!!! White Feather // Devil FanG [Update 04/09/10>>Memo Page VIII<< ~Memo page VIII~ After day – Fan

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย maxlancer, 3 กันยายน 2008.

  1. soulmaster

    soulmaster Endorphinlism

    EXP:
    403
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 30/12/08>>Memo Page II<< The Berserk Creature]

    สงสัยหน่วยเก็บกวาดหลักฐานลบล้างร่องรอยจะทำงานกันเหนื่อยหน่อย ^^!

    ก่อนที่จะมีใครสักคนเฉลียวใจ :E

    [action]รอตอนต่อไป[/action]
  2. maxlancer

    maxlancer ประธานรุ่น2ตุรกีเชียงใหม่

    EXP:
    1,183
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: !!! White Feathe!!! White Feather // Devil FanG [Update ฉลองExpที่700 3/03/09>>Memo Page III<< Way To Demonic]

    ~Memo Page III ~

    ~ Way To Demonic ~



    หนาว….ความหนาวเย็นนี่มันคืออะไร

    ที่นี่ที่ไหนกัน....

    ทำไมมันถึงอ้างว้างขนาดนี้​


    เด็กหนุ่มก้าวเดินไปตามถนนสีขาวที่ตนไม่รู้จัก เขาไม่รู้เส้นทาง ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเป็นอะไรหรือเกิดอะไรขึ้น เขาเพียงแค่รู้สึกตามสัญชาตญาณว่าควรจะเดินไปทางนี้เท่านั้น แม้แต่ร่างกายก็ยังไม่สามารถขยับได้ดั่งใจ ทั้งการหายใจที่อึดอัดพอๆกับการจมน้ำ เขาเพียงแค่ต้องการไปจากสถานที่แปลกๆนี่ให้เร็วที่สุดเท่านั้น โดยที่ไม่สามารถอธิบายสิ่งรอบตัวได้เลย มีเพียงหนทางที่ได้แต่คาดเดาว่าถูกต้อง

    โคมไฟสูงสีดำตามสไตล์ตะวันตก ถูกวางเรียงรายไปบนถนนสีขาวอันเต็มไปด้วยหมอกแปลกๆ เด็กหนุ่มยังคงเดินต่อไปแม้เท้าทั้งสองจะแทบไร้ความรู้สึก แต่มันกลับเดินหน้าไปได้อย่างแปลกประหลาดตามเส้นทางที่ไร้ความคดเคี้ยว

    “…..” สุดปลายสายตาเด็กหนุ่มมองเห็นชายผู้นึง กำลังยืนอย่างเดียวดายคล้ายกำลังรอคอยบางอย่างอยู่ เด็กหนุ่มเดินเข้าหา แต่เหมือนชายคนนั้นค่อยๆถอยห่างออกไปมากขึ้นๆ จากการเดินอย่างเชื่องช้าเปลี่ยนเป็นการวิ่งไล่อย่างรวดเร็วโดยที่เขาแทบไม่รู้ตัว ยิ่งไล่ก็ยิ่งห่างมากขึ้น เด็กหนุ่มเหนื่อยหอบ เขาทิ้งตัวลงนอนอย่างอ่อนแรงพลางหายใจระรัว

    เด็กหนุ่มเริ่มรู้สึกถึงเสียงฝีเท้ากำลังใกล้เข้ามา สายตาของเขาจับจ้องไปเบื้องหน้า เจ้าของเรือนผมสีเงินกำลังก้าวเดินมาหาเขา พร้อมกับภาพชวนตกตะลึงนั้นคือ ใบหน้าอันเหวอะหวะกับร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์จนไม่อยากหันไปมอง เลือดที่ไหลนองตามเส้นทางที่ร่างกายอันสะบักสะบอมนั้นผ่านแทบจะท่วมถนนสีขาวราวกับผ้าสีขาวที่ถูกเติมเต็ม

    เด็กหนุ่มถอยกรูด เขาพยายามตะเกียดตะกายสุดชีวิต แต่ร่างกายของเขาไม่ตอบสนองเลย มันชาด้าน มันไร้พลัง มันไร้การควบคุม เด็กหนุ่มตื่นกลัวสุดชีวิตร่างที่ถูกชะโลมด้วยเลือดนั้นเขยิบหน้าเข้ามาใกล้ก่อนกระซิบเข้าที่ข้างหูเด็กหนุ่มที่กำลังหวาดผวา ด้วยเสียงอันแผ่วเบา แต่เต็มเปี่ยมด้วยความอาฆาต

    “เป็นเพราะแก.....เป็นเพราะแก.....เป็นเพราะแก!!!



    ว้ากกกกกกกกกกกกกก


    เรียวชิโร่สะดุ้งตื่นจากฝันที่แทบจะทำให้หัวใจหยุดเต้น แสงอรุณและเสียงนกยามเช้าช่วยบรรเทาความกลัวไปได้มากโข เด็กหนุ่มกวาดตามองไปรอบห้องสีขาว ที่ถูกประดับตกแต่งด้วยลวดลายสวยงาม ชั้นหนังสือและโต๊ะหนังสือที่ดูเป็นระเบียบและสะอาดเกินกว่าจะเป็นห้องรกๆของเด็กผู้ชายอย่างเขา

    เด็กหนุ่มพยายามเค้นความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืน เขาอยู่ที่ไหน ทำอะไร และเกิดอะไรขึ้น “เราจำได้แค่อยู่ในเขตสิบสาม เจอใครสักคน แล้ว......เกิดอะไรขึ้นต่อหว่า” ทว่าสิ่งที่แจ่มชัดในความทรงจำของเขา คือ กลิ่นคาวเลือดและความรู้สึกอันน่าสะอิดสะเอียน พลอยทำให้เขานึกถึงความฝันที่ยิ่งกว่าหนังสยองขวัญเกรด A เมื่อครู่

    เรียวชิโร่เริ่มรู้สึกมัน งง อย่างบอกไม่ถูกราวกับถูกของแข็งฟาดหัวอย่างแรง แต่เสียงประตูที่เปิดเข้ามาอย่างกะทันหันดึงความสนใจของเขาทันที

    ร่างของหญิงสาวผมดำยาวสลวยที่กำลังถือถาดน้ำปรากฎเบื้องหน้าเขา ใบหน้าอันคุ้นเคยนั้นเหมือนกำลังจะร้องไห้ ถาดน้ำในมือร่วงหล่นสู่พื้น ส่วนร่างอันบอบบางนั้นก็โผเข้ากอดเรียวชิโร่โดยไม่ทันตั้งตัว

    “เหม่ย หลิน.....” เรียวชิโร่เปรยออกมาเบาๆ โดยที่หน้าของหลี่ เหม่ย หลิน นั้นยังคงซุกอยู่ที่หน้าอก

    “เธอเป็นห่วงเราขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย น่าดีใจเหมือนกันแหะ” ในระหว่างที่เจ้าเรียวชิโร่กำลังแอบดีใจเล็กๆ เหม่ยหลิน ก็เงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าที่ผิดไปกับคนล่ะคนกับเมื่อกี้

    “อ๊ะ.....” เด็กหนุ่มหลุดคำอุทานสั้นๆออกมา ก่อนจะ....

    เพียะ !!!

    “ตาบ้า.....รู้ไหมว่าคนอื่นเค้าเป็นห่วงแค่ไหนน่ะ ทำอะไรก็หัดห่วงคนรอบข้างบ้าง ไม่ใช่เอาแต่อาศัยเชื้อบ้าอยู่ไปวันๆ แล้วทำให้คนอื่นมาเดือดร้อนแบบนี้” เหม่ยหลิน ตบเต็มแรงพร้อมรัวคำด่าใส่เป็นชุดทั้งน้ำตาจนเรียวชิโร่ได้แต่อึ้ง

    “เออ…ขอโทษนะ…”

    “แล้วนี่ไปทำบ้าอะไรมา เนื้อตัวมีแต่เลือด แทบมาสลบอยู่หน้าร้านชั้นเนี่ย”

    เด็กหนุ่มพยายามเรียกความทรงจำส่วนที่หายไปกลับคืนมาอีกครั้งแต่เหมือนจะไม่ได้ผล เขาจำเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้แม้แต่น้อย มีแต่คำถามที่ตอบไม่ได้เต็มหัวไปหมด “สลบหน้าร้าน......แล้วชุดของชั้น” เรียวชิโร่สำรวจชุดตนเอง มันไม่เหมือนชุดที่เขาใส่เมื่อคืน นั้นก็หมายความว่า..

    “เหม่ย หลิน นี่เธอ....”

    “เสียใจย่ะ คนที่บ้านชั้นเป็นคนเปลี่ยนให้”

    “เหรอ เฮ้อ.....”

    “อะไรกัน ไอ้หน้าผิดหวังแบบนั้นน่ะ” เหม่ย หลิน ดูท่าจะไม่สบอารมณ์ที่สีหน้าของเพื่อนชายดูจะผิดหวังยังไงชอบกล

    “แล้วสรุปแล้วนายไปทำอะไรมากันแน่” เด็กสาวที่ตัวลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะเขียนหนังสือ พลันจับจ้องไปที่ใบหน้าของเรียวชิโร่

    “ตัวชั้นเองก็จำไม่ได้เหมือนกัน มีแต่ความรู้สึกน่าขนลุกเต็มไปหมด….อ่ะ แต่ไมได้หมายถึงเธอหรอกนะ” เรียวชิโร่รีบแก้ตัวเป็นพัลวันเมื่อเห็นท่าทางเหม่ย หลิน อยากจะตบอีกรอบ

    เด็กสาวเปลี่ยนท่าทีไป ดวงตาสวยมองไปที่นาฬิกาปลุกที่หัวเตียง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวพลันหันกลับมามองหน้าเรียวชิโร่ “เฮ้อ...เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ ถ้าไม่รีบเราจะสายนะ”

    เรียวชิโร่หันกลับไปมองนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้ใกล้จะได้เวลาเข้าเรียนแล้ว ทันใดนั้นชุดนักเรียนชายก็พุ่งตรงซัดหน้าเขาเต็มๆ “เอ้า ชั้นอุตส่าห์ไปเอามาให้จากบ้านนายเลยนะ รีบๆเปลี่ยนชุดซะแล้วรีบตามมาล่ะ” ว่าแล้วเธอก็พรวดออกไปจากห้องทิ้งให้เด็กหนุ่มอยู่กับความว่างเปล่าอีกครั้ง

    เรียวชิโร่มองไปที่ชุดนักเรียนของเขา ก่อนจะเผยรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อย “ขอบใจนะ เหม่ยหลิน....”

    ………………..
    …………..
    ………..


    ที่ห้องเรียนวันนี้ดูจะมีเสียงอึกทึกมากเป็นพิเศษโดยเฉพาะจากเจ้าไวลด์ ที่ขนาดประตูห้องถูกปิดสนิทแล้วเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ยังอุตส่าห์ดังลั่นออกมาได้ ไม่รู้มันไปเมายาบ้าที่ไหนมา

    เรียวชิโร่และเหม่ยหลิน ยืน งง อยู่หน้าห้องสักพักนึงก่อนจะเปิดประตูห้องตามปกติ แต่สิ่งที่พรวดออกมาจากห้องก็คือฝ่าเท้าด้วนๆของชายหัวยุ่งผู้ไม่เคยคิดแม้แต่จะหวีผม กระแทกหน้าอกเรียวชิโร่เต็มๆจนร่างลอยกระแทกพื้น

    “ไอ้บ้าไวลด์ วันนี้พี้กัญชามาเหรอฟ่ะ เฮ้ยๆๆๆ” ยังไม่ทันไรไวลด์พุ่งตรงมาสลีปเปอร์โฮลด์เรียวชิโร่ที่เอาแต่บ่น ทั้งสองกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันโดยมีเสียงเชียร์ของเพื่อนในห้องดังสนั่นอย่างกะเวทีมวยปล้ำ ส่วนเหม่ย หลินนั้นได้แต่ถอนหายใจเบาๆก่อนจะขอตัวเข้าไปในห้องก่อน

    “ไอ้เพื่อนเลิฟ เมื่อคืนหายหัวไปไหนมาห่ะ เขาลือกันให้แซ่ดเลยนะโว้ย” ไวลด์รัดคอเรียวชิโร่ที่นอนดิ้นพราดๆ ด้วยความซาดิสม์เป็นอย่างยิ่ง

    “ไอ้ไวลด์ตูหายใจไม่ออก ปล่อยๆ ปล่อยสิฟ่ะ” เรียวชิโร่พยายามดันตัวไวลด์ออกไปแต่ดูเหมือนเพื่อนขี้เล่นแถมยังบ้าม่อ ดูจะไม่ยอมปล่อยง่ายๆ

    แล้วจู่เสียงเชียร์ก็ดูเบาลงไปทันที เมื่อสาวน้อยผมทองกำลังยืนอยู่หน้าห้องเพราะเข้าห้องไม่ได้ ไวลด์รีบปล่อยเรียวชิโร่ทันที พร้อมโชว์สกิลม่อขั้นเทพตามแบบฉบับพวกหูดำ “วันนี้นางฟ้าของผมก็ยังเปล่งประกายงดงามเฉกเช่นเคยนะครับ” ไวลด์โชว์มุขเสี่ยวพลันยิ้มฟันขาวเป็นยาสีฟ้นดาร์ลี่

    หากแต่สาวเจ้าเรเชลกลับยืนนิ่งอยู่ครู่นึงก่อนจะกระทำสิ่งที่ใครต่อใครไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ยินได้เห็น

    เผี้ยะ

    เสียงกระทบหน้าที่ดังกังวาลชัดเจน เหมือนระบบDolby Digital 5.1 แถมรีเพลย์อีกสามครั้งในหัวของนักเรียนนับสิบ ณ อาณาบริเวณนั้น เมื่อเรเชลหวดฝ่ามือตบหน้าไวลด์เต็มแรงจนหน้าหันไปข้าง พร้อมรอยประทับห้านิ้วเด่นชัด ก่อนที่เรเชลเดินจ้ำอ้าวเข้าห้องไปพร้อมใบหน้าที่เหมือนกับอยากจะร้องไห้ ซึ่งแน่นอนไม่พ้นสายตาชายหนุ่มในห้องสักคน และสิ่งที่ตามมาก็คือ

    “ไอ้<beep>ไวลด์!!! เอ็งไปทำอะไรเรเชลจังว่ะ!!!”

    “เบื้อกนี้ แกไปทำอะไรมา!!!”

    “วันนี้แกไม่ตายดีแน่!!!!”

    “อย่าได้อยู่ร่วมโลกกันอีกเลย ไอ้<beep>ไวลด์!!!!”

    "ฆ่ามันซ้าาาาา เอาก้นมันไปถวายให้ ท่านเxราเซอร์ที่สอง แม่งเลย!!!!"

    ไม่รอช้าเหล่าชายหนุ่มในห้องก็รีบลากคอชายผมยุ่งออกไปสอบปากคำทันที โดยที่เจ้าตัวยังติดอาการสตันมึน งง ตั้งแต่ตอนโดนตบ พอได้สติก็รีบตะโกนไล่หลังเรียวชิโร่ที่กำลังจะเดินเข้าห้อง “เรียว !!! ตอนเที่ยงมาเจอกันบนดาดฟ้านะโว้ยยย” แล้วไวลด์ก็หายไปพร้อมกับเหล่านักเรียนชายผู้หลงใหลเรเชล

    หลังจากนั้นเองก็ นักเรียนทั้งหมดต่างเล่าลือกันถึงเสียงร้องปริศนาที่ดังกังวาลอย่างเจ็บปวด จนกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโรงเรียนอย่างที่แปด [เสียงหวีดร้องของนักเรียนหน้าม่อ] ในภายหลัง

    ............
    .......
    ...

    เรเชลกลับมานั่งสงบนิ่งอยู่ที่มุมห้องด้านหลังเพียงลำพังโดยไม่สนใจสายตาคนรอบข้างที่ดูเหมือนกำลังจับจ้องใบหน้าสวยของเธออยู่ หญิงสาวผมทองทอดสายตายาวไปตามพื้นนภาผ่านทางหน้าต่างห้องเรียน ปุยเมฆสีขาวที่ลอยละล่องอย่างสงบมิได้ช่วยให้เธอหายขัดข้องใจกับบางสิ่งที่ครุ่นคิดแต่อย่างใด

    ใช่แล้ว....ยังคิดมันยิ่งกวนใจ นางฟ้าพิพากษา คนนี้ยิ่งนัก

    ย้อนกลับไปเมื่อคืนก่อน ในระหว่างการต่อสู้ของเธอกับไวลด์ หนุ่มหน้าม่อประจำห้องนั้น เธอได้ถูกเรียกตัวกะทันหันโดยคนใหญ่คนโตของกลุ่ม ซึ่งนี่คงเป็นเพียงไม่กี่ครั้งที่เธอรู้สึกอยากจะขัดคำสั่งเอามากๆ ความกลัดกลุ้มเมื่อเจอศัตรูระดับเดียวกันแถมยังท่าทางกวนประสา ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห

    เธอโบยบินไปยังที่หมายพร้อมกับเทวดาเนตรสีฟ้าผู้เป็นทั้งสหายและเพื่อนร่วมงาน แม้จะเก็บอารมณ์เก่งเป็นเลิศแต่ครั้งนี้เธอกลับชักสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

    “ชั้นเข้าใจความรู้สึกเธอนะเรเชล แต่ลองพบเจ๊ก่อนล่ะกันอาจจะสงบลงได้นะ” เอ็นโด พูดปลอบใจแต่ดูไม่ค่อยได้ผลมากนัก

    เรเชลพยายามปล่อยทุกอย่างไปตามสายลมยามราตรี แต่เธอก็อดคิดถึงเรื่องชวนโมโหทั้งหมดไม่ได้ แม้อยากจะระบายกับอะไรสักอย่างก็คงไม่ใช่วิสัยของเธอ หญิงสาวจึงได้แต่เพียงพกพาโทสะอันน่ากลัวไปไหนต่อไหนด้วยเพียงเท่านั้น

    ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงที่หมาย….

    สถานที่นั้นเป็นสนามเด็กเล็กขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ มีม้าหมุน บันใดลื่น บาโหน ตามลักษณะสนามเด็กเล่นทั่วๆไป ทั้งสองร่อนลงสู่พื้นอย่างนิ่มนวล โดยมีหญิงสาวที่ดูอายุน้อยกำลังนั่งไขว้ห้างรอเธออยู่

    หญิงสาวคนนั้นมีดวงตาสีอำพันน่าหลงใหลผมสั้นสีดำเกือบเทา สวมหมวกไหมพรหมสีขาว ใบหน้าดูอ่อนเยาว์แฝงความขี้เล่น รอบกายนั้นมีคนคุ้มกันราวๆสี่คนจากที่สายตาของเรเชลเห็น ใบหน้าเด็กนั้นยิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นพวกเขามาถึงที่หมาย

    “ไง เรเชล หน้าตาบอกบุญไม่รับมาเชียวนะ” เสียงหยอกล้อนั้น แม้ไร้เจตนาร้าย แต่กลับทำให้เรเชลหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก

    “แหมๆ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิเรเชล ชั้นให้เธอรีบกลับมาก็เพราะมีเหตุผลน่าฟังนะ เธอก็รู้อยู่ว่าชั้นคนนี้ทำอะไรไม่เคยไร้เหตุผล” หญิงสาวเอ่ยสบายอารมณ์ ส่วนเทวดาหนุ่มก็ยืนอมยิ้มอยู่ไม่ห่างนัก

    “แล้ว คุณอลิส เรียกชั้นกลับมาทำไมค่ะ” เรเชลเอ่ยปากพูด โดยไม่รู้เลยว่าน้ำเสียงของตัวเองแฝงความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง “ทั้งๆที่คำสั่งการสังหารเรียวชิโร่นั้น มีความสำคัญมาก แต่คุณกลับ....” ก่อนที่หญิงสาวจะได้เอ่ยประโยคถัดไป อลิสซาเบธ เนซซ่า เฟอร์ลากูน ก็ยกมือปรามซะก่อน

    “ใจเย็นๆ เรเชล ชั้นรู้ว่าเธอหงุดหงิดที่จัดการกับไวลด์ ไลสเนอร์ไม่ได้ แต่สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว” ว่าเสร็จอลิสก็ยกแก้วกาแฟกระดาษร้อนๆขึ้นมาจิบ

    “เราไม่คิดว่ากลุ่ม เขี้ยวอสูร จะส่งยอดฝีมือมาปกป้องเรียวชิโร่ถึงสองคน” อลิสเอ่ยจบ ก็หันมองไปทางเอ็นโดให้อธิบายต่อ

    “เธอคงยังไม่รู้สินะว่า ไวลด์ ไลน์เนอร์คนนั้น คือ ความตายสีขาว (WHITE DEATH) แนวหน้าของพวกกลุ่มเขี้ยวอสุร หนึ่งในศัตรูตัวสำคัญของพวกเรา ” เมื่อได้ยินดังนั้นดวงตาสีทองของเรเชลก็เบิกโผล่ง หากมองในฐานะของฝ่ายปีศาจ ตัวเธอที่เป็น นางฟ้าพิพากษา นั้นเป็นที่หวาดผวาในเหล่าปีศาจทั้งหลายแล้ว ความตายสีขาว นั้นก็เป็นที่หวาดผวาในหมู่เทวดาเช่นกัน จึงไม่แปลกที่เขาจะสามารถสู้กับเรเชลได้อย่างทัดเทียมแถมยังดูเหนือกว่าด้วยซ้ำ แม้ว่าอีกฝ่าย หน้าตาจะดูทึ่มๆเหมือนเพิ่งหลุดจากโรงบาลบ้ามาก็ตาม

    “ส่วนอีกคนที่มาสมทบที่หลัง เฟนเรียร์ จ้าวแห่งสรรพสัตว์ เป็นอีกคนที่เราจะประมาทไม่ได้” เอ็นโดอธิบายเสร็จก็กลับไปยืนกอดอกในตำแหน่งเดิม

    “ฉะนั้น ตัวเธอที่เป็นถึงนางฟ้าพิพากษา กำลังหลักของพวกเราเหล่า “บทบรรเลงแห่งรุ่งอรุณ” มันคงจะไม่ดีแน่ ถ้าเปิดเผยพลังทั้งหมดให้ศัตรูเห็น การเปิดเผยความลับให้ศัตรูรู้ก็เท่ากับแพ้ไปเกินครึ่งแล้วนะ” แม้ว่าจะได้รับคำอธิบายที่สมเหตุสมผลจากหัวหน้ากลุ่มแล้ว แต่เรเชลก็ยังอดหงุดหงิดไม่ได้อยู่ดี

    “แต่ยังมีอีกเรื่องที่สำคัญกว่า” น้ำเสียงของอลิสเปลี่ยนไปทันที ชวนให้บรรยากาศเงียบสงบรอบข้างที่เคยเบาสบายกลับเคร่งเครียดในพริบตา

    “เทวดาผมเงินที่ออกฆ่าคนในช่วงนี้....ชั้นได้ส่งคนไปหาข่าวจาก ลูซิเฟเลีย แล้วปรากฎว่าไม่มีข้อมูลของเทวดาคนนี้มาก่อนเลย”

    “เจ๊… ไม่อยากจะพูดงั้นพูดงี้นะ.. แต่ข่าวจากมนุษย์ธรรมดา มันจะเชื่อได้แน่เหรอครับ” เอ็นโด ออกปากอย่างไม่เชื่อใจนัก

    “อืม…ชั้นกล้าพูดได้ว่า ถ้าขนาดลูซิเฟเลียยังเชื่อถือไม่ได้ ในเอเดนแห่งนี้ เราคงหาแหล่งข่าวกันไม่ได้อีกแล้วล่ะ”

    “ถ้าเป็นแบบนั้น ก็แสดงว่าเทวดาตนนี้คงเพิ่งตื่นและไม่สามารถควบคุมความหิวได้สินะครับ” เอ็นโดเอ่ยเสนอความเห็น

    “ก็คงเป็นแบบนั้น....แต่ชั้นว่ายังมีความเป็นไปได้อื่นอีก” อลิสตั้งข้อสังเกตก่อนจะเข้าสู่คำถามสำคัญ “ไม่คิดกันบ้างเลยเหรอ การต่อสู้ในเขต 13 ไม่ว่าจะเป็นทั้งของเธอหรือเอมิยะ เรียวชิโร่ ก็ล้วนแต่เป็นการต่อสู้ที่รุนแรง สร้างผลกระทบใหญ่หลวงให้สิ่งรอบข้าง แต่กลับไม่มีแม้แต่เงาของตำรวจ หรือ เสียงสัญญาณเตือนภัยอะไรสักอย่าง”

    สิ่งที่หัวหน้ากลุ่มตั้งของสังเกตทำให้เรเชลฉุดคิดขึ้นมาได้ การต่อสู้ของเธอกับไวลด์นั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้ที่ถือว่าหนักหน่วงเอาการทั้งเสียงระเบิดดังกึกก้อง หรือ สิ่งปลูกสร้างรอบด้านที่ถูกทำลาย ย่อมเป็นหน้าที่ของพวกตำรวจในเอเดนที่ต้องรีบรุดมาตรวจสอบ โดยยังไม่นับรวมตึกที่เรียวชิโร่เล่นซะแทบถล่มด้วยซ้ำ

    และยังการปรากฎตัวของเดเนฟ ลูนาซี คนของสภาสูงนั้นอีก.....

