บทความจากผมถึงคนการ์ตูนที่ต้องการลองอะไรใหม่ ๆ ให้ชีวิตคุ้มค่า

กระทู้จากหมวด 'ETC' โดย panom, 3 มีนาคม 2008.

  1. panom

    panom Member

    EXP:
    70
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    ขอบอกเลยนะครับว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะเสียดสีแต่อยางใด

    ท่านเป็นคนนึงหรือเปล่าที่ชื่นชอบการ์ตูนเป็นพิเศษหรือว่าชอบเล่นเกมมาก แบบว่าจะขาดใจตายเหมือนอยากยาถ้าไม่ได้แตะมันซักวัน ถ้าหากว่าใช่ล่ะก็ ยกมือขึ้นเลย ...ไม่ต้องยกจริงครับ เดี๋ยวคนข้าง ๆ เห็นจะหาว่าบ้า ยิ่งอยู่ในร้านเน็ตด้วยนี่ยิ่งแก้ตัวลำบาก แล้วท่านเคยประสบปัญหาเหล่านี้บ้างไหมครับ เช่น มีเพื่อนน้อย หรือไม่มีเพื่อนเลย คุยอะไรกับเขาไม่รู้เรื่องถ้าเพื่อนคุยเรื่องการ์ตูนละถึงจะรู้ ไม่รู้จักดาราหรือนักร้องเลย ปฏิเสธทุกทีที่เวลามีคนชวนไปคาราโอเกะ หรือไม่นั่งเงียบอยู่คนเดียว เพื่อน ๆ เขามีแฟนกันหมด แต่เราเองต่างหากที่ไม่มีแฟน ไปเรียนเช้าเลิกเรียนเย็นกลับบ้านมานั่งอยู่คนเดียวหน้าคอม เวลาโกรธจะอารมณ์รุนแรงผิดปรกติ ต้องคอยพยายามทำให้คนอื่นเขาเห็นว่าเราเองน่ะเก่งโน่นเก่งนี่เหมือนกันนะ มีกลุ่มบางกลุ่มมองเราอย่างน่าสมเพช บ้างก็ล้อเลียนเราให้อับอายขายขี้หน้า และปัญหาอื่น ๆ อีกมากมายที่บางคนอาจจะเจอมา แต่ทั้งหมดนี่ก็มีที่ผมเองเคยเป็นมาก่อน หรือว่าสังเกตจากเพื่อน ๆ ที่ชอบการ์ตูนเหมือนกัน และเพื่อน ๆ กลุ่มนี้ก็จะเรียกพวกที่เป็นเหมือนกันด้วยคำ ๆ นึงว่า “โอตาคุ”

    ผิดไหม?
    เอ๊ะ... เราจะชอบการ์ตูนมันผิดตรงไหนเหรอ? ถึงต้องมีคนมาแซว มาว่าเรา มาจ้องจับผิดเราหรือเพื่อน ๆ คนการ์ตูนของเราอยู่เรื่อย... ขอตอบเลยนะว่า “ไม่ผิดครับ” แต่บางอย่างที่แสดงออกมาทางสังคมมันค่อนข้างที่จะชัดเจน จนกระทั่งคนรองข้างมองว่าแปลกประหลาด มันไม่ใช่เรื่องเท่ห์หรอก ถึงจะบอกว่าคนเรานั้นชอบอะไรไม่เหมือนกัน แต่ผมขอบอกเลยครับว่า ถึงไม่เหมือนกัน แต่ถ้ามองเป็นภาพรวมส่วนใหญ่แล้ว แยกเป็นกลุ่ม ๆ ได้เลยครับ อย่างเช่น กลุ่มนี้ชอบการ์ตูน กลุ่มนี้ชอบรถ กลุ่มนี้ชอบเที่ยว ครับ บางกลุ่มนั้นอาจจะมองปร๊าดเดียวก็ออกแล้ว แต่ว่าทำไมเราถึงได้มองคนที่เดินไป – เดินมาอีกหลาย ๆ กลุ่มไม่ออกล่ะครับ ใช่ครับ เพราะกลุ่มอีกหลาย ๆ กลุ่มนั้นอาศัยอยู่ในพื้นฐานสังคมที่ใกล้เคียงกันครับ ที่ผมอยากบอกคือ การแสดงออกไม่ว่า ท่าทาง การพูด การแต่งกายของผู้ที่ชื่นชอบการ์ตูนเป็นอย่างมากนั้นเกือบจะเหมือนกันราวกับแกะเลยก็ว่าได้ครับ แต่ถึงมันจะเป็นแกะ ก็มีแกะขาว – แกะดำนะ ฮ่ะฮ่า! งงล่ะสิ

    อะไรคือแกะขาว – แกะดำ?
    แกะขาว – แกะดำที่ผมว่านี่ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีนะ เอ้า ไม่เชื่อให้ฟ้าผ่าคางคกตายสิเอ้า แต่ที่ผมว่านี่น่ะมันคือแบ่งออกเป็น กลุ่มย่อยๆ อีกนั่นแหละครับ แต่ผมจะแยกอยู่แค่ 2 ฝูงใหญ่ ๆ ดังนี้
    สำหรับฝูงแกะขาวนั้นก็คือ ผู้ที่ชื่นชอบการ์ตูนทั่วไป ไม่ว่าจะอ่าน วาด หรือเขียนการ์ตูน ทำอนิเมชั่น หรืออะไรก็แล้วแต่
    สำหรับฝูงแกะดำนั้นก็คือ ผู้ที่ชื่นชอบการ์ตูนเหมือนกัน แต่พวกนี้ในสายตาของผมกับเพื่อนจะดูมีระดับขึ้นมาหน่อย นั่นก็คือ ผู้ทีนิยมแต่งเป็นตัวการ์ตูนที่ตนชื่นชอบในงานต่าง ๆ หรือว่าที่เราเรียกกันคือ “คอสเพลย์” นั่นแหละ
    แต่สำหรับแกะทั้ง 2 ฝูงนี้นั้นมีความแตกต่างกัน แต่กลับเข้ากันได้อย่างเห็นได้ชัด นั่นก็คือข้อดีอย่างหนึ่งของผู้ที่ชื่นชอบการ์ตูนด้วยกัน ประมาณว่า “ขอให้ชอบการ์ตูนเหอะ มึงเพื่อนกู”

