[Ficรับสมัคร] -CHILD- Remake (04/03/10)

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย lovetoto, 17 พฤศจิกายน 2007.

  1. lovetoto

    lovetoto Well-Known Member

    EXP:
    755
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    Re: [Ficรับสมัคร] -CHILD- Remake (31/05/09)

    ภาค Memory Of Nobody 6

    -Survivers-


    ....................................

    "ไม่!!"

    "พี่แคลร์ พี่แคลร์!!" เสียงกรีดร้องและเสียงเรียกชื่อทำให้เด็กน้อยผมดำลืมตาตื่น เม็ดเหงื่อที่ผุดเต็มใบหน้าและต้นคอแต่ก็ไม่สามารถปกปิดคราบน้ำตาที่ไหลอาบแก้มได้ "พี่แคลร์ค่ะ...เป็นอะไรรึเปล่าค่ะ?"

    "พะ...พี่...พี่ไม่เป็นไร" แคลร์พูดเบาๆสลับหอบและยกมือกุ่มศีรษะตัวเอง...เธอฝันไป ความทรงจำอันเลวร้ายย้อนกลับมาในความฝันอีกครั้ง เด็กน้อยผมดำเงยหน้ามองดูรอบๆเพื่อทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น "นั้นสินะ...เราสลบไปได้สักพัก" เธอคิดก่อนที่ใช้มือปาดคราบน้ำตาและเหงื่อออกแล้วมองรอบๆ ลำธารเล็กๆในป่าที่เทเรซ่าพาเธอมาพักส่งเสียงไหลเบาๆ...ตอนนี้ก็เริ่มใกล้มืดแล้ว

    "พี่แคลร์...น้ำค่ะ" เด็กน้อยผมทองยื่นใบไม้ที่เพิ่งตักน้ำมาให้ส่งแก่เธอ แคลร์รับมันแล้วดื่มอย่างกระหาย...แผลที่ยังรู้สึกระบมถูกพันด้วยเศษผ้าแต่ก็รู้สึกได้ว่าเลือดไม่ไหลแล้ว "พี่ไม่เป็นไรนะคะ?" เด็กน้อยถามอีกครั้งเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไป

    "พี่ไม่เป็นอะไรแล้ว...ขอโทษนะที่ทำให้เธอลำบากเทเรซ่า" แคลร์เอ่ยพร้อมยิ้มจางๆแล้วเด็กน้อยก็ยิ้มตอบ

    "ไม่เป็นไรค่ะ...ก็พี่ช่วยปกป้องหนูนี่ เรื่องแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก ฮัดชิ้ว!!" เสียงจามที่ตามมาเรียกความสนใจแก่แคลร์ เทเรซ่าใช้มือเล็กขยี้จมูกตัวเองเบาๆก่อนสูดน้ำมูกเข้าจมูก

    "ป่าแบบนี้จะหนาวมากตอนกลางคืน...นี้ยังไม่ค่ำก็หนาวขนาดนี้" แคลร์คิดก่อนที่จะค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นก่อนมองรอบๆ ใบไม้และกิ่งไม้แห้งถูกนำมากองรวมกันก่อนจะรอบด้วยก้อนหิน เด็กสาวผมดำล้วงเอากล่องไม้ขีดไฟที่ได้มาจากกลุ่มคนคลั่งพวกนั้นออกมาจุด “เทเรซ่า...มานั่งพิงไฟก่อนเถอะ” เธอเอ่ยเรียก เด็กน้อยเองได้ยินก็เข้ามานั่งพิงไฟรับไออุ่นจากกองไฟ

    “ดีขึ้นมั้ย?” แคลร์ถาม

    “ค่ะ” เด็กน้อยยิ้มกว้างแค่นี้ก็ทำให้แคลร์เบาใจลงได้ เธอลุกขึ้นยืนก่อนที่มองไปที่ลำธาร

    “หิวรึเปล่าเทเรซ่า?”

    “ไม่หรอกค่ะ...โครก!!~” ไม่ทันจะสิ้นคำเสียงท้องเจ้ากรรมก็ดังขึ้นมากลบคำพูด เทเรซ่าหน้าแดงเล็กน้อยก่อนที่จะยกมือกุ่มท้องของตนแล้วยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างอายๆ เทเรซ่าเองก็มองอย่างอดอมยิ้มขำขันไม่ได้

    “งั้นเดี๋ยวรอแปปนึงนะ” ว่าแล้วเด็กสาวดำก็ลงไปยังลำธารนั้น...ความลึกระดับหัวเข่า ฝ่าเท้ารู้สึกถึงก้อนหินทรงมนใต้น้ำที่ใสเย็น แคลร์ชูมือขึ้นก่อนที่ดาบClaymoreเล่มเดิมจะปรากฏขึ้นมาในมืออีกครั้ง...เด็กสาวตั้งท่าดาบอย่างสงบ ทุกอย่างสงบนิ่งในเวลาชั่วขณะ “ย้าก!!” ดาบยักษ์ถูกหวดลงน้ำก่อนที่จะตวัดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ปลาจำนวน3-4ตัวขนาดเท่าแขนลอยขึ้นมาตกบนบกอย่างนิ่งสงบก่อนจะดิ้นไปมาเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าถูกทำให้ขึ้นนอนบนบก เทเรซ่าเองก็มองอย่างอดทึ้งไม่ได้

    “สุดยอดเลย” เธออุทานอย่างตื่นเต้น แคลร์เองยิ้มเรียบๆก่อนที่ดาบในมือจะสลายไป...เด็กน้อยเดินมาเก็บปลาแล้วเอามาที่กองไฟ

    “พี่ทำได้ยังไง?” เทเรซ่าถามขึ้นมาด้วยสีหน้าสงสัย

    “แค่ตั้งสมาธิ...ฟังเสียงและจับจังหวะ แต่พี่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าแค่ลองครั้งแรกก็ทำได้”

    “หนูหมายถึงดาบของพี่น่ะ...พี่ทำยังไง?” เทเรซ่าถามอย่างอยากรู้อยากเห็นเพราะความจริงเธอสงสัยเรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว...แต่เพราะเกิดเหตการณ์ต่างๆทำให้เธอไม่สามารถได้ถามจริงๆจังๆสักครั้ง

    “เธอไม่รู้วิธีจริงๆเหรอ?” แคลร์ถามกลับอย่างสงสัย...เธอจำได้ว่าเทเรซ่าเรียกลิ่มยาวออกมาจัดการคนบ้าเมื่อคราวก่อนเองกับมือ เด็กน้อมผมทองทำหน้าแปลกใจก่อนที่จะส่ายหน้าก็ทำให้แคลร์พอเข้าใจว่าตอนนั้นคงเธออาการตกใจไม่ได้สติทำให้เธอจำอะไรไม่ได้และเรียกอาวุธออกมาได้ด้วยความบังเอิญ "เทเรซ่ารู้อะไรมั้ยว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายพวกเรา?" แคลร์เอ่ยขึ้นมาเรียบๆก่อนที่จะดูมือของตัวเอง ขีดสีดำตามข้อต่อบนมือและตามร่างกายนั้นเปรียบเสมือนคำสาปที่ต้องเสียบางสิ่งเพื่อแลกมาเพื่อบางสิ่งแม้ว่าจะไม่ต้องการก็ตาม

    "หนูเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน"

    "หลังจากที่คนพวกนั้นฉีดบางอย่างเข้าร่างกายพวกเรา เธอเคยรู้สึกรึเปล่าว่าบางครั้งก็เหมือนกับมีบางอย่างในหัวของเราที่เหมือนจะคอยกระซิบบอกบางสิ่งที่เราไม่สามารถเข้าใจได้ ความสามารถแปลกๆหลายอย่างที่เหมือนมีเวทมนตร์หรือพลังพิเศษที่ทำได้ทั้งๆที่ไม่เคยทำมาก่อน" ว่าแล้วเธอก็ยื่นมือออกมาตรงหน้าและดาบClaymoreก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งในเวลาไม่นานราวกับแคลร์เริ่มถนัดการใช้พลังนี้มากขึ้นเรื่อยๆและเรียกมันออกมาตอนไหนก็ได้ ดาบความยาวราว1เมตรครึ่งรวมตัวด้าม ความกว้างของด้านดาบสีเงินเกือบ1ฟุตไล่เรียวแหลมจุดสุดปลายมีรอยสลักรูปกางเขน กระบังดาบสีทองประดับอัญมณีสีดำตรงกลาง มันบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งความน่าเกรงขามแต่แอบแฝงถึงความงดงามในเวลาเดียวกัน “พี่คิดว่าทุกคนที่มายังเกาะนี้สามารถทำได้หมด...ลองหลับตาแล้วตั้งสมาธิสิ พยายามนึกภาพสิ่งตัวเองอยากจะเรียกขึ้นมา" แล้วเทเรซ่าก็ลองทำตามที่อีกฝ่ายบอก เธอหลับตาแล้วยื่นมือออกมาตรงหน้าพยายามรวบรวมสมาธิในตอนนั้นเองที่เธอรู้สึกว่ามีบางสิ่งในมือเธอแต่เมื่อเธอลืมตาขึ้นก็ถึงกับทำหน้าไม่ถูก

    "อะไรเนี้ย!?" เทเรซ่าอุทานพร้อมสีหน้าผิดหวังเพราะในมือเธอคือแท่งแหล็กแหลมที่ไม่ยาวไม่ใหญ่ไปกว่าแท่งตะเกียบ เธอมองมันด้วยท่าทางผิดหวัง "หนูคิดว่าจะมีของสวยๆเท่ๆแบบพี่เสียอีก"

    "ไม่เป็นไรหรอกเทเรซ่า...ของแบบนี้อาจจะต้องหัดกันบ้าง ไม่แน่นะว่าอาวุธของเธออาจจะยอดเยี่ยมกว่าของพี่ก็ได้" แคลร์พูดเชิงปลอบก่อนที่จะยิ้มให้ เทเรซ่าได้ยินดังนั้นก็แอบมีรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าอย่างมีความหวัง แคลร์ก็ยิ้มก่อนจะลงมือจัดการกับปลา จัดการเอาเครื่องในออกก่อนจะเสียบไม้แล้วปักข้างกองไฟเพื่อย่าง ระยะห่างที่พอดีทำให้สีของตัวปลาค่อยๆเปลี่ยนช้าๆพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆที่ลอยออกมา

    "เมื่อไหร่จะได้กินนะ เมื่อไหร่จะได้กิน" เทเรซ่าร้องออกมาเป็นเพลงอย่างอารมณ์ดีพลางมองตัวปลาจากขาวเริ่มเปลี่ยนเป็นน้ำตาลอ่อนๆ

    "ต้องทิ้งไว้อีกสักพักนะถึงจะกินได้" แล้วตอนนั้นเองที่แคลร์สังเกตเห็นบางอย่าง "เทเรซ่าจ้ะ...เราไปล้างไม้ล้างมือกันก่อนมั้ย?"

