!!! White Feather // Devil FanG [Update 04/09/10>>Memo Page VIII<< ~Memo page VIII~ After day – Fan

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย maxlancer, 3 กันยายน 2008.

  1. train

    train Member

    EXP:
    498
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 28/05/09>>Memo Page IV<< Creature Menace]

    โอ้ -0-
    ไหดองโดนทุบอีกไหแล้ว (ฮา)
    ยาวจุใจจริงๆครับ >_<b ยินดีกับเนียร์คุงด้วยนะครับ *-*/
  2. shinkyoto

    shinkyoto Well-Known Member

    EXP:
    580
    ถูกใจที่ได้รับ:
    3
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 28/05/09>>Memo Page IV<< Creature Menace]

    มีบรรยากาศบางอย่างที่คล้ายคลึงกับโลก RPG แผ่ออกมา

    สัตว์ประหลาด เมืองใต้ดิน บนดิน

    อืม ถึงจะทิ้งไปนาน แต่ก็ยังไม่ทิ้งลายเดิมนะท่าน ความคือหน้าเรื่องคดีก็ไม่ถึงไหนด้วย ถ้าจะว่าไปสินะครับ งิ
  3. derick

    derick Member

    EXP:
    339
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 28/05/09>>Memo Page IV<< Creature Menace]

    ยาว..... กร๊ากกกกกกกกกกก

    ตอนนี้ขอยกความชอบให้ ไวลด์ กับ เฟนส์ กร๊ากกกกกกกกกกกกกก ชอบความบ้าบอหน้าด้านของเจ้าไวลด์ และชอบความบ้าระห่ำของเฟนส์กร๊ากกกกกก รอตามตอนหน้าครับ บู๊ช่วงท้ายมันมาก

    อย่าลืมมาต่อนะครับบ~
  4. maxlancer

    maxlancer ประธานรุ่น2ตุรกีเชียงใหม่

    EXP:
    1,183
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: !!! White Feathe!!! White Feather // Devil FanG [Update 26/01/10>>Memo Page V << FALLOUT ]

    ~Memo Page V ~

    ~ Fallout ~


    ใต้น่านฟ้าสีแสดยามเย็น แน่นอนว่าเย็นวันนี้ก็เกือบๆจะเป็นชีวิตที่ปกติของชาวเมืองเอเดน คนค้าคนขายก็ใกล้จะเกือบร้าน เด็กวัยรุ่นก็เริ่มเดินทางกลับสู่บ้านของตนหลังจากเดนเตลิดเตร่มานาน และอีกมากมายที่เดินตามเส้นทางชีวิตประจำวันของตน โดยที่มิได้ กังวลเลยว่าภัยร้ายแรงกำลังจะเกิดขึ้น….

    “อ้าว คุณลุงคะ จะปิดร้านแล้วเหรอ?”

    “อืม ลุงจะไปเขตแปด ไปหาหลานน่ะ”

    “งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะคะ”

    สิ้นเสียงอำลาของเด็กสาวประจำถิ่นที่มักแวะเวียนไปมา ชายแก่ก็บรรจงเก็บกวาดของโชว์นอกร้านของร้านเครื่องปรุงที่ตั้งมากับมือตามปกติ แต่ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่แปลกตาไปเมื่อมีกล่องกระดาษลังปริศนาตั้งปนอยู่ด้วย

    “…ไอ้นั้นมัน…”

    ในใจของคิดเพียงว่ามันอาจจะเป็นของที่ลูกค้าลืมไว้ ไม่ก็คงเป็นพัสดุที่ส่งผิดหรือถูกลืมซักอย่าง หากแต่สิ่งที่ปรากฏออกมาเพียงพริบตาที่เปิดแง้มฝากล่อง หัวของคุณลุงก็ขาวโพลนด้วยแสงสว่างจ้าจากวัตถุภายใน


    บรึ้ม!!!!!!!!!!!!


    ……………
    ……….
    ……

    .
    ในเวลาใกล้เคียงกัน จากพื้นบนลงสู่เบื้องล่าง

    ตลาดยักษ์ใต้ดินนามว่า “กราวด์” ที่เคยคึกคักไปด้วยฝูงชนคอยเดินแลกเปลี่ยพูดคุยซื้อของ บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความสับสน เศษฝุ่นเศษดิน ฟุ้งกระจายราวกับอยู่ท่ามกลางทะเลทราย บดบังทัศนะวิสัยแห่งความจริงจนสันดานที่มีนามว่าความหวาดกลัวแผ่ไปทุกอณูของพื้นที่

    “เฮ้ย!!! รีบออกไปสิวะ!!”

    “ทำไมไม่บอกข้างหน้าแทนละ มาบอกตูทำไม!!!”

    ความวุ่นวายเกิดขึ้นอย่างทวีคูณที่บริเวณช่องทางออกกราวด์ที่มีช่องคับแคบ เนื่องจากกราวด์ไม่ใช่สถานที่เปิดมากนัก เดิมทางเข้าก็เป็นเพียงซอยลับแห่งหนึ่งในหลายๆหลายๆเขตที่เท่านั้น การที่คนจำนวนมากจะออกในคราเดียว มันจึงมีสภาพไม่ต่างจากคอขวด

    แน่นอนว่าฝูงชนที่กำลังผวากับการห่ำหั่นกันของสองอสูรกาย ต่างก็หนีแบบไม่สนโลกอยู่ ต่อให้เหยียบใครตายก็คงไม่รู้สึก หมายจะออกไปโลกเบื้องบนให้ได้

    หากแต่พริบตานั้นแสงสว่างและแรงสะเทือนมหาศาลก็เกิดขึ้น ก่อนที่ปากคอขวดทางออกสู่เบื้องบนจะเกิดเสาไฟพวยพุ่งสวนทางออกมาพร้อมความร้อนระอุหลายร้อยองศา แทบไม่จำเป็นต้องจินตนาการสภาพของคนที่อยู่ในปากออก


    สายตาของผู้รอดชีวิตที่เพิ่งกระเด็นออกมาด้วยแรงไฟ ถึงกับช้อก จากเดิมเส้นทางเข้าออกที่เป็นบันไดขึ้นไปยังเบื้องบนตอนนี้ ภาคหน้าเหลือแต่ซากอิฐซากปูนที่ทับถมทางออกจนไม่เหลือแม้แต่รูอากาศ แต่ที่น่าสยดสยองกว่าคือชิ้นส่วนร่างกายของคนที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วินาทีกำลังขนขวยหาทางออกบัดนี้ได้เหลือแต่เนื้อไหม้เกรียมเป็นส่วนหนึ่งของกองซากที่ปิดทางเข้า

    ความกดดันทวีความรุนแรงราวกับไฟโดนราดน้ำมัน ยิ่งเสียงดังสนั่นซึ่งจะมาจากการกระแทก การต่อสู้ของสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดสองตัวที่ไม่รู้จะเป็นมิตรหรือศัตรู อีกทั้งทางหนีก็เริ่มไม่หลงเหลือ ความกลัวตายในจิตใจของมนุษย์ทุกผู้ก็เริ่มบังเกิด จนก่อเป็นความสิ้นหวัง

    แต่ภัยยังไม่จบสิ้น เนื่องจากทางออกไม่ได้มีทางเดียว แต่ทุกทางก็มีเหตุเช่นกัน ณ ตำแหน่งทางออกที่ห่างออกจากการต่อสู้ไปกิโลกว่า แรงระเบิดนั้นร้ายแรงกว่าบางที่ส่งผลให้โครงสร้างชั้นสองของที่นั่นเริ่มพังตัว ผู้คนเห็นดังนั้นก็ร้อนรนหนีกันแบบลืมตาย

    กระนั้นความกลัวตายก็ทำให้ความเมตตาของคนหลายคนหลายไปเช่นกัน เมื่อใต้นั่งร้านชั้นร้านที่ใกล้พัง ยังคงมีเด็กสาวในชุดกระโปรงเดรสสีดำ ผิวพรรณดูขาวซีดประดับดวงตามรกตดูงดงามคู่กับเส้นผมสีน้ำตายไหม้ยาวสลวยที่ตอนนี้ปลกหน้าแลดูไม่เรียบร้อย แต่กระนั้นแล้วแค่คุณสมบัติทำให้ชายหนุ่มหลงใหลได้อย่างง่ายดาย แต่น่าเสียดายที่สภาพในปัจจุปันของเธอไม่ใช่ท่ามกลางสายตาของชายหนุ่มหากเป็น ถูกซากอิฐซากปูนขนาดใหญ่ทับขาสองข้างเอาไว้ไม่สามารถลุกหนีไปได้

    ตามปกติ น่าจะมีเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากสาวเจ้าผู้นี้แล้ว แต่กระนั้น เด็กสาวตามรกตคนนี้กลับนั่งกึ่งนอนอย่างเงียบเชียบ ท่ามกลางคนหนีตายอย่างแปลกประหลาด ราวกับว่าไม่แยแสต่อสภาพและความตายที่อาจย่างกรายเข้ามา

    ไม่ทันขาดคำ นั่งร้านชั้นสองรวมทั้งส่วนของทางเดินที่ร้าวจนรับน้ำหนักกับแรงสะเทือนไม่ไหว พร้อมกับการหลับตาแบบนิ่งสงบดุจยอมรับความตายของเด็กสาว

    แต่การยอมรับชะตานั้น ยังไม่สามารถบรรลุตามที่คิด ชายหนุ่มผู้หนึ่งวิ่งกระโจนผ่านฝูงคนเข้ามาราวสายลม แม้ว่าสามลมนี้จะพัดคนที่ขวางหน้าล้มกระจายก็ตาม



    ชิ้ง!!!…ตูม!!!!


    เสียงเสียดสีของโลหะในมือดังก่อนที่ซากชั้นสองที่ตกลงมาจะแตกกระจายออกอย่างสิ้นเชิง เด็กสาวที่รู้สึกถึงเหตุการณ์ค่อยๆลืมตา และได้พบร่างสูงใหญ่ที่ยืนเหนือตัวเธอขึ้นไปพร้อมวัตถุลักษณะคล้ายโลงศพรายล้อมรอบทั้งคู่เยี่ยงเกราะกำบัง

    “ไม่เป็นไรนะ…ไม่ต้องห่วงจะช่วยเดี๋ยวนี้แหละ” ร่างของชายหนุ่มที่ยืนอยู่เหนือเธอกล่าวขึ้นพร้อมวาดดาบสีเงินเรียวแบบไม่มีกั้นดาบทั้งสองในมือ พริบตาต่อมาซากหินชิ้นเป้งก็กระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อย

    “รีบหาที่หลบซะ ตอนนี้ ทางออกทุกทางถูกปิดอยู่ พยายามอย่าอยู่ที่ๆดูเหมือนจะถล่มด้วยล่ะ” กล่าวเสร็จชายหนุ่มสะบัดผมสีดอกเลาเล็กน้อยก่อนควงดาบในมือเสียบเข้าที่กลางหลัง อันเป็นที่ๆมีโลงศพขนาดใหญ่แต่ออกบาง ประดับด้วยโซ่สีขาวมนเหมือนทำด้วยกระดูก ซึ่งเชื่อมระหว่างตัวโลงและร่างกาย

    “นายคิดยังไงถึงกลายสภาพเป็นครึ่งปีศาจกลางฝูงคนตอนนี้เนี่ย กลุ่มเขี้ยวอสูร”

    เสียงหญิงสาวแก่นแก้วพูดลอยมา พร้อมกันกับที่สาวน้อยชุดโกธิคโลลิต้าสีดำ “คาเรน ไฟนอลวาเลนไทน์” ที่สยายปีกวิหคขาวบริสุทธ์ข้างหนึ่งก่อนร่อนลงพื้นอย่างงดงาม

    “เรียก แอชเรียล จะขอบคุณมากเลยครับ คุณคาเรน” ชายหนุ่มโลงศพกล่าวด้วยรอบยิ้มอย่างเป็นมิตร แต่กลับสร้างความระแวงให้สาวน้อยผมทองมากกว่าเดิม

    “ร่างครึ่งปีศาจของผมน่ะ ยังดูไม่เหมือนอสุรกายอะไรหรอก แต่คุณนี่สิ เล่นติดปีกบินมานี่ ไม่สะดุดตามากกว่าเหรอ?” แอชเรียล ถามกลับ

    “มากลัวเอาตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ไหนๆ สองหนุ่มที่มาด้วยกัน ก็ดันเผยตัวตนออกมากลางสาธารณะชนกันซะก่อนแล้ว” คาเรนในใบหน้าสุดเหนื่อยหน่าย พูดถึงมันไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากปีศาจหมาป่าขาว เฟนส์ กับ เทวดาปีกดำ เอ็นโด

    “ยังไงก็ตาม คุณคาเรน ผมว่าตอนนี้ เราต้องรีบไปหยุดพ่อสองคนที่กำลังตีกันให้ไวที่สุด มันจะดีมากเลย” สีหน้าของแอชจริงจังขึ้น จนคาเรนสงสัยเล็กน้อย

    “ถามตรงๆเลยนะ สองคนนั้นก็อยู่ในวงการนี้มานาน อะไรทำให้พวกนั้นเลือดขึ้นหน้าขนาดไม่สนใจผลที่ตามมาได้ขนาดนี้?”
    คำถามเดียว แต่เข้าประเด็นเต็มๆ จนแอชแทบไม่อยากตอบ เพราะไม่ว่ายังไงทั้งสองต่างก็ยังมีสถานะเป็นศัตรูกัน

    “เอาเป็นว่า จะเล่าระหว่างทางละกัน” พูดจบแอชก็ออกฝ่าฝูงคนออกไป โดยที่เด็กสาวคนเดิมที่เด็กหนุ่มได้ช่วยไว้ ยังคงนั่งจ้องมองโดยที่ชายหนุ่มไม่รู้ตัว
    ……….
    ……
    ..
    ห่างจากกลุ่มคนหนีตายไปไกล ท่ามกลางกลุ่มควันฝุ่น ร่างของมนุษย์ครึ่งปีศาจที่มีแผงขนสีขาวทั่วร่างยังคงยืนประจันหน้ากับการต่อสู้

    เฟนส์หรือเฟนเรียร์ การู ไลคานอส ในร่างที่คล้ายคลึงกับมนุษย์หมาป่ากระอักเลือดออกจากปากเมื่อความเจ็บปวดมหาศาลซ่านออกมาจากลำตัว ปีกทมิฬขนาดใหญ่ที่บีบตัวจนบางคมได้ฝังัวผ่านร่างกายของเข้าไปครึ่งตัว ตั้งแต่ต้นแขนซ้ายยาวผ่านซีกหน้าอกเฉียงลงไปถึงลำตัว และแน่นอนว่าเสียงวัตถุตกพื้นที่เจ้าตัวได้ยินคงไม่พ้นแขนซ้ายที่ถูกตัดผ่านไปเช่นกัน

    หมาป่าหนุ่มถึงกับเข่าทรุด แต่ยังคงจดจ้องออกไปตรงหน้า ร่างของมนุษย์ครึ่งเทวดาในสภาพไร้ปีกนอนจมกองโลหิต ตำแหน่งที่เคยมีปีกวิหคสีดำผงาดกลับแหว่งหายไป พลันทำให้นึกถึงความผิดพลาดของตัวเองจากความประมาทเมื่อครู่
    …..

    .
    ย้อนกลับไปยังก่อนหน้านี้เพียงไม่ถึงนาที

    ตูม!!!


    “อ้อก!!!!!”

    ความเจ็บปวดสุดบรรยายแล่นเข้าร่างจนเส้นประสาทแทบแตกพร้อมของเหลวสีแดงที่กระอักออกมาจากปาก เมื่อหมัดขวาที่เหวี่ยงลอดปีกสีดำของเอ็นโดแบบสุดแรงเกิดอัดเข้ายัดกลางอก หากประเมินด้วยสายตาพละกำลังของหมัดเรียกได้ว่าพอๆกับรถไฟเข้าชน แม้ว่าร่างกายจะเหนือกว่ามนุษย์ แต่พละกำลังอันเป็นจุดเด่นของเผ่าปีศาจก็สามารถทำลายเผ่าเทวดาทางกายภาพตรงๆได้อย่างง่ายดาย

    แต่ผลกระทบจากหมัดเพียงหนึ่งหมัดยังไม่เพียงพอ ถึงช่วงลี้นปี่รวมถึงกระดูกซี่โครงรอบๆจะแตกกระจาย ถึงเครื่องในบางส่วนจะช้ำในจนตกเลือด แต่มันยังไม่อาจชนะความอึดของเผ่าเทวดาไปได้ ร่างที่กระอักเลือดรวบเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ หดปีกกลับสู่แผ่นหลังพร้อมกระโดดกลับหันกลางอากาศในจังหวะที่รวดเร็ว

    เฟนส์ในวินาทีนั้น เกือบเข้าใจว่าทำลายการเคลื่อนไหวของเอ็นโดได้แล้ว นึกพลาดที่ไม่เฉลียวใจต่อการกระทำของอีกฝ่าย แต่นับจากวันนี้ เค้าคงจำใส่ใจอีกยาว สายใยสีดำทักถกออกมาจากแผ่นหลังของศัตรูในเสี้ยววินาที กลายเป็นแผ่นปีกสีดำพุ่งตรงเข้ามาดุจหอกแห่งการพิพากษา แล้วก็…

    ฉัวะ!!!!!!

    วินาทีนั้นโลหิตสีแดงชาดจำนวนมากก็ได้กระเซ็นออกกลางอากาศปีกสีดำที่เกรงแผงขนจนคมกริบ แทงผ่านร่างกายซีกซ้ายของมนุษย์หมาป่าขาวพร้อมสะบั้นแขนซ้ายของเฟนส์ขาดกระเด็นในพริบตา

    เฟนส์คาดไม่ถึงกับลูกเล่นการโจมตีดังกล่าว ในสภาพที่หันหลังให้คู่ต่อสู้กลางอากาศยังสามารถโจมตีเข้ามาได้

    หากแต่สมาธิของเขาก็จดจ่อกลับมายังเอ็นโดอีกครั้ง เมื่อเอ็นรวบรวมเรี่ยวแรงสุดท้ายเพื่อจะผ่าร่างของเหยือคมปีกให้เป็นสองท่อน

    “อั้ก!!!”

    คมปีกขยับเข้ามาอย่างรวดเร็ว กรีดเนื้อเข้าจนลึกไปถึงลำตัว ความเจ็บเกินรับไหวร้องจนร่างกายตอบโต้ก่อนจะคิดได้ เฟนส์ใช้มืออีกข้างขย้ำโคนปีกจนฝังเข้าเนื้อเพื่อหยุดการเคลื่อนไหว ก่อนจะกระโดดขึ้นกลางอากาศ พร้อมใช้สองเท้ายันร่างของเอ็นโดแล้วออกแรงถีบสุดแรงเกิด จนร่างคนและปีกแยกออกจากกันไปในทันที

    โครม!!!


    ร่างครึ่งเทวดาลอยครูดไปกับพื้นล่าง กระเด็นกระดอน หมุนไปมาอย่างไร้ทิศทาง ตามแรงถีบไปเป็น เหมือนหินเด้งพื้นน้ำ ก่อนจะนอนสิ้นท่าที่ระยะห่างออกไปเป็นร้อยเมตร โดยไม่มีการไหวติงอีกเลย
    …………..
    ……..

    .
    กลับมาที่ เฟนส์ กำลังค่อยๆรวบรวมเรี่ยวแรงอันน้อยนิดดึง ก่อนกระชากเอาซากของปีกที่คาร่างออก ตามมาด้วยเลือดจากบาดแผลกระฉูดอย่างฉกรรจ์ขนาดว่าถ้าเป็นมนุษย์ปกติคงสิ้นใจคาที่ไปนานแล้ว

    แต่เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าที่ร่างกายอันเกือบขาดออกเป็นสองท่อน ยังสามารถตะกายออกไปเก็บแขนซ้ายที่กองอยูใกล้ๆ มาติดที่ตำแหน่งเดิมก่อนมันจะขาด เซลล์รอบๆบาดแผลทั้งที่แขนและลำตัวเริ่มมีการเคลื่อนไหว และ ค่อยๆประสานกันใหม่ เป็นการฟื้นตัวแบบไม่น่าเชื่อสิ่งมีชีวิตตนนี้ เป็นรูปแบบที่เหมือนกับมนุษย์

    แต่น่าเสียดายที่ในการต่อสู้ ครั้งนี้ สิ่งมีชีวิตที่มีพลังฟื้นตัวไม่ได้มีแต่เฟนส์คนเดียว ร่างของเอ็นโดที่เคยจมกองเลือดโดดกลับมาในท่ายืน ทำเอาเฟนส์ที่นั่งฟื้นตัวถึงกับพูดไม่ออก ถึงแม้ตนเองจะเคยประมือกับเอ็นโด คริปโตสแห่งเผ่าเทวดามาหลายครั้งในอดีต แต่ไม่คิดว่าโดนไปขนาดนั้นจะสามารถยืนได้ในทันที

    ซากเส้นใยสีดำที่เดิมได้สานตัวกันเป็นปีกทมิฬคู่กายของเอ็นโด ได้กลับมารวมตัวที่บาดแผลฉีกขาดกลางหลังอีกครั้ง ก่อนที่ปีกนิลกาฬจะแผ่ออกมาอย่างไร้ซึ่งบาดเจ็บ แถมคราวนี้กลับไม่ได้ออกมาเพียงข้างเดียว หากแต่มากถึงสิบสองปีก ผมสีขาวที่แปดเปื้อนโลหิตเริ่มไร้น้ำหนัก ดวงตาบัดนี้ขาวโพลนจนไม่เห็นแม้แต่นัยน์ตา ผิวหนังแปรเป็นสีม่วงอ่อน ด้วยร่างที่เริ่มลอยขึ้นไปกลางอากาศอย่างช้าๆ ทำให้ภาพนั้นเหมือนเทพมารจุติก็มิปาน

    “ก่อนจะเริ่มกันต่อยกสอง” เสียงสงบนิ่งของเอ็นโดเอ่ยดังขึ้น

    “ตอบมา..ทำไมแกต้องฆ่ามัน…ไอ้หมอนั่น..มันไม่ได้อยากต่อสู้เลยแท้ๆ”

    ประโยคเดียวสะบั้นขีดความอดทนของอีกฝ่าย จ้าวแห่งสรรพสัตว์เกิดอาการฟิวส์ขาดทันที

    “แล้วทีพวกแกล่ะ…” เฟนท์กัดฟันลั่น พร้อมลุกยืนขึ้นมาแบบไม่สนบาดแผล

    “ทั้งพ่อ ทั้งแม่… น้องสาวชั้น” ดวงตาของจ้าวแห่งสรรพสัตว์เริ่มเบิกขึ้นด้วยสีแดงก่ำของเลือดและนัตย์ตาสีทองอร่าม

    “ทั้งๆที่พวกเค้าไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย ไม่ได้เป็นปีศาจหรือเทวดาเลย พวกเค้าเป็นมนุษย์ปกติ!!!”