    ปรับเปลี่ยน ไม่ใช่เปลี่ยนแปลง
    ถึงจะพูดว่า โอ้โห กลุ่มคนการ์ตูนมันใหญ่ขนาดนี้เชียวเหรอ? แต่ถึงจะใหญ่ก็เถอะครับ ถ้าเทียบกันแล้ว เราเองก็เป็นแค่เศษเสี้ยวของประเทศ หรือโลกเลยก็ว่าได้ เมื่อเปรียบเทียบกันขนาดนี้แล้ว คงจะถามว่า แล้วประเทศญี่ปุ่นล่ะ? ถึงจะชอบการ์ตูนเหมือนกัน แต่เขาก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรกับการเข้าสังคมเลยนี่... อ๊ะ ๆ ผมขอบอกนะครับว่าคนที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า โอตาคุ นั้น ประเทศเรานับว่าดีกว่าเป็นกองเลยครับ แต่อันนี้ผมเองก็แค่ได้รับการยืนยันจากเพื่อนเท่านั้นนะครับ ไม่ได้ไปประสบเอง เพราะยังไม่มีโอกาสไป แต่ถ้าใครบอกว่า “ดีกว่าสิ เขาได้อ่านก่อน ของก็ขายเยอะกว่า” นี่ผมแช่งกบกระโดดกัดคอจริง ๆ นะ
    ...พูดถึงหัวข้อหลักกันดีกว่า อะไรคือการปรับเปลี่ยนไม่ใช่เปลี่ยนแปลง? การปรับเปลี่ยนนี้คือ การเปลี่ยนตัวเองให้อยู่และเข้ากับสังคมได้โดยที่คนรอบข้างจะไม่มองว่าเป็นแค่หัวสิว หรือหน้ามัน อย่างที่ จะมีก็ได้ แต่บางกลุ่มก็ไม่ต้องการ ไม่ใช่ว่าการที่จะเปลี่ยนแปลงไป เราต้องไม่ดูการ์ตูน ไม่วาดรูป ไม่เล่นเกม ไม่ชอบแต่งเป็นตัวละครในการ์ตูนหรือเกม ถ้าเอางี้ก็ คือคุณจะสละสิทธิ์จากการเป็นคนการ์ตูนไปเลยครับ ยิ่งเป็นชนกลุ่มน้อยอยู่เนอะ คนเราเนอะ หรือถ้าใครว่า เราเป็นอย่างนี้ก็ดีอยู่แล้วนี่ ยุ่งไม่เข้าท่าก็ปิดไปได้เลยครับ สิ่งที่ผมจะบอกต่อไปนี้สำหรับคนที่อยากจะลองเข้าไปสู่ในโลกใหม่ ๆ บ้าง ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า แต่ก็กลับบ้านมาอยู่ที่เดิมบ้าง ไม่ใช่พวกไปแล้วไปลับ หาทางกลับไม่ถูก

    มาว่าถึงการปรับเปลี่ยนมั่ง มีอะไรบ้าง
    การปรับเปลี่ยนมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรหรอกครับ ก็แค่ทำตามชีวิตคนปรกติทั่วไป พยายามเปิดใจเอาไว้ แล้วเราจะอยู่ร่วมกันได้ทุกกลุ่ม โดยที่ไม่เป็น สิวหัวช้าง หรือขี้มูก ขี้หู ขี้ตา หรืออะไรอีกสารพัด ส่วนใหญ่ที่มีหลัก ๆ ก็คือ
    ดูแลตัวเองบ้าง
    ใช่เลยครับ เข้าไปอาบน้ำ ขัดขี้ไคล แปรงฟัน ล้างหน้า ดูแลสิวฝ้า ใช้น้ำยาดับกลิ่นตัว โดยเฉพาะ เต่านินจา ของคุณนั่นแหละครับ ใช้ลูกกลิ้ง กลิ้งเข้าไปเลย แต่ควรเลือกดูยี่ห้อที่ไม่ใส่แอลกอลฮอลมาก ไม่งั้นเสือขาวเต่าจะเหลืองเอาได้ และสำหรับท่านผู้หญิงน่ะนะ บางคนนี่เป็นป่าฝนเขตร้อนเลยล่ะครับ ถอนมันซักหน่อยนึง นึกไว้ว่า ตูดไก่ คนชอบกว่าเดินป่าน่ะเนอะ ไม่เชื่อถามผู้ชายดูสิ คนการ์ตูนจะเป็นเมโทรเซ็กซ์ชวลได้มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย จริงมะ
    ติมตามข่าวสารซะบ้าง
    ดูมันเลยครับ โทรทัศน์ ดูมันเข้าไปเยอะ ๆ ไม่ว่าจะเป็น หนัง ละคร ข่าวต่าง ๆ หรือว่าง ๆ ก็ไปดูหนังตามโรงหนังก็ได้ หนังไทยดี ๆ ก็เยอะนะครับ แต่ไม่ดีก็เยอะ เพราะฉะนั้นก็ต้องเลือกดี ๆ ถ้าหากไม่อยากจะเสียตังฟรี ส่วนเพลงก็ ฟังมันเข้าไปครับ ไม่ว่าจะ ลูกทุ่ง ลูกกรุง อินดี้ ฮิปฮอป ร๊อค เมทัล ใต้ดิน อะไรก็มีให้ฟังกันหมดครับ มาถึงตอนนี้คุณคงบอกว่า หูย สื่อไทยงี่เง่าจะตาย หนังก็ออกมาแต่แนวเดิม ๆ เพลงไทยก็มีแต่เดิม ๆ อกหักรักคุด สู้ไปดูการ์ตูน ฟังเพลงการ์ตูนซะดีกว่าอีก หลายคนอาจคิดแบบนี้นะครับ แต่ผมอยากให้คุณลองคิดอีกแง่มุมหนึ่งดู สิ่งพวกนี้ก็ปรุงแต่งมาจากชีวิตของคนไทยเรานี่แหละ บางทีเราไม่ชอบเพราะมันโดน หรือเห็นกันอยู่ทุกวัน หรือยังไม่มีความรู้สึกนั้นร่วมเลยไม่คิดว่ามันเพราะอะไร บางคนบอกว่าเพลงน่ะทำออกมาแต่ทำนองเดิม ๆ น่าเบื่อ ขอบอกว่าถ้าหากว่าคุณลองฟังเพลงทุกเพลงแล้วคุณจะรู้ครับว่าไม่เหมือนกัน อันนี้ผมให้ยันปากเลยเอ้า เปิดความคิดให้กว้าง แล้วคุณจะสนุกกับมันแน่นอนครับ และสิ่งสำคัญที่สุดนะครับคือ “ในตอนนี้ตัวเราอยู่ร่วมกับสังคมไทย ถ้าใจเราไม่อยู่กับสังคมไทยแล้ว เราจะอยู่อย่างมีความสุขได้อย่างไร” หรือถ้าคนไหนบอกว่า งั้นไม่อยู่ก็ได้ ประเทศไทย ผมมีวิธีครับ ดิ่งลงใต้ แล้วสมัครเข้ากลุ่มโจรใต้ สร้างประเทศ ปัตตานี ให้สำเร็จ ก็หมดกังวลแล้วล่ะครับ

