ซึ่งผมจะลงให้สั้นและกระชับเข้าใจง่ายนะครับ เริ่มจาก กลยุทธ์ กลยุทธ์ (ในการใช้ทหาร) คือความเป็นความตายของสามทัพคือความเกรียงไกรแห่งจอมทัพ ขุนพลผู้ใดรู้จักใช้กลยุทธ์แลกุมเชิงแห่งการศึกไว้ได้ กองทัพใต้บังคับบัญชาของขุนพลผู้นั้นย่อมสามารถจะตะลุยไปทั่วทะเลยทั้งสี่ประดุจพยัคฆ์ติดปีก ไม่ว่าจะเผชิญเหตุการณ์ใดๆ ก็สามารถจัดตามสภาพได้อย่างเหมาะสม ขุนพลผู้ใดมิรู้จังใช้กลยุทธ์แลกุมไว้ซึ่งเชิงแห่งการศึกกองทัพใต้บังคับบัญชาของขุนพลผู้นั้นย่อมจะกลายเป็นปลาแลมังกรที่ถูกตัดขาดจากแม่น้ำลำห้วยกองทัพเช่นนี้จะแหวกว่าในทะเลแลโต้คลื่นกอลางสมุทร ได้ดังฤา? อรรถาธิบาย : คำว่า "สามทัพ" ในที่นี้หมายถึงกองทัพทั่วประเทศหรือทั่วนครรัฐ คำว่า "ทะเลทั้งสี่" ในที่นี้หมายถึงทั่วประเทศ บทว่าด้วย "กลยุทธ์" นี้ขงเบ้งได้เน้นถึงความสำคัญของการใช้กลยุทธ์อย่างคล่องแคล่วชำนาญการของผู้เป็นขุนพล ปล.ผมขอลงแยกจากคนรักสามก๊กนะครับเพราะเป็นหลักเฉพาะของสามก๊กและบทต่อๆ ในหัวข้อนี้เพียงหัวข้อเดียวนะครับ เป็นเฉพาะตำราและพิชัยไป และถ้าใครสนใจผมจะลงมาเรื่อยๆ ในนิพนธ์ครับ ยังไงขอคำแนะนำเพื่อลงครั้งต่อๆ ไปในครั้งต่อๆ ด้วยครับ
ไม่มีชมรมคนรักสุมาอี้บ้างเหรอ (" )( ") (me โดนเตะ) ลองแวะเข้ามาดู น่าสนใจดีครับ (เสียตรงที่ผมเป็นคนเข้าใจศัพท์อะไรยากๆ อ่านทีต้องตีความหลายเที่ยว - -")
สร้างเมล์ใหม่ --> สมัครบอร์ดใหม่ --> โดนลบ --> สร้างเมล์ใหม่ --> สมัครบอร์ดใหม่ --> โดนลบ ครบ 7 หน แบบขงเบ้งจับเบ้งเฮ็ก แล้วจะเป็นยังไงบ้างหนอ...
