Gundam seed destiny parody fanfiction : SHINING STAR กระทู้1

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย whitewing, 13 พฤศจิกายน 2007.

  1. kumi

    kumi Active Member

    EXP:
    805
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    มาลงให้กำลังใจต่อ ยังติดตา่มอยู่นะคะ ^^,,

    (แต่คุมิไม่ได้อ่านเลย ฮ่าฮ่าฮ่า!! ช่วงนี้ฟิคไม่ได้แตะสักเรื่อง)

    ว่าจะรอให้พี่อัพเยอะๆ ก่อนแล้วค่อยอ่านรวดเดียว ไม่งั้นมันอารมณ์ค้างง~งง

    P.S. ช่วงนี้กำลังเพลิดเพลินกับเพลงของ Macross Frontier มากๆ =A=,, เชอรีลเสียงอย่างกิ๊ง ถูกใจอีหนูเอ๊ย~ย (จริงๆ ถ้าจะพูดให้ถูกน่าจะถูกใจเสียงพากย์เจ้าหญิงอัลโต้มากกว่าแฮะ ก๊ากกกกก)
  2. kandida

    kandida New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    เฮ้ยไม่ได้ตามเข้ามาดูว่าแอบมีติ่งต่อ ของคุณไวท์วิง
    แง้วววว ตกลงดิอัคก้าจะฉี่ทันหรือจะฉี่ราดเนาะ
    โอย อยากอ่านต่อค่า งานส่งแก้ไปถึงไหนแล้วน้อคุณไวท์วิง อิอิ
  3. Tochikawa

    Tochikawa New Member

    EXP:
    21
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    เหอะๆ...ผ๊มก็ขอภาวนาให้มาแต่งต่อไวๆเน้อ...อยากจาอ่านต่อง่า อ่านไปอ่านมา เพลินดี อิอิ
  4. shibamura

    shibamura New Member

    EXP:
    8
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    แต่งสนุกมากเลยค่ะ แต่เยอะมาเลย ^^" เพิ่งเขามาอ่าน ไล่อ่านตั้งแต่หน้าแรก ตาลายเลย หุหุ
    มาต่อไวๆนะคะ อยากอ่านต่อมากเลย >< จะเป็นกำลังใจให้นะคะ
  5. kiralaku

    kiralaku New Member

    EXP:
    2
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    1
    พี่ไวท์วิงมะไรจะอัพต่ออ่ะค่ะ ใจน้องจะขาดแว้วอ่า สนุกมากค่ะขอบอกต่อ
  6. zeryu

    zeryu New Member

    EXP:
    72
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    เสียเรียกร้องกันมากมาย พี่โนอัพบางสิค้า อิิอิ
  7. whitewing

    whitewing New Member

    EXP:
    120
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    มาแร้้วววววววววววว~~~ สวัสดีค่าคุณน้องคุณหนู โอยยย เจอรุมประณามโทษฐานดองของมากมาย หวาๆๆ ตกไปหน้าสอง คงไม่ถึงกับโดนโทษฐนขุดกระทู้นะคะ เจ้าของฟิคยุ่งๆ เลยไม่ค่อยได้อัพค่ะ
    ตอนต่อมาแล้ว ขอโทษที่ปล่อยดองจนเริ่มเค็ม ถ้ายังติดตามอ่านกันอยู่ อย่าลืมส่งเสียงวี๊ดวิ้วมากันบ้างนะคะ :E

    Phase 34 : A Summer Night’s Dream Party (Part 2)

    ฮอลล์เต้นรำอันกว้างขวางโอ่โถงของ St. Angela Ursuline Convent อยู่ภายในตึกสูงสีขาวทรงโรมัน มองเผินๆก็ดูไม่ต่างจากวิหารพาเธนอนที่กรีซเท่าไรนัก หากหลังคาสามเหลี่ยมหน้าจั่วสลักด้วยปูนขาวเป็นเรื่องราวในพระคัมภีร์แทนที่จะเป็นเรื่องในเทวตำนาน ตัวตึกนั้นมีถึงสองชั้น ชั้นล่างเป็นคือห้องโถงโล่งกว้างที่ใช้สำหรับจัดกิจกรรมของทางคอนแวนต์ ส่วนชั้นสองเป็นห้องประชุมและห้องสัมนาทางวิชาศาสนศาสตร์ โดยสามารถเห็นเบื้องล่างที่ใช้จัดงานเต้นรำได้เมื่อมองจากระเบียงชั้นสองที่ล้อมรอบเป็นทรงสี่เหลี่ยม

    สีราตรีปกคลุมท้องฟ้าเหนืออาคารจัดงาน แสงดาวเริ่มทอประกายแข่งกันมากขึ้นๆ แต่ไม่ระยิบพริบพราวเท่าแสงส่องสว่างจากตะเกียงแก้วนับร้อยดวงที่ให้ความสว่างภายในงานเต้นรำ ผมนึกชมเจ้าของความคิดออกแบบงาน ที่เข้าใจใช้ตะเกียงแก้วหล่อเป็นทรงกุหลาบวางเป็นระยะๆ ทั่วบริเวณงาน เพราะแสงจากตะเกียงนับร้อยๆดวงนั้น ตกกระทบโคมไฟระย้ากลางห้องโถงและเครื่องแก้วต่างๆ จนทั้งโถงจัดงานสว่างไสวสบายตา และเนื่องจากเป็นงานเลี้ยงแบบค็อกเทล จึงไม่มีโต๊ะเก้าอี้สำหรับรับประทานมื้อค่ำวางให้เกะกะ ส่วนพื้นที่ของพวกอาหารจัดเลี้ยงและเครื่องดื่มก็กระจายอยู่รอบห้อง ทำให้คนไม่รวมตัวกันจุดใดจุดหนึ่งมากจนเกินไป ปล่อยให้พื้นที่โล่งเป็นสถานที่สังสรรค์ของคนหนุ่มสาวได้อย่างเต็มที่

    ในตอนแรก สายตาหลายคู่มองมาที่”เราสามคน”ขณะก้าวขึ้นบันไดกว้างหน้าตัวตึกเข้ามาด้านใน กล่าวคือ ภาพของผมที่กำลังถูกสองสาวตระกูล Hawk ขนาบข้างซ้ายขวา แต่ครั้นเข้าไปถึงส่วนจัดงาน ความงดงามของสถานที่และเสียงเครื่องสายที่บรรเลงคลอไป โดยเฉพาะเมื่อพบว่าผู้บรรเลงบทเพลงอันไพเราะจากฮาล์ปเป็นเพียงสาวน้อยผิวขาวผมทองตัวเล็กๆวัยไม่เกิน 12 ปีเท่านั้น ก็ดูเหมือนจะเบนความสนใจเหล่านั้นออกไปได้มากอยู่ Lady Merin Hawk จึงคลายสีหน้าภูมิใจเมื่อครู่ลง จนพี่สาวของหล่อนต้องแอบหัวเราะ ก่อนจะออกปากขอตัวไปดูแลส่วนของงานบริการสักครู่

    “ตามสบายเลยครับ คุณหนูLunamaria คล่องแคล่วสมกับเป็นหนึ่งในกรรมการนักเรียนของคอนแวนต์เลยนะครับ”
    หล่อนยิ้มพลางตอบเสียงใสก่อนจะยอบกายลงเป็นเชิงขอตัว
    “ชมกันเกินไปแล้วล่ะค่ะผู้กอง”

    แล้ว Lady Hawk คนพี่ก็พลิ้วกายออกไปอย่างรวดเร็ว จนสาวน้อยคนน้องออกปากบ่น
    “พี่Lunaนี่ล่ะก็ วันนี้เป็นงานเลี้ยงเต้นรำแท้ๆ ก็ยังทำตัววุ่นกับงานของส่วนกลางอยู่ได้”
    ผมยิ้มขันให้กับสีหน้ากระเง้ากระงอดของสาวน้อย แม้จะบ่นถึงพี่สาวเช่นนั้น แต่มือทั้งสองก็ยังเกี่ยวแขนของผมแน่นเชียว

    Lady Merin ชวนผมคุยไม่หยุดปากด้วยอุปนิสัยช่างเจรจา ทั้งยังพาผมไปแนะนำกับบรรดาเพื่อนๆของหล่อนอีกด้วย ตอนแรกๆก็ยังไม่เท่าไร แต่ยิ่งนานดูเหมือนกลุ่มที่รายล้อมผมและหล่อนจะเริ่มใหญ่ขึ้นๆ

    คนยิ่งห้อมล้อมมากขึ้น เสียงสนทนายิ่งปะปนสับสนจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์ จนในที่สุด...

    ผมเริ่ม...อึดอัด

    โชคช่วยที่สายตาของผมมองไปเห็นหมวด Asuka กำลังเดินถือเครื่องดื่มไปให้สาวน้อยนักฮาล์ปของเขาพอดี (หนอย...หน้าตาแช่มชื่นทีเดียวเชียวนะนั่น) และดูเหมือนLady Merin ก็กำลังสนทนากับสหายของหล่อนอย่างออกรสเสียด้วย ผมกำลังจะออกปากขอตัวเข้าไปทักทายทั้งสองคนนั้น แต่ก็มีเสียงทักดังแทรกขึ้นเสียก่อน

    “เฮ่! Athrun”

    ผมหันไปตามเสียงเรียกและพบว่าเจ้าของเสียงคือเจ้าร้อยเอก Dearka Elthman เพื่อนร่วมงานผิวเข้มของผมเอง เจ้าตัวเดินยิ้มแฉ่งเข้ามาหา รอบตัวรายล้อมด้วยบรรดาสาวๆคอนแวนต์ในชุดราตรีถึงสี่คน แต่ที่สำคัญกว่าคือ...

    “Dearka?” ผมทักตอบอย่างงงๆ “มาได้ไงน่ะ?”

    ก็จะไม่ให้ผมสงสัยได้ไงล่ะ? หมอนี่ไม่ได้รู้จักกับคนในคอนแวนต์นี้เสียหน่อย เจ้าผู้กองผิวหมึกตัวแสบจึงชะโงกหน้ามากระซิบบอกผมทั้งหน้าทะเล้น
    “เส้นสายจากคุณหนูคู่หมั้นของเจ้า Yzak ไง ช่วงนี้ทั่นสารวัตรที่เคารพอารมณ์ดีเพราะมีความสุขในชีวิตรัก อยากขออะไร ปะเหลาะดีๆหน่อยก็ไม่ถูกยันแล้ว”

    ผมทำหน้าบอกไม่ถูก แต่ก็นับว่าเป็นโชคดีที่มองไปด้านหลังก็เห็นสารวัตร Yzak Jules ในชุดทักซิโด้สีดำสนิทควงคู่มากับ “คุณหนูคู่หมั้น” ที่เจ้า Dearka เอ่ยพาดพิงถึงกำลังรับเครื่องดื่มจากบริกรพอดี ผมจึงหันไปกล่าวกับ Lady Merin
    “คุณหนู Merin ขอประทานโทษนะครับ ผมขอตัวไปทักทายคนรู้จักสักหน่อยนะครับ”

    สาวน้อยจึงหยุดการสนทนาหัวเราะหัวใคร่กับบรรดาเพื่อนฝูงคนอื่นๆ แล้วหันมาบอกผมด้วยสีหน้ากระตือรือร้น
    “อ๊ะ! ถ้าเช่นนั้นดิชั้นไปด้วยนะคะ”
    “อย่าเลยครับ” ผมกล่าวยิ้มๆ ดักคอเอาไว้ก่อนท่าจะดีกว่า “คุยแต่เรื่องธุระราชการ คงน่าเบื่อเกินไปสำหรับสาวรุ่น เดี๋ยวเดียวเท่านั้นครับ เดี๋ยวผมกลับมา”

    ว่าจบผมก็ค้อมศีรษะให้หล่อนเบาๆ ก่อนเดินสาวเท้าตรงไปยังสารวัตรผมสีเงินและคู่หมั้นของเขา โดยไม่ชายตากลับไปมองเจ้า Dearka ที่กำลังสราญบานใจอยู่ในวงล้อมสาวคอนแวนต์อีกเลย ถึงอย่างไรเสียผมก็สบายใจหน่อยว่า อย่างน้อยด้านนอกก็ยังมีสายตาคอยจับจ้องของเหล่าซิสเตอร์อยู่ เจ้าผู้กองผิวหมึกนั่นจะทำรุ่มร่ามที่นี่อย่างที่ทำในงานเต้นรำอื่นๆก็คงไม่ได้

    ...กระมัง? ผมยังหวั่นๆใจอยู่เหมือนกันแฮะ

    “Yzak”
    ผมทักออกไปก่อนในที่สุด แม้ในเวลาทำงานเราต่างเรียกยศตำแหน่งกัน แต่นอกเวลาราชการแล้ว เป็นอันรู้กันในหมู่เพื่อนฝูงว่า ”ยศ” จะถูกทิ้งไว้ที่ทำงาน การเรียกชื่อจริงนอกเวลาราชการของพวกเราจึงถือว่าเป็นเรื่องปกติ
    เจ้าของชื่อถึงหันมา ดวงตาสีฟ้ามีแววประหลาดใจ
    “อะไรกัน? นี่ชั้นไม่ยักรู้ว่างานเต้นรำคืนนี้กลายเป็นสถานที่รวมตัวหน่วยสืบสวนสอบสวนของสก็อตแลนด์ยาร์ดไปซะแล้ว”

    ผมทำเสียงขึ้นจมูก รู้สึกเหมือนมันประชดยังไงไม่รู้สิ แต่ก็ถูกอีกล่ะนะ เพราะทั้งผม ทั้งหมวด Asuka ทั้งเจ้าชีกอ Dearka แถมยังเจ้าสารวัตรผมเงินนี่ต่างก็มาอยู่ในงานเต้นรำเดียวกันหมด อะไรมันจะบังเอิญได้ขนาดนั้น??