    ละเว้นพฤติกรรมบางอย่างซะบ้าง
    พฤติกรรมอะไรนั้นเหรอครับ นั่นก็คือ พฤติกรรมที่เราติดมาจากการ์ตูนนั่นแหละ บางคนอาจจะเห็นว่ามันเท่ มันน่ารัก มันกุ๊กกิ๊ก หรืออะไรก็ตาม แต่คุณรู้บ้างหรือไม่ว่า คนส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน เพื่อน ๆ หรือ คนที่เดินสวนกัน ไป – มา น่ะครับ เขาไม่มองเป็นอย่างนั้น เขาจะคิดว่า ไอ้นี่บ้า ไอ้นี่ติงต๊อง ปัญญาอ่อนป่าว? หรือคนบ้าโรงบาลไหนหลุดมา ถึงแม้ว่าคุณจะอยู่ในงาน หรือกลุ่มเพื่อนการ์ตูนด้วยกันก็เถอะ แต่ถ้าเป็นที่สาธารณะก็ไม่ควรจะทำนะครับ เขาจะมองกลุ่มเราไปในทางไม่ดีเสียเปล่า ๆ แล้วกับบางกลุ่มคุณก็จะกลายเป็นเป้าหมายถูกแกล้งได้ง่าย ๆ ไม่เชื่อคุณลองไปทำท่าสาวน้อยใส่กลุ่มเด็กแว๊นสิครับ ได้เลี้ยงโต๊ะจีนกันเป็นหมู่คณะ และก็คนที่ชอบอุทานอะไรเป็นภาษาญี่ปุ่นนั้น ขอบอกเลยครับ ว่าไม่ได้ดูเท่ หรือว่าน่ารักเลยครับ จะดูภูมิปัญญา ก็ไม่ใช่ ถ้าจะเปรียบเทียบง่าย ๆ ก็เหมือนพวกชอบพูด ภาษา ไทยคำ – อังกฤษคำนั่นแหละครับ คุณว่ามันเสี่ยวไหมล่ะ? ทางที่ดี จะพูดภาษาไทย ก็ไทยไปเลย หรือจะพูดภาษาญี่ปุ่น ก็ญี่ปุ่นไปเลย ถ้าคนอื่นเขาฟังกันออกนะ... ที่ผมพูดมานี่ไม่ใช่เป็นการหลอกด่าคนอ่านหรือมีจุดประสงค์อื่น แต่เพียงอยากสื่อแค่ว่า สถานที่เราอยู่ตรงนี้ ณ จุดนี้ ไม่ใช่โลกของการ์ตูน แต่เป็นชีวิตจริง และไม่ใช่สังคมของญี่ปุ่นเขา ที่เราทำนั้นอาจจะธรรมดาในบ้านเขา แต่สำหรับบ้านเรานั้นมันแปลกครับ

    ไปเที่ยวกับเพื่อนฝูงซะบ้าง
    ครับ เป็นการเข้ากิจกรรมอย่างง่าย ๆ เลยครับ ไม่ว่าจะเที่ยวกลางวัน กลางคืน หรือไปเล่นกีฬากับเพื่อนฝูง ที่ไม่ใช่คนการ์ตูนเขาซะบ้าง บางคนอาจคิดว่าน่าเบื่อ แต่คิดดูสิครับ ชีวิตคนเรานั้นมันเจออะไรได้เยอะครับ อยู่ที่แล้วแต่ว่าเราเลือกที่จะเจอ สิ่งที่เราต้องทำนั้นก็คือ “หัดเลวซะบ้าง” ไม่ใช่ว่าเราจะต้องไปมั่วสุม ตีกับชาวบ้าน ปาร์ตี้พี้ยา อะไรทำนองนี้ แต่ถ้าหากคุณเป็นเด็กดีเพียงอย่างเดียว คุณก็จะไม่มีทางได้ประสบการณ์อะไรที่แปลกไปจากเดิมหรอกครับ รสชาติของชีวิตนั้นมันมีเยอะ อย่างน้อยถ้ามีแฟน เวลาเลิกกันแฟนคุณก็จะไม่มีโอกาสที่จะพูดว่า “เธอดีเกินไป” ยังไงล่ะ มาถึงตรงนี้คุณคงคิดว่า โอ้โห ไอ้นี่มันเก่งจริง หรือโม้วะ? ผมขอบอกเลยนะครับว่า ผมเองก็ยังหาโอกาสไปกับเพื่อนกลุ่มต่าง ๆ ได้ไม่ถึงครึ่ง แต่ผมก็ได้มีโอกาสมีประสบการณ์ตรงมามากมาย และเรื่องยาผมก็เคยลองครับ อัดเข้าไปหนักมากกับเพื่อน ไม่ได้นอนทั้งคืน มาถึงตอนเช้าผมเองก็ยังไม่สร่างเลย แฟนผมโทรมาชวนไปซื้อของ ผมเองก็ไปในลักษณะเมา ๆ ในตอนนั้นในใจผมกลัวครับ กลัวว่าแฟนผมเองจะจับได้ว่าไปทำอะไรมา และรู้ว่าจะเป็นห่วงและเสียใจแค่ไหนแล้วยิ่งที่บ้านรู้เข้าล่ะ? ความรู้สึกนี้ผมเองก็ยังไม่ลืมครับ ผมถึงไม่แนะนำ