    ร่างกายครึ่งปีศาจของเฟนท์เริ่มเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้าง กระดูกสันหลังเริ่มโก่งขึ้นจนดูคล้ายสัตว์สี่เท้า กล้ามเนื้อและร่างกายโดยรวมขยายตัวใหญ่ขึ้น กระดูกแขนขาเริ่มเปลี่ยนเป็นขาทั้งสี่ มือเท้าเริ่มแปรสภาพเป็นอุ้งเท้าสัตว์ขนาดใหญ่ประดับกงเล็บที่เสมือนคมดาบหลังอุ้งเท้า โครงหน้าเปลี่ยนเป็นหมาป่าเต็มตัวพร้อมด้วยเขี้ยวดาบยาวคม สุดท้ายด้วยเขาดุจดาบยาวอยู่กลางหน้าผาก

    “แล้วทำไมสิบสองปีก่อน กลุ่มบทเพลงแห่งรุ่งอรุ่นอย่างพวกแกต้องไปฆ่าพวกเค้าด้วย!!!!!!!!!!!!!!”

    เสียงแผดสบถด้วยเพลิงแค้นดัง จากร่างกายที่แปรสภาพเป็นหมาป่าเต็มตัว น้ำเสียงเกรี้ยวกราดราวกับจ้าวอสุรกายผงาด จนเกิดคลื่นเสียงกระแทกกดดันรอบด้าน แต่ทว่าเอ็นโดก็ไม่ได้แปลกใจต่อสิ่งมีชีวิตตรงหน้านัก กลับกันสายตาที่จ้องมองยิ่งแผ่ความอาฆาตเช่นเดียวกับจ้าวแห่งสรรพสัตว์

    [ร่างปีศาจสมบูรณ์] งั้นเหรอ….ดีเลย จะได้ปิดบัญชีแค้นกันที่นี่ไปเลย”


    “ชั้นไม่รู้หรอกว่าไอ้ที่แกพล่าม แกไปเอามูลมาจากไหน แต่โทษที่แกฉีกพวกเพื่อนของชั้นออกเป็นชิ้นๆนั้น ในนามของ “ผู้บงการหมื่นชีวิต” จะเด็ดหัวแกด้วยร่างสมบูรณ์นี้แหละ!!!”

    สิ้นน้ำเสียง สิบสองปีกก็แผ่พุ่งยาวออกมาดุจอสรพิษเลื้อยเข้าจู่โจมร่างสัตว์ป่าของเฟนส์เหมือนพิฆาตเหยื่อ

    เช่นกันในพลันนั้น ตำแหน่งยืนเดิมของอสูรกายหมาป่าขาวได้เหลือเพียงแต่รอยแตกที่จมลง ร่างสัตว์ป่าพุ่งตรงเข้าส่วนผ่านปีกทั้งสิบสองเข้าจู่โจมมหาเทวดาสิบสองปีกราวกับลูกศรแสงแห่งเทพ

    บัดนี้ภาพการห่ำหั่นกันระหว่างอสูรและเทพ ปรากฏขึ้นมาแล้ว


    ……………
    ……….
    ……
    ….
    .
    สถานการณ์เบื้องบนก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ออกมาจากภายนอกกราวด์เหนือขึ้นไปหลายเมตรที่ชาวใต้ดินไม่ล่วงรู้ ตามจุด ตามซอย ตายอาคารที่เป็นที่ซ่อนทางลงไปยังกราวด์นับหลายสิบรอบเอเดนนั้น ปัจจุปันล้วนแต่กลายเป็นซากไปแล้ว ด้วยการระเบิดปริศนาที่ระเบิดพร้อมเพรียงกันอย่างไม่มีการเตือนภัย การเรียกร้องของผู้ก่อการร้ายเลย

    เสียงหวอเตือนภัยดังขึ้นราวกับวันมหันต์ภัยเมื่อครั่นเหตุการณ์ฝูงอุกกาบาตชนโลกกลับมาอีกครั้ง สุมไฟจากที่เกิดเหตุลอยตัวขึ้นรวมกันจนบดบังฟากฟ้าแดงฉานยามเย็น ช่างไม่เข้ากับภาพของเมืองที่มีพฤกษายักษ์กลางมหานครเสียเลย

    จากมุมหนึ่งของเงามืดบนอาคารใกล้เคียง จากความว่างเปล่า ปรากฏร่างของชายหนุ่มในสูทขาว ผมสีดำยาวค่อยๆถูกมัดรวบเป็นทรงหางม้าอย่างประณีต ปิดท้ายด้วยการจัดเน็คไทสีม่วงให้เข้ารูป เดเนฟ ลูนาซีค่อยๆเดินออกมาชมทัศนภาพแห่งความพินาศโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าแต่อย่างใด

    “ทำหน้าทำตา อย่างกับบทตัวร้ายเลือดเย็นเลยนะ เดเนฟ ลูนาซี”

    “ที่ว่านั่นมันบทของนายไม่ใช่เหรอ โนเบิล เวย์”

    คู่สนทนาปรากฎตว ออกมาใกล้ๆ ชายหนุ่มผู้มาในสูทลำลองสีเทาตัดกับเชิ้ตขาว หนวดเคราที่ถูกไว้ความเป็นระเบียบช่วยเสริมความเด่นของใบหน้า คู่กับทรงผมสั้พอดีหัวสีเดียวกับสูท ตรงหน้าของเดเนฟคือ ชายผู้ได้ชื่อว่า อาชญกรที่ร้ายกาจที่สุดในประวัติศาสตร์การก่อตั้งเอเดนขึ้นมา ด้วยการก่อคดีมาแล้วมากว่าร้อยครั้ง และผู้เคระห์ร้ายล้วนเกี่ยวกับสภาสูงและหน่วยตำรวจ

    “นั่นสินะ แต่การรับบทเป็นผู้ร้ายหน้าตาดี มันดูเท่ไม่ใช่หรือไง?”

    “นอกจากมุกไม่ฮา ยังชอบนอกเรื่องอีกนะ บอกมาหน่อยได้มั้ย ทำไมครั้งนี้ถึงก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ล่ะ”

    “เหมือนเดิม….แต้มสีให้กับเมืองนี้ไงล่ะ” โนเบิล ชักมะเร็วหนึ่งม้วนมาสูบอย่างใจเย็น

    “ชั้นว่า มันไม่น่าจะใช่นะ เหมือนกับว่านายทำเพราะรู้ว่ามีอะไรอยู่ที่กราวด์ เลยลงทุนปิดทางเข้าทุกๆทางเลยซะมากกว่า” เดเนฟยิงประเด็นเข้าไปตรงๆ

    “….หึ รู้ถึงขาดนี้แล้วแต่ยังทำหน้าตายแบบนี้ แสดงว่านายก็คาดหวังให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมาอยู่แล้วสิท่า?” โนเบิลกัดบุหรี่ที่คาบอย่างมีอารมณ์เล็กน้อย

    “มันก็ไม่ใช่ว่าชั้นจะคาดการณ์เรื่องนี้ไว้หรอกนะ แต่นายก็ช่วยทำให้งานของชั้นเสร็จไวขึ้น ต้องขอบใจจริงๆ โนเบิล เวย์”

    ชั่วพริบตานั้น สายตาของวุฒิสมาชิก เดเนฟ ส่อแววสังหารขึ้นมาจนโนเบิลรู้สึก ราวกับรู้ว่าเคียวยมทูตเตรียมตัดคอจากด้านหลัง โตรหนุ่มพลิกตัวกลิ้งหลบอย่างรวดเร็ว

    “หึ…พลาดไปได้เหรอ”

    เดเนฟที่เดิมยืนอยู่ตรงหน้าของโนเบิล กลับโผล่มาตวัดฟันด้านหลังด้วยเล็บที่เรียวยาวจนไม่ต่างจากมีด ดวงตาของชายหนุ่มเปล่งประกายสีทองออกมา

    “เอาล่ะ โนเบิล เวย์ ชั้นไม่รู้ว่านายรู้เห็นเรื่องที่ท่านคิว (Keel) กำลังจะทำแค่ไหนหรอกนะ แต่การปล่อยนายไว้มันเป็นอันตรายต่อแผนการของเรา” มือทั้งสองของเดเนฟผลัดผิวออกกลายเป็นแขนสัตว์ป่าสีดำ อุ้งมือมีเบ็บเรียวยาวเกือยสิบห้าเซนงอกออกครบทุกเล็บ

    แต่โนเบิลก็ไม่รีรอจะให้อีกฝ่ายเข้ามาฆ่า มือหนึ่งข้างคว้าปืนลูกโม่จากหลังออกมา ระเบิดกระสุนใส่ในทันที

    “คิดจะยิงชั้นด้วยปืนกระจอกพรรค์นี้น่ะเหรอ?”

    เดเนฟ ตวัดฟันกรุนที่ยิงออกมาได้แม่นยำและรวดเร็วเกินมองทัน แต่โนเลเองก็ไม่ได้คิดจะสู้รบปบมือกับเดเนฟในครึ่งร่างปีศาจอยู่แล้ว เมื่อกระสุนที่ยิงไปกลับระเบิดออกเป็นแสงจ้าระยะสั้น

    “กระสุนระเบิดแสง?!!”

    กว่าจะรู้ตัว แสงจ้าก็ทำลายสายตาของเดเนฟไปชั่วขณะ ก่อนที่ร่างของอาชญกรตัวเป้งจะหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย

    “…ช่างเถอะ ดูเหมือนมันยังไม่รู้ถึงการทดลองของท่านคิว” สภาหนุ่มปรับสภาพตัวเองคืนสู่มนุษย์ก่อนจะ เริ่มเดินกลับไปยังเงามืด

    “พรุ่งนี้ คงเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นน่าดู หวังว่าเซโร่คงเตรียมการไว้พร้อมแล้วนะ”
    ……………
    ………
    …..
    ..
    .
    ในเวลาไล่เลี่ยกัน ที่ช่วงต่อของเขตแปดและเขตเก้า

    บรึ้มมมมมมมมมมมมม

    เสียงกัมปนาถสนั่นพร้อมคลื่นกระแทกรุนแรง เกิดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จนทำให้ผู้คนในรถไฟข้ามเขตขบวนหนึ่งที่กำลังแล่นอย่างรวดเร็วไปตามรางคู่เหนือย่านที่อยู่อาศัยตามเส้นทางมุ่งผ่านเขตแปดต้องสะดุ้งกันทั้งแถว

    แต่ดีที่ระยะทางยังคงไกลจากรางมากหรือยังไง รถไฟและเส้นทางยังไม่มีผลกระทบตามหลังมา ผู้โดยสารจึงต่างก็แค่ตกใจเล็กน้อยก่อนจะกลับสู่ปกติอีกครั้ง

    “เมื่อกี้ มันอะไรน่ะ” เด็กหนุ่มในชุดยูนิฟอร์มสีแดงเพลิงผู้โดดเด่นจากเกศาแสดส้ม ถามไอ้หนุ่มผมดำที่มัดหางม้ายาวในเครื่องแบบเดียวกัน

    “ไม่รู้แฮะ…สงสัยเสาจ่ายไฟแถวนี้ระเบิดมั้ง” หนุ่มผมดำตอบอย่างไม่แยแสต่อกระแสโลกก่อนจะนั่งเตรียมหลับอีกครา หลังจากถูกรบกวนความฝันอันแสนสุข


    ปิ้ปๆๆๆ


    เสียงมือถือขั้นพื้นฐานของพื้นฐานอีกที ดังขึ้นจากกระเป๋ากางเกงนักเรียนของหนึ่งในสองเด็กชายที่นั่งในขบวนนั้นด้วย ก่อนที่เด็กหนุ่มผมหางม้าผู้เป็นเจ้าของจะล้วงเครื่องออกมาพูดอย่างรำคาญใจว่าโทรมาทำไม ตูจะหลับ

    “โครตอภิมหาจ้างแห่งบุรุษสุดหล่อและเท่ที่สุดในสามโลกนามว่า ไวลด์ กำลังพูดคร้าบบบบบบบบบบบบบ”

    ไอ้หนุ่มหน้าม่อนามลือลั่นว่า ไวลด์ ไลสเนอร์ เปิดตัวสโลแกนแบบชนิดที่สายตาของผู้โดยสารรอบๆไม่ได้สะเทือนหนังหน้าของตนท่ามกลางขบวนรถ จน เอมิยะ เรียวชิโร่ หนุ่มผมสั้นสีส้มแสบตาผู้เป็นสหายรักยังต้องเขย่บก้นออกห่างโดยไม่ต้องคิด

    “หล่ออะไร ไอ้หน้าตะกวด แกอยู่ที่ไหนเนี่ย?!!!!” คู่สายตะโกนด่าจนคนในรัศมีสองเมตรได้ยินกลั้นขำไปตามๆกัน

    “ว่าไงเอเจนท์ ตอนนี้กำลังผ่านเขตแปด พารูกี้เรียวชิโร่คุงไปหาเจ้าฟรานเซสก้าที่เขตพิเศษน่ะ”

    “เปลี่ยนแผน ให้รีบไปยังเซฟเฮ้าท์ของกลุ่มเราที่เขตแปดซะ ด่วนที่สุด!!!”

    “จะรีบด่วนทำไมฟะ อีกอย่างรถไฟมันเลยสถานีเขตแปดไปแล้ว”

    “สมองแกมีไว้กั้นหูหรือไงฟะ!!! ไม่ได้ยินเสียงระเบิดหรือไง หันไปดูข้างนอกสิวะ!!!!”

    “ข้างนอกมันทำไมล่ะ”

    “ไวลด์ ดูนี้!!!” เรียวชิโร่ที่หันมองหน้าต่างถึงกับตาค้าง กระชากหัวของไวลด์ออกไปทางหน้าต่าง

    “เวรตะไลแล้วไง…” ไอ้หนุ่มหน้ามึนตื่นจากภวังค์เมื่อทัศนียภาพตรงหน้าคือเมืองยามเย็นที่ถูกไฟลุกโชนไปทั่วหลายแห่ง และท้องฟ้าที่ถูกควันอัคคีกลืนจนมิด “ถือสายไว้ก่อน เอเจนท์”

    “เรียวชิโร่ ขอโทษที่ต้องพูดตอนนี้แต่…” ไวลด์หันมายกมือตะเบ๊ะเหมือนทหารร่ำลา “นายรีบกลับไปที่บ้าน ไปขอโทษเหม่ยหลินซะล่ะ ชั้นต้องไปรวมกับกลุ่มก่อน”

    ไวลด์ที่ยังถือสายอยู่ ตรงออกไปหลังท้ายขบวนอย่างเร่งรีบ แต่เรียวชิโร่กลับกระชากตัวเพื่อนกลับมา

    “เดี๋ยวสิ!!! มันเกิดอะไรขึ้น…เกี่ยวกับเผ่า..!!” หนุ่มผมส้มพูดด้วยความร้อนใจ แต่ไม่ทันจะหลุดเผ่าปีศาจหรือเทวดา ไวลด์ยกห้าม

    “เกี่ยวน่ะ มันอาจจะใช่ แต่ระเบิดนี้ไม่ใช่ฝีมือพวกเราแน่…” สหายไวลด์ถอนหายใจไปเฮือก “เรียว..นายควรจะรีบกลับ…”
    “ชั้นไปด้วย!!”

    เอมิยะ เรียวชิโร่ ส่งสายตาอันแน่วแน่ ซึ่งมันฟ้องว่าต่อให้ ปฎิเสธตูก็จะไป แน่นอนว่าไวลด์ก็รู้เรื่องนี้ดี

    “….ขอถามอย่าง เรียวเอ้ย..ทำไมถึงคิดจะไปด้วย” เป็นอีกครั้งที่ หนุ่มทะเล่นอย่างไวลด์ทำหน้าจริงจัง

    “จับตัวการการระเบิดครั้งนี้ออกมาให้ได้”

    [ตูว่าแล้ว…]

    ไวลด์คิดในใจ เพราะตั้งแต่รู้จักมันมา เรียวชิโร่เป็นคนประเภทที่ว่าทนเห็นคนอื่นลำบากเป็นไม่ได้ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ยอมเสียทุกเรื่องจนไม่ห่วงตัวเอง นี่เป็นสาเหตุที่ไวลด์ไม่อยากให้มันมายุ่งเสียเลย

    [แต่ถ้าไม่เอามันไปด้วย นิสัยอย่างมัน คงออกลุยคนเดียวแน่ๆ ถ้ามันเผลอทำอะไรบ้าๆไปทำไงล่ะเนี่ย]

    หนุ่มผมม้าคิดไปพลางก่อนถอนหายใจอีกเฮือก

    “โอเค นายจะทำอะไรชั้นไม่ว่า แต่บอกก่อนนะ ชั้นไม่ได้คิดจะไปเป็นตำรวจจับโจรด้วยกับนาย”

    เด็กหนุ่มหัวส้มพยักหน้า

    “…งั้นตามมา ให้ไวล่ะ เพื่อน!!” พูดจบไวลด์ก็พุ่งออกไปยังท้ายขบวน ก่อนที่เรียวชิโร่จะยิ้มร่าตามไป

    “เอาล่ะ เอเจนท์ ตั้งแต่เมื่อกี้มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?” ไวลด์หันมาโทรศัพท์ต่อขณะวิ่ง

    “ระเบิด!! ต่อหน้าชั้นเมื่อกี้เลย…หน้าทางลงกราวด์ข้างในตรอกระหว่างตึกในเขตสาม”

    “กราวด์? เจ้าเฟนส์ กับ แอซเรียล มันก็ลงไปแล้วไม่ใช่หรือไง?”

    “เพราะเผ่าเทวดาดันลงไปด้วยน่ะสิ แถมเป็นใครไม่เป็น ดันเป็นเจ้าเอ็นโด คริปโตส…ถึงจะเข้ามาทีหลัง นายก็รู้ดีนี่ว่า เฟนส์มันจงเกลียดจงชังเทวดาเข้าไส้ โดยเฉพาะเอ็นโดก็เป็นโจทย์เก่าด้วย” เอเจนท์พูดอย่างร้อนใจ

    “…งานเข้าแน่ๆ” ไวลด์นึกภาพออกทีเดียวว่า เสือสองตัวในถ้ำเดียวกันจะเกิดไรขึ้น “แล้วไอ้ระเบิดนี่ละ?”

    “ไม่รู้!! ชั้นวิ่งผ่านทางเข้ากราวด์ที่รู้จักมาสามที่แล้ว!!! ทุกที่โดนระเบิดปิดหมดเลย!!! แม่งใครอุตริมาวางระเบิดใกล้ๆ ทางเข้ามันซะทุกที่ฟะ!!!”

    “ใกล้ๆ..งั้นเหรอ..” ไวลด์ฉุกคิดขึ้น กับการที่ทางเข้าสู่กราวด์ โดนผลของระเบิดปิด “เอเจนท์ กระจายข่าวให้พวกเดนตายของกลุ่มเราหน่อย เช็คว่าตำแหน่งระเบิดเกิดขึ้นมันอยู่ที่ไหนบ้าง ส่วนชั้นจะลองหาทางลงไปหาสองคนนั้นที่กราวด์”

    “ตำแหน่ง? …เข้าใจแล้ว งั้นเลิกแค่นี้”

    “เออ ไวลด์” เรียวชิโร่เอ่ยปาก “นึกขึ้นได้ว่าเรายังอยู่บนรถไฟที่แล่นอยู่นะ แล้วเราจะออกจาก….”

    ประโยคไม่ทันจะสุด ไวลด์ที่แสยะยิ้มฉ่างอย่างสบายใจ ทำเอาเรียวชิโร่ขนลุกซู่

    “นายก็น่าจะรู้นะ เมื่อวานชั้นก็พานายทัวร์มารอบแล้วนิ เอาล่ะเกาะไว้นะ เรียว!!!”

    “เดี๋ยวก่อนเซ่ ชั้นยังไม่?!!!”

    ไม่ทันที่สหายหนุ่มจะเตรียมใจ ไวลด์ที่คว้าร่างของเรียวชิโร่ไว้แน่น ก่อนออกตัววิ่งไปยังท้ายโบกี้แล้วก็!!!


    ตูม!!!!!!!


    เสียงกระแทกดังลั่น ประตูท้ายโบกี้หลุดกระจาย ความเร็วและความเหลือเชื่อจนไม่มีผู้โดยสารคนไหนหันมาดูได้ทัน มีเหลือเพียงสิ่งลึกลับที่ลอยออกไปลิบๆ กับเสียงเด็กผู้ชายหวี้ดร้องอย่างหวาดผวาห่างออกไป

    สองเด็กหนุ่มแห่งเผ่าปีศาจก็ได้มุ่งตรงไปสู่เขตแปดแล้ว
    …………
    ……

    .
    .

    เหนือน่านฟ้าที่ตอนนี้ปกคลุมไปด้วยควันไฟ จนทัศนะวิสัยแต่เบื้องบนย่ำแย่ ซึ่งนับเป็นโชคดีของเผ่าเทวดาสาวเรเชล เดอ อเมทิส ที่สามารถสยายปีก ออกบินด้วยความเร็วสูงเพื่อมุ่งหน้าไปหาอลิซซาเบธ เนซซ่า เฟอร์ลากูน หัวหน้าของกลุ่มได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น

    สีหน้าของเด็กสาวดูคร่ำเครียด เนื่องจากเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้ เธอได้เห็นภาพเสาไฟพรวยพุ่งออกมาทุกทิศทางซึ่งก่อนจะตามมาด้วยเสียงตูมดังลั่นฟ้า จนเจ้าตัวเกือบตกใจร่วงสู่ผืนดิน

    “นี่มันเกิดเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย?” เรเชลบ่นพึมพำกับตัวเอง ภาพเบื้องล่างฉายให้เห็นแต่ความวิตกกังวลของประชาชน ความหวาดกลัว ความพินาศ จนนึกภาพของตัวการที่สามารถวางระเบิดเพลิงที่อานุภาพสูงได้จำนวนมากมาย ไม่ได้เลยทีเดียว

    แน่นอนว่าหน่วยตำรวจต้องกระจายกำลังออกไปทั่วด้วยความวุ่นวายและเหลือเชื่อ เนื่องด้วยกู้ภัยไม่สามารถออกปฏิบัติการพร้อมกันได้ เพราะการระเบิดได้เกิดขึ้นพร้อมกันจากทุกๆเขต จนเจ้าหน้าที่ต้องแบ่งกำลังอย่างเหน็ดเหนื่อย อีกทั้งหัวหน้าหน่วยยังติดภารกิจสำคัญไม่สามารถสั่งการได้ ฝ่ายรักษาการณ์เลยต้องเหนื่อยเสียยิ่งกว่า

    ในเขตที่เจ็ด อันเป็นอีกเขตการธุรกิจ กลุ่มควันไฟสี่แห่งกำลังลุกโชนขึ้นฟ้าเช่นกัน ผลกระทบจากแรงระเบิดที่นี่ประมาณสามลูกโดยประมาณยังไม่ส่งผลเสียเท่าผลกระทบหลังจากนั้น แรงสะเทือนส่งผลให้บ้านเรือนหลายหลังพังเละเทะไปตามๆกัน

    แน่นอนว่า สถานการณ์ครั้งนี้ รุนแรงมากเสียจนหญิงสาวอันเป็นหัวเรือแห่งกลุ่มเทวดา “บทเพลงแห่งรุ่งอรุน” อลิซซาเบธ เนซซ่า เฟอร์ลากูน ยังต้องออกมาดูสถานการณ์ด้วยตัวเอง พร้อมผู้ติดตามอีกสองนามที่เดินเคียงข้างกันมา

    “คุณอลิซครับ นี่มัน….” ชายหนุ่มในเสื้อฮู้ดตัวใหญ่เหมือนแร็ปเปอร์ที่อยู่ฟากซ้ายกล่าวด้วยใบหน้าปวดใจ

    “อืม…เลวร้ายจริงๆ” หัวหน้ากลุ่มเทวดา อึดอัดใจต่อภาพความพินาศเบื้องหน้า “หวังว่าสาเหตุของการระเบิดครั้งนี้ จะไม่ใช่อย่างที่ชั้นคิดไว้นะ”

    “คุณอลิซ~~~” เสียงตะโกนเรียกลอยมา ก่อนที่เจ้าของน้ำเสียงจะปรากฏตัว เธอคือเด็กสาวผมทองทวินเทลในชุดยูนิฟอร์มของศูนย์การศึกษาเอเดน หรือ เรเชล เดอ อเทมิส ‘นางฟ้าพิพากษา’ แห่งบทเพลงแห่งรุ่งอรุนนั่นเอง

    “เรเชล ตอนที่เธอบินมากำลังที่นี่ ระเบิดเกิดขึ้นได้ยังไง?”

