย พี่ดำปะทะมิลลี่จนได้ มีใครคิดบ้างมั้ยว่า อิชั้นจะให้มิลลี่ได้ลงเอยกับโทลล์จริงๆแบบราบรื่นสะดวกโยธิน??
    ต่อไปๆๆๆๆ จะพยายามไม่ดองค่า -_-;
  20. kandida

    kandida New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ><
    อัพแล้ววววววววววววววว
    กระโดดดีใจรอบบ้านสิบรอบก่อนกลับมานั่งอ่าน

    ขอบคุณคุณโนมากนะค้าอุตส่าห์แวะไปบอกถึงเวบเราว่าอัพแล้ว
    เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆกระโดดเต้นดีใจ นอนไม่หลับเลย ฮ่าๆๆๆ

    จิ้นตามแล้วน้ำลายหก อยากเห็นรูปอัสรันใส่ทักซิโด้ ใครก้อได้วาดให้หน่อยสิค้า
    ฮือๆๆๆๆๆ อยากอ่านต่ออ้ะ อยากรู้ว่าตาสมโง่จะทำไงพอเจอคางะในชุดราตรี

    มิลี่เจอดิอักก้าแล้วววววว รักสามเส้าอีกคู่เริ่มแล้ว
  21. watabo

    watabo New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    กะรี๊ดดดดด ในที่สุดท่านพี่ก็อัพแล้ว ฉลองวันเกิดคางะด้วย อิอ๊างงง><
    อัสรันเอ๋ยอัสรันอยากเห็นหน้าไม่ไม่อยากให้ใครแตะหนุคางะอะสิ หึหึ (แต่แกก็ควงสองอยู่นา คุณหนูเห็นเข้ามิวายป่วงเรอะ)

    ยูน่า ออกแอคติ้งได้คล่องแคล่วดีจริง หนุ่มฝรั่งเศสไวกันอย่างนี้ทุกคนหรือคะท่านพี่ อยากเอาไม้ม๊อบที่ใช้ถูฟลอร์เต้นรำตอนรอพี่มากระแทกหัวซักสามที

    โทลล์ ทำไมตะหงิดๆใจว่ามีสิทธิ์ไม่ได้ลงเอยกับมิลี่เพราะระยะทางหรือการงานพิกลๆ จนมิลี่ได้มาพบเจอดิอักก้าวันนี้ จะแปรเปลี่ยนเป็นอย่างไรหนอ

    ขอให้มาอัพเรื่อยๆ ถ้าเหนี่อยก็พักนะค้าาาาาา
  22. dadajang

    dadajang New Member

    EXP:
    140
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ...ลืมวันเกิดของสองศรีพี่น้องคู่นี้...

    ...ขอโทษงับ...(สลดเต็มที่)

    หนูห่างหายเว็บนี้ไปประมาณ 1 เดือนเศษๆ

    มัวแต่ไปนั่งไดรฟ์กอล์ฟอยู่ที่ปังย่า

    และกลับมาเพื่ออ่านฟิคนี้โดยเฉพาะ

    เพราะเมื่อกี้เข้าไปในไอดีที่เว็บเด็กดี

    เห็นพี่ไปโพสเมสเสจเอาไว้

    เลยรีบมาแล้วรวดเร็วทันใจ(ด้วย~รถด่วนขบวนสุดท้าย~)

    ในเวลา(น่าจะ)ไม่ถึง 1 ชั่วโมง
  23. PunzZala

    PunzZala New Member

    EXP:
    12
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    กรี๊ดจริงให้ดิ้นตายยยยยยยยยยยย

    อินังปุ้นตาถั่วววมองมิเห็นน เพิ่งเห็นว่าอัฟโฮกมาก

    เกิดอยากเข้ามาดูก่อนจะออกไปเซนทรัล อ่านไปแม่ก็ด่าๆไป(โหมดรัวแป้นพิมพ์สุดๆ)

    ไว้จะกลับมาอีดิธนะคะโดนลากคอแล่ววว
  24. whitewing

    whitewing New Member

    EXP:
    120
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ว้ายๆๆ ดีใจ ยังมีคุณน้องๆหนูๆตามอ่านอยู่ แม้อิเจ๊จะดองยาว ยินดีแม่กๆเลยค่ะ :aha: ตอนใหม่นี้ลงไม่เยอะเท่าไหร่ เพราะกำลังปั่นตอนใหม่อยู่ดีๆ อาจารย์ส่งงานมาให้แก้ ว๊อยย เจ๊อยากตาย :waaa: แต่มันทนไม่ไหวแล้ว ห้อยติ่งจากตอนที่แล้วอยู่นิดเดียว ขอเอาลงเลยแล้วกัน