    เอาเขาลงมาจากบนหิ้งซะบ้าง
    ครับ สำหรับคนที่เราชอบ เรารัก หรือเราจะหลงหัวปักหัวปำแค่ไหนก็เถอะ หากคุณคิดจะวางเขาทิ้งไว้บนหิ้งแล้วล่ะก็ เขาไม่มีทางมองเห็นคุณหรอกครับ หิ้งมันก็สูงนะ เขาก็ได้แต่มองอยู่ข้างบน มองไปทางไหนไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ ๆ ครับ เขามองหาคนที่จะนำเขาลงมาจากหิ้งอยู่ ซึ่งคนนั้นอาจจะเป็นคุณเองที่เอาลงมาหรือคนอื่นก็ได้ แต่จำไว้นะครับ ยิ่งเอาไว้บนหิ้งนานเท่าไหร่เขาก็จะเห็นว่าคุณเป็นเพื่อนธรรมดาเท่านั้น แล้วถ้าเกิดเอาลงมาแล้วเขาไม่อยากอยู่กับเราล่ะ? ครับ เมื่อก่อนผมเองก็กลัวครับ ถึงอย่างน้อยเป็นคนรักไม่ได้ ก็ขอเป็นเพื่อนก็ยังดี คุณลองคิดดูแบบนี้นะครับว่า เพื่อนคุณเยอะรึยัง ถ้าเยอะแล้วก็จีบไปเลยครับ ถ้าหากว่าคุณอยากมีใครสักคนที่รู้ใจ ดั่งคำที่ว่า ด้านได้ อายอด แต่ถ้า ด้านอด คุณก็ไม่ต้องเสียใจครับ คนเราไม่ใช่ว่าจะเกิดมาแล้วเจอคู่แท้เลยซะเมื่อไหร่ ถึงคุณอยากให้คนนี้ใช่เท่าไหร่ แต่คุณก็แน่ใจไม่ได้หรอกครับว่าใช่จริงหรือเปล่า คุณต้องยอมลงทุนพิสูจน์ครับ ถึงจะเป็นคู่แท้ แต่มันก็ไม่ได้มาเอง ไม่ได้ถูกพ่อ – แม่ ยัดเยียดให้หมั้นแต่เด็กแล้วก็เป็นไปไม่ได้ครับ นอกซะจากคุณจะลงหาเองจนกว่าคุณจะเจอ แต่ไม่ใช่จีบดะจีบมั่วจะโดนรัวบาทาเข้าให้นะครับ และหากคุณจะใช้มาดพระเอกแบบในการ์ตูนนะครับ ผมขอบอกเลยว่า "ใช้ได้แค่ในการ์ตูนจริง ๆ" ถึงจะหล่อจะสวยแค่ไหนก็เหอะ ถึงจะมีคนมาชอบคุณยังไงเขาก็ทนไม่ได้หรอก โดยเฉพาะ ตัวเอกชาย พูดน้อย ๆ เก๊กเยอะ ๆ แบบนี้ ลองให้ผู้หญิงที่บอกว่าชอบผู้ชายเท่ ๆ ขรึม ๆ มาเจอดูสิครับ

    ที่ผมพูดไปทั้งหมดนี้มาจากประสบการณ์ตรงทั้งหมดครับ ถึงจะเปลี่ยนไปยังไง แต่ผมก็ยังอ่านการ์ตูน วาดการ์ตูน ทั้งยังมีเวลาไปเที่ยวกับเพื่อน เที่ยวกับแฟน หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้อีกอย่างลงตัวครับ แน่นอนครับ แรก ๆ มันอาจจะลำบากสักหน่อย แต่ก็ไม่มีอะไรที่คนการ์ตูนทำไม่ได้ครับ ส่วนตัวของผมเองคิดว่า ยิ่งดีซะอีก คุณไม่รู้หรอกว่าคุณจะตายวันไหน คุณรู้เพียงแต่ว่าใช้ชีวิตจนถึงวันนี้คุ้มหรือยัง

    สิ่งที่เขียนนี้เป็นสิ่งที่นำมาจากประสบการณ์ของผู้เขียน ซึ่งแล้วแต่ ทัศนคติ เวลา สถานที่ และ โอกาส ของท่านเองที่จะยอมเปลี่ยนแปลงหรือไม่อย่างไร ไม่ใช่ต้องการให้ท่านกระทำไปโดยลำบากใจ หากแต่ให้ท่านทำไปโดยหากท่านต้องการ



    ลืมไป นี่เป็นการหัดเขียนบทความครับ ลองหาจากสิ่งใกล้ตัวดูเลยออกมาเป็นแบบนี้ :D
  2. spao99

    spao99 Detonator

    EXP:
    810
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    [action]เข้ามาปูเสื่อนั่งดู :)[/action]
  3. citrus

    citrus New Member

    EXP:
    608
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    เหมือนเราจะเข้าข่ายโอตาคุมั้งนะ (ล่าสุดเห็นฟิกเกอร์อีวาแล้วหวีดร้องเหมือนคนบ้า(กลางห้าง)) แต่เราก็ใช้ชีวิตตามปกตินะ แค่อย่ายึดติดว่าโลกนี้มีเพียงสิ่งเดียวให้คุณยึดเหนี่ยว อย่าคิดว่าคุณยิ่งใหญ่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลกก็พอ ออกมาจากกะลาบ้างแล้วจะพบว่าคุณก็แค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่เท่าเทียมกับคนอื่น

    ปล.สำหรับเพลงไทย ละครไทย หนังไทย ถ้ามันห่วยเราก็ไม่รับล่ะค่ะ (แต่ไม่ใช่ไม่เสพสักกะอย่างเพียงเพราะได้ยินคำว่า "ไทย" ต่อท้ายนะ)
  4. ratatosk

    ratatosk All hile Kino!

    EXP:
    684
    ถูกใจที่ได้รับ:
    3
    คะแนน Trophy:
    88
    คุณมีปัญหาอะไรกับพวกกบและคางคกเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ?
  5. lionheart

    lionheart มือเบสกากๆ

    EXP:
    301
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    คี๊ต้า!!!!