    “ค่ะ ชั้นลองบินลาดตระเวนมาแล้วค่ะ ตอนนี้ ทั่วทั้งเอเดนเกิดระเบิดเกือบจะพร้อมกันเลย” เรเชลพูดอย่างร้อนใจ

    เหนือหัวแห่งกลุ่มเทวดาครุ่นคิดอย่างสับสน จึงลองคว้าโทรศัพท์มือถือของตนออกมาโทรหาสหายที่ตอนนี้น่าจะยังคงอยู่ที่กราวด์

    “ขออภัยค่ะ เลขหมายของท่านไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่ ในภายหลังค่ะ…”

    เมื่อปลายทางกลับไม่มีการตอบรับอะไรเกิดขึ้น ความหวาดหวั่นก็เข้าครอบงำจิตใจอลิซซาเบทอย่างรวดเร็ว
    เพราะเบอร์ที่โทรไปนั้น คือเบอร์โทรศัพท์ของเอ็นโด คริปโตส ซึ่งตอนนี้ เครื่องของเขาก็คงแหลกคาที่ไปแล้ว ทำเอาอลิสหวั่นใจเพราะดันพลาดเองที่ให้โทรศัพท์ติดต่อแค่เอ็นโดเพียงคนเดียว

    “ข้างล่างต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ” นี่คือความมั่นใจอย่างเดียวที่เป็นไปได้แน่ “การระเบิดครั้งนี้มันดูจงใจเกินไป เหมือนกับว่าตั้งใจวางระเบิดปิดประตูตีแมวยังไงยังงั้น”

    “ปิดประตู? หมายถึง เป้าหมายอยู่ที่เอ็นโด กับ คาเรนที่ไปซื้อข่าวจากลูซิเฟเรียงั้นเหรอครับ?”

    “แค่การคาดเดาล่ะนะ แต่การระเบิดทั่วทั้งเอเดนพร้อมๆกันได้ มันไม่ใช่แค่ผู้ก่อการร้ายธรรมดาหรอก เผลอๆอาจจะเป็นแผนของสภาสูงก็ได้

    “แต่…ถ้าสภาสูงคิดจะทำอย่างงั้น ทำไมต้องลงทุนวางระเบิดเอาล่ะครับ ทั้งๆที่ถ้าพวกนั้นมันรู้ค่าหน้าตา พวกเราไม่ใช่มนุษย์ แค่ยกกองกำลังมาก็น่าจะจับพวกเราได้อย่างน้อยๆก็คนสองคนแน่ๆ”

    “มันก็ไม่แน่หรอก….ถ้ามองในอีกแง่มุม มันอาจใช้สถานการณ์ที่สร้างขึ้นเพื่อทำให้คนรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเราได้”

    “แต่คุณอลิส ถ้าคุณเอ็นโดกับคาเรนไม่แปลงสภาพ มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาไม่ใช่เหรอคะ?”

    “แย่หน่อยนะ เพราะตอนนี้ปัญหาที่ว่ามันอาจจะจริงแล้วล่ะ นางฟ้าพิพากษา”

    เสียงชายที่ดังแทรกการสนทนาของบทเพลงแห่งรุ่งอรุน ทำให้ทั้งสี่เปิดโหมดเตรียมพร้อมรบแทบทันที เมื่อเจ้าของเสียงอันเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นเพียงหนึ่งคนกลับมายืนอยู่ในระยะประชิดได้โดยประสาทสัมผัสขงเทวดาไม่รู้สึกตัวเลย

    “แก!!!” บอดี้การ์ดเบื้องซ้ายของอลิส ถลาเข้าจู่โจมแบบไม่คิด

    “….ช้า” เสียงคนแปลกหน้ากล่าวเรียบๆ พร้อมตวัดเท้ากวาดอีกฝ่ายจะล้มหน้าทิ่มในพริบตา ก่อนสะบัดผมหน้าสีขาวที่ตัดกับผมดำอย่างเย่อหยิ่ง

    เรเชลไม่มีคำพูดใดๆจะพูดต่อ ร่างกายของเด็กสาวตอบโต้ตามสัญชาตญาณ เส้นใยสีฟ้าเริ่มทักถอออกจากกลางหลังเพื่อสยายปีกเหล็กกล้าเข้าจู่โจม แต่ทว่ากลับถูกห้ามปรามด้วยมือของหญิงสาวผู้อาวุโสกว่าจากข้างหลังทันที

    “อย่าทำอะไรเอิกเกริก เรเชล เราอยู่กลางเมืองนะ แล้วก็หมอนี่ ไม่ได้มาร้ายด้วย” แม้กระนั้น อลิสก็ยังข่มสายตาสู้ดวงตาสีเพลิงของอีกฝ่ายอย่างไว้เชิง

    “….หัดคุมอารมณ์ให้มากกว่านี้นะ” หนุ่มเนตรสีเพลิงว่ากล่าวแก่เรเชล “ถึงจะเป็นแต่ปีกข้างเดียว ก็ทำให้ซวยกันทั้งเอเดนได้ รู้ตัวไว้ด้วยล่ะ สาวน้อยเทวดา

    “ว่าไงนะ!!” เด็กสาวถึงกับเดือด ที่อีก่ายมาทำสั่งสอน แม้เดิมไม่คนอารมณ์ร้อน แต่ตั้งแต่พ่ายแพ้เมื่อคราวก่อนก็ทำให้เธอนั้น หงุดหงิดง่ายกว่าเดิมจมหู

    “พอซักทียัยเด็กบ้า” อลิสขึ้นเสียงใส่ ก่อนจะหันมาประชันหน้ากับคนแปลกหน้า “ถ้าคิดจะมาสั่งมาสอนคนของชั้น ก็ไสหัวไปซะ ฟรานเซสก้า อย่าคิดว่ากลางเมืองแบบนี้ ชั้นจะไม่กล้าเด็ดหัวนาย”

    “หึ….ใจชั้นก็อยากเก็บหัวหมู่อย่างเธอทิ้งไปเลยหรอกนะ” ฟรานเซสก้าพ่นลมขำขัน “แต่…ที่มาตอนนี้ จะเตือนว่าให้หาทางเอาตัวเด็กมีปัญหาของพวกเรา ขึ้นมาจากด้านล่างให้ได้ก่อนที่จะซวยต่างหาก”

    “??...หมายความว่าไง” เรเชลออกปากสงสัยทั้งๆที่จะยังโมโห

    “นั่นแหละปัญหาของเรา ดูโน่น” ฟรานเซสก้า ชะโงกไปทางข้างหลัง พร้อมกับที่เผ่าเทวดาทั้งสี่หันตามไปดู

    บุคคลในชุดหนาจนดูเหมือนเป็นชุดนักบินอวกาศในสมัยก่อนวันโลกาพินาศพร้อมเครื่องมือและสรรพวุธครบมือ เดินทางมายังจุดเกิดเหตุและกั้นอาณาเขตห้ามเข้าได้อย่างรวดเร็ว แม้แต่หน่วยตำรวจที่ดูแลพื้นที่ เมื่อได้ดูเอกสารจากมือของบุคคลดังกล่าวก็ถึงกับถอยออกจากบริเวณทันที ดูแล้วไม่ว่ามุมไหนก็น่าจะเป็นหน่วยพิเศษสำหรับอะไรซักอย่างของรัฐแน่ๆ

    “ไม่ใช่หน่วยตำรวจนี่ครับ คุณอลิสครับ นี่มัน” บอกี้การ์ดฝ่ายขวาถาม

    “คิดว่าการระเบิดครั้งนี้มันเป็นอุบัติเหตุหรือไง?” ฟรานเซสก้าสวนการสนทนาขึ้นมา

    “….นายจะบอกว่า สภาสูง รู้ว่ามีพวกเราอยู่ข้างล่าง แล้วทำการระเบิดเพื่อจะจับเนี่ยนะ?”

    “จะใช่หรือไม่ มันก็เริ่มหาทางลงไปข้างล่างแล้ว” หนุ่มตาสีเพลิง ชะเง้อคอเป็นสัญญาณบอก ให้ดูว่า บุคคลในชุดอวกาศกำลังขับเคลื่อนเครื่องจักรคล้ายรถเจาะในการก่อสร้าง เพียงแต่มือกลของมันกลับมีหัวเป็นแท่นสี่เหลี่ยมจัตุรัส พร้อมช่องประหลาดสี่มุม

    “เครื่องเจาะแรงอัดน้ำ” ฟราเซสก้าอธิบาย “แรงอัดมหาศาลของน้ำที่ฉีดออก สี่ด้าน พวกนั้นกะเจาะทีเดียวลงไปเลย”


    “อีกอย่าง ชั้นว่าถ้าไม่รีบลงไปเก็บพวกนั้นขึ้นมา ฝ่ายที่ซวยหนักสุดคือไม่ใช่พวกเราหรอก ยิ่งถ้าเจ้าหมาบ้านั้นฟิวส์ขาดล่ะก็นะ”

    “หมายความว่ายังไง?”

    “….บอกได้แค่ว่าถ้ารูปแบบเฉพาะของราชาแห่งสรรพสัตว์ใช้ออกมาเต็มที่ล่ะก็ วันนี้มีคนตายเป็นเบือแน่”
    ………..
    …..
    ..
    .
    ตัดกลับมาที่กราวด์อีกครั้ง

    พื้นที่บริเวณกว้างได้กลายสภาพสู่ความพินาศไม่ต่างจากผืนทะเลทรายที่แห้งแล้ง ผู้คนบริเวณนี้เริ่มบางตา มีเพียงหยิบมือที่ตะเกียกตะกายออกห่างอานาเขตการต่อสู้ที่ห่างออกไปอย่างช้าๆ บ้างก็สิ้นสติไม่ไหวติงอยู่ข้างทางประปราย

    หากแต่มีเสียงฝีเท้าที่หนักหน่วงและว่องไวเหนือมนุษย์ธรรมดา ที่กลับสวนทางผู้รอดชีวิตไปคนละทาง แอชเลียสพร้อมโลงกระดูกที่หลัง รีบถลาเข้าไปยังแดนการต่อสู้ของเฟนส์และเอ็นโด ประสาทสัมผัสของเค้าร้องสั่นเหมือนสัตว์ป่าที่รู้ภัย หากการคาดคะเนของเขาไม่ผิด เชื่อเลยว่า สองคนนั่นต้องอยู่ในร่างอมนุษย์โดยสมบูรณ์แล้ว

    แต่ขณะที่คิดเพลินไปเพียงพริบตา วัตถุประหลาดสีดำรูปร่างยาวพุ่งสวนมาทางด้านหน้าแบบไม่ทันรู้ตัว กว่าจะตั้งตัวทัน ส่วนปลายอันปลายคมก็ห่างจากหน้าผากแค่สิบเซนกว่าๆ

    “เวร!!” แอชเลียสหักตัวหลบด้วยพลังที่มีทั้งหมด คมทมิฬปาดผ่านผิวหนังหน้าผากไปอย่างเหลือเชื่อ

    เด็กหนุ่มไม่ทันจะหายใจ ก่อนจะเหวี่ยงตัวกลับสู่ท่าเดิมแล้วถลาออกข้างสิ่งที่โจมตีเขาไป สิ่งที่เหมือนจะเป็นหนวด แต่กลับบางและประดับไปด้วยขนปักษาที่ไม่ต่างจากคมดาบดำ

    “นี่มันปีกนี่หว่า?” เด็กหนุ่มตะลึงที่รู้ตัวตนของสิ่งนั้นขณะที่มันถูกดึงกลับสู่ที่มา แต่เหลือเชื่อกว่าที่มันยาวออกมาจากกลุ่มควันฝุ่นด้านหน้าออกไป แบบไม่เห็นต้นตอ
    …..

    .
    ใจกลางของกลุ่มควัน ที่ไม่เห็นภูมิทัศน์โดยรอบเลย ร่างมนุษย์ที่ผิวกายสีม่วงสด กำลังลอยอยู่เหนือพื้น สิ่งที่เป็นโคนของปีกทั้งสิบสองข้างกำลังโบกสะบัดด้วยความไวเกินสายตาจะตามทัน ราวกับเป็นเทพที่มีหนวดแขนสิบสองเส้นกลางหลัง เสียงเสียดสีของโลหะดังขึ้นไม่หยุดหย่อนจากการฟาดฟันของแส้ปีกเหล็กสีดำ…..กับอีกหนึ่งอมนุษย์

    หากเงาการฟาดฟันของปีกที่สะบัดราวกับแส้เป็นสีดำ ท่ามกลางนั้น ก็มีเงาแสงสีขาวที่รุกรับไปมาอย่างสูสี…อาจจะไวกว่าด้วยซ้ำไป

    ในโลกของความเร็วเหนือขีดจำกัด ปีกข้างหนึ่งชูแผงขนคมดาบออกพร้อมแทงตรงออกไป แสงเงาสีขาวปะทะเข้ากับมันในพริบตาเดียว ก่อนโดดเข้ามาวิ่งบนปีกนั้น หมาป่าเขี้ยวดาบสีขาวสปีดฝีเท้าบินเข้าสู่ร่างต้นของสิ่งที่มันยืน

    แต่ตัดระยะไปได้แค่สิบก้าว ปีกอีกสองข้างจากมุมอับด้านบนตัดขวางเข้ามาคนละมุม เฟนส์ในสัมผัสประสาทของสัตว์ป่าอสูร โดดทะยานขึ้นกลางอากาศ ก่อนเอี้ยวตัวหลบอย่างเหนือชั้นกว่า

    เอ็นโดที่เป็นดั่งป้อมปราการเริ่มเดาะลิ้นอย่างขุ่นเคือง สายตายังคงเพ่งมองความเร็วปีศาจเบื้องหน้า สมองประมวลคาดการณ์พร้อมสั่งการกล้ามเนื้อของปีกทั้งสิบสองอย่างตึงเครียด จนในที่สุดก็เริ่มหมดความอดทน

    ปีกทุกคู่ที่โฉบไปมารอบตัวหมาป่าขาวหดถอยกลับไปสู่ร่างต้นโดยพร้อมเพรียง เทวดาเอ็นโดส่งสายตาอาฆาตเป็นการยื่นสารท้ารบ


    เฟนส์ที่โดนอัญเชิญย่อมตอบรับอย่างไม่ต้องคิด หมาป่าขาวร่วงกลับไปสู่พื้นล่าง ก่อนหมุนตัวออกแรงถีบส่งตัวเองพุ่งตรงเข้าสู่ตัวเทวดาสีม่วง อย่างเกรี้ยวกราด

    เอ็นโดตวัดปีกพุ่งเข้าประจันหน้า สิบสองปีกหักจดออกไปเบื้องหน้าดุจหอกแห่งความตายที่พร้อมทะลวงทุกสิ่ง

    “เข้ามาเลย จ้าวแห่งสรรพสัตว์!!!!”

    สิ้นเสียงคำราม หอกปีกทั้งหกคู่ได้ถูกยิงออกเข้าประจันหน้าคมเขี้ยวแห่งหมาป่า แน่นอน ฝ่ายเฟนส์เองก็ไม่ยอมถอย เกร็งชูขมสีขาวที่แกร่งดุจห่าคมดาบขึ้นทั่วกาย ก่อนจะโดดทะยานขึ้น หมุนตัวเป็นลูกบอลดาบเข้าตอบโต้

    เปรี้ยง!!


    เสียงของแข็งกระแทกดังสนั่น ร่างลูกบอลหนามสีขาวกระเด็นผ่านออกสู่เบื้องบนของเอ็นโด กลับมาสู่ร่างหมาป่าร่างยักษ์ที่กระโจนลงมาสู่ร่างของเทวดาสีม่วงด้วยคมเขี้ยวคมกริบของมัน แต่ทว่า!!


    โครม!!!


    เฟนส์สติเตลิดไปชั่วนึง เมื่อร่างของตนที่กำลังตรงเข้าขย้ำเป้าหมาย กลับเข้ากระแทกอัดกำแพงโดยไม่รู้ตัว

    เพราะพริบตาที่เข้าปะทะปีกสีดำอีกสามข้างได้ถูกปรับเปลี่ยนสภาพเป็นรูปแบบเส้นใยเหมือนตอนกำลังจะสานออกเป็นรูปร่าง เข้ามัดรวบตัวของหมาป่าขาวตรึงไว้ นี่สิ่งเดียวที่เอ็นโดเล็งไว้คือช่วงที่ กำจัดความเร็วเหนือคณานับนั่นได้ พร้อมยิงปีกที่ว่างอยู่ ออกแทงสังหารทันที

    “กรร!!!!!!!!!!!!!!”

    หมาป่าขาวทำสิ่งที่เทวดาสิบสองปีกไม่คาดคิด เมื่อเสียงคำรามระเบิดออกดังจนสั่นสะเทือนออกไปรอบกายเป็นคลื่นโซนิคบูมระยะกว้าง พร้อมระดับความรุนแรงที่ทำให้เอ็นโดเสียการทรงตัวไปช่วงเลยทีเดียว

    พร้อมๆกันนั้น แผงขนสีขาวที่ชูชันราวห่าเข็ม ก็ถูกยิงออกเป็นวงกว้าง จนเอ็นโดต้องคลายเส้นใยที่พันธนาการอีกฝ่ายพร้อมถอยออกมา

    “ชิ…” เอ็นโดสะบัดปีกกลับสู่เคียงกายอีกครา ก่อนตะหนักถึงความสามารถของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เหนือจินตนาการกว่าจิตสำนึกทั่วไปจะคาดถึง

    แต่ความเหนือคาดยังไม่จบสิ้น เมื่อความเคลื่อนไหวบางอย่างเกิดขึ้นทั่วบริเวณ เข็มสีขาวเริ่มขยับขยายใหญ่ขึ้นและกลืนบางส่วนของสิ่งที่มันได้ทะลวงจนเป็นหนึ่งเดียว จากเส้นขนสู่กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นลามไปสู่โครงสร้าง ก่อกำเนิดเป็นสิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆ อันมีรูปร่างสี่ขา มีเศษหินเศษปูนเป็นองค์ประกอบหลัก

    “นี่มันบ้าชัดๆ”

    เอ็นโดสบถอย่างไม่เชื่อภาพตรงหน้า เศษอิฐปูน..ไม่สิ ภาพตรงหน้าควรเรียกว่าอสูรกายตัวน้อยๆลักษณะคล้ายหนู ส่งเสียงถี่แหลมจนน่าขนลุก แถมด้วยจำนวนมหาศาลนับร้อย รายล้อมรอบจ้าวป่าสีขาว ที่ส่อแววอาฆาตอยู่เบื้องหน้า ปริมาณขนาดนั้นทำให้เทวดาหนุ่มรู้ถึงที่มาฉายา “จ้าวแห่งสรรพสัตว์” ของอีกฝ่ายอย่างถ่องแท้

    “กลืนกินและขยายพันธุ์…จ้าวแห่งสรรพสัวต์ไม่ใช่ได้ชื่อนี้มาเล่นหรอกนะ เอ็นโด คริปโตส” ฝ่ายหมาป่าขาวที่เงียบอยู่นาน เอ่ยปากพูด


    โบร๋ววววววววววววววว


    เสียงหอนเป็นเหมือนพลุสัญญาณ เดียรฉานจำนวนนับไม่ถ้วน พุ่งกระโจนเข้าหามนุษย์มีปีก หมายจะกัดแทะเสียให้สิ้นซาก เสียงสรรพอสูรดังระรัวไม่ต่างกับคลื่นแห่งความตาย พลันให้เทวดาสิบสองปีกสะบัดตัวถอยห่างทันควัน

    กร้วม!!!!

    เสียงคมเขี้ยวฝังเข้าเต็มๆแผงปีกข้างหนึ่ง ก่อนที่เจ้าของคมเขี้ยวน้อยๆจะกระชากเนื้อที่คาปากออกมา เอ็นโดเริ่มสูญเสียความเยือกเย็นในทันที เมื่อพบว่าอสูรน้อยจำนวนมากเข้าประชิดถึงตัวเองก่อนจะถอยออกห่างแล้วด้วยซ้ำ

    “แก!! ไอ้เดร็จฉาน!!” ปีกทมิฬหกคู่โบกสะบัดขึ้นพร้อมปลดปล่อยกระสุนขนนกออกราวกับปืนกลจากทั่วร่าง

    เฟนส์เห่าคำรามเบาๆ ก่อนที่เหล่าลูกสมุนศิลาจำนวนหนึ่งจะโดดขวางเป็นเป้าห่าขนนกแทนจ้าวแห่งสัตว์อันเป็นนาย

    “เสร็จชั้นล่ะ!!” เฟนส์ถีบตัวหายออกจากตำแหน่งเดิมก่อนโดดชิ่งเพดานลงมายังเบื้องบนของเอ็นโดที่จดจ่อกับการกำจัดอสูรน้อยในทันควัน คมเขี้ยวดาบส่อประกายแววก่อนจะ

    เคร้ง!!

    การปะทะเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที หากแต่เสียงที่ปรากฏขึ้นกลางสนามรบ กลับไม่ใช่เกิดจากคมเขี้ยวอสูรแห่งหมาป่า แต่เป็นดาบเงินเรียวยาวที่ขวางทางกรามปีศาจขาวก่อนจะฝังคอหอยของอีกฝ่าย

    เฉกเช่นเทวดาสิบสองปักษา ที่ร่วงหล้นไปทรุดลงกลับพื้นอย่างสงบนิ่ง พร้อมๆกับอสูรหนูศิลาที่ไร้วิญญาณ ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ หลังจากได้อาบแสงสว่างแจ้ที่แผ่กระจายจาก เทวดาสาวปีกขาวบริสุทธิ๋ ตัดกับชุดโกธิคสีดำสนิทของเธอ คาเรน ไฟนอลวาเลนไทน์

    “จะบ้ากันเกินไปแล้วนะ เฟนส์….อย่าให้ชั้นต้องทำใจตัดคอนายเลยดีกว่า” ดวงตาทองคำแห่งปีซาจจับจ้องประสานกันในระยะประชิด แอชเรียล แทงเครโด เผ่าปีศาจ ผู้แบกโลงศพพร้อมดาบเงินคู่ออกแรงต้านหมาป่าขาวอย่างสุดกำลัง

    “หลีกไปซะ แอช” เฟนส์ออกเสียงพูดทั้งๆที่คมดาบขัดกับเขี้ยวอสูรของตน “ชั้นจะไม่พูดเป็นครั้งที่สอง”

    สิ้นพูดแรงกดดันผ่านคมดาบก็ทวีความรุนแรงขึ้น ร่างของแอชเริ่มถูกผลักถอยออกไป จนเรี่ยวแรงของร่างครึ่งปีศาจเทียบทานไม่ได้

    ช่วงเดียวกันกับเผ่าเทวดา ที่เอ็นโด คริปโตส เริ่มทำการขยับอีกครั้ง หลังจากถูกสะกดนิ่งด้วยแสงสว่างของคาเรน

    “คาเรน ถอยไปซะ ไม่งั้นชั้นจะฆ่าเธอทิ้ง” เสียงผสมความโกรธเกี้ยว เห็นได้ชัดว่า เอ็นโด แทบจะใกล้เคียงกับการคลุ้มคลั่งไปแล้ว

    “คุณกำลังทำเรื่องที่แก้ไขไม่ได้แล้วอยู่นะคะ คุณเอ็นโด!!” คาเรนเกิดความหวาดกลัวขึ้นในจิตใจเมื่อ ปีกทั้งสิบสองเริ่มชูแผงขนเหล็กขึ้นได้แล้ว

    “คุณแอชเรียล!!” คาเรนตะโกนร้องเรียกพันธมิตรชั่วคราวของเธอ ที่รับศึกด้านหลัง

    “เฟนส์!! ยกโทษให้ด้วย
    ………….
    …….
    ..
    .
    โครม!!!

    “นี่มันเรื่องบ้าเกินไปแล้ว!!!”

    กลับมาสู่ภายในเขาวงกตแห่งกราวด์ ที่ห่างไกลจากการต่อสู้และความพินาศ ชายหนุ่มผมฟ้าทะเลระเบิดความโกรธกับโต๊ะตรงหน้าจน เครื่องดื่มหกเรี่ยราด ต่อหน้า “ลูซิเฟเรีย”หรือย่อๆว่าลูซี่ ผู้ยังนั่งไขว่ห้างอย่างไม่ยี่ระต่อความรุนแรงของเนเวส คิวว์ ผู้มีตำแหน่งเป็นนายเหนือแห่งกรมตำรวจเอเดน

    ลูซี่ได้เริ่มเล่าตั้งแต่การปรากฏตัวอย่างลึกลับของสองเผ่า ความพิเศษ ความแตกต่าง เชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆที่กรมตำรวจต้องส่ายหน้าจนกระจ่าง แน่นอนว่าความจริงที่ไม่ต่างจากภาพยนตร์การ์ตูน คงไม่มีใครปักใจเชื่อได้ง่ายๆ

    “ก็เพราะมันบ้าเกินไปน่ะสิ ถึงได้บอกแล้วว่ารู้ไปก็ไม่มีประโยชน์” ลูซี่ยังคงกล่าวเรียบๆ “ที่ชั้นรู้มาอีกคือ…มีการพบเจอทั้งเผ่าที่เรียกตัวเองว่า “เทวดา” และ “ปีศาจ” มานานกว่าหนึ่งปีแล้ว หรือมากกว่านี้ พวกนี้น่ะ ไม่มีที่มาที่ไป รู้ตัวกันอีกทีก็มีแฝงตัวในกลุ่มมนุษย์เรานั่นแหละ”

    “….นี่สรุปคือที่ผ่านมาเราถูกพวกสัตว์ประหลาดนี้รวมตัวอยู่ด้วยกันอยู่แล้วงั้นเหรอ?” ตำรวจหนุ่มตกตะลึงในจ้อเท็จจริงที่เหลือเชื่อ “ชักช้าไม่ได้แล้ว ต้องเกณฑ์กำลังที่มีเข้าค้นหาแล้วจับกุม”

    “ต้องให้ย้ำอีกครั้งหรือไง? บอกแล้วไงว่าไม่มีประโยชน์เลยที่แก่ไปยุ่งเกี่ยว” ลูซี่ แย้งอย่างเสียอารมณ์

    “อย่างที่บอกไป นอกจากจะแฝงตัวอย่างแนบเนียนแล้ว พวกนั้นไม่ใช่มีกันแค่คนสองคน พวกนั้นมีเครือข่าย กลุ่มกำลังของตัวเองอย่างชัดเจน และแต่ละคนก็มีความพิเศษที่หยั่งไม่ถึง ถ้าพวกนั้นเอาจริง จะกวาดกองกำลังตำรวจทั้งเอเดนไปเลยในคืนเดียวก็ยังได้ อีกอย่างนะ…ต่อให้นายสามารถจัดการพวกนั้นได้จริงๆ ก็ยังมี..”

    “สภาสูงสินะ….” ความช้ำใจที่โดนเหนือหัวข่มไม่ให้ทำหน้าที่ของตำรวจที่ตนตั้งใจ ผุดขึ้นมาอีกครั้ง

    “ใช่…พวกนั้นน่ะ รู้ถึงตัวตนของสองเผ่านี้ดีแน่นอน สังเกตจากคดีแปลกๆที่พวกนายไม่ทราบสาเหตุผ่านมาสิ โดนสายจากสภากลบไม่เหลือแม้แต่ขนเส้นเดียว มาชัดเจนสุดก็คดีที่อาคารราฟาเอลล่า ที่รุนแรงจนต้องใช้คำขาดห้ามไม่ให้หน่วยตำรวจเข้ามาแส่” ลูซิเฟเรียกระดกน้ำในแก้วหนึ่งอึก หลังการตะเบงเสียง

    “ถ้าอย่างงั้นขอถามหน่อย ทำไม เธอถึงยอมช่วย…ไม่สิ ยอมทำงานให้กับสองเผ่านี้ ทั้งที่มันอาจจะล้างเผ่ามนุษย์ของเราเลยก็ไม่ได้ไม่ใช่เหรอ หรือจะบอกว่าเธอกระหายเงินจนไม่สนใจ”

    เนเวสยิงคำถามที่อยากรู้ที่สุดออกไป จน ลูซี่ชายตามองกลับอย่างขุ่นเคืองกับประโยคเสมือนด่าของอีกฝ่าย

    “เพราะพวกนั้น…”

    “คุณเนเวส!!! แย่แล้วค่ะ!!!”

    เสียงแหลมสูงของกลาเซียส ตำรวจสาวผมดำยาวผู้เป็นคนสนิทของเนเวสตะโกนทีการสนทนาขึ้น

    “ในที่สุดเมื่อกี้ก็สามารถติดต่อข้างบนได้แล้วค่ะ…เสียงดังแว่วๆที่เราได้ยินก่อนหน้านี้ คือเสียงระเบิดค่ะ ”

    “ว่าไงนะ?!!”

    ก่อนหน้านี้ เนเวสเองก็รู้สึกถึงแรงสะเทือนขึ้นมาเช่นกัน จึงได้มอบหน้าที่ให้ลูกน้องสาวไปจัดการสืบหาที่มา แต่ด้วยความที่เกิดเหตุขัดข้องทางการติดต่อชั่วคราวจึงนั่งสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเป็นการรอ

    “ตอนนี้…เส้นทางหลักที่จะลงสู่กราวด์ทั้งหมดถูกปิดตายค่ะ หน่วยของเราต้องแตกเป็นหน่วยย่อย ออกช่วยเหลือหน่วยกู้ภัยกันหมด เพราะทางเข้าถูกระเบิดลึกลับทำลายพร้อมๆกันทั่วทั้งเอเดน”

    ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกเจ็บใจ ตัวเนเวสเองเป็นถึงหัวหน้าหน่วยของหน่วยตำรวจเอเดน แม้ว่าที่มาสู่กราวด์จะเอาเวลาลาพักร้อนมาใช้ แต่การที่ต้องอยู่ในสถานการณ์แล้วไม่สามารถขึ้นไปช่วยเหลือลูกน้องได้ เป็นเรื่องที่ไม่สมควรให้อภัยตัวเองจริงๆ

    “คุณลูซิเฟเรีย!!! ผมคงต้องมาขอคุยกับคุณคราวหน้าแล้วล่ะครับ ขอบคุณมากที่ให้ความร่วมมือ!!!”

    “ช้าก่อน..นี่คิดจะไปไหนน่ะ? ก็ได้ยินอยู่ว่าทางออกทั้งหมดปิด”

    “แต่จะให้ผมนั่งเฉยๆ ผมก็ทำไม่ได้เหมือนกัน

    “แล้วชั้นบอกให้นายนั่งขิบชารอตั้งแต่เมื่อไหร่? ชั้นกำลังจะบอกว่า มีทางอีกทางนึงที่น่าจะเหลออยู่

    “จริงเหรอครับ?! แล้วมันอยู่…”

    “ว้ากกกกกกกกกกก”

    โครม!! ตูม!!


    ตำรวจหนุ่มเกือบกัดลิ้นตัวอง เสียงหวีดร้องลากยาวจนเหนือหัวลงมาจนกลายเป็นร่างของคนสองคนกระแทกทะลุหลังคาวิมานของสาวนักขายข่าวอย่างจัง

    “…..ไอ้ไวลด์เอ้ย…ถ้ามันเป็นทางดิ่งลงก็บอกกันก่อนซิฟะ!!...” เสียงบ่นดังมาจากเด็กหนุ่มผมสีส้มแทงลูกตาที่โดนห่ามขึ้นบ่าอยู่

    “…อะไรฟะ เรียวชิโร่!! ก็เห็นเอ็งเลิกบ่นตั้งแต่ดิ่งลงระยะปิดเมตรก่อนหน้านี้ ก็นึกว่าชินแล้วอ่ะดิ”

    อีกกระทาชายผู้ไว้ผมดำหางม้ายาวเสียจะพันคอได้ อยู่ในชุดเครื่องแบบสีแดงเพลิงธรรมดาจากสถานศึกษาแห่งเอเดน แต่สร้างความน่าตะลึงที่เขาคนนี้หล่นลงมาใช้ขายืนได้อย่างไม่มีอาการทั้งๆที่แบกคนๆนึงบนบ่า แถมยังเหมือนจะหล่นลงมาจากที่สูงมากๆ

    “พวกเธอคือ..?” เนเวสที่ห่างจากการปรากฏตัวเหนือธรรมชาติเพียงเมตรเดียว เริ่มเพิ่มความระมัดระวังตัวต่อสองเด็กหนุ่ม โดยเฉพาะหนุ่มผมม้าที่สังเกตได้ถึงโคนขาผิดรูปร่างสีขาวจากรอยขาดตามแนวขากางเกง

    “ไอ้พวกเวร!!!!!!!!”

    ผัวะ!!!

    เสียงรองเท้าส้นสูงปักกระบาลไวลด์ ไลสเนอร์ เข้าเต็มขมับขวาจากด้านหลัง ความแรงบวกรูปร่างของรองเท้าทำเอาเด็กหนุ่มหมุนตามแรงจนเหวี่ยงภาระบนหลังหล่นตุบ พร้อมละอองเลือดกระเซ็นออกจากขมับเป็นย่อมๆ

    “….ยัยนี่…” ไวลด์ค่อยๆแบกร่างกลับมาตั้งหลัก พร้อมความโกธาสุดขีด “ทำอะไรของเธ..!!!”

    ผัวะ!!!!


    เก้าอี้ไม้ขนาดเล็กสำหรับหนึ่งคน ประเคนอัดใส่หนุ่มผมม้าแบบไม่ยั้งแรงจนแหลกกระจาย ทำเอาไวลด์ร่วงลงไปนอนนับดาวอีกหน

    “แกนะแก รู้มั้ยว่าไม้ตอนนี้มันราคาเท่าไหร่!!! กล้าดียังไงมาทำหลังคาบ้านชั้นเป็นรูบะเริ่มแบบนี้!! ไอ้สมองปลวก!!”

    ผู้กล้าที่ล้มความตายสีขาวได้ในสองกระบวนท่ามีใช่ใคร ลูซิเฟเรียที่หอบด้วยความโมโหเกินหยุดได้ แต่ก็ไม่แปลกใจหากดูจากนิสัยเงินมาก่อนเสมอของเธอ

    “อูย…เคยบอกอย่าทำบ้านไว้กลางปล่องอากาศข้างบน..ยัยแก่……ขอโทษครับจะไม่ปากหมาไปกว่านี้แล้วครับ” สองมือยกขึ้นหน้าเข้าประสานเป็นหนึ่ง นี่คือกระบวนท่ารบมือของไวลด์ เข้าสกัดอีกฝ่าย ก่อนที่จะโดนสาวน้อยสังหารด้วยโต๊ะขนาดใหญ่ที่โดนแบกอยู่เหนือหัว

    “ว่าแต่ เพิ่งจะรู้นะเนี่ย…เอเดนมีทางเชื่อมจากช่องทางแบบนั้น ลงมาในกราวด์ด้วยเนี่ย” เรียวชิโร่กล่าวขึ้นด้วยความแปลกใจ

    “ช่องทาง? ตรงไหนเหรอ?!” เนเวสตรงดิ่งเข้าถามทันที

    “เออ…ตรงนั้น…” เรียวชิโร่ชี้นิ้วขึ้นฟ้า

    มองทะลุขึ้นไปผ่านรูแตกหักบนเพดาน ระยะจากสายตาก็เกือบๆสิบเมตร ช่องทางว่างประมาณหนึ่งช่วงตัวคน ซึ่งมองไม่เห็นปลายทาง อยู่เหนือหัวเนเวสพอดี แต่ทว่า แม้มีเส้นทางแล้ว แต่การจะปีนขึ้นไปนั่น ไม่ใช่เรื่องที่มนุษย์จะทำได้เลย

    “มนุษย์?” สิ่งนึงในความคิดฉุกให้เนเวสมองเห็นความหวัง สองเด็กหนุ่มที่ร่วงหล่นลงมา หนึ่งในนั้น คือไวลด์ ที่ดวงตาเป็นสีทองคำประกายตามลักษณะของเผ่าปีศาจตามที่ได้ฟังไป สภาพขายังคงเห็นถึงผิวสีขาวและโคนขาใหญ่ผิดมนุษย์มนาผ่านรอยขาดของขากางเกง ตำรวจหนุ่มจึงตัดสินใจ

    “นายน่ะ ช่วยพาชั้นกลับขึ้นไปข้างบนได้มั้ย?”

    แม้ยังมึนจากการโดนฟาดนิดหน่อย แต่หูของครึ่งปีศาจหนุ่มก็ไม่ได้รับข้อมูลผิด ไวลด์นั่งนิ่งไปหนึ่งวินาทีก่อนจะรู้ตัวว่าตนยังไม่ได้คลายสภาพครึ่งปีศาจของตัวเองเลย

    “ช้าไปหลายขุมแล้ว ไวลด์” ลูซี่กัดไปหนึ่งดอก “ อีกอย่าง หมอนี่เป็นคนของเอเรไนโอส แห่งบทเพลงรุ่งอรุ่น ไม่ต้องกลัวความแตกหรอก”

    เมื่อได้ฟังลูซี่บอกตามนั้น ไวลด์ก็ครุ่นคิดเล็กน้อย ต่อคำขอดังกล่าว

    “…จริงๆด้วย เนเวส หัวหน้าหน่วยที่อายุน้อยสุดของหน่วยตำรวจเอเดน..ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะเนี่ย?”

    “ไม่มีเวลาอธิบาย ตอนนี้สถานการณ์ข้างบนแย่มาก ชั้นต้องรีบกลับขึ้นไป ขอร้องล่ะช่วยหน่อยเถอะ”

    “แต่…..”

    “ไวลด์ ชั้นขอร้องด้วยคน”

    “เฮ้ย..เรียว แกก็ด้วยเหรอ”

    พลังสายตาอันร้อนแรงของเพื่อน ยิ่งสร้างความอึดอัดแก่ไวลด์มากขึ้น แต่ดูก็รู้ว่า ถ้าตัวเองปฎิเสธ เจ้าเรียวชิโร่คงมิวายจะพาขึ้นไปเอง (ทั้งๆที่มีมีปัญญาขึ้นไปได้)

    “เฮ้อ…เอาก็เอาวะ…” ลมถอนหายใจพนออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนที่หนุ่มผมม้าจะตั้งหลักยืน

    “บอกไว้ก่อนนะ คุณตำรวจ…” ไวลด์หันมาเขม่นใส่ก่อนที่จะออกตัวแบกเนเวส “ทันทีที่พาขึ้นไปส่งข้างบนแล้ว จะถือว่าเราไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป”

    “แน่นอน ตอนนี้ชั้นแค่ต้องขึ้นไปจัดการเรื่องทั้งหมดซะ นี่เป็นหน้าที่ที่ชั้นแบกรับไว้”

    เมื่อเข้าใจตามนั้น หนุ่มไวลด์ไม่รีรอให้พระอาทิตย์ขึ้น ทันทีที่เนเวสเกาะหลังพร้อมแล้ว เจ้าหนุ่มก็ระเบิดพลังขาปีศาจขาวทั้งสองข้าง ทะยานสู่เบื้องบนราวกับจรวด……..แน่นอนว่าหลังคาบ้านของลูซิเฟเรียก็ได้แผลที่สองในเวลาติดๆกัน จนได้ยินเสียงเจ้าของเรือนด่าสาปแช่งตามก้นมาลิบๆ

    เพียงสองวินาทีจากพื้นล่างก็ถึงปากทางเข้าช่องระบายอากาศ พร้อมกันที่แขนมนุษย์สองข้างของหนุ่มผมม้าปรับแปลงสภาพจากเป็นแขนสีขาว กรงเล็บหนาและคมกริบงอกออกจากปลายนิ้ว จนจิกเนื้อเหล็กเข้าอย่างง่ายดาย

    “ให้ตายสิ เจ้านี่มันเป็นปีศาจจิ้งจกหรือไง” ลูซี่บ่นปนแอบตลก เมื่อเห็นร่างของสองชายตะกายไต่ขึ้นไปสุดสายตา

    “จริงสินะ คุณตำรวจหญิง…..อ้าว?” เพียงชั่วแปบเดียว ที่สนใจการจากไปของสองชาย กลาเซียส ตำรวจสาวก็หายไปจากพื้นที่โดยไม่เห็นแม้แต่การสะบัดของเส้นผมสีดำของเจ้าหล่อน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใจ หากเจ้านายของเธอขึ้นไปเพื่อจัดการความวุ่นวายข้างบน เธอย่อมต้องรีบดูสถานการณ์ด้านล่าง

    “เฮ้อ…ในที่สุดก็ได้รับความสงบสุขคืนมาซักที…….” เจ้าของบ้านยืดเส้นยืดสายอย่างสบายใจเฉิบ โดยไม่คิดจะแคร์อะไรกับความวุ่นวายในตอนนี้ แต่บางอย่างก็ทำให้เธอฉุกใจขึ้นได้

    “จริงสิ…แล้วไอ้หนูที่มากับเจ้าไวลด์ล่ะ?”
    ………….
    ……..
    ….
    ..
    .
    ลึกเข้าไปภายในตรอกวงกตแห่งเอเดน

    ตามการคาดการณ์ของสาวนักขายข่าว กลาเซียร์ส เอเลแกรนท ระเบิดฝีเท้าไปพร้อมแผนที่ยับๆในมือ ผมสีดำยาวสลวยยุ่งไปเป็นท่า แต่ตำรวจสาวก็ไม่ได้สนใจ สิ่งเดียวที่นึกออกคือ ต้องหาทางสนับสนุนทีมของเธอจากด้านล่างที่ ถูกปิดตาย

    แต่กลาเซียร์สยังอ่อนซ้อม ด้วยความตื่นตะหนก ทำให้เธอลืมความระมัดระวังจากการโดนสะกดรอยไปเสียหมดสิ้น เมื่อมีเด็กหนุ่มชุดนักเรียนสีแดงเพลิง แอบวิ่งตามมาอย่างลับๆได้โดยไม่รู้ตัว

    [ถึงจะยังหาคนร้ายไม่ได้ แต่เรายังช่วยคนที่ติดอยู่ในกราวด์ได้อยู่!!] เรียวชิโร่ ตั้งมั่นในอุดมการณ์ จะช่วยเหลือคนเดือดร้อนอย่างแน่วแน่และวิ่งตามไปอย่างไม่ได้นึกถึงสิ่งที่กำลังจะตามมา
    .............
    ........
    ...
    ..
    .
    TO BE CONTINUED >>>

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------

    บ่นเล็กน้อยกับคนแต่ง

    เชื่อว่าเมื่อทุกท่านๆเห็นผมอัพเดตฟิคแบบนี้ คงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ยังแต่งอยู่เหรอ?" อย่างแน่นอน และผมก็ขอบอกว่า แน่นอนเซ๋!! สลักคำพูดไว้แล้วว่าต้องจบ!!! ก็ต้องจบ!!

    ตอนนี้ก็ออกยืดๆยาวๆไปหน่อย ด้วยความที่ร้างมือไปนานมากโข อีกทั้งเนื้อเรื่องช่วงนี้มีความเคลื่อนไหวของแต่ละฝ่ายหลายด้านมาก จนอาจจะงงกัน ก็หากงง ลองค่อยๆอ่านอีกรอบนะครับ^^ ทุกๆอย่างเป็นไปตามนั้นแหละ ตอนนี้ผมก็เริ่มเหยียบไปยังเมนเรื่องอีกก้าว คิดว่าตอตสองตอน จะได้เริ่มเข้าประเด็นแบบตรงๆซักที

    อีกเรื่องคือ ฟิคนี้ใกล้จะครบปีแล้ว (อายมั้ย ท่านจ้อยครบปีได้เป็นสิบๆตอน เอ็งได้แค่นี้ !!) ผมก็หวังว่าแฟนๆเรื่องนี้ (ยังมีอยู่มั้ยคร้าบ!!) จะยังคงตามมาอ่านกันนะครับ

    ตอน 6 กำลังทำการเร่งผลิต (พูดงี้ทุกที) ยังไงก็รออ่านกันด้วยนะครับ^^

    ปล. ใครจะพิสูจน์อักษรหรือเผาคำผิด รบกวนPmแทนโพสนะครับ ^^ ผมขอตัวหลับก่อน

    maxlancer
    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ขอขอบพระคุณตัวละคร


    - โนเบิล เวย์ By Near - มนุษย์อีกคนได้ออกแล้วโว้ย 555+ ขออภัยที่ให้รอเสียนานนะ เนียร์ (แวะๆมาดูบอร์ดมั้งสิ!!)

