[Fic]รหัสลับ ณ เกาะเศาะลี้บ

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย Mobster, 15 มีนาคม 2008.

  1. Mobster

    Mobster New Member

    EXP:
    12
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    อ่านเรื่องนี้อ่านจะเวียนหัวได้ แนะนำว่าช่วยเปลี่ยนตัวละครให้ตามทุกๆตัวละครจะเข้าใจมากขึ้น
    เกมนี้มีฉากจบ7แบบแล้วแต่จะดำเนินเรื่อง ให้ค่อยๆอ่านไป


    -----------------------
    รหัสลับ ณ เกาะเศาะลี้บ

    เกียร์นักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ปี1 เดินทางพร้อมเพื่อนอีก 2 คน
    คนนึงชื่อ ก้อง นักศึกษาคณะประวัติศาสตร์ปี1
    อีกคนชื่อ เอก นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ปี1

    ทั้งสามเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยมัธยม และยังเอนทรานส์อยู่สถาบันเดียวกัน ไปไหนมาไหนจึงไปด้วยกันเสมอ

    คำว่าเศาะลี้บเป็นภาษาอาหรับแปลว่าไม้กางเขน เหตุเพราะ เดิมทีชาวแขกคริสต์เดินทางมาค้าขาย มีบางส่วนเดินทางอพยพมา

    และด้วยเป็นเกาะที่สงบจึงมาตั้งวัดคาทอลิกเล็กๆอยู่ มีคุณพ่อบาทหลวงที่ประจำอยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นคนท้องถิ่นนั่นแหละแต่ไปเรียนคำสอนในวัดเณรของสังฆมณฑลแล้วส่งตัวมา

    ผู้คนที่นี่จะพูดกับส่วนใหญ่เป็นภาษาไทยกลาง มีบ้างที่จะพูดภาษาอาหรับและภาษาฟาร์ซีอยู่


    เกาะแห่งนี้นอกจากมีกฎสำหรับคนนอกแล้ว ยังมีกฎภายในเกาะอีกมากมายดังนี้


    1.ห้ามออกจากบ้านหลังเสียงระฆังทำวัตรตมิสซาเย็นดังขึ้น (แน่นอนว่าผู้ที่อยู่มิสซาเย็นจะอยู่วัดเลยยันเช้าน้อยครั้งจะออกจากบ้าน)

    2.ห้ามออกจากบ้านในเวลากลางคืนจนกว่าเสียงระฆังทำวัตรเช้าดังขึ้น

    3.หากเสียงระฆังทำวัตรเย็นดังขึ้นและยังมีกิจที่ยังไม่สามารถกับบ้านได้ ให้รีบทำให้เสร็จก่อนเที่ยงคืน หอนาฬิกาจะตีเที่ยงคืนกับเที่ยงวัน ดังนั้นหอนาฬิกาโบราณตรงปลายเกาะจึงบอกเวลาเที่ยงคืน (และแปลกที่ไม่มีใครตีแต่มันดังเอง)

    4.เมื่อระฆังทำวัตรเย็นดังขึ้นให้รีบออกจากบริเวณท้ายเกาะ ให้รีบวิ่งให้พ้นเสาหินนักบุญอัครสาวกทั้งสิบเอ็ด

    5.เมื่อระฆังทำวัตรเย็นดังขึ้นห้ามใครเข้าไปในสุสานเด็ดขาด

    6.ผู้หญิงให้คลุมผมเสมอตามคำที่นักบุญเปาโลพูดไว้ในพระคัมภีร์ 1คร11:5-6

    แต่หญิงที่อธิษฐานภาวนา หรือประกาศพระวาจาโดยไม่คลุมศีรษะก็ลบหลู่ศักดิ์ศรีศีรษะของตน เปรียบเทียบกับการโกนผมนั่นเอง ดังนั้น ถ้าหญิงใดไม่ยอมใช้ผ้าคลุมศีรษะ ก็ให้นางตัดผมเสียด้วย แต่ถ้านางรู้สึกอับอายที่จะตัดหรือโกนผม ก็ให้นางใช้ผ้าคลุมศีรษะเถิด

    7.ถ้าได้ยินเสียงไซเรน ไม่ว่าจะดังจากไหน ห้ามออกจากที่พัก

    8.สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อ ไม่ว่าเช่นไรต้องทำตามกฎของเกาะ

    9.คนต่างถิ่นจำเป็นต้องทำตามกฏของเกาะ

    10.หากหลังเสียงระฆังทำวัตรเย็นดังขึ้นแล้วยังไม่กลับที่พัก ถ้าพบเจอสิ่งใดให้รีบมองไปยังวัดคาทอลิกที่อยู่บนทางเหนือและเป็นจุดที่สูงที่สุดของเกาะ

    11.ถ้าคนต่างถิ่นเข้าต้องรีบออกก่อนเสียงระฆังทำวัตรเย็นดัง มิเช่นนั้นต้องอยู่ในเกาะจนครบ2คืนหรือมากกว่า

    12.ทันทีที่เสียงนาฬิกาดังเที่ยงคืนให้ปิดหน้าต่างห้ามมองออกไปนอกหน้าต่าง



    เกียร์ เอก ก้อง สะพายกระเป๋าลงจากเรือ พี่ที่ขับเรือมาส่งดูท่าทางรีบร้อนไป ทั้งสามเดินเข้ามาในหมู่บ้านที่พลุกพล่านด้วยคนในเกาะ

    ไม่ยากที่เดินหาบ้านพักนักท่องเที่ยว เนื่องด้วยกฎต้องอยู่ให้เกิน2คืน จึงมีบ้านพักไว้เผื่อ ที่จริงทั้งสามเจอไว้แล้วจึงหาไม่ยาก

