!!! White Feather // Devil FanG [Update 04/09/10>>Memo Page VIII<< ~Memo page VIII~ After day – Fan

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย maxlancer, 3 กันยายน 2008.

  1. maxlancer

    maxlancer ประธานรุ่น2ตุรกีเชียงใหม่

    EXP:
    1,183
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    88
    !!! White Feather // Devil FanG [Update 26/01/10>>Memo Page V<< Fallout ]

    !!! White Feather // Devil FanG !!!
    [​IMG]
    แนวเรื่อง : เลือดสาดนิดๆ มืดมนหน่อย เซอร์วิสซักน้อย บลาๆๆ
    เรต : เข้ามาอยู่บอร์ดนี้กันได้ ก็อ่านๆไปเต้อะ=="
    คำเตือน : เนื้อหาทั้งหมดในเรื่องนี้ ล้วนเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง การกระทำต่างๆในเรื่องนี้ กรุณาอย่าเอาไปเลียนแบบเหมือนเกมส์GTA เจ้าของฟิคไม่อยากโดนเหมือนเกมส์GTA=="
    มุมไอ้แม็กแลนเซอร์พล่าม: ฟิคที่สามนี้ก็ได้ฤกษ์นำปฐมบทออกแล้วนะครับ แต่เนื่องจากช่วงนี้ผมก็ยังโดนกระแสโปรเจ็คไล่ถล่มเป็นพักๆ ตอนนี้ ก็เลยต้องเพิ่งท่านโยชิกิ ของเฮาไปซะส่วนใหญ่นะครับ

    สารบัญ


    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ~Prologue~

    ~Destiny Memo~

    ปีค.ศ. 2015 วันที่ 6 เดือนมิถุนายน

    ได้เกิดการการระเบิดครั้งใหญ่ที่พื้นผิวพระอาทิตย์อย่างไม่สามารถทราบสาเหตุ ผมรู้สึกเห็นพระอาทิตย์เกิดแสงจ้ากว่าเfb, แต่ก็ไม่ได้คิดสนใจอะไรมาก กะว่าฟังข่าวทีวีเอาจะดีกว่า แต่ยังไม่ทันจะได้ออกข่าวอะไรซักกะอย่าง จู่ๆโลกก็เจอปรากฎการณ์คลื่นพายุซูปเปอร์แม่เหล็กไฟฟ้าเข้าจู่โจมโลก อุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ทั้งโลกเกือบเป็นอัมพาต ส่วนสาเหตุก็รู้มาไม่หมดหรอก แต่คิดว่าคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการระเบิดที่พระอาทิตย์แน่ๆ…….

    ….หลังจากนั้นไม่นาน ดาวเคราะห์น้อยซึ่งไม่ทราบที่มา นักดาราศาสตร์ที่รอดชีวิตอยู่ในภายหลังสันนิษฐานกันภายหลังว่า เส้นผ่าศูนย์กลางราวๆสิบสี่กิโลก็ได้พุ่งเข้าชนโลก บริเวณตะวันออก เสียงดังราวกับนิวเคลียรซักสิบลูกเข้าระเบิดที่เดียวกันเลย ยังไม่พอ พอลูกแรกลงมาเสร็จ ตามด้วย สะเก็ดดาวจำนวนมากเข้าปูพรมถล่มซะแทบทุกประเทศ การพุ่งชนครั้งนั้น ทำเอาแผ่นดินทั้งโลกสะเทือนไปหมด แรงพุ่งชนทำให้โอโซนถูกพัดออก แม้แต่แกนโลกก็เกิดการบิดเบี้ยว ตรงที่ดาวเคราะห์ลูกแรกเข้าชนก็เกิดซึนามิขนาดยักษ์กินพื้นที่โดยรอบไปหลายร้อยกิโลเมตร ประเทศที่เคยได้ชื่อว่าญี่ปุ่น เองก็หายไปภายในพริบตาเดียว อารยธรรมมนุษย์และประวัติศาสตร์ที่สั่งสมมาได้ล่มสลายลงในพริบตา สิ่งมีชีวิตเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์ถูกกลืนหายไปในชั่วอึกใจ

    ปีค.ศ. 2015 เดือนหก ไม่ทราบวันที่

    ภัยทั้งหมดได้เงียบลงไปแล้วหลายชั่วโมง ผมยังรอดมาได้อยู่ เพราะก่อนหน้านี้มีกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ได้พาผมเข้ามาหลบภัยในที่แห่งนึง ซึ่งห่างออกไปจากเมืองที่ผมอยู่มาก เท่าที่ดูเป็นค่ายทหารที่สร้างไว้ในใต้ดิน รู้สึกพวกเขาจะตั้งชื่อที่นี่ว่า "โคคูน" ในนี้มีคนที่เข้ามาหลบภัยประมาณสามถึงสี่ร้อยคนแต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าข้างนอกตอนนี้เป็นยังไงมั่ง? แต่ที่นี่ยังคงปลอดภัยมีทั้งอาหารและน้ำพร้อม

    ปีค.ศ. 2015 เดือนหก น่าจะประมาณวันที่ 9

    อยู่ภายในนี้ เราไม่รู้วันเวลาเลย แน่นอนว่าอุปกรณ์อิเลคทรอนิคก็ยังคงอัมพาตอยู่ แต่อย่างน้อยที่นี่ก็มีระบบปั่นไฟ กับ กรองน้ำและ กรองอากาศที่ยังใช้งานได้ ผมก็ยังไม่รู้อะไรมาก แต่คิดว่ากลุ่มคนที่พาเรามาที่นี่ เค้าอาจจะรู้ล่วงหน้าได้ ผ่านมาไม่นานนัก มีคนๆนึงที่ประกาศบอกตัวเองคือผู้ดูแลที่หลบภัยแห่งนี้ ออกมาเล่าเกี่ยวกับสถานการณ์ข้างบนให้ฟัง หลังจากเหตุการณ์ดาวเคราะห์ชนโลก (มีหลายคนเรียกมันว่า ปรากฎการณ์คราทาสโทรฟี่) ดินทรายจำนวนมหาศาลได้ม้วนตลบขึ้นไปยังท้องฟ้าจนถึงชั้นบรรยากาศชั้นสตราโตสเฟีย ส่งผลให้เกิดกลุ่มเมฆควันปกคลุมท้องฟ้าทุกซอกทุกมุมโลก จนตอนนี้ไม่เห็นแสงของพระอาทิตย์เลย และอูณหภูมิก็ยังลดต่ำลงเรื่อยๆ หากเป็นอย่างอย่างนี้ต่อไป พวกเราคงได้กลับไปยังยุคน้ำแข็งอย่างแน่นอน

    ปีค.ศ. 2015 ประมาณเดือนเจ็ด

    เราหลบภัยอยู่อย่างนี้มานานมากแล้ว จากที่ผมเดาตอนนี้คงเข้าสู่เดือนเจ็ดแล้ว ข้างบนตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับขั้วโลกเหนือเลย ปัญหาหลักที่สุดในโคคูนตอนนี้ คงไม่พ้นโรคติดต่อกับสภาพจิตใจ ที่ผ่านมามีคนตายไปแล้วเกือบห้าคน ครึ่งนึงเพราะเป็นไข้หวัดใหญ่ตาย เห็นแพทย์ทหารในนี้บอกว่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่อะไรนี่แหละ ส่วนอีกครึ่งนั้น โดนฝ่ายป้องกันภัยของโคคูนฆ่าตาย เพราะเกิดอาการทางจิต มันก็ไม่แปลกหรอก อยู่ในที่แห่งนี้นานๆเข้า ก็ต้องเครียดจนบ้าได้เป็นเรื่องธรรมดา

    ปีค.ศ. 2015 เดือนสิบ(คาดคะเน)

    ในที่สุดสิ่งที่กังวลก็เป็นจริง ฤดูหนาวผ่านมากว่าสามเดือนแล้ว อีกทั้งอาหารก็เริมหายาก แม้ว่าจะออกเดินทางไปหาอาหารข้างนอกกันก็ยังไม่พอเท่าไหร่ ที่สำคัญหิมะเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆจนกลบทับโคคูนมิด จึงได้เริ่มมีการวางแผนอพยพกัน

    ลืมบอกไปตอนนี้ผู้รอดชีวิตคงตัวอยู่ที่สองร้อยกว่าๆ

    ปีค.ศ. 2016 ไม่ทราบวันเวลา

    ผมไม่ทราบว่าเราออกเดินทางมากี่วันแล้ว ที่ผ่านมาเรายังหาสถานที่ๆพอแก่การตั้งที่อยู่อาศัยอย่างจริงๆจังๆไม่ได้เลย ต้องย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ การเดินทางนานๆทำให้ผมเริ่มสุขภาพแย่ลงเรื่อยๆ ตอนนี้ผมชักไม่มีแรงจะเขียนบันทึกด้วยซ้ำไป

    ปีค.ศ.201X ไม่ทราบวันเดือนปีที่แน่นอน

    ผมเป็นหนึ่งในคณะผู้รอดชีวิตของโคคูน เจ้าของบันทึกเล่มนี้คนก่อนได้เสียชีวิตลงไปเนื่องจากอาการป่วยเรื้อรัง เค้าได้ฝากให้ผมเล่าเหตุการณ์ในบันทึกให้ชนรุ่นหลังได้ทราบเรื่องราวว่าเหล่าบรรพบุรุษของพวกเค้าได้ประสบอะไรมากันบ้าง ตอนนี้พวกเราได้เข้ามารวมกลุ่มกันคณะผู้รอดชีวิตอีกกลุ่มเป็นกลุ่มใหญ่พอควร แถมที่หลบภัยของพวกเค้าถูกสร้างอยู่ภายในภูเขา ที่นี่พวกเค้าดัดแปลงระบบสาธารณะสุขได้ดีเยี่ยม มีการปลูกผักเลี้ยงสัตว์ไว้ด้วย จึงพอตัดปัญหาขาดแคลนอาหารได้ ในสภาพที่ฤดูหนาวยังไม่รู้วันสิ้นสุด สถานที่แห่งนี้ พวกเค้าตั้งชื่อว่า"ฟรีดอม"

    ปีค.ศ. 202X

    ผ่านมาได้หลายปีแล้ว ที่ผมได้อาศัยอยู่ในฟรีดอมแห่งนี้ อาหารการกินที่เราคิดว่าน่าจะพอเพียงไปได้อีกหลายปีกลับเริ่มลดลงโดยที่พวกเราไม่รู้ตัว อันเนื่องจากประชากรที่เพิ่มขึ้นจากการรวมตัวของทั้งสองกลุ่มและการที่ไม่อาจคุมกำเนิดได้ทั่วถึง พวกผู้นำจึงตกลงกันออกตามหาสถานที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ที่เต็มไปด้วยแหล่งน้ำในการประทังชีพ แม้ทุกอย่างจะเต็มไปด้วยความสิ้นหวังก็ตาม

    ปี ค.ศ. 202x

    การตามหาอันไม่น่าจะเป็นไปได้กลับบรรลุผลเมื่อ เราพบว่าบริเวณที่ถูกดาวเคราะห์เจาะทะลวงนั้นได้กลับกลายเป็นแอ่งน้ำขนาดยักษ์เส้นผ่าศูนย์กลายถึงสองร้อยสี่สิบกิโลเมตร และยังเต็มไปด้วยแหล่งหลบภัยตามธรรมชาติที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นในคราที่ดาวเคราะห์พุ่งชน พวกเราจึงนำเทคโนโลยีและเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆจากฟรีดอมลงหลักปักฐานกันที่นี้ ดูเหมือนชีวิตใหม่ของพวกเราจึงดูสดใสในสถานที่แห่งนี้

    ปี ค.ศ. 203x

    เกิดปรากฎการณ์ที่พวกเราให้ชื่อมันว่า Impact winter เข้าเล่นงานอย่างรุนแรงและกะทันหันจนทุกสิ่งทุกอย่างที่เราสร้างมาสิบกว่าปีพังทลายลง ผู้คนมากมายถูกกลืนไปกับพายุหิมะขนาดมหึมารวมทั้งภรรยาของผม ผู้คนที่เหลือรอดต่างพากันหลบหนีลงไปอยู่ใต้ดินที่ลึกขึ้น บางส่วนก็ยังสามารถนำอาหารแห้งและเครื่องอุปโภคอื่นๆ ส่วนตัวผมนั้นก็ทำได้เพียงทอดกายลงไปในโพรงที่อัดแน่นไปด้วยผู้คนและมีเพียงบันทึกเล่นนี้เป็นเพื่อนเท่านั้น

    ....ข้อความส่วนใหญ่จากจุดนี้เลือนหายไม่อาจอ่านหรือถอดความได้

    ปี ค.ศ. 2101

    หลายสิบปีที่เราถูก Impact winter เล่นงานก็ได้สิ้นสุดลง ผู้คนจากวันนั้นจนถึงวันที่ผมถือบันทึกเล่มนี้เหลือเพียงแค่หนึ่งในสี่หรืออาจจะน้อยกว่านั้นด้วยซ้ำ พวกเราที่ทราบข่าวเกี่ยวกับฝันร้ายที่หยุดลงรีบพากันออกไปสูดอากาศด้านนอกด้วยความตื้นตัน บางตะโกนโห่ร้องสุดเสียง น้ำตาอันเปี่ยมความยินดีนั้น เติมเต็มอยู่บนหน้าผู้คน ผมเองรู้สึกภูมิใจที่ได้รับสืบทอดบันทึกเล่มนี้จากหลายๆคนในอดีต ตอนนี้ผมได้แต่ลิ้มรสความอิสระในโลกกว้างแทนพวกเขาเท่านั้น ขอบคุณพระเจ้า...