    “เจ๊จะบอกว่า พวกเราเหล่าเทวดาถูกพวกสภาสูงบน H.E.A.V.E.N จับตามองอยู่งั้นเหรอ” เอ็นโดเอ่ยถามทันที

    อลิสนิ่งเงียบครู่นึงก่อนจะเอ่ยปากขึ้น “ไม่ใช่แค่เฉพาะเราหรอก อาจจะทั้งเหล่าเทวดาและปีศาจทั้งหมดในเอเดนก็ได้ต่างหาก” น้ำเสียงที่เน้นแน่นลงไปทำให้ทั้งเอ็นโดและเรเชลต่างยืนหน้าเครียด

    “ก็เป็นแค่คำสันนิษฐานของชั้นน่ะ แต่ก็เป็นไปได้สูงทีเดียว ขอให้พวกเธอระวังตัวหน่อยล่ะกัน”

    เรเชลหลับตาลง ภาพอดีตที่ครุ่นคิดจางหายไป เธอกลับมาอยู่ที่ห้องเรียนที่ปราศจากความวุ่นวายอีกครั้ง เสียงตกเก้าอี้เริ่มดังเอี้ยดอ๊าดเพราะอาจารย์กำลังเริ่มเข้าโฮมรูม ทั้งๆที่นักเรียนชายดันหายไปซะเกือบหมดห้อง คงเหลือแต่หนุ่มปีศาจเรียวชิโร่ กับ หน้ากากไร้อารมณ์ ชิกิฮะ โทโนะ เท่านั้น
    ……………
    ………..
    …….
    ….
    .
    ยามเมื่อพระอาทิตย์อยู่เหนือหัว เสียงออดประจำโรงเรียนก็ดังขึ้นพร้อมๆกับการบอกเลิกคาบของอาจารย์ในคาบสุดท้ายของช่วงเช้าเป็นอันบ่งบอกว่าถึงเวลาพักเที่ยงแล้ว

    “เรียวจัง~~~~ ได้เวลากินข้าวแล้วจ้า~~~” เสียงหวานๆ ฟังดูร่าเริงของสายน้อยเชื้อสายจีน เหม่ยหลินดังขึ้น พร้อมการปรากฎของปิ่นโตสี่เหลี่ยมในห่อผ้าลายหัวใจ ต่อหน้าเด็กหนุ่มหัวส้มที่ยังคงนั่งอยู่ไม่ไปไหน “หือ? เป็นอะไรหรือเปล่า เรียวจัง?”

    คำถามของสาวน้อยออกอาการเป็นห่วง เมื่อเอมิยะ เรียวชิโร่ ซึ่งมักคอยตั้งหน้าตั้งตาจะสวาปามข้าวกล่องราวกับหมาล่าเนื้อ วันนี้กลับแสดงนิ่งเย็นพร้อมใบหน้าซีดเซียว เหมือนจะคายของเก่าออกมา

    “อืม..รู้สึกเวียนหัวนิดหน่อยน่ะ…” เรียวชิโร่กล่าวอาการตามสีหน้า

    “ไหวหรือเปล่า? ไปนอนที่ห้องพยาบาลก่อนดีมั้ย?” เหม่ยหลิน ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงมากขึ้น สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่เรียวชิโร่ มาสลบอยู่หน้าบ้านเมื่อเช้า

    “ไม่เป็นไรหรอกน่า สงสัยร่างกายยังไม่ค่อนฟื้นน่ะ..ฮ่ะๆ” หนุ่มหัวส้มหัวเราะกลบเกลื่อน ก่อนจะรับข้างกล่องมาไว้ก่อน “เออใช่! ชั้นมีนัดกับเจ้าไวลด์เอาไว้ที่ดาดฟ้าน่ะ ขอขึ้นไปหามันก่อนนะ เธอกินข้าวไปก่อนเลยก็ได้นะ”

    หลังจากซัดประโยคต่อเนื่องยาวยืดออกไปเสร็จ เรียวชิโร่ก็พุ่งออกไปนอกห้องโดยไม่รอการตอบโต้ของเหม่ยหลินเลยซักนิดเดียว

    “เรียวจัง…..”

    เด็กหนุ่มสาวเท้าด้วยความรวดเร็ว เพราะจะออกห่างจากเด็กสาวให้มากที่สุด ความรู้สึกกระหืดกระหายอย่างทรมาน คอยกัดกินตัวเรียวชิโร่ เฉกเช่นกับว่าขาดแคลนน้ำมาหลายวัน ทั้งๆที่ตลอดวันนี้ เค้าเองก็แอบไปกินน้ำมาเป็นลิตรแล้ว แต่มันก็มิได้บรรเทาลงไปเลย หากแต่ยิ่งทวีความโหยมากเป็นเท่าตัว จึงทำให้ไม่อยากทานอะไรเลยซักนิด

    “บ้าชะมัด…วันนี้เราไม่ได้กินอะไรผิดสำแดงนี่หว่า?” เด็กหนุ่มบ่นอย่างหมดเรี่ยวแรงขณะพยายามลากสังขารไปตามทางเดิน จนมีหญิงสาวคนนึงที่น่าจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนเดินเข้ามาดูอาการ

    “เอมิยะ? เป็นอะไรหรือเปล่า? ทำหน้าอย่างกับจะเป็นลมเป็นแล้งไงงั้นเลย”

    “หือ?”

    ฉับพลันที่เรียวชิโร่หันตามเสียงไปเจอหน้าเจ้าของเสียง จู่ๆ ความนึกคิดทั้งหลายทั้งปวงก็มลายหาย ทุกอย่างกลายเป็นสีโลหิตฉาบภาพเบื้องหน้าของเด็กหนุ่ม ความกระหายในตัวกลับถูกกระตุ้นมากขึ้นเป็นทวีคูณ จนดวงตาลุกวาวเป็นสีทอง เมื่อได้เห็นต้นคอขาวๆของเด็กสาวใกล้ตัว

    “ขอ….” เด็กหนุ่มพ่นคำออกอย่างขาดช่วง

    “ขอ ? ขออะไร”

    “ก..กิน!!” ร่างกายของเด็กหนุ่มกระตุกขึ้นเฉียบพลัน พร้อมตรงเข้าหาหญิงสาวตรงหน้าอย่างรวดเร็ว….แต่ทว่า…

    “โทษทีนะ … เดี๋ยวชั้นพาหมอนี่ไปเอง เธอไปเถอะ..”

    ชายผมแดงเพลิงยาวสลวยปรากฎออกมา พร้อมกับเจ้าของเกศาเพลิงที่เข้ามาคว้าคอของเรียวชิโร่ที่กำลังขาดสติอย่างรวดเร็ว โดยที่เด็กสาวร่วมโรงเรียนจะได้ทันรู้ตัวถึงเหตุอันตรายเมื่อครู่ พร้อมกล่าวรับจัดการสหายผมส้ม ให้เอง ก่อนจะ พาตัว(แบบฉุดกระชากลากถู) ออกไปอย่างทันควัน

    “ก…กิ..” เสียงไม่เป็นคำพูดของเรียวชิโร่ ดังขึ้นเรื่อยตลอดทาง แต่กระนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนทิศทางการชายตาสีดำสนิทของหนุ่มผมแดงไฟคนนี้ได้เลย

    เพียงชั่วไม่กี่นาที ทั้งสองก็พุ่งขึ้นบันไดอย่างรีบร้อน ชนิดไม่เหลียวตามองป้ายบอก ”ห้ามขึ้นไปดาดฟ้า” แม้แต่นิด

    โครม!!!

    “เอายาระงับอาการมาเร็วเข้า ไอ้หมอนี่อาการจะกำเริบแล้ว!!!!”

    เสียงกระแทกประตู แทบจะดังไม่ทันคำพูดรัวเป็นปืนกลของชายผมแดง ก่อนที่จะมีชายอีกคนเข้ามาใกล้เรียวชิโร่ในทันที

    “กินนี่เข้าไปเร็ว เรียวชิโร่!! แล้วนายจะดีขึ้น”

    แม้ประโยคจะออกแนวแนะนำ แต่มือของเจ้าของเสียงดังกล่าวก็จับยาแคปซูลกรอกปากเรียวชิโร่อย่างไม่ยั้งรอไปสองเม็ด พร้อมจัดการกระตุกคอขึ้นจนเม็ดยาไหลลงไปอย่างราบรื่น

    “โคลก!! แฮ่ก แฮ่ก” จากเสียงสำลักค่อยๆลดขนาดเป็นเสียงหอบ พริบตาที่ยาได้เข้าไปในร่างของเด็กหนุ่ม ดูเหมือนกับว่าร่างกายจะดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว เพราะอาการทั้งหมด เริ่มที่จะทุเลาลงอย่างรู้สึกได้

    “ไวลด์ แกก็ชะล่าใจเกินไป เมื่อกี้ ไอ้บ้านี่ เกือบจับคนกินกลางทางเดินแล้ว รู้ตัวมั้ย? ชั้นไม่อยากมาเป็นหมอชันสูตรศพตรงนั้นนะเฟ้ย!!!” ชายผมแดงเพลิง ด่าใส่อย่างฉุนเฉียว

    “แล้วกระผมจะไปรู้มั้ยล่ะครับ!! คุณหมอเอเจนท์ เทเลอันที่เคารพ ตามปกติ[การหิวกระหายครั้งแรก] มันต้องหลังจากการตื่นครั้งแรกของเซลล์สงบลงไปประมาณสิบชั่วโมงนี่หว่า นี่เพิ่งจะผ่านไปแค่หกชั่วโมงเอง”

    “จะมาเถียงกันให้มันได้อะไรขึ้นมา?” ชายหนุ่มเกศาดำยาว ที่ยืนห่างออกไปกล่าวด้วยความรำคาญ “ก่อนจะกัดกันก็ รีบๆอธิบายสถานการณ์ให้สมาชิกใหม่ไวๆ สิฟะ”

    ท่ามกลางบุคคลแปลกหน้าสองคนกับ สหายหน้าม่อที่รู้จักหน้าตาดี ไวลด์ ไลสเนอร์ เรียวชิโร่ ออกอาการที่เรียกได้ว่ามึนงงกับชีวิตอย่างรุนแรง ไหนจะอาการหิวกระหายก่อนหน้าที่หายไปราวกับเวทมนต์ ไหนจะยาที่โดนจับกรอกเมื่อครู่ การตื่นของเซลล์? แล้วที่สำคัญ พวกนี้เป็นใคร?

    “เออ โทษทีที่เมื่อกี้รุนแรงไปนะ เรียวจัง” ไวลด์ ประกบมือไหว์ขอโทษขอโพย “คือว่านะ”

    “เมื่อกี้ ชั้นเป็นอะไรไป ไวลด์?” เรียวชิโร่ ชิงถามก่อนอีกฝ่ายจะเกริ่นคำอธิบาย

    “งะ….เอ่อ.. เรียวชิโร่ เรื่องนี้เราต้องคุยกันยาววะ ชั้นจะค่อยๆเล่าละกัน” ไวลด์เจอถามเข้าไปเมื่อครู้ แทบจะฉีกยิ้มไม่ออก ก่อนจะพูดต่อ “ก่อนอื่นนะ ชั้นเองก็เข้าใจนายดีว่า จู่ๆเจอเรื่องแบบนี้ มันทำใจยาก”

    “หา? เรื่อง…” เรียวชิโร่ทำหน้างง เพราะอีกฝ่ายพูดเริ่มผิดประเด็น แต่ก็ขัดไม่ทัน

    “มัน…จะว่าไงดี พวกเราเองตอนแรกก็แทบช็อกตายเหมือนกันที่รู้ตัวว่าไม่เหมือนคนอื่น แต่นายอย่าเพิ่งตกใจนะ ไม่ใช่มีแต่นายที่กลายเป็นอย่างนี้ พวกเราเองก็เป็น มีกลุ่มของพวกเราอีกเยอะ ที่เป็นเหมือนกัน เพราะฉะนั้น…”

    “นายพูดเรื่องบ้าอะไรเนี่ย?” เรียวชิโร่ ท้วงอีกรอบ แต่ไวลด์ก็ก้มหน้าก้มตาพูดโดยไม่ทันได้ฟังคำ

    “ที่นายเป็นอยู่ตอนนี้ มันไม่ใช่ว่านายจะต่ำต้อยกว่า คนทั่วไปหรอก หากคิดในแง่ดี พวกเรากลายเป็นสิ่งที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปไปแล้ว…ภาษาวิทย์คงเรียกว่า วิวัฒนาการใช่มะ? เพียงแต่ภาษาเรียกมันอาจจะดูแสลงใจไปนิดนึง”

    ”เฮ้ย!!!!!!” การทักท้วงครั้งที่สาม พร้อมเสียงสบถดังลั่น จนผู้พูดชะงัก

    “ชั้นถามว่า ตั้งแต่จากห้องเรียนจนโดนลากมาเนี่ย ชั้นเป็นอะไรไป ทำไมนายถึงให้ยารักษาถูก แต่แกพล่ามเรื่องอะไรของแกอยู่เนี่ย? เรื่องเกี่ยวกับเกมส์หรือไง?!!”

    ชายผมแดงเพลิงเจ้าของนาม “เอเจนท์ เทเลอัน” เดินเบี่ยงออกมาด้านหน้าเรียว “ชั้นเล่าเองดีกว่า ไวลด์ แกไม่กล้าพูดตรงๆล่ะสิ ชั้นรู้”

    “เอาล่ะ ฟังนะ เอมิยะ เรียวชิโร่ ไอ้อาการเมื่อกี้น่ะ พวกเราเรียกว่า”การหิวกระหายครั้งแรก” “

    “หิว? หมายความว่ายังไง” เรียวชิโร่ออกหน้างงหนักกว่าเดิม จน เอเจนท์ถึงกับเซงอารมณ์เบาๆ

    “ทั้งเผ่าพันธุ์ของเราและเผ่าเทวดาน่ะ เมื่อเซลล์พิเศษในร่างกายตื่นขึ้นมาครั้งแรก ก็หมายถึงร่างกายของพวกเขาไม่ได้เป็นมนุษย์อีกแล้ว ซึ่งแน่นอนว่ารูปแบบการกินต้องเปลี่ยนไป…..สำหรับพวกเราแล้ว สิ่งที่จะมาดับความหิว หลังจากเซลล์กลายสภาพ นั้นก็คือ เลือดเนื้อสดๆ ไงล่ะ เหมือนเมื่อกี้ที่นายเกือบจะจับเพื่อนร่วมโรงเรียนกินกลางทางเดินไง ส่วนยาที่ให้เมื่อกี้คือยาระงับอาการของพวกเรา ที่จะใช้เมื่อเกิดอาการหิว”

    “…อะ…เดี๋ยวก่อนนะ…..ชั้นไม่เข้าใจที่นายพูด เผ่าพันธุ์? เลือดเนื้อสดๆ….ฮ่ะๆๆ ตลกฝืดไปหรือเปล่า?” แม้จะพยายามกลบเกลือน แต่ความทรงจำของเรียวชิโร่มันฟ้องว่า ตนมีความคิดจะกินคนตอนนั้นพอดี แต่กระนั้นความเป็นจริง ก็ตีกันในหัวจนวุ่นวาย

    “นายน่ะ ไม่ใช่มนุษย์อีกแล้ว เอมิยะ เรียวชิโร่…”ชายหนุ่มผมม้าสีดำในเสื้อเชื้ตสีขาวกล่าว “เป็นสิ่งมีชีวิตแบบอื่น หรือที่พวกเราเรียกกันเองว่า “เผ่าปีศาจ” “

    “เฟนเรียร์?!!” หนุ่มไวลด์ออกอาการตกใจ ในความตรงไปตรงมาของสหาย

    “ยังไงๆ หมอนี่ก็ต้องทำใจรับเรื่องนี้อยู่แล้ว ไวลด์” หนุ่มผมดำ เฟนเรียร์ การู ไลคานอสออกตัวกล่าวอย่างสุดทนต่อการเห็นอกเห็นใจในตัวเพื่อนไวลด์ ก่อนจะพูดต่อ

    “ร่างกายของนายเดิมอาจจะมีรูปแบบชีวิตแบบมนุษย์ แต่ภายในร่างของนายมีรูปแบบเซลล์พิเศษที่รวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกับตัวของนายอยู่ แน่นอนว่าเมื่อคืน…นายได้ไปยังเขตสิบสาม แล้วถูกเผ่าเทวดาที่เกิดอาการ “กระหายเลือด” เข้าเล่นงาน ตรงนั้นแหละ ดูเหมือนว่าเซลล์ของเผ่าปีศาจของพวกเราจะมีปฎิกิริยาที่คล้ายๆกับระบบเตือนภัย มันจะตื่นขึ้นได้ โดยส่วนมากมักจะเพราะเจ้าของเซลล์กำลังประสบอันตรายถึงชีวิต และตอนนั้นเองที่ร่างกายนายได้กลายเป็นเผ่าปีศาจเต็มตัว”

    “….ไม่จริง….แกโกหก!!! อย่ามาพูดล้อเล่นทุเรศๆอย่างนี้น่า ใครเชื่อก็บ้าแล้ว จะมาอำกันก็คิดถึงความเป็นจริงหน่อยเซ่!!!!” เรียวชิโร่กล่าวตะโกะปฎิเสธความจริงอย่างบ้าครั้ง

    “แม้สมองจะหนีความจริง แต่ร่างกายน่ะมันฟ้อง เอมิยะ เรียวชิโร่ ต่อให้นายจำไม่ได้หรือไม่ได้สติ แต่อย่างน้อยที่สุดความจำทางด้านสัมผัสของนายมันยังอยู่ นายยังรู้สึกใช่มั้ยล่ะ กลิ่นคาวเลือดจางๆ ที่แม้ล้างยังไงก็ไม่ออก โดยเฉพาะที่นายได้ “ฆ่า” เทวดาไปหนึ่งคนกับมือเมื่อคืน อย่างน้อยๆภาพนั้นยังต้องฝังหัวนายอยู่ อาจจะเป็นความจำ ไม่ก็ความฝัน”

    “อึ้ก!!” เด็กหนุ่มผมส้ม ถึงกับช็อกสนิท ความจริงกับความเชื่อต่างตีกันมั่วไปหมด พลันทำให้ภาพความฝันที่อบอวลไปด้วยคาวเลือดเมื่อคืนผุดขึ้นมาจากความจำทันใด ส่งผลต่อกระเพาะของเด็กหนุ่มบิดเบี้ยวจนสำลักน้ำย่อยภายในออกมาต่อหน้าต่อตา

    “เรียวชิโร่….” ไวลด์ หนุ่มหน้าทะเล้น ที่ความทะลึ่งตึงตังไม่หลงเหลืออยู่ในใบหน้า ได้แต่จ้องมองสหายรักของเขาด้วยอารมณ์เจ็บปวด

    “แค่ก……ไวลด์…ชั้นไม่มีทางกลับเป็นมนุษย์ได้อีกแล้วเหรอ…” เรียวชิโร่พยายามถามเพื่อนรักด้วยความสิ้นหวังในใจ แม้ว่าในใจจะรู้คำตอบดีก็ตาม แต่….

    “ก็ไม่เชิง…” เอเจนท์ ตอบคำตอบที่เรียวชิโร่ แปลกใจที่ได้ยินจนต้องร้องเอ๋

    “ถึงตอนนี้ยังไม่สามารถรักษาอาการได้ แต่ยังมีความหวัง กลุ่มของพวกเราเองก็กำลัง ตามหาความเป็นไปได้ที่เราพอจะมีเบาะแสอยู่” เฟนเรียร์ออกปากเสริม

    “นั่นแหละ สาเหตุที่พวกเรา มาหานาย เรียวชิโร่” ไวลด์ เดินหน้าเข้าหาเรียวชิโร่ พร้อมยื่นมือเข้าหา “กลุ่มเขี้ยวอสูร ยังต้องการพลังของนาย เพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น”

    “พลัง…ของชั้น…เหรอ?”

