[บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ ** อัพเดท ถึงภาค 8 **

กระทู้จากหมวด 'All Final Fantasy' โดย zieghart, 13 พฤศจิกายน 2007.

  1. Moidixmois

    Moidixmois New Member

    EXP:
    51
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    ชอบภาคแรกๆมากๆ
    1 2 3 4 5 6 มันส์
  2. zieghart

    zieghart New Member

    EXP:
    351
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    .
    มีบทความตอนพิเศษ เพิ่งเขียนเสร็จ เอามาแปะที่นี่เลยละกันนะครับ ^^
    .
    -------------------------------------------------------------------------------------


    Final Fantasy in Depth

    เปิดตำนาน "คาร์บังเคิล"

    Carbuncle...เจ้าหนูตัวเขียว กับอัญมณีสีแดงสด

    นับตั้งแต่มีการริเริ่มระบบมนตร์อสูรขึ้นมาใน Final Fantasy III…จวบจนถึงภาคปัจจุบัน เวทย์มนตร์สายอัญเชิญนี้ ก็ยังเคียงคู่กับซีรีย์มาโดยตลอด แม้จะมีการปรับเปลี่ยนชื่อเรียก เปลี่ยนแปลงแหล่งที่มา หรือปรับปรุงรูปแบบการใช้ไปมากมายแค่ไหนก็ตาม

    ในบรรดาสัตว์อสูรหลายสิบตัวนั้น มีอยู่หลายชื่อ ที่แฟนๆมักจะคุ้นหูกันดี และกลายเป็นเอกลักษณ์เจ้าประจำ ที่จะคอยโผล่มาให้เห็นหน้าค่าตากันอย่างสม่ำเสมอ โดยหนึ่งในนั้น จะมีอสูรตัวน้อยสีเขียว รูปร่างหน้าตาน่าเอ็นดูอยู่หนึ่งตัว ที่แสนจะขัดกับภาพลักษณ์ของเหล่าสัตว์อสูรอันทรงพลัง และจะคอยเสกคาถาสะท้อนเวทย์มนตร์กลับไปสู่ผู้ร่าย...ชื่อของมันคือ คาร์บังเคิล

    [​IMG]

    คำว่า คาร์บังเคิล (Carbuncle) ถูกใช้กันหลากความหมาย ในหลายวงการ ดังเช่นในแวดวงอัญมณี ก็อาจใช้เรียกถึงพลอยแดง หรือโกเมน (Garnet) เม็ดงามสด...แต่ที่มาของเจ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้ คาดว่าน่าจะมาจากเรื่องเล่าขานของชาวสเปน ถึงสิ่งมีชีวิตลึกลับในละตินอเมริกา ซึ่งมีรูปร่างเล็ก มีผลึกแดงงามยื่นออกมาจากศีรษะ และจะนำโชคดีมาสู่ผู้ที่ได้ครอบครองตัวมัน..

    คาร์บังเคิล ปรากฏตัวในฐานะสัตว์อสูรเป็นครั้งแรก ใน Final Fantasy V ในรูปของ Optional boss ที่เราสามารถพบได้ในปราสาท Exdeath ที่โลกของการัฟ

    [​IMG] [​IMG]

    เมื่อบัทซ์และพรรคพวกสามารถเอาชนะมันได้ คาร์บังเคิลจะยอมรับในความแข็งแกร่ง และติดตามเหล่าตัวเอก ในฐานะของ Summon level 4 ที่จะเสกคาถา Reflect ให้กับสมาชิกทุกคน

    เจ้าตัวจิ๋วนี้ ยังเป็นหนึ่งในกลยุทธสำคัญของหลายๆคน ที่จะใช้ป้องกันท่าเมก้า แฟลร์สุดอันตราย ในศึกปะทะมังกรบาฮามุตช่วงท้ายเกมส์อีกด้วย

    [​IMG]

    ใน Final Fantasy VI เจ้าจิ้งจอกตัวน้อย ก็ยังคงมีรูปร่างและความสามารถไม่ต่างจากเดิมนัก และเป็นหนึ่งในผลึกอสูร Espers ตัวหนึ่ง ที่เราจะได้รับมาจากโรงงานวิจัยของจักรวรรดิกัสโทร่า และยังสามารถเรียนเวทย์สายสนับสนุนต่างๆได้จากมัน ได้แก่ Reflect / Haste / Safe / Shell / Warp

    [​IMG] [​IMG]
  3. zieghart

    zieghart New Member

    EXP:
    351
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    Final Fantasy VIII คาร์บังเคิลกลับมาอีกครั้ง ในรูปแบบของอสูรพิทักษ์ (Guardian Force) ที่เราสามารถสั่ง Draw มาได้ในอีเวนท์ลอบสังหารแม่มด จากบอสกิ้งก่ายักษ์ Iguions แห่งเมืองเดลิง (Deling City) หรือมิเช่นนั้น ก็ต้องรอถึงปราสาทแม่มดอัลติมิเซียในช่วงท้ายของเกมส์

    [​IMG] [​IMG]
    [​IMG]

    Final Fantasy IX มีบทบาทในฐานะสัตว์มายา (Eidolon) ของเอย์โกะ และจะเสกคาถา Reflect ให้กับสมาชิกทุกคน โดยในภาคนี้ เราสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบคาถาสนับสนุนของคาร์บังเคิลได้ โดยติดตั้งเครื่องประดับต่างๆให้กับเอย์โกะ ได้แก่ Diamond – Vanish / Emerald – Haste / Moonstone – Shell

    [​IMG]

    Final Fantasy XI คาร์บังเคิลเป็นมนตร์อสูร Avatar ตัวแรกที่ผู้เล่นจะได้รับ ในฐานะของอาชีพ Summoner โดยหน้าที่หลักของมัน จะเป็นการร่ายเวทย์รักษาและสนับสนุนให้กับปาร์ตี้

    [​IMG]

    Final Fantasy XII บรรดา Espers แห่งโลกอิวาลิซได้เข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวแทนประจำลักขณาราศีทั้ง 12 และเป็นขุมพลังให้กับเหล่าตัวเอก...มนตร์อสูรจากภาคก่อนๆ จึงเปลี่ยนบทบาท กลายมาเป็นชื่อของยวดยานพาหนะมากมาย ที่บินฉวัดเฉวียนอยู่เหนือน่านฟ้า...และคาร์บังเคิลของเรา ก็กลายมาเป็นยานรบหุ้มเกราะ รูปร่างบึกบึนแข็งแรงไปด้วยประการฉะนี้

    [​IMG]
    [​IMG]

    นอกจากนี้ คาร์บังเคิลยังปรากฏตัวอีกในภาคย่อยๆหลายๆภาค เช่น Final Fantasy XII Revenant wings (เป็นหนึ่งใน Summons สาย Healing ที่สำคัญและหาได้ยากยิ่ง)/ Final Fantasy Tactics Series (มนตร์อสูรที่ยังคงทำหน้าที่ประจำของตัวเองในการเสก Reflect ได้อย่างซื่อสัตย์)/ Chocobo Series (ในฐานะผลึกอสูรในภาค Dungeon, ในฐานะไอเทมสนับสนุนในภาค Dices หรือในฐานะการ์ดพิเศษที่ได้จากเควสย่อย ในภาค Tales เป็นต้น)

    ...แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ไปบ้าง ต่างกรรมต่างวาระ แต่มันก็ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เดิมๆ ที่เป็นสิ่งมีชีวิตตัวน้อย มาพร้อมอัญมณีสีแดงสดอยู่กลางหน้าผาก และเป็นที่จดจำของเหล่าแฟนๆมาจนถึงปัจจุบัน...ไม่ว่าคนจะมองประโยชน์ของมันไว้มากหรือน้อยก็ตามที…

    [​IMG] [​IMG]

    ..........
    ...............
    ......................
    ทิ้งท้ายไว้ก่อนจาก...หากจะกล่าวถึง”คาร์บังเคิล”ในฐานะชื่อเฉพาะชื่อหนึ่งแล้วนั้น...ตัวมันได้เคยเดบิวไปครั้งแรก ตั้งแต่ Final Fantasy III ในฐานะหนึ่งในศัตรูชุดแรกสุด ที่อยู่ภายในถ้ำ Altar Cave ช่วงเริ่มเกมส์...ด้วยรูปร่างที่แตกต่างไปจากความทรงจำของพวกเราโดยสิ้นเชิง !

    [​IMG] [​IMG]

    คาร์บังเคิลตัวนั้น ย่อมมีที่มาและความหมาย แตกต่างจากคาร์บังเคิลรุ่นหลังๆเป็นแน่แท้...และหากพิจารณาจากรูปลักษณ์ที่เป็นก้อนผิวขรุขระ มีตาปูดโปนน่าเกลียดน่ากลัว และน้ำหนองไหลเยิ้มแล้ว...