    Lady Shiho Hanefous ในชุดราตรีผ้าพลิ้วสีแดงก่ำขับผิวขาวน้อมตัวลงทำความเคารพ
    “สวัสดีค่ะ ผู้กอง Zala”
    “สวัสดีครับ ยังงดงามเหมือนเคยนะครับ Lady Hanefous”
    ผมโค้งตอบและทักทายตามมารยาท ก่อนจะหันไปทาง Yzak อีกครั้ง
    “ชั้นก็ไม่นึกเหมือนกันว่านายเกิดจะใจดีลากเจ้า Dearka มางานนี้ด้วย”

    Lady Shiho Hanefous กลั้นหัวเราะกิ๊ก ทำให้คู่หมั้นของหล่อนต้องขมวดคิ้วทำหน้ายุ่ง
    “เจ้านั่นต่างหากที่ไปขอร้องอ้อนวอน Shiho ชั้นไม่ได้เป็นใจให้เจ้านั่นมาที่นี่ด้วยซะหน่อย”
    “ก็สารวัตรน่ะเอาแต่ใช้งานผู้กอง Elthman สารพัดนี่คะ” คู่หมั้นสาวผู้มีเรือนผมสีเกาลัดยาวสลวยกล่าวแย้ง “ดิชั้นเห็นเค้าถูกใช้งานง่กๆแล้วก็อดจะเห็นใจไม่ได้นี่นา แล้วอีกอย่างการจะมีแขกเกินมาซักคนสองคนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรอยู่แล้ว”

    ฟังแล้วเจ้าสารวัตรผมเงินก็ทำหน้าหงิกมากขึ้นไปอีกชนิดไม่กลัวริ้วรอยก่อนวัยเลยทีเดียว ส่วนผมก็ได้แต่กลั้นขำ

    “แล้วดูเหมือนเจ้านั่นจะทำหน้าที่เพิ่มความครึกครื้นให้งานเต้นรำนี้ได้พอสมควรเลยสินะครับ? โน่นแน่ะ อาสาดูแลสาวๆที่ไม่มีคู่ควงเต็มที่เลยทีเดียว”
    ผมหันนิ้วโป้งไปด้านหลังซึ่งเจ้าผู้กองผิวหมึกจอมชีกอกำลังเล่าเรื่องตลกสนุกๆให้บรรดาสาวน้อยในชุดราตรีฟังอย่างสนุกสนาน

    ข้อนี้ผมกับเจ้า Yzak รวมถึง Kira ต่างตระหนักข้อนี้ดี เพราะตั้งแต่สมัยเรียนอีตัน เจ้าหนุ่มผิวเข้มผมทองก็มีชื่อเสียงกระฉ่อนในเรื่องความเชี่ยวชาญประเด็นเกี่ยวกับสตรีศึกษาอยู่แล้ว

    และสตรีศึกษาที่ว่า ก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับกระแสสตรีนิยมหรือ Feminism ที่กำลังมาแรงและเป็นที่โจทย์จันไปทั่วแวดวงวิชาการในเวลานี้หรอก
    แต่ “สตรีศึกษา” ในความหมายของเจ้า Dearka คือ การเรียนรู้กลวิธีเอาใจสาวๆต่างหากล่ะ

    “เจ้าบ้านั่นบ่นหงิงๆน่ารำคาญต่างหาก มันคร่ำครวญให้ Shiho ฟังตลอดมื้อเย็นที่บ้านชั้นว่า ทีบื้อๆอย่างนายยังได้รับบัตรเชิญจากสาวน้อยถึงสองคน เออ! ว่าแต่สองสาวคู่เต้นรำของนายล่ะ? ไม่อยู่ดูแลพวกหล่อนจะดีเรอะ?”
    Yzak ว่าพลางทำเป็นชะเง้อมองไปด้านหลังของผม
    “คนนึงเป็นกรรมการนักเรียน ตอนนี้กำลังไปดูแลงานทางฝ่ายบริการอยู่ ส่วนอีกคนคุยติดพันอยู่กับเพื่อนฝูงหล่อนโน่น” ผมตอบสบายๆ “ถึงไง...ชั้นก็กะว่าจะไม่อยู่ในงานนี้นานอยู่แล้ว คงจะขอตัวกลับก่อนถ้าไม่...”

    ถ้าไม่ได้พบหล่อน...

    เสียตอนท้ายขาดไป เก็บความคิดนั้นเอาไว้แค่ในใจ

    “ถ้าไม่อะไรของแก?”
    Yzak ถามต่ออย่างสงสัย ขมวดคิ้วจนหน้ายุ่ง
    “ถ้าไม่...เอ้อ...” สมองผมคิดหาข้ออ้างอื่นทันที “ถ้าไม่มีการแสดงอะไรที่น่าสนใจน่ะสิ”

    “ถ้าพูดถึงการแสดงที่น่าสนใจ” Lady Shiho Hanefous ซึ่งยืนอยู่เคียงข้างคู่หมั้นของหล่อนเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสดใส “คืนนี้ผู้กอง Zala คงต้องอยู่ดึกแน่นอนค่ะ เพราะปีนี้ทางคอนแวนต์ได้ประสานไปทางโรงละคร Rosetta ในเรื่องการแสดงดนตรี ดูสิคะ เพียงแค่เพลงเล่นคลอในช่วงต้นของงาน นักเล่นฮาล์ปตัวน้อยจากที่นั่นยังดึงความสนใจจากแขกในงานไปได้ตั้งเยอะ ดิชั้นได้ยินท่านอธิการบดีเปรยว่าจะเชิญ Miss Lacus Clyne มาร่วมขับร้องเพลงในงานด้วย พวกสาวๆในคอนแวนต์เราต่างก็ชื่นชอบเธอทั้งสิ้นเลยค่ะ ข่าวนี้ก็เลยทำให้ตื่นเต้นกันใหญ่”

    ผมยิ้มขณะกล่าวรับ
    “เช่นนั้นหรือครับ?”

    แท้จริงในใจ ชื่อของ Lacus ทำให้ผมรู้สึกขัดเขินเล็กน้อย เพราะหลังจากที่ถูกหล่อนปฏิเสธคำขอแต่งงาน....เพื่อรักษา “มิตรภาพ” เอาไว้ ผมก็ไม่ได้พบหล่อนอีกเลย

    อันที่จริง...ผมควรจะไปพบและขออภัยหล่อนให้กับความโง่เขลาที่ตัวเองทำลงไปในวันนั้นแท้ๆ

    Lacus ฉลาดนัก หล่อนมองผมออกจนทะลุปรุโปร่ง หล่อนมองเห็นลึกเข้าไปในดวงตาของผมว่า คำขอแต่งงานในเวลานั้นมิได้เกิดจากความรู้สึกจริงๆ แต่เป็นมายาที่ผมสร้างขึ้นในเอง

    ...หลอกตัวเองว่า “รัก” หล่อน

    ทั้งยังมองไกลไปถึง...ผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหากหล่อนตอบรับคำขอแต่งงานของผม....ว่าชีวิตคู่ที่เริ่มจากความรู้สึกจอมปลอม...คงดำเนินไปอย่างมีความสุขไม่ได้

    “Chiho เธอไม่จำเป็นต้องเล่าเรื่องนี้กับเจ้าหมอนี่หรอก เพราะมันน่ะตามเทียวไล้เทียวขื่อ Miss Clyne มาตั้งสองปีแล้ว หรือว่าไม่จริง? Athrun”
    โดนเจ้า Yzak แขวะเอาจนได้ แต่วันนี้ผมไม่ถือ เพราะขี้เกียจจะอธิบายเรื่องผมกับ Lacus ซะแล้ว

    เอาเป็นว่าอยากเข้าใจอะไรก็เชิญไปตามสบายก่อนแล้วกัน

    “นั่นสินะ Yzak...” ผมลากเสียงอย่างอารมณ์ดี “แต่คงสู้นายที่เทียวไล้เทียวขื่อ Lady Hanefous ในช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ไม่ได้หรอกมั้ง?”

    โดนเข้าแล้วหนึ่งดอก! ผมบอกตัวเองอย่างสมใจ เมื่อทำให้เจ้าของฉายา “จิ้งจอกสีเงิน” แห่งสก็อตแลนด์ยาร์ดหน้าแดงไปจนถึงคอเป็นผลสำเร็จ

    “พะ....พูดอะไรของแก หา!!”
    เจ้าYzakเอาเสียงดังเข้าข่ม ขณะที่คู่หมั้นสาวได้แต่ก้มซ่อนใบหน้าแดงก่ำ ผมก็เลยถือโอกาสแซวต่อทันที
    “ช่างเป็นชุดราตรีที่งดงามจริงๆครับ Lady Hanefous เซนส์ทางแฟชั่นของท่านผู้หญิง Ezaria Jules ไม่เคยตกเลยนะครับ นอกจากนี้สีแดงก่ำนี่ยังเป็นสีโปรดของ Yzak เสียด้วย”
    “ขะ....ขอบพระคุณค่ะ....”
    หล่อนยกพัดขนนกขึ้นปิดใบหน้าอย่างเอียงอาย ด้านเจ้าYzakนั้นเล่าก็ได้แต่ทำหน้าแดงตัวสั่นริกๆเพราะเถียงอะไรผมไม่ได้ โอ๊ย สะใจเป็นบ้า!

    “จะยังไงก็ตามเถอะ!” เจ้าYzakทำเป็นกระแอมก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา “การที่หน่วยสืบสวนของเรามาอยู่พร้อมหน้ากันที่งานเลี้ยงเต้นรำนี่ อาจเป็นความบังเอิญตามประสงค์ของพระเจ้าก็ได้นะ”
    นั่นทำให้ผมเลิกคิ้วอย่างนึกสงสัย
    “?ยังไงกันรึ?”

    ดวงตาสีฟ้าของสารวัตรหน่วยสืบสวนเฉียบคมขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ลดเสียงลงแผ่วเบา
    “นายจำสายข่าวที่ถูกอัดเลือดท่วมปางตายคนนั้นได้มั้ย?”
    ผมจำได้ดี เพราะเป็นสายข่าวที่ลอบเข้าไปสอดแนมในกลุ่มค้ายารายย่อยกลุ่มหนึ่งของBlue Cosmos หมอนั่นลากสังขารเลือดท่วมกลับมานอนสลบเหมือดหน้าออฟฟิศกลางดึก เป็นวันที่ผมอยู่เวรพอดี
    “จำได้สิ ก็ชั้นเป็นคนทำแผลแล้วก็ลากหมอนั่นไปโรงพยาบาลเองนี่ แต่หลังจากนั้นใครมารับช่วงต่อ ชั้นก็ไม่รู้หรอก”

    Yzakจึงกล่าวต่อ
    “Dearkaสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากเจ้านั่นฟื้น มันเล่าว่าพอความลับแตก ก็ถูกอัดซะเกือบตาย แถมยังถูกจับยัดใส่ถังโยนลงแม่น้ำอีกต่างหาก โชคดีที่ถังไม้มันผุแล้วเจ้าตัวเลยพังฝาถังเอาตัวรอดออกมาได้ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ระหว่างที่มันแกล้งทำเป็นสลบ ก็ได้ยินเรื่องสำคัญมาคือ จะมีการพบปะเพื่อตกลงธุรกิจที่งานเลี้ยงเต้นรำในคืนนี้”

    กะจะใช้งานสังคมบังหน้า เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยของทางการรึ? อ้อ มันแน่นอนอยู่แล้ว ที่จะมีการเจรจาหรือส่งมอบสินค้ากันตามงานเลี้ยงอื่นๆที่ไม่ใช่งานที่กลุ่มตนจัดเอง เพราะการเพ่งเล็งจากทางการย่อมน้อยกว่าอยู่แล้ว

    กระนั้นผมก็ยังแคลงใจกับสมมติฐานของYzak
    “แล้วนายแน่ใจได้ไงว่าจะต้องเป็นงานเลี้ยงนี้? งานเลี้ยงเต้นรำของชนชั้นสูงในลอนดอนแห่งนี้ถูกจัดขึ้นแทบทุกคืนอยู่แล้ว คืนล่ะหลายแห่งด้วย ไม่ใช่ว่าคืนนี้มีงานเต้นรำที่นี่ที่เดียวเสยเมื่อไหร่”
    “ก็ฟังชั้นพูดให้จบก่อนสิวะ” สารวัตรเจ้าอารมณ์ของผมสะบัดเสียงหงุดหงิด “ถ้าไม่มีเบาะแสว่าเป็นที่นี่ชั้นจะพูดขึ้นมารึไง?”

    “หมายความว่าไง?”