    ปี ค.ศ. 2105

    เราค้นพบสิ่งมหัศจรรย์ดั่งของขวัญจากสรวงสวรรค์ นั้นคือพฤกษาขนาดมหึมาที่ปกคลุมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ ได้เข้ามาแทนที่บริเวณที่เคยเป็นหลุมจากอุกกาบาต พวกเราแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเมื่อพบมันเข้า มันไม่น่าจะรอดจากฤดูหนาวอันโหดร้ายแบบนั้นมาได้ด้วยซ้ำ แต่มันกลับยังคงยืนยงและตั้งตระง่านได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทุกคนจึงตัดสินใจกำหนดตำแหน่งตรงนี้เป็นพื้นที่ในการฟื้นฟูทุกสิ่งที่เราสูญเสียไปกลับคืนมา และมอบนามให้กับต้นไม้ที่ให้ชีวิตเราอีกครั้งว่า "เซฟิรอธ"

    .....เกิดความเสียหายจากการทำลายข้อความทำให้ไม่สามารถทราบเหตุการณ์ระหว่างนี้ได้

    ปีศักราชเอเดนที่ 40 วันที่ 1 เดือนกุมภาพันธ์

    ผ่านเพียงสี่สิบปี ผู้คนก็สามารถสร้างมหานครที่ครอบคลุมรัศมีรอบต้นไม้ยักษ์แห่งนั้นขนาดเกือบเท่ารัฐในอดีต พร้อมทั้งกำลังดำเนินการสร้างสุดยอดอาคารที่อำนวยความสะดวกทุกอย่างภายในเมืองตั้งแต่สาธารณูปโภคยันข้าวของเครื่องใช้สังเคราะห์โดยใช้พฤกษายักษ์เป็นแกนหลักของอาคารแห่งนี้ เหล่ามนุษย์ที่ยังมีชีวิตเหลือรอดจากพื้นที่อื่นๆ ได้เริ่มอพยพเข้ามายังมหานครของเรามากขึ้นเรื่อยๆ เป็นสัญญาณว่ามนุษยชาตินั้นยังไม่ถึงคราวสูญพันธุ์ นับเป็นการเริ่มต้นอันยิ่งใหญ่ต่อชีวิตและอารยธรรมในภายภาคหน้า ผมอยากจะตั้งหน้าเฝ้ารอดูวันที่งานเหล่านั้นจะเสร็จสมบูรณ์ซึ่งก็คงเป็นเวลาอีกไม่กี่ปี

    ปีศักราชเอเดนที่ 42 วันที่ 13 เดือน มกราคม

    และแล้วทุกอย่างก็เสร็จสมบูรณ์ อาคารขนาดใหญ่ได้ถูกสร้างล้อมรอบพฤกษายักษ์เป็นรูปทรงม้วนวนรอบ และ มีการสร้างตัวอาคารเข้าไปภายในพฤกษาอย่างระมัดระวังไม่ให้มันโค่นล้มหรือเกิดอันตรายใดๆ นับเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่พวกเราเฝ้าตั้งตารอวันนี้ วันที่เราจะได้เริ่มต้นยุคสมัยแห่งการกำเนิดใหม่จริงๆเสียทีกับมหานครที่เปรียบดั่งสวนสวรรค์นามว่า “เอเดน

    ปีศักราชเอเดนที่ 44 วันที่ 25 เดือนสิงหาคม

    เกิดเรื่องแปลกๆขึ้นจนทำให้ผมต้องนำบันทึกนี้ออกมาเขียนอีกครั้ง พวกเราบางคนกลับมีบางอย่างแสดงออกมาผิดธรรมชาติอย่างเด่นชัด ซึ่งตาแก่อายุเจ็ดสิบกว่าๆอย่างผมก็สนใจมันมากพอสมควร เราได้ยินข่าวการฆาตกรรมแปลกๆที่ศพอยู่ในสภาพถูกกัดกินราวถูกสัตว์กระหายเลือดเล่นงาน อีกทั้งผู้ที่กลายเป็นศพไปแล้วนั้นยังพบดีเอ็นเอ แปลกๆ ราวกับไม่ใช่มนุษย์ จากนั้นเหตุการณ์แบบนั้นก็ยังคงเกิดขึ้นเรื่อยๆอย่างน่าหวาดกลัว

    ปีศักราชเอเดนที่ 44 วันที่ 15 เดือนกันยายน

    ภาพคนร้ายในเหตุการณ์ฆาตกรรมนั้นก็ถูกเผยแพร่จากกล้องของพลเรือนคนหนึ่ง สิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์แต่กลับมีลักษณะหลายอย่างที่บ่งบอกว่าพวกเขาไม่ใช่ ได้ทำการกัดกินพวกที่มีลักษณะคล้ายๆกัน สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนทั่วไปเป็นอยากมาก บางทีบันทึกนี้อาจจะบอกสาเหตุของเรื่องนี้ แต่คงต้องให้หลานๆช่วยกันดูแล้วล่ะ ฮ่าๆ

    ปีศักราชเอเดนที่ 44 วันที่ 18 เดือนกันยายน

    บันทึกนี้ ผมได้รับสืบทอดมาจากคนๆนึง ซึ่งก่อนเค้าจะสิ้นใจ ก็ได้สั่งเสียไว้ว่าต้องนำข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเอเดนแห่งนี้มาบันทึกไว้ให้จนได้ ซึ่งผมก็ตั้งมั่นที่จะทำตาม เนื่องจากผมเป็นหนึ่งในคนที่มีส่วนใกล้เคียงกับเรื่องนี้ และรู้เห็นถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาตลอดจนพอมั่นใจได้ว่า จะเปิดเผยข้อเท็จจริงนี้ได้…..

    แต่ทว่า…..ผมเองก็ยังไม่อาจมั่นใจได้นักว่า สิ่งที่ปรากฎตัวในเอเดนนั้น จะเป็นแค่สิ่งที่ผมหรือเหล่าผู้คนในเอเดนคิดไว้แน่หรือไม่……

    TO BE CONTINUED >>>

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
  2. philoatros

    philoatros Member

    EXP:
    220
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: [Fic รับสมัคร] !!! White Feather // Devil FanG [>>Prologue<< Destiny Memo ]

    ประเดิมคนแรก อะโช๊ะ !!!

    อ่านไปช่วงแรก ก็นึกภาพไปประมาณเรื่อง deep impact หรือการ์ตูน ต้องรอด อะไรประมาณนั้นแล้วอ่ะครับ

    ไซไฟชัดๆ !!!

    พอมาตอนหลังก็ค่อย อ๋อ... มาสร้างเอเดนทีหลังนี่เอง 555+

    ปูเรื่องน่าติดตามดีครับ อยากอ่านต่อจริงๆ นะเนี่ย หุหุหุ

    อ่อ แต่ว่าเขียนผิดเยอะเหมือนกันนะครับ แหะๆๆ = =" ถ้ามีเวลาว่างก็ลองเช้คอีกรอบเน้อ

    ไงก็สู้ๆ นะครับ แล้วจะรออ่านต่อตอนหน้าครับผม ^^
  3. ultima

    ultima Active Member

    EXP:
    933
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    Re: [Fic รับสมัคร] !!! White Feather // Devil FanG [>>Prologue<< Destiny Memo ]

    มาเร็วดีแหะ สงสัยเพื่อนเราว่างจัด...
  4. yoshiki

    yoshiki FATE

    EXP:
    862
    ถูกใจที่ได้รับ:
    17
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: [Fic รับสมัคร] !!! White Feather // Devil FanG [>>Prologue<< Destiny Memo ]

    เป็นไงล่ะเจ๋งช่ายม่ะล่า !!! เอ้ามาช่วยเจิ่ม ขายดีๆๆๆๆๆๆๆๆ

    ว่าแล้วก็กลับไปทำฟิคตัวเองต่ออีกรอบ

    ปล.ยกความดีความชอบให้ผู้แต่งวางเรื่องไว้ให้เขียนต่อง่ายดี 555+
  5. alladiya

    alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

    EXP:
    1,207
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: [Fic รับสมัคร] !!! White Feather // Devil FanG [>>Prologue<< Destiny Memo ]

    แน่ใจอ๊ะว่างานเยอะ?

    ไว้ปิดเทอมจะกลับมาอ่านอีกทีละกันนะ - -
    (จาตายแระ)
  6. near

    near Member

    EXP:
    334
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: [Fic รับสมัคร] !!! White Feather // Devil FanG [>>Prologue<< Destiny Memo ]

    เมื่อไหร่ ตอนแรกจะเจิมมมมมม

    [action]ถึงจะยุ่ง แต่ก็ยังว่างใช่ไหมพี่แม็ก 55+[/action]
  7. WinterWolf

    WinterWolf New Member

    EXP:
    19
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [Fic รับสมัคร] !!! White Feather // Devil FanG [>>Prologue<< Destiny Memo ]

    โอ้ สหายข้า เปิดตัวมาก็ได้ใจเลยทีเดียวเชียว

    ข้าน้อยจะคอยติดตามนะ

    รีบๆเอาตอนแรกมาลงล่ะ อยากอ่านแท้

    ช่วงนี้ก็มรสุมโปรเจคเช่นกัน ยังไงก็ สู้ๆนะเพื่อน
  8. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    Re: [Fic รับสมัคร] !!! White Feather // Devil FanG [>>Prologue<< Destiny Memo ]

    โอ เปิดเรื่องได้ระทึกและยิ่งใหญ่มากครับ ตอนอ่านภาพเหมือนสงครามล้างโลก+Mass distiction 4 ก็ว่าได้ ช่วง Impact Winter บรรยายได้ดีมาก อ่านแล้วชวนหนาวเหน็บและสิ้นหวังดีเหลือเกิน

    มีพิมพ์ผิดเยอะนะครับ พิมพ์ตกหล่นก็พอสมควร แต่สรุปว่าบันทึกนั้นเป็นบันทึกอาถรรพณ์สินะ ใครรับมาต้องมีอันเป็นไป แถมต้องมีคนสืบต่อด้วย (มันหาทายาทด้วยตัวของมันเอง?)