    [​IMG]

    ...คาดว่าตัวมัน น่าจะมีที่มาจาก โรคผิวหนังชนิดหนึ่ง ที่คนทั่วไปรู้จักกันในชื่อของ “ฝีฝักบัว” (Carbuncle) ครับ เป็นการอักเสบของต่อมไขมันและรูขุมขน ทำให้เกิดเป็นตุ่มหนอง บวมแดง กดเจ็บ หลายๆหัว...เช่นเดียวกับคาร์บังเคิลออริจินอลตัวนี้เลย อา...ขอบคุณ SQEN...ที่เปลี่ยนให้มันกลายมาเป็นอสูรเจ้าประจำของซีรีย์ ในรูปแบบน่ารักน่ากอดดังเช่นทุกวันนี้...

    [​IMG]

    See you....'Til next time !!

    ----------------------------------------------------------------------------------
    Special Thx: รูปภาพ และแหล่งข้อมูลบางส่วนจาก

    <!-- m -->http://www.rpgeternity.altervista.org<!-- m -->
    <!-- m -->http://home.nakhon.net/pipe<!-- m -->
    <!-- m -->http://www.rpgclassics.com<!-- m -->
    <!-- m -->http://www.ffcompendium.com<!-- m -->
    <!-- m -->http://www.wikipedia.org<!-- m -->
  4. ultimaweapon

    ultimaweapon ULTIMA WEAPON

    EXP:
    4,247
    ถูกใจที่ได้รับ:
    8
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    เห็นทีแรกที่ thaiffplanet ไม่เห้นชื่อว่าใครเขียนแต่พอเดาได้ว่าต้องหมอแหงๆ เล่นโยงไปถึงโรคฝีได้

    โดยรวม gooood = =b
  5. shinya

    shinya Active Member

    EXP:
    625
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    ชอบคาร์บังเคิลภาค8ล่ะ หูยาวๆ หางเป็นพวง น่าจับดึงเล่นเป็นที่สุด>w<

    แต่ที่มาช่างชวนให้ช็อกซะจริง ^^" (ไอ้อัญมณีแดงๆบนหัวนั่นสินะ.....)

    ได้ความรู้ทางการแพททย์ควบอีกหนึ่ง ขอบคุณหมอปัดค่ะ^^
  6. yagyami

    yagyami New Member

    EXP:
    20
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    1
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    เดี๋ยวจะลองอ่านบทความของท่านดูนะ
    ยังไง Final ก็คลาสสิกเสมอ
  7. prockdj

    prockdj Member

    EXP:
    358
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    ผมเห็นครั้งแรกสุดคือภาค 8 นึกว่ากระต่าย(น่ารักมาก)

    แต่ภาพนี้คาบังเคิล(ภาค5)เหมือน เซลจากดราก้อนบอลอ่ะ(เซลร่างแรกอ่ะนะ) :scare:

    [​IMG]

    credit : ffcompendium
  8. hoomupoo

    hoomupoo New Member

    EXP:
    171
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    อยากให้ถึงภาค XII เลยๆจังเลย *-*

    บทความเยี่ยมมากครับ มีอธิบายถึงตัวละครที่เป็นเอกลักษณ์ของ FF ด้วย
  9. mogca

    mogca モーグリ:零式

    EXP:
    3,681
    ถูกใจที่ได้รับ:
    44
    คะแนน Trophy:
    98
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    เล่น F3 NDS อยู่ครับช่วงนี้ ฮาตรึมมากๆเวลาเจอคาร์บังเคิลโผล่ออกมา...

    เป็นการเดบิวที่สมบูรณ์แบบมากนะนาย...

    กลัวแฟนๆจะรอนานกับ FF4 เลยเอาไอ้นี่มาแก้อยากก่อนรึหมอปัด...;)
  10. unthezero

    unthezero New Member

    EXP:
    14
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    ดีมากๆ เลยครับ จะติดตามอยู่เรื่อย
  11. princess

    princess New Member

    EXP:
    322
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    มาติดตามต่อค่ะ ยังคงรอภาคสิบต่อไป อีกนานแหงๆ =w=
  12. pop30711

    pop30711 New Member

    EXP:
    1,155
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    ดีมากเลยครับ จะติดตามต่อไปเรื่อยๆครับ
  13. zieghart

    zieghart New Member

    EXP:
    351
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    .
    ...คือ พี่ Mog ครับ...จริงๆบทความนี้ กะลังเขียนภาค 6 อยู่ล่ะ แต่ผมลืมเอามาโพสต์ต่อที่นี่ ^^; ...เอาเป็นว่า ขอแปะภาค 4 ต่อละกัน มีการแก้ไขด้วยนะเออ ถือว่าอ่านช้าหน่อย แต่เป็นเวอร์ชัน Director's cut ละกัน :E ...ตั้งแต่ภาคนี้ไป ยาวมากๆเลยนะ จะบอกให้
    .
    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    .

    One born of a dragon bearing darkness and light. Shall rise to the heavens over the still lands

    ~ Mysidian legend ~


    .

    [​IMG]

    Final Fantay IV - The Contrary กระจกสองด้าน ดาบสองปลาย และหัวใจสองเรา

    Prologue

    ณ ช่วงเวลาหนึ่ง เมื่อเนิ่นนานมาแล้ว...อารยธรรมบนดาวเคราะห์น้อยที่แสนห่างไกล ได้ผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความเจริญถึงขีดสุด และกำลังก้าวเข้าสู่ความล่มสลายตามวัฏจักรแห่งชีวิต...

    ชนทั้งผอง ไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากอพยพย้ายถิ่น เพื่อหาที่ลงหลักปักฐานใหม่...ด้วยเทคโนโลยีที่แสนก้าวไกล ทำให้พวกเขาใช้เวลาไม่นานนัก ก่อนจะมาค้นพบสถานที่ซึ่งเหมาะสมยิ่ง ที่จะเป็นสวรรค์แห่งใหม่ของพวกตน...ดาวเคราะห์สีฟ้าสด ซึ่งถูกขนานนามว่า "โลก" นั่นเอง

    แต่น่าเสียดาย ที่บนโลกแห่งนั้น กลับมีสิ่งมีชีวิตจำนวนมาก อาศัยอยู่ก่อนแล้ว และต่างกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญ ที่จะวิวัฒนาการสู่ความก้าวหน้าในภายหลัง

    ด้วยความเป็นสิ่งมีชีวิตที่รักสันติและทรงภูมิปัญญา...ผองชนแห่งอารยธรรมที่ดับสูญนั้น ต่างคาดหวังว่า ในท้ายที่สุด สิ่งมีชีวิตบนโลกสีฟ้า จะเติบโตขึ้นจนทัดเทียมพวกตน ทั้งทางความคิดและจิตวิญญาณ...หากถึงตอนนั้น ทั้งสองเผ่าพันธ์ ก็คงจะได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติ...ตัดสินใจได้แล้ว พวกเขาก็ลงหลักปักฐานบนดวงจันทร์ที่สร้างขึ้นวนเวียนอยู่รอบโลกแทน และเข้าสู่ภาวะจำศีลเป็นเวลาเนิ่นนาน เพื่อรอคอยวันแห่งโชคชะตานั้น...อย่างเงียบงัน

    ...เมื่อเวลาผ่านไป "ชนเผ่าจันทรา" - ลูนาเรียน (Lunarian) นี้ ก็กลายเพียงแค่เรื่องเล่าขาน ที่ถูกถ่ายทอดจากปากสู่ปากเพียงเท่านั้น...

    [​IMG]

    Incomplete slumber

    ...ทว่า หนึ่งในชนเผ่าจันทรานั้น กลับมีคนผู้หนึ่ง ที่มิยอมจะเสียเวลาเฝ้ารออย่างไร้ความหมาย และลดตัวไปอยู่ระดับเดียวกับชาวโลกผู้ต่ำต้อย...นามนั้นคือ "เซมุส" (Zemus) ผู้ยืนยันเสียงแข็ง จะปลุกสุดยอดอาวุธทำลายล้าง "หุ่นยนตร์ยักษ์แห่งบาเบล" ขึ้นมา หมายจะกวาดล้างชีวิตบนดาวเคราะห์สีฟ้าให้พินาศ เหลือเพียงซากศพ และผืนดินให้แก่ชนเผ่าของตนเท่านั้น...

    เคราะห์ดี ที่สองพี่น้อง ผู้พิทักษ์แห่งลูนาเรียน นาม "ฟุซูยะ" (FuSoYa)และ "คุลูยะ" (KluYa)ได้จัดการผนึกเซมุสที่กำลังบ้าคลั่ง ให้เข้าสู่ภาวะจำศีลได้ในที่สุด...