ลงต่อเลยนะครับ ขจัดห้าชั่ว กองทัพจะพ่ายแพ้บ้านเมืองจะล่มจมเพราะห้าชั่วนี้ 1.แบ่งพรรคแบ่งพรรคแบ่งพวก ใส่ร้ายป้ายโทษผู้มีภูมิรู้ความสามารถที่สุจริต 2.เหลวแหลกเละเทะ ใช้ยานพาหนะแลสวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ผิดระเบียบแบบแผน 3.ปลุกผีร่ายมนต์เผยแพร่ไสยเวท 4.ฟื้นฟอยหาตะเข็บ คอยจับผิดผู้อื่นเพื่อแก้แค้นส่วนตัว 5.ฉวยโอกาศคบคิดกับข้าศึกศัตรู เหล่านี้คือเล่เหลี่ยมคนของของคนไรสัตย์ทั้งสิ้นพึงหลีกห่าง อรรถาธิบาย : บทนี้ขงเบ้งแนะนำให้ห่างจากทั้งห้าชั่วนี้ เพราะจะเป็นภัยกับตัวเองและบ้านเมือง ซึ่งห้าชั่วพวกนั้นก็คือกังฉินดีๆ นั่นเอง พึงห่างเพราะนำความย่อยยับมา แล้วคบกับผู้ทรงปัญญาและปราชญ์ต่างๆ เพื่อความก้าวหน้าของตัวเองครับ ปล.ใครสนใจชมรมเกี่ยวกับตัวละครตัวอื่นผมจะหาเวลามาลงโพสเฉพาะนะครับ ถ้าศัพย์ยากไปจะพยายามลงอรรถาธิบายให้ง่ายขึ้นครับ ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นครับ
5 ชั่วนี้ อารมณ์แบบ 5 ส ไรงี้ใช่ป่ะครับ - -? ดูคนอื่นๆที่อ่านสามก๊กกันมาดูได้ความรู้ คิดวิเคราะห์ บลาๆ จากสามก๊กเยอะแยะ แต่ไหงผมไม่เห็นได้ไรเลย นอกจากจำเนื้อเรื่องได้ =[]=!! ก๊ากกกกกกกก อนาถเค่อะ! รออ่านต่อครับๆ
ส่วนหนึ่งกลยุทธ์ขงเบ้งมีอิทธิพลมาจากซุนวูนะครับ รู้สึกซุนวูก็เคยพูดถึงปราชญ์ที่ควรคบ ปราชญ์จอมปลอมหลายๆประเภทแบบนี้เหมือนกัน 5 ข้อที่ว่ามานั้น ผมคิดว่ามันน่าจะมีเยอะกว่านี้นะ แต่เท่านั้นก็นับว่าครอบคลุมกังฉินที่เป็นภัยต่อบ้านเมืองแล้ว ปล. มีเขียนคำผิดด้วยนะครับ - -' มัวแต่จ้องขุนพลหล่อๆอยู่รึเปล่าล่ะนั่น (- - (ล้อเล่นนะ กร๊าก ซางจำเนื้อเรื่องได้ผมว่าเก่งโคตร ผมอ่านสองรอบยังขาดๆหายๆอยู่เลย น่าอาย)
เล่มสามมาแล้วครับ มีเปรียบเทียบกับการเมืองด้วยนะ สมเหตุสมผล และสะใจดีด้วยไม่ว่าจะเป็นเรื่อง 1. รสนิยมทางเพศของเล่าปี่ 2. ความบ้าสงครามของขงเบ้ง 3. ความปลิ้นปล้อนของเล่าปี่ :scare:
เอ่อ..หนังสือเป็นแบบไหนน้า คุณชูถึงได้อคติกับขงเบ้งแกจัง สามข้อที่กล่าวมาเนี่ย จะไปจุดชนวนใครรึเปล่าน่ะสิ จะเกลียดใครไม่ชอบใครมันก็ความคิดส่วนบุคคลนะจ๊ะ ปล ถ้ากระทู้จะว่าด้วยกลศึกก็ต่อๆมาเถอะค่ะ ไม่ว่าจะของใครก็เป็นความรู้ทั้งนั้น