    ช่างน่าสนใจจริงๆว่ามนุษย์ที่เพิ่งฟื้นความหวังจะเกิดอะไรขึ้น สู้ๆครับ (ปลายเทอมแบบนี้เป็นฤดูโปรเจ็คสินะ ฮ่ะๆ - -")
  9. CaLadl3olG

    CaLadl3olG Member

    EXP:
    330
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: [Fic รับสมัคร] !!! White Feather // Devil FanG [>>Prologue<< Destiny Memo ]

    แรกๆเหมือน The day after tomorrow
    หลังๆออกแนว The X file 555+

    ขนาดยังไม่เริ่มนะเนี่ย เจ๋งง่ะ
  10. Gunfinal

    Gunfinal Member

    EXP:
    152
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: [Fic รับสมัคร] !!! White Feather // Devil FanG [>>Prologue<< Destiny Memo ]

    อัพเร็วดีจัง รอตอนที่ 1 ต่อ (นั่งจิบชาเหล่มองคนรีพลายบนๆ)

    ...ไม่เอาโน้ตมาให้ซะทีนะ...กันเลยต้องทำรายงานส่งภายในศุกร์นี้เลย ชิชิ...


    [กลับไปปั่นรายงานต่อ]

    อัพเร็วๆนะพี่แม็กซ์ (โปรเจ็คเสร็จแล้วหรอคะ คริคริ =___,=)
  11. shinkyoto

    shinkyoto Well-Known Member

    EXP:
    580
    ถูกใจที่ได้รับ:
    3
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: [Fic รับสมัคร] !!! White Feather // Devil FanG [>>Prologue<< Destiny Memo ]

    หืมๆ มาอ่านและจากไป

    (แต่พล็อตแบบนี้ ไซไฟชัดๆนี่ หือ? หรือไม่ใช่? แต่ก็ดูคุ้นๆน่อ !!)

    ปล. รอบทต่อไป อย่างใจจดใจจ่อ
  12. derick

    derick Member

    EXP:
    339
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: [Fic รับสมัคร] !!! White Feather // Devil FanG [>>Prologue<< Destiny Memo ]

    จะบอกว่า....

    อิจฉาคนว่างจังเลยครับ TTwTT

    เพราะฉะนั้นต้องรีบแต่งตอนต่อไปมาลงเร็ว ๆ ทั้ง ๆ ที่ยังมีไฟนะครับ กร๊ากกกกกกกกก

    เปิดตัวมาแบบแนวบันทึก ทำให้นึกถึงพวกเกมแนวไบโอนิดหน่อย บรรยากาศในเรื่องนี่จะคล้าย ๆ แน่ ๆ อ๊ากกกกก พูดแล้วอยากเล่นพาราไซด์อีฟ (ไปกันใหญ่แล้ว -*-)

    ช่วงนี้เครียด ๆ เลยบ้าไปหน่อยครับ

    เอาเป็นว่าเป็นการเปิดตัวที่เจ๋งดีครับ สามารถเล่าหรือเท้าความได้อย่างดีเชียว ทำให้รู้ที่มาที่ไปได้ในอีกมุมมองหนึ่ง ยังไงก็รอคามต่อครับ - -+b
  13. endlich

    endlich Member

    EXP:
    123
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: [Fic รับสมัคร] !!! White Feather // Devil FanG [>>Prologue<< Destiny Memo ]

    เนื้อเรื่องน่าสนใจดีครับ กล่าวถึงอดีตที่ล่มสลายเป็นช่วง ๆ ไม่เยิ่นเย้อดี จินตนาการตามง่าย ได้อารมณ์ประมาณ Deep Impact + The day after tomorrow เลย

    เป็นการบอกเล่าผ่านบันทึกของชายคนหนึ่ง ส่งต่อไปเรื่อย ๆ ให้ความรู้สึกเป็นตำนานดีครับ
  14. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: [Fic รับสมัคร] !!! White Feather // Devil FanG [>>Prologue<< Destiny Memo ]

    เอาวึ้น บทนำมาแล้ว หวังว่า ตอนนี้ 1 คงจะมาเร็วๆนี่นะครับพี่น้อง ใช้วิธีการเล่าเรื่องน่าสนใจมาก เคยเห็นวิธีการเล่าแบบนี้มาหลายๆครั้ง แม๊กทำได้ดีมากทีเดียว



    ปล. กางเต็นท์ นอนรอบทที่1
  15. PaiaAznable

    PaiaAznable มนุษย์ตู้ปลาช้ำรัก

    EXP:
    744
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    Re: [Fic รับสมัคร] !!! White Feather // Devil FanG [>>Prologue<< Destiny Memo ]

    ซอรี่งับที่มาอ่านช้าไปขออภัยด้วยนะงับพี่แม็ก ได้อารมณ์แบบที่คนอื่นพูดมาแล้วจริงๆอ่ะเฮีย(เลวมาก อ้างอิงบทพูดคนอื่น ฮาาา)

    รอชมตอนแรกนะงับเฮีย >w<b
  16. train

    train Member

    EXP:
    498
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: [Fic รับสมัคร] !!! White Feather // Devil FanG [>>Prologue<< Destiny Memo ]

    อ๊าก แอบมาเม้นท์แบบเลทๆ
    เปิดตัวได้น่าติดตามดีงับแม็กคุง 'w')b
    มันดูเป็นการเผชิญหน้ากับธรรมชาติอันโหดร้ายดีแต่มนุษย์ก็ยังรอดมาได้อ่ะนะ สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์นี่สุดยอดจริงๆ
    รอตอนแรกอยู่น้ออออออ
  17. jamejaeja

    jamejaeja แม่มดคำสาปมรณะ

    EXP:
    119
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: [Fic รับสมัคร] !!! White Feather // Devil FanG [>>Prologue<< Destiny Memo ]

    เริ่ดมากคะ น่าสนใจมากเลยทีเดียว

    คงได้มันส์กันล่ะ
  18. ladykaren

    ladykaren อัลปาก้าที่อยู่ในฟูก

    EXP:
    906
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: [Fic รับสมัคร] !!! White Feather // Devil FanG [>>Prologue<< Destiny Memo ]

    อยากอ่านจังเลยคะ รีบๆปั่นนะคะ จะเป็นกำลังใจให้
  19. maxlancer

    maxlancer ประธานรุ่น2ตุรกีเชียงใหม่

    EXP:
    1,183
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: [Fic รับสมัคร] !!! White Feather // Devil FanG [>>Prologue<< Destiny Memo ]

    ~Memo Page I ~​


    ~ Wake Up Form Sleeping ~​


    ท่ามกลางยามมืดที่แสงจันทร์ยังคงถูกบดบังด้วยเมฆ นี่คงเป็นอีกวันที่ความมืดมิดไร้แสงดาวยังไม่สามารถกลบแสงสีจากมหานครที่อยู่เบื้องล่างได้

    เอเดน สวนสวรรค์ที่ไร้ซึ่งวันหลับไหลแห่งนี้ ยังคงเต็มไปด้วยความตื่นตาจากอารยธรรมต่างๆของมนุษยชาติที่นับวันจะพัฒนาให้ล้ำหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ ไร้ทางสิ้นสุด สถานที่ซึ่งเปี่ยมไปด้วยมรดกตกทอดจากมนุษย์หลังยุคมหันตภัยร้ายโทสะแห่งธรรมชาติและดวงดาว หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นมหานครที่ดุจดั่งเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์จากมนุษย์ที่เหลือรอด

    หากแต่มีอยู่สิ่งสิ่งเดียวที่ไม่ว่าจะดูไปทางมุมไหนก็ดูไม่เข้ากับนครแห่งความรุ่งโรชน์เลย คือพฤกษาขนาดยักษ์ชนิดที่ว่าขนาดหนึ่งส่วนสี่ของนครเอเดนเลยก็ว่าได้ ซึ่งตั้งตระง่านอยู่ใจกลางของนครราวกับเป็นเทพีผู้ปกปักรักษาสวนสวนสวรรค์แห่งนี้อยู่ก็มิปาน ใช่แล้วมหาพฤกษาอันศักดิ์สิทธิ์ที่ค่ำจุนทุกชีวิตในเอเดน ถูกขนานนามตามพฤกษาที่เป็นหนทางสู่พระผู้เป็นเจ้า

    ....เซฟิรอธ....

    แต่ทว่า ท่ามกลางแสงสีและความรื่นเริงหามีใครรู้ว่า คืนนี้ ก็เป็นอีกคืน ที่ได้เกิดเหตุนองเลือดลึกลับขึ้นอย่างเงียบๆ
    …………
    …….
    ….
    ..
    .
    ณ พื้นที่ลับสายตาผู้คนในพื้นที่เขตธุรกิจ ซึ่งถูกซ่อนอยู่ท่ามกลางป่าตึกสูง มีเด็กหนุ่มสาวสองคน กำลังค่อยๆย่างก้าวอย่างระมัดระวังเข้าไปในซอกตึก ราวกับกลัวว่าจะมีใครพบเห็น ในมือของเด็กหนุ่มกระชับกล้องวิดีโอขนาดกะทัดรัดไว้แน่นด้วยความรู้สึกตามประสาวัยอยากรู้อยากเห็น ผิดกับเด็กสาวที่สองมือชุ่มไปด้วยเหงื่อและหวาดระแวงตลอดเวลา

    “นี่ ชั้นว่าเรากลับกันเถอะ..” เด็กสาวซึ่งเกาะชายเสื้อยืดของเด็กหนุ่ม กระซิบบอก

    “จะบ้าเหรอ มาถึงขั้นนี้แล้วนะ จะมาถอยได้ไงเล่า” เด็กหนุ่มกระซิบตอบอย่างเสียอารมณ์นิดๆ

    “แต่..”

    “อยากจะกลับมากนักก็กลับไปคนเดียวสิ ชั้นไม่ยอมพลาดโอกาสงามๆอย่างงี้หรอก หากเราทำได้ ไม่แน่เราอาจจะเป็นคนแรกที่เปิดโปงตัวตนจริงๆของฆาตกรปีศาจที่อาละวาดในช่วงนี้ได้เชียวนา”

    เด็กหนุ่มกล่าวอย่างตื่นเต้นพร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานแรงกล้า หากแต่สายตาดังกล่าวก็ไม่ได้ช่วยให้เด็กสาวตัวน้อยคล้อยตามหรือหลงไหลซักกะนิด เพราะมัวแต่หลับตาด้วยความกลัว

    อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

    ระหว่างที่ทั้งสองกำลังต่อล้อต่อเถียง(ด้วยเสียงกระซิบ)กันอยู่นั้นเอง ทั้งคู่ก็เป็นต้องสะดุ้งเฮือก เพราะได้ยินเสียงโหยหวนดังแว่วมาจากด้านใน

    “สะ..เสียงอะไรน่ะ” เด็กหนุ่มถามด้วยใบหน้าซัดเผือก พร้อมปาดเม็ดเหงื่อบนใบหน้าออก

    “ฮึก…ไม่รู้” เด็กสาวสะอื้นทั้งน้ำตา

    เด็กหนุ่มยืนนิ่งอยู่ซักพัก ท่ามกลางความืดมิดตอนนี้มีทางเลือกสองทางคือ เดินต่อไป หรือ ถอยหนี
    ซึ่งในที่สุดเด็กหนุ่มที่ตัดสินใจ

    “รออยู่ตรงนี้นะ….” เด็กหนุ่มพูดกับเด็กสาว ในระหว่างที่มือกระชับกล้องวิดีโอไว้แน่น

    เด็กหนุ่มค่อยๆย่างก้าวเดินหน้าอย่างระมัดระวัง หนึ่งร้อยเมตร สองร้อยเมตร ค่อยๆห่างออกไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ลับสายตาของเด็กสาวไป

    ซักพักเด็กหนุ่มที่คลำทางมาจนถึงที่ว่างแห่งหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นต้นทางของเสียงร้องเมื่อครู่ กล้องในมือของเขาตั้งอัดวีดิโอไว้พร้อมแล้ว