    "คะ?"

    "เนื้อตัวทั้งเธอและพี่เลอะเทอะจะตาย...ไปล้างตัวที่ลำธารก่อนเถอะ" ว่าแล้วเธอก็ลุกมาจูงมืออีกฝ่ายมาที่ลำธาร ยามพรบค่ำที่ท้องฟ้ามืดสนิทมีแต่ดวงจันทร์กับดวงดาวนับพันนับหมื่นที่ส่องลงมาสะท้อนบนน้ำในลำธารที่ไหลเอื่อยๆ แคลร์รวบปลายเสื้อคนไข้สีเขียวขึ้นมาพันไว้เนื้อต้นขาก่อนที่จะก้าวลงไปในน้ำ

    "ลงมาด้วยกันสิ...เดี๋ยวพี่ขัดตัวให้" เธอบอกแล้วยื่นมือให้อีกฝ่าย เทเรซ่าทำท่าไม่แน่ใจกึ่งอายเล็กน้อยแต่ก็ตามลงมาอย่างว่าง่าย เสื้อของเธอถูกถอดมาบังร่างกายด้านหน้าไว้ก่อนที่จะลงมานั่งบนโขดหินกลางลำธาร หินผิวเกลี้ยงก้อนหนึ่งถูกหยิบขึ้นมาจากน้ำอีกมืออีกข้างของแคลร์ก็กวักน้ำขึ้นมาชะโลมแผ่นหลังเล็กๆของเทเรซ่าเบาๆ

    "อ๊ะ!!" เด็กน้อยผมทองสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อน้ำสัมผัสแผ่นหลัง

    "เย็นเหรอ?" แคลร์ถาม

    "นิดหน่อยค่ะ...แต่ไม่เป็นไรหรอก" เทเรซ่าตอบยิ้มๆ แคลร์เองก็ยิ้มเรียบๆก่อนที่จะเริ่มใช้ก่อนหินผิวเรียบนั้นค่อยถูบนหลังของเธอสลับเอามาน้ำชะโลมบางครั้ง ตามด้วยขัดถูแขนทั้งสองข้าง

    "หลับตาไว้นะ" แคลร์บอกก่อนที่จะกวักน้ำค่อยๆเทบนหน้าอีกฝ่ายแล้วตามด้วยเศษผ้าที่เอามาเช็ดใบหน้านั้น "เสร็จแล้วล่ะจ้ะ...เช็ดเนื้อเช็ดตัวแล้วรีบใส่เสื้อซะ" สิ้นคำพูดเทรเซ่าจัดการเอาเสื้อตัวเองมาเช็ดหน้าเช็ดตัวให้แห้งก่อนที่จะสวมใส่มันเหมือนเดิม

    "เดี๋ยวขอหนูล้างตัวพี่บ้างล่ะกัน" เด็กน้อยผมทองยิ้มกว้างแล้วทำท่าจะดึงเสื้ออีกฝ่ายแต่ถูกแคลร์ดึงยื้อไว้ทัน

    "ดะ เดี๋ยวก่อน...เดี๋ยวพี่อาบเองได้"

    "น่านะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...ไม่เห็นต้องอายเลย" แล้วตอนนั้นเองที่เทเรซ่ารีบอ้อมไปด้านหลังแล้วเปิดเสื้อแคลร์โดยที่ไม่ทันตั้งตัว

    "ว้าย" แคลร์ร้องอย่างตกใจแต่ตอนนั้นเองที่เทเรซ่าดูเงียบไป...ตาของเธอจับจ้องแผ่นหลังนั้นไม่กระพริบ ซึ่งแคลร์ดูดีว่าเพราะอะไร

    "หลังของพี่..." เทเรซ่าพูดเสียงเบาแล้วยกมือปิดปากทันทีที่เห็นแผ่นหลังอีกฝ่าย

    "...แผลเก่าน่ะ" แคลร์บอกพร้อมยิ้มเรียบๆ รอยกระสุนปืนที่หลังจากตอนนั้นเธอก็ถูกคุมตัวไปห้องทดลองเพื่อรักษาตัวก่อนที่จะถูกส่งไปยังค่ายกักกัน "ดูน่ากลัวเหรอ?"

    "ขอโทษค่ะพี่แคลร์" เด็กน้อยพูดเสียงเบาแล้วปล่อยเสื้อนั้นลงมาตามเดิม

    "ไม่เป็นไร...พี่เองก็ไม่เคยบอกเหมือนกัน" แคลร์ยิ้มจางๆก่อนที่จะถอดเสื้อตัวเองออก ผมยาวสีดำขลับถูกมัดรวบเป็นมวยด้านบนก่อนที่จะลงไปยังลำธาร ผิวสีขาวสะอาดค่อยกระจ่างขึ้นหลังจากถูกน้ำมาชำระล้างคราบดินโคลนที่เปื้อนเนื้อตัว เส้นผมดำขลับถูกปล่อยลงมาล้างเช่นกัน...มีแต่เทเรซ่าที่มองดูเด็กสาวเงียบๆ

    "สวยจังเลย"

    "เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ?" แคลร์หันมาถามอีกฝ่าย

    "เปล่าค่ะ...ไม่มีอะไร" เทเรซ่าส่ายหน้าพร้อมยิ้มกว้าง แคลร์เองก็ไม่ว่าอะไรก่อนที่จะจัดการเช็ดตัวและสวมเสื้อแล้วขึ้นจากน้ำ

    "ปานนี้ปลาคงสุกได้ที่แล้วมั่ง?" แคลร์บอกเทเรซ่าแล้วเดินมาจับไม้เสียบปลาขึ้นมาตรวจดู แม้บางส่วนจะไหม้ไปบ้างแต่กลิ่นที่ลอยออกมาทำให้แน่ใจว่าทุกส่วนสุกเรียบร้อยแล้ว "มา...เอาใบไม้ตรงนั้นมาเดี๋ยวพี่ฉีกให้" เธอสั่งซึ่งเทเรซ่าก็ทำตาม ไม่นานปลาตัวหนึ่งก็ถูกนิ้วค่อยฉีกแบ่งระหว่างเนื้อกับก้างออกแล้ววางใส่ลงในใบไม้นั้นก่อนที่จะส่งให้เด็กน้อย

    "หอมจังเลย" เทเรซ่ารับเนื้อปลาย่างในห่อใบไม้มาสูดลมหายใจลึกๆแล้วลงมือทาน

    "กินช้าๆก็ได้เดี๋ยวก็ติดคอหรอก" แคลร์เอ็ดเบาๆแต่เทเรซ่ายังคงทะเล้นแล้วทานแบบเดิม แคลร์เองยังคงยังเทเรซ่าครั้งแรกในค่ายกักกันเยอรมันได้...ตัวเธอที่ถูกย้ายมาอยู่ในห้องข้างนั้นหลังจากการรักษาแผลถูกยิง...แม้จะไม่อาละวาดแต่เธอได้แต่นั่งเงียบไม่พูดหรือส่งเสียงอะไร เธออยู่ใช้ชีวิตในห้องลูกกรงนั้นไปวันๆโดยไม่มีความหวังหรือจุดมุ่งหมายในชีวิตอีก...จนกระทั่งวันนึงที่มีเด็กผู้หญิงผมยาวสีทองตัวเล็กๆที่สกปรกมอมแมมถูกพามาอยู่ในห้องข้างๆ เธอได้แต่ร้องครวญครางและร้องไห้ตลอด...

    ...........................

    "น้ำ...ฮึก...น้ำ..." เสียงครางเบาๆที่ดังมาจากร่างเล็กๆที่นอนคว่ำบนพื้นหินเย็นเฉียบ แม้จะมีผู้คุมเดินผ่านไปมาหน้าห้องหลายครั้งแต่ก็ไม่มีใครสนใจ

    "นี้เธอ...เธอ" เสียงกระซิบเบาๆดังมาจากอีกห้อง เด็กผมทองค่อยพลิกคอมองตามเสียงก็เห็นเด็กผู้หญิงผมดำอีกคนที่กวักมือเรียกเธอ "มาทางนี้เร็ว...จะเอาน้ำไม่ใช่เหรอ?" อีกฝ่ายได้ยินก็พยายามรวบรวมแรงที่มีค่อยๆคลานไปทางนั้น

    "น้ำ..."

    "ชู่ว...เงียบหน่อย เดี๋ยวพวกผู้คุมได้ยินฉันจะแย่ไปด้วย" เจ้าของเสียงเตือนก่อนที่จะหายไปหลังเตียงของตัวเอง ถ้วยเหล็กผุๆในช่องใต้เตียงที่รองรับหยดน้ำที่ไหลซึมตอนฝนตกถ้วยหนึ่งถูกเอาออกมา "มาใกล้ๆสิ" เจ้าของถ้วยเหล็กเรียกเธออีกครั้งให้ขยับเข้ามาใกล้ๆ น้ำจากถ้วยค่อยๆหลยลงปากอีกฝ่ายแล้วตอนนั้นเองที่มือเล็กๆนั้นก็คว้าถ้วยมาดื่มเองอย่างรวดเร็ว

    "นะ...น้ำ" เด็กผมทองดื่มเร็วจนเกือบสำลัก ทันทีที่ร่างนั้นได้น้ำก็ฝุ่บลงกับพื้นอีกรอบ "ปวดจังเลย" เธอพูดพร้อมเริ่มสะอื้นอีกครั้ง เด็กผมดำเอาถ้วยนั้นมาเก็บก่อนที่จะกลับมานั่งข้างลูกกรงใกล้ๆอีกฝ่าย

    "อดทนหน่อยนะ...เดี๋ยวก็หายแล้วล่ะ ถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้ก็ไม่มีอะไรแล้ว" เธอพูดเรียบๆพลางมองหน้าอีกฝ่ายเงียบๆ "เธอชื่ออะไร?"