    - ฟรานเซสก้า คาร์ลอส By ♫♪ CaLadBolG ♪♫ - มาอีกแล้วกับหนุ่งชายแห่งเผ่าปีซาจ พร้อมความเทพและความเก๋าเต็มแผง บทของเค้าดูกันได้ต่อไปมในตอนต่อไป


    และขอพระคุณผู้อ่านทุกๆท่านที่คอยติดตามนะครับ พบกันใหม่ตอนหน้าครับ
  5. jenovasung

    jenovasung Member

    EXP:
    152
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 26/01/10>>Memo Page V<< Fallout ]

    -3- ชริเอามาเเปะจนได้ งั้นตูก็ต้องรีบปั่นต่อล่ะสิเนี่ยยย

    เดเนฟเค้าได้ออกด้วยล่ะอ๊างงงงงงงงงงงงงงงงง
  6. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 26/01/10>>Memo Page V<< Fallout ]

    ดอนใหม่อ่านรอบแรกมึนมาก เพราะไม่ได้อ่านมานาน ต้องย้อนกลับไปดูกระทู้รับสมัคร พร้อมๆกับอ่านย้อนใหม่ตั้งแต่ต้นเพื่อฟื้นความทรงจำ

    ถึงจะมีการตัดฉากไปตัดฉากมา เยอะมาก จนอาจงงในทีแรก แต่เมื่ออ่านซ้ำทีที่ 2 ก็เข้าใจได้โดยไม่ยากเย็นนัก ลีลาในการเขียนยังคงดุเด็ดเผ็ดมันส์ ตามสไตล์ "MaxlanceR" อยู่เช่นเดิม

    ตอนใหม่ยาวจุใจ นับว่าไม่ผิดหวังกับการรอคอยครับ


    ปล. เมื่อมีคนทุบไห เหล่าผู้คนในสมาคมก็จะต้องเริ่มไหวตัวปั่นตอนใหม่กัน ตรูเองก็ด้วยสินะ
  7. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 26/01/10>>Memo Page V<< Fallout ]

    ยาวโคตร!
    เหมือนกันเลย อ่านตอนแรกนั่งมึน จำไม่ได้ว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไง แต่อ่านๆไปสักพักก็เริ่มรู้แระ
    ยังคงฝีมือการเขียนบู๊กระจาย หมัดเดือด เลือดโหด ไม่มีเปลี่ยนเลยนะ เหมือนกลายเป็นสไตล์ของแมกซ์ไปแล้ว ถึงจะออกยืดๆไปนิด แต่ฉากการฟาดฟันระหว่างเทวดากับปีศาจก็ห้ำหั่นมันส์ได้ใจดี
    ชอบเฟนส์กับเอ็นโดฆ่ากันอ่ะ อยากเห็นมนุษย์หมาป่าโหดๆฉะกับพวกปีกมานานแล้ว *[]*

    ตอนโนเบิลปรากฏตัว และพูดว่า "เหมือนเดิม….แต้มสีให้กับเมืองนี้ไงล่ะ” ชวนให้นึกถึง Joker อย่างยิ่ง

    อือม์ ...มันเป็นเรื่องจริง - -"
  8. near

    near Member

    EXP:
    334
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 26/01/10>>Memo Page V<< Fallout ]

    เอิ้กๆ ในที่สุดก็ได้ออกซะที

    ยาวมากมาย นั่งอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น แถมต้องเปิดดูตัวละครอีก เหมือนพี่จ้อยเลย

    แวะเข้ามาแล้วนะ!!! พี่แม๊ก...
  9. alladiya

    alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

    EXP:
    1,207
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 26/01/10>>Memo Page V<< Fallout ]

    รอดูบทคุณตำรวจตอนหน้า อริ๊ๆ
  10. soulmaster

    soulmaster Endorphinlism

    EXP:
    403
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 26/01/10>>Memo Page V<< Fallout ]

    ชั้นไม่รู้หรอกว่าไอ้ที่แกพล่าม แกไปเอามูลมาจากไหน

    +_+
  11. derick

    derick Member

    EXP:
    339
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 26/01/10>>Memo Page V<< Fallout ]

    อ่า.......อ่านอย่างมึนเมาตัวละครมาก

    เนื้อเรื่องตอนนี้เหมือนจะเครียด.....บู้หนัก.....แต่พอมาเจอคนหล่อกับไอ้หน้าตะกวดนี่หลุดพรืดเลย กร๊ากกกกกกก

    อยากรู้ว่าพันธมิตรเฉพาะกิจจะหยุด 2 คนผู้บ้าระห่ำนั่นยังไง (คงไม่ตายแต่ต้นหรอกนะ) แล้วพวกฝั่งตำรวจอีก ไหนจะหล่อเลวอีก (กร๊ากกกก...ผู้ร้ายหล่อน่ะครับ)

    รอตามต่อ.....

    ปล.เหมือนเป็นสัญญาณอะไรสักอย่าง.........ไห~
  12. PaiaAznable

    PaiaAznable มนุษย์ตู้ปลาช้ำรัก

    EXP:
    744
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 26/01/10>>Memo Page V<< Fallout ]

    เอ่อ ตอนที่แล้วช่วงเข้ามหาลัย เวลาห่างจากตอนนี้.... โอ้ว ครึ่งปีเลยเรอะ =[]=!!!!
    ทุบไหกันได้แล้วทุกท่าน >w< (แล้วเมื่อไหร่เอ๋งจะเปิดตัวฟิกในบอร์ดใหม่ซะทีฟะไอ้บ้าไพอานี่ = ="a)

    /me ชักติดมอนฮันซะงั้นล่ะตรู = ="a

    เดี๋ยวไว้เคลียร์งานไปได้ระดับนึงแล้วจะเปิดบริการเผาให้นะพี่ชาย รอตอนต่อไป รอเหม่ยหลินซัดแฮททริคที่หน้าของเรียวจังด้วย...เอางั้นเลยนะ = ="a
  13. jamejaeja

    jamejaeja แม่มดคำสาปมรณะ

    EXP:
    119
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 26/01/10>>Memo Page V<< Fallout ]

    โหลืมไปเลยว่าเคยสมัคร

    นานได้ใจ มันส์พะยะค่ะ
  14. ultima

    ultima Active Member

    EXP:
    933
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 26/01/10>>Memo Page V<< Fallout ]

    บักแม๊กมาทุบไหแถวนี้ หลายคนเริ่มๆ ทุบไหกันได้แล้วเน้อออออ
  15. shinkyoto

    shinkyoto Well-Known Member

    EXP:
    580
    ถูกใจที่ได้รับ:
    3
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 26/01/10>>Memo Page V<< Fallout ]

    ใครรู้สึกเหมือนตอนดูข่าว 11 กันยาบ้าง ยกมือขึ้น

    ความอลม่าน ราวนรกแตก แต่ยังสามารถแบ่งบทให้ตัวละครแต่ล่ะตัวได้อย่างดี ถึงจะร้างไปนานแต่ก็ยังคงระดับผลงานไว้นะคร้าบ


    ว่าแต่ยนาย Keel มันเป็นใครกันน่ะคร้าบ (แล้วไอ้ทรษฎีสมคบคิดของรัฐบาลนี่อีก สภาสูง สงสัยจะมีลับลมคมในน่อ)
  16. Fujizaki

    Fujizaki New Member

    EXP:
    17
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    1
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 26/01/10>>Memo Page V<< Fallout ]

    O_O!
    กลับมาต่อแล้ว!!

    ว่าแต่คุณ Vincent รออยู่เหมือนกันนะคะ (^-')
  17. Gunfinal

    Gunfinal Member

    EXP:
    152
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: !!! White Feather // Devil FanG [Update 26/01/10>>Memo Page V<< Fallout ]

    O.O โอ๊ะ ทุบไหดองแล้วหรอพี่ชาย
  18. Fujizaki

    Fujizaki New Member

    EXP:
    17
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    1
    - - แลดูหายๆ -"-
  19. maxlancer

    maxlancer ประธานรุ่น2ตุรกีเชียงใหม่

    EXP:
    1,183
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    88
    ~Memo Page VI~

    ~Fatality~​


    “เอาละ!! ถึงแล้ว!!”

    จากใต้สุดขึ้นไปยังผืนดิน ในพื้นที่ห่างไกลทางเท้าแห่งนึงในเขตที่แปด ลึกเข้าสู่ใจกลางแห่งเอเดนอันมีเซฟิรอธ มหาพฤษาแห่งชีวิตตั้งเด่นเป็นสง่าจนเป็นเสาหลักเมืองขนาดยักษ์ ช่องระบายอากาศที่เดิมมีพัดลมดูดขนาดใหญ่ ตอนนี้ว่างเปล่าจนเป็นช่องทางสไลเดอร์ขนาดสามคนได้ทีเดียว มือประดับกรงเล็บสีขาวตะกายขึ้นมาอย่างเหน็ดเหนื่อย

    “อึ้บ!! ขอบใจมาก ไอ้หนู..” เนเวส คิวว์ หัวหน้าหน่วยแห่งหน่วยตำรวจเอเดน ลงจากหลังของเด็กหนุ่มผมม้ีาผู้มีหัตถ์อสุรกายสีขาว

    “ขืนเรียกงั้นอีกครั้งเดียว ชั้นจะหักคอนายซะ คุณตำรวจ” ไวลด์ ไลสเนอร์ ครึ่งปีศาจตะคอกอย่างโมโหร้ายกับสรรพนามดังกล่าว

    “อ่ะ ขอโทษที…เออ…”

    “ถ้าชื่อน่ะ ไม่ต้องรู้เลยจะดีกว่า ชั้นไม่อยากเสวนากับนายไปมากกว่านี้” ยิ่งอยู่ด้วย ยิ่งหงุดหงิด ไวลด์พยายามปลีกตัวออกห่างพวกคนในเครื่องแบบให้ไวที่สุดที่ทำได้

    “เดี๋ยวก่อนสิ!!

    “....อะไรอีกฟะ!!!”

    “ทำไม พวกนายเผ่าปีศาจกับ เผ่าเทวดา ถึงต้องมาฆ่าฟันกันเองล่ะ"

    “ชิ!! ยัยลูซี่ ทีได้เงินทีนี่ปากสว่างเหลือเกิน” เด็กหนุ่มเดาะลิ้นเสียอารมณ์


    “……ก็แค่สู้ เพื่อความอยู่รอดเท่านั้น กฎของธรรมชาติไง พวกเราคือปีศาจ เป็นสัตว์ร้าย ส่วนพวกนั้นเป็นเทวดา ภาพลักษณ์กับสัญชาตญาณมันบอกอยู่แล้วว่ายังไงก็ศัตรูกัน” แม้จะเหมือนจริงจัง แต่ไวลด์แค่ตอบเรื่อบเปือยเหมือนขอไปที

    “แต่พวกนายมีชีวิตจิตใจเหมื่อนคนนะ!! ถึงร่างจริงจเป็นยังไงตอนนี้นายก็เป็นคน ทั้งๆที่พวกนายน่าจะจับมือคุยกันได้แท้ๆ"

    “หนวกหูโว้ย แกจะไปรู้อะไรฟะ!!!”

    ดวงตาสีทองคำแผ่ความอาฆาตที่แฝงไว้ในตัวใส่ตำรวจหนุ่ม จนไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้มากกว่านี้

    “หือ..?” เส้นประสาทของไวลด์กระตุกขึ้น สัมผัสแห่งปีศาจจับได้ถึงบางสิ่งที่กำลังเข้ามาใกล้

    “เจอแล้ว ท่านเนเวสอยู่ที่นี่!!”

    เสียงตะโกนข้ามฟ้า พร้อมเสียงฝีเท้าจำนวนหลายของบุรุษในชุดดำประดับชุดป้องกัน รูปแบบคล้ายหน่วยจู่โจม พวกนี้คือหน่วยตำรวจเอเดนอย่างแน่นอน

    “พวกนาย...หน่วยไหนกัน ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่!!” เนเวสถามอย่างแปลกใจที่ได้เจอลูกหน่วยในสถานที่แบบนี้

    “พวกผม หน่วยทิ่สิบเจ็ดครับ ได้รับคำสั่งมาให้มารับหัวหน้าหน่วยหนึ่ง ท่านเนเวส คิวว์ ตามพิกัดนี้ครับ!!!”

    เหล่าลูกพรรคหน่วยสิบเจ็ดร่วมหกคนยืนวันทยหัตถ์ทำความเคารพอย่างพร้อมเพรียง แม้เนเวสจะเป็นหัวหน้าหน่วยต่างรหัส แต่ในยศถาบรรดาศักดิ์ถือว่ามีอำนาจสั่งได้ทุกทีม การโดนทำความเคารพจากคนที่ไม่รู้จักในสังคมตำรวจจึงไม่แปลก แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป

    “ใครเป็นคนให้คำสั่งนี้มา?” หัวหน้าหน่วยแรกถาม

    “ท่านวุฒิสมาชิก เซโร่ครับผม!!!”

    “เจ้าหมอนั่น...” เนเวสหลุดคำพูด เมื่อได้รู้ที่มาของคำสั่ง เค้าไม่มีทางลืมคำพูดที่น่ารังเกลียดของเซโร่ครั้นที่ได้เจอกันเรื่องคดีที่ตึกราฟาเอลล่า

    “ขออภัยที่ต้องรีบร้อน แต่ตอนนี้หน่วยเหนือ ต้องการท่านด่วนครับ ขอเชิญทางนี้ครับ ท่านเนเวส เราได้เตรียม ฮ. รอท่านไว้แล้ว” ตำรวจสี่นาย เดินขึ้นหน้ามารายงาน

    “ส่วนพลเรือนคนนี้ ผมสองคนจะดูแลให้เองครับ ท่านรีบเดินทางไปยังศูนย์บัญชาการเถอะครับท่าน”

    “เอาล่ะ ไอ้หนู รีบๆไปกันเถอะ พวกเราจะพาแกไปยังที่ปลอดภัย”

    “หึหึ”

    “เป็นอะไรของแกวะ..”

    “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!!!!!!!” เด็กหนุ่มระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

    “ละครลิงแบบนั้นน่ะ เลิกเถอะ แกสองคนน่ะ พูดเหมือนเป็นคนดีมีเมตตา แต่จิตสังหารที่หึ่งมาแต่ไกล เห็นแล้วตลกฟะ” ไวลด์ไลสเนอร์แสยะยิ้ม แต่ดวงตาสีทองคำกลับจ้องมองราวกับเตรียมพิฆาตศัตรู

    “...สมแล้ว จากข้อมูลทีเคยอ่านโปรไฟล์มา แกนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ เห็นโดนเรียกว่าอะไรนะ? “ความตายสีขาว” ใช่หรือเปล่า?”

    “อ่านหนังสือมาแน่นดีนี่ ทำไมไม่ไปลองสอบเข้าเตรียมอนุบาลดูล่ะ เผื่อจะมีแววสอบผ่านกะเค้า”

    “ปากดีเหลือเกินนะ ไอ้หนู แบบนี้ต้องหาของกระแทกปากหน่อยล่ะมั้ง?

    หนึ่งนายทางซ้ายเริ่มเกร็งพละกำลังในร่าง ผิวกายที่ควบแน่นดุจเหล็กกล้าค่อยๆแหวกเครื่องแบบตำรวจออกมา ร่างสีเนื้อค่อยๆถูกปกคลุมไปด้วยแผงขนสีเหลืองทอง สลับลายดำดุจหนังเสือโคร่ง อาวุธของสัตว์ป่านาม”เล็บ”และ”เขี้ยว” ปรากฏออกมาอย่างช้าๆ ใบหน้ามนุษย์เสริมด้วยลายดำและเขี้ยวเล็บ ร่างครึ่งปีศาจที่มีลักษณะครึ่งสัตว์กินเนื้อปรากฏกาย

    อีกหนึ่งนายทางขวากระโดดเหาะขึ้นฟ้า สายใยสีขาวสลับดำจากกลางหลังสานออกมาเป็นปีกวิหคผืนยักษ์สะบัดบินอยู่เหนือท้องฟ้า ออร่าสีขาวมนเปล่งประกาย ครึ่งเทวดาปีกขาวดำ ผงาดขึ้นฟ้า

    บัดนี้จากมนุษย์สองคนเปลี่ยนสถานะเป็นอมนุษย์สองตน

    ไม่มีการพูดจาต่อรอง หรือแม้แต่ให้ตั้งตัว สองอมนุษย์ทะยานล้อมหน้าหลังของไวลด์ ไลสเนอร์อย่างพร้อมเพรียง ครึ่งเสือโคร่งโดดสลับฟันปลา เข้าตบเด็กหนุ่มผมม้าด้วยความไวสุดแรงเกิด ร่างของความตายสีขาวพุ่งกระเด็นไปตามแรงกระแทก

    แผ่นหลังอัดก้อปปี้เข้ากับกำแพงตึกจนแตกร้าว แต่ไวลด์อาศัยแรงเด้งหลังการกระแทก ออกแรงถีบด้วยขาปีศาจขาวทะยานขนานตึกสูงข้างตัว พร้อมเพ่งสมาธิสู่ศัตรูเบื้องล่างทันที

    “หือ?” ครึ่งเทวดาหนึ่งนายหายไปจากสายตา

    “ทางนี้เฟ้ย!!” เสียงมาก่อนการรับรู้ของปีศาจไม่ถึงวินาที ร่างของเทวดาปีกเดียวครองพื้นที่น่านฟ้าเหนือตัวไวลด์เรียบร้อย

    ตูม!!!

    เทวดาปีกสองสี ลอยกระแทกผนังตึกจนร่วงลงพื้น เมื่อบาทาขวาของปีศาจหนุ่มหมุนซัดเข้าใส่ไวเกินคาด แม้จะการ์ดด้วยปีกทัน ก็ไม่วายเจอเรี่ยวแรงอันมหาศาลของไวลด์ทำร้ายเอา

    ครึ่งปีศาจเสือ วิ่งรับร่างของสหายคู่หูได้ทันท่วงที เช่นเดียวกันที่ความตายสีขาวทะยานลงมาจากฟ้า พร้อมเข้าจู่โจม

    กำปั้นขวาคลายออกและเหยียดตรง ไวลด์ฟาดมือดาบแบบศิลปะการต่อสู้ พุ่งลงมาดุจดาวหาง

    ตูม!!!

    เสียงอัดกระแทกอันหนักหน่วงดังเป็นครั้งที่สอง ฝ่ามือดาบของไวลด์ ฟาดเข้าผืนปีกของครึ่งเทวดาจากความสูงร่วมร้อยเมตร แต่ทว่า...

    “เฮ้ย?!!” ไวลด์ฉุกใจขึ้นมาได้


    ฉัวะ!!


    คมเล็บจากอุ้งมือเจ้าป่า ตะปบเข้าเต็มไหล่ของเด็กหนุ่มในจังหวะที่เปิดช่องว่าง โลหิตแดงข้นพุ่งราวกับก้อกน้ำรั่ว

    ผัวะ!!!!

    ผืนปีกเทวาผู้รับการโจมตีสยายออกฟาดสวนออกตามในทันที

    ไวลด์ หมุนร่างตั้งหลักด้วยแขนค้ำกับพื้น ก่อนจะทรุดลงไปกับพื้นเล็กน้อย ความแปลกใจเข้าจู่โจมเด็กหนุ่ม เมื่อเห็นท่าทีหลังจากรับการโจมตีของอีกฝ่าย

    [แปลก….ต่อให้เก่งกว่าแค่ไหนก็เถอะ แต่โดนท่าฟาดมือจากความสูงและกำลังระดับฝ่าเหล็กของเราได้ โดยไม่มีขยับเลยเนี่ยนะ?]

    “เห..เพิ่งเคยเห็นนะเนี่ย คนที่โดนท่าเมื่อกี้ไปแล้วไม่เป็นอะไรเลย ใช้ได้นี่หว่า”

    ครึ่งปีศาจเสื้อโคร่ง แกล้งทำเป็นประหลาดใจ

    “กำลังตกใจล่ะสิ ไอ้หนู ท่าของแกเมื่อกี้ มันเป็นท่าเดียวกับวิชาคาราเต้ของเกาะญี่ปุ่น ยิ่งบวกกับแรงของปีศาจ ต้องบอกเลยว่าโดนทีถึงตายแน่ๆ”

    เทวดาปีกขาวดำในชุดตำรวจกล่าวเย้ยหยันเราวกับรอบรู้ซะเต็มประดา

    “แต่กลับพวกเรา มันก็ไม่ต่างอะไรจากแรงเด็กทารกนั่นแหละ!!”

    สองอมนุษย์ทะยานเข้าหาไวลด์อีกครา เข่าปีศาจสมิงพุ่งทะยานเข้าใส่ราวกับมิซซายด์ขับไล่

    “ชิ…”

    ไวลด์หยุดสนใจกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา แขนขวาสีขาวเบ่งพลังจนกล้ามเนื้อควบแน่น พร้อมยิงหมัดปีศาจเข้าสวน

    เสียงกระแทกสนั่นในช่วงเสี้ยววินาที กลับเป็นร่างอมนุษย์เสือโคร่งควงตามหมัด เมื่อหมัดขวาได้ชัยเหนือท่าแทงเข่า เพียงแค่นั้น “ความตายสีขาว”ก็หมุนตัวถีบร่างกลายอากาศนั้นอย่างไร้ปราณี

    “ยังมีชั้นอีกคนเฟ้ย!!!”

    พริบตาถัดมา โคนปีกลายขาวสลับดำ วาดเข้ามาทางจุดบอดอย่างแม่นยำ ง้าวปักษาไวจนเกินกว่าจะหลบ

    ฉัวะ!!!

    คมปีกบาดเข้าเนื้อโดยไม่พลาดเป้า เทวาสีขาวดำเผยรอยยิ้มที่เหนือกว่าเด็กหนุ่ม แต่ทว่า….

    “จับได้แล้ว..”

    ไวลด์เอ่ยปากเบาๆ ฝืนปีกยักษ์ทะลุเนื้อลำตัวของไวลด์ ไลสเนอร์เข้าไปนิดหน่อย แต่แขนปีศาจขาวสองข้างกลับล็อกมันไว้อย่างสมบูรณ์แบบ

    “แย่แล..."

    โครม!!!!!!!!

    สายเกินกว่าจะรู้ว่าติดกับ ร่างของเทวดาสีขาวดำเหวี่ยงลอยราวกับอยู่ท่ามกลางพายุ ก่อนจบลงที่ถูกฟาดอัดกับพื้นตรงหน้าจนแทบจมลงไป

    ทัศนวิสัยมัวเมาจากแรงอัด สายตาที่มองออกไปข้างบน เด็กหนุ่มในชุดนักเรียน แขนขากล้ามเนื้อสีขาวตั้งท่าพร้อมพุ่งเข้าใส่

    ตูม!!!!