    แต่ทว่า ภาพที่ปรากฎตรงหน้า ทำเอาสติของเด็กหนุ่มแทบกระเจิงจนทรุดลงไปนั่งกับพื้น เมื่อพบว่าเบื้องหน้าของตน เต็มไปด้วยกองเลือดสีแดงสดนองพื้น และชิ้นส่วนเศษเนื้อของสิ่งมีชีวิตมากมายจนมองไม่ออกด้วยซ้ำว่าเป็นชิ้นส่วนส่วนไหน

    ในชั่วเวลาที่เด็กหนุ่มกำลังจะสำรอกของเก่าในกระเพาะออกมา แสงจันทร์ที่ถูดบดบังจากเมฆหมอกก็เล็ดลอดออกมา จากพื้นที่ว่างอันมืดมิด ค่อยๆสว่างขึ้นมา จนพบว่ามีเงาของบางสิ่งถูกฉายลงมาบนพื้น

    แม้จะถูกความกลัวเข้าครอบงำจิตใจก็ตาม แต่เด็กหนุ่มก็ได้เงยหน้าขึ้นไปมองต้นทางของเงาบนพื้นราวกับต้องมนต์สะกด

    สิ่งที่อยู่เหนือกองเศษเนื้อและเลือดขึ้นไป ไม่ใช่ร่างของปีศาจ อสุรกาย หรืออะไรที่ดูน่ากลัว กลับเป็น ร่างของมนุษย์คนหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ แม้แสงจันทร์จะสาดส่องอยู่ในด้านตรงข้ามจนมองไม่เห็นค่าหน้าตา แต่มันก็เป็นภาพที่ดูงดงามราวกับภาพวาดของเทวดาในหอศิลป์ก็มิปาน

    แต่ทว่า ความงดงามตรงหน้าก็มลายหายไปในพริบตา เมื่อพบว่าในมือของคนที่ลอยอยู่บนฟ้านั้น กำลังคว้าคอของร่างๆหนึ่งเอาไว้ ซึ่งร่างดังกล่าวก็ยังคงมีชีวิตอยู่และพยายามดิ้นรนอย่างทรมาน แม้ร่างกายจะดูโรยราเต็มที

    เด็กหนุ่มซึ่งยังคงนั่งอยู่ที่พื้น พยายามเค้นสติสัมปชัญญะทั้งหมดที่มีเรียกความรู้สึกจากท่อนขาที่แข็งเกร็ง ก่อนจะพยายามกระเสือกกระสนเผ่นหนีด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี

    พลั่ก!!!!!

    เสียงร่างเนื้อตกกระทบพื้นอย่างแรง จนเด็กหนุ่มเป็นต้องหันไปดูด้วยความตกใจ

    จากร่างของมนุษย์ที่ดูอุดมสมบูรณ์อยู่เมื่อครู่ บัดนี้กลายเป็นร่างหนังหุ้มกระดูกคาเสื้อผ้า ผิวหนังจากสีเนื้ออมชมพูตอนนี้แห้งแตกชนิดไม่เห็นเลือดฝาดเลย ไม่ต่างอะไรกับมัมมี่ของอียิปต์แม้แต่นิดเดียว

    แน่นอนว่าเจอฉากฆาตกรรมอันผิดแผกบวกความโหดหวีดสยองจากที่นั่งวีไอพีแบบนี้ ต่อให้ใจแข็งขั้นเทพก็ยังมีโอกาสส่งเสียงร้องได้ นับภาษาอะไรกับเด็กธรรมดาคนนึง

    “ว้ากกกกกกกก” เด็กหนุ่มปล่อยเสียงดังลั่น หัวใจเต้นกระหน่ำจนปวด ร่างกายพยายามถอยห่างพื้นที่นั้นอย่างรวดเร็ว แต่ทว่า….

    “เห็นหมดแล้วสินะ” เสียงนุ่มๆดังแผ่วขึ้นมาจากกลางอากาศ และเสียงนั้นก็เป็นเสียงสุดท้ายที่เด็กหนุ่มคนนั้นได้ยิน…..ในวินาทีสุดท้ายของชีวิต
    ……………
    ………
    ……
    . ..
    ..
    “สวัสดีครับ มาถึงเวลาของข่าวด่วนเอเดนน่ะครับ ”

    เสียงเริ่มรายการข่าวด่วน ดังขึ้นจากโทรทัศน์เก่าๆเครื่องนึง ภายในร้านขายอะไหล่เครื่องจักรแถบย่านชานเมืองแห่งหนึ่ง ในร้านตอนนี้ยังมืดอยู่เนื่องจากอยู่ในช่วงการเตรียมเปิดร้าน ภายในร้านที่มีแต่กองเศษเหล็กกองอยู่มากมายก็ยังคงมีเด็กหนุ่มผมรองทรงสีส้มในชุดช่างคนหนึ่งที่ยังง่วนอยู่กับการเตรียมของอย่างรวดเร็ว

    “ในช่วงเวลาประมานตีสามที่ผ่านมา ได้มีพบกองเลือดเป็นจำนวนมาก ในพื้นที่หลังตึกของบริษัทเอเดนแฟคตอรี่ ในเขตสิบสามนะครับ….”

    ทันทีที่ได้ยินคำว่ากองเลือด เด็กหนุ่มก็เป็นต้องหันไปให้ความสนใจ ซึ่งพอดีกับช่วงที่ข่าวกำลังจะฉายที่เกิดเหตุให้ดู

    ภาพของซอยที่อยู่ระหว่างตึกใหญ่สองตึก ซึ่งตอนนี้ทางเข้าถูกกั้นไว้ด้วยแถบสีเหลืองหลายเส้น ภาพแบบนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นภาพที่ชินตาในช่วงสองถึงสามเดือนที่ผ่านมา ซึ่งแต่ละครั้งก็มักจะเป็นคดีแปลกๆ และหาตัวผู้เกี่ยวข้องกับคดีไม่ได้เลย

    “จากการตรวจสอบของหน่วยตำรวจเบื้องต้น สันนิษฐานว่ามีผู้เสียชีวิตเป็นพลเรือนชั้นต้นประมาณหกคน และเป็นเด็กชายซึ่งเป็นพลเรือนชั้นสูงชื่อ….”

    เด็กหนุ่มที่นั่งดูข่าวอย่างเงียบๆ เริ่มมีอากการขบฟันตัวเอง เหมือนกับปวดใจในเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างมาก

    “นี่คิดจะดูทีวีอีกนานมั้ยเนี่ย หา!!! เรียวชิโร่!!! จะเจ็ดโมงแล้ว รีบๆเปิดร้านสิ!!”

    เสียงตะโกนดังมาจากทางด้านหลังเคาเตอร์ของร้าน จนเด็กหนุ่มผมส้ม เอมิยะ เรียวชิโร่ สะดุ้งเฮือก กลับมาสู่โลกแห่งที่ทำงานเหมือนเดิม

    ซักพักไม่นานหลังจากโดนกระตุ้น ในที่สุด ร้านขายอะไหล่เครื่องจักรที่โด่งดังที่สุดแห่งย่านการค้าเขตสี่ ก็ได้เปิดขึ้นอีกวัน

    “ลุง!! ช่วยเปิดร้านให้เสร็จแล้วนา ไปเรียนก่อนนะ!!!” เรียวชิโร่ ตะโกนบอกพลางคว้ากระเป๋านักเรียนเผ่นออกไปจากร้าน

    บรรยายกาศยามเช้าของมหานครเอเดนนั้นยังคงสดใสเช่นเคย เรียวชิโร่วิ่งเยาะไปตามถนนคอนกรีต เป้าหมายเบื้องหน้า คือ โรงเรียนอันโอ่อ่าสีขาวสะอาดตาราวกับปราสาทในเทพนิยาย ชุดยูนิฟอร์มสีแดงที่ห่อหุ้มเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านใน คือ ชุดประจำของโรงเรียนทันทาลัส อันมีสัญลักษณ์เป็นวิหคเพลิงเป็นตราของโรงเรียน

    นักเรียนหลายคนที่สวมชุดเดียวกันเริ่มหนาตามากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหญิงและชายต่างพูดคุยกันในเช้าของวันใหม่ ซึ่งหัวข้อสนทนาใหญ่ๆก็ไม่พ้นเรื่องการฆาตกรรมอันผิดแผกราวกับไม่ใช่ฝีมือมนุษย์จนกลายเป็นหัวข้อทอค์ก ออฟ เดอะ ทาว ในเวลานี้

    “อุ๊บ ขอโทษ” เรียวชิโร่ รีบเอ่ยปากขอโทษ เมื่อเขาชนเด็กสาวคนนึงล้มลง เพราะความเหม่อลอย

    เด็กสาวคนนั้นลุกขึ้นมาพลางหันมามองหน้าของชายหนุ่มด้วยหางตาพร้อมกับรอยยิ้มที่มีเลศนัย แน่นอนเรียวชิโร่ไม่เข้าใจกับความหมายเหล่านั้น

    “เอ่อ ผมขอโทษ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” หนุ่มผมส้มรีบกล่าวขอโทษอีกครั้ง

    “ชั้นไม่เป็นไร อย่าใส่ใจเลย” เธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเลือนลอย “ไม่ช้าเราคงได้พบกันอีก”

    “ห่ะ....” หน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม พบกันอีก มันหมายความว่ายังไง แถมเด็กคนนี้ดูเหมือนจะรู้จักเราซะด้วย แต่ทำไมถึงไม่คุ้นตาเลยแหะ

    สายตาของเขายังคงจับจ้องเด็กสาวปริศนาจนเธอเดินเข้าไปในตัวอาคารเรียน ก่อนจะลับสายตาของเขาไป

    ก็อง !!!

    เสียงระฆังใบยักษ์ดังก้องกังวาลเป็นเสียงสัญญาณเข้าเรียน เรียวชิโร่สะดุ้งขึ้นจากภวังค์พลันวิ่งลืมตายเข้าห้องเรียนยิ่งกว่าจรวดโทมาฮอค

    “แฮ่กๆ ยังทันแหะ” ชายหนุ่มเหนื่อยหอบพลางกวาดสายตาไปรอบห้อง เพื่อนๆของเขายังคงนั่งเล่นอยู่ในห้องเรียน ทุกคนไม่ได้เข้าประจำที่และยังไม่เห็นเงาหัวอาจารย์ นั้นหมายความเขายังสามารถเซฟเวลาโฮมรูมอยู่ได้

    ชายหนุ่มทิ้งตัวลงไปบนที่นั่งติดหน้าต่างของห้องพลางเหม่อมองออกไปด้านนอกราวกับเบื่อหน่ายชีวิต

    “ไง เรียวจัง เกือบจะมาไม่ทันเชียวนะ”

    เสียงของหญิงสาวที่นั่งถัดไปเรียกความสนใจจากหนุ่มผมส้ม เรียวชิโร่หันไปทางต้นเสียงก่อนเอ่ยขึ้น

    “ก็เกือบไปน่ะนะ ฮ่าๆ”

    เรียวชิโร่หัวเราะร่วน จนหญิงสาวต้องปรามขึ้น “มาเกือบไม่ทันยัง มีหน้ามาหัวเราะอีกนะ”

    “ใครจะเหมือนเธอเล่า คุณ หลี่ เหม่ย หลิน กรรมการนักเรียนดีเด่น มาเช้าตรงเวลาซะทุกวัน” เรียวชิโร่ล้อกลับ แต่เธอกลับทำหูทวนลมซะอย่างงั้น

    หลี่ เหม่ย หลิน เป็นหญิงสาวที่สืบสายเลือดมาจากชาวจีนแผ่นดินใหญ่ในอดีตที่ หน้าตาของเธอก็จัดว่าน่ารักเข้าขั้นเลยทีเดียว ผมสีน้ำตาลยาวถึงหลังและดวงตาสีน้ำตาใส่ไร้รอยขุ่นมัวแถมด้วยผลการเรียนและความรับผิดชอบอันยอดเยี่ยมจนกลายเป็นลูกรักของอาจารย์ให้ได้รับการเลือกเป็นกรรมการนักเรียน อีกทั้งยังเป็นที่ป๊อปปูล่าในโรงเรียนแห่งนี้ไม่ใช่น้อย แต่กลับสนิทสนมกับเรียวชีโร่มากพอดู แม้แต่ตัวชายหนุ่มเองยังไม่เข้าใจเลยว่า เขาและเธอนั้นมาสนิทสนมกันขนาดนี้ได้อย่างไร