    “ใช่ พวกเราน่ะ ยังเป็นกลุ่มที่ไม่ค่อยใหญ่โต ดังนั้นแล้ว การจะหาวิธีกลับคืนร่างได้ ต้องมีการขยายขุมกำลังของเราก่อนใช่ม่า พวกเราก็ต้องตามหาคนที่เพิ่งตื่นจากการหลับไหลเหมือนนาย แล้วช่วยให้ทันก่อนที่จะเผลอไปกินคนกันขึ้นมาจริงๆก่อนเหมือนกัน”

    “ว่าแล้วก็ ยินดีต้อนรับล่ะ เด็กใหม่…” เอเจนท์กล่าวต้อนรับแบบไม่รอคำตอบของเด็กหนุ่มผมส้มเลยซักนิด แต่กระนั้น เรียวชิโร่ก็ไม่คิดจะปฎิเสธแต่อย่างใด พร้อมคว้ามือของไวลด์เอาไว้

    “เอาล่ะ งั้นชั้นกับเจ้าเฟนส์จะกลับกันล่ะนะ ไว้เจอกันที่คลับตอนเย็นนี้ เอาเรียวชิโร่มาด้วยนะเฟ้ย อย่าลืม

    “เออ ไว้เจอกันละกัน” ไวลด์โบกมือหย่อยๆ เป็นการตอบ ขณะกำลังจะเดินไปเปิดประตูดาดฟ้าเพื่อกลับห้องเรียนอีกครั้ง แต่ทว่า…..

    “ไม่ต้องเจอหรอก เพราะพวกนายจะต้องตายที่ตรงนี้”

    พริบตาที่เรื่องราวเหมือนจะสิ้นสุด เสียงของคนแปลกหน้าดังผ่านประตูไม้ตงหน้าของไวลด์ พร้อมๆกับคมดาบลึกลับแทงทะลุประตูอย่างไม่ให้สัญญาณ แต่ไวลด์ก็เอี้ยวตัวหลบได้แบบฉิวเฉียด ก่อนจะโดดกลับมาตั้งหลัก เคียงคู่กับสหายเผ่าปีศาจทั้งสอง (และเรียวชิโร่อีกหนึ่ง)

    บานประตูที่ถูกเสียบค่อยๆแง้มออกช้าๆ คมดาบซามูไรถูกดึงกลับมา เสียบเข้าฝักดาบในห่อผ้าในมือเจ้าของอีกครั้ง ร่างของชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับคนรอบๆ ผมรองทรงต่ำซอยหยาบๆระดับคอ กับ ดวงตาสีดำสนิทที่มองเห็นผ่านเลนน์แว่นสายตากลมหนา กับชุดเครื่องแบบนักเรียนชายสีแดงเพลิง อันเป็นเอกลักษณ์ของสถาบันการศึกษาแห่งนี้ สร้างความตกใจให้กับเรียวชิโร่และไวลด์เป็นอย่างมก

    “เฮ้ย?!!!” เสียงร้องของไวลด์ ทำเอาสองสหายข้างๆที่แปลกใจ

    ชิกิฮะ โทโนะ….พ่อหน้ากากไร้อารมณ์อย่างแก ขึ้นมาทำอะไรบนนี้ล่ะเนี่ย หา? แล้วบ้านแกไม่ได้สั่งสอนหรือไงฟะ ว่าเด็กๆห้ามเล่นของมีคมน่ะ!!!”

    “เลิกไร้สาระก่อน ไวลด์….ชื่อ โทโนะ สินะ บอกหน่อยซิ นายมาแอบฟังนานแค่ไหนแล้ว” เอเจนท์ออกปากถามบุคคลตรงหน้า

    “ก็แอบจน มั่นใจได้ว่า พวกนายไม่ใช่สิ่งที่ควรจะอยู่บนโลกใบนี้น่ะสิ” พูดจบประโยค หัวแม่โป้งของหนุ่มแว่นก็ค่อยๆดันดาบคาตานะในมือขึ้นจากฝัก

    “นายคงไม่โง่ขนาด คิดจะสู้กับพวกเราทั้งหมด บนโรงเรียนหรอกใช่มั้ย? พ่อหน้ากากเหล็ก ถ้ามีใครมาเห็นแกแกว่งไอ้ไม้จิ้มฟันนั่นไป คนอื่นเค้าจะ….”

    โทโนะ ไม่รีรอที่จะฟังไวลด์พล่ามไร้สาระ พริบตานั้น ร่างของเด็กหนุ่มชาวมนุษย์ได้คลายห่อผ้าที่หุ้มดาบออกบดบังหน้าของไวลด์ พร้อมชักเอาดาบคาตานะเล่มยาวของตนวาดคมใส่ ตำแหน่งต้นคอด้วยความแม่นเหมือนจับวาง

    “ชิ!!!” เสี้ยววินาทีนั้นหนุ่มผมม้าสีดำ เฟนเรียร์เห็นท่าไม่ดี ได้ตัดกวาดขาทั้งสองของไวลด์อย่างไม่รอช้า จนร่างของหนุ่มหน้าม่อที่มีผ้าคลุมหน้า หงายท้องลงจนพ้นรัศมีดาบไปเส้นสายแดงผ่าแปด

    หากแต่เมื่อคมแรกผ่านไป โทโนะกลับมีความเร็วเหนือกว่า พร้อมลงดาบที่สองเข้าหาร่างของไวลด์ที่ล้มลงไปอย่างไม่รอช้า และวาดฝักดาบเข้าฟาดเป็นแนวขวางเพื่อโจมตีใส่เฟนเรียร์ในเวลาเดียวกัน

    เคร้ง!!!

    เสียงโลหะกระทบดังขึ้น ทำเอาโทโนะชะงักไปเพียงชั่ววูบแต่ก็มากพอที่จะให้ไวลด์ที่กำลังนอนอยู่ดีดตัวเข้าถีบใส่ท้องของหนุ่มแว่นจนถอยห่างออกไปได้

    “หือ…เผยสันดานออกมาแล้วสินะ ไอ้ปีศาจ”

    โทโนะที่กุมท้องด้วยความเจ็บปวดพอทนนั้นกล่าวเหยียดหยาม เมื่อผู้ที่สกัดคมดาบขอตนได้ไม่ใช่ใคร ชายหนุ่มผมแดงเพลิง เอเจนท์ เทเลอันในชุดเครื่องแบบนักเรียนสีแดงเข้ากับสีผม ที่ตอนนี้ดวงตาปรากฎเป็นสีทองคำ ใบหูค่อยๆงออกยาวขึ้นจนสังเกตได้ รอยสักสีดำค่อยเลื้อยปรากฎตามร่าง และวัตถุคล้ายโลหะสี่แท่งทะลุออกมาบนบ่า

    “แกเองก็ไวเกินมนุษย์ไปหน่อยนะ สงสัยจริงๆแล้วแทนที่จะเป็นคน คงเป็นลิงซะล่ะมั้งเนี่ย?” เอเจนท์ในร่างครึ่งปีศาจพูดโต้ตอบในขณะที่มือขวาควงมีดสั้นโค้งหนาหนึ่งเล่มที่ใช้สกัดดาบของอีกฝ่ายเป็นการโชว์

    “เรียวชิโร่ ดูให้ดีล่ะ นี่เป็นการเล็กเชอร์ของชั้น ร่างที่นายเห็นอยู่ คือสภาพของพวกเราที่ควบคุมเซลล์ปีศาจในร่างได้ จะเรียกเท่ๆก็ ฮาร์ฟ (Half) หรือร่างครึ่งปีศาจไงล่ะ”

    “ครึ่งปีศาจ?” เรียวชิโร่ที่กำลังดึงไวลด์ขึ้นมายืนออกหน้าสงสัย”

    “ใช่…อย่างที่ว่าไปว่า เซลล์ปีศาจของพวกเราน่ะ หากตื่นขึ้นมาขั้นแรก มันก็ตื่นขึ้นมาแค่บางส่วน แต่ก็เพียงพอที่จะให้เราใช้คุณสมบัติพิเศษในร่างเราได้” อธิบายไปพลางๆ พร้อมกวักนิ้วเรียกโทโนะที่ค่อยลุกขึ้นมาเป็นการท้าทาย

    “ไวลด์ แกไม่ต้องมายุ่งนะเฟ้ย ไหนๆแกก็ได้ลุยไปเมื่อคืนแล้ว วันนี้ ขอชั้นยืดเส้นยืดสายหน่อยละกัน” ปีศาจผมแดง เอื้อมมือล้วงในอกเสื้อ ก่อนจะหยิบบุหรี่กับไฟแช็คขึ้นจุดอย่างสบายอารมณ์

    “เอาละ พ่อแว่น ขอดูหน่อยสิว่า แกมีดีมากแค่ไหน” พูดจบปีศาจผมแดงก็ไม่วายท้าทายด้วยการชูนิ้วกลางอีกดอกอย่างกวนบาทาสิ้นดี

    “หึ…แล้วอย่ามาเสียใจทีหลังล่ะ…” โทโนะเองก็ถอดแว่นตาออกเก็บช้าๆ เป็นการแสดงว่าเอาจริง ก่อนจะเสียบดาบเข้าที่ฝักในมือ เข้าสู่ท่าเตรียมชักดาบอีกครั้ง

    กิ้งก้อง ก้างก้อง!!!

    เสียงระฆังอันเป็นตัวบอกว่า หมดเวลาพักเที่ยง กลายเป็นระฆังเริ่มยกในทันที โทโนะออกตัวเข้าใส่เอเจนท์อย่างไม่เกรงกลัวว่าอีกฝ่ายจะเหนือมนุษย์อย่างไง แต่กลับกันที่เอเจนท์ยังยืนจังก้ารอการเข้ามาของอีกฝ่ายเหมือนกับไม่ใส่ใจในการบุกนั่นชอบกล

    ดาบถูกชักออกจากฝักด้วยความเร็วสูงอันเป็นสไตล์ดาบแบบอิไอของประเทศญี่ปุ่นในสมัยร้อยกว่าปีก่อน เพียงแต่[เพลงดาบสายชิกิฮะ] ของโทโนะนั้น กลับเป็นเลิศยิ่งกว่า เพราะคมดาบที่ถูกชักออกมานั้นไวจนคนที่ไม่ได้ฝึกฝนมาเลย มองไม่เป็นแน่ๆ แต่น่าเสียดายคู่ต่อสู้ของโทโนะกลับไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา

    คมดาบแรกถูกมีดสั้นในมือเอเจนท์ขวางและเบี่ยงทิศทางออกเหนือศีรษะไป ไม่ได้เป็นการต้านแรง แต่ส่งผ่านแรงออกไป แต่กระนั้นเด็กหนุ่มก็คิดเอาไว้แล้วว่าต้องพลาด

    ร่างของหนุ่มชาวมนุษย์ใช้แรงเหวี่ยงของดาบในการหมุนตัว มือซ้ายที่บีบฝักดาบสีดำไว้แน่น ก่อนจะเหวี่ยงฟาดเข้าใส่เต็มๆขมับของปีศาจผมแดง แต่ก็ยากที่จะสร้างความเสียหายให้แก่เอเจนท์ได้ กลายเป็นฝักดาบเสียเองก็แตกกระจายเป็นสองท่อน

    โทโนะยังไม่หยุดการโจมตี คมดาบที่เคยพลาดไปถูกหมุนกลับเข้ามาอีกรอบรอบด้วยความเร็วเหนือกว่า คราวนี้เอเจนท์ ควงมีดเข้ากันดาบเอาไว้ พร้อมเอื้อมมือไปคว้าแท่งโลหะที่บ่าแล้วดึงออกมาก่อนมันจะกลายเป็นมีดโค้งสีเงินอีกเล่ม ฟันสวนอย่างรวดเร็ว

    เคร้ง!!!

    เสียงโลหะกระแทกดังอีกครั้ง ก่อนที่ทั้งสองเผ่าจะถอยออกจากระยะโจมตีของกันและกัน แต่คราวนี้ฝ่ายที่โดนปัดอาวุธทิ้ง กลับเป็นเอเจนท์ที่มีดทั้งสองหลุดมือออกโดยไม่รู้ตัว และที่สร้างความแปลกใจให้เอเจนท์มากที่มีแผลบาดจากของมีคมที่แก้มปรากฎอยู่แทน

    ฝ่ายโทโนะที่กลับมาตั้งท่าดาบแบบเหน็บข้างเอว แสยะรอบยิ้มเป็นนัยว่ามีชัยเหนือกว่าเล็กน้อย ทำเอาฝ่ายปีศาจผมแดงเพลิงเริ่มไม่สบอารมณ์นิดๆ แต่ก็ไม่วายเกิดความสงสัย

    “วิชาดาบ “บูชิโด” ของประเทศญี่ปุ่นงั้นเหรอ?” เอเจนท์ค่อยปาดเลือดสีแดงที่ซึมออกจากบาดแผล “เคยอ่านเจอในบันทึกเก่าๆของห้องสมุดเอเดนอยู่หรอกนะ ไม่คิดว่าเพลงดาบมันจะร้ายได้ขนาดนี้ ขนาดประสาทสัมผัสของพวกเราเหนือกว่ามนุษย์ ยังอ่านทางไม่ออก...ไปนิดนึง”

    โทโนะเริ่มเข้าใจในความหมายของคำพูดนั้น เมื่อหัวไหล่ของตัวเองไหม้ไปเล็กน้อย ราวกับโดนไฟเผาไปเล็กน้อยเช่นกัน

    “เอาล่ะ เรียวชิโร่ เล็คเชอร์อีกอย่างที่จะบอกคือ นอกจากเผ่าปีศาจเราจะมีประสาทสัมผัสทั้งห้าที่เหนือกว่ามนุษย์แล้ว…” ระหว่างที่เอเจนท์กล่าว ไฟบุหรี่ที่ยังคงคาบอยู่ที่ปากของเอเจนท์ก็ค่อยลุกใหญ่มากขึ้น

    “ พวกเราเองก็มีพลังพิเศษจำเพาะเซลล์ของเราเหมือนกัน” จากสะเก็ดไฟเล็กๆ ค่อยๆลุกขยายออกเป็นคลื่นไฟลักษณะคล้ายกงจักร “นี่คือพลังพิเศษของชั้น!!!”

    ชั่วเวลานั้นเอง กงจักรเพลิงก็หมุนควงด้วยความเร็วสูงมากๆ พร้อมพุ่งเข้าใส่โทโนะหมายพิฆาตให้หมกไหม้ แต่
    ซามูไรหนุ่มยังพอจะมองทางของกงจักรออก จึงพุ่งเข้าไปฟันกงจักรทิ้งอย่างไม่หวาดหวั่น

    บรึ้ม!!!

    “อึ้ก!!!” ร่างของโทโนะ กระเด็นออกตามแรงระเบิด แขนเสื้อแขนขวาทั้งแขนที่กุมดาบคู่กาย หมกไหม้จนขาดว่อน แต่แรงระเบิดไฟ ยังทำอะไรดาบ “ยามาโตะ” ของโทโนะได้ไม่

    “จบกันตรงนี้แหละ ชิกิฮะ โทโนะ!!!” เอเจนท์ ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอย ในทันทีที่เป้าหมายโดนการโจมตี เจ้าตัวก็คว้ามีดโค้งคู่กาย เข้าประชิดตัวแล้ว

    “ยังหรอกโว้ย!!!” โทโนะระเบิดพลังใจสู้หน้าอย่างไม่กลัวตาย พร้อมใช้วิชาดาบคู่กาย เข้าโต้ตอบ

    [เพลงดาบสายชิกิฮะ – ฝ่าสายคลื่น]

    โทโนะระเบิดวิชาดาบออกมาอีกครั้ง พริบตาที่มีดทั้งสองพุ่งเข้ามา โทโนะได้เอาสันด้ามดาบกระแทกข้อมือของอีกฝ่ายทันที จนมีดในมือเอเจนท์คลายออกจากมือ แต่ภายในระยะดังกล่าว ด้วยแขนที่บาดเจ็บนั้น ยากเกินกว่าที่โทโนะจะปัดอีกเล่มออกไปได้ จึงตัดขั้นตอนนั้นทิ้ง แล้วพลิกใบดาบสวนเข้าหน้า ตามรูปแบบเพลงดาบทันที

    “พอก่อน!!”

    เสียงห้ามศึกดังช้ากว่าการกระทำ เสี้ยวเหตุการณ์ที่ผลจะเกิดขึ้น ร่างของทั้งสองก็หมุนออกจากกันอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพบว่าอาวุธของตัวเองโดนบางอย่างหยุดเอาไว้

    ร่างของชายหนุ่มเสื้อเชื้ตขาวที่เดิมมีผมยาวประบ่าสีดำสนิทคู่กับดวงตาสีดำ ตอนนี้กลายเป็นสีขาวบริสุทธิ์สะอาดเคียงคู่กับดวงตาหมาป่าสีทอง มือทั้งสองข้างที่มีอุ้งเล็บหมาป่างอกออกมาและแผงขนสีขาว ได้ใช้สองนิ้วหนีบอาวุธของทั้งสองไว้อย่างง่ายได้ ก่อนจะลงมือเหวี่ยงโทโนะออกห่างออกไป

    “เฟนเรียร์!!! คิดจะทำอะไรของแก บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าห้ามมายุ่งน่ะ!!” เอเจนท์ออกอาการหัวเสียที่เฟนท์เข้ามาขวาง แต่พอเจอดวงตาหมาป่าสีทองคำจ้องเข้าก็เป็นพูดไม่ออก

    “เพราะกงจักรเพลิงของแก ถึงได้มีคนได้ยินไง ตอนนี้ ใกล้มีคนเข้ามาแล้ว…รีบถอยก่อน” เฟนเรียร์กล่าวอย่างเย็นชา จนเอเจนท์เป็นต้องยอมแพ้

    “ชิ…เข้าใจแล้ว” พูดจบ เอเจนท์ก็พลันเสียบมีดกลับเข้าที่หลังอีกครั้ง พร้อมออกตัววิ่งไปทาง รั้วดาดฟ้า “ไวลด์เย็นนี้นะโว้ย เรียวชิโร่ อย่าลืมที่สอนๆไปล่ะ” พูดจบเอเจนท์กับเฟนเรียร์ในร่างครึ่งปีศาจก็โดดลงจากดาดฟ้าหายไปอย่างรวดเร็ว

    “เรียวชิโร่ เราเองก็ต้องลงไปจากที่นี่ก่อน เดี๋ยวค่อยหาทางเข้าห้องเรียนอีกที มาเร็วเข้า!!” ไวลด์เร่งให้เรียวชิโร่ที่ยืนเหม่องงอยู่รีบตามมา

    “ส่วนแก โทโนะ ชั้นไม่รู้หรอกนะ ทำไมแกถึงอยากจะฆ่าพวกเราปีศาจนัก แต่ขอเตือนว่าตอนอยู่โรงเรียนอย่าทำอะไรบ้าๆงี้ดีกว่า ทั้งชั้นทั้งนายคงไม่อยากโดนใครในโรงเรียนรู้ความจริงใช่มั้ย?”

    พูดจบไวลด์ก็คว้าร่างของเรียวชิโร่ โดดลงจากดาดฟ้าทันที ทิ้งไว้แต่โทโนะ ที่กุมดาบของตัวเองไว้แน่น อย่างเจ็บใจ
    …………….
    ………
    ……

    .
    ห่างออกไปในเวลาเดียวกัน ณ อาคารสภาสูงแห่งเอเดน อันมีชื่อเรียกกันว่า H.E.A.V.E.N นามรหัสที่มีความหมายบ่งบอกแก่เหล่าประชาชนทั้งชั้นล่างและชั้นสูง ให้จินตนาการถึงภาพของสรวงสวรรค์ ที่ลึกล้ำเกินกว่าจะนึกไหว เนื่องจากว่าอาคารสวรรค์แห่งนี้ ไม่ได้ปรากฎให้เห็นอยู่ต่อหน้า ดังเช่น มหาพฤกษาแห่งโลก เซฟิรอธ หากแต่ถูกซ่อนเอาไว้ที่ไหนซักแห่ง ภายใต้ผืนนครแห่งโลกยุคใหม่แห่งนี้

    ลึกเข้าไปในที่ใดที่หนึ่งของสถานที่ที่คนภายนอกไม่อาจเห็นได้ ห้องไร้หน้าต่าง กว้างขนาดประมาณหกคูณแปดเมตร อันมีไฟสว่างจ้าเนื่องด้วยผนังห้องขาวบริสุทธิ์ไปทั้งห้อง พร้อมด้วยสุดยอดโฮมเธียเตอร์ พร้อมอื่นๆอีกมากมาย ชนิดที่ว่าหรูหราที่สุดที่หาได้ในสมัยเมื่อร้อยปีก่อน

    [ข่าวเอเดนรายวัน สวัสดีค่ะ…ดิชั้น…]

    เสียงเพียงอย่างเดียวในห้องนี้ คือเสียงทีวี ที่กำลังฉายข่าวรายวันอยู่ และก็มีเด็กน้อยผมสีเทาดำออกฟ้าเล็กน้อย ดวงตาสีฟ้าเข้มกลมโต ผิวสีขาวผมชมพูใบหน้ากลม ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว เน็คไทสีเลือดหมู ที่คลายออกให้หลวมดูยุ่ง กางเกงสีดำขาสั้นรองเท้าบูทยาวสีดำสวมเข็มขัดสีดำธรรมดาๆเอาเสื้อใส่เข้าไป ในกางเกง กำลังนั่งดูข่าวอย่างเซ็งอารมณ์

    “เบื่ออออออออ” เด็กน้อยเอ่ยปากบ่นอย่างไร้เรี่ยวแรง “ทำไมคุณเดเนฟไม่กลับมาซักทีเนี่ยยยยยยยย”

    “ถ้าเบื่อนัก ทำไมไม่ออกไปเดินเล่นซะมั่งล่ะคะ ท่านเซโร่” เสียงคนรับใช้สาวเดินเข้ามาพร้อมน้ำส้มแก้วใสบนถาด

    “ก็เค้าขี้เกียจอ่ะ” เซโร่ตอบห้วนๆ

    “ก็เพราะขี้เกียจ มันเลยเบื่อมิใช่หรือคะ?” สาวรับใช้ผมบรอนยังตอบแบบกัดเจ็บนิดๆ

    “เพราะเชน่าไม่ยอมเล่นด้วยต่างหาก” เซโร่เริ่มโทษสาวใช้ซึ่งๆหน้า

    “ดิชั้นมีงานต้องทำนี่คะ”

    “เล่นกับเค้าก็นับเป็นงานดูแลเหมือนกันไม่ใช่หรือไง” เด็กน้อยเริ่มพูดด้วยอารมณ์งอแง จนเชน่าต้องยอมแพ้

    “ค่าๆ เริ่มด้วยก็ได้ค่า”

    “ไม่เอาดีกว่า เล่นกับเชน่าก็น่าเบื่อ”

    “=[]=?!!” เซโร่กลับคำอย่างสายฟ้าแลบ จนเชน่าถึงกับไมเกรนไปชั่ววูบทีเดียว

    ระหว่างที่ทั้งสองยังกวนประสาทกันเล่น จู่ๆทีวีตรงหน้าก็เซโร่ก็เปลี่ยนช่องทันทีซึ่งเป็นระบบปกติของผู้ที่อาศัยอยู่ H.E.A.V.E.N. เพิ่อที่จะติดต่อกันได้ง่ายๆ ซึ่งตอนนี้ภาพของชายในเครื่องแบบคล้ายๆชุดสุท สีขาว แต่ประดับไปด้วยป้ายสีที่ไหล่ ซึ่งคนๆนี้ก็เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ของเอเดน

    “เออ…ขอโทษครับท่านเซโร่ แต่มีเจ้าหน้าที่พิเศษจากหน่วยตำรวจสองคนติดต่ออยากคุยกับท่านเดเนฟน่ะครับ”

    “คุณเดเนฟไม่อยู่ ไงก็โอนสายมาละกัน”

    “ทราบแล้วครับ จะโอนภาพไปเดี้ยวนี้ รอสักครู่ครับท่าน”

    เพียงพริบตาเดียว ภาพใหม่ก็ถูกเปิดขึ้น ซึ่งมีชายหนุ่มผมสีฟ้าอมเขียวน้ำทะเลซอยสไลด์ยาวระท้ายทอย ผมข้างหน้าทางด้านซ้ายยาวปิดตาส่วนอีกข้างเสยขึ้นในชุดเครื่องแบบตำรวจสีดำทั้งตัว กับหญิงสาวผมยาวสีดำเกือบถึงกลางหลังถูกจับซอยไล่ระดับขึ้นมาในชุดแบบเดียวกันยืนอยู่

    “ขออภัยที่รบกวนเวลาพักผ่อนครับ ท่านเซโร่” ชายหนุ่มเป็นฝ่ายออกปากพูด

    "ผมหัวหน้าหน่วยจู่โจมเอเดน เจ้าหน้าที่พิเศษ เนเวส คิวว์ ครับ ส่วนทางข้างผม ผู้ช่วย เจ้าหน้าที่พิเศษ กลาเซียร์ส เอเลแกรนท์

    “วันนี้ผมมีเรื่องอยากขอคำอธิบาย….” เนเวสกำลังเข้าเรื่อง แต่ไม่ทันทีจะพูดครบประโยค

    “คำอธิบาย? ดูเหมือนว่า รายงานจะส่งถึงมือคุณแล้วนะ เจ้าหน้าที่ เนเวส ยังต้องให้ผมอธิบายอีกเหรอ?”