    เกาะนี้ไฟฟ้ายังมาไม่ถึง จะมีแค่สัญญาณโทรศัพท์มือถือบางค่ายที่มาถึงแต่ไม่ค่อยชัด นั่นก็ไม่ค่อยเป็นสิ่งจำเป็นสักเท่าไหร่

    ถ้าไม่คิดถึงเรื่องคำสาปในเกาะเศาะลี้บ เกาะนี้ถือว่าเป็นเกาะที่น่าอยู่ ผู้คนขายของ หน้าตาเบิกบาน

    กลิ่นอายของอาหรับผสมกับวัฒนธรรมคริสต์ดูแปลกตา คนเฒ่าคนแก่ที่ยังพูดภาษาอาหรับบ้างฟาร์ซีบ้าง

    เกียร์ ก้อง เอก มาถึงโรงเตี๊ยมที่จองห้องไว้แล้ว พวกเขารับกุญแจห้องขึ้นไปยังชั้น3ห้องริมสุด มันดูเก่าโทรมมาก

    แม้มันจะได้รับการบำรุงมามาก ทั้ง3วางกระเป๋าลง เกียร์ถอดเสื้อยืดออกด้วยที่ว่าอากาศร้อน

    “ก็น่าอยู่นะ เสียดายที่ไม่มีชายหาดไว้เล่นทะเล” ก้องปิดประตู วางกระเป๋าลงแล้วถอดเสื้อออกพูดขึ้น

    เกียร์ที่ถอดเสื้ออยู่แล้วนอนเหยียดกายบนที่นอนแล้วพูดต่อด้ายความขี้เกียจ

    “เราไม่ได้มาเที่ยวเรามางานที่ต่างคนมี ข้าต้องเขียงเรียงความตอนปิดเทอมหน้าร้อน แม่งอย่างกับเด็กประถมเลยหวะ แล้วเอกของแก เอ่อมีงานไรวะ”

    เอกที่ถอดเสื้อนานแล้วกำลังล้างหน้าในห้องน้ำหันออกมา
    “อะไรวะ”

    เกียร์ตะแคงตัวหันมาทางเอก
    “ข้าถามเอ็งว่ามีงานไรกับเค้าบ้างหรือเปล่า”

    เอกปิดน้ำแล้วเดินออกมาเจ็บหน้าเช็คตัว
    “หลักๆคือมาเที่ยวที่เงียบๆ แต่งานก็มีเก็บตัวอย่างน้ำจากที่นี่แค่นั้น”

    “แม่งโคตรสบายเลยหวะ”ก้องพูดขึ้น “ข้าเขียนรายงานภาษาถิ่น ประวัติศาสตร์ ตำนานที่นี่ น่าเบื่อชิบ”

    “ใครว่าสบาย เคมีใครว่าง่าย แสด” เอกล้มตัวนอนบนเตียง “ไม่คิดออกไปหาของกินบ้างหรอ”

    “เดี๋ยวข้าออกไป ขอให้หายเหนื่อยซักหน่อย”เกียร์พูดขึ้น สักพักเขาไปหยิบเสื้อมาใส่แล้วแต่งตัว

    “มีใครจะเอาอะไรไหม”เกียร์ถามขึ้น “ห้ามถามหาเหล้าเพราะข้ามั่นใจว่าไม่มีขายแน่”

    “เออๆ ข้าขอข้าวผัดละกัน”ก้องพูดขึ้น

    “ข้าก็เอาด้วย”เอกก็พูดอีกที หล้วหันหน้ากลับไปนอนอย่างเดิม

    “เออเออ ไม่คิดจะไปกับข้าเลยหรือไงฟร่ะ”

    “ขี้เกียจหวะ”ก้องและเอกพูดขึ้น
    เกียร์ใช้มือขยี้ผมสีน้ำตาลเข้มแล้วออกไป


    ขณะนี้คุณกำลังดำเนินเรื่อง

    เลือกเกียร์ดำเนินเลือกให้ไปที่A1
    เลือกเอกดำเนินเรื่องให้ไปที่B1
    เลือกก้องเป็นตัวดำเนินเรื่องให้ไปที่C1




    A1
    เกียร์เดินตามถนนไป เวลาตอนนี้ใกล้6โมงเย็น เขาซื้อข้าวผัดให้เพื่อนๆแล้ว เห็นสิ่งที่ประหลาดขึ้นในชุมชน

    ทุกคนตาลีตาเลือกเก็บข้าวของปิดบ้าน ไม่ถึง10นาที จากตลาดที่คับคั่งไปด้วยคนได้หายเข้าบ้านเงียบไปหมด

    เกียร์รีบกลับห้อง กลัวโรงเตี๊ยมจะปิดตาม เขามาทัน

    “ลุงเขามีอะไรกันหรอทำไมทุกคนถึงรีบเข้าบ้านกัน”

    “อ๋อ มันเป็นธรรมเนียมของเกาะ เมื่อถึง6โมงทุกคนจะรีบเข้าบ้านกันแล้ว เพราะ1ทุ่มระฆังที่วัดจะตีบอกเวลาทำวัตรมิสซาเย็น ไม่ให้ใครออกมาข้างนอก โรงเตี๊ยมก็แค่ปิดประตูไว้แหละ ทางที่ดีอย่าออกไปข้างนอกดีกว่า เชื่อไว้บ้างก็ไม่เสียหาย”

    แล้วลุงคนงานก็เดินไป ผู้คนข้างล่างมีบางตา เกียร์รีบขึ้นห้องไปพบเพื่อน
    (โปรดติดตามตอนต่อไป)




    B1
    เกียร์ออกไปนานแล้ว ยังไม่กลับมา

    “เดี๋ยวกูไปเดินเล่นหน่อย ตามหาไอ้เกียร์มันด้วย” ก้องพูดขึ้น

    “อือ แต่ถ้าได้ยินเสียงระฆังโบสถ์ให้รีบกลับนะเว้ย ที่นี่เค้าถือกัน”เอกบอก

    “เออ กูไม่ลืมหรอก”แล้วก้องก็ใส่เสื้อออกประตูไป

    เอกนอนคิดอะไรเรื่อยๆ ทันใดนั้นเขารู้สึกอึดอัด เหมือนมีคนบีบคอเค้า แล้วจับเขาลอยขึ้นจากที่นอน ตอนนี้เอกกำลังลอยอยู่