    “จะว่าไปนายได้ยินเรื่องนักเรียนที่จะมาใหม่วันนี้หรือเปล่า” เหม่ย หลิน เปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อไม่ให้มีปากเสียงกับชายหนุ่มมากนัก

    “ไม่เห็นรู้เรื่อง “ เรียวชิโร่ เปรยไม่ใส่ใจ

    “นายนี่นะ เคยสนใจอะไรบ้างไหมเนี่ย” สาวเนตรน้ำตาลตอกเล็กๆ “ได้ยินว่ารู้จักกับโทโนะคุงด้วยนะ”

    เรียวชิโร่ ชะเง้อหน้ามองไปทางชายหนุ่มผู้เงียบครึมที่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง ชิกิฮะ โทโนะ ชายผู้ที่ไร้ปฎิสัมพันธ์กับผู้อื่นโดยสิ้นเชิงมักอยู่อย่างโดดเดี่ยวที่มุมห้องนั้นราวกับเฝ้ารออะไรสักอย่าง เพื่อนฝูงก็ไม่มี แม้แต่เพื่อนร่วมห้องเองยังไม่อยากจะสุงสิงด้วยเพราะกลัวเข้าไปคุยแล้วจะโดนงับหัวหลุด

    “กับไอ้หน้ากากเหล็กนั้นนะน่ะ” เรียวชิโร่พูดเบาๆ

    “ไปว่าเค้า” หญิงสาวพูดพลางตบไปที่ไหล่ของเรียวชิโร่ “ชั้นว่าโทโนะคุงเค้าน่าสงสารออก”

    เมื่อได้ยินแบบนั้นหนุ่มผมส้มก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ “งั้นเหรอ แล้วนักเรียนใหม่ไปรู้จักไอ้บ้านั้นได้ไงล่ะ”

    “ชั้นได้ยินมาว่าตอนที่เด็กใหม่เขามาดูโรงเรียนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เข้าไปเล่นไวโอลีนในห้องดนตรีแล้วโทโนะคุงก็ดันอยู่ที่นั้นน่ะ” เหม่ย หลิน ค่อยๆเล่าลำดับความให้ชายหนุ่มเข้าใจ

    “โห รักน้ำเน่าเนอะ”

    “ไม่ใช่ย่ะ สุดท้ายสองคนนั้นดันมีปากเสียกัน จะเรียกว่ารู้จักดีไหมล่ะเนี่ย เอาเป็นว่าสองคนนั้นเค้าเคยคุยกันมาก่อนก็แล้วกัน” สาวผมน้ำตาลอธิบายเสร็จก็คว้าหนังสือเรียนออกมา เช่นเดียวกับเรียวชิโร่ เนื่องจากอาจารย์ร่างอ้วนอายุราวๆ สี่สิบถึงห้าสิบปี ก้าวเดินเข้ามาในห้อง

    “เอ้า นั่งที่ให้เรียบร้อย” อาจารย์เอ่ยเสียงดังเหล่านักเรียนที่นั่งไม่เป็นที่ก็รีบเข้าประจำโต๊ะของตนเอง

    “วันนี้มีนักเรียนย้ายมาใหม่ ขอให้พวกเธอทำความรู้จักกันไว้นะ เอ้า เรเชล เข้ามาได้”

    เสียงเปิดประตูเลือนดังขึ้นพร้อมๆกับร่างของเด็กสาวร่างเล็กที่ก้าวเดินเข้ามาในห้อง ทรงผมทวินเทลสีทองยาวสลวยแทบจะถึงพื้นและดวงตาสีทองกับผิวสีขาวหิมะดุจองค์หญิงในนิทาน ใบหน้าสวยแต่ไร้อารมณ์นั้นกวาดสายตามองคนที่อยู่ในห้อง ที่จับจ้องเธอราวต้องมนต์

    เรเชล เดอ อเมทิส คะ จากวันนี้ไปก็ขอฝากตัวด้วย” เธอก้มหัวลงตามมารยาทพร้อมเสียงปรบมือของคนในห้อง

    “โว้วๆๆๆ สวยจริงน้องสาวมานั่งข้างพี่ไหมจ๊ะ” เสียงดังลั่นยิ่งกว่าใครของชายหัวยุ่งที่นั่งบริเวณหลังห้องตะโกนโวกเวกเรียกร้องความสนใจ

    “เหอะ ไอ้ไวลด์ เอ้ย ม่อไม่เคยเปลี่ยน”

    “นายยังไม่ชินกับพฤติกรรมหมอนั้นหรือไง” ทั้งสองสนทนากันสั้นพลันหันกลับไปให้ความสนใจที่หน้าห้องต่อ

    ……ในตอนนั้นเรียวชิโร่ก็รู้สึกถึงสายตาของเรเชลที่มองมาทางเขา สายตาที่คุ้นเคยแบบนั้น “อ่ะ ชั้นเจอผู้หญิงคนนี้เมื่อเช้าด้วย”

    เหม่ย หลิน หันไปมองหน้าเรียวชิโร่ทันที “อ้าว รู้จักกันแล้วเหรอ”

    “ป่าวน่ะ แค่คุยกันนิดหน่อย ไม่เชิงว่ารู้จักหรอก” ชายหนุ่มเอ่ย

    ทันใดนั้นเองสายตาและรอยยิ้มแบบเมื่อเช้าก็ปรากฎเบื้องหน้าของเรียวชิโร่อีกครั้ง ปริศนาที่แฝงเลศนัยมากมายนั้นกลับทำให้คนในห้อง(โดยเฉพาะพวกผู้ชาย)มองเขาเป็นตาเดียว “เฮ้ยๆ อย่าเข้าใจผิด” ชายหนุ่มแก้ตัวเป็นพัลวัน

    “เรเชล เธอไปนั่งที่ว่างด้านหลังเรียวชิโร่ล่ะกันนะ” อาจารย์ร่างอ้วนชี้ไปตรงที่นั่งติดหน้าต่างหลังสุดซึ่งว่างอยู่

    เรเชล พยักหน้าครั้งหนึ่งก่อนจะก้าวผ่านช่องทางเดินระหว่างแถวไปจนถึงที่นั่ง เธอรวบกระโปรงมินิสเกิร์ตตัวเล็กให้เรียบร้อยก่อนจะลงนั่งอย่างนุ่มนวล

    เรียวชิโร่เหลือบมองไปที่ด้านหลัง ก็สบตากับเรเชลที่มองเขาอยู่พอดี “นี่ๆๆ ชั้นว่าเธอชอบนายนะ”

    เสียงกระซิบจากเหม่ย หลี่ ทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก “จะบ้าเหรอ ยัยบ๊อง”

    “เอ้า ๆ เงียบกันได้แล้ว เอาล่ะต่อไปจะเช็คชื่อล่ะนะ ใครมาหลังจากนี้ถือว่าสาย” แล้วโฮมรูมตอนเช้าอันเป็นปกติก็เริ่มขึ้นซึ่งสิ่งผิดปกติสำหรับหนุ่มผมส้มมากที่สุดตอนนี้ก็คงไม่พ้น เด็กสาวเนตรสีทองสวยที่นั่งอยู่ด้านหลังเขา ทำเอาเรียวชิโร่ขนลุกเกรียวตลอด

    เมื่อคาบเรียนเริ่มขึ้น ทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างปกติแต่ดันมีบรรยายกาศอึมครึมมากกว่าเดิม เมื่อเรเชลเข้ามาร่วมห้องด้วย เพราะอะไรน่ะเหรอ นั้นก็เพราะปกติจิตมาคุแปลกๆนั้นจะมีเฉพาะจากมุมห้องติดประตูซึ่งเป็นที่นั่งของชิกิฮะ โทโนะเท่านั้น แต่ตอนนี้ดันมีจากของเด็กสาวหน้าใหม่ที่แม้เธอจะนั่งนิ่งๆแต่กลับรู้สึกน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก คงมีเพียงไวลด์ ไลสเนอร์ หนุ่มหน้าม่อประจำห้องเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ส่งสายตาหวานหยดปานจะกลืนกินให้กับเรเชล ซึ่งตัวเรเชลเองก็ตอบรับด้วยรอยยิ้มน้อยๆแต่คนอื่นกับรู้สึกไม่น่าไว้ใจกับรอยยิ้มแบบนั้นสักนิด

    หลังจากผ่านคาบเช้าไปอย่างทุลักทุเล ไวลด์ก็รีบตรงปรี่เข้าไปหาเรเชลตามคาดของทุกคนในห้อง ส่วนเรียวชิโร่กับเหม่ย หลิน ที่มักจะนั่งกินข้าวอยู่ตรงที่นั่งของตัวเองอยู่แล้วก็ไม่ได้เปลี่ยนทีไปไหน เพราะทั้งคู่ไม่ใส่ใจพฤติกรรมของหมอนี่อยู่แล้ว

    “แหมๆๆ เรเชลจังยิ้มตอบผมด้วย” หนุ่มหน้ากวนผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าไม่เรียบร้อยตามสไตล์เด็กเกเรเข้าม่อเด็กใหม่แบบไม่เกรงใจสายตาชาวบ้าน

    “ชั้นก็แค่ยิ้มทักทายเท่านั้นแหละคะ” เรเชลทำหน้าเขินเล็กน้อยจนดูเหมือนบรรยายกาศก่อนหน้านั้นเป็นเรื่องโกหก

    บรรยายกาศที่เริ่มเปลี่ยนไปทีล่ะน้อย (อาจจะเพราะโทโนะเดินออกไปจากห้องตั้งแต่หมดคาบเรียนแล้ว) ทำให้มีนักเรียนชายใจกล้าเดินเข้าไปสนทนากับเรเชลมากขึ้น และพวกเรียวชิโร่ก็พอจะได้เห็นถึงนิสัยของเด็กสาว ที่ไม่ได้ดูน่ากลัวอย่างที่พวกเขาคิดเลย เธอเพียงแค่พูดน้อยและแสดงสีหน้าไม่ถูกพอโดนซักไซร้เยอะขึ้นก็เรื่มแสดงความอายออกมาเพราะความไม่เคยชิน

    เมื่อคนเริ่มไปรุมตรงนั้นเยอะขึ้นจนทั้งคู่เริ่มจะกินข้าวไม่สงบ เหม่ย หลิน ก็ลุกขึ้น “ไปหาที่กินที่อื่นดีกว่า เรียวจัง”

    “อืม เห็นด้วย” หนุ่มผมส้มตอบรับสั้นๆ แต่พริบตาที่กำลังเคลื่อนย้ายที่นั่ง สายตาเขาก็สบกับสายตาแปลกๆของเด็กสาวอีกครั้ง จนอดรู้สึกสั่นสะท้านไม่ได้

    จากที่นั่งหลังห้องทั้งเรียวชิโร่และเหม่ยหลินก็มาอยู่ที่ด้านหน้าทอดทิ้งความวุ่นวายไว้ตรงที่นั่งของตนเอง “นี่ เหม่ยหลิน ....”