    อุ๊ย ลืมตัว ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมละ *0*
  6. pop30711

    pop30711 New Member

    EXP:
    1,155
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    เหมือนกับว่าผมแอบเข้าข่ายโอตาคุเล็กน้อยนะเนี่ย

    ปล. ถ้าละครไทยมันมีแต่ละครน้ำเน่า มีแต่มานั่งตบกัน ก็รับไม่ได้เหมือนกัน
    ปล2. ถ้าหนังไทยมีเนื้อเรื่องที่แย่ ภาพรวมไม่ดี การดำเนินเรื่องจืดชืด ก็ไม่ค่อยอยากไปดู
    ปล3. ถ้าเพลงมันฟังไม่รู้เรื่อง จับสาระหรือเนื้อหาของเพลงไม่ได้ ก็ไม่อยากฟังครับ
  7. sankkid

    sankkid New Member

    EXP:
    147
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ไม่เห็นด้วยกับตรงที่ว่า "หัดเลวซะบ้าง" เท่าั้นั้นน่ะครับฟังแล้วขัดหู

    คิดซะว่า เป็นการเข้าสังคมแบบต่างๆ ... แบบไม่เดือดร้อนใคร มันไม่ใช่ไปทำเลวอยู่แล้วน่ะ
  8. zieghart

    zieghart New Member

    EXP:
    351
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ...บทความยาวจริงๆ แต่ตั้งใจเขียนมา ผมก็ตั้งใจอ่านจนจบครับ

    หลายๆประเด็นที่คุณ panom ยกมา ผมว่าน่าสนใจนะ และคิดว่าคงจะจุดประกายอะไรให้กับคนจำนวนไม่น้อยได้

    การหมกมุ่นอยู่กับเรื่องใดเรื่องนึงมากเกินไป ก็มีทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี...แม้เราจะรู้ลึก แต่มันก็ทำให้โง่กว้างได้...ผมเชื่อว่าสังคมไหนๆก็มีคนแบบนี้อยู่ และจะยังมีต่อไป

    ตัวผมเอง เห็นด้วยครับ ว่ามันดีกว่าอยู่แล้ว ที่จะเปิดหูเปิดตา ดูข่าว ดูหนัง ฟังเพลง หรือเกาะติดอะไรๆที่มันเป็นกระแส และอยู่ในความสนใจของชาวบ้านเค้าบ้าง....แม้บางอย่างมันจะดูไร้สาระสิ้นดี แต่มันก็เป็นเรื่องที่วนเวียนอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา...ชีวิตที่มีคนอื่นๆอยู่รอบตัวเต็มไปหมด

    แม้ผมเองจะจัดในอยู่กลุ่มบ้าการ์ตูนเข้าขั้น แต่ก็ยังมีเรื่องนู๊นเรื่องนี้ให้ได้ทำ ให้ได้สนใจอยู่ตลอด ไปเที่ยว ร้องเพลง ถ่ายรูป อ่านหนังสือ บลาๆๆ เป็นการเปิดโลกหลายๆด้านให้กับตัวเอง และไม่เคยต้องมานั่งจ๋อง เข้ากลุ่มกับคนอื่นไม่ได้ หรืออุทานมุขประหลาดๆโดยไม่รู้กาละเทศะให้เพื่อนฝูงมองอย่างสับสนและสมเพช


    คำถามคือ..."การปรับเปลี่ยน" นั้น เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกๆคนหรือไม่...ผมว่าแต่ละท่านก็คงคิดไม่เหมือนกัน

    หลายคนก็มองว่า ไม่มีความจำเป็นต้องไปดูหนังที่ไม่อยากดู ฟังเพลงที่ไม่รู้สึกว่าเพราะ หรือตามละครที่ไม่เห็นจะสร้างสรรค์ตรงไหน...และมีความสุขกับโลกส่วนตัวของตัวเองต่อไป ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน


    ....ผมก็เลยอยากจะเสริมจขกท.ว่า "เรื่องที่ดี" ที่พูดๆมานั้น อาจจะไม่ใช่ "เรื่องที่เหมาะสม" สำหรับทุกๆคนก็เป็นได้ สิ่งสำคัญคือ เราจะหาจุดแบ่งที่เหมาะสม ให้ความชอบของเรา กับสังคมของผู้อื่น มาเจอกันได้ที่ตรงไหนครับ ^^
  9. gomora

    gomora Board Protector

    EXP:
    726
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ยังอ่านไม่จบครับ

    แต่ ถ้าจะหัดเขียนบทความ


    เว้นย่อหน้า จัดหน้าจอ ให้อ่านง่ายๆ มีการเน้นตัวหนา หรือสีสัน บ้าง จะทำให้อ่านได้สบายตาขึ้นครับ :)

    ย่อลืม สรุปประเด็นที่ต้องการจะสื่อ ปิดท้ายด้วยก็ดีครับ :D
  10. reedit

    reedit Member

    EXP:
    158
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    ว่าแต่ทำไมถึงมีอารมณ์โมโหรุนแรงกว่าปกติอะคะ ???
  11. freecss

    freecss Member

    EXP:
    145
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    อ่านแล้วรู้สึกว่า เดี๋ยวนี้มันปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกขนาดนี้แล้วรึ

    เอาเรื่องที่ว่า หัดไปเข้าสังคมทั่วไปซะบ้างนี่ก็เข้าใจนะแต่มันเบื่อถึงมาอยู่แถวนี้น่ะสิ เลยไม่คิดจะไปหาเท่าไหร่

    คนที่เอาแต่หมกตัวอยู่หน้าคอมหน้าทีวีดูอนิเมเล่นเกมเนี่ยผมก็ถือว่าไม่ได้เรื่องนะ แต่คนที่ไปเรียน/ไปทำงานปกติ

    แล้วพอเลือกเรียน/เลิกงาน ก็กลับบ้านมาอยู่หน้าคอมหน้าทีวี ไม่ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนต่อแล้วโดนหาว่าไม่เข้าสังคมเนี่ย ผมว่าคนนั้นน่าสงสาร...

    ps*ส่วนคนที่ติดงานกระทันหันจนนัดเพื่อนๆกรุบบ่อยๆเนี่ย... :bad:
  12. M2X

    M2X Active Member

    EXP:
    953
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    38
    ที่พูดมาก็จริงนะ เพื่อนผมบางคนเอาอย่างการ์ตูนมากจนน่ารำคาญ "และลืมไปว่าไม่เข้ากับมัน"
    เหอๆ. . .
  13. evol

    evol Well-Known Member

    EXP:
    951
    ถูกใจที่ได้รับ:
    2
    คะแนน Trophy:
    88
    [action]เข้ามาปูเสื่อนั่งดูข้างๆ กัน[/action]

    อ่านไปได้ 2 ย่อหน้า.........

