[สุขภาพ] ดื่มน้ำอย่างไรให้ถูกต้อง

กระทู้จากหมวด 'ETC' โดย dominica, 23 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. dominica

    dominica สิ่งมีชีวิตอ้วนกลม

    EXP:
    1,818
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    พอดีวันนี้นั่งเล่น ทำตัวเหมือนว่าง หนีความจริงไปวันๆ
    แล้วเปิดๆหาอะไรอ่านไปเรื่อยจนเจอเข้ากับ recommended blog ของ exteen
    ของท่านผู้นี้
    <!-- m -->http://aunlamun.exteen.com/<!-- m -->
    แล้วเห็นเรื่องนี้ น่าสนใจเพราะเป็นเรื่องใกล้ตัว แต่น้อยคนมากๆ ที่ทราบและสามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง

    สงสัยละสิ แค่ดื่มน้ำ วันๆ นึงให้พอเพียงเหมือนที่เคยเรียนๆมา 8-10แก้ว ก็น่าจะโอเคแล้ว
    แต่.... เรามาดูกันดีกว่า ว่าหมอเค้าว่าไว้อย่างไร
    :spin:

    ---
    ที่มา
    <!-- m -->http://aunlamun.exteen.com/20070929/super-recommended<!-- m -->

    *แอบตัดส่วนเกริ่นนำ เรื่องจอมยุทธ์นะคะ แค่นี้ก็ยาวมากแล้ว*

    การรักษาโรคที่เกิดขึ้นโดยไม่เปลี่ยนพฤติกรรมของคนไข้ เป็นการรักษาที่ปลายเหตุ ต่อให้เป็นหมอจีนที่พยายามปรับร่างกายแบบองค์รวมก็เถอะ เพราะเมื่อเรารักษาคนไข้จนหายโดยไม่เปลี่ยนพฤติกรรมของคนไข้นั้น เชื่อได้เลยครับว่าเดี๋ยวเราก็จะได้เจอกันอีก

    และหนึ่งในพฤติกรรมที่ผมว่าคนไทยส่วนใหญ่ทำผิดมากที่สุดคือเรื่องของการดื่มน้ำนี่แหละครับ

    ลองทำแบบทดสอบกันสักนิดก่อนอ่านต่อดีไหมครับ

    1. คุณมีความเชื่อที่ว่าน้ำยิ่งดื่มเยอะยิ่งดีหรือไม่

    2. คุณดื่มน้ำวันละกี่แก้ว

    3. น้ำที่ดื่มเป็นน้ำเย็น, น้ำธรรมดา หรือว่าน้ำอุ่น

    4. ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนเป็นพิเศษไหม เช่น ดื่มตอนเช้า ดื่มระหว่างทานข้าว ดื่มก่อนนอน เป็นต้น

    5. ปกติดื่มอะไร เช่น น้ำเปล่า น้ำอัดลม ชา กาแฟ เป็นต้น

    เราเฉลยกันไปทีละข้อๆพร้อมอธิบายละกันครับ พร้อมที่จะรู้ความผิดของตัวเองหรือยังครับ


    .

    .


    ข้อหนึ่งนั้น เป็นความเชื่อที่ผิดครับ ทุกอย่างต่างมีคุณและมีโทษ ต้องหาจุดสมดุลของมันครับ น้ำดื่มมากเกินไปกลับไม่ดีเสียอีกครับ เดี๋ยวผมจะมีสูตรให้คำนวณว่าวันหนึ่งเพื่อนๆควรดื่มน้ำแค่ไหน


    .


    ข้อสอง คิดว่าทุกคนคงเคยเรียนกันมาอยู่แล้วว่าคนเราวันหนึ่งควรทานน้ำวันละ 8-10 แก้ว ว่าแต่ทำได้อย่างที่เรียนมาหรือเปล่าครับ

    ผมจะอธิบายให้ฟังว่า น้ำในร่างกายของเรามีที่มาที่ไปอย่างไรก่อน

    น้ำที่เข้าสู่ร่างกายเรามาจากน้ำ และอาหารที่ทานเข้าไปเป็นหลัก ส่วนน้ำจะออกจากร่างกายทางปัสสาวะ อุจจาระ เหงื่อ และทางลมหายใจ แต่ปัสสาวะเป็นเส้นทางหลักครับ

    คนเราจำเป็นต้องปัสสาวะออกจากร่างกายอย่างน้อย 500 มิลลิลิตรต่อวัน ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้หมด นอกจากนี้อีกสามทางที่เหลือโดยเฉลี่ยก็จำเป็นต้องใช้น้ำอีกราว1000 มิลลิลิตร หรือ 1ลิตร ต่อวัน

    เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว คนเราจึงต้องดื่มน้ำเพื่อชดเชยส่วนที่ออกจากร่างกายทุกวันราว 1500 มล. หรือ 7-8 แก้ว (แก้วละ 200 มล.) แต่ทังนี้ทั้งนั้นตัวเลขนี้ก็ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคนครับ ผมเลยมีสูตรมาให้คิดกันคร่าวๆว่าวันหนึ่งเราต้องทานน้ำปริมาณเท่าไรจึงจะเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