    น้ำเสียงแปลกๆของเพื่อนหนุ่มทำให้หญิงสาวเอียงคอด้วยความสงสัย “มีอะไรเหรอ”

    “พูดตรงๆเลยนะ ชั้นกลัวยัยนั้นยังไงไม่รู้” เรียวชิโร่สารภาพแม้มันจะดูหน้าอาย เพราะเขากลัวผู้หญิง

    “งั้นเหรอ ชั้นว่าเธอดูน่ารักออกนะ”

    “ไม่รู้สิ ความรู้สึกมันฟ้องแปลกๆ”

    “แปลก แบบไหนล่ะ”

    “มันอธิบายไม่ถูก” ทั้งคู่หยุดพูดคุย สาวผมน้ำตาลจ้องไปที่หน้าซีดๆของเรียวชิโร่ ก่อนจะถอนหายใจออกมายาวๆ

    “เฮ้อ นายเนี่ยนะ ไม่น่าเชื่อว่ากลัวเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆแบบนั้น” หลิน พูดแกมดูถูกเล็กน้อย แต่เรียวชิโร่กลับไม่ใสใจ ผิดคาดจากที่เธอคิดว่าเขาจะต้องโวยวาย

    “แต่จะว่าไปก็ดูเด็กจนไม่น่าเชื่อว่าอยู่ชั้นเดียวกับเราเลยนะ”

    “นั่นสิ.....” ชายหนุ่มเอ่ยสั้นๆพลางมองไปที่กลุ่มก้อนผู้คนหลังห้อง

    หลังจากการเรียนช่วงบ่ายผ่านพ้นไปด้วยเวลาไม่นานมากนัก แต่สำหรับเรียวชิโร่แล้วมันช่างยาวนานเหลือหลาย อาจเป็นเพราะเขากลัวเด็กสาวที่สายตาแปลกๆมาให้มากเกินเหตุหรือเพราะสายตาคุกคามอยากตบกบาลยึดที่นั่งของเพื่อนชายในห้องก็เป็นสารรูปที่ดูไม่จืดจน เหม่ย หลิน อดหัวเราะไม่ได้ที่หันไปดู

    ในขณะที่ทุกคนในห้องกำลังจัดแจงเก็บข้าวของใส่กระเป๋า (บางรายอาจกวาดของลงใต้โต็ะแทน) จู่ๆก็มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นจากหน้าห้อง

    “ในที่สุดวันนี้ก็เลิกคาบเรียนอันสุดแสนจะน่าเบื่อไปแล้ว!!! ชั้นเชื่อว่าทุกๆคน ต้องอยากคลายเครียดกันอย่างแน่นอน!!!”

    เจ้าของเสียงนั้น มันก็ไม่ใช่ใคร นอกเสียจาก ไวลด์ ไลสเนอร์ สิ่งมีชีวิตหน้าม่อประจำโรงเรียนแห่งนี้

    “ชั้นก็เลย อยากเสนอว่า พวกเรามาพา เรเชลจัง ไปเลี้ยงฉลองต้อนรับ กันที่คาราโอเกะดีกว่ามั้ยพวก!!!!!”

    ข้อเสนอที่ดังออกจากปากของไวลด์ แม้จะดูทะแม่งๆ แต่กระนั้นแล้ว เหล่ากระทาชายทั้งหลายที่นั่งอิจฉาตาร้อนจนแทบไหม้ มาตั้งแต่คาบแรก แทบจะโห่ร้องยินดีราวกับได้แชมป์โลก จนหญิงสาวทั้งหลายเซงไปตามๆกัน

    “เออ….” เรียวชิโร่ที่ไม่ได้ออกอาการบ้าไป กับเค้า ยกมือขึ้นแทรก

    “เก็บปากของเจ้าไปเลย!! เอมิยะ เรียวชิโร่!!” ไวลด์ที่เมื่อครู่ยังแหกปากอยู่หน้าห้อง โดดพุ่งมายังที่นั่งของเรียวชิโร่ ด้วยความไวปานแสง พร้อมๆกับเหล่าชายหนุ่มผู้กระหายอย่างเชือดนักเรียนหัวส้มแถวนี้ที่ประชิดติดรอบซะจนหายใจไม่ออก

    “แกอุตส่าห์ได้ที่นั่งอันใกล้ชิด เรเชลจังมากที่สุดในโลกไปแล้ว แกยังคิดจะมาแย่งชิงความฝันอันน้อยนิดของพวกเราอีกเหร้อ!!!!!!!”

    “ไม่ใช่โว้ย…คือ….”

    “ต่อให้แกเห่าเหมือนหมาและคลานรอดขาชั้น พวกชั้นก็ไม่มีทางให้แกไปเฟ้ย!!!!”

    เสียงโห่ร้องไม่ต้อนรับเรียวชิโร่ พุ่งมาจากทุกทิศ จนกลบเด็กหนุ่มหัวส้มซะเหลือแค่นิดเดียว แรงอาฆาตของเด็กหนุ่มวัยกลัดมัน ช่างน่ากลัวเกินคำบรรยาย

    “แกจะให้ไป ไม่ให้ไปชั้นไม่รู้หรอกนะ แต่คุณเรเชลที่แกจะพาไปด้วยน่ะ เค้าออกไปตั้งนานแล้ว”

    “หา?????????????????????????” เหล่านักเรียนชายทั้งหลายอ้าปากเป็นเสียงเดียวกัน จนคนอื่นๆที่ไม่ได้บ้าตาม เป็นต้องกุมขมับกลับความบ้าบอของพวกนี้

    “จะชักช้าอยู่ใยเล่า พลทหารข้า!!! รีบไปตามหากันซิเฟ้ย!!!!!!” พูดจบ ไวลด์ที่ตะโกนสั่งจนใครๆก็คิดว่ามันเป็นหัวหน้าไปแล้ว มันก็โดดออกหน้าต่างห้อง(ชั้นสาม)แล้วหายตัวไปพร้อมๆกับที่กองพันชายโสด รุดออกห้องไป

    “เฮ้อ…สรุปแล้ว พวกผู้ชายในห้องติดเชื้อบ้าผู้หญิงไวลด์ไปหมดแล้วสิเนี่ย” เหม่ยหลินที่ในที่สุดก็เดินเข้ามาหาเรียวชิโร่ได้ บ่นอย่างเหนื่อยใจ

    “เอาเถอะ ดีแค่ไหนแล้วที่ชั้นไม่ต้องโดนพวกนี้เชือดเอา” เรียวชิโร่ถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย “จริงสิ ชั้นสัญญาไว้วันก่อนว่าวันนี้จะไปช่วยเลือกซื้อของใช่มั้ย? ไปกันเถอะ”

    “ตายแล้ว วันนี้คงไม่ได้ล่ะ วันนี้ร้านเค้าจะโปรโมตเมนูใหม่อ่ะน่ะ ขอโทษนะ ไว้พรุ่งนี้ได้มั้ย” เด็กสาวยิ้มเจื้อนๆ พร้อมไหว์ลกๆ เป็นการใหญ่

    “อืม ไม่เป็นไร งั้นไว้พรุ่งนี้ละกันนะ ” เรียวชิโร่โบกมือลาเล็กน้อย ก่อนที่เหม่ยหลินจะรีบคว้ากรัะเป๋าวิ่งออกจากห้องเรียนไป

    แต่ก่อนที่จะได้ออกไปไหนนั่นเอง ก็มีเพื่อนหญิงคนหนึ่งในห้องเดินเข้ามาหา

    “เออ ขอโทษนะ เรียวชิโร่ วันนี้ เธอช่วยทำเวรแทนชั้นหน่อยได้มั้ย?”

    “หา?” เด็กหนุ่มแปลกใจเล็กน้อย

    “คือแม่ชั้นเค้าเข้าโรงพยาบาลที่เขตเจ็ดน่ะ ชั้นเพิ่งรู้ข่าวเมื่อกี้เอง เลยจะต้องรีบไปดูอาการแม่น่ะ เลยต้อง…”

    “อืม ชั้นทำแทนให้เอง เธอรีบไปเถอะ” เรียวชิโร่ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร โดยไม่อาการกระอักกระอาวนใจเลย แม้ว่าในใจจะเสียดายก็ตามที

    “งั้นเหรอขอบคุณมากๆนะ งั้นชั้นรีบไปก่อนล่ะ ไว้เจอกันนะ” พูดจบเด็กสาวก็วิ่งหายไปอย่างรวดเร็ว

    “ช่วยไม่ได้แฮะ งั้นเราก็รีบทำ รีบกลับดีกว่า” เด็กหนุ่มวางสัมภาระของตนลง แล้วก็เริ่มลงมือทำ
    …….
    ….
    ..
    จากฟ้าที่ยังสีฟ้า บัดนี้ถูกยามด้วยแสงอาทิตย์อัสดงจากแดงฉาน จากโรงเรียนอันแสนคึกคักก็ได้เงียบสงัดลง เรียวชิโร่ที่รับจัดการภาระหน้าที่ของเพื่อนเสร็จก็เลยจ้ำอ้าวกลับบ้านโดยไว

    “เฮ้อ…กลับสายแบบนี้ โดนตาแก่ที่บ้านบ่นอีกแน่เลย..”

    ในระหว่างที่บ่นพึมพัมกับตัวเอง อยุ่นั้นเอง เด็กหนุ่มก็เป็นอันต้องแปลกใจที่มีคนๆหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า ซึ่งคนๆนั้นคือ เรเชล เด็กนักเรียนใหม่นี่เอง

    “อ้าว? คุณเรเชล ไม่ใช่ว่ากลับไปแล้วเหรอครับ?” เด็กหนุ่มแปลกใจเล็กน้อย

    “ยังหรอก..ชั้นมารอเธอ เอมิยะ เรียวชิโร่”

    พริบตานั้นเองที่ถูกกล่าวชื่อ เรียวชิโร่เกิดความรู้สึกราวกับอากาศรอบตัวบีบตัวเองจนอืดอัดอย่างบอกไม่ถูก

    เด็กสาวน่ารักที่บัดนี้ นัยน์ตาสีฟ้าได้ส่งแววอาฆาตใส่เรียวชิโร่จนรู้สึกได้ ค่อยๆตรงเข้ามาอย่างช้าๆ

    “บอกมา เอมิยะ เรียวชิโร่ เธอเป็นใคร”

    เด้กหนุ่มที่เริ่มอึดอัดมากขึ้นทุกที สับสนกับคำถาม “เป็นใคร? ก็เป็นผมน่ะสิ”

    “อย่ามาเล่นตลก.. เธอเกี่ยวข้องอะไรกับ คดีเมื่อคืนที่…!!!” ยังไม่ทันจะพูดจบเด็กสาวก็หยุดคำอยู่แค่นั้น ด้วยสีหน้าตกใจ

    ผ่านไปซักพักนึง กับความเงียบที่น่าอึดอัดเป็นที่สุด เรียวชิโร่ตอนนี้เจอแต่คำว่างงกับงง ยิ่งท่าทีของเด็กสาวที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ยิ่งทำให้ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี

    “เออ…”

    “ขอโทษนะคะ ที่ทำให้เสียเวลา คุณเรียวชิโร่ ดูเหมือนชั้นจะจำคุณผิดไปน่ะค่ะ”

    เด็กสาวโค้งให้อย่างรวดเร็วก่อนที่เรียวชิโร่จะได้เอ่ยอะไรออกไป ทำเอาเด็กหนุ่มอ้าปากค้างพะงาบๆ

    “ชั้นไม่รบกวนเวลาแล้วล่ะค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ พอดีต้องรีบกลับแล้วล่ะค่ะ”

    พูดจบเด็กสาวก็หมุนตัวกลับอย่างรวดเร็ว และเดินออกไป โดยได้ซ่อนใบหน้าเจ็บใจลแะคำพูดเอาไว้เบื้องหลัง

    “ชิ…มาตั้งสองคนเลยเหรอ….”

    ทางเรียวชิโร่ที่ไม่รู้จะกล่าวอะไรแล้ว ก็ได้แต่ถอนหายใจและ เดินกลับบ้านอย่างช้าๆ แต่ก่อนที่จะพ้นประตูรั้วโรงเรียน เค้าก็ได้หันกลับไปดูด้านบนของตึกเรียน

    “เมื่อกี้…เหมือมนมีคนมองอยู่ด้านบน..หรือเปล่าหว่า?”
    ………..
    …….
    …..

    .
    ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว เรียวชิโร่ซึ่งกำลังนั่งรถบัสโดยสารกลับบ้านอย่างเหน็ดเหนื่อย ได้แต่นั่งคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อครู่ แต่ไม่ว่าจะคิดยังไง ก็ไม่อาจเข้าใจได้ซักที

    “อย่ามาเล่นตลก.. เธอเกี่ยวข้องอะไรกับ คดีเมื่อคืนที่…!!!”