    “ชั้นตรวจสอบจากสำนักงานเขตแล้ว งานเลี้ยงแห่งอื่นๆที่จัดขึ้นในคืนนี้เป็นงานเลี้ยงแบบปิด เราสามารถตรวจสอบชื่อของแขกที่เข้าร่วมงานได้ทันที แต่งานที่จัดในคอนแวนต์แห่งนี้ บัตรถูกส่งไปตามบ้านของแขก หากมีจดหมายตอบรับมาว่าแขกไม่สามารถมาร่วมงานได้ บัตรก็จะว่างลง หนำซ้ำโอกาสที่บัตรเชิญจะหลุดรอดไปยังมือของคนนอกก็ยิ่งง่าย”
    พูดจบเขาก็หันไปทางคู่หมั้นสาว Lady Hanefous พยักหน้ารับ เป็นการยืนยันว่าสิ่งที่Yzakกล่าวเป็นความจริง

    การที่บัตรเชิญถูกผ่านไปยัง”คนนอก”อย่าง Dearka ได้อย่างง่ายดายก็เป็นเครื่องยืนยันแรก

    “ขออนุญาตเสียมารยาทแสดงความเห็นนะคะ”
    Lady Hanefous ย่อกายลงเป็นเชิงทำความเคารพ ก่อนที่จะกล่าวต่อ
    “ในฐานะที่ดิชั้นเป็นประธานนักเรียนและใช้ชีวิตการเรียนอยู่ในคอนแวนต์แห่งนี้มานับสิบปี สิ่งที่พอจะยืนยันได้ก็คือ แม้ภายในคอนแวนต์ของเราจะไม่เคยมีเหตุอาชญากรรมใดเกิดขึ้น เพราะกฎการเข้าออกของบุคคลภายนอกค่อนข้างมีความเข้มงวด แต่ก็ยังมีช่องว่างมากมาย ทั้งการจัดส่งบัตรเชิญทางไปรษณีย์ที่มีโอกาสหลุดไปยังมือคนอื่น บัตรเชิญที่ปลอมเข้ามาค่อนข้างง่าย รวมทั้งคอนแวนต์ของเราก็มีเพียงสตรีดูแลกันเอง แม้แต่ในเรื่องของการรักษาความปลอดภัย เมื่อพิจารณาร่วมกับเหตุผลของสารวัตรJulesแล้ว...คืนที่มีการจัดงานเต้นรำเช่นนี้ก็มีความเป็นไปได้สูงมากทีเดียว”

    Yzakนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่ออย่างชั่งใจ
    “ยิ่งไปกว่านั้น....ก็ไม่ใช่ว่าที่นี่จะไม่เคยมีประวัติเลยซะทีเดียว”
    ไม่ใช่ผมคนเดียวที่แปลกใจกับคำพูดของ Yzak แม้แต่คู่หมั้นของเขาเองก็เช่นกัน
    “เอ๊ะ?”
    “เป็นข่าวที่ชั้นเช็คเจอจากหนังสือพิมพ์เก่าๆในห้องสมุดลอนดอน....ไม่แน่ใจเรื่องข้อเท็จจริง แต่เคยมีพาดหัวข่าวเล็กๆว่า....เมื่อเกือบๆยี่สิบปีก่อน ในคืนงานเต้นรำฤดูร้อนของคอนแวนต์แห่งนี้ เคยมีนักเรียนหญิงหายตัวไปน่ะสิ”
    #######################################

  8. whitewing

    whitewing New Member

    EXP:
    120
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0

    ไม่อยากอ่ะ.....
    ไม่อยากออกไปอ๊ะ!!!

    พอเอาเข้าจริงๆชั้นก็ไม่อยากออกไปจริงๆนะ!!!

    โครมๆๆๆๆๆ
    “คุณ Athha!! เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ!!”
    เสียงเคาะประตูห้องรัวสนั่น ขณะที่ชั้นได้แต่มองตัวเองในกระจกด้วยสีหน้าวิตกจริต หน้าตาแต่งแล้วเรียบร้อย ผมเผ้าทำแล้วเรียบร้อย สวมชุดราตรียาวสีหยกเปลือยไหล่ ถุงมือสีเดียวกันเข้ากับชุด เครื่องประดับครบชุด ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ!

    ปัญหาอย่างเดียวคือ.... ชั้นไม่อยากออกไปอ่ะ!!! ก็ชั้นรู้ดีนี่นาว่าอะไรรออยู่!!

    หรือจะทำยังไง?? ชั้นหันรีหันขวาง สติแตกกระเจิง หน้าต่าง!! ใช่!! หน้าต่างไง นี่มันชั้นสามเอ๊ง!! ถ้าชั้นฉีกชายกระโปรงนี่ผูกรวมกับผ้าม่าน.....
    อิสระก็จะเป็นของเรา ชั้นชูกำปั้นอย่างหมายมั่น!!

    ซะเมื่อไหร่!!!

    ถึงหนีออกไปได้ สภาพแบบนี้ก็ต้องถูกจับกลับมาอยู่ดี ถ้าManaรู้ว่าชั้นฉีกกระโปรงตัวสวยที่แกอุตส่าห์หอบไปให้ช่างคนโปรดตัด มีหวังเป็นช้ำจิต กินไม่ได้นอนไม่หลับ ล้มป่วยไปอีกจะทำไง?? ยิ่งไปกว่านั้นท่านพ่อล่ะ?? ท่านพ่อจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ถ้าวงสังคมอังกฤษนินทากันไปให้ทั่วว่า ลูกสาวตระกูล Athha หนีงานเลี้ยงเต้นรำ!!

    โอ๊ยยย!! คิดแล้วชั้นอยากจะบ้า!!

    แต่แล้วในที่สุด เสียงของMadame St. Nataleที่แผดดังสนั่นทะลุประตูเข้ามา ก็กระชากชั้นกลับสู่โลกแห่งความจริง
    “คุณAthha!!!อย่าให้ชั้นต้องพังประตูเข้าไปนะ!!จะเปิดหรือไม่เปิด?!!”

    กรี๊ดดดดด ชั้นกรีดร้องอยู่ในใจ ก่อนส่งเสียงตอบพร้อมทั้งกระโดดโหยงสองก้าวถึงประตูทันที ลืมไปแล้วว่าชายกระโปรงตัวเองมันยาวขนาดไหน
    “ค่า~~~!!!!มาแล้วค่าMadame!!!”
    ทันทีที่ชั้นปลดกลอนประตูออก Madame St, Natale ก็เปิดผลั่วะเข้ามา แต่แล้วสีหน้าขมึงทึงของท่านก็คลายลงอย่างน่าแปลกใจเมื่อมองมาที่ชั้น
    “เอ่อ?? คะ? Madame?”
    ท่านมองชั้นอย่างพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้า เท้าจรดหัว เอ๋??เอ๋?? หรือว่ามันมีอะไรแปลกประหลาด??

    นั่นไงล่ะ!! Manaจ๋า!! Cagalliบอกแล้ว!! ว่าชุดแบบนี้มันไม่เหมาะกับชั้นเล้ยยยย!!!

    “....ก็ใช้ได้นี่นะ”
    ชั้นได้ยินท่านพึมพำไม่ชัดเลยได้แต่ทำหน้างงๆ โดยยังไม่ได้ถามอะไร Madame St.Nataleก็ฉุดชั้นออกมาจากห้องนอนได้ในที่สุด

    “M….Madameคะ???”
    ชั้นทักท้วง แต่ราวกับรู้คำตอบ ท่านเอ่ยสั้นๆโดยไม่แสดงความรู้สึก
    “คู่เต้นรำของเธอมารับแล้ว”

    ชั้นอ้าปากค้าง พูดไม่ออกบอกไม่ถูก นี่มันเร็วเกินไปแล้ว!! ไม่สิ ต่อให้ต้องทำใจเป็นปี นี่ก็ยังเป็นคำที่ชั้นไม่อยากได้ยิน!!

    ชั้นเลยได้แต่ปล่อยให้นางสิงห์แห่งฝ่ายปกครองจูงเดินไปตามระเบียงหอพัก ผ่านสายตาจับจ้องด้วยความสนใจ เอ้อ...บางสายตาก็เหมือนจะตะลึงหน่อยๆ นี่ชั้นแปลกอย่างนั้นเลยเหรอ??

    แต่....และแล้วไอเดียในสมองก็กระจ่างวาบขึ้นมาในความมืดมิด
    แต่ถ้าชั้น “แปลก” หรือถึงขั้น “พิลึกพิลั่น”ขนาดนั้น....นี่อาจจะเป็นโอกาสดีในการใช้หักหน้าเจ้าเซอร์หัวกระหล่ำม่วงคนนั้นก็ได้นี่นา!!!

    แจ่ม!!
    เริ่ด!!
    ความคิดบรรเจิดมากCagalli!!

    “จะยิ้มอยู่คนเดียวอีกนานมั้ย คุณAthha?”
    อุ๊บ!! ชั้นรีบตะครุบปากตัวเองทันที สงสัยจะเผลอคิดเพ้อเจ้ออะไรดังไปหน่อย หน้าเหน้อเลยแสดงออกไปหมดโดยไม่รู้ตัว ซ้ำเมื่อมองไปรอบตัวอีกทีก็พบว่า ถูกพาตัวมาถึงบันไดใหญ่ที่จะทอดยาวลงไปชั้นล่างของอาคารหอพักแล้วด้วย!!

    พระเจ้าขา!! ลูกรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเดินเข้าสู่ลานประหาร!!

    แล้วชั้นก็ต้องกลืนน้ำลายเอื๊อกเมื่อได้ยินเสียงทักสำเนียงแปร่งๆนั่น
    “หญิงสาวผู้กำลังมีความสุขก็ย่อมมีสีหน้ายิ้มแย้มเป็นธรรมดา มิใช่หรือครับ? Madame”

    แล้วเจ้าของเสียงก็ก้าวขึ้นบันไดมาด้วยใบหน้าระรื่น หาใช่ใครไม่!!!

    (เจ้า)Sir Yuna Roma Zerun!!!

    หนอยๆ อย่ามาทำหน้าตามีความสุขแบบนั้นต่อหน้าชั้นนะ อยากจะแหวะ!! ชั้นพยายามข่มกลั้นใจตัวเองไม่ให้เผลอเบะปากออกไป เมื่อพิจารณา “คู่เต้นรำ” ตั้งแต่หัวจดเท้า เท้าจดหัว

    ...หัวก็ม่วงแล้วยังจะใส่ทักซิโด้กำมะหยี่สีม่วงอีก!!!
    รสนิยมน่าคลื่นไส้มาก!!

    “Ma Cherie คืนนี้เธอช่างงดงามเหลือเกิน” นั่น! มันมาแล้ว อาการพล่ามของเจ้าหมอนี่ ขอร้อง!! อย่าดราม่าขนาดนั้นได้มั้ย?? ชั้นจะอ้วก!! ทันใดนั้น มันก็ควักเอาช่อดอกกุหลาบเย้อเริ่มเทิ่มออกมาจากด้านหลัง แถมยังคุกเข่าต่อหน้าชั้นอีกต่างหาก “สำหรับเธอยังไงล่ะจ๊ะ เพราะสตรีที่งดงามย่อมคู่ควรกับดอกไม้ที่งดงามเป็นแน่แท้อยู่แล้ว”

    ชั้นมองช่อดอกไม้ที่ถูกยื่นให้ แล้วก็ต้องรีบควักพัดขนนกออกมาคลี่ปิดปากทันที ก่อนที่จะเผลอแสดงสีหน้าผะอืดผะอมอะไรออกไปให้ฝ่ายตรงข้ามเห็น!

    หยี~~~ย์!!! ช่อกุหลาบสีม่วง!! อยากจะกรี๊ดออกมาลั่นๆ พระแม่มารีทรงโปรด! ลูกยอมตายหรือไม่ก็บวชชีเข้าคอนแวนต์ไปเลย ถ้าต้องแต่งงานกับคนที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยสีม่วง....ม่วง....ม่วง แล้วก็ม่วง แบบนี้ไปตลอดชีวิต!!!

    เสียงกระแอมของ Madame St.Natale ทำให้ชั้นรู้ตัวว่าจะมัวแต่ยืนเฉยแบบนี้ไม่ได้! ภารกิจไงCagalli ภารกิจสำคัญของหล่อนน่ะ!! ชั้นเตือนตัวเอง เสียงกำชับก่อนหน้านี้ของMayuraดังขึ้นในหัว

    “Cagalli! หน้าที่ของตัวเองคือ ต้อง"ฉีกยิ้ม"งามๆเข้าไว้!”

    “บุรุษเพศมักจะพ่ายแพ้ให้กับรอยยิ้มและกิริยาท่าทางอันอ่อนหวานของอิสตรี”

    “ห้ามงอแงง๊องแง๊งเด็ดขาด ไม่งั้นแผนการณ์ของพวกเรา เป็นถึงกาลจบเห่หมด เข้าใจมั๊ย??”

    ชั้นลอบสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนลดพัดลงแล้วย่อตัวทำความเคารพ ก่อน“พยายาม” ยิ้มหวานปานจะหยดที่สุดเท่าที่เคยทำในชีวิต!!

    “แหมๆ....ชมเกินไปแล้วล่ะค่ะ ท่านSir Zerun โฮะๆ ช่างเป็นช่อกุหลาบที่สวยที่สุดเท่าที่ดิชั้นเคยได้รับมาเลย ต๊าย! คนมองกันใหญ่แล้วนั่น นี่ท่านกำลังทำให้ดิชั้นรู้สึกเขินนะคะ โฮะๆ”
    ชั้นจีบปากจีบคอดัดเสียง“หวาน” สุดชีวิต พลางโน้มตัวลงรับช่อดอกไม้สีม่วงๆนั่นมา

    และ....สิ่งที่รับรู้ต่อมาคือ....แหยะ!! กลิ่นกุหลาบฉุนเกิน!!!อยากเป็นลม!!

    แล้วทันใดนั้น... นั่น! มันฉวยโอกาสคว้ามือชั้นไปจรดที่ปากทันที!!!
    อี๊ยยยยย์!!!!!