    สูตรคือ (น้ำหนักตัว(กก.) x 2.2 x 30) / 2

    หน่วยที่ได้ออกมาเป็นมิลลิลิตรครับ เช่น หนัก 60 กก. เอาเข้าแทนค่าก็จะได้

    ควรดื่มน้ำ (60 x 2.2 x 30) / 2 = 1980 มล. หรือประมาณ 10 แก้วต่อวันครับ

    ถ้าเราดื่มน้ำน้อยกว่านี้ เลือดซึ่ง 90%ทำมาจากน้ำก็จะเดินไม่สะดวก ร่างกายก็จะทั้งขับของเสียยาก ขณะเดียวกันสารอาหารในเลือดก็ส่งไปถึงร่างกายช้า ทางแพทย์จีนถ้าเกิดเลือดลมเดินไม่สะดวกนี่เป็นบ่อเกิดสารพัดโรคเลย บางคนบอกว่าประจำเดือนมาน้อยหรือไม่มา มาเป็นลิ่มเลือด สีเข้ม หนืด ปวดประจำเดือนก็แหงละครับ น้ำไม่กินจะเอาที่ไหนไปสร้างเลือดละครับ แต่ถ้าทานน้ำมากกว่านี้ก็เป็นผลเสียต่อร่างกายอีกเหมือนกัน ทำอะไรก็ต้องพอดีๆครับ


    .


    ข้อสามอย่างที่เคยบอกไปตั้งแต่อาการขี้หนาวนะครับว่าน้ำเย็นเป็นของต้องห้ามสำหรับร่างกาย กระเพาะเมื่อเจอของเย็นเข้าไปการทำงานจะด้อยลงทันที เกิดเป็นอาหารไม่ย่อย อาหารบูดเน่าหมักหมมอยู่ในกระเพาะและลำไส้ ลำไส้ก็ดูดซึมของเสียจากกากอาหารพวกนี้กลับเข้าสู่เส้นเลือดต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะถ่ายอุจจาระออกจากร่างกายของเรา

    เพราะฉะนั้นเราควรจะไม่ทานของเย็นๆครับ ทานน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นก็ได้ แต่ก่อนผมไม่รู้จุดนี้ก็ทานกันไป โดยเฉพาะไทยเป็นเมืองร้อน ทุกที่ต้องเสริฟน้ำเย็น เสริฟน้ำแข็งกันเป็นกระติกๆ กินกันจนเป็นเรื่องธรรมชาติ ก่อนหน้านี้ไม่รู้ก็เฉยๆ แต่พอตอนนี้ เห็นแล้วกลัวไปเลยครับ บ้านผมตอนนี้ไม่ทานน้ำแข็งกันแล้ว


    .


    ข้อสี่ ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนกัน ที่บอกให้ดื่มวันละ 8-10 แก้วเนี่ยจะแบ่งกินช่วงไหนระหว่างวันบ้างละ ไหนใครที่ชอบทานข้าวไปจิบน้ำไปบ้างประมาณว่ากินข้าวเสร็จหมดน้ำไปสองแก้ว ยกมือขึ้น ข้อนี้ผมจัดเป็นหายนะอย่างใหญ่หลวงที่สุดเลยครับ เป็นการกินน้ำที่ผิดที่สุดครับ

    คนเรามักทำอะไรเพลินเสียจนลืมทานน้ำ พอถึงเวลาว่างซึ่งมักจะเป็นเวลาทานข้าว เขาบอกว่าให้ทานน้ำเยอะก็ทานรวดเดียวไปเลย ผิด ผิด ผิด ผิดแบบไม่น่าให้อภัยเลยครับ :waaa: เพราะช่วงเวลาที่ทานข้าวนั้น ร่างกายจำเป็นต้องอาศัยน้ำย่อยในการย่อยอาหาร เมื่อคุณกินน้ำเข้าไปเยอะๆแล้ว น้ำย่อยก็จะเจือจาง ก็เข้าสู่ระบบเดียวกับการกินของเย็น คืออาหารไม่ย่อย หมักหมม พิษถูกดูดเข้าเส้นเลือด

    เพราะฉะนั้นที่คุณควรทำคือ ตอนเช้าตื่นมาดื่มน้ำก่อนเลยครับ 2-5 แก้ว เพื่อเป็นการขับพิษออกจากร่างกายทางอุจจาระ ปัสสาวะ ที่ให้ดื่มทันทีเพื่อให้มีระยะเวลาห่างจากอาหารเช้าพอสมควร

    ก่อนอาหาร 15 นาที ระหว่างทานอาหาร และหลังอาหาร 40 นาที ทานน้ำได้ไม่เกินครึ่งแก้วครับ ในที่นี้หมายรวมถึงซุป น้ำแกง และของเหลวทุกประเภทนะครับ