    “คดีเมื่อคืน… คดีฆาตกรรมเมื่อคืนที่เขตสิบสาม?” เด็กหนุ่มนึกถึงข่าวที่ได้ฟังเมื่อเช้า แต่ตัวเองก็ไม่คิดว่าเรื่องมันจะตรงกันขนาดนั้น พอกันกับช่วงเวลาตอนนี้ก็รถบัส ได้มาจอดบริเวณเขตสิบสาม ซึ่งจะตรงเข้าสู่ย่านธุรกิจอุตสาหกรรมของนครเอเดนพอดี

    “อะไรจะบังเอิญ ขนาดนั้นเนี่ย…”

    เรียวชิโร่ ซึ่งสถานการณ์เป็นใจ ตัดสินใจลงที่เขตสิบสาม โดยที่ไม่ได้คิดล่วงหน้าเลยว่าจะลงมาทำไม

    เขตสิบสามแห่งเอเดน เป็นย่านเต็มไปด้วยตึกสูงและโรงงานผลิตมากมายซึ่งขึ้นตรงแต่สภาสูงแห่งนครเอเดนทั้งสิ้น แน่นอนว่ายามหกโมงกว่านี้ มันก็เยอะเวลาเลิกงานของคนส่วนมากไปแล้ว เขตนี้ยามเย็นเป็นต้นไปจึงแทบจะเรียกได้ว่าร้างเลยทีเดียว

    เรียวชิโร่เดินจ้ำอ้าวอย่างรวดเร็ว เพื่อตามหาที่เกิดเหตุเมื่อคืน ในหัวยังคงสับสนกับการกระทำของตัวเองอยู่ตลอด

    “เรามาทำบ้าอะไรที่นี่ฟะเนี่ย? ทั้งๆที่เธออาจจะแค่พลั้งปากแท้ๆ” เด็กหนุ่มพร่ำถามตัวเอง ทั้งๆที่เจ้าตัวก็ตอบไม่ได้ แต่ราวกับอะไรซักอย่างเป็นแรงชักจูงให้เค้าเข้ามา

    ในที่สุด ทางด้านหน้าของเรียว ก็พบช่องระหว่างตึกที่มีผ้าแถบสีเหลืองอันเป็นสัญลักษณ์ห้ามเข้าที่หน่วยตำรวจมักจะกั้นไว้ในสถานที่เกิดเหตุเป็นประจำ ซึ่งปกติแล้วมันจะต้องมีคนเฝ้าต้นทางตลอดเพื่อไม่ให้คนนอกเข้าแท้ๆ ไม่รู้ทำไมตอนนี้ มันดันไม่มีคนเลยซักคนเดียว

    เนื่องด้วยการที่ไม่มีใครอยู่แถวนี้เลยซักคนเดียว ฟ้าที่ตอนนี้มืดมิดไร้แสงอาทิตย์ เหลือเพียงแต่แสงจากหลอดไฟและดวงดาวแล้ว บรรยากาศที่นี่ จึงนับว่าหลอนได้ที่เลยทีเดียว

    เรียวชิโร่ค่อยลอดแถบผ้าเข้าไปในซอยนั่นและเดินเข้าไปอย่างช้าๆ เส้นทางซึ่งทอดยาวเข้าไปค่อยๆมืดลง แต่เด็กหนุ่มก็ยังก้าวต่อไป

    ในที่สุดเค้าก็ได้พบกันลานกว้างซึ่งเป็นสุดทาง และคาดว่าจะเป็นที่เกิดเหตุฆาตกรรมแล้ว แต่ตอนนี้ มันไม่เหลือคราบหรือร้องรอยจากเหตุการณ์อะไรมากนัก คงไว้แต่รอยชอร์ก มาร์คจุดเกิดเหตุไว้ ซึ่งเรียวชิโร่ก็ไม่เข้าใจความหมายของมันเท่าไหร่

    เด็กหนุ่มมองทางซ้าย ทางขวา ก็เจอแต่กำแพง และ บันไดเหล็กสำหรับปีนขึ้นไปด้านบน ที่เห็นแต่ยอดตึกซึ่งสูงพอดู ไม่ว่ามองไปทางไหน ก็ไม่พบอะไรที่เป็นเงื่อนงำ อะไรซักก็อย่างเดียวเส้นทางต่อไป ก็คือปีนขึ้นไป
    ……….
    …….
    …..
    ...
    .
    จากพื้นขึ้นสู่ยอดตึกนับว่าสูงพอดู เด็กหนุ่มี่กว่าจะปีนขึ้นมาอย่างมุลักทุเล หอบอย่างเหน็ดเหนื่อย

    “ชักรู้สึกว่าตัวเองบ้าขึ้นมาตะหงิดๆแล้วสิ มาที่แบบนี้เพราะคำพูดแปลกของเด็กผู้หญิงคนเดียว”

    จากเบื่องล่างขึ้นมาถึงเบื้องบน ภาพตรงหน้าของเรียวชิโร่ มีเพียงแต่ท้องฟ้าและสิ้ง่อสร้างมากมายกับต้นไม้ยักษ์ที่เป็นศูนย์กลางของนครแห่งนี้อยู่ไกลๆ

    “นั่นมัน…” เด็กหนุ่มแปลกใจที่ได้เห็นพฤกษายักษ์เต็มๆตาแบบนี้ เนื่องจากเค้าไม่ค่อยสนใจการคงอยู่ของมันเท่าไหร่

    “เซฟิรอธ…”

    เสียงนี้ทำเอาเด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกทันที ท่ามกลางความมืดและเงรยบสงัดที่มีแต่เค้าคนเดียว ใครจะไปคิดว่ามีคนอื่นอยู่อีก

    เรียวชิโร่หันกลับหลังทันที เนื่องเสียงดังกล่าวดังมาจากางนี้ และ เค้าก็ต้องตกตะลึง เมื่อพบเห็นชายคนหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ

    “ตัวตนที่ยิ่งใหญ่อันเปรียบเสมือนพระแม่มาเรียที่คอยปกป้องคุ้มครองพวเรามาตลอดเป็นร้อยๆปี…”

    ชายหนุ่มเริ่มร่ายพึมพัมด้วยสำเนียงแปลกๆ แต่ดังผมสีเทา ใบหน้าที่ดูอ่อนไว ปีกนกสีฟ้าอ่อนที่กว้างและยาวที่หลัง แต่กลับมีเพียงแค่ปีกซ้าย กับท่าทางของเค้าที่กำลังถูกแสงจันทร์สาดส่อง ภาพนี้ช่างงดงามราวกับเทพยดาจุติก็มิปาน

    แต่ความงดงามนั้นก็มลายหายไปจากความคิด เพราะเรียวชิโร่สังเกตเห็นบางอย่างที่ถูกมือของชายผู้นั้น หิ้วอยู่ มันเป็นร่างที่ดูเหี่ยวแห้งจนแปลกตา แต่สายตาของเด็กหนุ่มมันร้องบอกตรงๆว่านั้นคือร่างของมนุษย์อย่างแน่นอน

    “หือ?…อ๋อนี่เหรอ เอาไปสิ ชั้นกินจนอิ่มแล้ว” พูดจบชายผู้นั้นก็โยนร่างในมือลอยไปกองตรงหน้าเรียวชิโร่

    ร่างเล็กๆที่ดูแล้วน่าจะเป็นเด็ก ผิวหนังแห้งเหี่ยวไร้สีเลือดฝาด รูปร่างผอมติดกระดูก จนไม่คิดว่าจะมีชีวิตแล้ว ร่างนี้ เรียวชิโร่แทบจะฟันธงเลยว่าเป็นเด็กชายที่หายตัวไป จากข่าวเมื่อเช้า

    “อ้าว…ไม่กินเหรอ? อุตส่าห์คิดจะให้กินเป็นอาหารมื้อสุดท้ายแท้ๆ”

    น้ำเสียงของชายลึกลับหนักหน่วงขึ้น เรียวชิโร่ซึ่งสัมผัสถึงสิ่งนั้นได้โดนอัตโนมัติ รีบถีบร่างของตัวเองออกห่างชายคนนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย

    แต่ทว่าชายผมเงินจากที่ลอยอย่างกับที่ ได้บินเข้าหาเรียวชิโร่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะจับร่างของเด็กหนุ่มเหวี่ยงลอยขึ้นฟ้าอย่างแรง

    “นี่มัน อะไรกัน!!!!!!”

    จิตใจของเรียวชิโร่ร่ำร้องอย่างเจ็บปวด เค้าไม่รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร แต่อย่างเดียวที่เค้าคิดคือสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันจะฆ่าเค้า

    ชายผมเงินกระพือบินข้างเดียวของเค้าหนึ่งที่ ก่อนที่ร่างของเค้าจะพุ่งแหวกอากาศเข้าประชิดตัวเด็กหนุ่มกลางอากาศอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยกขาขวาเตะอัดท้องของเรียวชิโร่เต็มแรง จนร่างของเรียวชิโร่พุ่งลงสู่เบื้องร่าง

    แต่ไม่จบแค่นั้น ด้วยความเร็วเหนือคณานับ ร่างของชายผมเงินกลับบินมารอที่เบื้องล่างก่อนแล้ว และเตะเสยร่างของเรียวชิโร่ลอยคว้างบนอากาศอีกครา เพียงแค่สองดอกนี้ ร่างของเด็กหนุ่มก็ชุ่มเลือดไปแล้ว

    ชายผมเงินรีบคว้าคอเสื้อของเรียวชิโร่เอาไว้เพื่อไม่ให้เค้าตกไป สีหน้าเทพบุตรของชายผมเงิน ยังคงนิ่งสนิท ไม่รู้สึกใดๆกับการกระทำ

    “อะไรกัน…ไม่คิดจะ ตอบโต้หน่อยเหรอ เด็กหนุ่มเผ่าปีศาจ”

    “ปี…ศาจ?” เรียวชิโร่ที่สติสัมปชัญญะเริ่มหลุดลอย ไม่เข้าใจคำพูดของอีกฝ่าย

    “เอาเถอะ…ยังไงซะ เผ่าเทวดาอย่างชั้นก็ไม่ชอบที่จะไม่กินเผ่าปีศาจในสภาพยังเป็นๆอยู่แล้ว ยังไงก็
    ขออัดจนหน่ำใจก่อนนะ”

    พูดจบ ร่างของเรียวชิโร่ก็ถือเหวี่ยงขึ้นฟ้า ก่อนที่ชายผมเงินจะหมุนตัวกลางอากาศ เพื่อใช้ปีกอันใหญ่ของเค้าฟาดร่างของเรียวชิโร่พุ่งลงสู่พื้นดาดฟ้าแห่งนึง

    ในชั่วเวลาที่เป็นนาทีความเป็นความตาย เรียวชิโร่กลับรู้สึกทุกๆอย่างช้าลงไป เค้าเคยได้ยินมาว่า คนที่กำลงัจะตาย มักจะเห็นภาพในอดีตทั้งหมด ตอนนี้แสดงความเค้าใกล้จะตายเต็มที

    “อะไรก็เนี่ย…ไม่น่ามารนหาที่เลยจริงๆ…”

    เด็กหนุ่มบ่นอย่างเสียใจนิดๆ พร้อมกับที่ระลึกภาพต่างๆ

    ในภาพทั้งหมดที่เห็นมา ล้วนแต่เป็นภาพที่สนุกสนานตั้งแต่เยาว์ไว แต่ทว่ามีอยู่สิ่งหนึ่งที่พุ่งเด้นชัดขึ้นมาในสมองของเรียวชิโร่ ภาพที่เต็มไปด้วยกลิ้นความเลือด แล้วคนตายตรงหน้า ซึ่งเป็คนที่เค้ารู้จักเป็นอย่างดี….หญิงสาวที่มีชื่อว่า หลี่ เหม่ยหลิน…

    ตูม!!!!!!