    [action]เฮ้ย! นี่มันตูนี่หว่า[/action]

    [action]อ่านจนจบแล้ว ถึงได้รู้ว่าคนแบบนี้ก็มีในโลก[/action]

    พฤติกรรมจากในการ์ตูนในเมืองไทยเราคงไม่มีใครจี้เส้นไปทำกันนะครับ....
    ประมาณว่าไปยืนหน้าห้างฯ (ห้างอะไรก็ช่างเหอะ) แล้วทำท่า "บูดๆ เบี้ยวๆ แปลงร่างเป็นมดเขียว วี3"

    [action]รีบม้วนเสื่อแล้วขอลากลับบ้านเก่า...[/action]
  14. tales

    tales อัครเทวดาแมวเหมียว

    EXP:
    546
    ถูกใจที่ได้รับ:
    6
    คะแนน Trophy:
    88
    ยืมมาจาก ท่านศิชน

    "นั่นไง ขวานที่มีสามแขน" กลายเป็น "นั่นไง ขวานที่เคยมีสามแขน"
  15. undefined

    undefined New Member

    EXP:
    440
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    เอาเป็นว่า หลักๆ แล้ว ในส่วนของประเด็นพื้นฐานผมเห็นด้วยกับ sank_kid กับ Zieghart ครับ

    ในส่วนของ "ความเป็นบทความ" นั้นก็ตามลุง Gomora เลยครับ

    ที่ผมจะเพิ่มเติมคือ เวลาเขียนบทความใดๆ นั้น คุณ panom ควรจะกำหนด "ขอบเขตเนื้อหา" และ "กลุ่มเป้าหมาย" ของบทความไว้ให้แม่นๆ ก่อนเลยครับ

    ไม่อ้อมค้อมละนะ (อ้อมค้อมมากตอนแรก เน็ตเน่าซะงั้น -_-;)

    - ผมอ่านจบถึงบรรทัดสุดท้ายแล้ว เกิดความสับสนครับว่าบทความนี้ต้องการพูดถึงเรื่องอะไร (การ์ตูน? โอตาคุ? การเข้าสังคม? การคบแฟน?) การมีเนื้อหาหลากหลายในบทความชิ้นเดียวนั้นเป็นเรื่องดีครับ แต่ถ้ามันทำให้เสียความเป็นเอกภาพของเนื้อความโดยรวมไป (ออกทะเลนั่นเอง) ผมแนะนำให้เลือกเล่นกับเฉพาะบางประเด็นที่ตรงจุดจริงๆ เท่านั้นครับ

    - ลองสมมุติตัวเองว่าเป็น "กลุ่มเป้าหมาย" ของบทความนี้ (ซึ่งผมเชื่อว่าคงเป็นเหล่า "โอตาคุ") ... คุณลองอ่านดู แล้วตอบตัวเองให้ได้ครับว่า คุณ "คล้อยตาม" สิ่งที่บทความต้องการจะสื่อหรือเปล่า? ถ้าจะถามความเห็นผม ผมเห็นด้วยกับ "สาระ" หลายประการของบทความ แต่รู้สึกต่อต้าน "น้ำเสียง" ของภาษาที่คุณใช้เอามากๆ ครับ

    - สรุปว่า บทความที่คนทั่วไปอ่านจับประเด็นไม่ถูก และไม่มีพลังพอให้กลุ่มเป้าหมายคล้อยตามได้ นับว่ายังห่างไกลกับความเป็น "บทความที่ดี" อยู่มากครับ

    ติเพื่อก่อจริงๆ ครับ
    ด้วยความเคารพ :D
  16. shuu

    shuu Banned

    EXP:
    1,993
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ขอตัวทำความเข้าใจสักครู่นะครับ มึนสุดๆ O_O'
  17. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    เช่นกันครับ ผมพยายามอ่านสองสามรอบวันนี้ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเจตนาจขกท.เท่าไร ว่าจะสื่อว่า การจะเป็นโอตาคุนั้น ควร หรือ ไม่ควร กันแน่ที่จะดำรงตนเองไว้ และทำอย่างไรจึงจะถูกต้องกันแน่ในการอยู่กับสังคม?

    จริงๆผมไม่ค่อยชอบเท่าไรที่ยกประเด็นแกะขาว-แกะดำ เพราะมันเหมือนยอมรับการแบ่งแยกไปแล้วโดยไม่รุ้ตัว

    ปล. จะทำ จะชอบอะไร ไม่มีใครว่า ขออย่าให้ผู้อื่นเดือดร้อน ถูกกาลเทศะ ไม่เหยียดหยามวัฒนธรรมของแผ่นดินพ่อแผ่นดินแม่เกินไป และมีความสุขใจแก่ตนเองในระดับพอเพียง เท่านี้ผมว่าก็พอแล้วล่ะครับ
  18. dominica

    dominica สิ่งมีชีวิตอ้วนกลม

    EXP:
    1,818
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    อ่านไม่ละเอียดมาก จบไปหนึ่งรอบ เพราะยาว +แน่น มาก
    แต่อยากเสนอความคิดนิดหน่อย...

    ก็เรื่องการเข้าสังคม กับ งานอดิเรกมันก็ขึ้นกับหลายๆ ปัจจัยนะคะ แล้วก็มีหลายระดับด้วย

    ถ้าสมมติคนบางคนมีงานอดิเรกคือเล่นกีฬา เช่นฟุตบอล บาส อะไรที่เป็นทีมและ 'สังคม' นิยม คนเหล่านี้ก็คงไม่ประสบปัญหาอะไรกับการแบ่งเวลาทำสิ่งที่รัก และใช้เวลาร่วมกันเพื่อนๆ

    แต่ถ้าเกิดชอบอะไรที่ต้องใช้สมาธิ เช่นงานประดิษฐ์ ต่อจิ๊กซอว์ วาดรูป อ่านหนังสือในมุมสงบๆ หรือนั่งอัพเสปซ ออกแบบกราฟิค เขียนการ์ตูน บลาๆ งานที่มันต้องทำคนเดียวและดันใช้เวลามากๆ ด้วยก็อาจจะมีปัญหาบ้าง
    อันนี้ก็ value conflict เลย.... ทำอะไรดี ไอ้นี่ก็สำคัญ ไอ้นั่นก็ทิ้งไม่ได้...

    แต่ไม่ได้แปลว่าเขาผิดปกติ หรือแปลกแยกนี่นา

    อีกอย่างคือ คนบางคนที่เพื่อนไม่เยอะมาก แต่เข้าใจกัน
    เคยมั้ยที่เวลาอยู่คนเดียวแล้วรู้สึกว่า เงียบจัง....
    แต่พออยู่กลางฝูงชนก็รูสึกว่ามันโหวกเหวก หนวกหู อึดอัดน่ารำคาญ...