    “แหม~~ชื่นใจจริงๆ ที่คืนนี้ได้เห็นรอยยิ้มของ Ma Cherie คงเป็นมนต์ของนางฟ้าแม่ทูนหัวของเธอแน่ๆ ที่เปลี่ยนสาวน้อยจอมแก่นให้กลายเป็นสุภาพสตรีผู้งดงามเพียบพร้อมเช่นนี้ได้”

    อี๊ยยยย์!!lสกปรกโสโครกที่สุด แหวะๆๆ!!! ขนลุกซู่เลย!
    จบเรื่องคืนนี้เมื่อไหร่ ชั้นจะจัดการอาบน้ำมนต์ล้างเชื้อโรค ขัดขี้ไคลสกปรกออกตั้งหัวจดเท้าเลย!!!

    แต่หน้าที่ทำให้ชั้นต้อง “แสดงบทบาท” หวานแหววต่อไป (แม้ใจจะไม่อยากเล้ยยยยก็ตามทีเถอะนะ!) ชั้นฉวยจังหวะที่ต้องส่งดอกไม้ให้ Madam St. Nataleช่วยรับแทน รีบปัดมือออกจากการเกาะกุมที่น่ารังเกียจ แต่แน่นอนว่า ปากกับหน้ายังทำหน้าที่ต่อไปอย่างไม่บกพร่อง
    “อย่างที่นางฟ้าแม่ทูนหัวเปลี่ยนนางขี้เถ้าก้นครัวให้กลายเป็นเจ้าหญิงน่ะเหรอคะ? แต่แหม อย่างดิชั้นคงไม่มีทางงดงามสู้นางในวรรณคดีอย่างซินเดอเรลลาไม่ได้หรอกค่ะ แล้วอีกอย่าง ดิชั้นก็ไม่ได้มีรองเท้าแก้วอย่างหล่อนด้วย ท่านSirกล่าวเกินไปแล้วล่ะค่ะ โฮะๆๆ”
    ชั้นแสร้งกรีดกรายยกพัดขนนกขึ้นปิดหน้าอย่างเอียงอาย ขอบคุณจริตมารยาทั้งหลายที่ยัยJuriกับ Asagiช่วยหัดให้เมื่อเย็น เพราะขนาด Madame St. Natale ท่านยังจ้องตาค้างน่าดู

    หรือมันจะพิลึกพิลั่นจริงๆ ???โอ๊ยย!! อยากจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี!!!

    “ถ้าเพื่อ Ma Cherie แล้วล่ะก็ ขอเพียงเอ่ยปากมาเถอะ อย่าว่าแต่รองเท้าแก้วเลย หากเธอปรารถนาขอเพียงแต่เอ่ยปากมาเท่านั้น ไม่ว่าดาวดวงใด ชั้นก็พร้อมจะหามาให้”
    เจ้าเซ่อ(ร์)หัวม่วงพร่ำเพ้อมือไม้ออกหมด ประหนึ่งกำลังเล่นละครลิงเลยทีเดียว เพราะบทพูดของหมอนี่ ....เน่าได้ใจมาก! หนอนจะขึ้นแล้ว!!

    “แหม ท่านSirล่ะก็ พูดหวานเอาใจเสียดิชั้นตัวลอยซะแล้วล่ะค่ะ โฮะๆ” ชั้นแสร้งหัวเราะร่วน พอดีได้ยินเสียงกระแอมเตือนมาจาก Madame St.Natale ก็เลยรีบตัดบท “เอ่อ!! นี่ก็ใกล้จะได้เวลาเริ่มงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการแล้วล่ะค่ะ ถ้าไปสายจะถูกตำหนิเอาได้นะคะ”
    “โอ้ นั่นสินะ! แต่แหม ก็เพราะความน่ารักของเธอในคืนนี้น่ะสิ ที่ทำเอาชั้นลืมเวลาไปเลย” เจ้าหัวม่วงยื่นมือมาข้างหน้าพลางยิ้ม “ถ้าอย่างนั้น เราก็ไปกันเถอะ คู่หมั้นที่น่ารักของชั้น”

    ชั้นมองมือที่ยื่นมาด้านหน้าพลางกลืนน้ำลายเอื๊อกอีกครั้ง รู้สึกอยากตายสุดๆ แต่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนวางมือลงบนมือน่ารังเกียจนั้น
    ไม่ทันระวังตัว ถูกออกแรงดึงนิดเดียว Yuna Roma Zerunก็โอบไหล่ชั้นไว้เต็มที่


    ชั้นได้ยินแต่เสียงระรื่นของมันเหมือนมาจากที่ไกลๆ แรงโอบรัดเหมือนงูไทฟอนที่น่าเกลียด ทำให้ชั้นต้องพยายามข่มใจไม่ให้ตัวสั่น
    ....รู้สึกราวกำลังถูกหยามเกียรตินัก!
    “ผมคงต้องขออนุญาตแล้วนะครับ Madame รับรองว่าจะดูแลคู่หมั้นคนสำคัญอย่างดีทีเดียวเลย”

    Madame St.Nataleเหลือบมองมาที่ชั้นวูบหนึ่ง
    “....ยังไงก็กรุณาระมัดระวัง อย่ารุ่มร่ามมากนะคะ แม้จะเป็นงานเต้นรำสังสรรค์ แต่ก็อยู่ในอาณาบริเวณอันศักดิ์สิทธิ์ ขอให้จำเรื่องนี้ไว้ด้วย”
    “ครับผม เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้ว”
    มันหัวเราะร่วนตามเคยก่อนโค้ง ชั้นย่อตัวลงเพื่อทำความเคารพMadame รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแค่หุ่นกระบอกที่ทำไปโดยไม่มีความรู้สึกใดๆเท่านั้น

    คล้อยหลัง Madame St.Natale ชั้นไม่ได้หันกลับไปมองว่าท่านมองตามมาอีกหรือไม่ แต่ขณะที่คิดว่าจะกลั้นใจเดินเข้างานไปอย่างเงียบๆเท่านั้น ก็ได้ยินเสียงกระซิบข้างหู
    “หากว่าเมื่อครู่เป็นการแสดงละคร ก็ต้องถือว่าเธอเรียนรู้เรื่องการวางตัวทางสังคมมากขึ้นจริงๆนะ Ma Cherie แหม ชั้นล่ะปลื้มใจจริงๆ”

    ใจหล่นไปที่ตาตุ่มวูบ! ชั้นตวัดสายตามองขึ้นไปยังเจ้าของเสียงทันที Yuna Roma Zerun ยังยิ้มพรายพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆ
    “แบบนี้สิ ถึงจะสมกับที่เราเป็นคู่หมั้นคู่หมายกันหน่อย ท่านพ่อของเราทั้งสองฝ่ายก็คงพอใจที่เธอในที่สุดเธอก็เข้าใจเสียทีว่า สุภาพสตรีที่น่ารักนั้นเขาควรจะวางตัวกันแบบไหน”

    ทั้งหน้ารู้สึกชาไปหมด....ชั้นได้แต่เบิกตากว้างขณะนิ่งฟัง
    “อาจจะยังไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่ แต่อีกหน่อยถ้าเข้าไปอยู่ที่บ้านZerunเมื่อไหร่ ท่านแม่ของชั้นจะคอยช่วยอบรมเธอแน่นอน ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ ที่รัก”

    เจ้าหมอนี่....มันร้ายลึกเสียยิ่งกว่าหมาจิ้งจอกเสียอีก มันดูออกตั้งแต่แรกแล้วว่าชั้นเล่นละคร และที่ยิ่งไปกว่านั้น มันอาจจะมองออกเลยไปถึงเบื้องหลังของการเล่นละครครั้งนี้ของชั้นก็ได้
    ถ้าอย่างนั้นมันต้องคอยระวังตัวอยู่แล้ว....
    แต่ที่แน่ๆ ที่ยังมั่นใจได้คือ มันยังเดาไม่ถูกหรอกว่า เบื้องหลังของละครที่ชั้นเล่นตอนนี้นั้นคืออะไร

    หลังจากนิ่งทำใจอยู่นาน ชั้นก็เงยหน้าขึ้น คลี่ยิ้มหวานสุดใจให้ “คู่ควง” ไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ
    มันยิ้มตอบอย่างมั่นใจ

    ชั้นออกแรงจิกเล็บบนมือที่วางอยู่บนมือของมัน แต่สีหน้าเริงรื่นของมันไม่เปลี่ยนซักนิด เชอะ! หนังหนาเหมือนแร่ดแอฟริกาก็ไม่ปาน!!

    ยิ้มไปก่อน หัวเราะไปก่อนให้พอใจเถ๊อะ....ท่านเซอร์ Zerun.... ชั้นได้ยินเสียงตัวเองกล่าวคำปฏิญาณกึกก้องอยู่ในหัว

    ความแค้นครั้งนี้ ชั้นต้องเอาคืนจากนายเป็นหมื่นเท่าให้จงได้!!!
    ###############################


    เอาล่ะจุ้ย สาวเจ้าพกความแค้นเกินพิกัดไปงานเต้นรำแล้ว งานนี้จะเล่นงานไอ้หัวม่วงได้หรือไม่อย่างไร โปรดติดตาม (เจ๊จะพยายามกระดื๊บๆ ไม่ดองค่ะ ผิดไปแย้ว :waaa: )
  9. kumi

    kumi Active Member

    EXP:
    805
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    =[]=!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    เข้ามาช็อค!!!!!!!!

    พี่อัพหมดยัง??? ไม่ได้แทรกอะไรพี่ใช่มั้ย!!!??

    [action]วิ่งกรี๊ดเฮกลิ้งออกไปนอกห้อง[/action]

    ต่อให้จบนะพี่ TT[]TT,, แล้วหนูจะรออ่านไปเรื่อยๆ สู้ๆ เข้านะคะ!!
  10. platypus

    platypus New Member

    EXP:
    11
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    1
    โฮะๆๆๆๆๆ

    ในที่สุดก็มาอัพแย้ววววววว
  11. whitewing

    whitewing New Member

    EXP:
    120
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    คนน้อย เลยแอบมาอัพ ชดเชยที่ดองไว้ซะเยอะ คริๆ :555:

    ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อปลีกตัวออกมาจากบริเวณห้องโถงงานเลี้ยงอันหรูหราได้เป็นผลสำเร็จ
    แม้ระเบียงอาคารส่วนหลังจะไม่ห่างจากเสียงอึกทึกของเหล่าผู้คนนัก แต่ก็ไกลพอที่จะให้ที่ผมได้คลายเน็คไทออก และสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดอีกครั้ง

    และยังมีพื้นที่ให้พอคิดถึงเรื่องที่ Yzak เพิ่งจะบอกให้รู้เมื่อครู่ ความน่าสงสัยของงานเลี้ยงครั้งนี้ แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดถึง ยิ่งไปกว่านั้นคือ
    ไม่น่าเป็นไปได้ว่า....ในงานเลี้ยงเต้นรำของนักเรียนคอนแวนต์อันเคร่งครัด จะมีประเด็นของการค้ายาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง

    ซ้ำยังมีประเด็นของอาชญากรรมอีกด้วย

    ผมหยิบบุหรี่ขึ้นจุดสูบ สายตามองผ่านเลยแสงตะเกียงแก้วระยับตาที่ประดับประดาตัวอาคารไปอย่างว่างเปล่า ท่ามกลางเสียงดนตรีเคล้าคลออันไพเราะ
    เสียงหัวร่อต่อกระซิกของบรรดาเลดี้น้อยในชุดราตรีหรูหรา ในคืนของงานเต้นรำกลางฤดูร้อนอย่างเช่นคืนนี้ การหายตัวไปของนักเรียนหญิงเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน
    ถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเธอคนนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?

    ชื่อของเธอตามที่บันทึกไว้...Theia Campbell อายุ 18 ปี กำลังจะจบการศึกษาเกรด 12 ในภาคการศึกษาหน้า

    …แต่ก็ไม่แน่ว่านั่นจะเป็นชื่อจริง เพราะทางครอบครัวของเธอซึ่งข่าวว่าเป็นชนชั้นขุนนางระดับท่านเคานท์ใช้เงินจำนวนไม่น้อยปิดปากตำรวจและนักข่าวในยุคนั้น
    ด้วยไม่ต้องการให้เป็นเรื่องอื้อฉาว ทั้งมีการยืนยันว่าจะมีการติดตามตัวลูกสาวกลับมาด้วยตนเอง เรื่องจึงเงียบไป

    ไม่มีการรื้อฟื้นคดีนี้ขึ้นมาอีกแต่อย่างใด

    ขนาด Lady Hanefous ซึ่งเป็นประธานนักเรียนก็ยังถึงกับหน้าซีดที่รู้ว่า ในอดีตเคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นในรั้วคอนแวนต์ของตน
    เนื่องจากไม่เคยมีซิสเตอร์ท่านใดปริปากเอ่ยถึงเรื่องนี้มาก่อน ไม่แม้แต่เปรยถึง แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
    หากจะไม่มีคนระแคะระคายเรื่องนี้เหลืออยู่เลย นั่นก็เพราะการปรับเปลี่ยนโยกย้ายซิสเตอร์ผู้สอนไปประจำเมืองอื่นก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอ
    แม้จะไม่มีกระทรวงศึกษาฯเข้ามายุ่งกับกิจการในคอนแวนต์ก็เถอะ
    ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องตั้งยี่สิบปีมาแล้วคนเก่าคนแก่ที่เคยทำงานในคอนแวนต์ก็คงล้มหายตายจากไปบ้าง
    ยิ่งถ้าเด็กสาวที่หายตัวไปไม่ใช่บุคคลที่เป็นที่นิยมในหมู่คนมาก ก็คงไม่มีใครสนใจจะจดจำเรื่องของเธอ

    คิดๆไปแล้ว มันก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้า....หายไปกับกระแสกาลเวลาโดยไม่มีใครจดจำ....ผมเผลอถอนใจให้กับชะตากรรมอันน่าเศร้าของเธอคนนั้นเบาๆ
    ก่อนหวนคิดถึงบทสนทนาก่อนหน้านี้ ทันทีที่ Yzak เล่าเรื่องราวในเบื้องต้นเหล่านั้นให้ฟัง

    “เพราะอย่างนั้นชั้นถึงอนุญาตให้เจ้าพวกยุ่งๆที่ฝ่ายสืบสวนเข้ามาในงานครั้งนี้ด้วยยังไงล่ะ”
    ในตอนนั้น Yzakอธิบายต่อด้วยทีท่าสงบเหมือนเดิมพลางพยักเผยิดหน้าให้ผมและ Lady Hanefous มองตาม แล้วผมถึงเพิ่งจะตระหนักได้ว่า
    มีพวกนายตำรวจฝ่ายสืบสวนหน้าคุ้นๆที่สลัดเครื่องแบบมาใส่ทักซิโด้เดินปะปนอยู่ในงานเลี้ยงนี้ไม่น้อย

    ...ถ้าไม่มัวแต่”สีหญิง”กัน จนลืมหน้าที่ที่แท้จริงก็แล้วไป๊...ผมนึกหนักใจอยู่เหมือนกัน เพราะท่าทางระรืนชื่นบานไปกับงานสังสรรกันเรียกได้ว่า “เนียน”มาก!
    ยิ่งมีเจ้า Dearkaเป็นหัวโจกนำทัพด้วยแล้ว....

