นิตยสารแฟมิซือฉบับล่าสุดได้ลงบทสัมภาษณ์ทีมงาน Final Fantasy XIII เกี่ยวกับเรื่องเนื้อหาต่างๆ และความเป็นไปของเกม ซึ่งสามารถสรุปใจความแบบไม่ใส่น้ำแต่ใส่สีได้ดังนี้ เริ่มต้นด้วยเรื่องของมนต์เรียกอสูรในภาคนี้ ซึ่งทีมงานได้กล่าวว่าเพื่อนพ้องแต่ละคนก็จะมีมนต์อสูรประจำตัว แต่การจะใช้มนต์เรียกอสูรได้นั้นก็อยู่ที่ความก้าวหน้าของเนื้อเรื่องว่าตัวละครได้มีพัฒนาการความเติบโตไปถึงไหนแล้ว เมื่อพวกเขาพัฒนาไปถึงจุดหนึ่งก็จะสามารถใช้มนต์อสูรประจำตัวได้ โดยมนต์อสูรในที่นี้ก็เปรียบเสมือนกระจกสะท้อนตัวตนในจิตใจของพวกเขาออกมา มนต์อสูรทุกตัวในภาคนี้จะมีความสามารถในการแปลงร่างได้ เราเองได้เห็นศิวะหรือชิวาในคราบมอเตอร์ไซค์กันมาแล้ว หลายๆ คนคงมองว่าชิวาภาคนี้ดูมีความเป็นเมคานิคมากแล้ว แต่ทีมงานแบ๋ไต๋ว่ายังอสูรตัวอื่นที่ถูกออกแบบมาให้มีความเป็นเมคานิคมากกว่านี้อีก สำหรับโอดินเองก็จะแปลงร่างเป็นยานพาหนะได้เหมือนกัน เห็นแบบนี้แล้วคงไม่มีใครหลงคิดว่าจะได้เห็นน้องหนูวานิลล่าขี่คาร์บังเกิลตัวจ้อยออกไปลุยกับเค้าหรอกนะ โดยปกติแล้วเมื่อเราเรียกมนต์อสูรออกมา พวกเขาก็จะปรากฏตัวขึ้นในสภาพปกติ อย่างชิวานี่ก็จะปรากฏในรูปของสองพี่น้องที่มีชื่อว่า Nix กับ Styria แต่เมื่อเราบังคับพวกเขาจนเข้าเงื่อนไขที่ถูกต้อง พวกเขาถึงจะรวมร่างกันเป็นมอเตอร์ไซค์ การเปลี่ยนร่างในที่นี้จะเรียกว่า Drive Mode โดยจะเปลี่ยนการบังคับจากการเลือกคอมมานด์ เป็นการกดใช้คำสั่งต่างๆ แบบเกมแอคชั่นโดยตรงเลย ส่วนเด็กหนุ่มหน้าโชตะที่เป็นตัวละครใหม่ซึ่งปรากฏให้เห็นในเทรลเลอร์ประจำงาน E3 นั้นก็มีอายุที่น้อยกว่าพี่เรย์..เอ้ย..ซัชร่วมเท่าตัว เขาเป็นคนหัวดี ค่อนข้างสุขุมเยือกเย็น แต่ทีมงานยังไม่อยากเปิดเผยชื่อในตอนนี้ ไว้ซักหน้าร้อนค่อยขายข่าวให้ละกัน ต่อมาก็เป็นคำถามที่ว่าทำไมสโนวถึงเรียกไลท์นิ่งว่าพี่สาว... ขณะที่ซัชที่หง่อมที่สุดก็เรียกสโนวว่าพี่ชาย ตรงนี้ไม่ใช่การเรียกตามลำดับชั้นอายุ แต่เป็นคีย์เวิร์ดที่แสดงถึงความสัมพันธ์ในกลุ่มของพวกเขา คำว่าพี่ในที่นี้ก็เหมือนที่พวกพ้องยกย่องกันเป็นลูกพี่หรือรุ่นพี่ อะไรเทือกนั้น ว่าแล้วฝั่งแฟมิซือก็แย็บคำถามต่อว่าฟัลซิคืออะไรกันแน่? ซึ่งคำตอบที่ได้รับคือฟัลซิเป็นเทพจักรกลที่มีคริสตัลอยู่ภายในร่างกาย พวกเขาใช้คริสตัลเป็นแหล่งกำเนิดพลังงาน เหล่ามนุษย์โลกนั้นบูชาฟัลซิเป็นพระเจ้า เพราะฟัลซิได้ให้กำเนิดสิ่งต่างๆ ขึ้นมามากมายและยังช่วยทำให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่กระนั้นแล้วฟัลซิก็ยังไม่ใช่เทพสูงสุดอยู่ดี เพราะในตำนานคริสตัลที่ Square Enix ช่วยกันนั่งเทียนขึ้นเพื่อใช้เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่าง Final Fantasy XIII ทั้ง 3 ภาคได้กล่าวว่ายังมีเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่เป็นผู้ให้กำเนิดเทพจักรกลอย่างฟัลซิขึ้นอีกทอดหนึ่งนั่นเอง มาต่อกันที่คำถามเกี่ยวกับเรื่องของลูซิ คุณโทริยามะกล่าวว่ากลุ่มตัวเอกที่ประกอบด้วยสโนว ไลท์นิ่ง ซัช และวานิลลา ล้วนเป็นลูซิที่ถูกเลือกโดยฟัลซิของพัลส์ พวกเขาจะมีรอยสักอันเป็นสัญลักษณ์ของลูซิอยู่ที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ซึ่งรอยสักนั้นจะทำหน้าที่สร้างคริสตัลสำหรับเรียกมนต์อสูรขึ้นมา