    ร่างของไวลด์พุ่งจากกลางอากาศถีบลงไปราวกับตอกเสาเข็ม ส่งร่างของเทวดาสีขาวดำทะลุพื้นดาดฟ้าลงไปหลายสิบเมตร ก่อนจะโดดกลับมาตั้งหลัก


    “อีกแล้ว..” ไวลด์ประหลาดใจกับสัมผัสเมื่อครู่

    ในแง่การต่อสู้แล้ว การโจมตีจะทำร้ายคู่ต่อสู้นั้น การกระแทกของส่วนที่โจมตีจะต้องส่งแรงเข้าใส่เป้าหมาย ซึ่งยิ่งส่วนที่โจมตีมีแรงส่งมากเท่าไหร่ แรงที่แผ่เข้าสู่เป้าหมายจะยิ่งทำลายมันได้หนักหน่วงยิ่งขึ้น

    สำหรับปีศาจผู้มีฉายา"ความตายสีขาว"เองจากการผ่านประสบการณ์ต่อสู้มานาน เขากลับไม่รู้สึกเลยซักนิดว่าแรงหมัดที่เขาปล่อยออกไป จะส่งเข้าทำลายเป้าหมายได้

    “หึ..สำหรับเด็กอายุประมาณแก นับว่าใช้ได้เลยวะ ไอ้หนู” สมิงลายครามโดดกลับมาสู่พื้นที่การต่อสู้

    “ในแง่อาชีพ พวกนายอาจมีฝีมือมากกว่าชั้น แต่ในแง่ประสบการณ์ต่อสู้ด้วยพลังของเผ่าพันธุ์เรา….มองออกง่ายเกินวะ” เด็กหนุ่มบลัฟเข้าใส่ต่อหน้าต่อตา แม้ยังหาทางเอาชนะไม่ได้ก็ตาม

    “หึ…ปากเก่งใช้ได้นิ..คิดว่าร่างที่บาดเจ็บแบบนั้นจะทนสู้กับพวกชั้นได้กี่น้ำกัน?”

    “บาดเจ็บ? แกหมายถึงแผลนี้เหรอ?”

    ไวลด์ชี้ไปยังรอยกรงเล็บข้างไหล่ บาดแผลยาวค่อยๆบีบตัวเข้าหากันก่อนสมานเป็นเนื้อเดียวกันเหมือนเดิมในเวลาไม่กี่วินาที ทำเอาอีกฝ่ายถลึงตาอย่างตกใจ

    ยังไม่ทันกล่าวคำต่อไป เทวาขาวดำ ทะยานออกจากหลุมที่เพิ่งทะลวงลงไปเมื่อครู่ พร้อมใบหน้าพกช้ำที่โกรธแค้น

    “เห…เพิ่งเคยเห็นนะเนี่ย คนที่โดนท่าเมื่อกี้ไปแล้วไม่เป็นอะไรเลย ใช้ได้นี่หว่า”

    ไวลด์ดัดเสียงล้อเล่นประโยคที่เคยโดนถากถางเมื่อกี้

    “อย่ามาเลียนเสียงนะ ไอ้เด็กนรก!!” ตำรวจเผ่าครึ่งเทวดา สะบัดปีกคู่กายอย่างโกรธกรี้ว แม้กายจะไร้ซึ่งบาดแผล

    [...พอจะเดาออกแล้ว ความสามารถของไอ้เทวดานี่] ครึ่งปีศาจหนุ่มเลียริมฝีปาก

    “งั้นก็รีบๆเข้ามาสิ คุณลุงทั้งหลาย ชั้นจะได้รีบๆฆ่าพวกแกซะ แล้วไปเคลียร์กับไอ้คุณเซโร่ตอนนี้เลย” เรียวนิ้วกลางสีขาวชูสง่าแถมกระดิกกวักเรียกสองอมนุษย์อย่างท้าทาย
    .......
    .....
    ...
    ..
    .
    “เอาล่ะ พวกนั้น เริ่มเปิดทางได้แล้ว”

    ฟรานเชสก้า คาร์ลอส ยืนเสยผมส่วนหน้าสีขาวที่ตัดกับดำข้างหลังอย่างไว้เชิง เมื่อกองกำลังพิเศษพร้อมชุดอันละม้ายคล้ายคลึงมนุษย์อวกาศ ได้ดำเนินการเดินอุปกรณ์เจาะพื้นได้จนสำเร็จ คาดว่าคงเจาะไปเจอช่องทางอากาศสำหรับอาคารใต้ดิน เพราะความลึกการขุดดูน้อยเกินไป

    “...แปลก...กราวด์มันอยู่ลึกไปเกือบร้อยสองร้อยเมตร แต่เท่าที่ดู มันเจาะไป ไม่ถึงล่างสุดแน่ๆ”

    “ยังจำ ช่องอากาศที่อยู่บนบ้านยัยลูซิเฟเรียได้มั้ย เห็นได้ชัดว่า กราวด์นั้นมีทางเข้ามากกว่าที่เห็นแน่นอน อีกอย่าง...ในวงกตของกราวด์ ขนาดใครสร้างยังไม่รู้ แถมไม่เคยเดินกันทั่วซักที จะมีทางเชื่อมนอกจากนั้น ก็ไม่แปลก…”

    “แต่คุณอลิส…ถ้ามือวางระเบิด รู้ตำแหน่งทางเข้าสู่กราวด์ทั้งหมดในเอเดน แล้วทำไมพวกช่องทางพวกนี้ถึงไม่รู้ล่ะคะ?

    “จงใจทิ้งเส้นทางให้เข้าออก?” ฟรานเซสก้าแสดงความเห็น

    “....เรื่องนี้มันก็แปลกเกินไป เห็นชัดๆ มันไม่ใช่ทางให้คนธรรมดาผ่านเลยซัdนิด“

    “มีมือที่สาม”

    “ใช่...ไม่รู้หรอกนะเพราะอะไร แต่ผลของมันดันทำให้เรื่องนี้เลวร้ายกว่าเดิมโขเลย

    แม้ว่าจะเป็นการมองการณ์ขั้นต้น ซึ่งจะจริงหรือไม่ ก็ไม่มีใครทราบได้ แต่กลุ่มพันธมิตรชั่วคราวก็ไม่มีเวลาที่จะมานั่งวางแผนแล้ว เมื่อกองกำลังของฝ่ายรัฐหลังทำการขุดพื้นส่วนหน้าออกมาได้ ก็ได้ปล่อยอุปกรณ์ลักษณะคล้ายคลึงระเบิดมือ ซึ่งพริบตาที่หย่อนลงไปในหลุมที่สร้าง ความร้อนระดับหลอมโลหะเป็นไอติมได้ก็พวยขึ้นมา

    “มีแผนอะไรในหัวหรือเปล่าตอนนี้ อลิสซาเบท?” ฟรานเซสก้าเอี้ยวหัวมามองด้วยท่าทางออกเหย่อหยันชวนโมโห “ถ้าเป็นตอนนี้ ชั้นยินดีช่วยนะ”

    นายเหนือสาวแห่งกลุ่มเทวดาหงุดหงิดกับท่าทีนั้นเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ

    “...มี แต่มันไม่ไหวหรอกเพราะว่ามัน...”

    “เหมือนเป็นการแปะโฆษณาประกาศตัวตนของพวกเราเลยใช่มั้ย?”

    “แต่ถ้าปล่อยให้ไอ้พวกงี่เง่าของกลุ่มพวกเราโดนจับไป ก็ซวยพอกันนั่นแหละ”

    “แสดงว่าได้ทางเลือกแล้วใช่มั้ย?” ฟรานเซสก้า คาร์ลอสแห่งกลุ่มเขี้ยวปีศาจแสยะยิ้ม

    “อืม...งั้นแผนมีตามนี้”
    .......
    .....
    ....
    ..
    .
    หลังจากเวลาการขุดเจาะพื้นที่ของหน่วยพิเศษแห่งเอเดนผ่านไปไม่นาน บัดนี้ ช่องหลุมอันมีไอความร้อนสูงพวยพุ่งออกมาจากการขุดเจาะ ก็พร้อมจะส่งไปยังกราวนด์ที่อยู่เบื้องร่างแล้ว

    “เอาละ!!! ภารกิจของเราคือ ลงไปสำรวจพื้นที่และดำเนินการเก็บหลักฐาน!!! เราเป็นหน่วยที่สามที่จะลงไป จากสี่หน่วยทั้งหมด” มนุษย์ในชุดป้องกันสารเคมีสีขาวที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าหมู่ตะโกนสั่ง

    “สำคัญที่สุดคือ “หลักฐานรหัส FU-0 และDU-0” เก็บมาให้หมดอย่าให้พลาด!!”

    “สุดท้ายคือหลีกเลี่ยงพื้นที่พิกัด N3516,E1393 จนถึง N3412,E1493 ห้ามเข้าใกล้เด็ดขาด เนื่องจากหน่วยเหนือจะใช้พื้นที่ทำการทดสอบ!! และ ไม่มีคำสั่งให้ช่วยเหลือผู้รอดชีวิต……ทราบ!!!”

    “ทราบครับ!!!”

    “เอาละ!!! เบท!! เหมา!! จุงโฮ!! นายสามคนลงไปกับชั้นแล้วตามชั้นไปให้ติด ส่วน อังเกร!! โดลี่!! ดิมิทรี่!! อาลี!! พวกนาย ตามไปแล้วแยกไปอีกฝั่งของกราวนด์ซะ!!”

    สิ้นสุดคำสั่งของหัวหน่วย สมาชิกตั้งขบวนและอาวุธปืนเตรียมปฎิบัติการ แต่ทว่าสองขบวนต้องหยุดชะงัก

    “สายันต์สวัสดี ฯพณฯท่านทั้งหลาย”

    ร่างมนุษย์พันคอปิดใบหน้าช่วงล่างด้วยผ้าสีดำขาดๆ ยืนขวางทางตรงหน้าของหน่วยพิเศษโดยไม่รู้ตัว ดวงตาสีทองใต้ผมเพ้าสีขาวสลับดำจับจ้องราวอสรพิษเล็งเหยื่อ

    ไร้ซึ่งการโต้วาทีวาจาตอบ แปดคนในชุดขาวยกลำกล้องปืนเข้าใส่โดยรอบในทันที

    “อย่าขยับ!! ยกมือขึ้นเหนือหัวเดี๋ยวนี้!!!”

    “……หึ…ไอ้พวกโง่เอ้ย!!” จิตสังหารจากดวงเนตรสีทองแผ่พุ่งออกมา

    ชั่วเสี้ยววินาที ไม่มีมนุษย์คนไหนรู้ตัว สายลมประหลาดพัดหมุนผ่านรอบชายผ้าพันคอสีดำพร้อมเสียงบางอย่างถูกตวัดไปมา

    “อ่ะ…” เสียงสะดุ้งของหน่วยพิเศษคนนึงดังขึ้น

    ของเหลวสีแดงหยดลงสุ่พื้นดิน สายตาของหน่วยพิเศษจับจ้องเป็นทางเดียวจากหยดเลือดขึ้นไปยังต้นตอ หลังของชายปริศนาที่อยู่ท่ามกลางปากปืนไฟ ปีกลักษณะเหมือนค้างคาวสีดำผืนใหญ่สองข้างถูกชโลมไปด้วยเลือดของเหยื่อที่ฟาดฟัน

    พริบตาต่อมา ร่างของสมาชิกหน่วยสองนายข้างหลัง ทรุดลงไปกับพื้น……หลุดเป็นชิ้นๆ

    “ วะ….ว้ากกกกกกก” เพื่อนร่วมทีมแผดเสียงอย่างเสียสติ พร้อมลั่นไกปืน หากแต่ความไวของกระสุนก็มิอาจตามทัน ชายหนุ่มลึกลับระเบิดฝีเท้า นิ้วทั้งห้าที่มือขวากระซวกเข้าลำคอนายทหารผู้จู่โจมจนร่างลอย

    “อีกห้า…”สิ้นการนับจำนวนเหยื่อ ร่างนายทหารผู้สิ้นใจคามือ ถูกจับเหวี่ยงราวกับไม้หน้าสาม ก่อนที่นายทหารอีกสามโดนร่างมนุษย์ฟาดจนปลิวไปหลายเมตร

    “ตายซะเถอะ ไอ้ปีศาจ!!!” ปืนกลของคนที่เหลือยิงประทับบ่า แต่ก็ไม่อาจทำอะไรปีศาจตรงหน้าได้ นอกจากสร้างช่องว่างให้ตัวเองโดนเชือด

    ฉัวะ!!!

    ศีรษะถูกเด็ดออกจากบ่าไปอย่างแม่นยำ จนในที่สุด ก็เหลือนายทหารคนสุดท้ายอันเป็นหัวหน้าหมู่ที่แทบไม่เหลือเลือดฝาดบนใบหน้าแล้ว

    “เอาล่ะ คุณเจ้าหน้าที่…ไม่สิ คุณอาจเป็นคนที่พวกสภาสูงสั่งมาโดยตรงมากกว่าสินะ? ช่วยบอกหน่อยสิ…ว่าภารกิจหลักที่ทำให้พวกคุณลงทุนระเบิดเมืองทั้งเมืองมันคืออะไร?”

    ร่างมนุษย์สยายปีกพญามารดุจงูเห่าแผ่แม่เบี้ย ดวงตาสีทองส่องประกายแสงภายใต้เงาปีก แค่สองปัจจัยนี้ก็ทำให้ มนุษย์ผู้ยืนท่ามกลางกองซากศพชักตายได้แล้ว

    “ก..กรอดด อย่าคิดว่าชั้นจะยอม….อ้ากกกกกกกกกกก”

    เดือยปีกมารสุดคมข้างหนึ่งของครึ่งปีศาจเสียบไหล่ซ้ายของเจ้าหน้าที่อย่างไร้ปราณี พรอมยกร่างเหนือพื้น

    “ไม่ได้คิดเจรจาให้ยอม แต่ แกต้องพูดออกมาเท่านั้น”

    น้ำเสียงนิ่งสนิทไม่มีความลังเลใดๆ ปีกค้างคาวอีกข้างเกร็งไว้มั่นพร้อมเด็ดศีรษะอีกฝ่ายได้ในทันที

    “หยุดนะ!!!

    “…..พวกชั้น…ได้รับคำสั่งแค่…ให้มาเก็บตัวอย่าง….” เจ้าหน้าที่กลั้นใจตอบ

    “ตัวอย่าง? แสดงว่ารู้อยู่แล้วสินะว่า จะมีเผ่าของพวกเราลงไปที่กราวด์ ทำยังไงถึงรู้ละ?”

    “อั้ก!!! …” เดือยเข็มเสียบลึกมากขึ้นเป็นการกระตุ้น “เป็นเรื่องของสภาสูง!! ชั้นไม่รู้!!!”

    “อย่ามาตอแหล คิดว่าแกกำลังพูดอยู่กับใคร”

    “หือ?”

    สายตาเจ้าหน้าที่เหลือบมองลงมายังใบหน้าของอมนุษย์ตรงหน้า ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ เจ้าของปีกคู่พญามารทมิฬตรงหน้า กลับเป็นบุคคลที่เป็นที่รู้จักอย่างแน่นอนในรัฐบาล หนึ่งในสภาสูง “ฟรานเซสก้า คาร์ลอส” กลับเป็นเผ่าปีศาจอย่างไม่คาดไม่ถึง

    “ทะ..ท่าน ทำไมคนอย่างท่านถึงเป็น….?!!!” น้ำเสียงกระตุกแทบจะสิ้นใจ

    “เข้าเรื่องซักที บอกมาซะ ตกลงใครอยู่เบื้องหลังแผนการนี้ “

    “…คือ…การระเบิดนี้…เป็นเหตุการณ์ที่ไม่อยู่ในแผน…..เพียงแต่สอดคล้องต่อแผนการณ์…เราจึงใช้เป็นโอกาสในการดำเนินการ…. เราได้รับคำสั่งแค่ให้เก็บตังอย่าง….ทุกอย่างของสิ่งมีชีวิตไม่ระบุเผ่าพันธุ์…อย่างพวกคุณ เพื่อให้ในโครงการลับอย่างนึง…แค่ก!!”

    “…โครงการลับงั้นเหรอ…..บอกมาซะว่าใครเป็นสั่งการแกมา…” ฟรานเซสก้าเอ่ยถามประเด็นหลัก

    “….คำสั่งโดยตรง…จากท่าน……อ้อก!!!”

    พริบตาที่นามนั้นจะเอ๋ย เจ้าหน้าที่ผู้โชคร้ายกลับสิ้นใจในฉับพลัน ร่างชีวิตไร้การเคลื่อนไหวคาเดือยแหลมที่เสียบผ่านไหล่อย่างน่าเวท กลางหน้าแผกถูกเข็มขนาดย่อมๆ ทะลวงอย่างแม่นยำ

    ฟรานเซสก้าตกใจเล็กน้อยแต่ไม่เกิดความแปลกใจ ก่อนจะเพ่งสายตาไปตามจิตมุ่งร้ายที่รู้สึกได้ หากแต่เมื่อมองออกไปก็ไม่ได้พบสิ่งใดอยู่เลย

    “ชิ…ปิดปากงั้นเหรอ”

    หนุ่มผมสองสีเสียกำลังใจเล็กน้อยที่ไม่ได้ข้อมูลตามคาด แต่ก็ไม่ได้แสดงความแยแสต่อซากศพที่โดนตนเสียบทิ้งอยู่เลยเลย

    ห่างออกมาไม่ไกล อลิสซาเบทหัวหน้าแห่งกลุ่มบทเพลงรุ่งอรุณแอบมองอย่างหงุดหงิด แม้รู้ว่าวันนี้ไม่มีทางเลี่ยงการปะทะกับมนุษย์แล้วก็ตาม แต่ภาพศพที่โดนสังหารอย่างโหดร้ายด้วยมือของผู้ร่วมมืออย่างฟรานเซสก้า มันทำให้เธอทวีความโมโหต่อศัตรูเผ่าพันธุ์คนนี้อย่างมาก

    เมื่อแน่ใจว่าไม่มีกำลังทหารปริศนาตรงหน้าแล้ว เธอกับชายผู้ติดตามสองคนจึงตัดสินเดินออกจากที่หลบซ่อน ตรงไปยังปากหลุมขนาดใหญ่ตรงหน้าที่ปีศาจหนุ่มเปิดเส้นทางให้แล้ว แต่บางอย่างทำให้อลิสต้องตะโกนออกไปอย่างไม่ต้องคิด

    “ฟรานเซสก้า!!! ข้างบน!!!”

    “หา?”


    ฉัวะ!!!!!


    ไม่ทันรู้สึกถึงตัวตน สัมผัสโลหะเย็นวาบปาดเข้าเนื้อในเสี้ยววินาที ปีกปีศาจดุจพญาค้างคาวข้างนึงฉีกขาดพร้อมของเหลวสีแดงกระจายออกโคนปีก

    “ไอ้นี่!!”

    ฟรานเซสก้าไม่สนใจความเจ็บปวด สายตาเพ่งไปยังผู้จู่โจม อันเป็นเพียงเด็กหนุ่มมนุษย์ ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ หมวกแก๊ปสีดำปกปิดใบหน้า หากแต่มือขวากลับเป็นดาบยาวที่เรียกันว่า”คาตานะ” ในสมัยก่อนสูญสิ้นอารยธรรม ที่ถูกใช้ฟาดฟันอย่างแม่นยำ

    ปีกข้างที่เหลือสะบัดออกกว้างพร้อมตบใส่ศัตรูปริศนาอย่างชั่วพริบตา ร่างเด็กหนุ่มลอยระริ่วแต่พลิกตัวลงพื้นอย่างสวยงามราวกับป้องกันการโจมตีได้หมดจด ก่อนสะบัดคมดาบเสียบเข้าฝักข้างตัว

    ฟรานเซสก้าต้องแปลกใจเป็นครั้งที่สอง เมื่อปีกอีกข้างที่หลงเหลือกลับเกิดรอยบาดเป็นทางยาวพร้อมเลือดไหลย้อยออกอย่างไม่รู้ตัว แต่แทนที่จะเกิดความโมหะ ชายหนุ่มครึ่งปีศาจกลับแสยะยิ้มอย่างสุขใจล้นเหลือที่มีคนเรียกเลือดของตัวเองออกได้ซักที

    ฝ่ายชายหนุ่มสวมหมวกก็แปลกไม่แพ้กัน ลองเจอคนมีปีกก็ประหลาดแล้ว นี่อย่ากับเป็นปีศาจในตำนานสมัยก่อนแถมยืนกลางกองเลือดเป็นใครก็ต้องกลัวฉี่ราดไปแล้ว แต่เขากลับปั้นหน้าตาโตเหมือนแปลกใจต่อสิ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าราวกับเจอของแปลกใหม่ไม่มีผิด

    “นี่…นายเป็นตัวอะไรอ่ะ” หนุ่มสวมหมวกถามไม่ดูสถานการณ์

    “หา? นี่แกฟัน ทั้งๆที่ไม่รู้ชั้นเป็นอะไรเนี่ยนะ?” สีหน้ายิ้มแสยะเปลี่ยนเป็นตกใจ

    “เอาเถอะ….ชั้นเป็นเผ่าปีศาจ อย่างที่เห็นเนี่ยแหละ” ฟรานเซสก้ากล่าวพลันดึงซากปีกที่ขาดกลับมาเสียบไว้ที่แผลเดิมก่อนบาดแผลจะสมานลงเหมือนเดิม “ว่าแต่แกเป็นใครล่ะเนี่ย?”

    “ซารุวาตาริ ทากะ” เด็กหนุ่มในหมวกแก๊ปเอ่ยนาม “อย่างที่เห็น ก็แค่นักดาบพเนจรพอดีมาหาเพื่อนร่วมสำนักนะ ผ่านมาเจอตัวประหลาดฆ่าคนก็เลย กะฟันทิ้งเท่านั้นเอง แต่ไม่คิดว่าจะพูดได้ด้วยเนี่ยสิ”

    พริบตานั้น นักดาบหนุ่มถีบตัวถอยอย่างไม่ให้สัญญาณ ศีรษะเอี้ยวหลบจนสุดคอ หมวกปีกบนหัวขาดกระจายเมื่อปีกสีดำของปีศาจหนุ่มตรงหน้าฟันผ่านไปอย่างฉิวเฉียด

    “งั้นทำไม ไม่ลองมาปราบปีศาจตัวนี้ต่อซะล่ะ” ฟรานเซสก้าเบิกดวงตาสีทองโต รอยยิ้มบนใบหน้าแสดงความตื่นเต้นที่ได้เจอคู่มือมากความสามารถจนอยากละเลงชายหนุ่มตรงหน้าให้เป็นชิ้นๆ

    “ไม่ไหวละ ตอนแรกกะลอบฟันให้ตายในดาบเดียวแล้วหนีเลย แต่กริมโซอิดกลับฟันโดนแค่ปีกข้างเดียวแบบนี้ คงสู้ตัวต่อตัวไม่ไหวละมั้ง” ชายหนุ่มเริ่มตั้งท่าจะถอย

    แต่ทว่า….