    แบบนี้มันจะไหวกันมั้ยเนี่ย??

    “ไม่ต้องมาทำหน้ายุ่งใส่ชั้นเลย! ชั้นกำชับเอาไว้แล้วล่ะน่า ว่าอย่าให้มันเพลิดเพลินเจริญใจกันจนลืมภาระกิจที่แท้จริง”
    เจ้าYzakขมุบขมิบปากบ่นสีหน้าไม่สู้ดีพอเห็นสีหน้าผมเต็มไปด้วยความคลางแคลงใจเท่านั้น
    ครั้นหันไปเห็นสีหน้าแสดงความไม่ใคร่เชื่อถือของคู่หมั้นสาวบ้าง มันก็แหวลั่น
    “เธออย่าไปคล้อยตามความคิดของเจ้า Athrun มันเด็ดขาดเลยนะ Chiho!!”
    “...ดิชั้นยังไม่ได้ว่าอะไรเลยซักคำนะคะ สารวัตร แล้วอีกอย่างผู้กอง Zala เธอก็ยังไม่ได้พูดอะไรเลยอีกด้วย”
    “นั่นสิครับLady Hanefous ผมยังไม่ได้ปริปากกล่าวอะไรออกไปซักคำ”

    ผมรีบซ้ำทันที เป็นผลให้ใบหน้าหล่อๆของ”ทั่นสารวัตร”ออกอาการบึ้งตึงขึ้นมาทันควัน ผมและLady Hanefousถึงกับต้องปิดปากกลั้นหัวเราะ มันสนุกแบบนี้แหละกับการได้ยั่วโมโหพวกจุดเดือดต่ำแบบเจ้า Yzak

    เพราะว่าใบหน้าหล่อเหลาภายใต้มาดสง่างามและหยิ่งทะนงนั่น สามารถแสดงอารมณ์ออกมาได้เยอะแยะไปหมด ไม่มีปิดบัง โดยเฉพาะบทโมโหขึ้นมา พ่อก็หน้ายับยุ่งเสียยังกับผ้าไม่ได้รีด มันตลกจะตายไป

    ให้ตายเถอะหมอนี่ สมัยเรียนอยู่อีตันเป็นแบบไหน เดี๋ยวนี้ก็เหมือนเดิมไม่มีผิด (แถมเป็นประเภท ถูกแกล้งแบบนี้กี่หนๆก็ยังไม่รู้ตัวด้วย) เรียกได้ว่าเป็นมนุษย์ประเภท “คนตรงไปตรงมา” จะได้มั้ยนะ?

    เพราะจะว่าไป....มันก็น่ารำคาญอยู่หรอกเวลาเจ้านี่มันบ๊งเบ๊งขึ้นมา แต่ไอ้ความไม่เสแสร้งนี่แหละที่ทำให้หมอนี่มัน “น่าคบ” อยู่ไม่น้อยทั้ง ในฐานะของสหายและคู่แข่งตัวเอ้

    “พูดจาเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยเชียวนะ !ทั้งๆที่นานๆจะได้สนทนาพาทีกันแท้ๆ”
    เจ้าของฉายาหมาป่าสีเงินแห่งหน่วยตำรวจสันติบาลอังกฤษเวลานี้ได้แต่ประชดเสียงต่ำ ก่อนคว้ามือคู่หมั้นสาวเดินหันหลังใส่ผม
    “เราไปกันได้แล้ว Chiho ชั้นไม่อยากให้เธอเสวนากับเจ้านี่นาน เดี๋ยวจะติดเชื้อเพี๊ยนตามมันไปอีกคน”

    เพี๊ยนเรอะ??ผมแค่นยิ้มพลางกลอกตาไปมา
    “คร้าบๆ” เอ้า เพี๊ยนก็เพี๊ยนวะ

    โธ่เอ๊ย.... อยากจะหาเรื่องปลีกตัวไปอยู่กับคู่ควงสองต่อสองก็ไม่เห็นต้องมาทำเป็น’รมณ์เสียใส่ชาวบ้านชาวช่องเขาเลยนี่น้า...

    “ถ้าเช่นนั้น ผู้กองZala...” Lady Chiho Hanefous ย่อตัวลงทำความเคารพเบาๆ ขณะที่ผมโค้งรับ ส่วนนายคู่หมั้นผมเงินของหล่อนที่ยืนกอดอกอยู่ข้างๆก็สั่งผมฉอดๆ
    “ส่วนนาย! อย่ามัวแต่เสริญสราญใจให้มากนักล่ะ คอยสอดส่องหรือเงี่ยหูฟังไอ้อะไรที่มันผิดปกติด้วย และถ้ามีอะไรน่าสงสัยก็ให้รีบรายงานชั้นโดยด่วนเลย เข้าใจมั้ย?”

    “รับทราบคร้าบ ท่านสารวัตร”
    ผมแกล้งยกมือขึ้นทำความเคารพไปแกนๆ เชอะ! นอกเวลาราชการแล้วแท้ๆ ชั้นยังต้องคอยฟังคำสั่งนายด้วยเหรอเนี่ย? แต่ก็เอาเถ๊อะ! คิดซะว่า ให้มันวางอำนาจไว้อวดสาวซะหน่อยแล้วกัน อีกหน่อยก็ต้องแต่งงานกันอยู่แล้วนี่นะ

    ถึงตอนนั้น เรื่องในบ้านก็จะได้ตกอยู่ในกำมือของคุณภรรยาล่ะ อีกหน่อย “ท่านสารวัตรหญ่าย” คงได้ลิ้มรสชาติการถูกวางอำนาจใส่มั่งล่ะ! ผมนึกแช่งอยู่ในใจ ขอให้คำสาปแช่งเป็นจริงในเร็ววันเถ๊อะ~~

    คิ้วเรียวสีเงินขมวดมุ่นยุ่งจนLady Hanefousต้องกลั้นหัวเราะคิก หากครั้นได้ฟังคำเตือนจากปากคู่หมั้นหนุ่มของตนในเวลาต่อมา ดวงหน้าก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนลงด้วรอยยิ้มละมุน
    “เธอก็ด้วย Shiho ถ้ามีอะไรแปลกๆ ต้องรีบบอกชั้นนะ”
    “ค่ะ....ต้องขอบพระคุณค่ะที่ตักเตือน”

    ชิ...ทีกับคุณหนูคู่หมั้นคนสวยล่ะหวานจ๋อย ผมนึกประชดอย่างนึกหมั่นไส้ความดวงขึ้นเอาๆของท่านสารวัตร ขณะที่ตัวเองเหมือนจะดวงตกเอาๆ

    ยืนปั้นยิ้มอยู่ในงานเลี้ยงนี่ก็ตั้งนานแล้ว ถูกคุณหนู Meyrin Hawk ลากไปสนนาทำความรู้จักกับบรรดาเพื่อนสาวๆของหล่อน สนทนาหัวเราะหัวใคร่กับพวกหล่อนจนคอแห้งก็แล้วยังไม่พอ ยังเจอคนรู้จักของท่านพ่อที่มางานนี้ด้วย จนต้องยืนคุยเรื่องน่าเบื่อของพวกคนใหญ่คนโตเป็นนานสองนาน มิหนำซ้ำยังต้องคอยสังเกตความเคลื่อนไหวผิดปกติรอบตัวตามคำสั่งนอกเวลาราชการของหัวหน้าอีกด้วย

    แบบนี้ไม่เรียกว่า “ดวงตก” ชัดๆ แล้วจะให้เรีบกว่าอะไร??

    สุดท้าย ผมต้องปลีกตัวขอเวลานอกออกมาสูบบุหรี่ให้มันหายเครียด ก่อนที่โลกของงานเลี้ยงหรูหราจะทำให้ผมขาดอากาศหายใจมากไปกว่านี้ ข้ออ้างก็ไม่มีอะไรมาก แค่รู้สึกเวียนศีรษะและขอออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกหน่อย ก็แค่นั้นแหละ

    ผมทิ้งตัวพิงระเบียงหินอ่อน อัดควันบุหรี่เข้าปอดเต็มแรงอย่างหงุดหงิด ความรู้สึกระอากับสภาพแวดล้อมรอบตัวเริ่มเข้าครอบงำ เหมือนหลายครั้งที่ต้องจำใจปั้นหน้าออกงานสังคม
    “ความคาดหวัง”ในเบื้องต้นที่ก้าวเท้าเข้ามาที่นี่ เพียงเพื่อ....หวังว่าจะได้...สบตาคู่นั้นอีกสักครั้งเกือบจะถูกกลืนหายไปหลายครั้ง ท่ามกลางใบหน้ามากมายของผู้คนในงานเลี้ยงและแสงตะเกียงแก้ววาวสว่างทั่วบริเวณ

    ....เล่นเอาปวดตาไปหมด ผมเอานิ้วนวดหัวตาแรงๆ ให้ตายสิ ไม่รู้จะขำหรือสมเพชตัวเองดี

    นี่เรากลายเป็นคนประเภทที่เอาเรื่องงานกับปรารถนาส่วนตัวมาปนกันตั้งแต่เมื่อไหร่?

    “ดูเข้าเถอะ หน้ายุ่งเชียว ท่าคุณจะไม่ถูกกับงานเลี้ยงสังสรรค์แบบนี้จริงๆด้วยสินะคะ Athrun”
    เสียงหวานทักทายดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ผมต้องรีบเงยหน้าขึ้น แล้วก็ต้องแปลกใจที่หล่อนมายืนอยู่เบื้องหน้าในเวลานี้

    “Lacus?”
  12. whitewing

    whitewing New Member

    EXP:
    120
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ดาวจรัสแสงแห่งโรงละคร Rosetta ส่งยิ้มหวานเหมือนเช่นทุกครั้ง ก่อนย่อกายลงเพื่อทักทายผมอย่างเป็นทางการ
    หล่อนยังสวมชุดคลุมผ้าไหมตัวยาวทับชุดราตรีบ่งบอกได้ว่า เจ้าตัวคงจะเพิ่งลงจากรถม้ามาแน่ๆ
    “สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ ทั้งๆที่เป็นค่ำคืนที่ย่างเข้าสู่ฤดูร้อนแล้วแท้ๆ ลมยามกลางคืนยังเย็นเฉียบอยู่เลยนะคะ”
    หล่อนชวนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศตามมารยาท แต่ในน้ำเสียงอันไพเราะนุ่มนวลนั้น ไม่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่าเป็นเพียงการ “ทำตามมารยาท” เลย
    ผมขยับมุมปากยิ้มเบาๆ

    แปลกใจที่...บรรยากาศระหว่างเราไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยเสียนิด

    “ออกมารับลมเย็นๆบ้าง ก็ช่วยให้คลายอาการเวียนหัวลายตากับคลื่นมนุษย์ดีนะครับ” ผมกล่าวติดตลกแล้วจึงถามขึ้นบ้าง
    “เพิ่งมาถึงหรือครับ? ผมเห็น Stellarกับเจ้าหมวดในงานนานแล้ว แต่ยังปลีกตัวไปคุยด้วยไม่ได้เสียที”
    Lacusยิ้มตอบ
    “ค่ะ พอดีเข้ามาทางประตูด้านหลังที่ทางคอนแวนต์กรุณาเปิดให้ทีมงานของ Rosetta ได้เข้ามาก่อนหน้านี้น่ะค่ะ
    ดิชั้นกับคุณ Nicoleเพิ่งจะตามมาทีหลังนี่น่ะค่ะ พอดีว่าทางโรงละครมีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย”

    หล่อนทำให้ผมต้องยิ้ม
    “นั่นไม่ใช่เพราะว่าคุณอยากเปิดโอกาสให้หมวด Asuka ได้ดูแลเลดี้น้อยของเขาอย่างเต็มที่หรอกเหรอครับ?
    ผมเห็นเจ้าหมอนั่นยิ้มหน้าบานตลอดเชียว ซ้ำยังคอยหาน้ำหาขนมมาให้มือเดี่ยวฮาล์ปตัวน้อยๆมิได้ขาดซะด้วยสิ”
    “อย่างนั้นหรือคะ?” หล่อนหัวเราะคิก “ได้ฟังว่าทั้งสองเอาใจใส่กันดีเช่นนั้น ดิชั้นก็วางใจนะคะ
    แต่อย่าเผลอไปเล่าให้คุณครูสอนฮาล์ปของ Stellar ได้ยินเชียวนะคะ ดิชั้นคงถูกดุน่าดู”
    ปลายประโยคหล่อนยกมือขึ้นป้องปากเพื่อเบาเสียง ผมจึงต้องกลั้นหัวเราะบ้าง
    “วางใจเถอะครับ ผมไม่เผลอแซวอะไรหมวดต่อหน้าคุณครูสอนฮาล์ปอยู่แล้ว ที่น่าห่วงกว่าคือเจ้าหมวด Asuka นั่นต่างหาก
    เพราะหมอนั่นน่ะเคยเก็บงำความลับอะไรมิดซะที่ไหนล่ะ”

    ดวงตาสีอควอมารีนเปล่งประกายขี้เล่น ขณะที่นักร้องสาวเอ่ย
    “เรียกได้ว่าเป็นคนประเภทดูออกง่ายไปหมดสินะคะ”
    “ก็นั่นน่ะล่ะครับ หมอนั่นน่ะคิดอะไรก็แสดงออกทางสีหน้าหมดเลยนี่นา”
    ผมหัวเราะเบาๆอีกครั้งพลางยกบุหรี่ขึ้นสูบ ครั้นเงยหน้าขึ้นก็พบกับรอยยิ้มหวานละมุนบนดวงหน้าของนักร้องสาวแห่ง Rosetta

    หล่อนเพียงแต่ยิ้มและสบตาผมนิ่งๆ ทำให้ผมนึกแปลกใจ
    “มีอะไรเหรอครับ? ทำไมมองหน้าผมแบบนั้นล่ะ?”