โดยแต่ละคนก็จะมีคริสตัลประจำกายที่มีรูปร่างแตกต่างกันออกไป สำหรับคริสตัลของสโนวจะมีรูปร่างเป็นรูปหัวใจ ที่สื่อถึง "ชีวิต" ขณะที่คริสตัลของไลท์นิ่งจะเป็นรูปกุหลาบที่แสดงถึงความเป็น "ผู้ดี" ทั้งนี้รอยสักของแต่ละคนนั้นจะอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกันออกไป สำหรับสโนวก็จะมีรอยสักอยู่ตรงที่แขน แต่ของไลท์นิ่งกลับอยู่ตรง "เต้านม" งานนี้ตาโทริยามะก็เอาแต่รูดซิบปากเงียบ ไม่ยอมเปิดเผยว่าหนุ่มๆ อย่างเราๆ จะมีโอกาสได้ปลาบปลื้มกับรอยสักของสาวผู้ดีคนนี้กันหรือไม่ ส่วนเรื่องรอยสักของแม่หนูวานิลล่านั้น ตาโทริยามะดันแย้มว่าอยู่ในจุดที่แปลกประหลาด ประมาณว่าเป็นความลับสุดยอด ไม่ขอบอกใครเฟ้ย ฮ่าๆๆๆ ส่วนคำถามต่อมาที่ว่าคุณสาวแว่นสุดยอดที่เป็นตัวละครใหม่คนนั้นเป็นใคร คุณโทริยามะก็ยังไม่ยอมให้รายละเอียดใดๆ แต่บอกแค่ว่านั่นเป็นตัวละครที่คุณโนมุระวาดมาให้ ทีนี้เมื่อสอบถามถึงเรื่องบรรยากาศแวดล้อมในสองดาว ก็มีการเปิดเผยว่าสภาพอากาศในโคคูนนั้นจะแปรเปลี่ยนไปตามความประสงค์ของฟัลซิแห่งโคคูน ขณะโลกพัลส์ก็จะมีสภาพแวดล้อมต่างๆ ตามความประสงค์ของฟัลซิแห่งพัลส์ ดาวพัลส์เองมีสภาพธรรมชาติที่ค่อนข้างจะอุดมสมบูรณ์กว่า มีมอนสเตอร์ที่โหดดิบกว่า และยังมีสัตว์ยักษ์อยู่มากมาย เรียกได้ว่ามีความหลากหลายกว่าในโคคูนเยอะ ในเทรลเลอร์ล่าสุดที่ฉายมาก็มีอยู่แวบนึงที่เราได้เห็นไลท์นิ่งเดินอยู่บนฟิลด์ ฉากนั้นก็เป็นตัวอย่างการเดินทางบนโลกของพัลส์น่ะแล ปิดท้ายด้วยเรื่องคุยโวตามสไตล์ ซึ่งเฮียแกก็บอกว่ากราฟฟิคในเกมตัวเต็มจะได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นกว่านี้ การตัดฉากจากพรีเรนเดอร์ไปยังฉากเรียลไรม์ก็จะทำให้มันเนียนขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ คอยติดตามดูกันให้ที สุดท้ายขอบอกว่าการทำเกมภาคนี้ค่อนข้างราบรื่น มีปัญหาน้อยกว่าตอนที่ทำๆ FFXII กันเยอะ
"ส่วนเรื่องรอยสักของแม่หนูวานิลล่านั้น ตาโทริยามะดันแย้มว่าอยู่ในจุดที่แปลกประหลาด" ^ ^ อืม น่าจะที่กระเพาะอาหาร ตับ หรือต่อมปิตูอิทารี
ข่าวมีรายละเอียดตั้งเยอะ แต่ไหงสนใจกันแต่รอยสักล่ะนั่น หื่นกันจริงๆ ว่าแต่ รอยสักของแม่หนูอยู่ตรงไหนล่ะ หลังหัว กลางหัว หรือว่าหลังคอ
มนต์อสูร "สะท้อน" ถึงจิตใจของแต่ละคนงั้นเหรอ อย่างกับ Persona เลย (ว่าไหม) เคยมีคิดเหมือนกันว่าสักวันหนึ่งทางค่าย sqex ต้องหากินด้วยมุกนี้ และก็เอาเข้าจนได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ณ ตอนนี้ผมอยากเห็น (ภาพ ) รอยสักบริเวณ "เต้านม" ครับ ...
รอยสักของหนูวานิลลาอยู่ในที่แปลกประหลาด!! แก้มก้นด้านซ้ายอ๊ะป่าว... ว่าแต่ทำไมไม่มีข้อมูลของภาค เวอร์ซัส บ้างล่ะเนี่ย??...
สาวแว่นสุดยอดจริงๆค่ะ= =b เห็นด้วยกับท่านEvolที่ว่า เหมือนกับPersonaจริงๆเลย.... ชักอยากจะเห็นรอยสักของไลท์นิ่งขึ้นมาแล้วสิ....(เป็นผู้หญิงเหมือนกันคงดูได้เนอะ...หึหึ)
อ่านแบบนี้พาลคิดไปว่า... ถ้าดิสสิเดียเอาเจ๊ไลท์เข้าไปด้วย ตอน EX โหมด เจ๊แกคงซัมมอนโอดินมาฟันซินะ (ส่วนท่าไม้ตายคงจะเป็นท่าอะไรสักท่าของท่านซัมมอนนี่แล)