    “มีธุระอะไรแถวนี้ไม่ทราบคะท่าน?”
    หล่อนถามเสียงกระด้าง ไม่ไว้ใจ คิดแล้วเชียวว่าปล่อยให้คนหนุ่มข้างนอกเข้ามา จะต้องมีพวกไม่รู้จักกาละเทศะเข้ามาทำรุ่มร่ามในเขตคอนแวนต์นี้ แม้จะเป็นในงานเต้นรำก็เถอะ
    “นี่ไม่ใช่บริเวณที่ทางคอนแวนต์จัดไว้ให้คนจากภายนอกเข้ามาเพ่นพ่านมิใช่หรือคะ?”

    “ขอประทานโทษครับ ผมไม่ตั้งใจจะเสียมารยาท” ชายผิวเข้มในชุดทักซิโด้อธิบายขณะส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร “แต่ฮอลล์นี้ช่างใหญ่โตกว้างขวางเสียเหลือเกิน จนผมหา...อ่า...ห้องน้ำไม่เจอน่ะครับ”

    Millyหน้าแดงขึ้นมาทันที นึกฉุนในใจ ผู้ชายอะไรมาพูดเรื่องห้องน้งห้องน้ำต่อหน้าผู้หญิง ยังจะมาทำยิ้มอีกแน่ะ!
    หล่อนยกมือขึ้นฉับ ผายไปทางขวามือแล้วอธิบายด้วยเสียงเร็วรัว
    “เดินข้ามโถงตรงไปจนพบรูปปั้นเทวดาแล้วเลี้ยวซ้าย ขึ้นบันไดแล้วเลี้ยวขวาตรงไปจนสุดทาง ห้องที่สองจากซ้ายมือค่ะ ว่าแต่ทำไมไม่ถามคู่เต้นรำของคุณให้เรียบร้อยก่อนล่ะคะ?? ดิชั้นมั่นใจว่า ถ้าถามเธอก็ต้องบอกได้”

    อีกฝ่ายอึกอักเล็กน้อย ก่อนจะทำเสียงอ้อมแอ้มตอบไป
    “ผมก็กะจะมาหา “คู่เต้นรำ” ที่ว่าที่งานนี้น่ะแหละครับ”

    “อ๋อ....” Lady Hawl ฟังคำตอบแล้วจึงเข้าใจ “โธ่เอ๊ย...ตามเจ้านายมานี่เอง”

    หนุ่มผิวเข้มขมวดคิ้วกับประโยคนั้น นึกสงสัยว่า ออกจะแต่งตัวเต็มยศขนาดนี้ เขาดูเหมือน Footman คุมท้ายรถม้าตรงไหนเนี่ย?
    ไม่เคยมีสาวคนไหนในลอนดอนที่กล้าคิดแบบนั้นเมื่อได้พูดคุยกับเขาเลยแท้ๆ

    Dearka Elthman มองไปที่ป้ายที่แปะอยู่บนประตูบานที่อยู่เบื้องหลังสาวน้อยตรงหน้า คำว่า “ห้องแต่งตัวพนักงาน” เขายิ้มกวนๆ ก่อนจะพูดลอยๆขึ้นมาบ้าง

    “เออ ผมเองก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่า พนักงานจากภัตตาคารที่คอนแวนต์จ้างมา เขาต้องแต่งเนื้อแต่งตัวด้วยชุดราตรีแบบนี้เหมือนกัน ไอ้ตอนแรกผมก็นึกว่าจะสวมชุดสาวใช้มีผ้ากันเปื้อนแบบตามงานเลี้ยงที่อื่นๆเขาทำกัน แหม!! ทำเอาสับสนกับสาวๆคอนแวนต์คนอื่นไปเลยเชียว”

    Milliaria ชักสีหน้าขึ้นมาบ้าง ชักจะมีอารมณ์เดือนปุดๆ
    “ดิชั้นไม่ใช่พนักงานเสิร์ฟค่ะ! กรุณาเข้าใจใหม่ด้วย!!”
    หล่อนกระแทกเสียงใส่ แม้จะรู้ดีว่าเป็นเรื่องเสียมารยาท แต่คนที่พูดจาไม่มีมารยาทก่อนแบบนี้ จะไปมีมารยาทด้วยทำไมกัน?