    และอย่าดื่มน้ำครั้งละมากๆ ให้จิบครั้งละ 2-3 อึก แต่จิบถี่ๆ หาขวดน้ำแก้วน้ำมาวางไว้ข้างตัว จิบไปทั้งวันครับ ถ้ากินน้ำครั้งละมากๆผลก็คือ ร่างกายยังไม่ทันได้ดูดซึมก็ไหลรวดเดียวปัสสาวะออกไปหมดแล้ว อย่างนี้ดื่มน้ำมากแค่ไหนก็ยังหิวน้ำครับ เหมือนน้ำป่ามาครั้งเดียว ทะลักล้นเขื่อนออกไปหมด แล้วจะเอาอะไรกักเก็บไว้ในเขื่อนละครับ

    เหมือนทำยาก แต่จริงๆแล้วพอเริ่มทำมันก็ไม่ยากอะไรครับ ผมแต่ก่อนทานน้ำ 2-3 แก้วพร้อมทานข้าว ด้วยเหตุผลสารพัดที่เข้าใจผิดเช่น ควรกินข้าวพออิ่มและทานน้ำเพื่อให้อิ่มจริง หรือกินล้างปากสักหน่อย (กินกันเป็นแก้วล้างปากเนี่ยนะ) หรือต้องสั่งชอคโกแลตปั่นใส่วิปครีมมากิน กินแล้วหวานมันเย็นอร่อยแต่ส่งผลเสียต่อกระเพาะโดยไม่รู้ตัว เบียร์ก็อีกตัวครับ สังสรรค์กันทีกินเข้าไปสิกี่ขวดว่ากันไป ทุกวันนี้เลิกครับ ได้ข้อดีอีกอย่างคือไม่รู้จะเอาเวลาที่ไหนไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะมันควรกินแกล้มอาหาร เลยได้เลิกเหล้าเลิกเบียร์กันไป

    แต่ก่อนหลังทานข้าวเสร็จผมจะเรอตลอด ท้องอืดมาก ก็งง หรือว่าเรากินเยอะไป แต่บางทีกินไม่เยอะก็เรอตลอด เสียบุคลิกมาก พอมารู้ตรงนี้ถึงได้ถึงบางอ้อ กินน้ำเยอะอย่างนี้แล้วอาหารจะย่อยยังไงมันก็เลยเกิดลมเกิดแก้สซิ พอเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มน้ำใหม่ อาการเหล่านี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆครับ

    นอกจากนี้หลังอาหารยังไม่ควรทานผลไม่ล้างปากทันที อีกด้วยครับ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นทั้งหลาย เช่น ส้ม แก้วมังกร สาลี่ แตงโม เป็นต้น มีสองเหตุผลครับ หนึ่งเพราะว่าผลไม้จะย่อยเร็วกว่าอาหาร อาหารยังย่อยไม่เสร็จ ผลไม้ก็ค้างเติ่งอยู่ในกระเพาะ ร่างกายก็ดูดซึมสารอาหารจากผลไม้เหล่านี้ไม่ได้ พอไปถึงลำไส้ถึงคิวที่มันจะได้ดูดซึมมันก็เน่าเสียไปหมดแล้วครับ เพราะฉะนั้นถ้าจะทานผลไม้ควรทานก่อนหรือหลังอาหารสัก 1-2 ชม. ขณะท้องว่าง เพื่อให้ร่างกายได้ดูดซึมวิตามิน สารอาหารและไม่รบกวนระบบการย่อยอาหารด้วย เหตุผลที่สองคือ น้ำย่อยในกระเพาะถือว่าเป็นธาตุไฟครับ ถ้าทานผลไม้ฤทธิ์เย็นเข้าไปก็จะส่งผลให้อาหารย่อยไม่ดี เกิดวงจรอุบาทว์ดังเช่นข้างบนอีกเหมือนกัน


    .


    มาถึงข้อสุดท้ายแล้ว เป็นไงบ้างครับ คอตกรับผิดกันเป็นแถวเชียว ยังครับมารับรู้ความผิดของตัวเองกันในข้อนี้ต่อ ทานน้ำอะไรกันครับ บางคนชอบทานน้ำอัดลมมาก ดื่มทุกวัน ไตก็ต้องทำงานกรองน้ำให้สะอาดหนักกว่าเดิม เครื่องกรองน้ำยี่ห้อแอมเวย์สามารถกรองโค้กให้กลายเป็นน้ำเปล่าได้ แต่อายุการใช้งานไม่ถึงปีก็ต้องเปลี่ยนหัวกรอง ทว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนไตได้ครับ ถ้ายังอยากให้ไตอยู่คู่กับเรานานๆแล้ว คุณคงรู้ว่าต้องทำอย่างไร อีกอย่างน้ำอัดลมน้ำเป็นน้ำที่ผ่านกรรมวิธีทางเคมี ใส่น้ำตาลจำนวนมาก กินเข้าไปมีแต่ผลเสียครับ ยิ่งอัดแก๊สอีก กินเข้าไปท้องก็อืด การย่อยอาหารก็ไม่ดี เสียเงินไปทำร้ายร่างกายตัวเองเปล่าๆ

    พวกชาพร้อมดื่มบรรจุขวดก็เหมือนกันไม่มีอะไรนอกจากน้ำตาลและคาเฟอีนปริมาณมากผสมน้ำนำมาขาย แต่ถ้าเป็นชาจีนร้อนๆชงจากกาก็ควรจะเว้นระยะหลังอาหารสักครึ่งชม.ครับ เพราะชามีฤทธิ์เย็น ทำให้อาหารไม่ย่อย รวมทั้งยังส่งผลต่อร่างกายในการดูดซึมธาตุเหล็กและโปรตีนอีกด้วย กาแฟก็ไม่ควรทานอย่างที่เคยพูดไว้ บางคนเถียงข้างๆคูๆ "กาแฟหอมนะหมอ" หอมครับผมไม่เถียง แต่มันไม่ดีครับ เดี๋ยวไอเดียบรรเจิดไม่เป็นหมอแล้ว ผลิตยาดมรสกาแฟดีกว่า ท่าจะรุ่ง

    .