    ตรงหน้าจอของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสอง ไม่ใช่เด็กสิบขวบซะแล้ว แม้ลักษณะโดยทั่วไปจะคล้ายกับแต่ที่นั่งอยู่แทนที่เซโร่นั่นกลับเป็นชายหนุ่มอายุวัยรุ่นปลายๆ พร้อมผมสีเทาดำออกฟ้าเล็กน้อย ดวงตาสีฟ้าเข้ม เสื้อเชิ้ตถูกปลดกระดุมออกหมด เผยให้เห็นผิวสีขาวซัดของเขา

    “เออ ท่านเซโร่ แต่…”

    “ชั้นชื่อ เรย์ โนอาร์” เรย์พูดเตือนแทรกอย่างเย็นชา แต่เนเนวจ้องขอโทษทันที

    “เออ ท่านเรย์ครับ ผมได้รับรายงานก็จริง แต่ผมก็ไม่สามารถเข้าใจถึงเหตุผลได้ครับ เมื่อคืนเหตุที่เขตอุตสาหกรรมที่สิบสาม มันใหญ่มากนะครับ!! แต่ผมอยากได้ยินจากปากของท่านว่าทำไมท่านวุฒิสมาชิกเดเนฟถึงออกคำสั่งห้ามหน่วยของผมออกไป รวมทั้งเรียก ฮ. ลาดตระเวนกลับด้วย”

    “คิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงมาเถียงใส่ชั้นฉอดๆแบบนี้ ไม่ทราบ เจ้าหน้าที่พิเศษเนเวส” เรย์ออกประโยคที่ทำให้เนเวสตกใจ เจ้าหน้าที่พิเศษกลาเซียร์สเห็นดังนั้นจึงออกปากเสริม

    “ด้วยความเคารพค่ะท่าน แต่จากความเสียหายของตึกราฟาเอลล่า และอาคารอุตสาหกรรมมากมาย รวมทั้งพบศพของเด็กชายที่หายไปในคดีที่เขตสิบสามคืนก่อน มันไม่ใช่เรื่องที่หน่วยตำรวจของเรามองข้ามได้ค่ะ เราต้องการคำอธิบาย สาเหตุที่ออกคำสั่งห้ามปฎิบัติการค่ะท่าน ได้โปรด!!”

    “คำอธิบายคือ “เบื้องสูงเขาสั่ง”มาน่ะ เจ้าหน้าที่ กลาเซียร์ส”

    น้ำเสียงแหบต่ำ ฟังดูเย็นชา เป็นเสียงที่เจ้าหน้าที่หน่วยตำรวจเอเดนรู้จักดี วุฒิสมาชิก เดเนฟ ลูนาซี ผู้ที่มีหน้าที่ดูแล ทางกลาโหมของเอเดน

    “ท่านวุฒิสมาชิกเดเนฟ แต่ว่า!!!”

    “ชั้นไม่มีอะไรจะอธิบายเพิ่มแล้วล่ะนะ เจ้าหน้าที่พิเศษเนเวส เชื่อชั้นเถอะว่า ถ้าเธอคิดจะรู้มากกว่านี้ ตำแหน่งของเธอจะหลุดจากหัวไปอย่างแน่นอน….รวมถึงชีวิตเธอด้วย”

    “……ครับ/ค่ะ….” เจ้าหน้าที่ทั้งสองได้แต่ก้มหน้า ยอมรับคำสรุปได้เหตุผลไปอย่างเจ็บแค้น ก่อนที่ตัดการติดต่อไป

    “คุณเนเวส…” กลาเซียร์ส รู้ดีถึงความเจ็บใจของเนเวส แต่ก็ไม่รู้จะพูดไงดี

    “กลาเซียร์ส ผมแน่ใจแล้วล่ะ เรื่องนี้สภาสูงต้องมีเอี่ยวด้วยแน่นอน” เนเวสเงยหน้าขึ้นพร้อมกล่าวอย่างมั่นใจ

    “คุณจะบอกว่า เรื่องคดีฆาตกรรมลึกลับที่ผ่านมาเป็นฝีมือของสภาสูงเหรอคะ?”

    “ก็ไม่เชิง…ไม่รู้สิ…แต่ดูเหมือนสภาสูงตั้งใจจะปกปิดเหลือเกิน…” เนเวสกุมคางครุ่นคิดอยู่

    “แต่เรื่องนี้ มันชักจะไม่ใช่แค่คดีฆาตกรรมธรรมดาแล้วล่ะ”
    …………..
    ……….
    ……
    ..
    .
    “คุณเดเนฟ หายไปไหนมาทั้งคืนน่ะ ผมเหงาจะแย่!!” เซโร่ผู้อย่างงอแง ในขณะที่กำลังจดกระดุมเสื้ออยู่

    “อะไรกัน หา? เซโร่ พอชั้นอยู่ เธอก็เอาแต่แกล้งเชน่าเล่น ไม่สนใจชั้น คราวนี้มาบอกเหงา” เดเนฟหยอกล้อ เด็กน้อยไประหว่างที่ถอดเน็กไท พร้อมๆกับไม่รอช้าที่จะแต๊ะอั๋งสาวใช้ที่เดินผ่านมาด้วยความไวปานวอก

    “ว่าแต่ ขอโทษนะ ที่ต้องให้เรย์มารับหน้าแทนน่ะ” เดเนฟ จ้องไปยังเด็กน้อยแล้วพูด

    “เค้าว่า ไม่เป็นไร แต่อย่าทำบ่อยๆอ่ะ” เซโร่พูด

    “งั้นเหรอ….เออใช่ เชน่า!! ต่อสายถึงท่านประธานาธิปดี คิว โรเล็นซ์ ให้หน่อย”

    “มีอะไรกับคุณคิวเหรอ คุณเดเนฟ?”

    “จะรายงานเรื่องเมื่อคืนน่ะ ว่าเฟส ( phase ) แรกของแผนการน่ะ เริ่มขึ้นแล้ว”
    ………….
    …….

    ..
    .
    TO BE CONTINUED >>>

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    บ่นเล็กน้อยกับคนแต่ง


    เนื่องในโอกาส ฉลองEXP ที่700 ของคนแต่งพอดี วันนี้เวลาประมาณตีสอง ผมก็สามารถเข็นตอนสามออกมาได้สำเร็จลุล่วง ไปได้ซักที หลังจากดองตั้งแต่ปีใหม่

    ต้องขออภัยที่ให้แฟนๆฟิคเรื่องนี้ต้องรอนาน ด้วยการงานของเด็กมหาลัยที่ใกล้จะปีสามเต็มที มันเยอะมากมาย สอบก็หฤโหด เกินมนุษย์สู้ไหว (ดีที่ผมไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นโอตาคุ) ไหนจะปัญหาชีวิตรุมเร้ามากมาย จนเกือบอยากตายให้รู้แล้วรู้รอด แต่สุดท้ายกว่าจะเข็นมาได้ก็นานอยู่

    ยังไงก็หวังว่าตอนสามนี้จะสร้างความสนุกสมกับที่รอคอยกันมานะครับ แล้วยังไงก็จะพยายามเข็นตอนใหม่ออกมาไม่ให้ดองนานนะครับ

    ตอน นี้สำนวนอาจอยู่ไม่คุ้นตาบางจุด เพราะผมทิ้งช่วงไปเป็นเดือนตอนแต่งไม่ครึ่งนึง แล้วก็ ลองสำนวนใหม่ๆดู ถ้ามีอะไรไม่ดี หรือ ไม่เหมาะ ดูแปลก ยังไง ตำหนิติเตียนได้ตามใจนะครับ ยินดีรับไว้

    สุดท้ายใครที่สงสัยว่าน้องเหม่นหลินเป็นใคร ผมบอกเลยครับว่า นางเอก ส่วน จะเป็นนางเอกที่สำคัญสุดๆ หรือเป็น คนที่คอยหลอกคนอ่านว่าเป็นนางเอก แบบมารีน่า อิส สมอล ในกันดั้ม ก็รอชมกันต่อไป

    อ๋อสุดท้ายอีกอย่าง อยากถามความเห็นคนอ่านหน่อยครับว่า จากความยาวประมาณ20หน้าWord คิดว่า เรื่องนี้ น่าจะจบได้ในกี่ตอนครับ อยากรู้ความเห็นน่ะครับ รบกวนตอบด้วยนะครับ

    ปีนี้ก็ขอให้ใครทำอะไรสุขสมหวังนะครับ ใครสอบเข้า ก็ขอให้ได้ตามหวัง ใครใกล้จะเข้าสังคมก็สู้ๆเน้อ

    maxlancer

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ขอขอบพระคุณตัวละคร

    1. อลิซซาเบธ เนซซ่า เฟอร์ลากูน โดย • SûmiyØ VåleñtinÈ • เปิดตัวแล้ว ก็เจ้าแม่? แห่งกลุ่มบทเพลงแห่งรุ่งอรุ่น ของเผ่าเทวดา ผู้ที่เป็นหัวเรือของกลุ่มเทวดา ซึ่งจะเป็นไงก็ดูต่อไป

    2. เอเจนท์ เทเลอัน โดย Zan~Naz พ่อหนุ่มรังแคสีเพลิง ซึ่งถ้าเป็นผู้หญิง ก็คงละม้ายค้าลย ชานะจัง แต่เสียดายที่ไม่ใช่ ซึ่งตอนี้ กลายเป็นอาจารย์เล็คเชอร์จำเป็นเสียนี่ ( ตัวนี้ ผมแก้ไขอะไรไปบางอย่างนะครับ เพื่อความสะดวกในการแต่ง)

    3. เซโร่ / เรย์ โนอาร์ โดย กันจัง (Gunfinal) น้องพี่ ในที่สุด พี่ก็หาที่เอาตัวนี้ลงได้ซักที เหอะๆ สองตัวละคร ที่จัดมาแบบดูโอ คนนึงโชตะกระจาย (ได้ข่าวว่า Yกับเดเนฟ) อีกคนก็ห่ามๆไปหน่อย ซึ่งทั้งสองเป็นใครยังไง Yกับเดเนฟแค่ไหนก็จงรอดูต่อไป

    4. เนเวส คิวว์ โดย เทรนซัง ->T r A i N<- เห็นหลายๆคนสงสัย ทำไมเรื่องนี้ตำรวจ ไร้บท ตอนที่สองซัดกันตูมตามไหง ไม่มีใครรู้ ก็คงรู้แล้วนะครับ เรามาดูกันว่า เมื่อมีคอรับชั่น เนเวสจะทำจักใดต่อไป

    5. กลาเซียร์ส เอเลแกรนท์ โดย เจ๊ยูคิฮิเมะ!!!!!! 雪姫~ สติแตกยามค่ำคืน มีหัวหน้าหย่ายแล้ว ต้องมีเจํหย่ายด้วย ดังนั้น กลาเซียร์ส จึงรับตำแหน่งนี้ไป (จบตอนนี้ ตูโดนฆ่าแหงๆ)

    ยังมีอีกประมาณสองสามคนที่มีชื่อแต่บทไม่ได้ออกนะครับ ไว้จะเครดิตให้อีกทีตอนมีบท
  3. jenovasung

    jenovasung Member

    EXP:
    152
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update ฉลองExpที่700 3/03/09>>Memo Page III<< Way To Demonic]

    ไม่สนช่วงอื่นตูสนช่วงท้ายเท่านั้น เคี้ยกๆๆๆๆ ให้มันได้อย่างนี้สิเเม็ค Yเข้าไปเลย Yเข้าปายยยย

    เอ้า..ชาวบ้านเขาลงกันหมดละ ฟิคตูล่ะ ดองยาวได้ชาตินึงเเล้วมั้งเนี่ย (มอนฮัน2Gเป็นเหตุเเท้ๆ)
  4. yoshiki

    yoshiki FATE

    EXP:
    862
    ถูกใจที่ได้รับ:
    17
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update ฉลองExpที่700 3/03/09>>Memo Page III<< Way To Demonic]

    เจิ่มเฟ้ย

    ไอ้ไวลด์เอ้ย พูดจาวกไปวนมาอยู่ดีอ่านแล้วรำคาญมั่กๆ รู้งี้ส่งเรเชลจังไปกระซวกไส้ตายคาทีไปเลยน่าจะดีกว่านะ

    ขอประทานอภัยทุกท่านเป็นอย่างสูงครับเนื่องด้วย ผู้เขียนทั้งสองติดภาระกิจการสอบที่หนักหนาเอาการ (ส่วนไอ้โยมีภารกิจไปเล่นดนตรีตามงานการ์ฺตูนและคอสเพลค้างอยู่เหมือนกัน 555+) ขอให้สนุกกับตอนนี้ครับ

    Yoshiki Legacy weapon

    ปล.ส่วนของผมอีกไม่นานคงลงตามเรื่องนี้แหละ เพราะใกล้จะสอบเสร็จแล้ว ไม่ต้องห่วงยังไม่ล่มทั้งสองเรื่องนะจ๊ะ
  5. alladiya

    alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

    EXP:
    1,207
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update ฉลองExpที่700 3/03/09>>Memo Page III<< Way To Demonic]

    เกลดูแก่ =_____,="
    มาก [​IMG]

    อย่าให้เกลแก่เกินอายุ"มากนัก"นะ

    ปอลอ. หรือว่าเปลี่ยนอายุของเกลจาก17 เป็นมากกว่านั้นแล้วหว่า[​IMG]
  6. near

    near Member

    EXP:
    334
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update ฉลองExpที่700 3/03/09>>Memo Page III<< Way To Demonic]

    -*-
    เจิมต่อพี่โย

    เมื่อไหร่ตัวร้ายจะได้ออกอ่า...พี่แม๊ก

    ไม่เป็นไรเรารอได้ 55+
  7. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update ฉลองExpที่700 3/03/09>>Memo Page III<< Way To Demonic]

    ชอบธีมคอรัปชั่นครับ รู้สึกสมจริงดี เหมือนประเทศเรา (เฮ้อ)

    การบรรยายรู้สึกว่าลื่นไหลกว่าเดิมเยอะครับ ตอนนี้เรียวชิโร่ก็เริ่มรู้ตัวแล้วสินะ (ต่อไปฟื้นแล้วคงจะได้ร่วมศึกเต็มตัวซะที)
    ส่วนเหม่ยหลิน ที่แท้ก็นางเอกหรอกหรือนี่ ดูกันต่อไป...

    ขอให้มีกำลังสู้ศึกชีวิตต่อไปครับ = =b
  8. ultima

    ultima Active Member

    EXP:
    933
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update ฉลองExpที่700 3/03/09>>Memo Page III<< Way To Demonic]

    ย๊าก สู้กันมันดีแท้ โทโนะนี่กะฆ่ากันยังเดียวเลยวุ้ย

    เซโร่นี่มัน Y จริงๆ เพื่อนเราจะเขียนอะไรแบบ Y ออกมาแล้วรึเนี่ย
  9. shinkyoto

    shinkyoto Well-Known Member

    EXP:
    580
    ถูกใจที่ได้รับ:
    3
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update ฉลองExpที่700 3/03/09>>Memo Page III<< Way To Demonic]

    ถ้าตอนล่ะ 20หน้า

    น่าจะประมาณ 25ตอนจบล่ะนะ

    ระบบภายใน heaven นีมันยังไงกันแน่น่อ? ทำไมถึงได้ส่อกันอย่างเห็นได้ชัดขนาดนี้กันน่อ?...... (ตกลงเรื่องในโรงเรียน ไม่ต้องเรียนต่อกันแล้วชิมิเนี่ย?) (เล่นเปิดสาวไส้กันขนาดนี้แล้ว?)

    ผู้อาวุโส อยากเห้นหน้าเร็วๆแล้วสินะ งืม
  10. derick

    derick Member

    EXP:
    339
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update ฉลองExpที่700 3/03/09>>Memo Page III<< Way To Demonic]

    ตอนนี้ยาว....และมันดีครับ กร๊ากกกกกกกกกก

    ชอบช่วงกลาง ๆ เรื่องมาก

    ไอ้หมาเป็นอาจารย์เล็คเชอร์... *คิดภาพ* ป๊าดดดดดดดดด!!!คอดเหมาะเลยว่ะ 55555 <<โดนมันเล็คเชอร์ให้ประจำ

    เริ่มที่จะเข้าเรื่องหลักทีละนิดแล้วสินะ รออ่านต่อไปครับ - -\
  11. PaiaAznable

    PaiaAznable มนุษย์ตู้ปลาช้ำรัก

    EXP:
    744
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update ฉลองExpที่700 3/03/09>>Memo Page III<< Way To Demonic]

    เปิดเรื่องมาก็เจ็บตัวซะแล้วแฮะเต็มหน้าเลย ชิกิฮะเห็นเงียบอนู่นานสองนานมาสองตอน ตอนที่สามได้อาละวาดแล้วสินะ เรื่องคอรัปชั่นมีอยู่จริงๆด้วย ว่าแต่...มันมีวายด้วยเหยอ :confused:"!!!!

    เรื่องที่ติดทั้งงานทั้งสอบผมเข้าใจครับ ผมก็เพิ่งไฟนอลเสร็จมาเมื่อวาน มีมาลงฟิกต้อนรับการสอบไฟนอลเสร็จของผมด้วย ฮ่าๆๆ (มันบังเอิญเฟ้ย ไอ้ไพอา TwT) รอชมต่อไปนะครับผม >w<b

    ปล.ใช่เซ่ มารีน่าเป็นได้แค่นางเอกในนามนี่ฝ่า ชริ TT^TT

    ออกนอกเรื่องนานลืมคำถามสนิท ผมว่า.... แล้วแต่พี่มากกว่าครับว่าจะทำนิยายแนวคล้ายๆอนิเม 12(พวกอนิเมจากเกมสาวน้อย เป็นส่วนมาก),26(อนิเมทั่วไปฉากครึ่งปี) หรือ 50 ตอน(แนวกันดั้มหรือไอ้มดแดง) น่ะครับผม ^^'a

    Edit - เนื่องจากว่าง ก็ขออนุญาตเผาคำผิดหน่อยแล้วกันนะงับ ขอใส่ในสปอยไว้เพื่อกันกระทู้ยืดนะครับ ^^"
    ความขดเคี้ยว - คดเคี้ยว
    หายใจระรั่ว - ระรัว
    เข้นความทรงจำ - เค้น
    หลี เหม่ย หลิน - หลี่
    เพี้ยะ - เพียะ
    ฝาเท้า - ฝ่าเท้า
    สลิปเปอโฮล - สลีปเปอร์โฮลด์
    ซาดิส - ซาดิสม์
    ดาลี่ - ดาร์ลี่
    ฆ่ามันซ่าาาาา - ฆ่ามันซ้าาาาา
    ตอนเทียง - เที่ยง
    เสียงหวัดร้อง - หวีดร้อง
    เพราะมาเหตุผล - (น่าจะ) เพราะมีเหตุผล
    ไวลด์ ไลน์เนอร์ - ไวลด์ ไลสเนอร์
    โรงบาลย้า - โรงบาลบ้า
    เป็นทั้วของเธอ - ทั้ง
    เอี้ยดอาด - เอี๊ยดอ๊าด
    ปื่นโต - ปิ่นโต
    เราไม่ได่ - ไม่ได้
    ภาพเบิ้องหน้า - เบื้องหน้า
    แม่แต่นิด - แม้
    แล้นายจะดีขึ้น - แล้ว
    เสียงดังกว่าง - ดังกล่าว
    ไม่ยั้งทอ - รอ
    เสียงหอม - เสียงหอบ
    หมอชัญสูตร - ชันสูตร
    ถ้วงอีกรอบ - ท้วง
    การทักถ้วง - ท้วง (อีกรอบ เหอๆ)
    เยี่อง - เบี่ยง
    เดี้ยวก่อนนะ - เดี๋ยว
    คงวามตรง - ความตรง
    คำตอย - คำตอบ
    ปฎิเสษ - ปฏิเสธ
    ตงหน้า - ตรงหน้า
    คมดาย - คมดาบ
    ค่อยๆแง่ม - แง้ม
    ซึกษา - ศึกษา
    ยึดเส้นยึดสาย - ยืดเส้นยืดสาย
    เล้กน้อย - เล็กน้อย
    พลัยเสียบ - พลัน
    เรียบตามมา - รีบ
    มหาพฤษาแห่งโลก - พฤกษา
    ที่ใหน - ไหน
    โฮมเทียเตอร์ - เธียเตอร์
    สอดๆ - ฉอดๆ
    อุตสาหกรร - อุตสาหกรรม
    เหตุถผล - เหตุผล
    เงบหน้า - เงย
    แต้ะอั๋ง - แต๊ะอั๋ง
  12. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update ฉลองExpที่700 3/03/09>>Memo Page III<< Way To Demonic]

    โอ้บทใหม่ ยาวดีจังถูกใจๆ อืมๆ ตอนละ20หน้า น่าจะซัก 30 ตอนล่ะมั๊ง แต่ถ้านับเวลา ดูจากความเร็วของแต่ละตอนแล้วก็ เกิน 2 ปีแหงแซะเจ้าแม๊กเอ๋ย ฮาๆ

    รู้สึกเริ่มเข้าเมนหลักกันแล้วนะนี่ ยิ่งติดตามยิ่งน่าสนใจ ว่าแต่ว่า ถูกใจ เจ๊ใหญ่ กลาเซียร์ส มากทีเดียวนะนี่ ฮาๆ
  13. train

    train Member

    EXP:
    498
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update ฉลองExpที่700 3/03/09>>Memo Page III<< Way To Demonic]

    ยาวจุใจจริงๆครับตอนนี้ =[]=b
    ชอบฉากต่อสู้มาก มันส์ดี กร๊าก
    ว่าแต่เป็นตำรวจนี่ลำบากเน๊อะ = ="
  14. Gunfinal

    Gunfinal Member

    EXP:
    152
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update ฉลองExpที่700 3/03/09>>Memo Page III<< Way To Demonic]

    นั่งอ่านไปเรื่อยๆ~
    มาสะดุดตรงวรรคสุดท้าย =[]=!!! ได้ออกตอนจบตอนทุกทีเลยเซ่!!! (555)
    ผมไม่yนะครับ พี่แม็กซื ไม่Yนะ TT-TT ไม่Y กับเดเนฟนะ!!