    "...เท...เทเร...ซ่า" เด็กผมทองบอกเสียงขาดเป็นห้วงๆ

    "เทเรซ่า...อายุเท่าไหร่?"

    "6..ขวบ"

    "เด็กกว่าฉันเยอะนะ" อีกฝ่ายพูดพร้อมยิ้มที่มุมปาก

    "พี่ชื่อแคลร์...แก่กว่าเธอ5ปี..." หลังจากนั้นแคลร์ก็คอยมานั่งเป็นเพื่อนคุยกับเทเรซ่าตลอดแต่เธอสังเกตได้ว่าเทเรซ่าเป็นเด็กไม่ค่อยร่าเริง และมักนั่งซึมคนเดียวบ่อยๆ ทั้งทีใบหน้านั้นเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่า

    .........................................

    "พี่แคลร์คะ" เสียงที่เรียกมาทำให้เธอตื่นจากการนึกถึงเรื่องราวเก่าๆ

    "จ้ะ?"

    "พี่แคลร์เป็นอะไรไป...จู่ๆก็เงียบไป"

    "เปล่า...พี่แค่นึกถึงเรื่องเก่าๆน่ะ เทเรซ่าจ้ะ...พี่ขอถามอะไรหน่อยสิ?"

    "คะ?"

    "เธอไม่กลัวบ้างเหรอ?...เจอเหตการณ์น่ากลัวมาก็มากมาย ทำไมถึงยังหัวเราะได้?"

    "เพราะว่าหนูอยู่กับพี่แคลร์...แค่นี้หนูก็ไม่กลัวอะไรแล้ว หนูรู้ว่าพี่สามารถปกป้องหนูได้...มีพี่อยู่ข้างๆแค่นี้หนูก็มีความสุขแล้ว" เธอพูดพร้อมรอยยิ้ม แคลร์ได้ยินก็นิ่งไปซักพักก่อนที่จะยิ้มและมาสวมกอดเธอเบาๆ

    "พี่สัญญานะ...ว่าจะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรเทเรซ่าเด็ดขาด แม้ต้องแลกด้วยชีวิตพี่ก็จะขอปกป้องเธอเอง..." แคลร์พูดในขณะที่กอดอีกฝ่าย เทเรซ่าเองได้ยินก็อมยิ้มอย่างดีใจและกอดตอบ ทั้งสองคนไม่มีพี่น้อง แต่รู้สึกรักอีกฝ่ายที่พบกันไม่กี่เดือนราวเป็นพี่น้องแท้ๆ คืนนั้นเด็กสองคนนอนข้างกองไฟไล่แมลง...เสียงลำธารที่ไหลช้าๆช่วยให้คนฟังรู้สึกเพลินหูจนหลับลงได้ง่ายแม้จะเป็นพื้นปูด้วยใบไม้ก็ตาม เทเรซ่าที่นอนหนุนตักแคลร์ยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้า แคลร์ที่ไม่หลับจะอยู่เฝ้ายามเพราะตนเองหลับไปบ้างแล้วก่อนหน้านี้...เธอคอยเอามือลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆตลอดอย่างเอ็นดู "ยิ้มและร่าเริงแบบนี้ต่อไปนะ เทเรซ่า" เธอพูดเบาๆแล้วเงยหน้ามองดาวบนท้องฟ้า...ดวงดาวระยิบระยับที่ดาวหางที่ลอยผ่านบ้างครั้ง มันพอทำให้เธอลืมสิ่งเลวร้ายที่ผ่านมากับเธอได้...เธอจะเริ่มต้นใหม่กับเด็กน้อยคนนี้ที่เธอตั้งใจจะดูแลชั่วชีวิต...

    ..................................................................
    เช้าของวันต่อมา แคลร์ที่คอยเฝ้าระวังภัยตั้งแต่แม้คืนตอนนี้กำลังสัปหงกสลับหาว

    "หืม....เช้าแล้วเหรอ?" เธอสังเกตแสงแดดอ่อนๆที่ส่องมา "เทเรซ่า...ตื่นได้แล้วจ้ะ เราต้องรีบเดินทางแต่เช้านะ" แคลร์พูดพลางเขย่าตัวอีกฝ่ายที่ยังนอนหนุนตักเธออยู่

    "งืม.."

    "ขี้เซาจริงเด็กคนนี้" แคลร์ยิ้มอย่างขบขันแล้วล้วงเอาเข็มทิศออกมาดู...ปลายเข็มของทางทิศที่เธอต้องการไปชี้ข้ามลำธารไป นั้นหมายความต้องข้ามลำธารนี้ไป...ถ้ารวมระยะทางของเมื่อวานเดินอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงที่หมายแล้ว

    "แซ่ก!!" เสียงที่ดังมาทำให้แคลร์หันไปตามเสียงทันที...เธอลองหลับตาตั้งใจฟังเสียงของฝาเท้าใครบางคนที่ย้ำพื้นลงบนใบไม้แห้ง...

    "1 2...4?...ไม่สิ 5-6คน เทเรซ่า!! ตื่นเร็ว!!" แคลร์ร้องเก็บเสียงพร้อมเขย่าตัวอีกฝ่ายที่ยังหลับปุ๋ย พุ่มไม้รอบข้างขยับถี่ขึ้นเรื่อยๆ

    "อะไรเหรอคะ?" เทเรซ่างัวเงียถาม

    "เราต้องรีบไปจากที่นี้..." ไม่ทันที่จะสิ้นสุดคำพูด พุ่มไม้ถูกแหวกออกพร้อมกลุ่มชายคลุ้มคลั่งจำนวนหนึ่งที่มีท่อนไม้และหินแหลมในมือ "...เดี๋ยวนี้" ไม่ช้าดาบยักษ์ก็ปรากฏในมือของเด็กผมดำ เทเรซ่าเห็นดังนั้นก็หายจากอาการงัวเงียแทบจะทันทีแล้วรีบลุกขึ้นยืนหลบด้านหลังอีกฝ่าย

    "พี่แคลร์คะ..." เด็กน้อยเรียกอีกฝ่ายอย่างหวาดๆ แคลร์กระชับดาบในมือโดยมีเทเรซ่าอยู่ข้างหลัง...เธอไม่รู้ว่านี้คือพวกมันทั้งหมดหรือว่ายังมีคนอื่นแอบซุ่มอยู่รึเปล่า?

    "เทเรซ่า...เมื่อพี่ให้สัญญาณเธอก็รีบวิ่งข้ามลำธารไปเลยนะ" เธอบอกโดยสายตายังคงจ้องมองกลุ่มชายตรงหน้า...พวกมันมีประมาณ4คนพร้อมอาวุธในมือแถมรูปร่างที่สูงใหญ่ไม่เหมือนพวกที่หุ่นขี้ก้างก่อนหน้านี้ พวกมันค่อยๆก้าวเข้ามาเรื่อยๆ...น้ำลายสีเหลืองขุ่นหยดออกมาจากปากที่มีกลิ่นเนื้อเน่าลอยออกมาตลอด ตอนนั้นเองที่มันคนหนึ่งเหยียบลงบนกิ่งไม้

    "แกร็บ!!"

    "วิ่ง วิ่ง วิ่ง!!" เสียงที่ตะโกนก้องพร้อมกับเธอที่พุ่งไปหาคนเหล่านั้นพร้อมดาบยักษ์ ส่วนทางเทเรซ่าเองก็รีบวิ่งไปจากตรงนั้นตามคำสั่งแต่แล้วพุ่มไม้ตรงที่เทเรซ่าตรงเข้าไปก็กระจายออก

    "กรี๊ด!!"

    "เทเรซ่า!! อุ๊บ!!" เสียงร้องที่ดังมาเรียกความสนใจของแคลร์จนเธอเผลอหันมาตามเสียง ตอนนั้นที่มันคนหนึ่งหวดอาวุธใส่เธอแต่โชคดีที่แคลร์ใช้ดาบปัดป้องทัน...กลุ่มคนชุดนี้ไม่เหมือนชุดก่อน พวกนั้นเร็วกว่าแถมยังสามารถหลบดาบของเธอได้ด้วย และทุกครั้งที่เธอเผลอหรือเสียจังหวะมันคนหนึ่งจะพุ่งมาทำร้ายเธอจนตอนนี้แคลร์ไม่สามารถล่ะสายตาได้ ทางด้านเทเรซ่าที่ตอนนี้หงายหลังก้นจ้ำเบ้าลงในน้ำได้แต่ตัวสั่นมองชายคลุ้มคลั่งอีก4คนที่ดักอยู่ พวกมันค่อยๆเดินมาทางเธอ

    "พี่แคลร์...พี่แคลร์!!" เธอร้องเรียกอีกฝ่าย ตอนนี้เด็กน้อยกลัวจนทำอะไรไม่ถูก

    "เทเรซ่า...เคร้ง!!...เรียกอาวุธของเธอออกมาสิ...ฝึบ!! สู้พวกมัน!!" แคลร์ตะโกนบอกพลางหลบและปัดอาวุธอีกฝ่าย ตอนนี้สมาธิของเธอเริ่มเสีย...อีกใจเธออยากจัดการคนพวกนี้ให้เสร็จไปและไปช่วยเทเรซ่าแต่กลุ่มคนตรงหน้าที่เธอสู้เยอะกว่าแถมล้อมเธอไว้ทำให้เธอไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้ง่ายๆ เทเรซ่าแม้จะได้ยินแต่ก็รนลานเกินที่จะตั้งสมาธิ