    พวกนี้ ถ้าเจอคนที่เข้าใจกัน ก็มีชีวิตสงบสุขดี เพราะเป็นคนขี้เหงา ที่ชอบความสงบเหมือนๆกัน
    อาจจะไม่ต้องพูดอะไรมาก ไม่ต้องทำอะไรมากมาย แค่ได้นั่งเงียบๆ ด้วยกัน (มันก็ไม่ถึงกะเงียบสนิท แต่ไม่พูดไรมากมายเกินจำเป็น) ทำสิ่งที่ชอบ ~ ก็สบายใจละ

    ว่าแล้วก็วางแผน ไปค้างบ้านเพื่อน นอนผึ่งพุง กินขนมอ่านการ์ตูน ตากพัดลมเงียบๆ~ สบ๊ายสบาย...

    เกิดมามีหนึ่งชีวิต อยู่ให้มีความสุขไปตามแบบที่ชอบ แล้วไม่เดือดร้อนใคร แค่นั้นก็พอ...

    เพิ่มเติม
    เพื่อให้ชีวิตคุ้มค่า... ~ อืม..
    เกิดมาได้รู้ว่าตัวเองชอบอะไร แล้วได้ทำในสิ่งที่รัก ก็น่าจะคุ้มค่าในระดับนึงแล้วนะคะ
  19. gomora

    gomora Board Protector

    EXP:
    726
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    [action]ฮัดชิ้ว...![/action]
  20. zarathustra

    zarathustra Well-Known Member

    EXP:
    1,323
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86

    ดูเหมือนว่าคนไม่มีเพื่อนส่วนใหญ่จะเก็บกดน่ะครับ ผมก็เป็น -_-;
  21. spao99

    spao99 Detonator

    EXP:
    810
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    มองในฐานะคนนอกน่ะ :)

    คนการ์ตูน อาจจะไม่รู้สึกตัวว่า บุคลิกภาพ การแสดงออกของตัวละครในการ์ตูนแต่ละเรื่องนั้น ซึ่งเป็นลักษณะญี่ปุ่นจ๋า ถ้าเอามาใช้ในบ้านเรา มันดูเป็นตัวประหลาดจริง
    วัฒนธรรมบ้านเขา เวลาแสดงอารมรณ์อะไรออกมา จะเป็นแนว overacting (เมื่อเทียบกับปกติของบ้านเรา) ไปซะหมด และำสำเนียงสำนวนที่เปล่งออกมา จะแลดูเหมือนดัดจริตไป

    และวัฒนธรรม ค่านิยม อะไรบางอย่างของทางญี่ปุ่น อาจจะมองดูไร้เหตุผลสิ้นดีก็มี แต่ทำให้ดูดีเพราะทุกคนยึดถือเป๊ะๆตามแบบญี่ปุ่นเคร่งธรรมเนียม
    สังคม วัฒนธรรม ค่านิยม ความเชื่อ หลายอย่างของญี่ปุ่นนั้น พิสดารซะจนทำให้เกิดโรคจิตประสาทประเภทใหม่ที่ไม่เจอในส่วนอื่นของโลก (พวกโรคทีี่ตั้งชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่นนั่นล่ะ... ดังๆก็ ฮิคิโคโมริ )

    สื่อต่างๆจากญี่ปุ่นที่เราเสพกันส่วนใหญ่ ก็เป็นการขายวัฒนธรรม ยกแต่ด้านดีๆมาให้เห็นเป็นส่วนมาก , ผลกระทบด้านลบจาก ค่านิยม หรือ วัฒนธรรมของเขาเอง เป็นเรื่องยากมากๆที่เขาจะเผยออกมาให้เห็นกันจะๆในสื่อต่างๆ
    จนคนการ์ตูนหลายคน พลอยจะคิดว่าญี่ปุ่นเป็นเมืองสวรรค์ไปด้วยซ้ำ

    แต่ที่แน่ๆ เรียนกับอาจารย์ที่จบจากที่ปุ่น แล้วอาจารย์คนนี้ชื่นชอบญี่ปุ่นมาก(เพราะ มันเสริมหนุนจริตส่วนตัว และ เสริมความต้องการที่ไม่ได้รับการตอบสนองของเขา)
    เรียนไปด้วยแล้วเอาวัฒนธรรมญี่ปุ่นหลายๆอย่างมาใช้ มาตัดสินว่าแบบนี้ดี แบบนี้ไม่ดี , แบบนี้ผิด หรือไม่ผิด , คุณมีสิทธิอย่างงี้ ผมมีสิทธิอย่างงั้น ฯลฯ
    พูดตรงๆเลยว่า เรียนกับแกแล้วปวดหัว และบั่นทอนปัญญา (จะทำจะแสดงออกอะไรก็ over สุดโต่งไปซะหมด )
    เหตุผลที่เขายกมาเหมือนจะดูดี แต่ดูไปแล้ว double standard หลายอย่างมาก และหลายอย่างก็แค่ความชอบส่วนตัว

    EDIT ลืมสรุป
    สรุปคือ การแสดงอะไรต่างๆในลักษณะญี่ปุ่นจ๋า ที่ดูเป็น over acting สำหรับบ้านเรา, ถ้าทำบ่อยๆ จนติดเป็นนิสัย
    มันก็แลดูเหมือนคนอารมณ์รุนแรงนั่นล่ะครับ (สิ่งเร้าที่ดูเหมือนเล็กน้อย ดันแสดงออกมายังกับมันใหญ่เท่าบ้าน)
  22. citrus

    citrus New Member

    EXP:
    608
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ู^
    ^
    พื้นฐานนิสัยต่างกันนี่เนอะ คิดในมุมกลับคนญี่ปุ่นก็มองประเทศต่างๆว่าเมืองสวรรค์เหมือนกัน เราเคยอ่านบทความหนึ่งใน a day เล่มไหนจำไม่ได้ เค้าสัมภาษณ์คนญี่ปุ่นที่มาอยู่ประเทศไทย มองบ้านเค้า และมองบ้านเรา(ประเทศไทย)ได้อย่างน่าสนใจทีเดียว คิดว่าถ้าได้อ่านคงพอเข้าใจอะไรๆมากกว่านี้แน่ๆ อย่างน้อยก็จะได้มองว่าสังคมญี่ปุ่นนี้มันไม่ได้จำกัดแค่การ์ตูนที่คุณบ้าอย่างเดียว แต่ก็เอียนความคิดคนการ์ตูนหลายคนที่เทิดทูนญี่ปุ่นถึงขนาดว่าอยากไปอยู่ประเทศเขาซะเต็มประดาค่ะ (พอๆกับพวกบ้าเกาหลี) แบบให้ความรู้สึกว่านี่ไม่รักบ้านเกิดตัวเองบ้างหรืออย่างไร

    อันนี้ตามความเห็นส่วนตัวนะคะ....