    ครบห้าข้อแล้ว โอย เหนื่อย เอนทรี่นี้ยาวเป็นบ้า แต่ก็จำเป็นต้องเขียน เพื่อประโยชน์สุขของมวลชน 555 ว่าไปนั่น ที่เขียนมาให้อ่านนี้เพราะหวังดีจริงๆครับ อยากให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างถูกต้องเพื่อจะได้ห่างจากโรคภัยไข้เจ็บ อย่างที่บอกครับ หมอไม่อยากรักษาคนไข้หรอกครับ และหมอที่ดีที่สุดคือตัวคนไข้เอง เพราะพวกผมไม่มีทางอยู่กับคุณได้ตลอด ความสำเร็จไม่ใช่ได้มาเพียงชั่วข้ามคืน แต่ต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน สุขภาพที่ดีไม่ใช่ว่าป่วยแล้วไปหาหมอ ได้ยามาทานแล้วหาย แต่เป็นหน้าที่ของตัวคุณเองที่ต้องดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง



    ขอให้พวกเราชนะโดยไม่จำเป็นต้องออกกระบวนท่าครับ

    .
    .
    .


    ขอบคุณไอเดียจาก คุณหมอแดง ทำให้ผมมองเห็นทางใหม่ๆในการรักษาโรค



    ปล. เขียนไปนึกถึงเพื่อนหลายๆคนไป

    คุณหมูดีครับ เอนทรี่นี้ยาวหน่อย อนุญาตให้แบ่งอ่านได้ครับ แต่ต้องอ่านนะครับ

    ฮาจิ คิดถึงแกนะ มีความรู้สึกว่าแกต้องกินน้ำผิดแน่ๆ อิๆ

    พี่รัตน์เอาไว้เตือนคนข้างตัวนะครับ

    โอ๊ะ เรื่องอาการภูมิแพ้ลองดูตัวเองสิว่ากินน้ำผิดแบบนี้หรือเปล่า

    ชะเอม อาการเป็นไงบ้างครับ พอจะทานน้ำได้อย่างที่บอกไหม

    โรส ตัดสินใจได้ยังอะ เงียบหายเชียว เป็นกำลังใจให้นะ

    นุช หายไปไหนอะ

    คิดถึงเพื่อนๆทุกคนนะครับ

    ปลล. If you trust me, if you love me ก็นำไปปฎิบัติตามนะครับ อีกอย่างความรู้ควรแบ่งปันครับ คนไม่รู้เรื่องนี้ยังมีอีกมาก ขอให้บอกต่อๆกันไป ขอบคุณครับ


    -------------

    ทำตามกันได้บ้างมั้ยคะ..... สารภาพว่า ผิดแทบทุกกรณี
    โดยเฉพาะเรื่องการทานน้ำระหว่างทานอาหารเนี่ย... มันชินจนไม่รู้จะชินยังไงแล้วค่ะ คงแก้ยาก
    ผลไม้ล้างปากหลังอาหารก็ห้าม ขนมหวานเย็นก็ห้าม T_____T/"
    แต่อย่างน้อยเดี๋ยวนี้ก็ไม่ทานน้ำเย็น ( ถ้าไม่จำเป็น.....) แล้วนะเอ้อ >_<

    ปล.มีเรื่องน่าสนใจในบล๊อกนี้อีกหลายอย่างเช่น

    วิธีการรักษาอาการเจ็บคอง่ายๆ ( ใครใจถึงทำแล้วได้ผลยังไงมาบอกด้วยนะคะ)
    <!-- m -->http://aunlamun.exteen.com/20060514/entry<!-- m -->

    คอมพิวเตอร์ VS ความงาม
    <!-- m -->http://aunlamun.exteen.com/20070407/entry<!-- m -->
  2. ultimaweapon

    ultimaweapon ULTIMA WEAPON

    EXP:
    4,247
    ถูกใจที่ได้รับ:
    8
    คะแนน Trophy:
    88
    สรุปง่ายๆว่า

    ทำผิดทุกข้อ.........ยกเว้นกินน้ำเปล่าข้อ 5

    โน่นก้ไม่ดี นี่ก็ไม่ได้ อยู่มาถึงป่านนี้ได้นะเรา =w=
  3. flamefox

    flamefox Well-Known Member

    EXP:
    2,755
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    88
    วิธีที่ถูกต้องคือ ในกรณีที่ไม่มีหลอดให้ดูด ให้อ้าปากก่อนดื่มน้ำครับ : )
  4. Angelnoballad

    Angelnoballad New Member

    EXP:
    1,088
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    0
    สุดยอด ความรู้ใหม่ของจริง

    ที่ปฏิบัติมานี่ ผิดเกือบหมดเลยนะเนี่ย =[]=!!

    ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ ครับ

    แต่มันออกแนวทฤษฎีซะมากจนปฏิบัติยากในชีวิตจริงอ่าฮะ

    เช่นข้อที่ว่า ต้องดื่มน้ำเป็นเวลาแบบนี้นะ แบบนั้นนะ - -

    ส่วนข้อ 5 นั่นก็ เลี่ยงได้จริงๆ ครับ

    มันก็...อุดมด้วยทฤษฎีจริงๆ แฮะ .... -w-
  5. ratatosk

    ratatosk All hile Kino!

    EXP:
    684
    ถูกใจที่ได้รับ:
    3
    คะแนน Trophy:
    88
    โดยส่วนตัวคิดว่า เว่อร์ ครับ...
  6. pop30711

    pop30711 New Member

    EXP:
    1,155
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ทำผิดข้อสองกับสามประจำ เพราะชอบกินน้ำเย็นมาก แล้วกินไป 6-7 แก้วเอง

    ข้อหนึ่งนี่ จำได้ว่าตอนอยู่ที่โรงพยาบาล พยาบาลบอกให้กินน้ำเยอะๆ แล้วก็เทน้ำไปสามแก้ว ทุกครั้งที่พยาบาลเข้ามา (เข้ามา 4-5 ครั้งได้) แล้วเก็บปัสสาวะไว้ไม่อยู่ เขื่อนแตกไปหลายรอบเลย

    ส่วนข้อสี่นี่ ผมชอบดื่มน้ำ หลังจากกินอาหารเสร็จนะ แต่ถ้ามันกระหายน้ำมาก ก็อาจซัดไปลูกเดียวเลยก็ได้

    แล้วปกติ ผมไม่กินน้ำอัดลมเท่าไหร่หรอก เมื่อก่อนกินแล้วปวดท้องอย่างหนัก เลยอคติแล้วไม่กินมันเลย ยิ่งแอลกอฮอล์ สุรา กาแฟ นี่ไม่เคยแตะ (ชาอาจมีบ้างตอนไปกินสุกี้ยากี้ที่อื่น)

    ปล.เห็นมีคนบอกว่ายิ่งกินน้ำผลไม้หรือผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ก็ทำให้เป็นนิ่วได้ จริงหรือเปล่าครับ
  7. tales

    tales อัครเทวดาแมวเหมียว

    EXP:
    546
    ถูกใจที่ได้รับ:
    6
    คะแนน Trophy:
    88
    นานๆทีจะคิดตรงกับกระรอก แต่ ดูท่าทางเว่อร์แปลกๆแฮะ ไม่รู้นะ ผมอาจจะผิดก็ได้


    ด้วยความเคารพ
  8. dominica

    dominica สิ่งมีชีวิตอ้วนกลม

    EXP:
    1,818
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    จะว่าไปก็อ่านแล้วดู อุดมคติ เกินความเป็นจริงเหมือนกันนะคะ
    แต่คิดว่าทฤษฏีก็คงจะจริงแหละค่ะ ส่วน ปฏิบัตินี่ขึ้นกับว่าใครทำข้อไหนได้ไม่ได้บ้าง... (ความเห็นส่วนตัวนะ)

    เพราะเหมือนเคยผ่านๆ ตาเรื่องนาฬิกาชีวิตมาบ้าง
    ที่ว่าช่วงเวลาไหน ควรทำอะไร เพราะระบบไหนในร่างกายกำลังทำงานนั้นๆอยู่ ถ้าเลยเวลาหรือผิดเวลา จะ รวน บลาๆ
    อ่านดูแล้วมันก็ซับซ้อนเกินกว่าจะใช้ปฏิบัติจริงเหมือนกัน
    แต่มันก็อาจจะเป็นข้อมูลจริง เพียงแต่ว่าไม่มีทางเป็นจริงใน คน1คนได้สมบูรณ์แบบก็ได้... ( งงมั้ยนะ ^^" )

    ส่วน
    ...

    มาดื่มใกล้ๆ นี่มะ ฟ่ออออออ *A* ~
    [action]ตั้งหม้อไฟจิ้งจอก[/action]
  9. kuraii

    kuraii Active Member

    EXP:
    569
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    อือ ทำแบบเบลอๆทุกข้อแฮะ
    เราไม่เคยคืดว่าดื่มน้ำเยอะดีหรอก เพราะเคยได้ยินว่าถ้ากินเยอะไปไตก็ทำงานหนักได้ สรุปแล้วกินแล้วแต่สถานที่มากกว่า ถ้าออกไปข้างนอกจะไม่กินเลยนะ
  10. shuu

    shuu Banned

    EXP:
    1,993
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ฟังหูไว้หูครับ...ดูว่าสมเหตุสมผลมีเปเปอร์รับรองรึเปล่า ถ้ามีคงไม่เว่อร์หรอกครับ :)
    แต่ข้อกาแฟ นอกจากน้ำตาล คาเฟอีนแล้วยังผสมเม็กมะขามด้วยนะ ไม่เชื่อลองกินกาแฟดำดู มันจะเปรี้ยวๆ
  11. topkun

    topkun New Member

    EXP:
    1,576
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ไม่สนหลักการ หิวขึ้นมาก็กินน้ำเท่านั้นแหละ