    [ลงไปชักดิ้นกับพื้น]
  15. Ryuto

    Ryuto 終わる道、始まる夢

    EXP:
    964
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update ฉลองExpที่700 3/03/09>>Memo Page III<< Way To Demonic]

    แว่บ มาอ่านถึงจะไม่ได้สมัคร เปิดตัวได้น่าติดตามดีครับ

    ว่างๆจะแว่บมาอ่านอีก^^

    /me โดนถีบ ไปปั่นฟิคตัวเองต่อ_ _ll
  16. shinkyoto

    shinkyoto Well-Known Member

    EXP:
    580
    ถูกใจที่ได้รับ:
    3
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update ฉลองExpที่700 3/03/09>>Memo Page III<< Way To Demonic]

    ..... [" ไม่Y กับเดเนฟนะ!!"]

    .. อย่างนั้นเองหรือ..... :D
  17. maxlancer

    maxlancer ประธานรุ่น2ตุรกีเชียงใหม่

    EXP:
    1,183
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update ฉลองExpที่700 3/03/09>>Memo Page III<< Way To Demonic]

    ~Memo Page IV~

    ~Creature Menace~​


    ปีศาจ…..สารานุกรมกล่าวว่า ”เป็นสิ่งชั่วร้ายที่มีรูปลักษณ์ต่างๆอยู่มากมายหลายแบบส่วนใหญ่จะเป็นแบบ น่าเกลียด น่ากลัว ดังนิยายหรือภาพยนตร์หลายๆเรื่อง ปีศาจมักนำมาซึ่งความหวาดกลัว หายนะ ความตาย หากเปรียบกับผู้คนปีศาจก็เปรียบได้กับคนที่ชอบทำอะไรผิดๆ โหดร้าย นอกลู่นอกทาง ไม่สนใจกฎเกณฑ์ใดๆ ทำให้คนรอบข้างและสังคมเดือดร้อน”

    ชั้น…ไม่ใช่มนุษย์…..กลายเป็นปีศาจไปแล้ว….

    กลายเป็นสิ่งที่….แปลกไปจากครอบครัวและเพื่อนฝูง ไม่เหมือนพวกเค้า…

    เหม่ยหลิน….ชั้น…

    เพี้ยะ!!!!

    เสียงตบเต็มฝ่ามือดังขึ้น สะท้อนไปทั่วห้องเรียน เมื่อ เอมิยะ เรียวชิโร่ โดนฝ่ามือเรียวเล็กของสาวหมวยผมยาวสีดำ หลี่ เหม่ย หลิน ตบเข้าไปอีกครั้งต่อหน้าเพื่อนๆร่วมห้อง เหตุเพราะตั้งแต่พักเที่ยงที่ผ่านมาจนถึงก่อนคาบโฮมรูมก่อนกลับเพียงห้านาที เอมิยะ เรียวชิโร่ กับ ไวลด์ ไลสเนอร์ ได้หายไปจากโรงเรียนอย่างไร้ร่องรอย

    “ชั้นบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าทำอะไรก็หัดห่วงตัวเองและคนรอบข้างบ้าง ไม่ใช่เอาแต่อาศัยเชื้อบ้าอยู่ไปวันๆ” เสียงเย็นชาไร้ความอ่อนโยนเหมือนแต่เดิมของสาวจีนคนนี้ ทิ่มแทงหัวใจของเด็กหนุ่มเต็มๆ “แล้วหายไปไหนมาตั้งสามคาบเพิ่งโผล่มาตอนเลิกเรียน!! ลุงของเธอไม่ได้ลำบากหาเงินมาส่งเธอให้โดดเรียนเล่นนะ!!”

    “เอ่อ….”เรียวชิโร่ นึกข้ออ้างไม่ออก จึงแหย่ศอกไปที่ เด็กหนุ่มผมยุ่งพร้อมหางม้ายาวสีดำ ไวลด์ ไลสเนอร์

    “คือ เรื่องมันยาวอ่ะนะ เหม่ยหลิน พอดีว่า…..”

    “ชั้นกำลังคุยกับนายอยู่หรือไง ไวลด์”

    เพียงแค่อ้าปากได้วิกว่าๆ ประโยคเสียดแทงหัวใจบวกของสาวน้อยก็พุ่งติดคริติคอลใส่ปากหนาๆของไวลด์จนหน้าหงายอย่างรวดเร็ว

    “เรียวชิโร่ ลุงของนายส่งเสียนายมาเรียนนะ ไม่ใช่ให้มาโดดเรียน นายทำไมไม่คิดถึงหัวอกแกมั้ง?”

    บรรยากาศมาคุปกคลุมไปทั่วรัศมี จนคนรอบข้างคิดว่า ถ้ามีใบไม้ปลิวเข้าไปในวงนั้น มันคงขาดกระจายด้วยรังสีอำมหิตแน่แท้ แต่ทว่าเสียงกริ่งเป็นอันประกาศว่าหมดเวลาเรียน ก็กลายเป็นระฆังสวรรค์ยืดเวลาชีวิตเรียวชิโร่ได้ทันควัน เมื่ออาจารย์ได้เข้ามาทำการโฮมรูมเลิกคาบ

    “เอาล่ะ ทุกคน นั่งที่เร็วๆ จะได้รีบๆปล่อยกลับบ้าน”

    เสียงอาจารย์พูดขึ้น พร้อมเสียงเดินกลับที่นั่ง อย่างรวดเร็ว แม้แต่ เหม่ยหลินเองก็ เมินเด็กหนุ่มผมส้มตรงหน้าไปอย่างรวดเร็ว

    “เอาล่ะ สั้นๆนะ เรื่องแรกคือ ตอนนี้พวกเราคงรู้ๆกันอยู่แล้วว่า มีเหตุฆาตกรรมอยู่ในช่วงนี้”

    เรียวชิโร่รู้สึกเหมือนกับว่าทันทีที่ถึงประโยคนี้ ก็มีคนแอบจ้องใส่เค้าด้วยจิตอาฆาตจากข้างหลังจากแม่นางผมทองทวินเทลคนหนึ่ง

    “เพราะว่าตอนนี้ ทางรัฐบาลมีมติให้ทางโรงเรียนเรา ยกเลิกกิจกรรมตอนเย็นนี้ทั้งหมด แล้วก็หยุดการเรียนการสอนไปก่อนอาทิตย์นึง”

    คงเป็นเรื่องปกติเมื่อโรงเรียนสั่งให้หยุดเมื่อไหร่ นักเรียนในห้องก็ต้องเฮกันให้ลั่นอย่างกับถูกหวย แต่กลับมีคนไม่กี่คนที่ไม่ได้ดีใจไปกับการหยุดครั้งนี้ ก็คือ ไวลด์ เรียวชิโร่รวมไปถึง สาวน้อยทวินเทลเผ่าเทวดา เรเชล และ โทโนะ ชิกิฮะ ที่ดูเหมือนจะรู้สาเหตุเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมนั้นดี

    “เอาล่ะ เพราะฉะนั้น ขอเลิกโฮมรูมแค่นี้แหละ รีบๆตรงกลับบ้านล่ะ ส่วน ไวลด์ เรียวชิโร่ เรื่องที่โดดเรียนสามคาบสุดท้าย ไว้กลับมา ครูจะเคลียร์ตอนเปิดเรียนอีกที จำไว้ด้วยล่ะ”

    ช่วงเวลานั้นเอง ที่ไวลด์ต้องหลบสายตา เรียวชิโร่ ที่ส่งสายตาอาฆาตพยาบาทใส่ทันที

    หลังจากนั้น เหล่านักเรียนในห้องก็เก็บข้าวของแยกย้าย อย่างรวดเร็ว ซึ่งเดิมหากเป็นปกติ หน้าโต้ะของเรียวชิโร่จะมี หลี่ เหม่ยหลิน เข้ามาชวนกลับบ้านตลอด แต่วันนี้ สาวเจ้ากลับเก็บข้าวของด้วยความไวปานฟ้าแลบ แล้วจ้ำอ้าวออกห้องไปเลย สร้างความเสียหายทางจิตใจแก่เด็กหนุ่มหัวส้มคนนี้ไปหลายพันจุดทีเดียว

    “….ชั้นว่า แกคงต้องตามขอโทษอีกนานเลยวะ เรียวเอ้ย” สหายหน้าม่อ ไวลด์ ไลสเนอร์ เข้ามาตบบ่า

    “หุบปากไปเลย….มันเพราะแกไม่ใช่หรือไงฟะ ที่เล่นพาตูข้ามไปตั้งเขตหก ไงล่ะ กลับมาก็เจอดีเลย” เรียวชิโร่โมโหใส่ปนเม็ดน้ำตาอย่างโศกเศร้าปนสมเพชตัวเอง

    “เอาล่ะ เรื่องนี้ไว้ก่อนละกัน รีบตามชั้นมาก่อน นายกับชั้นมีเรื่องต้องทำอยู่” ไวลด์รวบตัดจบปัญหาหัวใจของสหาย ก่อนจะเร่งเข้าเรื่อง

    “เรื่องบ้าอะไรอีกล่ะ? แค่นี้ชั้นก็เดือดร้อนจะแย่แล้ว” เรียวชิโร่ยังไม่วายบ่นด้วยความหัวเสีย

    “เอาน่า เรามีนัดกันตอนอยู่บนดาดฟ้าไม่ใช่หรือไง?” แม้จะเป็นคำพูดเพื่อย้ำความจำ แต่มือของหนุ่มหน้าม่อก็เอาแต่ลากคอเสื้อสหายหัวส้มชนิดไม่รีรอคำตอบ

    “เดี๋ยวก่อน!!” เสียงหวานใสที่มาด้วยอารมณ์รุนแรงดังขึ้น

    “หือ….อ้าว? มีอะไรเหรอครับ ฮันนี่” ไวลด์ออกอาการหูดำอีกครั้ง เมื่อเจ้าของเสียงที่เรียกตัวไว้ เป็น สาวผมทองทวินเทล เรเชล “ถ้าจะขอโทษเรื่องตบผมเมื่อเช้า ผมไม่ค่อยโกรธหรอกนะ แต่ขอหอมแก้มทีนึงเป็นการไถ่โทษก็พอ”

    “ยะ…อย่ามาพูดอะไรบ้านะ!!” เห็นได้ชัดว่าเรเชลเกิดอาการหน้าแดง เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว “ชั้นโดนให้เอาไอ้นี่มาให้นายต่างหาก!!”

    พูดจบ เด็กสาวขว้างจดหมายมีตราผนึกให้แก่ไวลด์ แต่เรเชลก็ต้องเหงื่อตกเมื่อสีหน้าของอีกฝ่ายบ่งบอกว่าเรื่องตรงหน้ามันเป็นเรื่องเหลือเชื่อสิ้นดี

    “มะ…ไม่จริง…โกหกใช่มั้ยเนี่ย!!!” ไวลด์แผดเสียงลั่นพร้อมใบหน้าสุดช็อก

    “อะ…อะไรของนาย?” เรเชลเกิดอาการหวั่นๆ

    “เรเชลจัง ให้จดหมายรักผมเหรอเนี่ย โอ้ว Fxcking Great ให้ดิ้นตาย พระเจ้า!!!!”

    “เลิกบ้าซักที!!!!”

    พริบตานั้น เรเชล ก็เผยอีกด้านของตนออกมา จากแผ่นหลังที่ไร้สิ่งผิดแปลกก็มีเส้นใยสีทองบางราวใยไหม ทะลุผ่านเนื้อผ้าชุดนักเรียนออกมาม้วนถักทอกันเองในเวลาชั่วพริบตากลายเป็น ผืนปีกสีทองกว้างข้างนึงที่หลัง เข้าฟาดใส่ไวลด์อย่างฉุนเฉี่ยว

    หากแต่พริบตาที่เห็นปีกด้วยดวงตาที่กลายเป็นสีทองคำของไวลด์ มือขวาในเสื้อแขนยาวสีแดงก็ถูกกระชากออกจากภายใน กลายเป็นแขนขวาที่ปกคลุมไปด้วยมัดกล้ามเนื้อสีขาวบริสุทธิ์ออกมาจับปีกสีทองที่เหวี่ยงเข้ามาด้วยความเร็วสูงได้อย่างรวดเร็วและไร้แรงกระแทกใดๆเลย

    “แหมๆ ก็เจอคนที่ตัวเองหลงรักส่งจดหมายให้ เลยเผลอคิดไปไกลนิดหน่อยเอง แต่ก็ช่างเถอะ เพราะเห็นหน้าตาน่ารักตอนโกรธแบบนี้ ชั้นไม่รังเกียจหรอกนะ”

    ไวลด์ส่งรอยยิ้มแบบธรรมชาติที่สุดเท่าที่เรียวชิโร่เคยเห็นมาตั้งแต่รู้จักกัน (เท่าที่จำความได้ มีแต่ยิ้มด้วยความลามกและความหื่น)ให้แก่เรเชลที่ตอนนี้หน้าแดงด้วยความโกรธ ทำเอาสาวเจ้าเขินไปเล็กน้อยกันคำพูดตรงๆแบบนั้น

    “แกเองก็อย่าคิดจะชักอาวุธออกมาดีกว่านะ โทโนะ ถึงเผ่าปีศาจกับเทวดาจะมีสนธิสัญญาเรื่องการห้ามทำอะไรให้คนอื่นรู้ถึงตัวตนของเผ่า แต่ชั้นไม่รังเกียจที่จะซัดกับแกที่นี่ ถ้าคิดจะเข้ามาหรอกนะ”

    ไวลด์พูดเอาไว้เปรยๆ เพราะรู้อยู่แล้วว่าโทโนะ คิดจะชักมีดในอกออกมาเข้าใส่ตัวเองแน่นอน ทำให้เด็กหนุ่มแว่นต้องหยุดมือไปก่อน เนื่องจากจะเป็นการห่ามเกินไปที่มาสู้กันในนี้ พอดีกับที่ไวลด์ ปล่อยมือจากโคนปีกของเทวดาสาว

    “ เอาล่ะ งั้นขอรับจดหมายไปให้หัวหน้าทีมของเราละกันนะ” ไวลด์ที่แขนกลับเป็นมนุษย์เหมือนเดิมแล้ว ชูจดหมายขึ้นเป็นสิ่งบอกว่าได้รับมาแล้ว พร้อมเดินไปหยิบกระเป๋าของตน “ไปกันเถอะ เรียวชิโร่”

    “อะ…อืม!” เรียวชิโร่ได้ยินเช่นนั้นก็เลิกลั่ก วิ่งตามไป
    ….......
    …..
    ..
    “สนธิสัญญาเหรอ?” เรียวชิโร่เอ่ยปากถาม ในระหว่างที่ทั้งสองอยู่ในขบวนรถไฟสำหรับข้ามเขต

    “ใช่ เพราะว่าพวกเราทั้งสองเผ่าต่างก็ไม่คิดจะให้ใครเห็นว่าพวกเราไม่ใช่มนุษย์ไงล่ะ” ไวลด์ที่กำลังยื่นเคี้ยวแฮมเบอร์เกอร์ที่แวะซื้อมาก่อนขึ้นรถไฟอย่างเมามันส์ ตอบ

    “ไม่อยากให้เห็น? ทำไมล่ะ?”

    “นายนี่ซื่อดีแฮะ….ลองนึกภาพสิ หากมีสิ่งมีชีวิตที่สามารถกินมนุษย์เป็นอาหารมาอยู่ร่วมกันในเมือง มนุษย์บ้านไหนเขาจะปล่อยให้พวกมันอยู่ต่อกันล่ะ” ไวลด์กัดแฮมเบอร์เกอร์ส่วนสุดท้ายเข้าไปหลังจากพูดจบ

    “ถ้างั้นทำไมนายกินแฮมเบอร์เกอร์เหมือนคนปกติได้ละ ในเมื่อนายก็เป็นปีศาจเหมือกัน” เรียวชิโร่แปลกใจเมื่อเห็นกระดาษห่อแฮมเบอร์เกอร์ของเพื่อน

    “มันก็ใช่ ปีศาจอย่างเราก็กินเหมือนมนุษย์ทุกอย่างนั้นแหละ แต่ดูเหมือนธรรมชาติ เซลล์ของพวกเราต่างก็ร้องหาเนื้อดิบอยู่เป็นช่วงๆตลอดไม่ต่างจากสัตว์กินเนื้ออย่างพวกเสื้อหรือสิงโตที่สูญพันธุ์ไปแล้ว โดยเฉพาะเนื้อของคนเป็นๆ”

    “งั้นเหรอ….” เรียวชิโร่หมดคำถามที่คิดถาม พร้อมนั่งอยู่เงียบๆ พาลครุ่นคิดในใจ

    [แสดงว่า…ซักวัน ชั้นอาจจะ..เผลอทำร้ายคนที่ตัวเองรักงั้นเหรอ]

    หากแต่เด็กหนุ่มก็ได้แต่จมกับความคิดตัวเองไปตลอดเส้นทาง ไม่ได้พูดออกมา
    ……….
    ……
    ..
    ในเวลาเดียวกัน ห่างออกไปยังพื้นที่เขตหลักของเอเดน ยังคงมีสถานที่อยู่อาศัยที่อยู่ภายใต้พื้นที่ที่เป็นชั้นเหล็กอันเป็นฐานของเขตต่างๆในเอเดน อันมีชื่อเรียกกันว่า “กราวด์ (Ground)” แม้จะมีชื่อว่าที่อยู่อาศัย หากแต่ว่า ความลึกลับของมันนั้นมีอยู่มากมายตั้งแต่ สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใน หรือแม้กระทั้ง คนที่อาศัยอยู่ และความคับแคบแออัดของคนจำนวนมากที่ไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นประชาชนหลัก และเหล่าพ่อค้าแม่ขาย ทำให้สถานที่แห่งนี้ ไม่ต่างอะไรจากสลัมของเอเดนเลยทีเดียว

    แต่ด้วยเส้นทางที่สลับซับซ้อน เริ่มจากทางหลักภายนอกที่มีสองชั้นเป็นทางยาว เป็นวงกลมตามขอบนอกของเอเดน ทั้งสองชั้นต่างมีที่ว่างมากพอจะทำทั้งที่อยู่อาศัยหรือร้านค้าต่างๆได้ เข้าสู่พื้นที่ภายในด้วยซอกซอยตรอกต่างๆ ซึ่งมีสายแยกออกไปอีกมากมาย นับไม่ถ้วน แถมความซับซ้อนด้วยแสงไฟตามทางที่มีเพียงบางจุด ยิ่งยากแก่การจดจำจุดสังเกต ดังนั้นแล้ว หากเป็นผู้เชี่ยวชาญสถานที่แห่งนี้ได้แล้วนั้นไซร์ กราวด์ก็นับว่าเป็นแหล่งหากินผิดกฎหมายชั้นยอดทีเดียว

    ผู้คนภายในกราวด์เดินกันพลุ่กพล่านทั้งสองชั้นเส้นทาง ตั้งคนที่ไม่สามารถหาที่อยู่บนเขตต่างๆได้เนื่องจากยังคงต้องรอการจัดสรรจากรัฐจนต้องระเห็จมาที่กราวด์เป็นการชั่วคราว หรือประชากรชั้นธรรมดาที่เข้ามาเพื่อหาของหายากต่างๆ หรือแม้แต่ประชากรชั้นสูงเองก็มีเข้ามาเพื่อกิจธุระบางอย่าง บวกพร้อมไปด้วยผู้คนที่อาศัยอยู่นะ กราวด์แห่งนี้อยู่แล้ว ซึ่งอาจจะเป็น อาชญากร พ่อค้าของเถื่อน หรือคนที่ถูกทางการขับไล่ก็มี

    หากแต่ท่ามกลางเสียงแซ่ดๆของผู้คนและเสียงตะโกนของพ่อค้าที่ตั้งหน้าร้านทั้งสองชั้นนั้น กลับไม่มีผู้ใดเลยที่ย่างเท้าเข้าสู่ตรอกหรือซอกใดซอยหนึ่งเลย แม้แต่ทางเดียว เนื่องจากภายในนั้น มีคำล้ำลือกันมาว่ากว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของคนที่ย่างก้าวเข้าไปโดยไม่รู้เส้นทางนั้น ล้วนไม่กลับมาอีกเลย

    ทว่าวันนี้ ตรอกเขาวงกตอันเลื่องชื่อของกราวด์กลับมีคนสาวเท้าเข้าไป อย่างไม่กลัวเกรงจะหลงทางถึงสองคน หนึ่งชายกับอีกหนึ่งหญิง ก่อนที่ทั้งสองจะลับสายตาผู้คนเข้าไป

    “มากี่ทีๆ บรรยากาศที่นี่ก็ยังไม่โสภาเหมือนเดิมเลยแฮะ”

    เสียงบ่นพร่ำเพรือด้วยอารมณ์หงุดหงิดใจชอบกลของชายหนุ่มหน้าตาดี วัยยี่สิบสองผู้มากับผมสีขาวยาวประบ่าและดวงตาสีเขียวอมฟ้าดุจน้ำทะเล แสงจากโคมไฟตามผนังตรอกส่องไปยังตุ้มหูรูปมีดที่หูซ้ายจนทอประกายวาววับ เข้ากับเสื้อเชิ้ตแขนยาวคู่ใจคนใส่

    “ใช่สิคะ ที่นี้มันจะไปน่าอยู่เหมือนบ้านจัดสรรพิเศษสำหรับพลเรือนชั้นสูงแบบคุณได้ไงล่ะคะ คุณเอ็นโด”

    สาวเจ้าผมทองยาวที่เดินคู่กันมากล่าวยอกย้อนคำพูดของ เอ็นโด คริปโตส ผู้เป็นหนึ่งในเผ่าเทวดาแห่งกลุ่ม[บทเพลงแห่งรุ่งอรุณ] ดวงตาสีฟ้าดูคล้ายแมวบวกน้ำเสียงเด็กๆ และเครื่องแต่งกายที่เป็นชุดกระโปรงลูกไม้สีดำสไตล์โลลิต้า ทำให้หล่อนดูไม่ต่างจากเด็กวับเพียงสิบต้นๆเลย

    “…..ชั้นยังไม่ได้ว่าอะไรเธอเลยนะ คาเรน” เอ็นโดถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับนิสัยชอบกัดของอีกฝ่าย “แล้วทำไมเธอต้องตามฉันมาด้วยเนี่ย?”