แนะนำว่า ให้ลองอ่าน กระชากหน้ากากขงเบ้ง ดูครับ อ่านแล้วคิดเหตุผลตามเค้านะครับ แล้ว มันมีอะไรที่น่าคิด เยอะมาก ครับ ยกตัวอย่างเช่น ขงเบ้งนอนหลับให้เล่าปีรอ ในชุดนักศึกษาเต็มยศ... ใครเค้าจะนอนในชุดนั้นกันครับ แถมขงเบ้งก็บอกอยู่ปาวๆ ว่าอยากปลูกผักทำสวน แต่กลับแต่งตัวแบบนั้น? แล้วจำตอนที่เล่าปี ตีก๊้กตะวันตกของคนแซ่เล่าด้วยกันได้รึเปล่าครับ เล่าปีร้องห่มร้องให้ไม่ยอมตีซะขนาดใหน แต่.... แต่... แผนที่จะยึดเอาเมืองทางนั้นน่ะ ขงเบ้งเขาคุยให้ฟังตั้งแต่เจอหน้ากันในวันนั้นแล้ว แล้วเล่าปี่ทำไงครับ? ลงไปคุกเข่าอ้อนวอนให้มาเป็นกุนซือ จริงเปล่าครับ
แนะนำว่าให้อ่านเองกับตาแล้วคิดตามเหตุผลนะครับ ไม่ได้อคติอะไรหรอก...แล้วจริงๆผมอ่านสามก๊กครั้งแรกฉบับนิยายธรรมดานี่แหละ ผมไม่เคยชอบขงเบ้งเลยนะ ที่แย่งเมืองมาจากจิวยี่น่ะ ไม่ได้เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้เลยซํกนิด แต่อ่านกระชากหน้ากากขงเบ้งแล้ว คุณจะได้เห็นมุมมองอีกมุมนึงไปเลยล่ะ เอาง่ายๆฉบับนิยายจะยกย่องขงเบ้ง และิยิ่งยาขอบเชิดชูขงเบ้งเป็นผู้หยั่งรู้ดินฟ้ามหาสมุทรเลย แต่สิ่งที่ขัดแย้งคือ มีครั้งนึงที่สุมาอี้เกือบโดนเผาในกองเพลิงแล้วแต่ฝนตกลงมาซะก่อน ไหนบอกขงเบ้งหยั่งรู้ดินฟ้าไง ทำไมตอนนั้นไม่รู้ก่อนล่ะว่าฝนจะตก...= =' ถ้าจะบอกลิขิตสวรรค์ แล้วจะไปจุดกองไฟทำไม..จริงไหม งานหนังสือนี้ลองไปดูที่ boot เคล็ดไทยเลยครับ มี กระชากหน้ากากขงเบ้ง 1-3 ชำแหละกึ๋นเล่าปี่ --> กล่าวถึงความฉลาดของเล่าปี่ที่คนส่วนใหญ่คิดว่าโง่และไม่เก่ง ผ่าสมองโจโฉ-->ไม่เคยอ่าน- -' ล้วงคอสุมาอี้--> บอกถึงความโหดเหี้ยมของตระกูลสุมาอี้ ผู้ชนะที่แท้จริงแห่งสามก๊ก เทิดศักดิ์ศรีจูล่ง--->ไม่เคยอ่านแต่ดูจากหัวเรื่องพอจะรู้ ไม่รู้ตาเล่าชวนหัวจะเขียนบีบไข่อ้วนเสี้ยวบ้างมั้ยนะ ... oooppppsss!! ปล. กลศึกสนใจครับ ถ้ามีก็ต่อไปเรื่อยๆนะ จะคอยอ่าน
จากเนื้อหาในเรื่องก็พบได้ว่า.. ชำแหละกึ๋นเล่าปี่ --> กว่าจะได้เป็นใหญ่ ก็ใช้เวลาชำแหละนานหน่อย ผ่าสมองโจโฉ--> คงเพราะปวดหัวบ่อยๆจนหมอฮูโต๋ จะเปิดกะโหลกดู ล้วงคอสุมาอี้--> การ์ตูนของค่ายบูรพัฒน์สักเล่ม...เขียนอยู่ขายอยู่.. เทิดศักดิ์ศรีจูล่ง---> ได้ข่าวว่าเขาเป็นชายเหนือชาย
ชำแหละกื๋นเล่าปี่ => ไม่ใช่คนดีเลิศประเสริฐศรี แต่ก็ใช้วิชาตั้งตัวจากตัวเล็กๆจนเป็นใหญ๋ได้แหละ กระชากหน้ากากขงเบ้ง => เคยอ่านแต่ไม่จบ ที่เหลือไม่เคยจับ