    ปล.เหมือนรู้สึกว่าตัวเองกำลังออกนอกประเด็นแฮะ.....
    ปล. 2 เหมือนไปเจอบทความนี้ในบอร์ด PK อ่านดูทั้งที่บทความเดียวกันแท้ๆ แต่อารมณ์ตอบนี่คนละอารมณ์เลยค่ะ (รู้สึกแปลกๆดีนะเออ)

    --อิดิท--
    ขี้เกียจปั่นกระทู้ขออิดิทแล้วกัน... ก็...ไม่ได้ว่าอะไรทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในการคิดการพูดค่ะ เข้าใจว่าประสบการณ์ในการใช้ชีวิตมันต่างกัน มันทำให้การมองโลกมันต่างกันด้วย เ้ราจะไม่บอกว่าอะไรมันถูกหรือผิด แต่ต้องบอกว่ามองรอบๆมองทุกด้าน มองหลายๆมุม อย่างคาแรคเตอร์การตูนจะทรงพลังได้ก็ต้องเป็นคาแรคเตอร์ที่เราสามารถเห็นมุมมองเค้ารอบด้านใช่มั้ยคะ โลกที่เรายืนอยู่ยังกลมเลย ดังนั้นโลกนี้ไม่มีอะไรที่มันดีหรือเลวไปเลยแค่ด้านเดียว (หลังๆชักออกทะเลจบแค่่นี้เถอะตู ^^; )
  23. cdaz

    cdaz นักเล่นแร่ แปรภาพ

    EXP:
    2,015
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    เห็นด้วยเคยเจอชาวญี่ปุ่นขึ้นรถเมล์ แ้วเขาลืมจอด(เชียงใหม่มันไม่มีป้ายชัดเจนอ่ะ เลยจอดเลยป้ายได้)

    พี่แกตะโกนลั่นเชียว คิดว่าจะต่อยกระเป๋ารถเมล์แล้วซะอีก แต่ก็เดินลงไปตามาปกติแถมหันมาอาริงาโตะ(ขอบคุณ) กับกระเป๋ารถเมล์ด้วย ^^;
    เห็นแล้วน่ากลัวจริงๆ ส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยแสดงโอเวอร์แอค จริงๆ ออกจะเก็บกดด้วยซ้ำ ถ้าไม่ได้คุยกันก็ไม่มีทางได้รู้หรอกว่าจริงๆ แล้วผม บ้าขนาดไหน(ทั้งติ๊ส ทั้งบ้าการ์ตูน บ้าทฤษฏีสมคบคิด) ส่วนมาจะคิดว่าผมเป็นคนเรียนเก่งและฉลาด (ซึ่งตรงกันข้ามเลย)

    ผมนี่แหละคนนึง ที่อยากไปใช้ชีวิตที่นั่น ส่วนเรื่องรักชาติ คนที่รู้จักผมคงรู้ดีว่าตั้งแต่เกิดมาชีวิตผมเจอแต่เรื่องบัดซบ(พ่อแม่หย่ากัน ธุรกิจพ่อแม่เจ๊ง ครอบครัวฝั่งแม่มี่ค่อนข้างมีตังค์ ก็แย่งทรัพสมบัติอย่างกับละครน้ำเน่า)ดังนั้นความรักชาติผมจึงต่ำติดดิน ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรน่าเชิดชูเลย และผม....บูชาระบบทุนนิยมครับ
    ดังนั้นผมจึงเสี้ยนกระสันอยากจะไปตายดาบหน้าเอาประเทศทุนนิยมแบบ อเมริกาหรือญี่ปุ่นจนแทบจะขาดใจ เพราะประเทศพวกนั้นขอให้เราขยันจนรวยได้เขาก็ยอมรับเราได้ ต่างจากประเทศเราที่นับถืออะไรที่เป็นนามธรรมจนไม่สามารถไขว่คว้ามาครองได

    (และผมเกลียดการจราจรไทยด้วย ที่เหมือนบังคับให้ทุกคนต้องครอบครองเครื่องจักรสร้างมลพิษติดตัว ต่างจากญี่ปุ่นที่สนับสนุนให้ ใช้รถไฟสาธารณะและ จักรยาน(ซึ่งผมก็ชอบปั่นจักรยานไปมาในพื้นที่ระยะ ไม่เกิน 10 กิโลอยู่แล้ว ดังนั้นเมืองที่ถีบจักรยานร่อนไปรอบๆ และมีรถไฟให้เรียงใช้ได้ทุก 5 นาทีสำหรับผมนั่คือสวรรค์แล้วแหละ))

    ส่วนเรื่องการ์ตูนน้นยอมรับว่ามีผลเล็กน้อย แต่ผมชอบแนวคิดของเขามากว่าตรงที่ ผลิตสินค้่แปลกๆ ที่เน้นไอเดียใหม่ๆ ออกมาบ่อยๆ สำหรับผมแล้ว ไอ้ไอเดียที่เป็นอาหารตาพวกนั้น เป็นอะไรที่ยึดเหนี่ยวจิตใจผมไม่ให้เป็นบ้าไปเลยทีเดียว นั่นคือสาเหตุที่ผมไม่อยากจบชีวิตในบ้านเกิดตัวเองน่ะแหละครับ เพราะประเทศเรามีแต่กรงขังทางความคิดเต็มไปหมด ตั้งแต่ปัญหาเงินทุน ต่อให้มีเงินทุนก็ติดปัญหาศีลธรรม ผ่านศีลธรรมเส็งคร็งได้ก็เจอการเมืองบ้องตื้นอีก

    เลยไม่ค่อยมีอาหารตาใ้ห้ดูเลย

    แต่ผมก็ไม่เคยคิดว่าพวกอเมริกาหรือญี่ปุ่นจะวิเศษไปเสียทุกอย่างหรอกนะ โลกไม่เคยสมบูรณ์อยู่แล้ว เพียงแต่ผมคิดว่ามันเป็นที่ที่เหมาะกับแบบผมมากว่าบ้านเิกิด(ถ้าไม่ใช่ก็อีกเรื่อง ยังไงก็จะอยากเห็นกับตาตัวเองว่าที่เขาว่าทำงานนอกประเทศมันเหมือนตกนรก มันจริงรึเปล่า อย่างน้อยก็อยากลอง)

    (ไม่ได้โกรธคุณนะครับ แค่แสดงความเห็นอีกด้าน(ที่ค่อนข้างเก็บกด) ออกมาเฉยๆ)

Share This Page