    Lacus เอียงคอนิดๆ ก่อนจะแสร้งถอนหายใจออกมา
    “ฮื่อ....ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ดิชั้นเพียงแต่ดีใจน่ะค่ะ....”
    “ครับ?”
    หล่อนคลี่ยิ้มมากกว่าเก่า ดวงตาเป็นประกายระยับใต้ขนตาหนา บ่งบอกความสุขใจ
    “ก็...ดีใจน่ะสิคะ ที่เรายังคุยกันได้เหมือนเดิม
    นึกว่า....Athrunจะโกรธจนไม่ยอมคุยกับดิชั้นอีกแล้วเสียอีก”

    ผมนิ่งฟัง นั่นสิ....แปลก....ทั้งที่เพิ่งจะเป็นฝ่ายถูกปฏิเสธคำขอแต่งงานมาเมื่อไม่กี่วันก่อน จนคิดว่า....ผมคงสู้หน้าหล่อนไม่ได้อีก
    แต่มาตอนนี้ ดูสิ....ผมกลับมายืนคุยกับหญิงสาวที่เป็นเจ้าของคำปฏิเสธนั้นอย่างไม่มีความรู้สึกตะขิดตะขวงใจแม้แต่น้อย

    “ขอบคุณนะคะ Athrun”

    ผมลดมือที่คีบบุหรี่ลงบนระเบียงหินอ่อน ปล่อยให้ลมยามค่ำพัดพาควันสีขาวจางจากไป
    “อย่าคิดมากเลยครับ ผมเองก็ไม่ได้นึกโกรธเคืองอะไรเลย เป็นความสัตย์ เพราะสิ่งที่ Lacus กล่าวออกมาตอนนั้น
    ก็ล้วนแต่เป็นความจริง...ยิ่งไปกว่านั้น....”
    ผมหันไปยิ้มให้หล่อน รู้สึกสบายใจที่ได้เอ่ยออกไป
    “เพื่อนย่อมต้องมีความจริงใจให้แก่กัน....และผมก็ดีใจมากที่เรามีสิ่งนั้นมอบแก่กันเสมอมา”

    Lacus Clyne นิ่งฟังผมด้วยรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความคลายใจ
    “ค่ะ มิตรภาพนั้นงดงามเสมอนะคะ”
    “จริง และเป็นผมต่างหากที่ต้องกล่าวคำว่าขอบคุณ ขอบคุณครับที่คุณซื่อตรงต่อผม ในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง” ผมยื่นมือไปหาหล่อน

    เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง....คนที่ผมเคยคิดว่า...นั่นคือความรัก
    “สำหรับผม...มิตรภาพที่คุณให้มานั้นมีคุณค่าเหลือเกิน เป็นเกียรติของผมครับ”

    ดวงตาสีอควอมารีนคู่สวยทอประกาย หล่อนวางมือทั้งสองลงบนมือของผม กล่าวด้วยเสียงสดใส
    “ดิชั้นเองก็รู้สึกเป็นเกียรติมากค่ะ ที่ได้รับมิตรภาพตอบแทนจากคุณ Athrun Zala”

    เราสามารถสบตากันได้อย่างตรงไปตรงมา ยิ้มและหัวเราะให้แก่กันได้อย่างสบายใจ ยินดีเมื่ออีกฝ่ายมีความสุข
    พร้อมจะให้ความช่วยเหลือโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ
    นั่นเพียงพอแล้ว ระหว่างผมกับ Lacus

    ผมชวนหล่อนเดิมย้ายมุมคุยจากจุดที่ค่อนข้างมืดดังเช่นที่ยืนอยู่เมื่อครู่ ไปยังที่ๆมีแสงสว่างจากตะเกียงมากหน่อย
    เพื่อที่หล่อนจะได้สามารถมองเห็นนักฮาล์ปตัวน้อยของ Rosetta ได้ถนัดมากขึ้น
    เสียงหวานเศร้าจากเส้นสายอันพลิ้วไหวของฮาล์ปบรรเลงบทเพลง Clair De Lune คลอไปในสายลม ท่ามกลางผู้คนมากมาย
    คงจะมีสักคนในงานเลี้ยงนั้นที่ตั้งอกตั้งใจฟัง

    “ยังไม่เข้าไปในงานเหรอครับ ? ผมได้ยินมาว่าคุณเป็นที่นิยมชื่นชอบในหมู่สาวๆคอนแวนต์กันมากทีเดียว”
    “อีกประเดี๋ยวค่อยไปเตรียมตัวหลังเวทีก็ได้ค่ะ ยังพอมีเวลาอยู่ ดิชั้นอยากชมบรรยากาศงานเลี้ยงเต้นรำของบรรดาสาวๆคอนแวนต์บ้าง
    อยากรู้น่ะค่ะว่าจะแตกต่างจากงานเลี้ยงเต้นรำอื่นๆหรือไม่” หล่อนมองไปรอบๆอย่างใคร่รู้ จนผมนึกขัน
    “ว่าแต่คืนนี้... สาวน้อยที่เป็นเจ้าของบัตรเทียบเชิญของคุณอยู่ที่ไหนกันคะ?”

    ผมพยักหน้าไปทางด้านงานเต้นรำที่ยังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางเสียงเพลง
    “อยู่ด้านในน่ะครับ กำลังคุยอย่างออกรสทีเดียวกับเพื่อนๆของหล่อน”
    ผมยังพูดไม่จบ Lacus ก็อุทานขึ้นด้วยสีหน้ายินดีจนผมยังงง
    “จริงหรือคะ? แหม ดีจริง! ดิชั้นกำลังอยากพบเธออยู่เลย ครั้งที่แล้วที่ได้พบกันเธอให้ความช่วยเหลือไว้เสียเยอะ”

    นั่นทำให้ผมต้องขมวดคิ้วอย่างงวยงง
    หือ?
    “?? ครับ?”

    และนั่นทำให้ทั้งผมและหล่อนต้องกระพริบตามองหน้ากันเองปริบๆ บรรยากาศชวนอึดอัดชอบกลจน Lacus เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงและสีหน้าแสดงความไม่แน่ใจ
    “...เอ่อ...ตายจริง....นี่สงสัย....เราจะไม่ได้พูดถึงสาวน้อยคนเดียวกันกระมังคะเนี่ย?”

    ? แล้วคนที่หล่อนพูดถึงอยู่นั่นมันใครกันล่ะ? คิ้วผมขมวดปมแน่นขึ้นไปอีก
    “ครับ?”

    หล่อนมองหน้าผมอย่างลังเลระคนสงสัยใคร่รู้ ในที่สุดก็เอ่ยถามออกมา
    “...งานเลี้ยงครั้งนี้น่ะ... คุณไม่ได้รับบัตรเชิญมาจากคุณ Cagalli หรอกเหรอคะ?”

    นั่น...เป็นคำถามที่ทำให้ผมต้องผงะไป
    แล้วจะให้ตอบยังไงล่ะ....?

    “เปล่าครับ...” ผมมองไปทางอื่น คิดว่าเสียงตอบตัวเองนั้นเบาหวิว “ไม่ใช่บัตรเชิญจากเด็กคนนั้นหรอกครับ”
    “โอ...” Lacus อุทานเบาๆ “น่าเสียดายนะคะ ดิชั้นนึกว่า....” พูดเท่านั้นแล้วจึงเงียบไป

    นั่นทำให้ทั้งผมและ Lacus ต่างนิ่งเงียบกันไปเลยทั้งคู่ แต่แม้จะอยู่ในบรรยากาศของความเงียบที่ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรต่อไป กลับดูเหมือนว่า ดวงตาสีฟ้าราวพลอยอควอมารีนกำลังเพ่งพิจารณาคาดคั้นจะเอาคำตอบอะไรก็ไม่รู้จากใบหน้าของผม

    ในที่สุด ผมก็อดรนทนให้หน้าตัวเองถูกจ้องจนเกือบทะลุไม่ได้
    “...คุณรู้อยู่แล้วเหรอครับ?”ผมถามห้วนๆ ขณะพยายามเบือนหน้าให้หลบพ้นดวงตาขี้สงสัยของอีกฝ่าย ทั้งที่รู้ว่าไม่มีทาง
    “เรื่องอะไรคะ?”
    หล่อนถามเสียงซื่อกลับ มาทำไก๋ได้อีกนะ ผมนึกค่อนอยู่ในใจ

    “....เรื่องที่เด็กคนนั้น...ปิดบัง...”
    ในที่สุด ก็กลั้นใจถามออกไปจนได้ ผมรู้สึกเหมือนใบหน้าเริ่มจะร้อน แต่ดูเอาเถอะ แต่ละคำกว่าผมจะกลั่นกรองคำพูดความรู้สึกถามเรื่องนั้นออกไป มันเหมือนจะขาดใจตาย หาก Lacus กลับทำตาปริบๆ ก่อนตอบเสียงใสแจ๋วชัดเจน ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรไปด้วยเล้ย!

    “อ๋อ ค่ะ ก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันนี่คะ”

    ง่าย สั้น เข้าใจได้ทันที
    ใช่สิ! ผมมันเหมือนไอ้โง่ที่แค่นี้ก็ยังดูไม่ออก

    ต้องถึงขั้น....มือสัมผัสนั่น ถึงจะเข้าใจ

    ปัดโธ่เอ๊ย!!!อุตส่าห์นึกว่าลืม “เรื่องตอนนั้น” ไปได้แล้วเชียว!! พอภาพความทรงจำย้อนกลับมาให้ได้อายอีกครั้ง ผมก็รู้สึกเหมือนอยากจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินไปเลยให้มันรู้แล้วรู้รอด!! Lacus ยังจ้องเป๋งมาที่ผม ถึงสีหน้าจะมิได้แสดงออก แต่ในดวงตาระยับนั่นมีรอยยิ้มขัน
    ขันตรงไหนไม่ทราบ??

    ผมขยี้ก้นบุหรี่อย่างหงุดหงิด พลางบ่นเสียงห้วน
    “ใจร้ายมาก รู้....แต่ไม่บอกผมซักคำ!”
    “อุ๊ยตายจริง...! นี่ที่ Athrun ทำท่าจะเป็นจะตาย ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวหลายวันมานี่ ก็เป็นเพราะเรื่องนี้เองหรอกเหรอคะ?ตายจริงๆ”
    หล่อนยกมือขึ้นปิดริมฝีปากด้วยทีท่า (แสร้งทำเป็น) ตกใจยิ่ง แต่ให้ตายเหอะ ถ้อยคำพวกนั้นเจ้าตัวเขาไม่รู้เลยหรือไงว่า มันเสียดแทงใจคนฟังเป็นบ้า

    ผมไม่รู้จะโต้ตอบออกไปอย่างไรถูก จึงได้แต่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จน Lacus เห็นแล้วยังต้องกลั้นหัวเราะ
    สนุก!!สนุกมากเลยนะนั่น!

    “Athrunโกรธคุณ Cagalli เธอเหรอคะ?”
    ผมเบือนหน้าหลบสายตา พึมพำตอบคำถามนั้นแผ่วเบา แม้แต่ตัวเองยังแทบไม่ได้ยิน
    “...เปล่าครับ”
    ไม่ได้โกรธ(แล้ว)ซักหน่อย....