สรุปว่า..ต้องรู้เขารู้เราใช่ม้า..สงสัยคงต้องหามาอ่านซะทุกเล่มล่ะสิเนี่ย คงไม่เก่าสินะ หนังสือเก่าต้องไปลื้อๆแถวจตุจักร
จริงๆกระชากหน้ากากขงเบ้ง+ชำแหละกึ๋นเล่าปี่ เนี่ย ผมว่าเราควรอ่านในแง่ที่ว่าให้เล่าชวนหัวเสนอแง่มุมอีกมุมหนึ่งดูก็ไม่เลวเหมือนกัน บางทีมันก็มีบางจุดจริงๆที่แบบว่าเรามองข้ามไป หรือ เออ มันก็จริงว่ะ อะไรทำนองนี้ครับ เราอ่านโดยใช้ตรรกะ และวิเคราะห์ด้วยเหตุผลแบบตัวเราเอง ไม่ได้ให้เล่าชวนหัวเขามาชี้นำ เพียงแต่ท้ายที่สุดใครจะเลือกเชื่อหรือไม่นั้น มันก็สุดแต่วิสัย จะมาตีกันก็กระไร นั่นคือเหตุผลที่ผมคิดว่าเราน่าจะลองอ่านครับ มุมมองของผม เล่าปี่ ไม่ได้เลวร้ายมากอย่างเล่าชวนหัวเขียน ตรงข้าม ผมกลับชอบ"แหล"แบบเล่าปี่ด้วยซ้ำ มันช่วยให้เราอยู่ในสังคมได้จริงๆนะ ขงเบ้ง มีบางเรื่องที่เล่าชวนหัวเสนอมาได้ดีมาก เรื่องที่เหนือจริงเกินไป แต่ผมก็ยังไม่ได้อคติกับขงเบ้งอยู่ดี เพียงแต่มองว่า เขาไม่ใช่ปราชญ์ผู้แสนดีขาวสะอาดนัก นอกนั้น ผ่าสมองโจโฉ-->อ่านแล้ว ลืมแล้ว (ตอนนั้นยังไม่สนใจโจโฉ) ล้วงคอสุมาอี้--> เหมือนโจโฉ อ่านแล้วลืมแล้ว เทิดศักดิ์ศรีจูล่ง--->มีเรื่องของกวนอู เตียวหุยอยู่ด้วย กวนอูนี่เล่าชวนหัวฉะแบบไม่เหลือซากเลย(แต่มันแอบตรงกับใจผม) ส่วนเตียวหุย มองในแง่ลบ แต่ผมไม่ได้เอาความคิดของเล่าชวนหัวมาวิเคระห์ ส่วนจูล่ง จะเล่าถึงวีรกรรม และชะตาชีวิตที่น่าสงสารแบบที่เราไม่คิด ซึ่งก็เกี่ยวพันกับเล่าปี่และขงเบ้งอีกตามเคย จขกท. เอามาลงอีกเลยนะครับ กลศึกขงเบ้ง หลายๆครั้งที่ผมอ่านสามก๊กผมก็ไม่ได้จับมาจำเหมือนกัน แต่เสนอแนะว่า อยากให้ใส่ความคิดวิเคราะห์ของตัวเองลงไปด้วยจะดีมาก จะได้เป็นเรื่องถกกัน และจะได้ไม่ถูกมองว่าก็อปมาแปะลูกเดียวครับ
ต่อเลยนะครับ หยั่งรู้อุปนิสัย อันการหยั่งรู้อุปนิสัยของคนนั้นเป็นสิ่งยากแท้ ดีกับชั่วย่อมต่างกัน ความในใจกับรูปภายนอกก็ใช่ว่าจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน คนเรานั้นบางคนทำฮึดฮัดแต่ที่แท้ขี้ขลาดตาขาว บางคนดูขยันขันแข็งแต่ความจริงนั้นหน้าไหว้หลังหลอก ทว่าใจคนนั้นก็ยังหยั่งได้ด้วยวิธี 7 ประการดังนี้ หนึ่ง ลองใจด้วยความผิดแลความถูก เพื่อหยั่งรู้คติธรรม : สองวิภาษให้จนมุม เพื่อหยั่งรู้ปฏิภาณ ; สาม ซักไซ้ด้วยเรื่องกลอุบายเพื่อหยั่งรู้สติปัญญา : สี่ แจ้งภัยพิบัติให้รู้ตัว เพื่อหยั่งรู้ความกล้า ; ห้ามอมด้วยสุราเพื่อหยั่งรู้นิสนัยแท้ ; หก ให้ลาภยศปรากฏเบื้องหน้า เพื่อหยั่งรู้ความสุจริต ; เจ็ด ให้เสร็จงานตามกำหนด เพื่อหยั่งรู้ความมีสัจจะ อรรถาธิบาย การรู้ใจคนเป็นเบื้องแรกของการใช้คนในการบังคับบัญชากองทัพถ้าแม้นเลือกคนที่ไม่เหมาะสมไปประจำตำแหน่งสำคัญ ผลที่เกิดอย่างน้อยก็จะทำให้กองทัพเสียไพร่พล บางทีอาจจะพังทลายลงทั้งกองทัพอันจะนำความเสียหายมหันต์มาสู่ประเทศชาติ ฉะนั้นก่อนอื่นต้องรู้ใจคน แล้วจึงจะใช้ส่วนเด่นเลี่ยงส่วนด้อยของคนนั้นๆ ดังนี้แล้วยามสงบกองทัพก็จะอยู่ในสภาพที่เข้มแข็ง ยามศึกก็จะเอาชนะข้าศึกศัตรูได้ ปล.การใช้คนสำคัญนะครับเป็นผลได้ผลเสียขององค์กรเลยทีเดียวครับ ยังไงการใช้คนก็ต้องดูให้ลึกๆ นะครับดูความสามารถให้ออกแล้วค่อยใช้ครับ ส่วนทางผมขอลงแค่ตรงนี้นะครับ คราวหน้าจะลงอีกถ้าทุกคนยังสนใจข้อมูลพวกนี้อยู่นะครับ ขอบคุณครับ
สามก๊ก เรื่องมันนานมาแล้ว ใครเขียนเขาก็ต้องใส่ความคิดของเขาไปด้วยแหละน้า แต่ว่าความรู้ย่อมเป็นความรู้น่ะแหละ ทำได้พิสูจน์ได้ การหยั่งอุปนิสัยนะ ข้อจับมอมเหล้าเนี่ย ง่ายและเห็นผลเร็วกว่าทุกข้อเลยนะเนี่ย
ขุนพล 9 ชนิด ขุนพลที่ดีนั้นมี 9 ชนิด ชนิดหนึ่งรู้จักโน้มน้าวใจทหารด้วยคุณธรรมปรับปรุงกองทัพด้วยระเบียบแบบแผน รู้แจ้งเมื่อทหารเหนื่อยยากลำบากกาย นี่คือ "ขุนพลแห่งการุณยธรรม" : ชนิดหนึ่งตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติการมิเคยละเลยในหน้าที่ ไม่เห็นแก่ลาภยศสักการะ ยอมเสียสละเพื่อเกียรติศักดิ์ ไม่ยอมอยู่รอดด้วยการถูกเหยียดหยาม นี่คือ "ขุนพลแห่งธรรมะ" ; ชนิดหนึ่งถึงจะสูงด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ก็มิเคยหยิ่งยโส ถึงจะรบชนะเป็นเนืองนิตย์ก็มิโอ้อวดในความดีความชอบ ถึงจะพร้อมมูลด้วยคุณธรรมแลคุณวุฒิก็เคารพยกย่องผู้มีความสามารถถึงจิตใจจะแข็งแกร่งก็สามารถทนต่อความอยุติธรรมที่ได้รับ นี่คือ "ขุนพลแห่งจริยธรรม" ; ชนิดหนึ่ง สันทัดในการใช้กลยุทธ์อันลึกซึ้งสุดจะคาดคิดแลยืดหยุ่นพลิกแพลงได้ตามกาลเทศะที่เปลี่ยนไป สามารถแปรเหลี่ยนภันตรายให้เป็นความปลอดภัย สามารถแปรเปลี่ยนภยันตรายให้เป็นความปลอดภัย สามารถแปรเปลี่ยนความพ่ายแพ้ให้เป็นชัยชนะ นี่คือ "ขุนพลแห่งสติปัญญา" ; ชนิดหนึ่งรู้จักบำเหน็จรางวัลอย่างงามแก่ทหารที่กล้ารุกไล่โจมตีข้าศึกศัตรู