    "ออกมา...อะไรก็ได้ ออกมาที" เทเรซ่ายื่นมือไปหน้าหน้าและพึมพำอย่างร้อนรนแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมารู้ตัวอีกทีมันคนหนึ่งก็พุ่งมาหาเธอแล้ว "กรี๊ด!! ซ่า!!" เสียงร้องที่ดังขึ้นมาหายไปพร้อมกับเสียงน้ำกระเซ็น

    "เทเรเซ่า!!" แคลร์ร้องอย่างตกใจซึ่งตอนนี้เธอกำลังเอาดาบต้านรับแรงจากชายทั้ง5คนที่กดอาวุธในมือใส่เธอ แคลร์เหลือบมองไปยังจุดที่เทเรซ่าอยู่เธอก็เห็นแต่ชายคลั่งคนหนึ่งที่กำลังกดเธอลงน้ำ ฟองอากาศจำนวนมากที่ฝุดขึ้นมาเหนือน้ำแล้วมันก็ค่อยๆหายไปทำให้แคลร์กัดฟันแน่น...ต้นแขนของเธอขยายใหญ่ขึ้นก่อนที่จะรู้สึกราวกับพละกำลังมากมายเพิ่มขึ้นในแขนทั้งสองข้าง "ฮึ๊ย....ย้าก!!" แคลร์ยันตัวแล้วเหวี่ยงดาบออกไปสุดแรงทำเอาคนเหล่านั้นกระเด็นไปตามแรงเหวี่ยงคนล่ะทิษคนล่ะทางแล้วจากนั้นเธอก็รีบพุ่งไปทางเทเรซ่าทันที "ถอยไป!! ฉัวะ!!" การฟันแนวขวางทำให้กลุ่มชายตรงหน้าขาดเป็นสองท่อนด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว ลำธารใสสะอาดตอนนี้ถูกย้อมกลายเป็นสีแดงเพราะเลือดจำนวนมาก เมื่อคนเหล่านั้นตายหมดแคลร์รีบคว้าเทเรซ่าขึ้นมาจากน้ำทันที "เทเรซ่า...ไม่นะ..." เธอเรียกแต่ก็ต้องตกตะลึงเพราะไม่มีอาการตอบสนองของอีกฝ่าย แคลร์ทิ้งดาบและไม่สนใจคนที่เหลือและรีบพาเด็กน้อยขึ้นมานอนบนพื้นเพื่อรีบช่วยชีวิตก่อน "ไม่นะเทเรซ่า ไม่เอานะ...อย่าทำกับพี่แบบนี้ ห้ามตายต่อหน้าพี่เด็ดขาด...ฟื้นสิเทเรซ่า พี่จะไม่ยอมให้ใครมาเป็นอะไรต่อหน้าต่อตาพี่อีกแล้ว...เทเรซ่า!!" เธอเรียกเสียงดังสลับผายปอดและกดหน้าอกอีกฝ่าย

    "ค่อก...แค่กๆ!!" น้ำจำนวนหนึ่งทะลักออกจากปากเทเรซ่าพร้อมหน้าท้องที่ขยับขึ้นลงพยายามเอาอากาศเข้าปอด เพียงแค่นั้นก็ทำให้แคลร์ยิ้มออก

    "เด็กดี" เธอพูดอย่างโล่งใจก่อนที่จะประคองเทเรซ่ามาไว้บนหลัง เธอไม่อยากที่จะเสียเวลาอีกแล้ว...สิ่งเดียวตอนนี้ในหัวเธอคือต้องพาเทเรซ่าออกไปจากที่นี้ให้เร็วที่สุด แคลร์รีบหันหลังและถีบตัววิ่งอย่างจากตรงนั้น...ความรู้สึกล้าเกิดขึ้นทันทีคงเพราะเกิดจากการไม่ได้นอน ใช้แรงมาก และมีเทเรซ่าอยู่บนหลัง แต่ถึงอย่างนั้นกลุ่มคนที่ไล่หลังเธอมาก็ตามเธอมาไม่ติดแต่ก็ตามมาอย่างไม่ลดล่ะ แคลร์หันไปดูเป็นบางครั้งเพื่อแน่ใจว่าสลัดหลุดแต่แล้ว...

    "เอ๊ะ...ว้าย!!" เท้าที่เหยียบลงไปคือทางลาดชันที่เกิดขึ้นตามะรรมชาติและมีกิ่งไม้ใบไม้มาปิดบังไว้ ทำให้ทั้งเธอและเทเรซ่าไถลตกลงไป...


    .....................
    ณ ที่ห้องลับแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยคนในชุดกาวน์และจอมอนิเตอร์จำนวนหลายสิบ ชายร่างสุงคนหนึ่งยืนขึ้นมาจากเก้าอี้ของตนแล้วยืดเส้นยืดสายอย่างอารมณ์ดี

    "ใกล้ที่จะได้เวลาจะมีคนมาถึงแล้วสินะ..." เขาพูดพลางมองแต่ล่ะหน้าจอที่แสดงแต่เสียงกราฟหัวใจและคลื่นสมอง...บางจอมีเสียงหายใจ บางจอมีเสียงสนทนา ซึ่งถ้าจับใจความก็จะรู้ว่ามีหลายคนใกล้มาถึงจุดนัดหมายแล้ว "ผมต้องขอตัวไปต้อนรับเด็กๆชุดก่อนล่ะกันนะครับท่านผู้การ"

    "ยังไงก็ยินดีด้วยกับความสำเร็จของคุณ ดร.ฮ๊อฟแมน" ชายในเครื่องแบบทหารยศสูงพูดขึ้นเรียบๆอย่างไม่ใส่ใจในรอยยิ้มบนใบหน้านั้น

    "ไม่ใช่ ไม่ใช่ ไม่ใช่...ไม่ใช่ความสำหรับของผมคนเดียวหรอกครับ" ฮ๊อฟแมนพูดติดตลกพลางแสยะยิ้มกว้าง "มันคือความสำเร็จของทางกองทัพต่างหาก...ไม่นานทั้งโลกต้องยอมสิโรราบแก่จักรกลสังหารเหล่านี้" ...

    .......................

    "อะ...อืม" เสียงจากลำคอดังขึ้นเบาๆพร้อมเปลือกตาที่ค่อยๆเปิดออก...เนื้อที่มีรอยขีดข่วนพกช้ำเล็กน้อยเพราะผลจากการตกลงมาจากทางลาด แขนสองข้างยันตัวเองขึ้นมาช้าก่อนที่จะส่ายหัวไล่ความมึน "เทเรซ่า...เทเรซ่า!!" ทันทีที่รู้ตัวเธอกับหันมองรอบด้านแล้วร้องเรียกเจ้าของชื่อ...ไม่รู้ว่าเด็กน้อยจะกลิ้งแยกจากกันอยู่ตรงไหนตอนพลัดตกลงมา

    "งืม" เสียงครางที่ดังมาทำให้แคลร์หันไปตามเสียงและรีบตรงไปทางนั้น มันดังมาจากพุ่มไม้ไม่ไกลออกไป...โชคดีที่เทเรซ่าตกลงมาบนนี้ทำให้เธอไม่บาดเจ็บอะไรมาก แคลร์เอาเธอขึ้นมาแบกบนหลังเมื่อเดิมและเตรียมจะเดินทางต่อ...เธอล้วงเอาเข็มทิศตัวเองออกมาตรวจทิศทางดูแต่ตอนนี้หน้าปัดของมันแตกละเอียดจนดูไม่ออกว่าทิศไหนเป็นทิศไหนเพราะจากการตกลงมาก่อนหน้านี้ แคลร์โยนเข็มทิศนั้นไปอีกทางอย่างผิดหวังก่อนที่จะสูดลมหายใจสงบสติแล้วเริ่มมองรอบๆ...ตอนนี้แม้ว่าเธอจะไปไม่ถึงที่นัดพบแต่ก็น่าจะออกไปจากยังพื้นที่โล่งซึ่งน่าจะดีกว่าในป่ารกทึบแบบนี้ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีอันตรายมาจากตรงไหน

    "แซ่ก!!" เสียงพุ่มไม้ดังขึ้นอีกครั้ง แคลร์กัดฟันแล้วออกวิ่งอีกรอบ ตอนนั้นเองที่เธอสังเกตเห็นแสงสว่างมาจากพุ่งไม้หนาเบื่องหน้า เธอกัดฟันแล้วออกแรงกระโดดข้ามพุ่มไม้ออกไปก่อนที่จะตกตระลึงกับภาพที่เห็น...สิ่งที่เหมือนกันกำแพงสีดำทมิฬใหญ่โตเบื่องหน้าคือสิ่งแรกที่เธอเห้นหลังออกมาจากเขตป่า

    "หมอบลง..." เสียงจากโทรโข่งดำตามมาก่อนที่แคลร์จะสงสัยอะไร พุ่มไม้ด้านหลังก็ถูกแหวกออกพร้อมชายเสียสติคนหนึ่งที่โผล่ออกมาโดยไม่ให้ตั้งตัว

    "ฮ้าก!!" ชายคลั่งเงื้อหินแหลมในมือขึ้น แคลร์คว้าเทเรซ่ามานอนกับพื้นโดยมีตัวเองหมอบบังอยู่ด้านบน

    “ปังๆๆๆ!!!!” เสียงปืนที่ดังมาก่อนที่ชายคลั่งที่ตามมาเมื่อครู่จะถูกกระสุนจำนวนไม่นับยิงพรุนทั่วร่างและล้มลงแล้วที่เหลือต่างพากันวิ่งหนีแตกกระเจิงไปคนล่ะทิษคนล่ะทาง แคลร์เงยหน้ามองขึ้นไปก็พบกับกำแพงสูงใหญ่สีดำโดยมีป้อมปืนกลติดตั้งโดยรอบ มีประตูเหล็กหนาที่กำลังค่อยๆเปิดอ้าออกช้าจนมีเสียงเหล็กถูกดังเอี๊ยดอ๊าดแสดหู แสงแดดที่ส่องลอดช่องประตูต้องทำให้เด็กน้อยหรี่ตา