    ปีกสีดำอันนึงที่ต่อไปไม่นาน กลับขาดหลุดออกมาเหมือนเดิม บาดแผลที่โคนปีกเปิดอีกครั้ง อดไม่ได้ที่ปีศาจหนุ่มฟรานเซสก้าจะตกใจ

    “….ต่อไม่ได้เหรอเนี่ย แผลจากดาบเล่มนั้น?”

    แต่พริบตาที่หันเหความสนใจไปทางอื่น หนุ่มน้อยซามูไรตรงหน้าก็ทะยานออกจากพื้นที่ด้วยความไวแสงก็มิปาน แต่ก็เช่นเดียวกับที่ฟรานเซสก้าเลิกสนใจต่อสู่เช่นกัน

    “น่าสนใจจริงๆแฮะ ดาบเล่มนั้น….”

    “เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ลงทุนฆ่าคนไปตั้งแปดคน จะพลาดไม่ได้แล้วนะ ฟรานเซสก้า” อลิสซาเบทเดินนำหน้าไปยังทางลง

    “หึ…รู้แล้วนา”

    …………….
    ………..
    ……
    ..
    .
    ซากแห่งความพินาศจากการต่อสู้แห่งสองอมนุษย์ ณ พื้นที่ตลาดใต้ดิน กราวด์ผ่านไปกว่าชั่วโมงแล้ว ฝากแต่ความชั่วโมงเหลือยังคงไม่ถึง กลุ่มคนที่รอดชีวิตจากสัตว์ประหลายปริศนาได้แต่จับกลุ่มหลบมุมให้ห่างจากการปะทะมากที่สุดเท่าที่ทำได้

    “ออกจากวงกตได้แล้ว!!” หญิงสาวผมดำพูดอย่างดีใจ พลันกวาดสายตาวิเคราะห์เหตุการณ์

    แต่แสงที่สลัวๆจากแรงระเบิดโดยรอบ ร่างของคนตายที่กระเด็นติดขอบทางกองรวมกัน ซากอิฐและซีเมนท์เรียงรายทาง จำตำรวจสาว กราเซียส แทบไม่อย่างเชื่อว่าก่อนหน้านี้ชั่วโมงเดียว สถานที่แห่งนี้เคยเป็นแหล่งค้าขายที่ใหญ่ที่สุดของเอเดน

    “อะไรกันเนี่ย?” เสียงเด็กหนุ่มวิ่งตามมาร้องลั่น

    “เธอ!! ตามชั้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่!!”

    เรียวชิโร่เมินเสียงของตำรวจสาว พุ่งกระโจนออกไปยังร่างของผู้นอนสิ้นสติตามทางด้วยความหวังเพียงเล็กน้อยว่า ร่างตรงหน้า ชะตายังไม่ขาด

    “คุณ!! ทำใจดีๆไว้!!”

    เด็กหนุ่มหัวส้ม ถลาลงไปยังร่างอันไร้วิญญาณ ตามทาง ปากแผลตามตัว ร้ายแรงจนรู้ดีว่าสายเกินไปแล้ว แต่
    จิตใจของเรียวชิโร่กลับบังคับไม่ว่ายังไงก็เข้าไปดูให้

    หนึ่งคน สองคน ห้าคน สิบคน และอีกมากมายที่ไม่อาจลืมตาได้อีกต่อไป จิตใจของเรียวชิโร่บีบแน่นจนแทบระเบิด พร้อมสาปแช่งผู้เป็นต้นตอของการสูญเสียครั้งนี้

    ทางตำรวจหญิงกราเซียสกัอยู่มุมตรงข้ามกัน เด็กหนุ่มสนของคนตาย สาวเจ้าจึงสนของเป็น พาลปฐมพยาบาลผู้คนที่รอดชีวิต ซึ่งตอนนี้เกาะกลุ่มกันประมาณหกสิบคนจากจำนวนมหาศาล พาลสอบถามสถานการณ์

    “สัตว์ประหลาด?!” หญิงสาวผมดำทวนคำ ขณะพันผ้าผันแผลให้กับชายคนหนึ่งที่ขา

    “ใช่!! แถมมันยังปล่อยตัวประหลาดออกมามากมาย เหมือนหนู….มันมีเป็นร้อย..ไม่สิ เป็นพันเลย!! แถมไล่กัดคนไปทั่ว”

    น้ำเสียงช้าๆ แต่แฝงด้วยความหวาดหวั่น พลันทำให้กราเซียสเหลียวกลับไปยันข้างหลัง

    ซากประหลาดบางอย่างที่เหมือนเนื้อหนังผสมกับเศษหิน ลักษณะที่ถูกเสียบคาพื้นด้วยดาบสีเงินยาวประหลาด ตำรวจสาวพลางจินตนาการไปยังร่างเดิมของมัน และจำนวน ทำให้นึกได้แต่ว่าหากมันหลุดไปข้างนอกจะเกิดอะไรขึ้น

    “แล้ว…ตอนนี้มันตายหมดแล้วเหรอคะ?”

    “จู่ๆ พวกมันก็ตายไปเองค่ะ”

    “เอ๋?”

    กลาเซียสหันไปมองเจ้าของเสียง เป็นเด็กสาวร่างบางนั่งอยู่ข้างๆ ด้วยชุดกระโปรงเดรสสีดำขาดลุ่ยกับดวงตาสีมรกต เรือนผมสีน้ำตาลยาวสลวยช่างดูโดดเด่น แต่มันไม่ใช่ประเด็นในตอนนี้

    “เธอคือ…”

    “ “อลาดาร์เดลล่า เอสเตลเล่” ค่ะ เรียกหนู “แอล”ก็ได้” เด็กสาวโค้งศีรษะตามมารยาท

    “งั้น แอล ช่วยเล่าเหตุการณ์ให้ฟังหน่อยได้มั้ย”

    “ก่อนหน้านี้ พวกหนูปีศาจมันก็เยอะแยะไปหมด…แต่ซักพักพวกมันก็เป็นอะไรไม่รู้ แล้วก็แตกกระจายกันไปเอง มีตัวที่นอนตัวนั้นตัวสุดท้ายนั่นแหละค่ะ ที่ยังจู่ๆโดนดาบเล่มนั้นปาเข้าใส่จนตาย”

    “ดาบ?” กราเซียสนึกถึงดาบเล่มที่เห็นเมื่อครู่

    “แล้วเธอพอจะรู้มั้ยว่าใครเป็นคนปาดาบนั้นมา” ตำรวจสาวถามโดยหวังเบาะแส

    “ตอนนั้น หนูมัวแต่มึนๆ เลยมองไม่ทันน่ะค่ะ”

    “มึนงั้นเหรอ” เป็นคำพูดที่ไม่เข้ากับสถานการณ์เท่าไหร่แฮะ ตำรวจสาวนึกขำ

    “แต่…จำได้ว่า ตอนหนูติดอยู่ใต้ซากหิน คนที่มาช่วยหนุก็ใช้ดาบแบบนี้นะคะ” เด็กสาวบรรจงเล่า “แถมเป็นคนแปลกๆ แบกโลงเหลี่ยมๆไว้ที่หลังด้วย”

    “สงสัยจะมึนจริงๆแฮะ” กราเซียสฟังแล้วแอบเหลือเชื่อกับคำบอกเล่า

    ซักพักนึง ประสาทของเรียวชิโร่ก็กระตุกอย่างรุนแรง มันเป็นความรู้สึกที่เคยสัมผัสมาก่อน ราวกับมีคลื่นแทรกมาในหัว เป็นลักษณะเดียวกับตอนที่เขาได้เจอเทวดาปีกเงิน และ การตื่นจากการหลับใหลครั้งแรกไม่มีผิด หากแต่ครั้งนี้ รุนแรงกว่าหลายเท่าจนปวดโคนหูและท้ายทอย

    “มีอะไรบางอย่าง….กำลังมา”

    เด็กหนุ่มดีดตัวขึ้นโดนอัตโนมัติ สมองไม่อาจรู้ว่ามันคือสิ่งใด แต่เซนส์บางอย่างร้องให้เจ้าตัวเผ่นให้ไวที่สุด

    “คุณตำรวจ!! รีบพาคนที่ปลอดภัยออกจากตรงนี้ให้ไวที่สุด!!” เรียวชิโร่ตะโกนลั่นด้วยใบหน้าผวา

    “อะไรนะ?” กลาเซียสหันมาด้วยความมึนงง เช่นเดียวกันผู้คนในแถบนั้น แต่ทันใดที่เห็นสัญญาณแปลกๆก็ถึงกับต้องถอย

    เสียงวัตถุพุ่งอัดอากาศจากระยะไกล เรียวชิโร่ ถีบตัวออกข้างด้วยสัญชาตญาณ ร่างลึกลับบินเฉี่ยวเส้นผมสีส้มของตัวเองไปอย่างหวาดเสียว ก่อนไถลไปกับพื้นหลายเมตร

    ร่างของหมาป่าสีขาว ขนาดใหญ่เทียบเท่ามนุษย์ กองท่ามกลางฝุ่นคลุ้ง พร้อมรอยแผลมากมายจนแทบไม่อยากจะนับ แถมด้วยดาบสีเงินปริศนาประมาณสามเล่มปักคาร่าง พาลทำเอาคนรอดชีวิตเสียขวัญ

    “…..ทุกๆคน ตามชั้นมาค่ะ ข้างในมีทางหนีได้อยู่ ชั้นจะพาไปคะ จับมือกันไว้ทุกๆคนด้วย ไม่งั้นจะหลงนะคะ!!!”

    ตำรวจสาว กลาเซียส เหมือนจะรู้สถานการณ์ดี จึงเร่งย้ายคนธรรมดาออกไปอย่างฉุกเฉิน ก่อนส่งสายตากลับไปยังเด็กหนุ่มราวกับถามว่า “ระวังตัวด้วย” แล้วจึงนำทางทุกๆคน กลับไปยังอีกทางเพื่อไปสู่ทางวงกตที่เคยออกมา

    “แก…เอมิยะ…. เรียว…ชิโร่” ร่างสัตว์สี่ขาขานชื่ออย่างอ่อนแรง แม้เสียงจะแตกไปแต่เด็กหนุ่มก็จำได้

    “คุณ….เฟรเรียร์? นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?” เรียวชิโร่ วิ่งเข้าไปดูอาการ

    “…..น..”

    “อะไรนะครับ?!!”

    “….หนี….”
    ……………………..
    ………….
    …….
    ..
    .
    สถานการณ์ในตอนนี้ นับตั้งแต่ระเบิดลูกแรก ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว พื้นที่เขตเมืองที่เกิดเหตุส่วนใหญ่ได้รับการอพยพบางส่วนแล้ว ส่วน การเข้าถือผู้ประสบภัยที่อยู่ในกราวด์ยังคงมืดบอด

    ข่าวรายงานข้อมูลสดยังคงประกาศผ่านโทรทัศน์ของแหล่งที่อยู่อาศัยที่ไม่ได้ตกเป็นลูกหลงอย่างต่อเนื่อง เช่นกันในย่านอาหารการกินแห่งเขตสาม ซึ่งนับว่าโชคดีมากที่ไม่ได้ตกเป็นเป้าในการก่อการร้ายไปด้วย

    ณ ร้านอาหารจีนตระกูลหลี่อันเลื่องชื่อ เหล่าลูกค้าผู้มารับประทานต่างก๊อกสั่นขวัญแขวนต่อสถานการณ์ที่รับรู้ผ่านโทรทัศน์ของร้าน ไม่เว้นแต่ ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของร้านนี้ หลี่ เหม่ย หลิน

    สาวน้อยเชื้อสายจีน กลับเข้ามายังเคาเตอร์ของร้านหลังจากเสริฟอาหารรายการสุดท้ายเสร็จ เด็กสาวถอดผ้าโพกหัวออกพร้อมสยายผมสีน้ำตาลยาวสลวย ที่เคยรวบ ให้เป็นอิสระ

    “…….เราพูดแรงไปหรือเปล่า…?” สาวน้อยบ่นอุบอิบเล็กน้อย เมื่อพลันนึกถึงสิ่งที่ตัวเองได้พูดใส่หน้าของเด็กหนุ่มเพื่อนสนิท เอมิยะ เรียวชิโร่

    สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เป็นเพราะเด็กสาวได้เริ่มโทรไปหาเขาหลายเที่ยวแล้วตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อน ด้วยอารมณ์อยากโทรไปต่อว่าเล็กน้อย เพื่อกระตุ้นให้เรียวชิโร่สำนึกผิดก่อนเอ่ยขอโทษอย่างที่เคย ซึ่งทั้งสองมักจะโกรธๆหายๆกันแบบนี้เป็นประจำ

    แต่ทว่าเด็กสาวหารู้ไม่ว่าเรียวชิโร่กำลังประสบปัญญาเหนือจินตนาการ จนโทรศัพท์พังคากระเป๋าไปแล้ว สิ่งที่ตอบกลับหลังสัญญาณจึงมีแต่เสียงคอลเซ็นเตอร์สาวแบบอัตโนมัติเท่านั้นเอง

    “หรือว่า….จะเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้น…แบบวันก่อนอีก”
    ……………..
    ………..
    ……..
    …..
    ..


    ตูม!!!

    เสียงอัดกระแทกสั่นไปทั้งกราวด์ เรียวชิโร่ หันกลับไปยังต้นเสียงเพื่อเตรียมรับมือ แม้ว่าขาจะสั่นด้วยวามกลัวอย่างรุนแรง

    พริบตานั้น อีกร่างหนึ่งปลิวตามมาเช่นเดียวกับ จ้างแห่งสรรพสัตว์ในร่างหมาป่าขาว แต่ร่างนั้นกลับตัวลงพื้นได้ทันก่อนจะไถลลงพื้นได้ไม่สวยนัก

    สิ่งมีชีวิตรูปแบบมนุษย์ที่มีผิวหนังดำสนิทราวกับสวมชุดหนัง รูปร่างสูงใหญ่ประมาณสองเมตรกว่า ประดับกล่องรูปทรงคล้ายโลงศพประดับโซ่กระดูกสี่โลงที่หลัง ใบหน้าเป็นกะโหลกทรงประหลาดราวกับฉลาม ครอบระหว่างใบหน้า ดวงตาทองอร่ามตัดกับผิวสีดำใต้กรอบที่ใบหน้า

    “เฟนส์!!! ยังไม่ตายใช่มั้ย?!!” ร่างประหลาดทักหมาป่าหนุ่มที่จมกองเลือด ครั้นหันไปพบเรียวชิโร่ที่ยืนข้างๆ

    “ผมส้มแปลกคนกับเครื่องแบบสถานศึกษาสีแดงเพลิง……นาย…เด็กใหม่ที่ชื่อ เรียวชิโร่สินะ” ถ้อยคำเป็นกันเองไม่สมรูปร่างสะท้อนออกมาจากอสูรกายโลงศพตรงหน้า

    [เผ่าปีศาจ? กลุ่มเขี้ยวอสูรเหมือนเรางั้นเหรอ?]

    “โทษทีที่ไม่ว่างจัดงานต้อนรับนายในวันนี้นะ พอดีเรามีปัญหานิดหน่อย” อสุรกายสีน้ำเงิน พูดไม่สมรูปร่างหน้าตา

    “ชั้นชื่อ แอชเรียล เอาเป็นว่าตอนนี้….มาแล้ว!!”

    แผ่นศิลาขนาดเกือบเท่าตัวคนมากมายโถมออกมาจากอีกฝั่งของสายตา แอชเรียลไม่หวั่นก่อนจะควบคุมโลงศพที่กลางหลังแผ่เรียงไปด้านหน้าดุจโล่กันพร้อมระเบิดฝีเท้าเข้าปะทะ

    เรียวชิโร่ได้แต่แปลกใจ เพราะภูมิทัศน์ ที่ขาดแคลนแสง บวกกับฝุ่นควันที่ปกคลุม จนไม่อาจมองเห็นสิ่งที่จู่โจมเข้ามา หากแต่แรงสั่นในหัวบ่งบอกว่าสิ่งที่โจมตีมามีความร้ายกาจจนขนลุกเลยทีเดียว

    เคร้ง!!!

    แอชเรียลในร่างอสูรโลงศพฟาดดาบสีเงินทั้งสองมือสุดแรงเกิด ภายใต้กลุ่มควันที่บดบังสายตา ใบหน้าใต้กะโหลกทรงฉลามคำรามลั่น พลันกระหน่ำฟาดฟันผู้จู่โจมลึกลับดุจพายุ แต่ทว่า…

    “คุณแอชเรียล ถอยออกมา!!!!” กลับเป็นเด็กหนุ่มหัวส้มที่ตะโกนจากด้านหลัง

    “หา?”

    เคร้ง!!!

    ดวงตาสีทองคำเบิกโพลง เสียงโลหะกระทบที่ไม่น่าจะเกิดกับผิวเนื้อมนุษย์ที่ฟันไป สร้างความตื่นตะลึง คมดาบสีเงินกลับถูกผิวสีเนื้อธรรมดาหยุดไว้อย่างเหลือเชื่อ

    “แย่ละสิ!!!”

    โครม!!!

    ร่างอสุรกายโลงศพสีดำ หมุนสามร้อยหกสิบองศา ปลิวผ่านเหนือหัวเรียวชิโร่ไปอย่างรวดเร็ว ก่อนร่างของศัตรูปริศนาจะปรากฎ

    “……ล้อเล่นกันใช่มั้ยเนี่ย?!! “

    เด็กหนุ่มหัวส้ม ยืนค้างไม่ไหวติง สิ่งที่ปรากฏในม่านตา ไม่ใช่มหาปีศาจ ไม่ใช่เทวดาสุดหน้าสพรึง ไม่มีสิ่งใดเกินไปกว่าแขนขาอย่างละคู่ ผิวหนังไม่ได้เป็นเกล็ดเหล็กกล้าหรือกล้ามเนื้อแข็งดุจเทพเจ้า ร่างที่สามารถเหวี่ยงอสุรกายลอยข้ามไปราวลูกบอล กลับเป็นเพียงมนุษย์ผู้ชายคนนึง

    ใบหน้าของหนุ่มวัยประมาณกลางคน รูปร่างซูบผอมดูไร้เรี่ยวแรง เครื่องแต่งกายที่ขาดรุ่งริ่งก็ไม่ได้เป็นเครื่องแบบของหน่วยงานอะไรที่ไหน แต่นี่คือคนที่โดนเรี่ยวแรงของร่างปีศาจขั้นสมบูรณ์ฟาดฟันแล้วไม่มีแม้แต่รอยแผลเดียว

    “หล..บ ไป…”

    เสียงแหบต่ำแทบสิ้นใจของจ้าวแห่งสรรพสัตว์ ร่างหมาป่าสูงร่วมสองเมตรที่ค่อยๆตะกายกลับมายืนอย่างทุลักทุเล พร้อมเลือดที่กระฉูดจากบาดแผลยังไม่หยุด แต่กระนั้นบาดแผลต่างๆก็เริ่มสมานอย่างเหลือเชื่อ

    “คุณเฟรเรียร์?!!”

    “บ้าจริง…แขนซ้ายกระเด็นไปไหนแล้วล่ะเนี่ย?” หมาป่าขาวบ่นถามหาขาหน้าที่ขากระเด็นไปก่อนหน้านี่ ดูเหมือนดวงตาจะเสียความสามารถการมองเห็นไปแล้วเช่นกัน

    “เรียวชิโร่….ช่วยดึงดาบที่เสียบขาหลังชั้นออกที..มันขัดส่วนข้อต่อกระดูกน่ะ”

    เฟนส์หันขาหลังด้านขวาที่มีดาบเงินเสียบลึกเข้าไปครึ่งด้าม เรียวชิโร่เหลือบมองถึงกับกลืนน้ำลาย ชนิดจินตนาการความเจ็บปวดไม่ออกเลยทีเดียว ก่อนจะค่อยๆคว้าที่ด้ามจับแล้วกระชากออกมา

    “อั้กก!!” เส้นประสาทกระตุกด้วยความเจ็บปวด แต่จ้าวหมาป่ายังพอทนยืนได้

    “ตกลง….มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ไง? แถมดาบนี่ มันเป็นของคุณแอชเรียลไม่ใช่เหรอ?” เรียวชิโร่ เอ่ยปากถาม ขณะยืนคุมเชิงชายหนุ่มปริศนาตรงหน้า

    “เรื่องของชั้นกับไอ้เทวดาเวรตะไลนั่น ไว้อธิบายทีหลัง… ที่แน่ๆคือ ไอ้บ้านี่จู่ๆก็ลุกมาจากกองศพ แถมซัดพวกบทเพลงแห่งรุ่งอรุณซะกระจุย ตอนชั้นกำลังซัดกับเจ้าแอชมันอยู่ ” เสียงพูดบ่งบอกว่าอาการของเฟนส์เริ่มดีขึ้น จนเรียวชิโร่อดทึ้งในพลังการฟื้นตัวของอีกฝ่ายไม่ได้

    “ฟังนะ ชั้นจะบุกเข้าไปก่อน” เฟนส์เริ่มบรรยายแผน “ไม่ว่ามันจะได้ผลหรือไม่ นายเข้าไปฟันซ้ำได้ทันที ไม่ต้องสนใจชั้น”

    “หา?!! แต่ว่า…”

    ไม่มีการรีรอคำตอบ หมาป่าขาว สูดหายใจเต็มปอด ก่อนระเบิดเสียงคำรามกัมปนาท ก่อเกิดแรงอัดอากาศมหาศาลโถมเข้าใส่เป้าหมายทันที

    หากแต่ร่างตรงหน้ากลับไม่ได้ผลกระทบใดๆ มีเพียงพื้นที่โดยรอบที่แตกร้าวเป็นเสี่ยงจากความถี่เสียงคำราม

    “โถ่เว้ย!!!” เฟรเรียร์อดหัวเสียไม่ได้ กับศัตรูที่แกร่งไม่สมรูปร่าง

    “กรร!!!”

    หมาป่ายักษ์ระเบิดฝีเท้าตัวกระโจนเข้าใส่ดุจจรวด คมเขี้ยวสีขาวภายใกรามสัตว์ป่ากัดเข้าเต็มๆคอหอยของอีกฝ่ายในพริบตาเดียว

    [อะไรกัน!!!] สัมผัสของลิ้นและฟันทำเอาเฟนส์ไม่อยากจะเชื่อ คมเขี้ยวที่แหลมคมกว่าใบเลื่อย กลับคาอยู่เพียงผิวชั้นนอกบริเวณลำคออีกฝ่าย ราวกับกำลังขย้ำลงบนผิวเหล็กกล้าไม่มีผิด

    [ตอนนี้แหละ เรียวชิโร่!!!] สายตาสีทองส่งไปยังเด็กหนุ่มผมส้มเป็นการส่งสัญญาณ

    แต่เอมิยะ เรียวชิโร่ ยังไม่ไหวติง มือยังคงจดดาบสีเงินไว้ก็จริง แต่สีหน้าที่ย่ำแย่บ่งบอกเลยว่า เจ้าตัวไม่อาจทำใจฟาดฟันมนุษย์ด้วยกันได้เลย และที่สำคัญ เขายังคงไม่สามารถกลายสภาพเป็นครึ่งปีศาจได้ตามใจนึกเหมือนคนอื่นๆ

    “นี่มัน มนุษย์ไม่ใช่เหรอ?!!”