    ฟุซูยะจอมปราชญ์ รับหน้าที่เฝ้ารักษาร่างของเหล่าลูนาเรียนทั้งผอง เพื่อให้แน่ใจว่า เมื่อถึงคราวที่เพื่อนพ้องลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง จะได้พบกับโลกแห่งความฝันที่แท้จริง

    คุลูยะผู้รักอิสระ ตัดสินใจมาใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์เพียงลำพัง ทั้งถ่ายทอดความรู้ และพัฒนาดวงดาวให้ก้าวหน้า ก่อนที่จะเสียชีวิตลง...ไม่นานนัก หลังจากได้ทิ้งทายาทสองคนไว้กับสตรีชาวโลก คนรักของตน

    แล้วเซมุสผู้จองหองเล่า ?...หลังจากที่ถูกบีบให้อยู่ในภาวะจำศีล...สิ่งที่ยังคงพุ่งพล่านอยู่ ก็มีเพียงจิตวิญญาณอันดำมืด ที่พร้อมจะทำทุกวิถีทาง ให้ความปรารถนาแต่ครั้งก่อนของตนเป็นความจริง...ทำลายทุกชีวิต สร้างสวรรค์ของพวกตน...

    ...แล้วเวลาก็ผ่านพ้นไป...

    [​IMG]

    Trembling Pride

    เซซิล ฮาร์วีย์ ยอดอัศวินดำฝีมือฉกาจแห่งประเทศมหาอำนาจ บารอน...ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้นำกองกำลังทางอากาศเพียงหนึ่งเดียวบนพื้นพิภพ..." กองพันปีกแดง" - Red Wings...ด้วยเพลงดาบแห่งความมืดที่แข็งแกร่ง และด้วยแสนยานุภาพทางอากาศที่ไม่มีใครทัดเทียมได้...เซซิล ภายใต้คำสั่งของราชาแห่งบารอน ผู้เลี้ยงดูตนมาตั้งแต่ยังเล็ก...ก็นำทัพพิชิตเหนือใต้อย่างเกรียงไกร...

    หากแต่เพียงว่า ระยะหลังมานี้ ความภาคภูมิใจของเขา กลับค่อยๆสั่นคลอนไปทีละน้อย...เมื่อได้เข่นฆ่าผู้คนมากเข้า และถึงขั้นช่วงชิงสมบัติชิ้นสำคัญอย่าง "คริสตัล " มาจากประชาชนที่ไม่มีทางสู้แล้ว...ตัวเขาก็ได้กลับมาตั้งคำถามกับตัวเองเป็นครั้งแรกว่า...สิ่งที่ตนกระทำ เป็นสิ่งที่ถูกต้องจริงหรือ? การมุ่งมั่นทำตามคำสั่งผู้มีพระคุณ สำคัญกว่าน้ำหนักของชีวิตของคนอื่นจริงรึไม่?

    ดาบที่กำแน่นอยู่ในมือ ลูกน้องที่อยู่ในสังกัด และกองทัพที่อยู่ใต้ปกครอง...ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ น่าจะมีค่า มีศักดิ์ศรี มากเกินกว่าจะถูกลากเข้ามา กระโจนลงสู่ก้นบึ้งแห่งความรู้สึกผิดของตัวเขาเอง...

    ทุกครั้งที่ได้รับฟังคำปลอบโยนจาก ซิด - ยอดวิศวกรผู้พัฒนาเรือเหาะ ซึ่งรักและเลี้ยงดูตัวเขาเหมือนเป็นลูกแท้ๆ...

    ทุกครั้งที่ได้รับความมุ่งมั่นจาก ไคน์ - อัศวินมังกรฝีมือฉมัง สหายคนสนิท อีกเสี้ยวของชีวิตที่แสนสำคัญ...

    และทุกครั้งที่ได้มองเห็นถึงความห่วงใยที่สะท้อนในแววตาของ โรซ่า - จอมเวทย์ขาวผู้อ่อนโยน คนรักที่ไม่มีใครมาแทนที่ได้...

    เมื่อนั้น...หัวใจที่ควรจะหยาบกร้านของเขา ก็พลันสั่นไหวอย่างรุนแรง...

    เมื่อนั้น...แม้อัศวินดำ ผู้กวัดแกว่งเพลงดาบแห่งความมืด ก็พลันหวาดกลัวความชั่วร้าย ที่กำลังจะเกาะกุมตัวตนของเขาเอง !!

    [​IMG]
  14. zieghart

    zieghart New Member

    EXP:
    351
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    .
    Contrast in Harmony

    ภายหลังภารกิจกวาดล้างหมู่บ้านนักเรียกอสูรอันสุดจะทานทน...เซซิลและไคน์ ตัดสินใจที่จะยึดมั่นคุณธรรรมของตนเอง พวกเขาหันดาบเข้าใส่อาณาจักรบารอน...เตรียมใจที่จะต่อสู้กับผู้ที่เลี้ยงดูพวกเขามา...แต่เหตุการณ์กลับพลิกไปอีกทางหนึ่ง เมื่อจอมเวทย์ลึกลับ นามว่า กอลเบซ (Golbez) ปรากฎตัวขึ้นมา รับผิดชอบกองพันปีกแดงต่อจากเขา...และเริ่มแผนการ บุกรุกขยายอำนาจ ช่วงชิงก้อนคริสตัลแห่งธาตุอันยิ่งใหญ่อีกครั้ง

    ด้วยความเชื่อมั่นว่า บุรุษผู้ชั่วร้ายนี้ ต้องอยู่เบื้องหลังความเปลี่ยนแปลงของอาณาจักรบารอน และด้วยความใคร่รู้ อยากจะเข้าถึงความสำคัญที่แท้จริงเบื้องหลังก้อนคริสตัล...เซซิลตัดสินใจ ไล่ตามปกป้องคริสตัลทั้ง 4 ก่อนที่สิ่งเลวร้ายใดๆจะเกิดขึ้น

    ชีวิตของอัศวินดำไม่ได้ง่ายดายเลย หลังจากกระจัดกระจายจนต้องแยกจากเพื่อนพ้อง...ตลอดการเดินทาง ตัวเขาต้องสูญเสียสหายศึกไปมากมาย...ทั้งได้พบเจอ...ทั้งได้ลาจาก และน่าเศร้านัก ที่คนเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเจ้าชาย นักรบ นักปราชญ์ รึกระทั่งเด็กน้อย...ก็ล้วนเกี่ยวข้องกับหายนะจากการไล่ตามคริสตัล ที่ตัวเขาเป็นผู้เริ่มก้าวแรกนั่นเอง

    ไม่นานเกินรอ...การเผชิญหน้ากับยอดจอมเวทย์ กอลเบซ ก็มาถึง...การโจมตีใดๆก็ไม่อาจเอาชนะอมนุษย์ตนนี้ได้เลย...ยังมิต้องกล่าวถึงอสูรกายแห่งธาตุทั้งสี่ (Elemental Lords) ที่อยู่ข้างกาย และมือขวาคนสนิทของกอลเบซ...อัศวินมังกรผู้ถูกควบคุมด้วยมนตร์สะกด...ไคน์...สหายรักของเขานั่นเอง !!

    [​IMG]

    Surpass Thyself

    หลังการพ่ายแพ้อย่างหมดรูป เซซิลได้เผชิญหน้ากับบาปที่ฝังลึกอยู่ภายใต้จิตใจของเขา และเรียนรู้ว่า ความมืดมิด ย่อมไม่สามารถต่อกรกับความมืดมิดได้...ถ้าหากว่าจะมีซักทางที่จะเผชิญหน้ากับด้านมืดอย่างกอลเบซ...นั่นก็หมายความว่า เขาจะต้องเปลี่ยนแปลงไปยังขั้วตรงข้าม...จะต้องรับพลังแห่งด้านสว่างไว้กับตัวเท่านั้น...

    เซซิลต่อสู้กับความมืดของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย และได้กลายเป็น"พาลาดิน" อัศวินแห่งแสงสว่างในที่สุด...ณ ตอนนี้ เขาก็มีคุณสมบัติพร้อมที่จะต่อกรกับกอลเบซแล้ว เขาทวงสิ่งต่างๆที่ถูกช่วงชิงไปกลับคืนมาได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงเพื่อนสนิทและคนรักของตัวเอง...แต่น่าเสียดาย...ภารกิจไล่ล่า "คริสตัลแห่งแสงสว่าง" ทั้ง 4 บนโลก จบลงด้วยความล้มเหลว...พาลาดินหนุ่มและผองเพื่อน ก็ยังไม่ย่อท้อ ไล่ล่าตามไปถึง"คริสตัลแห่งความืด" อีก 4 ที่อยู่ใต้ผืนโลก ด้วยความหวังจนหยาดสุดท้ายว่า จะหยุดยั้งแผนการของกอลเบซให้จงได้ !!

    ...อีกครั้ง...ที่เหล่านักรบต้องผิดหวัง...