    “ก็พี่สาวเค้าว่า ปล่อยคุณไปคนเดียวก็เป็นห่วง ก็เลยให้หนูมาด้วยไง”

    “ตัวถ่วงชัดๆ” เอ็นโดแอบบ่นเบาๆ แต่สาวเจ้าข้างหลังกลับได้ยินเข้า

    “พูดยังงี้ หนูมันไม่ดีตรงไหนคะ?!!” ใบหน้าบูดบึ้งของสาวเนตรสีทะเลจ้องตรงเข้าใส่หนุ่มหัวขาว

    “ป่าว – ซัก – หน่อย แค่บ่นลอยๆน่ะ อย่าสนใจเลย” เอ็นโดบอกปัด ก่อนจะเร่งฝีเท้านำหน้าราวกับหลีกหนีการถกเถียง แต่ไม่วาย คาเรน เด็กสาวผู้แสนมั่นใจตัวเอง (หรืออีกนัยคือเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง) ก็พุ่งตามไปถกข้อถกเถียงตลอดเส้นทาง
    ……
    ….
    ..
    ณ เวลาไล่เรี่ยกัน นั้นเอง จากการที่มีคนถึงสองคนย่างก้าวสู่ตรอกวงกตแห่งนี้ แถมยังเป็นคนแปลกหน้าที่หมู่พ่อค้าแม่ขาย คนอาศัยไม่คุ้นหน้าตาอย่างแน่นอน คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เกิดการแลกเปลี่ยนข่าวสารแบบปากต่อปากรัศมีกว้าง จนผู้คนที่เดินไปเดินมาได้ยิน

    “เฮ้ย..เมื่อกี้ที่เดินเข้าไปในวงกต มันใครอ่ะ?”

    “ไม่รู้ดิ ไม่คุ้นหน้าอย่างแรง ขอบอก”

    “คนนอกเดินเข้าไปแบบนี้ มันฆ่าตัวตายชัดๆ”

    “ก็ไม่แน่ พวกนั้นอาจมีแผนที่ก็ได้”

    “แผนที่บ้าอะไรของแกฟะ อยู่ที่นี่มาหลายปีไม่เห็นเคยได้ยินว่ามีคนเขียนได้”

    เสียงซือแซ่ด ยังคงดังวุ่นวายไม่ทั่ว จนกระทั้งเข้าหูของคนสองคนที่กำลังเดินหาข่าวในกราวด์พอดี

    “ได้ยินที่พูดมั้ยกลาเซียร์ส? ดูเหมือนมีคนเข้าไปทางเดียวกับที่เราต้องเข้าไปน่ะ…” เสียงของชายหนุ่มในเสื้อผ้าฝ้ายแขนยาวสีเขียว กำลังเหลือบตาขวาสีน้ำเงินผ่านเงาผมสีทะเลของเขาไปยังฝูงชนหน้าทางเข้าตรอกวงกต

    “ค่ะ หัวหน้าเนเวส แสดงว่าข้อมูลที่ ท่านรองผบ.เอเรไนโอส ส่งมาให้ ก็เข้าเค้าแล้วล่ะค่ะ” กลาเซียร์ส หญิงสาวที่เดินคู่กันมาพูดขึ้นขณะกำลังเวยผมข้างสีดำของเธอขึ้น

    “ว่าแต่ทำไมท่านรองถึงได้ให้เราเข้าไปเข้าในนั้นล่ะคะ” กลาเซียร์สหันมาถามด้วยความสงสัย แม้จะได้รับคำสั่ง แต่เธอก็ไม่ได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลังเท่าไหร่

    “เพราะว่า….ข้างในมีคนๆนึงที่กุมความลับของสิ่งที่เรากำลังไล่ล่าอยู่น่ะสิ”
    ………
    …….


    ลูซิเฟเลีย ไพร์ด เหรอครับ?” เนเวส คิวว์ ในเครื่องแบบตำรวจสีดำ ตกใจกับชื่อที่ได้ยิน ขณะนั่งสื่อสารกับผู้ใหญ่คนนึงในห้องทำงานของรองผู้บัญชาการฝ่ายตำรวจ

    “ใช่ เธอน่าจะเป็นคนที่ให้คำตอบแก่คุณได้นะ เจ้าหน้าที่เนเวส” เสียงของเด็กหนุ่มผิวขาวกับทรงผมซอยสั้นประมาณต้นคอสีทองอมน้ำตาล อายุน่าจะพอๆกับเนเวส หากแต่เครื่องแบบสีขาวพร้อมเครื่องหมายประดับยศและแถบผ้าสี แสดงให้เห็นได้ว่าเค้าเป็นผู้อยู่ตำแหน่งยศสูงกว่าซึ่งก็คือ รองผู้บัญชาการ

    “แต่เท่าที่ดูประวัติมา เธอเป็นแค่เด็กธรรมดานี่ครับท่าน แถมที่อยู่ที่แน่นอนก็ไม่มี ผมไม่เข้าใจว่า เธอคนนี้จะรู้อะไรเกี่ยวเหตุการณ์ที่สภาสูงต้องปก…”

    เนเวสเริ่มออกอารมณ์และระดับเสียงหนักขึ้น เพราะเรื่องคดีฆาตกรรมที่ตัวเองไม่สามารถแก้ไขได้ อีกทั้งยังโดนกดดันและปกปิดจากเบื้องบนอีกต่างหาก แต่ทว่าชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับยกมือห้ามปรามเสียก่อน

    “อย่าเพิ่งกล่าวอะไรที่เกี่ยวกับสถาสูง ตอนนี้คุณทั้งหน่วยกำลังโดนจับตามองอยู่ โดยเฉพาะคุณ เนเวส ไม่สิ…ตอนนี้ผมเองก็โดนทางเจ็ดหัวเรือของเอเดนกดดันอยู่”

    ขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งตึงเครียดอยู่นั้น ประตูห้องที่ล็อคอยู่ก็โดนเคาะเป็นจังหวะ จนทั้งสองที่สมาธิจดจ่อกับตัวเองถึงกับสะดุ้งขึ้นมา

    “ขออนุญาตครับ ท่านรอง เอเรไนโอส ท่านผบ เรียกพบท่านดูครับ” เสียงจากนอกประตูบอกเช่นนั้น

    “ได้ ไปบอกว่าจะไปถึงในอีกห้านาที” รองผบ.เอเรไนโอส ตะโกนออกไปผ่านประตู ก่อนจะลุกขึ้นเตรียมข่าวของเล็กน้อย เพื่อออกไป

    “เจ้าหน้าที่เนเวส เอานี่ไปอ่านซะ แล้วไปตามที่อยู่นี้ ลูซิเฟเลีย อยู่ที่นั้นแหละ” เอเรไนโอส สั่งการด้วยความเร่งรีบ ก่อนจะวางแผ่นกระดาษที่มีข้อความเพราะแผนที่ย่อยๆ ก่อนจะจ้ำอ้าวออกไปอย่างรวดเร็ว

    ………
    ……
    ….
    ..
    .
    “สรุปคือ เธอเป็นคนที่น่าจะรู้ความจริงของคดีลึกลับนี้ งั้นสินะคะ” กลาเซียร์สกล่าวสรุปห้วนตามความเข้าใจ ก่อนจะเดินนำหน้าหัวหน้าของหล่อน ตรงไปทางกลุ่มคนที่กำลังยืนขวางทางเข้าตรอกวงกต “ขอโทษค่า~~ ขอผ่านหน่อยนะคะ!!”

    “อ้าว เธอ!! อย่าบอกนะว่าจะเข้าไปในนั้นน่ะ!!” หนึ่งในคนที่ยืนซุบซิบหน้าทางเข้าถามอย่างหวาดหวั่น

    “หืม? ก็ใช่น่ะสิคะ” กลาเซียร์สหมุนตัวมาตอบอย่างร่าเริง อย่างกับเด็กจะได้ไปเที่ยว “คุณเนเวสคะ!! จะยืนอยู่ตรงนั้นไปถึงเมื่อไหร่คะ? รีบเข้าไปกันสิ!!”

    พูดเสร็จสาวเจ้าก็กลับหลังหันเดินหน้าอย่างมั่นใจ จนเนเวสก็รีบตามเข้าไปอย่างเลิกลั่ก ราวกับตำแหน่งหน้าที่ของทั้งสองคนสลับกันในบัดดล
    …………..
    ………
    ….
    ..
    .
    ยามเย็นของพลเมืองชั้นสูง ศูนย์กลางแห่งเอเดน เขตแห่งความมั่งคั่ง อำนาจ และยศศักดิ์ ที่ผิดแผกและแตกต่างจากเขตอื่นลิบลับ บ้านทุกหลังล้วนตกแต่งในสไตล์โกธิค หรือ ช่วงยุโรปกลาง ตามร่องรอยสถาปัตยกรรมที่หลงเหลือไว้ มีบางหลังจะดูเรียบง่าย แต่เมื่อเทียบกับเขตที่พลเมืองระดับล่างลงไปอาศัยอยู่แล้ว กลับบงบอกถึงการแบ่งชนชั้นในมหานครนี้ได้เป็นอย่างดี ทั้งอากาศที่สดชื่น แสงแดดในระดับพอเหมาะ ล้วนถูกคัดสรร ให้กับเหล่าบุคคลชั้นสูงทั้งสิ้น

    แต่บรรยากาศเงียบสงบนั้นกลับหามิได้ในคฤหาสน์หลังงามนี้....

    เสียงโลหะกำลังเสียดสีกันดังสนั่นในห้องโถงกว้างใหญ่

    หญิงสาวผมทองเหวี่ยงดาบยักษ์ในมือฉับไว ผมยาวสลวยสะบัดไปตามแรงพร้อมกับคลืนขนาดมหึมา หากแต่ชายหนุ่มผู้กระชับดาบคาตานะในมือก็เบี่ยงหลบไปทางซ้ายพ้นวิถีดาบอย่างไม่อยากเย็นนัก แต่หญิงสาวไม่ได้แสดงอาการหวั่นวิตกกับเหตุการณ์เมื่อครู่แม้แต่น้อย ดาบใหญ่สีเงินวาบวับหายไปราวกับมายากลชั้นยอด มือขวาของเธอกลายเป็นดาบคาตะนะเช่นเดียวกับชายหนุ่ม แต่ความยาวนั้นผิดกันมาก

    ดาบของหญิงสาวซึ่งยาวผิดปกติและยังขัดกับลักษณะดามดาบที่สั้นแต่กลับถือได้ถนัดมือ เธอถีบตัวเองพุ่งเข้าหาเป้าหมายราวลูกกระสุนก่อนจะเหวี่ยงดาบที่ดูเก้งก้างจากด้านบน จนชายหนุ่มต้องรีบพุ่งตัวให้พ้นดาบที่ฟาดลงมาอย่างรวดเร็ว

    หญิงสาวรุดต่อทันทีโดยอาศัยความได้เปรียบจากช่วงอาวุธที่ยาวกว่า เข้าเล่นงานชายหนุ่มจนเขาเข้าใกล้ตัวเธอไม่ได้ เพลงดาบที่รวดเร็ว รุนแรง และแม่นยำ ที่พุ่งเข้าหาเป้าหมายแต่ละครั้งล้วนพิฆาตศัตรูได้ในทีเดียว แต่ด้วยชั้นเชิงการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ชายหนุ่มรอจังหวะที่หญิงสาวฟาดดาบเข้ามาในลักษณะที่เขาต้องการอย่างใจเย็น

    แต่หญิงสาวเองก็ทราบดีว่าชายหนุ่มกำลังรอจังหวะสำคัญนี้อยู่ เธอจึงจู่โจมในลักษณะที่ได้เปรียบและบีบให้เขาต้องถอนรนถูกกดดันไปเรื่อยๆ

    ชายหนุ่มตัดสินใจวัดดวงทันที เข้าพุ่งตัวไปทางซ้ายของตนเองก่อนจะปัดดาบที่เข้ามาทางขวาอย่างรวดเร็ว หญิงสาวไม่รอช้ารีบรุกไล่ตามสถานการณ์ของผู้ที่ได้เปรียบ เธอฟาดดาบยาวเป็นแนวนอนตามทิศทางของชายหนุ่ม ทว่า....

    [แย่ล่ะสิ...]

    ระยะระหว่างดาบของเธอกับตัวชายหนุ่มมันห่างเกินไป ชายหนุ่มจึงได้ทีตวัดดาบของเขาจากด้านล่างเข้าใส่ดาบยาวของหญิงสาวซึ่งพุ่งมาด้วยความเร็วจนดาบลอยขึ้นไปกลางอากาศทันที ชายหนุ่มได้โอกาสเหมาะพุ่งความจู่โจมหญิงสาวที่ยังตื่นตะลึง แต่ก็ต้องรีบถอยกรูดออกมา เพราะมีบางสิ่งมาขวางหน้าเขาไว้

    [เราไม่ได้ประมาท แต่เลินเล่อ]

    หญิงสาวนึกเจ็บใจความอ่อนหัดของตนเองพลางคว้าอากาศข้างหน้า เมื่อเธอสัมผัสสิ่งที่เห็นเลือนลางอยู่ตรงหน้า มันกลับกลายเป็นเคียวเล่มยักษ์ที่ดูน่าเกรงขาม

    “เปลี่ยนอาวุธบ่อยจังนะวันนี้....” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ

    หญิงสาวไม่ตอบเธอถีบเท้าอย่างรุนแรงอีกครั้ง พลันกระฉับด้ามเคียวด้วยมือทั้งสองก่อนฟาดเป็นแนวนอนเข้าใส่ชายหนุ่ม การโจมตีนี้อาจดูรวดเร็ว รุนแรง แต่มันง่ายเกินไป ชายหนุ่มเตรียมรับมือการโจมตีที่ดูอ่อนหัดเหลือเกิน และพร้อมโต้กลับ...

    [ไม่ใช่...]

    เขาคิดได้ดังนั้น ก่อนจะรีบตั้งรับอีกทิศทาง การโจมตีจากคมเคียวนั้นเป็นเพียงตัวล่อ หญิงสาวบิดข้อมือแล้วเอี่ยวตัวอย่างรวดเร็วเปลี่ยนทิศทางเป็นเอาด้ามฟาดแทน

    และมันก็ได้ผลอย่างจัง

    แม้ชายหนุ่มจะใช้ดาบในมือกันได้หวุดหวิด แต่ตัวเขาก็ถูกฟาดกระเด็นไปอีกมุมห้อง หญิงสาวเก็บอาวุธของตนทันที ความเงียบสงบบังเกิดขึ้นอย่างน่าประหลาดในการต่อสู้อันดุเดือด

    [จะเผด็จศึกแล้วเหรอ]

    ชายหนุ่มเงยหน้ามองเบื้องหน้า ก็พบเห็นหญิงสาวที่กำลังถูกห้อมล้อมโดยวัตถุที่ไม่อาจระบุได้ว่าอะไรเป็นอะไร มันอยู่รายล้อมเธอราวกับเป็นข้ารับใช้ผู้ภักดี สายตาของหญิงสาวหรี่ลงเป็นสัญญาณอันตรายที่เขาต้องระวังอย่างยิ่ง

    ชายหนุ่มจับสังเกตอะไรบางอย่างได้ ความไม่แน่นอน ความลังเล หรืออะไรสักอย่างที่รบกวนหญิงสาว เขาไม่รอช้าพลันคว้ามีดสั้นที่หนีบเอวเอาไว้ ปาเข้าใส่เธอทันที
    หญิงสาวที่ใจลอยไปชั่วคราว ตื่นตะลึงกับการโจมตีแปลกๆที่ไม่คาดฝัน โล่ขนาดใหญ่บังตัวเธอทันที มีดสั้นเล่มเล็กปะทะกับโล่ยักษ์อย่างจัง แต่ในพริบตาเดียวกันคมดาบในมือชายหนุ่มก็มาอยู่ด้านหลังของเธอแล้ว

    “วันนี้ดูเหมือนชั้นจะชนะนะ เรเชล”

    หญิงสาวไม่ตอบในทันที เธอถอนหายใจยาวก่อนจะเหลือบมองชายหนุ่มเพียงแค่หางตา

    “คิดแบบนั้นเหรอ มองรอบตัวนายซะก่อนสิ โทโนะ” ชายหนุ่มยิ้มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นศาสตราวุธของเธอกำลังล้อมตัวของเขาอยู่ และดูเหมือนถ้าเธอออกคำสั่งเพียงนิดเดียวอาวุธเหล่านี้คงพร้อมจะแล่เขาเป็นชิ้นๆ

    ชายหนุ่มลดดาบของตนเองลงพลันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเช่นเคย “ เธอเป็นอะไรไป”

    คำถามที่ราวกับมีดที่พุ่งแทงใจดำนี้ เล่นเอาเรเชลพูดไม่ออก แม้อยากจะปฎิเสธว่า “ไม่ได้เป็นอะไร” แต่ในเวลานี้เธอคงไม่สามารถจะควบคุมตัวเองให้พูดเหมือนปกติของเธอได้ ใช่แล้ว ความเยือกเย็นของเธอมันหายไปสิ้น

    “เพราะการต่อสู้กับไวลด์งั้นเหรอ” คราวนี้เธอเหมือนถูกซ้ำเติมในความผิดผลาดมากขึ้น ความมั่นใจในฐานะ นางฟ้าพิพากษา กลับแห้งเหือดโดยไม่มีสาเหตุ

    “ถ้าเป็นเธอตอนปกติแล้วละก็ เมื่อกี้ชั้นคงแพ้ราบคาบไปแล้ว “ โทโนะพูดตอกย้ำถึงความอ่อนหัดของเรเชลอีกครั้ง ความอัดอั้นที่สะสมมานานของเธอจะพรั่งพรูออกมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

    “นั่นสินะ” หญิงสาวเหม่อมองเพดานสีขาวสะอาดก่อนจะเอ่ยต่อ “ที่ผ่านมาชั้นชนะศึกมามากมาย ด้วยพลังที่เคยมั่นใจว่าไม่เป็นสองรองใคร ไม่สิ ไม่มีใครน่าจะเทียบได้ด้วยซ้ำ แต่สองสามวันนี้ตั้งแต่ต้องปะทะกับเจ้า ความตายสีขาวนั้น พลังที่ชั้นภูมิใจกลับทำอะไรเค้าไม่ได้แม้แต่น้อย โดยเฉพาะวันนี้”
    เรเชลระบายออกมาโดยไม่กลัวตนเองจะเสียหน้า เธอแค่อยากระบายความอัดอั้นที่มันสุมอยู่เต็มอกเท่านั้น

    โทโนะ คว้าฝักดาบของตนก่อนจะเก็บคาตะนะเล่มงามเข้าไปในฟัก เขามองหน้าหญิงสาวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ยังไงเธอก็ยังไมได้เอาจริงไม่ใช่เหรอ อีกอย่างเธอยังไม่ได้แสดงความสามารถแฝงสุดท้ายออกมาเลยด้วย” คำพูดที่เหมือนจะปลอบใจของชายหนุ่มหน้าตาย ทำให้รอยยิ้มจางๆเกิดขึ้นบนใบหน้าหญิงสาว

    “จริงอยู่ที่ชั้นยังไม่เอาจริง แต่ชั้นอยากจะแข็งแกร่งกว่านี้ แข็งแกร่งกว่าที่เป็นอยู่ ชั้นไม่อยากจะพึ่งพลังนั้น ชั้นอยากจะเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยความภาคภูมิใจเช่นเดิม เช่น นางฟ้าพิพากษาคนนี้เคยทำมา” น้ำเสียงหลากหลายอารมณ์ของหญิงสาวหยุดลง โทโนะไม่พูดอะไรออกมาอีก เพราะเขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเสริมอีกแล้ว

    เสียงริงโทนโทรศัพท์ของเรเชลดังขึ้นกะทันหัน...

    หญิงสาวรีบวิ่งไปคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ เสียงริงโทนนี้ย่อมไม่ใช่ใครอื่น นั้นคือหัวหน้าของพวกเธอต้องเป็นคนโทรมาแน่ “สวัสดีคะ คุณอลิส”

    โทโนะเริ่มเก็บข้าวเก็บของ ของตนโดยไม่สนใจการสนทนาของเรเชลเท่าใดนัก แต่จู่ๆหญิงสาวก็รีบวางโทรศัพท์ พลางเก็บของออกไปจากห้องท่ามกลางความงุน งง ของชายหนุ่ม

    เรเชลเปิดประตูระเบียงชั้นสองของคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว เมื่ออยู่ในตำแหน่งที่ไม่น่าจะมีใครเห็นเธอ ปีกสีขาวสะอาดก็พลันออกมาจากกลางหลังของเธอ รูปลักษณ์ของเธอนั้นงดงามยิ่งกว่าภาพวาดนางฟ้าชั้นเยี่ยม เรเชลหลับตาครู่นึงก่อนจะกระพือปีกบินออกไปด้วยความเร็วสูง

    …………
    …….
    ….