    ตูม!!!

    “อ้อก!!” เฟนส์คลายกรามของตัวเองออก หมัดขวาลุ่นๆของ มนุษย์ธรรมดาทะลวงเข้าเต็มๆท้องน้อยจนตัวงอ ก่อนที่ร่างหมาป่าจะปลิวกระแทกเพดานร่วงลงมาอย่างสิ้นท่า
    ไม่จบแค่นั้น พริบตาที่ร่วงหล่น ร่างมนุษย์ไม่รอช้า ยกขายันร่างของเฟนส์กลางอากาศ กระเด็นผ่านเรียวชิโร่ไปอีกคน

    “นี่มัน…เรื่องบ้าอะไรกัน!!” สติของเด็กหนุ่มแทบคลั่ง เมื่อเหลือบเห็นภาพของเฟนส์นอนหมดสติ ร่างหมาป่าค่อยๆปรับเปลี่ยนสภาพอย่างช้าๆ กลายมาเป็นชายหนุ่มผมดำอันเป็นรูปร่างมนุษย์เหมือนเดิม

    “อึ้ก!!”

    จู่ๆเสียงสั่นที่เกิดขึ้นก่อนหน้าจะเจอพวกกลุ่มเขี้ยวอสูรเมื่อครู่ก็เกิดขึ้นกับเรียวชิโร่อีกครั้ง คราวนี้รุนแรงจนมองเห็นที่มาของความรู้สึกนี้……ใช่แล้วนี่เป็นความรู้สึกตอนเขากำลังสู้กับเทวดาสีเงินครั้งแรก ซึ่งแม้ตอนนั้นจะสูญเสียสติไป แต่ความรู้สึกนี้ยังคงจดจำในสมอง และ ชายปริศนาตรงหน้าก็ให้ความรู้สึกเดียวกัน

    ร่างมนุษย์ค่อยๆก้าวเข้าหาเด็กหนุ่มอย่างไร้เรี่ยวแรง กล้ามเนื้อตามตัวกระตุกไปมาเหมือนชัก ก่อนจะทรุดตัวลงไปคุกเข่า ผิวหนังโดยรอบเริ่มปริออกเห็นเนื้อหนังสีแดงสดชั้นใน ชายไร้นามกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งพร้อมลงมือกระชากผิวหนังตัวเองราวกับคนบ้า

    เรียวชิโร่เลิกสนใจความสยองขวัญตรงหน้า ก่อนถอยกลับไปดูอาการขงเฟนส์ที่ไร้สติไปแล้วกับแอชเรียล….แต่กลับมีเพียงชายหนุ่มผมดำคนเดียวที่นอนอยู่

    “คุณแอชเรียล!!”

    อสูรกายโลงศพกลับมาสู่สนามรบอีกครั้ง กระโจนเข้าหาศัตรูที่ยังมุ่งแต่ทำร้ายตัวเองอย่างรีรอ โลงศพประหลาดทั้งสี่กลางหลัง ชูออกราวกับขาแมงมุม ก่อนมันจะเปลี่ยนสภาพไม่ต่างจากปากอสรพิษยักษ์เข้าฉกเป้าหมาย

    “ไม่อยากทำอย่างงี้ แต่ตายซะเถอะ”

    โลงทั้งสี่ที่เข้ากัดร่างของเป้าหมายออกแรงกระชากคนละด้าน ภาพตรงหน้าราวกับหัวงูสี่หัวรุมแย่งกัดเหยื่อจนเหลือเห็นแค่ขาข้างเดียว

    “อะไรกัน!!” กลับเป็นแอชเรียลที่ร้องออกมา

    จากโคนหลังที่มีรยางค์เส้นหนาสี่เส้นเชื่อมโยงไปยังโลงศพสะระริ่ก เส้นลั่นของกระดูกดังเป็นจังหวะ กลับกลายเป็นอสุรโลงศพที่ยังไม่อาจพิฆาตศัตรูได้ ร่างที่กำลังถูกขย้ำกลับพยายามง้างฝาโลงออกมา

    “ชูมันขึ้นฟ้า!! กลุ่มเขี้ยวอสูร!!!”

    “?!!!”

    ร่างของศัตรูถูกเหวี่ยงขึ้นเหนือพื้นตามคำสั่ง ปีกสีดำสิบสองด้านพุ่งมาจากระยะไกลราวกับคมหอก เช่นกันที่แอชเรียลชูดาบเงินทั้งสอง เข้าเสียบทะลุร่างที่คาโลงศพพร้อมๆกัน เลือดที่แดงสดพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ


    เจ้าของปีกทั้งสิบสอง หาใช่ใครไม่ เทวดาร่างสมบูรณ์ผิวสีม่วงอำไพ เอ็นโด คริปโตส ในสภาพที่เสียขาไปข้าง กับ เด็กสาวผมทองในชุดโกธิค คาเรนที่มีแผลบริเวนท้อง

    “หึ..ไม่คิดว่าคุณจะยอมช่วยนะเนี่ย” แอชเรียลกล่าว

    “ไม่ได้อยากเท่าไหร่หรอก”

    “เลิกเถียงกันแล้วหาทางหนีออกไปจากที่นี่ก่อนดีกว่ามั้ยคะ คุณทั้งสอง”

    สถานการณ์เป็นกันราวกับเรื่องทุกๆอย่างจบลงแล้ว แม้สีหน้าแต่ละคนไม่เรียกว่าสู้ดีนักแต่ก็ผ่อนคลาย ยกเว้นเพียงคนๆเดียว

    “ยังไม่ตาย….” แรงลั่นจากประสาทส่วนกลางยังคงอยู่

    “หือ?…มีอะไรเหรอเรียวชิโร่”

    “มันยังไม่ตาย!!!” เด็กหนุ่มหัวส้มร้องเตือน แต่สายไปแล้ว

    ฉึก!!!

    ตำแหน่งที่เคยถูกเสียบคาที่อยู่ในโลงศพ ระเบิดออก กลายเป็นเส้นรยางค์โลหิตนับไม่ถ้วนราวกับห่าฝน เข้าทิ่มแทงรอบด้าน แน่นอนว่าอสุรกายโลงศพที่อยู่ใกล้สุดโดนเข้าเต็มๆ

    “อะ..ไร..กัน.?!!” หนวดรยางค์สีแดงนับสิบเส้นทะลวงร่างปีศาจโลงศพทุกส่วน โชคยังดีที่ส่วนกะโหลกที่ครอบศีรษะถูกเฉียดออกข้างไปนิดหน่อย

    ทางด้านเอ็นโดโชคดีกว่า มีเพียงปิกทั้งสิบสองข้างที่ถูกทะลวง จึงไม่บาดเจ็บมากนัก

    ร่างของปีศาจหนุ่มทรุดลงไปในพริบตา เมื่อรยางค์สีเลือดหดกลับสู่ที่มา ร่างสีแดงเลือดค่อยๆลอยสู่พื้นอย่างเหลือเชื่อ

    จากร่างมนุษย์ที่เคยถูกขย้ำ บัดนี้เหลือเพียงร่างคนสีเลือด ผิวหนังกลายเป็นผิวเส้นเอ็นทั้งร่างราวกับคนถูกถลกหนัง หากแต่ยังคงหนวดรยางค์เล็กๆมากมายดิ้นไปมาตามร่าง ตำแหน่งที่เคยเป็นดวงตาบัดนี้กลวงโบ จมูกเหลือเพียงรูอากาศ ริมฝีปากที่เคยมีหายไปจนหมดสิ้น

    “ไอ้นี่มัน…ตัวอะไรกัน…” แม้แต่เอ็นโดที่ไม่ได้อยู่ในร่างมนุษย์เหมือนกัน ยังหมดเหลือเชื่อไม่ได้

    ร่างที่ไม่ต่างอะไรกับซอมบี้ค่อยๆหันไปมองสองเทวดาที่ข้างหลัง ส่วนศีนษะค่อยๆ โยกไปมา จนเพิ่มความเร็วกลายเป็นสั่น สร้างความสยองขวัญสุดจะหยั่งถึง

    อีกครั้งเป็นอีกครั้งที่ แรงสั่นบางอย่างในร่างของเรียวชิโร่ฟ้องขึ้น ราวกับเป็นระฆังเตือนภัย ร่างกายของเด็กหนุ่มยกทั้งสองมือปิดหูโดยสัญชาตญาณ

    พริบตานั้นจากในตากลวงไร้สิ่งใด ส่องประกายจ้า พร้อมระเบิดเสียงร้องความถี่สูงสุดจะหยั่งถึงลั่นออกรอบด้านจนเกิดคลื่นอากาศเป็นวงกว้าง

    “อ้ากกกกกกก”

    ความถี่ที่รุนแรงเข้าจู่โจมสองเทวดาอย่างรวดเร็ว สมองของเอ็นโดกระตุกราวกับถูกเข็มนับล้านทิ่มแทง ปีกทั้งสิบสองบิดเบี้ยวไม่อาจคงรูป บาดแผลทุกส่วนเปิดกว้าง ก่อนความเจ็บปวดมหาศาลจะโถมเข้าสู่หัวของเทวดาหนุ่มจนร้องด้วยความทรมาน

    “กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

    ไม่พ้นสาวน้อยผมทองเผ่าเทวดาในชุดกระโปรงโกธิคสีดำ คาเรน ไฟนอลวาเลนไทน์ ร่างเจ้าหล่อนไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะเคลื่อนไหวจากผลกระทบของความถี่ แต่ด้วยอาการบาดเจ็บที่น้อยกว่าเอ็นโด เลยพอจะรวมสติยืนได้บ้าง

    “หนอย…” ดวงตาสีฟ้าจับจ้องไปยังเป้าหมาย เส้นใยสีขาวค่อยๆถักทอออกเป็นปีกสีขาวอย่างช้าๆ ก่อนเปล่งประกายสว่างจ้าทั่วร่างราวกับดวงอาทิตย์

    อสูรสีเลือดอยู่การปลดปล่อยเสียงเมื่อต้องแสง ร่างที่มีแต่เอ็นเนื้อยืนนิ่งไม่ขยับด้วยอิทธิพลของแสง

    “แฮ่ก แฮ่ก เป็นไงล่ะ!! แสงของชั้นสามารถเข้าควบคุมเป้าหมายทางประสาทโดยตรงได้เมื่อประสาททางใดทางนึงรับแสงนี้เข้าไป ตอนนี้แกก็ไม่ต่างจากตุ้กตาตัวนึง!!”

    คาเรนกล่าวอย่างได้ใจด้วยนิสัยออกหามๆของเจ้าหล่อน ก่อนจะสะบัดปีกบินเข้าโจมตี คมปีกสีขาวตวัดเข้าที่ลำคออย่างรวดเร็ว

    สวบ!!!

    เด็กสาวผมทองค้างนิ่งไปกลางอากาศ ปีกสีขาวฟาดเข้าตำแหน่งอย่างแม่นยำ หากแต่สิ่งที่ฟาดหาใช่ลำคอแต่เป็นปีกที่สานตัวจากรยางค์เส้นเอ็นสีเลือด พร้อมกันนั้น มืออีกด้านหนึ่งทะลวงลำตัวของคาเรนอย่างเหลือเชื่อ

    “เป็นไป….ไม่ได้..” เด็กสาวโกธิคกระอักเลือดด้วยความประหลาดใจกับเป้าหมายไม่น่าจะเคลื่อนไหวได้แล้ว

    ร่างแสนบอบบางของเด็กสาวเสียการควบคุม เช่นเดียวกับที่ดวงตาดำโกลงของปีศาจโลหิตเริ่มส่องประกายแสง เสียงกรี้ดร้องเริ่มระเบิดใส่แบบประชิดตัว

    “ว้ากกกกกกก!!!!”

    เด็กหนุ่มผมส้มกัดฟันวิ่งเข้าใส่ปีศาจสีเลือดพร้อมดาบสีเงินของแอชเรียลที่นอนสิ้นท่าไปแล้ว ราวกับหวังสู้ตาย แต่ด้วยร่างมนุษย์ปกติ ระดับความเร็วจึงไม่ต่างอะไรจากเด็กทารกสำหรับอมนุษย์ในสนามรบตอนนี้

    ปีกเส้นเอ็นสยายออก คลายเป็นหนวดรยางค์นับร้อยเส้น เข้ามัดร่างของเรียวชิโร่อย่างรวดเร็ว

    “ให้มันน้อยๆหน่อยนะโว้ย!!!”


    คว้ากกก!!!


    เด็กหนุ่มสะบัดร่างอย่างรุนแรงหนวดนับร้อยเส้นสะบั้นออกในเสี้ยววินาที แม้ความเจ็บปวดจะไม่มี แต่ปีศาจที่เหลือเพียงกล้ามเนื้อก็ยังหันกลับมาดู

    แขนขวาข้างที่ว่างกระตุกบิดไปมาก่อนชกเข้าใส่ในมุมที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ กำปั้นสีเลือดอัดกระแทกใบหน้าเด็กหนุ่มอย่างจัง
    .
    .
    .
    และฉีกขาดอย่างรวดเร็ว

    ฉัวะ!!!

    คมดาบสีเงินฟาดฟันเข้าจากด้านหลัง แขนขวาสีเลือดสะบั้น พร้อมแผลทางยาวถึงหลัง เป็นการปลดปล่อยคาเรนที่โดนเสียบคามืออยู่ออกได้

    เด็กหนุ่มถอยระยะอย่างรวดเร็ว ความเปลี่ยนแปลงเริ่มบังเกิด ผมสีส้มชูชันก่อนจางเป็นสีขาวอย่างรวดเร็ว ใบหน้าซีกขวาที่โดนกำปั้นไปเมื่อครู่มีเกล็ดคมดาบเล็กๆทิ่มแทงออกมาจากผิวแก้ม แขนขวาที่กุมดาบระเบิดละอองเลือดออก พร้อมคมดาบมหาศาลตามแขนราวกับเกราะเหล็กสมัยโบราณ สภาพที่เคยพิฆาตครึ่งเทวดา ณ ค่ำคืนแห่งตึกราฟาเอลล่า ปรากฏอีกครั้ง ร่างครึ่งปีศาจของเอมิยะ เรียวชิโร่ แต่ครั้งนี้กลับแตกต่างจากครั้งก่อน

    “เมื่อกี้เพราะแกเหมือนคนธรรมดา เลยไม่กล้าสู้” ดาบสีเงินในมือเริ่มมีกระแสไฟฟ้าสีทองไหลผ่านก่อนเกิดการเปลี่ยนแปลง

    “สรุปแกสินะ ที่เป็นต้นเหตุเรื่องทั้งหมด!!”

    ดาบสีเงินบิดเบี้ยว ก่อนเรียงตัวใหม่เป็นดาบโค้งใบกว้างสีเงิน ความหนาและความคมเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะถูกเจ้าของยกชี้ใส่ศัตรู

    “อย่างที่เคยพูดก่อนเข้ามา ชั้นจะจัดการแกซะ!!!!” เด็กหนุ่มระเบิดเสียง พร้อมเข้าสู้
    ……………………
    ……………
    ……..
    ….
    .
    “ในที่สุด โปรแกรมก็เริ่มทำงานแล้วครับ”

    ภาพมอนิเตอร์นับสิบในห้องมืดแห่งหนึ่ง เริ่มฉายภาพบริเวนกราวด์ พร้อมเจ้าหน้าที่นักวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งยืนเก็บข้อมูลบันทึกผล

    “ความดันปกติ อัตราการเต้นหัวใจสูงขึ้น ได้รับบาดเจ็บบริเวนแขนขวา ความเสียหายรวมสิบสี่จุดหกเปอร์เซ็นต์ เรื่มยิงคำสั่งฟื้นฟู”

    “เริ่มเดินเครื่องแล้วเหรอ?” เสียงนุ่มๆวัยกลางคนดังขึ้น ท่ามกลางเสียงโต้ตอบของพนักงานจนสะดุเงกันเป็นแถบๆ

    “อะ…ท่านวุฒิสมาชิกเดเนฟ ขออภัยที่ไม่ได้ไปต้อนรับครับ” เจ้าหน้าทีหนึ่งคนที่เห็นเดินเข้าหา แม้จะยังงว่าคุณท่านโผล่มาจากหลุมไหน

    “อะไรกันเนี่ย เหมือนว่าเราจะมีแขกไม่ได้รับเชิญในแผนด้วย”

    เดเนฟ ลูนาซีสะบัดผมสีทองอร่ามสุดรักเล็กน้อย ก่อนจะเห็นเอมิยะ เรียวชิโร่ เด็กหนุ่มที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ที่เขตสิบสามในจอมอนิเตอร์ที่ฉายภาพการต่อสู้บริเวนกราวด์ทุกซอกทุกมุม

    “ครับ แถมเรายังไม่มีข้อมูลของเด็กคนนี้เลยในดาต้าเบส ทางเรากำลังเก็บข้อมูลทางกายภาพอยู่ครับ”

    “แล้ว ข้อมูลของเป้าหมายการทดลองสมรรถภาพการต่อสู้ของ U-000 ละ”

    “เก็บไว้หมดแล้วครับ พบว่าU-000มีระดับทางกายภาพเหนือกว่าอย่างชัดเจน”

    “ดูสภาพพวกที่นอนจมกองเลือดก็พอรู้แล้วล่ะนะ….แต่ว่า..”

    “กังวลเหรอครับ เอมิยะ เรียวชิโร่ คนนั้นน่ะ”

    “มันเป็นลางสังหรณ์น่ะ ของคนที่เหมือนๆกัน…….เอาเป็นว่าเดินเครื่อง U-000 พร้อมอัพเดตข้อมูลตลอดเวลา และนำไปปรับปรุงในโปรเจ็ค[Einherjar] ให้พร้อมใช้งานหนึ่งอาทิตย์”

    พูดจบ เดเนฟ ลูนาซีก็เดินหายไปจากเงามืด พร้อมแสยะยิ้ม และหายไปอย่างปริศนาโดยไร้ซึ่งเสียงเปิดประตู
    ......
    ....
    ..
    .
    TO BE CONTINUCED >>>

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------

    บ่นเล็กน้อยกับคนแต่ง

    ไม่อยากเชื่อ ตัวเองยังมีไฟเข็นตอนใหม่ออกมาได้ (ฮา) ยังไงก็ขออภัยที่ทำให้รอคอยกันนาน (สำหรับคนที่ตามอ่าน) และ ขอบคุณทุกๆท่านที่ยังคงตามอ่านฟิคดองข้ามสหสวรรษเรื่องนี้

    ตอนนี้ยอมรับว่าแต่งแบบมือยังขัดๆ คงเพราะทิ้งไปนานกว่าจะว่างแต่งใหม่ซัก ยังไงก็จะพัฒนาให้เหมือนเดิมโดยเร็ววัน

    ปล. หน้าบอร์ดรุ่นล่าสุด ตัวหนังสือไม่สวยเหมือนเก่าแฮะ

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ขอขอบพระคุณตัวละคร

    1. อลาดาร์เดลล่า เอสเตลเล โดย Fujizaki - บังเอิญมาก ที่ท่านมาเม้นทฺ์วันที่ตอนใหม่ออกพอดี

    และขอพระคุณผู้อ่านทุกๆท่านที่คอยติดตามนะครับ พบกันใหม่ตอนหน้าครับ
  20. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    [action]ตอนใหม่ๆ มาแล้วๆ[/action]

    ยังคงดุเดือด เลือดพล่านตามสไตล์แม๊กหอก อยู่เช่นเดิม เนื่อเรื่องเริ่มมีปริศนามากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้อยากตอนหน้าขึ้นมากระทันหัน แต่คงอีกนานฮาาาา


    ปล.แม๊กกี้ มันแก้ Fonts ได้ไม่ใช่เรอะ บอร์ดใหม่นี่อ่ะ แต่น่าแปลกว่าทำไมกระทู้ขอแม๊กกี้ ตัวอักษรกลายเป็นตัวหนาไปหมด :hlonely:
  21. train

    train Member

    EXP:
    498
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    ก่อนอื่นเลยอยากจะพูดเช่นเดียวกับพี่จ้อย...
    ทำไมตัวอักษรมันเป็นตัวหนาไปหมดเลย orz
    (อ่านยากอ่ะะะะ ขัดตาชอบกล orz )


    ดองกันจนลืมวันลืมคืน (ฮา)
    เนื้อเรื่องบู๊กันกระจายมาก ธาตุไฟแตกซ่านกันเลยทีเดียว 5555+
    ทิ้งปริศนาไว้เยอะแบบนี้มันต้องรีบลงนะแม็กกี้!!!!!
  22. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    จะบอกว่า Font พิลึก แถมตัวเลขก็เพี้ยนด้วย Orz
    แม็กซ์ มีพิมพ์ผิดตกหล่นเยอะนะ โดยเฉพาะต้นๆเรื่อง ลองเบิ่งดูเด้อ

    บู๊โหด เลือดสาด จงเกลียดจงชังกันมาก เทพ-ปีศาจ เนี่ย แต่เทวดาในเรื่องนี้ผมว่าแปลกแหวกแนวดี ไม่ค่อยดูผู้ดีเหมือนที่เคยเห็นเท่าไร ออกจะโหดๆเถื่อนๆเหมือนฝ่ายปีศาจ ตัวละครออกมาเยอะและตัดฉากจนจำไม่ค่อยได้ แต่มีเบื้องหลังแล้วสิเนี่ย ต้องติดตาม
  23. derick

    derick Member

    EXP:
    339
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    18
    มันคือ Fic ACTION!! สินะ............!! บู้กันได้ดุเดือดมาก ๆ

    ตัวอักษรอ่านยากขริง ๆ ไม่ติงนัง รู้สึกว่าเหตุการณ์ตัดสลับไปมาได้ใจมากเลยนะเธอ ไอ้อสูรกายนั่นก็ด้วย ว่าแต่รู้สึกมันเป็นตอนที่มาเพื่อดัน เรียวชิโร่ จริง ๆ ไม่ติงนัง...คนอะไรม่างคอดพระเอก 5 5 5

    แต่เสียดายที่เราชอบเกรียน!! รอตามต่อไปนะฮ้า~*
  24. alladiya

    alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

    EXP:
    1,207
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    88
    และแล้วคุณตำรวจน้อยๆก็ยังหลงวนเวียนอยู่ในกราวด์ต่อไป......
  25. near

    near Member

    EXP:
    334
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    18
    ในที่สุดก็อัพสินะ!!! อย่ามัวแต่เล่น ragnarok

    จนไม่ได้ มาอัพฟิคสิพี่แม็ก โหะๆๆๆ

Share This Page