    “งั้นผมก็ไม่ใช่ Footman คุมท้ายรถม้าเหมือนกันครับ เลดี้น้อย”
    ตำรวจหนุ่มผิวเข้มย้อนกลับไปบ้างด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาท “ว่าแต่รบกวนทวนทางไปห้องน้ำชายอีกครั้งได้มั้ยครับ? เมื่อกี๊ผมฟังไม่ทันน่ะ แล้วตอนนี้...ผมก็ปวดฉี่จะแย่อยู่แล้วด้วย”

    หยาบคาย!! สาวน้อยเจ้ากรมข่าวประจำคอนแวนต์อ้าปากจะด่า แต่พอดีประตูข้างหลังก็เปิดออกพร้อมเสียงโวยของ Juri

    “เห็นมั้ย?? ก็แค่นี้เอง!! เอ้า!! เร็วๆเข้าสิยะ! มัวแต่ชักช้า เดี๋ยวตาท่านเซ่อหัวม่วงนั่นก็มาพอดี!! ว๊ายแม่หก!!”
    แล้วบานประตูที่ Juri เปิดผลั่วะออกมาโดยไม่บอกไม่กล่าว ก็กระแทกหลัง Milliaria เข้าเต็มเปา!
    พลั่ก!!!
    “โอ๊ยย!!!”

    ทำเอาสาวน้อยเจ้ากรมข่าวประจำคอนแวนต์พุ่งถลาจากแรงกระแทก เข้าใส่อ้อมแขนของบุรุษแปลกหน้าผิวเข้มอย่างพอดิบพอดี

    Dearka Elthman ประคองร่างเล็กของสาวน้อยในราตรีสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ให้ทรงตัว แต่พอหล่อนเงยหน้าขึ้นสบตา แทนที่เขาจะได้รับคำขอบคุณ กลับได้รับสีหน้าบึ้งตึงอย่างไม่พอใจจากอีกฝ่ายแทน

    ถือดีอะไรมาจับตัวคนอื่นเค้า!
    Milly สะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของบุรุษแปลกหน้าตรงหน้าทันที

    คนเขาอุตส่าห์ช่วยแท้ๆ เด็กอะไรเนี่ย?? ขอบคุณซักคำก็ไม่มี

    ผู้กองผิวเข้มขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ และยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรเพื่อทักท้วงอีกฝ่าย ก็พบว่าหล่อนหันขวับไปไล่เบี้ยกับเพื่อนสาวเสียแล้ว
    “เจ็บนะ!! ยัยJuri”
    “ขอโทษๆ Milly! เราไม่ตั้งใจนี่นา” สาวแว่นโตรีบยกมือขอโทษขอโพย ก่อนจะเอียงหน้ากระซิบถามอย่างสงสัย

    “ใครน่ะตัวเอง? หล่อจัง หลงมาแถวนี้ได้ไง?”

    นั่นทำให้ Milliaria Hawl ต้องตวัดสายตามองบุรุษผิวเข้มไร้มารยาทที่หล่อนเพิ่งพบอย่างไม่สบอารมณ์ ปากก็พึมพำเสียงสะบัด
    “ชั้นจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ? อยู่ๆตานี่ก็โผล่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้”

    เสียงประแอมดังขึ้นเรียกความสนใจ
    “ประทานโทษทีเถอะนะครับ ไอ้กระผมเองก็ไม่ได้คิดจะเสียมารยาทหรอกนะ แต่ขอย้ำอีกครั้งนะครับ ผมปวดฉี่จะแย่อยู่แล้ว ถ้าคุณๆไม่อนุเคราะห์ ผมคงต้องอาศัยสุมทุมพุ่มไม้แถวๆนี้ล่ะนะครับ”
    หนุ่มผิวเข้มในชุดทักซิโด้กล่าวทะลุขึ้นกลางปล้องด้วยบทสนทนาชนิดขวานผ่าซาก Milliaria Hawl หน้าแดงด้วยความโกรธ

    เกิดมาไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนพูดจาหยาบคาย มารยาทต่ำเหมือนนายคนนี้เลย!!