    “อะ....ไร...วะ.....”เอกพูดขึ้น

    พลังลึกลับสีดำก่อตัวเป็นรูปร่างเป็นเงาดำๆ

    “123456, 123456, 123456”เงาดำพูดขึ้น

    เอกเริ่มคิดจากที่มันพูด มันนับเลขหยุดที่หก3ครั้ง 666นี่นา ความด้วยเอกเป็นคริสตชน ในพระคัมภีร์วิวอนที่เขาเคยอ่านเขียนไว้ที่ วิวรณ์13:18

    ดังนั้น จำเป็นต้องมีปรีชาญาณ ผู้มีปัญญาจงตีความจำนวนเลขของสัตว์ร้ายให้ได้ เพราะมันเป็นจำนวนเลขที่หมายถึงมนุษย์คนหนึ่ง จำนวนเลขนั้นคือ 666

    เอกทำสำคัญมหากางเขนขึ้น

    “เดชะพระนามแห่งพระบิดา พระบุตร และพระจิต อาแมน”
    แล้วเงาดำก็ปล่อยเอก ลอยออกหน้าต่างไป ทิ้งอักษรอาหรับไว้
    [​IMG]

    “สงสัยต้องรอไอก้องมันกลับมาก่อนแล้วหวะ”เอกพูดขึ้น
    (โปรดติดตามตอนต่อไป)




    C1


    ก้องเดินออกไปหาเกียร์แต่ก็ไม่เจอ แล้วพบว่าชาวบ้านรีบเก็บข้าวของมาก
    “พี่ครับมีอะไรกันหรอทำไมรีบอย่างนี้”

    ก้องถามพี่ที่ขายน้ำมะพร้าว

    “ไอ้น้อง นักท่องเที่ยวใช่ไหม พี่ขอเตือน อย่าออกนอกที่พักเมื่อได้ยินเสียงระฆังทำวัตรเย็นขึ้น จะถึงเวลาวิญญาณร้ายที่ถูกขังจะออกมา พี่เตือนแล้วนะ เชื่อไม่เชื่อก็ตามใจ"

    แล้วพี่คนนั้นก็รีบเก็บของเก็บร้านต่อไป

    ก้องรู้สึกวิญญาณโคนันเข้าสิง อยากรู้ อยากสืบ เลยรีบขึ้นเนินเขาไปวัดคาทอลิกประจำเกาะ เขาเองเป็นคริสตชนคาทอลิกอยู่แล้ว

    ไหนๆขออยู่มิสซาเย็นซะเลย แต่ถ้าอยู่มิสซาเย็น หลังมิสซาจบจะออกนอกวัดได้ยังไงนี่เขาก็ไม่รู้ ไหนๆลองสืบซักหน่อย

    ก้องรีบวิ่งขึ้นไป ถึงเวลาสวดสายประคำพอดี ก้อยถอดสายประคำที่เขาพกประจำออกจากคอแล้วสวดตามชาวบ้าน คำสวด3ทศแรกเป็นภาษาไทย แต่2ทศหลังเป็นภาษาอาหรับ

    “สลาม อลัยกิ ยา มัรยัม.......(วันทามารีอา....)” ด้วยภาษาสำเนียงที่แปล่งหูทำให้ก้อยรู้สึกสนใจ เขาพอรู้ภาษาอาหรับมาบ้าง แม้จะไม่ชำนาญ เขาก็ฟังออก อ่านออกได้ในระดับหนึ่ง

    เมื่อสวดสายประคำ สวดภาวนาทำวัตรเย็นแล้ว ระฆังมิสซาเวลา1ทุ่มก็ดังขึ้น ประตูโบสถ์ถูกปิด หน้าต่างทุกบานก็ถูกปิด

    เด็กตีระฆังเมื่อตีระฆังเสร็จก็รีบกลับบ้านที่อยู่หลังโบสถ์ ผู้คนดูบางตามากๆ สักพักเพลงเริ่มพิธีมิสซาก็เริ่มขึ้น

    (โปรดติดตามตอนต่อไป)
  2. Mobster

    Mobster New Member

    EXP:
    12
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    มาจากA1และB1

    “ไอ้เอก ไอ้ก้อง กูมาแล้ว”เกียร์เปิดเข้าห้องไป เจอเอกนั่งหน้าซีดตัวซีด (เพราะถอดเสื้อ) อยู่

    “ไอ้เกียร์เมื่อกี้กูโดนดีหว่ะ”แล้วเอกก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมด





    “ถ้ามึงไม่เชื่อลองดูที่กระจก มันทิ้งข้อความ แต่กูอ่านภาษาอาหรับไม่ออก”เอกพูดขึ้น

    “ไหน”เกียร์เดินไปดูที่กระจก เห็นข้อความอยู่จริงๆ “จริงอย่างที่มึงพูดหวะ”




    “กูว่ามันชักไม่ค่อยดีแล้วหวะ”เอกพูดขึ้น

    “ไม่ได้นะเว่ย เราต้องอยู่ให้ครบ3วันเป็นอย่างน้อยนะเว้ย ไม่แน่ปีศาจบ้านั่นมันอาจมีแค่ทักทายมึง”

    “กูก็หวังอย่างนั้น”

    หลังจากนั้นทั้งคู่ก็รอเอก
    ไปที่G
    -------------------------

    มาจากC1

    พิธีมิสซาเย็นจบแล้ว ก้องกำลังจะออกกลับห้อง

    “หนูจะไปไหน ระฆังตีบอกเวลามิสซาเย็นแล้ว อย่าออกไปเลย รอพรุ่งนี้เถอะ”ยายแก่ๆคนนึงร้องทัก