    “ยินดีด้วยแก่ความพยายามจนสามารถรอดชีวิตมาถึงที่นี้ได้พวกเธอคือกลุ่มแห่งความสำเร็จกลุ่มที่30ของฉัน” ชายร่างสูงในชุดกาวน์พูดขึ้นน้ำเสียงร่าเริงตื่นเต้น แคลร์พยายามหรี่ตามองใบหน้านั้นกลับแต่เพราะแสงแดดยามเช้าของพระอาทิตย์เบื้องสาดส่องมาทำให้เธอมองหน้าชายคนนั้นไม่ถนัด ไม่นานก็มีเงาร่างใครอีกหลายคนมายืนด้านหลังชายคนนั้นจนเกิดเงาบังขึ้น ใบหน้าชายคนแรกเด่นชัดคิดท่ามกลางความตกตะลึง เธอจดจำใบหน้าชายคนนี้ได้ดี “ยินต้อนรับสู่บ้านใหม่ของพวกเธอ...ฉัน ดร.แม๊กซิมิลเลี่ยน วอน ฮ๊อฟแมน วินาทีต่อไปนับจากนี้พวกเธอคือเด็กที่อยู่ในความดูแลของฉัน” เขายิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี ตอนนั้นเองที่พุ่มไม้โดยรอบด้านหลังที่ขยับและเริ่มมีเด็กคนอื่นๆที่ถูกส่งมาที่นี้ปรากฏตัวออกมาเหมือนกัน ถ้าให้นับจากจำนวนหลายสิบตอนนี้เหลือไม่ถึง10 เด็กแต่ล่ะคนอยู่ในสภาพอิดโรย มอมแมมเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดและดินโคลน บ้างก็บาดเจ็บเล็กน้อยจนถึงสะบักสะบอมก็มี

    “ที่ถึงตรงนี้มี8คนแล้วครับ ดร.ฮ๊อฟแมน” ชายด้านหลังคนหนึ่งพูดพร้อมยื่นแฟ้มเล่มหนึ่งให้ ดร.หนุ่มรับมันมาด้วยสีหน้าแปลกใจ

    “เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนฉันยังเห็นว่าเหลือมากกว่านี้ไม่ใช่เหรอ?...น่าจะประมาณสิบกว่าคนได้นี่น่า?” เขาพูดแล้วรับแฟ้มมาเปิดอย่างสงสัย

    “มีบางส่วนอ่อนเพลียเกินไป บางส่วนหลงพลัดตกหน้าผา บางส่วนถูกพวกนั้นพบตัวแล้วถูกฆ่า...เด็กที่รวมกันอยู่ตอนนี้คือจำนวนทั้งหมดครับ”

    “อย่างนั้นเหรอ?...” ฮ๊อฟแมนพ่นลมหายใจออกจมูกอย่างไม่พอใจเล็กๆก่อนที่ปิดแฟ้มแล้วโยนให้คนอื่น “ถ้าอย่างนั้นก็ดำเนินแผนการต่อไปล่ะกัน” เขาพูดแล้วดีดนิ้วเรียบๆ...ตอนนั้นเองที่กลุ่มชายด้านหลังก้าวออกมายืนเรียงแถวแล้วยกอาวุธปืนยาวขึ้นมาเล็งมาทางเด็กๆ

    “ฝุ่บ!!” เสียงเหมือนลมที่เป่าออกจากท่อ ลูกดอกจำนวนหนึ่งพุ่งใส่เด็กแต่ล่ะคนก่อนที่เด็กเหล่านั้นจะล้มทรุดลงไปนอนทันที ลูกดอกอันหนึ่งพุ่งโดนต้นคอเทเรซ่าที่กำลังอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นก็ทำให้เธอหลับทันที ในตอนนั้นก่อนที่แคลร์จะพูดอะไรก็ถูกกระสุนลูกดอกเข้าเหมือนกัน

    “อย่าเข้าใจอะไรฉันผิดล่ะ...ฉันแค่ไม่อยากให้พวกเธอต้องเจ็บตัว และอยากให้พักผ่อนมากๆก็แค่นั้น” ฮ๊อฟแมนพูดขึ้นเรียบๆก่อนที่จะมาทางเทเรซ่าที่ตาของเธอเริ่มพร่าและจะหลับในอีกไม่ช้า “ฉันจะดูแลพวกเธออย่างดี...เพราะพวกเธอคือสมบัติล้ำค่าของฉัน” คำพูดสุดท้ายที่เด็กน้อยได้ยินก็ที่ตาของเธอจะปิดลง เด็กทุกคนตอนนี้ต่างอยู่ในสภาพหลับสนิทโดยมีเหล่าทหารอุ้มวางบนเตียงเปลอย่างทะนุทุนอมแล้วพาเข้าประตูไป

    จบตอน
  2. laiga

    laiga New Member

    EXP:
    11
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [Ficรับสมัคร] -CHILD- Remake (31/05/09)

    ยังสนุกเหมือนเดิมเลยนะครับ
  3. shinkyoto

    shinkyoto Well-Known Member

    EXP:
    580
    ถูกใจที่ได้รับ:
    3
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: [Ficรับสมัคร] -CHILD- Remake (31/05/09)

    โอ้ว ให้ตายสิ ฮ็อฟแมน แกนี่มันเลวโดยแท้เลยนะเนี่ย

    นึกถึงภาพ เกมสงครามขึ้นมายังไงชอบกล

    อืม แต่เพราะชอบเล่นกับเด็กแบบนี้หรือเปล่าน่อ กรรมของของแกเลยมาสนองเจ้าตัวแบบ โหดร้ายได้ใจสิ้นดีกัน?
  4. Ryuune

    Ryuune Well-Known Member

    EXP:
    1,084
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    Re: [Ficรับสมัคร] -CHILD- Remake (31/05/09)

    ยาวมากเลยค่ะ ไว้สอบเสร็จจะมาไล่อ่านนะคะ แต่เท่าที่อ่านตอนแรกนิดหน่อยกับตอนสุดท้ายจบ นึกถึงเคลมอร์ขึ้นมายังไงยังงั้นเลยค่ะ
  5. lovetoto

    lovetoto Well-Known Member

    EXP:
    755
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    ภาค Memory Of Nobody 7
    -Home Sweet Home-

    "อืม..." เสียงจากลำคอเปล่งออกมาพร้อมเปลือกตาที่ค่อยๆลืมขึ้น

    แสงไฟสีขาวที่ส่องมาทำให้เด็กน้อยยกมือขึ้นบังก่อนกระพริบตาเพื่อให้ชินกับแสงแล้วมองรอบๆ...ไฟเพดานสีขาว เพดานสีขาวเทาคอนกรีต แคลร์หันมองรอบด้านก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในเตียงไม้สองชั้นปูฟูกอย่างดีพร้อมกับผ้าห่ม...แล้วถัดจากเธอก็เตียงในลักษณะเดียวกันจำนวนนับสิบๆเตียง ระยะห่างแต่ล่ะเตียงห่างกันพอดิบพอดี ในห้องแห่งนี้กว้างขวางขนาดพอๆกับห้องโถงสวดมนต์ของโบสถ์ที่เธอเคยอยู่ มันดูสะอาดเป็นระเบียบผิดแต่เพียงว่ามีประตูเหล็กเลื้อนหนึ่งบานกับหน้าต่างตัดลูกกรงที่อยู่สูงเกือบติดเพดานที่มีอยู่ทุกมุมห้อง

    "รู้สึกตัวแล้วเหรอ?" เสียงที่คุ้นหูทำให้เธอหันตามอย่างร้อนรน แม๊กซิมิลเลียน วอน ฮ๊อฟแมน ในชุดเสื้อกาวน์ทับเครื่องแบบทหารเดินผ่านประตูเข้ามาในห้องพร้อมทหารคุ้นกันที่มีปืนกลUziในมือ2คน แคลร์กำมือแน่นแต่ก็ไม่กล้าจะขยับตัวมาก เธอรู้สึกว่าปลอกคอของเธอถูกเปลี่ยนจากอันเดิมมาเป็นห่วงเหล็กรอบคอแทน ไม่นานชายหนุ่มก็เดินมาถึงเธอพร้อมรอยยิ้มเดิมๆที่เธอเห็นแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน

    "เทเรซ่าอยู่ไหน?" เธอถามชายตรงหน้าอย่างไม่รู้สึกกลัวเกรง ดวงตาสีเงินสว่างยังคงจ้องมองไม่ล่ะสายตา ฮ็อฟแมนจ้องมองสายตาคู่นั้นกลับพร้อมยิ้มเหมือนเจอของถูกใจอีกครั้ง

    "เทเรซ่า? เท...เร...ซ่า? อ่า...เด็กผู้หญิงผมทองคนนั้นน่ะเหรอ?" แมีกซิมิลเลียนทำท่านึกก่อนที่จะทุบฝ่ามือตัวเองเบาๆเชิงนึกขึ้นได้

    "ฉันถามว่าเธออยู่ไหน!?" เทเรซ่าตวาดเสียงแข็งก่อนที่ปากกระบอกปืนกลเล็ก2กระบอกจะชี้มาทางเธอ แต่แล้วปืนทั้ง2กระบอกนั้นก็ลดลงตามเดิมเพราะชายในเสื้อกาวน์ยกมือห้ามไว้

    "พูดกับผู้ใหญ่ให้มันน่ารักกว่านี้สิ...เป็นเด็กผู้หญิงต้องรู้จักอ่อนหวานเข้าไว้ผู้ใหญ่ถึงจะเอ็นดูนะ" เขาพูดพร้อมมานั่งลงบนเตียงข้างๆเธอ นิ้วมือของเขายื่นมาเกี่ยวเส้นผมดำขลับของเธอมาม้วนเล่น "อย่าลืมสิว่าเด็กคนนั้นอยู่ในความดูแลของฉัน...เธอจะรอดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับฉัน จริงมั้ย?" จากคำพูดนี้ทำให้แคลย์หน้าซีด เธอเม้มริมฝีปากพร้อมกำมือแน่น...ริมฝีปากรู้สึกหนักและสั่นอย่างอดกลั้น

    "ดะ...ได้โปรดเถอะค่ะ อย่าทำอะไรเธอเลย...เธอยังเด็กอยู่...เธอยังเด็กอยู่จริงๆ..." เธอพูดพร้อมหลับตาแน่น ชายหนุ่มได้ยินก็ถึงกับยิ้มกว้าง