    เสียงกระแทกดังสนั่น เนื่องจากร่างของเด็กหนุ่มกระแทกพื้นซีเมนต์อย่างแรง จนทะลุลงดาดฟ้าลงไป ความแรงนั้นทำเอาเศษฝุ่นและหินลอยฟุ้งไปหมด

    ชายผมเงิน บินไปลงจอดเหนือดาดฟ้าแห่งนั้น ปีกข้างเดียวของเค้าค่อยๆพับเล็กลง ก่อนที่เค้าจะเดินเข้าไปยังตำแหน่งที่ตกของเด็กหนุ่มผมส้ม

    “เอาละ ได้เวลาทานแล้วสินะ” ชายผมเงินเตรียมจะลงไปเอาร่างของเรียวชิโร่ แต่ทว่า….

    ตูม!!!

    เสียงกระแทกดังสนั่นครั้งที่สองดังขึ้น แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เสียงกระแทกสิ่งก่อสร้างแต่ เป็นเสียงกำปั้นที่ลอดพื้นขึ้นมาอัดกระแทกท้องของเทวดาปีกเดียวด้วยความแรงสุดจะนึกถึง ทำเอาเทวดาหน้าหล่ออ้วกเล็ดเลยทีเดียว

    “บ้าน่า….ก็มันยัง…ไม่ตื่นนี่…”

    ยังไม่ทันที่ชายผมเงินจะเข้าใจ ร่างๆหนึ่งก็พุ้งขึ้นมาจากรูบนพื้น พร้อมหมัดที่สองซัดเข้าเต็มคางด้านซ้ายของเทวดาผมเงินอย่างจัง ก่อนที่ร่างนั้นจะหมุนคว้างไปตามแรง จนข้ามตึกไปอีกฟากนึงทีเดียว

    ร่างของนักเรียนหนุ่มยืนหยัดขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ได้กลับมาในสภาพเดิม จากผมสีส้มปกติ กลับกลายสภาพเป็นสีขาว ตั้งชันขึ้นราวกับถูกไฟฟ้าช็อต ชุดยูนิฟอร์มสีแดงของเค้าขาดวิ่น ร่างกายซีกซ้ายจากปกติ ตอนนี้มีสิ่งที่น่าจะเรียกว่าคมดาบ จำนวนมากทะลุผิวหนังออกมามากมายกันจนเหมือนเกราะคมดาบก็มิปาน เลือดสีแดงสดค่อยไหลอาบไปตามแขน นัยน์ของเด็กหนึ่มจากสีน้ำตาลธรรมดา บัดนี้กลายสีทองคำสว่าง ดุดันเหมือนนัยน์ตาของราชสีห์

    บัดนี้ เอมิยะ เรียวชิโร่ ตื่นจากการหลับไหลแล้ว
    ………..
    ……

    ห่างจากจุดการปะทะระหว่างสองคนนี้ออกไปไม่กี่ร้อยเมตร ยังคงมีบุคคลลึกลับอยู่คนหนึ่งในเงามืด คอยเฝ้าสังเกตการอยู่

    “ร่างครึ่งปีศาจ….เอมิยะ เรียวชิโร่…นายเป็นเผ่าปีศาจ..เหมือนกับชั้นสินะ…”

    ร่างในเงานั้นพูดขึ้นมา “งั้นแสดงว่า เธอเองก็จับตาดูเค้าอยู่เหมือนกันสินะ…เรเชล เดอ อเมทิส..ไม่สิ ต้องบอกว่า เผ่าเทวดา มากกว่า”

    พูดจบร่างในเงามืดนั้นก็หันไปยังจุดๆนึงที่ห่างออกไป เด็กสาวร่างเล็ก ที่ไว้ทรงทวินเทลสีทองยาว ยืนจ้องตอบบุคคลในเงามืด แต่แทนที่จะมาในรุปแบบเด็กสาวน่ารักเหมือนเมื่อตอนเช้า บัดนี้ สายตาของเธอแฝงไปด้วยแววดุดัน มาพร้อมปีกสีเหลืองทองด้านขวาที่ค่อยๆงอกออกมา

    TO BE CONTINUED >>>

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------

    บ่นเล็กน้อยกับคนแต่ง

    หลังจากที่ปฐมบทถูกปล่อยออกจำหน่ายมาเป็นชาติแล้ว ในที่สุดพวกกระผมก็ได้เข็นตอนแรกออกมาซักกะที บอกตรงๆเลยว่าเพิ่งได้มาปั่นเอากันจริงๆ สี่วันที่ผ่านมานี่เอง เพราะทั้งผมและโยชิกิคุง แทบจะหาเวลาว่างตรงกันไม่ได้เลย (ฟิคแต่งร่วมกันนี่เนอะ==”)
    ในตอนนี้ก็อาจจะดูยืดๆไปหน่อย เนื่องจากเป็นตอนเปิดเรื่อง แต่ก็เป็นการเปิดตัวของตัวตนอันลึกลับของเผ่าทั้งสองนะครับ ยังไงก็ขอโทษนะที่นี้ด้วยนะครับ อีกทั้งสำนวนตอนนี้ก็ต้องพึ่งโยชิกิหลายส่วนเหมือนกัน คงเพราะห่างเหินไปนาน ฝีนิ้วเลยไม่ค่อยเข้าที่เท่าไหร่ ตรงนี้จะพยายามปรับปรุงนะครับ

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ขอขอบพระคุณตัวละคร

    1. เอมิยะ เรียวชิโร่ โดย Paia inside GN-0000 หนุ่มนักเรียนหัวส้ม ที่อาจจะดูละม้ายคล้ายใครบางคน (ซึ่งก็อย่าไปสนใจเลย) จากการคัดสรรมาจากตัวละครทั้งหมดแล้ว ในที่สุดผมก็ตัดสินใจเอาหมอนี่เป็นพระเอกจนได้ ดังนั้นหลายๆอย่างก็อาจจะถูกปรับไปบ้างเพื่อความสะดวกในการแต่งนะครับ

    2.โทโนะ ชิกิฮะ โดย สหายUltima_Weapon ที่กำลังโดนคำสาปโมเอะ จนหายสาปสูญไปหายเดือนแล้ว เนื่องจากเป็นการเปิดเรื่องของพระเอกที่ยังเป็นนักเรียนคนนึงอยู่ จึงจำเป็นต้องหาคนสมัครเป็นนักเรียนมาใส่ตอนนี้ (ซึ่งก็น้อยพอดู)

    3. เรเชล เดอ อเมทิส สาวน้อยทวินเทลคนนี้ มันไม่ใช่ใครที่ไหนส่งมาหรอกครับ เจ้าโยชิกิ ส่งมากับมือเองแหละครับ ดังนั้น ไม่ต้องอธิบายอะไรมากไป นัก ให้มันมาแจงเองดีกว่า

    3.ไวลด์ ไลสเนอร์ หมอนี่มันเป็นตัวที่ผมส่งมาประกวดเองครับ (คนแต่งอยากเล่นด้วย เหอะๆๆ) เอามากะแย่งซีน น้องเรเชลของโยชิกิไม่ให้เด่นเกินหน้าเกินตา

    กับอีกสองตัวละครผู้ลึกลับซึ่งจากได้ออกเต็มๆในตอนต่อไป

    และขอพระคุณผู้อ่านทุกๆท่านที่คอยติดตามนะครับ พบกันใหม่ตอนหน้าครับ
  20. near

    near Member

    EXP:
    334
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: [Fic รับสมัคร] !!! White Feather // Devil FanG [>>Prologue<< Destiny Memo ]

    อ่า เหมือนดูการ์ตูน action ตอนเปิดตัวใหม่ๆ มีอะไรค้างคา เยอะแยะไปหมด

    มีคำผิดบ้าง เป็นบางที่ แต่ผมโทษความผิดให้พี่โยนะ 55+

    หวังว่าเร็วๆนี้ ตัวผมจะออกนะ -*-
  21. shinkyoto

    shinkyoto Well-Known Member

    EXP:
    580
    ถูกใจที่ได้รับ:
    3
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 15/10/08>>Memo Page I<< Wake Up From Sleeping ]

    สงครามใต้ดินระหว่างสองเผ่าพันธ์อย่างนั้นหรือ อ่า บรรยากาศแบบนี้ มันคุ้นๆอยู่มิใช่น้อย

    "จุดเริ่มต้นของจุดจบ" บรรยากาศมาคุตั้งแต่เริ่มตอนแรก

    การวางตัวละครที่น่าจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ่ง(แบบเหยื่อกับผู้ล่า) (มองซ้ายขวา) ในรั้วโรงเรียน (ตั้งใจอะไรไว้หรือเปล่าเนี่ย?)

    ตอนแรก รอตอนต่อไปอย่าใจจดใจจ่อ (ก็ทุกเรื่องล่ะนะ) อย่ากเห็นระบบป้องกันตัวเองของเมืองบ้างน่อ (ครึๆๆๆ)
  22. Gunfinal

    Gunfinal Member

    EXP:
    152
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 15/10/08>>Memo Page I<< Wake Up From Sleeping ]

    มาอัพแล้วพี่ชายเรา T^T
    ก็อ่านตอ่ไป(คือหน้าที่ของเรา)

    ความคิดเห็นเหมอืน rep บนคะ 555
  23. yoshiki

    yoshiki FATE

    EXP:
    862
    ถูกใจที่ได้รับ:
    17
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 15/10/08>>Memo Page I<< Wake Up From Sleeping ]

    ให้ตายเหอะ กลับมาไม่ทันเช็คต้นฉบับเลยต้องอ่านแบบที่ลงแล้วซะได้ 555+

    แม็กมุขเฉียบเหมือนกันนี่หน่าไอ้ตรงหลังเลิกเรียนนี่ทำผมฮากลิ้งเลย ไม่เลวเลยนะ

    ส่วนแม่น้องนางเรเชล ข้าพเจ้าก็ประทานบทสุดโมเอะให้นั้นเองไอ้ที่เขียนอธิบายคุณเธอยาวยืดก็ไม่ใช่ใครที่ไหนก็ผมเองนี่แหละ ก้ากกๆๆๆๆๆๆ ชอบผู้หญิงแบบนี้อ่ะ มีไรม่ะ

    ก็ขอฝากตอนต่อๆไปด้วยล่ะกันนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่มาอุดหนุนนะ จุฟๆ
  24. PaiaAznable

    PaiaAznable มนุษย์ตู้ปลาช้ำรัก

    EXP:
    744
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 15/10/08>>Memo Page I<< Wake Up From Sleeping ]

    ตอนแรกมาแย้ววววว มาซะทีนะเฮียแม็ก >w<

    ฮาเป็นระยะๆ จะว่าไป... เหม่ยหลินน่ารักม้ากมาก น่ารักได้อีกกกกกกกกกก >///////<

    [action]กลิ้งไปกลิ้งมา กับความน่ารักเกินคาด งี้ดดดดด... (เอ็งเป็นบ้าไปแล้วเรอะ)[/action]

    มีตัวหน้าม่อมาแทนเฮียโยแล้วแฮะ ครามนี้เฮียแม็กลงทุนเองด้วย โอ้ว... รอชมตอนต่อไปครับพี่ >w<b

    ปล.ที่เฮียแม็กเลือกเรียวชิโร่เป็นพระเอก เหมือนเฮียแม็กจะรู้เลยแฮะว่าผมชอบผู้หญิงแบบไหน = ="a
  25. jenovasung

    jenovasung Member

    EXP:
    152
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 15/10/08>>Memo Page I<< Wake Up From Sleeping ]

    เเม็คเอ้ย..มีผมคนเดียวใช่ไหมเนี่ยที่สมัครตัวละครอายุเยอะกว่าคนอื่นในกลุ่ม ดู๊..ดู..มีเเต่วัยรุ่นทั้งน้าน!!

    ขอตอกย้ำต่อนะก๊ากก

    ถ้าตอนหน้าไม่มีเซอวิสล่ะก็ผใมตามถึงบ้านนะเฟ้ย 55555

Share This Page