    “ใช่พ่อก็คิดอย่างนั้นนะ ที่นี่มันมีกฎอยู่”คุณพ่อบาทหลวงพูดขึ้น

    “แต่ คุณพ่อ ผมกลัวเพื่อนผมจะออกตามหาผม ผมกลัวพวกเค้าจะเป็นอันตราย”

    “แต่ เอาเหอะ คุณยังคงไม่รู้เรื่องของที่นี่ ทำไมถึงมีกฎของนี้ คุณจะฟังไหม”

    “ฟังสิครับพ่อ”ก้องตอบอย่างสนใจ

    “เมื่อตอนที่ชาวเกาะเพิ่งอพยพมาจากเปอร์เซีย พวกเราล่องเรือมาหวังว่าจะมาที่พึ่ง เพราะเรานับถือศาสนาคริสต์ ทำให้ถิ่นเดิมของบรรพบุรุษเราไม่ต้อนรับ มาเจอเกาะร้างแห่งนี้

    พวกเราตั้งโบสถ์ ตั้งที่อยู่ แต่เดิมทีเกาะนี้เป็นที่ขังวิญญาณของเหล่าปีศาจ ไม่มีหลักฐานบ่งบอกว่าใครเป็นคนขัง แต่เรารู้ว่าพวกมันเป็นผู้ต่อต้านพระเจ้า โดยที่มันเป็นตัวปูทางของ666

    สุดท้ายการต่อสู้กับปีศาจก็ยุติลงโดย เวลากลางวันเป็นเวลาของมนุษย์เวลากลางคืนเป็นเวลาของปีศาจ ใช้การบอกเวลาคือการตีระฆังมิสซาเช้า-เย็น 6โมงเช้าและ1ทุ่ม

    ดังนั้นชาวบ้านจึงเลี่ยงไม่ออกจากบ้าน แต่ไม่รู้ทำไมหอฬากิกาท้ายเกาะที่มีอยู่ก่อนแล้ว จะดังตอนเที่ยงคืน

    แต่เป็นเวลาบอกว่าหลังเที่ยงคืนห้ามใครอยู่นอกบ้านแล้ว ที่จริงหลังระฆังดังก็ไม่ควรออกที่พักแล้ว พ่อว่าอย่าออกไปเลย”

    “ไม่ได้ครับพ่อ ผมห่วงเพื่อน”

    “งั้น”แล้วคุณพ่อก็ทำกางเขนอวยพร

    “ขอพระพรของพระเยซูคริสตเจ้าความรักของพระบิดาและความสนิทสัมพันธ์ของพระจิตสถิตกับลูก”แล้วพ่อก็ปรกมือเหนือก้อง

    “อาแมน”ก้องตอบรับแล้วพ่อก็ให้ส้ำเสกมา

    แล้วก้องก็รีบเปิดประตูออกไป





    ลมพัดแรงขึ้น ก้องได้ยินเสียงผู้หญิง

    “ช่วยด้วย......ช่วยด้วย........”

    ก้องจะทำอย่างไรต่อไป
    D.คว้าน้ำเสกขึ้นมาถือ
    E.คว้าสายประคำขึ้นมาสวด
    -------------------------------














    D
    ก้องรู้สึกว่าเสียงอยู่ข้างหน้าจึงเดินตามเสียงไป ลมพัดแรงเรื่อยๆ ก้องลังเลว่าจะกลับห้องหรือไปหอนาฬิกาท้ายเกาะดี เขาตัดสินใจไปหอนาฬิกาท้ายเกาะ

    หอนาฬิกาดูเก่ามาก จากคำบอกเล่ามันมีอยู่ก่อนแล้ว ไม่มีบันทึก เขาเดินขึ้นไปบนหอถึงชั้นนึง กำแพงมีเขียนจารึกไว้เป็นภาษากรีกโบราณ

    “แปลมาก ที่นี่เมืองไทย อารยธรรมกรีกมาถึงที่นี่ได้ยังไง”เขาพูดขึ้นแล้วเริ่มแปล

    “ผู้ต่อต้านพระเจ้า ปราชัยลง ณ ที่แห่งนี้”

    ก้องคิด ไม่แน่ที่แห่งนี้เป็นที่กักวิญญาณของปีศาจไว้ที่หอนาฬิกา แต่มันแปลกที่เกาะอันแห่งไกลแห่งนี้ มีการจารึกภาษากรีกโบราณได้อย่างไร

    แล้วเขาเดินไปอีกนิดหนึ่ง จารึกเป็นภาษาอาราเมอิค แปลกจริงๆ เพราะภาษาอาราเมอิคเป็นภาษาที่พระเยซูเจ้าใช้ และปัจจุบันไม่มีการใช้แล้ว

    ก้องถึงกับคิดหนักแม้เขาจะเรียนภาษาโบราณ แต่ภาษาอาราเมอิคเป็นภาษาโบราณเกินกว่าที่เขาจะอ่านออกได้ และยังมีจารึกภาษาลาติน แต่ดูแล้วเหมือนเป็นการเขียนไม่กี่ร้อยปี แม้มันจะใหม่กว่า

    1 Et vidi de mari bestiam ascendentem habentem capita septem, et cornua decem, et super cornua ejus decem diademata, et super capita ejus nomina blasphemiæ.

    2 Et bestia, quam vidi, similis erat pardo, et pedes ejus sicut pedes ursi, et os ejus sicut os leonis. Et dedit illi draco virtutem suam, et potestatem magnam.

    3 Et vidi unum de capitibus suis quasi occisum in mortem: et plaga mortis ejus curata est. Et admirata est universa terra post bestiam.