    "มันต้องอย่างนี้สิ...ฉันชอบเด็กพูดจาน่ารักแบบนี้แหละ" ชายหนุ่มพูดจบก็พยักหน้าให้นายทหารคุ้มกันคนหนึ่ง แล้วทหารคนนั้นก็รีบออกจากห้องไปแล้วไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมเด็กผู้หญิงผมทองที่ยังดูตื่นตระหนกอยู่

    "เทเรซ่า!!" แคลร์ร้องเรียกอีกฝ่ายทันทีที่เห็น เทเรซ่าเองได้ยินเสียงก็หันมาทางนี้พร้อมดวงตาที่แดงกล่ำอีกครั้ง

    "พี่แคลร์" เธอร้องเรียกก่อนที่จะรีบวิ่งมาหาแล้วกอดอีกฝ่ายแน่นอย่างตื่นกลัว แคลร์แต่ได้ปลอบเธอเบาๆพลางลูบหัว...เธอเหลือบเห็นสายตาของแม๊กซิมิลเลียนมองมาก็อดหนาวต้นคอไม่ได้

    "เอาล่ะ...ฉันจะแนะนำให้เธอรู้จักกับเพื่อนๆของเธอก็แล้วกัน" ชายหนุ่มพูดจบหันมองออกไปทางประตู...ไม่นานเด็กจำนวนราวๆ40คนก็เดินเรียงแถวเข้ามาในห้องนี้

    ทุกคนดูมีอายุที่ใกล้เคียงกันแต่ไม่น่าจะต่ำกว่า5ขวบและไม่มากไปกว่า10ขวบ เด็กน้อยชายหญิงที่สีหน้าดูนิ่งเฉยอยู่ในชุดเสื้อผ้าฝ้ายสีเทาแบบคนไข้และห่วงคอสีดำที่มีไฟสีแดงกระพริบเป็นระยะ "นับต่อจากนี้ทุกคนต้องอยู่ร่วมกัน ทำความรู้จักและเป็นเพื่อนกับทุกๆคนเอาไว้ล่ะ...คริส ในฐานะที่เธอเป็นหัวหน้ากลุ่มก็ช่วยแนะนำเรื่องและกฎต่างๆให้เพื่อนใหม่2คนนี้ด้วยล่ะ" เขาพูดกับเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสุดของกลุ่ม เด็กชายที่ตัวสูงที่สุดน่าจะพอๆกับเทเรซ่า เรือนผมสั้นออกแดงแบบรัสเซีย ผิวออกขาวนวลซึ่งไม่เหมือนชาวยุโรปคนอื่นซึ่งออกไปทางขาวเผือดเสียมากกว่า

    "ครับ" เด็กชายรับคำเรียบๆซึ่งแม๊กซิมิลเลียนเองก็ยิ้มกว้าง

    "เอาล่ะ...เดี๋ยวพวกเธอสองคนก็ไปจัดการล้างเนื้อตัวแล้วเปลี่ยนชุดซะ อีกเดี๋ยวจะต้องไปทานอาหารอร่อยๆกัน" แล้วชายหนุ่มก็เดินออกจากไปจากห้อง...ก่อนที่จะพ้นประตูเขาได้หันมองมาทางแคลร์อีกครั้งแล้วประตูห้องพักก็ปิดลง แคลร์เองที่จะกอดเทเรซ่าอยู่มองเด็กคนอื่นๆอย่างไม่ไว้ใจเท่าไหร่เพราะทุกคนมีท่าทางนิ่งเฉยพร้อมสายตาอันเย็นชาที่จ้องมองแบบไม่กระพริบตา ในตอนนั้นเองที่คริสเดินออกมาจากกลุ่มตรงเข้ามาทางทั้งสองด้วยท่าทางขึงขัง แคลร์เห็นดังนั้นจึงได้รีบเอาเทเรซ่ามาหลบข้างหลังตน

    "ต้องการอะไร?" แคลร์ถามอย่างไม่ไว้ใจแล้วมองหน้าอีกฝ่าย เด็กชายจ้องมองกลับ...ทั้งสองมองหน้ากันไปชั่วครู่ในตอนนั้นเองที่แววตาและสีหน้าของคริสเปลี่ยนไป

    "ฮุ...ฮะๆฮ่าฮ่าๆ" เสียงหัวเราะอย่างขบขันดังออกมาจากปากเด็กชาย ในตอนนั้นเองที่เด็กที่เหลือต่างพากันหัวเราะในแบบเดียวกัน...แคลร์และเทเรซ่าต่างงุนงงและแปลกใจ "ไม่เอาน่า ไม่เอาน่า...อย่าทำหน้าซีเรียสแบบนั้นสิ ทำหน้าท่าทางอย่างกับพวกเราจะฉีกเนื้อสูบเลือดพวกเธอซะอย่างนั้นแหละ" เขาพูดสลับกุ่มท้องน้อยตัวเองเพราะหยุดหัวเราะไม่ได้

    "นี้มันเรื่องอะไรกัน?" แคลร์ถามกลับ

    "ไม่ต้องกังวลอะไรหรอก...นี่ถือว่าเป็นการรับน้องอย่างหนึ่งของพวกเราเท่านั้นเอง" เด็กผู้หญิงผมบ๊อบสั้นคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น ดูเธอมีอายุพอๆกับแคลร์แต่สูงกว่านิดหน่อยและมีผิวคล้ำกว่าเดาให้รู้ได้ว่ามาจากตะวันออก "ฉันชื่อแอนนิต้า...เรียกฉันว่าแอนนี่ก็ได้ ฉันมีหน้าที่ดูแลส่วนเด็กผู้หญิงของเรือนพักที่10นี้"

    "ส่วนฉันชื่อคริสโตเฟอร์ เรียกคริสเฉยๆก็ได้...มีหน้าที่ดูแลส่วนของเด็กผู้ชายและเรือนที่13ทั้งหมด แล้วเธอสองคนล่ะชื่ออะไร?" เด็กชายแนะนำตัวเองเสร็จก็ถามกลับพร้อมกับยิ้มกว้าง แคลร์ลดมือตัวเองลงอย่างโล่งใจพร้อมดึงเทเรซ่าออกมาจากด้านหลังตัวเอง

    "ฉันแคลร์...ส่วนเด็กคนนี้ชื่อเทเรซ่า"

    "ชื่อเทเรซ่าเหรอ?...ขอโทษทีนะที่ทำให้กลัว" เด็กชายเอื้อมมือยี้หัวอีกฝ่ายพร้อมยิ้มกว้าง เทเรซ่าได้แต่พยักหน้าเงียบๆอย่างไม่พูดอะไร แอนนิต้าที่มองดูอยู่อดอมยิ้มไม่ได้

    "ขี้อายจังนะเธอน่ะ...เหมือนลิซซี่เลย" เด็กหญิงผมสั้นพูดเสร็จก็เดินเข้าไปในกลุ่มก่อนที่ดึงข้อมือใครอีกคนออกมายืนด้านหน้า เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กผมฟูฟ่องหยิกหยอยเหมือนขนแกะสีน้ำตาลอ่อน สวมแว่นตากลมที่ได้แต่ยืนหลบหลังแอนนิต้าด้วยท่าทางขี้กลัวขี้อายและไม่กล้าสบตาใคร "เธอสองคนน่าจะเป็นเพื่อนกันได้นะ อายุน่าจะพอๆกันด้วย...ทำความรู้จักกันไว้สิ" เธอพูดจบก็จูงลิซซี่จอมขี้อายออกมาด้านหน้า แคลร์เองก็คิดแบบเดียวกันกับแอนนี่...เธอดันเทเรซ่ามายืนตรงหน้าลซซี่เหมือนกัน ทั้งคู่สูงเท่าๆกันผิดตรงที่ทรงผมของลิซซี่ที่ดูฟูทำให้เธอหัวโตกว่า

    "ฉันชื่อเทเรซ่า...ยินดีที่ได้รู้จัก" เด็กน้อยผมทองพูดพร้อมมองหน้าอีกฝ่าย เทเรซ่าสามารถมองใบหน้าแดงระเรือของลิซซี่ได้เลย

    "ละ ลิซซี่...ยินดี...ที่ได้...รู้จัก" พอพูดจบเธอก็วิ่งไปหลบหลังแอนนิต้าอีกครั้งแล้วทุกคนก็พากันหัวเราะ

    "เอาล่ะๆ...เดี๋ยวทุกคนก็แยกย้ายไปเตรียมตัวนะ...อีกชั่วโมงต้องไปรวมตัวที่โรงอาหารแล้ว แคลร์ เทเรซ่า...พวกเธอสองคนไปล้างเนื้อล้างตัวแล้วเปลี่ยนชุด มีถังน้ำกับผ้าสะอาดอยู่ตรงเตียงพวกเธอแล้ว...ชุดของพวกเธอก็อยู่บนเตียงเหมือนเดี๋ยวฉันจะพาไป" แล้วแอนนิต้าก็เดินมาอีกทางพร้อมกับจูงมือลิซซี่ตามมาด้วยโดยมีแคลร์และเทเรซ่าเดินตาม เรือนที่พักแห่งนั้นถูกแบ่งครึ่งชายหญิงแต่จะไม่มีกำแพงกั้น...การแบ่งเขตจะรู้ได้จากเส้นแบ่งบนพื้นเท่านั้น "ห้องน้ำอยู่มุมห้อง..มีแค่2ห้องเท่านั้นเฉพาะนั้นรีบทำธุระของตัวเองเพื่อที่จะได้ไม่ให้คนอื่นๆคอย นี้เป็นเรือนพักที่10...ค่ายแห่งนี้มันทั้งหมด10เรือนพักแล้วแต่ล่ะเรือนจะมีเด็กอยู่ประมาณ50คน ประตูเรือนพักนี้จะไม่เปิดต่อเมื่อมีการเรียกกินข้าว ออกกำลังกาย ตรวจสุขภาพ หรือเวลาพักผ่อน และปิดสนิททันทีที่ถึงเวลาเข้านอนและจะไม่เปิดจนกว่าถึงเช้าของอีกวัน มีกล้องวงจรปิดทุกมุมของที่นี้และมีการจัดเวรยามตรวจตราตลอดเพราะฉะนั้นอย่าทำตัวมีปัญหาไม่อย่างนั้นอาจจะโดนทำโทษได้" เธออธิบายไปในขณะที่เดินนำและชี้ไปยังจุดต่างๆเพื่อให้ความเข้าใจ กล้องวงจรปิดมุมห้องตัวหนึ่งกำลังขยับมองตามเด็กทั้งสี่ที่กำลังจะเดินไปยังเตียงช้าๆ