    Lacus Clyne ยิ้มบางๆอย่างอ่อนโยนขณะสังเกตท่าทีของผม ด้วยสายตาราวมองกับกำลังจับโกหกน้องชายตัวเล็กๆ ให้ตายเถอะ ทั้งที่ผมอายุมากกว่าตั้ง 6 ปีนะ
    “อย่าไปโกรธเธอเลยนะคะ คุณ Cagalliเธอไม่ได้ตั้งใจจะหลอกลวงหรือทำให้คุณอับอายแต่อย่างใดหรอกค่ะ แต่ดิชั้นคิดว่าเธอก็มีเหตุผลของเธอนะคะ”
    “เหตุผลอะไรกันครับ?” ผมตั้งคำถามเชิงประชด ได้แต่แค่นยิ้มหยันให้กับลมกับฟ้ายามค่ำคืน “มันจะมีเหตุผลอะไรนักหนาถึงขนาดต้องปิดบังสถานภาพที่แท้จริงของตัวเองไว้แบบนั้นเป็นนานสองนาน จนต้องให้ผมมาค้นพบความจริงเอาเองทีหลัง.....”
    “? คะ?”
    “เอ้อ ไม่มีอะไรหรอกครับ”
    ผมรู้สึกตัวว่าชักจะพล่ามมากเกินความจำเป็น ก็รีบบอกปัดทันที

    พลาดซะแล้ว ผมนึกอยากให้ใครซักคนหาอะไรก็ได้มาตบกะโหลกตัวเองซักทีแรงๆ มันไม่ใช่เรื่องน่าจดจำเลยซักนิด!! ทั้งยังไม่ใช่เรื่องที่ควรจะสาธยายให้คนอื่นฟังอีกด้วย ว่าผม “ค้นพบความจริง” นั่นด้วยวิธีการอย่างไร

    Lacus มองท่าทีกึ่งฉุนเฉียวของผมแล้วหล่อนคงนึกขำ แต่ก็ไม่ได้ซักถามต่อ เพียงแต่กล่าวแสดงความเห็นออกมาอย่างใจเย็น
    “กรุณาอย่าเพิ่งโกรธหรือคิดว่าดิชั้นเข้าข้างฝ่ายใดเลยนะคะ ดิชั้นเพียงแต่อยากให้ Athrun ลองคิดในสถานะของคุณ Cagalli เธอบ้างน่ะค่ะ เอาละ เธออาจจะผิดที่ซุกซนออกมาเที่ยวเล่นนอกคอนแวนต์เพียงลำพัง แต่ถ้าเป็นคุณเองล่ะคะ? เป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาที่แทบไม่รู้เลยว่าโลกภายนอกรั้วคอนแวนต์นั้นมีอันตรายร้อยแปดพันประการอย่างไรบ้าง คุณจะไม่คิดหาวิธีป้องกันตัวเองบ้างเลยเหรอคะ? ยิ่งเธอเป็นเด็กสาวที่ได้รับการอบรมสั่งสอนให้ระแวดระวังในการคบหาสมาคมกับบรรดาบุรุษอื่นมาตลอด ก็คงต้องรู้สึกกลัวเอาไว้บ้างล่ะค่ะ”

    ผมนิ่งฟังเงียบ ที่ Lacus พูดมานั้นก็ถูกหรอก ผมรับราชการตำรวจมาเพียงสองสามปียังเจอคดีที่เกี่ยวกับความรุนแรงต่อสตรีเพศมาแล้วเป็นสิบๆเรื่อง ทั้งเด็ก ทั้งสาว มีตั้งแต่ถูกล่อลวงไปขาย ถูกล่วงละเมิดในรูปแบบต่างๆไปกระทั่งที่ร้ายแรงที่สุด อย่างข่มขืนแล้วฆ่าทิ้ง คดีของ Jack The Ripper ที่ยังสร้างความหวาดกลัวไปทั่วมหานครลอนดอนนั้นเล่า ก็ยังไม่ได้รับการคลี่คลายให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคมอย่างแน่ชัด

    จากที่เคยคุยกัน เด็กคนนั้น...ก็คงได้รับรู้เรื่องราวข่าวสารประเภทนี้จากหนังสือพิมพ์ที่ทางคอนแวนต์รับประจำบ้างล่ะ ท่าทางเป็นพวกอยากรู้อยากเห็นไปซะทุกเรื่องเสียด้วยสิ

    “ความเป็นสตรีในยุคของเรานั้นหรือ ก็เป็นตัวจำกัดที่ไม่อาจทำให้เธอมีอิสระมากพอที่จะได้ออกไปสัมผัสโลกภายนอกด้วยตัวของตัวเองบ้าง ดังนั้น....ดิชั้นคิดนะคะว่าเพื่อจะไม่ต้องหวาดกลัวและรู้สึกแปลกแยกกับบริบทสังคมภายนอกเมื่อตนต้องพ้นรั้วคอนแวนต์ไป เธอก็เลยอยากรู้จักโลกที่ตนต้องพบเจอในภายภาคหน้าให้มากกว่านี้ คุณCagalliเธอก็เลยเลือกการปกปิดสถานะจริงของตนเองไว้ในคราบของเด็กผู้ชาย...แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้มาพบและทำความรู้จักกับใคร....” ท้ายประโยค หล่อนปรายตามาทางผมอย่างล้อเลียน ก่อนกล่าวต่อ “ว่าอย่างนั้นมั้ยคะ?”

    ผมไม่รู้จะตอบอย่างไร เลยเลี่ยงจะตอบคำถามนั้น แต่ย้อนถามกลับเสียงต่ำ
    “แล้วยังไงต่อล่ะครับ? ก็เลยใช้ผมเป็นเครื่องทดสอบดูว่าตัวเองจะปลอมเป็นเด็กผู้ชายได้แนบเนียนมากน้อยเพียงใดน่ะเหรอ?”
    คำถามของผมมันตลกมากนักหรือไรไม่ทราบ Lacus ถึงต้องกลั้นหัวเราะจนหน้าแดงแบบนั้น
    “Athrun นี่ขี้งอนมากเลยนะคะ รู้ตัวหรือเปล่า? ไหนบอกว่าไม่ได้โกรธคุณ Cagalli เธอไงคะ?”
    “....ตลกมากเลยนะครับ ตลกมากเลย” ผมประชดเบาๆ พลางขว้างบุหรี่ที่สูบแรงๆจนหมดมวนแล้วออกไปนอกระเบียง

    หากเมื่อได้ฟังประโยคต่อมา หัวใจผมก็แทบจะหยุด
    “ก็แล้ว Athrun คิดว่าเพราะอะไรล่ะคะ? เธอถึงยอมเสี่ยงออกมาพบคุณในลักษณะเช่นนั้นอีก”

    ผมหยุดทันที
    เพราะอะไร?....อย่างนั้นเหรอ?

    ดวงตาสีฟ้ากระจ่างจ้องลึกเข้ามาในตาของผม ราวกับล่วงรู้อยู่แล้วว่าคำตอบนั้นอยู่ที่ไหน
    “ถ้าไม่ได้ปรารถนาจะพบใครที่เคยเจอกันในลักษณะนั้นอีก และกลัวว่าเขาจะจำเธอไม่ได้ ครั้นจะเจอกันอีกครั้งในสถานะที่แท้จริง ก็กลัวจะทำให้อีกฝ่ายลำบากใจที่จะพูดคุยด้วยอีก เธอจะปลอมตัวออกมานอกคอนแวนต์อีกหรือไม่คะ?”

    ปากผมปิดสนิท พูดอะไรไม่ออก ในอกใจเต้นแรง....ซะจนตัวเองยังได้ยินเสียง
    “....Athrunไม่ทราบ หรือแกล้งไม่ทราบคะ?”

    ภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมาย้อนกลับ หมุนวนไปมาในหัว
    “....ผม....”
    มันจะเป็นตรรกะเดียวกับการที่วันนี้ผมยืนอยู่ที่นี่หรือเปล่า.....ผมบอกตัวเองว่า....ไม่แน่ใจ

    ทั้งที่ความจริง.....ใจของผมเองอาจมีคำตอบนั้นอยู่แล้ว

    เสียงกลั้นหัวเราะกิ๊กของคู่สนทนาเรียกสติของผมกลับมาอีกครั้ง เพื่อพบว่า Lacus กำลังยกมือปิดปากเพื่อกลั้นเสียงหัวเราะอย่างเต็มกำลัง
    “...ผมว่าคนที่เห็นผมเป็นตัวตลกอยู่ตอนนี้ คงเป็นคุณมากกว่านะครับ Lacus ตั้งแต่เจอหน้ากันวันนี้ คุณหัวเราะขำผมกี่ครั้งแล้วล่ะ?”
    “ขออภัยค่ะ แต่แหม....” หล่อนหยุดเพื่อหัวเราะออกมาจริงๆ “ก็เพราะตอนนี้ดิชั้นมีความสุขจริงๆนี่คะที่ได้คุยกับคุณ และคุณก็ทำให้ดิชั้นหัวเราะได้ ทั้งที่ไม่ได้สบายใจแบบนี้มาแล้วตั้งหลายวัน”

    ผมฟังที่หล่อนอธิบายแล้วก็ต้องหยุดขมวดคิ้ว “มีเรื่องไม่สบายใจหรือครับ? หรือจะเป็นเรื่องที่ Rosetta?”
    “...ก็เรื่องงานน่ะค่ะ แล้วก็เรื่องเดิมๆ แต่ไม่มีอะไรที่ Athrun ต้องห่วงไปด้วยหรอกนะคะ” เจ้าของเสียงเพลงอันไพเราะแห่งโรงละครดอกกุหลาบกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มดุจเดิม
  13. chibi

    chibi New Member

    EXP:
    2
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    อ๊ากกกกก เจ้าหนูถีบจักร ถ้ารู้ตัวแล้วก็รีบๆไปฉก น้องหนูคางะมาจากเจ้าม่วงซ้า!!!!!!


    /me กอดหมอนกลิ้งไปกลิ้งมา

    พี่ไวท์วิงรีบมาต่อเถอะนะค้า กำลังได้อารมณ์เร้ยยย ~~~~
  14. kumi

    kumi Active Member

    EXP:
    805
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    พี่ท่าทางอารมณ์ดี =w=,, ให้กำลังใจต่อไป

    อย่าดองเล้ยยย รอด๊าย~~
  15. kandida

    kandida New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    อัพแล้ววววววววววววววววววววววววววววว
    ดีใจมาก เต้นรอบบ้านสามสี่รอบ
    ดีใจๆจังเลยนึกว่าคุณไวทวิงลืมไปแล้ว

    ขอให้อาสรันเจอหนูคางะในคราบเลดี้เร็วๆให้น้ำลายยืดไปเลยนะคร้าาาาาาาาาาาาาาาาาา
  16. PunzZala

    PunzZala New Member

    EXP:
    12
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    *น้ำลายหก

    เกาะขาแล้วเอาหน้าไซร้ แอร๊ยยยยยยยยยย

    หนูจะเอาต่อคะพี่ขาาาาา

    น้ำตาไหลพรากT[]T
  17. platypus

    platypus New Member

    EXP:
    11
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    1
    มีความสุขจังที่ได้อ่านต่อ

    มาอัพต่อนะ :aha:
  18. whitewing

    whitewing New Member

    EXP:
    120
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    อัพจ้า~~~~ อีกจิ๊ดนึงที่เหลือ ขอเวลาสองสามวันพิมพ์ตอนใหม่นะคะ :aha:

    “ตาลุงบารอนนั่นมาตอแยคุณอีกหรือไงครับ? นี่ไม่คิดจะเลิกจริงๆเลยนะ”
    ผมคิดอย่างนึกรำคาญใจครั้นนึกถึงLand Lord ที่ดินของ Rosetta ตาบารอน Allster ชีกอนั่น
    “นั่นสิคะ ยิ่งคุณพ่อไม่อยู่ลอนดอนแบบนี้ด้วย ดิชั้นก็เลยแย่ ต้องกลับบ้านไปเจอกับช่อดอกกุหลาบเบ้อเริ่มเทิ่มที่คนรถม้าของท่านบารอนนำมาส่งให้ทุกเย็น
    จนไม่รู้จะนำไปวางตรงไหนแล้วล่ะค่ะ ปกติถ้าคุณพ่ออยู่ ท่านก็จะแกล้งทำปืนหล่น หรือไม่ก็ทำกระสุนลั่นใส่ถนน ไล่กระเจิงไปทุกครั้ง”
    หล่อนพูดทีเล่นทีจริง
    “หลังๆมานี้ ดิชั้นเลยใช้วิธีเลิกงานดึกๆแล้วติดสินบนให้เด็กๆลูกคนงานก่อสร้างแถวนั้นมาดักหน้าบ้านแทน”

    ผมฟังแล้วก็ต้องอุทานออกมา
    “หา?? หมายถึงลูกๆของพวกกรรมกรชาวไอริชที่ทางการจ้างให้มาทำถนนแถวบ้านคุณน่ะนะครับ? แล้วให้ดักทำอะไรน่ะ??”
    “ก็ให้ช่วยไล่นิดหน่อยเองค่ะ” Lacus ตอบหน้าตาเฉย
    “เด็กพวกนั้นน่ะบางทีชอบเอาหนังสติ๊กมาไล่ยิงนกแถวบ้าน ดิชั้นก็เลยขอให้เลิกยิงนก มายิงไล่คนให้ดีกว่า แถมขนมให้ด้วย”

    ผมฟังคำอธิบายแล้วต้องปล่อยก๊าก
    “ร้ายมาก! หวังว่าคงไม่มีเลือดตกยางออกนะครับ”
    “อย่าห่วงเลยค่ะ แค่ให้หยอกกันเล่นแบบแรงๆนิดหน่อยเท่านั้นล่ะค่ะ อย่างไรเสีย
    ดิชั้นก็มีเพื่อนรักเป็นคุณตำรวจผู้รักความเป็นธรรมนะคะ”
    คำอธิบายนั้นทำให้ทั้งผมและหล่อนต้องหัวเราะออกมาทั้งคู่ ความขุ่นเคืองใจเมื่อแรกคลายลงอย่างไม่น่าเชื่อ

    น่าเสียดายที่มันไม่ใช่ความรัก
    ถึงกระนั้น มิตรภาพระหว่างเราก็มีค่าไม่น้อยกว่าสิ่งนั้นเลยมิใช่หรือ?