    ความมืดช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน มันสามารถแทรกซึมไปได้ทุกหนแห่ง ไม่เว้นแม้แต่การค้นลึกไปในหัวใจของคน...ไม่เว้นแม้แต่ความรู้สึกที่เก็บงำอยู่ลึกที่สุด..อย่าง...ความรัก...ความรักต้องห้าม...ความรักที่ไม่สมควรจะมี...ความรักที่ควรจะเก็บไว้อยู่แค่เพียงในจินตนาการของตนเอง...

    ไคน์ ไฮวินด์ ถูกครอบงำโดยด้านมืดอีกครั้ง...ด้วยความรู้สึกริษยาที่มีต่อเพื่อนสนิทข้างกาย...ด้วยความรู้สึกเกินเลยที่มีต่อแฟนสาวของเพื่อนรัก...เซซิลไม่เคยล่วงรู้เลยซักนิดว่า...ไคน์อิจฉาตนแค่ไหน...และปรารถนาตัวโรซ่ามากเพียงไร !!

    [​IMG]

    คริสตัลสองขั้วทั้ง 8 ก้อน ถูกกอลเบซครอบครองได้หมด...แผนการสร้าง"เส้นทางสู่ดวงจันทร์" ที่เจ้าตัวเคยกล่าว ก็ได้เริ่มต้นขึ้น กอลเบซมุ่งหน้าไปยังดวงจันทร์...ในเวลาเดียวกับที่เซซิลได้รับความร่วมมือจากชนเผ่าโบราณมิซีเดีย-ชนเผ่าที่เขาแย่งชิงคริสตัลก้อนแรกมาด้วยมือที่เปื้อนเลือด- ให้ปลุกเรือเหาะยักษ์ในตำนาน ผลงานของชาวลูนาเรียนคนแรกที่มาอาศัยยังโลกมนุษย์...เรือเหาะ"วาฬจันทรา" - The Lunar whale ของคุลูยะนั่นเอง...

    ณ ปราสาทคริสตัลบนดวงจันทร์ เซซิลได้พบกับผู้พิทักษ์แห่งชนเผ่าจันทรา...จอมปราชญ์ฟุซูยะ...เขาได้รับรู้ถึงความเป็นมาอันน่าทึ่งของชาวเผ่าจันทราเป็นครั้งแรก เริ่มตั้งแต่เรื่องราวครั้งอารยธรรมล่มสลาย ไล่มาจนถึง เศษซากความนึกคิดอันชั่วร้ายของเซมุส ที่ยังคงพุ่งพล่านอยู่ ณ ใจกลางดวงจันทร์...ที่น่าตะลึงก็คือ...ความนึกคิดนั้น มีพลานุภาพขนาดที่สามารถครอบงำ และบงการผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย...ซึ่งหุ่นกระบอกตัวสำคัญ ที่ถูกเซมุสควบคุมอยู่ และทำหน้าที่เป็นแกนหลักของแผนการกวาดล้างโลกสีครามนั้นก็คือ...กอลเบซ !! ชายผู้สืบสายเลือดจากชนเผ่าจันทรา...ชายผู้เป็นบุตรคนโต ของผู้พิทักษ์คุลูยะผู้ล่วงลับไปเมื่อเนิ่นนาน !!!

    [​IMG]

    Behind the cover

    Final Fantasy IV - บทแห่ง "ความขัดแย้ง" - นั้น เป็นภาคที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของซีรีย์อย่างชัดเจน เมื่อย้ายมาสู่เพลตฟอร์มที่ดีกว่า...จากเครื่องแฟมิคอม สู่ซูเปอร์แฟมิคอม...ทั้งกราฟฟิค ระบบเสียง และความแน่นของเนื้อหา ทำให้ตัวเกมส์ สามารถใส่หลายๆองค์ประกอบดังกล่าวลงไปได้อย่างเต็มที่ ไม่ถูกจำกัดด้วยปัจจัยทางเทคโนโลยีเหมือนภาคที่ผ่านๆมา

    ระบบการเล่นที่เปลี่ยนจากแบบ"ผลัดกันเลือกคำสั่ง" (Turn base) เป็นระบบ"ช่วงชิงเวลา"(Active time battle - ATB) ที่ผู้เล่นจะมีเวลาที่จำกัดในการเฝ้ารอคอย และเลือกออกคำสั่งให้กับตัวละคร ก็นับเป็นการพลิกโฉมหน้าของระบบการต่อสู้ในรูปแบบเดิมๆ ให้มีความสมจริง และเพลิดเพลินมากยิ่งขึ้น

    ที่สำคัญ นี่เป็นภาคที่ตัวละครฝ่ายเรา สามารถเข้าร่วมการต่อสู้ได้มากที่สุด สูงถึง 5 คนเลยทีเดียว...ทำให้มีการปรับสมดุล ให้ฝั่งศัตรู ก็มีปริมาณที่มากขึ้น และมีพลังชีวิตที่สูงขึ้นตามไปด้วย

    ...หากจะกล่าวถึงจุดเด่นของภาค 4 นี้ ก็คงต้องพุ่งประเด็นหลักไปที่ส่วนของ"ตัวละคร"เป็นสำคัญ เพราะแม้ว่า ระบบการเปลี่ยนอาชีพอย่างอิสระ จะเปลี่ยนเป็นการมีอาชีพติดตัว เปลี่ยนแปลงไปเฉพาะตามเนื้อเรื่องหลัก...และการดำเนินเนื้อเรื่อง ที่เป็นเส้นตรง ยากจะพลิกแพลง...แต่สิ่งที่ได้กลับมา คือการสร้าง"ความเป็นตัวตน" (Identity) ที่มีเอกลักษณ์ของตัวละครแต่ละตัวเป็นครั้งแรก

    แม้แต่เหล่าตัวละครประกอบ ก็ยังถูกสร้างให้เป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของภาค ดังเช่น เนมมิ่งเวย์( Namingway) แห่งชนเผ่าฮัมมิ่งเวย์ ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากดวงจันทร์...ก็ยังปรากฎตัวอยู่ตลอดทั้งภาค เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เล่น สามารถเข้าไปพูดคุย และเปลี่ยนแปลงชื่อของบรรดาตัวละครหลักได้อย่างอิสระ

    ...จากการตัดสินใจปูพื้นฐาน"อารมณ์"ที่ละเอียดอ่อน และกล้าที่จะจับประเด็นเรื่อง"ความนึกคิด"ของเหล่าตัวละคร ทำให้ผู้เล่นสามารถสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ที่จำเพาะ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน...อาจบอกได้เลยว่า นี่น่าจะเป็นภาคแรกของซีรีย์ ที่เรามีเหล่าตัวละครที่ดู"มีตัวตน" "จับต้องได้" และ"เข้าถึงได้"โดยแท้จริง

    ด้านพลอตเรื่อง แม้จะปฎิเสธไม่ได้ว่า FF4 ได้รับอิทธิพลมาจากนิยายและภาพยนตร์ไซไฟคลาสสิคหลายต่อหลายเรื่อง แต่ด้วยการดำเนินเนื้อเรื่องที่ผสมกลิ่นอายแฟนตาซี และการใส่บรรยากาศที่มีมนตร์ขลัง แทรกเข้าไปตลอดทั้งเรื่อง...ทำให้ท้ายที่สุด...มันก็ถือกำเนิดใหม่ เป็นเกมส์ภาษาสัญชาติตะวันออก ที่มีส่วนผสมทั้งความโรแมนติก ความหวานเลี่ยน ความดุดัน และความงดงามที่ลงตัว...เป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีทางซ้ำใคร และจะไม่มีใครสามารถลอกเลียนได้เลย

    [​IMG]

    .................

    ..........................

    .................................

    Last Page's story -Twisted bloodline

    ณ ปราสาทคริสตัลที่ตั้งตะหง่านอยู่ใจกลางดวงจันทร์...เซซิลได้ตระหนักถึงความจริงอันน่าพรั่นพรึงอีกหนึ่งข้อ...ว่าผู้ที่สามารถยุติเรื่องราวทั้งหมดนี้ได้ อาจจะมีเพียง...อีกหนึ่งทายาทคนสำคัญของคุลูยะ...ลูกครึ่งคนน้อง ผู้สืบทอดเชื้อสายจากผู้พิทักษ์ชาวลูนาเรียน กับหญิงสาวชาวโลก...น้องชายของกอลเบซผู้พี่...เซซิล...พาลาดินแห่งแสงสว่าง...ตัวเขานั่นเอง !!!

    หุ่นยักษ์แห่งบาเบลถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง โลกกำลังนับถอยหลังสู่จุดจบ...กอลเบซหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง...เซมุสยิ้มน้อยๆอย่างเย้ยหยัน...ในวันนั้น...เซซิล ตัดสินใจอย่างแน่วแน่...เหล่านักรบเดินทางกลับสู่โลกในทันที...การเผชิญหน้าระหว่างสองพี่น้องผู้ยืนอยู่คนละฝั่งของความถูกต้อง กำลังจะเริ่มต้นขึ้น...ปมแห่งความขัดแย้งของเรื่องราว...กำลังขมวดเข้าสู่บทสรุปสุดท้าย !!!