    “ตายจริง!! ปวดห้องน้ำก็ไม่บอก!! มาค่ะๆ ดิชั้นสองคนจะนำทางให้เองนะคะ”
    แม่Juriแว่นโตเสนอตัวด้วยดวงตาเป็นประกายวาววับไม่แพ้ยัย Mayura เลยทีเดียว สองสาวเพื่อนซี้รีบเข้าไปประกบข้างหนุ่มผิวเข้มในชุดทักซิโด้อย่างว่องไว ทิ้งให้ Asagi ในชุดเมดกับ Milliaria อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง

    แล้วพอตั้งสติได้ Asagiก็ปรี่เข้าไปดึงแขนทั้งสองทันที พร้อมกับร้องทักท้วง
    “นี่พวกหล่อน!! หยุดเลย!!”
    แต่กลับถูกสวนอย่างเย็นชาว่า
    “เอ๊ะ!! อะไรยะหล่อน?? เป็นเมดก็อยู่ส่วนเมด ไปทำงานของหล่อนซะสิยะ!! มีหน้าที่ต้องไปผสมเครื่องดื่มไม่ใช่เรอะ?? โอ๊ยย วุ่นวายซะจริง! นี่ล่ะน้า~~ จ้างคนจากข้างนอกมาก็แบบเนี้ย!! ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรซักอย่าง”

    Juri (แสร้ง) บ่นยืดยาว จนทำเอาชายหนุ่มผิวเข้มต้องทำหน้างง Asagi เองก็ทำหน้างง Millyเองก็ยังต้องอ้าปากค้าง มาเข้าใจก็เมื่อเห็น Mayura ลอบขยิบตายิกๆให้

    ไม่มีเวลามาลังเลแล้ว Milliaria รีบฉุดแขนแม่ Asagi ที่กำลังทำหน้าเหวออยู่ออกจากจุดเกิดเหตุโดยด่วน พร้อมกับพูดเสียงดังๆ
    “ชะ....ชั้นก็ไม่อยากเสียเวลากับเมดอย่างหล่อนมากนักหรอกนะยะ! ถ้าไม่เห็นแก่ Madame ที่ให้พวกชั้นลงทุนลดตัวมาตามตัวหล่อนแล้วล่ะก็!!เอ้า!! เร็วสิ อย่าพิรี้พิไร เดี๋ยวMadameดุเอา ชั้นก็เป็นอันอดเต้นรำพอดี!!!”

    แม้ยัย Asagi จะทำหน้าตาเหวอรับประทานออกไปมากขนาดไหน แต่ Milliaria ก็มิได้เสียเวลาอธิบาย นอกจากตั้งหน้าตั้งตาฉุดกระชากลากถูเพื่อนลูกเดียว โดยมิได้หันกลับไปมองสายตาอันเต็มไปด้วยความสงสัยของบุรุษแปลกหน้าผิวเข้มคนเมื่อครู่อีก

    Dearka Elthman หันไปสนทนากับสองสาวคอนแวนต์ที่เพิ่งจะได้รู้จักด้วยสีหน้ารื่นเริง หากยังไม่วายต้องชำเลืองมองไปยังร่างเล็กของสาวน้อยปากร้ายที่กำลังห่างออกไปทุกทีคนนั้น
    ##############################


    น้องโบ กรี๊ดๆ ดีใจเข้ามาอ่าน แบบว่าเจ้าูยูนาในเรื่องนี้ออกแนวเจ้าสำราญๆ เดินย้วยๆ แร่ดๆอ่ะค่ะ หนุ่มฝรั่งเศสดีๆก้มีนะคะ อันนี้ออกแนวแร่ดๆ น่าตบ น่าฆ่าทิ้งค่ะ ส่วนดิแอก้ากับมิลลี่ อืม....มันไม่เป็นรักสามเส้าหรอก แต่จะยังไงต่อ อยากรู้ก็จงหลังไมค์มา ฮ่าๆๆๆ :cool:
  25. shinichihaibara

    shinichihaibara New Member

    EXP:
    4
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ได้โปรดคะ ช่วยอัพทีนะคะ :waaa: :waaa: :hm:

Share This Page