    ใบหน้ายามหัวเราะอย่างมีความสุขราวนกน้อยผู้มีอิสรเสรี ทำให้ผมนึกสงสัย....
    ในอนาคตชายผู้โชคดีที่ได้มีเจ้าของรอยยิ้มนี้ไปเคียงข้างจะเป็นใครกันนะ?

    สิ่งเดียวที่ผมจะทำให้ได้ในฐานะของ “เพื่อน”....คือภาวนาให้ซักวันหล่อนได้พบกับคนดีๆ และมีความรักที่ดี....

    “คุณ Athrun แหม....อยู่ตรงนี้เอง”
    ผมหันไปตามเสียงเรียกนั้น แย่ล่ะสิ มัวแต่คุยเรื่องงานกับพวก Yzak แถมเจอ Lacus อีกคนก็คุยกันเพลินจน....นั่นเกือบจำให้ผมลืมไปซะสนิทเลยว่า ตัวเองมีคู่ควงมางานเต้นรำนี้ถึงสองคน เจ้าของเสียงเรียกเมื่อครู่เดินกึ่งวิ่งออกจากวงล้อมของเพื่อนสาวๆของหล่อนตรงมาหาผม

    “คุณหนู Merin ”

    Lacus มีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยเมื่อ Lady Merin Hawk สอดมือทั้งสองกระหวัดรอบแขนของผมหมั่บ! แทบจะทันทีที่มาถึงตัวของผมเลยเชียวล่ะ
    “ดิชั้นตามหาเสียแทบแย่” ดวงตาสีไลแล็คเหลือบมองสตรีที่ยืนสนทนากับผมอยู่ก่อนแว่บเดียวอย่างระมัดระวัง
    แล้วจึงหันมากล่าวกับผมด้วยเสียงสดใสร่าเริง “มาเถอะค่ะ ท่านพ่อของเพื่อนดิชั้นซึ่งรับราชการอยู่กระทรวงมหาดไทยอยากจะพูดคุยกับคุณแน่ะ”

    แรงบีบรัดที่แขนแน่นขึ้นเล็กน้อย ผมหันไปมอง Lacus ก็พบว่าหล่อนกำลังยิ้มขัน
    “ดูเหมือนดิชั้นจะทำเสียมารยาทเข้าแล้วสิเนี่ย ต้องขอประทานโทษด้วยนะคะ Lady Hawk ที่รั้งตัวคู่เต้นรำของคุณไว้เสียนาน”
    นั่นทำให้เลดี้น้อยชักสีหน้าสงสัย แต่ Lacus ยอบกายลงเล็กน้อยก่อนกล่าวต่อด้วยรอยยิ้มสดใสเหมือนเดิม
    “ดิชั้นเคยได้รับเชิญให้ไปร้องเพลงในงานวันเกิดของท่านผู้พัน Hawk บิดาของคุณเมื่อปีที่แล้วยังไงล่ะคะ
    แหม ผ่านไปเดี๋ยวเดียว ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าบุตรีคนเล็กของท่านจะเติบโตขึ้นเป็นเลดี้ผู้งดงามถึงเพียงนี้”

    คำเอ่ยเยินยอของนักร้องสาวชื่อดังถึงกับทำให้ Lady Merin Hawk ถึงกับหน้าแดงด้วยความเขินอายเลยทีเดียว
    สีหน้าสีตาแสดงความขุ่นใจเมื่อครู่สลายหายวับไปในทันที
    “อ่ะ....เอ่อ...แหม ระดับ Miss Clyne เอ่ยชื่นชมกันแบบนี้ ดิชั้น....แต่ เอ่อ... ขออภัยนะคะที่แสดงกิริยาเสียมารยาทออกไปเมื่อครู่”
    “มิได้ค่ะ ดิชั้นเพียงแต่แปลกใจที่ได้พบกับเพื่อนสนิทในงานครั้งนี้ด้วย ก็เลยรั้งตัวไว้คุยนานไปหน่อย”
    Lacus มองมาทางผม “ไปเถอะค่ะ Athrun คุณหนู Hawk ประเดี๋ยวปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนานจะไม่งามนัก
    ดิชั้นเองก็ต้องขอตัวไปเตรียมตัวหลังเวทีเหมือนกัน”

    ผมกลั้นยิ้มขันอยู่คนเดียว Lacus ฉลาดนักในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า น้ำเสียง แววตา กิริยา ภาษา
    ที่รู้จักเลือกนำมาใช้ในเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับความยุ่งยากนั้นเหมาะสมกับสถานการณ์เสมอ
    คงเพราะงานที่ทำต้องพบปะกับผู้คนในวงสังคมชั้นสูงตลอดเวลา

    เวลาผมเห็นหล่อนตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามด้วยท่าทีเอาเรื่อง หรือโอนอ่อนก็อดรู้สึกนิยมในปฏิภาณไหวพริบที่ได้รับการปลูกฝังมาอย่างดีจาก
    Dr. Clyne ไม่ได้
    “ขอบพระคุณที่กรุณาเตือนค่ะ ถ้าเช่นนั้น ดิชั้นและคุณAthrunคะขอตัวก่อนนะคะ ไปกันเถอะค่ะ” ท้ายประโยค Lady Merin
    หันมาบอกพลางรั้งแขนเป็นเชิงเร่งผมเบาๆ

    “ไปนะครับ Lacus”
    ผมหันไปโค้งให้นักร้องสาวอีกครั้ง หล่อนส่งยิ้มและยอบตัวลงทำความเคารพ
    “ค่ะ ขอให้เป็นคืนที่สนุกของทั้งสองท่านนะคะ”

    สนุกเหรอ? ผมเผลอแค่นยิ้มออกไป

    “อ้อ Athrunคะ”

    ผมหันกลับไปตามเสียงเรียกอีกครั้ง Lacus ยังคงยืนอยู่ที่เดิม และกล่าวกับผมด้วยเสียงสดใส
    “ในยามกลางคืนพวกภูติจิ๋วน่ะ มักจะชอบแกล้งบังตาคนนะคะ แต่คุณน่ะมีของนำโชคอยู่ติดตัวอยู่แล้ว
    ลองเชื่อในพลังของมันดูนะคะ”
    #########################


    Athrun เดินควงคู่กับคุณหนูลูกสาวคนเล็กของตระกูล Hawk เข้าไปในตัวงานอีกครั้งแล้ว ดิชั้นยังยืนนิ่งคิดอะไรอยู่คนเดียว
    มือหนึ่งยกขึ้นแตะแก้มอย่างใช้ความคิด

    บอกตามตรงว่าดิชั้นออกจะรู้สึกผิดหวังไม่น้อยที่เจ้าของบัตรเชิญของเขาไม่ได้มาจากสาวน้อยผมทองจอมแก่นคนนั้น
    คุณCagalli....ลูกสาวของท่านเอิร์ล Athha เพราะดิชั้นรู้สึกถูกชะตากับเธอเหลือเกิน

    วันเวลาที่ไม่ได้พบกันหลังจากวันนั้นก็นานแล้ว ดิชั้นก็นึกเอาเองว่าหลังจากวันนั้น เธอกับเขาจะได้พูดคุยอธิบายทำความเข้าใจกันเรื่องนั้นซะอีก
    กลับกลายเป็นว่า...คุณ Cagalli คงจะยังไม่ทันได้อธิบายอะไรให้กระจ่างแจ้งอย่างที่ใจต้องการ
    Athrun ก็มีโมโหโทโสเธอเข้าเสียก่อนจนเข้าหน้ากันไม่ติดจนทุกวันนี้สินะ

    มิน่าเล่า ถึงได้ทำตัวพิลึกผิดปกติที่เคยเจอ....

    คิดถึงเรื่องนั้นขึ้นมา ดิชั้นก็ต้องยิ้มขำคนเดียว การได้เห็นสีหน้าสีตาพูดไม่ออกบอกไม่ถูกของ Athrun เมื่อครู่นับเป็นเรื่องที่น่าสนุกเสียจริง
    เมื่อแรกที่คบหากัน เขาไม่แสดงความรู้สึกออกมาให้เห็นมากนัก นอกจากจะมีรอยยิ้มอันอบอุ่นตามแบบฉบับของ “สุภาพบุรุษ” ที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี
    แต่หลังจากเจอคุณ Cagalli ก็ดูเหมือนมุมที่ดิชั้นไม่เคยเห็น ก็เปิดเผยออกมามากขึ้น

    เขาคงโกรธ....ที่เธอมาทำให้เขาเปลี่ยนไปมากกว่าเพราะไม่พูดความจริง

    ดิชั้นเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์บนฟ้า แสงสว่างจ้าจากตะเกียงนั้นกลบแสงสีเงินอันเยือกเย็นไปมาก
    หากไม่นานเมื่อแสงตะเกียงดับลง ฟ้าอันเมืดมิดก็ยังคงมีดวงจันทร์ดวงเดิมนั้นเสมอ
    กระนั้น....ตามความเชื่อโบราณ ความมืดเชื่อมโยงกับความกลัว และภาพลวง
    เกาะอังกฤษมีนิทานหลายเรื่องเล่าว่า....ความมืดเกิดจากความซุกซนของพวกภูติจิ๋วที่มักจะบังตาให้มนุษย์หลงทาง

    ลูกพลัดหลงจากแม่ เด็กน้อยๆหาทางกลับบ้านไม่ถูก คนรักพลัดพรากจากกัน....

    ริมฝีปากเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวขณะที่ดิชั้นสาวเท้าตรงไปยังห้องรับรองที่ถูกจัดเตรียมไว้

    Athrun จะตระหนักหรือไม่นะว่า....หินสีแดงก้อนนั้นที่สาวน้อยผมทองทิ้งเอาไว้ให้เขาเก็บติดตัว
    โบราณเขาเล่ากันว่า หินปะการังแดงมีพลังอำนาจปกป้องผู้ถือครองจากภยันอันตรายและความชั่วร้าย

    หากเป็นความจริง....โปรดเถอะ...โปรดสลายม่านที่หมู่ภูติจิ๋วจอมซนกลั่นแกล้งบังตาเขาทั้งสองให้ต้องไกลห่าง
    และได้กลับมาพบกันอีกครั้งเถอะนะคะ
    ########################################


    จบไปอีกตอนแล้วค่า จะพยายามเข็นตอนใหม่มาลงค่า
  19. kandida

    kandida New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ><
    แอร๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
    ดีจายได้อ่านต่อ แต่รอบนี้น้อยจังค่ะ อยากอ่านต่อ ฮ่าๆๆๆ

    "ขอให้กลับมาพบกันอีกครั้งเถอะนะ"<---------คนอ่านภาวนามากกกกกกกกกคร่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

    เมย์รินแพ้ทางความเก๋าของลักส์เสียแล้ว ต้องส่งไปเรียนคอร์สตอแหลเอ้ยไม่ใช่คอร์สอบรมมารายาทผู้ดีก่อน
  20. platypus

    platypus New Member

    EXP:
    11
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    1
    อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ
  21. miriallia

    miriallia New Member

    EXP:
    3
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    กรี๊ดดดดดดคร่า~

    ไม่ได้เข้ามาอ่านนาน เพราะถ้าเข้ามาบ่อยๆเดี๋ยวจะคลั่งตายซะก่อน

    สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ แล้วจะรอตอนต่อไปนะคะ ^^
  22. anthack

    anthack New Member

    EXP:
    3
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    สนุกดีนะครับ มาอ่านรวดเดียวเลย


    จะรอนะครับ
  23. zerofreedom

    zerofreedom Member

    EXP:
    305
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    ไม่ได้เข้าหมวดนี้นาน มาเจอที เฮ เลย =w=
    บรรยากาศเรียบๆ ยังไม่มีอะไร แต่รู้สึกว่าต่อไปจะ ตึงเครียดอย่างบอกไม่ถูก OTL
    จะรออ่านตอนต่อไปนะครับ ^^
  24. kumi

    kumi Active Member

    EXP:
    805
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    พี่มาอัพอีกแล้ว โฮก

    ขอจัดการกับกองฟิคที่ต้องปรูฟอีกยี่สิบตอนก่อน แล้วจะรีบอ่านของพี่แล้วคอมเม้นต์รวดเดียวจบแน่นอน ภายในอาทิตย์ก่อนซัมเมอร์นี่แหละ = =v!!

    พี่ฟิตจริงๆ สุดยอด (ฟิคตัวเองดองเค็มใส่ไหหน้าบ้านไปนานมากละ เอิ๊ก)

    Edit: อ่านแล้วค่ะ เรื่องไม่ค่อยดำเนินไปจากเดิมเท่าไหร่ (ฮา) คงเพราะใช้มุมมองของตัวละครหลายตัวด้วยละมั้ง แหม่ เสียใจจัง นึกว่าจะได้เห็นฉากแย่ๆ ของตายูน่าเสียอีก อัสรันเอ๊ย นอกจากหัวทึบแล้วยังปากแข็งอีกเน้อ

    รอคางาริจังโผล่มา * * สู้ๆ นะแม่สาวน้อย
  25. kandida

    kandida New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    >< จะสิ้นปีแล้วววคุณไวท์วิงงงงแอบตามมาทวงฟิคค่า อยากอ่านต่อลงแดงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

Share This Page