    อีกนัยหนึ่ง ยาวขนขี้เกียจอ่าน
  12. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    กินแต่พอดีก็โอเคแล้วแล เคร่งครัดมากไปแทนที่จะกินอาหารอร่อยจะพาลเครียดกันพอดี >_<"
  13. Nameless

    Nameless Member

    EXP:
    242
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    18
    ไม่ควรดื่มน้ำสะอาดเว่อร์ แบบกรอง ต้ม โอนโซนพิฆาต แล้ว ยังรีเวิร์สอีก (จะมีไหมเนี่ย...)

    เนื่องจากน้ำที่ปราศจากสารใด ๆ สะอาดสุด ๆ เวลาดื่มเข้าไปแล้ว ความเข้มข้นของน้ำจะน้อยกว่าน้ำที่อยู่ในร่างกายจนทำให้แร่ธาตุต่าง ๆ ในร่างกายจะแพร่กระจาย ตามหลัก ข้นไปหาจางกว่า ไหลออกพร้อมน้ำดื่มหมด ไป ๆ มา ๆ ร่างกายก็จะเป็นโรคขาดสารอาหารแทน

    แต่ถ้าดื่มน้ำมีแร่เยอะเกินไปก็เป็นนิ่วอีก .... เหนื่อย
  14. keechan

    keechan New Member

    EXP:
    205
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    เห็นด้วยฮ่ะ

    คิดว่าก็แหกกฏมาหมดทุกข้อ แต่ก็ยังไม่ตายนี่หว่า (ฮา)

    แต่ถ้าปฏิบัติตามก็อาจจะมีโรคภัยน้อยลง หรือมีอายุยืนมากขึ้นก็ได้นะ :) แต่น่าจะต้องประกอบด้วยปัจจัยอื่นด้วย เช่น กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การดื่มน้ำ 5 ข้อให้ถูกต้องที่ว่ามาดูเป็นปัจจัยเล็ก ๆ ในปัจจัยหลักน่ะค่ะ ซึ่งอาจจะไม่ส่งผลกระทบมากเท่าไหร่ (มั้ง?)
  15. shuu

    shuu Banned

    EXP:
    1,993
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ทุกอย่างต้องทางสายกลางแหละฮะ -w-.
  16. evol

    evol Well-Known Member

    EXP:
    951
    ถูกใจที่ได้รับ:
    2
    คะแนน Trophy:
    88
    1. คุณมีความเชื่อที่ว่าน้ำยิ่งดื่มเยอะยิ่งดีหรือไม่
    ผมว่าไม่นะคิดว่าควรดื่มแต่พอดี หรือเมื่อกระหาย

    2. คุณดื่มน้ำวันละกี่แก้ว
    ประมาณ ชม. ละ 1 แก้ว
    3. น้ำที่ดื่มเป็นน้ำเย็น, น้ำธรรมดา หรือว่าน้ำอุ่น
    น้ำเย็น
    4. ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนเป็นพิเศษไหม เช่น ดื่มตอนเช้า ดื่มระหว่างทานข้าว ดื่มก่อนนอน เป็นต้น
    ก่อนนอนจะดื่มเยอะมาก
    5. ปกติดื่มอะไร เช่น น้ำเปล่า น้ำอัดลม ชา กาแฟ เป็นต้น
    น้ำเปล่ากับน้ำผลไม้ (คั้นกันสดๆ)


    ถึงจะบอกว่าน้ำเย็นเป็นของต้องห้ามสำหรับร่างกาย แต่ผมคงลงแดงแน่ๆ ถ้าไม่ได้ดื่มน้ำเย็นเลย
    ยิ่งเวลามีไข้ไม่สบาย และไอหนักเป็นช่วงเวลาที่อดน้ำเย็นไปหลายวัน แต่พอได้ดื่ม (แน่นอนว่าแอบดื่ม)
    มันทำให้รู้สึกว่า โอ้วพระเจ้าจอร์จมันยอดมากเลยครับ (ฮา)
  17. Taki

    Taki Well-Known Member

    EXP:
    980
    ถูกใจที่ได้รับ:
    5
    คะแนน Trophy:
    88
    เราว่าเดินสายกลางดีกว่านะ เพราะว่ามันยากเหมือนกันนะที่จะทำตามที่เขียนมา
  18. ffpokemon

    ffpokemon Editor

    EXP:
    1,691
    ถูกใจที่ได้รับ:
    79
    คะแนน Trophy:
    113
    วันนี้มาแปลกแฮะ พี่เก้า (อัครเทวดานะ ไม่ใช่สองเจ็ด) เห็นด้วยกับพี่กระรอก แถมคุณ KeeChan เข้าไปอีกคน

    ส่วนตัวผมเห็นด้วยกับคุณ Shuu ครับ ต้องวิเคราะห์ดูดีๆ มีหลายอันอาจจะจริงก็ได้
    แต่เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย ผมจะขอออกความเห็นอย่างละเอียดนะครับ