    [​IMG]

    Beyond Good and Evil

    ...ความเพ้อฝันบทที่ 4 นี้ เน้นหลักไปที่ประเด็นของ"ความขัดแย้ง" เสียมาก ทั้งความขัดแย้งระหว่างคนข้างกาย ความขัดแย้งภายในหัวใจของตน ความขัดแย้งระหว่างสายเลือด ความขัดแย้งระหว่างแสงและเงา...จวบจนถึงความขัดแย้งที่อยู่คนละระนาบของความถูกต้อง...เฉกเช่นเดียวกับสองด้านของภาพที่สะท้อนจากกระจกเงา รึสองด้านของคมดาบที่ต่างก็เสียดแทงผู้เป็นนาย...ไม่มีใครสามารถระบุได้ชัดแจ้งว่า...ด้านสองด้านที่ไม่มีทางได้พบเจอกันนี้...ด้านไหนจะถูก หรือด้านไหนจะผิด...ความมืดคือคำตอบสุดท้ายรึ? หรือแสงสว่างคือความถูกต้อง?...

    ....มนุษย์โลกเหม่อมองดวงจันทร์มานานแสนนาน แต่ก็สามารถชื่นชมมันได้เพียงแค่ด้านเดียว...ด้านที่หันเข้ามาหาพวกเรา...แล้วอีกด้านที่พวกเราไม่เคยไม่เห็นเล่า? จะแฝงไปด้วยความชั่วร้าย หรือความดีงามกันแน่...ย่างก้าวที่ 4 นี้ นำพาความเพ้อฝันของพวกเรา ให้หลุดออกไปไกลจากกรอบของจินตนาการอีกหนึ่งขั้น...ผ่านมานานปี...สิ่งที่พวกเราเคยคาดหวัง ก็ได้เป็นจริงขึ้นมา...ความเพ้อฝัน ที่ก้าวไปไกล...สู่ห้วงอวกาศอันไกลโพ้น...

    ...ช่างเป็นความขัดแย้งที่...น่าจดจำเหลือเกิน ...


    แด่ความเพ้อฝัน ที่ข้ามพ้นความขัดแย้ง

    .

    --Trace Memory...Trace Fantasy--

    To be continued...Final Fantasy V - เจตจำนง ณ รุ่งอรุณแห่งการสืบทอด

    .
  15. tales

    tales อัครเทวดาแมวเหมียว

    EXP:
    546
    ถูกใจที่ได้รับ:
    6
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    ภาคนี้ มาได้จังหวะจริงๆ

    เขียนดีเสียจน ผมอ่านไป กัดกรามตัวเองกรอดๆด้วยความทึ่งเป็นที่สุด

    บรรยายสำนวนได้เร้าอารมณ์ขนาดนี้ น่าขึ้นเทียบไว้ในหน้าแรก หรือลงวิกิสักแห่งนะครับ
  16. mogca

    mogca モーグリ:零式

    EXP:
    3,681
    ถูกใจที่ได้รับ:
    44
    คะแนน Trophy:
    98
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    ความจุของบทความมากขึ้นตามแพลตฟอร์มที่เปลี่ยนไป!!

    นิ้งมากจริงๆครับปัด...ขออนุญาตเซฟไว้อ่านในเครื่องด้วยนะ
  17. sorakung

    sorakung New Member

    EXP:
    16
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    ขออนุญาติเซฟเก็บไว้ในเครื่องด้วยนะครับ หายากจริงๆ

    เออ...ถ้าสตาฟหรือทีมงานเจอก็มา Sticky ติดหนึบไว้ก็ดีนะครับ ผมไม่อยากให้บทความดีๆแบบนี้ ค่อยๆลงไปข้างล่างอ่ะครับ

    ยังไงลองพิจารณาดูนะครับ ..
  18. shinya

    shinya Active Member

    EXP:
    625
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    ภาคนี้อ่านไปลุ้นไปมากมาย=[]=

    บรรยายได้ดีมากเลยค่ะหมอปัด^^b บางช่วงอ่านถึงกับแอบขนลุกตามเลยทีเดียว

    เห็นด้วยที่ว่าพอตัดระบบจ๊อบออกไป ทำให้เราสัมผัสถึงตัวละครนั้นๆได้ดีขึ้นจริงๆ ต่างคนต่างมีเอกลักษณ์ของตัวเองที่จับต้องได้
    ว่าแล้วก็รอเกมออกใจจดใจจ่อค่ะ คราวนี้จะได้เล่นรู้เรื่องซะที(เตรียมเปิดดิคไปด้วย ฮาๆ)
  19. mogca

    mogca モーグリ:零式

    EXP:
    3,681
    ถูกใจที่ได้รับ:
    44
    คะแนน Trophy:
    98
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    ^
    ^
    เป็นเหตุผลที่ว่าผมไม่ชอบระบบจ็อบล่ะ.....ทำไม้ ทำไม คนใกล้ตัวมีแต่จะหาว่ากรูบ้า~~

    FF3 DS ยังปั่นอยู่ FF4 เป็นรายต่อไป........แล้ว FF6 advance ที่ตูเล่นค้างไว้ตอนใกล้จะบุกคอคอยเคฟก้าล่ะ?
  20. ultimaweapon

    ultimaweapon ULTIMA WEAPON

    EXP:
    4,247
    ถูกใจที่ได้รับ:
    8
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    ^ ทำพูดไปเหมือนไม่มีเวลา ทีปังย่ายังเล่นจนได้ไม้ทอง....
  21. taepoppuri

    taepoppuri Member

    EXP:
    480
    ถูกใจที่ได้รับ:
    2
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    รออ่านภาค6ค่า ยาวไม่กลัว กลัวไม่ยาว ^ ^"
    เปิดให้พ่ออ่าน (พ่อเราเคยเล่นภาค1-3ทำให้ลูกบ้าเล่นภาคต่อๆมา-*-) พ่อบอกว่าเขียนได้ฟีลมากค่า 555+
  22. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    สมาชิกใหม่ เพิ่งได้มาอ่าน อ่านแล้ว ยกนิ้วให้เลยครับ สุดยอดมากๆ
    ส่วนตัวแล้วไม่ได้เล่นไฟนอลมาตั้งแต่แรก โดยเฉพาะภาคแรกๆนี่ไม่เคยได้แตะเลย มีโอกาสได้มาอ่านความเป็นมาของแต่ละภาคอย่างนี้ก็ถือเป็นบุญแล้วครับ ตอนนี้ก็กำลังติดภาค 10 งอมแงม (แม้จะยังไม่มีเครื่องเล่นก็เถอะ) แล้วก็มีโครงการจะแปลบทสนทนาของภาค 10 ในช่วงซัมเมอร์นี้เหมือนกัน (ถ้าไม่ติดปัญหาเรื่องเรียนนะครับ ปี 4 แล้ว -*-) สมาชิกท่านใดต้องการให้แปลบทสนทนาไฟนอล 10 เพื่อเผยแพร่แก่สมาชิกท่านอื่นๆ P.M. มาได้เลยครับ

    กระทู้นี้สมควรแก่การปักหมุด ให้อยู่หน้าแรก อย่าให้มันตกหายไปไหนเลยครับ

    [action]ใครสาวกไฟนอล 10 คุยกันหลังไมค์ได้จ้า[/action]
  23. pop30711

    pop30711 New Member

    EXP:
    1,155
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    รออ่านภาค 6 นะครับ ยาวไม่เป็นไร อ่านได้เสมอครับ

    ชอบ...
  24. zieghart

    zieghart New Member

    EXP:
    351
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    .
    กระทู้โดนดันขึ้นมา ผมเลยนึกได้ครับ...ว่ายังไม่ได้แปะภาค 5 เลย ^^" ก็ถือโอกาส สวัสดีปีหนูเพื่อนๆเลยละกันน่อ

    บทความภาค 5 นะครับ...ยิ่งเลขภาคมากเท่าไหร่...ตัวบทความยิ่งยาวขึ้นเท่านั้น เป็นกราฟพาราโบลาทีเดียว 555 ใครที่บอกว่า อยากได้ยาวๆ รับรอง ไม่ผิดหวังแน่นอน อย่าหนีซะล่ะ หุหุ

    จบจากอันนี้ กว่าจะขึ้น FF6 คงรออีกซักพักนะครับ ติดธุระเล็กน้อย...เรื่องเรียนนั่นแล =="

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    .

    Hope gives the earth blessings, Courage lights the flames,
    Kindness makes water the source of life, Pursuit lets wisdom ride the wind.

    ~ Legend of the Void ~


    .