    4 Et adoraverunt draconem, qui dedit potestatem bestiæ: et adoraverunt bestiam, dicentes: Quis similis bestiæ? et quis poterit pugnare cum ea?

    5 Et datum est ei os loquens magna et blasphemias: et data est ei potestas facere menses quadraginta duos.

    6 Et aperuit os suum in blasphemias ad Deum, blasphemare nomen ejus, et tabernaculum ejus, et eos qui in cælo habitant.

    7 Et est datum illi bellum facere cum sanctis, et vincere eos. Et data est illi potestas in omnem tribum, et populum, et linguam, et gentem,

    8 et adoraverunt eam omnes, qui inhabitant terram: quorum non sunt scripta nomina in libro vitæ Agni, qui occisus est ab origine mundi.

    9 Si quis habet aurem, audiat.

    10 Qui in captivitatem duxerit, in captivitatem vadet: qui in gladio occiderit, oportet eum gladio occidi. Hic est patientia, et fides sanctorum.

    11 Et vidi aliam bestiam ascendentem de terra, et habebat cornua duo similia Agni, et loquebatur sicut draco.

    12 Et potestatem prioris bestiæ omnem faciebat in conspectu ejus: et fecit terram, et habitantes in ea, adorare bestiam primam, cujus curata est plaga mortis.

    13 Et fecit signa magna, ut etiam ignem faceret de cælo descendere in terram in conspectu hominum.

    14 Et seduxit habitantes in terra propter signa, quæ data sunt illi facere in conspectu bestiæ, dicens habitantibus in terra, ut faciant imaginem bestiæ, quæ habet plagam gladii, et vixit.

    15 Et datum est illi ut daret spiritum imagini bestiæ, et ut loquatur imago bestiæ: et faciat ut quicumque non adoraverint imaginem bestiæ, occidantur.

    16 Et faciet omnes pusillos, et magnos, et divites, et pauperes, et liberos, et servos habere caracterem in dextera manu sua, aut in frontibus suis:

    17 et nequis possit emere, aut vendere, nisi qui habet caracterem, aut nomen bestiæ, aut numerum nominis ejus.

    18 Hic sapientia est. Qui habet intellectum, computet numerum bestiæ. Numerus enim hominis est: et numerus ejus sexcenti sexaginta sex.


    มาจากพระคัมภีร์บทวิวรณ์แปลได้ดังนี้
    (1) ข้าพเจ้าเห็นสัตว์ร้ายตัวหนึ่งขึ้นมาจากทะเล มีสิบเขา เจ็ดหัว แต่ละเขาสวมมงกุฎ และมีชื่อที่เป็นคำสาปแช่งพระเจ้าอยู่บนหัว

    (2) สัตว์ร้ายที่ข้าพเจ้าเห็นนั้นเหมือนเสือดาว มีตีนเหมือนหมี มีปากเหมือนสิงโต มังกรมอบอานุภาพ บัลลังก์และอำนาจยิ่งใหญ่ของตนแก่สัตว์ร้ายตัวนี้

    (3) ข้าพเจ้าเห็นหัวหนึ่งของมันดูเหมือนถูกบาดแผลฉกรรจ์ถึงตาย แต่บาดแผลนั้นหายแล้ว ทั่วทั้งแผ่นดินรู้สึกพิศวง ติดตามสัตว์ร้ายนี้ไป

    (4) ทุกคนนมัสการมังกรเพราะมันมอบอำนาจให้สัตว์ร้าย และทุกคนยังนมัสการสัตว์ร้าย กล่าวว่า “ใครเล่าเป็นเหมือนสัตว์ร้าย ใครเล่าต่อสู้กับสัตว์ร้ายได้”

    (5) สัตว์ร้ายได้รับอนุญาตให้คุยโอ้อวดและพูดดูหมิ่นพระเจ้า และได้รับอำนาจให้ทำเช่นนี้เป็นเวลาสี่สิบสองเดือน มันอ้าปากพูดดูหมิ่นพระเจ้า พูดดูหมิ่นพระนามของพระองค์ พูดดูหมิ่นที่พำนักของพระองค์และพูดดูหมิ่นบรรดาผู้อาศัยในสวรรค์

    (7) มันยังได้รับอำนาจให้ทำสงครามกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์และเอาชนะได้ มันยังได้รับอำนาจเหนือชนทุกเผ่า ทุกประเทศ ทุกภาษาและทุกชาติด้วย

    (8) บรรดาผู้อาศัยบนแผ่นดินทุกคนที่ไม่มีชื่อบันทึกไว้ตั้งแต่สร้างโลกในม้วนหนังสือแห่งชีวิตของลูกแกะซึ่งถูกประหารจะนมัสการสัตว์ร้าย

    (9) ผู้ใดมีหู ก็จงฟังเถิด ผู้ใดจะต้องถูกจองจำ ก็จะถูกจองจำ ผู้ใดจะต้องถูกฆ่าด้วยดาบ ก็จะถูกฆ่าด้วยดาบ ดังนั้น บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์จึงต้องมีความเพียรทนและมีความเชื่อ

    (11) ข้าพเจ้าเห็นสัตว์ร้ายตัวหนึ่งขึ้นมาจากพื้นดิน มีสองเขาเหมือนลูกแกะ พูดเหมือนมังกร

    (12) มันใช้อำนาจทั้งหมดของสัตว์ร้ายตัวแรก เมื่อสัตว์ร้ายตัวนี้ทำให้แผ่นดินและผู้อาศัยบนแผ่นดินกราบนมัสการสัตว์ร้ายตัวแรกที่มีบาดแผลฉกรรจ์ถึงตายแต่หายแล้ว

    (13) สัตว์ร้ายตัวที่สองนี้ทำปาฏิหาริย์ยิ่งใหญ่ แม้กระทั่งไฟมันก็ทำให้ตกจากท้องฟ้าลงบนแผ่นดินต่อหน้ามนุษย์ได้