    "คิดจะไม่ให้มีความเป็นส่วนตัวเลยสินะ" แคลร์คิด แล้วทั้งสี่ก็มาถึงเตียง เป็นเตียงเหล็กดัดสองชั้นสูง2เมตรที่มีฟูก หมอน ผ้าห่มครบและดูท่าทางน่าจะนอนสบายกว่าตอนอยู่ที่ค่ายแรก บนเตียงมีเสื้อผ้าชุดหนึ่งวางพับเอาไว้

    "นี้คือเตียงและเสื้อผ้าของพวกเธอ...ก็เลือกกันเอาเองเลยนะว่าใครจะนอนข้างบนหรือข้างล่าง เตียงของฉันและลิซซี่อยู่ถัดไป2เตียง" แอนนิต้าบอกพร้อมชี้ไปยังเตียงนอนของตัวเองและลิซซี่

    "ขอบใจจ้ะ" แคลร์บอกอย่างซาบซึ้งแล้วอีกฝ่ายก็ยิ้มตอบ

    "ไม่เป็นไรหรอก...นับจากนี้ทุกคนในนี้คือเพื่อนพี่น้องกันหมดนะ" แล้วแอนนี่ก็เดินไปยังเตียงของตัวเอง...แคลร์มองด้านแอนนี่และลิซซี่ก็เหมือนกับมองตัวเองและเทเรซ่าไม่มีผิด แอนนี่เองก็คงรับหน้าที่ดูแลลิซซี่เหมือนกัน แคลร์และเทเรซ่าจัดการเปลี่ยนชุดตัวเองใหม่...เนื้อผ้าดูใส่สบายขึ้นทำให้สบายตัวไม่อัดอัดหรือเกะกะเหมือนชุดตัวเดิม เวลาผ่านไปจนประตูเหล็กเปิดออกขึ้นอัตโนมัติ

    "ได้เวลาทานอาหารเย็นแล้ว...ให้ทุกคนไปรวมตัวกันที่โรงอาหาร" เสียงจากลำโพงมุมห้องดังขึ้นทำให้เด็กทุกคนลงจากเตียงและหยุดกิจกรรมต่างๆในเรือนพักแล้วมายืนเรียงแถวกัน ทหาร4นายพร้อมอาวุธปืนยืนคุมแถวเด็กทั้งหมดแล้วลำเลียงนำไปยังโรงอาหารซึ่งห่างจากเรือนพักรวมระยะเวลาเดินทางประมาณ3นาที

    โรงอาหารที่ใหญ่กว่าเรือนพักหลายเท่าและเต็มไปด้วยที่นั่งโต๊ะยาวหลาย10เมตรหลายร้อยตัว แยกออกมาคือโต๊ะยาวอีกหลายสิบที่มีหม้อขนาดใหญ่และถาดเหล็กที่วางเรียงเป็นชั้นสูงที่วางเรียงรายโต๊ะแต่ล่ะตัว แคลร์เองเห็นว่ามีเด็กอีกหลายกลุ่มมาถึงที่แห่งนี้เหมือนกัน...ราวกับว่าเด็กนับร้อยๆที่สูญเสียหรือพามาเพราะสงครามมารวมตัวกันที่นี้..แม้ว่าจะมีลักษณะท่าทางที่แตกต่างกันแต่ส่งหนึ่งที่เหมือนกันคือตราประหลาดหลังต้นคอและรอยขีดบนข้อนิ้ว

    "เรียงแถวหยิบถาดคนล่ะใบแล้วเดินเรียงมาเรื่อยๆ...ได้อาหารก็ไปนั่งที่ให้เรียบร้อย" เสียงจากลำโพงดังมาอีกครั้งก่อนที่เด็กแต่ล่ะคนจะรับถาดหลุมแล้วเดินรับอาหารไล่มาเรื่อยๆ...เริ่มจานมันฝรั่งบดร้อนๆกับเนื้อบด ขนมปังก้อน ซุบผักตามด้วยแอปเปิลเขียวเป็นอย่างสุดท้ายก่อนที่จะนั่งตามที่ของตนเทเรซ่ารับอาหารของตนเสร็จก็ตามมานั่งข้างๆแคลร์ซึ่งนั่งรวมกลุ่มร่วมกับพวกคริส ซึ่งมีแอนนี่และมิเซลที่กำลังเกาะเธออยู่ไม่ห่างเหมือนเคย

    "ค่ายนี้มีให้กิน2มื้อคือกลางวันกับค่ำ...อาหารที่นี้จะเปลี่ยนวนไปเรื่อยๆในแต่ล่ะวัน" แอนนี่อธิบาย "หลังจากได้รับอาหารแล้วต้องมานั่งรอจนกว่าคนอื่นๆจะตักและนั่งครบแล้วจะมีประกาศบอกเองว่าให้ลงมือทานได้"

    "อ่า!!!" จู่ๆเด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็กรีดร้องขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง เธอปัดโยนถาดอาหารของตัวเองก่อนที่จะผลักเด็กคนอื่นที่อยู่ใกล้ๆกัน มือเล็กๆจิกผมตัวเองเหมือนคนเสียสติ เธอหายใจแรง ดวงตาเบิกโพลง ริมฝีปากสั่น ฟันที่กัดแน่นมีน้ำลายไหลออกมาจากมุมหนึ่งของปาก เด็กๆบริเวณนั้นต่างพากันถอยออกมาให้ห่างจากเธอคนนั้นแต่แต่ล่ะคนส่วนใหญ่กลับมีสีหน้าไม่ตกใจเท่าไหร่นักราวกับว่าเหมือนเป็นเรื่องปกติ...แอนนี่และคริสเองก็มองไปด้วยท่าทางนิ่งเงียบในขณะที่ลิซซี่กลับตัวสั่นและเริ่มสะอื้นไห้ แคลร์และเทเรซ่าเองก็ตกใจเหมือนกัน

    "หยุดอย่าขยับ!!...ไม่อย่างนั้นพวกเราจำเป็นต้องใช้กำลัง!!" ทหารจำนวนหนึ่งวิ่งมาล้อมเด็กคนนี้ไว้พร้อมหันปากกระบอกปืนเล็งเธอไว้ ในตอนนั้นเองที่แม๊กซิมิลเลียน วอน ฮ๊อฟแมน เดินเข้ามาสมทบ

    "เด็กน้อย เด็กน้อย...มีเรื่องอะไรที่ทำให้เธอไม่สบายใจรึเปล่า? ฉันสามารถให้คำปรึกษากับเธอได้นะ" ด๊อกเตอร์หนุ่มเอ่ยน้ำเสียงนุ่มนวลเหมือนกำลังปลอบเด็กที่กำลงร้องไห้เพราะหกล้ม

    "ฉันไม่อยากอยู่ที่นี้...ฉันไม่อยากอยู่ที่...อยากกลับบ้าน...ฉันอยากกลับบ้าน...พ่อจ๋า...แม่จ๋า...พี่ชาย...ฉันอยากกลับบ้าน..." เสียงบ่นพึมพัมด้วยอาการสั่นเครือ แม๊กซิมิลเลียนมองมาเรียบๆพร้อมสั่งให้ทหารลดปืนลง

    "เด็กน้อย...ที่นี้แหละคือบ้านของเธอ พวกเราทุกคนคือครอบครัวของเธอ" เขาพูดพร้อมย่อตัวลง "เธอคนจะเครียดเกินไปสินะ...ใจเย็นๆแล้วไปนอนพักเถอะนะ"

    "ไม่!!" เด็กหญิงกรีดร้องอย่างเกรียวกราด ดวงตาของเธอจ้องมองมาทางแม็กซิมิลเลียนด้วยความอาฆาตแทน "แกฆ่าพวกเขา!!...ฉันจะฆ่าแก!!" แล้วเธอก็วิ่งมาทางเขาพร้อมละอองในมือที่เกิดแสงก่อนที่จะแตกออกเป็นหอกฉมวกยาว...เป้าหมายคือคอหอยอีกฝ่าย

    "เด็กดื้อ..."

    "เปรี๊ยะ!! กรี๊ด!!!!!!!!!!!!!" จู่ๆกระแสไฟฟ้าจำนวนหนึ่งก็เกิดขึ้นรอบตัวของเด็กหญิงทำให้เธอซะงักและอาวุธหายไปทันที เธอกรีดร้องด้วยความเจ็บซึ่งดังระงมไปทั่วโรงอาหาร...ลิซซี่รีบเอามืดปิดหูแน่น ส่วนแคลร์รีบคว้าเทเรซ่ามาปิดตาเพราะไม่อยากให้เห็นภาพเหล่านี้ เสียงร้องดังไม่ถึง10วิแต่มันดูยาวนานเป็นหลายนาที กระแสไฟฟ้าหยุดลงพร้อมร่างนั้นที่ล้มลงกับพื้นพร้อมร่างกายที่กระตุกเป็นระยะ...เธอยังมีลมหายใจแม้จะแผ่วเบาพร้อมตาที่พร่ามัว และแล้วเธอก็ถูกพาออกไปจากโรงอาหารแห่งนี้ทิ้งให้เหลือแต่กลิ่นไหม้จางๆและควันบางๆ แม็กซิมิลเลียนเลิกคิ้วถอนหายใจเรียบๆก่อนที่จะลุกขึ้นยืนมาปัดฝุ่นตามตัว

    "เอาล่ะ....หมดเรื่องแล้วเชิญทุกคนลงมือรับประทานอาหารกันได้เลย วันนี้ไม่ต้องรอ" เขาบอกพร้อมกับรอยยิ้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนที่จะเดินออกไปจากโรงอาหาร เด็กคนอื่นๆก็ต่างพากันนั่งลงเริ่มทานอาหารของตัวเอง

    "เมื่อกี้นี้...." แคลร์เอ่นอย่างงุนงง "มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ?"