    [​IMG]

    Final Fantasy V - เจตจำนง ณ รุ่งอรุณแห่งการสืบทอด

    Prologue

    แต่ละหน้ากระดาษของสมุดบันทึกเล่มใหญ่ ที่ถูกเรียกว่า “ประวัติศาสตร์” นั้น ต่างสะท้อนให้เห็นถึงวัฎจักรอันจริงแท้ของเหล่ามนุษย์...มีเกิด มีดับ หมุนเวียนไปตามกาลเวลา...ในแต่ละช่วงอายุอันจำกัดนั้น คนหลายผู้ สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของตัวเองได้เป็นผลสำเร็จ...ในขณะที่อีกหลายคน ทำได้เพียงโอบกอดเจตจำนงที่ยังไม่ลุล่วงของตนไว้...ตราบจนวินาทีสุดท้าย

    กว่าพันปีก่อนหน้ายุคปัจจุบัน จอมมารผู้ทรงพลานุภาพนาม เอนูโอ (Enuo) ได้ใช้เวทย์มนตร์อันมหาศาลของตน สร้างสิ่งที่น่าพรั่นพรึงที่สุดในประวิติศาสตร์ของมนุษยชาติขึ้น...นามนั้นคือ “ The Void “ มหาเวทย์แห่งความว่างเปล่า…เวทย์ต้องห้ามอันยิ่งใหญ่ ที่พร้อมจะดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่าง...ไม่เว้นแม้แต่ตัวมันเอง เข้าสู่ห้วงมิติที่แสนเวิ้งว้างและไกลโพ้น…สู่มิติที่ที่ไม่มีทั้งการก่อกำเนิด และไม่มีทั้งการดับสูญ...

    เพียงแค่”การมีอยู่” ของมัน ก็เพียงพอที่จะคุกคามวัฎจักรแห่งชีวิต...เหล่าผู้กล้าในยุคนั้น ได้ร่วมแรงร่วมใจกัน ใช้ “อาวุธในตำนานทั้ง 12“ ปราบเอนูโอลงได้เป็นผลสำเร็จ

    ความปรารถนาที่จะส่งทุกสิ่งทุกอย่างกลับสู่ความว่างเปล่า เป็นอันต้องจบสิ้นไป พร้อมๆกับจอมเวทย์ผู้ชั่วช้า…ทว่า...มหาเวทย์แห่งความว่างเปล่าที่ถูกสร้างขึ้นนั้น กลับไม่มีสิ่งใดทำลายมันลงได้เลย...ทางเลือกสุดท้ายของเหล่าผู้กล้า ก็คือการเดิมพันโดยใช้ชะตาของ “โลก” ทั้งใบ เพื่อแลกกับการ “ผนึก” สิ่งนั้นเสีย

    พวกเขาและเธอ ตัดสินในกระทำการใหญ่ โดยทำการแบ่งขุมพลังที่ควบคุมโลกทั้งใบ...ขุมพลังบริสุทธิ์แห่งธรรมชาติ ซึ่งอยู่ในรูปของ “คริสตัล"” พิสุทธิ์ทั้งสี่ ออกเป็นสองชุดด้วยกัน...พร้อมกันนั้นเอง...ผืนแผ่นดินที่เคยเชื่อมต่อ ก็เริ่มปริออก...ท้องทะเลก็เริ่มแบ่งแยก...แม้สายลม ก็ราวกับจะถูกกั้นห่างด้วยกำแพงที่มองไม่เห็น

    ...โลกดั้งเดิม พลันแยกออกเป็นสองใบในบัดดล !!

    โลกใบแรก และโลกใบที่สอง ถูกตัดขาดจากกันและกัน หมุนห่างไปตามวงโคจรของตนเอง...และได้ก่อเกิดเป็นบริเวณกึ่งกลาง ซึ่งถูกขนานนามว่า “ช่องว่างระหว่างมิติ “ (Cleft of Dimension ) ที่ซึ่งไร้ทางเข้าและทางออก ที่ซึ่งราวกับเวลาจะหยุดนิ่งลง...หากจะมีซักแห่งหนใด ที่มหาเวทย์ต้องห้ามจะถูกผนึกไว้...ก็คงไม่มีสถานที่ไหน จะเหมาะสมไปกว่าที่แห่งนี้อีกแล้ว...

    ...กาลเวลาผ่านพ้นไป ความหวาดกลัวก็เริ่มจางหาย...แล้วในที่สุด แม้แต่คำบอกเล่าถึงจุดกำเนิดของโลกทั้งสองใบนี้ ก็ได้ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา...

    [​IMG]

    The most Disgusting Soul ever

    ณ โลกใบแรก เมื่อ 300 ปีก่อน…หายนะครั้งใหม่ก็ได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อจิตวิญญาณชั่วร้ายของปีศาจนับร้อยนับพัน ซึ่งสั่งสมอยู่ที่ใจกลางป่าศักดิ์สิทธิ์แห่งมัวร์...ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น ‘ จิต ’ เหล่านั้น ก็ก่อเกิดเป็น ‘ ชีวิต ’ ที่มีรูปร่าง มีสติปัญญา และเต็มไปด้วยความชั่วร้าย...นามว่า จอมเวทย์ ExDeath

    ก่อนที่ก้อนรวมแห่งความชั่วร้ายนั้น จะทันกระทำการใด...นักปราชญ์กิโด ผู้ยิ่งใหญ่ ก็ได้ใช้พลังแห่งคริสตัลทั้ง 4 ทำการผนึก Exdeath ไว้กลางป่าศักดิ์สิทธิ์แห่งมัวร์ลงจนได้...อย่างน้อยก็ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

    หน้าประวัติศาสตร์ พลิกไล่มาจนถึงช่วงเวลา 30 ปีก่อนยุคปัจจุบัน เมื่อพลังของคริสตัลในโลกใบแรกนั้น เริ่มอ่อนลง จอมเวทย์ตัวร้ายก็หลุดรอดออกมาได้อีกครั้ง และมุ่งตรงไปยังโลกใบที่สองโดยมิรอช้า...ทว่า 4 นักรบผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคนี้ ซึ่งถูกขนานนามว่า “นักรบแห่งรุ่งอรุณ” ( Warrior of Dawn ) ก็ได้ใช้อุกกาบาตยักษ์ เป็นพาหนะไล่ตามมาถึงโลกใบที่สองนั้น และจัดการล้ม Exdeath ลงได้อีกครั้งหนึ่ง !!

    ...ทั้งหมดใช้พลังของคริสตัลทั้ง 4 ของโลกใบที่สอง ในการผนึกจอมเวทย์ตัวร้ายไว้ที่โลกใบนั้น...แต่ดอร์แกน หนึ่งในนักรบแห่งรุ่งอรุณ กลับรู้สึกผิดอย่างมาก ที่จะต้องทิ้งภาระของโลกตัวเอง ไว้กับโลกอีกใบหนึ่ง...คิดได้ดังนั้นแล้ว เขาก็ตัดสินใจที่จะลงหลักปักฐานอยู่ที่โลกใบนี้ต่อไป เพื่อเฝ้าดูให้แน่ใจว่า คริสตัลทั้ง 4 จะยังคงเปล่งประกายแสงเฉกเช่นนี้ตลอดไป...

    [​IMG]

    Beginning of the New Age

    เวลาผ่านมานานปี...แม้ยอดนักรบก็ยังต้องเวียนว่ายอยู่ในกฎแห่งธรรมชาติ..ดอร์แกนเสียชีวิตลงด้วยโรคร้าย ไม่นานนัก ก่อนจะฝากฝังลูกชายเพียงหนึ่งเดียวของเขา...บัทซ์...ให้ออกเดินทางสู่โลกกว้าง พร้อมเงี่ยหูฟังเสียงกระซิบของสายลม ที่จะนำเขาไปสู่เส้นทางที่เหมาะสม...

    ซึ่งตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา พลังแห่งธรรมชาติของ ”คริสตัล” ได้ถูกผู้คนนำมาใช้อย่างบ้าคลั่งและฟุ่มเฟือย...เมื่อคริสตัลทั้งสี่ ถูกติดตั้งด้วยเครื่องยนตร์ของซิด วิศวะกรอัจฉริยะ...พลังของมันก็ถูกแปรเปลี่ยนมาสร้างประโยชน์นานัปการให้แก่เหล่ามนุษย์ผู้โง่เขลา...ผืนดินที่แข็งแกร่ง สายน้ำที่ไหลเชี่ยว สายลมที่รุนแรง และเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ...เสียงหัวเราะของทุกคนก็ดังก้องไปทั่ว โดยหารู้ไม่ว่า จุดจบของโลกทั้งใบ กำลังจะก้าวมาถึงในไม่ช้า...