    **เตือนก่อนอ่าน ผมไม่ใช่หมอ และไม่ได้เรียนเกี่ยวกับร่างกายมาเยอะนัก ดังนั้นอาจผิดได้ ควรคิดดีๆ ก่อน**

    1.ทุกอย่างต่างมีคุณและมีโทษ ต้องหาจุดสมดุลของมันครับ น้ำดื่มมากเกินไปกลับไม่ดีเสียอีกครับ เดี๋ยวผมจะมีสูตรให้คำนวณว่าวันหนึ่งเพื่อนๆควรดื่มน้ำแค่ไหน
    >> เรื่องกินมากไปมีโทษนี่จริงแน่นอนครับ (ขนาดผมไม่เชื่อเรื่องทางสายกลางนะ) แต่สูตรคำนวณนั่น ต้องหาแหล่งอ้างอิงก่อนจะเชื่อนะครับ

    2.เพราะช่วงเวลาที่ทานข้าวนั้น ร่างกายจำเป็นต้องอาศัยน้ำย่อยในการย่อยอาหาร เมื่อคุณกินน้ำเข้าไปเยอะๆแล้ว น้ำย่อยก็จะเจือจาง ก็เข้าสู่ระบบเดียวกับการกินของเย็น คืออาหารไม่ย่อย หมักหมม พิษถูกดูดเข้าเส้นเลือด
    >> รู้มัยครับว่าเซลล์ที่หลั่งกรดในกระเพาะนั้นมีกลไกควบคุม pH อยู่ครับ นั่นคือมันจะหลั่งกรดจน pH พอเหมาะ ถึงเราจะกินน้ำเข้าไปเยอะ มันก็จะหลั่งกรดมาให้ความเป็นกรดพอดีครับ ไม่มีทางน้ำย่อยเจือจางจนอาหารไม่ย่อยหรอก ไม่งั้นคนกินยาลดกรดเกินไปเม็ดนึงก็ตายพอดีครับ

    3.กระเพาะเมื่อเจอของเย็นเข้าไปการทำงานจะด้อยลงทันที เกิดเป็นอาหารไม่ย่อย อาหารบูดเน่าหมักหมมอยู่ในกระเพาะและลำไส้ ลำไส้ก็ดูดซึมของเสียจากกากอาหารพวกนี้กลับเข้าสู่เส้นเลือดต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะถ่ายอุจจาระออกจากร่างกายของเรา
    >> ถ้าจริงคนฝรั่งกับคนญี่ปุ่นก็ต้องตายกันหมดโลกแล้วล่ะครับ คนเราเป็นสัตว์เลือดอุ่น จะปรับอุณหภูมิร่างกายให้เป็น 37 องศาเสมอ สารในกระเพาะก็จะอุณหภูมิไม่ต่ำกว่านี้มาก ถึงกินไอติมเข้าไปมันก็จะโดนปรับอุณหภูมิภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหรอกครับ และนอกจากนี้ เอนไซม์ในกระเพาะนั้นยังทำงานได้พอควรแม้อุณหภูมิลดถึง 30 องศาครับ ดังนั้นข้อนี้มั่วมากครับ (ความจริงคืออาจมีผลเหมือนกัน แต่น้อยกว่าที่กล่าวไว้มาก)

    4.เรื่องธาตุไฟ ธาตุดิน ธาตุน้ำในร่างกายคน ไม่ใช่วิทยาศาสตร์นะครับ (ไม่ได้บอกว่าไม่จริงหรือไม่ดีนะ จะเชื่อก็ได้ แค่บอกว่าไม่ใช่วิทยาศาสตร์)

    5.เครื่องกรองน้ำยี่ห้อแอมเวย์สามารถกรองโค้กให้กลายเป็นน้ำเปล่าได้
    >> ลองชิมน้ำที่กรองออกมาดูก่อนครับ ว่าเค็มรึเปล่า... กรองให้ใสยังพอว่า แต่กรองจนเป็นน้ำเปล่านี่จะจริงรึ? จริงอยู่ว่าน้ำตาลสามารถกรองออกได้ด้วยแผ่นรูเล็กๆ เช่นแผ่นเซลโลเฟน แต่เกลือนี่ขนาดอนุภาคพอๆ กับน้ำเลยนะครับ จะกรองคงยากอยู่ (ความจริงมีวิธีอยู่ เช่นแลกเปลี่ยนอิออน แต่คงลำบากพิลึก)

    **บอกอีกรอบ ว่าผมไม่ใช่หมอ และอาจผิดได้ครับ**
  19. shuu

    shuu Banned

    EXP:
    1,993
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ^
    ^
    5.​เครื่องกรองน้ำ​ยี่ห้อแอมเวย์​สามารถ​กรองโค้ก​ให้​กลาย​เป็น​น้ำ​เปล่า​ได้
    อันนี้จริงครับ ไม่เค็มด้วยนะ เห็นมันตั้งๆอยู่ที่บ้านแต่อาจทำให้ไส้กรองเสียเร็ว มันคงไม่มีใครเอามากรองจริงๆหรอกฮะ -w- คงทดลองขำๆเฉยๆ อันนี้คงต้องไปดูใน youtube เอาเอง
    ถ้าอยากได้เดี๋ยวส่งลิงค์ให้หลังไมค์ครับ
  20. ffpokemon

    ffpokemon Editor

    EXP:
    1,691
    ถูกใจที่ได้รับ:
    79
    คะแนน Trophy:
    113
    ^
    ^
    ถ้าคุณ shuu ลองแล้วผมก็เชื่อ