    (14) มันใช้ปาฏิหาริย์ที่มันได้รับอำนาจให้ทำได้เมื่อสัตว์ร้ายตัวแรกหลอกลวงผู้อาศัยบนแผ่นดินให้หลงไป โดยชักชวนเขาให้สร้าง รูปปั้นถวายแด่สัตว์ร้ายที่ยังมีชีวิตอยู่แม้ถูกดาบฟันเป็นแผลฉกรรจ์แล้ว

    (15) สัตว์ตัวที่สองนี้ได้รับอำนาจให้ชีวิตแก่รูปปั้นของสัตว์ร้ายตัวแรก เพื่อให้รูปปั้นนั้นพูดได้ และได้รับอำนาจประหารชีวิตทุกคนที่ไม่ยอมกราบนมัสการรูปปั้นของสัตว์ร้าย

    (16) สัตว์ร้ายตัวที่สองนี้บังคับทุกคน ทั้งผู้น้อย ผู้ใหญ่ ทั้งคนมั่งมีและคนยากจน ทั้งคนอิสระและทาส ให้สักตราไว้ที่มือขวาหรือที่หน้าผาก

    (17) ไม่มีใครซื้อขายได้ ถ้าไม่มีตราคือนามของสัตว์ร้ายหรือจำนวนเลขของนามนั้น

    (18) ดังนั้น จำเป็นต้องมีปรีชาญาณ ผู้มีปัญญาจงตีความจำนวนเลขของสัตว์ร้ายให้ได้ เพราะมันเป็นจำนวนเลขที่หมายถึงมนุษย์คนหนึ่ง จำนวนเลขนั้นคือ 666

    และมีเงาดำพุ่งมาหาก้องเขาสาดน้ำเสกใส่จนหมด เงาปวดแสดปวดร้อน
    ก้องทำอย่างไรต่อไป

    Fต่อสู้กับปีศาจ
    Gหนีกลับไปหาเพื่อน
    --------------------














    E
    ก้องหยิบสายประคำขึ้นมา ทำสำคัญมหากางเขนแล้วเริ่มสวด
    “เชิญเสด็จมาพระจิตเจ้าข้า...........”

    เค้าเริ่มสวดเรื่อยๆทันใดนั้นเสียงปีศาจก็หายไป เขาวิ่งตรงกลับไปหาเพื่อน
    ไปต่อที่G
    -----------------------









    F
    ปีศาจไม่หยุดยั้งพุ่งตรงเข้ามาที่ก้อง

    “แสบนักนะแก”

    แล้วเงาดำนั้นก็บีบคอก้อง

    ก้องคลำมือไปที่สายประคำแล้วหยิบขึ้นมาตะหวัดไปที่ปีศาจ

    “อ๊ากกกก”

    ปีศาจปล่อยก้องลงแล้วร้องอย่างปวดแสบปวดร้อง
    ไปที่End-G
    -------------------





    G
    (โปรดติดตามตอนต่อไป)
    ----------------------










    Ending G
    ฉากจบ G

    ก้องวิ่งลงหอนาฬิกาอย่างสุดชีวิตปีศาจสาปให้ก้องสะดุดล้มลง สายประคำหลุดมือตกไปในซอกหยิบไม่ได้

    ก้องพลิกตัวจะลุก ปีศาจพุ่งเข้ามาบีบคอก้องไว้

    ก้องพยายามรวบรวมฝืนแรงใช้หน้าผากโดนเงาดำ

    “อ๊ากกกกกก”

    ใช่ พระเขาได้รับตรากางเขนตอนรับศีลกำลังแล้ว ตราครั้งเดียวมีผลตลอดไป

    “แก อย่าคิดมีชีวิตออกไปจากที่นี่เลย”







    แล้วปีศาจก็สาปก้องผลักออกจากหอนาฬิกา มีขวานอยู่บนพื้นหงายมาพอดี




    “ฉึก!!!!!!!!!”





    คอของก้องสัมผัสกับคมขวานแล้วหลุดออกจากเบ้า แล้วลมหายใจเฮือกสุดท้ายก็หมดลง
    Ending Rank G
  3. Mobster

    Mobster New Member

    EXP:
    12
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    G
    เมื่อห้องกลับมา ทั้งเกียร์และเอกก็เล่าเรื่องราวทั้งหมด

    “โดนดีทั้งหมดเลยหละสิเนี่ย”ก้องพูดขึ้น

    “ช่างเหอะ แล้วอักษรอาหรับมันแปลว่าอะไรวะ”เอกพูดขึ้น

    “ไม่รู้สิ เพราะมันไม่ได้ใส่สระไว้ และก็ไม่มีความหมายด้วย แต่ดูแล้ว มันเป็นการเรียงอักษรนะ

    5.55
    12345

    นั่นแหละ แต่หมายถึงอะไร ก็ไม่รู้นะ”

    ก้องแกะอักษรอาหรับให้

    “เดี๋ยว ถ้าเอา5.55คูณ12345 ได้เท่าไหร่วะ”เอกพูดขึ้น เกียร์กดเครื่องคิดเลข แล้วมือสั่นทำให้เครื่องคิดเลขตกไป

    “666 หว่ะ”เกียร์ตอบอย่างเสียงสั่น

    “เฮ้ย!”ทั้งเอกและก้องพูดขึ้น

    ขณะนี้มีทางเลือก2อย่าง

    Hเลือกไปที่หอนาฬิกาวันรุ่งขึ้น
    Iเลือกไปโบสถ์วันรุ่งขึ้น

    H
    ทั้งสามเดินไปหอนาฬิกาวันต่อมา มาตอนกลางวันอาจจะไม่น่ากลัวซักเท่าไหร่ บรรยากาศดูร่มรื่น เพียงแต่ ดูรกร้างมากไปเท่านั้นเอง