รู้จักใช้อาญาอย่างหนักต่อทหารที่ถอยหนี ยามบำเหน็จรางวัลก็ทันกาล ยามลงโททษทัณฑ์ก็ไม่จำแนกตระกูลสูงต่ำ นี่คือ "ขุนพลแห่งความสัตย์" ; ชนิดหนึ่งปฏิบัติการรวดเร็วประหนึ่งม้าศึก ห้าวหาญเป็นเยี่ยมในสามทัพสันทัดในการรณรงค์ต่อสู้ด้วยอาวุธนานาชนิด เป็นกำลังรักษาเขตขัณฑสีมาที่แข็งแกร่ง นี่คือ "ขุนพลแห่งทหารราบ" ; ชนิดหนึ่งไม่กลัวภยันตรายวางศรบนม้าศึกดุจบิน ยามรุกอยู่หน้า ยามถอยอยู่หลังคอยคุ้มกัน นี่คือ "ขุนพลแห่งทหารม้า" ; ชนิดหนึ่งฮึกห้าวเหิมหาญชื่อก้องสามทัพกล้าดูหมิ่นข้าศึกศัตรูที่เข้มแข็ง ยามทำศึกใหญ่กล้าหาญชาญชัย ยามทำศึกย่อยก็มิประมาท นี่คือ "ขุนพลแห่งความกล้าหาญ" ; ชนิดหนึ่งรู้จักนอบน้อมถ่อมตนแลรับฟังความเห็นด้วยความยินดีเมื่ออยู่กับผู้รู้ใจคอหว้างขวางจิตใจเด็ดเดี่ยว กล้าหาญชาญชัยแลพราวไปด้วยกลเม็ดเด็ดพราย นี่คือ "ยอดขุนพล" อรรถาธิบาย : สาระสำคัญของบทนี้ความจริงก็คือข้อเรียกร้องที่มีต่อขุนพลทั้งหลายนั่นเอง ปล.ระดับความสามารถของแต่ละคนนั้นต่างกันมีมากมีน้อยไม่เท่ากัน ซึ่งความสามารถแต่ละคนย่อมต่างกันนะครับ ลองนำคุณสมบัติมาใช้ดูละกันนะครับ ไม่แน่อาจจะเป็นยอดขุนพลไปเลยก็ได้นะครับ ขอบคุณครับ
ท่าทางขงเบ้งจะเขียนดีแต่ใช้เองไม่เป็นนะเนี่ย ลองสับทีละข้อเลยเรื่องขุนพลเนี่ย เลือกใช้ม้าเจ๊ก ม้าเลี้ยงที่เป็นเพื่อนสนิท เส้นสายตัวเอง ไม่เห็นจะได้ความเลย =*='' นี่แสดงว่าเล่าปี่นี่แหละที่ดูคนเก่งกว่าขงเบ้งเยอะ ขุนพล 9 ชนิด ชนิดหนึ่งถึงจะสูงด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ก็มิเคยหยิ่งยโส ถึงจะรบชนะเป็นเนืองนิตย์ก็มิโอ้อวดในความดีความชอบ ถึงจะพร้อมมูลด้วยคุณธรรมแลคุณวุฒิก็เคารพยกย่องผู้มีความสามารถถึงจิตใจจะแข็งแกร่งก็สามารถทนต่อความอยุติธรรมที่ได้รับ นี่คือ "ขุนพลแห่งจริยธรรม" กวนอูสอบตกข้อนี้เต็มๆ.....= =''...โอ้อวดไงครับ แต่ทำไมยังได้ขุนพลแห่งจริยธรรม = ='' ชนิดหนึ่งรู้จักนอบน้อมถ่อมตนแลรับฟังความเห็นด้วยความยินดีเมื่ออยู่กับผู้รู้ใจคอหว้างขวางจิตใจเด็ดเดี่ยว กล้าหาญชาญชัยแลพราวไปด้วยกลเม็ดเด็ดพราย นี่คือ "ยอดขุนพล" จูล่งเลยสิเนี่ย ยอดขุนพล วันนี้เห็นเป็นหนังสือวางขายเหมือนกันนะครับตำราพิชัยสงครามขงเบ้งน่ะ ปกติไม่เคยเห็นเลยเคยเห็นแต่ซุนวูกับ 13 กลยุทธ์