    "ห่วงคอพวกนี้ยังไงล่ะ" แอนนี่ชี้ไปห่วงคอของตัวเอง "นอกจากเลขโค้ดประจำตัว ตรวจคลื่นชีพจร มันยังสามารถดักฟังพวกเราได้ด้วยและมันยังคอยควบคุมพลังของเราอีก ถ้าเกิดมีการใช้พลังกระแสไฟฟ้าจำนวนมากพอที่ทำให้ขยับไม่ได้หลายชั่วโมงจะถูกปล่อยออกมาอย่างที่เห็นนั้นแหละ" เธออธิบาย

    "ที่สำคัญกว่านั้นถ้ามันถูกทำลายหรือมีการฝืนดึงมันออก..." คริสเว้นช่วงแล้วทำถ้าปาดคอตัวเอง "มันก็จะ...ตูม!! ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรแต่ก็สามารถฉีกเส้นเลือดใหญ่ที่คอเธอได้เลยล่ะกัน" คริสเสริม ทั้งแคลร์และเทเรซ่าเองเผลอจับห่วงคอของตนเองอย่างรู้สึกไม่ไว้ใจ อาหารในถาดแม้ยังอุ่นแต่ก็ยังรู้สึกเย็นชืดเพราะเห็นการร์ที่เห็นจนไม่รู้สึกไม่อร่อย ตอนนั้นที่เทเรซ่าเอื้อมมือมาจับชายเสื้อของแคลร์แน่น

    "พี่แคลร์...หนูกลัว" เธอพูดเสียงสั่นและทำท่าสะอื้น

    "ร้องไห้น่ะร้องได้นะ...แต่อย่าบ้าเหมือนยัยคนเมื่อกี้เด็ดขาด" คริสพูดเรียบๆ "ไฟฟ้าช๊อตน่ะไม่เท่าไหร่หรอกถ้ายืนอยู่คนเดียวแต่ถ้าอยู่ในกลุ่มคนมากๆมันจะทำให้คนอื่นโดนลูกหลงไปด้วย"

    "พอได้แล้วน่า คริส" แอนนี่เอ็ด

    "แล้วเธอก็เหมือนกันลิซซี่...เลิกทำตัวอ่อนแอขี้แยได้แล้ว อย่าคิดว่าทำตัวแบบนี้แล้วจะมีคนช่วยเธอได้ตลอดนะ" คริสพูดต่อ ลิซซี่ได้ยินก็ถึงกับสะอึก

    "คริสฉันบอกให้พอ" แอนนี่พดน้ำเสียงที่ดังขึ้นจากเดิม

    "พวกเราอยู่ที่นี้จะเป็นอะไรเมื่อไหร่ตอนไหนก็ไม่รู้...ต้องรู้สึกทำอะไรด้วยตัวเองบ้าง ไม่อย่างนั้นชีวิตเธออาจจะจบลงด้วยการ-ถูกคัดออก-...อุ๊บ"

    "ฉันบอกให้หุบปากไง!!" มือของแอนนี่คว้าคอเสื้อของคริสก่อนที่เขาจะพูดจบ ทุกคนบริเวณนั้นต่างถอยออกห่างจากระยะ...ทหารถือปืนคนหนึ่งรีบเดินเข้ามาทันที

    "มีเรื่องอะไรกัน?" น้ำเสียงดุดันถามมาทำให้เด็กหลายคนสะดุ้ง แต่แอนนี่ยังไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยมือ

    "เอ่อ...คือ...พวกเราแหย่กันกันนิดหน่อยน่ะครับ...จริงมั้ยแอนนี่?" คริสบอกยิ้มๆแล้วพยายามแกะมืออีกฝ่ายออก "ไม่มีเรื่องอะไรแล้วครับ...ขอประทานโทษด้วยครับ" คริสบอกยิ้มกว้างหัวเราะแหะๆ นายหทารคนนั้นมองทั้งสองเรียบๆก่อนพ่นลมผ่านจมูก

    "ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว...รีบๆกินซะ" แล้วเขาก็เดินออกไป...สถานการณ์สงบลง ทุกคนกลับมานั่งที่ตามเดิม มีแต่ความเงียบของแอนนี่และคริส

    "เธอเป็นบ้าอะไร...เกือบซวยกันทั้งสองคนแล้วนะ ก็ฉันพูดความจริง...ฉันเตือนด้วยความหวังดีนะ" คริสเอ็ดเสียงเบา แอนนี่ยังคงไม่ตอบกลับและได้แต่ตักมันบดใส่ปากเหมือนไม่ได้ยิน "เอาล่ะๆ...ฉันขอโทษ แอนนี่...ฉัน...ขอ...โทษ...พอใจรึยัง?...อย่ามานั่งเงียบแบบนี้สิ...เราสองคนพื่อนไม่ใช่เหรอ?" คริสพูดจบ เด็กหญิงผมบ๊อบหันมาช้าๆและมองด้วยสายตาค้อน

    "สัญญาว่าจะไม่พูดแบบนี้ให้ลิซซี่ได้ยินอีก" แอนนี่พูดเรียบๆ คริสยิ้มเรียบที่มุมปากแล้วยกมือสัญญาแบบลูกเสือ

    "สาบานเลยล่ะ" แล้วเขาก็ยิ้มกว้าง แอนนี้เห็นก็ได้แต่ถอนหายใจ...ราวกับไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งสองทะเลาะกัน แคลร์มองดูทั้งสองก็ยิ้มเรียบๆพลันนึกถึงตัวเองตอนอยู่ที่โบสถ์...

    "ไมเคิลก็มีนิสัยแบบนี้" เธอคิด ก่อนจหันไปมองเทเรซ่า เด็กน้อยผมยาวทองมองเธอด้วยสายตากังวล...แคลย์มองแล้วลูบผมเธอเบาๆ

    "พี่ไม่เป็นไร...รีบทานกันเถอะ เย็นมันจะไม่อร่อยนะ" เธอบอกพร้อมรอยยิ้ม แล้วทุกคนก็ลงมือรับประทานอาหารของตัวเอง

    เด็กทุกคนรับประทานของตัวเองเสร็จก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับหอของตัวเองมีชายในเสื้อกาวน์ยืนเฝ้าในขณะที่ตัวคนกำลังเข้าเรือนพักและทำการคัดชื่อเพื่อเป็นการนับว่าเด็กครบรึเปล่า ทันทีที่คนครบประตูเหล็กถูกเลื้อนปิดพร้อมเสียงลั่นกลอน

    "เดี๋ยวเตรียมตัวนอนกันได้แล้วนะ...พวกเธอเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว" แอนนี่บอก แคลร์พยักหน้าเรียบๆก่อนที่จะจูงมือมาเทเรซ่ามาที่เตียงของพวกตน

    "พี่แคลร์นอนกันหนูนะ" เทเรซ่าพูดพร้อมยิ้มกว้าง

    "ไม่ได้หรอก...เตียงเล็กแค่นี้จะนอนเบียดเธอเสียเปล่า"

    "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...นะค่ะ...นอนเป็นเพื่อนหนูหน่อยนะ" เด็กหญิงผมยาวทองอ้อนอีกฝ่ายจนแคลร์ต้องยอมตามเสียงอ้อน เธอเอาหมอนและผ้าห่มของเจียงชั้นบนลงมารวมกันด้านล่างแล้วจัดเตียงให้เรียบร้อยในขณะที่เทเรซ่ากำลังตักน้ำจากถังข้างเตียงมาล้างหน้าล้างตาก่อนที่จะหัวเราะคิกคักมานอนที่เตียงที่เทเรซ่าจัดให้ เด็กคนอื่นๆก็กำลังจะเข้านอนเหมือนกัน เสียงกรนที่ดังมาจากฝั่งเด็กผู้ชายคือคริสซึ่งเข้านอนไปก่อนใครเพื่อน แอนนี่เองก็กำลังกล่อมให้ลิซซี่ที่ค่อยๆหรี่ตาลงเรื่อยๆ แคลร์ค่อยๆขยับตัวเข้าไปในผ้าห่มซึ่งมีเทเรซ่านอนห่มอยู่แล้วข้างใน

    "ไม่อึดอัดนะ" เด็กหญิงผมดำถาม อีกฝ่ายไม่ตอบกับยิ้มกว้างและส่ายหน้าเป็นคำตอบ

    "ฝันดีค่ะพี่แคลร์" เด็กน้อยหลับตาพริ้มก่อนที่จะขดตัวในอ้อมกอดอีกฝ่าย แคลร์มองดูเทเรซ่าและลูบผมเธออย่างเอ็นดู

    "ฝันดีจ้ะ...คนดีของพี่" แล้วไฟสีขาวของเรือนพักที่10ก็ดับลงเหลือไว้แต่เสียงกรนเบาๆของคริสเท่านั้น

    จบตอน
  6. shinkyoto

    shinkyoto Well-Known Member

    EXP:
    580
    ถูกใจที่ได้รับ:
    3
    คะแนน Trophy:
    88
    จากป่าสู่โรงเรือนหรือ? กับสภาพแวดล้อมเหมือนค่ายศึกษาอบรม ในแง่ขององค์กรแล้วนี่เป็นสภาพแวดล้อมในฝันสำหรับการทดลองล่ะนะ

    แต่สำหรับตัวทดลอง "เรามีการสำรองไว้เสมอ" "แต่ไม่แน่ใจว่า จะทำยังไงถ้าของที่มีอยู่ก่อกบฎขึ้นมา"

    สายสัมพันธ์ชั่วคราวนี้จะเป็นอย่างไร ผมคงจะต้องตามชมในตอนหน้าแล้วนะครับ

    ขออภัยที่ข้อความนี้ล่าช้าไปนานมาก แต่ยังยินดีที่ทราบว่า เจ้าของยังไม่ได้ทิ้งเรื่องของตนไปไหน

Share This Page