    ก้องพาเข้าไปในหอนาฬิกา ดูอักษรจารึกต่างๆ ดูข้อความในพระคัมภีร์ที่บันทึกไว้ทั้งภาษาอาราเมอิค กรีก และลาติน เพียงแต่เขาสามารถอ่านได้แค่ภาษาลาติน

    โชคดีที่เกียร์มีพี่ชายเป็นบราเดอร์จึงรู้ภาษาลาตินมานิดหน่อย

    “มันเป็นส่วนของพระคัมภีร์บทวิวรณ์เกี่ยวกับการมาของสัตว์ร้ายและผู้ต่อต้านพระคริสต์นะ”เกียร์พูดขึ้น

    “กูไม่ค่อยสันทัดเรื่องศาสนาหว่ะ แค่ไปโบสถ์ไปวัดทุกวันอาทิตย์ก็เจ๋งแล้ว”เอกพูดขึ้น แต่ดูเอกจะเป็นคนขวัญเสียที่สุดในกลุ่ม

    “เอาคร่าวๆนะ หลังจากสงครามครั้งใหญ่ในสวรรค์ ลูชีแฟร์หรือลูซีเฟอร์นี่แหละทูตสวรรค์ที่สง่างามที่สุดเป็นผู้ก่อกบฏต่อพระเจ้า ต่อต้านพระเจ้า พระองค์จึงส่งอัครเทวดามิคาเอลมาปราบแล้วจับมันลงสู่นรก ซึ่งเป็นที่ที่ไม่มีพระเจ้า มันจึงอิจฉามนุษย์ที่พระเจ้ารักมนุษย์มาก จึงล่อลวงมนุษย์ไปในบาป มนุษย์เลือกที่จะไม่หลงไปในบาปได้ถ้าตั้งมั่นอยู่ในความดี มังกรคือสัญลักษณ์ของลูชีแฟร์ และจะมีตัวต่อมาเป็นสัตว์ร้าย เป็นภาษาสัญลักษณ์หน่ะ และผู้ต่อจากมันคือผู้ต่อต้านพระคริสต์หรือ666นี่แหละ”

    “แล้วซาตานกับลูซีแฟร์ตัวเดียวกันปะ”เอกถาม

    “ซาตานมาจากภาษาอาหรับคำว่าชัยฏอน แปลว่ามาร ดังนั้นซาตานจึงเป็นคำเรียกโดยรวมของปีศาจที่ต่อต้านพระเจ้า มารที่ล่อลวงให้คนหลงผิดไปในบาป”ก้องอธิบาย เขารู้เรื่องรากภาษาดีที่สุดในกลุ่ม

    และเมื่อเดินขึ้นมาเรื่อยๆเจอภาพพระมารดานิจานุเคราะห์
    [​IMG]



    “พระแม่มารีอา พระมารดาพระเจ้า โปรดภาวนาเพื่อลูกคนบาปด้วยเถิ๊ด”เอกพนมมือภาวนาขึ้นแล้วพูดขึ้นต่อ “ภาษาลาตินตรงนี้คุ้นๆหวะ”


    แล้วก้องและเกียร์เดินเข้ามาอักษรจารึกว่า
    Ave Maria Gratia Plena Domius te cum.
    “อาเว มารีอา กราซิอา เปลฺนา โดมิอุส เต กุม”เกียร์เป็นคนอ่านออกเสียง
    “วันทามารีอาเปรี่ยมด้วยพระหรรษทานพระเจ้าสถิตกับท่าน”ก้องเป็นคนแปลให้

    Benedicta tu in murieribus.et benedictus fructus ventris tui Iesus
    “เบเนดิคตา ตู อิน มูริเอริบุส.แอ๊ด เบเนดิกตุส ฟรุคตุส เวนตริส ตุย เยซุส”
    “ผู้มีบุญกว่าหญิงใดใดและพระเยซูโอรสของท่านทรงบุญหนักหนา”

    Sancta Maria,Mater Dei,Ora pro nobis.peccatoribus.
    “ซังตามารีอา มาแตร์เดอี โอรา โปร โนบิส เปกกาโทริบุส”
    “สันตะมารีอา มารดาพระเจ้า โปรดภาวนาเพื่อเราคนบาป”

    Nunc et in hora mortris nostrae
    “นุนคฺ แอ๊ต อิน โอรา มอร์ตริส โนสแตร”
    “บัดนี้และเมื่อจะตาย”

    Amen
    “อาแมน”ก้องแปลเสร็จสับ
    เป็นบทสวดวันทามารีอาของชาวคริสตังคาทอลิก


    รูปพระมารดานิจานุเคราะห์ดูเก่ามาก พอพอกับคำจารึกแม้มันจะดูใหม่ที่สุดในบรรดาคำจารึกทั้งหมด แต่มันก็ไม่ต่ำกว่า500ปีได้โดยการประมาณ

    “มิชชันนารีชาวโปรตุเกสเข้ามากว่า300ปี ทำไมยังบันทึกเป็นภาษาโบราณเช่นลาติน ที่สงสัยคือภาษาลาตินและรูปพระแม่เป็นสิ่งที่ใหม่สุดในนี้ และอื่นๆที่เป็นภาษาอาราเมอิค ภาษากรีก มันมาได้ยังไง”ก้องพูดขึ้น

    “อิสราเอล โรมัน มันห่างจากที่นี่มาก ชักสงสัยแล้วว่าชาวเลย์พบเกาะแห่งนี้พวกแรกก่อนชาวอาหรับหรือไม่”เกียร์พูดขึ้น

    “เอ่อ กรูไม่เข้าใจวิชาการ ช่วยอธิบายอะไรให้กูเข้าใจได้ไหม”เอกพูดขึ้น

    “กูแค่สงสัยว่า ภาษาโบราณแม้แต่ในยุโรปยังไม่มี จะมีบ้างแถบตะวันออกกลาง มันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”เกียร์พูดขึ้น