    .
    ลึกกลับเข้าไปใต้มหานครเอเดนอีกครั้ง สู่เขาวงกตอันเลื่องชื่อแห่งกราวด์ ที่น้อยคนนักจะอาศัย และทำมาหากินอยู่ภายในที่ๆยากแก่การเข้าและออกแห่งนี้

    พื้นที่กว้างแห่งหนึ่งภายในวงกต หากนับระยะก้าวจากทางเข้า ก็ลึกเข้าไปเกือบห้าร้อยก้าว มีบ้านไม้ที่สร้างขึ้นอย่างประนีต ด้วยขนาดพอเหมาะไม่กว้างไม่น้อย จำนวนสองชั้นพร้อมระเบียง เหนือตัวบ้านเป็นบ้านพักที่โดดเด่นน่าดูหากได้อยู่ใต้แสงอาทิตย์ มิใช่แสงโคมไฟที่รายล้อม

    “มาถึงซักที….” คำพูดที่ตามหลังถอนหายใจมาไม่ถึงวิของเอ็นโดดังขึ้น เมื่อได้เห็นจุดหมายตรงหน้า หลังจากทนสูบกลิ่นสาปตามทางมานาน

    “เพราะคุณเอ็นโดดูแผนที่ผิดตั้งสามทีไม่ใช่เหรอคะ? ไม่งั้นป่านนี้ก็ได้กลับบ้านแล้วด้วยซ้ำ”

    [นอกจากไม่รู้วิธีหุบปากยายคนนี่ เรายังโดนด่าทั้งๆที่ยัยนี่เลี้ยวผิดไปเองอีกเหรอเนี่ย?]

    ชายหนุ่มพึมพัมอยู่ในใจ แม้อยากระบายก็พูดค่อยไม่ออกซักเท่าไหร่ เพราะผู้ชายจะไปบ่นใส่ผู้หญิงที่(ทำตัว)เป็นเด็กสาว มันคงได้ภาพลักษณ์ไม่ดีเท่าไหร่แน่

    “วันนี้ มันวันมหาเฮงหรือเปล่าเนี่ย มีแต่ลูกค้ามาหาถึงที่ หลายคนในเวลาเดียวกันเลยแฮะ”

    เสียงเด็กสาวที่สำเนียงดูแกร่งกร้าวต่างจากรูปร่างหน้าตา ด้วยส่วนสูงประมาณวัยรุ่น รูปร่างอ้อนแอ้น ในชุดผ้าบางแขนกุดกับกางเกงขาสั้นดูกระฉับกระเฉง ผมยาวสลวยสีไม้ออกหยักศก กับดวงตาสีฟ้าคราม นับเป็นบุคลิกที่ดูโดดเด่นเกินวัยนัก

    “ชั้นแค่บังเอิญโดนขอให้มาน่ะ ลูซิเฟเลีย….เอ้านี่ ข่าวที่ต้องการให้สืบของเจ๊อลิสกับค่ามัดจำงวดแรก” เอ็นโด ทักทายเล้กน้อย พร้อมหยิบห่อกระดาษสีน้ำตาลในกระเป๋ากางเกงโยนให้แก่ลูซิเฟเลีย ที่ยืนจังก้าอยู่หน้าบ้านอย่างแม่นยำ ก่อนที่เธอจะหยิบมานับเงินก่อน

    “เอ๋..เมื่อกี้เธอบอกว่า [หลายคน] งั้นเหรอ ลูซี่?” คาเรนที่หลบหลังโผล่หน้าเข้ามาแจม

    “หึ้ม? ใช่ ตั้งแต่พ่อค้า เด็กปากเสีย สาวใหญ่หน้าเหี่ยว หนุ่มหล่อแต่โรคจิตนิดๆ แล้วก็ก่อนพวกเธอมาก็มีหนุ่มผมยาวหล่อเหลากับหนุ่มหน้าเอ๋อๆที่เป็นมนุษย์กลายพันธุ์แบบเธอสองคนด้วยนะ

    “หนุ่มผมยาว….หรือว่า?” ความทรงจำของเอ็นโดผุดขึ้นมาทันที เพราะบุคคลดังกล่าว มีตรงกับในภาพในหัวอยู่คนนึง และสิ่งที่ยืนยันความคิดของเขาก็ปรากฎตามมา

    “หวังว่านายคงไม่ได้นึกถึงชั้นหรอกนะ เหล่าบทเพลงแห่งรุ่งอรุน

    ชายหนุ่มผมยาวประบ่า พร้อมเสื้อเชื้ตแขนยาวแหวกอกเต็มที่ เดินออกมาจากบ้านของลูซิเฟเรียด้วยท่าล้วงกระเป๋าแลดูยะโส พร้อมจ้องสวนเอ็นโด คริปโตสด้วยเนตรสีทองสว่างอันเป็นเอกลักษณ์ขั้นต้นของเผ่าปีศาจ

    เอ็นโดพร้อมด้วยคาเรนที่สัมผัสได้ถึงดวงตาสีทองนั้น ถึงกับโดดถอยหลังออกมาพร้อมสยายปีกสีเงินออกมาตั้งหลักทันที

    “นั่นมัน….จ้าวแห่งสรรพสัตว์ เฟนเรียร์ การู ไลคานอส แห่งเขี้ยวอสูร” คาเรนออกอาการหน้าซีดเล็กน้อย ด้วยการปรากฎกายของมือสังหารที่ร้ายกาจจากเผ่าคู่อริกัน

    “ลูซิเฟเรีย นี่ชั้นเพิ่งรู้นะว่า เธอรับงานของพวกเทวดาด้วย” อีกกระทาชายที่เดินตามมากล่าวขึ้น หนุ่มผมสีดอกเลา ใบหน้าดูเยาว์วัย การแต่งตัวดูต่างจากสหายร่วมทางที่ดูเป็นผู้ใหญ่ ด้วยเสื้อยืดขาวทับด้วยเสื้อกั้กสีแดง กางเกงสามส่วน ทำให้เจ้าตัวดูเหมือนเด็กอายุสิบแปดอยู่เลย

    “ชั้นบอกตั้งแต่เปิดร้านแล้วยะ แอซเรียล ว่าชั้นไม่สนว่าเป็นใครมาจากไหน มีเงินมา งานก็ไป” เด็กสาวประกาศกร้าวอย่างมั่นใจในคติพจน์การทำงานของตัวเอง “ว่าแต่ได้ข่าวตามที่ต้องการแล้วใช่มั้ย?”

    “อืม..นี่ค่าจ้างงวดสุดท้าย ไว้เราจะมาใช้บริการใหม่” เจ้าของผมสีดอกเลา แอซเรียลยื่นห่อกระดาษขนาดใหญ่ให้ ก่อนจะหาวไปพลางพร้อมทำท่าจะเดินกลับ “กลับกันได้แล้ว เฟนส์”

    หากแต่เจ้าของฉายา จ้าวแห่งสรรพสัตว์ ยังคงยืนจ้องหน้าสองเผ่าเทวดาที่ตั้งปีกพร้อมรบอยู่แล้ว ก่อนจะยอมทำตามคำของคู่หู เมินสายตาพร้อมเดินหลีกออกไปยังทางออก

    “แกรอดตัวไปนะวันนี้ ไอ้เทวดาสีเงิน” เฟนส์กล่าวขู่เล็กน้อยขณะที่เดินสวนไป

    “หึ…คิดว่า สัตว์เดรัจฉาน อย่างแกจะฆ่าชั้นได้หรือไง ฝันหวานไปหรือเปล่า?”

    พริบตาที่ทั้งสองลับสายตาของกันและกัน เอ็นโดต้องรีบผลักร่างของคาเรนออกไปพร้อมเอี้ยวหัวลงเพื่อหลบอุ้งเท้าของเฟนส์ที่ตวัดขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

    แม้การโจมตีครั้งแรกจะรวดเร็ว แต่ก็ทำได้เพียงแค่เด็ดเส้นผมสีขาวของเอ็นโดไปไม่กี่เส้น ดังนั้นฝ่ายเทวดาผมขาวที่ถูกจู่โจมเองจึงไม่รอช้า หมุนตัวตวัดปีกสีดำอันดุจเหมือนเคียวยมทูตเข้าสวนกลับ

    โคนปีกนั้นถูกเหวี่ยงด้วยความเร็วสูง แต่ด้วยตำแหน่งของผู้ใช้ที่อยู่ในท่ากึ่งคุกเข่า จึงพลาดจากลำตัวไปฟาดโดนขาอีกข้างของเฟนเรียร์จนลอยแทน แต่จ้าวแห่งสรรพสัตว์เองก็ไวไม่แพ้กัน แม้จะเสียสมดุลจากการโดนฟาดตัดขา เจ้าตัวสามารถหมุนตัวกลับหลังไปสามตลบเพื่อตั้งตัวได้

    “ฝันหวานงั้นเหรอ…” เฟนเรียร์กล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำ “งั้นวันนี้ ฝันชั้นมันคงเป็นจริงแล้ววะ!!!”

    สิ้นตะโกน จากผมสีดำยาวประบ่าของเฟนส์ ก็ค่อยสูญเสียสีผมเดิมกลายเป็นสีขาวงอกยาวมากกว่าเดิมตาดวงสีทองกลับหมุนวนกลายเป็นสีเงิน ร่างกายเริ่มขยายตัวเพราะกล้ามเนื้อ แผงขนสีเดียวกับผมเริ่มงอกตามตัว ขอบแก้มและแขน มือทั้งสองที่เดิมเป็นมือมนุษย์เริ่มขนาดใหญ่กว่าเดิมเล็กน้อย ตามด้วยเล็บทั้งสิบที่ยืดออกมาจนแหลมคมราวใบมีด ปิดท้ายด้วยการที่เจ้าของร่างสัตว์ป่านั้นกระชากเสื้อเชิ้ตที่ตอนนี้คับแน่นของตนออกไปจนเผยให้เห็นรอยแผลเป็นกลางอกที่ดูล้ายโดนสัตว์ป่าตะปบเป็นทางยาว

    “หยุดนะ เฟนส์!!! แกคิดจะมาสู้กันในนี้เนี่ยนะ!!!” ฝ่าย แอซเรียลพุ่งเข้ามาขวางหน้าของเพื่อนที่กลายเป็นร่างครึ่งปีศาจอันดูคล้ายหมาป่าสีขาว แม้ขนาดตัวตอนนี้จะต่างกันอยู่

    “โจทย์เก่าเมื่อสามเดือนก่อนมันยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว วันนี้ชั้นต้องฆ่ามันให้ได้” น้ำเสียงที่ตอนนี้แหบหยาบจนไม่เหมือนเสียงมนุษย์พูด

    “แต่ไม่ใช่ที่นี่ เฟนส์ ตอนนี้ที่นี่มันเสี่ยงเกินที่จะทำให้ตัวตนของเผ่าพวกเราถูกเปิดเผย รู้มั้ย?!!”

    “ทำไมไม่บอกทางโน้นเองละ”

    “ก็นายไปยั่วโมโหฝ่ายโน้นก่อนไม่ใช่หรือไง?”

    “หลบไป!!!”

    แต่ไม่ทันที่จะได้พูดมากนัก มนุษย์หมาป่าขาวรีบตบแอซเลียสให้ออกข้างทางทันที เพราะห่าอาวุธบินสีดำอันมหาศาลได้พุ่งเข้าใส่ดุจปืนกล แต่มนุษย์หมาป่าขาวใช้สองมือเข้าตบอาวุธดังกล่าวร่วงกระจายด้วยความไวไม่แพ้กัน

    สายตาสีเงินจ้องตรงไปยังต้นตอของห่าอาวุธที่เมื่อหันไปมอง ก็พบว่ามันคือขนนกขนาดเท่าฝ่ามือจำนวนมาก ซึ่งคนที่ปล่อยมาตอนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน มันคือเอ็นโด คริปโตส ซึ่งตอนนี้ตามร่างของเขาเองก็มีลวดลายอักขระสีดำตามตัวอันเป็นสัญญาณของร่างครึ่งเทวดาพร้อมรบโดยสมบูรณ์

    “คาเรน…ชั้นมอบงานที่ยังต้องทำให้เธอไปจัดการละกัน วันนี้ชั้นขอสะสางแค้นเมื่อสามเดือนก่อน วันนี้แหละ” เอ็นโดกล่าวพร้อมเผยแววอาฆาตจนคาเรนอดเหงื่อตกไม่ได้

    “แต่คุณเอ็นโด ที่นี่มันกราวด์นะคะ แถมยังตอนกลางวันอีก” คาเรนย้ำคำเตือนสติเทวดาผมดำอีกครั้ง แต่ดูเหมือนมันจะไม่เข้าหูเขาอีกแล้ว

    “เฮ้ย พวกแกทั้งสองตัว!!!!” แทบไม่น่าเชื่อ ยังมีคนกล้าตะวาดใส่สองเผ่าพันธุ์ในสภาพครึ่งมนุษย์ได้อยู่ แต่คนที่ตะโกนคือ ลูซิเฟเรีย พลังแห่งน้ำเสียงยังสามารถทำให้อมนุษย์ในโหมดคลั่งหันมามองเธอได้

    “ชั้นไม่รู้พวกแกคิดไงจะมาฆ่ากันวันนี้เวลานี้ แต่ถ้าจะฆ่ากัน ไปฆ่ากันข้างนอก(โว้ย) !!!”

    สิ้นประโยคที่ดูจะไม่ได้ห้ามปรามแถมยังราดไฟให้มันฆ่ากันมากขึ้น สองคู่อาฆาตต่างก็จ้องหน้ากันเหมือนรู้ใจพร้อมเร่งความเร็วเหนือมนุษย์กลับออกไปทางออกไปยังตรอกเขาวงกตทันที

    “พูดอะไรของเธอเนี่ยยยยย ลูซี่!!!!” แอซเรียลที่เคลิ้มๆจะหลับถึงกับตาตื่นทันที “ข้างนอกตอนนี้ มีแต่มนุษย์นับพันเดินอยู่นะ!! ”

    “ชั้นพูดผิดตรงไหน ขืนให้มันซัดกันในนี้ ร้านของชั้นก็ไม่เหลือสิ” ความเถรตรงสุดขีดของลูซิเฟเรียทำเอาพ่อหนุ่มผมดอกเลาตะลึง “ว่าแต่ ไม่คิดจะไปห้ามหน่อยเหรอ?”

    “บัดโธ่โว้ย!!!!” แอซเลียสตอนนี้ไม่มีทางเลือกทางอื่นนอกจากรีบวิ่งตามออกไปอย่างไม่คิดชีวิต

    เหลือแต่ สาวน้อยเผ่าเทวดา คาเรน วาเลนไทน์ ที่ยังงุนงงกับตัวเองอยู่ ไม่รู้จะทำไงดี จนสุดท้ายเจ้าตัวก็ได้แต่รีบตามไป

    “ลูซี่!! ฝากเรื่องงานด้วยนะ ชั้นต้องรีบไปห้ามก่อน” ประโยคที่ถูกพูดรวดเดียวตามหลังเจ้าตัวที่วิ่งออกไปแล้ว

    “เฮ้อ…หลังจากนี้ พวกนี้คงลำบากน่าดู” ลูซี่เกาหลังหัวแกร่กๆอย่างอ่อนใจ แต่ยังไม่ทันที่เจ้าหล่อนจะได้เดินกลับเข้ามาในบ้าน เรื่องวุ่นอีกเรื่องก็ตามหลังมาจนได้

    ลูซิเฟเรีย ไพรด์” เสียงของคนแปลกหน้าดังขึ้น แน่นอนว่าไม่น่าใช่คนที่ลูซี่รู้จักแน่นอน

    “น่าแปลกใจนะที่พวกคุณหาที่นี่เจอ ว่าแต่เข้ามาเมื่อไหร่เนี่ย ไม่รู้สึกตัวเลย” ลูซี่ที่หันกลับมาพร้อมหน้าตาแปลกใจเล็กน้อย เมื่อตรงหน้ามีคู่หญิงชายแปลกหน้าอยู่ ทั้งๆี่ที่พายุเพิ่งพัดผ่านไป

    “ผม เนเวส คิวว์ หัวหน้าหน่วยตำรวจแห่งเอเดน และนี่ ผู้ช่วยผม กลาเซียร์ส เอเลแกรนท์ “ ชายหนุ่มปริศนาชูตราประจำตัวให้ดู พร้อมจำแจงการแนะนำตัว

    “โฮ่ ตำรวจลงมาได้ถึงนี่เลยเหรอ? แล้วมีธุระอะไร?” สาวนักขายข่าวพูดด้วยน้ำเสียงสูงห้วนๆ

    “ผมอยากจะขอความร่วมมือจากคุณ ช่วยให้ข้อมูลบางอย่างหน่อย มีคนบอกว่าคุณรู้เรื่องทั้งหมดดี”

    “คน? หมายถึงใครเหรอ?” ลูซิเอนคอสงสัย

    “….ท่านเอเรไนโอส ไอเกิ้ล” กลาเซียส หญิงสาวตาสองสีช่วยตอบ

    “อ๋อ!! เอเรนเองหรอกเหรอ? เจ้านั้นยังสบายดีอยู่ใช่มั้ยเนี่ย?!!” พูดแล้ว ลูซี่ก็ปล่อยก้ากดังสนั่น

    “ขออภัยนะคะ แต่กรุณาเลิกเล่นแล้ว เข้าเรื่องทีเถอะค่ะ” กลาเซียร์สออกอาการหงุดหงิดกับท่าทางไร้สาระของเด็กสาวตรงหน้า แต่กระนั้นลูซิเฟเรียก็จ้องเขม่นกลับทันทีที่ ตำรวจสาวพูดออกมาเหมือนกัน

    “นี่คุณตำรวจหญิง” หญิงสาวถอนหายใจ “ข้อมูลน่ะ มันไม่ได้หามาฟรีๆนะ ถ้าอยากได้มันต้องมีค่าแลกข่าวสิ”

    “ระวังปากหน่อยนะ!!! คุณตอนนี้ต้องสงสัยในข้อหาสวมรู้ร่วมคิดในการฆาตกรรมผู้อื่น รู้ไว้ซะด้วย”

    “โฮ่? สงสัยอะไรคุณละ หลักฐานซักอย่างยังไม่มี มาถึงก็มาอวดอำนาจในบ้านชั้นเนี่ยนะ” ลูซี่ยังคงความอารมณ์ขันแม้โดนคำขู่เข้าไป ก่อนจะตรงเข้ามาจิ้มหน้าอกของกลาเซียร์ส

    “รู้อะไรไว้อย่างนะ คุณตำรวจ สำหรับกราวด์แล้ว ข่าวสารกับเงินคือทุกสิ่ง ถ้าคุณคิดว่าตัวเองยังเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อยู่ละก็ หวังว่าคงไม่คิดจะมาใช้อำนาจแย่งสมบัติของชาวบ้านหรอกนะ”

    กลาเชียร์สได้ยินอย่างงั้น จะโกรธก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากที่หล่อนพูดมาก็ถูกตรงทุกประการ

    “เข้าใจแล้ว” เนเวสถอนใจเล็กน้อย ก่อนคว้าปึกกระดาษในกระเป๋าออกมาก่อนลงมือเขียนเช็คเงินสดจำนวนหนึ่งให้แก่ลูซี่

    “ก็แค่นี้แหละ…อยากรู้ใช่มั้ยว่า อะไร ที่อยู่เบื้องหลังการฆาตกรรมที่ผ่านมาของเอเดน?” ลูซี่กล่าวเหมือนอ่านใจอีกฝ่ายได้ แต่ความจริงฟังจากคำพูด อาชีพ ท่าทางของคนถามและคนที่ส่งมา เรื่องมันคงไม่พ้นเรื่องนี้

    “ใช่…..รวมถึงเจ้าตัวที่เหมือนสัตว์กับ คนมีปีกเมื่อกี้ด้วย…ตั้งแต่คดีเมื่อคืนก่อนที่เขตสิบสาม พวกเราไม่สามารถเข้าไปในสถานการณ์ได้ เนื่องจากโดนทางสภาสูงห้าม พอไปถึง สิ่งที่พบในซากตึกราฟาเอล่ากับเป็นศพที่มี….”

    “ปีก ใช่มั้ยล่ะ” ลูซี่ดักคอคู่สนทนาอย่างร้ายกาจ ก่อนจะพูดต่อเอง “เอาล่ะ ไหนๆก็เป็นคนที่คนรู้จักส่งมา จะยอมให้ของแถมซักนิดหน่อย อยากถามเรื่องเกี่ยวกับพวกนี้ก็ถามมา”

    “ถ้างั้น!!” เนเวสเร่งโทนเสียงเหมือนมีความหวัง

    “แต่จำไว้อย่างนะ เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ อย่าคิดว่ารู้แล้วจะสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ ชั้นบอกไว้ก่อน”
    …………..
    ……….
    …….
    ….
    ..
    โครม!! ตูม!!!!

    เสียงอึกทึกครึกโคมดังแผ่วขึ้นมาอยู่เนื่องๆ แม้แต่ตลาดนัดอันสุดจะวุ่นวายของกราวด์ที่เต็มไปด้วยการตะโกนข้ามหัวคนไปมา ยังรู้สึกได้ถึงเสียงและแรงสะเทือน

    “เฮ้ย!! แกรู้สึกอะไรมันสั่นๆหรือเปล่าวะ?”

    “เออแฮะ…เหมือนกันฟะ”

    ความสงสัยเริ่มแพร่กระจายจนเหมือนไข้หวัด ด้วยความรุนแรงของเสียงและการสั่นมันทวีความรุนแรงขึ้น และแล้วที่มาจากเสียงก็ปรากฎ

    โครม!!!!

    การสั่นสะเทือนจนเหมือนระเบิดเกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน พร้อมแนวฝุ่นคลุ้งกระจายเป็นเส้นทางที่ทอดมาจากทางเข้า ตรอกวงกต ฝูงชนบางส่วนที่เคยอยู่หน้าเส้นทางนั้นกลับกระเด็นลงไปนอนเป็นสิบๆ เหตุเพราะบางสิ่งที่พุ่งออกมา
    จนเข้าไปสุดอยู่ตราร้านขายภาชนะดินเผาที่อยู่ตรงข้ามพอดี

    “ระ…ร้านของชั้น!!!” นับว่าโชคดีที่ เจ้าของร้านกำลังกลับจากการไปจีบหญิงร้านขายดอกไม้ที่ถัดไปสองบล็อกพอดี แต่กระนั้น ที่ทำมาหากินของเขาก็สิ้นสภาพการขายเช่นกัน

    “นะ…นี่มันอะไรกันเนี่ย?” ชาวบ้านผู้หนึ่งพูดขึ้นเมื่อเห็นถึงรอยขูดลากที่แปลกประหลาดบนทางเดินอิฐเป็นทางยาวออกมาจนหน้าประหลาดใจ

    เหล่าชาวกราวด์ซีตี้เริ่มทำตัวเป็นมนุษย์มุงกันมากขึ้น เนื่องด้วยอยากรู้อยากเห็นต่อสิ่งที่เพิ่งพุ่งมาชนร้านค้าอย่างใจจดใจจ่อ แต่ทุกคนก็ต้องหน้าซีด เมื่อได้เห็นสิ่งที่กำลังจะเดินออกมา

    ร่างมนุษย์ที่ใหญ่กว่าคนทั่วไปเล็กน้อย แต่ด้วยแผงขนสีขาวเต็มตัว กงเล็บที่ยาวผิดปกติ และคมเขี้ยวที่ดูน่ากลัวจนโดดเด่นของเฟนเรียร์ในร่างครึ่งปีศาจ เมื่อเขากลับขึ้นมาตั้งหลักได้ ไม่ผิดเลยหากคนที่เห็นเป็นอันต้องเผ่น

    “สะ…สัตว์ประหลาด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

    “กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!”