    Exdeath ซึ่งถูกผนึกอยู่ ไม่พลาดโอกาสงาม ที่พลังของคริสตัลเริ่มอ่อนแรงเช่นนี้...มันใช้อำนาจแห่งความมืด ครอบงำผู้คนมากมาย ให้เข้าหาขุมพลังอันยิ่งใหญ่แต่ละแห่ง และทำลายคริสตัลทั้งสี่ก้อนนั้นเสีย !!!

    บัทซ์ นักเดินทางหนุ่ม สัมผัสได้ถึงสายลมที่อ่อนแรงลง…จึงรีบเร่งเร้าโจโคโบะคู่ใจ ให้มุ่งหน้าไปโดยเร็ว...

    เรน่า เจ้าหญิงแห่งอาณาจักรไทคูน ด้วยความเป็นห่วงพระบิดา... จึงกระโดดขึ้นหลังมังกรบินประจำตัว ทะยานออกไปโดนพลัน...

    การัฟ หนึ่งในสี่นักรบแห่งรุ่งอรุณ ได้รับคำทำนายถึงหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น จึงรีบร้อนขับอุกกาบาตยักษ์ ข้ามมาถึงโลกอีกใบ ด้วยใจที่สั่นระทึก...

    ฟาริส โจรสลัดผู้หยิ่งทะนง เริ่มสังเกตถึงความผิดปกติเหนือน่านน้ำ จึงรีบบอกกล่าวซิลดรา มังกรวารีประจำตัว ให้รีบแหวกว่ายไปยังจุดหมาย...

    ...ความนึกคิดที่แตกต่าง กลับชักนำชายหญิงทั้งสี่ มุ่งหน้าไปสู่จุดหมายเดียวกัน...สู่จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด

    ...สู่วิหารคริสตัลแห่งสายลม...

    ...ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้านักรบแห่งโชคชะตา ก็คือเศษซากของคริสตัลที่กระจัดกระจาย และคำส่งมอบต่อพวกเขา ว่า...จุดจบกำลังใกล้เข้ามา...ชะตากรรมแบบเดียวกัน กำลังจะเกิดขึ้นกับคริสตัลที่เหลือ...ณ ตอนนี้ หน้ากระดาษว่างๆอีกหนึ่งแผ่น ได้ถูกพลิกขึ้นมา...คนทุกผู้ต่างรู้ดีว่า ถึงเวลาแล้ว ที่ตำนานหน้าใหม่กำลังจะถูกบันทึก ถึงเวลาแล้ว ที่ ”เหล่านักรบแห่งรุ่งอรุณ” รุ่นใหม่ จะเข้ามาทำให้เจตจำนงที่ยังค้างคาของเหล่านักรบแต่กาลก่อนบรรลุผล !!!

    [​IMG]

    Accomplish the Nothingness

    ด้วยพลังที่เศษซากคริสตัลถ่ายทอดให้กับเหล่านักรบทั้ง 4 ทำให้พวกเขาสามารถติดตามไล่ล่าจิตวิญญาณของ Exdeath ไปสุดหล้าฟ้าเขียว...แต่น่าเสียดาย ที่ความชั่วร้ายมักจะก้าวนำไปก่อนหนึ่งก้าวเสมอ...และแล้ว คริสตัลก้อนสุดท้ายก็แตกเป็นผุยผง...จอมมารผู้ชั่วช้า ฟื้นกลับขึ้นมาอีกครั้ง !!

    ฉากของเรื่องราว กระโดดข้ามผ่านห้วงอวกาศ ไปยังโลกอีกใบหนึ่ง...โลกใบแรกของการัฟ...ซึ่งเป็นสถานที่สถิตแห่งคริสตัลอีก 4 ก้อนที่เหลือ...ณ ที่นี้เอง ที่จุดประสงค์ของจอมมารร้ายได้ถูกเปิดเผยผ่านปากของนักปราชญ์กิโด...

    จอมมารผู้ชั่วช้านี้ ไล่ทำลายคริสตัลทั้งสองชุด เพื่อทำให้โลกทั้งสองใบที่เคยแยกจากกันเมื่อครั้งก่อน...กลับมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง เพื่อเปิดเส้นทางสู่”ช่องว่างระหว่างมิติ”ที่มันได้แต่เคยฝันถึง...

    ...สู่สถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าปีศาจเก่าแก่อันแสนชั่วร้าย
    ...สู่สถานที่ซึ่งใช้ผนึกเวทย์มนตร์ต้องห้ามแต่ครั้งโบราณ
    ...สู่สถานที่ตั้งของ...The Void...


    “ สิ่งมีชีวิตซึ่งก่อกำเนิดจากก้อนรวมของวิญญาณร้ายที่มากมายเหลือคณานัป ” ไม่ได้เป็นคำอธิบายที่เกินเลยไปซักนิด...จอมเวทย์ Exdeath ใช้เวลาไม่นานนัก ที่จะปิดฉากตำนานเก่าแก่ที่รังควาญตนมาแสนนาน...นักรบแห่งรุ่งอรุณยุคเก่า จบชีวิตลงจนหมดสิ้น...และแล้ว...คริสตัลก้อนสุดท้ายก็พินาศลง...โลกทั้งสองใบ หลอมรวมกลับเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง !! จอมเวทย์ Exdeath ได้รับมหาเวทย์แห่งความว่างเปล่าไว้ในมือในที่สุด !!

    ฝันร้ายที่ห่างหายไปกว่าศตวรรษ กำลังจะกลับคืนมา...วัฏจักรแห่งการเกิดและดับ กำลังจะถูกทำลายสิ้น...มหาอวกาศ กำลังจะถูกดูดกลืนกลับสู่ความสิ้นสูญ!!
    ณ ที่แห่งนั้น..แม้แต่เศษเสี้ยวของนิยามคำว่า”ชีวิต” ก็ไร้ซึ่งความหมายใดๆ !!

    [​IMG]
  25. zieghart

    zieghart New Member

    EXP:
    351
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ

    Behind the Cover

    Final Fantasy V – บทแห่ง ”การสืบทอด” – นั้น เป็นหนึ่งในภาคที่เรียกได้ว่า มีระบบการเล่นที่”สมบูรณ์”ที่สุด ด้วยการหยิบระบบตั้งแต่ครั้งเก่าก่อน อย่าง “การเปลี่ยนอาชีพ” มาพัฒนาให้มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมทั้งสิ้น 22 อาชีพ (ซึ่งเพิ่มเป็น 26 อาชีพในเวอร์ชันรีเมค) และมีจุดเด่น จุดด้อยของแต่ละอาชีพที่แตกต่างกันชัดเจน สามารถเปลี่ยนแปลง หรือผสมผสานกันได้อย่างอิสระแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...เรียกได้ว่า แม้ตัวละครหลักของภาค จะมีอยู่น้อยนิด เพียงแค่ 4 คน แต่การนำไอเดียเรื่องอาชีพ และความสามารถมาประยุกต์รวมกันได้ตามชอบใจ ทำให้เกิดเป็นกลุ่มปาร์ตี้ที่แตกต่างกันไปได้ มากมายหลายร้อยรูปแบบ

    แต่ละสายอาชีพ ทั้งบุ๋นและบู๊นั้น จะมีขีดความสามารถที่แยกจากกันอย่างสิ้นเชิง และจะพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านการเก็บแต้มความสามารถ(Ability point ) ที่ได้จากการปราบศัตรู...เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง นักเวทย์ก็จะใช้เวทย์ระดับที่รุนแรงมากขึ้น จอมโจรก็จะสามารถจู่โจมพร้อมกับขโมยสิ่งของ นักรบก็จะถือดาบสองมือ รึซามูไร ก็จะสามารถจัดการศัตรูทั้งกลุ่ม ได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว !!

    เมื่อไปถึงช่วงกึ่งกลางเกมส์เป็นต้นไป ความสนุกที่แท้จริงก็จะเริ่มต้นขึ้น...เมื่อผู้เล่นได้รับความสามารถในระดับที่สูงยิ่งขึ้นเรื่อยๆแล้ว ผู้เล่นก็จะสามารถนำทักษะที่ได้ ไปใช้ร่วมกับสายอาชีพอื่นๆได้อีก ทำให้เกิดกลุ่มนักรบที่มีความชำนาญที่หลากหลาย ไม่ซ้ำซาก ตามแต่ความเหมาะสมของสถานการณ์ และจินตนาการของผู้เล่น...เราจะมีนักกังฟูที่ใช้เวทย์มนตร์ดำ มีนักดนตรีที่เรียกสัตว์อสูร มีนักภูมิศาสตร์ที่ถือขวานเล่มโต มีนายพรานที่เรียกใช้พลังมังกร รึแม้แต่มีนินจาที่โจมตีได้ถึง 8 ครั้งด้วยกัน !!