    “มันจะเป็นไปได้มั้ย ถ้าฑูตสวรรค์หรือบุคคลก่อนหน้าที่จะมีคนเข้ามาที่นี่เป็นคนบันทึก”เอกพูดขึ้น

    “ก็น่าสงสัย เพราะตามหลักฐานชาวอาหรับอพยพมาที่นี่แค่ประมาณ200กว่าปีหลังการมาของชาวโปรตุเกส แต่หอนาฬิกานี่มันมีอยู่ก่อนแล้ว แต่แปลกว่า ถ้ามีคนมาก่อน ทำไมถึงสร้างหอนาฬิกาแห่งนี้ได้ ทั้งที่อุปกรณ์ วิทยาการ ยังมาไม่ถึงโลกตะวันตกเลย”ก้องวิเคราะห์และยังมีข้อสงสัยมากมายที่ค้นหาไม่ได้เลย

    “เราว่ากลับกันเถอะ ไว้ว่างๆค่อยมาใหม่ เราต้องอยู่ที่นี่อย่างต่ำอีกคืน แต่เราคงอยู่นานกว่านี้เท่าที่อยากจะอยู่จริงไหม”เกียร์ชวนทุกคนกลับ

    “งั้นก็ดีกลับกันเถอะ”ก้องพูดขึ้นแล้วเดินตามเกียร์ไป
    “รอกูด้วยดิ ที่นี่น่ากลัวจะตาย”แล้วเอกก็ตามทั้งคู่ไป

    ไปต่อที่J

    I
    ทั้งสามคนเดินทางไปโบสถ์ ซักพักมีพายุใหญ่และลมแรงพัดมา
    “อะไรกันอีกวะ”เอกพูดขึ้น

    แล้วเหมือนลมพยายามจะดูดเอกเข้าไปในเงามืด
    “ช่วยกูด้วย................”

    ก้องหันไปชูไม้กางเขนที่ติดอยู่ปลายสายประคำขึ้น
    “ในพระนามของพระบิดาและพระบุตรและพระจิต พระตรีเอกภาพอันศักสิทธิ์ ขอสั่งให้ปล่อยเพื่อนของข้าเดี๋ยวนี้”

    เงาดำปล่อยตัวเอกแล้วถอยหลังไป

    “รีบไปโบสถ์กันเถอะ เดี๋ยวมันตามมาอีก”ก้องพูดขึ้น แล้วเกียร์ประคองเอกลุกขึ้น รีบวิ่งไปที่โบสถ์


    เมื่อถึงโบสถ์ คุณพ่อคนเมื่อวานกำลังนั่งอยู่ในโบสถ์
    “อ้าวหนู”คุณพ่อพูดขึ้น

    “คุณพ่อ คือแบบว่า....”แล้วเกียร์ก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้คุณพ่อฟัง รวมทั้งเรื่องเมื่อกี้นี้และเรื่องของเอกเมื่อวาน

    คุณพ่อนิ่งเงียบ ทำสำคัญมหากางเขนแล้วพูดขึ้น

    “ปีศาจมักจะต้อนรับแขกผู้มาเยือนอย่างนี้ เกาะเศาะลี้บจึงไม่เป็นที่ท่องเที่ยวเท่าไหร่ แต่พวกเธอยังเข้ามาในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ได้คงยังไม่ต้องใช้พิธีExorcist ที่จริงพิธีExorcistหรือไล่ผี จะทำเล่นๆไม่ได้ ต้องได้รับคำอนุญาตจากพระสังฆราช (Bishop) ประจำสังฆมณฑลก่อน แต่สำหรับที่นี่แทบเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ถ้ารอมักจะไม่ทันเพราะที่นี่มันแรงซักหน่อย แต่วิธีที่จะตัดไม่ให้ปีศาจรังควานได้อย่างน้อยก็จนกว่าจะออกเกาะก็ศีลศักดิ์สิทธิ์ พวกเธอเป็นคริสตังที่รับศีลล้างบาปแล้วใช่ไหม”

    “ครับ”ทั้งสามตอบ
    “ศีลกำลังรับกันหรือยัง”
    “ก็รับแล้วครับ”เกียร์ตอบ
    “ผมก็รับแล้ว”เอกตอบ
    “ผมก็รับแล้วครับ”ก้องตอบ

    “งั้น...ศีลมหาสนิทคงทำตอนนี้ไม่ได้เพราะต้องมีมิสซาเท่านั้น อ้อ ไม่ได้รับศีลแก้บาปมานานเท่าไหร่แล้ว”

    “ก็นานพอควรครับ”ก้องตอบ

    “งั้นเดี๋ยวเข้ามาในห้องแก้บาปทีละคนแล้วกัน
    แล้วทั้งสามก็รับศีลแก้บาป แล้วกลับเข้าหอพัก
    ไปต่อที่Ending Rank F

    J
    (โปรดติดตามตอนต่อไป)

    Ending Rank F
    เมื่อทั้งสามกลับมาที่ห้องพัก แล้วนั่งๆนอนๆทำภารกิจ เมื่อครบ3วันจึงขึ้นเรือ กลับแผ่นดินใหญ่โดนสวัสดิภาพ โดยที่ทั้งสามไม่ลืมเหตุการณ์ ณ เกาะแห่งนี้ได้เลย
  4. dadajang

    dadajang New Member

    EXP:
    140
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
  5. soulmaster

    soulmaster Endorphinlism

    EXP:
    403
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    18
    อ่านแล้วนึกถึงเกม clock towerแฮะ

    แล้วทำไม ending rank f ถึงมีคำว่า rank ส่วนending g ไม่มีrankละค้าบ

    อีกอย่าง เวลามีทางเลือกให้ น่าจะใส่tag spoilerไว้นะครับ ไม่งั้นผมอ่านหมดเลย (โทษตามันไปเห็นเอง :E )

Share This Page