    “หลีกไป!!! ตูจะกลับบ้าน!!!”

    “ช่วยด้วย!! มันจะกินตับตรูแล้วววว!!!”

    เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าความอยากรู้อยากเห็นไม่อาจสู้ความตื่นตูมไปเองได้ เฟนเรียร์ออกอาการเหนื่อยหน่ายจิตใจสุดขีด เมื่อเห็นมนุษย์ที่ตัวเองเคยคิดว่าตัวเองเป็นส่วนนึงของพวกนี้ ถึงกับกลัวออกนอกหน้า ทั้งที่ตัวเองยังไม่ได้ทำอะไรเลย

    “ดูเหมือนว่ายังเป็นที่น่ารังเกียจของสังคมนะ เผ่าปีศาจอย่างพวกแก”

    เอ็นโด คริปโตสปรากฎตัวออกมาจากทางเข้าตรอกวงกต ปีกสีดำที่มีเพียงข้างขวาของเขาถูกพับไว้ข้าวหลังอย่างมั่นคง

    “หึ…มนุษย์เป็นพวกที่หลงกับรูปกายภายนอกก่อนอยู่แล้ว” เฟนส์คายก้อนเลือดในปากออกไปหลังพูด “ลองมันได้รู้จักพวกแกสิ…มันคงออกมาไม่ต่างกัน”

    พูดจบ พื้นที่เดิมหมาป่าขาวยืนอยู่ก็ระเบิดพร้อมการหายจากตำแหน่งของเจ้าตัว ไปโผล่อยู่เหนือหัวของอีกฝ่ายพร้อมขึ้นหวดเท้าขวาใส่กลางเทวดาปีกดำอย่างเร็วเหลือเชื่อ เอ็นโดสยายปีกยาวเกือบสองเมตรขึ้นสูงจนมีรูปร่างเหมือนเคียวแห่งความตายเข้ารับจนแรงกระแทกกระจายไปทั่วบริเวณ

    “นี่ชั้นมองพลังของจ้าวแห่งสรรพสัตว์สูงเกินไปหรือเปล่า?” เอ็นโดพูดกัดราวเยาะเย้ยพลังอันน้อยนิดของอีกฝ่าย

    “หึ…มองต่ำเกินไปด้วยซ้ำ”

    ปีกดำตวัดออกอีกครั้งจนทั้งคนและเท้าที่เตะเข้ามาปลิวขึ้นฟ้า แต่ความพรี้วของเฟนส์ยังคงเหลือเชื่อ ด้วยการหมุนตัวกลับหัวพร้อมฝากเล็บเกาะเพดานอย่างแม่นยำ ก่อนถีบตัวลงมาจู่โจมอีกครั้งด้วยกงเล็บ แต่เอ็นโดถลาอกจากตำแหน่งอย่างรวดเร็วราวกับเครื่องร่อน พร้อมม้วนตัวโฉบใส่ร่างที่พุ่งลงมายังไม่ถึงพื้น

    พริบตาที่โคนปีกถูกบังคับให้ฟาดใส่ รูปร่างจากเดิมที่เป็นโครงกระดูกรูปแบบเดียวกับของนกก็อ่อนตัวจนตวัดได้ราวกับแส้ นี่คืออีกหนึ่งความน่ากลัวของอาวุธคู่กายแห่งเหล่าเทวดาที่สภาพควบคุมได้ตามใจนึกทั้งรูปร่างและความแข็งแกร่งของมัน แม้ว่าเฟนส์จะเหวี่ยงแขนเข้าขวางทางแต่ด้วยรูปร่างที่เปลี่ยนไป มันจึงฟาดโดนกลางหลังเฟนส์อย่างรุนแรง

    แต่พ่อมนุษย์หมาขาวไม่ได้ยอมโดนฟรี พริบตาที่ปีกแส้โดนใส่ มืออีกข้างของเขาไม่รอที่จะคว้าเอาพร้อมจิกเล็บลงโคนปีกเป็นการล็อกไม่ใส่หนีไปได้

    เอ็นโดที่รู้ตัวแล้วนั้น ก็ยังช้าเกินกว่าจะตั้งหลัก เพียงเพราะเรี่ยวแรงของครึ่งปีศาจช่างเหนือกว่าที่คาดนัก แรงเหวี่ยงครั้งเดียว กับเอาร่างทั้งร่างของเทวดาปีกดำลอยตามอย่างง่ายดาย เมื่อเฟนส์จับเหวี่ยงหมุนไปมาอย่างลูกตุ้มมนุษย์ ก่อนจะดึงไปอัดขอบระเบียงนั่งร้านชั้นสองกระจาย ตามด้วยเหวี่ยงฟาดลงพื้นที่หนึ่งที ปิดท้ายด้วยเหวี่ยงเข้าใส่กำแพงที่หากออกไปจนเด้งไปตกอยู่กลางฝูงชนที่กำลังเบียดกันหาทางออก

    “ว้ากกกกก ตัวอะไรตกมาฟะ!!!”

    “คะ…คนมีปีก!!!”

    “เฮ้ย!! สัตว์ประหลาดตรงนั้น มันวิ่งมาแล้ววววว”

    เสียงสครีมดังกระหึ่ม เมื่อเฟนเรียร์วิ่งสี่ขาพร้อมคำรามสนั่น ราวกับหมาล่าเนื้อ ตรงเข้าจู่โจม ร่างเทวดาที่ยังนอนแน่นิ่ง แต่ทว่าปีกของเจ้าตัวกลับไม่นิ่งตาม โคนปีกถูกม้วนชูขึ้นฟ้าจนตั้งตระง่าน ขนนกสีดำเริ่มลุกชันและกลายสภาพเป็นคมที่สั่นสะเทือนไปตามโคนปีกราวกับจิ้งหรีดแผดเสียง

    หมาป่าขาวหยุดการวิ่งโดยฉับพลัน ด้วยเซนต์ของสัตว์ป่าที่รับรู้อันตรายบางอย่างจากขนตามลำปีกที่ร่ำร้องนั้น หากแต่วินาทีนั้นปีกสีดำก็ถูกสะบัดขึ้นพร้อมยิงห่าคมดาบในรูปขนนกนับออกไปรอบๆตัวก่อนจะวกเข้าทางเป้าหมาย นั้นก็คือ จ้าวแห่งสรรพสัตว์

    “ชิ..” เฟนส์ออกเสียงไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนถีบตัวถอยห่าง แต่ห่าขนนกกลับผิดแผกไปจากเดิมทิศทางการพุ่งจากหนึ่งสาย กระจายออกเป็นสามทิศแถมบีบทางออกข้างๆทั้งหมดไว้อย่างสิ้นเชิง

    “มันแยกทิศทางการยิงได้ด้วยเหรอเนี่ย?!!!”

    หมาป่าขาวกระโดดตีลังกากลับหลังต่อเนื่องดุจนักกายกรรมเป็นทางตรง หากแต่สองข้างนั้นถูกดักทางด้วยสายทางกระสุนขนนกจนยากแก่การเล็ดลอด

    เมื่อท่าทางไม่สู้ดีที่จะถอยต่อ เฟนส์หยุดการม้วนหลังด้วยฝังนิ้วทั้งสองมือลงพื้น ก่อนปล่อยปลดพละกำลังเต็มที่จนงัดแผ่นหินที่เป็นองค์ประกอบของทางเดินขึ้นมาได้ขนาดใหญ่เกินร่างมนุษย์ไปแค่นิดหน่อย แต่ก็พอจะใช้ป้องกันตัวได้

    ห่าขนนกทั้งสามสายหมุนกลับมาตรงเข้าหาเฟนส์ที่มีแผ่นหินอย่างหนกั้นหน้าไว้ ขนนกเหล็กนับพันปีกเข้าใส่แผ่นศิลาจนสีดำมิดไปทั้งพื้นที่ แต่นับว่ายังดีที่กำแพงด่านสุดท้ายไม่พังไป ก่อนที่เอ็นโดจะหยุดยิงกระสุนขนนก เนื่องจากต้องรอให้ปีกสีดำคู่กายที่ตอนนี้เหลือโคนปีกไร้ซึ่งแผงขน ค่อยๆงอกออกมาอีกครั้งในระยะเวลาสั้นๆ

    พริบตาที่การโจมตีหยุดลง ขณะที่ร่างของเอ็นโดค่อยๆกลับมายืนอีกครั้ง แผ่นศิลาอย่างหนาที่ประดับไปด้วยขนนกคู่ใจของเทวดาปีกดำก็แหวกอากาศตรงเข้ามาด้วยความเร็วสูง

    เอ็นโดถีบตัวออกห่างโดยฉลับพัน แต่ทว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นการเข้าทางของหมาป่าขาว เฟนเรียร์ด้วยความไวของร่างครึ่งปีศาจที่ถอดแบบมาจากสัตว์ จังหวะนั้นแผ่นศิลาก็แตกกระจายออกเป็นฝนลูกปลายเล็กใหญ่ด้วยการต่อยของจ้างแห่งสรรพสัตว์

    แม้แค่ซากอิฐ ซากปูน จะสร้างความเสียหายให้เผ่าเทวดาไม่ได้มากนัก แต่เศษซากจำนวนมากมายก็สามารถสร้างโอกาสที่เฟนส์รออยู่ได้ คือ ช่วงที่เผ่าเทวดาใช้ปีกคู่กายเข้ามาป้องกันด้านหน้า

    เฟนส์คว้าโอกาสที่สร้างอย่างแม่นยำ ทันที่ปีกสีดำเหวี่ยงเข้ามาปัดป้องเบื้องหน้า ก็หมายถึงร่างของเทวดาปีกทมิฬตนนี้ ต้องลงแตะพื้นอย่างแน่นอน เจ้าตัวไม่รอช้าส่งเรี่ยวแรงทั้งหมดถีบขาลงพื้นสุดแรงเกิดจนเบื้องล่างถล่มเป็นเสี่ยงๆ

    ฝ่านเอ็นโดเมื่อปิดการมองเห็นเบื้องหน้า กว่าจะรู้ว่าอีกฝ่ายทำอะไร เจ้าตัวก็เสียการทรงตัวไปเรียบร้อยแล้ว เฟนส์กำหมัดขวาจนกระดูกลั่นเสียง เหวี่ยงหมัดจากพื้นล่างสุดแรง พริบตานั้นที่เทวดาสีดำพลาดพลั้งจากการเพ่งเล่งอีกฝ่าย กำปั้นปีศาจสีขาวก็ซัดลอดช่องว่างใต้เกราะปีก เข้ากลางลิ้นปี่ของเอ็นโดอย่างจัง

    “อ้อก!!!!!”

    ความเจ็บปวดสุดบรรยายแล่นเข้าร่างจนเส้นประสาทแทบแตกพร้อมของเหลวสีแดงที่กระอักออกมาจากปาก หากประเมินด้วยสายตาพละกำลังของหมัดเรียกได้ว่าพอๆกับรถไฟเข้าชน แม้ว่าร่างกายจะเหนือกว่ามนุษย์ แต่พละกำลังอันเป็นจุดเด่นของเผ่าปีศาจก็สามารถทำลายเผ่าเทวดาทางกายภาพตรงๆได้อย่างง่ายดาย

    แต่ผลกระทบจากหมัดเพียงหนึ่งหมัดยังไม่เพียงพอ ถึงช่วงลี้นปี่รวมถึงกระดูกซี่โครงรอบๆจะแตกกระจาย ถึงเครื่องในบางส่วนจะช้ำในจนตกเลือด แต่มันยังไม่อาจชนะความอึดของเผ่าเทวดาไปได้ ร่างที่กระอักเลือดรวบเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ หดปีกกลับสู่แผ่นหลังพร้อมกระโดดกลับหันกลางอากาศในจังหวะที่รวดเร็ว

    เฟนส์ในวินาทีนั้น เกือบเข้าใจว่าทำลายการเคลื่อนไหวของเอ็นโดได้แล้ว นึกพลาดที่ไม่เฉลียวใจต่อการกระทำของอีกฝ่าย แต่นับจากวันนี้ เค้าคงจำใส่ใจอีกยาว สายใยสีดำทักถอออกมาจากแผ่นหลังของศัตรูในเสี้ยววินาที กลายเป็นแผ่นปีกสีดำพุ่งตรงเข้ามาดุจหอกแห่งการพิพากษา แล้วก็…

    ฉัวะ!!!!!!

    วินาทีนั้นโลหิตสีแดงชาดจำนวนมากก็ได้กระเซ็นออกกลางอากาศ พร้อมเสียงวัตถุมีน้ำหนักตกลงพื้น
    …………..
    ……..

    .
    TO BE CONTINUED >>>
    =====================================================
    บ่นเล็กน้อย(เหรอ?)กับคนแต่ง

    นับวันที่ผมแต่งฟิค ผมชักรู้ว่าตัวเองจะไปคล้ายอ. เคนทาโร่ มิอุระ ผู้วาดBerserk (ดองงานเพราะติดIM@S) กับ อ.โยชิฮิโระ โทกาชิ ผู้วาด HxH (อันนี้ไม่ต้องบรรยาย) เข้าไปทุกที แต่ละครั้ง แต่ละตอน ผมแต่งตอนยาวก็จริงอยู่ แต่เวลาการผลิตมันยาวขึ้นทุกที ทุกที==” กลัวเรื่องนี้จะเจริญรอยตาม ฟิคของสหายโยเสียจริง

    ยังไงจะช้าจะดองไง ผมกับสหายโยก็จะต้องเข็นให้มันจบให้ได้ครับ TT ^ TT เพราะผมทุ่มทุกอย่างในหัวให้เรื่องนี้แล้ว ถึงได้วันละบรรทัดก็จะทำให้มันจบให้จงได้ ขอให้ทุกๆท่านโปรดสนับสนุนผมต่อไป เลือก แม็กกับโย พรรคฟิคชั่น เบอร์ 7 นะครับ

    สุดท้ายนี้ตอนนี้ก็เปิดเทอมกันอีกแล้ว ปีนี้ขอยินดีให้แก่Near ที่สอบเข้าเป็นรุ่นน้องคณะผมในรั้วลูกช้างสีม่วงได้เน้อครับ แล้วก็น้องๆทุกคนที่ผ่านทั้งโควต้าและAdmintionปีนี้นะครับผม ขอให้พยายามศึกษาเพื่อสร้างอนาคตต่อไปนะครับ

    เจอกันใหม่เมื่อเข็นตอนใหม่มาได้ รักคนอ่านครับ

    maxlancer

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ขอขอบพระคุณตัวละคร

    1. คาเรน ไฟนอลวาเลนไทน์ โดย LadyKaren Ω สาวน้อยโกธิคโลลิต้าสีดำ แต่โผล่มากับเป็นสถานที่ใต้ดินแมยที่จะเป็นทุ่งดอกไม้แฮะ==” ตัวนี้ผมต้องเปลี่ยนโน่นนี่หลายอย่าง เพราะใบสมัครผิดคอนเซปไปเยอะนะครับ ขออนุญาต เพื่อความสะดวกของฟิค

    2. เอเรไนโอส ไอเกิ้ล โดย OoPHILEoO # ภาค ~* HAPPY *~ ท่านรอง ผบ. หน้าสวยอายุน้อย แถมเป็นหนึ่งในสภาสูง เนื่องจากเป็นช่วงเข็นตัวละครใหม่บทหนักจะตามมาภายหลังนะครับ

    3. ลูซิเฟเลีย ไพร์ด โดย Charlotte สาวน้อยนักขายข่าวอายุสิบแปดที่มาดเจ้าแม่มากมาย (หากไม่อายุสิบแปดคงให้คาบบูหรี่ไม่ก็ไปป์ไปแล้ว อิมเมจเท่)

    4.แอซเรียล แทงเครโด โดย - DΞЯІСК – พ่อหนุ่มหน้าง่วงแห่งเขี้ยวอสูร ที่ซวยต้องมาติดตามเฟนส์คุงตอนไปก่อเรื่องพอดี

    EDIT กระบวนการแก้คำผิดเสร็จแล้ว
  18. Gunfinal

    Gunfinal Member

    EXP:
    152
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 28/05/09>>Memo Page IV<< Creature Menace]

    อื่อหืออออ
    พี่เราทุบไหดองแตกซะแล้วสิ=____=!
    (นั่งอ่านอย่างเคร่งเครียด)
  19. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 28/05/09>>Memo Page IV<< Creature Menace]

    ย...ยาวมาก

    ชอบบทบาทฝั่งพวกเอ็นโด (จะเรียกว่าฝั่งอะไรดีล่ะ เรียกไม่ถูก) ดูลึกลับ ซับซ้อน ตื่นเต้นเหมือนดูหนังสืิบสวนดี

    แต่ไอ้ตอนที่เฟนเรียร์มาน่ะมันอะร๊าย กร๊ากกกกกกก (อุตส่าห์จะชมว่าแต่ละคนเท่บาดใจ แต่ที่ไหนได้ =A=)
    สรุปคือที่เราเห็นๆกันในบอร์ด AF กำลังไปกองกันอยู่เชียงใหม่สินะ = =
  20. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 28/05/09>>Memo Page IV<< Creature Menace]

    นั่งอ่านไปเผาฟิคไป เทศกาลทุบใหดองเริ่มต้นขึ้นแล้วสินะ แต่ละตอนซัดกันล้างพลานจริงๆ แต่การดองเป็นเรื่องธรรมดาของวงการฟิคนี่นา ฮาๆ สู้เขาวึ้ย เจ้าแม๊ก
  21. PaiaAznable

    PaiaAznable มนุษย์ตู้ปลาช้ำรัก

    EXP:
    744
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 28/05/09>>Memo Page IV<< Creature Menace]

    ขอเผาก่อนน้าเฮียแม็ก *-*
    ได้โดน - ผมว่าใช้ "ได้ถูก" ไม่ก็ "โดน" จะดีกว่านะงับ
    เทียง - เที่ยง
    ไลน์เนอร์ - ไลสเนอร์
    สี่งหยุด - หยุด
    เคลียร - เคลียร์
    พยาบาล - พยาบาท
    อกห้อง - ออกห้อง
    สมเพส - สมเพช
    ก๋ - ก็
    เหงือ - เหงื่อ
    ทักทอ - ถักทอ
    เหว่ง - เหวี่ยง(เดาว่านะงิ)
    มนุ๋ย์ - มนุษย์
    ระเหด - ระเห็จ
    เป้น - เป็น
    กราเซียร์ส - กลาเซียร์ส
    บันดล - บัดดล
    ห้องโถ่ง - โถง
    ถอยกรู - ถอยกรูด(เดา)
    เลิ่นเล่อ - เลินเล่อ
    เลือนราง - เลือนลาง
    กระฉับ - กระชับ
    นั้นสินะ - นั่นสินะ
    สุ่ม - สุม
    ฟักดาบ - ฝักดาบ
    คาตะนะ - คาตานะ(ถ้าจำไม่ผิด)
    ตรงหน้าม - ม เกินมางิ
    พรึมพรัม - พึมพำ
    กระชับกระเฉง - กระฉับกระเฉง
    ต้อการ - ต้องการ
    รุ่งอรุน - รุ่งอรุณ
    ทัย - ทับ
    แอชเลียส - แอซเรียล(รู้สึกจะผิดอยู่หลายที่นะงับชื่อของเจ้าเนี่ย)
    คะปบ - ตะปบ
    บัดโถ่โว้ย!!!! - ปัดโธ่โว้ย!!!!
    แอซเลียส - แอซเรียล
    รียไป - รีบไป
    หน้าดู - น่าดู
    ร่วมรคิด - ร่วมคิด
    สันติราช - สันติราษฎร์
    ไม่สายมาด - (เดาว่า)ไม่สามารถ
    อยุ่ - อยู่
    มวี - ทวี
    ฉียบ - เฉียบ
    อยุ่ - อยู่
    หน้าประหลาด - น่าประหลาด
    กงเล้บ - กงเล็บ
    ผิดแพก - ผิดแผก
    ทมิฟ - ทมิฬ

    เรียวจัง...ทำไมบทน้อยจังฟระ นี่เรากำลังจะโดนข้อหาหลอกคนอ่านว่าเป็นพระเอกแล้วเหรอเนี่ย [action]เผ่นป่าราบก่อนจะโดนเฮียแม็กไล่ถล่ม[/action]

    เจ้าชิกิฮะนี่เลือกปฏิบัติแฮะ น่าเชียร์เจ้าไวลด์ให้ซัดจมดินชอบกล = =" เฟนเรียร์ได้สู้อีกแล้ว ไรฟระ!!! จะเด่นไปไหนอ่ะเฮ้ย จะแพ้เจ้บเอ็นโดไม่ได้น้า!!!

    จะว่าไปเฮียก็ดองนานขึ้นจริงๆแหละ เหอๆๆ รอชมต่อไปพี่ท่าน >w<b
  22. soulmaster

    soulmaster Endorphinlism

    EXP:
    403
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 28/05/09>>Memo Page IV<< Creature Menace]

    เผามั่ง
    เจ้บ = เจ้า บ้า

    อะอะ กำลังร่างสนธิสัญญาอยู่แหมบๆ ดันเปิดเผยซะงั้น

    หน่วยเก็บกวาดคงงานหนักน่าดู

    ส่วนการบรรยายการต่อสู่นี่ ผมว่ามันน่าจะเหมือนBloody Roarมากกว่าแฮะ

    Yugo vs reiji O-O

    กำลังคิดว่าถ้ามีใครสักคนใช้ท่าทุ่มของพวกมวยปล้ำ ไอคิโด้ แซมโบ้ อะไรแบบนี้คงจะมันพิลึก

    อีวานกะไพอาว่าไงล่ะ :E
  23. alladiya

    alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

    EXP:
    1,207
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 28/05/09>>Memo Page IV<< Creature Menace]

    ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นเจ๊ไปจริงๆ

    ไม่เอ๊า
  24. yoshiki

    yoshiki FATE

    EXP:
    862
    ถูกใจที่ได้รับ:
    17
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 28/05/09>>Memo Page IV<< Creature Menace]

    แหม เจ๊ คิดมากหน่า ก็บอกให้ไปทำตัวโมเอะๆในฟิคผมซะจะได้เลิกเป็นเจ๊สักที 555+

    คราวหน้าส่งมาให้ผมเผาก่อนไหมแม็ก - -* จะได้ไม่โดนเบิร์นหัวลุก

    เรเชลจางงงง อิ้วววววววว
  25. jenovasung

    jenovasung Member

    EXP:
    152
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 28/05/09>>Memo Page IV<< Creature Menace]

    ตอนนี้มีเเต่เลือดสาดเเฮะ ตัวละครออกมากันให้เพียบเลย

Share This Page