    ...แม้จะมีอาชีพใหม่ 4 อาชีพ ที่ถูกเพิ่มขึ้นมาในเวอร์ชันรีเมค แต่หากจะพูดถึง”อาชีพลับ” ที่แท้จริง ก็คงหนีไม่พ้น “นักเลียนแบบ” สุดยอดอาชีพที่อยู่ในความดูแลของชายลึกลับแห่งหอคอยใต้น้ำ นามว่า “โกโก้” ซึ่งมีลักษณะพิเศษไม่เหมือนใคร และเป็นต้นแบบของอาชีพ ตัวละคร และอบิลิตี้ในภาคหลังๆ

    และที่สำคัญที่สุด Final Fantasy V นี้ ได้เปิดฉากตัวละครในตำนาน ซึ่งยังคงปรากฏโฉมในภาคหลังๆอย่างต่อเนื่อง...มือขวาสุดฮาของจอมเวทย์ตัวร้าย...นักสะสมอาวุธ ผู้ครอบครองเซตเกราะเกนจิ และใช้ดาบ Excalibur (ปลอม) ต่อกรกับเหล่านักรบแห่งรุ่งอรุณ...กระทาชาย นาย ”กิลกาเมซ” นั่นเอง อาจบอกได้ว่า สีสันของภาค 5 ไม่ว่าจะสุข จะเศร้า จะตื่นเต้น รึจะประทับใจ...เหตุผลหนึ่งก็เพราะมือขวาชุดแดงคนนี้นี่เอง...

    [​IMG]
    ..........
    ................
    .........................

    Last page’s story – Connecting the New Era

    เหล่านักรบแห่งรุ่งอรุณ ได้คลายผนึกอาวุธในตำนานทั้ง 12 ลง และบุกฝ่าฟันเข้ามาถึงใจกลางช่องว่างระหว่างมิติ จนได้มีโอกาสเผชิญหน้ากับจอมเวทย์ Exdeath ...แต่ก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มต้นขึ้น พวกเขาก็พลันถูกดูดกลืนหายไปสู่มิติที่แสนเวิ้งว้างและไกลโพ้น

    ...มหาเวทย์แห่งความว่างเปล่า กักขังเหล่าผู้กล้าไว้เป็นผลสำเร็จ !

    ...แต่ไม้แห่งโชคชะตาที่ถูกส่งมอบ ไม่ได้ไร้ความหมายถึงเพียงนั้น..พันธะหน้าที่ที่รับมอบมาจากคนรุ่นก่อน มีน้ำหนักมากกว่าจะมาจบสิ้นลงอย่างไร้ค่า ในดินแดนแห่งความสิ้นสูญนี้...เหล่านักรบแห่งรุ่งอรุณ ได้รับความช่วยเหลือจากจิตวิญญาณของผู้กล้าที่ล่วงลับ ให้กลับคืนมาสู่โลกภายนอก และโค่นล้มวิญญาณชั่วลงในที่สุด !

    จอมเวทย์ผู้ชั่วช้า รับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเรียกใช้พลังแห่ง The Void ถึงขีดสุด จนสุดท้าย ตัวมันเอง ก็กลายเป็นภาชนะที่รองรับพลังอันยิ่งใหญ่นั้น และก่อเกิดเป็นชีวิตอันสุดแสนอัปลักษณ์และทรงพลานุภาพ นาม Neo Exdeath...

    การต่อสู้ครั้งสุดท้าย ณ มิติที่แสนโดดเดี่ยว กำลังจะเริ่มต้นขึ้น...ประวัติศาสตร์ จะถูกลบหายไปพร้อมๆกับความทรงจำ หรือตำนานบทใหม่จะถูกจารึกไปพร้อมๆกับคำเล่าขาน...

    ชายหนุ่มหยิบดาบมาประคองแน่น และกระโจนเข้าใส่ปีศาจร้ายเบื้องหน้าโดยทันที !!!

    [​IMG]

    หากจะกล่าวถึงไตรภาคที่สองนี้อย่างคร่าวๆ ก็อาจบอกได้ว่า จุดขายของภาค 4 อยู่ที่เรื่อง ”เสน่ห์ตัวละคร” ที่มีเอกลักษณ์…จุดขายภาค 6 อยู่ที่ “พลอตเรื่อง” ที่ลึกซึ้งกินใจ...เช่นนั้นแล้ว ภาค 5 นี้ ก็เด่นไปที่ “ระบบการเล่น” (Gameplay) ที่เป็นต้นแบบให้กับเกมส์ภาคหลังๆที่ตามมา...ทำให้ตลอดทั้งเรื่อง ผู้เล่นจะรู้สึกสนุก ระทึก รวดเร็ว และฉับไว เป็นการดึงทั้งไหวพริบในการจัดกลุ่มนักรบ และดึงทักษะในการต่อสู้ขึ้นมาได้อย่างสูงสุด

    แน่นอนว่า เมื่อฝั่งเรามีความสามารถที่ดูไร้ขีดจำกัดนี้ ฝั่งศัตรูเองก็ใช่จะน้อยหน้า...ทั้งศัตรูตามทาง และบรรดาบอสทั้งหลาย ต่างก็มีลูกเล่นมากมาย ให้เราต้องเปลืองแรงและเปลืองสมองต่อกรอยู่ไม่น้อย และภาคนี้เอง ที่เป็นภาคแรกสุดของซีรีย์ ซึ่งเปิดตัวเหล่าศัตรูสุดโหดหิน และถูกเรียกรวมอย่างเข้าใจง่ายๆว่า “บอสลับ” นั่นเอง...ผ่านมาถึงทุกวันนี้ เครื่องจักรโบราณที่ปรากฏกายจากฟากฟ้า นาม “โอเมก้า” และ มังกรบินผู้เฝ้าดาบแรกนาร๊อคในตำนาน นาม“ชินริว” ก็ยังเป็นตัวละครในดวงใจของหลายๆคนเป็นแน่แท้

    [​IMG]

    Closing Comment

    ถ้าจะว่าไปแล้ว ไฟนอล 5 นี้ จัดเป็นภาคที่อาภัพอยู่ไม่น้อย เพราะแม้จะมีข้อดีอยู่นับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ”บรรยากาศ” แห่งการผจญภัยในโลกกว้าง ที่น้อยเกมส์นัก จะจำลองได้เหมือน (และตัวผมเอง กว่าจะได้สัมผัสอีกครั้ง ก็ยาวนานมาถึงเมื่อได้เล่น Dragon Quest 8) “ระบบการเล่น” ที่สนุกสนาน และระทึกใจ (โดยเฉพาะภาครีเมค ที่เพิ่มดันเจียนลับ และบอสลับเจ๋งๆมาให้อย่างเต็มอิ่ม) “ไอเดีย” ของปริศนา ที่เต็มไปด้วยเควสย่อยน่าสนใจมากมาย (อย่างการบุกหอคอยฟินิกซ์ 50 ชั้น /ตามล่ามนตร์น้ำเงินหายาก /ตามหาสัตว์อสูรที่กระจัดกระจายในแผนที่/ไล่เล่นเปียโนให้ครบ 8 หลัง /เทียวไปมา เติมน้ำในตะเกียงเวทย์มนตร์ ฯลฯ) รวมไปถึงการออกแบบแผนที่ของโลกทั้ง 2 อย่างชาญฉลาด ทั้งก่อน-หลังการแยกจาก และฉากเหตุการณ์ประทับใจอีกมากมาย

    ....แต่น่าเสียดาย ที่ในบ้านเรา คนที่ได้สัมผัสภาคนี้ กลับน้อยกว่าภาคอื่นๆอย่างน่าใจหาย...อาจเพราะการรีเมคเป็นภาษาอังกฤษอย่างเป็นทางการ ที่ออกมาช้าเกินไป? เพราะส่วนเนื้อเรื่อง ที่ระทึกใจสู้ภาคใกล้เคียงไม่ได้?...อันนี้ผมก็สุดจะคาดเดา
    .
    .

    ------------------------------------------------------------
    …อาจกล่าวได้ว่า มนุษย์ทุกคน ต่างมีชีวิตโดยการสร้างสรรค์ ยึดถือ และไล่ตามเจตจำนงของตนอย่างสุดความสามารถ แต่ชีวิตของเราช่างสั้นนัก ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถไปถึงเส้นชัยได้ ในเวลาอันจำกัดนั้น...บางครั้ง มันอาจจะเป็นเรื่องที่วิเศษสุด ที่เจตจำนงของตน จะถูกส่งมอบต่อไปยังผู้คนที่มีความฝันแบบเดียวกัน...และมันจะเป็นความรู้สึกที่วิเศษยิ่งกว่า ที่ไม้ที่ส่งมอบนั้น ได้เดินทางไปถึงจุดหมายในอนาคต อย่างสมบูรณ์...

    แด่การส่งมอบ ที่เชื่อมโยงหน้ากระดาษของห้วงเวลา
    .
    .

    --Trace Memory…Trace Fantasy—

    To be continued…Final Fantasy VI – ประกายไฟสงคราม กับนิยามรักที่สวนทาง

    .

Share This Page