    ตอนแรกกะจะขอร้องให้คุณ shuu ลองน้ำอื่นดูด้วย เช่นน้ำส้มสายชู... แต่คิดไปคิดมาอย่าดีกว่า เกรงใจครับ :p
  21. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    เพิ่งคิดขึ้นมาได้อีกอย่างว่า การดูแลร่างกายหรือสุขภาพมากไปก็ไม่ดีเหมือนกัน เพราะการรักษาสุขภาพเคร่งครัดมากๆ พาลจะทำให้ร่างกายไม่ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลง

    ถ้ายกตัวอย่างก็เช่น คนที่รักษาความสะอาดมากเกินไป ร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรคน้อยลง

    เพราะงั้นแม้แต่การรักษาสุขภาพเอง ก็ทำแต่พอดีไม่มากไปไม่น้อยไปจะดีกว่า >_<b
  22. Juno

    Juno New Member

    EXP:
    52
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    เคยได้ยินบ่อยๆเหมือนกันเรื่องทานน้ำเย็นระหว่างกินข้าว แต่ถ้าเกิดกินของเผ็ดๆขึ้นมา มันจะห้ามยังไงอยู่น่ะ (หรือจะห้ามกินของเผ็ดด้วยเลย)
    ปกติก็กินน้ำเย็นบ่อยอยู่แล้วด้วย ท่าทางจะแก้ยาก ตอนนี้เอาแค่ว่าอย่าทานน้ำเย็นหลังกินข้าวเสร็จทันทีให้ได้ก่อน สเตปต่อไปค่อยว่ากันอีกที
  23. jpenguin

    jpenguin Admin Staff Member

    EXP:
    2,537
    ถูกใจที่ได้รับ:
    93
    คะแนน Trophy:
    113
    เวลาเผ็ด เค้าว่าให้กินของที่มีโปรตีนนะ จะช่วยจับความเผ็ดได้ อย่าง นม น่ะครับ

    น้ำ ผมติดทานน้ำเย็นมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะครับ มันไม่ใช่แค่เรื่องการซึมซับน้ำเข้าร่างกายนะครับ แต่น้ำมันช่วยในการปรับอุณหภูมิของร่างกายด้วย อย่างวันร้อนตับแตก ก็ต้องกินน้ำเย็นฉ่ำนี่ล่ะครับ ส่วนที่บอกว่ามัีนทำให้อาหารไม่ย่อยเนี่ย คนเราเป็นสัตว์เลือดอุ่นนะครับ ถ้าไม่ได้จับเข้าห้องแช่แข็งเลย ร่างกายเราสร้างความร้อนเพียงพอย่อยอาหารอยู่แล้วล่ะครับ

    เพียงแต่ ระวัง อย่าทานน้ำ ชั่วโมงนึง ก่อน หรือหลังอาหาร ก็พอครับ
  24. gomora

    gomora Board Protector

    EXP:
    726
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    ของเผ็ด ให้ทาน นมหรือเนย เข้าไปมันจะไปเคลือนสารที่ก่อความเผ็ดเอาไว้ (แคปไซซิน) เนื่องจากว่า สารตัวนี้ มันจะไม่ละลายในไขมัน พอไม่ละลาย ก็ไม่ทำให้รู้สึกเผ็ด ไม่เชื่อลองดูได้ :D

    -- ข้อความข้างบนนี้ผิดนะครับ จริงๆแล้วแคปไซซินละลายได้ดีในไขมัน น้ำมัน และแอลกอฮอล์ครับ รายละเอียด ตามนี้ครับ
    [​IMG]
    ที่มา : http://www.biotec.or.th/biotechnology-th/newsdetail.asp?id=2278
    --

    ส่วนน้ำเย็น ในทางการแพทย์จีน เขาจะถือว่า
    เป็นสิ่งที่ทำให้ ธาตุร้อน - เย็นในร่างกายเปลี่ยนแปลงไป

    เวลาที่ทานอาหาร ร่างกายจะต้องย่อยอาหารทำให้เกิดความร้อนขึ้น
    ถ้าทานน้ำเย็นไป จะไปทำให้ประสิทธิภาพการย่อยอาหารต่ำลง

    ในเวลาทานอาหาร
    เขาเลยแนะนำให้ดื่มน้ำที่อุณหภูมิห้องปกติ จะเหมาะสมกว่า
  25. sichon

    sichon Board Protector

    EXP:
    255
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    สภาพร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน จะกะเกณฑ์ว่าต้องดื่มน้ำเท่านั้นเท่านี้เป๊ะๆ มันก็ผิดธรรมชาติแล้วล่ะครับ

Share This Page